เคล็ดลับสร้างเล็บสวยให้มีออร่า เพื่อความเจิดจ้าในวันวิวาห์พร้อมแหวนวงสวย

จะเป็นเจ้าสาวทั้งทีก็ต้องดูแลตัวเองเป็นพิเศษสักหน่อย ไม่ว่าจะเป็นผิวหน้า ผิวกาย หรือว่ารีดหุ่นให้เป๊ะก็ล้วนเป็นสิ่งที่เจ้าสาวต้องให้ความสำคัญทั้งนั้น แต่บางครั้งก็อาจจะหลงลืมกับส่วนเล็กๆ น้อยๆ ในร่างกายอย่าง เล็บ เพราะอย่าลืมนะคะว่าในช่วงสวมแหวนหมั้นนั้นภาพหนึ่งช็อตที่จะมีก็คือ ภาพที่เจ้าบ่าวกำลังบรรจงสวมแหวนเพชรให้กับเจ้าสาวนั่นเอง ลองคิดดูสิคะว่า ถ้าเล็บมือของคุณดูไม่น่ามองเอาเสียเลย จากช็อตประทับใจอาจกลายเป็นช็อตเสียใจได้ง่ายๆ เพราะฉะนั้น แพรว wedding เลยจัดเคล็บลับการดูแลให้ เล็บสวย มาฝาก รับรองว่าทำง่ายแต่ผลลัพธ์ได้ใจแน่นอน

1. กินอาหารที่ดีและรับประทานวิตามินไบโอติน

อะไรที่ดีกับร่างกายก็จะดีกับเล็บด้วย เพราะเล็บถือว่าเป็นผิวหนังชนิดหนึ่งด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นเล็บจึงต้องการความนุ่มนวล การดูแลเอาใจใส่ และการดูแลทางด้านอาหารไม่ต่างกับผิว แถมอาหารสำหรับบำรุงเล็บนั้นก็เป็นอาหารประเภทเดียวกับการไดเอตอีกด้วย เนื่องจากเล็กสร้างขึ้นมาจากโปรตีน เพราะฉะนั้นอาหารที่จะช่วยบำรุงเล็บได้ดีก็คือ ปลาแซลมอนหรือเนื้อไก่ เพราะในปลาแซลมอนนั้นอุดมไปด้วยทองแดงและซีลีเนียมที่จะช่วยเพิ่มการผลิตคอลลาเจน ที่เป็นสิ่งสำคัญต่อการเจริญเติบโตของเล็บให้แข็งแรง ซึ่งเนื้อสัตว์ทั้งสองประเภทนี้อุดมไปด้วยแร่ธาตุสังกะสีที่เล็บต้องการ อีกทั้งเล็บยังต้องการวิตามินเอ, บี, ซี และกรดโฟลิคซึ่งสามารถพบได้ในผักใบเขียวและอาหารที่มีไขมันดี อย่างเช่น อะโวคาโดหรือน้ำมันมะพร้าว และถ้าหากต้องการผลลัพธ์ที่ดีไปกว่านั้น แนะนำให้ทานวิตามินไบโอตินประมาณ 1-2 วันต่อสัปดาห์

เล็บสวย

2. สร้างความชุ่มชื้นให้เล็บ

อย่างที่บอกว่าเล็บเป็นส่วนหนึ่งของผิว เพราะฉะนั้นเล็บก็ต้องการความชุ่มชื้นเช่นกัน เพราะหากคุณมีผิวหน้าหรือเล็บที่แห้ง ต่อมาความหยาบกร้านและความอ่อนแอก็จะถามหา แนะนำให้นำครีมบำรุงผิวหน้า น้ำมะพร้าว หรือน้ำมันอัลมอนด์มาทาลงบนผิวบริเวณรอบๆ เล็บอย่างน้อยวันละสองครั้ง หรือเมื่อใดก็ตามที่รู้สึกว่าผิวรอบเล็บเริ่มแห้งกร้านขาดความชุ่มชื้น เพราะฉะนั้นอย่าลืมพกโลชั่นสำหรับบำรุงมือและเล็บติดกระเป๋าไว้ด้วยนะคะ และอีกอย่างที่ต้องระมัดระวังคือการสัมผัสกับสารเคมีต่างๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น น้ำยาล้างจานหรือน้ำยาล้างห้องน้ำ ฉะนั้นสวมถุงมือทุกครั้งก่อนทำกิจกรรมดังกล่าวนะคะ จะได้ถนอมทั้งมือและเล็บไปพร้อมๆ กัน

3. ไม่ใช้เล็บทำกิจกรรมที่รุนแรง

ในเมื่อเล็บเป็นส่วนหนึ่งของผิวหนังเพราะฉะนั้นก็ย่อมไม่ต้องการการถูกทำร้ายที่รุนแรง เช่น การพยายามใช้เล็บแก้สายไฟหรือสร้อยคอที่พันกัน หรือการใช้ขอบเล็บเพื่อขูดหรือขีดสิ่งต่างๆ เพราะนั่นจะทำให้เล็บของคุณเกิดความเสียหาย หัก หรือบิ่นได้แบบไม่ทันรู้ตัว เพราะฉะนั้นก่อนถึงวันงานควรดูแลเล็บสวยของคุณไว้ให้ดีนะคะ

4. ทำเล็บสวยๆ ไว้รอสวมแหวน

ไม่ว่าจะเป็นการเพ้นต์เล็บ ทาสีเล็บ หรือต่อเล็บเจล ก็ช่วยสร้างความสวยงามให้กับเล็บได้ทั้งนั้น แต่อย่าเลือกลวดลายหรือสีที่ฉูดฉาดเกินไปนะคะ ไม่อย่างนั้นจะเป็นการขโมยซีนแหวนเพชรเม็ดโตเอาได้ และไม่ต้องรีบไปทำล่วงหน้านะคะเพราะกว่าจะถึงวันงานเล็บอาจเสียหายจากการทำกิจกรรมต่างๆ ของเจ้าสาวได้ เพราะฉะนั้นเลือกแบบเลือกสีไว้ในใจ พร้อมหาร้านที่ไว้ใจได้ แล้วค่อยไปทำก่อนถึงวันงาน 1-2 วันก็ยังทัน

สุดท้ายไม่ว่าจะเป็นการบำรุงทั้งจากภายในหรือภายนอกที่เราเสนอไป ถึงแม้จะเห็นผลช้าสักหน่อยก็อย่าเพิ่งท้อใจแล้วหยุดทำไปเสียก่อนนะคะ เพราะผลลัพธ์ไม่ได้เกิดเพียงชั่วข้ามคืน การที่จะสร้างความแข็งแรงให้กับเล็บนั้นอาจจะต้องใช้กระบวนการที่นานสักหน่อยกว่าจะเห็นผล การดูแลเป็นประจำสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณเข้าถึงเส้นชัยได้มากที่สุด ให้เวลาเล็บของคุณได้ตอบสนองกับอาหารและวิตามินต่างๆ ที่คุณกินเข้าไปสักหน่อย และถ้าหากเล็บของคุณมีปัญหาขึ้นมาเมื่อไหร่แนะนำให้คุณเข้าร้านเพื่อให้มืออาชีพทำการช่วยเหลือหรือซ่อมแซมส่วนที่เสียหาย รับรองว่าเล็บสวยอยู่แค่ปลายนิ้วมือแน่นอน

 

ติดตามเคล็ดลับความงามดีๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

 

ภาพ : www.pinterest.com, blog.biosculpture.com.au

บ่าวสาวควรรู้ มาดูวิธีทำให้ตัวเองสดชื่นเตรียมตัวก่อนแต่งงานกันดีกว่า

การ เตรียมตัวแต่งงาน มีหลายเรื่องที่บ่าวสาวจะต้องเตรียมให้พร้อมก่อนถึงวันสำคัญ ตั้งแต่สถานที่ เสื้อผ้า หน้าผม แต่อีกสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเลยก็คือ การเตรียมความพร้อมของร่างกาย

การ เตรียมตัวก่อนแต่งงาน เป็นสิ่งที่บ่าวสาวต้องคำนึงถึงอย่างมาก ซึ่งก่อนจะถึงงานแต่งงานวันจริง บ่าวสาวอาจจะเจอหลากหลายปัญหาที่เข้ามา ซึ่งแน่นอนว่าปัญหาการเตรียมงานทั้งหลายเหล่านี้ จะทำให้เกิดความเครียด และถ้าเครียดมากๆ วันงานแต่งจริงจะทำให้คู่บ่าวสาวไม่สดชื่นเอาได้น้า 

ดังนั้นมาดูวิธีทำให้สดชื่นกันดีกว่า ถึงแม้จะเจอปัญหาจากการเตรียมตัวแต่งงานมากเพียงใด ก็สู้ไหวอยู่แล้ว

1. ออกกำลังกายแต่เช้า เป็นประจำ

การออกกำลังกายแต่เช้าเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ นอกจากจะช่วยให้ร่างกายบ่าวสาวฟิตแอนด์เฟิร์มแล้ว การออกกำลังกายยังช่วยให้สมองได้รับออกซิเจนยามเช้า ซึ่งเป็นช่วงที่อากาศดีสุดๆ ดังนั้นลองตื่นเช้าๆ มาาออกกำลังกายยืดกล้ามเนื้อสักหน่อย จะช่วยทำให้ร่างกายสดชื่นนะจ๊ะ

เตรียมตัวแต่งงาน

2. ดื่มน้ำตอนตื่นนอน

สิ่งที่ควรทำเมื่อตื่นนอนคือ การดื่มน้ำเปล่า 1-2 แก้ว ที่อุณหภูมิห้อง ไม่ร้อนหรือเย็นจนเกินไป เพราะน้ำเปล่ามีประโยชน์มหาศาล และที่สำคัญยังช่วยให้ระบบเผาผลาญพลังงานในร่างกายดีอีกด้วยค่ะ

เตรียมตัวแต่งงาน

3. ทานอาหารเช้าเป็นประจำ

สังคมการทำงานในปัจจุบัน คนส่วนใหญ่จะไม่รับประทานอาหารเช้ากัน แต่จะเลือกเป็นดื่มกาแฟ หรือนมแทน ซึ่งจริงๆ แล้ว อาหารเช้าคือสิ่งที่สำคัญที่ร่างกายต้องนำไปใช้ ทางที่ดีที่สุดคือตื่นเช้า มาทานอาหารเช้า และลดการดื่มกาแฟ หรือชาในช่วงเช้าลง ถึงแม้เครื่องดื่มเหล่านี้จะช่วยให้พลังงานที่ดีๆ แต่ดื่มบ่อยๆ จะทำลายสุขภาพนะคะ

เตรียมตัวแต่งงาน

4. ก่อนนอนควรแง้มหน้าต่างไว้ เพื่อแสงจะได้เข้าห้องในตอนเช้า

การที่เราจะตื่นขึ้นมาโดยสดชื่นในทุกๆ วัน คือการให้แสงสว่างช่วยปลุก เพราะแสงแดดจะไปกระตุ้นร่างกายของเราให้หยุดขับสารเมลาโทนิน ซึ่งเป็นสารที่ทำให้ร่างกายอยากจะนอน ทางที่ดีที่สุดคือก่อนนอนควรแง้มหน้าต่างห้องหรือม่านไว้สักหน่อย เพื่อให้แสงแดดสามารถส่องถึงเราในตอนเช้าได้ค่ะ

เตรียมตัวแต่งงาน

5. ฟังเพลงเพราะๆ ก่อนเริ่มกิจกรรมประจำวัน

ลองหาเพลงเพราะๆ เปิดเบาๆ หลังจากตื่นนอนในทุกวันดูค่ะ เพราะมีผลการวิจัยออกมาว่าถ้าเราฟังเพลงเบาๆ เช่นเพลงคลาสสิคเป็นประจำ จะช่วยให้สมองทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แต่ถ้ารู้สึกว่าฟังเพลงเบาๆ แล้วง่วง ลองหาเพลงมันๆ เปิดแทนก็ได้ เพราะการเปิดเพลงสนุกๆ ก็เป็นการช่วยกระตุ้นให้สมองตื่นตัวได้ดียิ่งขึ้นเช่นกัน

เตรียมตัวแต่งงาน

เป็นอย่างไรบ้างคะกับการทำตัวเองให้สดชื่นเพื่อเตรียมตัวรับวันสำคัญ บอกเลยว่าทำได้ง่ายๆ และควรทำเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอนะคะ นอกจากเราจะเริ่มต้นวันแบบสดชื่นแล้ว สุขภาพก็จะดีตามไปด้วย แต่ทั้งหมดนี้ไม่ควรนำไปทำในเช้าวันแต่งงานนะ เพราะดูแล้วไม่ทันแน่นอนจ้าาาาา

นอกจากนี้ ถ้าเจ้าสาวเครียดเพราะวิตกกังวลก่อนงานแต่งงานจะมาถึง ลองมาอ่าน รวม ผลิตภัณฑ์กลิ่นหอม ช่วยให้ เจ้าสาว ผ่อนคลายหายเครียด

ภาพจาก : Pinterest.com

อยากถ่าย ภาพพรีเวดดิ้ง แบบง่ายๆ ไม่ต้องจ้างช่างภาพ ทำได้อย่างไร ต้องอ่าน

ถึงว่าที่บ่าวสาวที่กำลังอยาก ถ่าย ภาพพรีเวดดิ้ง กันเองแบบง่ายๆ โดยไม่อยากจ้างช่างภาพ สามารถทำได้นะจ๊ะ บอกเลยว่าไม่ยาก

เพราะในปัจจุบัน บ่าวสาวหลายคู่อาจจะไม่สะดวกเรื่องเวลาในการต้องเดินทางไป ถ่าย ภาพพรีเวดดิ้ง ในสถานที่ต่างๆ บ้างก็อยากจะประหยัดงบประมาณ เพื่อไปใช้จ่ายด้านอื่น  วันนี้ แพรว wedding เลยถือโอกาศมาแนะนำวิธี ถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง กันแบบง่ายๆด้วยตัวเอง เพียงแค่รู้ทริค บ่าวสาวก็สามารถตั้งขาตั้งกล้องถ่ายภาพสวยๆ กันเองได้ไม่ยากเลย หรือจะลองชวนเพื่อนๆไปเป็นตากล้องให้ก็ได้ สนุกดีไปอีกแบบ ว่าแต่จมีทริคอะไร หรือต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้างนั้นไปดูกันค่ะ

  1. วางแผนสถานที่ให้พร้อม

สิ่งสำคัญของการ ถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง หลักๆ ก็คือ บ่าวสาว สถานที่ และความหมายเรื่องราวในภาพ การจ้างช่างภาพสักคนที่สามารถจัดฉาก และเนรมิตสถานที่ให้ออกมาสวยมากกว่าเดิมได้จึงเป็นเรื่องที่นิยมทำกัน เพราะการันตีผลงานแล้วในรดับหนึ่ง แต่ถ้าคุณอยากจะไปถ่ายกันเอง ซึ่งแน่นอนว่าจะไม่มีคนมาช่วยหามุม เซทอัพฉาก ดังนั้นขั้นตอนการวางแผน และหาข้อมูลของสถานที่ที่จะไปถ่ายให้ดี จึงเป็นขั้นตอนที่สำคัญมากๆเลยล่ะค่ะ อย่างน้อยก็ไปถึงแล้วจะได้ไม่เสียเที่ยว เสียเวลายังไงล่ะคะ

ภาพพรีเวดดิ้ง

2. เสื้อผ้าหน้าผมต้องเป๊ะ

สิ่งที่ได้เปรียบหากจ้างช่างภาพแพงๆ ก็คือ จะมีทีมงานมืออาชีพคอยดูเสื้อผ้า หน้าผม ของคู่บ่าวสาวให้ออกมาสวยเป๊ะปัง แบบที่ว่า สมมติเจอลมแรงๆ จะไม่มีภาพเจ้าสาวผมฟูๆ ออกมาแน่นอน แต่… ถ้าไป ถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง กันเองล่ะทำอย่างไรดี ง่ายๆ เลยค่ะ เจ้าบ่าวต้องช่วยเช็คความเรียบร้อยของการแต่งกาย เมคอัพ และผม ของเจ้าสาว ในทางกลับกันเจ้าสาวก็ต้องช่วยดูแลความเรียบร้อยให้กับเจ้าบ่าว ช่วยๆกันเสียเวลาดูซักหน่อย เพื่อภาพถ่ายที่ออกมาจะได้ดีงามสมความตั้งใจอย่างไรล่ะคะ

ภาพพรีเวดดิ้ง

3. อุปกรณ์กล้อง เตรียมให้พร้อม

สิ่งสำคัญที่สุดก่อนที่จะมีภาพสวยๆ ออกมาก็คือ กล้องนั่นเอง บ่าวสาวควรวางแผนกันก่อนว่าใครจะเป็นคนถ่ายภาพให้ จะถ่ายกันเอง หรือรบกวนเพื่อนๆ ให้ช่วย ถ่ายภาพ ให้ จากนั้นมาเลือกอุปกรณ์กล้องที่สะดวกกับผู้ถ่ายเช่น ถ้าถ่ายกันเอง ต้องเตรียมขาตั้งกล้อง กล้องถ่ายภาพ หรือ อาจจะเป็นกล้องแอคชั่นแคม ที่ถือถ่ายแบบสะดวกๆ ในกรณีที่ให้เพื่อนถ่ายให้ ก็เลือกกล้องที่พวกเขาสามารถกดใช้งานได้ง่ายๆ จะได้ไม่ต้องมานั่งสอนกันให้ปวดหัวเนอะ

ภาพพรีเวดดิ้ง

4. ดูภาพตัวอย่างเยอะๆ

ก่อนจะออกไป ถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง ก็ต้องทำการบ้านกันหน่อยนะจ๊ะ ลองดูภาพผลงานตามสถานที่ที่เราอยากไป ว่ามีคู่บ่าวสาวเคยไปถ่ายมาแล้วหรือยัง ถ้ามีลองดูมุมถ่ายภาพ ดูวิธีการแอคชั่นถ่ายภาพของพวกเขาดู เพื่อที่เราจะได้มีไอเดียมาครีเอทภาพถ่ายของเราเอง อย่าย่ามใจว่ามันไม่ยาก บอกได้เลยว่าไปถึงสถานที่แล้ว จะคิดมุมกล้อง คิดท่าทางในการถ่ายภาพสดๆน่ะไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยนะคะ

ภาพพรีเวดดิ้ง

5. ทำตัวเป็นธรรมชาติ

บ่าวสาวหลายคนถึงแม้จะคบหากันมาเป็นระยะเวลายาวนาน แต่พอถึงเวลา ถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง จริงๆ ก็จะเขินกันเสียเอง ซึ่งถ้าไปกับช่างภาพ พวกเขาจะช่วยบิ้วให้บ่าวสาวผ่อนคลายและไม่เขินกันเอง แต่ถึงแม้เราไปเองก็ไม่ต้องกังวลไปค่ะ ฝึกโพสต์ท่ากันไปก่อนเลย ไม่ว่าจะ มองตากันบ่อยๆ แกล้งเขิน หัวเราะ มีความสุข เพียงเท่านี้ พอเวลาไปถ่ายภาพจริงๆ เราก็จะชิน และสามารถแอคชั่นออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ

ภาพพรีเวดดิ้ง

 

เป็นอย่างไรบ้างคะ ทำตามได้ไม่ยากเลย เพียงแค่ต้องทำการบ้านเตรียมตัวบางอย่างไปก่อนเพียงเท่านั้นเอง ไม่แนะนำให้ไปตายเอาดาบหน้า ณ สถานที่นะคะ เพราะอาจจะไม่รอดเอาได้ … แล้วถ้าใครยังหาสถานที่ ถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง ไม่ได้ เราขอแนะนำ 5 อุทยานแห่งชาติ สถานที่ถ่ายพรีเวดดิ้ง ไม่ไกลมากได้ภาพสวยปังประหยัดงบด้วย ไม่ต้องไปไกลถึงต่างประเทศ ก็ฟินได้ ในงบสบายกระเป๋า ขอให้ฟินๆแลได้ภาพสวยกันถ้วนหน้าเลยนะจ๊ะ

 

ภาพจาก : Pinterest.com

เลื่อนจัดงานแต่ง ต้องบอกใครก่อนกันนะ!? เรามีคำตอบมาให้แล้ว

เลื่อนจัดงานแต่ง ยังไงให้ราบรื่น มาดูกัน

แม้จะมีการกำหนดวันฉลองมงคลสมรสเรียบร้อยแล้ว แต่หากเกิดเหตุไม่คาดคิดที่จะทำให้วันแต่งงาน ซึ่งกำหนดไว้อย่างดิบดีมีอันต้องเลื่อนหรือเปลี่ยนแปลง บ่าวสาวหลายคู่คงเกิดอาการสับสน ทำอะไรไม่ถูกไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรก่อนหลัง เพราะมีหลายหน่วยเหลือเกินที่เกี่ยวข้องกับงานแต่งในครั้งนี้ ลองพิจารณาคำแนะนำจากเราไปใช้ดูนะคะ เผื่อแผนนี้จะช่วยทำให้การ เลื่อนจัดงานแต่ง คลี่คลายไปได้

กำหนดวันใหม่ได้เลยไหม

ก่อนที่จะแจ้งกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เราอยากให้คุณทั้งคู่ลองคุยกันก่อนนะคะว่า เมื่อต้องเลื่อนวันอย่างกะทันหัน คุณสามารถกำหนดวันใหม่ได้เลยไหม เพราะหากสามารถกำหนดวันใหม่ได้เลย จะดีต่อการแจ้งกับหน่วยงานอื่นๆ ในเรื่องทิศทางการเตรียมงานและมาร่วมงาน โดยกำหนดการวันแต่งงานใหม่นี้ อาจเลือกจากฤกษ์รองลงมาที่เคยได้รับจากหมอดูฤกษ์ยามที่ช่วยกำหนดวันมงคลเป็นทางเลือกแรก  แต่ถ้าไม่มีฤกษ์รองก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้วค่ะว่า จะเลือกฤกษ์สะดวกหรือให้หมอดูเช็คเพื่อหาฤกษ์ดีให้อีกครั้ง

แจ้งกับเจ้าของสถานที่จัดงานแต่งงาน

ไม่ว่าคุณจะเช่าแค่สถานที่อย่างเดียวหรือเช่าสถานที่พร้อมการดูแลการจัดงานทั้งหมด หลังจากที่แจ้งว่างานแต่งครั้งนี้ต้องเลื่อนออกไปเป็นวันใหม่แล้ว คุณต้องเช็คให้แน่ใจทันทีว่า ห้องจัดเลี้ยงห้องเดิมที่เลือกไว้ยังว่างหรือไม่ในวันที่กำหนดขึ้นมาใหม่ และมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเท่าไหร่ในกรณีที่ต้องเปลี่ยนวัน ซึ่งค่าใช้จ่ายที่เพิ่มอาจไม่ได้มีเพียงค่าใช้ห้องเท่านั้น อาจเกี่ยวโยงไปถึงค่าอาหาร ค่าดอกไม้ (ซึ่งราคาดอกไม้มักขยับไปตามฤดูกาลจัดงาน)

หากวันใหม่ที่เลื่อนไม่มีห้องว่างอย่างต้องการ ก็ขึ้นอยู่กับคุณว่า จะเปลี่ยนวันจนกว่าจะได้ห้องเดิมหรือจะเปลี่ยนสถานที่ไปเลย แต่ถ้าจะให้ดี ควรเช็คกับสถานที่เดิมก่อน เพราะทุกอย่างได้คุยกันไว้หมดแล้ว การเปลี่ยนสถานที่ไปเลย เท่ากับคุณต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ ฉะนั้นถ้าเป็นไปได้ ลองดูสถานที่เดิมให้ได้ก่อนนะคะ

แจ้งกับเวดดิ้งพลนเนอร์

เมื่อสรุปวันใหม่คู่ไปกับการยืนยันห้องจัดเลี้ยงได้แล้ว จึงแจ้งการเลื่อนวันกับหน่วยงานต่อไป นั่นก็คือ “เวดดิ้งแพลนเนอร์” ซึ่งหน่วยงานนี้เป็นหน่วยที่ต้องแจ้งการเปลี่ยนแปลงทันทีหลังจากที่สรุปเรื่องสถานทีได้ เพราะทีมเวดดิ้งแพลนเนอร์ต้องมีการเตรียมแผนการจัดงานไม่ต่างกัน โดยเฉพาะแผนในการทำงานอื่นๆ ของทีมงาน ที่อาจมีการรับงานอื่นอยู่แล้วในวันที่คุณเปลี่ยนกำหนดการใหม่ รวมไปถึงเรื่องราคาดอกไม้ ซึ่งอาจมีผลต่องบประมาณและค่าใช้จ่ายเดิมที่เคยคุยไว้

แจ้งกับแขกตามลำดับความสำคัญ

หลังจากสรุปวันจัดงานใหม่และคอนเฟิร์มสถานที่ได้แล้ว ก็ถึงเวลาที่คุณจะต้องนำกำหนดการใหม่นี้ไปแจ้งกับแขกที่จะเชิญมาร่วมงาน เราขอแนะนำว่า ให้ต่อสายตรงไปยังแขกคนสำคัญๆ เช่นประธานในพิธี  ญาติผู้ใหญ่ที่สนิท เจ้านายหรือหัวหน้างานด้วยตัวเองเป็นลำดับต้นๆ จากนั้นจึงกระจายข่าวบอกเพื่อนๆ ทุกสาย โดยอาจใส่กำหนดการใหม่ไว้ในกรุ๊ปไลน์ หรือแจ้งผ่านโซเชียลมีเดียต่างๆ ที่เป็นช่องทางการติดต่อที่ใช้กันอยู่แล้ว แต่ที่สำคัญคือ อย่าลืมลงท้ายว่า การเลื่อนครั้งนี้มีเหตุปัจจุบันทันด่วนจริงๆ จึงจำเป็นต้องใช้ช่องดังกล่าวเพื่อกระจายข่าวให้ถึงกับทุกคนเพื่อความรวดเร็ว และถ้าเป็นเพื่อนสนิท อาจขอให้เพื่อนๆ ช่วยกระจายข่าวแทนด้วยก็จะยิ่งช่วยให้แขกได้รู้กันอย่างทั่วถึงมากขึ้น

แจ้งกับหน่วยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

แม้จะเป็นหัวข้อสุดท้ายที่เราเขียนถึง แต่คงต้องบอกว่า หน่วยที่คุณอาจจะต้องรีบแจ้งความเปลี่ยนแปลงนี้ในลำดับต้นๆ ควบคู่ไปกับการแจ้งกับเจ้าของสถานที่ เพราะแม้จะเป็นเพียงหน่วยที่เกี่ยวข้องเล็กๆ น้อยๆ แต่บอกเลยว่ามีผลอย่างมาก นั่นคือ ทีมงานปลีกย่อยทั้งหลายที่คุณจ้างมาในวันงาน ไม่ว่าจะเป็น

  • ร้านขันหมาก : อย่าลืมนะคะว่าในชุดขันหมากไม่ว่าจะเป็นขันหมากไทยหรือจีนมีของสดอยู่ในชุดขันหมาก ยิ่งเมื่อจำเป็นต้องเลื่อนแบบปัจจุบันทันด่วนประมาณว่าก่อนงาน 2-3 วันยิ่งต้องรีบแจ้งอย่างเร็วที่สุด
  • ช่างแต่งหน้า-ทำผม และช่างภาพ : ทีมงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเนรมิตความสวยหล่อและเก็บความทรงจำดีๆ ในโมเม้นสำคัญกลุ่มนี้ ส่วนใหญ่รับงานเป็นคิวๆ ไป แถมบางคนต้องจองล่วงหน้าเป็นเดือนๆ ปีๆ ถ้าคุณจะคืนคิวต้องรีบแจ้งพร้อมล็อกคิวใหม่ทันทีไม่งั้น อาจมีวืดได้
  • ร้านเค้กแต่งงานและซุ้มอาหารต่างๆ ที่นำเข้ามาเอง : นี่ก็เช่นกันค่ะ เป็นหน่วยงานที่คุณต้องรีบแจ้ง เพราะสัมพันธ์กับการเตรียมวัตถุดิบต่างๆ ที่เก็บไว้ข้ามวันข้ามคืนไม่ได้

เราเชื่อเหลือเกินว่า ไม่มีคู่บ่าวสาวคู่ไหนที่อยากจะเลื่อนวันแต่งงานที่กำหนดไว้แล้วออกไป แต่หากต้องมีเหตุให้เลื่อนจริงๆ ไม่ว่าจะด้วยระยะเวลามากหรือน้อย หากคุณยังมีรักให้กันอยู่เต็มหัวใจ ไม่ว่าจะเลื่อนไปไกลแค่ไหน เลื่อนด้วยเหตุผลใด แขกที่รอเวลามาร่วมยินดีต้องเข้าใจถึงความจำเป็นอย่างแน่นอนค่ะ เราก็ขอให้ว่าที่บ่าวสาวทุกคนผ่านพ้นช่วงวุ่นวายได้อย่างราบรื่นทุกคนนะคะ

5 วิธีง่ายๆ ช่วยบ่าวสาวสร้างแฮชแท็กงานแต่งเก๋ๆ ใช้ได้แบบไม่ซ้ำใคร

ทำยังไงถึงจะมี แฮชแท็กงานแต่งเก๋ๆ ไว้ใช้ในงานของเรา??

เดี๋ยวนี้เวลาจะโพสต์อะไรก็ตามในโลกโซเชียล มักจะมีการใส่ # แฮชแท็ก เสมอว่าไหมคะ ยิ่งถ้าเป็นในอีเว้นต์สำคัญๆ ของชีวิตอย่างงานแต่งงาน บ่าวสาวทั้งหลายก็ไม่พลาดที่จะมี แฮชแท็กงานแต่งเก๋ๆ ประจำงานแน่นอน แต่ปัญหาก็คือ บางคู่คิดไม่ออกว่าจะสร้างเจ้าแฮชแท็กนี้ยังไงให้จำง่าย ใช้ได้ และไม่ซ้ำใคร ลองมาดูคำแนะนำจาก แพรว wedding ก่อนจะเริ่มครีเอทคำเจ๋งๆ ของคุณกันค่ะ

 

ขั้นที่ 1 : เริ่มต้นด้วยชื่อของคุณทั้งคู่

หัวใจสำคัญของการสร้างแฮชแท็กก็คือ  การครีเอทคำง่ายๆ จำไม่ยากรวมถึงเดาทางไม่ยาก และต้องไม่ยาวจนเกินจำเป็น  ซึ่งจุดเริ่มต้นธรรมดาๆ ที่ใครๆ ก็ทำกัน นั่นคือการนำเอาชื่อของคุณทั้งคู่มาสร้างเป็นแฮชแท็ก ไม่ว่าจะเป็นชื่อเล่นหรือชื่อจริง (ถ้าเป็นชื่อเล่นก็ขอให้เป็นชื่อเล่นจริงๆ นะคะ ไม่ใช่ชื่อในวงการหรือสมญานามที่เพื่อนๆ เรียกกัน) เพราะอย่างน้อยๆ แขกที่มาร่วมงานจะต้องรู้อยู่แล้วว่า บ่าวสาวชื่ออะไร การติดแฮชแท็กของงานนี้จึงไม่ควรพลาดนำชื่อที่ว่าเป็นจุดตั้งต้น เช่น #modandfern เป็นต้น

ขั้นที่ 2 : ใช้ตัวเลขมาทำให้ต่าง

ขั้นต่อมาคือ นำเอาตัวเลขมาประกอบการตั้งชื่อแฮชแท็ก ซึ่งแน่นอนว่า ตัวเลขที่มาวินสุดๆ ก็คือ ตัวเลขของวันที่จัดงานแต่งงานยังไงละคะ เช่น #modandfern310516

ขั้นที่ 3 : นำคำเรียกพิธีการมาใส่เพิ่ม

นอกจากชื่อบ่าวสาวและวันที่จัดงานแล้ว คุณอาจเพิ่มเติมคำเรียกพิธีการลงไปได้ เพื่อแยก #แฮชแท็ก กันอย่างชัดเจน เช่นคุณจัดพิธีแต่งงานเช้าและงานฉลองมงคลสมรส ก็ใส่คำเฉพะลงไป เช่น #modandfernengagement หรือ #modandfernwedding อะไรแบบนี้

ขั้นที่ 4 : กลัวจะยาวไปก็ใช้แบบย่อ

ในกรณีที่คุณรู้สึกว่าใส่ชื่อจะพิมพ์ยาวเกินไป ก็ลดทอนลงได้ โดยหยิบเอาตัวอักษรแรกของชื่อที่คุณอาจใช้ทำเป็นโลโก้มาสร้างเป็นแฮชแท็กของคุณ เช่น #MFWedding + กับขั้นตอนที่ 2 และ 3 ที่ว่ากันไปแล้ว

ขั้นที่ 5 : ใส่คำเฉพาะคู่ของคุณลงไปต่อท้าย

คำเฉพาะที่ว่านี้ อาจเป็นคีย์เวิร์คที่บ่งบอกสถานะที่กำลังจะเปลี่ยนไปของคุณทั้งคู่ เช่น #modfernthenewbeginning หรือคำแสดงเอกลักษณ์หรือสไตล์ของคนทั้งคู่ เช่น #modfernthehipster อะไรแบบนั้น

https://juliannaarendashphotography.wordpress.com

เมื่อได้แฮชแท็กแบบที่คุณคิดว่าชอบใจแล้ว อย่าเพิ่งผลีผลามใช้ทันทีนะคะ แพรว wedding อยากให้คุณเช็คกันอีกสักนิด ไม่ว่าจะเป็น…

1. ยังไม่มีคนใช้แฮชแท็กนี้แน่นอนนะ เพราะอย่าลืมว่า คู่รักหลายคู่ก็ชื่อซ้ำๆ กันถมเถไป การจะดึงตัวอักษรแรกมาใช้ก็ยิ่งเพิ่มความซ้ำเข้าไปอีก ฉะนั้นถ้าตั้งเสร็จแล้วต้องไม่ลืมกดเช็คก่อนเสมอว่า คำที่ว่าตรงกับคู่อื่นๆ ไหม ภาพที่โพสต์จะได้ไม่ปนกันเละเทะ ซึ่งถ้าเกิดว่ามีคนชื่อซ้ำขึ้นมาก็เพิ่มลูกเล่นหรือเปลี่ยนคำซะ ก็เท่านั้นเอง

2. เช็คกันให้มั่นใจว่าคำที่เลือกมีความเสี่ยงจะสะกดผิดง่ายหรือเปล่า โดยเฉพาะพวกคำห้อยต่อท้ายในขั้นตอนที่ 5 ซึ่งถ้าแขกไม่คุ้นเคยกับคำนั้นๆ แล้วแค่ฟังต่อๆ กันมาว่าใช้คำๆ นี้ต่อท้ายแฮชแท็กก็อาจพิมพ์ผิดกันได้เหมือนกันนะคะ

ส่วนถ้าใครยังกังวลหรือไม่มั่นใจว่า การใช้ตัวเล็กตัวใหญ่จะมีผลกับแฮชแท็กไหม แพรว wedding ขอยืนยันให้ชื่นใจว่า ไม่มีผลนะคะ วันนี้คุณจะพิมพ์ตัวเล็กทั้งหมด พรุ่งนี้จะพิมพ์ตัวใหญ่ทั้งหมดก็พุ่งไปที่จุดเดียวกันได้แบบสบายๆ ขอแค่การติดแฮชแท็กที่ว่า เช็คให้ดี และสร้างสรรค์ให้เฉพาะตัวแบบที่เราแนะนำก็พอ เสร็จแล้วก้ลงมือ ชวนแขกที่เชิญมาติดแฮชแท็กได้เลยค่ะ

คิดแฮชแท็กเก๋ๆ กันได้แล้ว ก็อย่าลืมคิดภาพถ่ายกัน โดยเฉพาะ รวมช็อตเด็ดที่ต้องมีใน ภาพถ่ายงานแต่ง ลิสต์เตรียมไว้กันพลาด

ภาพเปิด : insideweddings.com

เลขใช้แล้วดี – เลขใช้แล้วร่วงกับความเชื่อเรื่องตัวเลขฉบับนานาชาติ

เลขใช้แล้วดี – เลขใช้แล้วร่วงความเชื่อเรื่องตัวเลขฉบับนานาชาติ

ไม่ว่าจะชนชาติไหนก็อยู่คู่มากับความเชื่อด้วยกันทั้งนั้นนะคะ โดยเฉพาะเรื่องของ เลขใช้แล้วดี ที่มีความเชื่อทั้งคนไทย คนจีน แม้แต่ชาวยุโรป-อเมริกายังมีความเชื่อเรื่องเลขนำโชคหรือเลขบอกลาง เมื่อมีการจัดงานสำคัญจึงมักเอา ตัวเลขเข้ามาใช้คู่กับการประกอบพิธี อย่างเช่น พิธีแต่งงานที่จะนำตัวเลขมงคลมาใช้ตั้งแต่การกำหนดวันที่ ช่วงเวลาการทำพิธีการ จำนวนสิ่งของที่นำมาใช้ หรืออย่างความเชื่อของคนไทย-คนจีนที่เลือกตัวเลขมงคลมาใช้เป็นตัวกำหนดค่าสินสอดทองหมั้น เราก็พอเข้าใจนะคะว่าเรื่องสินสอดในตอนนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน แต่บางทีการเลือกใช้ตัวเลขที่ถูกโฉลกก็ช่วยให้อุ่นใจไม่ใช่น้อย จริงมั้ยล่ะคะ?

ความเชื่อของคนไทย

ความเชื่อเรื่องตัวเลขกับคนไทยเป็นของคู่กันมานมนานมากก ไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องใช้เรื่องฤกษ์งามยามดีซึ่งก็เกี่ยวข้องกับตัวเลขอีกเช่นเคย โดยเฉพาะอย่างยิ่งวันที่จัดงานพิธีมงคลสมรสหรืองานแต่งงาน เกือบทั้งพิธีที่มีความเกี่ยวข้องกับตัวเลข ได้แก่ วันที่จัดงาน เวลาของพิธีการต่างๆ จำนวนอาหารและขนมที่นำมาใช้ เงิน-ทองค่าสินสอด หรือแม้แต่จำนวนเงินที่ใส่ซองบางคนยังต้องใส่ซองเป็นจำนวนเงินที่เป็นเลขคู่ เพื่อให้บ่าว-สาวได้อยู่เป็นคู่กันตามความเชื่อนะคะ

ตัวเลข

เลขมงคล

  • 8 ความเชื่อของคนไทยมี 2 ความหมาย ทางด้านความหมายดีเชื่อว่าเลขแปดหมายถึง ความร่ำรวยเงินทอง ซึ่งคล้ายๆ กับความเชื่อของคนจีนเลยค่ะ ส่วนอีกความเชื่อให้ตามไปดูในหัวข้อถัดไปนะคะ อิอิ
  • 9 เลขนี้ต้องมาแน่นอนจ้า เพราะเลขเก้าออกเสียงพ้องกับคำว่า ก้าว ที่หมายถึง การก้าวไปข้างหน้าหรือความเจริญก้าวหน้านั่นเองค่า และยังมีอีกความเชื่อที่หมายถึง การมีอายุยืนยาว เลขเก้าจึงได้รับความนิยมนำมาใช้เป็นฤกษ์ดี เช่น วันที่ 9 เดือน 9 เวลา 09.09 น. ได้ทั้งเลขสวยเลขดีเลยทีเดียวค่า

เลขที่ไม่เป็นมงคล

  • 6 เป็นเลขที่สื่อความหมายกับคำว่า หก ได้อย่างตรงตัวเลยค่ะ เหมือนกับเวลาเราทำน้ำหกก็อดดื่มใช่ไหมล่ะคะ เลขหกในความเชื่อที่มีความหมายไม่ดีก็เช่นกัน ทำให้นึกถึงการทำอะไรก็ไม่ราบรื่น พังก่อนที่จะสำเร็จลุล่วง แสดงถึงความล้มเหลวในชีวิต ซึ่งตรงกันข้ามกันเลขเก้าเลยเนอะ
  • 7 มีคำกล่าวโบราณเป็นความเชื่อทางโหราศาสตร์ที่ว่า โทษทุกข์ ทายเสาร์ เลข 7 เป็นเลขแห่งความทุกข์ ความอมทุกข์ ทำอะไรก็ไม่มีความสุข เป็นความเชื่อจากคำกล่าวของคนที่มีความรู้ด้านโหราศาสตร์ คนทั่วไปจึงไม่ได้คิดว่าเป็นเลขอวมงคลซะเท่าไหร่ค่ะ
  • 8 มาต่อกันที่เลขแปดจากเป็นตัวเลขที่เป็นมงคล แต่บางความเชื่อก็กลับกลายให้เป็นเลขที่ไม่ดีไปได้นะคะ โดยคนไทยบางกลุ่มมีความเชื่อที่ว่า เป็นเลขของราหู เลขไม่ดีสื่อถึงการทะเลาะวิวาท จะนำพาความเดือดร้อนมาให้ หากจะนำตัวเลขนี้ไปใช้ก็ต้องอยู่กับความเชื่อของแต่ละบุคคลแล้วนะคะว่าจะมองในมุมไหนมากกว่ากัน

คนจีนก็มีความเชื่อเรื่องตัวเลขเหมือนกันนะ เลขไหนดี-เลขไหนร่วงตามความเชื่อจีน คลิกที่หน้าต่อไป >>>

Step by Step พิธีแต่งงานจีน แบบเป๊ะๆ จัดอย่างนี้สิผู้ใหญ่ปลื้ม

พิธีแต่งงานจีน แบบ Step by Step การันตีความเป๊ะ

“พิธีแต่งงานจีนที่ตรงตามประเพณีเป๊ะๆ จัดกันอย่างไร” เป็นคำถามที่เราเองก็สงสัยไม่แพ้กัน เพราะแม้ว่าจะได้รับเกียรติให้ได้เข้าร่วมหลายครั้ง แต่จนวันนี้ก็ยังงงๆ กับสูตร พิธีแต่งงานจีน ที่ไม่เหมือนกันสักครอบครัว เพราะบางบ้านก็จัดแบบรวบรัดขั้นตอน หรือมีผสมงานไทยเข้ามาด้วย เอาเป็นว่าบ่าวสาวคู่ไหนที่สงสัยเหมือนกัน และอยากจัดให้ถูกต้องตามประเพณี อ่านบทความนี้แล้วค่อยลงมือจัดงานก็ยังทันนะจ๊ะ

สิ่งแรกที่บ่าวสาวต้องทำหลังจากตกลงว่าจะแต่งงานกันแน่นอนแล้วคือนำวัน เดือน  ปีและเวลาเกิดไปให้ซินแสผูกดวงเพื่อหาวันมงคลในการทำพิธีต่างๆ (สมัยก่อนหน้าที่นี้จะเป็นของฝ่ายชาย แต่ปัจจุบันบ่าวสาวคล้องแขนไปด้วยกันก็ไม่ผิด) ซึ่งวันมงคลที่ว่าไม่ได้หมายถึงวันสู่ขอหรือวันทำพิธีเท่านั้น แต่บางบ้านที่เคร่งมากๆ อาจรวมถึงวันและเวลาที่จะลงกรรไกรตัดชุดแต่งงานด้วย

วันสู่ขอ

ฝ่ายชายจะเดินทางไปบ้านฝ่ายหญิงตามฤกษ์ที่ได้จากซินแส โดยไปพร้อมกับแม่สื่อ (ถ้ามี) เถ้าแก่ และพ่อแม่ ตามมารยาทที่ดีควรเตรียมของฝากเล็กๆ น้อยๆ ไปกำนัลครอบครัวฝ่ายหญิง อาจเป็นขนมที่สืบรู้มาว่าชอบกินกันเป็นพิเศษหรือจะเป็นกระเช้าผลไม้ก็ได้เหมือนกัน

วันนี้ฝ่ายชายต้องแจ้งกำหนดการจัดพิธีต่างๆ ให้ครอบครัวฝ่ายหญิงได้รับรู้ รวมถึงต้องไม่ลืมตกลงกันว่าฝ่ายไหนจะดูแลค่าใช้จ่ายในวันใดบ้าง ที่นิยมทำกันคือ วันหมั้นฝ่ายหญิงจะเป็นผู้ดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายงานเลี้ยง ส่วนวันแต่งงานเป็นหน้าที่ของฝ่ายชาย แต่ข้อกำหนดนี้ไม่ตายตัว สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามฐานะและการตกลงกันของบ่าวสาว หากคู่ไหนตกลงใจสร้างบ้านใหม่ก็อาจพูดคุยหาข้อสรุปร่วมกันว่าจะปลูกที่ไหน บนพื้นที่ของใคร เมื่อตกลงทุกเรื่องเรียบร้อยแล้ว ต่างฝ่ายค่อยแยกย้ายไปเตรียมของสำหรับใช้ในพิธีต่างๆ เพื่อรอวันยกขันหมาก

เจ้าสาวตระเตรียม

ฝ่ายหญิงต้องเตรียมข้าวของเครื่องใช้และเครื่องแต่งงานไว้ ดังนี้

  1. เอี๊ยมแต่งงาน คือ เอี๊ยมแดงที่ตรงกลางเป็นช่องกระเป๋าปักตัวอักษรจีน ซึ่งแปลว่าอยู่กินกันจนแก่ 100 ปี ในกระเป๋าใส่เมล็ดพืช 5 ชนิด ได้แก่ ข้าวเปลือก ข้าวสาร ถั่วเขียว สาคู ถั่วแดง (ห่อไว้ในกระดาษแดง) เพื่ออวยพรให้รุ่งเรืองงอกงาม พร้อมใส่เหรียญทองลายมังกร (บางบ้านใส่เงินเพิ่มเติมลงไปด้วย) เพื่ออวยพรให้ร่ำรวย จากนั้นเสียบปิ่นทองไว้ที่ปากกระเป๋าเอี๊ยมเพื่ออวยพรให้สมปรารถนา พร้อมใส่ต้นชุงเฉ้า ต้นไม้มงคลที่หมายถึงความมีเกียรติ
  2. ต้นชุงเฉ้าหรือต้นเมียหลวง 2 ต้น ให้ความหมายว่าเป็นเมียเพียงคนเดียว
  3. ส้มเช้ง 1 ถาดใหญ่ ติดตัวหนังสือ “ซังฮี้”แปลว่าคู่ยินดี (ปริมาณมากน้อยแล้วแต่กำหนด)
  4. ชุดลำไยแห้ง 2 ชุดและลูกลำไยแห้งอวยพรให้มีความหวานชื่น
  5. ใบทับทิม เตรียมไว้ประดับของทุกถาดที่ฝ่ายชายต้องยกกลับ
  6. เซฟแดง สำหรับใส่เงินทองและเครื่องประดับที่เจ้าสาวนำติดตัวออกไปจากบ้าน
  7. ของใช้สำหรับเจ้าสาว ได้แก่ กะละมังสีแดง 2 ใบ ถังน้ำสีแดง 2 ใบ กระป๋องน้ำสีแดง 2 ใบ กระโถน 1 ใบ กระจก กรรไกร ด้าย เข็ม
  8. ถาดใส่ของ จัดเตรียมไว้เป็นคู่กี่คู่ก็ได้
  9. แผ่นรูปหัวใจสีแดง สำหรับติดเครื่องประดับทองและเพชร จะมีจำนวนมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับฐานะเจ้าสาว
  10. พัดแดง สำหรับเจ้าสาวถือตอนส่งตัว
  11. รองเท้าเกี๊ยะสีแดง 1 คู่ สำหรับใส่ในเช้าวันแรกที่อยู่บ้านฝ่ายชาย
  12. หมอน 1 ชุด ได้แก่ หมอนข้าง 1 คู่ หมอนหนุน 1 คู่ หมอนหนุนใบยาว 1 ใบ (มีหรือไม่มีก็ได้) ผ้าปูที่นอน และผ้าห่ม 1 ผืน
  13. ตะเกียง เชิงเทียน ชุดน้ำชา และกาเหล้าสีแดง
  14. ไข่ต้มย้อมเปลือกเป็นสีแดง จัดเตรียมเป็นจำนวนคู่ เพื่ออวยพรให้มีลูกหลานมากๆ
  15. ของขวัญ สำหรับมอบให้พ่อแม่และญาติฝ่ายชาย

พ่อแม่เจ้าสาวจะจัดของให้มากกว่านี้ก็ไม่ผิด เพื่อเป็นหน้าตาของครอบครัวและบอกโดยนัยว่าเจ้าสาวไม่ได้มาแต่ตัว ซึ่งเท่าที่ แพรว wedding เคยเห็นมามีทั้งโทรทัศน์จอยักษ์ ชุดโฮมเธียเตอร์ ตู้เย็นขนาดใหญ่ และรถยนต์ แต่ที่หลายคนมองข้ามและมักจะลืมจัดเตรียมไว้คือ หวี 4 เล่ม หรือ “ซี้ซี้อู่หอซิว” แปลว่า มีทรัพย์ตลอดเวลานั่นเอง

ทริคเด็ด!! พูดยังไงให้ผ่านประตูเงินประตูทองแบบฉลุย!

จากประสบการณ์ไปร่วมงานแต่งอันโชกโชนของเราที่ผ่านมา ไฮไลท์เด็ดที่ขาดไม่ได้สำหรับงานเช้าก็คือ “พิธีกั้นประตูเงินประตูทอง” เพราะว่าลีลาท่าทางการต่อรองขอผ่านประตูของฝั่งเจ้าบ่าวแต่ละคนนั้น บอกเลยว่าเด็ดสะระตี่สุดๆ บางคนกว่าจะผ่านแต่ละประตูได้ก็เล่นเอาเหงื่อตกอยู่เหมือนกัน ใครที่ไม่อยากผ่าน ประตูเงินประตูทอง แบบเหนื่อยจนหอบแฮ่กๆ มาทางนี้ค่ะ เรามีเทคนิคการพูดขอผ่านด่านประตูที่คุณควรรู้มาบอก

 

1. อย่ามองข้ามอายุของผู้กั้นประตู

แหม… เรื่องแบบนี้ก็ต้องยอมรับกันหน่อยนะคะว่าคนกั้นประตูไม่ได้มีแต่สาวๆ สวยๆ ที่เป็นเพื่อนเจ้าสาวอย่างเดียว บางครั้งก็มีเด็กตัวน้อยๆ รวมถึงญาติผู้ใหญ่มาช่วยกั้นด้วย เพราะฉะนั้นถ้าอายุต่างกัน การพูดจาก็ต้องต่างกันด้วย ซึ่งถ้าอยากผ่านประตูแบบฉลุยขอแนะนำว่าที่เจ้าบ่าวดังนี้ค่ะ

 – ระดับผู้ใหญ่และวัยกลางคน

การพูดกับคนกลุ่มนี้เรามีแพทเทิร์นตามประเพณีไทยมาฝาก คือ “วันนี้ฤกษ์งามยามดีเศรษฐีเอาแก้วมาเกย เอาเขยมาฝากขอผ่านไปหน่อยได้ไหมครับ” อันนี้ผู้พูดควรเป็นผู้ใหญ่ที่เราเชิญมาเป็นเถ้าแก่นะคะ

 – ระดับวัยรุ่นและเด็ก

สำหรับการพูดกับคนกลุ่มนี้ไม่จำเป็นต้องเนี๊ยบเป๊ะๆ แบบกลุ่มผู้ใหญ่และวัยทำงานก็ได้ค่ะ อาจจะพูดว่า “วันนี้แห่ขบวนขันหมากมาสู่ขอเพื่อนเธอ หรือพี่สาวเธอ ขอผ่านไปหน่อยได้ไหมจ๊ะสาวๆ” แบบนี้ก็จะช่วยสร้างบรรยากาศสนุกสนานและดูไม่เกร็งจนเกินไปนัก

2. อ่อนหวานและอ้อนเข้าไว้

ในกรณีที่ฝ่ายเจ้าบ่าวเจอด่านหิน หรือเจอพวกสาวๆ ยื่นเงื่อนไขยากๆ อย่างเช่น วิดพื้น 100 ที กระโดดตบ 100 ครั้ง แบบนี้คงลมจับ ไม่ได้เห็นหน้าเจ้าสาวกันพอดี คราวนี้แหละค่ะ ทั้งเถ้าแก่และเหล่าเพื่อนเจ้าบ่าวอาจจะต้องช่วยกันต่อรองด้วยวาจาแสนอ้อนให้เหลือสัก 10 ทีก็พอ อย่าให้เจ้าบ่าวต้องเหงื่อโชกหมดหล่อ หรือถ้าใครเจอให้บอกรักดังๆ (ทำกันแทบทุกงาน) ตะโกนจนสุดเสียงแล้วพวกนางก็ยังขอฟังอีก แนะนำว่าให้พูดด้วยสายตาแพรวพราวและน้ำเสียงนุ่มๆ ไปเลยว่า “ขอไว้กระซิบบอกกันสองคนแล้วกันนะ” ฮิ้ววว… รับรองว่าผ่านชัวร์!

3. ระวัง! อย่าพูดประโยคเหล่านี้เด็ดขาด!

ถึงแม้ว่าด่านจะเยอะ คนกั้นจะมาก แถมเงื่อนไขแต่ละอย่างช่างยากเย็น ก็ขอให้เจ้าบ่าวนึกถึงหน้าเจ้าสาวสุดที่รักเข้าไว้นะจ๊ะ อย่าได้เผลอหลุดออกมาว่า “โอ้ย..ยาก! ใครจะทำไหว กลับดีกว่า” หรือ “รู้งี้ไม่มาดีกว่า” แบบนี้มีหวังจบเห่ไม่ได้แต่งแน่นอน รวมถึงให้คุณเจ้าบ่าวนึกไว้ว่า คนที่มายืนกั้นประตูถึงแม้จะไม่ใช่ญาติเจ้าสาว แต่เขาเหล่านั้นล้วนเป็นคนสนิทชิดเชื้อและเอ็นดูเจ้าสาวของคุณมาก เพราะฉะนั้นห้ามพูดเด็ดขาดว่า “พวกเธอไม่ใช้ญาติไม่มีสิทธิ์มากั้น” แบบนี้ถือว่าเสียมารยาทเหมือนกันนะจะบอกให้

4. งานเข้า! เมื่อประตูมีมากกว่าซองที่เตรียมมา

สถานการณ์งานเข้าแบบซองไม่พอเกิดขึ้นได้เสมอค่ะ เจ้าบ่าวหลายคนคงคิดว่า “ผมก็เตรียมมาเผื่อแล้วนะ คนกั้นโผล่มาจากไหนเยอะแยะหว่า?” เอาเป็นว่าอย่าเพิ่งหัวเสียไปค่ะ ซองไม่พอให้ก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้ฝ่ายเจ้าบ่าวจำประโยคทริคเล็กๆ ต่อไปนี้ไว้ให้ดี “จริงๆ แล้วผมเตรียมซองมาเยอะนะครับ แต่เจ้าสาวเป็นที่รักของทุกคน จึงมีคนกั้นประตูเยอะ วันนี้เงินสดเตรียมมาเท่านี้ ขอผ่านไปก่อนแล้วจะเขียนเช็คให้แทนนะครับ” เจอประโยคนี้เข้าไปทั้งดูเท่ดูหล่อ ร้อยทั้งร้อยเดินผ่านฉลุยไม่ติดขัดสักประตูเดียว! (แต่จะเขียนให้จริงหรือไม่ก็ไปพิจารณากันอีกทีเนอะ อิอิ!)

แถมคำเตือนไว้ให้ฝ่ายเจ้าบ่าวสักหน่อยว่า ระวัง! สาวกั้นประตูขั้นแอดวานซ์ ที่มักจะชอบทำเซอร์ไพร้ส์ หยิบ “mPOS” หรือที่รู้จักกันในนาม “เครื่องรูดบัตรเครดิตแบบพกพา” ขึ้นมาต่อหน้า คราวนี้ฝ่ายเจ้าบ่าวต้องคิดให้ดีๆ และนึกถึงวงเงินในบัตรก่อนจัดการรูดปรื๊ดๆ นะจ๊ะ

5. ต้องคุมเวลาให้เป็นไปตามฤกษ์ที่กำหนดไว้ด้วย

อย่างที่บอกไปค่ะว่า ช่วงต่อรองขอผ่านประตูเงินประตูทองนั้นเป็นช่วงที่เฮฮาสนุกสนานที่สุด บางครั้งอาจจะกั้นหลายประตูหรือว่าเพลินเกินไปจนเลยฤกษ์ เพราะฉะนั้นต้องควบคุมเวลาการต่อรองในแต่ละประตูให้ดี รวมถึงฝ่ายเจ้าบ่าวควรแจ้งเวลาตามฤกษ์ที่กำหนดไว้กับคนกั้นประตูก่อนขันหมากจะมาถึงบ้านเจ้าสาวสักเล็กน้อยก็ดีค่ะ ฝ่ายเจ้าสาวเขาจะได้จัดสรรกันว่าจะลดประตูไหนบ้างเพื่อให้เจ้าบ่าวเข้าไปรับเจ้าสาวได้ทันฤกษ์ยามที่วางไว้

เจ้าบ่าวคนไหนที่อยากผ่านด่านประตูเงินประตูทองง่ายๆ เพื่อไปเจอหน้าเจ้าสาวสุดที่รักไวๆ ก็ลองนำ 5 ข้อนี้ไปใช้ดูนะ รับรองเลยว่าผ่านฉลุย!

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : ร้อยโท วิชัย เมืองนก
ภาพจาก : Sitphotograph

Read More : แก้ปัญหา 6 ช่วงพิธีการติดขัดในงานแต่งไทยยังไงให้ลื่นปรืด

จัดงานแต่งให้ฟินสุดๆ ไปกับสูตรคำนวณงานแต่งอย่างง่ายแบบเป๊ะเว่อร์

เมื่อถึงเวลาเตรียมงานแต่ง บ่าวสาวมักปวดหัวกับรายละเอียดต่างๆ อยู่เสมอ หากเป็นคู่ที่จัดงานเองด้วยแล้วยิ่งต้องวางแผนให้รอบคอบที่สุด โดยเฉพาะเรื่องจำนวนสิ่งของต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการ์ดเชิญ ของชำร่วย อาหาร หรือเครื่องดื่มภายในงาน นี่คือ สูตรคำนวณงานแต่ง แบบง่ายๆ ที่แพรว wedding นำมาฝากเพื่อให้คุณจัดงานแต่งได้เป๊ะปังสมความตั้งใจ

 

การ์ดและของชำร่วย

เมื่อได้ฤกษ์งามยามดีมาแล้ว จำนวนแขกคือสิ่งที่บ่าวสาวต้องคิดก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อที่จะได้นำมาคำนวณจำนวนการ์ดเชิญและของชำร่วย ซึ่งมีวิธีคิดไม่ยาก ตามนี้เลย

สูตรคำนวณงานแต่ง

1. คำนวณให้เพียงพอกับจำนวนแขก

เมื่อได้รายชื่อแขกที่จะเชิญมาเรียบร้อยแล้ว ให้บวกเพิ่มจากจำนวนที่นับไว้ไปอีก 50-100 คน เพื่อสำรองไว้สำหรับแขกที่อาจตกหล่นจากรายชื่อที่ลิสต์ไว้หรือมาเพิ่มภายหลัง จะได้หมดปัญหาการ์ดและของชำร่วยไม่พอแจก…คิดไว้เสมอว่าเกินดีกว่าขาด

2. ระยะเวลาในการสั่งทำการ์ดและของชำร่วย

ควรสั่งทำล่วงหน้าอย่างน้อย 4 เดือนก่อนวันงาน โดยการ์ดแต่งงานควรเสร็จก่อนวันงานประมาณ 2 เดือน เพื่อที่บ่าวสาวหรือผู้ใหญ่จะได้มีเวลาในการแจกการ์ด ส่วนของชำร่วยควรเสร็จก่อนงานแต่ง 1 เดือน และถ้าหากการ์ดเชิญกับของชำร่วยเป็นงานแฮนด์เมดหรือมีการผลิตที่ซับซ้อน แนะนำให้เผื่อเวลาให้มากกว่านี้อีกเล็กน้อย

หากเกิดกรณีการ์ดหรือของชำร่วยที่เผื่อไว้ยังไม่เพียงพอต่อจำนวนแขก การสั่งทำเป็นงานสำเร็จรูปจะใช้เวลาในการผลิตประมาณ 2 สัปดาห์ ส่วนงานแฮนด์เมดอาจใช้เวลานานถึง 3-4 สัปดาห์

อาหารและเครื่องดื่ม

เรื่องปากท้องสำหรับแขกก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะกว่างานจะเริ่มกระเพาะอาหารอาจทำงานหนักเอาการอยู่ ฉะนั้นจึงต้องมีอาหารและเครื่องดื่มให้บริการอย่างเพียงพอเพื่อให้แขกได้อิ่มท้องก่อนงานเริ่มสักนิด ซึ่งการจัดเลี้ยงมีหลายรูปแบบและมีวิธีคำนวณปริมาณอาหารและเครื่องดื่มต่างกันไป

1. ค็อกเทลปาร์ตี้

มีวิธีคำนวณจากจำนวนการ์ดที่แจกเป็นหลัก ในกรณีที่บ่าวสาวทราบแน่นอนว่าแขกจะมาพอดีกับจำนวนการ์ดแบบไม่ขาดไม่เกิน ก็สามารถคอนเฟิร์มกับโรงแรมได้เลย หากยังไม่แน่ใจ วิธีที่ดีที่สุดคือแจ้งจำนวนแขกให้น้อยกว่าที่เชิญไปประมาณ 10-20 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากทางโรงแรมมักจะเผื่อในส่วนนี้ไว้ให้อยู่แล้ว เช่น เชิญแขก 400 คน ก็ให้แจ้งที่จำนวน 380 คน เป็นต้น แต่ถ้างานนี้เป็นงานแต่งของลูกคนแรกหรืองานแรกของครอบครัว คิดไว้เลยว่าแขกอาจมาถึง 90-100 เปอร์เซ็นต์เลยล่ะ

2. ฟู้ดสเตชั่น

มักเสิร์ฟอาหารจานเล็กให้คิดเป็น 1 คน กิน 4 จาน โดยนำจำนวนแขกมาคูณ 4 จากนั้นหารด้วยจำนวนฟู้ดสเตชั่นที่บ่าวสาวจะนำเข้ามา เพื่อที่จะได้ทราบค่าเฉลี่ยว่าแต่ละซุ้มต้องเตรียมอาหารอย่างน้อยกี่จาน เช่น ถ้าแขกชอบกินอาหารญี่ปุ่นอาจจะเตรียมไว้ให้มากกว่าซุ้มก๋วยเตี๋ยวที่กินลำบากกว่าก็ได้

3. โต๊ะจีน

มีวิธีคำนวณโดยนำจำนวนการ์ดที่แจกไปมาคูณ 2 เนื่องจากการจัดเลี้ยงแบบโต๊ะจีนแขกมักมากันมากกว่า 1 คนอยู่แล้ว จากนั้นจึงลิสต์รายชื่อแขกออกมาเป็นกลุ่มๆ เพื่อเซตโต๊ะให้กับแขก

ในกรณีจัดงานต่างจังหวัดที่แขกมักมากันเป็นครอบครัว สมมติมี 100 โต๊ะ ต้องเผื่อไว้อย่างน้อยอีก 8-10 โต๊ะ แต่หากจัดงานในโรงแรมที่กรุงเทพฯ ส่วนมากมักมีประมาณ 50 โต๊ะ (เนื่องจากพื้นที่ของโรงแรมค่อนข้างจำกัด) และสามารถเผื่อได้อีก 3 โต๊ะ ซึ่งโต๊ะที่เผื่อกับทางโรงแรม บ่าวสาวต้องจ่ายเงินเลยต่างจากโต๊ะของต่างจังหวัดที่เมื่อเปิดโต๊ะแล้วค่อยเสียค่าใช้จ่าย

4. บุฟเฟ่ต์

การจัดเลี้ยงแบบบุฟเฟ่ต์เหมาะกับงานที่มีแขกจำนวนไม่มากนักอย่างเช่น งานหมั้น เนื่องจากต้องใช้พื้นที่ในการจัดงานค่อนข้างเยอะเพราะมีทั้งไลน์อาหารและโต๊ะสำหรับแขก ซึ่งการคำนวณให้แขกสามารถกินได้อิ่มท้องไม่ซับซ้อนเท่ากับการจัดเลี้ยงแบบอื่น เช่น แขก 200 คน บ่าวสาวควรคอนเฟิร์มจำนวนแขกอยู่ที่ 180 คน เพราะอาหารในไลน์บุฟเฟ่ต์มักเป็นข้าวและกับข้าวที่ทำให้อิ่มเร็ว แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละโรงแรมด้วยว่าต้องคอนเฟิร์มให้เป๊ะตามจำนวนที่บ่าวสาววางไว้หรือไม่

5. เครื่องดื่ม

เครื่องดื่มที่เป็นซอฟต์ดริ๊งค์ทางโรงแรมจะเตรียมไว้ให้พอดีกับจำนวนแขกที่คอนเฟิร์มมาอยู่แล้ว (ซึ่งคิดค่าหัวรวมไปแล้ว)

ส่วนบ่าวสาวที่อยากมีออปชั่นเสริมเป็นไวน์หรือวิสกี้ มีวิธีคิดดังนี้

– ไวน์ 1 ลังมีจำนวน 10-12 ขวด ซึ่ง 1 ขวดรินได้เต็มที่ 8 แก้ว เท่ากับว่า 1 ลังรินไวน์ได้ทั้งหมด 100 แก้ว แนะนำให้เสิร์ฟเวลาประมาณ 19.00 น. หรือตอนใกล้พิธีการเริ่มเพราะหากเสิร์ฟเร็วเกินไปแขกอาจกินค็อกเทลไม่หมดหรือไม่มีที่วางแก้ว และหากวางทิ้งไว้บริกรก็อาจเก็บไปโดยไม่รู้ตัว ถือเป็นการสิ้นเปลืองไปอีก

– วิสกี้ 1 ลังรินได้ทั้งหมด 300 แก้ว หากเกินกว่านี้ความเข้มข้นของแอลกอฮอล์อาจเจือจางลง นิยมเสิร์ฟตั้งแต่เวลา 18.00 น. หรือ 18.30 น. เป็นต้นไป

สูตรคำนวณเป๊ะขนาดนี้ไม่ว่าแขกมาเยอะแค่ไหน บ่าวสาวก็สามารถจัดการได้อย่างแน่นอน

Read More : เคล็ด(ไม่)ลับอีกต่อไป 5 วิธี ลดค่าใช้จ่ายสถานที่จัดงานแต่งงานของคุณ

ภาพ pinterest, weddingconcepts.co.zw

จะซ้ายหรือขวา? แหวนแต่งงาน ที่บ่าว-สาวแต่ละสัญชาติต้องสวม

สวม แหวนแต่งงาน : ซ้าย l ขวา

ส่วนใหญ่เราจะคุ้นชินกับการสวม แหวนแต่งงาน ที่นิ้วนางข้างซ้าย และคุณเคยเห็นไหมคะ ชาวต่างชาติบางคนกลับสวมใส่แหวนที่นิ้วนางข้างขวาซะงั้น เอ๋? หรือว่าเขายังไม่ได้แต่งงานรึเปล่าหว่า แล้วยิ่งเป็นคนที่คุณแอบเล็งไว้ด้วย ลุ้นสิคะงานนี้ พากันสงสัยเข้าไปใหญ่ด้วยใช่ป่ะ อิอิ งั้นก็มาไขข้อข้องใจกันไปเลยดีกว่าว่าตกลงแหวนแต่งงานเขาใส่กันที่นิ้วข้างไหนกันแน่ จะจีบคนที่เล็งอยู่ก็กลัวจะแป้กด้วย วันนี้แหละค่ะเราจะมารู้กันไปเลยว่าเขาโสดหรือแต่งงานแล้ว เอ้ย! ไม่ใช่สิ มารู้เรื่องความแตกต่างทางวัฒนธรรมการสวมแหวนแต่งงานของชนชาติต่างๆ ไปพร้อมๆ กันนะคะ^^

แหวนแต่งงาน

ขวา

ต้องขอเกริ่นก่อนว่าเดิมทีชาวโรมันโบราณและชาวอียิปต์มีความเชื่อที่ว่านิ้วก้อยด้านขวามือมีเส้นประสาทหรือเส้นเลือดที่เชื่อมต่อไปยังหัวใจโดยตรง เส้นเลือดนี้ถูกเรียกว่า “เส้นเลือดแห่งความรัก” (lat vena amoris) โหยยย มีชื่อเรียกด้วย แอบโรแมนติกนะคะเนี่ย>< แล้วในสมัยก่อนถ้าเจอใครใส่แหวนที่นิ้วก้อยข้างซ้ายนั่นก็หมายความว่าหัวใจของเขาคนนั้นถูกครอบครอบไว้อยู่แล้วหรือแต่งงานแล้วนั่นเองค่ะ  แต่ในยุคนี้ก็มีบางประเทศที่สวมแหวนแต่งงานข้างขวาเหมือนกันนะคะ จะมีประเทศไหนบ้างมาดูกันเลย

อินเดีย ในสมัยก่อนชาวอินเดียมีประเพณีการแต่งงานที่ต้องสวมแหวนเฉพาะทางด้านขวาเท่านั้น เพราะมีความเชื่อที่ว่า มือซ้ายเป็นสิ่งสกปรก ไร้ประโยชน์ โดยความเชื่อนี้กินเวลามายาวนานหลายร้อยกว่าปี จนในปัจจุบันได้รับอนุญาตให้สามารถสวมใส่แหวนแต่งงานได้ทั้งสองข้างแล้วแต่สะดวกเลยจ้า

เยอรมนีและเนเธอร์แลนด์ ประเพณีของทั้ง 2 ชนชาตินี้คือ แหวนหมั้นต้องทำจากทองคำล้วน สวมใส่ทางด้านซ้ายมือของทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาว ส่วนต่อมาถ้าเกิดตกลงปลงใจที่จะแต่งงานกัน แหวนแต่งงานของพวกเขาจะสวมทางด้านขวามือแทน ซึ่งทำให้แบ่งแยกคนที่หมั้นหมายกับคนที่แต่งงานแล้วได้ง่ายขึ้น เพราะการสวมใส่แหวนมีความหมายถึงการเปลี่ยนสถานะทางสังคม

ชาวยิว ตามประเพณีของชาวยิว เมื่อมีการเริ่มหมั้นหมายผู้ชายจะเป็นคนสวมแหวนที่บริเวณนิ้วชี้ด้านขวา หลังจากนั้นเมื่อมีการแต่งงานฝ่ายเจ้าสาวจะเป็นผู้ที่สวมแหวนแทน ซึ่งจะสวมที่นิ้วก้อยในมือข้างเดียวกันค่ะ

ในสมัยโรมันนี้ยังมีประเทศอื่นๆ อีกมากมายที่สวมแหวนแต่งงานทางด้านขวามือ ได้แก่ นอร์เวย์, เดนมาร์ก, ออสเตรีย, โปแลนด์, บัลแกเรีย, รัสเซีย, โปรตุเกส, สเปน, เบลเยียม (ในบางภูมิภาค), จอร์เจีย, เซอร์เบีย, ยูเครน, กรีซ, ลัตเวีย, ฮังการี, โคลอมเบีย, คิวบา, เปรู และเวเนซุเอลา

แหวนแต่งงาน

ซ้าย

ประเพณีการสวมแหวนขางซ้าย เริ่มต้นขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 18 แม้นในก่อนหน้านั้นประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษก็ยังคงสวมแหวนทางด้านขวามือเหมือนกับประเทศชาตินิยมอื่นๆ ต่อมาบางประเทศเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงมาใส่แหวนที่มือขวา เพราะเกิดความเชื่อที่ว่า ด้านซ้ายถือว่าเป็นข้างที่ไม่โดดเด่น ส่วนด้านขวาเป็นข้างที่มีความโดดเด่น กลายเป็นสัญลักษณ์ของความยำเกรง ดังนั้น จึงให้ผู้หญิงใส่แหวนที่ข้างซ้าย คนที่เป็นสามีจะได้สามารถเป็นผู้นำได้นั่นเอง

ประเทศเลบานอน ตุรกี ซีเรีย และบราซิล จะให้ผู้หญิงสวมใส่ก่อนการแต่งงาน หรือคล้ายๆ กับการหมั้นหมายไว้นั่นแหละค่ะ ก็จะสวมใส่แหวนทางด้านขวามือ และเมื่อแต่งงานก็จะเปลี่ยนมาสวมใส่ทางด้านซ้ายมือแทน

ปัจจุบันประเทศที่สวมแหวนทางด้านซ้ายมือ ได้แก่ ออสเตรเลีย, แคนาดา, บอตสวานา, อียิปต์, ไอร์แลนด์, นิวซีแลนด์, แอฟริกาใต้, สหราชอาณาจักร, สหรัฐอเมริกา, ฝรั่งเศส, อิตาลี, สวีเดน, ฟินแลนด์, สาธารณรัฐเช็ก, สวิตเซอร์แลนด์, โรมาเนีย, สโลเวเนีย, โครเอเชีย และประเทศส่วนใหญ่ในเอเชีย

แหวนแต่งงาน

ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจเพิ่มเติม

  • ก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง ผู้ชายหรือเจ้าบ่าวจะไม่สวมแหวนแต่งงานกันเลยนะคะ มีเพียงผู้หญิงที่จะสวมแหวนแต่งงานเท่านั้น ต่อมาเมื่อได้เกิดสงครามโลกครั้งที่สอง ผู้ชายส่วนใหญ่โดนไปเป็นทหารรับใช้ชาติ ทำสงครามระหว่างประเทศ ทำให้ห่างไกลจากบ้านและครอบครัวอันเป็นที่รักยิ่ง จึงหันมาสวมใส่แหวนเพื่อเป็นเครื่องเตือนใจว่าภรรยาที่รักของพวกเขากำลังรออยู่ที่บ้าน ต้องเอาชีวิตกลับมาพบหน้าภรรยาอีกครั้งT^T
  • แหวนแต่งงานยังไม่ได้รับการยอมรับในประเทศที่เป็นมุสลิมส่วนใหญ่ แต่ถ้าหากบางคู่ยังยืนยันที่จะอยากสวมแหวนแต่งงานก็สามารถทำได้นะคะ แต่ก็จะมีประเพณีที่แตกต่างกันไป เช่น ประเทศศรีลังกา เจ้าบ่าวสวมแหวนแต่งงานไว้ที่ด้านขวาและเจ้าสาวจะสวมไว้ที่ด้านซ้าย ประเทศอิหร่าน ทั้งคู่จะสวมแหวนแต่งงานไว้บนนิ้วก้อยด้านซ้าย ประเทศจอร์แดน จะสวมแหวนไว้ที่ด้านขวาค่ะ

หากคุณเป็นสายชิล ไม่ต้องการปฏิบัติตามประเพณีให้ยุ่งยากมากเกินไป โดยทางเลือกของการสวมใส่สำหรับแหวนแต่งงานเป็นเรื่องของความสะดวกสบายและความชอบส่วนบุคคล ตัวอย่างเช่น คนที่ถนัดข้างซ้ายก็จะเลือกมือขวาใส่แหวนเพียงเพราะพวกเขาไม่ต้องการให้แหวนเกิดรอยขีดข่วน สึกหรอ กลัวคนรักจะเสียความรู้สึกด้วยเนอะ เพราะแหวนแต่งงานเป็นสัญลักษณ์สำคัญของความรักของคุณทั้งคู่ ไม่มีกฎหมายบังคับให้สวมใส่ในมือข้างเดียวหรือข้างไหนก็ตาม ดังนั้น การสวมใส่แหวนแต่งงานไม่ว่าจะข้างไหนก็ขึ้นอยู่ที่คุณแล้วค่ะ

อ่านกันเพลินๆ เติมความรู้กันวันละนิดนะคะ

เรียบเรียงข้อมูลจาก : brightside.me
ภาพจาก : huffingtonpost.com, ileafritz.com, dels-mfg.com, commons.wikimedia.org

อ่านบทความเพิ่มเติม

รู้หรือไม่? ประเพณีแต่งงานแบบอินเตอร์ที่เราทำกันอยู่นั้นมีที่มายังไง…ไปเช็กกันเลย

20 ประเพณีแต่งงาน สุดแปลกจากทั่วมุมโลก…รู้แล้วจะอึ้ง!!

praewwedding.com/planning/wedding-facts-planning/74

เพชรสเป็คเดียวกัน…เลือกอย่างไรให้ได้แหวนแต่งงานที่สวยกว่า

แค่จะซื้อแหวนเพชรใส่เล่นสักวง บางทียังแสนยากเย็น ไม่ใช่เพราะงบไม่มี แต่เพราะไม่รู้ว่าวงที่ซื้อจะคุ้มค่าเงินหรือเปล่า แล้วยิ่งถ้าเป็น แหวนแต่งงาน จะไม่ยิ่งหัวหมุนกว่าเดิมหรือ ตัวเรือนแบบไหนจะถูกใจ แล้วเพชรที่เลือกจะได้คุณภาพสมราคาไหม อย่างนี้คงต้องขอตัวช่วยแบบด่วนๆ

ขั้นแรกของการเลือกซื้อ แหวนแต่งงาน ให้โดนใจอยู่ที่ตัวคนใส่ว่ามีแบบแหวนแบบใดอยู่ในใจบ้างหรือเปล่า ถ้ามีแล้วก็เดินหน้าเข้าร้านเพชรไปขอลองสวมได้เลย ทีนี้ก็จะได้รู้คำตอบในเบื้องต้นแล้วว่า แหวนในฝันกับชีวิตจริงไปด้วยกันได้ไหม แต่ถ้าโนไอเดียจริงๆ ลองพิจารณาจากตัวเรือนยอดนิยมดังต่อไปนี้ดูก่อน

1. ตัวเรือนแบบแหวนชูเม็ดเดี่ยว

เป็นแบบสุดคลาสสิกที่นิยมใช้เป็นตัวเรือน แหวนแต่งงาน กันมาทุกยุคสมัย หรือพูดง่ายๆ ว่า ไม่มีตกเทรนด์อย่างแน่นอน โดยหนามเตยที่ใช้จะมีทั้งแบบ 4 หนามเตยและ 6 หนามเตย ขึ้นอยู่กับขนาดของเพชรเป็นหลัก หากเป็นแหวนชู 4 หนามเตยจะช่วยให้ขนาดของเพชรดูใหญ่และเด่นขึ้นกว่าเม็ดจริงเล็กน้อย ในขณะที่แบบ 6 หนามเตยมีข้อดีต่อผู้ซื้อในด้านความรู้สึกว่ามีความแข็งแรงในการยึดเพชรกับตัวเรือนมากกว่า ส่วนในเรื่องความสวยงามนั้น แบบ 6 หนามเตยจะทำให้เพชรแลดูกลมกว่าและหวานกว่าแบบ 4 หนามเตยและแหวน 6 หนามเตยรุ่นคลาสสิกแบบนี้ยังสามารถใส่เพชรได้ทุกขนาดอีกด้วย

2. ตัวเรือนแหวนชูประกอบด้วยเพชรข้าง

เป็นแบบที่สามารถใส่เพชรได้หลายขนาด ขึ้นอยู่กับตัวเรือน 2 แบบดังนี้

(1) ตัวเรือนเพชรชูที่เพิ่มรายละเอียดการฝังเพชรที่ก้านแหวน เหมาะกับเพชรเม็ดกลางที่มีขนาด 0.40 กะรัตขึ้นไป

(2) ตัวเรือนแหวนชูที่มีเพชรล้อมรอบเพชรยอดอีกชั้นบวกการฝังเพชรที่ก้านแหวน ตัวเรือนแบบนี้สามารถใช้ได้กับเพชรทุกขนาด แต่มักจะไม่ใหญ่เกิน1.50 กะรัต เพราะจะใหญ่เกินนิ้ว การล้อมหัวแหวนช่วยให้เพชรเม็ดกลางดูใหญ่ขึ้นก็จริงแต่ต้องทำใจว่า บางครั้งความเด่นของเม็ดกลางที่ถูกล้อมอาจลดลงไปด้วย

นอกจากนี้ก้านแหวนฝังเพชรของตัวเรือนประเภทนี้ยังมีให้เลือกอีก 2 แบบ คือก้านแหวนแบบมีเส้นขอบทอง ซึ่งช่วยทำให้ตัวเรือนดูหนาและแข็งแรงขึ้น แถมยังช่วยป้องกันเพชรจากการชนหรือกระแทก แต่แบบนี้มีข้อแม้ว่า เพชรยอดต้องมีขนาดไม่ต่ำกว่า 0.40 กะรัต หัวแหวนจะได้ไม่เล็กกว่าก้านแหวน กับอีกแบบคือ ก้านแหวนที่ไม่มีเส้นขอบทองกั้น เหมาะกับคนที่อยากโชว์เพชรเวลาสวมจะช่วยปรับลุคให้ดูเป็นสาวหวานขึ้นมาทันที

3. เพชรสเป็คเดียวกันที่สวยกว่า

นอกเหนือจากการเลือกตัวเรือนแหวนให้ตรงตามที่ต้องการและเหมาะกับตัวเองแล้วอีกปัญหาหนึ่งที่หลายคนต้องเจอคือ แค่เปลี่ยนร้าน ราคาก็เปลี่ยน ทั้งๆ ที่ก็เป็นเพชรน้ำหนักเดียวกัน ใบเซอร์ก็ระบุคุณสมบัติเหมือนกันเป๊ะ จึงเกิดเป็นความฉงนขึ้นว่าเพราะอะไรกันหนอ ร้านนี้จึงขายแพงกว่า เรามีคำอธิบายง่ายๆ มาช่วยเสริมให้เข้าใจดังนี้

การซื้อเพชรสมัยนี้จะการันตีกันด้วยใบเซอร์อยู่แล้ว ยิ่งถ้าเป็นใบเซอร์จาก GIA ด้วย ขอให้สบายใจได้เลยว่าคือเพชรคุณภาพอย่างแน่นอน นั่นเพราะ GIA เป็นสถาบันที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในโลกนั่นเอง หลังจากนั้นคือการพิจารณาคุณสมบัติเพชรจากส่วนต่างๆ ในใบเซอร์ ถ้าต้องการได้เพชรระดับบน ขอให้จำคุณสมบัติดังนี้ D-I Color, FLVS1Clarity, 3Excellent (Cut Grade, Polishและ Symmetry) และ None Fluorescence รับรองว่าได้เพชรเม็ดสวยในเบื้องต้นอย่างแน่นอน

4. ตำหนิต่าง ราคาต่าง

เหตุผลหลักของราคาที่ต่างกันในการซื้อเพชรที่หลายคนไม่รู้คือ ประเภทของตำหนิที่ต่างกันส่งผลให้เพชรเม็ดนั้นๆ มีราคาต่างกันซึ่งตำหนิแต่ละชนิดจะอยู่ตรงความชัดเจนที่มองเห็นได้แตกต่างกันไป เช่น ตำหนิประเภท Indented Natural หรือ Featherหมายถึงรอยแตกที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนกว่าตำหนิประเภท Pinpoint ซึ่งมีลักษณะเป็นจุดเล็กๆ ตำหนิที่ดีที่สุดหรือเรียกได้ว่าเป็นตำหนิที่ไม่น่าเกลียดได้แก่ ตำหนิประเภท Pinpoint, Needle (ตำหนิที่มีลักษณะยาวคล้ายเข็ม) และ Cloud (ตำหนิที่มีลักษณะเป็นกลุ่มก้อนเมฆ) ทั้งนี้ในเพชรหนึ่งเม็ดสามารถมีประเภทของตำหนิได้มากกว่าหนึ่ง

ขนาดและจำนวนของตำหนิก็มีความสำคัญเช่นกัน เช่น เพชร 2 เม็ดที่มีคุณสมบัติเกรดเดียวกันสามารถมีขนาดและจำนวนของตำหนิที่แตกต่างกันได้ โดยเพชรที่มีขนาดของตำหนิเล็กกว่าและจำนวนน้อยกว่าย่อมสวยและหายากกว่าเพชรที่มีตำหนิใหญ่และจำนวนมากกว่า นอกจากนี้ตำแหน่งของตำหนิก็มีความสำคัญมากในการกำหนดราคาเช่นกันตำหนิที่อยู่บริเวณขอบเม็ดนั้นจะสังเกตได้ยากกว่าตำหนิที่อยู่บริเวณใจกลางเพชร

นอกจากนี้ก็ไม่ควรมองข้ามตำหนิเล็กๆ น้อยๆ อย่าง Graining เพชรที่ดีจะต้องไม่มีตำหนิประเภท Graining หรืออาจเรียกว่าเป็นร่องรอยการเจริญเติบโตของผลึกเพชรที่เห็นเป็นเส้นๆ ทั้งประเภท Internal Graining และ Surface Graining นอกจากนี้ยังมีตำหนิประเภท Black Inclusions หรือตำหนิที่มีสีดำซึ่งตำหนินี้สามารถสังเกตเห็นได้ง่ายกว่าและมีมูลค่าถูกกว่าเพชรที่มีตำหนิแบบไร้สี แต่ในใบรับรอง GIA จะไม่ระบุถึงสีของตำหนิ จึงจำเป็นต้องใช้กล้องขยายเพื่อที่จะตรวจสอบรวมถึง Brown Shade เพราะโดยทั่วไปเพชรจะมีลักษณะไร้สีจนถึงมีสีปนเหลือง แต่ก็มีเพชรจำนวนมากที่มีโทนสีน้ำตาลอ่อนแทนที่จะเป็นสีเหลือง ซึ่งทำให้เพชรเม็ดนั้นมีสีที่สังเกตได้ง่ายขึ้น ราคาจึงลดลงมากกว่าเพชรทั่วไป

5. ทำความเข้าใจกับ Hearts & Arrows ที่สวย ได้สมมาตร และคมชัด

หลังจากได้เพชรตามมาตรฐานทั่วไปแล้ว แนะนำให้เริ่มสังเกตในรายละเอียดในเม็ดเพชร เริ่มจาก Hearts & Arrows หรือประกายและเหลี่ยมในเม็ดเพชรที่สวยที่สุด เพราะแม้ว่าเพชรของคุณจะเป็น 3Excellent ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็น Hearts & Arrows เสมอไป นอกจากนี้ลักษณะของ Hearts & Arrows ที่ไม่สวย ไม่ได้สมมาตร และไม่คมชัด เช่น ลูกศรธนูผอมหรืออ้วนเกินไป รูปทรงหัวใจตีบเล็กหรือใหญ่เกินไปจะส่งผลถึงราคาที่ต่างกันออกไปด้วย หากเป็นเพชรที่มี Hearts & Arrows สมส่วน ราคาย่อมสูงกว่าแน่นอน

เห็นไหมว่า เทคนิคง่ายๆ ที่ศึกษาเองได้ไม่ยากแบบนี้ ก็ทำให้คุณสามารถซื้อเพชรสเป็คเหมือนคนอื่น แต่ได้คุณสมบัติที่เริดกว่าเป็นกอง

cr : anantajewelry.com

อ่านบทความเพิ่มเติม

ไอเดียแหวนแต่งงาน เทรนด์แหวนหมั้นปี 2020 หลากสไตล์สุดปิ๊ง

5 เคล็ดลับเลือกเครื่องประดับเจ้าสาวสุดล้ำค่าให้คุ้มราคา

https://praewwedding.com/rings-and-accessories/5474

เลือก ชุดแต่งงานไทย ยังไงให้สวยปังมีออร่า ดีไซเนอร์มีคำแนะนำดีๆ มาบอก

ชุดแต่งงานไทย เป็นชุดที่เจ้าสาวหลายๆ คน ต้องนึกถึงเป็นอับแรก อาจจะมีบางคนที่มีแบบชุดแต่งงานไทยในใจไว้อยู่แล้ว แต่หลายคนก็ยังไม่มีไอเดียในการเลือกชุดแต่งงานไทยเลยว่าเราควรจะใส่ชุดไทยแบบไหนดีให้เข้ากับตนเองให้มากที่สุด

อย่าเพิ่งเครียดไปค่ะ เพราะแพรว wedding ได้ไปขอคิวดีไซน์เนอร์จากห้องเสื้อ Deep Love Wedding มาให้คำแนะนำวิธีในการเลือก ชุดแต่งงานไทย ให้สวยปังและมีออร่าสุดๆ มาฝากว่าที่เจ้าสาว…มีทริคยังไง มาดูกัน

วิธีเลือกชุดแต่งงานไทยให้เข้ากับเจ้าสาว มีวิธีการเลือกแบบใด

อย่างแรกเลยต้องดูก่อนว่าบุคลิกของเจ้าสาวเป็นลักษณะใด มีรูปร่างแบบไหน เช่น  เป็นคนตัวผอม สมส่วน เจ้าเนื้อ สูง หรือเตี้ย ต่อมาก็ต้องมาดูที่สถานที่จัดงานแต่งงาน หรือธีมของงานแต่ง ว่ามีลักษณะแบบไหน สีอะไร เพื่อที่เวลาเจ้าสาวใส่ชุดแต่งงานไทยแล้วเข้าไปยืนถ่ายภาพในงานแล้ว จะได้ไม่จมหายไปพร้อมกับสถานที่

ชุดแต่งงานไทย

มีวิธีการเลือกสีชุดแต่งงานไทยอย่างไรให้สวย

จริงๆ แล้วไม่ยากเลย ควรเลือกสีชุดให้แตกต่างกับสีผ้านุ่ง อย่างเช่น ถ้าเสื้อสีชมพูอ่อน ผ้านุ่งควรเป็นชมพูเข้ม หรือเป็นสีอื่นไปเลย เพราะถ้าสังเกตดีๆ ชุดไทยจะเป็นชุดทรงกระบอก เพราะฉะนั้นเราควรเลือกสีให้มีความแตกต่างกัน ให้คอนทราสต์กันนิดหน่อยเพื่อที่จะได้ให้เห็นทรวดทรงของเจ้าสาวได้อย่างชัดเจน ไม่เช่นนั้น ถ้าเราใส่สไบสีทอง ผ้านุ่งสีทอง เวลาดูแล้วก็จะเหมือนแท่งสีทองๆ เดินได้ แต่ในกรณีที่เสื้อเป็นสีเดียวกับผ่านุ่ง ก็อาจจะนำสไบมาห่มทับอีกชั้นก็ได้

เนื้อผ้ามีผลต่อความสวยงามของชุดหรือไม่

มีผล เพราะเนื้อผ้าจะเพิ่มความหนา-บางให้กับตัวของเจ้าสาวได้ ในกรณีที่เจ้าสาวตัวผอมมาก ควรเลือกผ้าที่พริ้วๆ บางๆ เพื่อที่จะได้เพิ่มเนื้อหนังให้เจ้าสาวมากยิ่งขึ้น  แต่ถ้าเจ้าสาวเป็นคนเจ้าเนื้อ ต้องเลือกหนาขึ้นมานิดนึงจะได้จับทรงให้เข้ารูปได้ง่าย

ชุดแต่งงานไทย

ปัญหาหลักเวลาใส่ชุดแต่งงานไทยคืออะไร

โดยปกติเรื่องการนุ่ง ถ้าเรียกใช้บริการจากร้านชุดต่างๆ จะมีช่างคอยช่วยนุ่งให้ แต่ที่สังเกตคือเจ้าสาวที่จัดงานแต่งในเวลาที่จำกัดเช่น จัดงานเช้าและเลี้ยงตอนเที่ยงจะไม่มีเวลาเปลี่ยนชุดมากนัก เพราะฉะนั้นเจ้าสาวต้องให้ความสำคัญในจุดนี้ด้วย จึงต้องเลือกชุดที่สวมใส่ง่าย เปลี่ยนง่าย เพื่อที่จะได้ไม่เป็นภาระ และถ้าเวลาจำกัดจะได้สวมใส่ออกมาได้สวยงาม

มีวิธีการเลือกชุดแต่งงานไทยให้เข้ากับสรีระเจ้าสาวหรือไม่

สำหรับเจ้าสาวที่ตัวผอมสามารถใส่ได้ทุกแบบเลย ไม่ว่าจะเป็น ชุดสไบ เสื้อลูกไม้ หรือเสื้อแขนหมูแฮม แต่ถ้าเจ้าสาวเจ้าเนื้อ แนะนำให้ห่มสไบจะดีกว่า และควรเป็นสไบบางๆ ปักน้อยๆ แนบไปกับตัว ไม่ควรห่มสะพักหนา (สไบทับที่ทิ้งชายไว้ด้านหน้า) เพราะถ้าแต่งผ้ายิ่งเยอะตัวก็จะยิ่งหนาและใหญ่ขึ้นไปอีก คำถามต่อมาคือ ถ้าใส่ชุดไทยควรเลือกนุ่งผ้าถุง หรือโจงกระเบน สามารถนุ่งได้ทั้งสองแบบ แต่เจ้าสาวเจ้าเนื้อควรเลือกผ้าที่บางลงมาหน่อย และถ้าจะนุ่งโจงประเบนก็ให้ใช้วิธีการนุ่งสดจะสวยกว่าโจงกระเบนสำเร็จรูป

ชุดแต่งงานไทย

สำหรับเจ้าสาวที่ไม่มีไอเดียเลยว่าอยากจะใส่ชุดแต่งงานไทยแบบใด มีคำแนะนำให้เจ้าสาวไหม

สำหรับเจ้าสาวที่ไม่มีไอเดีย และไม่มีแบบชุดในดวงใจเลย ขอแนะนำชุดแต่งงานไทยแบบห่มสไบนุ่งผ้าถุงจะดีที่สุด เพราะใส่ได้กับทุกรูปร่าง และเป็นอะไรที่คลาสสิค ไม่ว่าจะผ่านไป 10 ปีหรือ 20 ปี แบบชุดของเราก็ไม่ดูเชยแน่นอน และจะไม่ทำให้เจ้าสาวรู้สึกว่าเราใส่ชุดผิดสมัยดูโบราณหรือเปล่าอีกด้วย

เมื่อเลือกชุดแต่งงานไทยได้แล้ว มีเคล็ดลับในการเลือกเครื่องประดับไหม

ก่อนอื่นเจ้าสาวต้องบอกก่อนว่า วันแต่งงานจริงมีของหมั้นชิ้นไหนที่ต้องนำมาสวมใส่กับชุดแต่งงานไทยหรือไม่ เช่น ได้ของหมั้นเป็นสร้อยทองมา เป็นต้น เพื่อที่ร้านชุดจะได้จัดเครื่องประดับให้ถูก โดยอาจจะเลือกให้สร้อยเส้นเล็กลงมาจะได้ไม่ไปแย่งซีนของหมั้น และตัวชุดก็มีส่วนในการเลือกเครื่องประดับด้วย เช่น ถ้าใส่ชุดที่มีการปักดิ้นทั้งตัว งดงามอลังการมาเลย ควรเลือกสร้อยให้เล็กลง แล้วใส่เป็นสังวาลย์ และเลือกหัวเข็มขัดใหญ่ๆ หรือแม้กระทั่งใส่กำไลให้มากขึ้นกว่าเดิม แต่ต้องคำนึงไว้เสมอว่าชุดแต่งงานไทยสามารถถมเครื่องประดับได้ แต่ต้องถมให้เป็น ดูแล้วไม่รก และที่สำคัญต้องเลือกสีเครื่องประดับให้เข้ากับสีชุดด้วย

คำแนะนำเพิ่มเติม ที่อยากบอกกล่าวให้เจ้าสาวรู้

อย่ากลัวที่จะใส่ชุดไทย เพราะเจ้าสาวบางคนจะกังวลว่าใส่ชุดไทยแล้วจะแก่ไหม หรือเข้ากับบุคลิกเราหรือเปล่า ซึ่งไม่ยากเลย แค่ต้องกล้าที่จะคุยกับดีไซน์เนอร์ ว่าเราต้องการชุดแบบใด ถ้าหากชอบแต่ไม่เข้ากับรูปลักษณ์หรือหุ่น ทางร้านหรือดีไซเนอร์ก็จะสามารถแก้ไขให้ได้ หรือถ้าไม่มีไอเดียเลย ทางร้านหรือดีไซเนอร์ก็สามารถให้คำแนะนำได้เช่นกัน และที่สำคัญต้องมั่นใจในตัวเอง เพราะยังไงวันแต่งงานเจ้าสาวก็คือคนที่สวยที่สุด

 

ได้อ่านแล้วก็หายกังวลได้เลยนะจ๊ะ ถ้ายังไม่มีไอเดียในการเลือกชุด ก็แค่คุยกับร้านชุดแต่งงานบอกความต้องการเบื้องต้น ทางช่างก็จะช่วยแก้ไขปัญหาให้เราเองค่ะ

ขอขอบคุณบทสัมภาษณ์ จากทีมห้องเสื้อ Deep Love Wedding
ชุดแต่งงานจากร้าน Deep Love Wedding

อ่านบทความเพิ่มเติม

10 ดีเทลหยอดความเก๋ไว้ใน เทรนด์ชุดเจ้าสาว บอกเลยแฟชั่นเวอร์

3 เทคนิคเลือกชุดแต่งงานเซ็กซี่ ให้เซ็กส์แอพพีลพุ่งแบบไม่โป๊

https://praewwedding.com/dresses-and-suits/105774

ชวนส่องเทรนด์ ผมเจ้าสาว ประดับดอกไม้แบบใหม่ที่สวยแต่ไม่ซ้ำใครแน่นอน

เทรนด์ ผมเจ้าสาว ติดดอกไม้สด ไม่เคยเอ้าท์ก็จริง แต่เบื่อแบบเดิมๆกันหรือยังล่ะ? ถ้าใครเบื่อแล้ว คลิกเข้ามาดูเลยว่าไอเดียการใช้ดอกไม้สดประดับเจ้าสาวแบบใหม่ที่เก๋ไม่ซ้ำใครมีแบบไหนบ้าง

ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ เทรนด์การจัดงานแต่งงานในสวนกำลังมาสุดๆ เหล่าว่าที่เจ้าสาวก็เลยรีบเซฟรูปไอเดียผมเจ้าสาวติดดอกไม้สดกันรัวๆใช่มั้ยละคะ นอกจากนั้นความโดดเด่นของผมเจ้าสาวติดดอกไม้สดไม่เพียงแค่ทำให้เจ้าสาวดูสดชื่นมีชีวิตชีวา แต่ดอกไม้ที่มีหลายสีสันยังสามารถช่วยเติมเต็มสีของธีมงานแต่งงานให้ดูชัดเจนโดดเด่นขึ้นได้อีกด้วย ว่าแต่เหล่าว่าที่เจ้าสาวเบื่อทรงผมเจ้าสาวติดดอกไม้สดแบบเดิมๆกันหรือยังล่ะ? ถ้าใครเบื่อแล้ว มาดูกันเลยว่าไอเดียการใช้ดอกไม้สดประดับเจ้าสาวแบบใหม่ที่เก๋ไม่ซ้ำใครมีแบบไหนบ้าง

แปลงกายเป็นเจ้าสาววินเทจคาปรีสไตล์ด้วยดอกไม้ดอกใหญ่โดดเด่น

เป็นเจ้าสาวสไตล์อิตาเลียนคาปรีด้วยการใช้ดอกไม้ดอกใหญ่ที่โดดเด่นอย่างดอกกุหลาบหรือกล้วยไม้ ปักเข้าไปในมวยผม และวิธีนี้ยังเหมาะกับเจ้าสาวที่อยากได้ลุควินเทจสุดเก๋อีกด้วย

ผมเจ้าสาว
weddbook.com
ผมเจ้าสาว
howtobearedhead.com
ผมเจ้าสาว
tietheknotsantorini.com

 

ครีเอทดอกไม้ให้กลายเป็นต่างหูระย้า

เป็นเจ้าสาวสุดชิคเหนือใครด้วยการครีเอทดอกไม้ทัดผมให้กลายเป็นต่างหูซะเลย หรือถ้าเจ้าสาวคนไหนยังกล้าๆกลัวๆ ลองแบบซอฟท์ๆ ด้วยการหาต่างหูระย้าที่ประดิษฐ์เป็นรูปดอกไม้ก็ได้นะคะ

Marchesa Spring 2017
Badgley Mischka at New York Spring 2018
stylelovely.com

 

ดอกไม้ระยิบระยับประปราย

ถือเป็นเทรนด์ใหม่ของซีซั่นนี้เลยแหละ เพราะโชว์ดังอย่าง Elie Saab ก็ประดับผมนางแบบชุดเจ้าสาวด้วยวิธีนี้เหมือนกัน ได้ลุคเจ้าสาวโบฮีเมียนฮิปสเตอร์ ยิ่งแมทช์กับชุดเจ้าสาวแนววินเทจ รับรองว่าถ่ายรูปออกมายังไงก็สวย!

Elie Saab Spring 2019
moncheribridals.com
Wildfox for Mercedes-Benz New York Fashion Week FW 2014

 

ผมเกล้ามวยสูงประดับดอกไม้รอบฐาน

ผมเกล้ามวยสูงช่วยให้เจ้าสาวดูเด็กลง! แมทช์กับธีมงานแต่งของคุณด้วยการประดับดอกไม้สดรอบฐานซะเลย รับรองว่าทรงนี้จะช่วยให้คุณดูเป็นเจ้าสาวคิ้วท์ๆ น่าทะนุถนอมประหนึ่งนางเอกซีรี่ส์เกาหลี!

Emma & Grace Bridal Boutique | Amy Caroline Photography

 

หวีสับดอกไม้ ใช้ง่ายแต่น่ารัก

หวีสับประดับดอกไม้ ไม่ว่าจะดอกไม้สดหรือประดิษฐ์ เป็นวิธีแสนง่ายที่ช่วยให้ผมเจ้าสาวดูมีอะไรขึ้นมาทันที และวิธีนี้ยังเหมาะกับแก๊งเพื่อนเจ้าสาวที่ต้องการดอกไม้ประดับผมที่ง่ายแต่มีความเก๋ไม่แพ้ใคร

www.weddingchicks.com
IG @theflowercult
IG @meganwelker

 

มงกุฏดอกไม้ของเจ้าสาวผมสั้น!

มงกุฏดอกไม้กับผมยาวเห็นจนเบื่อละนะ แต่คราวนี้ลองแมทช์มงกุฏดอกไม้แบบเดิมๆ เข้ากับเจ้าสาวผมสั้น วิธีนี้จะยิ่งช่วยให้มงกุฏดอกไม้ดูโดดเด่นเพราะไม่ถูกบดบังด้วยความยาวของทรงผม อย่าลืมสร้างเลเยอร์ผมให้เป็นคลื่นลอนเพื่อลุคที่สวยงามกลมกลืนด้วยละ

stylemepretty.com
etsy.com

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

อ่านก่อน! เลือกทรงเล็บเจ้าสาวแบบไหนดี ช่วยส่งให้นิ้วมือดูเรียวยาว

praewwedding.com/planning/23293

https://praewwedding.com/planning/99453

วิธีจัดการงบประมาณงานแต่ง ให้มีเงินเหลือใช้อยู่กันไปอย่างมีความสุข

ควรแบ่งเงินเป็น 3 ก้อน สำหรับจัดการ งบประมาณงานแต่ง

ปัญหาเงินๆ ทองๆ สำหรับเรื่องงานแต่งงานเป็นของคู่กัน จึงมักเกิดคำถาม ต้องจัดการค่ายใช้จ่ายในการแต่งงานอย่างไร ให้ไม่เกิดปัญหาการเงินตามมาภายหลัง? คำถามนี้สร้างความกังวลใจให้บ่าวสาวไม่น้อย หากเริ่มต้นชีวิตคู่ด้วยการเป็นหนี้เป็นสินเห็นทีจะไม่ดีแน่! เราเชื่อว่าทุกคู่คงต้องการมีงานแต่งงานที่สวยงาม ราบรื่น ชีวิตหลังแต่งงานแฮปปี้เอนดิ้งเหมือนตอนจบในนิยาย รู้มั้ยว่าจริงๆ แล้วมันง่ายนิดเดียว:) อันดับแรกว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวจงมารวมตัวกันที่หน้าเพจนี้ก่อนเลย เพราะ แพรว wedding มีวิธีดีๆ ในการจัดการ งบประมาณงานแต่ง มาฝากกันค่ะ ซึ่งสามารถทำได้เพียงแค่แบ่งเงินออกเป็น 3 ก้อน แต่ขออุปไว้ก่อนดีกว่าว่าเงิน 3 ก้อนนี้จะประกอบด้วยอะไรบ้างและจะจัดการยังไง ต้องตามมาดูกันเอาเองนะคะ อิอิ

งบประมาณงานแต่ง

ก้อนแรก เบิกทางด้วยค่าสินสอด

เงินก้อนแรกที่คุณต้องเตรียมตัวสำหรับงานแต่งงานที่ขาดไม่ได้เลยโดยเฉพาะงานแต่งงานของคนไทยและคนจีน ก็คือ เงินสินสอดนั่นเองค่ะ สินสอดเกิดจากการตกลงกัน เมื่อคุณเจ้าบ่าวเข้าไปสู่ขอคุณเจ้าสาวกับทางผู้ใหญ่ โดยใช้วิธีพูดคุยแสดงความจริงใจว่าคุณนั้นรักลูกสาวของพวกท่านจากใจจริง พร้อมที่จะดูแลใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน จากนั้นทางผู้ใหญ่จะเริ่มพูดคุยเรื่องสินสอดหรืออาจจะเป็นคุณต้องเริ่มถามก่อน แต่ให้ใช้ถ้อยคำอย่างมีมารยาทนะคะ ไม่ใช่ไปถามตรงๆ โต้งๆ ว่า ลูกสาวคุณพ่อจะเรียกเท่าไหร่ดีครับ แบบนี้คุณได้กินแห้วแน่นอนจ้า หลังจากคุณได้ตกลงกับว่าที่พ่อตาแม่ยายเรื่องค่าสินสอดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทีนี้คุณต้องวางแผนการหาเงินค่าสินสอดให้ได้ตามที่พวกท่านต้องการ ซึ่งคุณสามารถแบ่งจากเงินที่ได้จากการทำงานประจำ และควรที่จะหารายได้เสริมด้วยอีกสักช่องทาง ที่สำคัญเงินค่าสินสอดต้องเก็บไว้อย่างดี ห้ามนำออกมาใช้เด็ดขาด! เพราะตอนนี้การแต่งงานของคุณจะเกิดขึ้นหรือไม่ขึ้นอยู่กับเงินก้อนนี้แล้วค่ะ

การแต่งงาน

ก้อนที่สอง เงินเพื่องานแต่งงานในฝัน

เมื่อเงินก้อนที่ต้องเบิกทางด่านแรกมีครบเรียบร้อย ต่อมาจะเป็นเงินก้อนที่คุณต้องใช้จ่ายสำหรับการจัดงานแต่งงาน โดยเจ้าก้อนนี้ทั้งว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวสามารถช่วยกันเก็บหอมรอมริบได้ ทั้งนี้ค่าใช้จ่ายสำหรับจัดงานแต่งงานก็ขึ้นอยู่กับขอบเขตของงานแต่งงานของพวกคุณว่าจะทำออกมาเป็นงานที่ใหญ่ขนาดไหน ถ้าคุณใช้สถานที่จัดเป็นบ้านของคุณเอง เชิญแต่แขกคนสนิท ค่าใช้จ่ายก็จะไม่สูงมาก แต่ถ้าเมื่อไหร่งานแต่งงานในฝันของคุณเกิดขึ้นในโรงแรม ค่าใช้จ่ายก็อาจจะสูงตามมาทันที แต่มันก็พอมีวิธีคำนวณการวางแผนค่าใช้จ่ายงานแต่งงานอยู่น้า ทำได้ง่ายๆ ตามนี้

แค่นำจำนวนเงินที่ต้องการ หารด้วยระยะเวลาที่เหลืออยู่ก่อนจะจัดงานแต่งงาน เพื่อให้ได้จำนวนเงินที่เราต้องเก็บโดยประมาณต่อเดือน เช่น ถ้าคู่บ่าวสาวอยากแต่งงานในอีก 2 ปีข้างหน้า และต้องการเงิน 600,000 บาทเพื่อจัดงาน ก็คำนวณโดยเอางบประมาณหารด้วยจำนวนเดือน (24 เดือน) ได้ผลลัพธ์ออกมาเดือนละ 25,000 บาท หลังจากนั้นก็มาตัดสินใจว่าทั้งคู่บ่าวสาวสามารถช่วยกันเก็บเงินจำนวนนั้นไหวหรือไม่ ถ้าไหวก็ลุยเลยค่ะ แต่ถ้าคำนวณแล้วไม่น่าจะเหลือใช้จ่ายพอในชีวิตประจำวัน คุณก็ต้องลดงบประมาณหรือลดความยิ่งใหญ่ของงานลงมานะคะ ไม่ควรใช้การกูหนี้ยืมสิน ไม่เช่นนั้นชีวิตหลังแต่งงานจะลำบากกันได้น้า ขอเตือนไว้เลย

การแต่งงาน

ก้อนสุดท้าย เงินเหลือใช้หลังแต่งงาน

คุณภาพชีวิตคู่ของพวกคุณจะดีแค่ไหนขึ้นอยู่กับเงินก้อนนี้เลยนะคะ สำหรับบ่าวสาวที่ครอบครัวใจดี๊ใจดียกสินสอดมาให้ใช้เป็นเงินเริ่มต้นชีวิตคู่ จงอย่าหลงดีใจแล้วใช้เงินก้อนนั้นเพลิน รู้ตัวอีกทีเงินหมดเกลี้ยงแบบนั้นจะลำบากเอานะคะแต่ควรนำเงินก้อนนั้นแบ่งมาออมฝากไว้กับธนาคารและแบ่งมาลงทุน เช่น อาจจะลงทุนทำธุรกิจเล็กๆ ที่ตนเองถนัด หรือลงทุนกับการซื้อหุ้น ซื้อกองทุนต่างๆ แต่ก็ควรศึกษาเรื่องพวกนี้ให้ดีเสียก่อนนะคะ จะได้เกิดกำไรมากกว่าการขาดทุน ส่วนบ่าวสาวที่ไม่ได้ค่าสินสอดมาสร้างเนื้อสร้างตัวก็อย่าเพิ่งน้อยใจไปน้า ในเมื่อคุณแบ่งเงินเป็น 3 ก้อนแล้ว ในก้อนนี้จะเกิดจากการที่คุณสร้างวินัยในการออม เพื่ออนาคตของสองเรา อิอิ แนะนำให้ใช้วิธีฝากเงินเท่าๆ กันทุกเดือนในบัญชีเงินฝากระยะยาวโบนัส 24 เดือนที่ให้ดอกเบี้ยสูง หรือถ้ารับความเสี่ยงได้มากขึ้น ก็อาจจะเลือกลงทุนในกองทุนรวมเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้นอีกต่อหนึ่ง มี 2 วิธีให้คุณทั้งสองตัดสินใจเลือกเลยค่ะ แพรว wedding ก็ขอเป็นกำลังให้คุณทั้งคู่นะคะ สู้ๆ

ปล.เงินในส่วนของการจัดงานแต่งงานก็ค่อนข้างมีรายละเอียดยิบย่อยอีกเยอะเลยนะคะ กว่าจะเนรมิตงานแต่งงานของคุณออกมาได้นั้นการจัดการงบประมาณก็ไม่ใช่จะน้อยๆ เชียว ถึงค่าใช้จ่ายจะเยอะ แต่วิธีจัดการค่าใช้จ่ายสำหรับการจัดงานแต่งงานก็ไม่ยากเท่าไหร่น้า

อ่านบทความเพิ่มเติม

ไอเดียแบ็คดร็อปดอกไม้ในงานแต่งงาน สวยงามสไตล์มินิมอล

16 ไอเดียเพิ่มความน่ารักอบอุ่นให้งานแต่งในสวนเล็กๆ จนแขกต้องจดจำ

https://praewwedding.com/planning/advice-and-ideas/62663

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : SCB ไทยพาณิชย์
ภาพจาก : bespaarbelastingen.be, gracegreeting.com, pinterest.com, misto.news,

huffingtonpost.com

10 วิธีเพิ่มไอเดียในงานแต่งให้ดูโดดเด่น น่ารัก เป็นที่จดจำ

มาดูกันดีกว่าว่าเราสามารถเพิ่ม ไอเดียในงานแต่ง แบบใดได้บ้าง ให้งานแต่งดูโดดเด่น น่ารัก และเป็นที่จดจำของแขกที่มาร่วมงาน เพราะงานแต่งมีหลายงาน หลายธีม ซึ่งอาจจะซ้ำหรือไม่ซ้ำกัน แต่เราสามารถนำจุดเด่นตรงนี้ มาทำให้งานแต่งของเราไม่ซ้ำใครได้

แพรว wedding ขอนำ 10 วิธีเพิ่ม ไอเดียในงานแต่ง มาแนะนำให้คู่บ่าวสาวลองนำไปใช้กันดู … จะมีอะไรบ้าง มาดูกันค่ะ

1. อาหารรสเลิศ

สิ่งที่บ่าวสาวหลายคู่อาจจะมองข้ามไป นั่นก็คือ อาหารที่ใช้เสิร์ฟภายในงาน อย่าคิดว่าเสิร์ฟๆ ไปอะไรก็ได้ เพราะแขกคงไม่ได้ซีเรียสกับรสชาติอาหาร แต่ขอบอกเลยว่าคิดผิดถนัดเลยล่ะ แต่บ่าวสาวควรจะหันใส่ใจกับคุณภาพและรสชาติอาหารสักนิด หรือจะลองครีเอทเมนูใหม่ๆ ขึ้นมาก็เป็นความคิดที่ดีนะจ๊ะ

ไอเดียในงานแต่ง

2. ดนตรีที่ไพเราะ

ลองคัดเลือกดนตรี หรือวงดนตรีที่จะมาขับกล่อมแขกในงานให้ดีหน่อย และควรเลือกให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ของแขกที่มาร่วมในงานด้วย เพื่อที่แขกในงานจะได้อินไปกับบทเพลงที่เราเลือกมาขับกล่อมในงาน ไม่ใช่นับเวลารอให้เพลงจบไวๆ

ไอเดียในงานแต่ง

3. จัดที่นั่งให้แขกแบบเหมาะสม

เลือกจัดให้แขกที่รู้จักกันนั่งด้วยกัน อย่ามองข้ามไปว่าใครไปใครมาแล้วมานั่งที่เดียวรวมๆ กันก็ได้ รอให้โต๊ะเต็มก่อน แล้วค่อยเปิดโต๊ะใหม่ คิดแบบนี้ผิดมากค่ะ แต่เราควรจัดโซนให้แขกที่รู้จักกันนั่งด้วยกัน เพื่อที่เขาจะได้สนุกได้เต็มที่ และไม่รู้สึกอึดอัดกับคนแปลกหน้านั่นเอง

ไอเดียในงานแต่ง

4. จัดโซนพิเศษให้เด็กๆ

งานแต่งงานหลายงานที่ผ่านมา บ่าวสาวถึงกับกุมขมับเพราะปัญหาหนูน้อยที่มาร่วมในงานก่อปัญหา หรือส่งเสียงร้องในงานแต่ง อันนี้ก็แก้ไขไม่ยากค่ะ ลองจัดโซนเป็นมุมให้เหล่าเด็กๆ ได้เล่นกันไปเลย เพื่อที่จะได้ดูแลความเรียบร้อยได้ง่ายยิ่งขึ้น

ไอเดียในงานแต่ง

5. ทำหน้ากากให้แขกมาร่วมงานได้ถ่ายรูป

เกาะกระแสละครดังๆ หรือดาราที่เป็นที่นิยมไปเลยค่ะ ด้วยการทำหน้ากากของเหล่าดาราเซเลบที่กำลังดังและเป็นกระแสอยู่ ให้เเขกที่มาร่วมในงานได้ใช้ถ่ายภาพ แค่นี้การถ่ายภาพหน้างานก็จะไม่น่าเบื่ออีกต่อไปแล้วล่ะ

ไอเดียในงานแต่ง

6. ทำเซอร์ไพรซ์แขกในงาน

ใครๆ ก็ชอบเรื่องเซอร์ไพรซ์และตื่นเต้นถูกไหมจ๊ะ ลองดีไซน์ดูว่าจะให้มีเซอร์ไพรซ์แบบใดในงานแต่ง อาจจะเป็นเซอร์ไพรซ์เปิดตัวบ่าวสาว หรือมีนักร้องมาร้องเพลงควบคู่กับโชว์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ ก็จะช่วยเบรคอารมณ์เบื่อๆ ในงานได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ แถมยังเป็นที่น่าจดจำให้แขกได้นำไปบอกต่ออย่างไม่รู้เบื่ออีกด้วย

ไอเดียในงานแต่ง

7. จัดสถานที่ให้สวยงาม

สิ่งที่เห็นได้ชัดและโดดเด่นที่สุดในงานก็คือ การตกแต่งภายในงานแต่งงาน ดังนั้นควรจัดให้ดี ให้สวย และมีมุมสวยๆ ไว้ให้แขกสามารถถ่ายภาพได้ เพราะสิ่งที่เป็นเครื่องบันทึกเหตุการณ์ได้ดีที่สุดคือภาพถ่าย ดังนั้นถ้าอยากให้ภาพงานของเราออกมาสวย มีคนถ่ายภาพเยอะๆ และช่วยโพลส์และแชร์ให้เรา ห้ามมองข้ามการตกแต่งสถานที่ค่ะ แล้วอย่าลืมคิดแฮชแท็กเจ๋งๆ สำหรับงานตัวเองไว้ด้วยน้า

ไอเดียในงานแต่ง

8. อย่าปล่อยให้แขกหิว

ควรจัดเวลาให้ดี แล้วคุยกับพนักงานเสิร์ฟอาหารถึงช่วงเวลาที่ควรเสิร์ฟอาหารให้ดี ยิ่งถ้าเป็นโต๊ะจีน อาหารต้องออกมาพร้อมๆ กัน และไม่ทิ้งช่วงให้นานจนเกินไป อย่าลืมว่า ยิ่งนานแขกยิ่งหิวนะจ๊ะ แถมงานยังไม่ทันเริ่มแขกก็บ่น เริ่มไม่ประทับใจแล้ว แบบนี้ไม่ดีแน่ๆ

9. หากิจกรรมให้แขกมาร่วมงานได้ร่วมสนุก

อย่าปล่อยให้งานผ่านไปแบบเนิบๆ ไม่มีกิมมิค ไม่มีความตื่นเต้นอะไร ลองหาเกมสนุกๆ เล่นไม่ยาก มาเล่นกับแขกที่มาร่วมงานดู โดยอาจจะมีการมอบของรางวัลเล็กๆ น้อยๆ ให้แขกได้มีของติดไม้ติดมือกลับไป

10. เครื่องดื่มดีๆ

ลองหาเครื่องดื่มดีๆ เช่น ไวน์ ค๊อกเทล รสชาติเยี่ยมๆ มาเสิร์ฟในงานดู เพราะเครื่องดื่มก็จะช่วยเพิ่มสีสัน และทำให้วงสนทนาสนุกสนานยิ่งขึ้น ยิ่งงานไหนมีอาฟเตอร์ปาร์ตี้ด้วยแล้ว ก็ยิ่งขาดไม่ได้นะจ๊ะ

ลองทำตามกันดูน้า รับรองว่าไอเดียเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความโดดเด่นและความสนุกสนานให้กับงานแต่งงานของบ่าวสาวได้เป็นอย่างดี จนแขกพกความประทับใจกลับไปเต็มกระเป๋าแน่นอน

อ่านบทความเพิ่มเติม

4 เคล็ดลับจัด 4 ธีมงานแต่งด้วยกิมมิกน่ารักให้ปังเป็นที่น่าประทับใจ

มาดูไอเดียเค้กแต่งงานที่เป็นของหวานแทนเค้กก้อนโตกันเถอะ

https://praewwedding.com/planning/advice-and-ideas/109772

ภาพจาก : Theknot.com , Pinterest.com

เคล็ดลับฟื้นฟูผิวไหม้จากแสงแดดง่ายๆ แบบไม่ต้องพึ่งสกินแคร์หลักพัน

เมื่อแดดซัมเมอร์ทำพิษให้ ผิวไหม้ คล้ำเสีย ก็ต้องฟื้นฟูกันด่วนๆ

กำลังจะกลายเป็นเจ้าสาวอยู่แล้วจะ ผิวไหม้ ไม่ได้นะ! พิษจากแดดที่แร๊งงงแรงช่วงซัมเมอร์ แถมเพิ่งผ่านการเล่นน้ำสงกรานต์มาแล้วหมาดๆ อีกไม่กี่วันต้องเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวซะแล้ว แต่ไหงผิวคุณยังไหม้ หมองคล้ำอยู่เลยล่ะ? ปัญหานี้แก้ไขได้อีกเช่นเคยค่ะ กับวิธีฟื้นฟูสภาพผิวหลังการออกแดดด้วยวิธีง่ายๆ งบไม่หนายังทำได้เลย แถมไม่ต้องพึ่งครีมเคาน์เตอร์แบรนด์แพงๆ เพียงแค่ทำตามวิธีต่อไปนี้อย่างเคร่งครัด ผิวที่ไหม้ ของคุณก็จะกลับมาขาวกระจ่างใสได้เหมือนเดิมแล้ว ^^

 

ผิวไหม้

อาบน้ำเย็นและน้ำนม

ขอห้ามเลยสำหรับผู้ที่เคยชินกับการอาบน้ำอุ่น คุณจะอาบในตอนไหนก็ได้ค่ะ แต่ต้องไม่ใช่ตอนที่ผิวของคุณเพิ่งผ่านสมรภูมิแดดมาสดๆ ร้อนๆ เมื่อผิวของคุณไหม้เป็นรอยแดงคล้ำเสียจากแสงแดด การอาบน้ำเย็นหรือน้ำที่มีอุณหภูมิปกติจะช่วยให้ผิวหนังของคุณเย็นลงได้ หลังจากอาบน้ำเสร็จก็ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นมาประคบตามตัวอีกทีก็จะดีมากค่ะ ถ้าเป็นไปได้ควรอาบน้ำนมอาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง จะช่วยให้ผิวของคุณนุ่มขึ้น เพราะผิวที่เสียจากแสงแดด เมื่อคุณจับดูจะรู้สึกว่าผิวแห้งกว่าปกติด้วย ดังนั้นไม่ควรเลยที่จะอาบน้ำอุ่นให้ผิวแห้งขึ้นไปอีก

ผิวไหม้

ครีมกันแดด

หลังจากผิวไหม้เป็นที่เรียบร้อยกันไปแล้ว T^T ก็ยังคงมีเรื่องให้คุณต้องออกแดดในทุกวันอยู่แล้วล่ะจริงไหม? ก่อนออกแดดก็อย่าลืมชโลมครีมกันแดดไปเลยค่ะ ทาให้ทั่วผิว แม้ไม่ออกแดดก็ควรทาด้วย เพราะแสงจากไฟก็มี UV ที่จะทำให้ผิวของคุณหมองคล้ำเช่นกันน้า ส่วนครีมกันแดดนั้นต้องมีการเลือกใช้กันหน่อย ให้เลือกซื้อใช้เฉพาะส่วนของร่างกาย ซึ่งจะแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ เลือกครีมกันแดดสำหรับผิวหน้า กับ โลชั่นทากันแดดสำหรับผิวกาย ทริคการเลือกครีมกันแดดที่เหมาะสมสำหรับแดดอันร้อนระอุของประเทศไทยนั้นควรเลือกครีมกันแดดที่มี SPF50 มี PA+++ ที่ป้องกันได้ทั้งรังสี UVA ที่สามารถแทรกซอนถึงผิวชั้นลึกๆ หรือผิวหนังชั้นล่างได้เลย และ UVB สามารถทะลุได้ถึงชั้นหนังกำพร้าที่เป็นตัวการหลักทำให้ผิวของคุณหมองคล้ำนั่นเองค่ะ

ผิวไหม้

ว่านหางจระเข้

เป็นที่ทราบกันดีว่าสมุนไพรอย่างว่านหางจระเข้มีสรรพคุณช่วยรักษาแผลจากรอยไหม้และน้ำร้อนลวก ซึ่งผิวที่ไหม้จากแสงแดดก็สามารถนำว่านหางจระเข้มาช่วยรักษาได้เช่นกันค่ะ ใช้วิธีพื้นบ้านแบบไทยๆ เลย แค่ปลอกเปลือกเจ้าต้นว่านหางจระเข้ให้เหลือเพียงแค่วุ้นของมัน จากนั้นนำไปล้างยางออกให้หมด (อย่าล้างนานเกินจนเละนะคะ เดี๋ยวอดใช้ก่อนพอดี ฮ่าๆ) เสร็จแล้วนำวุ้นมาทาที่ผิวที่เกิดรอยไหม้ สามารถทาได้ทั้งเช้าทั้งก่อนนอนหรือเวลาไหนๆ ที่คุณสะดวกเลยค่ะ ขอแค่ใช้เป็นประจำทุกวันผิวของคุณก็จะค่อยๆ ฟื้นฟูอย่างเห็นได้ชัด และเดี๋ยวนี้การใช้ว่านหางจระเข้ก็สะดวกยิ่งขึ้นไปอีก เพราะมีการสกัดทำออกมาเป็นเจลว่านหางจระเข้ สะดวกใช้ง่าย พกพาไปไหนมาไหนก็ได้อีกด้วย

พยามสวมเสื้อแขนยาว พกร่ม ใส่หมวกเวลาออกแดด

แทบเป็นไปไม่ได้เลยใช่ไหมคะ ที่แต่ละวันคุณจะไม่ออกไปเจอแสงแดดเลย ช่วงที่ผิวไหม้นี้เวลาคุณจะออกแดดก็ควรที่จะใส่หมวกหรือพกร่มที่มีพื้นรองสีเทาๆ เรียกว่าแถบป้องกันรักสี UV นั่นแหละค่ะ และควรทนร้อนกันนิดนึงกับการสวมเสื้อคลุมแขนยาวออกไปด้วยก็จะดีมากๆ เลย เอาให้ชัวร์ว่าแดดจะไม่สามารถทำอะไรกับผิวของคุณได้อีก ท่องไว่ค่ะ…ใส่เสื้อแขนยาวแดดร้อนๆ เหงื่อออกยังสามารถอาบน้ำแปปเดียวก็กลับมาสดชื่น แต่ถ้าผิวยิ่งคล้ำไปมากกว่านี้ก็จะยิ่งใช้เวลานานกว่าจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมนะคะ

ทานวิตามินซี

สูตรเร่งรัดผิวให้ขาวกระจ่างใสที่นอกจากทาครีมบำรุงผิวต่างๆ นานาแล้ว ควรทานวิตามินซีควบคู่การดูแลผิวไปด้วย เนื่องจากวิตามินซีเป็นตัวเสริมสร้างเซลล์ผิว ช่วยให้ผิวที่กำลังอ่อนแอจากการโดนแสงแดดจัดจ้า เกิดการฟื้นฟูซ่อมแซมผิวให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม โดยเลือกวิตามินซี 1000 mg ที่มีคุณภาพผ่านการรับรองจากแพทย์ โดยทานวันละ 1 เม็ด พร้อมมื้ออาหารเช้าทุกวันบวกกับการเลือกทานผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น ส้ม ฝรั่ง แอปเปิ้ล สับปะรด ทานง่ายแถมได้รับสารอาหารโดยตรงอีกด้วยค่ะ

น้ำมันมะพร้าว

สรรพคุณของน้ำมันมะพร้าวนั้นมีมากมาย นอกจากการนำไปทำกับข้าว ประกอบอาหาร บำรุงเส้นผมให้สลวยแล้วยังสามารถช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื่น ขาวขึ้นกว่าเดิมได้ด้วยนะคะ โดยการใช้สำลีไปชุบน้ำมันมะพร้าวที่เดี๋ยวนี้ก็ทำออกมาใส่ขวดขายมีหลายไซส์หลายขนาดให้เลือก อีกทั้งยังเป็นที่นิยมของชาวต่างชาติเมื่อมาประเทศไทยก็จะซื้อกลับไปกันด้วย…มาเข้าเรื่องกันต่อค่ะ นำสำลีที่ชุบน้ำมันมะพร้าวไปแต้มๆ บริเวณผิวที่ไหม้ ทาเป็นประจำเช้า-เย็นรอยไหม้จะค่อยๆ จางลงอย่างเป็นธรรมชาติเลยค่า ลองเลือกกันดูนะคะว่าผิวของคุณจะถูกกับน้ำมันมะพร้าวหรือว่านหางจระเข้อันไหนจะเห็นผลเร็วมากกว่ากัน

อ่านบทความเพิ่มเติม

อ่านก่อน! เลือกทรงเล็บเจ้าสาวแบบไหนดี ช่วยส่งให้นิ้วมือดูเรียวยาว

สาวๆ จดให้ไว! กับ 8 เคล็ดลับเด็ดที่ใส่รองเท้าส้นสูงไม่เมื่อยเดินสวยตลอดงาน

https://praewwedding.com/planning/99453

Cr : beauty24store.com, mybeautynaturally.com, find-way.net, nydailynews.com, youtube.com, sunprecautions.com, healthydirections.com, shesaid.com

10 ดีเทลหยอดความเก๋ไว้ใน เทรนด์ชุดเจ้าสาว บอกเลยแฟชั่นเวอร์

เหล่าเจ้าสาวที่ไม่ได้ปักธงถึงแบบชุดแต่งงานในใจเอาไว้ตั้งแต่แรก หรือเจ้าสาวสายแฟชั่นที่ต้องเกาะเทรนด์รันเวย์ ก็มักจะต้องมองหาแรงบันดาลใจจากแฟชั่นที่ทั้งใหม่และเก่าอยู่เสมอ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะแค่รูปแบบของชุดแต่งงานเท่านั้นที่สาวๆ มองหา แต่หมายรวมไปถึงแอคเซสซอรี่ต่างๆ อีกด้วย แพรว wedding เลยไม่รอช้ารีบไปเสาะหา เทรนด์ชุดเจ้าสาว เก๋ๆ จากแฟชั่นรันเวย์มาเสิร์ฟสาวๆ กัน แถมงานนี้ไม่ได้สงวนสิทธิ์ไว้เฉพาะแค่ชุดเจ้าสาวเท่านั้นนะ เพราะทั้ง 10 แรงบันดาลใจที่เรานำมาฝากนี้ สาวๆ สามารถนำไปใช้ได้กับทั้งลุคปาร์ตี้สละโสด วันหมั้น วันฉลอง ไปจนถึงอาฟเตอร์ปาร์ตี้ ที่การันตีเลยว่าไม่หลุดธีมรันเวย์ที่เจ้าสาวต้องการแน่นอน

เทรนด์ชุดเจ้าสาว

ลูกไม้สไตล์วินเทจ

สำหรับเจ้าสาวที่กำลังมองหาชุดแต่งงานแบบลูกไม้ต้องกรีดร้องหนักมาก! ซึ่งดีไซเนอร์ได้ออกแบบชุดสุดโรแมนติกนี้ให้มีกลิ่นอายในแบบวินเทจในสไตล์แบบยุควิคตอเรียนนิดๆ แต่ก็แฝงไว้ซึ่งความหรูหราและทันสมัยไว้ในชุดย้อนยุคนี้ได้อย่างลงตัว แต่ก็ไม่ได้ละเลยที่จะสอดแทรกกิมมิกเซ็กซี่เล็กๆ เอาไว้อย่างการใช้ผ้าโปร่งบางมาเสริมไว้ในบางจุด ซึ่งชุดนี้เจ้าสาวจะนำไปใส่ในปาร์ตี้สละโสดก็เวิร์ก หรือใส่ในอาฟเตอร์ปาร์ตี้ก็ยังรอดนะจ๊ะ


ชุดสไตล์โบฮีเมียน

เป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจสำหรับชุดแต่งงานในซีซั่น fall-winter ที่น่าหลงใหลมากกกก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเจ้าสาวที่อย่างได้ลุคใหม่ๆ ในสไตล์โบฮีเมียน แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งความสวยงามในแบบฉบับของหญิงสาวอย่างผ้าลูกไม้ แต่ไม่ได้พลิ้วไหวอย่างเช่นสไตล์โบฮีเมียนที่เราเคยเห็นมาก่อน แต่จะดูเป็นทางการมากกว่า ซึ่งดีไซเนอร์ก็ได้นำดีเทลอย่างการเล่นระบายผ้าเข้ามาเสริมเพื่อให้ชุดทั้งหมดดูอ่อนหวานขึ้น ชุดนี้จึงเหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับการสวมใส่ในพิธีหมั้นที่ไม่ได้จัดงานไทยจ๋าหรือเป็นทางการมากนัก หรือจะใส่ในงานฉลองกับรูปแบบงานที่เรียบง่ายในสวนก็ผ่าน


ประกายสีเงินเมทัลลิคสุดจี๊ด

ลุคนี้เป็นความสวยงามที่ได้แรงบันดาลใจมาจากแฟชั่นในยุค 60s, 70s และ 80s ซึ่งลุคนี้ไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้กันใช่ไหมคะว่าน่าจะเหมาะกับการหยิบจับไปใส่ในช่วงไหนของงานแต่ง ใช่ค่ะ, เมทัลลิควิบวับขนาดนี้ก็ต้องใส่ไปมันในอาฟเตอร์ปาร์ตี้อยู่แล้ว แถมงานนี้ไม่ได้มาแบบเมทัลลิคพื้นๆ แล้วจบนะ เพราะเขามีดีเทลอย่างการประดับเลื่อม ประดับลูกปัด และการนำผ้า Lamé ที่เป็นผ้าทอหรือถักด้วยเส้นด้ายโลหะบางๆ เข้ามาเสริมด้วยได้อารมณ์แบบฮอลลีวู้ดย้อนยุคไปอีก งานนี้ไม่ว่าจะเป็นปาร์ตี้สละโสดหรืออาฟเตอร์ปาร์ตี้ถ้าใส่ชุดสไตล์นี้รับรองว่าเพิ่มความมันแบบคูณสองแน่นอน


ประดับขนนกนุ่มละมุน

ไม่ว่าจะเป็นชุดสไตล์ไหนหากได้ประดับขนนกเข้าไปแล้วก็มักจะมีความหรูหราแลดูชวนฝัน และให้อารมณ์กึ่งทางการขึ้นมาทันที แถมยังเป็นกิมมิกที่ช่วยสร้างความทันสมัยให้กับลุคได้อย่างง่ายดายอีกด้วย เพราะฉะนั้นหากเจ้าสาวอยากได้อารมณ์เรียบหรูดูดีชุดสไตล์นี้ก็เป็นตัวเลือกที่ดีเช่นกันนะคะ


ชุดสไตล์วินเทจ

สำหรับว่าที่เจ้าสาวที่อยากได้ลุคสไตล์แบบย้อนยุคติดวินเทจหน่อยๆ แนะนำให้ลองหยิบจับกลิ่นอายของแฟชั่นในช่วงยุค 20s หรือ 30s มาเล่นกับลุคดูนะคะ เพราะนอกจากจะได้ความย้อนยุคที่ดูสง่างามแล้ว หากเลือกหยิบจับให้ดี งานนี้เจ้าสาวอาจจะได้ความโมเดิร์นมาด้วยนะ อย่างเช่น การเลือกความยาวของชุดแบบที-เล้นจ์ หรือช่วงเนคไลน์ที่สง่างาม เป็นต้น

ชุดแต่งงานสีนู้ด

หากชุดแต่งงานสีขาวไม่ใช่หมุดหมายที่สาวๆ ใฝ่ฝันไว้ เหล่าดีไซเนอร์ก็ได้สร้างสรรค์ชุดแต่งงานในเฉดสีต่างๆ ออกมารองรับและยังคงไว้ซึ่งความสวยงามในแบบฉบับเจ้าสาวได้อย่างไร้ที่ติ อย่างเช่น สีนู้ดที่ให้ความนุ่มนวลไม่ต่างจากสีขาว ซึ่งเฉดสีนี้ก็มีตั้งแต่สีเบจไลไปจนถึงเฉดสีบลัชให้เจ้าสาวได้เลือกให้เหมาะกับสไตล์และความมั่นใจของตัวเอง และแน่นอนชุดแต่งงานจะขาดดีเทลอย่างการเสริมด้วยผ้าทูลล์ที่ให้ลุคสวยหวานสง่างามสำหรับชุดแต่งงานได้เป็นอย่างดี


คุมโทนสีขาว-
ดำ

สำหรับว่าที่เจ้าสาวที่อย่าแตกต่างไม่ซ้ำใครและสร้างเอกลักษณ์ให้กับลุคของตัวเอง สีขาว-ดำเป็นอีกหนึ่งเฉดสีที่จะช่วยสร้างความสง่างามให่กับลุคของเจ้าสาวได้เป็นอย่างดี เพียงแค่เลือกแมตช์สองเฉดสีนี้เข้าด้วยกันรับรองว่าเจ้าสาวจะได้ลุคที่มีสไตล์แบบกาลเวลาฆ่าไม่ตาย ย้อนกลับมาดูภาพอีกทีเมื่อไหร่ก็ยังรู้สึกว่าเป็นเจ้าสาวที่ทันสมัยอยู่เสมอ แต่ก่อนที่จะเลือกเฉดสีดำมาแมตช์ในชุดแต่งงาน เจ้าสาวอาจจะต้องเคลียร์ใจกับผู้ใหญ่ให้ดีนะจ๊ะ ว่าท่านให้ผ่านหรือเปล่า ถ้าไม่, ก็หยิบมาใส่ในช่วงอาฟเตอร์ปาร์ตี้ก็ได้นะ


เดรสสั้นยุค 80s

แฟชั่น fall-winter นี้ได้หยิบเอาแฟชั่นในยุค 80s ที่มีเสน่ห์เย้ายวนใจให้กลับมาปรากฏบนรันเวย์อีกครั้งกับชุดเดรสสั้นที่มีดีเทลแบบไหล่ตั้ง หรือกิมมิกต่างๆ ที่แขนเสื้อ ไปจนถึงเนื้อผ้าที่ระยิบระยับจากเลื่อมแวววาว เอาเป็นว่าไม่ต้องบอกสาวๆ ก็น่าจะรู้ว่าชุดนี้ถ้าไม่ให้ใส่ในช่วงอาฟเตอร์ปาร์ตี้ถือว่าพลาดอย่างแรงส์


ต่างหูเพิ่มความโดดเด่น

เจ้าสาวสายแฟชั่นต้องฟังทางนี้ เพราะนี่ถือเป็นยุคของคุณจริงๆ บอกลาได้เลยค่ะกับการใส่ต่างหูสองข้างที่เหมือนกันๆ เพราะเทรนด์ตอนนี้คือความแตกต่าง แม้กระทั่งต่างหูทั้งสองข้างนั้นไม่ต้องเหมือนกันก็ได้ แถมยังช่วยให้เจ้าสาวดูโดดเด่นมากขึ้นอีกในชุดแต่งงาน โดยเจ้าสาวสามารถครีเอทลุคดังกล่าวได้ด้วยตัวเอง เช่น อาจจะเลือกใส่ต่างหูสุดปังเพียงแค่ข้างเดียว หรือจะเลือกเป็นสไตล์มิกซ์แอนด์แมตช์สองข้างที่ต่างกันก็ได้ ซึ่งถ้าหากคุณเป็นเจ้าสาวสายแฟชั่นก็อาจจะเลือกต่างหูที่มีความแวววาวสักหน่อย แต่ถ้าหากคุณต้องการลุคแบบอมตะก็ต้องไม่พลาดต่างหูมุก ส่วนเจ้าสาวสายหวานโรแมนติกก็ต้องเป็นต่างหูดอกไม้ ส่วนถ้าแต่งงานริมทะเลก็ต้องต่างหูเปลือกหอยไปเลยสิจ๊ะ


รองเท้าหัวตัด

เทรนด์ยุค 90s มาแรงขนาดนี้แล้วเจ้าสาวทันสมัยอย่างเราจะไม่เล่นกับความเป็นแฟชั่นได้ไง จริงไหม? เพราะฉะนั้นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจที่เจ้าสาวสามารถนำไปหยอดไว้ในลุคเจ้าสาวได้ก็คือ square-toe shoes หรือรองเท้าหัวตัดนั่นเอง แถมรองเท้าสไตล์นี้เจ้าสาวสามารถนำมาแมตช์ได้กับพิธีแต่งงานที่อาจจะเลือกใส่เป็นส้นสูง แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงอาฟเตอร์ปาร์ตี้ก็แค่เปลี่ยนเป็นส้นแบนเพื่อให้ง่ายต่อการแดนซ์นั่นเองค่ะ

อ่านบทความเพิ่มเติม

3 เทคนิคเลือกชุดแต่งงานเซ็กซี่ ให้เซ็กส์แอพพีลพุ่งแบบไม่โป๊

เทคนิคเลือกชุดแต่งงานให้เข้ากับรูปร่าง สวยด้วยแถมเป๊ะปั๊วะไปอีก

https://praewwedding.com/dresses-and-suits/bride/101397

ภาพ brides.com, pinterest

5 กุญแจสำคัญทำธุรกิจกับแฟนอย่างไรไม่ให้แตกหักรักต้องร้าว

อยากลงทุน ทำธุรกิจกับแฟน เพราะอยากสร้างเนื้อสร้างตัวไปด้วยกัน แต่หลายคนก็เตือนไว้ว่าอาจมีปัญหากันภายหลัง เพราะระหว่างทางต้องมีอุปสรรคมาให้ลองใจและท้าทายอีกเยอะ แต่อย่าเพิ่งถอดใจ เพราะที่จริงแล้วยังมีหนทางให้คุณลงทุนด้วยกันแบบไม่แตกหัก พร้อมแล้วมาจับมือเรียนรู้ไปด้วยกัน แพรวเวดดิ้งเลยมีข้อแนะนำจากผู้เชียวชาญทางด้านการลงทุนสำหรับคู่หนุ่มสาวที่อยากมีกิจการร่วมกัน เรื่องจะลงทุนด้วยกันอย่างไรไม่ให้ความสัมพันธ์แตกร้าวมาฝากกันค่ะ

1. ตกลงให้ชัดตั้งแต่เริ่มแรก

  • ส่วนของเงินทุน ได้แก่ ค่าสถานที่ พาหนะ และค่าแรง เช่น กรณีกู้ยืมมาลงทุน ให้ทำเป็นสัญญากู้ยืมเงิน และระบุว่าจะต้องจ่ายดอกเบี้ยกี่เปอร์เซ็นต์ จ่ายเงินต้นคืนอย่างไรไปเลย และค่าสถานที่ ก็ต้องมีค่าเช่า ที่ต้องจ่ายค่าเช่ารายเดือน หรือรายปี และส่วนของการลงแรงก็ควรจะเป็นการจ่ายค่าแรง เป็นเงินรายวัน รายเดือน การตกลงทุกอย่างที่ว่ามาควรจะเขียนให้ชัดเจนเป็นลายลักษณ์อักษร และให้ทุกฝ่ายเซ็นรับรู้ร่วมกัน เพื่อป้องกันการหลงลืม และถือปฏิบัติโดยยึดหนังสือที่ตกลงร่วมกันนี้เป็นหลัก
  • การแบ่งงาน คือ การแบ่งความรับผิดชอบว่าใครต้องทำหน้าที่อะไรบ้าง แต่ละคนก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเองไปโดยไม่ก้าวก่ายกัน ในการทำกิจการทั้งสองฝ่ายต่างอยู่ในสถานะเพื่อนร่วมงาน ไม่ใช่สถานะแฟน
  • อำนาจการตัดสินใจ เป็นหน้าที่อย่างหนึ่งของผู้บริหารกิจการ ที่ต้องเลือกทางใดทางหนึ่ง เพื่อให้กิจการดำเนินไปสู่เป้าหมาย เช่น หากทำธุรกิจด้วยกันกับแฟน ก็ต้องระบุให้แน่ชัดว่า หากมีเรื่องต้องตัดสินใจ จะให้ใครตัดสินใจ หรือต้องตัดสินใจร่วมกัน อาจจะแบ่งว่าถ้ามีเรื่องต้องตัดสินใจเกี่ยวกับสินค้า ให้ใครตัดสินใจ ถ้ามีเรื่องเกี่ยวกับลูกค้า ให้ใครตัดสินใจ
  • ผลประโยชน์ นอกเหนือจากการจ่ายคืนส่วนของทุนแล้ว เช่น จ่ายค่าสถานที่ ค่าพาหนะ ค่าจ้าง หรือเงินเดือนแล้ว ที่เหลือถือเป็นกำไร ต้องเขียนหนังสือตกลงกันไว้ว่าจะแบ่งกำไรกันอย่างไร ใครได้กี่เปอร์เซ็นต์ เช่น ตกลงว่ากำไรที่ได้มาให้แบ่งคนละ 40% ส่วนที่เหลือ 20% ไว้เป็นทุนในการต่อยอดกิจการ
  • กรณีขาดทุน หลายคู่อาจจะไม่คิดถึงเรื่องนี้ หรือไม่อยากพูดถึงก็ไม่รู้ แต่ถ้าอยากให้ความสัมพันธ์ดำเนินไปอย่างราบรื่น แม้กิจการจะไม่ราบรื่น ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำหนังสือไว้ให้ชัดเจนกับเรื่องนี้ เช่น หากขาดทุน จะทำอย่างไรกับส่วนของทุนที่ลงไป ตัวอย่าง กรณีทำร้านอาหาร จะมีทุนในส่วนของโต๊ะ เก้าอี้ อุปกรณ์จานชามต่าง ๆ อาจตกลงกันว่าจะเซ้งหรือขายปลีกไป เมื่อได้เงินมาจะแบ่งคืนให้คนละครึ่ง

 

2. เลือกประเภทการจดทะเบียนพาณิชย์ แบ่งเป็น 3 ประเภทหลักๆ คือ

  • ร้านค้า (บุคคลธรรมดา) ที่ใช้ชื่อคนเดียวก็จดทะเบียนแบบนี้ได้ ซึ่งต้องระวังหากจะจดกิจการเป็นประเภทนี้ เพราะแม้จะเป็นที่รู้กันว่าเป็นกิจการของทั้งสองคน แต่ในทางกฎหมายแล้วกิจการนี้เป็นของบุคคลผู้จดทะเบียนคนเดียวเท่านั้น อาจจะเกิดปัญหาในการใช้อำนาจการตัดสินใจได้
  • ห้างหุ้นส่วนจำกัด (นิติบุคคล) ประเภทนี้ต้องมีหุ้นส่วนอย่างน้อย 2 คนขึ้นไปค่ะ การจดทะเบียนพาณิชย์แบบนี้สามารถใช้ชื่อคุณกับแฟนได้เลย โดยที่การกระทำการใด ๆ ในกิจการจะต้องผ่านการเห็นชอบจากคนที่เป็นหุ้นส่วนด้วย แบบนี้จะดีเพราะไม่ว่าตัดสินใจอะไรก็จะรับรู้กันทั้งสองฝ่าย
  • บริษัทจำกัด (นิติบุคคล) ต้องมีหุ้นส่วนอย่างน้อย 3 คนขึ้นไป แสดงว่ากิจการที่จะทำนี้ต้องมีชื่อคนอื่นมาร่วมด้วย นอกจากคุณกับแฟน การจดทะเบียนพาณิชย์แบบนี้ขึ้นอยู่กับว่าจะแต่งตั้งให้ใครเป็นผู้บริหารและมีอำนาจในการตัดสินใจในกิจกรรมอะไรบ้าง 

 

3. เคารพในสิทธิของแต่ละคน

หากตกลงเรื่องต่าง ๆ ชัดเจนแล้ว ต่อไปคือเรื่องการนำไปปฏิบัติจริง สิ่งที่ควรทำและต้องทำ คือ ยึดถือปฏิบัติตามข้อตกลงในหนังสือหรือสัญญาอย่างเคร่งครัด จะทำให้แต่ละคนไม่หลงทาง ไม่หลงหน้าที่ แม้กิจการจะดำเนินไปแบบไม่มีกำไร หรือต้องปิดตัวลง มันก็ยังจะมีแนวทางเดินของมันตามข้อตกลงที่คุยกันไว้ตั้งแต่ตอนแรก โดยที่แต่ละคนไม่สามารถบิดพลิ้วไปจากข้อตกลงนี้ได้ ซึ่งจะทำให้ความสัมพันธ์ฉันคนรักยังคงเดิม ความเป็นเพื่อนยังคงอยู่ ปัญหาการแตกหักรักร้าวไม่มีอีกต่อไป

 

4. อย่าเอาเรื่องงานไปปนกับเรื่องส่วนตัว

แม้จะมีหนังสือสัญญาและข้อตกลงแล้ว แต่ยังมีอีกเรื่องที่สร้างปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับแฟนได้ นั่นก็คือการเอาเรื่องงานไปปนกับเรื่องส่วนตัว การทำหน้าที่ในกิจการอาจจะเจอเรื่องสะดุด เจอปัญหาอุปสรรคซึ่งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้วันวันหนึ่งอารมณ์ของแต่ละคนอาจจะไม่ดีบ้าง พาลไปทำให้เกิดอาการหงุดหงิด และจะพาลไปที่เรื่องส่วนตัว ข้อควรกระทำอย่างหนึ่งที่ต้องจำไว้ คือ การบริหารกิจการนั้น คุณกับแฟนไม่ได้เป็นอะไรกัน นอกเสียจากเพื่อนร่วมงาน อย่าได้นำเอาความสัมพันธ์ส่วนตัวมายุ่งเกี่ยวด้วย เพราะนอกจากจะทำให้การตัดสินใจยุ่งยากแล้ว ยังสร้างปัญหาความสัมพันธ์ของคุณและแฟน นำไปสู่การแตกหักได้

 

5. อย่าให้บุคคลที่สามเข้ามายุ่งเกี่ยว

หลายเคสที่กิจการต้องยุติลง เพราะมีคนอื่นเข้ามายุ่งเกี่ยว หรือเข้ามามีส่วนช่วยในการตัดสินใจ เป็นต้นว่า มีพ่อแม่แฟนเข้ามามีส่วนในการตัดสินใจของแฟน เรียกว่าเมื่อต้องตัดสินใจเรื่องสำคัญต้องหันไปถามพ่อแม่ทุกครั้ง แบบนี้จะทำให้เกิดความยุ่งยากในการตัดสินใจได้ และหากบุคคลที่สามนั้นเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องที่สำคัญ ๆ บ่อย ๆ เมื่อนั้นจะเกิดความเคลือบแคลงใจระหว่างคุณกับแฟน และความสัมพันธ์ร้าวฉานก็อาจเกิดขึ้นได้นะคะ

ไม่ง่ายเลยใช่ไหมคะ สำหรับการร่วมลงทุนทำกิจการอะไรสักอย่างกับคนรัก ดังนั้น หากจะร่วมลงทุนอะไรกัน จงรอบคอบตั้งแต่เริ่มต้น ยิ่งถ้าคุณเป็นมือใหม่หัดลงทุน ยิ่งต้องลองศึกษาให้เข้าใจ เพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่ดีไว้ได้นานที่สุดนะคะ

อ่านบทความเพิ่มเติม

มีลูก กันเถอะ! คำชวนทำเอาอีกฝ่ายอึดอัด คู่ไหนยังเคลียร์เรื่องนี้ไม่ได้ มาดูทางออกเรื่องนี้กัน

สารพัดเรื่องที่บุพการีและญาติผู้ใหญ่ควรรู้เมื่อลูกหลานจะแต่งงาน

https://praewwedding.com/love-and-relationships/sex-and-relationship/63430

ข้อมูลโดย : Krungsri Guru, time.com/money