คุยกันเรื่องเทคนิกสามีรักสามีหลงมาหลายครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้แพรว Wedding ขอหยิบยกเอาวรรคทองสอนหญิงของกวีเอกเมืองสยาม “สุนทรภู่” มาสอนใจหญิงสาวสมัยใหม่กันซะหน่อย ถึงแม้กลอนต้นฉบับจะเก่าและผ่านมาหลายยุคหลายสมัย แต่ก็ยังมีบางบทบางตอนที่สอนใจหญิงยุคใหม่ได้อยู่นะ แถมเป็น คุณสมบัติผู้หญิงที่ดี ที่สาวๆ ต้องพึงมีไว้
ก่อนจะหยิบยกสุภาษิตสอนหญิงของสุนทรภู่ เราขออันเชิญบทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวที่เข้ากับยุคสมัยนี้ โดยมีความว่า
“อันสตรีที่งามด้วยความรู้ เป็นที่ชูโฉมเชิดเลิศเฉลา
แต่อย่าเพียรเรียนเล่นพอเป็นเรา ต้องเรียนเอารู้ดีจึงมีคุณ”
อันหญิงงามตามตำราโบราณว่าต้องงาม 5 ประการ ได้แก่ งามรูป งามทรัพย์ งามจริต งามวาจา และงามความรู้ โดย 2 อย่างแรกสมัยนี้ก็เสริมเติมแต่งให้งามได้ ส่วน 2 งามถัดมาก็ฝึกได้เช่นกัน แต่ความงามสุดท้ายคงต้องไขว่คว้า ขยันหมั่นเพียรกันเอาเอง เรียนให้รู้จริงและนำมาใช้ประโยชน์ได้ เพราะสุดท้ายแล้วไม่ว่าจะออกเรือนหรือขึ้นคาน ความรู้ก็เป็นสิ่งติดตัวและช่วยประคองชีวิตเราให้สบาย
มาเริ่มต้นกันที่บทสอนหญิงโสดกันเลยดีกว่า ก่อนจะมีหนุ่มๆ มาจีบ หญิงสาวก็ควรวางตัวให้เรียบร้อยเพียบพร้อมตามอย่างข้อกำหนด งามรูป งามจริต งามวาจา
“จะนุ่งห่มดูพอสมศักดิ์สงวน ให้สมควรรับพักตร์ตามศักดิ์ศรี
จะผัดหน้าทาแป้งแต่งอินทรีย์ ดูฉวีผิวเนื้ออย่าเหลือเกิน”
บทนี้ท่านสอนว่า จะแต่งกายนุ่งห่มสิ่งใดต้องให้เรียบร้อยพองาม ถ้าจะปรับสักนิดให้เข้ากับยุคนี้ เราก็ต้องขอบอกว่า แต่งกายให้สวยงามตามกาลเทศะก็คงจะไม่ผิดนักนะคะ อีกอย่างคือการผัดหน้าทาแป้งก็ควรให้พอดิบพอดี ดูสวยธรรมชาติแบบ Make up no make up ได้ก็จะดี ที่สำคัญเลือกรองพื้นให้ถูกสีอย่าให้หน้าวอกหน้าเทานะสาวๆ มันไม่งาม
“จะพูดจาปราศรัยกับใครนั้น อย่าตะคั้นตะคอกให้เคืองหู
ไม่ควรพูดอื้ออึงขึ้นมึงกู คนจะหลู่ล่วงลามไม่ขามใจ”
บทนี้เน้นความงามทางวาจาค่ะ งามคำพูดนี้เป็นคำสอนที่สอนกันมาทุกยุคทุกสมัยและจะสอนกันต่อไปตราบจนดินฟ้าสลาย เพราะไม่ว่ายังไงก็ตามแต่ หากพูดดี พูดเพราะ ไม่กระโชกโฮกฮาก ไม่หยาบคาย ก็จะมีแต่คนรักใคร่เอ็นดู ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่พูดจาไพเราะเข้าไว้เป็นดี
หลังจากที่ประพฤติดีประพฤติงามตามสมควรแล้ว คราวนี้ก็คงจะมีหนุ่มๆ มาร่ายล้อมขายขนมจีบกันแน่นอน แต่! แต่! แต่! อย่าได้รีบรัดเร่งเร้าจะเอามาเป็นแฟนนะจ๊ะสาวๆ ไปดูกันว่าสุนทรภู่ท่านสอนอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้บ้าง
“แม้นชายใดหมายประสงค์มาหลงรัก ให้รู้จักเชิงชายที่หมายมั่น
อันความรักของชายนี้หลายชั้น เขาว่ารักรักนั้นประการใด”
“อันคำคมลมบุรุษนั้นสุดกล้า เขาย่อมว่ารสลิ้นนี้กินหวาน
จงระวังตั้งมั่นในสันดาน อย่าลนลานหลงละเลิงด้วยเชิงชาย”
พวกผู้ชายเนี่ยนะคะ ยามจีบแรกๆ ก็จ๊ะจ๋าให้เราตายใจ รักเราอย่างนั้น รักกันอย่างนี้ แต่จะจริงได้สักแค่ไหนกันเชียว เพราะฉะนั้นก่อนจะตกปากรับคำรักก็ต้องศึกษาลักษณะนิสัยใจคอ ท่าที พฤติกรรม และการกระทำกันให้ดีเสียก่อน อย่าเคลิบเคลิ้มกับคำหวานที่เขาป้อนให้นะจ๊ะ
“เมื่อสุกงอมหอมหวานจึงควรหล่น อยู่กับต้นอย่าให้พรากไปจากที่
อย่าชิงสุกก่อนห่ามไม่งามดี เมื่อบุญมีคงจะมาอย่างปรารมภ์”
รักนวลสงวนตัวก็เป็นสิ่งพึงกระทำของผู้หญิงทุกยุคทุกสมัยนะคะ เป็นการรักษาคุณค่าให้กับตัวเอง ถึงแม้ว่าปัจจุบันนี้จะไม่ค่อยถือกันแล้ว (เวลาเปลี่ยนคนเปลี่ยนเนอะ) แต่การชิงสุกก่อนห่ามก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดี รอไว้ให้ถึงเวลาเหมาะสมก็คงจะยังไม่สายเกินไปหรอกจ้ะ
หลังจากคบหาดูใจให้แน่นอนแล้ว มั่นใจว่าชายผู้นี้ดีเหมาะสมจะมาเป็นคู่ชีวิต จากนี้ก็เป็นการครองชีวิตคู่ให้อยู่ยืนยาว ตามบทกลอนที่สอนว่า
“จะมีคู่ก็ให้รู้ปรนนิบัติ จงซื่อสัตย์สุจริตคิดถนอม
อย่าคิดร้ายย้ายแยกทำแปลกปลอม มโนน้อมเสน่หาต่อสามี”
หากว่าเป็นสมัยก่อน การปรนนิบัติพัดวีสามีก็เป็นสิ่งที่ภรรยาพึงกระทำ แต่ถ้าจะให้ปรับใช้ในปัจจุบันนี้ก็คงต้องบอกว่า ให้ดูแลและเอาใจใส่กันและกันให้ดี รวมถึงต้องซื่อสัตย์สุจริตกับสามีภรรยา ไม่คิดนอกใจกันก็ยังเป็นคำสอนอมตะที่ใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย
“แม้นผัวเดือดเจ้าจงดับระงับไว้ อย่าพอใจขึ้นเสียงเถียงประสม
เขาเป็นไฟเราเป็นน้ำค่อยพรำพรม แม้นระดมขึ้นทั้งคู่จะวู่วาม”
“แม้นพิโรธโกรธขึ้งกับภัสดา อย่านินทาว่าผัวตัวลับหลัง
พึงข่มขืนกลืนไว้ในอุรัง อุตส่าห์บังกลบเกลื่อนที่เงื่อนเงา”
บทนี้ถ้าอ่านแล้วดูเหมือนผู้หญิงจะตกเป็นเบี้ยล่างเนอะ เพราะฉะนั้นเอามาปรับใช้กับสังคมปัจจุบันกันสักหน่อย เช่นเวลาที่เราทะเลาะกับสามี โกรธกัน ไม่เข้าใจกัน เราก็อยากให้ใจเย็นๆ เข้าไว้ ขึ้นเสียงเถียงใส่กันไปรังแต่จะแย่ยิ่งกว่าเดิม เอาไว้ใจเย็นกันทั้งคู่แล้วค่อยมาปรับความเข้าใจกันดีกว่า อีกอย่างก็คือ “ไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า” มีอะไรให้เคลียร์กันให้ดีเสียก่อน อย่าเพิ่งเอาเรื่องราวไปนินทาให้คนอื่นฟังลับหลัง ผู้หญิงอย่างเราไม่ชอบให้ใครนินทาฉันใด ผู้ชายเขาก็ไม่ชอบถูกนินทาฉันนั้นแหละจ้ะแม่คุณ
อย่างที่บอกไปว่าเวลาเปลี่ยน สังคมเปลี่ยน บทกลอนสอนหญิงเหล่านี้ถ้านับจากวันที่สุนทรท่านเริ่มประพันธ์ก็คงจะผ่านมาหลายร้อยปี คำสอนบางอย่างอ่านแล้วเราอาจรู้สึกว่าเก่าโบราณคร่ำครึ แต่ในทางกลับกันบางบทบางตอนก็ใช้สอนลูกหลานได้อยู่เสมอนะคะ