ความเชื่อของชาวยุโรป-อเมริกา
แม้ในปัจจุบันชาวยุโรปและอเมริกาจะไม่ค่อยมีความเชื่อเรื่องโชคลางและตัวเลขเท่าไรนัก แต่ในสมัยก่อนความเชื่อเรื่องตัวเลขก็เป็นที่นิยม เนื่องจากตำนานต่างๆ ที่เล่าต่อกันมาส่วนใหญ่มีความเกี่ยวข้องกับตัวเลข จึงเกิดเป็นความเชื่อในสมัยนั้น เมื่อกาลเวลาล่วงเลยมา ความเจริญเข้ามาแทนที่ ความเชื่อก็ค่อยๆ จางไป แต่ก็ไม่ได้หายเงียบกริบอะไรขนาดนั้นนะคะ คุณก็อาจยังพอได้ยินเรื่องตัวเลขแห่งความอับโชคของชาวยุโรปกันมาบ้าง งั้นมาดูกันดีกว่าว่ามีเลขอะไรนำโชคและเลขที่คุณคิดอยู่ในใจจะเป็นเลขอับโชคตามความเชื่อของพวกเขาไหมนะ
เลขมงคล
- 7 เป็นเลขที่เกี่ยวข้องกับความรักตามแบบของฝรั่ง ในทฤษฎี Seven year itch ที่เล่ากันว่า หากใครที่เป็นแฟนกันแล้ว 7 ปี หากยังไม่แต่งงานใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน จะต้องมีเหตุให้เลิกรากันไป เอ๊ะ? แล้วมันนำโชคยังไงล่ะเนี่ย คิดว่าคงเหมือนกับการเตือนใจให้รีบแต่งงานก่อนคบกันมาตั้ง 7 ปีมั้งคะ ฮ่าๆ นอกจากนี้เลขเจ็ดของฝรั่ง ยังถือเป็นเลขศักดิ์สิทธิ์ มีอำนาจพิเศษ เรียกโชคลาภได้ ยิ่งถ้าหากมีเลขเจ็ดหลายๆ ตัวก็จะทำให้เกิดความโชคดีขึ้นไปอีก
เลขที่ไม่เป็นมงคล
- 6 ฝรั่งเชื่อกันว่าเป็นตัวเลขอาถรรพ์ จะทำให้นอกลู่นอกรอย เกิดความวิตถาร ประหลาดผิดเพี้ยน…ไม่รู้จักกาลเทศะ วาจาพิกลพิการฟังไม่รู้ความ จิตใจหยาบกระด้างไม่มีเมตตาข้าทาสบริวาร… เอ้ย! กลับมาค่ะกลับมา ฮ่าๆ โดยรวมก็คือ เป็นเลขแห่งซาตาน เวลาออกเสียงเลขหกในภาษาอังกฤษ คือ ซิค (Six) ใช่ไหมคะ ทีนี้ก็ดันไปพ้องกับคำว่า Sick ที่แปลว่าเจ็บป่วยไม่สบายก็เลยไม่เป็นมงคลนั่นเอง
- 13 หมายเลขห้องตามโรงแรมและชั้นที่มีตึกสูงๆ จะข้ามเลข 13 ไป เพราะเลขสิบสามเชื่อว่าเป็นเลขที่ไม่ดี อย่างวันที่ 13 ตรงกับวันศุกร์ จะถือเป็นวันที่โชคร้ายที่สุด ชาวคริสต์เชื่อว่า เลข 13 เป็นเลขอัปมงคล เนื่องจากเป็นอาหารมื้อสุดท้ายของพระเยซูคริสต์ ที่เรียกกันว่า The last Supper ซึ่งมีสาวกร่วมโต๊ะกับพระองค์รวม 13 คน และยังมีความเชื่อที่ว่า วันศุกร์เป็นวันโชคร้าย เพราะเป็นวันที่พระเยซูคริสต์ถูกตรึงกางเขน รวมไปถึงเป็นวันที่ อดัมกับอีฟละเมิดกัดแอปเปิ้ลต้องห้ามของพระผู้เป็นเจ้า จนต้องถูกขับไล่ในที่สุด
ใครที่กำลังจะแต่งงานกับคนต่างชาติ หรือสัญชาติไหนก็ตาม ลองนำความเชื่อเรื่องตัวเลขที่เรานำเสนอมาไปปรับใช้ในงานพิธีแต่งงานของคุณกันดูนะคะ แต่ต้องไม่ให้เกิดความลำบากหรือใครเดือดร้อนนะคะ เชื่อแต่พอดี เชื่อให้คุณสบายใจขึ้น แค่นี้งานแต่งงานของคุณก็เป็นงานแต่งงานในฝันได้แล้ว:) เมื่อรู้เรื่องตัวเลขไปและจะนำมาใช้เรื่องฤกษ์ยามในการแต่งงานก็สามารถ วางฤกษ์แต่งงานด้วยตัวเองก็ได้ ไม่เห็นจะยาก! เลยเนอะ
Credit story : webtabien.com
Credit photo : want2beaphotographer.blogspot.com, pinterest.com