ทรงผมเจ้าสาวสไตล์ Bun แบบมินิมอล จะแต่งปีไหนก็ทำได้ไม่มีเอ๊าต์

Best Bridal Bun ทรงผมเจ้าสาว สุดคลาสสิค

บ่อยครั้งที่เราเห็นภาพแต่งงานเก่าๆ ของหลายคนแล้วเผลอรำพึงว่า เธอไม่น่าพลาดเลือกทรงผมแบบนี้ในวันสำคัญเล้ย!!! เพราะความเยอะแยะรุงรังห้อยย้อยนั้น ย้อนกลับมาดูอีกครั้งทำไมมันช่างดูทั้งเอ๊าต์ทั้งแย่งซีนความสวยของเจ้าสาวจนแอบเสียดายโมเมนต์ดีๆ แทน – เรื่อง Padcha_Praewnista

สำหรับเจ้าสาวที่มีช่วงคอเรียวยาวสวยระหง ช่วงไหล่ที่น่ามองอยู่แล้ว ทรงผมมวยหรือที่เรียกว่าการเกล้าบันนี่แหละสวยส่งเสริมยิ่ง เพราะจะทำให้ช่วงคอดูโปร่ง เพรียว เหมือนน้ำหนักหายไปหลายกิโล

ดีเทลของผมมวยมีหลากหลาย ทั้งเกล้าสูงและต่ำ ความเยอะมีมากน้อยต่างกัน ทั้งมวยเรียบตึงเป็นลูกกลมเนี้ยบ มีสไตล์เป็นมินิมัลชัดเจน ผมมวยแบบลูกจันทน์บิดเป็นเกลียวมีรูตรงกลางเหมือนโดนัท ไปจนถึงมวยกึ่งเปียหากชอบสไตล์ที่มีดีเทลเพิ่มขึ้นไปอีก

TIPS & TRICKS
ทิปส์ในการเลือกมวยผมให้เหมาะสมอยู่ที่ระดับความสูงต่ำของมวยเป็นสำคัญ สาวรูปหน้ายาวแบบที่มีหน้าผากกว้างหรือมีคางยาวกว่าปกติไม่ควรเลือกมวยสูง และไม่ต้องยกโคน ไม่ยีฟูเพราะจะทำให้รูปหน้ายิ่งดูยาวผิดสัดส่วน ควรเลือกมวยต่ำหวีเรียบแล้วค่อยมาใส่ดีเทลที่เครื่องประดับผมจะดูเก๋เข้ากับรูปหน้าได้ดีกว่า

Perfect Pairing

Bun Hairstyle + Stud Earrings

ทรงผมเจ้าสาว

ไม่ถึงกับเป็นกฎเหล็ก แต่ผมบันกับต่างหูแบบติดหูหรือห้อยลงมาเพียงสั้นๆ ดึงดูดความสนใจไปที่ช่วงคอ ดูคลาสสิกปนเซ็กซี่ สวย รอดง่าย

Bun Hairstyle + Hairpin

ทรงผมเจ้าสาว

มวยเรียบสวยจะดูเก๋แถมไม่เสียคอนเซ็ปต์ความมินิมัลได้ด้วยปิ่นมุกลายดาวหรือดอกไม้เล็กๆ แต่งลงไปแค่ 2 – 3 อัน เพิ่มดีเทลความน่าสนใจ
ให้ผมมวยเรียบๆ ได้เยอะเชียว

Bun Hairstyle + Ribbon

ทรงผมเจ้าสาว

หากต้องการให้ทรงผมเรียบหรูดูโรแมนติกขึ้นลองจับคู่ผมมวยกับโบทั้งเส้นเล็กเส้นใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการร้อยถักโบเข้าไปในเปียแล้วขมวดให้เป็นมวย หรือเกล้ามวยเรียบแล้วผูกโบเส้นเล็กทิ้งหางยาว ใส่กับชุดเจ้าสาวแบบเปิดหลังแล้วสวยน่ามองสุดๆ

Bun Hairstyle + Crown/Headband

ทรงผมเจ้าสาว

เติมความสง่างามให้ผมมวยต่ำด้วยมงกุฎทรงเตี้ยกำลังน่ารัก อย่างที่นางเอกเอมมี่ รอสซัม เคยใส่ไปเฉิดฉายบนพรมแดง หรือที่คาดผมมุกแสนสวยรับกับผมแสกกลางช่วยเน้นกรอบหน้าให้เด่นสมเป็นวันสำคัญ

Bride in Focus

Miranda Kerr

นางฟ้ามิแรนด้างามสุดๆ กับลุคเจ้าสาวผมมวยต่ำแสกกลางจับคู่กับที่คาดผมดอกไม้อันโต รับกับชุดเจ้าสาวผ้าไหมเรียบหรู แต่ไม่ถึงกับดูเป็นทางการจนเกินไป

ทรงผมเจ้าสาว

Hailey Baldwin

เจ้าสาวของหนุ่มจัสติน บีเบอร์ เลือกผมบันเกล้าต่ำแสกกลางมาจับคู่กับชุดเจ้าสาวเปิดไหล่ ติดเวลเจ้าสาวด้านหลังปุ๊บก็สวยครบพร้อมเข้าพิธี

STAR in FOCUS

ถามว่าสาวฮอลลีวู้ดคนไหนสไตลลิ่งผมเกล้าบันได้งดงามหลากหลาย สมควรแก่การให้เจ้าสาวได้จำไว้ใช้มากที่สุด ต้องยกให้แอล แฟนนิ่ง ด้วยบทบาทเจ้าหญิงออโรร่าที่ฮิตยาวนาน มีรอบกาล่าหลายรอบหลายภาคให้น้องแอลได้โชว์ทรงผมเกล้ามวยสไตล์โรแมนติกอยู่บ่อยครั้ง

ทั้งมวยเกล้าสูงติดช่อดอกไม้แห้งทิ้งโบหางยาวในตำนาน สู่มวยสูงกับที่คาดผมเพชรจากแบรนด์ MIU MIU มวยเรียบจับค่กับต่างหูอันใหญ่เบิ้ม มวยต่ำแสกข้างติดเครื่องประดับเพชรที่ล้วนสวยโรแมนติกชวนตะลึง เหล่านี้ต้องชี้เป้าว่าเหมาะกับความเป็นเจ้าสาวแบบสุดๆ

อ่านบทความเพิ่มเติม

มิกซ์ให้แมทช์ทรงผมเจ้าสาวกับชุดแต่งงานในฝัน สวยเป๊ะทุกองศา

รวม 20 แบบ ผมเจ้าสาว เกล้ามวย สำหรับเจ้าสาวทุกลุคแบบจัดเต็ม!

15 สไตล์ผมเจ้าสาว ตั้งแต่ผมสั้นไปจนถึงผมสั้นมากของเจ้าสาวตัวจริง

ชุดแต่งงานไทยประยุกต์ จาก 2 ร้านชุดแต่งงาน ตอบโจทย์ทั้งสไตล์และบัดเจ็ต

ชุดแต่งงานไทยประยุกต์ คืออีกหนึ่งชุดไทยที่บรรดาเจ้าสาวสมัยใหม่ให้ความสนใจ ด้วยดีไซน์ที่เก๋ โดดเด่น อีกทั้งยังสวมใส่ง่ายกว่าชุดไทยพระราชนิยมแบบปกติ ทำให้ได้ชุดไทยแบบผสมผสานกับความเป็นโมเดิร์นที่สวยงาม คล่องตัว ตอบสนองการใช้งานในพิธีต่างๆ บางชุดยังได้รับการออกแบบให้สามารถปรับเปลี่ยนนำไปใช้ได้หลายงาน แพรว wedding จึงขอพาไปชมชุดไทยประยุกต์จากแบรนด์ต่างๆ ที่เต็มไปด้วยรายละเอียดอันงดงาม – เรื่อง : Tomalin

VANUS FIRST

“คุณสรรค์ สุดเกตุ” แห่ง Vanus Couture ผู้อยู่เบื้องหลังการสร้างสรรค์ชุดแต่งงานสุดวิจิตรทั้งแบบไทยและแบบตะวันตก เปิดแบรนด์ใหม่สุดพรีเมียมในนาม Vanus First เพื่อเสิร์ฟความพิเศษแบบ Customized ให้กับลูกค้าโดยเฉพาะ ดังเช่นชุดไทยประยุกต์สุดหรูหราเปี่ยมดีเทล

ชุดแรกโดดเด่นด้วยท่อนบนปักประดับคริสตัลระยิบระยับ ผ้านุ่งลวดลายโบราณและกระโปรงด้านหลังยาวฟูฟ่อง คุณสรรค์เล่าถึงที่มาว่า “โจทย์ของชุดนี้คือต้องเป็นชุดไทยที่เซ็กซี่มีความซีทรู เพราะเจ้าสาวเซ็กซี่มาก ต้องบอกว่าเจ้าสาวเป็นคนรุ่นใหม่ที่แต่งงานกับคนต่างชาติ
จึงอยากให้เจ้าบ่าวได้เห็นความเป็นไทยบ้าง แต่ก็ไม่อยากให้ดูไทยจ๋ามาก ขณะเดียวกันในงานก็มีผู้ใหญ่เยอะทำอย่างไรให้มีความเป็นไทย แต่เซ็กซี่และไม่โป๊ ผมจึงออกแบบให้เป็นชุดไทยประยุกต์ที่สามารถใส่เป็นชุดราตรีได้ด้วย มีส่วนผสมของความเป็นสากลเบาๆ จากกระโปรงฟูฟ่อง
ที่สวมทับผ้านุ่ง จุดเด่นอยู่ที่ท่อนบนซึ่งประยุกต์มาจากชุดไทยจักรีที่ห่มสไบ แต่เป็นซีทรูทั้งหมด ซึ่งเมื่อสวมใส่แล้วจะเห็นเนื้อผิวเบาๆ แต่ไม่โป๊ เพราะเราปักคริสตัลกับปิดด้วยสไบโปร่งใสปักประดับอีกชั้นช่วยให้ดูเรียบร้อยขึ้น

ชุดแต่งงานไทยประยุกต์

“โดยตัวเสื้อกับสไบเป็นงานปักมือทั้งหมดจนออกมาเป็นลวดลายลูกไม้ ซึ่งผมได้แรงบันดาลใจมาจากการเดินชมงานศิลปะตามพิพิธภัณฑ์ต่างๆ เราใช้ทั้งเลื่อมขาว เลื่อมแบบใส และคริสตัลหลากหลายรูปทรงทั้งเหลี่ยมและกลม เพื่อให้เกิดลวดลายที่มีน้ำหนักและมิติ ไม่แบน ส่วนท่อนล่างเป็นผ้านุ่งทำจากผ้าไหมยกใหญ่สอดดิ้นเงินของลำพูน (ยกใหญ่คือลักษณะวิธีการทอไหม จะมีเชิงที่หัวและท้ายผ้า ลายจะประณีตและสวยกว่ายกเล็กที่มีเชิงอยู่ด้านเดียว) ซึ่งได้รับตรานกยูงพระราชทาน และได้ขึ้นทะเบียนของกรมหม่อนไหม โดยปักประดับเลื่อมและคริสตัลเป็นลวด
ลายวนัชหรือลายดอกบัวที่หน้านางกับชายกระโปรง ส่วนที่เหลือเว้นโล่งไว้เพื่อชูลวดลายของผ้ายกให้โดดเด่น แล้วเติมกระโปรงหางปลาทำจากผ้าทูล (tulle) เข้าไป ซึ่งกระโปรงนี้สามารถปลดออกได้เพื่อให้เหลือแต่ผ้านุ่งเดี่ยวๆ สำหรับงานเช้า แล้วค่อยใส่ตัวกระโปรงฟูๆ เข้าไปสำหรับงานเลี้ยงฉลอง ชุดนี้ใส่ได้เช้าถึงเย็นเลย

ชุดแต่งงานไทยประยุกต์

ชุดแต่งงานไทยประยุกต์

“เนื่องจากชุดนี้มีการปักประดับค่อนข้างเยอะแล้ว เวลาใส่จริง ผมแนะนำให้เจ้าสาวลดทอนเครื่องประดับลงหน่อย เหลือแค่เข็มขัดกับต่างหูก็พอ อย่างเข็มขัดที่นำมาวันนี้เป็นเครื่องประดับของอาจารย์ไพโรจน์ สืบสาม เรียกว่าเป็นงานชั้นครูซึ่งหากเจ้าสาวคนไหนอยากได้เครื่องประดับพิเศษเพิ่ม เราก็สามารถยืมงานอาจารย์มาให้ได้ครับ

“ส่วนอีกชุดเป็นชุดในจินตนาการของผมเอง ใช้ผ้าลูกไม้ฝรั่งเศสแล้วนำมาปักประดับเพิ่ม โดยออกแบบด้านล่างให้เป็นเหมือนผ้านุ่งที่มีจีบหน้านางและใส่เข็มขัดแบบไทย ไอเดียมาจากนางฟ้าแบบฝรั่งผสมกับเทพธิดาของไทย อย่างท่อนบน ถ้าตามเทพนิยายกรีก นางฟ้าก็ต้องมีปีกจึงเลือกใช้ขนนกมาเป็นจุดเด่นของชุด โดยทำเป็นชุดคอวีลึกแขนกุดประดับขนนกกระจอกเทศเพื่อปิดช่วงส่วนเกินตรงต้นแขน ตอบโจทย์เจ้าสาวที่ไม่มั่นใจบางจุด กลัวอ้วนหรือกลัวโป๊ ชุดนี้ท่อนบนเป็นซีทรู แต่เวลาใส่จริงมีซับในสีนู้ดที่เราคัดผ้าให้เป็นเฉดสีเดียวกับผิวเลย ถ้ากลัวโป๊ก็สามารถทำซับในเป็นแบบเกาะอกได้ เพราะชุดนี้คอค่อนข้างลึก

ชุดแต่งงานไทยประยุกต์

“ส่วนกระโปรงทำเป็นทรงผ้านุ่ง แต่ชายเป็นแบบเมอร์เมด โดยคงซิกเนเจอร์แบบไทยไว้ คือหน้านางกับการปักลายแบบไทย โดยการเซาะลูกไม้
มาวางแล้วปักทับให้มีเอฟเฟ็กต์มีมิติ ดูรวมๆ แล้วชุดนี้ก็เป็นเหมือนนางฟ้านางสวรรค์

“ยุคนี้สัดส่วนของเจ้าสาวที่เลือกชุดไทยประยุกต์ใกล้เคียงกับชุดไทยพระราชนิยมนะครับ ส่วนใหญ่เป็นเจ้าสาวสมัยใหม่ อยากได้ความมินิมัล
หรือโมเดิร์นหน่อย ให้มีส่วนผสมที่ไม่ดูเป็นไทยจัดๆ หรือบางกลุ่มก็ต้องการให้ไปได้ถึงสองประเพณี เช่น ไทยบวกจีน คือจัดงานไทยแล้วอาจต่อด้วยยกน้ำชา ดังนั้นชุดไทยประยุกต์จะตอบโจทย์คนที่ต้องการความยืดหยุ่นพอสมควร ส่วนเจ้าสาว ผมแนะนำว่าควรมาคุยกันและมาลองชุดก่อน ส่วนใหญ่เจ้าสาวจะคิดมาแล้วว่าอยากได้ชุดแบบไหน แต่หลายครั้งก็มาเปลี่ยนหน้างานหลังจากได้ลองชุดแล้ว เพราะจะเห็นเลยว่าแบบไหนที่ใส่แล้วดูสวยโปร่ง เพรียวบาง หรือช่วยปกปิดจุดบกพร่องเสริมความมั่นใจ แต่หลักๆ ที่ต้องตกลงกันเลยคือ ชุดของเราจะมีสัดส่วนความเป็นวนัชอยู่ที่ 60 – 70 เปอร์เซ็นต์ และมีความเป็นตัวเจ้าสาวอยู่ 30 – 40 เปอร์เซ็นต์ เพราะการที่เขาเลือกแบรนด์เรา แปลว่าเขาชอบงานเราแล้ว ที่เหลือคือเราต้องประยุกต์ให้เข้ากับเขา

“จุดเด่นของแบรนด์เราที่ทำให้ลูกค้าชอบคือ เราพิถีพิถันกับวัตถุดิบ โดยเฉพาะแบรนด์วนัช เฟิร์ส ซึ่งแตกต่างจากวนัชกูตูร์ตรงที่มีการดูแลลูกค้า
แบบให้ความเป็นส่วนตัวมากกว่า และเลือกใช้วัตถุดิบพรีเมี่ยมมากๆ ลูกค้าสามารถเลือกวัสดุที่จะนำมาใช้ได้หมดเลย อย่างสมมติผ้าไทยเราก็
จะใช้ผ้าไทยจริงๆ อย่างไหมแพรวา ไหมลำพูน ไหมปักธงชัย ซึ่งเวลาสวมใส่แล้วจะเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน เพราะเวลาไหมสะท้อนแสง
จะแวววาวแบบเป็นธรรมชาติ ไม่วิบวับเหมือนผ้าพอลิเอสเตอร์ โดยลูกค้าสามารถเลือกได้ตั้งแต่เส้นไหมว่าจะใช้ไหมแบบไหน เรามีตัวอย่างผ้ามาให้เลย รวมไปถึงลวดลายที่จะทอ ซึ่งเราจะส่งขึ้นทะเบียนที่กรมหม่อนไหมให้ด้วยว่าจะตั้งชื่อลายว่าอะไร เพราะเราออกแบบให้คุณโดยเฉพาะ เช่นเดียวกับตัวคริสตัล ถ้าเป็นลูกค้า Customized เราจะมีชาร์ตให้เลือกจากสวารอฟสกี้เลยว่า อยากใช้นัมเบอร์อะไร รูปทรงไหน เพื่อสร้างเป็น
กิมมิกแต่ละคนไม่ให้เหมือนกัน นอกจากนี้ผมยังบินไปต่างประเทศเพื่อคัดลูกไม้และวัสดุต่างๆ เอง เพราะอยากให้แต่ละชุดมีความเฉพาะตัวชนิดที่หาไม่ได้อีกแล้ว ต่อให้มีชุดที่คล้ายแต่ก็แค่ใกล้เคียง รายละเอียดจะไม่เหมือนกัน จึงชื่นใจทุกครั้งเวลาลูกค้ามีฟีดแบ็กกลับมาว่าชุดของเราแตกต่างไม่เหมือนใคร

“แบบดูก็รู้ว่านี่แหละ Vanus”

ภาพ : อิทธิศักดิ์ ผู้ช่วยช่างภาพ : ณรงศักดิ์ บำรุงกิจ

 

CHAONANG WEDDING

“เจ้านาง เวดดิ้ง” กำลังเป็นที่นิยมในหมู่เจ้าสาวรุ่นใหม่ ด้วยงานที่พิถีพิถัน ใส่ใจในรายละเอียด เอาใจใส่และเข้าใจความต้องการของลูกค้าทำให้ได้ผลงานที่สวยงามโดดเด่น และเข้ากับตัวตนของเจ้าสาว

สำหรับชุดไทยประยุกต์ที่ทางร้านนำมาให้ชมวันนี้ คุณก้อย – ดาริษา รัตนธนาภัทร์ ได้ร่วมออกแบบกับทีมช่างขึ้นมาเป็นพิเศษให้ชุดเดียวสามารถนำไปปรับใช้ได้ถึง 3 แบบ สำหรับพิธีไทยในช่วงเช้า งานเลี้ยงตอนค่ำ ไปจนถึงอาฟเตอร์ปาร์ตี้กันเลยทีเดียว เริ่มกันที่ชุดไทยในช่วงพิธีการ คุณก้อยเล่าว่า “เนื่องจากปัจจุบันรูปแบบการแต่งงานเปลี่ยนไปพิธีการค่อนข้างสั้น กระชับ โจทย์ของเราคือทำชุดไทยประยุกต์ที่สามารถใส่ได้ง่าย จึงออกแบบชุดที่มีคัตติ้งเรียบโก้สไตล์มินิมัลและสามารถปรับเปลี่ยนไปใช้ในงานกลางคืนต่อได้อย่างรวดเร็วทันเวลา ลดขั้นตอนการหาชุดและเวลาแต่งตัวของเจ้าสาว แต่คงรายละเอียดชุดไทยและงานเลี้ยงฉลองไว้อย่างครบถ้วนด้วยการผสมผสานผ้าลูกไม้และลายปักให้ดูทันสมัย

ชุดแต่งงานไทยประยุกต์

“โดยชุดนี้ประยุกต์มาจากชุดไทยจักรีที่มีการห่มสไบ โดยออกแบบให้ด้านในเป็นจั๊มป์สูท (เสื้อ – กางเกงติดกัน) ไหล่เดี่ยว แล้วสวมทับด้วยซิ่นสำเร็จที่มีจีบหน้านางและชายหางปลา ติดซิปด้านหลัง สวมใส่ได้ง่าย แล้วห่มทับด้วยสไบซึ่งอาจทำเป็นกระดุมแป๊กติดไว้เพื่อให้เจ้าสาวสวมใส่
เองได้ แต่หากอยากให้ออกมาดูเนียนหน่อยอาจต้องใช้วิธีเย็บสด ซึ่งไม่ยากค่ะ เราจะตามไปทำให้ในวันงาน

“จุดเด่นของชุดอยู่ที่ลวดลายปักซึ่งเราดีไซน์ขึ้นมาเอง ทุกครั้งที่ทำงานเราจะดีไซน์ลายใหม่หมดและเป็นงานปักมือทั้งสิ้น อย่างลายปักบริเวณจีบหน้านางเป็นลวดลายช่อดอกทานตะวัน แทนสัญลักษณ์ของแสงสว่างในยามรุ่งอรุณซึ่งเป็นช่วงเวลาจัดพิธีไทย เพื่อเพิ่มพลังและเป็นมงคลในชีวิต สำหรับลายปักบนสไบนั้นเป็นลายปักลูกไม้ที่ม้วนเป็นเกลียวเถาวัลย์เลื้อยสลับกันไปสื่อถึงรักกันกลมเกลียว ลายเถาวัลย์นี้ยังพาดผ่านต่อเนื่องยาวไปถึงด้านหลังของสไบสื่อถึงความรักที่ยืนยาว ส่วนลายปักรูปดอกไม้บานก็เปรียบเสมือนความรักที่เบ่งบาน ทุกอย่างมีความหมายหมดค่ะ

“ในเรื่องของเนื้อผ้า ชุดนี้เราเลือกผ้าไหมมิคคาโด้สีขาวออฟไวท์มาทำเป็นจั๊มป์สูทและกระโปรงซิ่นให้ความหรูหราเล็กๆ ได้อารมณ์เหมือนชุดราตรี เพราะเป็นชุดไทยในสไตล์โมเดิร์นมาก ๆ แต่เจ้าสาวต้องผิวขาวหน่อยจึงจะใส่สีออฟไวท์แล้วสวย ถ้าผิวสองสี ผิวคล้ำ อาจต้องเปลี่ยนเป็นโทนสีทองหรือชมพูกลีบบัวจะช่วยขับผิวให้สว่างขึ้น ส่วนสไบทำจากผ้ากึ่งไหมที่มีลายแวววาวอยู่ในตัว เวลาโดนแสงสไบจะดูมีเลเยอร์เด่นออกมาจากตัวชุดเลยค่ะ

“พอถึงช่วงงานกลางคืน เราก็แค่ถอดผ้าซิ่นและปลดสไบออก เหลือแค่ตัวจั๊มป์สูท แล้วสวมเสื้อลูกไม้ปักเลื่อมระยิบระยับเข้าไปเพื่อเพิ่มจุดเด่น
ให้เจ้าสาวในยามค่ำคืน คอเสื้อเป็นคอตั้งปักมุกเพื่อให้เรียบหรูดูแพงด้านหลังเสื้อจะมีกระดุมลายดอกกุหลาบประดับเพชรซึ่งเป็นซิกเนเจอร์
ของร้าน ส่วนท่อนล่างมีกางเกงจั๊มป์สูทที่ปักชายกางเกงเป็นลายเถาไม้ขึ้นมาเพื่อให้รับกับความแวววาวของตัวเสื้อ และมีกระโปรงทำจากผ้าออร์แกนดี้ต่อด้านหลัง (ใช้ตะขอเกี่ยว) ให้มีความหวานขึ้น เราเลี่ยงไม่ปักที่ตัวกระโปรงเพราะเดี๋ยวจะดูทึบและแน่นเกินไป หลังจบงานเลี้ยงฉลองแต่งงานแล้วพอเข้าสู่อาฟเตอร์ปาร์ตี้ก็ถอดกระโปรงออก ใส่แต่เสื้อลูกไม้กับจั๊มป์สูท หรือจะถอดเสื้อลูกไม้ออกเหลือแค่จั๊มป์สูทเรียบๆ ตัวเดียวก็ได้ คล่องตัว เท่ๆ ไปอีกแบบ แด๊นซ์ได้ทั้งคืน

“สรุปว่าตอนค่ำ ชุดนี้จะมีทั้งหมด 3 ชิ้น คือ จั๊มป์สูท เสื้อลูกไม้ และกระโปรง ซึ่งลูกค้าสามารถนำบางชิ้นไปใช้ต่อในงานอื่นได้ ที่ผ่านมาเคยทำให้เจ้าสาวบางคนในลักษณะใกล้ๆ กันนี้มาแล้ว คือทำแยกเป็นชิ้นๆ ปรากฏเขานำเสื้อไปใช้ในงานเลี้ยงบริษัท กระโปรงก็นำไปใส่ในงานอื่นได้ เป็นชุดแต่งงานที่ไม่ได้ใช้ครั้งเดียวจบ ลูกค้าแฮ็ปปี้มากค่ะ ดังนั้นความต้องการของลูกค้าจึงเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญมาก หรือถ้ามีบัด
เจ็ตมาแล้วก็มาคุยกันได้ เพราะด้วยภาวะเศรษฐกิจทุกวันนี้ เราเข้าใจ ก็จะคุยกับลูกค้าตรงๆ เช่น ถ้ามีบัดเจ็ตเท่านี้จะได้ผ้าลักษณะนี้ แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นผ้าอีกชนิด เพิ่มราคานิดหน่อย แต่จะดูหรูหราขึ้นมาเลย ไหวไหม ซึ่งส่วนใหญ่ลูกค้าก็จะชอบ เพราะสิ่งที่ออกมานั้นคุ้มค่ามาก

“จึงอยากให้เข้ามาคุยกันก่อน ไม่ต้องเกร็งหรือกดดัน จะเลือกเราหรือไม่ก็ไม่ซีเรียส เราอยากให้ลูกค้ารู้สึกว่า ‘เราคือเพื่อนคู่ใจ’ ที่สามารถปรึกษาให้คำแนะนำในราคาที่จับต้องได้ ไม่ว่าจะแบบชุด ธีมงาน รูปร่าง หรือมีข้อจำกัดอะไรบ้าง เราจัดการได้หมด เช่น ถ้ามีหน้าท้อง เราก็จะออกแบบชุดไทยให้ท่อนล่างมีสีเข้มและมีสะพักปิดหน้าท้อง คือปรับเปลี่ยนเพื่อปกปิดจุดบกพร่องและเพิ่มจุดเด่นให้คุณโดดเด่น งานของเราจึงมีความยูนีค เพราะอยากให้เจ้าสาวรู้สึกภูมิใจในความเป็นหนึ่งเดียว ได้สวมใส่ชุดที่เป็นของตัวเองคนเดียว

“สมกับที่เป็นครั้งหนึ่งในชีวิต”

ภาพ : วรสันต์ ผู้ช่วยช่างภาพ : ณัฐชา ชาวเกวียน

เสื้อผ้า : Vanus First
โทร. 09-1750-1111
เฟซบุ๊ก : Vanus First – วนัชเฟิร์ส
ไอจี : @vanusfirst_official

เจ้านางเวดดิ้ง
โครงการธนบุรีคอมเพล็กซ์ ซอย 8
ถนนพระราม 2 ซอย 60 (ใกล้เซ็นทรัลพลาซา พระราม 2)
โทร. 08-6363-6555, 08-8089-5999
เว็บไซต์ : www.chaonangwedding.com
เฟซบุ๊ก : Chaonang Wedding – เจ้านางเวดดิ้ง
ไอจี : @chaonangwedding
ไลน์ : @chaonangwedding

อ่านบทความเพิ่มเติม

3 แบบเทรนด์ชุดเจ้าสาว ตัดครั้งเดียวแต่นำกลับมาใส่ซ้ำได้หลายโอกาส

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยแต่งชุดไทยพระราชนิยมให้สมส่วนสวยปังในวันวิวาห์

เคล็ดลับเลือกชุดแต่งงานชุดไทย ก่อนที่บ่าวสาวจะตัดสินใจเซย์เยส

ไม่ไหวอย่าฝืน! กับ 8 สัญญาณเตือนภัยปัญหาชีวิตคู่ เกิดขึ้นเมื่อไหร่อย่าไปต่อ

ความสัมพันธ์ของคนสองคน ไม่ได้จะหวานเสมอไป และแพรวเวดดิ้งไม่ได้อยากให้คุณไม่ยอมรับความจริงในเรื่องความสัมพันธ์ที่อาจเปลี่ยนไป ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้กับคู่รัก แต่เชื่อเถอะค่ะว่า ถ้าคุณได้พยายามจนสุดทางแล้ว หากว่ายังเจอเรื่องต่อไปนี้จากอีกฝ่าย หรือเกิดรู้สึกขึ้นกับตัวเองขอให้คิดดีๆ ว่าจะไปต่อหรือพอแค่นี้กับ ปัญหาชีวิตคู่ ที่ไม่ไหวอย่าฝืน!

ปัญหาชีวิตคู่ บางครั้งก็เกินจะรับไหว อาจจะถึงเวลาบอกลา

Photo by Boho Photography from Pexels

1. ทำผิดซ้ำซาก

ไม่ว่าจะผิดเรื่องผู้หญิง เรื่องการลงไม้ลงมือ การกินเหล้าเมามายจนมากเกินขอบเขต คุยกันก็แล้ว ลองหาวิธีมาดูแลและจูงใจให้ปรับเปลี่ยนพฤติก็ยังไม่มีอะไรดี แถมยังหนักข้อขึ้น คุณจะไหวต่อไปอีกนานแค่ไหน

2. ระแวงไม่สิ้นสุด

เป็นหรือเปล่าคะ ที่ตัวคุณเองรู้สึกว่าการอยู่ด้วยกัน ไม่ได้อยู่แล้วปลอดโปร่งโล่งใจ แต่อยู่แล้วต้องระแวงตลอดเวลา แค่แฟนขับรถออกนกบ้านไกลสายตาก็ต้องโทรฯ เช็คหรือให้รายงานตัวทุกชั่วโมง ถ้าเป็นละก็ ถามตัวเองนะคะ อยากสบายใจไหม อยากปลอดโปร่งใจหรือเปล่า

Photo by cottonbro from Pexels

3. ไร้ซึ่งความเป็นเรา นึกถึงแต่เรื่องของตัวเอง

ไม่ว่าคุณหรือเขา ถ้าสิ่งที่ทำอยู่บ่งบอกว่า คิดถึงแต่ตัวเองหรือครอบครัวตัวเองก่อน ประมาณว่าต้องทำทุกอย่างให้กับตัวเองเท่านั้น นั่นก็เป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่า ความรู้สึกของคุณไม่ได้มีเขาอยู่สักเท่าไหร่ ลองถามตัวเองดูนะคะ คุณหรือคู่องคุณเป็นแบบนั้นไหม

4. ทำทุกสิ่งแบบมีข้อแม้

ไม่มีความเสียสละ อยากจะทำอะไรให้กันต้องมีข้อแม้ มีข้อแลกเปลี่ยน แบบนั้นไม่ได้เรียกว่าใจแลกใจแล้วค่ะ

Photo by Vera Arsic from Pexels

5. รำคาญบุพการีของอีกฝ่าย

เรื่องบุพการีถือเป็นเรื่องใหญ่นะคะ ถ้าคุณเจอว่าคู่ของคุณแสดงกริยารำคาญบุพการีต่างๆ นานา ทั้งชักสีหน้าใส่ เสียงดังใส่ ทำบ่อยๆ เข้าจนแม้คุณเตือนก็ยังทำอยู่ละก็ ลองคิดดูนะคะว่า คุณจะไปต่อกับคนแบบนี้ได้นานแค่ไหน

6. ไม่คิดจะปรับตัว

ก่อนแต่งงานนิสัยด้านลบเป็นแบบไหน หลังแต่งงานก็ไม่เคยเปลี่ยน ถ้ามันไม่ร้ายแรงเชื่อว่าคงมองข้ามกันได้ แต่ถ้าเจอเรื่องหนักๆ เช่นการใช้เงินมือเติบ ไม่คิดจะเก็บไม่คิดจะหา แถมยังสร้างหนี้ ติดการช้อปออนไลน์ทั้งๆ รายได้ไม่อำนวย หรือจะเป็นนิสัยประเภทเข้ากับใครไม่ได้ ฉันคือศูนย์กลางทุกอย่าง แบบนั้นละก็ พอเถอะ ปล่อยเขาอยู่ในโลกส่วนตัวของเขาไปคนเดียวดีที่สุด

Photo by cottonbro from Pexels

7. อยู่ต่อเพราะกลัวโดนเม้า

เรื่องนี้อันตรายเป็นที่สุด แต่เชื่อไหมคะว่า หลายคู่ในสังคมโลกนี้ยังเป็นอยู่ เพียงเพราะว่าไม่อยากโดนเม้า ทั้งๆ ที่ใจไม่ไหวจะอยู่แล้ว ก็เลยขอทนอยู่กันไปในหลังคาเดียวกัน แบบแยกกันอยู่คนละมุม ต่างคนต่างใช้ชีวิต เรียกว่าเป็นเพื่อนร่วมบ้านมากกว่า คิดดูสิคะว่า ความรู้สึกแบบนั้น มันตัดโอกาสชีวิตที่ดีในอนาคตของตัวเองขนาดไหน

8. อยู่ไปวันๆ ไม่เห็นอนาคต

เคยคุยเรื่องอนาคตข้างหน้าร่วมกันไหม ว่า 10 ปี 20 ปีต่อไป เราจะเป็นยังไง เราจะมีลูกไหม ถ้ามีจะมีกี่คน เลี้ยงดูยังไง ถ้าไม่มีเลย ก็เป็นสัญญาณบอกอย่างหนึ่งว่า เตรียมตัวแยกย้ายเถอะค่ะ เพราะการไม่มีแผนที่จะมองไปข้างหน้าด้วยกัน ก็เหมือนคุณทั้งคู่ไม่ได้มีปลายทางร่วมกันสักนิด แล้วจะอยู่รออะไรล่ะ

อ่านบทความเพิ่มเติม

10 นิสัยผู้หญิงที่ผู้ชายถึงกับต้องส่ายหน้า ไม่อยากให้เขาหนีอย่าทำ!

7 วิธีเผชิญหน้าแฟนเก่าแบบไหลลื่นไม่กระอักกระอ่วนทั้งสองฝ่าย

รับมือกับ Groomchilla ถึงเวลาจับเจ้าบ่าวสุดชิลมาช่วยเตรียมงานแต่ง

เสริมความเป็นมงคลด้วยข้าวของ 4 อย่างที่ต้องมีใน พิธีรดน้ำสังข์

พิธีรดน้ำสังข์ หรือ พิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของงานวิวาห์ที่ทำให้บ่าวสาวหลายคู่ซาบซึ้งใจจนหลั่งน้ำตา โดยพิธีนี้มีมาแต่โบราณ เป็นไปตามขนบธรรมเนียมประเพณีไทย ผู้หลักผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือหลายท่านต่างก็มาร่วมรดน้ำและให้พรอันประเสริฐ อีกทั้งยังถือเป็นพิธีศักดิ์สิทธิ์ ใช้สิ่งของมงคล 4 อย่าง ต้องเตรียมให้ครบ จะขาดอะไรไปไม่ได้เด็ดขาด

พิธีรดน้ำสังข์ ต้องใช้ข้าวของอะไรบ้าง? … เตรียมจดกันเลยจ้า

1. มงคลแฝด

พิธีรดน้ำสังข์

มงคลแฝด หรือ มงคลจักร คือด้ายมงคลสำหรับสวมศีรษะคู่บ่าวสาวในพิธีรดน้ำสังข์ เพื่อสร้างความเป็นสิริมงคลและสื่อความหมายถึงการเชื่อมโยงคู่บ่าวสาวให้กลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

2. มาลัยบ่าวสาว

พิธีรดน้ำสังข์

มาลัยคล้องคอบ่าวสาวที่นิยมใช้คือมาลัยสองชาย ซึ่งหมายถึงมาลัยที่ผูกต่อริบบิ้นหรือโบทั้งสองชาย และมีอุบะห้อยชายมาลัย โดยมีความเชื่อว่าให้ใช้มาลัยบ่าวสาวคู่เดียวกันคล้องคอทั้งพิธีรดน้ำสังข์ช่วงเช้าและพิธีฉลองสมรสช่วงเย็น เพราะจะทำให้คู่บ่าวสาวใช้ชีวิตกันอย่างราบรื่น ไม่มีการเลิกราหรือเปลี่ยนคู่

3. หอยสังข์

พิธีรดน้ำสังข์

เหตุที่ใช้หอยสังข์มาเป็นภาชนะใส่น้ำพระพุทธมนต์หลั่งอวยพรให้คู่บ่าวสาวนั้น เพราะว่าหอยสังข์เป็นหนึ่งในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 14 อย่าง อันเกิดจากการกวนเกษียรสมุทรของเหล่าเทวดากับอสูร และยังเป็นหนึ่งใน 4 อย่างที่พระนารายณ์ทรงถือ ด้วยเหตุนี้หอยสังข์จึงเป็นของศักดิ์สิทธิ์ที่อุดมมงคลอย่างสูงและถูกนำมาใช้ในพิธีมงคลสมรส

4. น้ำพระพุทธมนต์

พิธีรดน้ำสังข์

น้ำเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ดังนั้นการใช้น้ำหลั่งอวยพรให้คู่บ่าวสาวจึงเสมือนเป็นการอวยพรให้ครองรักกันยั่งยืน อีกทั้งน้ำพระพุทธมนต์ที่หลั่งออกมาจากสังข์ยังถือเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยเสริมสิริมงคลแก่คู่บ่าวสาวอีกด้วย

คู่รักที่กำลังเตรียมงานแต่งพิธีไทยรีบดาวน์โหลด แจก!! ขั้นตอนลำดับพิธีแต่งงานไทยฉบับสมบูรณ์ เตรียมไว้ใช้จะได้ไม่ติดขัด

ว่าที่เจ้าสาวจงทำตาม 7 วิธีนี้รับรองเพื่อนเจ้าสาวไม่มีน้อยอกน้อยใจ

ทันทีที่รู้ข่าวดีว่าคุณจะแต่งงาน เชื่อได้เลยว่ามีเพื่อนสาวหลายคนเสนอตัวมาช่วยงานเป็นจำนวนมาก แต่จะให้ทุกนางมาเป็น เพื่อนเจ้าสาว แต่งตัวสวยเดินเด่นทั้งหมดก็คงไม่ได้ แล้วจะทำยังไงให้เพื่อนที่เหลือรู้สึกว่าคุณยังเห็นความสำคัญ แพรวเวดดิ้งมีทางออกดีๆ มาบอกกัน

1. ขอให้เธอมีส่วนร่วมในการจัดงาน

ในช่วงที่คุณกำลังวางแผนรายละเอียดของงานหรือกำลังมองหาสิ่งของที่จะนำมาใช้ในงาน เช่น ไวน์ ขนมหวาน หรือแม้แต่หาคนรู้ใจที่จะมาช่วยชิมอาหาร อาจจะมอบหมายให้เธอเข้ามาช่วยดูแลส่วนนี้ร่วมกับคุณ หรือถ้ารู้ว่าเพื่อนคนไหนเป็นกูรูในเรื่องใดๆ ก็อย่าลืมที่จะขอความเห็นจากเธอ เพราะจะทำให้เธอรู้สึกว่าคุณยังนึกถึงและให้ความสำคัญกับเธอ

2. ขอให้เธอมาช่วยจัดของต้อนรับแขก

มอบหมายหน้าที่ให้เธอเข้ามาช่วยคุณเลือกของใช้ที่จำเป็นสำหรับต้อนรับแขก รวมถึงอาจให้เธอมาช่วยต้อนรับและแนะนำแขกเกี่ยวกับการเขียนสมุดอวยพร หรือพาแขกเดินเข้างานก็ได้

3. ไม่ลืมชวนเธอมาร่วมปาร์ตี้สละโสด

ทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองยังเป็นส่วนหนึ่งของงานในครั้งนี้ ด้วยการเชิญเธอมาร่วมสนุกในงานปาร์ตี้สละโสดของคุณซะเลย

4. เชิญเธอให้มาเตรียมตัวกับคุณ

เพียงแค่เธอไม่ได้เป็นเพื่อนเจ้าสาว ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะไม่ได้เป็นเพื่อนคนสำคัญของคุณ ในช่วงที่คุณกำลังแต่งหน้า-ทำผม อย่าลืมชวนเธอมาทำสวยพร้อมกับคุณ เพราะจะช่วยทำให้เธอรู้สึกว่าคุณยังนึกถึงเธอและใส่ใจเธอตลอดเวลา ส่วนเธอจะมาหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับเธอ ขอเพียงแค่คุณอย่าลืมชวนก็พอ

5. ให้เธอมาเป็นมือขวาคอยช่วยคุณ

เชื่อว่าเจ้าสาวหลายๆ คน ต่างต้องการคนรู้ใจคอยอยู่เคียงข้างคุณตลอดงาน คุณอาจให้เธอมาช่วยดูแล จัดระเบียบชุด หรือแม้แต่คอยชวยซับน้ำตาให้กับคุณในช่วงพิธีก็ดีไม่น้อย

6. แต่งตั้งตำแหน่งใหม่สำหรับเธอโดยเฉพาะ

หากงานแต่งของคุณเป็นงานเล็กๆ คุณอาจแต่งตั้งให้เธอมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวอย่างไม่เป็นทางการ หรือที่รู้จักกันว่า เพื่อนเกียรติยศ โดยให้เธอแต่งชุดโทนสีเดียวกันกับกลุ่มเพื่อนเจ้าสาว แต่อาจไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นรูปแบบเดียวกัน หรืออาจจัดที่นั่งแถวพิเศษให้กับเธอด้วยก็ได้

7. เชิญเธอมานั่งในโต๊ะเดียวกันกับคุณ

ช่วงระหว่างรับประทานอาหารที่คุณอาจจัดโต๊ะแบบ Long table ก็อย่าลืมชวนเธอมาร่วมโต๊ะเดียวกันกับคุณก็ได้ หรือจัดที่นั่งของเธอให้อยู่ในโต๊ะที่ใกล้กับโต๊ะของคุณ เพื่อที่เธอจะได้รู้สึกว่ายังคุณยังมองเห็นเธออยู่ตลอดเวลานั่นเอง

ทั้งหมดนี้คือ 7 วิธีที่จะทำให้เพื่อนที่ไม่ได้ถูกเลือกให้เป็นเพื่อนเจ้าสาวไม่รู้สึกน้อยใจ แถมยังทำให้เธอรู้สึกรู้สึกว่าตัวเองยังเป็นคนที่คุณยังนึกถึงและยังมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าเพื่อนเจ้าสาวคนอื่นๆ อีกด้วย ลองทำดูไม่เสียหาย แล้วรับรองว่าความรู้สึกดีๆ ของคุณและเพื่อนจะยังคงกระชับแน่นไม่เสื่อมคลาย

>> อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับเพื่อนเจ้าสาวเพิ่มเติมได้อีกเพียบ คลิกเลย <<

รู้ทันผู้ชาย กับหลากหลายเล่ห์เหลี่ยม และลูกเล่นเอาตัวรอดสุดแพรวพราว

หากเปรียบผู้ชายเป็นเพชร แต่ละเม็ดคงมีเหลี่ยมและประกายไม่เท่ากัน แต่ถึงอย่างไรผู้หญิงทุกคนก็ถวิลหาอยากเป็นเจ้าของ ยิ่งเพชรเม็ดไหนมีประกายสวยงามแพรวพราว ยิ่งหลอกล่อให้หลงใหลและอยากครอบครอง แต่อย่าลืมว่าความสวยงามนั้นแฝงด้วยเล่ห์เหลี่ยมที่คุณอาจตกหลุมพรางได้ง่ายๆ แต่ถ้าคุณอยากได้เพชรเม็ดนี้มาครองแบบเป็นเจ้าของเต็มตัวและไม่ถูกหลอก เราขออาสาพาไปหา เหลี่ยมรัก จากชายหนุ่มหลากหลายอาชีพมาฝาก ลองอ่านและคิดตามให้ดีว่า คนที่เขามาจีบหรือคนที่อยู่ข้างๆ มีอะไรแบบนี้หลุดมาให้เห็นบ้างไหม เพราะ รู้ทันผู้ชาย ตอนนี้ดีกว่าอกตรมวันหน้าเพราะตัดสินใจเลือกคนผิดนะจ้ะ

1

1. เล่ห์เหลี่ยมแบบนี้สิ ถึงได้เธอมา

เริ่มกันที่จุดเริ่มต้นความสัมพันธ์กันก่อน ซึ่งเราขอบอกว่าสาวๆ โปรดทราบ เวลาที่บรรดาชายหนุ่มทั้งหลายอยากจะเข้ามาพิชิตใจคุณ เขาจะมีเล่ห์เหลี่ยมหรือมีทริคบางอย่าง เพื่อเขามาหาคุณ ซึ่งถ้าเจอมุกต่อไปนี้ เตรียมเล่นตัวไว้ก่อนเลย

หนุ่มคนแรกดีกรีนักบินหนุ่มคารมดีเล่าถึงเล่ห์เหลี่ยมรักที่ใช้กับสาวที่เขาหมายปองว่า “ผมใช้วิธีอ้างเพื่อนเวลาขอเบอร์โทรศัพท์กับสาวที่ผมชอบหรือสนใจ แต่ความจริงแล้วเป็นผมเองนี่แหละที่เป็นคนขอและโทรไปหาเขาเอง หลังจากนั้นผมก็โทรไปเรื่อยๆ หยอกเขาไปเรื่อยๆ จนกว่าเขาจะรับรักผมครับ” 

ด้านนักร้องหนุ่มเสียงนุ่มที่ต้องใช้ชีวิตกลางคืนบ่อยครั้งตามสถานบันเทิงบอกว่า “ผมใช้วิธีสร้างตัวตนให้เขาเห็นและจดจำครับ เช่น หยอกล้อ แซว ใช้อารมณ์ขันของผมทำให้เขาหัวเราะหรือแกล้งจนเขารำคาญ แต่สุดท้ายผมก็เอาความดีสร้างความประทับใจ อาจจะช่วยเหลือเมื่อเขาเดือดร้อน หรือเมื่อเขาต้องการผมก็จะรีบไปอยู่ตรงนั้นทันที” เป็นไงละเหลี่ยมแพรวพราวแต่เริ่มต้นใช่ไหม

GettyImages-4949912372. แอบมองสาวอยู่นะ

จะแอบมองสาวๆ ทั้งที จะให้มองตรงๆ ก็คงไม่ตื่นเต้นเร้าใจน่ะสิ ลองมาฟังเทคนิคเหล่สาวแบบเนียนๆ จากชายหนุ่มอายุ 27 ปีที่มีอาชีพเป็นคุณครูว่าเขามีแผนการอย่างไรในการแอบมองสาวๆ โดยที่หวานใจไม่หันมาแยกเขี้ยวใส่ เขาบอกว่า “หากผมจะมองสาวสวยที่เดินผ่านมาซักคน ผมคงใช้วิธีเหล่ก่อน แล้วคงทำเป็นบอกว่าผู้หญิงคนนั้นใส่เสื้อผ้าสวยดีนะ อาจจะพูดเสริมไปอีกว่าเดี๋ยวนี้เขานิยมแต่งตัวกันแบบนี้เหรอ หรือไม่อย่างนั้นก็ชี้ให้ดูสิ่งที่น่าสนใจแต่อยู่ในทิศทางเดียวกับเป้าหมาย ทีนี้เขาจะได้ไม่ต้องสงสัย ว่าเราแอบมองผู้หญิงอื่นอยู่หรือเปล่า” 

อีกหนึ่งแผนเด็ดที่สาวๆ อาจคาดไม่ถึงจากชายหนุ่มอายุ 31 ปี เจ้าของสตูดิโอถ่ายภาพที่งานของเขาทำให้ได้เจอสาวสวยมากมาย ไม้เด็ดที่เขางัดขึ้นมาใช้คือ “ผมใส่แว่นตากันแดดเพื่ออำพรางสายตาครับ ข้อดีคือมองสะดวก เนียน ไม่ต้องกลัวด้วยว่าแฟนจะจับผิด หรืองอนใส่เรา” รู้แบบนี้แล้วเวลาออกไปข้างนอกกับหวานใจ ลองสังเกตดูสิว่าเขามีพฤติกรรมแบบนี้บ้างหรือเปล่า!! ถ้าใช่ก็อย่าเพิ่งโมโหโทโสไป เพราะชายหนุ่มส่วนใหญ่ล้วนบอกกับเราว่า “มันเป็นเรื่องธรรมดาครับ ผู้ชายส่วนใหญ่ก็ชอบมองของสวยๆ งามๆ แต่จริงๆ แล้วพวกผมรักเดียวใจเดียวนะ” (เหรอ??)

GettyImages-5243844033. อยากไปกับเขาหรือเธอมากกว่า

ทีนี้มาดูเล่ห์เหลี่ยมคนีคู่กันบ้างว่าเวลาที่นัดกับแฟนหรือภรรยาไว้แล้ว แต่ใจก็อยากไปสังสรรค์กับเพื่อนหรือกิ๊กที่นานๆ จะเจอกันทีจะทำยังไง เพราะครั้นจะยกเลิกนัดก็คงจะแปลกๆ หรือจะบอกความจริงเลยก็คงได้ทะเลาะกันบ้านแตก แล้วจะมีข้ออ้างอย่างไรล่ะ ที่จะไม่โดนระแวงแถมได้ไปเที่ยวอย่างสนุกสนาน วิศวกรหนุ่มดีกรีนักเรียนนอกผู้ผ่านสาวน้อยสาวใหญ่มามากหน้าหลายตาเผยแผนลับที่ไม่ว่าสาวๆ คนไหนก็คงโกรธไม่ลง บอกกับเราวิธีการของเขาก็คือ “อ้างครอบครัวครับ บอกติดธุระกับที่บ้าน แต่ก็ต้องมั่นใจว่าเขาอยู่ที่ไหน เราจะได้ไม่ไปที่นั่นหรือรัศมีใกล้ๆ กับที่ตรงนั้น อีกอย่างคือต้องห้ามเพื่อนหรือกิ๊กที่จะไปด้วยว่าห้ามลงรูปผมในโซเชียลมีเดียเด็ดขาด”

แต่สำหรับอดีตหนุ่มเพลย์บอย อายุ 37 ปี ที่ตอนนี้กลายเป็นคุณพ่อลูกหนึ่ง มีข้ออ้างเบสิกที่สาวๆ หลายคนก็ยังไม่วายตกหลุมพรางว่า “งานของผมต้องพบปะลูกค้าบ่อยครั้ง และมักติดประชุมยาวจนถึงดึก ผมจึงมักใช้ข้ออ้างนี้เวลาที่อยากจะหนีไปเที่ยวกับเพื่อน แต่ก็ไม่เคยทำอะไรเกินเลย รู้ขอบเขตของตัวเอง เพราะผมรู้หน้าที่ว่าผมควรทำอะไรและสิ่งที่สำคัญสุดคือลูกกับภรรยาครับ” แต่ในใจก็ยังไม่ทิ้งลาย เพราะเขายึดคติ 

“ถ้ารักจะเจ้าชู้ต้องทำตัวให้เนียนและเงียบที่สุด”

GettyImages-1261546884. เนียนอย่างไรให้รอด !

ใจก็อยากบอกไปตรงๆ ว่าทำผิดอะไร แต่ไม่รู้จะเริ่มสารภาพยังไง ครั้นจะบอกไปโต้งๆ ก็กลัวระเบิดจะลง เลยต้องหาวิธีสารภาพผิดแบบเนียนๆ แต่จะเป็นวิธีไหนที่ทำให้คุณที่รักไม่กรีดร้องบ้านแตกซะก่อน สถาปนิกหนุ่มผู้ชื่นชอบการต่อและออกแบบโมเดลกันดั้มเป็นชีวิตจิตใจ ซึ่งใครๆ ก็รู้ว่าของเล่นชนิดนี้ราคาไม่ธรรมดา เขาจะเอาตัวรอดจากการแอบซื้อของเล่นราคาแพงแสนแพงนี้ได้อย่างไร ลองมาฟังคำตอบจากเขากัน

“ก็บอกแหละครับว่าซื้อมาจริง แต่ใช้มุกตลกกลบเกลื่อน บอกราคาจริงบ้างไม่จริงบ้าง ทำเป็นพูดติดตลกไป เดี๋ยวเขาก็งงครับว่าอันไหนพูดจริง อันไหนพูดเล่น รวมทั้งเรื่องอื่นๆ ก็เอาความตลกเข้าว่า เนียนๆ ไปเดี๋ยวเรื่องก็จบเอง” แต่หากคุณสาวๆ ตะหงิดใจในเรื่องนั้นอยู่แล้ว หนุ่มๆ หลายคนเลือกใช้วิธีนิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหว ดังเช่นวิธีที่ชายหนุ่มอายุ 30 ปลายๆ ใช้เป็นประจำ เขายอมปริปากบอกกับเราว่า ใช้ความนิ่งสงบเข้าข่มก่อนครับ ถึงแม้ว่าเรื่องนั้นเขาอาจจะรู้อยู่ แล้วถ้าเขาคาดคั้น ก็รับบ้างไม่รับบ้าง แถไปเรื่อยๆ ถ้าไม่โดนจับผิดแบบคาหนังคาเขา ยังไงก็ไม่ยอมรับครับ” #คารวะตัวพ่อค่ะ

GettyImages-1435047825. คุณเมียที่รัก VS. คุณแม่ที่เคารพ

ละครมักสร้างจากชีวิตจริง ฉากมาคุระหว่างแม่สามีกับลูกสะใภ้ไม่ใช่เรื่องไกลตัว ลองดูซิว่า คนกลางอย่างหนุ่มๆ จะมีกลเม็ดแบบไหนที่ทำให้ทั้งคู่สมานฉันท์ คุณหมอผู้เงียบขรึมวัย 33 ปี เล่าประสบการณ์ระหว่างแฟนกับแม่ว่า “ส่วนใหญ่ผมรักใครคุณแม่ผมก็จะรักด้วย นอกจากว่าท่านไม่ถูกชะตา ซึ่งผมก็จะหาวิธีทำให้ทั้งคู่ได้มีโอกาสพูดคุยและใช้เวลาด้วยกันมากขึ้น เช่น หาเรื่องที่เขาสนใจร่วมกันแล้วจัดกิจกรรมนั้นขึ้นมาเพื่อให้แม่กับแฟนทำร่วมกัน จะได้สนิทกันมากขึ้น”

ส่วนหนุ่มวัย 27 ปี อาชีพที่ปรึกษาทางกฎหมาย ผู้รักความยุติธรรมเป็นชีวิตจิตใจมองว่าความรักไม่ควรปิดบังกัน ก็ยังต้องแอบโกหกเล็กๆ เพื่อให้คนรักและแม่จูบปากกัน เช่น “พูดข้อดีของแฟนให้แม่ฟังเยอะๆ ครับ อาจจะเป็นเรื่องที่เขาคอยช่วยเหลือผมหรือทำเป็นว่าแฟนไปเที่ยวเลยซื้อของมา ฝาก แต่ความจริงแล้วผมนี่แหละครับที่เป็นคนซื้อ” 

จะทำให้แม่และคนรักปรับตัวเข้าหากันบางทีก็ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก แต่หากมันยากนักก็ลองเอาวิธีของสองหนุ่มไปใช้ดูน่าจะเข้าท่าอยู่นะคะ

เป็นไงกันบ้างคะ กับเหตุผลต่างๆ ที่สาวๆ อย่างเราต้อง รู้ทันผู้ชาย เรียกได้ว่าเป็นทริคเด็ดของหนุ่มๆ ที่เรานำมาฝากกัน ลองสังเกตคนข้างๆ ของคุณดู ว่ามีอะไรเข้าข่ายไหม แต่แพรวเวดดิ้งขอบอกตรงนี้ว่า บางทีรู้แล้วนิ่งก็ดีกว่ารู้แล้วโวยวาย เพราะถ้าเขาไหวตัวทันเมื่อไหร่ คุณต้องมานั่งหาวิธีใหม่ให้เหนื่อยอีกนะ

>> อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับความรัก ความสัมพันธ์ และการใช้ชีวิตคู่เพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย <<

ภาพ : www.gqindia.com

มาดูการเตรียมตัวเพื่อ ความงามเจ้าสาว ช่วง 5-2 เดือนก่อนแต่งงาน!

วันสำคัญของเราเริ่มใกล้เข้ามาแล้ว ความงามเจ้าสาว ที่ต้องเตรียมตัวในช่วงนี้มีอะไรบ้างเพื่อให้เราเป็นเจ้าสาวที่สวยเป๊ะปังที่สุด มาดูกันค่ะ

หลังจากที่เราได้แนะนำการเตรียมตัว เพื่อความงามเจ้าสาว ช่วง 1 ปี ถึง 6 เดือน ก่อนวันสำคัญกันไปแล้ว (คลิกอ่านเลยที่นี่!) แล้วถ้าเริ่มขยับเวลาเข้ามาใกล้อีกนิด เป็นช่วง 5-2 เดือนก่อนแต่งงาน ช่วงนี้เหล่าว่าที่เจ้าสาวมีอะไรที่ควรจะต้องทำบ้าง มาดูกันค่ะ

  1. เริ่มออกกำลังกายเพื่อเน้นสร้างรูปร่างที่สวยงามสมส่วน หลังจากที่เราเริ่มออกกำลังกายแบบเบาๆค่อยเป็นค่อยไปในช่วงแรกๆแล้ว ช่วงระยะเวลา 5 เดือนก่อนแต่งงาน เราสามารถเริ่มเพิ่มความเข้มเข้นของการเวิร์คเอาท์ขึ้นได้ โดยเน้นเวทเทรนนิ่งเพื่อสร้างกล้ามเนื้อที่สวยงามตามส่วนต่างๆของร่างกาย เช่น แขน ท้อง หลัง และขา การเวทเทรนนิ่งนอกจากช่วยสร้างกล้ามเนื้อให้รูปร่างเราดูเฟิร์มสวย ยังช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญไขมัน ให้เราอ้วนยากขึ้นด้วยนะคะ 
  2. เน้นการมาส์กหน้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสกินแคร์ ช่วงนี้คุณสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของสกินแคร์ที่ใช้อยู่ด้วยการมาสก์หน้าค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการใช้มาส์กยี่ห้อที่คุณใช้อยู่แล้ว และแน่ใจว่าไม่แพ้ อาจจะใช้ถี่ขึ้นเป็นอาทิตย์ละครั้งหรือสองครั้ง หรือถ้าเป็นเจ้าสาวสายประหยัด เดี๋ยวนี้มีโลชั่นน้ำราคาน่ารักที่ใช้ดีหลายตัว และยังมีมาส์กหน้ากากแบบเยื่อกระดาษสำเร็จรูปขายแยก ให้คุณซื้อมาใช้คู่กันได้ ประหยัดแล้วยังเวิร์คอีกด้วยนะ
  3. หากใครอยากโบท็อกซ์ หรือฟิลเลอร์เพื่อปรับรูปหน้า เริ่มเข้าไปปรึกษาคุณหมอประมาณ 2 เดือนก่อนวันงานได้เลยค่ะ เพราะปกติแล้วโบท็อกซ์หรือฟิลเลอร์จะเริ่มเข้ารูปจริงจังก็หลังจากทำแล้วประมาณ 1 เดือน เราเผื่อระยะเวลาให้คุณได้ปรึกษาคุณหมอ เผื่อจะต้องทำอะไรเพิ่มเติมจะได้พอมีเวลาไม่รีบร้อนเกินไปค่ะ 
  4. งดการทำสีผมใหม่ช่วง 2 เดือนก่อนวันงาน โดยเฉพาะการกัดสีผมให้อ่อนลง หรือทำไฮไลต์ใดๆ เพราะการทำให้สีสม่ำเสมอกันหลังจากนั้นเป็นเรื่องยากค่ะ คุณอาจจะกลายเป็นเจ้าสาวที่เกล้าผมแล้วเห็นเฉดสีผมที่ตัดกันจนดูไม่สวยงามก็ได้ แต่ถ้าเป็นการทำสีผมเข้ม หรือเติมโคนสีที่ทำอยู่แล้ว สามารถทำได้นะคะ 
  5. ประมาณ 2 เดือนก่อนวันงาน เริ่มหารูปสไตล์การแต่งหน้า ทำผม แบบที่เราชอบ ทำไมเราถึงไม่ได้แนะนำให้คุณหารูปเหล่านี้ตั้งแต่ 1 ปีก่อนแต่งงาน? เพราะสไตล์หน้าผมเจ้าสาวที่คุณชอบในตอนนั้น ระยะเวลาผ่านไปอาจจะรู้สึกเฉยๆแล้วก็ได้ หรือพอเวลาผ่านไปอาจจะเจอสไตล์หรือแบบที่ชอบมากกว่า เพราะฉะนั้นสไตล์ของทรงผมและเมกอัพที่ชอบ ค่อยๆหา รวบรวมไว้ แล้วตัดสินใจช่วงใกล้ๆวันงานก็ยังทันนะ

เป็นยังไงบ้างคะ?ช่วงระยะเวลา 5-2 เดือนก่อนวันงาน ทุกอย่างเริ่มเข้มข้นขึ้นแล้ว! มาติดตามตอนต่อไปกันนะ ว่าพอถึงโค้งสุดท้าย 1 เดือนก่อนวันสำคัญ ว่าที่เจ้าสาวต้องทำอะไรบ้าง!

credit photo: www.stylemepretty.com, unitedwithlove.com, behance.net

a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a 

a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a

Sweet Memory มาเติมความหวานให้กับ พิธีการแต่งงานเย็น กันเถอะ

ถึงแม้งานแต่งงานในช่วงเย็น หรืองานฉลองมงคลสมรสของบ่าวสาวจะเป็นทางการขนาดไหนนั้น แต่บ่าวสาวก็ไม่ควรมองข้ามการสร้างโมเม้นต์ดีๆ ให้เป็นที่น่าจดจำ อย่างเช่น การหยอดกิมมิกเติมความหวานในช่วง พิธีการแต่งงานเย็น เอาไว้อย่างละนิดอย่างหน่อย ให้แขกได้พออมยิ้มหรือบ่าวสาวได้ฟินกันบ้าง แถมคุณทั้งสองยังจะได้มีโมเม้นต์ดีๆ ไว้ให้จดจำอีกด้วย ว่าแต่จะมีลูกเล่นน่ารักๆ อะไรมาเติมความหวานในช่วงพิธีการบ้างนั้น ไปดูกันเลย

เซอร์ไพรส์

พิธีการแต่งงานเย็น

การเซอร์ไพรส์ยังคงเป็นมุกเพิ่มความหวานสุดคลาสสิคในงานแต่ง ซึ่งจากสถิติที่เราเคยได้ไปร่วมงานแต่งมานั้นพบว่ากว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของการเซอร์ไพรส์คือการร้องเพลง เล่นดนตรี หรือการแสดงอื่นๆ แม้กระทั่งวิดีโอพรีเซ้นต์เทชั่นที่อีกฝ่ายจัดทำขึ้นมาแบบพิเศษไม่ให้อีกคนรู้ตัว แต่ถ้าหากเจ้าบ่าวหรือเจ้าสาวคนไหนคิดอยากจะเซอร์ไพรส์ด้วยการโชว์ลูกคอหรือออกสเต็ปแล้วล่ะก็ อาจจะต้องใช้การสกิลส่วนตัวบวกกับการฝึกซ้อมเยอะๆ หน่อยนะจ๊ะ ไม่อย่างนั้นจากความหวานอาจจะกลายเป็นความฮา แล้วจะหาว่าเราไม่เตือนไม่ได้น้า

เฟิร์สแดนซ์

เป็นอีกโมเม้นต์สุดหวานราวกับหนังรักโรแมนติก ถ้าคุณเป็นขาแดนซ์แล้วล่ะก็เราขอแนะนำให้จัดซีเควนซ์นี้ปิดงานแล้วเข้าสู่ช่วงปาร์ตี้ไปเลย แต่ถ้าคุณไม่ใช่สายแดนซ์ก็อาจจะเลือกเปิดเพลงช้าแล้วสโลว์ซบกันเบาๆ พอให้แขกได้ตาร้อนผ่าวๆ ก็ได้นะจ๊ะ

พิธีการปกติ

สำหรับบ่าวสาวที่ไม่ใช่สายหวานหรือขาทำเซอร์ไพรส์ก็ไม่ต้องกังวลใจไปว่าเราจะไม่มีโมเม้นต์หวานๆ เหมือนคู่อื่นเขา เพราะในซีเควนซ์ปกติก็สามารถเติมดีเทลความหวานเข้าไปได้เหมือนกันนะจ๊ะ ตามนี้เลย

– ช่วงเปิดตัว ลองเปลี่ยนจากการเดินควงแขนกันเข้างานแบบธรรมดา ด้วยการเปิดตัวฝ่ายหญิงก่อน จะเดินมาเดี่ยวหรือควงแขนคุณพ่อมาก็ได้ตามสะดวก จากนั้นค่อยให้ฝ่ายชายถือดอกไม้ไว้รอรับเจ้าสาว ซึ่งอาจจะยืนรอด้านล่างหรือบนเวทีก็ได้ หรือจะเดินมารับเจ้าสาวคนสวยที่กลางงานแล้วควงแขนเดินขึ้นสู่เวทีพร้อมกันก็ดูแกรนด์ไปอีกแบบ แต่ถ้าจะให้หวานแบบขั้นสุด ฝ่ายชายอาจจะมีช็อตคุกเข่าแล้วมอบช่อดอกไม้ให้เจ้าสาวก็ได้นะคะ

– กล่าวขอบคุณ หลังจากที่คุณกล่าวขอบคุณประธาน พ่อแม่ และแขกจบแล้ว ลองหันมาขอบคุณกันและกันพร้อมบอกความรู้สึกในใจสั้นๆ ให้อีกฝ่ายได้รับรู้ รับรองว่าช็อตนี้จะสร้างความประทับใจเผลอๆ อาจจะเรียกน้ำตาจากอีกฝ่ายได้อีกด้วย

– เข้าห้องหอ อันนี้เป็นความหวานแบบส่วนตั๊วส่วนตัวสุดๆ ลองเตรียมของขวัญให้กันและกันเอาไว้ก็เป็นความคิดที่ไม่เลวนะคะ พร้อมกับกล่าวขอบคุณอีกฝ่ายอีกครั้งที่มาเดินเคียงข้างกันไปตลอดชีวิต อูยยยย แค่ขึ้นก็มดขึ้นเตียงแล้วจ้า

จูบใครคิดว่าไม่สำคัญ! ไม่ว่าจะเป็นหอมแก้ม หอมไหล่ จุ๊บหน้าผาก จุ๊บมือ หรือจุ๊บกันเบาๆ พอน่ารัก ก็ล้วนเพิ่มดีกรีความหวานได้หมด แต่ต้องทำมาจากหัวใจนะจ๊ะจะได้เป็นธรรมชาติแบบไม่ใช่ทำเพราะกองเชียร์บังคับเด้อ

หากทั้งหมดนี้ยังหวานไม่พอก็ สร้างกิมมิกลุคบ่าวสาวและแขกในงานแต่งงานให้หวานน่ารักแบบไม่เลี่ยน ไปด้วยเลย

cr. snippetandink.com, pinterest

a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a

ข้อดีของสาวๆ ที่ แต่งงานอายุ 30+ ช่วงชีวิตดีๆ ที่สาววัยเอ๊าะมีแต่จะอิจฉา

ไหนใครอายุเกินเลข 3 แล้วยังไม่แต่งงานบ้างเอ่ย อย่าได้กลัวหรือนอยด์ไปเด็ดขาด เพราะแพรวเวดดิ้งกำลังจะบอกว่า คุณคือผู้โชคดีที่ได้แต่งงานในช่วงนี้ เพราะการ แต่งงานอายุ 30 up ก็มีข้อดีกับการเริ่มต้นชีวิตคู่อย่างที่คุณคาดไม่ถึง ไม่ว่าจะเป็น…

30 ยังแจ๋ว แต่งงานตอนนี้กับข้อดีที่หลายคนอิจฉา

Photo by Fuu J on Unsplash

รู้จักตัวเองดีขึ้น

อายุเลข 3 เป็นช่วงเวลาของการเติบโตที่หลายคนทราบดีว่าคือช่วงเวลาการเป็นผู้ใหญ่ สามารถช่วยเหลือและดูแลตัวเองได้อย่างอิสระเป็นครั้งแรก ดังนั้นจึงอาจเป็นช่วงที่คนส่วนใหญ่ควรใช้เวลาคิดและนึกถึงสิ่งที่ตัวเองเป็น สิ่งต้องการในชีวิต และสิ่งที่ต้องการจากคนอื่นๆ เป็นช่วงเวลาสำคัญที่จะสร้างความเชื่อมั่นและโอกาสที่ดีสำหรับตัวเองและทำความเข้าใจตัวเองเท่าๆ กับการเปิดตัวเองเพื่อเข้าใจคนอื่นมากขึ้นเพื่อสร้างสรรค์ความสุขและมิตรภาพที่ดีระหว่างกัน

ร่วมกันสร้างรากฐานที่แข็งแรง

การใช้เวลาจะทำให้คู่รักรู้จักกันและกันมากยิ่งขึ้น มีเวลาในการสร้างรากฐานความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งสำหรับกันและกันมากขึ้น ก่อนที่ความกดดันทั้งเรื่องเงิน ภาษี และความรับผิดชอบในครอบครัวจะเข้ามา นอกจากนี้ ยังมีโอกาสในการมองเห็นว่าทั้งคู่จะสามารถช่วยเหลือค้ำจุนกันและกันได้อย่างไร ซึ่งหมายถึงคู่รักจะมีช่วงเวลาทำความเข้าใจที่ดีเมื่อมีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดหรือทั้งสองฝ่ายเกิดภาวะยากลำบาก ไม่เข้าใจกัน จะมีวิธีประนีประนอมกันอย่างไร จะโต้แย้งกันอย่างไรและการแก้ไขปัญหาอื่นๆ ร่วมกันอย่างไร ซึ่งทั้งหมดของความสัมพันธ์ที่ผ่านมาร่วมกันจะเป็นแกนหลักของการใช้ชีวิตคู่หลังแต่งงานต่อไป

Photo by Marius Muresan on Unsplash

ไม่มีกำหนดเวลาสำหรับความสัมพันธ์

เมื่ออายุเกิน 30 ผู้ปกครองของคู่รักหลายคู่อาจจะเริ่มให้สัญญาณอะไรบางอย่างที่บ่งบอกถึงนาฬิกาที่เริ่มนับถอยหลัง หรือการที่คู่รักบางคู่เองเองอาจจะเริ่มกดดันเพราะเพื่อนส่วนใหญ่แต่งงานจนอาจเกิดเป็นปมด้อย แต่ไม่ว่าเหตุผลใดสำหรับการมาที่นั่งกังวลเกี่ยวกับการยังไม่ได้แต่งงานในช่วงวัยเลข 3 ให้จำไว้ว่าเรื่องอายุไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะในความไม่จริงไม่มีเวลาที่กำหนดตายตัวสำหรับความสัมพันธ์ ดังนั้นจึงไม่ควรกังวลและคิดซะว่ามีเวลาหายใจสำหรับความสัมพันธ์และใช้เวลาสำหรับการเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตที่ต้องการ

การพัฒนาในช่วงเวลาที่แตกต่าง

อะไรที่เราเมื่อครั้งเป็นวัยรุ่นย่อมแตกต่างจากเมื่อเราเติบโตจนถึงวัยเลข 3 เพราะเราเรียนรู้มากขึ้นสำหรับชีวิตและผลักดันตัวเองสำหรับประสบการณ์และการพบเจอคน สถานที่หรือไอเดียใหม่ๆ คนเราจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง รสนิยมเกี่ยวกับเพลง หนัง อาหารและเพื่อน และเมื่อเราไม่รู้จริงๆ ว่าเราคือใครและต้องการอะไร มันจะยากมากขึ้นเมื่อเราจะมีความเข้าใจกับการใช้ชีวิตกับใครสักคนตลอดไป มันสำคัญที่จะแน่ใจว่าใครสักคนที่เราจะแต่งงานด้วยจะพัฒนาเติบโตไปพร้อมๆ กันหรือไม่ขัดขวางการเติบโตของอีกฝ่ายและเวลาจะทำให้เรียนรู้สิ่งเหล่านี้ชัดเจนขึ้น

มีความมั่นใจในทักษะการตัดสินใจมากขึ้น

การเชื่อมั่นในตัวเองคือส่วนสำคัญของการเป็นมนุษย์ที่มีความสุข ดังนั้นคือข้อเท็จจริงที่ควรฟังตัวเองและรู้ว่าไม่ลงหลักปักฐานกับคนที่อาจมีปัญหาสำหรับกัน เราอาจจะต้องลองใช้เวลาพิสูจน์ใจกับหลายๆ คนก่อนจะเจอคนที่ใช่ที่แท้จริง แต่ในท้ายที่สุด เมื่อตัดสินใจจะตอบตกลงที่จะใช้ชีวิตกับใครสักคน มันจะจบลงด้วยความหวานเพราะจะมั่นใจได้ 100% ว่าเป็นคนที่ใช่แน่นอน

>> อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับความรัก ความสัมพันธ์ และการใช้ชีวิตคู่เพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย <<

ภาพ : www.confettidaydreams.com

บอกลาคานกับ 8 วิธี จีบเขาก่อนยังไงไม่ให้น่าเกลียดเนียนๆ แบบไม่นก

หนุ่มเหงาสาวซึมที่อาศัยบนคานทองนิเวศน์คนไหนอยากสัมผัสบรรยากาศหวานๆ บนภาคพื้นดินกับเขาบ้าง แพรวเวดดิ้งขอแนะนำให้คุณเริ่มปฏิบัติการ จีบ พิชิตใจเธอกับ How To จีบ เขาก่อนตาม 8 ข้อนี้ได้เลยลุย!

1. ยิ้มหวาน ส่งสายตาให้เป้าหมายรู้ตัว!

ถ้าคุณๆ มองหาเป้าหมายได้ปุ๊บ อย่างแรกที่เราแนะนำก็คือ ส่งสัญญาณเลิฟๆ ให้เขาก่อนค่ะ ทำง่ายๆ ไม่ยาก แค่ “มองแล้วยิ้ม” ให้เขาบ่อยๆ ร้อยทั้งร้อยเขาต้องรู้สึกบ้างแหละว่ามีคนกำลังจ้องอยู่ (ถ้าเขาไม่ใช่พระอิฐพระปูนน่ะนะ) จากนั้นจริตจก้านต้องมานิดนึงนะ พอเขารู้ตัวแล้วหันมาสบตา คุณควรจะหลบตาเขาช้าๆ ก้มหน้านิดหน่อยพร้อมยกยิ้มน้อยๆ แบบเขินๆ ประมาณว่า อุ๊ย…ถูกจับได้ซะละว่าแอบมอง! แบบนี้ถือว่าเริด  ค่อยๆ ทำไป เป้าหมายจะโสดไม่โสดค่อยว่ากันอีกที!

2. สร้างสถานการณ์ ทำการแสดง!

เคยดูละครหรือซีรี่ส์ที่พระนางบังเอิญเจอกันบ่อยๆ มั้ยคะคุณ? เราขอฟันธงว่า 90% ไม่ใช่พรหมลิขิตหรอกค่ะ แต่เป็น “ฉันนี่แหละลิขิต” เพราะฉะนั้นไม่ต้องรอโชคชะตาบันดาลให้มาเจอกันหรอกนะ (เดี๋ยวจะชวด!) เรื่องแบบนี้มันสร้างกันได้ เขาลุกไปเข้าห้องน้ำ เราก็ลุกไปบ้าง เขาเดินไปซื้อของ เราก็ลองทำตาม ยิ่งเป็นเป้าหมายที่อยู่ใกล้กัน เช่น ทำงานตึกเดียวกัน ชั้นเดียวกัน เรียนที่เดียวกัน แบบนี้ยิ่งง่าย (แต่ไม่ใช่ทำตัวเป็นสตอล์คเกอร์นะ อันนั้นออกแนวโรคจิต!) และอย่าลืมประโยคยอดฮิต “อุ๊ย…เจอกันอีกแล้วนะคะ/ครับ” (พร้อมส่งสายตาให้ดูเหมือนว่าเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ) ด้วยล่ะ

3. เนียนเข้าไปอยู่ใกล้ๆ ให้ใจเขาหวั่นไหว!

ขั้นนี้เราขอบอกว่ามีประโยชน์ คนอยู่ใกล้ย่อมได้อะไรมากกว่าคนอยู่ไกล ประโยชน์ที่ว่าก็คือ คุณจะได้สังเกตว่าเขามากับใคร เพื่อนหรือว่าแฟน? ถ้าหูดีก็ลองฟังดูว่าเขาคุยอะไรกันบ้าง เก็บข้อมูลด้านกายภาพแบบเต็มตา เช่น หุ่น ใบหน้า ลักษณะ และรูปร่าง เช็คให้ชัวร์อีกที่ว่าคนๆ นี้ใช่แบบที่คุณต้องการ ไม่ใช่พวกหล่อสวยร้อยเมตร ค่อยๆ มองแต่อย่าจ้องแบบรุกหนัก อย่าลืมรอยยิ้มหวานๆ ส่งให้เขาเป็นระยะๆ ด้วย

4. ชวนคุย สร้างความรู้จักกันก่อน!

มาอยู่ใกล้ๆ แล้ว เราขอร้องว่าอย่าจู่โจมรุกหนัก ไม่อย่างนั้นไก่จะตื่น! ลองทักทายเขาแบบพอประมาณหรือทำทีเป็นว่าหาที่นั่งไม่ได้ เก้าอี้ไม่พอ เช่น “เก้าอี้ตัวนี้มีคนนั่งไหมคะ/ครับ?” แบบนี้แล้วก็เอาเก้าอี้ไปนั่งโต๊ะใกล้ๆ กัน หรือจะเป็น “ตรงนี้ว่างไหมคะ/ครับ ขอนั่งด้วยคนได้ไหม” แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นบทเริ่มต้นเจรจาต้องเปลี่ยนไปตามสถานการณ์แวดล้อม ไม่ใช่ว่าโต๊ะเก้าอี้เยอะแยะแต่ดันไปขอเขานั่ง อย่างนี้จะดูไม่เนียน เพราะฉะนั้นต้องคิด! คิด! คิด! จากนั้นก็เรียกความมั่นใจของตัวเองออกมา หันไปชวนคุยเล็กๆ น้อยๆ ลม ฟ้า อากาศ และเรื่องทั่วไป ที่สำคัญคือ ควรเลี่ยงคำถามโง่ๆ อย่างเช่น เห็นอยู่แล้วว่าเขามากับเพื่อน ก็ทะลึ่งไปถามว่า “มาคนเดียวเหรอคะ?” เรื่องนี้ต้องมีไหวพริบกันนิดนึงเนอะ

5. เช็คสถานะโสดให้ชัวร์!

อู๊ยยย…คุณคะเรื่องนี้สำคัญนะ! ทะเล่อทะล่าขอเบอร์ขอไลน์ไปทั้งที่ไม่รู้ว่าเขาโสดหรือเปล่าแบบนี้เสี่ยงจะโดนมองแรง โดนทึ้ง โดนตบ! เพราะฉะนั้นได้โอกาสพูดคุยทำความรู้จักกันแล้วก็เลียบๆ เคียงๆ เนียนถามเขาสักนิดว่า ยังโสดซิงไร้คู่หรือเปล่า เช่น “วันนี้แฟนไม่มาด้วยเหรอคะ/ครับ” หรือ “มารอแฟนเหรอคะ/ครับ” เป็นต้น อย่าลืมปรับบทพูดให้เข้ากับสถานการณ์ ถ้าคำตอบของเขาแสดงให้เรารู้ว่ามีโซ่คล้องคอแล้วก็ค่อยๆ ถอยฉากออกมา แต่ถ้าเขาส่ายหน้าเป็นสัญญาณทางโล่งสะดวกก็เหยียบคันเร่งให้มิด เดินหน้าต่อไปแบบสวยๆ ได้เลย

6. เอาเบอร์ เอาไลน์ มาให้ได้!

เข้าใกล้ได้แล้ว ชวนคุยได้แล้ว บอกเลยว่ายุทธการขอเบอร์เรื่องนี้ไม่น่ายาก แต่ถ้าทำไม่ได้ก็จบกัน! เพราะถ้าคุณไม่ได้ข้อมูลสำหรับติดต่อแล้วคุณจะหยดน้ำลงหินต่อไปได้ยังไง! เพราะฉะนั้นมารยาหญิงมีเท่าไหร่งัดออกมาใช้ให้หมด เบอร์โทร ไลน์ เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ต้องล้วงมาให้ได้ วิธีง่ายๆ ใสๆ ที่หลายคนลองทำดูแล้วบอกว่าเวิร์กคือ ปิดเสียง ปิดสั่นมือถือของตัวเอง แล้วหันไปบอกเขาว่า “โทษนะคะ/ครับ พอดีหาโทรศัพท์ไม่เจอ ไม่รู้ทำหล่นไว้ที่ไหน ขอยืมโทรเข้าเครื่องหน่อยได้ไหมคะ/ครับ” (แม้วิธีนี้จะดูว่าใช้กันบ่อยจนเกลื่อนแล้ว ก็ไม่ต้องกลัวว่าเค้าจะรู้ทัน บอกเลยว่ารู้ทันยิ่งดี จะได้รู้ว่าฉันอยากรู้จักเธอ) หรือจะทำเป็นว่าขอยืมโทรหาเพื่อนก็ได้ แล้วค่อยไปเอาเบอร์ที่เพื่อนอีกที แบบนี้ก็เริด อย่างน้อยก็ต้องได้เบอร์ได้ไลน์บ้างแหละนะ ลองดู!

อีกหนึ่งวิธีสำหรับคนทำงานใกล้กัน อยู่ตึกเดียวกัน ขอบอกว่าใช้วิธีนี้เลยค่ะ “ขอเบอร์หรือไลน์ไว้หน่อยนะ เผื่อว่าต้องดีลงานกัน” แบบนี้เนียนกริบ! ได้เบอร์ได้ไลน์มาแบบมีชั้นเชิง

7. ติดต่อ เทคแคร์ อย่างสม่ำเสมอ

ได้เบอร์มาแล้วก็แอดไลน์ แอดเฟซกันตามระเบียบ ทำเป็นทักไปขอบคุณเขาที่ให้ยืมโทรศัพท์ก็ได้ จากนั้นก็เนียนคุยต่อไป เริ่มหาข้อมูลว่าเขาชอบอะไร ไลฟ์สไตล์แบบไหนแล้วชวนเขาคุย หยอดความเป็นห่วงเป็นใยนิดๆ ลงไปด้วย ให้เขาเห็นว่าไอแคร์ยูนะจ๊ะ ที่สำคัญตอนนี้จะเป็นตัวชี้ชะตาให้คุณรู้ว่าจะได้เข้ารอบหรือตกรอบ เพราะถ้าเขาแสดงอาการรำคาญ อ่านไม่ตอบ แบบนี้คงต้องยอมรับว่าคุณไม่ใช่คนที่เขาต้องการ ในทางกลับกันถ้าเขาดูยินดีที่คุณชวนคุยและตอบกลับสม่ำเสมอ แบบนี้เตรียมตัวนัดเดทได้เลย

8. ไปเดทกันเถอะ!

ถ้าสัญญาณความรักดีมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ข้อ 1 ถึง 7 แบบนี้เรียกว่าดวงความรักเริ่มเปิด มีสิทธิ์ได้ลงจากคานแบบสวยๆ ฟันธง! เพราะฉะนั้นอย่ารีรอ ถ้าคุณมั่นใจว่าคนนี้ใช่จริง อยากพัฒนาความสัมพันธ์ ประเมินท่าทีเขาแล้วก็สอดคล้องไปในทางเดียวกัน จงนัดเจอกันซะ! เรียกง่ายๆ ตามภาษาวัยรุ่นว่า “ไปเดท” เราขอบอกว่า ถ้าคุณทั้งคู่ผ่านเดทแรกไปได้ คำว่าแฟนก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมหรอกจ้า

เขาว่ากันว่า “ความรัก” มักจะมาไวไปไวเสมอ ถ้าเจอคนที่ชอบ คนที่ใช่ จนอยากได้ (มาเป็นแฟน) แล้วไม่รีบคว้าไว้ เขาคนนั้นอาจจะลอยลมไป แต่ถ้ารีบร้อนปุ๊บปั๊บจับมาเป็นแฟนเขาก็คงจะตื่นตกใจวิ่งหนีหายไปอีก เอาเป็นว่าค่อยเป็นค่อยไป สักวันคงจะเจอคนสอยลงมาจากคานบ้างแหละเนอะ

>> อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับความรัก ความสัมพันธ์ และการใช้ชีวิตคู่เพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย <<

ภาพ : www.catholicmatch.com

บ่าวสาวแค่เปลี่ยนพฤติกรรมการกินวิธีลดน้ำหนักง่ายๆ ให้ทันวันวิวาห์

แค่เตรียมงานก็ไม่มีเวลามาฟิตหุ่นแล้ว หากคุณคือว่าที่บ่าวสาวที่กำลังเผชิญปัญหาหรือกังวลใจเรื่องนี้อยู่ แพรว wedding มาพร้อมทางลัดกับ วิธีลดน้ำหนัก อย่างง่าย เพราะแค่เปลี่ยนพฤติกรรมการกินหุ่นก็ฟิตเฟิร์มพร้อมสำหรับวันวิวาห์แล้ว

ขยับเท้าบ้าง

แค่ขยับเท้าบ้าง ขยับร่างกาย หรือการเดินให้มากก็สามารถเบิร์นไปได้ถึง 350 แคลอรี่ เพราะฉะนั้นถึงเวลาเปลี่ยนพฤติกรรมจากขึ้นบันไดเลื่อนก็อาจเปลี่ยนมาเดินขึ้นบันได หรือหากวันไหนอากาศดีๆ ก็อาจจะชวนคนรักออกไปเดินรับลมชมสวนก็ได้ทั้งเบิร์นแคลฯ ได้ทั้งโรแมนติกไปอีก หรือแม้กระทั่งเปลี่ยนจากการนั่งคุยโทรศัพท์เฉยๆ เป็นการเดินไปคุยไปก็ยังได้ จำไว้ แค่ขยับก็เท่ากับออกกำลังกาย

ลดถั่วคั่วลงหน่อย

ถึงแม้ว่าถั่วจะมีไขมันที่ดีต่อสุขภาพ แต่ถึงอย่างนั้นก็มีแคลอรี่มากเช่นเดียวกัน จากการรีเสิร์ชของมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์พบว่า ถั่วคั่ว 1 กำมือ (หรือประมาณ 1 ออนซ์) จะมีน้ำมันออกมาและให้พลังงานประมาณ 175 แคลอรี่ และถั่วคั่ว 3 กำมือให้พลังงานถึง 525 แคลอรี่ เพราะฉะนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงแคลอรี่อันมหาศาล และยังรับประทานถั่วได้อย่างสบายใจ ให้เปลี่ยนมาเป็นถั่วพิสตาชิโอ 2 กำมือที่ให้พลังงานเพียงแค่ 129 แคลอรี่

อย่านั่งกินอาหารหน้าทีวี

จากการรีเสิร์ชของมหาวิทยาลัยเมสสาชูเซตต์สพบว่า การนั่งทานอาหารหน้าทีวีจะให้พลังงานถึง 288 แคลอรี่ เพราะฉะนั้นก็จงเปลี่ยนพฤติกรรมมาเพลิดเพลินมื้ออร่อยบนโต๊ะอาหาร และเดินขยับร่างกายหลังจากทานอาหารเสร็จสักเล็กน้อย ซึ่งการขยับร่างกาย 1 ชั่วโมงจะช่วยเบิร์นได้มากถึง 527 แคลอรี่เชียวนะ

ลดท็อปปิ้งสลัดให้น้อยลง

แน่นอนว่าสลัดชามโตมาพร้อมสุขภาพดี แต่สารพัดท็อปปิ้งที่ไม่ใช่ผักและอัดแน่นอยู่นั้น เผลอๆ อาจให้แคลอรี่มากกว่าพิซซ่าหรือลาซานญ่าไปอีก!! ไหนจะชีส, เบคอน, อะโวคาโด, ผลไม้อบแห้ง ฯลฯ ที่แน่นอนว่าอุดมไปด้วยแคลอรี่ เพราะฉะนั้นจะดีกว่าถ้าคุณจะลดพลังงานแคลอรี่ไปได้สัก 500 แคลฯ หรือมากกว่านั้น กับการเลือกใส่ท็อปปิ้งเพียงแค่ 1 อย่าง และเพิ่มผักที่มีรสชาติดีแทน เช่น พริกหยวกคั่ว, หอมหัวใหญ่ย่าง หรือเห็ด เป็นต้น ที่สำคัญอย่าลืมลดน้ำสลัดจากที่เคยเติมให้เหลือแค่ครึ่งเดียวด้วยนะ อย่าได้มาตกมาตายเพราะสลัดชามนี้ชุ่มไปด้วยน้ำสลัดนะ

ใช้จานอาหารขนาดเล็กลง

เช่น จากจานอาหารขนาด 12 นิ้ว คุณอาจจะลดลงให้เลือกสัก 10 นิ้ว ก็จะช่วยให้คุณทานอาหารได้น้อยลง 20-25 เปอร์เซ็นต์ และเซฟแคลอรี่ไปได้มากถึง 500 แคลฯ แถมนักวิจัยยังบอกอีกว่า การลดขนาดจานลงไม่ได้มีผลต่อการอิ่มท้อง เพราะฉะนั้นจานเล็กลงแต่อิ่มเท่าเดิม เวิร์กสุดๆ ไปเลย

ลดสารพัดเมนูพาสต้า

พาสต้า 1 จาน/ถ้วยให้พลังงานประมาณ 220 แคลอรี่ แต่จากการรีเสิร์ชของมหาวิทยาลัยนิวยอร์กพบว่า ถ้าหากคุณไปรับประทานเมนูพาสต้าที่ร้านอาหารอาจจะมีแคลอรี่มากกว่านี้ถึง 480 เปอร์เซ็นต์ต่อด้วย หรือประมาณ 1,056 แคลอรี่ไปเลยจ้า แม้ว่าคุณจะกินบะหมี่หรือก๋วยเตี๋ยวไปถึง 2 ชามก็ยังให้พลังงานเพียง 616  แคลอรี่เท่านั้นเอง

จิบค็อกเทลสูตรบาง

ไซรัป, sour mix, น้ำผลไม้รสหวาน หรือสารพัดความครีมมี่ทั้งหลายที่ผสมลงไปในค็อกเทลอาจให้พลังงานมากถึง 800 แคลอรี่ เพราะฉะนั้นมาปรับสูตรค็อกเทลให้บางเบาด้วยการสั่งค็อกเทลผสมด้วยคลับโซดา, โทนิค วอเตอร์, น้ำแครนเบอร์รี่ หรือน้ำส้มคั้น ก็จะสามารถเซฟหุ่นจาก 800 แคลฯ อันน่ากลัวในเครื่องดื่มแก้วจิ๋วได้แล้ว

ทานอาหารกับคนกลุ่มน้อย

ผู้เชี่ยวชาญทางอาหารอาหารผู้เขียนหนังสือ Mindless Eating บอกว่า การรับประทานอาหารโดยเฉพาะมื้อเย็นกับคนกลุ่มใหญ่ 7 คนหรือมากกว่านั้นจะทำให้คุณทานอาหารได้มากถึง 96 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมันเหมือนกับว่าคุณทานอาหารเย็นมากถึง 2 เท่า!! เพราะฉะนั้นการลดจำนวนคนในมื้อเย็นอาจช่วยให้คุณลดพลังงานได้มากถึง 500 แคลอรี่เชียวนะ

ไม่ต้องกินให้เกลี้ยงจาน

เจมส์ โอ.ฮิลล์ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการลดน้ำหนักบอกว่าการเหลืออาหารในจานไว้ประมาณ 25 เปอร์เซ็นต์เป็นอีกหนึ่งทางที่จะช่วยลดน้ำหนักได้ เช่น หากในอาหารมื้อนั้นมีพลังงาน 2,000  แคลอรี่การเหลืออาหารไว้ 25 เปอร์เซ็นต์ของจานหรือของมื้อจะช่วยลดพลังงานได้มากถึง 500 แคลอรี่

แต่ถ้าใครไหนกลัวว่าทานเหลือแบบนี้ดูเสียของหรือเสียเงินโดยใช้เหตุก็อาจจะห่อกลับบ้านไว้กินมื้อต่อไปก็ได้นะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ในปริมาณที่พอดี และมีวินัยในการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หุ่นฟิตแอนด์เฟิร์มก็อยู่แค่เอื้อมแล้ว

ดูเรื่องราวเกี่ยวกับความงามและสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ pexels.com

เช็กด่วน 6 สัญญาณนี้จะบอกให้คุณรู้ว่า “เราพร้อมแต่งงานกันแล้ว”

แต่ง ไม่แต่ง แต่ง ไม่แต่ง… คิดวกวนไปมาอาจไม่ได้คำตอบที่ตรงใจ ลองเช็คกันดีกว่าว่าคู่ของคุณมีสัญญาณ 6 ข้อนี้ครบหรือไม่ ถ้ามีครบเมื่อไหร่ก็ตัดสินใจลั่นระฆังวิวาห์ แต่งงาน กันได้เลย

  • รู้สึกเป็นคนๆ เดียวกัน

ลองสังเกตตัวเองว่า ทุกครั้งที่เขามีปัญหา มีเรื่องไม่สบายใจ เศร้า หรือเสียใจ คุณรู้สึกอย่างไรบ้าง หากคุณรู้สึกไม่สบายใจตามไปด้วย และอยากช่วยเขาแก้ปัญหา นั่นแปลว่าคุณรู้สึกเป็นคนๆ เดียวกับเขาไปเรียบร้อยแล้ว หรือในทางกลับกันหากเห็นเขามีความสุขคุณก็จะพลอยสุขตามไปด้วย แบบนี้ที่เขาเรียกว่าร่วมทุกข์ร่วมสุขยังไงล่ะค่ะ

  • เป็นตัวของตัวเองได้เต็มที่เมื่ออยู่กับเขา

คนบางคนอาจมีหลายบุคลิก อยู่กับพ่อแม่เป็นแบบหนึ่ง อยู่กับเพื่อนเป็นแบบหนึ่ง หรืออยู่กับคนรักก็เป็นอีกแบบหนึ่ง ลองถามใจตัวเองดูนะคะว่า เวลาอยู่กับใครแล้วคุณรู้สึกเป็นตัวของตัวเองได้อย่างเต็มที่มากที่สุด หากคำตอบมาตกอยู่ที่คนรัก นั่นแปลว่าคุณพร้อมจะใช้ชีวิตคู่กับเขาแล้วล่ะ แต่ถ้าไม่ใช่ต้องลองหาคำตอบนะคะว่า ทำไมคุณถึงเป็นตัวของตัวเองได้ไม่สุดเมื่ออยู่กับเขา

  • ยอมรับข้อเสียของกันและกันได้

แน่นอนว่าไม่มีใครที่ดีพร้อมสมบูรณ์แบบ ทุกคนต่างมีข้อบกพร่องที่แตกต่างกันออกไป อีกทั้งคนสองคนก็ไม่สามารถเหมือนกันได้ไปเสียทุกอย่าง ดังนั้นการดำเนินชีวิตคู่ให้อยู่รอดปลอดภัย คุณจึงต้องยอมรับข้อเสียของอีกฝ่ายได้ ถ้าข้อเสียนั้นไม่ได้เลวร้ายจนเกินไป เชื่อเถอะค่ะว่า การมองข้ามไปบ้างช่วยให้อะไรๆ ง่ายขึ้นได้อีกเยอะ

  • เชื่อใจกัน

ความเชื่อใจเป็นสิ่งที่ทุกคู่รักหรือคู่ชีวิตควรมีให้กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่กำลังจะแต่งงาน เพราะความเชื่อใจเป็นคำตอบของคำถามที่ว่า เราพร้อมจะแต่งงานกันหรือไม่ ความเชื่อใจที่ว่านี้ นอกจากจะหมายถึงเชื่อใจในความซื่อสัตย์ที่มีต่อกันแล้ว ยังหมายถึงเชื่อใจที่จะฝากชีวิตไว้กับคนๆ หนึ่ง และเชื่อใจว่าเขาจะทำให้คุณมีความสุขในชีวิตคู่อีกด้วย

  • สื่อสารกันเข้าใจ

การแต่งงานคือการตัดสินใจอยู่ร่วมกัน ดังนั้นการสื่อสารที่ดีจะช่วยให้ชีวิตคู่ราบรื่นได้ ลองเช็คดูนะคะว่า ทุกวันนี้คุณพูดคุยกับเขาได้ทุกเรื่องไหม เวลามีปัญหาคุณอยากปรึกษาหรือระบายให้เขาฟังหรือเปล่า ในทางกลับกันคุณเองสามารถเป็นที่ปรึกษาหรือผู้รับฟังที่ดีให้กับเขาได้หรือไม่ และที่สำคัญที่สุดคือคุณทั้งคู่ต้องเปิดใจคุยกันในทุกเรื่อง เพราะการเก็บไว้คนเดียวไม่สามารถทำให้อีกฝ่ายรับรู้ได้ จริงไหมล่ะค่ะ

  • มีเป้าหมายและวางแผนอนาคตร่วมกัน

หากคุณมองเห็นอนาคตคล้ายๆ กัน มีเป้าหมายในชีวิตที่ตรงกัน เริ่มที่จะพูดถึงสิ่งต่างๆ เหล่านั้นกับเขาเสมอๆ และทุกอย่างที่วางแผนไว้หมายถึงการทำร่วมกัน นั่นแปลว่าคุณได้หลอมรวมภาพของเขาเข้าไปในอนาคตของคุณเรียบร้อยแล้ว ถ้ามองเห็นภาพอนาคตเป็นคำว่า “เรา” สัญญาณนี้แปลว่าพร้อมแต่งแล้วล่ะ

เป็นยังไงบ้างค่ะ ตอนนี้คู่ของคุณส่งสัญญาณความพร้อมไปกี่ข้อแล้ว นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้นนะคะ เพราะเป็นเพียง 6 สัญญาณสำคัญ ความจริงแล้วชีวิตคู่ยังมีรายละเอียดอีกเยอะแยะมากมาย ของอย่างนี้ต้องค่อยๆ เรียนรู้กันไป ไม่ต้องรีบร้อนดีที่สุดค่ะ

>> อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับความรักและความสัมพันธ์เพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย <<

ภาพ :unsplash.com

เครื่องประดับอัญมณี ของว่าที่บ่าวสาวที่ช่วยเสริมบารมีให้กับผู้สวมใส่

เครื่องประดับอัญมณี นอกจากเลอค่าตระการตาแล้ว คนส่วนใหญ่ยังเชื่อในพลังที่ช่วยเสริมบารมีชีวิตด้วย

ว่าที่บ่าวสาวที่หลงใหลในความงามของ เครื่องประดับอัญมณี หรือหินสีต่างๆ อาจจะลองเลือกหยิบมาใส่ประดับลุคในวันแต่งงานดูก็ได้นะจ๊ะ ไม่ว่าจะเป็น แหวนแต่งงาน สร้อยคอ หรือต่างหู ยิ่งถ้าเลือกให้เข้าเซตกันด้วยแล้วก็ยิ่งเพิ่มความงามไปกันใหญ่ แต่เหล่าอัญมณีสีสันสวยงามเหล่านี้ไม่ได้มีแค่ความสวยนะ แต่ยังมีความหมายดีๆ อีกด้วย ว่าแล้วก็ไปส่องกันหน่อยสิว่า อัญมณีเสริมบารมี นั้นมีอะไรกันบ้าง

ซิทริน (Citrine) หรือบุษราคัม

อัญมณีสีเหลือง ประจำตัวของคนที่เกิดในเดือนพฤศจิกายน หรือผู้ที่เกิดในราศีพิจิก และเชื่อกันว่าจะนำมาซึ่งสติปัญญา ความคิดสร้างสรรค์ ทำให้สดชื่น กระปรี้กระเปร่า เพิ่มความมั่นใจและความมุมานะให้กับผู้สวมใส่

เครื่องประดับอัญมณี


เพริดอต
(Peridot)

หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อว่า มรกตยามเย็น (Evening emerald) ซึ่งชาวอียิปต์ในสมัยก่อนเชื่อกันว่าเพริดอต นั้นเป็นอัญมณีแห่งราตรกาล ซึ่งจะส่องประกายและมีพลังเต็มที่ยามค่ำคืน และจะหลับไหลเพื่อสะสมพลังงานในตอนกลางวัน และมีพลังที่ทำให้จิตใจของผู้สวมเข้มแข็ง นำมาซึ่งอารมณ์และจิตใจที่มั่นคง ช่วยฟื้นฟูความสัมพันธ์ เสริมพลัง และปกป้องคุ้มครอง


บลูโทแพซ
(Cobalt Blue Topaz) 

อัญมณีสีฟ้าที่มีอานุภาพในการประนีประนอมระหว่างผู้เป็นเจ้าของกับผู้แวดล้อม ช่วยให้การสื่อสารกับผู้อื่นดีขึ้น มีความเข้าใจกันอย่างถ่องแท้ ขจัดความขุ่นข้องหมองใจ และช่วยให้มีสมาธิดีขึ้น และยังเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพ และความแข็งแกร่ง ในสมัยโบราณเชื่อว่าผู้ใดที่ได้ครอบครองบลูโทแพซจะมีสติปัญญาที่เฉลียวฉลาด และมีสภาวะจิตใจที่มั่นคง และเป็นอัญมณีเสริมดวงสำหรับคนเกิดวันศุกร์


การ์เนต (
Garnet) หรือโกเมน

การ์เนต ของไทยนั้นมีสีแดง พบมากที่บ้านบางกะจะ และเขาพลอยแหวน จังหวัดจันทบุรี และเป็นอัญมณีที่ในที่ใช้มาตั้งแต่ยุคสัมฤทธิ์ และมีความเชื่อกันว่าจะทำให้ชีวิตของผู้เป็นเจ้าของเต็มไปด้วยความสุขสมหวัง สุขภาพแข็งแรง ความรักมั่นคง ช่วยเสริมพลังและแรงบันดาลใจ และยังเป็นอัญมณีประจำเดือนมกราคมอีกด้วย


สโมกกี้ควอตซ์ (Smoky Quartz
)

เป็นควอตซ์ใสมีไอเหมือนควันสีน้ำตาลอมเหลืองปนอยู่ในเนื้อหิน มองเผินๆ อาจดูไม่ค่อยสวยนัก แต่เชื่อกันเป็นอัญมณีที่มีพลังปกป้องสูง ช่วยสลายพลังงานด้านลบ เสริมสัญชาตญาณแห่งการมีชีวิต ช่วยให้ประสบความสำเร็จทั้งในด้านธุรกิจและชีวิตส่วนตัว อีกทั้งยังเป็นหินที่เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งความโชดดี เชื่อกันว่าจะช่วยดึงดูดความโชคดีเข้ามาสู่ตัวผู้สวมใส่  และยังเป็นอัญมณีประจำชาวราศีตุลย์อีกด้วย

แต่ถ้าอยากเลือกอัญมณีแบบไม่ตกเทรนด์ต้องนี่เลย >>> Pantone 2018 สู่อเมทิสต์ อัญมณีสีม่วงทรงพลังเพื่อเจ้าสาว

ภาพ pinterest, unsplash.com

a a a a a a a a

คุณสมบัติแม่สามี & แม่ยาย แบบนี้แหละที่ลูกสะใภ้และลูกเขยอยากเจอ

แม่สามี & แม่ยาย แบบนี้แหละที่ลูกสะใภ้และลูกเขยอยากได้

หนุ่มสาวหลายคนที่กำลังจะออกเรือน มักจะคิดถึงเสมอในเรื่องอุปนิสัยใจคอของ แม่สามี & แม่ยาย ที่จะต้องพบเจอว่าจะตรงกับชีวิตจริงที่กำลังได้เจออยู่หรือเปล่า งั้นมาดูกันว่าลิสต์ที่คุณสมบัติเหล่านี้ที่แพรวเวดดิ้งลิสต์มาให้ นี่ใช่ไหม เหล่าคุณแม่ของเขาหรือเธอที่คุณอยากได้

มนุษย์แม่สามีในฝัน

1. รักลูกสะใภ้ไม่ต่างจากลูกตนเอง
แม่ผัวแบบนี้ใครได้ถือว่าบุญเก่าคงมีเยอะน่าดูเลยค่ะ ถ้าแม่ผัวแสดงความรักออกมาให้ลูกสะใภ้ตาดำๆ ได้เห็นบ้างแค่นี้ก็ชื่นใจแย่แล้วค่ะ

2. เอาหูไปนาเอาตาไปไร่
เวลาที่สามีภรรยาทะเลาะกัน แล้วแม่ยังมาไม่เอี่ยวเนี้ย ชีวิตจะดีมากเลยนะคะ แม่จะห่วงลูกชายแค่ไหนแต่ยังปล่อยให้เคลียร์กันเอง ไม่จุ้นจ้านให้วุ่นวาย แบบนี้สุดยอดค่ะmiddle aged mother feeling helpless when caught in between young couple's fight

3. ไม่เมาส์ลูกสะใภ้
ไม่ว่าคุณจะทำอะไรไม่ถูกใจ หรือไม่ว่าคุณจะไม่ได้เก่งเพอร์เฟค แม่ผัวของคุณก็ไม่เคยนินทาว่าร้านคุณให้ใครฟัง หรือแม้กระทั่งเปรียบเทียบคุณกับลูกสะใภ้บ้านอื่น

4. รักหลานช่วยเลี้ยงช่วยดู
ต่อให้ท่านไม่ค่อยชอบหน้าเราเท่าไหร่ก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แต่ถ้าเราวุ่นๆแล้วท่านช่วยเลี้ยงหลานบ้าง รักหลาน เท่านี้สะใภ้ก็กราบแทบเท้าแล้วล่ะค่ะ แต่ถ้ารักเกินไปจนให้ลูกเราไปติดอยู่ด้วยตลอดเวลาก็คงแย่เหมือนกันนะค่ะFemale family problems. Mature woman tries reconcile with adult daughter with baby after conflict

5. ไม่ขี้งก จุกจิกเรื่องเงิน
ธรรมดาค่ะ แม่บ้านยุคเก่าจะต้องเข้ามาสอดส่องดูเงินๆ ทองๆ ภายในครอบครัวของลูกชาย แต่ถ้าเข้ามาถามทุกวันว่าวันนี้ใช้เงินเท่าไหร่ ซื้ออะไรบ้างก็ไม่โอเคนะค่ะ แม่ผัวในฝันเอาแค่เป็นห่วงอยู่ห่างๆ ไม่เข้ามาวุ่นวายก็พอใจแล้วค่ะ

มนุษย์แม่เมียในฝัน

1. ให้เกียรติลูกเขย
แม่ยายของคุณเห็นคุณอยู่ในสายตา ไม่หักหน้ากลางวงสังคม มีอะไรมาปรึกษาตลอด ขอความคิดเห็นบ้าง และยังไม่พูดประชดประชัน เหยียดหยาม แม่ยายแบบนี้ดีมากๆ แล้วจริงไหมค่ะหนุ่มๆ

2. ไม่ดูถูกหน้าที่การงาน
ถึงแม้ว่าคุณจะทำงานตำแหน่งไม่ได้สูงอะไรมากมาย ไม่ได้มีโปรเจ็คพันล้านอยู่ในมือ แต่แม่ยายของคุณก็ไม่เคยที่จะดูถูกดูแคลนกันเลยmother_in_law_1agk1oq-1agk1qd

3. ไม่ก้าวก่ายเรื่องเงินทองภายในบ้าน
แม่ยายปล่อยให้คุณและภรรยาดูแลกันเอง ไม่เข้ามาจัดการ แม้ว่าเงินเดือนคุณจะไม่สูงเท่าลูกเขยบ้านอื่นๆ แต่แม่ยายของคุณก็ไม่ก้าวก่าย

4. ไม่ต้องบ่นทุกเรื่อง
ธรรมดาค่ะคุณ แม่ยายที่กำลังเข้าสู่วัยทอง มีอะไรนิดๆ หน่อยๆ ก็บ่นซะทุกเรื่อง พอได้บ่นทีก็ยาวเลย แต่ถ้าแม่ยายของคุณบ่นบ้างอะไรบ้าง ก็ยังพอทนไหวเนอะ

5. ไม่สอนหลานให้มองพ่อในแง่ลบ
ในกรณีนี้ถ้าแม่ยายของคุณ เกลียดขี้หน้าคุณมาก พยายามเท่าไหร่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมาละก็ ขอแค่แม่ยายของคุณ ไม่เสี่ยมสอนลูกให้มองเราในแง่ร้ายก็พอแล้วละ

young woman with boyfriend meeting future mother in law

เป็นอย่างไรบ้างค่ะหนุ่มๆ สาวๆ แม่สามีแม่เมียของคุณเป็นแบบในฝันนี้รึเปล่า ถ้าได้ครบ 5 ข้อนี้แสดงว่าบุญเก่ามีเยอะน่าดู แบบนี้คุณต้องทำดีกับท่านให้มากๆ นะคะ แต่ถ้าหนุ่มๆ สาวๆ คนไหนมีแม่ผัวแม่เมียคุ้มดีคุ้มร้าย ก็ปรับตัวหน่อยละกันพร้อมทำดีกับท่านให้มากๆ นะคะ วันไหนที่ท่านเห็นความดีของเราก็จะเอ็นดูเราเหมือนลูกคนหนึ่งแน่นอนค่ะ

>> อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับความรัก ความสัมพันธ์ และการใช้ชีวิตคู่เพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย <<

8 อาหารเผาผลาญไขมัน เพื่อการเริ่มต้นการเบิร์นที่สมบูรณ์แบบให้ทันวันแต่งงาน

การทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพและร่างกายเป็นสิ่งจำเป็น ไม่ว่าคุณจะออกกำลังกายหรือไม่ก็ตาม แต่สำหรับว่าที่บ่าวสาวบางคู่ การทานอาหารที่ดีและการออกกำลังกายก็เป็นสิ่งจำเป็น เพื่อการพิชิตหุ่นในฝันให้ทันวันวิวาห์ ซึ่งการเริ่มต้นการทานอาหารบางอย่างก็อาจนำมาซึ่งการบรรลุเป้าหมายนั้นได้เร็วขึ้น และนี่คือ อาหารเผาผลาญไขมัน ที่ช่วยเร่งกระบวนการเมตาบอลิซึ่ม ให้ร่างกายเผาผลาญได้เร็ว และที่สำคัญยังช่วยให้อยู่ท้องทำให้คุณเลิกกินจุบกินจิบไปได้เลย

1 แซลมอน

แซลมอน โดยเฉพาะปลาแซลมอนที่จับมาจากธรรมชาติ อุดมไปด้วยกรดโอเมก้า 3 และยังเป็นอาหารที่ทานแล้วอิ่มเร็ว อยู่ท้อง และยังช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ดังนั้นจึงเป็นอาหารที่ไม่ส่งผลต่อการสะสมไขมันในร่างกายอีกด้วย

2 วอลนัท

อุดมไปด้วยโอเมก้า 3 ที่ดีต่อสุขภาพ และวอลนัทยังช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด และช่วยป้องกันร่างกายของคุณจากการเก็บไขมันอีกด้วย เป็นอาหารที่ทานเพลินแถมดีต่อสุขภาพไปอีก

3 ผักคะน้า

คะน้าเต็มไปด้วยเส้นใยอาหารที่ช่วยควบคุมการปล่อยกลูโคสในกระแสเลือด นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยธาตุเหล็ก ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายลดฮอร์โมนคอร์ติโซลที่ก่อให้เกิดความเครียดที่อาจทำให้น้ำหนักของคุณเพิ่มขึ้นได้โดยไม่รู้ตัว และถ้าหากคุณสามารถดื่มน้ำคะน้าได้ล่ะก็ บอกเลยว่าน้ำแก้วนี้มีพลังงานแค่ 92 แคลอรี่เท่านั้นเอง แต่ถ้าใครไม่ถนัดก้สั่งผัดคะน้าหมูกรอบแทนไปก่อนเนอะ

4 น้ำมันมะกอก

น้ำมันมะกอกมีไขมันที่ดีที่สามารถช่วยป้องกันความหิวโหย จึงช่วยลดการกินที่มากเกินไปได้เป็นอย่างดี เอาล่ะ คราวนี้ก็เปลี่ยนจากการใช้น้ำมันพืชหรือน้ำมันหมู มาใช้น้ำมันมะกอกในการปรุงอาหารแทนล่ะกัน

5 ชาเขียว

นอกจากจะเป็นเครื่องดื่มที่มีแคลอรี่ต่ำแล้ว ชาเขียวยังมีสารที่ช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันอีกด้วย ถ้าอย่างนั้นก็ลองเลือกดื่มชาเขียวที่ไม่มีน้ำตาลหลังมื้ออาหารก็น่าจะเวิร์กต่อสุขภาพและหุ่นดีเหมือนกันนะ

6 กล้วย

บางคนอาจจะหลีกเลี่ยงการกินกล้วยเพราะมีคาร์โบไฮเดรตสูง แต่หากไม่ทานเลยก็อาจทำให้ร่างกายขาดโพแทสเซียมจากกล้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งโพแทสเซียมช่วยควบคุมแร่ธาตุและของเหลวในร่างกายของคุณ และยังช่วยเพิ่มการเผาผลาญพื้นฐานของร่างกายอีกด้วย

7 พริกไทย

แทนที่จะเลือกเติมน้ำตาล พริก หรือน้ำปลาในการปรุงก๋วยเตี๋ยว ถึงตอนนี้คุณอาจจะต้องเปลี่ยนมาเติมพริกไทยด้วยแล้ว เพราะมันอาจช่วยให้คุณลดน้ำหนักได้ เพราะพริกไทยมีสารประกอบที่เรียกว่า แคปไซซิน ที่สร้างความร้อนและสามารถช่วยให้ร่างกายเผาผลาญแคลอรี่และสลายไขมันได้ดี

8 น้ำมันมะพร้าว

น้ำมันมะพร้าวสามารถใช้ได้กับทุกอย่างตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ความงามไปจนถึงการปรุงอาหาร ซึ่งการใช้น้ำมันมะพร้าวเพื่อการบริโภคนั้นจะช่วยเพิ่มความสามารถของร่างกายในการเผาผลาญไขมันได้เป็นอย่างดี เป็นอีกหนึ่งไอเท็มสารพัดประโยชน์ที่ต้องมีติดบ้านไว้เลย

ดูเรื่องราวเกี่ยวกับความงามและสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a

“รักเราไม่เก่าเลย” 5 วิธีดูแลความรักให้สดใสอยู่เสมอ

สมัยนี้เดี๋ยวรัก เดี๋ยวเลิก รักง่ายหน่ายเร็วกันจนเป็นของธรรมดา มีปัญหาบ้าง ไม่เข้าใจกันบ้าง ไลฟ์สไตล์ไม่ตรงกันบ้าง แต่คำตอบของปัญหาที่เกิดขึ้นก็ไม่จำเป็นต้องจบลงด้วยการหยุดความสัมพันธ์เสมอไปใช่ไหมล่ะคะ มันคงจะดีกว่าถ้าจะสามารถประคับประคองกันไปได้แบบราบรื่น โดยที่ถึงแม้ว่าจะมีปัญหา แต่ก็ข้ามผ่านไปได้ ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ ใช้วิธีปรับความเข้าใจกันยังไง มันต้องมีเทคนิคกันบ้าง มาดูวิธีง่ายๆ ในการยืดอายุ ความรัก กันดีกว่า ทำง่ายได้ผลจริงแน่นอนค่ะ

1. รักเราไม่เก่าเลย

ทำให้เหมือนเพิ่งเริ่มคบกันใหม่ๆ อย่าให้ความรู้สึกว่าเป็นเรื่องความเคยชิน หาอะไรแปลกใหม่ทำให้คู่ของเราบ้าง แต่อาจจะมีเซอร์ไพร์บ้างเล็กน้อย เพื่อให้ความรักของเราดูไม่จืดชืด

2. มีเวลาให้กัน

บางทีต่างคนก็ต่างทำงาน อาจจะไม่มีเวลาให้กัน ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา เราไม่จำเป็นต้องมีเวลาให้กันตลอดเวลา แค่หาเวลาว่างนิดๆหน่อยๆ มาทำให้รักเราสดชื่นขึ้น เอมี่ว่าก็ดีนะคะ คือบางครั้ง แค่กินข้าวด้วยกันบ้างแป๊บนึงก็ยังดี ยิ่งถ้ามีเวลาเยอะหน่อยก็ไปเที่ยวต่างจังหวัด ต่างประเทศ ไปให้เห็นอะไรที่มันใหม่ๆ ด้วยกันบ้าง เพราะเวลาที่เราเดินทางไปด้วยกัน จะทำให้เราผูกพันธ์กันมากขึ้น และยิ่งได้เรียนรู้นิสัยใจคอกันมากขึ้นด้วยค่ะ

3. ให้เกียรติกัน

อย่างบางคนเนี่ย เวลาทะเลาะกันปุ๊บก็จะกลายเป็นปีศาจทันทีเลย จะพูดจาแบบว่าน่ากลัวมาก พวกคำหยาบคายอะไรอย่างนี้ ฉะนั้นเวลาทะเลาะกัน ต้องกล้าที่จะเปิดใจคุยกันในทุกเรื่อง มีอะไรชอบหรือไม่ชอบ ก็ให้พูดกันตรงๆ  ไม่โกหกกัน ถ้าโกหกแล้วก็จะโกหกไปเรื่อยๆ ที่สำคัญจะต้องไม่พยายามพูดจาทำร้ายใจกัน เพื่อเอาชนะอีกฝ่าย ต้องมีสติ และให้เกียรติกันเสมอ

4. ให้อภัยและให้โอกาส

คนสองคนเวลาจะมาคบกัน เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว ที่นิสัยจะต่างกัน เพราะเรามาจากคนละที่ ฉะนั้น พอถึงเวลาที่เราต้องเปลี่ยนหรือปรับตัวเอง แล้วบางทีมันก็ต้องมีทะเลาะกันบ้าง แต่ต้องรู้จักให้อภัยกัน ให้โอกาสกัน ยอมกันบ้าง และที่สำคัญต้องให้เวลาในการปรับตัวเข้าหากัน

5. พยายามเข้าใจกัน

ถ้ามาถึงวันนี้ วันที่เรารู้ว่าเขาเป็นยังไง เขาเองก็รู้ว่าเราเป็นยังไง เราก็ต้องเข้าใจกันและกัน มีอะไรที่เรายอมให้กันได้ ก็อยากจะให้ทำให้กัน ไม่จำเป็นต้องไปโกรธเขาทุกเรื่อง เพราะว่าทุกคนไม่สามารถที่จะเป็นไปอย่างที่เราต้องการได้ทุกอย่าง ตัวเราเองก็ต้องยอมที่จะพูดคุยกัน เพื่อให้เข้าใจกันมากขึ้นด้วย รักของเราจะได้หวานอยู่เสมอไงคะ

>> อ่านเรื่องราวความรักและความสัมพันธ์เพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย! <<

5 เคล็ดลับบอกผู้ใหญ่ให้ยอมตามถ้าอยากจัดงานแต่งขนาดเล็ก

งานแต่งขนาดเล็ก บอกผู้ใหญ่ยังไงให้ท่านเซย์เยส

อย่างที่แพรวเวดดิ้งเคยบอกไปแล้วว่ายุคนี้งานแต่งงานจะมีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ ไม่ตูมตามอลังการอย่างที่ผ่านๆ มา แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้นะคะว่า ผู้ใหญ่ยังยึดติดกับงานแบบเดิมๆ อยู่ ทีนี้ทำไงละที่จะทำให้ท่านคล้อยตามและยอมใจเมื่อรู้ว่าคุณอยากจัด งานแต่งขนาดเล็ก เคล็ดลับง่ายๆ ที่ไม่ลองทำไม่รู้ ลองมาดูก่อนจะส่ายหัวแล้วบ่นว่ายากกกกกก

ค่อยๆ บอกความต้องการประกอบเหตุผล

สิ่งแรกที่ต้องบอกตัวเองก็คือ เวลาจะแจ้งความต้องการของคุณ อย่าได้พูดแบบหักดิบหรือพูดเสียงดังจนทำให้ท่านรู้สึกว่า คุณเอาแต่ใจหรือสนแค่เรื่องสไตล์งานที่วัยรุ่นแต่งงานชอบทำกัน เพราะผู้ใหญ่ส่วนมากพอได้ยินว่าจะจัดงานเล็กๆ ก็ไม่วายคิดเรื่องนี้ก่อนเรื่องอื่นเสมอ แต่ยังไงซะก็จงบอกความต้องการอย่างตรงไปตรงมาแต่ค่อยเป้นค่อยไป ไม่ว่าเหตุผลนั้นจะเป็นเรื่องงบประมาณที่มีจำกัด เพื่อนไม่ได้มีเยอะ หรือแม้แต่มุมมองความคิดที่คุณทั้งคู่อาจรู้สึกตรงกันว่า การจัดงานเล็กๆ ก็เพียงพอต่อใจของคุณทั้งคู่แล้วล่ะ ซึ่งการค่อยๆ พูด ค่อยๆ บอกด้วยเหตุผลที่จริงใจแบบนี้ ท่านจะรับรู้ได้ถึงความต้องการของคุณได้ง่ายกว่า ส่วนเรื่องจะยอมรับหรือไม่ อันนั้นว่ากันอีกที

เปิดใจรับคำแนะนำ แต่มั่นคงในสิ่งที่ต้องการ

แน่นอนว่าเมื่อท่านได้ฟังไปแล้ว อาจเกิดอาการบางอย่าง หรือมีการแสดงความคิดเห็นอย่างใดอย่างหนึ่งกลับมาแน่นอน ขอให้คุณฟังท่านอย่างตั้งใจ เพราะความเห็นบางอย่างของท่าน คุณอาจมองข้ามไป หรือบางทีท่านอาจมีข้อเสนออื่นๆ ที่คุณนำมาปรับเปลี่ยนหรือประยุกต์ให้กับงานแต่งในฝันของคุณได้ ฉะนั้นอย่าได้ทำทีว่าหน่ายจะฟังเพราะยังไงก็ไม่เปลี่ยนใจ จงเงียบฟังอย่างสงบแต่ยังคงยืนหยัดมั่นคงต่อสิ่งที่คิด และคุณเท่านั้นที่จะตอบได้ว่า สิ่งที่ได้ฟังมา มีผลต่อความตั้งใจหรือไม่

แจ้งบอกเรื่องจำนวนแขกที่ท่านจะเชิญได้อย่างสุภาพ

เรื่องจำนวนแขกที่จะเชิญ เป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ต้องมีคำถามอย่างแน่นอน เหตุเพราะส่วนใหญ่จะมีความคิดว่า เมื่อลูกแต่งงานต้องแจ้งให้คนรู้จักหรือคู่ค้ารู้ เพราะถือเป็นอีเว้นของครอบครัว ซึ่งบางบ้านการแจ้งเชิญแขกมากมายให้มางานเพราะอยากให้คุณได้ซองเยอะๆ เพื่อเอาไปสร้างอนาคต ซึ่งก็อย่าไปว่าท่านนะคะ เพราะคือความคิดที่เปี่ยมไปด้วยความหวังดีทั้งนั้น เพียงแต่ถ้าคุณไม่ได้ต้องการในเรื่องจำนวนซอง ก็ถือโอกาสนี้เคลียร์ให้ชัดกับพ่อแม่ โดยกำหนดจำนวนแขกที่ท่านสามารถเชิญได้และขอความร่วมมือให้ท่านคัดแขกให้อยู่ในจำนวนนั้นๆ ซึ่งบางบ้านอาจยอมตามแต่มีการต่อรอง ดังนั้น จำนวนที่เสนอบอกท่าน ควรมีตัวเลขสำรองเผื่อๆ ไว้บ้างก็ดีนะคะ

งานแต่งขนาดเล็ก

โน้มน้าวด้วยข้อดีของการจัดงานขนาดเล็ก

พยายามบอกถึงข้อดีของการที่คุณจัดงานแต่งงานขนาดเล็กให้ท่านได้รู้ และได้อินไปกับคุณ โดยจับจุดอ่อนของท่านให้ได้ก่อนแล้วจึงหาวิธีการพูดให้เหมาะ เช่นถ้าพ่อแม่ของคุณเป็นผู้ใหญ่แนวอบอุ่น แฟมิลี่มากๆ เน้นไปเลยเรื่องอารมณ์ความอบอุ่นและบรรยากาศที่เป็นกันเองที่จะเกิดขึ้นในงานแต่งเล็กๆ ที่คุณฝันถึง ถ้าเป็นพ่อแม่ขี้งกก็บอกในเรื่องต้นทุนที่ลงไปน้อยอะไรแบบนั้น แต่อย่าคาดหวังว่าท่านต้องอินหรือคล้อยตามเสมอ แต่อย่างน้อยก็จะได้ให้ท่านได้มีข้อมูลของการจัดงานแบบนี้อยู่บ้าง เผื่อท่านจะมีความเข้าใจมากขึ้น

จำไว้! นี่งานแต่งของคุณไม่ใช่ของท่าน

แค่จำค่ะ แต่ไม่ต้องพูดออกไปรุนแรงจนท่านเกิดอาการน้อยใจ สิ่งที่แพรว wedding อยากให้คุณคิดตลอดในช่วงการแจ้งบอกหรือกล่อมท่านให้คล้อยตามและเปิดไฟเขียวให้คุณจัดงานแต่งงานขนาดเล็กคือ คิดเสมอว่าคุณตั้งเป้าไปแล้วว่างานแต่งในฝันคืองานแบบนี้ ถ้าคุณมั่นใจว่านี่แหละใช่แล้ว และเมื่อมองบริบทโดยรวมแล้วทุกอย่างลงตัวก็จงมุ่งมั่นสานฝันให้เป็นจริง

สิ่งที่ต้องไม่ลืมและเตรียมใจไว้คือ ผู้ใหญ่ส่วนมากจะขัดคุณก่อนแน่นอน แต่จงทำใจให้ร่มเสมอที่คุยกับท่าน บางทีคุณอาจค้นพบว่า ความพยายามทั้งหมดไม่สูญเปล่า เพราะท่านอาจคล้อยตามและยอมใจคุณได้ด้วยทุกสิ่งที่คุณตั้งใจทำมาก็ได้นะคะ

เรื่อง : Hoyamemoria
ภาพ : langhouse.com, marthastewartwedding.com

อ่านบทความเพิ่มเติม

Sweet Memory มาเติมความหวานให้กับ พิธีการแต่งงานเย็น กันเถอะ

ช่อบูเกต์เจ้าสาว 7 สไตล์ เลือกให้เข้ากับรูปร่าง พร้อมเทคนิคเลือกยังไงให้งบไม่บาน

เฉลิมฉลอง “วันจูบสากล” ด้วย ข้อดีของการจูบ ที่คู่รักอาจยังไม่รู้!!

4 ข้อห้ามในงานแต่ง … ความเชื่ออินเตอร์ที่ฝรั่งเขาทำกัน

รู้ไว้ใช่ว่า … ข้อห้ามในงานแต่ง ของฝรั่ง ที่บ่าวสาวชาวไทยรู้ไว้ก็ได้เหมือนกันนะ

การแต่งงานเป็นเรื่องที่ทำกันทุกชนชาติทุกวัฒนธรรม ซึ่งก็มีข้อห้ามแตกต่างกันไปตามความเชื่อของแต่ละพื้นที่ วันนี้เราขอนำเกร็ดความรู้เกี่ยวกับ ข้อห้ามในงานแต่ง สำหรับงานแต่งของชาวยุโรปมาฝากกันค่ะ ว่าที่บ่าวสาวชาวไทยคู่ไหนอยากทำตามบ้างเพื่อความสบายใจไม่ว่ากันค่ะ

1. ห้ามใส่ชุดแต่งงานสีเขียว

สำหรับเจ้าสาวคนไหนที่ชื่นชอบสีเขียว รักษ์โลกรักษ์ธรรมชาติ อย่าได้คิดแปลกแหวกแนวเลือกชุดแต่งงานสีเขียวเป็นอันขาด เพราะชาวยุโรปส่วนใหญ่เชื่อว่าสีเขียวเป็นสีของเทพธิดา หากเจ้าสาวหยิบชุดสีเขียวมาใส่ในงานแต่งงาน องค์เทพธิดาจะมาลงโทษเจ้าสาวคนนั้นที่บังอาจสวมใส่ชุดสีเดียวกับนาง (แต่ถึงเวลาจริงๆ ก็คงไม่มีใครเลือกใส่สีเขียวหรอกเนอะ เอ๊ะ! แต่ก็ไม่นะ)

2. ห้ามทำของตกแตก

เจ้าสาวคนไหนที่ตื่นเต้นในวันแต่งงานจนมือไม้อ่อนแรง จะหยิบจะจับอะไรต้องระมัดระวังให้จงหนัก โดยเฉพาะแก้วน้ำ กระจก จาน ชาม หรือสิ่งของอื่นๆ ที่จะตกแตกได้ง่าย รวมถึงให้ระวังส้นรองเท้าหักด้วย เพราะมีความเชื่อว่าหากสิ่งของแตกหักในวันวิวาห์ จะทำให้ชีวิตคู่ไม่ราบรื่น มีแต่ความร้าวฉานแตกแยกเช่นเดียวกับสิ่งของที่ตกแตก

3. ห้ามให้ใครมาชิมขนมเค้กของเรา

อย่างที่รู้กันดีว่าในงานแต่งงานคู่บ่าว-สาวจะต้องมีการตัดเค้กและแจกให้กับแขกที่มาในงาน ดังนั้นแขกคนไหนที่ได้รับมาแล้วต้องดูแลเค้กของตัวเองให้ดีและกินคนเดียว ห้ามให้ใครมากินของเราเด็ดขาด ในขณะเดียวกันก็ห้ามไปกินเค้กของคนอื่นด้วยนะคะ

ความเชื่อในข้อนี้ถึงแม้จะไม่ชี้ชัดเหตุผลว่าเป็นเพราะอะไร แต่เราเชื่อว่าเค้กแต่งงานนั้นถือเป็นสัญลักษณ์ของชีวิตคู่รัก เพราะฉะนั้นก็จงกินแต่เพียงเค้กของตน อย่างไปแหยมกับเค้กของคนอื่น (เหมือนไปแย่งของๆ เขา) เด็ดขาด!

4. ห้ามพี่น้องแต่งงานวันเดียวกันหรือปีเดียวกัน

อีกหนึ่งความเชื่อของชาวยุโรปที่เชื่อว่า คนที่เป็นพี่น้องกันห้ามแต่งงานในวันเดียวกันหรือปีเดียวกันเด็ดขาด เพราะจะทำให้ทั้งสองครอบครัวพบเจอแต่เรื่องเลวร้าย ชีวิตครอบครัวไม่มีความสุข ดังนั้นหากว่าอยากจะแต่งงานก็ตกลงกันให้ดีว่าคนพี่จะแต่งเมื่อไหร่ คนน้องจะแต่งตอนไหนจะได้ไม่เป็นปัญหาทีหลังเนอะ

สุดท้ายอยากจะบอกเหล่าว่าที่บ่าว-สาวว่า เกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ ที่นำมาฝากกันวันนี้ ใครเชื่อแล้วจะทำตามก็ไม่เสียหาย ส่วนใครที่คิดว่าทั้งหมดนี้มันเป็นความเชื่อของชาวยุโรป แต่ว่าฉันเป็นคนไทยหรือฉันเป็นคนจีนจะเชื่อดีไหม เอาเป็นว่าเดี๋ยวคราวหน้าจะเอาข้อห้ามทั้งของไทยและจีนมาฝากกันแน่นอน รออ่านได้เลย

แต่ที่แน่ๆ บ่าวสาวชาวไปต้องไม่พลาด >>> ไม่อยากตกเป็นรองต้องอ่าน! 6 ความเชื่อในวันแต่งงานที่บ่าวสาวต้องระวัง

ภาพ www.pexels.com

a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a