จริงหรือมั่ว! ชัวร์หรือไม่? เช็คเลยกับ 7 สัญญาณบอกให้รู้ว่าเขาคนนี้คือคนที่ใช่

รักครั้งนี้จะจริงจังได้ไหมนะ? เขาคนนี้จะใช่จริงหรือเปล่า? คำถามเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นกับคนที่กำลังอยู่ในช่วงอินเลิฟที่กำลังจะพัฒนาความสัมพันธ์ หรือแม้กระทั่งเกิดขึ้นกับว่าที่บ่าวสาวก็มี! เพราะในช่วงระหว่างเตรียมงานแต่ง ว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวอาจจะต้องพบเจอกับแรงกดดันและความเครียดหลายด้าน บางครั้งอาจมีการกระทบกระทั่งกันบ้างจนกลายเป็นความกังวลและเกิดคำถามว่า “คนๆ นี้ใช่คนที่เราจะอยู่กับเขาไปตลอดชีวิตจริงๆ หรือ?” เพื่อ ที่จะขจัดความสงสัยที่เกิดขึ้น เรามีสัญญาณ 7 ข้อมาให้คุณได้เช็คความมั่นใจอีกครั้งว่าเขาที่คุณเลือกนั้นคือ คนที่ใช่ สำหรับคุณจริงๆ

1. เป็นตัวของตัวเองเมื่ออยู่ด้วยกัน

ถึงแม้ว่าเดทแรกๆ คุณจะยอมทำกิจกรรมที่เขาชอบและคอยตามใจเขาอยู่เสมอ แต่เมื่อเวลาผ่านไป หากคุณเลือกที่จะไปเสริมสวยมากกว่าไปนั่งดูฟุตบอลนัดสำคัญ นั่นหมายความว่าคุณจะได้แสดงตัวตนด้านที่คุณเป็นจริงๆ ถ้าเรื่องนี้ไม่ก่อให้เกิดปัญหาสำหรับคุณคู่แล้วล่ะก็ รักครั้งนี้จะยืดยาวแน่นอน

2. สบายใจที่ได้แบ่งปันสิ่งต่างๆ ให้แก่กันและกัน

การแบ่งปันที่ว่านี้ไม่ได้หมายความถึงเพียงแค่สิ่งของเท่านั้น แต่รวมไปถึงการแชร์ความรู้สึกในทุกช่วงเวลาของชีวิต แชร์ประสบการณ์ทั้งดีและร้ายให้แก่กันและกัน ในอดีตที่คุณอาจจะมีเรื่องราวบางอย่างติดค้างอยู่ในใจและไม่เคยเล่าให้ใคร ฟัง แต่ถ้าหากว่าเขาคนนั้นคือคนที่คุณกล้าเปิดใจบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ทำให้คุณดีใจ เสียใจ ร้องไห้ หรือยิ้มอย่างมีความสุข แล้วเขาพร้อมที่จะรับฟังและอยู่เคียงข้างคุณเสมอ คนนี้แหละคือคนที่คุณจะร่วมหัวจมท้ายไปด้วยกันในอนาคต

3. เราจะเติบโตไปด้วยกัน

เมื่อคุณลองจิตนาการภาพของตัวเองในอนาคตข้างหน้า ในกรอบภาพของความคิดนั้นไม่ได้มีแค่คุณเพียงคนเดียว แต่ยังมีชายอีกคนหนึ่งที่เดินเคียงข้างกันไปบนถนนที่ทอดยาว ถึงแม้ว่าเรือนผมจะมีสีขาวแซมบ้างเล็กน้อย แต่ภาพที่คุณสร้างขึ้นมากลับเต็มไปด้วยความสุข ถ้าเป็นเช่นนั้นสิ่งที่คุณตัดสินใจในวันนี้ก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว

4. พ่อและแม่ที่ดีของลูกๆ

หากว่าคุณตัดสินใจแล้วว่าจะมีเจ้าตัวน้อย คุณก็ควรเลือกแต่งงานกับคนที่รักเด็ก การได้เฝ้ามองคู่รักของคุณคลุกคลีกับเด็กๆ คงจะเป็นสิ่งที่ดูน่ารักไม่ใช่น้อย ถึงแม้ว่าเขาจะยังหวาดกลัวและดูเก้งก้างเวลาที่อุ้มเด็ก แต่ลึกๆ แล้ว คุณจะสามารถรู้ได้ทันทีว่าเขาจะเป็นพ่อและแม่ที่ดีได้ในแบบของเขาเอง

5. เลือกที่จะอยู่กับเขาเสมอ

ในบางครั้งเรื่องราวร้ายๆ หรือสถานการณ์ลำบากใจก็เกิดขึ้นแบบไม่ทันให้ตั้งตัว คนที่คุณนึกถึงคนแรกก็คือเขาคนนั้นเสมอ เขาจะเป็นคนที่ช่วยปลอบประโลมและให้กำลังใจที่ดี ทำให้คุณรู้สึกว่าเมื่อมีเขาอยู่ข้างๆ คุณจะสามารถเป็นคนที่เข้มแข็ง มีความมั่นใจและก้าวผ่านอุปสรรคต่างๆ ไปได้

6. รักโดยไม่มีเงื่อนไข

ไม่ว่าวันใดที่เกิดอารมณ์เกรี้ยวกราดเพราะความโกรธที่สุมอยู่ในใจและเผลอพูด จาร้ายๆ ออกไปจนกระทบกระทั่งกัน แต่คุณก็รับรู้ได้ว่าเขายังรักและพร้อมเข้าใจคุณอยู่เสมอถึงแม้ว่าคุณจะโมโห ร้ายใส่เขาก็ตาม

7. แม้อะไรจะเปลี่ยนไป แต่ความรู้สึกยังคงเดิม

เมื่อเวลาเปลี่ยนไป อะไรๆ ก็เปลี่ยนตาม ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างที่อวบขึ้น หรือริ้วรอยแห่งวัยที่ปรากฏ แต่หากว่าคุณมีความสุขกับสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน มองข้ามการเปลี่ยนแปลงภายนอกนั้นไป  รักในสิ่งที่เป็นจากภายใน แน่นอนว่ากาลเวลาที่ล่วงเลยจะไม่มีผลใดๆ กับความรักของคุณแน่นอน

หากใครเกิดอาการลังเลกับความรู้สึก ก็ลองเช็คความรู้สึกตาม 7 ข้อนี้อีกสักครั้งหนึ่ง เพื่อเป็นการยืนยันกับตัวเองว่า เขาหรือเธอคนนี้คือคนที่คุณเลือกไม่ผิดแน่นอน

ภาพ : stocksnap.io

อ่านบทความเพิ่มเติม

สารพัดวิธีบอกรัก ตะล่อมคนข้างกายให้พูดคำว่า ‘รัก’ ให้เราให้ได้

รักนี้ไม่มีนก! เสริมดวงความรักไปกับ 5 สถานที่ขอพรยอดนิยม

10 พฤติกรรมทำลายชีวิตคู่ รักมากแค่ไหนก็ไปไม่รอด!

จะแต่งงานต้องอ่าน! 5 เรื่องอย่ามองข้ามเพื่อปีแรกของชีวิตคู่ดีงามอย่างฝัน

เตรียมความพร้อมในปีแรกของการมี ชีวิตคู่ ไปกับแพรว wedding กันดีกว่า กับ 5 เรื่องที่สรุปมาให้แล้วว่า ถ้าคุณคือคู่แต่งงานใหม่ต้องเตรียมรับมือให้ดี แล้วชีวิตแฮปปี้ที่มีอีกคนอยู่เคียงข้างจะดีงามอย่างฝัน

1. เตรียมวิธีการจัดการกับหัวใจและพฤติกรรมของตัวเองหลังการทะเลาะทุกครั้ง

แม้จะเคยทะเลาะกันหรืองอนๆ กันมาในช่วงที่เป็นแฟนกัน แต่พอแต่งงานแล้วไม่เหมือนนะคะ เพราะความคาดหวังของความสัมพันธ์ได้รับการยกระดับไปเองโดยอัตโนมัติ แต่หลายคู่ยังคงคิดเพียงแต่ว่า ถ้าเมื่อไหร่ที่ลิ้นกับฟันกระทบกันจะคลี่คลายไปในทิศทางไหน ซึ่งสิ่งสำคัญกว่านั้นคือ การจัดการกับความรู้สึกของตัวเองที่เพิ่งผ่านความเครียดของปัญหาชีวิตคู่ รวมถึงจะวางตัวยังไงให้ไม่รู้สึกเก้อๆ งทะเลาะกันเสร็จใหม่ๆ วิตคู่ และวางตัวไม่ถูกว่าเมื่ออยู่ในบ่านียร์ปัญหาให้จบและลงตัว โดยลืมนึกไปว่า สิ่งสำเขินๆ กับอาการเหวี่ยงวีนที่เพิ่งจัดเต็มไปเมื่อกี้นี้ เพื่อให้หัวใจและพฤติกรรมหลังทะเลาะกันเข้าสู่โหมดหวานแหววให้ได้เร็วที่สุด

2. กลับไปเยี่ยมพ่อแม่บ่อยแค่ไหน (ค้างคืนได้ไหมอ่ะ)

ในช่วงปีแรกของการแต่งงาน จัดว่าเป็นช่วงของการปรับตัวระหว่างคนสองคนก็จริง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณจะละทิ้งครอบครัวของคุณไปเลยนี่นา สิ่งที่คุณควรตกลงกันให้ได้ก็คือ ในช่วงปีแรกที่แต่งงานจะกลับไปเยี่ยมที่บ้านบ่อยแค่ไหน และเวลาไป คุณประสงค์อยากไปค้างกับท่านให้หายคิดถึงไหม ซึ่งถ้าไป แล้วอีกคนต้องไปด้วยไหม อันนี้ต้องเครียดให้ชัดนะคะ

3. ต้องแพ็กคู่เสมอไหมถ้าออกงานสังคมและสังสรรค์กับเพื่อนฝูง

จริงอยู่ที่ความเป็นคู่รักข้าวใหม่ปลามันส่วนใหญ่มักออกงานด้วยกันเสมอๆ ในฐานะสามีภรรยา อย่างเวลาไปร่วมงานแต่งก็ใส่ซองเดียวกันบ่งบอกความเป็นครอบครัวอะไรแบบนั้น แต่ในกรณีที่พบปะเพื่อนฝูงละ คุณต้องไปแบบแพ็กคู่ด้วยหรือเปล่า อย่าลืมว่าบางทีอีกฝ่ายอาจจะอยากลัลลาเหมือนสมัยยังโสดหรือยังไม่แต่งงาน คุณโอเคไหม ดังนั้นเรื่องนี้ คุยกันให้ดีๆ จะได้ไม่มีปัญหาเรื่องความระแวงตามมา

4. ตอบยังไงดีถ้าบุตรธิดายังไม่มาจุติ

คำถามยอดฮิตของคู่แต่งงานที่มักจะต้องตอบคือเรื่องลูกค่ะ ต่อให้คุณเพิ่งเข้าหอไปได้แค่เดือนเดียว คำถามนี้ก็ต้องเกิดขึ้นเมื่อเจอคนรู้จัก โดยเฉพาะคนที่ไปร่วมงานแต่งงานของพวกคุณ ซึ่งถ้ายังไม่พร้อมจะมี ก็ลองเตรียมคำตอบในทิศทางเดียวกันไว้บ้าง อย่างน้อยๆ ถือเป็นการเช็คความคิดเรื่องลูกไปในตัวว่าต่างฝ่ายคิดเห็นในเรื่องนี้แบบไหน เมื่อโดนยิงคำถามจะได้สบายใจจะตอบในแบบที่เข้าใจตรงกัน

ชีวิตคู่

5. วันหยุดยาวใกล้เข้ามาแล้ว เราจะไปเที่ยวกันแบบไหนดี

ไม่เหมือนกันหรอกนะคะ เรื่องเที่ยวในช่วงก่อนแต่งงานและหลังแต่งงาน เพราะอย่าลืมว่าเมื่อก่อนการไปเที่ยวของคุณอาจมีรูปแบบการเลือกที่เที่ยวหรือการใช้จ่ายเงินแบบหนึ่ง แต่เมื่อเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว คุณยังยืนยันทำแบบเดิมหรือปรับเปลี่ยนอะไรบ้างไหม อย่างเช่นเมื่อก่อนคนละกระเป๋า แต่แต่งงานแล้วรวมเงินกัน ดังนั้นการไปเที่ยวต้องปรับรูปแบบแน่นอน ซึ่งในปีแรกที่อาจจะยังไม่ชินกับสิ่งที่เปลี่ยน แต่ก็อยากเที่ยวเพราะหยุดยาวขนาดนี้ ดังนั้นก็คุยกันให้ดีๆ แล้วเที่ยวหวานๆ ในปีแรกของการแต่งงานจะเลอค่าน่าจดจำ

เรื่อง : ดอกปีบ
ภาพ : inovasee.com, dugun.com

อ่านบทความเพิ่มเติม

เคล็ดลับรักทางไกล รักยังไงให้แฮปปี้ ถึงไกลแค่ไหนรักยังอยู่ดี

10 ขั้นตอนสู่ภารกิจขอสาวแต่งงาน แค่ทำตามนี้เธอก็พร้อมเซย์เยส

เคล็ดลับเสริมเฮง ทำบุญเสริมรัก แบบนี้สิ รับรองแม่สามีทั้งรักทั้งหลงชัวร์

มิกซ์ให้แมทช์ทรงผมเจ้าสาวกับชุดแต่งงานในฝัน สวยเป๊ะทุกองศา

ขั้นตอนแรกของการเลือกลุคเจ้าสาวให้สวยเป๊ะ คือการมองหาชุดแต่งงานในฝันที่ตรงสเป็ค หลังจากที่ได้ชุดในดวงใจมาแล้ว สิ่งต่อไปที่สาวๆ จะต้องทำก็คือเลือกทรงผม และเมคอัพให้เข้ากัน ซึ่งการแต่งหน้าไม่ใช่ปัญหา จะมาติดก็ตรง ทรงผมเจ้าสาว เนี่ยล่ะ ที่หลายคนก็นึกไม่ออกว่าจะทำทรงไหนดีถึงจะเข้ากับชุดแต่งงาน วันนี้เรามีเทคนิคเลือกทรงผมที่เข้ากับชุดเจ้าสาวมาฝาก

ชุดเปิดหลัง

ทรงผมเจ้าสาว

ชุดแบบเปิดหลังที่สาวๆ หลายคนชอบกันจะให้มาทำผมปล่อยสยายปกปิดแผ่นหลังและดีเทลชุดได้ยังไง แน่นอนว่าชุดแบบนี้ทรงผมต้องมวย เพื่อเปิดหลังสวยๆ แต่ถ้ารู้สึกว่าผมเกล้ามวยจะทางการเกินไป อาจจะเป็นปล่อยยาวแต่ต้องเบี่ยงไปข้างหน้าที่ด้านใดด้านหนึ่ง ส่วนสาวๆ ที่อยากได้ลุคเฉียบคมจะทำทรงห้างม้าต่ำปล่อยตรงๆ ยาวๆ ก็สวยดีนะ ใช้ปลายผมเป็นจุดเรียกสายตาได้ด้วย

ชุดเกาะอก

ทรงผมเจ้าสาว

ชุดแต่งงานทรงยอดนิยมตลอดกาลสำหรับคุณเจ้าสาวทั้งหลาย เป็นชุดแต่งงานที่เข้าได้กับทุกๆ สถานการณ์ และที่สำคัญคือชุดแบบนี้สามารถเข้าได้กับทรงผมทุกแบบ! ไม่ว่าจะเป็นเก็บรวบทั้งหมด หรือปล่อยยาว จะผมสั้น ผมยาว รอดทุกทรง สำหรับชุดเจ้าสาวเกาะอกนี้

 

ชุดกระโปรงบาน

ทรงผมเจ้าสาว

ชุดกระโปรงบานสไตล์เจ้าหญิง เป็นชุดที่ดีเทลเยอะ ถ้าหากเลือกทรงผมที่มีความเยอะสิ่งก็จะยิ่งทำให้ดูเยอะไปซะหมด ทรงผมที่เข้าทางกับชุดแบบนี้จึงเป็นทรงสบาย ง่ายๆ มีความใสๆ ในลุคแบบเจ้าหญิงวัยแรกแย้ม ดูฟุ้งนิดๆ จะดีมาก เพื่อไม่ให้ดูทางการเกินไป

 

ชุดแต่งงานเรียบง่าย

ชุดแต่งงานที่เรียบง่าย มีความสบายๆ ทรงผมก็ต้องจัดเต็มนิดหน่อยด้วยเครื่องประดับอย่างที่คาดผม หรือกิ๊ฟ ส่วนผมนั้นก็สามารถทำได้ทั้งปล่อยยาว หรือจะรวบขึ้นก็ได้ แต่ก็ขอให้เน้นเป็นทรงผมที่มีความสบายเข้ากับชุด ยิ่งถ้าได้เป็นทรงดัดลอน จะยิ่งน่ารักมากๆ

 

ชุดแต่งงานสไตล์โบฮีเมียน

ชุดแต่งงานสไตล์โบโฮ เป็นชุดแต่งงานอีกแบบที่ได้รับความนิยมสูง เนื่องจากความสบายของตัวชุด ทรงผมเจ้าสาวจึงมักปล่อยยาวไปตามทรงของชุดที่ทิ้งตัวลงแนบไปกับรูปร่าง แต่อาจเพิ่มดีเทลด้วยเปียคาดผม แล้วแซมด้วยดอกไม้ หรือมงกุฎดอกไม้ที่เน้นความน่ารักอ่อนหวาน

ภาพ pinterest

อ่านบทความเพิ่มเติม

รวม 20 แบบ ผมเจ้าสาว เกล้ามวย สำหรับเจ้าสาวทุกลุคแบบจัดเต็ม!

เผยความออร่าด้วย 5 สมูทตี้ผิวสวยทำเองได้แถมดื่มง่ายด้วย

5 วิธีช่วยว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวคลายเครียดจากการเตรียมงานแต่ง

4 ทริคมิกซ์แอนด์แมตช์ ชุดไปงานแต่ง แบบไทยง่ายๆ ใครก็ทำได้

ชุดไปงานแต่ง สากลว่ายากแล้ว แต่จะแต่งชุดไปงานแต่งไทยนี่สิที่ยากกว่า!!

หากคุณได้รับเชิญไปงานแต่งงานแบบไทย การหาเสื้อผ้าที่เข้ากับธีมงานคงเป็นโจทย์ยากสำหรับสาวๆ ยุคนี้พอสมควร แต่ตอนนี้หายห่วงได้แล้วค่ะ เพราะเราทำสรุปทริคง่ายๆ ในการมิกแอนด์แมกซ์ ชุดไปงานแต่ง ทั้งเสื้อผ้าและเครื่องประดับให้ดูเก๋ทันสมัย แต่เข้ากับคอนเซ็ปต์งานแต่งไทยได้ง่ายๆ มาฝากกัน

ผ้าไทยกับลูกไม้

ลูกไม้

ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าผ้าลูกไม้สามารถเข้าไปมีส่วนร่วมกับผ้าทุกประเภทได้อย่างกลมกลืนและสวยงาม โดยเฉพาะกับการใช้เป็นเสื้อผ้าสำหรับไปร่วมงานแต่งงานตามประเพณีไทย เพราะด้วยลวดลายของลูกไม้ที่มีลักษณะอ่อนช้อย จึงให้ความรู้สึกนุ่มนวล อ่อนหวานและมีเสน่ห์ จึงเหมาะที่จะสวมใส่ไปงานแต่งงานในบรรยากาศไทยๆ

ส่วนถ้าสาวๆ อยากใส่ไอเดียผ้าลูกไม้กับเสื้อผ้า ขอแนะนำให้ลองหยิบผ้าลูกไม้ซักผืนที่มีลวดลายถูกใจมาตัดเย็บเป็นเสื้อใส่คู่กับกระโปรงสีสดใส จากนั้นเพิ่มความน่าสนใจอีกหน่อยด้วยการเติมระบายลูกไม้ที่เอวหรือเพิ่มรายละเอียดบริเวณแขนอีกนิด รับรองเก๋ไก๋แบบซ่อนหวานแน่นอน แต่ถ้าสาวไหนอยากใส่เป็นเดรสสำเร็จในชุดเดียว ก็แค่นำผ้าลูกไม้ชิ้นที่ชอบมาให้ดีไซเนอร์คู่ใจออกแบบให้เข้ากับรูปร่าง รับรองได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นเดรสลูกไม้แบบสั้นแบบยาวก็สวยงามและได้กลิ่นอายความเป็นไทยเข้ากับงานแต่งแน่นอนค่ะ

เสื้อสากลกับผ้าสไบแบบไทย

ชุดไปงานแต่ง

ผ้าสไบใส่แล้วงามอย่างไทยก็จริง แต่ถ้าเห็นว่าเจ้าสาวใส่สไบสวยๆ ไปแล้ว แขกอย่างเราๆ ก็อย่าได้ขโมยซีนนางเลยค่ะ แต่สานฝันความหวานแบบไทยๆ ด้วยการหยิบเอาลักษณะการห่มสไบมาประยุกต์ตัดเป็นเสื้อไหล่เฉียงแทน โดยเลือกผ้าไหมหรือผ้าลูกไม้มาตัดเย็บ ให้ช่างจับเดรฟเพิ่มรายละเอียดสักหน่อย แค่นี้ก็จะได้กลิ่นอายของผ้าไทยที่มีความเป็นสากลอยู่ในตัวแบบไม่ขโมยซีนเจ้าสาวค่ะ

กระโปรงงานไทยใช้ผ้าทอ

ผ้าไทย

มาถึงช่วงล่างกันบ้างนะคะ ถ้าอยากมีใส่กลิ่นอายความเป็นไทยเพิ่มอีกนิดละก็ ขอให้นึกถึงผ้าทอของคนไทยในภาคต่างๆ ดู ถ้าคุณหลงใหลในกลิ่นอายสาวเหนือต้องไม่ลืมหยิบผ้าซิ่นทอลายมาใช้งาน หรือจะเป็นผ้าฝ้ายถักพร้อมกับเพิ่มลวดลายปักสีสันต่างๆ สไตล์สาวเหนือ แต่ถ้าใครชอบความหรูหราอลังการต้องของภาคกลาง กับผ้าไหมที่ถักทอออกมาเห็นความวาวของเนื้อผ้า แค่ตัดเย็บเป็นเสื้อพอดีตัวก็ไฮโซโก้เก๋ได้แล้วค่ะ

นอกจากนี้ยังมีผ้าทอทางอีสานที่ส่วนใหญ่ใช้เทคนิกการนำเส้นด้ายหรือเส้นไหมมาย้อมให้เป็นสีต่างๆ แล้วนำไปทอขึ้นลายเลขาคณิตหรือดอกไม้ตามความนิยมของท้องถิ่นนั้นๆ แต่ไม่ว่าจะเป็นผ้าทอภาคไหนก็สามารถนำผ้าไทยมาดัดแปลงเป็นกระโปรงหรือกางเกงตัวสวยคู่กับเสื้อฝีมือปราณีตและใส่ไปในงานแต่ไทยได้ไม่แพ้ชุดแบรนด์เนมไหนๆ

เครื่องประดับขาดไม่ได้

ชุดไปงานแต่ง

ชุดปังเครื่องประดับก็ต้องปังซิคะ เห็นใส่ชุดไทยขนาดนี้เครื่องประดับที่คุณเลือกก็ต้องเลอค่าไม่แพ้กัน แต่ด้วยความที่เป็นงานไทยๆ จะให้ใส่เครื่องประดับตัวเรือนทองคำขาวก็คงไม่เข้าเท่าไหร่ ขอแนะนำให้เลือกเครื่องประดับที่มีตัวเรือนทองคำหรือทองชมพูจะเหมาะกว่า หรือจะเป็นสร้อยมุกสีขาวบริสุทธิ์ก็ใช้ได้ดีไม่แพ้กัน  แต่ที่ขาดไม่ได้คือ สำหรับงานสไตล์ไทยๆ ในยุคนี้คือ การหยิบเข็มขัดทองมาคาดเอว จะขอหยิบคุณย่าคุณยายมาคาดไปงานหรือจะเลือกแบบโมเดิร์นทันสมัยไม่ว่ากัน ขอให้ทองเข้าไว้รับรองรอดและปังแน่!!

อ่านครบจบทั้ง 4 ข้อแล้ว สาวๆ คงเริ่มมีไอเดียในการแต่งตัวไปงานไทยกันมากขึ้นแล้วนะคะ ส่วนถ้าใครอยากเห็นภาพชุดสวยใส่ไปงานมากกว่านี้ เลื่อนเม้าส์ลงไปดูภาพด้านล่างได้เลยค่ะ

ขอบคุณภาพสวยๆ : Buddy’s Wedding, www.jakawin.com
ภาพเปิด : smallroom studio

อ่านบทความเพิ่มเติม

4 ลุค ชุดเพื่อนเจ้าสาวชุดไทยยอดนิยม พร้อมเทคนิคใส่ยังไงให้สวย

เช็กลิสต์สำคัญ! ก่อนตัดสินใจเลือกชุดเพื่อนเจ้าสาวให้สวยปังยกทีม

มาฟังคำแนะนำจากกูรูว่าเลือกชุดไทยเพื่อนเจ้าสาว อย่างไรให้สวยปังไม่แย่งซีน

6 วิธีง่ายๆ ที่จะช่วยศึกษาดูใจ ทำความรู้จักกับคนรักของคุณให้มากขึ้น

จุดเริ่มต้นของความรักคือ การเริ่ม ทำความรู้จัก และ ศึกษาดูใจ กับคนคนนั้น

คนสองคนต่างมารวมตัวกัน แบ่งปันความสุขจนกลายเป็นความผูกพันและใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันในที่สุด งานแต่งงานอาจเกิดขึ้นหลังจากหลายปีที่มีการเดท ศึกษาดูใจ หรือบางคู่อาจเกิดขึ้นเร็วจนไม่ทันตั้งตัว อย่างไรก็ตามระยะเวลาที่คุณได้รู้จักกับคู่แต่งงานของคุณ มันอาจยังไม่เพียงพอที่คุณจะได้ทำความรู้จักกับเขาหรือเธอมากยิ่งขึ้น การที่คุณจะได้ทำความรู้จักกับคนรักของคุณอย่างลึกซึ้งไม่ใช่เป็นสิ่งที่ดูก้าวก่ายเขาเลยนะคะ แต่กลับกันมันเป็นเรื่องที่ดีมากเลยต่างหาก เพราะมันจะช่วยรักษาความโรแมนติกของชีวิตคู่ไว้ได้ แต่คุณจะมั่นใจได้แค่ไหนว่าคุณรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวตนของเขาเป็นอย่างดีแล้ว? แพรว wedding เลยมีทริคง่ายๆ ที่จะทำให้คุณมั่นใจได้ว่า ฉันเลือกคนไม่ผิดจริงๆ 🙂 มาฝาก

1. คุณต้องรู้ความสนใจ และสิ่งที่เขาไม่ชอบ

คอยสังเกตจากชีวิตประจำวันว่าเขาดูมีความสนใจในเรื่องอะไร และคุณอาจจะเลือกทำกิจกรรมนั้นร่วมกับเขาก็ยิ่งจะช่วยให้เขารู้สึกเป็นกันเองกับคุณมากยิ่งขึ้น ลดช่องว่างระหว่างความสัมพันธ์ลง เช่น คนรักของคุณอาจจะชอบฟุตบอลเอามากๆ ในวันไหนที่มีถ่ายทอดสดฟุตบอล คุณก็อาจจะเนียนๆ ขอเขาเข้าร่วมดูด้วย ดีกว่าการที่คุณไปห้ามเขาเยอะเลยล่ะค่ะ เรียกว่าเป็นการช่วยกระชับความสัมพันธ์ของคุณได้ดีเลยทีเดียว การที่คุณรู้เกี่ยวกับความสนใจของเขา รู้ว่าเขาชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ก็แสดงถึงความเอาใจใส่ ความรู้ใจก็ยิ่งทำให้ชีวิตคู่ง่ายขึ้น และความชอบของแต่ละคนก็ยังเป็นตัวช่วยในการบ่งบอกรสนิยมได้อีกด้วยน้า

2. พูดคุยกับแม่ของเขา

ผู้เป็นแม่คือขุมทรัพย์ในการเก็บข้อมูลเลยแหละค่ะ ดีไม่น้อยถ้าแม่ของเขาบอกคุณเกี่ยวกับฝันหวานในวัยเด็ก แรงบันดาลใจ รวมถึงอาหารจานโปรดของเขาที่คุณอาจจะเลือกทำเป็นเมนูพิเศษในวันพิเศษด้วยตัวคุณเอง ช่วยสร้างความประทับใจได้อย่างแน่นอน นอกจากนี้การที่คุณพูดคุยกับแม่ของเขา สนิทสนมกันเป็นอย่างดี คนรักของคุณก็ยิ่งอุ่นใจมากขึ้น เพราะวัฒนธรรมของคนเอเชีย ความรักไม่ใช่แค่เรื่องของคนสองคนเท่านั้น ครอบครัวก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่คุณต้องเข้าหาพวกเขาด้วย แล้วยิ่งคุณแสดงถึงความเอาใจใส่ลูกชายหรือลูกสาวท่านมากเท่าไหร่ ด้วยวิธีการถามให้ท่านช่วยเล่าเรื่องที่เกี่ยวกับคนรักของคุณ เท่านี้คุณก็อาจจะได้ใจแม่ของเขาไปเลยก็ได้ค่ะ

3. เป็นมิตรกับเพื่อนของเขา

บางครั้งกลุ่มเพื่อนก็อาจจะเป็นภาพสะท้อนในตัวเขานะคะ เพราะคนส่วนใหญ่มักจะคบเพื่อนที่มีความชอบหรืออะไรคล้ายๆ กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่เพื่อนผู้ชายที่มีอุดมการณ์เดียวกัน ถ้าคุณมีข้อตกลงที่ดี มีการวางตัวดีในหมู่เพื่อนของเขา ไม่แน่นะพวกเขาอาจจะช่วยให้คุณได้ใกล้ชิดกับคนรักของคุณมากยิ่งขึ้น อย่างเช่น ถ้าช่วงไหนเพื่อนของเขารู้สึกว่าคนรักของคุณติดพวกเขามากไป มาร่วมสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อนบ่อย พวกเขาก็จะช่วยเตือนสติคนรักของคุณให้ใช้เวลากับคุณบ้าง เป็นเรื่องที่ดีนะคะถ้าคุณจะเริ่มตีสนิทกับกลุ่มเพื่อนของคนรักตั้งแต่ตอนนี้

ทำความรู้จัก

4. ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน

การทำความรู้จักที่ดีที่สุดคือการได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันค่ะ บางคู่อาจจะเลือกวิธีการจัดทริปท่องเที่ยวสักสัปดาห์ เพื่อใช้เวลาอยู่ด้วยกัน พูดคุยแลกเปลี่ยนทัศนคติซึ่งกันและกัน ทีนี้แหละคุณก็จะรู้แล้วว่าอะไรจะเป็นปัญหาในการใช้ชีวิตคู่ในอนาคต แล้วคุณทั้งคู่ก็จะมีเวลาที่จะเริ่มปรับจูนสิ่งเหล่านั้นให้เข้ากันก่อนวันลั่นระฆังวิวาห์นั่นเอง

5. หางานอดิเรกที่คุณทั้งคู่ชื่นชอบ

คุณอาจจะมีความสนใจในบางสิ่งบางอย่างที่เหมือนกันกับเขา จงใช้สิ่งนั้นเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเขาซะ แค่คุณและเขาเริ่มทำสิ่งต่างๆ ร่วมกัน ก็จะทำให้คุณได้รับข้อมูลเชิงลึกใหม่ๆ ของกันและกันอยู่เสมอ เช่น คนรักของคุณอาจจะมีปัญหาในที่ทำงาน แต่ไม่กล้าที่จะเล่าให้คุณฟัง เพราะกลัวคุณจะเครียดไปด้วย คุณอาจจะลองชวนเขาไปข้างนอกทำกิจกรรมที่คุณทั้งคู่ชื่นชอบ ก็จะช่วยคลายความเครียด คนรักของคุณก็อาจกล้าที่จะระบายปัญหาที่เขาพบ ในระหว่างที่พวกคุณทำกิจกรรมและพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวต่างๆ ผ่านการทำกิจกรรมที่ชื่นชอบ

6. ไม่จำเป็นต้องเจอกันทุกวันเสมอไป

ลองเว้นระห่างออกมาเพื่อให้ได้คิดถึงกันบ้าง ความคิดถึงจะนำไปสู่การรู้ใจของตัวคุณเอง ยิ่งถ้าคุณแทบไม่มีโอกาสได้เจอกันเลย คนที่รักกันก็จะยิ่งคิดถึงกันมากกกเลยค่ะ แต่บางคนที่ยังไม่รู้ใจตัวเองดีพอ ความห่างกันอาจทำให้คุณรู้สึกเฉยๆ แล้วคุณจะพบคำตอบที่ว่าจะมีเขาหรือไม่มีเขาก็ได้ ถ้าเกิดรู้สึกแบบนั้นเมื่อไหร่ให้เบรคความสัมพันธ์ครั้งนี้ในทันที ส่วนคนที่ไม่เจอกันวันหรือสองวัน แต่ก็รู้สึกว่าคิดถึงซะแล้ว เมื่อมาเจอกันทั้งสองก็ต่างมีเรื่องราวมากมายเล่าสู่กันฟัง คุณสามารถเลือกใช้ความห่างให้เป็นประโยชน์ในการเรียนรู้ความรู้สึกที่มีต่อกันก็ได้นะคะ

การที่เราจะรู้จักคนๆ หนึ่งให้ดีนั้น ต้องอาศัยความค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใช่ 1-2 วันเราจะตัดสินได้แล้วว่าเขาเป็นคนแบบไหน ของแบบนี้ต้องใช้เวลาเรียนรู้นิสัยใจคอกันไปสักระยะนะคะ

เรียบเรียงข้อมูลจาก : magforwomen.com
รูปภาพจาก : pexels.com

อ่านบทความเพิ่มเติม

คุณสมบัติผู้หญิงที่ดี กับ 9 วรรคทองสอนหญิงโสดยันออกเรือน

เคลียร์ให้ชัดกับ 4 เรื่องต้องเข้าใจถ้าริจะรักกับเหล่าพ่อม่ายแม่ม่าย

รับมือกับ 5 แม่สามีที่ลูกสะใภ้เข็ดขยาด เปลี่ยนคุณแม่ตัวเอ้ให้เป็นคุณแม่ที่แสนดี

ลุคหวานก็สวยมาก! เจนิส กับแฟชั่นชุดแต่งงานในนิตยสารแพรว wedding มิ.ย. 63

“เจนิส-เจณิสตา” นักแสดงสาวสุดแซ่บขอเปลี่ยนลุคมาอวดโฉมเป็นเจ้าสาว พร้อมสะกดทุกสายตาในชุดแต่งงานที่ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็สวย

หลายคนอาจจะคุ้นเค้ยกับบทบาทเปรี้ยวปรี๊ดกับลุคแรงๆ และเซ็กซี่นิดๆ ของสาวเจนิสจากในละครหลายต่อหลายเรื่อง นานๆ ที่จะได้เห็นเธอในลุคหวานๆ บ้างผ่านทางผลงานละครหรืออินสตาแกรม แต่แพรวเวดดิ้งอยากให้เธอหวานกว่าที่เคยเห็นด้วยการดึงเธอมาถ่ายแฟชั่น ชุดแต่งงาน ซะเลย บอกเลยว่าเห็นสาวเจนิสในลุคนี้แล้วเผลอๆ อาจจะลืมลุคแรงๆ ของเธอในละครไปเลย

ชุดแต่งงาน

ชุดแต่งงาน

ชุดแต่งงาน

เสื้อผ้า : Coco Chic Wedding
ถนนสาธุประดิษฐ์
โทร. 0-2115-8500, 09-9635-8585
เฟซบุ๊ก : Coco Chic Wedding
ไอจี : @cocochicwedding

แต่งหน้า : อาชวิน กฤติยวนิชย์ (ไอจี : @armytoast)
ทำผม : เอกพล เกียรสืบ (ไอจี : @robirt_99)
ช่างภาพ : ดวงพร ใบพลูทอง
ผู้ช่วยช่างภาพ : ชโนดม แต้ไพสิฐพงษ์
สถานที่ : KIRIN SNAP x LABS
โทร. 08-9497-8328 ซอยสุขสวัสดิ์ 40
เฟซบุ๊ก : KIRINsnapxlabs studio – สตูดิโอให้เช่า
ถ่ายภาพ แฟชั่น พรีเวดดิ้ง โฆษณา

ดูชุดแต่งงานร้าน Coco Chic Wedding เพิ่มเติม คลิกเลย!

How to ประหยัดงบค่าที่พักเพื่อจัดทริป ฮันนีมูน กินหรูอยู่สบายขึ้น

นอกจากงบการจัดงานแต่งงานที่ยากเกินควบคุมแล้วงบสำหรับจัดทริปฮันนีมูนสุดสวีทก็เช่นกัน ซึ่งหลายคู่วาดฝันทริปฮันนีมูนแสนหวานในที่พักระดับลักซ์ชัวรี่ แต่ก็ต้องยอมตัดใจด้วยงบประมาณที่แสนจะแพง อย่าเพิ่งท้อใจไปนะคะ เชื่อเถอะคู่ไหนๆ ก็สามารถไป ฮันนีมูน แบบกินหรูอยู่สบายได้ง่ายๆ เพียงแค่ทำตามวิธีดังต่อไปนี้เลยค่ะ

ฮันนีมูน

1. วางแผนให้ดี

เริ่มต้นด้วยการวางแผนล่วงหน้า หากเป็นไปได้ให้วางแผนอย่างน้อย 6-8 เดือนสำหรับทริประยะยาว ศึกษาเรื่องการเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ แหล่งท่องเที่ยวที่ไหนน่าสนใจบ้าง ร้านอาหารที่ต้องไปโดน บริการที่อยากได้สำหรับในทริปนี้ จากนั้นเลือกสถานที่ที่ทั้งคู่อยากไปแล้วเล็งที่พักดีๆ ไว้ได้เลย

2. เลือกวันจัดทริป

การท่องเที่ยวในช่วงนอกฤดูหรือช่วง Low Season อาจหมายถึงการเสี่ยงต่อสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย แต่คุณรู้หรือไม่? การท่องเที่ยวในช่วงเวลานั้นจะทำให้คุณประหยัดงบค่าที่พักได้อย่างน่าทึ่ง เนื่องจากในช่วง Low Season ไม่ค่อยได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว ตามที่พักจึงต้องมีการลดราคาค่าเข้าพักลงมาเพื่อเรียกลูกค้าให้มาพักผ่อน หากคู่ไหนไม่ซีเรียสเรื่องสภาพอากาศ พร้อมลุย หรือต้องการแค่ไปพักผ่อนในที่พักดีๆ สักแห่ง ช่วงนี้แหละเหมาะกับแพลนของคุณสุดแล้ว หรือคู่ไหนมีหน้าที่การงานที่ยืดหยุ่น ลางานได้ไร้กังวล เตรียมเคลียร์คิวให้เรียบร้อยแล้วปักหมุดเป็นวันธรรมดาได้เลย เพราะค่าที่พักจะมีราคาถูกกว่าในวันหยุดค่ะ

3. ซื้อวันเดย์ทริป

การซื้อวันเดย์ทริปที่มาพร้อมที่พัก เหมาะสำหรับคู่รักที่เน้นการเที่ยวมากกว่าการเข้าพักผ่อนตามโรงแรม เพราะที่พักสำหรับวันเดย์ทริปส่วนใหญ่ไม่ได้มีการบริการพิเศษเมื่อมากับทัวร์ มีเพียงที่พักพร้อมอาหารเช้าปกติ หากคู่รักที่มีความสนใจไปเที่ยวฮันนีมูนแบบสนุกสุดมันเราขอแนะนำให้คุณเลือกซื้อแพ็คเกจวันเดย์ทริปพร้อมที่พักจะช่วยให้คุณประหยัดขึ้นได้เยอะเลยค่ะ

4. สอบถามแพ็คเกจกับทางที่พัก

เดี๋ยวนี้โรงแรมหรือรีสอร์ทมักทำแพ็คเกจสำหรับฮันนีมูนออกมากันเป็นระยะๆ ในแพ็คเกจส่วนใหญ่จะประกอบด้วย ที่พักสำหรับ 2 ท่าน อาหารเช้า รถรับส่งสนามบิน ชุดอาหารค่ำดินเนอร์ใต้แสงเทียน ไวน์หรือแชมเปญสำหรับเลี้ยงฉลอง จัดตกแต่งเตียงให้แบบพิเศษ ผ่อนคลายด้วยการนวดสปา ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการจ่ายแบบเหมารวม เมื่อเฉลี่ยแล้วคุณจะประหยัดงบได้มากกว่าการซื้อที่พักเพียงอย่างเดียว แถมคุณจะได้รับความสะดวกสบายตลอดทริป ข้อมูลแพ็คเกจฮันนีมูนคุณสามารถหาได้จากอินเทอร์เน็ต จากนั้นให้โทรสอบถามรายละเอียดกับราคาแพ็คเกจของที่พัก และอย่าลืมสอบถามวันหมดอายุของโปรโมชั่นด้วยนะจ๊ะ

5. สมัครสมาชิก

การสมัครสมาชิกกับทางโรงแรมคุณอาจได้รับสิทธิประโยชน์พิเศษในการเข้าพัก เพียงคุณแจ้งกับทางโรงแรมว่ามาฮันนีมูนคุณก็จะได้รับบริการพิเศษสมนาคุณเพื่อคู่รักฮันนีมูนโดนเฉพาะ ในบางแห่งมอบเป็นส่วนลดพิเศษสำหรับลูกค้า ซึ่งถือเป็นหนึ่งวิธีที่ทำให้คุณได้มีเงินเหลือจัดทริปฮันนีมูนในรอบหน้าได้นะคะ

ฮันนีมูน

cr. destinationweddingmag.com, money.usnews.com, bethsbeautifulgetaways.com, paradisegetaways.net

อ่านบทความเพิ่มเติม

รู้ไว้กันงานกร่อย 6 สิ่งที่จำเป็นต้องรู้เมื่อจะเลือกสถานที่แต่งงานในต่างจังหวัด

AUBE สถานที่จัดงานแต่งงานบรรยากาศเรียบหรูเจือกลิ่นมินิมอลแบบธรรมชาติ

5 เรื่องห้ามประมาท เมื่อต้องเลือกสถานที่จัดงานแต่ง

รวม 20 แบบ ผมเจ้าสาว เกล้ามวย สำหรับเจ้าสาวทุกลุคแบบจัดเต็ม!

เซฟรูปเก็บกันให้รัวๆเลย เพราะหนึ่งในทรงผมเหล่านี้คุณจะต้องอยากได้เป็น ผมเจ้าสาว ในวันแต่งงานแน่นอน 

ผมเจ้าสาว ทรงเกล้ามวย สำหรับวันแต่งงาน เป็นอะไรที่เจ้าสาวกว่า 90% ตั้งใจจะทำอย่างแน่นอน เพราะนอกจากจะเป็นทรงที่ดูเรียบร้อย เหมาะกับทั้งชุดเจ้าสาวตามประเพณีไทยและชุดเจ้าสาวสากล ยังเป็นทรงผมที่ช่วยส่งให้เจ้าสาวดูสวยแพง เลอค่า ขึ้นมาได้ทันที แถมยังเข้ากับชุดเจ้าสาวได้ทุกแบบ แม้ว่ารายละเอียดของแบบมวยผมเจ้าสาวจะเปลี่ยนไปตามยุคสมัยและเทรนด์ แต่การเกล้าผมสำหรับเจ้าสาวก็เป็นอะไรที่ไม่เคยตกยุคเลยอยู่ดี เราก็เลยรวบรวมเอามวยผมแบบต่างๆที่เหล่าเจ้าสาวในยุคนี้ฮิตกัน มาให้ว่าที่เจ้าสาวของ แพรว เวดดิ้ง ได้เลือกดูว่าแบบไหนนะที่เหมาะกับลุคของเรามากที่สุด มาดูกันเลยดีกว่าค่ะ

 

Low Bun หรือการเกล้ามวยต่ำ

เหมาะกับเจ้าสาวที่ช่วงคอยาว ช่วยปรับสมดุลช่วงคอกับใบหน้าของเราให้ดูสมดุล และยังเหมาะกับชุดเจ้าสาวแบบเกาะอกหรือเปลือยไหล่

ผมเจ้าสาว

High Messy Bun หรือการเกล้าผมสูงแบบหลุดๆนิดๆ

ที่จริงแล้วมวยผมแบบหลุดๆ ไม่ตั้งใจ สามารถทำได้หลากหลายแบบ ทำแบบเกล้ามวยต่ำหรือถักเปียก็ได้เช่นกัน แต่เราแนะนำให้ลองแมทช์กับการเกล้ามวยสูง เพื่อช่วยลดความดูเป็นทางการของทรงผม และยังเพิ่มความน่ารัก อ่อนเยาว์ให้กับใบหน้าเจ้าสาวได้ด้วย

ผมเจ้าสาว

Ballerina Bun หรือมวยผมบัลเล่ห์

ตามชื่อเลยค่ะ เพราะได้แรงบันดาลใจมาจากทรงผมของนักบัลเล่ห์ ลักษณะคือการเกล้ามวยเรียบโก้แบบสูง เหมาะกับเจ้าสาวหน้าสวยที่ต้องการเปิดโหงวเฮ้งรับทรัพย์ในวันแต่งงาน แถมยังเป็นทรงผมที่เข้ากับชุดไทยได้ดีอีกด้วย

ผมเจ้าสาว

Bow Bun หรือมวยผมรูปโบว์

ที่โด่งดังมาจากนักร้องสาวสุดซ่าส์ เลดี้ กาก้า เหล่าว่าที่เจ้าสาวสายแบ๊วก็เลยนำมาปรับเป็นผมเจ้าสาวกันใหญ่ เหมาะกับเจ้าสาวที่ต้องการลุคสาวเกาหลีสุดน่ารัก หรือแมทช์กับชุดเจ้าสาวสายหวานแหววฟรุ้งฟริ้งค่ะ

ผมเจ้าสาว

Twisted Bun มวยผมที่ใช้การบิดหรือพันผม

มวยผมแบบนี้ดัดแปลงได้หลากหลายลุคแล้วแต่ความครีเอทของช่างผมมืออาชีพแต่ละคน เหมาะกับเจ้าสาวที่มีผมดกหนาหรือผมเส้นใหญ่ เจ้าสาวที่มีผมหยิกเป็นลอนทำทรงนี้ก็จะยิ่งดูสวยเช่นกันค่ะ

ผมเจ้าสาว

French Twist หรือมวยกล้วยหอม

มวยผมที่เราเคยเห็นตั้งแต่สมัยคุณแม่ก็ยังไม่ตกยุค ที่ว่าของชื่อนี้ก็คือรูปร่างที่ดูเหมือนกล้วยหอมนั่นเอง เราสามารถนำมาปรับให้ดูโมเดิร์นไม่เชยด้วยการเสริมเครื่องประดับผมเข้าไป และกล้วยมวยให้ดูหลุดนิดๆ ไม่เนี้ยบเกินไปค่ะ

ผมเจ้าสาว

Chic Bun หรือมวยกล้วยหอมแบบกลับหัว

อีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้มวยกล้วยหอมดูทันสมัยขึ้น สามารถแซมเครื่องประดับผมหรือดอกไม้เข้าไปเพื่อเพิ่มดีเทลให้ผมเจ้าสาวดูน่ารักน่ามองได้ หรือถ้าจะไม่ประดับอะไรเลยก็ยังดูโมเดิร์นไปอีกแบบนะคะ

ผมเจ้าสาว

Braided Bun  หรือมวยผมถักเปีย

เพิ่มดีเทลให้มวยผมธรรมดาดูน่ามองด้วยการถักเปียเพิ่มเข้าไป มวยผมทรงนี้นอกจากจะเรียบหรูดูดีแบบไม่ต้องประดับอะไรมากแล้ว ยังทำง่ายอีกต่างหาก เก็บไว้ทำเองในวันที่ต้องไปงานแต่งงานหรือเป็นเพื่อนเจ้าสาวก็ยังได้ค่ะ

ผมเจ้าสาว

Knot Bun หรือมวยผมแบบผูกเป็นปม

ดูเก๋ไก๋สไลเดอร์สุดๆ ด้วยมวยผมที่แปลงให้เหมือนการผูกผมเป็นปม มวยผมทรงนี้มีแรงบันดาลมาจากแบบผมบนรันเวย์แฟชั่นเมื่อไม่นานมานี้เองค่ะ แต่กลายเป็นว่าเมื่อนำมาทำเป็นผมเจ้าสาวแล้วดูชิคสุดๆเลยละ

ผมเจ้าสาว

Crown Braid เปียผมรอบศรีษะ

ถึงแม้ว่าจะไม่ใช้การเกล้ามวยซักทีเดียว แต่ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีสุดฮิตในการเก็บผมสำหรับวันแต่งงานให้ดูเรียบร้อยมากขึ้น และยังเหมาะกับเจ้าสาวสไตล์โบฮีเมียนที่กำลังอินเทรนด์ในตอนนี้ด้วย

ผมเจ้าสาว

Story Inspiration: Marthastewartwedding.com

อ่านบทความเพิ่มเติม

https://praewwedding.com/planning/90636

https://praewwedding.com/planning/94635

https://praewwedding.com/planning/beauty-and-wellness/108179

เปิมคัมภีร์จัดงานแต่งขนาดเล็ก ที่มีแขกเพียง 19 คน  โดย พอล ภัทรพล และ ฟอว์น ไปยดา

บ่าวสาวหลายคู่ที่อยากจะจัดงานแต่งขนาดเล็ก แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะเล็กได้แค่ไหน ลองมาดูงานแต่งของ พอล – ภัทรพล และ ฟอว์น – ไปยดา กับ งานแต่งขนาดเล็ก ที่มีแขกเพียง 19 คนเท่านั้น ทั้งคู่ทำได้อย่างไรมาดูกัน

จำนวนแขก : 19 คน

แขกภายในงานมีเพียง คุณพ่อ คุณแม่ และครอบครัวของพี่น้องแท้ๆ เพียงเท่านั้น

วันและเวลา : วันที่ 11 เดือน 11 เวลา 15.00 น

ใช้ฤกษ์สะดวก มีโจทย์ในใจคือ วันอาทิตย์ ซึ่งทุกคนว่างจากการทำงาน และเมื่อเปิดปฎิทินดูแล้ว วันอาทิตย์ที่บ่าวสาวว่างตรงกันคือวันที่ 11 จึงเลือกวันนี้เป็นวันสำคัญ

เหตุที่พิธีไม่เริ่มต้นตั้งแต่เช้าก็เพื่อความสะดวกของแขกที่จะไม่ต้องตื่นแต่เช้า และเพื่อจะได้ทานข้าวเย็นในเวลาประมาณ 17.00 น. ไม่เกิน 17.30 น. ผู้ใหญ่จะได้ไม่รู้สึกเหนื่อย พิธีจึงน่าจะเริ่มต้นขึ้นในช่วงบ่ายๆ ลงตัวที่เวลา 15.00 น. เจ้าสาวเริ่มแต่งหน้าเวลาเที่ยงกำลังดี ไม่เช้าและไม่บ่ายจนเกินไป

สถานที่ : บ้าน

ทั้งคู่เลือกจัดงานแต่งงานที่บ้านของตัวเอง ให้ความเป็นกันเอง และในเมื่อมีแขกเพียง 19 คนเท่านั้น บ้านที่สวยงามและอบอุ่น จึงเป็นสถานที่ที่เหมาะที่สุด

อาหาร : อาหารที่ไม่หวาน และเพียงพอสำหรับทุกคน ซึ่งงานนี้บ่าวสาวเลือกใช้อาหารจาก i do catering

เนื่องจากงานนี้จัดเพื่อคุณพ่อคุณแม่ เพราะฉะนั้นอาหารทั้งหมดจึงเป็นอาหารที่ไม่หวานมากและดีต่อสุขภาพ เพื่อให้คนสำคัญของงานสามารถทานได้ทุกอย่าง

ลำดับพิธีการ

  1. ผู้ใหญ่ทั้ง 2 ฝ่าย พูดคุยกัน สวมแหวนและอวยพรคู่บ่าวสาวในบ้านเพื่อหลบร้อน
  2. รดน้ำสังข์ด้านนอกบ้าน ในสวนบรรยากาศดีๆ ริมแม่น้ำ
  3. ทานข้าวพร้อมหน้ากันในหมู่ครอบครัว

ปัญหาใหญ่ของบ่าวสาวที่อยากจัดงานแต่งขนาดเล็ก คือเรื่องของจำนวนแขกที่มักเพิ่มขึ้น จนเมื่อรู้ตัวในลิสต์ก็มีรายชื่อแขกหลัก 100 ไปแล้ว แต่คู่นี้ทั้งที่เป็นคนที่มีคนรู้จักมากมาย แต่สามารถคุมจำนวนได้เพียง 19 คน พวกเขาทำได้อย่างไรมาดูกัน

“เราทั้งคู่ชอบใช้เวลาอยู่ร่วมกัน” ฟอว์น ไปยดา เริ่มเล่าถึงโจทย์งานแต่งของทั้งคู่  “ไม่ว่าจะกับครอบครัว หรือกลุ่มเพื่อน ซึ่งเราเห็นว่าการทานข้าวด้วยกันกลุ่มๆ เล็ก จะทำให้เราได้พูดคุยกันมากกว่าการจัดงานแต่งงานใหญ่ๆ อีกอย่างก็คืองานแต่งงานคืองานสำคัญ อยากจะทำเพื่อคนที่เลี้ยงดูเรามาตั้งแต่เกิด งานนี้จึงจัดมาเพื่อเขา ให้คุณพ่อคุณแม่ได้มาพูดคุยกัน”

กับแขกที่ไม่ได้เชิญ

พอล : ใช้การนัดเจอกันเป็นกลุ่มๆ ทานข้าวด้วยกันที่บ้าน คุยกัน 2- 3 ชั่วโมง

ฟอว์น : นัดเจอกันเป็นกลุ่มๆ ไม่ต้องมีของขวัญ เพราะถ้าโจทย์เราคืองานเล็กๆ การเชิญญาติ และเพื่อนสนิท งานก็จะไม่เล็กแล้ว

ตอบแขกอย่างไร

พอล : ตอบตามตรงว่าเป็นความตั้งใจของเราทั้งคู่ และบอกว่าไม่ได้เชิญใครเลย พร้อมกับให้เหตุผลว่าเราอยากใช้เวลากับแต่ละคนให้คุ้มค่ามากที่สุด ซึ่งงานแต่งขนาดใหญ่จะไม่ตอบโจทย์ตรงนี้

ฟอว์น : บอกตามความตั้งใจจริงเลยค่ะ ว่าอยากใช้เวลาร่วมกันจริงๆ ซึ่งในแต่ละกลุ่มก็จะมีโจทย์ต่างกัน และอยากใช้เวลาร่วมกันจริงๆ

เนี่ยละค่ะ เคล็ดลับการจัดงานแต่งขนาดเล็กให้สำเร็จของคนทั้งคู่ ก็คือการจัดงานตามโจทย์ ที่มีอยู่ว่า “อยากจะใช้เวลากับคนสนิทอย่างทั่วถึง” ซึ่งการจัดงานขนาดใหญ่ไม่สามารถทำได้ ส่วนเพื่อนสนิท ผู้ใหญ่ที่เคารพที่ไม่ได้เชิญมาในงานแต่งก็ชวนมาทานข้าวด้วยกันภายหลัง เป็นการฉลองอย่างอบอุ่นและเหมาะสมที่สุดกับแต่ละกลุ่มคน

สุดท้ายนี้พี่พอล ภัทรพล ก็ฝากข้อคิดเรื่องการจัดงานแต่งมาฝากผู้อ่าน ซึ่งบอกเลยว่าเนี่ยละจริงที่สุด “จริงๆ แล้ว งานใหญ่งานเล็ก คนมากน้อย ก็ไม่มีผิดไม่มีถูก อยู่ที่โจทย์ของคนทั้งคู่ และเน้นทำอะไรที่มีความสุขไม่เบียดเบียนตัวเองและคนอื่น เท่านั้นก็พอแล้วครับ”

ภาพ IG : fawnfelisha, paulpattarapon

อ่านบทความเพิ่มเติม

จัดงานแต่งเล็กๆ แบบ Small Wedding ช่วงโควิด-19 ยังไงให้โมเม้นต์ดีๆ ยังมีอยู่

5 เทคนิคขั้นเทพ! จัดงานแต่งให้ดูแพงในงบจำกัดได้เองแบบไม่ยาก

7 ธีมสี ไอเดียงานแต่งที่ช่วยเสกให้งานแต่งออกมาเก๋เวอร์

4 ลุค ชุดเพื่อนเจ้าสาวชุดไทยยอดนิยม พร้อมเทคนิคใส่ยังไงให้สวย

ตามร้านต่างๆ มี ชุดเพื่อนเจ้าสาว ชุดไทย ไว้คอยบริการมากมายหลากหลายแบบ แต่ที่ได้รับความนิยมก็คือ ชุดไทยแบบสไบ นุ่งผ้านุ่ง ชุดไทยประยุกต์ และชุดไทยทรงแขนหมูแฮม ซึ่งในการเลือกควรยึดที่ชุดเจ้าสาวเป็นหลักถ้าเจ้าสาวเลือกห่มสไบ เพื่อนเจ้าสาวก็ควรห่มสไบเช่นกัน แต่ถ้าชุดเจ้าสาวเป็นชุดลูกไม้แบบไทยประยุกต์เพื่อนเจ้าสาวอาจเลือกเป็นชุดไทยแบบโมเดิร์นหรือชุดไทยแขนหมูแฮมก็ได้เช่นกัน แพรวเวดดิ้งเลยหยิบ 4 ลุคชุดไทยยอดนิยมของเหล่าเพื่อนเจ้าสาวมาให้ดูเป็นตัวอย่าง เผื่อจะเป็นไอเดียให้กับแก๊งของคุณได้นะคะ

4 ลุค ชุดเพื่อนเจ้าสาว สไตล์ ชุดไทย ยอดนิยม แค่เลือกให้เหมาะกับธีมงานก็สวยรอดยกทีม

ชุดไทย แขนหมูแฮม

ชุดเพื่อนเจ้าสาว

ชุดเพื่อนเจ้าสาว

เป็นชุดไทยในสมัยรัชกาลที่ 5 ตอนปลายที่ได้รับอิทธิพลจากตะวันตกท่อนบนเป็นเสื้อลูกไม้คอตั้ง โดดเด่นด้วยดีเทลช่วงแขนที่พองฟูและช่วงเอวที่เข้ารูปใส่กับท่อนล่างที่เป็นโจงกระเบน เสริมด้วยเข็มขัดทองและเครื่องประดับต่างๆ

ชุดไทย ห่มสไบ – นุ่งผ้าทอ

ชุดเพื่อนเจ้าสาว

ถือเป็นชุดที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะว่าดูสวยงาม เรียบหรู และที่สำคัญเหมาะกับรูปร่างทุกแบบ เนื่องจากสไบสามารถปรับขนาดให้เหมาะกับแต่ละคนได้ โดยโทนสีที่นิยมคือสีชมพู สีโอลด์โรส หรือสีเทาเงิน แนะนำให้เลือกสไบที่เป็นผ้าซาตินเพื่อความพลิ้วไหวและหรูหรา โดยสามารถแมตช์กับท่อนล่างที่เป็นผ้าทอในโทนสีเดียวกันแบบเข้าเซต หรือจะเพิ่มเติมสีสันด้วยการจับคู่สี อย่างสไบสีขาวแมตช์กับผ้าทอ
สีชมพู สไบสีน้ำเงินกับผ้าทอสีเงิน ก็เข้ากันค่ะ

ชุดไทย สมัยรัชกาลที่ 5 ตอนต้น

สวมเสื้อแขนกระบอก ห่มทับด้วยสไบเฉียง ใส่คู่กับโจงกระเบน ตกแต่งด้วยเข็มขัดและสร้อยทอง

ชุดไทย ห่มสไบ – นุ่งโจงกระเบน

เพิ่มความทะมัดทะแมงขึ้นอีกนิดด้วยการห่มสไบแมตช์กับโจงกระเบน

Tips ใส่ชุดไทย…ให้สวยเป๊ะ

  • สไบเหมาะกับรูปร่างทุกแบบ เพราะสามารถปรับได้ตามขนาดรูปร่าง
  • ชุดเพื่อนเจ้าสาวไม่ควรเลือกผ้าที่มีลวดลายมากเกินไปอย่างการปักดิ้นทองดิ้นเงิน
  • ผ้านุ่งควรมีความยาวกรอมเท้า จะช่วยเสริมให้ช่วงขาดูเรียวยาวยิ่งขึ้น
  • ขาดไม่ได้! เครื่องประดับ โดยเฉพาะเข็มขัดทองและสร้อยคอ เพื่อช่วยเสริมลุคให้ดูสวยสมบูรณ์แบบ

อ่านบทความเพิ่มเติม

แมท ภีรนีย์ กับแฟชั่นชุดแต่งงานไทยในนิตยสารแพรว wedding มิ.ย. 63

“แมท – ภีรนีย์ คงไทย” ถึงหน้าฝรั่งแต่หวานไม่เบา ในแฟชั่น ชุดแต่งงานไทย แบบประยุกต์หลากเฉดที่ช่วยสร้างเสน่ห์ให้เจ้าสาวดูแตกต่างและทันสมัย

ห่างหายจากการใส่ชุดไทยไปนานถึงขนาดที่สาวแมทเองบอกกับแพรวเวดดิ้งว่า “ดีใจเหมือนเดิมค่ะที่ได้กลับมาใส่ชุดไทย เพราะชุดไทยเป็นชุดที่แมทชอบอยู่แล้ว” และนี่คือแฟชั่น ชุดแต่งงานไทย จากนิตยสารแพรว wedding ฉบับเดือน มิ.ย. 2563 ที่บอกได้คำเดียวสวยมาก 🙂

ชุดแต่งงานไทย

สวยสะกดทุกสายตาด้วยชุดไทยดีไซน์ล้ำ ตัวเสื้อเป็นผ้าลูกไม้แบบซีทรูปักเลื่อมงดงาม ส่วนสไบตัดเย็บจากผ้าลูกไม้ลวดลายสวยหวานเพิ่มลูกเล่นด้วยผ้าชีฟองที่ช่วงเอวยิ่งส่งให้เจ้าสาวสวยดุจนางในฝัน จากร้าน Vanus Couture

ชุดแต่งงานไทย

โดดเด่นเป็นประกายด้วยชุดไทยจักรพรรดิห่มสไบสีทอง บริเวณจีบหน้านางมีรายละเอียดงานทออันซับซ้อนสวยงามไม่ซ้ำใครเพิ่มเครื่องประดับอย่างไทยโบราณยิ่งดูงามสง่า จากร้าน Vanus Couture

ชุดแต่งงานไทย

ชุดไทยจักรีสีขาวตัวชุดและสไบปักเลื่อมและลูกปัดในสีเดียวกันเมื่อต้องแสงไฟทำให้ทั้งชุดดูระยิบระยับจับตา พร้อมสวมใส่เครื่องประดับสีเงินช่วยส่งให้ยิ่งสวยงามผุดผ่องไปทั้งตัว จากร้าน Vanus Couture

เจ้าสาวดูสวยเด่นในชุดไทยศิวาลัยดีไซน์ประยุกต์ ตัวเสื้อมีลูกเล่นซีทรูที่ช่วงอกและแขน สไบตัดเย็บจากผ้าลูกไม้อย่างดีเข้ากันกับตัวเสื้อ ผ้านุ่งสีฟ้าอ่อนชายกระโปรงแบบหางปลาแลดูสวยสมบูรณ์แบบ จากร้าน Monique Wedding

ชุดไทยจักรพรรดิที่ช่วงบนโดดเด่นด้วยสไบแบบซีทรูโชว์งานปักแวววาวทั่วทั้งผืนห่มทับแพรจีบสีโอลด์โรสดูเข้ากัน จับคู่กับผ้านุ่งสีน้ำเงินที่หน้านางและชายผ้านุ่งปักปล้องเงินและลูกปัดด้วยลวดลายอย่างไทย จากร้าน Monique Wedding

ชุดไทยศิวาลัยตัวเสื้อระยิบระยับด้วยงานปักเลื่อม คริสตัลและลูกปัดไว้อย่างบรรจง โดดเด่นด้วยดีไซน์เสื้อแขนกระดิ่งดูทันสมัยจับคู่กับผ้านุ่งทรงหางปลาช่วยเน้นทรวดทรงให้เจ้าสาวดูสะโอดสะองเป็นพิเศษ จากร้าน Vanus Couture

ชุดไทยดุสิตแบบคอวีมีความร่วมสมัยเหมาะสำหรับเจ้าสาวที่ต้องการความแตกต่างในวันพิเศษ เพิ่มความหรูหราด้วยชายผ้าที่ต่อยาวจากช่วงไหล่พร้อมงานปักสุดวิจิตรทั่วทั้งชุด จากร้าน Vanus Couture

ชุดไทยจักรีแบบประยุกต์สีชมพูโดดเด่นด้วยการจับจีบบริเวณหัวไหล่ช่วยให้เจ้าสาวดูอ่อนหวาน งดงามด้วยงานปักเลื่อมคริสตัล และปล้องทองไว้อย่างประณีตวิจิตรทั้งชุด จากร้าน Vanus Couture

ชุดไทยจักรพรรดิสีฟ้าละมุนตาสไบบรรจงปักสุดวิจิตรลวดลายเดียวกับผ้านุ่ง เสริมความสง่าด้วยเครื่องประดับสีเงินที่ยิ่งส่งให้ชุดนี้ดูสวยเลอค่า จากร้าน เจ้านางเวดดิ้ง

เสื้อผ้า : Monique Wedding
418/8 – 9 ถนนสาธุประดิษฐ์
แขวงบางโพงพาง
เขตยานนาวา กรุงเทพฯ
โทร. 0-2108-7800, 08-0279-7800
เฟซบุ๊ก : Monique Wedding
ไอจี : @moniqueweddingbkk

Vanus Couture
1550, 1552 ปากซอยลาดพร้าว 50
ถนนลาดพร้าว เขตวังทองหลาง
กรุงเทพฯ
โทร. 0-2002-4895, 0-2002-4896
เฟซบุ๊ก : Vanus Couture
ไอจี : @vanuscouture_official

เจ้านางเวดดิ้ง
318 โครงการธนบุรีคอมเพล็กซ์ ซอย 8
ถนนพระราม 2 ซอย 60
(ใกล้เซ็นทรัลพลาซา พระราม 2)
โทร. 08-6363-6555, 08-8089-5999
เว็บไซต์ : www.chaonangwedding.com
เฟซบุ๊ก : Chaonang Wedding –
เจ้านางเวดดิ้ง
ไอจี : @chaonangwedding
ไลน์ : @chaonangwedding

แต่งหน้า : กานต์นิพัทธ์ สนั่นวงศ์
ทำผม : Alexandul
สไตลิสต์ : สลาลี สมบัติมี
ผู้ช่วยสไตลิสต์ : เสกสิทธิ์ หนูอินทร์
ช่างภาพ : กฤตธี ผ่องเสรี
ผู้ช่วยช่างภาพ : นเรนทร์ฤทธิ์ ยิ่งยงกิจ, บัณฑิต สังข์ปาน, ณัฐฐินันท์ ขำเจริญ
สถานที่ : The Botanical House
โทร. 0-2318-2431, 0-2301-1868
www.thebotanicalhousebangkok.com

บุคลิกภาพในงานแต่งงาน เรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม จากคำแนะนำของ Laura Yuai อาจารย์สอนพัฒนาบุคลิกภาพ

งานแต่งงานมีเรื่องราวมากมายที่เราต้องจัดการ เรื่อง บุคลิกภาพในงานแต่งงาน ก็ถือเป็นสิ่งสำคัญที่เราไม่ควรมองข้าม เพราะมีส่วนช่วยส่งให้เราดูดีอย่างที่สุดในวันสำคัญของเรา

คุณ Laura Yuai (ย้วย-นริศรา ศรีจันทราพันธุ์) อาจารย์สอนพัฒนาบุคลิกภาพ ที่พ่วงท้ายด้วยตำแหน่งอาจารย์สอนงานพิธีกร, การพูด, เมคอัพ และภาษาอังกฤษ เจ้าของเว็บไซต์ caanteen.com ได้ให้คำแนะนำผ่าน แพรว wedding เพื่อส่งต่อไปยังบ่าวสาว เรื่อง บุคลิกภาพในงานแต่งงาน ไว้อย่างน่าสนใจ

ประโยชน์ของการมีบุคลิกภาพที่ดี

รูปออกมาสวย ทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว

จุดเริ่มต้นของการพัฒนาบุคลิกภาพ

เริ่มต้นจากการถ่ายรูป อย่าถ่ายรูปเซลฟี่ที่เห็นแค่คอกับใบหน้า เพราะจะทำให้เราไม่เห็นท่าทางของร่างกายโดยรวม ถ้าต้องเซลฟี่ให้ตั้งกล้องถ่าย โดยให้เห็นในระยะครึ่งตัวและเต็มตัว เพื่อศึกษาข้อบกพร่องของตัวเอง บ่าวสาวต้องเปิดใจกล้าที่จะวิจารณ์กันตรงๆ เป็นกระจกซึ่งกันและกัน และปรับปรุงไปพร้อมๆกัน

การยืน

ในงานเลี้ยงฉลอง จะเป็นช่วงที่บ่าวสาวต้องยืนยาวนานเป็นพิเศษ สิ่งที่เกี่ยวข้องที่สุดคือรองเท้า ต้องเป็นรองเท้าที่เคยใส่เดินมาแล้วไม่ต่ำกว่า 1 เดือน อย่าใส่รองเท้าที่ยังไม่เคยใส่เด็ดขาด เพราะจะเสี่ยงเรื่องการถูกรองเท้ากัดได้ และเจ้าสาวไม่ควรใส่รองเท้าส้นเตี้ยหรือส้นแบน เพราะจะทำให้คุณเจ้าสาวสบายเกินไป จนทำให้ยืนขาแบะได้ ควรสวมส้นสูง อย่างน้อย 1-2 นิ้ว เพื่อความสง่างาม ดูระหง และสำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องหลังงอ ให้บริหารด้วยการหมุนไหล่ไปข้างหลังแล้วหยุด แล้วจำตำแหน่งนี้ไว้ เพราะตำแหน่งนี้จะทำให้หลังตรง เจ้าบ่าวเจ้าสาวต้องช่วยกันสังเกตุ และช่วยกันเตือนเมื่ออีกคนเริ่มมีอาการหลังงอ

การเดิน

เริ่มที่เจ้าบ่าว หลังต้องตรง หน้าตายิ้มแย้ม ในพิธีเช้าห้ามให้คนรู้ว่าเราง่วงเด็ดขาด และเจ้าบ่าวต้องไม่เดินชิดกับเฒ่าแก่จนเกินไป ควรมีพื้นที่เป็นของตัวเอง เวลากล้องจับจะได้เห็นชัดเจนว่าคนไหนเจ้าบ่าว แล้วสิ่งที่ต้องระวังอีกอย่างคือเรื่องของพรอพ เจ้าบ่าวชอบทำเทห์ใส่แว่นตากันแดด แต่บางทีเป็น แว่นตาที่ไม่เข้ากับชุด ไม่เข้ากับรูปหน้า และไม่เข้ากับบุคลิก มองเผินๆเหมือนคนตาบอดมากกว่า ถ้าอยากให้ออกมาดูเทห์ควรซ้อมใส่กับชุดก่อน แล้วถามความคิดเห็นของคนรอบข้างดูว่าโอเคหรือเปล่า

ในส่วนของเจ้าสาวหลังต้องตรง อย่าอายหน้าอก อย่าอายรูปร่าง อย่างบางคนกังวลเรื่องแขนใหญ่ก็จะใช้วิธีเอาแขนหลบกับคนนั้นคนนี้ เอาผมลงมาปิดบ้าง ซึ่งทำให้รูปออกมาไม่สวย เราควรจะแสดงท่วงท่าออกมาอย่างมั่นใจ และถ้ากังวลเรื่องรูปร่างควรแก้ปัญหาโดยการออกกำลังกายหรือเลือกชุดที่ช่วยพรางจุดบกพร่องของเราได้

พิธีฉลองที่เจ้าสาวใส่ชุดยาวและใหญ่ จะทำให้เดินลำบาก ในตอนช่วงเปิดตัวให้เดินลักษณะที่เตะไปข้างหน้า คล้ายๆทหาร (ไม่มีใครเห็นเท้าของเรา) เพื่อป้องกันการเหยียบชายกระโปรง แต่ต้องเดินให้ออกมานุ่มนวล พยายามอย่าเดินแบบใช้มือยกกระโปรงขึ้นมาเพราะจะทำให้เห็นเท้า และเป็นภาพที่ไม่สวยงาม ข้อควรระวังคือ ควรเป็นรองเท้าเรียบๆเพื่อป้องกันการเกี่ยวกับชายกระโปรงได้ และตอนลองชุดที่ร้านควรลองเดินรอบๆร้านดูด้วย อย่าลองแค่มองหน้ากระจกเพียงอย่างเดียว

การนั่ง

การนั่งในงานพิธีช่วงเช้า ที่จำเป็นอย่างมากเลยคือการนั่งพับเพียบ ซึ่งมักพบปัญหาว่าเจ้าบ่าวนั่งพับเพียบไม่ลงเพราะกางเกงที่เช่ามาตึงเกินไป ซึ่งทางที่ดีคือ ก่อนตัดสินใจเช่าหรือตัดชุด ควรลองนั่งพับเพียบดูก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาตอนวันจริง

การนั่งบนเก้าอี้ตอนพิธีรดน้ำสังข์ ถ้ามีดอกไม้จัดอยู่ด้านหน้าก็จะหายห่วง ไม่เห็นช่วงขาของบ่าวสาว แต่ถ้าไม่มี เจ้าสาวบางคนมักเผลอนั่งสบายเกินไป บางคนนั่งกางขาซึ่งดูไม่ดี อย่างน้อยควรนั่งขาชิดกัน ถ้านั่งไขว่ห้างให้ไขว่ห้างด้วยข้อเท้าแล้วเอียงขา จะทำให้ดูสวยงาม สง่า มากขึ้น การนั่งไขว่ห้างถ้านั่งไม่สวยก็จะส่งให้เราดูไม่ดี ไม่สุภาพ และอาจจะโป๊ได้

สำหรับเจ้าบ่าว ควรนั่งขาชิดให้ดูสง่า เรียบร้อย และยังถือเป็นการให้เกียรติผู้ใหญ่ภายในงานอีกด้วย

การไหว้

หากเราต้องการถ่ายภาพหรือวิดีโอออกมาให้สวยงาม แนะนำให้ไหว้แบบระดับไหว้คนเสมอกัน คือปลายนิ้วกลางแตะจมูก เพราะเป็นระดับที่ไหว้ออกสื่อแล้วสวยที่สุด

ในส่วนของการกราบพระ การกราบที่ถูกต้องคือการกราบแบบเบญจางคประดิษฐ์ ที่เราเห็นนั่งพับเพียบกราบพระกัน เป็นข้อยกเว้นสำหรับผู้ใหญ่ที่มีอาการเจ็บเข่าเท่านั้น

ครูย้วย

ครูย้วยฝากไว้ว่า

  • อยากให้หามุมของตัวเองให้เจอ มุมที่ไม่ใช่การเซลฟี่ ควรซ้อมไว้เยอะๆ ไม่ว่าจะเป็นการยืน การโพสท่าต่างๆ
  • งานแต่งงานเป็นงานที่ทุกคนแข่งกันสวย เพราะฉนั้นถ้าคุณบุคลิกภาพไม่ดี เตรียมตัวไม่ดี คุณจะโดนแขกในงานขโมยซีนกลางงานแต่งของคุณเอง
  • ห้ามเลียลิปสติก เอาลิ้นดุนปาก ล้วงแคะนู่นนี่เด็ดขาด ถ้าจะทำให้หลบทำในห้องที่ไม่มีคนเห็น เพราะทุกคนในงานมีมือถือที่ถ่ายรูปได้ ใครจะรู้ว่าจะมีรูปหลุดของคุณออกไปตอนไหนบ้าง
  • ถ้าจะมีช็อตกอดกับใครก็แล้วแต่ เจ้าสาวอย่าเอาหน้าไปซบหรือซุกกับใครเด็ดขาด ควรเอาคางวางตรงไหล่ของอีกฝ่ายเสมอ ป้องกันอาการหน้ายู่และเสื้อผ้าเลอะเมคอัพ

บุคลิกภาพ

ติดตามผลงานต่างๆ ของคุณ Laura Yuai ได้ที่ เฟซบุ๊ก Laura Yuai , ไอจี @laurayuai
เครดิตภาพ : เฟซบุ๊ก Laura Yuai

อ่านบทความเพิ่มเติม

https://praewwedding.com/dresses-and-suits/119771

https://praewwedding.com/dresses-and-suits/119709

https://praewwedding.com/dresses-and-suits/119729

เช็กลิสต์สำคัญ! ก่อนตัดสินใจเลือกชุดเพื่อนเจ้าสาวให้สวยปังยกทีม

เลือก ชุดเพื่อนเจ้าสาว ให้ปัง…ยกทีม

ในงานแต่งงานนอกจากเจ้าบ่าว-เจ้าสาวที่เป็นพระเอกนางเอก อีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญที่ถือเป็นสีสันให้งานสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นก็คือ เหล่าเพื่อนเจ้าสาวที่แท็กทีมแต่งตัวสวยมาในธีมเดียวกัน แตก็แน่นอนค่ะว่า กว่าจะออกมาสวยดังที่เห็นในวันงาน เชื่อว่าเจ้าสาวและผองเพื่อนคงปวดหัวกันพอสมควร ว่าจะเลือกชุดแบบไหน สีอะไร จึงจะเหมาะกับทุกคน และที่สำคัญ ต้องไม่แย่งซีนเจ้าสาวด้วย แพรวเวดดิ้งมีเทคนิคในการเลือก ชุดเพื่อนเจ้าสาว ให้ตอบโจทย์มาฝากค่ะ – เรื่อง Minim

ธีมงาน & สถานที่

สิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึงคือ รูปแบบหรือธีมของงานว่าเป็นแบบไหน สถานที่เป็นอย่างไร เช่น จัดแบบเอ๊าต์ดอร์ ในโรงแรม หรือชายทะเล รวมถึงจัดทั้งหมดกี่งาน อย่างบางคนมีงานพิธีแบบไทยช่วงเช้า งานฉลองวิวาห์ตอนค่ำ ปิดท้ายด้วยอาฟเตอร์ปาร์ตี้ เมื่อชัดเจนแล้วจะได้คิดต่อถึงชุดเจ้าสาวว่าต้องมีกี่ชุด สไตล์ไหนบ้าง ทั้งนี้เพื่อเลือกชุดเพื่อนเจ้าสาวให้สอดคล้องกับงานทั้งหมด

ชุดเพื่อนเจ้าสาว

“สี” สำคัญนะ

เมื่อรู้แล้วว่างานแต่งงานมีคอนเซ็ปต์แบบไหนหรือมีธีมสีอะไร ควรเลือกองค์ประกอบทุกอย่างให้ไปในทิศทางเดียวกัน ไม่ว่าจะการจัดงาน ของตกแต่ง รวมไปถึงชุดของเพื่อนเจ้าสาวด้วย เช่น ถ้าเป็นงานกลางวันจัดแบบเอ๊าต์ดอร์ อาจเลือกเป็นสีเอิร์ธโทนอย่างเขียว ฟ้า หรือชมพู ที่ดูสบายตา และเลือกดีไซน์ชุดที่ดูคล่องตัวหน่อยอย่างเดรสสั้น เป็นต้น แต่ถ้าเป็นงานกลางคืนที่ต้องการความหรูหรา อาจเลือกเป็นสีพิ้งค์โกลด์ สีทอง หรือชุดที่ประดับเลื่อม แต่ทั้งนี้ก็ควรเลือกโทนสีกลางๆ ที่เหมาะกับเพื่อนเจ้าสาวทุกคนด้วยนะคะ

ชุดเพื่อนเจ้าสาว

คุยกันเพื่อ “สวยเป็นทีม”

โดยทั่วไปเมื่อเจ้าสาวกำหนดสีได้แล้ว ก็มักจะเลือกซื้อผ้ามาให้แก๊งเพื่อนๆ เพื่อให้แต่ละคนนำไปตัดชุด โดยเลือกดีไซน์ที่เข้ากับความชอบและรูปร่างที่แตกต่างกัน หรืออาจจะนัดไปตัดที่ร้านเดียวกันเพื่อความสะดวก แต่ไม่ว่าจะเลือกทางใดควรมีการวางแผนร่วมกัน

ชุดเพื่อนเจ้าสาว

เพราะแม้ชุดเพื่อนเจ้าสาวจะไม่จำเป็นต้องเหมือนกันเป๊ะๆ แต่ก็ควรไปในทิศทางเดียวกัน เจ้าสาวคงไม่อยากเจอเซอร์ไพร้ส์ที่ว่า เพื่อนคนหนึ่งเป็นชุดเดรสสายเดี่ยวแบบมินิมัล แต่อีกคนเป็นชุดราตรียาวปักเลื่อม ซึ่งเมื่อมาอยู่ด้วยกันแล้วคงสวยยาก

นอกจากแบบ อีกสิ่งหนึ่งที่ควรตกลงกันคือความยาวของชุดว่าจะสั้นหรือยาว รวมถึงเครื่องประดับและรองเท้าด้วยยิ่งดีค่ะ เพื่อความสวยงามเวลาถ่ายภาพ

โหวตดีไซน์

เมื่อกำหนดโทนสีของชุดเพื่อนเจ้าสาวแล้ว บางกลุ่มอาจลงความเห็นว่าให้ใส่ชุดแบบเดียวกันไปเลย แต่ถ้าให้ดีควรให้สมาชิกได้มีส่วนร่วมในการเลือกหรือโหวตดีไซน์ชุดสักหน่อย ทั้งนี้เพื่อความสบายใจของทุกคน เพราะบางชุดก็อาจจะไม่เหมาะกับรูปร่างของบางคน จริงไหมคะ

ภาพ pinterest.com

อ่านบทความเพิ่มเติม

https://praewwedding.com/dresses-and-suits/bridesmaid/92321

https://praewwedding.com/dresses-and-suits/bridesmaid/19232

https://praewwedding.com/dresses-and-suits/bridesmaid/38613

 

3 แบบเทรนด์ชุดเจ้าสาว ตัดครั้งเดียวแต่นำกลับมาใส่ซ้ำได้หลายโอกาส

ชุดแต่งงานมูลค่าสูง ถ้าไม่ต้องจำกัดว่าสวมได้เฉพาะวันสำคัญเพียงวันเดียวคงดี แพรว wedding จึงมีไอเดียในการมิกซ์แอนด์แมตช์ชุดแต่งงานไว้ใช้ได้หลายโอกาส แถมเป็นการอัพลุคคุณให้ไม่ธรรมดาอีกต่อไป และนี่คือ เทรนด์ชุดเจ้าสาว ที่มาแรงปีนี้ไปถึงปีหน้าแน่นอน – เรื่อง : ปาจรีย์, Up_Kamphoo ภาพ : วรสันต์, อิทธิศักดิ์ สไตลิสต์ : Up_Kamphoo นางแบบ : ณิชชา แก้วประกายแสงกูล, minim

มินิมัลชิค

Dress Over Wedding แบรนด์ชุดเจ้าสาวสไตล์คลาสซี่ ดีไซน์มินิมัลน้อยแต่เก๋ เน้นดีเทลงานผ้าและคัตติ้งสุดเนี้ยบที่ช่วยเสริมให้ชุดดูโก้หรูยิ่งขึ้น ใช้ผ้าสแปนเด็กซ์หรือผ้าใยสังเคราะห์น้ำหนักเบานำเข้าจากเกาหลี รวมไปถึงผ้าไหมมิคาโด้และผ้าดัชเชสซาตินจากญี่ปุ่น นอกจากชุดที่ออกแบบโดยดีไซเนอร์ของร้านแล้วเจ้าสาวยังนิยมสั่งตัดชุดแบบเทเลอร์เมดเพื่อให้เข้ากับรูปร่างมากขึ้น ขณะเดียวกันที่นี่ยังมีคอลเล็คชั่นชุดแต่งงานที่ผลิตออกมาตามเทรนด์ให้คุณมีช้อยส์มากขึ้นด้วย

เทรนด์ชุดเจ้าสาว

สำหรับชุดเจ้าสาวที่เราเลือกมาแมตช์เป็นเสื้อดีไซน์ไหล่เดียวประดับด้วยโบที่ถอดออกได้ ทำจากผ้าสแปนเด็กซ์ ผ้าใยสังเคราะห์เนื้อยืดหยุ่น ในวันแต่งงานคุณอาจสวมคู่กับกระโปรงคลุมเข่า ให้อารมณ์อ่อนหวาน เหมาะกับพิธีเรียบง่ายช่วงบ่าย ส่วนในชีวิตประจำวันคุณสามารถนำเสื้อมาแมตช์ให้กลายเป็นลุคเก๋และเปรี้ยวยิ่งขึ้น ใส่ไปออกงานหรือประชุมกับลูกค้าก็ได้

เทรนด์ชุดเจ้าสาว

ชุดนี้เก๋ตรงที่เมื่อถอดโบออกจะกลายเป็นลุคที่เปรี้ยวชิคขึ้น ใส่คู่กับกางเกงสแล็คสีเข้มทั้งทรงขากระบอก ทรงขาบาน หรือทรงสกินนี่รัดรูป สวมรองเท้าส้นสูงเปิดหน้า อาจปิดท้ายด้วยการสวมกำไลทองหลายวงเพื่อให้ลุคสนุกมีสีสันขึ้น

เปรี้ยว เฟี้ยวให้สุด

ถ้าคุณเป็นเจ้าสาวที่ต้องการช้อยส์ในการเลือกชุดหลากหลาย Coco Chic Wedding จัดให้ค่ะ เขามีชุดให้เลือกทั้งแบบเดรสกระโปรงยาวสุ่มเหมือนเจ้าหญิงไปจนถึงเดรสคอวีแนบเนื้อรวมไปถึงดีไซน์เรียบ ๆ ที่ต้องถูกใจสาวมินิมัลแน่นอน

เทรนด์ชุดเจ้าสาว

สำหรับชุดเจ้าสาวที่เราเลือกมามิกซ์แอนด์แมตช์เป็นชุดเกาะอกจั๊มป์สูทสีขาวกางเกงขายาว ในวันงานคุณจะเด่นด้วยหางปลาที่ต่อตรงช่วงสะโพก คาดทับด้วยเข็มขัดคริสตัลสีขาวทำให้ชุดดูเป็นทางการเรียบหรูแฝงไว้ด้วยความเท่ แต่ยังมีความหวาน เป็นเทรนด์ที่เจ้าสาวหลายคนนิยมใส่ในช่วงนี้

เทรนด์ชุดเจ้าสาว

หลังจากจบพิธีฉลองวิวาห์ คุณสามารถนำชุดนี้ใส่ไปในงานปาร์ตี้เฟี้ยวๆ กับเพื่อนสาว เพียงแค่ถอดหางปลากับเข็มขัดออก สวมรองเท้าส้นสูงหัวแหลมสีสด สวมสร้อยคอหลายเส้นไล่ระดับเพื่อให้ชุดดูมีเลเยอร์มากขึ้น ถือคลัตช์สักหนึ่งใบ อย่าลืมจบงานด้วยลิปสติกสีแดงหรือส้ม บอกเลยว่า ปังเปรี้ยวเฟี้ยวเข็ดฟันมาก

หรืออีกสไตล์ที่เพิ่มความทางการขึ้นมาหน่อย ในวันที่คุณต้องพบผู้ใหญ่ แนะนำให้สวมเบลเซอร์โอเวอร์ไซส์คลุมทับ ลุคนี้ก็จะดูเป็นทางการสวยเตะตายิ่งขึ้น

เฟมินีนโมเดิร์น

เจ้าสาวที่ชอบดีไซน์โมเดิร์น เรียบหรูและแฝงความหวานเฟมินีนด้วยลวดลายของผ้าลูกไม้ ต้องถูกใจชุดจากแบรนด์ NICHP โดยไม่ต้องกังวลว่าเมื่อสวมแล้วจะดูมีอายุเพราะลูกไม้ที่นี่มีการผสมผสานลวดลายกราฟิกไว้ด้วยเพื่อให้ดูโมเดิร์นขึ้น ส่วนดีไซน์ของชุดก็เน้นความทะมัดทะแมง พอตัดความกรุยกรายออก จึงสามารถนำชุดไปดัดแปลงใส่ในโอกาสอื่นได้เยอะขึ้น

เราเลือกเสื้อแขนยาวลูกไม้สีขาวทั้งตัวที่เจ้าสาวหลายคนชื่นชอบในวันแต่งงาน อาจใส่คู่กับกระโปรงสั้นพองฟูหรือกระโปรงยาวสีขาวผ่าด้านข้าง ส่วนในชีวิตประจำวันสามารถสวมเสื้อลูกไม้นี้กับกางเกงยีนทรงบอยหรือกางเกงยีนรัดรูปเพื่อเบรกความหวานจากลูกไม้ แล้วเพิ่มความ
ชิคด้วยการสวมต่างหูห่วงหลายๆ อัน ปิดท้ายด้วยรองเท้าส้นสูงดีไซน์หัวแหลม ก็จะดูเปรี้ยวขึ้น หรือถ้าคุณมีนัดเจอกับลูกค้าคนสำคัญ อาจสวมเบลเซอร์สีเนื้อทับก็เติมเต็มให้ลุคนี้ดูสวยแปลกตาไปอีก

อ่านบทความเพิ่มเติม

https://praewwedding.com/dresses-and-suits/119709

https://praewwedding.com/dresses-and-suits/113869

https://praewwedding.com/dresses-and-suits/bride/78430

5 เทคนิคขั้นเทพ! จัดงานแต่งให้ดูแพงในงบจำกัดได้เองแบบไม่ยาก

แหม…เขาว่ากันว่าเศรษฐกิจตอนนี้ไม่ค่อยดีนะคะ แต่ไม่ว่าจะยังไงคู่รักก็ยังแต่งงานกันอยู่ดี ว่าที่บ่าวสาวหลายคู่จึงต้องจำกัดงบประมาณในการจัดงานนิดนึงเนอะ ใครที่กระเป๋าไม่หนักแต่อยาก จัดงานแต่งให้ดูแพง แบบที่ใฝ่ฝัน เรามีเทคนิคมาบอก

1. เลือกของที่ดูเรียบหรูเข้าไว้

ของตกแต่งเยอะๆ รังแต่จะทำให้งานแต่งดูรก ยุ่งเหยิง ไม่ได้ทำให้ดูแพง จำไว้! ถ้าอยากได้งานที่หรูในงบจำกัด เราขอแนะนำให้เลือกของตกแต่งสไตล์เรียบๆ เน้นสีขาว สีทอง สีงาช้าง หรือสีเทาเข้าไว้  เพราะสีเหล่านี้จะช่วยทำให้บรรยากาศในงานเรียบหรูดูแพงได้แน่นอน

2. ถ้าจะใช้ดอกไม้ ต้องวางแผนให้ดี

ดอกไม้ตกแต่งงานเป็นอีกหนึ่งอย่างที่เปลืองเงินใช่เล่น ถ้าคุณไม่วางแผนให้ดีรับรองว่างบบานปลายชัวร์! แนะนำให้คุณดูสถานที่และคิดไว้เลยว่าจะวางดอกไม้ตรงจุดไหนบ้าง จะใช้ดอกไม้พันธุ์อะไร เพื่อให้ยังอยู่ในงบควรจะเลี่ยงดอกไม้เมืองหนาวที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ (รู้ๆ กันอยู่ว่ามันแพง!) แล้วหันมาใช้ดอกไม้ตามฤดูกาลที่ปลูกได้ในบ้านเราก็จะช่วยประหยัดงบไปได้อีกเยอะ แต่ถ้าคุณมีงบจำกัดมากๆ ลองใช้ดอกไม้ทำเป็นของตกแต่งชิ้นใหญ่ชิ้นเดียว วางไว้ในจุดที่แขกสามารถเห็นชัดเจน เช่น ซุ้มประตูทางเข้า โต๊ะลงทะเบียนหน้างาน หรือแบ็กดรอปถ่ายภาพ ให้แขกรู้สึกถึงความหรูหราตั้งแต่เดินเข้างานกันไปเลย

3. อย่าเชิญแขกพร่ำเพรื่อ เลือกเฉพาะคนสำคัญ

ถ้างบคุณมีน้อยพอแค่เชิญแขกได้ 300 คน แล้วคุณจะเชิญแขก 500 คนให้ลำบากงบไปทำไมคะ? ทางที่ดีให้เชิญเฉพาะคนสำคัญและสนิทกันจริงๆ ลองคุยและปรึกษากันให้ดีว่าพอจะตัดรายชื่อใครออกได้บ้าง เพราะยิ่งแขกเยอะมากเท่าไหร่นั่นหมายถึงว่า คุณจะต้องเลือกสถานที่ให้ใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับแขกทั้งหมด และเพิ่มเงินในส่วนของอาหารจัดเลี้ยงให้มากขึ้นด้วย ส่วนใครที่ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรกับรายชื่อแขกที่เยอะเกินไป เราก็มีเทคนิคมาให้ค่ะ คลิกเลย ลิสต์แขกยาวเป็นหางว่าว แต่งบเราเท่าหางอึ่ง!

4. งาน DIY ช่วยให้ดูหรูหราและประหยัดงบได้เช่นกัน

DIY ที่บอกมานี้ต้อง Do It Yourself จริงๆ นะคะ ไม่ใช่ไปจ้างคนอื่นทำให้เสียสตางค์เพิ่มอีกแบบนั้นไม่แนะนำนะ ถ้าคุณเป็นคนมีฝีมือในการประดิษฐ์ประดอยหรือมีเพื่อนที่พร้อมจะทำให้ก็ลองดูค่ะ อาจทำของตกแต่งเล็กๆ น้อยๆ จากกระดาษ ไม่ต้องชิ้นใหญ่มาก ทำเองง่ายๆ แบบนี้ช่วยให้งานดูดีและประหยัดงบได้อยู่นะ

5. ทางเข้างานต้องประทับใจแขก

สิ่งที่แขกจะจดจำและถือว่าเป็นเฟิร์สอิมเพรสชั่นก็คือ ทางเข้างานค่ะ ลองจัดวางดอกไม้ (ใช้เทคนิคที่บอกไปในข้อ 2) หรือโหลแก้วที่มีอยู่แล้วที่บ้านใส่น้ำลอยเทียนไว้ข้างใน (อันนี้ฮีบินว่าดูหรูและเวิร์กมาก) หรือของตกแต่งอะไรก็ได้ที่คุณชื่นชอบ (อาจเป็นของที่จะซื้อไปใช้ตกแต่งเรือนหออยู่แล้วก็ได้) แต่ตรงกับธีมงานแต่ง หาที่วางสร้างความประทับใจให้กับแขกตั้งแต่เดินเข้างานรับรองว่าสวย เริด ปังแน่นอน (อย่าลืมว่าต้องอยู่ในงบด้วยนะ)

ถึงแม้จะมีงบประมาณสำหรับงานแต่งค่อนข้างจำกัด แต่ถ้าหากเลือกหยิบใช้สิ่งของที่มีสไตล์เรียบหรู ไม่จำเป็นต้องถมดอกไม้ให้มากมาย เพียงแค่นี้งานแต่งจากงบเท่าที่มีก็ดูแพง หรู เริด ได้ไม่แพ้งานแต่งที่หมดเงินบานตะไทแน่นอน

cr.www.brides.com

อ่านบทความเพิ่มเติม

https://praewwedding.com/planning/advice-and-ideas/101689

https://praewwedding.com/planning/109019

https://praewwedding.com/planning/101019

รักทางไกลทำยังไงให้เวิร์ก รับรองว่ารักระยะไกลก็เป็นรักที่ดีได้ไม่แพ้รักไหนๆ เลย

“อยู่ห่างขนาดนี้ คิดถึงกันบ้างไหม” ใครที่กำลังคิดแบบนี้ แสดงว่าคุณคือคู่ รักทางไกล ใช่ไหมเอ่ย แสดงว่าต้องกำลังเหงาหรือเศร้าที่อยู่ห่างไกลและไม่ค่อยได้เจอกับคนรักอยู่แน่ๆ มามะ มาทำจิตใจให้เบิกบานแล้วทำตาม 8 ข้อนี้ที่เราแนะนำดีกว่า ถ้าทำได้รับรองเลยว่ารักระยะไกลของคุณก็เป็นรักที่ดี๊ดีไม่แพ้รักไหนๆ เช่นกัน

1. ซื่อสัตย์ต่อตัวเองและคนรัก
ความซื่อสัตย์คือคติประจำใจที่สำคัญที่สุดสำหรับคู่รักระยะไกล เพราะนั่นแปลว่าคุณจะไม่ใช้ช่องว่างของการไม่ได้เจอกันไปแอบนอกใจมีกิ๊กเล็กกิ๊กน้อยให้เกิดปัญหาใหญ่โตตามมา อีกทั้งยังรวมถึงการโกหกหรือการเลี่ยงไม่บอกดีกว่า เพื่อให้เขาหรือเธอสบายใจ ก็ไม่ใช้วิธีที่ดีสำหรับคู่รักระยะไกล เพราะหากมารู้กันทีหลังจะทำให้ความไว้เนื้อเชื่อใจที่เคยมีหมดไปทันที ทีนี้ล่ะอยู่ยากแน่

2. ไว้เนื้อเชื่อใจกัน
เมื่ออีกฝ่ายมีความซื่อสัตย์ให้กัน เราก็ต้องสนองตอบด้วยความไว้ใจ (แต่ต้องมั่นใจได้ว่าเขาหรือเธอซื่อสัตย์จริงๆ) สำหรับคู่รักระยะไกลคติประจำใจข้อนี้นับว่าสำคัญมากเช่นกัน เพราะนอกจากจะทำให้คุณสบายใจ ไม่คิดฟุ้งซ่านให้วุ่นวายจิตแล้ว ยังทำให้อีกฝ่ายไม่อึดอัดและกังวลใจอีกด้วย

3. ใส่ใจอย่างเสมอต้นเสมอปลาย
แม้ไม่ได้เจอกันทุกวันอย่างคู่รักคู่อื่นๆ แต่คู่รักระยะไกลก็สามารถแสดงความใส่ใจต่อกันได้ อาจใช้วิธีโทรถามสารทุกข์สุขดิบกันทุกเช้าเย็น หรือแสดงความเป็นห่วงเป็นใยให้อีกฝ่ายรู้สึกเป็นคนพิเศษอยู่เสมอ เรียกง่ายๆ ว่าต้องใส่ใจกันอย่างเป็นกิจวัตร เพียงเท่านี้ไม่ว่าตัวจะไกลกันแค่ไหน แต่ใจก็ใกล้กันได้ตลอดเวลา

4. หมั่นแสดงความคิดถึง
“คิดถึงนะ” คู่รักระยะไกลควรพูดคำนี้กันให้บ่อยเข้าไว้ เพราะคำสั้นๆ ง่ายๆ นี้แหละที่จะช่วยกระชับความสัมพันธ์ของคุณให้ใกล้กันมากขึ้น หรือจะส่งข้อความแห่งความคิดถึงผ่านหน้าโซเชียลให้ใครๆ ต่างอิจฉาก็ว่ากันไป ขอบอกเลยว่านี่ถือเป็นอีกหนึ่งข้อได้เปรียบของคู่รักระยะไกล เพราะมันทำให้คุณได้คิดถึงกันมากกว่าคู่รักคู่ไหนๆ ไงล่ะค่ะ ฮิ้ววว

5. เว้นช่องว่างให้กันบ้าง
แม้ความคิดถึงจะเป็นสิ่งที่ดี แต่ก็อย่ามากเกินไปจนกลายเป็นความฟุ้งซ่าน คู่รักระยะไกลควรเว้นช่องว่างให้กัน และมีเวลาส่วนตัวในการทำสิ่งต่างๆ อย่างเป็นปกติ เพื่อให้ทั้งตัวเองและอีกฝ่ายไม่รู้สึกอึดอัดหรือกดดันจนเกินไป และอย่างน้อยที่สุดก็เพื่อให้ต่างคนต่างได้เจอเรื่องราวใหม่ๆ แล้วนำมาแบ่งปันกัน

6. แบ่งปันเรื่องราวต่อกันเป็นประจำ
การแบ่งปันเรื่องราวต่างๆ ต่อกันเป็นประจำทำให้คู่รักระยะไกลรู้สึกเหมือนอยู่ใกล้กันได้ “วันนี้ฉันไปเจอคนนี้มานะ” “วันนี้ฉันไปทำแบบนี้มาแหละ” หมั่นเล่าให้ฟังกันเป็นประจำทุกวัน ทำให้มีเรื่องราวคุยกันได้อย่างไม่ซ้ำซากจำเจ และยังทำให้รู้สึกเป็นคนสำคัญที่เขาหรือเธออยากจะแบ่งปันเรื่องราวให้ฟังอีกด้วย

7. ทำเซอร์ไพร้ส์ในวันสำคัญ
ทำเซอร์ไพร้ส์ให้กันในวันสำคัญเพื่อเติมรสรักให้หวานชื่น ไม่ว่าจะเป็นวันเกิด วันครบรอบ หรือวันเทศกาล  สำหรับข้อนี้ถือเป็นอีกหนึ่งข้อดีของคู่รักระยะไกลเลยก็ว่าได้ เพราะคุณสามารถสร้างเซอร์ไพร้ส์ให้เขาหรือเธอได้อย่างเป็นความลับที่สุด รับรองว่าแผนไม่แตกแน่นอน (ถ้าไม่มีใครปากโป้งไปบอกซะก่อน)

8. การเจอกันคือความพิเศษ
การไม่ได้เจอกันนานเป็นเดือนเป็นปีทำให้คู่รักระยะไกลถวิลหาการเจอกันแบบคูณสิบ ดังนั้นการสร้างความพิเศษให้กับการเจอกันจึงช่วยกระชับความสัมพันธ์ให้แนบแน่นขึ้นได้ คุณอาจสร้างความพิเศษด้วยการแต่งหน้าแต่งตัวสวยปิ๊งให้อีกฝ่ายตกตะลึง ทำอาหารมื้อโปรดไว้คอยท่า หรือหาของขวัญมาเซอร์ไพร้ส์สักชิ้น เห็นไหมคะว่าการเจอกันน้อยๆ ก็ไม่ได้แย่เสมอไป เพราะทำให้หัวใจพองโตได้ง่ายและชุ่มช่ำหัวใจสุดๆ

>> อ่านบทความเกี่ยวกับความรักและความสัมพันธ์เพิ่มเติม คลิกเลย <<

สวยงามล้ำค่าทุกชิ้น เซตเครื่องประดับ 3 เจ้าสาวคนดังและเรื่องราวสุดประทับใจ

บ่อยครั้งที่เรื่องราวความรักความผูกพันของคนในครอบครัวได้ส่งผ่านของขวัญจากรุ่นสู่รุ่น ยิ่งถ้าเป็น เซตเครื่องประดับ ที่งดงามและเลอค่าวำหรับสวมใส่ในพิธีวิวาห์ซึ่งเป็นวันสำคัญของการเริ่มชีวิตคู่ ก็ยิ่งทำให้จิเวลรี่เหล่านั้นมากด้วยคุณค่าและความทรงจำเหนือกาลเวลาจนไม่อาจบรรยายได้ครบถ้วน และนี่คือเครื่องประดับสุดเลอค่าที่ถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นของ 3 เจ้าสาวคนดังและเรื่องราวสุดประทับใจของเครื่องประดับแสนพิเศษในวันสำคัญ

กรณ์ – ศรีริต้า ณรงค์เดช

“เวลาเห็นริต้าใส่เครื่องประดับของคุณแม่ ผมรู้สึกเหมือนได้เห็นผู้หญิงสองคนที่ผมรักที่สุดมายืนอยู่ตรงหน้า”

สาวริต้ามอบหน้าที่ให้กับกรณ์ ณรงค์เดช รองประธานกรรมการกลุ่มบริษัทเคพีเอ็นหนุ่มหล่อสุดเพอร์เฟ็กต์ บอกเล่าเรื่องราวนี้

“ผมบอกริต้าตั้งแต่แรกว่าทั้งงานหมั้นและงานแต่งงานอยากให้เขาใส่เครื่องประดับของคุณแม่ (คุณหญิงพรทิพย์ ณรงค์เดช) ที่ท่านสวมใส่
มาตลอด เพราะผมอยากให้คุณแม่เป็นส่วนหนึ่งในงานของเรา แม้ท่านจะไม่อยู่กับเราแล้ว แต่เครื่องประดับเปรียบเหมือนตัวแทนที่อยู่ใกล้เราสองคนตั้งแต่เริ่มต้นจนจบงาน คืออยู่ในทุกโมเมนต์แห่งความสุขของเราครั้งนี้

“ก่อนหน้านี้ผมได้เรียนคุณพ่อ (เกษม ณรงค์เดช) กับพี่กบ (กฤษณ์ ณรงค์เดช) ว่าวันหมั้นกับวันฉลองสมรส ผมขอให้ริต้าใส่เครื่องประดับของคุณแม่ คุณพ่อกับพี่กบอนุญาตแล้วให้ผมเลือกเองเลย เพราะผมจำได้หมดว่าคุณแม่ใส่เครื่องประดับแบบไหนบ้าง เพราะทุกครั้งที่ท่านซื้อ
เครื่องประดับผมมักจะอยู่ด้วยเสมอ

“เริ่มจากงานหมั้นเมื่อวันที่ 4 มกราคมที่โรงแรมสยามเคมปินสกี้เราสองคนอยากให้งานออกมาเรียบๆ แต่อบอุ่นน่ารัก ตั้งแต่การตกแต่งสถานที่จัดงานไปจนถึงชุดหมั้นแบรนด์สเตลลา แมคคาร์ตนีย์ ริต้าเลือกดีไซน์เรียบๆ ไม่มีดีเทล ไม่ปักเลื่อม ไม่มีลูกไม้อะไรเลย เพราะอยากให้ทุกคนโฟกัสไปที่ความรักของเราสองคน

“ผมตั้งใจเลือกเครื่องประดับชิ้นเดียวคือ ต่างหูเพชรที่คุณแม่ได้มาจากการประมูลกับสถาบันประมูลคริสตี้ส์ที่ประเทศฮ่องกงเมื่อประมาณ
16 ปีที่แล้ว ด้วยดีไซน์เป็นเพชรเม็ดใหญ่ทรงไข่แล้วล้อมด้วยเพชรเม็ดเล็กๆ น้ำหนักเพชรข้างละ 7 กะรัต เพราะสามารถตอบโจทย์งานหมั้นของเราได้ คือเป็นต่างหูที่เรียบที่สุดเท่าที่คุณแม่มีแล้ว (หัวเราะ) เพราะเครื่องประดับคุณแม่จะมีดีเทลมากและพิเศษเสมอ”

สำหรับงานแถลงข่าวพิธีฉลองสมรสและงานฉลองสมรสในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ณ โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ เจ้าบ่าวยอมรับว่าเลือกเครื่องประดับยากมาก เพราะไม่มีโอกาสได้เห็นชุดเจ้าสาวมาก่อนต้องใช้วิธีคาดเดาเท่านั้น

“ผมถามริต้าว่าชุดวันแต่งดีไซน์เป็นอย่างไร เขาบอกสั้นๆ ว่า เป็นชุดเกาะอก แล้วบอกว่าน่าจะเหมาะกับเครื่องประดับเรียบๆ แค่นั้น ผมก็เดาเองต่อว่าน่าจะเป็นชุดเจ้าสาวทรงปริ๊นเซสและมีดีเทล มีความดรามาติกนิดหนึ่ง จึงตัดสินใจเลือกสร้อยเพชรที่มีดีไซน์พิเศษเส้นนี้ที่คุณแม่น่าจะชอบมากที่สุด เพราะเห็นท่านใส่มาตั้งแต่ผมอายุ 10 กว่าขวบ และเรียบที่สุดด้วย (หัวเราะ) จากร้านแฟรงค์ จิเวลรี่ จริงๆ แล้วดีไซน์แบบเต็มๆ ของสร้อยคอเส้นนี้จะมีจี้เพชรห้อยลงมาด้วย แต่ผมมองว่าอาจจะเยอะไปเลยเอาจี้เพชรออก”

พอริต้าปรากฏตัวในชุดเดรสสีงาช้างปักคริสตัลทั้งชุดพร้อมสร้อยเพชรในงานแถลงข่าว ทำเอาหนุ่มกรณ์ถึงกับตกตะลึงในความงดงามของเจ้าสาว

“ผมได้เห็นครั้งแรกพร้อมกับทุกคนเลย ริต้าดูสวยและเครื่องประดับก็เข้ากับชุดได้ดี”

สำหรับพิธีฉลองสมรสช่วงเย็น ริต้าสวมชุดจากแบรนด์ไมเคิล ซินโก้ ที่ออกแบบเพื่อเธอโดยเฉพาะ เจ้าบ่าวจึงตัดสินใจเลือกต่างหูเพชรเรียบๆแบบติดหูไม่ห้อยระย้า เพื่อจะได้ไม่ไปกวนหรือแย่งความสวยงามของชุด

“ผมทราบแค่ว่างานตอนเย็นเป็นชุดเกาะอกปักเลื่อมลายดอกไม้ น่าจะเหมาะกับต่างหูเพชรลายดอกไม้คู่นี้ที่คุณแม่ซื้อจากนิวยอร์ก แต่ได้นำมา
ปรับนิดหน่อย เนื่องจากวันหมั้นต่างหูของคุณแม่จะเป็นแบบหนีบทั้งหมด พอริต้าต้องใส่ตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าถึงบ่ายสองทำให้เกิดอาการเจ็บพอสมควร เมื่อผมเลือกต่างหูสำหรับงานฉลองสมรสตอนเย็นได้แล้วก็รีบส่งให้ที่ร้านปรับเป็นต่างหูแบบเจาะเพื่อริต้าใส่ได้ง่ายขึ้น”

 

ณัฐปรี พิชัยรณรงค์สงคราม – วรวุฒิ อัจฉริยศรีพงศ์

“การได้สวมใส่เครื่องประดับที่ส่งต่อมาตั้งแต่รุ่นคุณยายในวันสำคัญของชีวิตเป็นความภูมิใจและประทับใจที่ไม่รู้ลืมค่ะ”

โดยในวันเข้าเฝ้ารับประทานน้ำพระพุทธมนต์จากสมเด็จพระสังฆราช ฝ่ายเจ้าสาวเลือกเครื่องประดับอายุ 100 ปีของคุณยาย คุณหญิงสุภัทรา
สิงหลกะ เป็นของคู่กายชิ้นสำคัญในวันมงคลของชีวิต

“เครื่องประดับทั้งสองชิ้นคุณยายมอบให้คุณแม่ (คุณสุภาพรรณ พิชัยรณรงค์สงคราม) ค่ะ ท่านเล่าให้ปิ๋มฟังว่า คุณยายสั่งทำเครื่องประดับตั้งแต่สมัยท่านสาวๆ เมื่อมีลูกหลานแต่งงานทุกคนจะใส่เครื่องประดับชุดนี้ในพิธีแบบไทย ปิ๋มจึงเลือกเครื่องประดับของคุณยายมาสวมใส่เพื่อเป็นการระลึกถึงท่าน ซึ่งถ้าท่านยังมีชีวิตอยู่ปัจจุบันจะมีอายุ 110 ปี เพราะท่านเกิดในปลายสมัยรัชกาลที่ 5 จึงสันนิษฐานว่าเครื่องประดับทั้งสองชิ้นนี้น่าจะทำในสมัยรัชกาลที่ 6 ค่ะ

“โดยต่างหูและสร้อยข้อมือทำจากทองคำบริสุทธิ์ 99.99 เปอร์เซ็นต์ สร้อยข้อมือประดับด้วยพลอยนพเก้า ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นอัญมณีมงคล 9 ชนิด
ประกอบด้วยเพชรซีก ซึ่งเป็นงานฝีมือในอดีตที่มีการนำเพชรมาเจียระไนเพื่อให้เกิดประกาย และพลอย 8 ชนิด ได้แก่ ทับทิม มรกต บุษราคัม ไพลิน (นิลกาฬ) โกเมน มุกดาหาร เพทาย และไพฑูรย์ (ตาแมว)

“ส่วนต่างหูประดับด้วยเพชร โดยใช้วิธีประดับตัวเรือนแบบโบราณที่เรียกว่า “ยัดขี้เถ้า” ทำให้เห็นเพชรเป็นสีเทาๆ มากกว่าจะเห็นความแวววาวเหมือนเครื่องประดับสมัยนี้ ก่อนนำมาสวมใส่พี่ฟลุ้คช่วยนำไปทำความสะอาดเพื่อให้ผิวเครื่องประดับดูสุกสว่าง

“ปิ๋มเลือกใส่เครื่องประดับชุดนี้กับชุดไทยบรมพิมานสีงาช้างที่คุณป้อม – ธีระพันธ์ วรรณรัตน์ ออกแบบและตัดเย็บ โดยใช้ผ้ายกไหมทอมือจากลำพูน ด้านหน้ามีจีบหน้านางปักลาย ตกแต่งด้วยลูกปัดและคริสตัลชนิดด้าน เข้าเฝ้าและกราบขอพรจากสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งพระองค์ท่าน
ประทานน้ำพระพุทธมนต์เพื่อเป็นสิริมงคลสำหรับใช้ในพิธีรดน้ำสังข์ และสวมใส่อีกครั้งในวันทำพิธีหมั้นและมงคลสมรสตามประเพณีไทยด้วย

“ปิ๋มเลือกเครื่องประดับไทยสมัยรัชกาลที่ 6 ของคุณยายมาผสมผสานกับเครื่องประดับเพชรสมัยใหม่ที่เรียบโก้จาก Gems Pavilion เพื่อให้
องค์รวมดูสวยร่วมสมัย มีความเป็นไทยตามประเพณี แต่ก็ยังมีความเป็นตัวเองของปิ๋มด้วย

 

วริษา ประธานราษฎร์นิกร – จักรกฤต เบเนเดทตี้

“ปายจึงเลือกใส่สร้อยเพชรและเข็มขัดทองคำขาวที่ท่านมอบให้ เปรียบเสมือนเป็นตัวแทนของท่านในวันสำคัญของชีวิตเราค่ะ”

“ความที่คุณป้า (เมธ์วดี นวพันธ์) ชอบจิเวลรี่เป็นทุนเดิม ทำให้ปายได้รับเครื่องประดับจากท่านมาตั้งแต่เด็ก มีช่วงหนึ่งที่ฮิตจิเวลรี่วินเทจท่านก็ให้แหวนพลอย พอโตขึ้นมาหน่อย เคยคุยให้ท่านฟังว่าอยากสะสมสร้อยเพชร เมื่อสี่ปีที่แล้วคุณป้าจึงแอบไปจัดหาสร้อยคอไว้ให้ปายใส่ออกงาน วิธีการให้ของท่านก็ไม่ธรรมดาด้วยนะคะ มีเซอร์ไพร้ส์ด้วยการชวนไปกินข้าวที่บ้าน แล้ววางกล่องใส่สร้อยเพชรไว้ให้ที่เก้าอี้ พอเปิดกล่องออกมาก็เห็นสร้อยคอเส้นนี้ ตัวเรือนเป็นแพลทินัม ประดับด้วยเพชรหยดน้ำกว่า 5 กะรัต เพชรทรงกลมเกือบ 19 กะรัต และเพชรรูปทรงแปดเหลี่ยมเกือบ 12 กะรัต ท่านพูดแค่ว่า ‘ของปายนะ’ ปายปลื้มมากเก็บรักษาอย่างดี โดยยังไม่มีโอกาสหยิบมาใช้สักที

“จนกระทั่งใกล้จะแต่งงาน โดยขั้นตอนคือ หลังจากทำพิธีแต่งงานในโบสถ์เสร็จเรียบร้อย เรามีจัดงานอาฟเตอร์ปาร์ตี้ที่โรงแรม โดยพี่แม็กซ์
(จักรกฤต เบเนเดทตี้ – เจ้าบ่าว) จะเปลี่ยนชุดมาใส่เสื้อกั๊กสีเบอร์กันดีทีแรกปายคิดไม่ออกว่าจะใส่ชุดอะไรดีที่สีแมตช์กัน แล้วก็นึกขึ้นได้ว่ามี
เดรสคอลเล็คชั่นล่าสุดของ Dior ที่เขาส่งมาให้ดูที่บ้าน สีเข้ากันกับชุดเจ้าบ่าวพอดี ส่วนเครื่องประดับ ปายนึกถึงสร้อยคอที่คุณป้าให้ ซึ่งช่วยให้ชุดที่ใส่ดูเด่นขึ้นมาเลยค่ะ

“ส่วนเข็มขัดทองคำขาวเส้นนี้เป็นของเก่า หัวเข็มขัดประดับด้วยเพชรทรงกลม เพิ่งได้รับจากคุณป้าเมื่อปีที่แล้ว เพราะท่านรู้ว่าปายจะแต่งงานจึงมอบให้ใช้สำหรับพิธีแบบไทย ที่จริงคุณป้ามีเข็มขัดเพชรหลายเส้นท่านก็จะเลือกให้เหมาะกับหลานแต่ละคน ที่ปายได้เส้นนี้เพราะตัวเล็กกว่า
หลานคนอื่น (หัวเราะ) เข็มขัดไม่ยาวมาก หัวเข็มขัดจึงไม่ใหญ่ เสียดายว่าช่วงที่จัดพิธีแต่งงานคุณป้าไม่ได้มาร่วมด้วย เพราะสุขภาพท่านไม่อำนวย

อ่านบทความเพิ่มเติม

https://praewwedding.com/rings-and-accessories/20829

https://praewwedding.com/rings-and-accessories/35031

https://praewwedding.com/rings-and-accessories/accessories/94737

7 ธีมสี ไอเดียงานแต่งที่ช่วยเสกให้งานแต่งออกมาเก๋เวอร์

หากยังไม่มี ไอเดียงานแต่ง มาส่องธีมสีงานแต่งเหล่านี้ดู รับรองว่าสวยจนต้องจัดตาม

สี คือเรื่องต้นๆ ที่ว่าที่บ่าวสาวจะคิดถึงเมื่อต้องจัดงานแต่งงาน แต่สีไหนล่ะที่ทั้งสวย บ่งบอกตัวตนและดูทันสมัย แพรว wedding เลยจัดคู่สีสุดคลาสสิค แถมยังช่วยทำให้งานออกมาดูสวยปังได้แบบไม่ยากมาฝาก เผื่อจะช่วยเป็น ไอเดียงานแต่ง ของว่าที่บ่าวสาวที่กำลังลังเลว่าจะใช้สีไหนเป็นธีมในการจัดงานดี

ไอเดียงานแต่ง

Pure White

งานสีขาวสุดคลาสสิคให้ความรู้สึกบริสุทธิ์สะอาดตาแฝงไปด้วยความสง่างาม ยิ่งนำมาแมตช์กับคริสตัลราคาแพงระยับยิ่งขับความวิบวับและเพิ่มความหรูหราให้มากขึ้นเป็นทวีคูณ แถมสีขาวยังเข้าได้กับทุกสีและให้อารมณ์ที่ต่างกันอย่างสุดขั้ว เช่น เมื่อจับคู่กับโทรสีอ่อน งานจะดูหวานหยดมดตอม แต่เมื่อจับคู่กับสีเข้ม งานก็จะดูชิคขึ้นมาทันตา นอกจากนี้สีขาวยังสามารถนำไปผสมกับลวดลายต่างๆ ได้ดี ไม่ว่าจะเป็นลายบนพื้นพรม หรือเส้นโค้งของตัวเสา รวมถึงหากจัดวางพร็อปส์สีขาวให้มีระดับตื้นลึกในแนวระนาบ ก็จะช่วยสร้างเลเยอร์ให้กลายเป็นสีขาวหลายเฉด

Multi-Colours

หากบ่าวสาวคิดว่างานแต่งสีเดียวไม่ใช่ตัวตนคู่ของคุณอย่างแน่นอน และกำลังสนใจกลุ่มสีแรงๆ ที่สามารถสะท้อนความมั่นใจในตัวเอง รวมทั้งอยากสร้างความโดดเด่นให้กับงานแต่งงานของคุณล่ะก็ ขอแนะนำให้คุณเลือกสีที่คุณและคนรักชอบมากที่สุดมาสักหนึ่งสีเพื่อใช้เป็นสีหลัก แล้วค่อยจับคู่สีต่างกันเข้าไปอีกสองสี โดยเฉลี่ยเปอร์เซ็นต์การใช้ให้ลดหลั่นกันลงมา รับรองเลยว่างานของคุณจะโดดเด่น แถมประหยัดงบค่าดอกไม้ได้มากกว่าการเลือกใช้ดอกไม้สีที่ได้รับความนิมยมอีกด้วย

“เทคนิคการผสมคู่สีต่างๆ เข้าด้วยกันคือ ใช้สีหลักประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ ตัดด้วยคู่สีที่ต่างกันประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์ แล้วเติมสีขาวอีก 5 เปอร์เซ็นต์เพื่อเบรกความแรงของสีทั้งหมด”

หรืออาจจะตกแต่งงานโดยใช้สีตรงข้ามที่ตัดกันชัดเจนเพื่อสร้างความโดดเด่น ยิ่งเป็นงานเอ้าท์ดอร์ที่มีพื้นที่ในการตกแต่งมาก ก็ยิ่งสามารถออกแบบสีให้เป็นกลุ่มๆ ได้เต็มที่ และยังสามารถใส่ความไม่ธรรมดาด้วยการนำคู่สีนั้นมาจัดให้เป็นลวดลายต่างๆ เช่น ลายกราฟิก ลายยูโรเปี้ยนคลาสสิค หรือลายชนเผ่า รวมถึงอาจนำวัสดุอื่นๆ ที่ต่างกัน เช่น แก้ว กระจก พลาสติก หินธรรมชาติ หรือโลหะ มาแทรกหรือจัดวางองค์ประกอบให้สวยงาม ก็จะทำให้งานที่เต็มไปด้วยสีสันยิ่งดูหวือหวา มีรายละเอียดน่าค้นหาและไม่น่าเบื่ออีกด้วย

Pastel

โทนสีพาสเทลยังคงเป็นนางเอกของงงานแต่งทุกยุคทุกสมัย แต่ถึงอย่างนั้นการเลือกใช้โทนสีพาสเทลให้สวยงามก็มีหลักอยู่ว่า ไม่ควรเลือกสีพาสเทลมาใช้เกิน 3 สี แต่ถ้านักออกแบบที่คู่ของคุณจ้างมานั้นมีฝืมือเก่งกาจและกล้าเล่นกับสีสัน การเลือกใช้สีพาสเทลอย่างน้อย 5-7 สีก็ถือเป็นโจทย์ที่ท้าทายและได้ผลลัพธ์ที่คุณจะคาดไม่ถึงเลยทีเดียว แต่ก็มีข้อควรระวังว่า รสนิยมของนักออกแบบที่คุณจ้างมานั้นจะต้องดีเริด! ไม่อย่างนั้นงานที่คุณคาดหวังว่าอาจจะออกมาสวยอาจจะเสี่ยวได้แบบไม่รู้ตัว…

 

ไอเดียงานแต่ง

White & Green

สีขาว-เขียว คือคู่โทนสีสุดคลาสสิคที่คู่บ่าวสาวทุกงบประมาณนิยมจัด ซึ่งบ่าวสาวส่วนใหญ่ที่เลือกใช้ธีมสีขาว-เขียวคือคู่ที่ฝันอยากจะจัดงานแต่งงานแบบเอ้าท์ดอร์ แต่ด้วยข้อจำกัดเรื่องภูมิอากาศของบ้านเรา การยกสวนมาไว้ในโรงแรมใหญ่จึงเป็นทางออกที่ตอบโจทย์และได้รับการตอบรับได้ดีที่สุด แถมการเลือกสีเขียวมาใช้นั้นก็สามารถเลือกได้หลายเฉดตามลักษณะของสีใบไม้นับพันๆ หมื่นๆ ชนิดที่มีในบ้านเรา ดังนั้นการตกแต่งงานด้วยโทนขาว-เขียวจึงไม่ได้มีแค่เพียงสองสี หากแต่เต็มไปด้วยเฉดสีมากมาย

White-Cream White

การใช้สีขาว-ครีมนั้นจะให้ความรู้สึกอ่อนโยน เหมาะสุดๆ กับอารมณ์รักสุดโรแมนติกและเพลงหวานๆ ในค่ำคืนแต่งงาน อย่างไรก็ตามการใช้สีครีมมีข้อควรระวังคือ ถ้าเลือกโทนสีอ่อนมากเกินไปก็อาจดูกลืนไปกับสีขาว เพราะฉะนั้นคู่บ่าวสาวอาจจะผสมสีส้มโอลด์โรส สีทอง หรือสีแชมเปญ (ในสัดส่วนประมาณ 10-15 เปอร์เซ็นต์) ลงไปในสีขาว-ครีม เพื่อเพิ่มความหรูหราอลังการ แต่ยังคงธีมสีขาว-ครีมได้อย่างที่ใจต้องการ

“ถ้ากลัวว่าสีจะกลืนกันจนแยกไม่ออก ลองนำสีทองมาแต้ม รับรองได้ว่างานจะไม่ดูจืดชืดแน่นอน”

Glittering Silver

อีกหนึ่งธีมงานที่ว่าที่บ่าวสาวบางคู่ยังคงกล้าๆ กลัวๆ ที่จะหยิบมาใช้ เพราะถ้าไม่เจ๋งจริงงานจะดูเวอร์วังอลังการจนออกเป็นงานลิเกแทนที่จะเป็นงานแต่ง ซึ่งเทคนิคการจัดธีมนี้ให้ออกมาดูดีคือ ควรเลือกจับคู่สีเงินกับโทนสีที่ช่วยเสริมให้สีเงินดูเด่นขึ้น และควรเกลี่ยสัดส่วนให้ดูกลมกลืนกัน โดยให้สีใดสีหนึ่งมีเปอร์เซ็นต์มากกว่าอีกสี จากนั้นเสริมด้วยสีทองและพร็อปส์ตกแต่งที่เน้นความแวววาว ไม่ว่าจะเป็นคริสตัล แก้ว เครื่องเงิน หรือไฟหยดน้ำ เพื่อเพิ่มความหรูหราให้งานดูทันสมัยและโก้มากขึ้น

“นำพร็อปส์ตกแต่งที่มีความแวววาววิบวับมาเพิ่มความหรูหราให้กับงาน”

Warm Colour

โทนสีร้อนที่บ่าวสาวหลายคู่มองว่าให้ความรู้สึกร้อนแรงและยากที่จะจับมาสร้างความสวยงามแตกต่างให้กับงานแต่งงานได้ กลับมีข้อดีที่หลายคนอาจไม่รู้มาก่อนคือ สีโทนร้อนสามารถจับคู่ได้กับทั้งสีขาวและสีดำ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จะให้อารมณ์ที่แตกต่างกัน เช่น หากจับคู่สีโทนร้อนอย่างสีเหลือง และส้มกับสีขาว ก็จะให้ความรู้สึกสว่างไสว ร่าเริง และสนุกสนาน แต่ถ้าหากจับคู่กับสีดำก็จะยิ่งขับสีสันให้โดดเด่นสะดุดตามากขึ้น

ภาพ pinterest.com

อ่านบทความเพิ่มเติม

https://praewwedding.com/planning/109019

https://praewwedding.com/planning/101019

https://praewwedding.com/planning/advice-and-ideas/100403