สารพัดสิ่งที่บ่าวสาวต้องเตรียมตัวจัดงานแต่งให้ทันปลายปี 2020

เรื่องนี้ว่าด้วยสารพัดสิ่งที่บ่าวสาวที่มีแพลนแต่งงานปลายปี 2020 นี้ต้อง เตรียมตัวจัดงานแต่ง เพราะมีหัวข้อมากมายที่คุณต้องไม่มองข้ามเด็ดขาด เพราะถ้าคุณขาดไปสักเรื่อง งานแต่งในฝันของคุณจะไม่สมบูรณ์แบบอย่างแน่นอน

1. เตรียม “ฤกษ์ยาม”

ทันทีที่รู้ตัวว่าจะออกเรือน ขอให้ว่าที่ทั้งชายหญิงหันหน้าเข้าหาคนในครอบครัว สอบถามกันเลยว่า จะไปดูฤกษ์ยามวันแต่งงานที่ไหนดี ถ้าทางบ้านมีก็จะแนะนำต่อๆ กันมา แต่ถ้าไม่มีและคุณต้องหาเอง อย่างน้อยๆ คุณขึ้นชื่อว่าได้ถาม เป็นการให้เกียรติผู้ใหญ่ แบบนี้น่ารักใช่ไหมล่ะ

2. เตรียม “รูปแบบงาน”

0028

จริงๆ แล้วการเตรียมรูปแบบงานที่ว่านี้ จะมาก่อนฤกษ์ยามก็ไม่ถือว่าผิด หรือจะมาพร้อมๆ กันก็ไม่แปลก แต่พอเราบอกว่าให้มีรูปแบบก่อนหาสถานที่ อาจมีบางคนอาจคิดว่า ทำไมไม่คิดถึงสถานที่จัดงานก่อน เหตุผลที่เราขอให้ไว้ ณ จุดนี้คือ ถ้าคุณรู้รูปแบบงาน คุณจะได้หาสถานที่เหมาะๆ ได้ไงล่ะคะ แต่ขั้นตอนนี้ไม่ได้เข้มงวดถึงขนาดว่า ต้องสรุปรูปแบบงานอย่างละเอียดว่าตกแต่งแบบไหน เลือกอาหารเมนูใด แค่คุณควรสรุปให้ได้ว่า จะจัดงานแบบอินดอร์หรือเอาทดอร์ ริมทะเล ริมแม่น้ำ จัดที่บ้าน หรือร้านอาหาร จัดพิธีเช้าแล้วทานเลี้ยงต่อ หรือจัดพิธีเช้า เว้นช่วงแล้วเลี้ยงเย็นแบบนั้นหรือเปล่า ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้การหาสถานที่อยู่ภายใต้โจทย์ที่แคบลงมาหน่อยไงล่ะคะ

3. เตรียม “จำนวนแขก”

คุยกันให้ดีๆ ในเรื่องจำนวนแขกนะคะ เอาแค่เบื้องต้นก่อนก็ได้ แต่เวลานึกถึงปริมาณแขกที่จะมาจริงๆ ต้องบวกเพิ่มสัก 20-30 % ด้วยนะคะ เพราะอย่าลืมว่าการ์ดเชิญหนึ่งใบที่แจกไป ไม่สามารถกำหนดกับแขกไปเลยว่าคุณมาได้แค่คนเดียว ยกเว้นว่าคุณจัดงานแบบซิทดาวน์ดินเนอร์ที่ระบุที่นั่งให้แขกเลย

4. เตรียม “สถานที่”

0103

ต่อเนื่องจากการเตรียมรูปแบบงานและจำนวนแขกคร่าวๆ คือมุ่งหน้าหาสถานที่ๆ เหมาะกับงานได้เลยค่ะ เพราะอย่างที่เราบอกไปแล้วว่า เมื่อโจทย์เรื่องสถานที่แคบลง พอรู้จำนวนแขกในใจและคุณมีฤกษ์ดีที่จะจัดงานแล้ว ก็แค่นำสามสิ่งเป็นข้อมูลตั้งต้นในการเตรียมงานแต่งงาน แล้วมองหาสถานที่จัดงานที่ลงตัว เพราะคำถามสำคัญหรือเรียกว่าเป็นคำถามที่ทุกสถานที่จะถามคือ “แต่งงานวันไหน” “เชิญแขกกี่คน” นั่นเอง ส่วนถ้าคุณรู้ว่าอยากจัดงานแนวไหน ตัวคุณเองจะได้คัดสถานที่ไม่เข้าพวกทิ้งไปได้เร็วขึ้น แบบนี้ไม่วุ่นวาย ดูมีทิศทางและเตรียมงานง่ายขึ้นกว่ามีข้อมูลเป็นศูนย์นะคะ

5. เตรียม “อาหาร”

ถ้าคุณใช้บริการจัดงานที่โรงแรมหรือสถานที่รับจัดงานแต่งงานที่รวมเรื่องการจัดเลี้ยงเข้าไปอยู่แล้ว ข้อนี้อาจข้ามไปได้แบบสบายๆ แต่ในกรณีที่คุณจัดงานแต่งเองที่บ้านหรือเช่าแต่สถานที่อย่างเดียว สามารถเริ่มมองหาร้านที่จะเข้ามาดูแลเรื่องอาหารในวันงานได้หลังจากที่สรุปเรื่องสถานที่นะคะ จะได้จบไปเป็นเรื่องๆ อ้อ…แต่อย่าลืมหาอาหารให้ครอบคลุมทุกลำดับการจัดงานนะคะ ตั้งแต่อาหารเลี้ยงพระ อาหารถวายพระ อาหารว่างสำหรับแขกในพิธีเช้า อาหารกลางวัน และอาหารรองท้องสำหรับบ่าวสาว

6. เตรียม “เสื้อผ้าหน้าผม”

0120

อย่าได้ชะล่าใจเรื่องเสื้อผ้าหน้าผมที่ใช้ในงานเด็ดขาด เพราะเชื่อเถอะค่ะว่า ต่อให้คุณจัดงานแต่งเล็กแบบกันเองสุดๆ หรือใหญ่โตระดับเป็นทอร์คออฟเดอะทาวน์ได้ เรื่องเสื้อผ้าหน้าผมคือสิ่งที่สาวๆ ใช้เวลาในการตัดสินใจค่อนข้างนาน เราจึงแนะนำว่า ให้เวลาเผื่อๆ กับเรื่องพวกนี้สักหน่อย เพราะกว่าคุณจะสรุปได้ว่าจะใส่ชุดนี้ ทรงนี้ ต้องเทียบแล้วเทียบอีก พอสรุปได้แล้ว สิ่งที่ตามมาคือ ไปร้านไหนดี ราคาไหนเหมาะ ลูกไม้ลายไหนสวย นอกจากนี้ถ้าคุณเลือกแบบออกแบบใหม่และตัดให้เข้ากับรูปร่างของคุณ ก็ต้องให้เวลากับทางร้านเป็นหลักเดือน (ซึ่งถ้าร้านดังคิวอาจยาวเกิน 3 เดือนกว่าจะได้ลองโครงชุด!!)

ส่วนเรื่องหน้าผมนั้น เป็นเพราะฤกษ์งามยามดีมีไม่ได้มาก และช่างหน้าช่างผมมีหลายระดับราคา แต่ละคนที่คุณว่าที่เจ้าสาวเลือกใช้มักจะคิวทองทั้งนั้น ถ้าคุณแน่ชัด มั่นใจจะเลือกช่างท่านนั้นแน่ๆ ยกหูโทรฯ จองคิวไว้แต่เนื่องๆ ได้เลยก่อนจะชวดช่างฝีมือดีในดวงใจ

7. เตรียม “การจัดงาน”

ในหัวข้อนี้มีทางเลือกง่ายๆ ที่รู้ๆ กันอยู่คือ จะจัดงานเองหรือจะใช้เวดดิ้งแพลนเนอร์ ถ้าเลือกแบบจัดเองก็เริ่มเอาภาพสถานที่จัดงานมาออกแบบได้เลยว่าจุดไหนจะตกแต่งอะไร สถานที่ๆ เลือกใช้มีอะไรให้มาบ้าง และคุณต้องให้ใครมาดูแลจัดตกแต่งให้ในวันงาน เพราะแน่นอนว่าบ่าวสาวไม่สามารถลงมาตกแต่งเองได้แน่นอน หรือถ้าได้คงเหนื่อยหนักมากมาย แต่ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบไหน ถ้าตัดสินใจจัดงานแต่งด้วยตัวเองแปลว่ายังต้องมีสิ่งที่ต้องทำอีกเพียบ แต่ไม่ถึงกับบีบคั้นชีวิตมากนัก เพราะคุณสามารถเลือกวิธีง่ายๆ อย่างการเช่าพร้อพมาวาง โดยคุมมู้ดแอนด์โทนเอง หรือให้เพื่อนๆ ช่วยก็ยังไหว ขอเพียงไม่โลเลเปลี่ยนไปมาจนวินาทีสุดท้ายก็พอ

0124

ถ้าเลือกแบบจัดงานแต่งงานโดยใช้เวดดิ้งแพลนเนอร์ สิ่งที่ต้องทำก็คงคล้ายๆ กับการเตรียมเรื่องชุดคือ เลือกรูปแบบงานในใจที่อยากได้ แล้วมองหาเจ้าที่มีผลงานตรงใจ ค่อยเข้าไปคุย ดูเรื่องราคาและจริตว่าตรงกันไหม และจะให้ทางเวดดิ้งแพลนเนอร์รันคิวงานให้ด้วยหรือว่าตกแต่งอย่างเดียว แต่เชื่อเถอะว่า เมื่อสรุปเรื่องนี้ได้แล้ว คุณจะสบายไปอีกเรื่อง เพราะพวกเขาเหล่านี้มืออาชีพ จะจัดการให้คุณได้ทั้งหมด ส่วนคุณก็แค่คอยเช็คงานให้เป็นไปตามแบบที่ตกลงกันไว้

8. เตรียม “คนทำงานในตำแหน่งสำคัญ”

untitled-22

คนทำงานในตำแหน่งสำคัญที่ว่านี้ นับตั้งแต่ในพิธีแต่งงานตามประเพณีจะมีประธานในพิธีจะเป็นใคร ไหนจะเถ้าแก่ที่พาขบวนผ่านประตูเงินประตูทอง คนถือพานขันหมากในขบวน เด็กน้อยผู้ถือพานรับขันหมาก ใครเป็นคนเชิญขบวนขันหมากเข้าบ้าน เพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวมีกี่คน ในวันนั้นมีหน้าที่พิเศษหรือเปล่า เจ้าพิธีหาได้จากไหน พิธีกรเป็นใคร (ทั้งงานพิธีและงานฉลองฯ) คนคุมงาน ซึ่งเป็นตัวแทนบ่าวสาว แม้แต่คนคุมกล่องใส่ซองก็ต้องมี ทั้งหมดนี้คุณต้องทาบทาบแต่เนิ่นๆ และชัดเจนไปตั้งแต่ตอนที่เชิญว่าจะให้เขาเหล่านี้มาทำอะไรบ้าง ในเวลาไหน

9. เตรียม “การ์ดเชิญ”

ที่ให้การเตรียมการ์ดเชิญมาอยู่ในลำดับนี้ ด้วยเหตุผลว่า การ์ดเชิญจะเป็นศูนย์รวมข้อมูลทุกอย่างที่ต้องมีข้อมูลพื้นฐานครบ เพราะการ์ดเชิญไม่เพียงแต่เป็นสิ่งที่แจ้งบอกแขกว่ามีการจัดงานในวันไหน ที่ไหน ใครเป็นประธาน แต่การ์ดเชิญจะบ่งบอกธีมงานได้ด้วย เพราะแขกหลายๆ คนดูการ์ดก็จะจัดชุดสวยหล่อมาให้เข้ากับธีมไงล่ะคะ

10. เตรียม “ของชำร่วย”

0176

บางคนคิดว่า การ์ดและของชำร่วยต้องมาพร้อมกัน ซึ่งนั่นก็ไม่ผิดค่ะ  ถ้าคุณไปเจอร้านทำการ์ดเชิญที่มีบริการเรื่องของชำร่วยด้วยก็เบ็ดเสร็จในครั้งเดียวสะดวกดี แต่ถ้าคุณอยากได้ของชำร่วยที่เจาะจงเป็นพิเศษ ก็ยังยืดเวลาในการหาแยกออกมาจากการทำการ์ดได้ค่ะ

11. เตรียม “ของใช้ในพิธี”

ไม่ว่าจะเป็นชุดขันหมากไทยหรือจีน ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการโทรศัพท์ไปสั่งหรือเดินทางไปที่ร้านเพื่อเลือกดูแพ็กเกจและสั่งให้จัดชุดมาส่งในวันงาน (หรือไปรับสินค้าเองแล้วแต่ตกลง) ซึ่งถือว่าเป็นหนทางที่สะดวกที่สุด แถมยังมั่นใจในเรื่องความถูกต้องและครบถ้วนตามประเพณีปฏิบัติด้วย ซึ่งระยะเวลาโดยเฉลี่ยอย่างช้าที่สุดสำหรับการสั่งชุดขันหมากที่เราเคยสืบรู้มาอยู่ที่ขั้นต่ำ 3-4 อาทิตย์ล่วงหน้า

0038

ของใช้ในพิธีในที่นี้ยังรวมไปถึงของขวัญสำหรับมอบให้แก่ผู้ใหญ่ในช่วงรับไหว้หรือยกน้ำชาด้วยนะคะ คุณสามารถเตรียมไปพร้อมๆ กันได้เลยค่ะ

รู้อย่างนี้แล้วก็รีบ เตรียมตัวจัดงานแต่ง กันตั้งแต่เนิ่นๆ เลยนะคะ

ภาพ unsplash.com

อ่านบทความเพิ่มเติม

Sweet Memory มาเติมความหวานให้กับ พิธีการแต่งงานเย็น กันเถอะ

ช่อบูเกต์เจ้าสาว 7 สไตล์ เลือกให้เข้ากับรูปร่าง พร้อมเทคนิคเลือกยังไงให้งบไม่บาน

เฉลิมฉลอง “วันจูบสากล” ด้วย ข้อดีของการจูบ ที่คู่รักอาจยังไม่รู้!!

แต่งงานช้าไม่ต้องเครียด ข้อดีมีเพียบรับรองเลย!

ยุคนี้ถ้าไม่แต่งงานเร็วไปเลย อายุ 20 ต้นๆ ก็คือต้องแต่งงานช้าไปเลยตั้งแต่ 30 จนถึง 40 กว่าๆ ก็มี ซึ่งการแต่งงานเร็วและการแต่งงานช้านั้นก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันออกไป ถ้าถามว่าแบบไหนดีกว่ากัน อันนี้ก็ต้องบอกว่า ขึ้นอยู่กับความพร้อมของเราในตอนนั้นมากกว่า แพรว wedding เลยอยากจบอกคุณว่า แต่งงานช้า ไม่ต้องเครียด มีข้อดีเพียบ ไม่เชื่อลองอ่านบทความนี้ดู 😉

  • รู้จักตัวเองดีขึ้น

ช่วงอายุหลังเลข 3 เป็นต้นไป คือ ช่วงเวลาของการเติบโตที่หลายคนทราบดีว่าคือช่วงเวลาการเป็นผู้ใหญ่ สามารถช่วยเหลือและดูแลตัวเองได้อย่างอิสระเป็นครั้งแรก ดังนั้นจึงอาจเป็นช่วงที่คนส่วนใหญ่ควรใช้เวลาคิดและนึกถึงสิ่งที่ตัวเองเป็น สิ่งต้องการในชีวิต และสิ่งที่ต้องการจากคนอื่นๆ เป็นช่วงเวลาสำคัญที่จะสร้างความเชื่อมั่นและโอกาสที่ดีสำหรับตัวเองและทำความเข้าใจตัวเองเท่าๆ กับการเปิดตัวเองเพื่อเข้าใจคนอื่นมากขึ้นเพื่อสร้างสรรค์ความสุขและมิตรภาพที่ดีระหว่างกัน

  • ร่วมกันสร้างรากฐานที่แข็งแรง

การใช้เวลาจะทำให้คู่รักรู้จักกันและกันมากยิ่งขึ้น มีเวลาในการสร้างรากฐานความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งสำหรับกันและกันมากขึ้น ก่อนที่ความกดดันทั้งเรื่องเงิน ภาษี และความรับผิดชอบในครอบครัวจะเข้ามา นอกจากนี้ ยังมีโอกาสในการมองเห็นว่าทั้งคู่จะสามารถช่วยเหลือค้ำจุนกันและกันได้อย่างไร ซึ่งหมายถึงคู่รักจะมีช่วงเวลาทำความเข้าใจที่ดีเมื่อมีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดหรือทั้งสองฝ่ายเกิดภาวะยากลำบาก ไม่เข้าใจกัน จะมีวิธีประนีประนอมกันอย่างไร จะโต้แย้งกันอย่างไรและการแก้ไขปัญหาอื่นๆ ร่วมกันอย่างไร ซึ่งทั้งหมดของความสัมพันธ์ที่ผ่านมาร่วมกันจะเป็นแกนหลักของการใช้ชีวิตคู่หลังแต่งงานต่อไป

  • ไม่มีกำหนดเวลาสำหรับความสัมพันธ์

เมื่ออายุเกิน 30 ผู้ปกครองของคู่รักหลายคู่อาจจะเริ่มให้สัญญาณอะไรบางอย่างที่บ่งบอกถึงนาฬิกาที่เริ่มนับถอยหลัง หรือการที่คู่รักบางคู่เองเองอาจจะเริ่มกดดันเพราะเพื่อนส่วนใหญ่แต่งงานจนอาจเกิดเป็นปมด้อย แต่ไม่ว่าเหตุผลใดสำหรับการมาที่นั่งกังวลเกี่ยวกับการยังไม่ได้แต่งงานในช่วงวัยเลข 3 ให้จำไว้ว่าเรื่องอายุไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะในความไม่จริงไม่มีเวลาที่กำหนดตายตัวสำหรับความสัมพันธ์ ดังนั้นจึงไม่ควรกังวลและคิดซะว่ามีเวลาหายใจสำหรับความสัมพันธ์และใช้เวลาสำหรับการเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตที่ต้องการ

  • การพัฒนาในช่วงเวลาที่แตกต่าง

อะไรที่เราเมื่อครั้งเป็นวัยรุ่นย่อมแตกต่างจากเมื่อเราเติบโตจนถึงวัยเลข 3 เพราะเราเรียนรู้มากขึ้นสำหรับชีวิตและผลักดันตัวเองสำหรับประสบการณ์และการพบเจอคน สถานที่หรือไอเดียใหม่ๆ คนเราจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง รสนิยมเกี่ยวกับเพลง หนัง อาหารและเพื่อน และเมื่อเราไม่รู้จริงๆ ว่าเราคือใครและต้องการอะไร มันจะยากมากขึ้นเมื่อเราจะมีความเข้าใจกับการใช้ชีวิตกับใครสักคนตลอดไป มันสำคัญที่จะแน่ใจว่าใครสักคนที่เราจะแต่งงานด้วยจะพัฒนาเติบโตไปพร้อมๆ กันหรือไม่ขัดขวางการเติบโตของอีกฝ่ายและเวลาจะทำให้เรียนรู้สิ่งเหล่านี้ชัดเจนขึ้น

  • มีความมั่นใจในทักษะการตัดสินใจมากขึ้น

การเชื่อมั่นในตัวเองคือส่วนสำคัญของการเป็นมนุษย์ที่มีความสุข ดังนั้นคือข้อเท็จจริงที่ควรฟังตัวเองและรู้ว่าไม่ลงหลักปักฐานกับคนที่อาจมีปัญหาสำหรับกัน เราอาจจะต้องลองใช้เวลาพิสูจน์ใจกับหลายๆ คนก่อนจะเจอคนที่ใช่ที่แท้จริง แต่ในท้ายที่สุด เมื่อตัดสินใจจะตอบตกลงที่จะใช้ชีวิตกับใครสักคน มันจะจบลงด้วยความหวานเพราะจะมั่นใจได้ 100% ว่าเป็นคนที่ใช่แน่นอน

Cr. lover.ly

อ่านบทความเพิ่มเติม

9 วาจาสุดหวานหูที่ชายสุดที่รักมักทำให้สาวใจอ่อนแบบไม่รู้ตัว

“รักเราไม่เก่าเลย” 5 วิธีดูแลความรักให้สดใสอยู่เสมอ

คุณสมบัติแม่สามี & แม่ยาย แบบนี้แหละที่ลูกสะใภ้และลูกเขยอยากเจอ

5 นิสัยควรลด ละ เลิก!! ถ้าอยากมีชีวิตคู่แบบโฮมสวีทโฮม

ลด ละ เลิก และทิ้ง 5 นิสัยนี้ไปซะเพื่อ ชีวิตคู่ ที่สมบูรณ์แบบ

แม้คุณจะไม่ได้มีแพลนเข้าประตูวิวาห์อย่างเป็นเรื่องเป็นราว แค่ว่าอยู่กันไปเลยหรือแม้แต่อยู่ก่อนแต่งชั่วครั้งชั่วคราวประมาณว่าแค่ออกทริปเที่ยวเล่นท่องโลก แต่การอยู่ร่วมกันในทุกกรณีต้องมีการปรับนะคะ ยิ่งถ้าคุณเป็นคู่ที่แต่งงานกันไปแล้วละก็ คุณปรับนิสัย ปรับตัวเอง และปรับทัศนคติในการอยู่ร่วมกันกับอีกฝ่ายได้ดีแค่ไหนคะ ถ้ายังคิดไม่ออก ลองมาดู 5 นิสัยที่เราสำรวจมาให้แล้วว่าควรทิ้งซะ แล้วปรับตัวกันใหม่ เพื่อการใช้ ชีวิตคู่ อยู่ร่วมใต้ชายคาของคุณจะมีแต่คำว่าโฮมสวีทโฮมขึ้นทุกๆ ปี

อีโก้แรงแซงสติ

ยึดมั่นถือมั่นอยู่กับความคิดของตัวเอง ไม่ยอมลงให้กัน จะเอาแบบนี้เท่านั้นไม่มีวันปรับเปลี่ยน และเธอต้องยอมตามชั้นสิ นี่แหละค่ะ คือนิสัยของคนที่อีโก้แรง ซึ่งการอยู่ร่วมกันของคนสองคนที่มีอีโก้แรงต้องรู้จักคำว่า ‘ยอม’ คำว่า ‘ลง’ ให้กันบ้าง ไม่ใช่คิดแต่ว่าตัวเองทำถูกเสมอ และอีกฝ่ายต้องคลานเข่าเข้ามาง้องอนก่อน รวมถึงอย่าคิดค่ะว่า แต่งงานกันแล้วจะทำแบบนั้นแบบนี้กับชั้นได้ยังไง ขอบอกว่าทำได้ค่ะ เพราะอีกฝ่ายยังมีความเป็นมนุษย์ที่มีอารมณ์รัก โลภ โกรธ หลง อยู่เช่นกัน ถ้าคุณอยากให้ชีวิตคู่ในใต้ชายคาเดียวกันมีความสุขที่มาพร้อมความเข้าใจ ต้องลดอีโก้ลงบ้าง พยายามมองตัวเองและมองอีกฝ่าย ทำความเข้าใจในตัวตนและจัดการอีโก้ของตัวเอง แล้วการอยู่ร่วมชายคาเดียวกันจะดีกว่าที่คิดนะคะ

ฟังอย่างเดียวแต่ไม่แสดงความเห็นในทุกกรณี

เป็นอะไรที่น่าเบื่อมากนะคะ ถ้าคนหนึ่งถามหรือเล่าเรื่องนั้นนี้ให้ฟัง แต่อีกคนเอาแต่ฟังแล้วไม่แสดงออกซึ่งความเห็นใดๆ ทั้งสิ้น ไม่มีแม้แต่คำพูดในลักษณะการสนทนาทั่วไป ซึ่งบางทีการที่คุณคิดว่า อีกฝ่ายอาจจะอยากได้แค่คนรับฟังเท่านั้น คุณอาจคิดผิดก็เป็นได้ เพราะต่อให้อีกคนอยากให้มีใครสักคนฟังสิ่งที่พูดหรือระบายออกมา แต่เชื่อเถอะค่ะว่า เขาคนนั้นอยากได้ยินคำพูดที่เป็นการแสดงออกว่าใส่ใจฟังและมีส่วนร่วมจากปากคุณไม่มากก็น้อย และต่อให้สิ่งที่คุณพูดไป คุณจะรู้สึกว่าไม่สำคัญในความรู้สึกของเขา (ซึ่งคุณอาจคิดไปเอง) แต่เชื่อเถอะว่าการมีปฏิกริยาตอบกลับดีกว่านิ่งฟังอย่างเดียว ถ้าคุณยังไม่ทิ้งนิสัยเป็นผู้รับฟังที่ดีเพียงอย่างเดียว ระวังเขาจะไปพูดให้คนอื่นฟังแทนนะคะ แล้วถ้าถึงวันนั้นละก็…อย่ามานั่งเสียใจทีหลังล่ะ

ออกรบในสงครามประสาท

ข้อนี้เป็นนิสัยที่ส่วนใหญ่ฝ่ายหญิงมักจะงัดมาใช้กับฝ่ายชายเมื่อตอนที่ตัวเองมีความรู้สึกว่า ไม่ได้รับความสำคัญหรือไม่คิดว่าผู้ชายสนใจค่ะ เธอเหล่านี้จะใส่เสื้อเกราะถือโล่ห์หยิบดาบเตรียมไว้แล้วเดินสู่สนามรบสงครามประสาททันที ซึ่งกลยุทธ์ของนักรบสงครามประสาทคือ ทนได้แค่ไหนก็มาลองทนกันดูสักตั้ง และถ้ามีจังหวะที่มั่นใจเมื่อไหร่เธอก็พร้อมจะเอาดาบที่เตรียมไว้มาฟาดฟันได้ทันที ซึ่งถ้าคุณมีนิสัยชอบอยู่ในสงครามประสาทละก็ ขอให้รีบถอดเกราะอย่างเร็วที่สุด ก่อนที่โฮมสวีทโฮมจะกลายเป็นสนามรบที่ลุกเป็นไฟ

แผนชีวิต (ประจำวัน) ไม่มี

จำไว้ค่ะว่าชีวิตที่คุณเลือกตอนนี้ไม่ได้มีคุณแค่คนเดียวอีกต่อไป การที่คุณตัดสินใจอยู่ใต้ชายคาเดียวกันแล้ว ไม่ว่าจะแต่งงานแล้วหรือยังไม่แต่ง แต่การไปไหน ทำอะไร ในแต่ละวัน ควรบอกอีกฝ่ายไว้บ้าง ซึ่งนี่ไม่ใช่การรายงานตัวนะคะ อย่าเอามาเป็นประเด็น! แต่เป็นการบอกให้อีกฝ่ายได้รู้แผนชีวิตประจำวันในฐานะที่คุณอยู่ร่วมชายคาเดียวกันต่างหาก

ลองคิดดูง่ายๆ ว่าถ้ามีเหตุอะไรไม่ดีเกิดขึ้นกับคุณ หรือกลับบ้านผิดเวลา อีกฝ่ายจะเกิดอาการห่วงมากน้อยแค่ไหน ฉะนั้นเลิกเถอะค่ะ ไอ้นิสัยนึกจะอยู่บ้านก็อยู่ คิดจะออกไปร่อนก็ไป อ้าวววว แล้วอีกคนละจะเป็นยังไง ถ้านัดเพื่อนไว้เรียบร้อยแล้วก็ต้องยกเลิกนัดเพื่อมาอยู่กับคุณเนี่ยนะ เห็นแก่ตัวไปหรือเปล่า หรือแม้คุณจะรู้อยู่แล้วว่าเขาไม่ได้ออกไปไหน ไม่ได้มีนัด แต่อย่าคิดแทนเขาว่า คุณจะไปไหนเขาก็ต้องไปด้วย คุณจะอยู่บ้านเขาก็ต้องอยู่ด้วย แบบนั้นเห็นแก่ตัวสุดๆ แค่เปิดปากบอกแผนชีวิต (ประจำวัน) ให้อีกฝ่ายได้รู้สักหน่อย ดอกพิกุลไม่ร่วงหรอก จริงไหม

ช้ามากในทุกสิ่ง เอ่อระเหยในทุกอารมณ์

ก่อนแต่งงานคุณอาจจะทำทุกอย่างสบายๆ ไม่มีเวลาจำกัดหรือใครมานั่งรอ แต่ถ้าคุณแต่งงานแล้ว อยู่ใต้ชายคาร่วมกับอีกคนแล้ว จงคิดเสมอค่ะว่า คุณไม่ได้อยู่คนเดียวแบบเดิมอีกต่อไป  ดังนั้นถ้าคุณเป็นคนประเภทช้าทุกอย่าง ไม่ว่าจะการตัดสินใจสั่งอาหาร การเลือกเสื้อผ้าออกงาน หรือแม้แต่จะแต่งสวยเสริมหล่อแบบไหนดี ฯลฯ ขอให้ค่อยๆ เลิกนิสัยนี้ซะ แล้วปรับสปีดขึ้นอีกสักหน่อย เชื่อเถอะค่ะว่า อีกฝ่ายเข้าใจดีกว่านิสัยบางอย่างที่ติดตัวมาจะให้ทิ้งเลยแบบหักดิบคงลำบากเกินไป แต่คุณควรแสดงออกว่ารู้สำนึกและกำลังปรับนิสัยนี้อยู่ เพื่อการอยู่ร่วมชายคาจะเต็มไปด้วยบรรยากาศดีๆ

อ่านถึงตรงจุดนี้แล้ว คุณและคนที่เรียกว่า “คู่ชีวิต” เข้าข่ายมีนิสัยที่ควรทิ้งเหล่านี้ไหมคะ ถ้ามีละก็ ลองถามตัวเองนะคะว่า จะอยู่ต่อหรือเปล่า ถ้าคิดจะอยู่ก็ทิ้งนิสัยแย่ๆ พวกนี้ซะ แล้วปรับตัวให้น่ารักกว่าเดิม แต่ถ้าคิดว่าจะยังคงอยากเป็นอยู่เหมือนเดิมใช้ชีวิตและทำนิสัยเดิมๆ ละก็ ถามตัวเองดีไหมว่า คุณอยู่ไปเพื่ออะไร

สุดท้ายแพรวเวดดิ้งขอให้ทุกคู่โชคดีกับความรักและเส้นทางชีวิตคู่ที่เลือกนะคะ ^^

ภาพ hdwallpapersrocks.com

อ่านบทความเพิ่มเติม

10 ไอเดียกิจกรรมแก้เบื่อที่คู่รักต้องทำรับประกับความสวีทเว่อร์

4 คุณสมบัติต่อไปนี้ลูกสะใภ้จำไว้ให้ดีแม่สามีจะทั้งรักทั้งหลง

หนุ่มๆ จงฟังถ้าไม่อยากแป้ก! วิธีขอแต่งงานอย่างไรให้ได้ใจสาว

4 เหตุผลที่งานแต่งทำลายมิตรภาพระหว่างเจ้าสาวกับเพื่อนเจ้าสาว

เจ้าสาวหลายคนที่เคยประสบเหตุมีปัญหากับ เพื่อนเจ้าสาว ในระหว่างทางที่เตรียมงานจนจบงานฝากคำเตือนมากับแพรว wedding เพื่อบอกต่อกับคุณว่าที่คนต่อไปให้ระวังในการจะชวนใครก็ตามมาทำหน้าที่นี้ เพราะถ้าคุณคิดน้อยไปละก็ มิตรภาพที่ดีอาจดับสูญ ฉะนั้นตั้งใจอ่านให้ดีแล้วคิดให้ถี่ถ้วนก่อนจะชวนใครต่อใครนะคะ

ความคาดหวังทำมิตรภาพสั่นคลอน

ความคาดหวังที่ว่าไม่ได้เกิดแค่เจ้าสาวเท่านั้น แต่เพื่อนเจ้าสาวเองก็ไม่ต่างกัน เพราะเมื่อคุณหวังให้เธอทำบางอย่างให้ เธอเองก็คาดหวังถึงการปฏิบัติดีต่อเธอเช่นกัน โดยเฉพาะการรับฟังความเห็นกันอย่างมีเหตุผล ไม่ใช่เจ้าสาวที่เอาแต่ชี้นิ้วสั่งให้ทำอย่างที่ต้องการ นั่นเพราะคำว่า ‘เพื่อน’ นำหน้า ไม่ใช่ทาสเจ้าสาวสักหน่อย นอกจากนี้ประโยคฮิตที่ว่า นี่วันแต่งงานของเรานะ ที่ทำเอามิตรภาพแตกมานักต่อนัก ถ้าจะให้ดี เปลี่ยนมาเป็นคำพูดที่ว่า วันแต่งงานของเราถ้าไม่มีแกละแย่เลย ขอบใจนะจ้ะ รับรองว่าพูดไปมิตรภาพแน่นกว่าเดิมค่ะ

ความต้องการที่มากล้นแต่อับจนด้วยงบประมาณ

กลุ่มเพื่อนเจ้าสาวมักจะได้รับโจทย์จากเจ้าสาวในเรื่องธีมสีธีมชุดหรืออะไรก็ตามที่มองดูแล้วมีความเป็นทีมเดียวกัน ซึ่งนั่นทำให้เกิดคำถามว่า ใครจ่ายเงินล่ะ ถ้าเจ้าสาวจ่ายหมดก็จบปัญหา แต่ถ้าเจ้าสาวไม่ช่วยจ่ายสักบาท แถมยังมากับโจทย์เยอะแยะที่ไม่มองความจริงเอาซะเลยว่า ทั้งพร้อพเว่อร์ ชุดอลัง ราคารวมๆ แล้วเท่าไหร่ ซึ่งเพื่อนเจ้าสาวก็ต้องมีคิดบ้างแหละว่า นี่ถ้าเป็นแขกทั่วไปก็ไม่ต้องลงทุนขนาดนี้ และชุดที่ซื้อมายังใส่ไปงานอื่นได้ด้วย

ฉะนั้นถ้าคุณอยากมีเพื่อนเจ้าสาวและมีโจทย์ในใจแต่ไม่มีมีเงินก็บอกไปตรงๆ แล้วลองดูว่าเพื่อนๆ จะว่ายังไง ซึ่งบางทีคุณอาจต้องลดทอนความต้องการไปบ้าง คุณจะโอเคไหม หรือถ้ามีน้อยช่วยน้อยยังโอเคกันหรือเปล่าอะไรแบบนั้น แต่ถ้าปัญหานี้เคลียร์กันไม่ลงตัวแถมคุณยังเอาแต่ใจ เชื่อเถอะว่านอกจากจะมีแววว่าเพื่อนเจ้าสาวจะขอถอนตัว เสียงเม้ามอยจะมีตามหลังมาอย่างแน่นอน

รับความเครียดจากเจ้าสาวเกินกำลัง

แม้คุณสมบัติหนึ่งของการเป็นเพื่อนเจ้าสาวคือ อดทนฟังและทำความเข้าใจกับสิ่งที่เจ้าสาวคิดและมีความฝัน แต่ในบางครั้งความเครียดในระดับสูงส่งผลให้เจ้าสาวมีอาการไบรด์ซิลล่าขึ้นมาซะงั้น ไอ้ที่เคยน่ารักและดีแสนดีก็พลิกกลับด้านทันที ซึ่งพออารมณ์ที่ว่าเหวี่ยงลงที่เพื่อนเจ้าสาวบ่อยๆ ก็พลอยให้เพื่อนเครียดตามจนเกิดความรู้สึกว่า คบกันมานาน ฉันเพิ่งรู้นะว่า เธอเป็นคนแบบนี้เอง!’ จากนั้นก็บายยยยย อย่าได้มาเจอะมาเจอมาจอยชีวิตกันอีกเลย

ใช้ตำแหน่งนี้เพื่อปรับความสัมพันธ์

ถ้าเมื่อก่อนความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเพื่อนคนที่เชิญมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวไม่ค่อยจะรุ่ง แล้วคุณคิดว่า นี่คือโอกาสดีที่จะเอาตำแหน่งเพื่อนเจ้าสาวมากระชับความสัมพันธ์ละก็ ขอบอกว่าคิดผิดถนัด และดีไม่ดี การตัดสินใจแบบนี้ นอกจากจะไม่ช่วยให้ความสัมพันธ์เป็นไปในทางที่ดีขึ้นแล้ว ยังอาจทำให้เรื่องแย่ๆ เกิดขึ้นในงานแต่งก็ได้ เพราะถ้าคุณมีโจทย์บังคับให้ช่วยทำนั่นนี่กับคนที่ยังมีทัศนคติไม่ดีกับคุณอยู่ละก็ มีหรือที่คนๆ นั้นจะเต็มใจและพร้อมยอมทำให้คุณ

ทางที่ดีถ้าคิดจะอยากได้มิตรภาพดีๆ ของเพื่อนคนนั้นกลับมา ก็เคลียร์ใจกันก่อนถึงวันจริง แล้วชวนเธอคนนั้นมาร่วมงาน ดูสิว่าปฏิกิริยาเป็นแบบไหน ถ้ามั่นใจว่าใจผ่องใสไร้เรื่องบาดหมาง ค่อยเอ่ยปากชวนเธอมาร่วมแก๊งเพื่อนเจ้าสาวก็ยังไม่สาย

เรื่อง : Hoyamemoria / ภาพ : get.pxhere.com, commons.wikimedia.org

อ่านบทความเพิ่มเติม

4 ประโยชน์น่าทึ่งที่ได้จากการจับมือแฟนที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน

5 การยอมรับที่ต้องมั่นใจก่อนเข้าสู่ชีวิตแต่งงาน

อายุเป็นเพียงแค่ตัวเลขกับ 3 เคล็ดลับเพื่อชีวิตรักต่างวัยที่เป็นสุข

เช็คให้พร้อมแล้วรีบหา! ของแต่งงานจีนที่เจ้าสาวต้องเตรียมมีอะไรบ้าง

ของแต่งงานจีน ที่เจ้าสาวต้องเตรียมมีอะไรบ้าง เช็กเลย

ในพิธีแบบจีน ฝ่ายเจ้าสาวจะต้องเตรียม ของแต่งงานจีน ที่เรียกว่า “เครื่องแต่งงาน” สารพัด ซึ่งของแต่ละอย่างมาพร้อมความหมายแฝงดีๆ ที่เชื่อกันมายาวนานว่ามีแล้วดี มีแล้วเฮง ทั้งหมดมีอะไรบ้าง เช็คไปพร้อมกันเลยค่ะ

ของแต่งงานจีน

ต้นชุงเฉ้า (ต้นเมียหลวง) น้ำตาลทรายแดง เชือกแดง ในพิธีแต่งงานแบบจีนใช้ต้นชุงเฉ้าจำนวน 2 ต้น แต่ให้ความหมายว่าเป็นเมียเพียงคนเดียว ถ้ามองเผินๆ อาจคิดว่าเป็นต้นไม้ในห่อ แต่จริงๆ แล้วในห่อกระดาษแก้วสีแดงนั้นบรรจุน้ำตาลทรายแดงที่มัดด้วยเชือกแดงไว้ เมื่อเสร็จพิธี นิยมนำน้ำตาลทรายแดงมาปรุงอาหารทานได้ (ราคาของต้นชุงเฉ้าพร้อมน้ำตาลทรายแดงนี้อยู่ที่ประมาณ 600-800 บาท)

ของแต่งงานจีน

ชุดเอี๊ยมแต่งงาน ประกอบด้วยเมล็ดพืช 5 ชนิด เหรียญเงินทอง 2 คู่ ปิ่นทอง 2 อัน สำลี 2 คู่ เมล็ดแป้งจีน 2 ห่อ โดยเอี๊ยมแดงต้องมีช่องกระเป๋าตรงกลางปักตัวอักษรจีน ซึ่งแปลว่าอยู่กินกันจนแก่ 100 ปี เวลานำมาเข้าพิธีจะต้องใส่เมล็ดพืช 5 ชนิด (โหงวเจ๊งจี้ หรือ โหงวอิ๊กอี้) อันได้แก่ ข้าวเปลือก ข้าวสาร ถั่วเขียว สาคู ถั่วแดง ซึ่งห่อไว้ในกระดาษแดงลงไปในกระเป๋า เพื่อเอาเคล็ดให้ทั้งคู่มีความเจริญรุ่งเรืองงอกงามและมีลูกหลานสืบสกุล พร้อมใส่เหรียญทองลายมังกร (เหรียญกิมเล้ง) หรือบางบ้านใส่เงินเพิ่มเติมลงไปด้วย เพื่อเอาเคล็ดให้ร่ำรวย มีเงินมีทองตลอดปี จากนั้นเสียบปิ่นทองไว้ที่ปากกระเป๋าเอี๊ยม เพื่ออวยพรให้สมปรารถนา พร้อมกันนี้ให้วางสำลี 2 คู่ ที่สื่อความหมายว่าอยู่ร่วมกันจนแก่เฒ่า เมล็ดแป้งจีน 2 ห่อ ที่สื่อความหมายว่าเงินทองเฟื่องฟูลงไปด้วย (ราคาของเอี๊ยมแดงอยู่ที่ 150-250 บาท แต่ถ้าซื้อแบบครบชุดราคาอยู่ประมาณ 600-800 บาท)

ของแต่งงานจีน

ส้มเช้ง จำนวน 1 ถาดใหญ่ ติดตัวหนังสือ “ซังฮี้” แปลว่าคู่ยินดี โดยปริมาณส้มเช้งจะมากน้อยแล้วแต่กำหนด และแล้วแต่งบประมาณกับราคาส้มเช้งในขณะนั้น แต่ที่บ่าวสาวจะต้องไม่ลืมคือ ส้มเช้งที่ว่าต้อง ใหม่ สด ทุกผลมีกิ่ง ก้าน ใบ พร้อมติดตัวอักษรซังฮี้

ใบทับทิม

ใบทับทิม เชื่อว่ามีไว้เพื่อความเป็นสิริมงคลและช่วยปัดเป่าชำระสิ่งชั่วร้ายไปให้หมด บ่าวสาวจึงต้องเตรียมไว้สำหรับประดับของทุกถาด

เซฟ

เซฟแดง สำหรับใส่เงินทองและเครื่องประดับที่เจ้าสาวนำติดตัวออกไปจากบ้าน มีความหมายว่า ให้มีเงินมีทองใช้ตลอดชาติและเพิ่มพูนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยในปัจจุบันเซฟแดงมีให้เลือกทั้งเซฟหล็ก เซฟแมตทาริกและเซฟไฟเบอร์ ราคาโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 1,500 บาทขึ้นไป

เครื่องใช้111

ชุดของใช้สำหรับเจ้าสาว ได้แก่ กะละมังสีแดง 2 ใบ ตามประเพณีจีนมีไว้ให้ใช้เป็นภาชนะใส่สบู่ เเปรงสีฟัน ยาสีฟัน ผ้าขนหนู 2 ชุด สำหรับล้างหน้าเจ้าสาว (ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ชิ้นละ 300 บาท) ถังน้ำสีแดง 2 ใบ  กระป๋องน้ำสีแดง 2 ใบ กระโถน 1 ใบ มีไว้เพื่ออวยพรให้เจ้าสาวคลอดลูกง่ายและปลอดภัย (ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 400 บาท) กระจก มีไว้เพื่อสะท้อนสิ่งไม่ดีออกไป กรรไกรเพื่อสื่อให้เจ้าสาวมีความเป็นแม่ศรีเรือน ตะกร้า หมายถึงการอุ้มท้อง ด้ายสีขาวเเละสีดำ สื่อถึงบ่าวสาวอยู่ด้วยกันจากผมสีดำจนผมเป็นสีขาว เข็ม หมายถึงลูกหลานประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดี หวี หมายถึง ความร่ำรวยเงินทองไม่ขาดมือ ไม้บรรทัดสีแดง หมายถึง ความคงเส้นคงวา

ถาด

ถาดใส่ของ จัดเตรียมไว้เป็นคู่กี่คู่ก็ได้เพื่อใส่ของในพิธีการ โดยคนจีนเชื่อว่าสีแดงเป็นสีหนึ่งในเบญจธาตุของจีนคือ ธาตุไฟที่เป็นสีแดง หมายถึงแสงสว่าง ความอบอุ่น พละกำลัง และความรุ่งโรจน์นั่นเอง โดยราคาถาดเริ่มต้นที่ชิ้นละ 150 บาทขึ้นไปขึ้นอยู่กับวัสดุว่าเป็นพลาสติกหรือเหล็ก

แผ่นหัวใจ

แผ่นรูปหัวใจสีแดง  สำหรับติดเครื่องประดับ ทองและเพชร จะมีจำนวนมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับฐานะเจ้าสาว โดยราคาเฉลี่ยเริ่มต้นที่ชิ้นละ 120 บาท

พัด

พัดแดง สำหรับเจ้าสาวถือตอนส่งตัว ให้ความหมายถึงการพัดสิ่งไม่ดีออกจากตัวและพัดพาสิ่งดีๆ เข้ามาหา ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 100 บาทขึ้นไป

รองเท้า

รองเท้าเกี๊ยะสีแดง 1 คู่ สำหรับใส่ในเช้าวันแรกที่อยู่บ้านฝ่ายชาย ราคาเริ่มต้นที่ 200 บาท

หมอน

หมอน 1 ชุด ได้แก่  หมอนข้าง 1 คู่ หมอนหนุน 1 คู่  หมอนหนุนใบยาว 1 ใบ (มี หรือไม่มีก็ได้)  ผ้าปูที่นอน และผ้าห่ม 1 ผืน หมายถึงการร่วมเตียงเคียงหมอน ราคาขึ้นอยู่กับคุณภาพของเนื้อผ้า

ของแต่งงานจีน

ชุดน้ำชาและกาเหล้าสีแดง จะใช้สำหรับพิธียกน้ำชาแก่ญาติผู้ใหญ่ พร้อมกับการเเนะนำตัวแก่ญาติทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งพิธีนี้ถือเป็นการแสดงความเคารพแก่ญาติผู้ใหญ่ของบ่าวสาว ขาเทียนหรือเชิงเทียนรูปซังฮี้ ใช้ในช่วงก่อนถึงฤกษ์ส่ง ตัวที่เจ้าสาวต้องทานอาหารมงคล 10 อย่างพร้อมครอบครัวและใช้ไหว้ฟ้าดินเมื่อถึงบ้านเจ้าบ่าว ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 300 บาท

ตะเกียง

ตะเกียง หมายถึง เเสงสว่างในชีวิตและการมีทายาทคนแรกเป็นผู้ชาย ชาวจีนจึงถือเคล็ดว่าตะเกียงนี้ห้ามผูกโบหรือติดของตกเเต่งให้ดูเป็นผู้หญิงเด็ดขาด ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 250 บาท

ไข่ต้มย้อมเปลือกเป็นสีแดง จัดเตรียม เป็นจำนวนคู่ สื่อความหมายให้มีลูกหลานมากๆ

ของขวัญ สำหรับมอบให้พ่อแม่และญาติ ฝ่ายชาย

ทั้งหมดนี้คือของแต่งงานจีนที่เจ้าสาวชาวจีนหรือว่าที่สะใภ้ชาวจีนต้องตระเตรียมให้พร้อม เพื่อใช้ในประเพณีแต่งงานที่ถูกต้องตามประเพณี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับความเชื่อของแต่ละครอบครัวนะคะว่าอยากได้งานแต่งจีนแบบจีนแท้ๆ หรือแบบประยุกต์ แต่รับรองได้ว่า ข้าวของทุกชิ้นที่เจ้าสาวต้องเตรียมนี้ ล้วนเป็นของมงคลทั้งสิ้นค่ะ

ส่วนเจ้าบ่าวก็มีเรื่องที่ต้องเตรียมเหมือนกันนะ >>> ส่องขันหมากจีน เจ้าบ่าวเตรียมตามนี้ถูกตามประเพณีแน่นอน <<< คลิกเลย!

9 กุญแจสำคัญเพื่อชีวิตคู่ที่นำไปสู่รักแท้เสริมใยเหล็กให้รักนี้ยาวนาน

คู่รักหลายคู่อาจจะมีทฤษฎีในการใช้ ชีวิตคู่ ร่วมกัน และคิดว่าสิ่งเหล่านั้นถูกต้องแล้ว อยู่ด้วยกันมาช่วงเวลาหนึ่งจนบางครั้งก็ลืมนึกไปว่าสิ่งที่เราคิดหรือเชื่อมาตลอดนั้นอาจไม่ถูกต้องเสมอไป เอาเป็นว่าถ้าคุณพร้อมจะฟังเสียงจากข้างนอกเพื่อให้ความรักมั่นคงและเข้าใจกันมากกว่าเดิมแล้วล่ะก็ วันนี้ แพรว wedding รวบรวม 9 กุญแจสำคัญที่จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างคู่รักยืดยาวและมี ชีวิตคู่ ที่มั่นคงมาฝากกัน มาทำให้ความรักของคุณแข็งแรงกันเถอะค่ะ

1. ทีมเดียวกัน

จำไว้เลยว่าเมื่อคุณและคู่รักเริ่มสร้างความสัมพันธ์กัน คุณต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน นั่นหมายความว่าคุณสามารถเรียนรู้ และที่สำคัญคอยช่วยเหลือกันและกันเมื่ออีกฝ่ายกำลังผิดหวัง เพราะต่อจากนี้คุณจะไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป

2. เลิกคาดหวัง

แน่นอนว่าคู่รักส่วนใหญ่ล้วนอยากให้ความรักเป็นในแบบที่ต้องการ จนหลงลืมไปว่าชีวิตรักของคนสองคนมีทั้งขึ้นและลงอยู่ตลอด ถ้าคุณเข้าใจว่ารักแท้คือการที่ระยะทางของความสัมพันธ์จะไม่พบทางขรุขระเลยล่ะก็ผิดแล้วค่ะ ไม่งั้นโบราณจะมีคำว่าร่วมทุกข์ร่วมสุขหรือคะ เอาเป็นว่าคุณและคู่รักควรที่จะลืมเรื่องราวความรักอันสวยหรูที่อยากจะให้เกิดราวเทพนิยาย แล้วเตรียมใจเตรียมกายพร้อมจับมือกันไว้ให้แน่นไม่ว่าเส้นทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร เพราะลองคุณจับมือกันแน่นพอ ความฝันหรือความหวังต่างๆก็แทบไม่สำคัญอะไรต่อความรักที่มั่นคงอยู่แล้วของคุณทั้งคู่

3. ลืมและให้อภัย

หากคู่รักของคุณทำบางสิ่งบางอย่างผิดพลาดไป แม้คุณจะเสียใจก็ควรให้อภัยคู่รักของคุณ และที่สำคัญการลืมสิ่งที่คู่รักทำผิดพลาดก็เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน เพราะการดึงความผิดพลาดของคู่รักมาซ้ำเติมกัน ไม่ได้ช่วยให้มีอะไรดีขึ้นมาเลย

4. หมั่นใช้เวลาด้วยกัน

เราต่างก็อยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายและต่างก็มีมากสิ่งที่แต่ละคนต้องทำ แต่คู่รักที่มีความสัมพันธ์หอมหวานจะหาเวลาให้กันอยู่เสมอ แม้ว่าช่วงเวลาที่มีให้กันจะจำกัดและดูเหมือนจะไม่โรแมนติคซะเท่าไร แต่ก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอที่อย่างน้อยเราก็มีเวลาได้เจอกันบ้าง

5. ชัดเจนต่อกัน

จะดีแค่ไหนถ้าหากคุณและคู่รักได้เคลียร์ในสิ่งที่ต่างคนกำลังคิดอยู่ และบอกให้อีกฝ่ายได้รับทราบก่อนที่จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ พอกันทีกับการทิ้งคำถามหรือคำพูดที่มีนัยเอาไว้ให้ต้องตีความต่อ เพราะตีถูกก็ดีไป แต่ถ้าไม่ถูกเดี๋ยวก็ได้ไฟท์กันไม่จบอีก และบ่อยครั้งเข้าก็เจ็บช้ำกันทั้งคู่ เลิกคิดว่าอีกฝ่ายคงจะเข้าใจได้เอง เพราะไม่มีอะไรดีไปกว่าการเคลียร์กันให้ชัดเจนอีกแล้ว มัวไม่พูดดีไม่ดีทำอีกฝ่ายโกรธขึ้นมาว่าทำไมคุณไม่บอกหรือพูดคุยกับเขาก็ได้เรื่องยาวไปอีก

6. ยอมรับเมื่อรู้ว่าตัวเองทำผิด

คู่รักที่มีความสัมพันธ์ที่ยาวนานจะรู้ว่าเมื่อตัวเองทำผิดจะยอมรับออกมาตรงๆ แน่ล่ะว่ามันคงเป็นเรื่องที่ยากที่จะยอมรับในสิ่งที่ตัวเองทำผิด แต่ถ้าคุณมีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันกับคู่รักของคุณ และคุณรู้ดีว่าคุณเป็นฝ่ายที่ผิด คุณควรลดอัตตาลงให้มาก และยอมรับผิดซะ ปัญหาจะได้ไม่เรื้อรัง

7. หาโอกาสเซอร์ไพรส์กันบ้าง

อย่าปล่อยให้ความสัมพันธ์ถึงจุดที่น่าเบื่อเลยนะคะ ลองหาโอกาสเซอร์ไพรส์กันบ้างแม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นการทำอาหารเมนูโปรดให้กับคู่รัก พาไปทานเค้กร้านโปรด พาไปดูหนังรักสักเรื่อง หรือแม้แต่การเขียนโน้ตติดกระจกไว้ในตอนเช้า เพราะการเซอร์ไพรส์ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องทำเรื่องที่ยิ่งใหญ่เสมอไป แต่ก็กลับเป็นเรื่องที่อีกฝ่ายไม่คิดว่าคุณจะทำให้ต่างหากล่ะคะ

8. ให้กำลังใจกันอยู่เสมอ

แค่ใช้ชีวิตก็ยากอยู่แล้ว ดังนั้นต่างฝ่ายควรให้กำลังใจกันอยู่เสมอ เพราะกำลังใจคือสิ่งที่คุณสามารถให้อีกฝ่ายได้อยู่ตลอด คนรักของคุณกำลังจะมีพรีเซ้นต์งานใหญ่ในวันพรุ่งนี้หรือเปล่า ถ้าเป็นแบบนั้นบอกเธอหรือเขาไปเลยว่า “สู้ๆ นะ คุณจะต้องทำออกมาได้ดีแน่นอน” หรืออะไรก็ว่าไป

9. พึ่งพาตัวเองบ้าง

ทุกความรักความสัมพันธ์ที่ยาวนานเป็นเรื่องง่ายที่ต่างฝ่ายจะต้องดูและกัน แต่การดูแลตัวเองด้วยตัวเองก็เป็นเรื่องที่สำคัญเช่นเดียวกัน แม้ว่าเธอจะเป็นคนที่คอยรีดผ้าให้คุณ หรือเขาที่คอยเป็นคนตัดหญ้าหน้าบ้านให้คุณ แน่นอนว่าการพึ่งพากันเป็นเรื่องที่ดี แต่คุณก็ไม่ต้องการให้ชีวิตขึ้นอยู่กับเขาแค่คนเดียวใช่ไหมล่ะคะ เพราะฉะนั้นในบางเวลาคุณเองก็ต้องดูแลตัวเองให้ได้ แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่รับมือยากสักหน่อยก็เถอะ

เป็นยังไงกันบ้างคะ กับ 9 เคล็ดลับที่เรานำมาบอกเล่ากัน เราหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ชีวิตคู่ของคุณราบรื่นและมั่งคงขึ้นอย่างที่คุณต้องการ หรือถ้าต้องเจอกับปัญหาที่จะเข้ามาในวันข้างหน้า เราก็เชื่อว่าคู่ของคุณก็พร้อมจะรับมือกับอุปสรรคได้อย่างเข้าใจและไม่หวั่นไหวอย่างแน่นอนเลยค่ะ 😉

Cr : teendayz.com

อ่านบทความเพิ่มเติม

How to จีบมนุษย์โลกส่วนตัวสูงยังไงให้โลกทั้งใบมีแค่เราสองคน

เสริมดวงความรักให้มั่นคง ด้วย 7 ไม้มงคลไว้ปลูกในเรือนหอ

7 เทคนิคกระชับพื้นที่ใจ ให้รักทางไกลได้ใกล้กว่าที่เคย

ชุดเจ้าบ่าวแบบไม่ต้องพึ่งสูทให้เป็นทางการ เจ้าบ่าวสายชิลต้องยกนิ้วกดไลค์

ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีก็จะมีเจ้าบ่าวตั้งคำถามขึ้นมาว่าวันแต่งงานไม่ใส่สูทได้ไหมแพรวเวดดิ้งขอย้ำๆๆ ว่า ได้!! ถ้างานของคุณไม่ใช่งานทางการ (เราคงไม่ต้องบอกนะว่าทางการนั้นคืออะไร??) และถ้าคุณตกลงกันได้กับเจ้าสาว แล้วผู้ใหญ่ไม่ว่าอะไร ก็จัดเลยอย่าให้เสียความตั้งใจ เอ…ว่าแต่เลี่ยงใส่สูทแล้วเจ้าบ่าวจะใส่ ชุดเจ้าบ่าว แบบไหนได้บ้าง มาดูกัน

 

  • เอาแค่สูทออก เหลือเชิ้ตกับเสื้อกั๊ก

แบบนี้ก็ได้นะ ยังคงความสุภาพ แถมไม่ร้อนแล้วยังคงช่วยกระชับรูปร่างให้ดูดี ใครมีกล้ามท้องก็ยังได้โชว์หน่อยๆ ที่สำคัญเลือกลวดลาย เนื้อผ้า สีของเสื้อกั๊กตัดกับเชิ้ต ดูดีไปอีกแบบ

  • เหลือแค่เชิ้ตก็ยังได้อยู่

แค่ใส่เสื้อเชิ้ตก็ถือว่าสุภาพแล้วนะ แต่ควรเป็นเชิ้ตแขนยาว ไม่ใช่แขนสั้น ส่วนว่าจะติดกระดุมแขนหรือพับมาพอดีศอกให้ดูสบายๆ มีสไตล์อย่างจงใจก็แล้วแต่ แต่ถ้าจะให้ดูดีไม่สบายเกินเหตุ ต้องมีเนคไท โบไท หรือสายเอี่ยมแบบนั้นก็ดูแนวไปอีกทาง

  • ใส่เครื่องแบบซะสิ

ถ้าคุณเป็นข้าราชการก็จะมีชุดข้าราชการใส่ แล้วทำไมไม่ใส่แต่งงานด้วยความภาคภูมิใจล่ะ และเราเชื่อว่า เจ้าสาวของคุณก็ต้องมีแต่คนอิจฉา ยิ่งถ้าได้นับดาวบนบ่าไปด้วยเพลินๆ ยิ่งปลื้ม แหม…มีบ่อยไปที่ตำรวจหรือทหารใส่เครื่องแบบเข้าพิธีหมั้น ยิ่งถ้าเป็นชุดขาวเต็มยศมาแห่ขันหมากยิ่งดูดี มีเกียรติได้เลย

  • เสื้อพื้นเมือง

กำลังมาเลยเถอะขอบอก เพราะผ้าพื้นเมืองใส่สบาย มีความเป็นเอกลักษณ์ แสดงตัวตน และยังเข้ากับพิธีการของแต่ละภาคแต่ละจังหวัดอีกด้วย แน่นอนว่าสีที่ใช้ยังเป็นสีขาวสะอาดตา ใส่แต่งงานได้รับรองไม่มีใครว่า แถมเสร็จงานยังใส่ต่อวาระอื่นได้อีก ดีใช่ไหมล่ะ

  • เสื้อคอตั้งแขนยาว

จะจีนก็ไม่ใช่ฟิลิปินส์ก็ไม่เชิง จริงๆ แล้วเสื้อแบบนี้เป็นการรับวัฒนธรรมอื่นมาประยุกต์ ไม่มีผิดไม่มีถูก ดีไซน์โดยรวมคือเสื้อคอตั้งคล้ายคอจีน คู่กับแขนเสื้อยาวขาว ทิ้งชายเสื้อให้เป็นทรงตรงๆ ลงไปได้ลุคสบายๆ เป็นเสื้อที่เรียบง่ายแต่ยังดูดี และยังคงมีความสุภาพในตัว

>> ดูเรื่องราวเกี่ยวเจ้าบ่าวเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย <<

วางแผนแต่งงานกับงบงานแต่ง ที่ถึงแม้จะตั้งไว้เป็น “ศูนย์บาท” ก็แต่งได้

คำถามสุดฮิตที่บ่าวสาวถามเข้ามาบ่อยๆ คือ จัดงานแต่งต้องใช้เงินเท่าไหร่ ซึ่งเราก็เคยตอบไปแล้วนะคะว่า เรื่องเงิน หรือ งบงานแต่ง นั้นขึ้นอยู่กับฐานะและความพึงพอใจที่จะจ่ายของแต่ละคู่ เรียกว่าใครมีมากก็อาจไม่จำเป็นต้องจ่ายมากเสมอไป ใครมีน้อยก็จัดงบใช้กันอย่างพอเพียง เพราะสุดท้ายก็ได้งานแต่งในฝันได้เหมือนกัน แต่ก็มีคำถามส่งมาอีกว่า แล้วงบประมาณส่วนไหนพอจะตัดทิ้งได้บ้าง เราสรุปมาแล้วจากประสบการณ์ตรงของเจ้าสาวตัวจริงว่า มีงบประมาณบางส่วนที่แม้คุณจะเซ็ตเป็น “ศูนย์” ก็ยังแต่งงานได้ แต่จะมีอะไร ทำไมถึงยังแต่งได้ ไปเช็คกันเลยค่ะ

  • ค่าสถานที่ เป็น “ศูนย์” ได้ : ถ้าคุณมีบ้านหลังโตที่สามารถปรับพื้นที่ให้กลายมาเป็นสถานที่แต่งงานได้ก็ไม่ต้องกังวลกับค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ ก็แหม…บ้านก็บ้านตัวเองแล้วจะเสียค่าเช่าให้ใครล่ะ ฉะนั้น งบประมาณในส่วนนี้จึงตัดทิ้งออกไปได้เลย
  • ค่าพิธีกร เป็น “ศูนย์” ได้ : ถ้าคุณไหว้วานเพื่อนมาเป็นพิธีกรก็ตัดทิ้งได้ หรือถ้าอยากให้เป็นสินน้ำใจก็น้อยนิดมากๆ (แต่ส่วนใหญ่เพื่อนจะยินดีทำให้ฟรีนะ)
  • ค่าเค้ก เป็น “ศูนย์” ได้ : ถ้าคุณซื้อแพ็กเกจจัดงานแต่งในโรงแรม ในแพ็คเกจนั้นมักจะมีเค้กแต่งงานมาให้อยู่แล้ว
  • ค่าเช่าของ เป็น “ศูนย์” ได้ : ถ้าคุณพอใจในรูปแบบการตกแต่งสถานที่ที่รวมอยู่ในแพ็คเกจที่ซื้อ หรือถ้าเลือกสถานที่จัดงานที่มีความสวยอยู่ในตัว พร้อพชิ้นเล็กไปจนถึงชิ้นใหญ่ที่จะผลาญงบประมาณของคุณก็ไม่ต้องมีอีกต่อไป

งบงานแต่ง

  • ค่าที่พักสำหรับแขก เป็น “ศูนย์” ได้ : ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงว่าห้ามเชิญแขกต่างจังหวัดมาร่วมงานนะคะ แต่เชิญโดยระบุบอกไปอย่างชัดเจนเลยว่า แขกต้องดูแลตัวเองในส่วนนี้ ทีนี้ก็อยู่ที่แขกจะตัดสินใจแล้วว่าจะเดินทางมาร่วมงานไหม ถ้ามาก็เท่ากับว่า แขกเต็มใจจะมายินดีและดูแลตัวเองในเรื่องดังกล่าว (คำเตือน!! ต้องบอกกล่าวอย่างชัดเจนตั้งแต่แรกเชิญนะ จะได้ไม่มีเสียงเม้าท์ตามมาให้ปวดใจทีหลัง)
  • ค่าช่างภาพ เป็น “ศูนย์” ได้ : ในกรณีที่คุณมีเพื่อนเป็นช่างภาพแล้วเขายินดีมาถ่ายให้ฟรี (หรือคุณขอให้ช่วยมาถ่ายให้ฟรีหน่อย!!) หรือมีเพื่อนที่รักการถ่ายภาพเป็นชีวิตจิตใจ แถมยังมีฝีมือและศิลปะในการถ่ายภาพอีกต่างหาก ก็อาจจะไหว้วานให้มาถ่ายภาพให้ที (ถือว่าเป็นของขวัญแต่งงานให้ก็ได้นะ คริคริ) หรืองบประมาณนี้สามารถเป็น “ศูนย์” ได้ ถ้าคุณไม่ได้ต้องการภาพถ่ายขั้นเทพ แต่อยากได้เพียงภาพในงานแต่งงานที่ถ่ายกันเองสนุกๆ เพื่อเก็บไว้ระลึกถึงช่วงเวลาแห่งความประทับใจแบบคนกันเอง
  • ค่าวงดนตรี เป็น “ศูนย์” ได้ : เปิดแผ่นสิคะ หรือจะจัดเพลย์ลิสต์ในยูทูปกันมาแบบยาวๆ ไปเลย แล้วทีนี้จะจ่ายทำไมกับค่าวงดนตรี
  • ค่าการ์ดเชิญ เป็น “ศูนย์” ได้ : จัดงานเล็กๆ ไม่ต้องพิมพ์การ์ดแต่งงานก็ได้ เพราะเพียงแค่ยกมือถือขึ้นมาส่งไลน์กรุ๊ปบอกเพื่อนหรือโพสต์ลงเฟซบุ๊กชวนมางานกันแบบตัวต่อตัว แถมเดี๋ยวนี้ในเฟซบุ๊กก็มีฟีเจอร์ที่สามารถตั้ง Event ได้และส่งเตือนไปยังเพื่อนๆ ในเฟซของคุณ ให้พวกเขาได้ตอบกลับมาว่า จะมา ไม่มา หรืออาจจะมา ก็ช่วยให้บ่าวสาวประเมินจำนวนแขกคร่าวๆ ได้อีกด้วย ทำแบบนี้ ค่าการ์ดก็ไม่ต้องจ่าย สบ๊ายสบาบเนอะ

  • ค่าชุดแต่งงาน เป็น “ศูนย์” ได้ : เจ้าสาวอาจจะยากหน่อย แต่ถ้าเป็นคุณเจ้าบ่าวก็พอจะมีความเป็นไปได้ ถ้ามีสูทอยู่แล้วก็หยิบมาสวมได้เลย หรือหลายคนที่ชีวิตนี้ไม่มีสูทสักตัว เราเชื่อว่าคุณมีเพื่อนที่มีสูท ฉะนั้น ‘ยืมค่ะ’ ไม่ต้องเขิน แค่นี้ค่าสูทก็เป็น “ศูนย์” ได้แล้ว
  • ค่ารองเท้าแต่งงาน เป็น “ศูนย์” ได้ : อันนี้จริงแท้แน่นอน ชุดยาวคลุมเท้าก็หยิบรองเท้าคู่โปรดใส่สบายมาใช้ หรือถ้ามีคู่สวยสภาพดีแล้วจะเสียเงินซื้อมาใส่แค่ในวันเดียวไปทำไม จริงมั้ย
  • ค่าแต่งหน้าทำผม เป็น “ศูนย์” ได้ : คิดไม่ถึงล่ะสิคะ ว่าค่าแต่งหน้าทำผมก็สามารถตัดออกไปได้ ซึ่งเหตุผลที่คุณสามารถตัดงบประมาณส่วนนี้ออกไปได้ก็เพราะคุณสามารถแต่งหน้าได้เอง แบบว่าแต่งสวยอยู่แล้ว บวกกับไม่ได้ต้องการความแปลกใหม่บนใบหน้า แต่พอใจกับรูปแบบการแต่งหน้าที่เป็นตัวของตัวเอง เน้นความเป็นธรรมชาติ ส่วนเรื่องทรงผมคงต้องจำกัดกันหน่อยว่า ถ้าคุณทำผมเป็นก็แน่นอนว่าไม่ต้องควักเงินจ่ายเช่นกัน แต่ถ้าแค่ทำได้ แต่ไม่มั่นใจ อันนี้ก็คงต้องบวกงบเข้าไปอีกนิดหน่อยเนอะ

หวังว่าลิสต์รายการค่าใช้ง่ายที่สามารถเซ็ตเป็น “ศูนย์” ได้ที่เราร่ายไปทั้งหมดนี้ จะช่วยเป็นแนวทางให้ว่าที่บ่าวสาวได้จัดสรรและตัดสินใจเกลี่ยค่าใช้จ่ายในการจัดงานแต่งงานได้ง่ายและประหยัดขึ้นนะคะ

ภาพ pexels.com, pinterest.com

อ่านบทความเพิ่มเติม

เคล็ดลับตัดรองเท้าแต่งงานยังไงให้ได้ดั่งใจ แถมใส่สบายในวันวิวาห์

ฤกษ์แต่งงานปี 2564 พร้อมสารพัดสิ่งที่บ่าวสาวต้องเตรียม

5 เคล็ดลับบอกผู้ใหญ่ให้ยอมตามถ้าอยากจัดงานแต่งขนาดเล็ก

Monique Wedding

Monique Wedding
418/8-9 ถนนสาธุประดิษฐ์ แขวงบางโพงพาง
เขตยานนาวา กรุงเทพฯ
โทร. 0-2108-7800, 08-0279-7800
เฟซบุ๊ก : Monique Wedding
ไอจี : @moniqueweddingbkk

ทรงผมเจ้าสาวงานเย็นแบบเกล้าหางม้า ได้ลุคเจ้าสาวสมัยใหม่สุดๆ

Romantic Ponytai หรือ ทรงเกล้าหางม้า ทรงผมเจ้าสาวงานเย็น ได้ลุคเจ้าสาวสมัยใหม่ แมตช์ง่ายกับทุกชุดแต่งงาน

สำหรับเจ้าสาวที่กำลังส่องหา ทรงผมเจ้าสาวงานเย็น ที่ไม่ทำให้ดูสูงวัย ขอบอกเลยว่า อย่าได้มองข้ามทรงมินิมัลที่อาจจะดูเบสิกเกินไปในความคิดของเจ้าสาวอย่างผม “เกล้าหางม้า” ทรงนี้แหละที่มีความยืดหยุ่นสูง จะทำให้ดูงามสง่าอย่างการรวบตึงเกล้าสูงก็ทำได้ อยากให้เรียบร้อยเกล้าต่ำก็ดูเป็นทางการ หรือเลือกเป็นหางม้าม้วนลอนสำหรับเจ้าสาวในสไตล์อ่อนหวานอย่างเจ้าหญิง แม้แต่กับเจ้าสาวผมสั้น การต่อผมหางม้าด้วยแฮร์พีซก็เป็นเรื่องง่ายและแนบเนียน อยากได้ยาวแค่ไหนเนรมิตได้ดังใจ ผมหางม้านั้นเลือกเครื่องประดับจับคู่ได้หลากหลาย ไม่เสี่ยงกลายเป็นสูงวัยง่ายเท่ากับการเกล้ามวย – เรื่อง  Padcha_Praewnista

TIPS & TRICKS
เจ้าสาวที่มีรูปกะโหลกสวย โครงหน้ารูปไข่ทำผมหางม้าเกล้าสูงรวบตึงโชว์รูปกะโหลกและต้นคอสวยๆ ได้สบาย แต่สำหรับเจ้าสาวที่มีรูปกะโหลกแบน ทรงที่เกล้าต่ำลงมานิดหรือต่ำไปเลยจะสามารถยีผมช่วยให้รูปกะโหลกดูกลมกลึงสวยงามได้ ส่วนเจ้าสาวที่มีแก้มเยอะหรือรูปหน้าเหลี่ยม ไม่มั่นใจที่จะทำผมเปิดหน้าทั้งหมด ทรงผมหางม้าก็ยืดหยุ่นพอที่จะปล่อยปอยข้างแก้มมาช่วยลดทอนรูปหน้าให้ดูเรียวเล็กอ่อนหวานขึ้น

Perfect Pairing

Ponytail + Rubber Band

ทรงผมเจ้าสาวงานเย็น

ผมเจ้าสาวหางม้าสไตล์มินิมัล น้อยแต่เนี้ยบกริบไม่ต้องอาศัยสิ่งใดตกแต่งให้รกเรื้อก็สวยเอาอยู่ แค่ใช้ยางรัดผมเรียบๆ กับเทคนิคการซ่อนยางไม่ให้โชว์ออกมาอย่างน่าเกลียด จะเกล้าเรียบๆ หรือมีลูกเล่นแบ่งช่อแล้วมัดเป็นปล้องๆ ก็สวยเรียบแต่มีดีเทลที่น่าสนใจ

Ponytail + Hair Jewelry

ทรงผมเจ้าสาวงานเย็น

ทรงผมเจ้าสาวงานเย็น

ผมหางม้าจับคู่กับเครื่องประดับผมดีไซน์เก๋ๆ ได้หลากหลาย ทั้งแบบที่ล้อมโอบจากด้านหลัง ส่งให้ดีเทลช่วงหางม้าดูโดดเด่นน่าสนใจและประเภทที่เป็นเส้นยาววางหรือพันล้อไปกับหางม้าก็เป็นลูกเล่นที่ทำให้ดูโมเดิร์นไม่ซ้ำใคร

Ponytail + Headband

ทรงผมเจ้าสาวงานเย็น

ทรงผมเจ้าสาวงานเย็น

อยากให้มุมด้านหน้าดูมีดีเทลน่าสนใจขึ้น เติมที่คาดผมอันเล็กอันใหญ่ ทำให้ทรงผมที่ดูมินิมัลกลายเป็นหรูหราขึ้นทันตา

Ponytail + Ribbon

ทรงผมเจ้าสาวงานเย็น

จะเป็นหางม้าตรง ม้วนลอน หรือแบบยุ่ง Messy ก็เข้ากับโบสวยๆ ได้เป๊ะ ทำให้เจ้าสาวดูอ่อนเยาว์เด็กลงไปหลายปี

Bride in Focus

Olivia Palermo

แฟชั่นไอคอนสาวที่สวยและรวยมาก ด้วยความเนี้ยบเป๊ะสมบูรณ์แบบชวนมองทุกครั้งที่ปรากฏกาย ทำให้หลายคนจับตาว่างานใหญ่อย่างการเป็นเจ้าสาวไฮโซอย่างโอลิเวียเล่นใหญ่แพงระยับเบอร์ไหน แล้วก็หักมุมเบาๆ เมื่อเจ้าสาวเปิดตัวในลุคเบาสบาย จัดงานเรียบง่ายในสวนสาธารณะ ลุคเจ้าสาวในชุดคอกลมแขนยาวสีขาวสบายๆกับกระโปรงที่ฟูนิดๆ กำลังเก๋ มาพร้อมหางม้า Ponytail แบบยุ่งๆสวยไม่ตั้งใจ กลายเป็นลุคที่คนในวงการแฟชั่นกดไลค์กันรัวๆ

STAR in FOCUS

เบลล่า ฮาดิด แม้จะเป็นซูเปอร์โมเดลที่ผ่านมาแล้วทุกทรง แต่เมื่อส่องดูดีๆ จะสังเกตได้ว่าสาวเบลล่าคือเซียนหางม้าที่แท้ทรู ด้วยรูปหน้าที่เรียวยาว หน้าผากและรูปกะโหลกสวยอยู่แล้ว ทางหางม้ารวบตึงจึงเป็นซิกเนเจอร์ของเบลล่า

เมื่อสวยจนทำทรงอะไรก็ได้ขนาดนี้ เราเลยได้เห็นสาวเบลลา่ มาในหางม้าที่หลากหลาย ทั้งรวบต่ำ ทำ Messy จับคู่กับกิ๊บ หรือแม้แต่หางม้าสไตล์เรโทร เบลล่าก็ทำได้สวยจนต้องชี้เป้าให้เจ้าสาวได้เอาไว้เป็นอินสไปเรชั่น

อ่านบทความเพิ่มเติม

ว่าที่เจ้าสาวต้องรู้กับผมเจ้าสาวชุดไทยทรงไหนรอด? ทรงไหนร่วง?

ทรีตเม้นต์ เสริมความงามเจ้าสาวก่อนแต่งงาน อันไหนควรทำเมื่อไหร่ มาดูกัน

เจ้าสาวปล่อยผมได้ไม่ผิดกฎ ทรงผมเจ้าสาวยาวตรงสวยเรียบดูดีเกินคาด

เริ่มต้น ชีวิตคู่ อย่างมั่นคงด้วย 7 เคล็ดลับช่วยคู่รักออมเงินแบบเห็นผล!

ถ้าคุณและคนรักมีแพลนจะสร้างครอบครัวร่วมกัน ไม่ว่าจะจัดงานแต่งงานหรือกำลังคิดอยากมีลูก แต่ว่าไม่รู้จะเริ่มต้นออมเงินสไตล์คนใช้ ชีวิตคู่ จากตรงไหนก่อนดี แพรว wedding แนะนำให้ดูวิธีออมเงินแบบชีวิตคู่ตามนี้ก่อน แล้วคุณจะรู้ว่าการออมเงินแบบชีวิตคู่นั้นง่ายนิดเดียว!

  • DIY ของใช้ในบ้านเอง

จะออมเงินเพื่ออนาคตที่มีร่วมกันทั้งที อะไรที่จะช่วยประหยัดได้ก็ต้องเก็บให้ครบทุกเม็ดทุกหน่วย เช่น การ DIY ของใช้บางอย่างใช้เอง อาจจะเป็นประเภทน้ำยาทำความสะอาดที่ทำจากสมุนไพร หรือจะ DIY ของแต่งบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ ร่วมกัน ซึ่งนับว่าเป็นกิจกรรมที่ช่วยกระชับความสัมพันธ์ของคู่รัก ที่สำคัญช่วยให้คุณเหลือเงินไว้ออมได้อีกด้วย

  • เก็บเกี่ยวความสุขจากสิทธิพิเศษที่คุณมีอยู่

หากคุณเป็นลูกค้าคนสำคัญของธนาคารหรือองค์กรต่าง ๆ หรือแม้แต่การใช้จ่ายผ่านบัตรอะไรก็ตามที่มีการสะสมแต้มเพื่อแลกรับของรางวัลและสิทธิพิเศษ พยายามใช้สิทธิ์เหล่านี้หาความสุขร่วมกันให้ได้มากที่สุด จะกิน เที่ยว หรือช้อปงานนี้ก็ฟรีๆ ฟินๆ ให้เต็มที่ไปเลย

  • ใช้ของมือสองบ้างก็ได้

สำหรับคู่ที่คิดจะย้ายบ้านใหม่เพื่อรองรับการมีสมาชิกเพิ่ม เหล่าเฟอร์นิเจอร์และของใช้ที่เคยมีก็อย่าเพิ่งทิ้งขว้างนะคะ อะไรที่เก็บมาใช้ได้ก็ใช้ไปก่อน ส่วนของที่จำเป็นต้องซื้อใหม่จริง ๆ ลองแวบเข้าไปดูตามร้านขายของมือสองสิ แล้วคุณจะเหลือเงินเก็บอย่างที่คิดไม่ถึงเลยล่ะ

  • เที่ยวแบบประหยัด

มีวันหยุดยาว ๆ พร้อมกันก็ต้องอยากไปเที่ยวด้วยกันเป็นธรรมดา ทว่าการไปเที่ยวในสไตล์คู่รักกำลังออมเงินนั้น อาจต้องมีเงื่อนไขที่ควรทำกันเบา ๆ เช่น แทนที่จะสั่งอาหารจากโรงแรมมากิน ก็เลือกกินอาหารจากตลาดโต้รุ่งหรือร้านอาหารตามสั่งแถว ๆ นั้นดีกว่า เซฟเงินกว่ากันเยอะ

  • เช็คกรมธรรม์ที่มีอยู่

ก่อนหน้านี้คุณอาจทำประกันที่เหมาะสำหรับคนโสดอยู่ ซึ่งก็แน่นอนว่าคงไม่ครอบคลุมและคุ้มครองไปถึงคนรักและครอบครัวของคุณแน่ ๆ ที่สำคัญบางกรมธรรม์ยังมีเบี้ยประกันค่อนข้างสูงเกินความจำเป็น ดังนั้นหากเป็นไปได้ลองตัดทอนเงื่อนไขที่ไม่เหมาะกับคนมีคู่แล้วออกไปบ้างดีกว่า หรือจะลองเปลี่ยนกรมธรรม์ในแบบที่คิดแล้วว่าคุ้มกับชีวิตคู่ของคุณก็น่าจะดีไม่น้อย

  • ช้อปปิ้งอย่างฉลาด

แม้จะประหยัดอดออมแค่ไหน แต่รายจ่ายสำหรับการช้อปปิ้งจะยังคงตามติดคุณไปเสมอค่ะ อย่างน้อยก็ต้องออกไปช้อปปิ้งของกินของใช้กันแน่ ๆ แต่ประเด็นคือ คุณควรเลือกซื้อแต่ของที่จำเป็นสำหรับชีวิตเท่านั้น หรือหากกลัวจะยั้งตัวเองไม่ไหว แนะนำให้ลิสต์รายการของที่จำเป็นต้องซื้อมาใช้ใส่กระดาษหรือสมา­­­ร์ทโฟนไว้ก่อน จากนั้นก็ออกไปซื้อของตามรายการอย่างเคร่งครัด และช่วยกันรั้งเมื่อใครสักคนอยากจะซื้อของนอกลิสต์ด้วยล่ะ

  • ใช้จ่ายอย่างมีสติ

การออมเงินเป็นสิ่งที่ไม่ได้เฉียดคำว่ารื่นรมย์เลยสักนิด ทว่าเพื่ออนาคตที่ดีที่กำลังจะมีร่วมกัน คุณทั้งคู่ควรเติมความอดทนซึ่งกันและกันให้มาก ที่สำคัญพยายามใช้จ่ายอย่างมีสติด้วยนะคะ ซึ่งนั่นก็หมายความว่า ไม่จำเป็นต้องอดจนถึงขั้นตระหนี่ถี่เหนียว แค่เลือกจ่ายในสิ่งที่ควรจ่าย พร้อมทั้งตัดรายจ่ายในสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องเสียเงินให้มันก็พอ

Cr : lifehack.org

อ่านบทความเพิ่มเติม

ข้อดีของสาวๆ ที่ แต่งงานอายุ 30+ ช่วงชีวิตดีๆ ที่สาววัยเอ๊าะมีแต่จะอิจฉา

รู้ทันผู้ชาย กับหลากหลายเล่ห์เหลี่ยม และลูกเล่นเอาตัวรอดสุดแพรวพราว

ว่าที่เจ้าสาวจงทำตาม 7 วิธีนี้รับรองเพื่อนเจ้าสาวไม่มีน้อยอกน้อยใจ

10 เรื่องสำคัญที่คู่รักต้องคุยกันให้เคลียร์ก่อนจะตัดสินใจแต่งงาน

เราเชื่อว่าหลังจาก แต่งงาน ไปแล้วใครๆ ก็อยากได้ชีวิตครอบครัวที่แฮปปี้ใช่ไหมล่ะ ถ้า “ใช่” แพรวเวดดิ้งก็อยากให้คู่รักทุกคู่ลองเปิดใจคุย 10 หัวข้อนี้กันก่อนแล้วค่อยตัดสินใจแต่งงานก็ยังไม่สายนะ เพื่ออนาคตรักที่สดใสไร้ปัญหากวนใจ

1. เข้าใจคำว่า “แต่งงาน” ว่าอย่างไร?

สิ่งแรกที่แพรวเวดดิ้งอยากให้คุณคิดให้ตกและคุยกันก็คือ สำหรับคุณแล้วการแต่งงานคืออะไร? แต่สำหรับแพรวเวดดิ้งแล้วการแต่งงานไม่ได้เป็นเพียงการจัดงานเลี้ยงฉลองและประกาศอย่างเป็นทางการว่า “เราเป็นสามีภรรยาแล้วนะ” เท่านั้น แต่มันหมายถึงการเริ่มต้นชีวิตคู่ที่แท้จริงและมีสิ่งใหม่ๆ อีกมากมายที่คุณจะต้องเรียนรู้ร่วมกันรออยู่ข้างหน้า เพราะฉะนั้นถ้าคุณคิดแบบเดียวกันอย่างที่แพรวเวดดิ้งคิด เราก็อยากให้คุณและคนรักลองคุยกันสักนิดว่า หลังจากที่ชีวิตคู่เริ่มต้นแล้ว คุณจะต้องปรับตัวอย่างไรกับความสัมพันธ์ที่พัฒนาไปอีกขั้น จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง หรือสิ่งไหนที่จะยังคงเดิม

แพรวเวดดิ้งเชื่ออย่างหนึ่งว่า การแต่งงานไม่ใช่เป็นการบอกว่า “คุณจะได้เป็นเจ้าของกันและกัน” และเข้าไปยุ่งวุ่นวายทุกอย่างในชีวิตของเขาหรือเธอได้สบาย เพราะถึงแม้ว่าคุณจะแต่งงานกันแล้ว ก็ต้องเว้นระยะห่างในบางเรื่องให้กันและกันบ้าง มาถึงตรงนี้คุณอาจจะถามตัวเองและคนรักสักนิดว่า คุณทั้งคู่เข้าใจคำว่า “แต่งงาน” อย่างไร?

2. อยากมีลูกหรือเปล่า?

สิ่งที่อยากให้คุยกันสำหรับเรื่องเจ้าตัวเล็กก็คือ คุณทั้งคู่อยากมีลูกหรือไม่?, จะพยายามปั๊มลูกกันหลังจากแต่งงานเลยไหม หรือจะรอสัก 1-2 ปี? และจะมีลูกกี่คนดี?

การปรึกษาเรื่องนี้มีข้อดีไม่น้อย เนื่องจากคุณจะได้วางแผนการมีลูกได้อย่างรอบคอบว่า ควรเตรียมสุขภาพอย่างไรให้พร้อมมีลูก หรือในทางกลับกันบางคู่ก็จะได้รู้เหตุผลและทำความเข้าใจกันและกันว่าเพราะอะไรจึงไม่อยากมีลูก จะได้ไม่ต้องทะเลาะกันในอนาคต

3. วางแผนเลี้ยงลูกให้ถูกทาง

ถ้าคุณสองคนตัดสินใจกันเรียบร้อยแล้วว่า “จะมีลูกแน่นอน” ก็ควรจะเริ่มคุยกันได้เลยค่ะว่า อยากให้ลูกโตขึ้นในสภาพแวดล้อมแบบไหน แต่ละคนมีวิธีการเลี้ยงลูกอย่างไร บางคนรู้ตัวว่าชอบใจอ่อนกับลูก เทวดาตัวน้อยขออะไรก็ไม่กล้าขัดใจ ควรตกลงกันว่าต้องมีคนที่ใจแข็งกับลูกบ้าง มีอะไรที่ตามใจได้ อะไรที่ควรทำโทษหากเขาทำผิด และวิธีทำโทษควรเป็นอย่างไรไม่ให้รุนแรงเกินไป ไม่เช่นนั้นเด็กอาจจะโตมาเป็นคนเอาแต่ใจตัวเองและก้าวร้าว แบบนี้ต้องระวังให้ดี

4. บทรัก “บนเตียง”

เรื่องรักๆ ใคร่ๆ อย่าอายที่จะพูดกันนะคะ เพราะเรื่องเซ็กส์ก็เป็นส่วนประกอบสำคัญของชีวิตคู่ไม่ต่างจากเรื่องอื่นๆ หลายคู่ไม่รู้ใจกันว่าคนรักชอบให้ทำแบบไหน เล้าโลมอย่างไร ลีลาไหนที่จะช่วยให้ถึงฝั่งฝันจนกลายเป็นปัญหาใหญ่โต บางคนถึงกับออกไปหาความสุขและความแปลกใหม่นอกบ้าน ขาเตียงหักรักร้าวกันไปหลายรายแล้ว แต่ของแบบนี้ต้องลองหาจังหวะพูดดีๆ นะ เพราะเผลอๆ คุยเสร็จก็อาจจะลองทดสอบความชอบกันสักรอบเนอะ อิอิ!

5. “ศาสนา” เรื่องละเอียดอ่อนที่ต้องคุย

คู่รักคู่ไหนที่นับถือศาสนาเดียวกันก็ใช่ว่าจะไม่เป็นปัญหานะคะ เพราะถ้าคุณนับถือกันคนละนิกาย วิธีปฏิบัติก็อาจจะแตกต่างกันไปบ้าง รวมถึงคู่ที่นับถือคนละศาสนาแพรวเวดดิ้งขอบอกว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เพราะจะมีผลกับคุณตั้งแต่การเตรียมงานแต่ง ไปจนถึงชีวิตของลูกเลยทีเดียว

อย่างแรกที่อยากให้คุณคุยกันให้ชัดเจนคือ พิธีแต่งงาน ต้องปรึกษากันว่าจะจัดพิธีอย่างไร จัดกี่ศาสนา จัดกี่วัน รวมถึงเตรียมตัวและซักซ้อมสำหรับการเข้าพิธีที่คุณไม่คุ้นชินด้วย

อย่างที่สองคือ หลังจากแต่งงานไปแล้ว ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะต้องเปลี่ยนศาสนาหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ก็สำคัญไม่แพ้กัน บางคนรักกัน อยากแต่งงานแต่ไม่อยากเปลี่ยนศาสนา เพราะฉะนั้นควรจะพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ชัดเจนตั้งแต่แรก

อย่างสุดท้ายคือ ถ้ามีลูกจะให้ลูกนับถือศาสนาอะไร บางบ้านตัดสินใจให้เด็กเลยตั้งแต่ยังไม่เกิด บางบ้านบอกว่ารอเด็กโตก่อนแล้วให้เขาเลือกเอง หากเป็นอย่างหลังก็ต้องคุยกันอีกว่า ระหว่างที่เขายังไม่โตและไม่สามารถตัดสินใจเองได้ จะเลี้ยงเขาและพาเขาเข้ารวมกิจกรรมศาสนาอย่างไรบ้าง

6. เรื่องเงินๆ ทองๆ ไม่ควรละเลย

คนเราแต่งงานหนึ่งครั้งใช้เงินไม่ใช่น้อยๆ ควรเปิดใจพูดคุยกันว่าสภาพการเงินหรือหนี้สินของคุณและคู่รักเป็นอย่างไร สามารถแบ่งมาเป็นค่าสินสอด และใช้เป็นงบประมาณสำหรับจัดงานแต่งได้เท่าไหร่ ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากงานแต่งผ่านไปแล้ว คุณและคนรักวางแผนการใช้เงินกันอย่างไร จะรวมเป็นกระเป๋าเดียวกัน หรือจะแยกเงินใครเงินมันเหมือนก่อนแต่งงาน  เรื่องนี้ก็ควรจะคุยกันให้ชัดเจน เพราะเรื่องเงินไม่เข้าใครออกใคร หลายคู่เลิกกันไปเพราะเรื่องนี้ก็มีไม่น้อย

7. หากมีลูกติดต้องคิดให้หนัก

แน่นอนค่ะว่าความรักไม่เข้าใครออกใคร หลายคนพบรักกับคุณพ่อ-คุณแม่เรือพวงและกำลังจะตัดสินใจแต่งงานกัน เพราะฉะนั้นสิ่งที่ต้องตระหนักให้จงมั่นคือ คุณเข้ากับลูกของคนรักได้ดีแค่ไหน และเขามีท่าทีกับคุณเช่นไร ยอมรับให้คุณเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวหรือแสดงอาการต่อต้าน คุณสามารถเติมเต็มสิ่งที่เขาขาดได้หรือไม่ และถ้าคุณมีลูกของตัวเอง คุณจะให้ความรักกับเขาจนเขาไม่รู้สึกน้อยใจได้หรือเปล่า

รวมถึงถ้าคุณมีลูกติดและคนรักก็มีเช่นกัน หากจะแต่งงานด้วยกันสิ่งที่ต้องคิดให้มากกว่าปกติคือ ลูกของคุณทั้งคู่จะเข้ากันได้หรือไม่ ต้องทำความเข้าใจกันให้ดีๆ เพราะความรู้สึกของเด็กก็สำคัญไม่แพ้ความรักของพวกคุณทั้งสองคนเช่นกัน

8. จะเป็นพ่อบ้าน แม่บ้าน หรือจะยังทำงานทั้งคู่

เรื่องนี้แพรวเวดดิ้งเห็นมาบ่อยจากบุคคลใกล้ตัว บางคนแต่งงานแล้วลาออกจากงานประจำผันตัวไปเป็นแม่บ้าน อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน แต่บางคนก็รักชีวิตการทำงาน ชอบการเป็นเวิร์กกิ้งวูแมนก็มี แพรวเวดดิ้งจึงอยากให้คุณเคลียร์ให้ชัดเจนว่า แต่งงานไปแล้วคุณจะทำงานเหมือนเดิมหรือจะออกมาเป็นแม่บ้านพ่อบ้าน ถ้าเป็นอย่างหลังก็ควรจะคิดต่อด้วยว่าคุณจะเอาเงินที่ไหนใช้ ของแบบนี้ถ้าคู่ชีวิตเลี้ยงดีก็สบายไป

แต่สำหรับบางคนก็คิดว่าจะมัวแต่รอเขาส่งเงินให้อย่างเดียวก็กระไรอยู่ อยากทำงานหาเงินใช้เองจะได้พอมีอำนาจต่อรองในเรื่องต่างๆ บ้าง ถ้าเป็นอย่างนั้นแพรวเวดดิ้งก็อยากให้คุณคิดไปอีกสเต็ปหนึ่งว่า การดูแลความเรียบร้อยของบ้านจะทำอย่างไร อาจจะแบ่งกันไปเลยว่าคุณผู้ชายรดน้ำต้นไม้ คุณผู้หญิงซักผ้า หรือจะจ้างแม่บ้านมาทำแบบนี้ก็สะดวกดี (อย่าลืมตกลงเรื่องจ่ายค่าแรงให้แม่บ้านด้วยนะ)

อีกเรื่องหนึ่งที่ต้องคิดไว้บ้างก็คือ ถ้าคุณมีลูก คุณจะลาออกจากงานมาเลี้ยงลูกหรือไม่ หรือจะฝากให้ปู่ยาตายายช่วยเลี้ยงก็ควรจะต้องปรึกษาท่านด้วยนะ

9. ญาติฉัน ญาติเธอ เราเข้ากันได้ไหม

อีกหนึ่งองค์ประกอบของชีวิตคู่ที่หนียังไงก็ไม่พ้นก็คือ คนในครอบครัวของทั้งสองฝ่าย หลายคนรู้ตัวเองว่าไม่สามารถเข้ากันได้กับญาติพี่น้องของคนรัก ก็แก้ปัญหาด้วยการย้ายออกมาเป็นครอบครัวเดี่ยว ถึงวันหยุดหรือเทศกาลสำคัญก็ค่อยกลับไปเยี่ยม ดีกว่าที่จะต้องเจอหน้ากันทุกวัน ลดการกระทบกระทั่งกันให้น้อยลง หรือบางคนที่ผู้ใหญ่รักผู้ใหญ่หลงก็ย้ายเข้าไปอยู่ด้วยกันซะเลย ญาติพี่น้องเอ็นดูแบบนี้ก็สบายไปอีก ลองปรึกษากับคนรักดูว่าคุณเป็นอย่างแรกหรืออย่างหลัง แล้วค่อยๆ หาทางแก้ปัญหากันไป ชีวิตหลังแต่งงานจะได้ไม่มีปัญหามากมาย

10. เรือนหอของเราจะเอาแบบไหน

ข้อสุดท้ายที่อยากให้ตกลงคุณกันตั้งแต่ก่อนแต่งงานก็คือ “แต่งกันแล้วจะไปอยู่ที่ไหน” (ฟังดูเหมือนไม่มีที่ไป!) บางคนย้ายไปอยู่บ้านผู้ชาย บางคนย้ายไปอยู่บ้านผู้หญิง แบบนี้ก็ต้องดูธรรมเนียมและประเพณีของแต่ละครอบครัวด้วย เช่น ครอบครัวคนจีนมักจะให้สะใภ้ย้ายเข้าไปอยู่บ้านสามี เป็นต้น ส่วนใครที่ตั้งใจจะย้ายเข้าเรือนหอใหม่ ไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือคอนโดก็ควรตกลงกันดีๆ ว่าจะตกแต่งบ้านให้เป็นสไตล์ไหน ถ้าฝ่ายหญิงชอบสีชมพูฟรุ้งฟริ้ง แต่ฝ่ายชายชอบสีดำดีพดาร์ก แบบนี้ก็ตกลงกันคนละครึ่งทางนะจ๊ะ อาจจะเป็นชั้นล่างสีชมพู แล้วชั้นบนสีดำ ก็ว่ากันไปตามที่สบายใจแล้วกัน

10 เรื่องที่ว่ามานี้ไม่จำเป็นจะต้องคุยกันวันเดียวให้จบทุกเรื่องนะคะ อย่างนั้นปวดหัวตายไม่ต้องแต่งงานกันพอดี เอาเป็นว่าค่อยๆ คุยกันไปวันละเรื่อง วันนี้คุยไม่จบก็ยังมีพรุ่งนี้ให้คุยต่อ ไม่ต้องเร่งรัดเร่งรีบมากมาย ที่สำคัญก็คือ คุยกันด้วยความเข้าใจซึ่งกันและกัน ความรักจะยั่งยืนไม่แห้งเหี่ยวไปตามกาลเวลาเนอะ

cr : everydayhealth.com, vaisnavafamilyresources.org, lovemybrit.com

อ่านบทความเพิ่มเติม

เริ่มต้น ชีวิตคู่ อย่างมั่นคงด้วย 7 เคล็ดลับช่วยคู่รักออมเงินแบบเห็นผล!

รู้ทันกันไว้กับ 10 ปัญหาชีวิตคู่ที่คุณและคนรักอาจจะเจอเข้าสักวัน

3 เคล็ดลับช่วยพิชิตปัญหาเรื่องเงิน ๆทองๆ ที่มักเกิดขึ้นกับชีวิตคู่รัก

ว่าที่เจ้าสาวต้องรู้กับผมเจ้าสาวชุดไทยทรงไหนรอด? ทรงไหนร่วง?

ผมเจ้าสาว ทรงไหนทำแล้วรอด แบบไหนทำแล้วร่วง!

เป็นเจ้าสาวในชุดไทยถูกต้องตามประเพณีทั้งที ผมเจ้าสาว ก็ต้องเป๊ะเนี้ยบแมทช์กับชุดไทยของเราด้วยนะ แล้วจะเลือกยังไงให้ไม่พลาด คลิกเลยเรามาบอกแล้ว

บอกเลยว่าชุดไทย เป็นอะไรที่เลือกทรง ผมเจ้าสาว ยากกว่าชุดสีขาวแบบสากลเยอะนะคะ เพราะไหนจะต้องคำนึงถึงความถูกต้องเหมาะสมตามประเพณี และยังต้องดูความเข้ากันกับทรงผมและชุดไทยที่มีหลากหลายประเภทอีก แต่เหล่าว่าที่เจ้าสาวไม่ต้องเครียดไป เรามาแนะนำแล้วค่ะว่าทรงผมทรงไหนที่แมทช์กับชุดไทยแล้วดูสวยเลอค่าแถมผู้ใหญ่ให้ไฟเขียว และทรงไหนที่อย่าได้คิดจะทำเชียวเพราะพังแน่ๆ มาดูกันเลยค่ะ

ทำแล้วรอด

ผมรวบตึง แสกกลางหรือแสกข้าง แมทช์กับมวยต่ำสุดเนี้ยบ

ผมทรงนี้ช่วยเน้นให้ดวงหน้าของเราดูสดใส และยังได้ลุคสุดเนี้ยบที่เข้ากับชุดไทยทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นแบบสไบเฉียงหรือคอปิด คุณเจ้าสาวสามารถเพิ่มเครื่องประดับมวยผมด้านหลังอย่างปื่นปักผม หรือดอกไม้สดได้

จากซ้ายไปซ้าย: ชุดไทยจาก Bobo Studio, ภาพจาก IG @gee_jiwat

ผมเกล้าเปิดหน้าผาก เล่นวอลูมนุ่มนวลด้านบน แมทช์กับมวยผมสูง

ผมทรงนี้ช่วยทำให้เจ้าสาวดูหน้าเด็กและได้ลุคอ่อนเยาว์ เข้าได้กับชุดไทยทุกประเภทแต่เราแนะนำให้แมทช์กับชุดไทยแนวประยุกต์ที่มีกลิ่นอายความโมเดิร์นในชุด ช่วยให้ลุคภาพรวมดูเก๋ไก๋มีสไตล์ค่ะ

จากซ้ายไปขวา: ชุดไทยจาก พัชรวัฒน์ เวดดิ้ง สตูดิโอ, ภาพจาก IG @gee_jiwat

ผมปาดข้างทำเป็นลอนคลื่น แมทช์กับผมหางม้าหรือเกล้ามวยก็ได้

เจ้าสาวคนไหนชอบความวินเทจเก๋ไก๋เราแนะนำทรงนี้ และทรงนี้ยังเหมาะกับเจ้าสาวผมสั้นอีกด้วย นอกจากจะดูได้กลิ่นอายความเป็นไทยแท้แต่โบราณ ยังสามารถแมทช์ได้กับชุดไทยทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นชุดไทยโบราณหรือชุดไทยประยุกต์

ชุดไทยจาก Vanus Couture

ผมปล่อยยาว ดรายตรง หรือเซตเป็นลอนเนี้ยบ

ดูเป็นแม่หญิงไทยสุดๆได้ด้วยทรงผมแบบปล่อยยาวค่ะ จะดรายตรงให้ดูเนี้ยบไปเลย หรือให้ช่างทำผมจัดเป็นลอนเนี้ยบแบบไม่แตกกระจาย แมทช์กับชุดไทยสไตล์สไบเฉียงเปิดไหล่เพื่อไม่ให้ตัวดูทึบเกินไป รับรองดูสวยเลอค่าค่ะ

ผมเจ้าสาว ชุดไทย
จากซ้ายไปขวา:ชุดไทยจาก Wasun Shudthai และ Costume Cafe

ผมหางม้าด้านข้าง หรือด้านหลัง แมทช์กับผมเปิดหน้าผาก แสกกลาง หรือปาดข้าง

ผมหางม้าไม่ว่าจะดรายตรงเนี้ยบหรือทำเป็นลอนคลื่นก็ดูดีทั้งสองแบบ เจ้าสาวสามารถเลือกแมทช์กับผมด้านหน้าที่เปิดหน้าผากโชว์โหงวเฮ้ง แสกกลาง หรือปาดข้างที่เข้ากับรูปหน้าของตัวเองได้ค่ะ

ผมเจ้าสาว ชุดไทย
ผมโดย IG @gee_jiwat

ทรงผมที่ไม่ควรทำ

ดูทรงผมที่แมทช์กับชุดไทยได้สวยเนี้ยบไปแล้ว มาดูกันบ้างว่าแล้วผมทรงไหนที่ไม่ควรเอามาแมทช์กับชุดไทย

ปอยผมรกรุงรัง

ไหนๆก็เป็นชุดไทยที่ดูเรียบร้อยสไตล์แม่หญิง เก็บทรงผมที่ดูยุ่งหรือสไตล์แบบไม่ตั้งใจมาก ไว้แมทช์กับชุดเจ้าสาวสีขาวแบบสากลดีกว่าค่ะ

ผมเจ้าสาว ชุดไทย

เปียด้านบนสไตล์โบฮีเมียน

ถ้าเปียผมแบบเรียบร้อยดูเนี้ยบก็โอเคอยู่นะ แต่ถ้ามีเปียคาดศีรษะแบบยุ่งๆ สไตล์สาวโบฮีเมียน เมื่อดูภาพรวมกับชุดไทยของเรา จะไปคนละทางจนแขกงงเลยละค่ะ

ผมเจ้าสาว ชุดไทย

รวบครึ่งศีรษะแล้วทำผมเป็นลอนคลื่น

เช่นเดียวกันกับทรงนี้ค่ะ แมทช์กับชุดเจ้าสาวสีขาวแบบสากลก็ดีอยู่หรอกนะ แต่ไม่ใช่ทรงผมที่เข้ากับชุดไทยแน่ๆ

ผมเจ้าสาว ชุดไทย

หวังว่าคอนเท้นต์ของเราจะช่วยให้คุณว่าที่เจ้าสาวมีไอเดียเกี่ยวกับทรงผมชุดไทยที่ใช่มากยิ่งขึ้นนะคะ ว่าแล้วก็ขอฝากอีกหนึ่งคอนเท้นต์ ใครที่ยังไม่มีช่างแต่งหน้าทำผมในใจ ลองเลือกจากลิสต์ช่างหน้าผมเจ้าสาวหน้าใหม่ที่น่าจับตามองที่เราเลือกมาให้ ที่นี่เลย!

ขอขอบพระคุณภาพบางส่วนจาก: Instagram @gee_jiwat

รู้ทันกันไว้กับ 10 ปัญหาชีวิตคู่ที่คุณและคนรักอาจจะเจอเข้าสักวัน

เวลารักกันดีๆ ก็หวานชื่นรื่นรมย์ แต่พอทะเลาะกันทีก็ปวดหัวหนักไม่ใช่เล่น จนบางครั้งก็อดคิดไม่ได้ว่า ปัญหาชีวิตคู่ นี่มันจะอะไรกันนักหนา ก็แหม…มีสารพัดเรื่องที่ทำให้คู่รักต้องทะเลาะกัน แต่จะมีเรื่องไหนบ้าง และจะแก้ไขปรับตัวกันในเบื้องต้นได้อย่างไร ลองไปดูกันเลยจ้า

1. เอาแต่ใจตัวเอง

คู่รักหลายๆ คู่ที่พบว่าแฟนของคุณมีนิสัยชอบทำอะไรตามใจตัวเอง พอนานวันก็เริ่มรู้สึกทนไม่ไหว แล้วระเบิดออกมาในที่สุด วิธีแก้ง้ายง่ายนะ อย่างแรกคือ ต้องลดความงอแงของคุณลงสักนิด รับฟังคนรักของคุณให้มากขึ้น เอาใจแฟนมาใส่ใจเรา ลองเปลี่ยนบทบาทจากผู้นำเป็นผู้ตามดูบ้าง หรือพูดกันตรงๆ คืออีโก้ที่มีน่ะ ลดๆ ลงมาหน่อย เผื่ออะไรๆ จะดีขึ้น

1
2. เรื่องเงินเรื่องทอง

ด้วยการเลี้ยงดู ภาระหน้าที่ และค่าใช้จ่ายที่ไม่ตรงกันมาตั้งแต่ก่อนแต่งงาน ทำให้บางคนมีนิสัยประหยัด บางคนมีนิสัยฟุ่มเฟือย จนส่งผลให้ชีวิตคู่ ต้องมีปากเสียงกันบ่อยๆ ฉะนั้นคุณควรจะหันหน้ามาคุยกัน ตกลงเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ ว่าใครจะรับผิดชอบ หรือวางแผนออมเงินเพื่ออนาคตของครอบครัวอย่างไร เพื่อลดปัญหาเรื่องเงินต่างๆที่จะตามมา

2

3. มือที่สาม

ได้ยินคำว่ามือที่สามทีไรจะต้องหูผึ่งไปตามๆกัน เพราะเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณสามีและภรรยาลุกขึ้นมาปรี๊ดแตก จนถึงขั้นแยกย้ายกันมานักต่อนัก แต่ถ้าคุณมีใจที่หนักแน่น เชื่อมั่นในความรักให้มากๆ ไม่ว่าจะมือที่สามหรือสี่ก็ไม่สามารถก่อกวนชีวิตรักที่มั่นคงของคุณได้สักนิด

3

4. การโกหก

เชื่อว่าเป็นสิ่งที่คู่รักหลายๆ คู่ไม่ชอบเอาซะเลย ใครที่มีพฤติกรรมนี้บ่อยๆ ต้องคิดเสมอว่า ถ้าวันหนึ่งเขารู้ความจริงขึ้นมา สุดท้ายต้องทะเลาะกันอีกแน่นอน ทางที่ดีคือการพูดความจริงเสมอ อย่าลืมว่าคุณทั้งสองเป็นคนรักกัน ก็ต้องซื่อสัตย์ต่อกันทั้งสองฝ่ายนะจ๊ะ

4
5. นิสัยที่เข้ากันไม่ได้จนเกินเยียวยา

การรับนิสัยบางอย่างของกันและกันไม่ได้ ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ทะเลาะกันบ่อย ถ้าเป็นในช่วงแรกของการอยู่ร่วมกันยังไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าอยู่กันไปครบปีนึง หรือครบ 5 ปี ก็ยังเหมือนเดิมและต่างฝ่ายต่างก็ไม่ปรับปรุงตัวเองแบบนี้ เป็นเหตุให้เซย์กูดบายทั้งๆ ที่ยังรักได้เหมือนกันนะ

5
6. ชอบคิดไปเอง

บอกเลยว่าเป็นโรคสุดฮิตที่มีชื่อว่า “มโน” ยิ่งสำหรับเหล่าคู่รักทั้งหลาย ที่พอเจอปัญหาหรืออะไรผิดใจนิดหน่อย ก็มโน ว่าแฟนไม่รัก แฟนต้องเบื่อเราแน่ๆ เลย จนลุกลามกลายเป็นการทะเลาะกันซะงั้น ทางเดียวที่จะทำได้คือตั้งสติ ณ บัดนี้ และหยุดฟุ้งซ่านด่วนค่ะ มีอะไรก็หันหน้าพูดจากัน ย้ำ ! อย่าคิดเองเออเองนะจ๊ะ

6
7. ติดเพื่อนมากเกินไป

เชื่อว่าหลายคนต้องเจอปัญหาแฟนของคุณติดเพื่อนกันบ้างใช่ไหมคะ? แต่บางคนนี่สิติดเกิ๊นนนน เรียกได้ว่า เพื่อนคือพระเจ้าเลยจ้ะ เพราะฉะนั้นคุณควรที่จะจัดสรรแบ่งเวลาให้ถูกต้อง เวลาไหนให้เพื่อน เวลาไหนให้แฟน หรือคุณอาจพาแฟนของคุณไปแนะนำให้เพื่อนรู้จักบ้างก็ดีนะ เจอกันคนละครึ่งทางจะได้เกิดความสบายใจกับทั้งสองฝ่ายจ้า

7
8. หึงแบบไม่มีเหตุผล

ความหึงไม่เข้าใครออกใครนะจ๊ะ แหมมม! รักมากก็หึงมากเป็นธรรมดาเนอะ แต่บางครั้งความหึงก็เป็นเหตุให้ทะเลาะกัน เพราะถ้าหึงแบบไม่ลืมหูลืมตาหรือไม่มีเหตุผลแบบนี้ก็ไม่ไหวนะคะ ก่อนจะหึงก็ควรจะไตร่ตรองหรือหยุดคิดสักนิด แล้วดูก่อนว่านั่นกิ๊กหรือแม่ จะได้ไม่ส่งผลเสียตามมาทีหลัง

8
9. ความคิดเห็นไม่ตรงกัน

เรื่องความคิดเห็นไม่ตรงกัน บางทีก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเล้ยย! แต่บางคู่ถึงกับเก็บเอาไปทะเลาะกันหนักข้ามวันข้ามคืนก็มี ปัญหานี้จะหมดไปเพียงคุณรับฟังความคิดเห็นของแฟนคุณบ้าง ยอมรับการคิดต่างเล็กๆ น้อยๆ ก็จะทำให้ชีวิตคู่รักของคุณยืนยาวกว่าเดิม

9
10. พูดถึงแฟนเก่า

พูดถึง “แฟนเก่า” ทีไรทะเลาะกันทุกทีเลยค่ะ แบบที่พบเจอบ่อยๆก็คือ ทำไม..คิดถึงหรอ? ได้ยินชื่อไม่ได้เลยนะ! กลับไปหาไหมละ? สุดท้ายก็ทะเลาะกันจริงๆ ทางที่ดีคืออย่าเป็นฝ่ายชวนทะเลาะก่อนเลยค่ะ หลายครั้งที่เราพลั้งปากพูดไปแบบไม่คิด แฟนคุณอาจไม่ชอบและเบื่อ ไม่แน่ถ้าเขากลับไปหาแฟนเก่าขึ้นมาจะแย่นะคะ

10

จบไปแล้วกับปัญหา 10 ข้อที่เรานำมาฝากกัน เป็นไงบ้างจ้ะ ตรงเป๊ะ 100% กันรึป่าว สำหรับคู่รักคู่ไหนที่กำลังพ่อแง่แม่งอนกันอยู่ เรื่องไหนเล็กๆ น้อยๆ ที่พอจะหยวนๆกันได้ก็ให้อภัยกันไป แต่ถ้าเป็นเรื่องใหญ่จริงๆ ก็ลองนำทริคดีๆ ที่ เรานำมาฝากวันนี้ไปปรับใช้ดูบ้างนะจ๊ะ

เรียบเรียงข้อมูลจาก : www.euroresidentes.com , www.healthandtrend.com , www.healthandtrend.com , tsaomedusa.blogspot.com , www.manager.co.th , board.postjung.com , www.news247.info , oat-chaiyasith.com , board.postjung.com , blog.noonswoonapp.com

อ่านบทความเพิ่มเติม

หนุ่มๆ จงฟังถ้าไม่อยากแป้ก! วิธีขอแต่งงานอย่างไรให้ได้ใจสาว

9 วาจาสุดหวานหูที่ชายสุดที่รักมักทำให้สาวใจอ่อนแบบไม่รู้ตัว

“รักเราไม่เก่าเลย” 5 วิธีดูแลความรักให้สดใสอยู่เสมอ

เคล็ดลับตัดรองเท้าแต่งงานยังไงให้ได้ดั่งใจ แถมใส่สบายในวันวิวาห์

เทคนิค ตัดรองเท้าแต่งงาน ที่ว่าที่บ่าวสาวต้องรู้

สำหรับบางคน รองเท้าที่ใช้ในวันแต่งงานอาจเป็นของที่มีอยู่แล้ว เพราะเจ้าสาวใส่ชุดเป็นกระโปรงสุ่มยาวคลุมมิดจนมองไม่เห็นแม้แต่หัวรองเท้า แต่ถ้าดีไซน์ของชุดไม่ได้เป็นเช่นนั้นล่ะ คุณเจ้าสาวจะทำอย่างไร? แถมรองเท้าที่มีอยู่ก็ไม่สามารถสวมใส่ได้สบายตลอดพิธีการแต่งงาน 4-5 ชั่วโมง แพรว wedding เลยขอแนะนำทางเลือกนั่นคือการสั่ง ตัดรองเท้าแต่งงาน คู่ใหม่ที่ใช้วัสดุและถูกดีไซน์ให้เข้ากับรูปเท้าและวันแต่งงานโดยเฉพาะ ซึ่งข้อดีก็คอ หนึ่ง. ใส่แล้วไม่เมื่อย และสอง. ได้รองเท้าคู่ใหม่ที่นำไปใส่ได้อีกหลายโอกาสด้วย

  • ทำไมต้องตัดรองเท้าใหม่

สำหรับว่าที่เจ้าสาวที่คิดว่าการสั่งตัดรองเท้าใหม่จะช่วยให้สวมใส่ได้สบายมากขึ้นนั้น เราอยากขอให้คุณเข้าใจข้อจำกัดในเบื้องต้นก่อนว่า การตัดรองเท้าใหม่อาจไม่ได้ทำให้ใส่สบายเสมอไป เพราะขึ้นอยู่กับดีไซน์ด้วย ถ้าสูงเกิน 4 นิ้วขึ้นไปก็อาจทำให้เกิดอาการเจ็บหรือเท้าระบมได้เหมือนกัน เพราะรองเท้าที่สูงมากๆ พื้นและส้นรองเท้าจะแข็งกว่าปกติ และแข็งมากเป็นพิเศษด้วย ซึ่งแม้แต่รองเท้าแบรนด์เนมคู่ละหลายหมื่นก็เกิดภาวะนี้ได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นหนทางที่พอจะบำบัดความเจ็บได้นิดหน่อย ก็คือการหาแผ่นรองพื้นรองเท้าเพื่อช่วยซับแรงกระแทกที่ด้านใน จะช่วยให้เท้าได้รับสัมผัสที่นุ่มนวลขึ้น เพราะพื้นจะมีระนาบไปตามความโค้งของรูปเท้า ไม่แบนและราบเรียบจนเมื่อใส่ไปนานแล้วทำให้เกิดอาการเท้าล้าได้

  • เสริมส้นสูงให้สมดุลกัน

ต่อมาคู่บ่าวสาวควรจะมาเลือกรองเท้าด้วยกันเพื่อที่จะได้เห็นถึงความบาลานซ์ของระดับความสูงว่า เมื่อเจ้าสาวอยู่บนส้นสูงแล้วจะสูงพอดีเหมาะสมกับเจ้าบ่าวหรือไม่ หรือควรจะต้องเสริมส้นกี่นิ้วดีความสูงถึงจะไม่ดูต่างกันมาก เช่น หากบ่าวสาวสูงพอๆ กัน เจ้าสาวควรเสริมส้นสูงประมาณ 3 นิ้ว ส่วนเจ้าบ่าวเสริมส้นด้านนอกประมาณ 1 นิ้วครึ่ง และเสริมพื้นรองเท้าที่ด้านในอีก 1 นิ้วครึ่ง ก็จะได้ความสูง 3 นิ้วเท่ากับรองเท้าเจ้าสาวพอดี ซึ่งสาเหตุที่ต้องเสริมทั้งด้านนอกและด้านในอย่างละครึ่งเท่าๆ กันเพราะ รองเท้าของผู้ชายนั้นสามารถเสริมส้นได้สูงสุดที่ 1 นิ้วครึ่ง เพราะหากสูงไปกว่านี้จะดูไม่หล่ออย่างแรง!! ส่วนรองเท้าเจ้าสาวเสริมส้นได้สูงสุดอยู่ที่ 5 นิ้วพร้อมการเสริมแพลตฟอร์มที่ด้านหน้า

ตัดรองเท้าแต่งงาน

  • วัสดุของรองเท้า

เจ้าบ่าวมักเลือกรองเท้าหนังอยู่แล้วเพราะฉะนั้นตัวเลือกจึงมีไม่มากนัก แต่สาวๆ อย่างเรานี่สิ มีวัสดุให้เลือกเพียบ แต่สำหรับวันแต่งงานเราขอแนะนำเป็นผ้าซาตินในโทนสีเบจและสีครีมจะเป็นทางสายกลางที่ดีที่สุด เพราะให้ทั้งอารมณ์ความนุ่มนวล มันวาว ดูหรูหรา และแมตช์กับชุดได้ง่าย แถมยังเก็บไว้ใส่ได้อีกหลายโอกาส สุดท้ายยังเข้ากับงานเลี้ยงทุกประเภทอีกด้วย โดยระยะเวลาในการเลือกซื้อหรือสั่งตัดรองเท้านั้น บ่าวสาวอาจจะต้องคิดล่วงหน้าเลยว่าจะใส่รองเท้าคู่นั้นในวันถ่ายพรีเวดดิ้งด้วยหรือไม่ หรือจะแค่ใส่ในวันแต่งงานเฉยๆ ซึ่งบ่าวสาวควรสั่งตัดล่วงหน้าก่อนวันใช้งานจริงประมาณ 1 เดือน เพื่อที่ว่า 2 สัปดาห์แรกก่อนถึงวันใช้งานบ่าวสาวอาจจะให้ร้านลองส่งรองเท้ามาให้ลองใส่ดูว่าสบายเท้าหรือไม่ ใช่แบบที่ต้องการหรือเปล่า หากยังไม่ถูกใจก็สามารถมีเวลาแก้ไขได้อีก 2 สัปดาห์ จะได้ไม่ต้องไปเร่งช่างให้รีบทำรีบแก้ เพราะงานแฮนด์เมดที่เร่งทำให้เสร็จผลลัพธ์ที่ได้นั้นไม่เวิร์กแน่นอน

  • การดูแลรักษารองเท้า

รองเท้าดีๆ ที่ได้รับการดูแลรักษาอย่างดีจะสามารถอยู่กับคุณไปได้นานถึง 10 ปีเชียวนะ!! ซึ่งถ้าหากเจ้าสาวกลัวว่ารองเท้าผ้าซาตินจะมีรอยเปื้อน เราขอแนะนำให้พกยางลบไว้ใกล้ตัว เปื้อนเมื่อไหร่ก็หยิบขึ้นมาทาถูๆ เบาๆ แต่ถ้ายังไม่หายให้ใช้สก็อตช์เทปแตะที่รอยเปื้อนอย่างเบามือแล้วดึงขึ้นเร็วๆ จนรอยเปื้อนนั้นหายไป ส่วนรองเท้าหนังของเจ้าบ่าว ไม่ควรใส่ขณะขับรถเด็ดขาด เพราะอาจทำให้หัวรองเท้ายับเยินถลอกปอกเปิกได้

นอกจากนี้ว่าที่เจ้าสาวควรนำแบบชุดแต่งงานหรือนำชุดที่จะใส่ในวันงานไปเทียบกับรองเท้าด้วย เพื่อที่จะได้ลุคที่แมตช์กันตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้านะคะ

ตามไปส่องแบบรองเท้าเจ้าบ่าวและเจ้าสาวกันต่อได้เลย
7 สไตล์รองเท้าเจ้าบ่าวที่ใส่ปุ๊บหล่อปั๊บ
รองเท้าเจ้าสาว 40 แบบที่สวยเริดจนเจ้าสาวไม่อยากถอด

มาทำความรู้จัก 14 ช่วงบนของชุดเจ้าสาวก่อนตัดสินใจเลือกกันดีกว่า

14 ช่วงบนของชุดเจ้าสาว ที่เจ้าสาวไม่รู้ไม่ได้

ว่าที่เจ้าสาวทั้งหลายเคยเป็นกันไหมคะ เวลาที่ดูแบบ ชุดเจ้าสาว แล้วถูกใจอยากใส่แบบนี้บ้าง แต่พอถึงเวลาบอกช่างตัดชุดกลับนึกไม่ออกบอกไม่ถูกว่า เอ๊ะ! ชุดแบบนั้นเขาเรียกว่าอะไรนะ ถ้าใส่ไปแล้วจะเหมาะกับเราหรือเปล่า ใครที่ยังข้องใจสงสัยเรื่องนี้อยู่ แพรว wedding ตัดเฉพาะ ช่วงบนของชุดเจ้าสาว พร้อมชื่อเรียกแบบสากลมาให้ดูกันก่อน เวลาเดินเข้าร้านจะได้บอกช่างแบบถูกต้องเป๊ะๆ

แบบที่ 1 : Sweetheart – เกาะอกรูปหัวใจ

ช่วงบนของชุดเจ้าสาว

ที่เรียกว่าเกาะอกรูปหัวใจก็เพราะตรงกลางช่วงอกจะเว้าลงคล้ายกับด้านบนของรูปหัวใจ ช่วยทำให้คอและลำตัวดูยาวขึ้น เน้นกระดูกไหปลาร้า หน้าอก และทรวดทรงองค์เอวให้เด่นชัดขึ้น เหมาะกับเจ้าสาวที่มีรูปร่างเล็ก ช่วงไหล่แคบ มีคอและคางสั้น

แบบที่ 2 : Straight Across – เกาะอก

ช่วงบนของชุดเจ้าสาว
ชุดแต่งงานจากร้าน Coco Chic

เกาะอกแบบธรรมดาที่ผู้หญิงทุกคนสามารถใส่ได้ แต่ถ้าคุณเป็นเจ้าสาวที่มีไหล่กว้างมากๆ ขอให้เลี่ยงเกาะอกประเภทนี้ เพราะจะยิ่งเผยให้เห็นช่วงไหล่มากขึ้น ควรเลือกใส่แบบคอวีหรือคอยูจะช่วยพลางไหล่ได้ดีกว่า

แบบที่ 3 : Semi-Sweetheart – เกาะอกรูปครึ่งหัวใจ

ช่วงบนของชุดเจ้าสาว
ชุดแต่งงานจากร้าน Mirror Mirror Bangkok

เกาะอกรูปครึ่งหัวใจคล้ายกับเกาะอกรูปหัวใจ ต่างกันเพียงแค่ตรงกลางช่วงอกจะเว้าลงไปน้อยกว่าเกาะอกรูปหัวใจ แต่ยังคงช่วยให้คอและลำตัวดูยาวขึ้น และเน้นที่กระดูกไหปลาร้า หน้าอก และรูปร่างเหมือนกัน เหมาะกับเจ้าสาวที่ไม่อยากให้เว้าจนเห็นร่องออกเยอะเกินไป รวมถึงเจ้าสาวร่างเล็ก ช่วงไหล่ไม่กว้างมาก คอและคางค่อนข้างสั้นก็ขอแนะนำให้เลือกชุดแบบนี้เช่นกัน

แบบที่ 4 : V-Neck – คอวี

ช่วงบนของชุดเจ้าสาว
ชุดแต่งงานจากร้าน Coco Chic

ชื่อก็บอกอยู่แล้วชัดเจนว่าช่วงคอจะเป็นลักษณะตัววี ใส่ได้ทั้งเจ้าสาวที่อกเล็กไปจนกระทั่งเจ้าสาวที่มีอกใหญ่แล้วมีร่องหน้าอกหน้าใจอยากจะอวด ส่วนเจ้าสาวคนไหนที่โครงหน้ายาวอาจต้องเลี่ยง เพราะมันจะทำให้คุณดูหน้ายาวขึ้นไปอีก แต่สำหรับเจ้าสาวที่มีคอสั้น ขอบอกเลยค่ะว่าชุดแบบคอวีเวิร์คสุดๆ

แบบที่ 5 : Asymmetric/One-Shoulder – ไหล่เดี่ยว

ช่วงบนของชุดเจ้าสาว

ชุดแบบไหล่เดี่ยวคือมีสายคาดไว้ที่หัวไหล่ข้างใดข้างหนึ่ง จะซ้ายหรือขวาก็ได้ ช่วยเน้นให้หัวไหล่ดูโดดเด่น เหมาะกับเจ้าสาวที่มีช่วงไหล่แคบ แนะนำว่าถ้าเลือกให้ชุดช่วงบนเป็นแบบไหล่เดี่ยวแล้ว ช่วงล่างตั้งแต่เอวลงไปไม่ควรจะมีดีเทลเยอะมากนัก ขอบอกว่าชุดแบบนี้เหมาะกับเจ้าสาวที่หน้าอกเล็ก ไม่มั่นใจว่าหน้าอกที่มีอยู่จะพอให้เกาะ รวมถึงคนที่พอจะมีหน้าอกแต่ก็กลัวจะเกาะไม่อยู่ด้วยค่ะ

แบบที่ 6 : Off-Shoulder – เปิดไหล่/เกาะไหล่

ช่วงบนของชุดเจ้าสาว
ชุดแต่งงานจากร้าน Mirror Mirror Bangkok

ชุดแบบเปิดไหล่ขอบด้านบนของชุดจะอยู่ใต้หัวไหล่ เน้นให้เห็นกระดูกไหปลาร้า หัวไหล่ และต้นแขนอย่างชัดเจน เหมาะกับเจ้าสาวที่มีช่วงคอสั้นและไหล่แคบ ส่วนใครที่รู้ตัวว่าหน้าอกใหญ่ก็ควรเลี่ยงชุดแบบเปิดไหล่นะจ๊ะ เพราะมันจะเน้นให้หน้าอกดูใหญ่มากขึ้น แต่สำหรับคนที่ต้นแขนใหญ่ หากเลือกชุดแบบนี้แล้วมีผ้าลูกไม้ต่อแขนออกมาสักนิดก็จะสามารถพลางต้นแขนได้เช่นกัน

แบบที่ 7 : Queen Anne

queenanne500

เป็นชุดที่ปิดไหล่ มีแขนเล็กน้อย บางชุดอาจเป็นแขนกุด ลักษณะที่สำคัญคือมีปกเสื้อเชื่อมด้านหน้ากับด้านหลัง ส่วนด้านหน้านิยมเป็นแบบคอวี หรือแบบเกาะอกรูปหัวใจ เหมาะสำหรับเจ้าสาวที่อยากจะเผยหน้าอกแบบพองาม ดูเรียบร้อย ไม่โป๊จนเกินไป อีกทั้งเจ้าสาวยังสามารถเพิ่มดีเทลส่วนด้านหลังด้วยเป็นผ้าลูกไม้แบบซีทรูหรืออาจเว้าหลังเป็นรูปหัวใจก็ได้นะ

แบบที่ 8 : High Neck – คอเต่า/คอจีน

highneck500

ชุดแบบคอเต่าหรือคอจีนเหมาะกับเจ้าสาวที่คอยาว แต่มีรูปร่างค่อนข้างเล็กและสามารถเลือกช่วงแขนให้เป็นแขนกุด แขนสั้น หรือแขนยาวก็ได้

แบบที่ 9 : Halter – มีสายคล้องคอ

halter500

เป็นชุดที่มีสายคล้องคอจากด้านหลังเชื่อมมาด้านหน้า ซึ่งด้านหน้าจะเลือกเป็นแบบคอวี เกาะอกรูปหัวใจ หรือเกาะอกแบบธรรมดาก็ได้ เน้นให้เห็นลำคอและช่วงไหล่ชัดเจน เหมาะสำหรับเจ้าสาวที่มีหน้าอกใหญ่ คอยาว ไหล่กว้าง และสูง ส่วนเจ้าสาวที่ช่วงคอสั้นและหน้าอกเล็กควรเลี่ยงชุดประเภทนี้

แบบที่ 10 : Bateau/Boat Neck – คอปาด

bateau500

ชุดแบบเบโท หรือที่คนไทยเรียกกันว่าคอปาดจะมีส่วนปลายอยู่ตรงหัวไหล เน้นกระดูกไหปลาร้าที่ชัดเจน เหมาะกับเจ้าสาวที่มีหน้าอกเล็ก ช่วงไหล่แคบ สำหรับคนไหล่กว้างขอให้เลี่ยงเพราะจะทำให้ไหล่ของคุณดูกว้างขึ้นไปอีก

แบบที่ 11 : Jewel – คอกลม

jewel500

มีลักษณะคล้ายกับเสื้อทีเชิ้ต เหมาะกับเจ้าสาวที่มีหน้าอกเล็ก และถ้ามีแขนจะนิยมใส่แบบแขนกุดหรือแขนสั้น

แบบที่ 12 : Illusion

ชุดแต่งงานจากร้าน Anaya Wedding Dress

เป็นชุดที่มีลักษณะคล้ายกับแบบ Jewel แต่จะต่างกันตรงแบบอิลลูสชั่นนั้น ผ้าที่ต่อจากช่วงอกขึ้นไปจะเป็นผ้าโปร่งหรือผ้าลูกไม้แบบซีทรู ซึ่งตรงช่วงอกเจ้าสาวก็สามารถเลือกได้ว่าจะเป็นแบบเกาะอกรูปหัวใจหรือเกาะอกธรรมดา ชุดแบบนี้จะดูเรียบร้อย ไม่โป๊จนเกินไป เหมาะกับงานพิธีที่ต้องมีการก้มลงกราบผู้ใหญ่

แบบที่ 13 : Square – คอเหลี่ยม

 

ชุดเจ้าสาวแบบคอเหลี่ยมจะช่วยให้ช่วงคอดูยาวขึ้น เหมาะกับเจ้าสาวที่มีหน้าอกเล็กและไหล่แคบ นิยมใส่เป็นแบบสายเดี่ยว แขนสั้น หรือแขนตุ๊กตา

แบบที่ 14 : Scoop – คอกว้าง/คอยู

scoop500

ชุดแบบสกู๊ปจะมีช่วงคอเว้าลงมาเป็นลักษณะตัวยู เป็นสไตล์คลาสสิกนิยมใส่กันอย่างแพร่หลาย เหมาะกับเจ้าสาวทุกรูปร่าง สามารถตัดให้เว้าโค้งไปถึงด้านหลังได้ จะเว้าเพียงเล็กน้อยแค่ช่วงเอวหรือถ้ามั่นใจในหุ่นก็สามารถเว้าโชว์แผ่นหลังไปจนถึงสะโพกเลยก็ได้

อ่านบทความเพิ่มเติม

10 จุดว่าที่เจ้าสาวต้องเช็คชุดแต่งงานให้ชัวร์ก่อนรับมาใส่ในวันแต่งงาน

ส่อง เทรนด์ชุดแต่งงาน แฟชั่น พลอย – เฌอมาลย์ นิตยสารแพรว wedding มิ.ย. 63

เทรนด์ชุดเจ้าสาว จากร้าน The Classic Studio & Planner สวยหรูดูมีระดับ

3 เคล็ดลับช่วยพิชิตปัญหาเรื่องเงินๆ ทองๆ ที่มักเกิดขึ้นกับชีวิตคู่รัก

ไม่ว่าจะเป็นคู่รักที่เพิ่งออกเดทกัน หรือจะเป็นคู่รักที่แต่งงานกันมานานแล้วก็ตาม หลายคู่จะพบกับปัญหา เรื่องเงินๆทองๆ ที่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทั้งในเชิงลบและเชิงบวกค่ะ ทั้งนี้ หากคุณกำลังมีปัญหาทางการเงิน หรือแฟนของคุณมีนิสัยการใช้จ่ายที่แตกต่างจากคุณ ไม่นานอาจจะทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นมาได้กับคุณทั้งคู่นะคะ

หมด ปัญหาเรื่องเงินๆทองๆ ของคู่รักด้วย 3 เคล็ดลับทำง่ายๆ

Photo by Ketut Subiyanto from Pexels

วันนี้ แพรว wedding มีเคล็ดลับ 3 ข้อที่จะทำให้คุณสามารถแก้ไขปัญหาเรื่องความขัดแย้งนี้และทำให้คุณสามารถหลีกเลี่ยงการขัดแย้งเรื่องเงินกับคู่รักของคุณในอนาคตได้ เพราะคงไม่ดีเลยหากต้องหยุดความสัมพันธ์ เพราะเรื่องเงินเป็นเหตุว่าไหมคะ

  • พูดคุยเรื่องเงินอย่างสม่ำเสมอ

การพูดคุยเรื่องเงินกับคู่ของคุณ อาจจะทำให้คุณและคนรักรู้สึกไม่สบายใจหรืออึดอัดใจก็จริงนะคะ แต่หากคุณและคนรักฝืนใจทำมันสักนิด มีการพูดคุยปรึกษาหารือเรื่องเงินเป็นรายสัปดาห์ เพื่อตรวจสอบข้อมูลทางการเงินร่วมกัน วางแผนทางการเงินร่วมกัน และยอมรับเป้าหมายที่ตั้งไว้ด้วยกัน ก็จะทำให้คุณและคนรักไม่มีปัญหาทางการเงินเลยค่ะ

Photo by Karolina Grabowska from Pexels
  • มีความโปร่งใสเกี่ยวกับการใช้จ่าย

การเปิดเผยและซื่อสัตย์เกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้จ่ายของคุณและคนรัก อาจจะไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ สำหรับหลาย ๆ คู่นะคะ แต่การเปิดเผยและซื่อสัตย์ในเรื่องเงินก็จำเป็นในความสัมพันธ์ของคุณทั้งคู่นะคะ ดังนั้น คู่ของคุณควรมีการสื่อสารเรื่องการใช้เงินต่อกันอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นยอดเงินคงเหลือในบัญชีธนาคาร การใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต และการตัดสินใจซื้อของของคุณทั้งคู่ นอกจากนี้ ควรมีการส่งเสริมให้มีการสารภาพ ในการตัดสินใจใช้จ่ายใด ๆ ที่ไม่เป็นประโยชน์ด้วย เพื่อที่จะได้ช่วยกันห้ามปรามและแก้ไขในอนาคตค่ะ

  • ทดลองทำบัญชีแยก

หากคุณยังคงไม่แน่ใจว่าควรจะแยกบัญชีดีไหม ตอนนี้มันก็อาจจะถึงเวลาแล้ว ที่คุณและคนรักจะมีการพูดคุยเรื่องนี้ร่วมกัน ทั้งนี้ ในระหว่างการพูดคุยเรื่องการแยกบัญชีหรือรวมบัญชี ขอให้คุณและคนรักอย่าลืมพิจารณาถึงข้อดีและข้อเสียของการแยกบัญชีหรือการวมบัญชีด้วยนะคะ

Cr : moneyguru.co.th, thefitgirl.com

อ่านบทความเพิ่มเติม

คุณสมบัติแม่สามี & แม่ยาย แบบนี้แหละที่ลูกสะใภ้และลูกเขยอยากเจอ

เช็กด่วน 6 สัญญาณนี้จะบอกให้คุณรู้ว่า “เราพร้อมแต่งงานกันแล้ว”

บอกลาคานกับ 8 วิธี จีบเขาก่อนยังไงไม่ให้น่าเกลียดเนียนๆ แบบไม่นก

4 ประโยชน์น่าทึ่งที่ได้จากการจับมือแฟนที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน

สาวๆ หลายคนชอบ จับมือแฟน เป็นประจำ บางครั้งอาจจะเหนียวหนึบหนับ สร้างความรำคาญใจให้กับอีกฝ่าย หรือ บางทีคุณยังรู้สึกเองเป็นบางครั้งเลยด้วยซ้ำ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าการจับมือนั้นทำให้รู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก แถมยังรู้สึกดีมากๆ อีกด้วย ทีนี้ลองมาดูเหตุผลดีกว่าว่าทำไมการจับมือถึงได้มีอานุภาพมากมายนัก

หนทางรักยังอีกยาวไกล จับมือแฟน ให้แน่นไว้แล้วไปด้วยกัน ส่งความอบอุ่นจากมือสู่หัวใจ

Photo by Svyatoslav Romanov on Unsplash

ให้ความสบาย

มนุษย์ไม่ได้เกิดมาเพียงเพื่อใช้ชีวิตเฉยๆ แต่เจ้ามนุษย์อย่างเรานี่แหละที่รักความสบาย รักความอบอุ่น ยิ่งถ้าใครทำให้เราสบายใจ เราก็จะยิ่งอยากอยู่ใกล้ๆ เพราะเขาสร้างความอุ่นใจสบายใจให้แก่เรา ตามการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ ของ มหาวิทยาลัย เวอร์จิเนีย และวิสคอนซิล สหรัฐอเมริกา ได้ศึกษาเรื่องปฏิกิริยาพื้นฐานของมนุษย์ ในการสัมผัสเมื่อถึงสถานการณ์ตึงเครียด โดย ดร.เจมส์ โคน กล่าวว่า สมองจะทำงานอย่างผ่อนคลายขึ้นเมื่อได้จับมือใครซักคน

เป็นช่องทางสื่อสารถึงกัน 

เหมือนตอนเด็กๆ ที่แม่ของเรามักจะจับมือของเราไว้เป็นคนแรก เพราะนอกจากคุณจะรู้ว่า แม่คือผู้ให้กำเนิดแล้ว คุณยังรู้สึกอบอุ่น และ ปลอดภัยอย่างไม่มีเหตุผลเมื่อคุณอยู่กับแม่ หรือเวลามีกิจกรรมสันทนาการ เมื่อมีการให้จับมือคนที่เราไม่รู้จัก แรกเราจะเขินอาย แต่เมื่อเวลาผ่านไป เราจะรู้สึกสนิทและเริ่มผ่อนคลาย เพราะเหมือนได้สื่อสารกันผ่านร่างกายแล้วนั่นเอง

Photo by Anton Chernyavskiy on Unsplash

ให้ความอบอุ่น

การจับมือไม่ต่างอะไรจากการกอดหรอกค่ะ เมื่อเนื้อแนบเนื้อ แน่นอนว่าความอบอุ่นจะทำให้คุณรู้สึกอุ่นใจ ยิ่งในหน้าหนาวนะ ได้จับมืออุ่นๆของใครสักคนนี่ รักกันไปนานแน่นอน

ช่วยลดความเจ็บปวด

เวลาคุณแม่คลอดลูกในห้องคลอด บ่อยครั้งที่เราจะเห็นภาพคุณแม่จับมือคุณพ่อไว้ แล้วเบ่งคลอด แม้ความเจ็บปวดจะรุนแรงแค่ไหน ก็จะลดหรือบรรเทาลงได้ หรือตอนเด็กๆ ที่คุณต้อง เจาะหูครั้งแรก และการที่คุณได้จับมือเพื่อนหรือคุณแม่คุณพ่อไว้ แม้จะไม่ทำให้ความเจ็บลดลง แต่คุณจะรู้สึกผ่อนคลายเมื่อได้สัมผัสเขาเหล่านั้น และกลายเป็นทรมานเจ็บปวดน้อยไปซะอย่างนั้น และไม่น่าเชื่อว่า นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัย ฮอปกินส์ สหรัฐอเมริกา จะบอกเราว่า หากเรากดเนื้อบริเวณนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ อาการปวดหัวและความไม่สบายตัว จะลดลงได้

การจับมือกันนั้นทั้งทำง่ายและสะดวก เป็นปฏิสัมพันธ์ทางร่างกายที่ไม่ประเจิดประเจ้อแถมยังดูน่ารัก ทำได้เรื่อยๆ ทั้งวี่ทั้งวัน ทั้งตอนขับรถ เดินเล่น หรือดูหนัง เพราะฉะนั้นจงจับมือกันวนไปค่ะ

เรียบเรียงจาก elitedaily.com / ภาพ : pexels.com

อ่านบทความเพิ่มเติม