ช่อบูเกต์เจ้าสาว 7 สไตล์ เลือกให้เข้ากับรูปร่าง พร้อมเทคนิคเลือกยังไงให้งบไม่บาน

ช่อบูเกต์เจ้าสาว ไม่ใช่จะมีแต่ทรงกลมอย่างที่เราคุ้นตากันอยู่เท่านั้น แต่ยังมีมากถึง 7 แบบ 7 ทรง ซึ่งแต่ละทรงก็มีความโดดเด่นแตกต่างกันไป มาดูกันว่ามีแบบไหนกันบ้าง แถมด้วยทิปส์เด็ดในตอนท้ายว่าเลือกช่อดอกไม้ยังไงไม่ให้ราคาพุ่งกระฉูด

ช่อดอกไม้ทรงกลม (Round)

เป็นช่อบูเกต์แบบดั้งเดิม และเห็นบ่อยที่สุดเพราะเข้ากันได้ดีกับชุดเจ้าสาวทุกสไตล์ แถมในการเข้าช่อของดอกไม้สามารถเลือกเพื่อให้เข้ากับรูปแบบของงานได้ด้วยนะ เช่น หากจัดช่อแบบแน่นๆ ก็จะเหมาะกับงานแบบทางการ แต่หากจัดช่อแบบหลวมๆ ก็จะให้ความรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น เข้ากันได้ดีกับงานที่ไม่เป็นทางการมากนัก ที่สำคัญคือสามารถคละดอกไม้ได้หลากหลาย จึงควบคุมราคาได้ง่ายเช่นกัน

 

ช่อดอกไม้ทรงโค้ง (Pageant)

ช่อดอกไม้ทรงยาวโค้ง ไม่เหมาะกับการใช้ถือแต่เหมาะกับการอุ้มไว้ในวงแขนมากกว่า เนื่องจากเป็นช่อดอกไม้ที่มีความยาวจึงเหมาะกับเจ้าสาวที่มีรูปร่างสูงโปร่งในชุดเข้ารูป จะยิ่งส่งเสริมให้ดูสง่ามากขึ้น และเข้ากันได้ดีกับงานแต่งสมัยใหม่ ที่ไม่เน้นความเป็นทางการ ดอกไม้ที่นิยมนำมาใช้จะมีลักษณะก้านยาว เช่น ดอกคาลล่า ลิลลี่, กุหลาบก้านยาว, เดลฟินเนียม

 

ช่อดอกไม้ทรงน้ำตก (Cascade)

เป็นช่อดอกไม้ที่มีความเป็นทางการสูงมาก และเป็นอีกทรงที่มีมาแต่เนิ่นนานเหมือนช่อดอกไม้ทรงกลม และเนื่องจากมีดอกไม้ห้อยย้อยลงมาเกือบจรดพื้น เจ้าสาวที่ถือจึงควรมีรูปร่างสูงโปร่ง แม้จะเป็นทรงที่ค่อนข้างทางการ แต่ก็สามารถเลือกใช้ดอกไม้ได้ทุกชนิด หรือจะแต่งเพิ่มด้วยกิ่งไม้ก็ให้ความสวยงามไปอีกแบบ

 

ช่อดอกไม้แบบโนสเกย์ (Nosega)

เป็นช่อดอกไม้เจ้าสาวขนาดเล็กที่สุด จึงเหมาะกับเจ้าสาวรูปร่างเล็ก ใช้วิธีการเข้าช่ออย่างง่ายๆ แล้วผูกด้วยริบบิ้น มักแซมด้วยใบไม้จึงให้ความรู้สึกที่ผ่อนคลาย เหมาะกับงานกลางแจ้งที่ไม่ต้องพิธีการมากนัก และไม่ได้เป็นเพียงช่อดอกไม้ที่ได้รับความนิยมในหมู่เจ้าสาวเท่านั้น เพราะยังสามารถทำเป็นช่อดอกไม้ของเพื่อนเจ้าสาวได้อีกด้วย

 

ช่อดอกไม้แบบผูกปลายคล้องแขน (Pomander)

ช่อดอกไม้ทรงกลม มีสายริบบิ้นห้อยเหมือนเป็นกระเป๋าดอกไม้ที่เจ้าสาวจะใช้คล้องแขนเข้าสู่พิธีแต่งงาน เหมาะกับเจ้าสาวทุกรูปร่าง และสามารถใช้ดอกไม้ทรงไหนก็ได้ในการมาเข้าช่อ แถมยังเป็นการเข้าช่อที่สวยหรูดูแพงกว่าช่อดอกไม้ทรงปกติอีกด้วย

 

ช่อดอกไม้แบบทรงกลมขนาดเล็ก (Posy)

ช่อดอกไม้ทรงกลมขนาดเล็กที่สามารถถือได้ในมือเดียว และเป็นอีกทรงที่ได้รับความนิยมจากเจ้าสาวและเพื่อนเจ้าสาว สามารถตกแต่งได้หลากหลายสีสัน ในปัจจุบันยังนิยมประดับช่อดอกไม้ด้วยเครื่องประดับมีค่า อย่าง เพชรหรือสร้อยมุก เป็นต้น จึงเหมาะกับเจ้าสาวที่ใส่ชุดเรียบๆ เพื่อที่ชุดจะได้ไม่ตีกับเครื่องประดับในช่อดอกไม้

 

หลังจากที่เรารู้วิธีเลือกช่อดอกไม้แล้ว เรามาดูกันดีกว่าว่าเราจะเลือกดอกไม้ยังไงไม่ให้รู้สึกว่า แพงจัง….

  1. ช่อบูเกต์ไม่จำเป็นต้องเป็นดอกไม้สดทั้งหมด อาจจะเพิ่มลูกเล่นด้วยใบไม้ที่มีรูปทรงสวยๆ ในขณะที่ดอกไม้ก็อาจจะเลือกเป็นดอกไม้ชนิดเดียวกับที่ใช้ประดับในงานแต่ง ไม่เพียงแค่ลดค่าใช้จ่าย แต่ยังเป็นการคุมโทนสีของงานแต่งด้วย
  2. สำรวจดอกไม้ในตลาด พร้อมสำรวจราคาไปด้วยในตัวว่าดอกไม้ชนิดไหนราคาเป็นอย่างไร หากเป็นเจ้าสาวสาย DIY ก็อาจจะจัด ช่อบูเกต์เจ้าสาว ของตัวเองไปเลยก็ได้
  3. ดอกไม้จากธรรมชาติสวยๆ มีเพียบเลย ที่สำคัญคือเราสามารถเก็บได้เอง โดยไม่ต้องเสียเงิน
  4. การเลือกดอกไม้ตามฤดูกาลก็ทำให้เราประหยัดเงินไปได้เยอะเลย เพราะดอกไม้นอกฤดูกาลจะบวกราคาเพิ่มอีกหลายเท่าเลยทีเดียว

 

ช่อดอกไม้แต่ละแบบก็มีความสวยโดดเด่นที่แตกต่างกัน แต่ไม่ว่าจะเลือกช่อดอกไม้แบบไหน ก็อย่าลืมใส่ความเป็นตัวเองลงไปในช่อดอกไม้ด้วยนะคะ เพราะจะยิ่งเพิ่มความพิเศษให้กับช่อดอกไม้มากกว่าที่จะเป็นแค่บูเกต์ในงานแต่งงานเท่านั้น

ยังมีเทคนิคดีๆ ที่จะทำให้งานแต่งงานออกมาสวยปิ๊งอีกเพียบ คลิกเลย

ภาพเปิด pixabay
ภาพประกอบ pinterest

Recommended