เคยเป็นกันบ้างไหมกับอาการประมาณว่า เลือกไม่ได้ ตัดสินใจไม่ถูก กับข้อเสนอจากร้านชุดไทยสวยๆ ที่จัดแพ็คเกจและโปรโมชั่นมาให้เลือกมากมาย ถ้าคุณกำลังสับสนอยู่ แพรวเวดดิ้งมีวิธีให้คุณได้รีวิว แพ็คเกจ ชุดแต่งงานชุดไทย ให้โดนใจและตรงความต้องการมาแนะนำกัน
แน่นอนว่าในการเดินเลือกซื้อเสื้อผ้า เราต้องมีเป้าหมายว่าเราอยากจะได้ชุดแบบไหนกันใช่ไหมจ๊ะ ไหนจะต้องดูราคาว่าตรงตามงบที่เราตั้งไว้หรือเปล่า ไหนจะต้องเช็คความคุ้มค่าว่ามีมากน้อยเพียงใด แต่ถ้าคุณรู้แน่อยู่แก่ใจแล้วว่าอยากได้ชุดไทยแบบไหนสำหรับใช้ในวันแต่งงานก็เริ่มรวบรวมแพ็คเกจชุดไทยไว้เลย จากนั้นก็…ลุย!
ราคากับงบประมาณ…ของแบบนี้ต้องคู่กัน
ก่อนอื่นคุณจะต้องตั้งงบประมาณสำหรับชุดไทยขึ้นมาก่อน โดยอาจตั้งเป็นตัวเลขกลมๆ เอาไว้ในใจ แล้วตั้งธงเลยว่าในราคาที่ว่านี้จะเป็นราคาชุดเจ้าสาวชุดเดียวหรือชุดเจ้าสาวพร้อมชุดเจ้าบ่าว ว่าง่ายๆ คือในงบประมาณที่ว่านี้จะมีรายละเอียดที่ต้องการอะไรบ้าง จากนั้นก็เริ่มเสาะหาแพ็คเกจที่คุณสนใจไว้หลายๆ ร้าน เมื่อได้มากพอแล้ว ก็นำแพ็คเกจเหล่านั้นมาเปรียบเทียบกับงบประมาณที่ตั้งเอาไว้ เพื่อหาว่ามีแพ็คเกจไหนบ้างที่สอดคล้องกับงบประมาณของคุณ จากนั้นก็เริ่มตัดแพ็คเกจที่เกินงบประมาณออกไปก่อน
ความคุ้มค่าที่คุณต้องเลือก
หลังจากที่ได้ราคาและงบประมาณแล้ว ก็จะต้องมาดูว่าของในแพ็คเกจที่เราสนใจ มีรายละเอียดอะไรบ้างและตรงกับความต้องการมากน้อยแค่ไหน จากนั้นเปรียบเทียบความคุ้มค่ากับสิ่งที่มีในแพ็คเกจคู่ไปกับราคา เช่น
แพ็คเกจชุดไทยร้าน A ราคา 8,000 บาท คุณจะได้ชุดไทยสำหรับเจ้าบ่าวและเจ้าสาวพร้อมเครื่องประดับครบเซ็ท แต่ในทางกลับกัน แพ็คเกจร้าน B ก็มีราคา 8,000 บาทเหมือนกัน แต่สิ่งที่คุณจะได้นอกจากชุดไทยพร้อมเครื่องประดับแล้ว คุณยังจะได้ชุดเจ้าสาวสวยๆ สำหรับถ่ายภาพพรีเวดดิ้งอีกด้วย
แต่ถ้าหากราคาของ 2 ร้าน มีความต่างกันไม่มาก ก็ต้องมาดูกันว่าของทั้งสองร้านต่างกันอย่างไร และร้านไหนคุ้มกว่ากัน เช่น แพ็คเกจร้าน A ราคา 10,000 บาท ได้ชุดไทย 2 ชุด ส่วนร้าน B ราคา 13,000 บาท แต่ได้ช่างหน้า-ผม เพิ่มเข้ามา คุณก็ต้องไปเช็คดูว่าหากต้องจ้างช่างหน้า-ผมต่างหาก โดยเพิ่มเงินอีก 5,000 บาท เมื่อเทียบฝีมือแล้วถูกใจคุณพอๆ กัน คุณก็ควรเลือกช่างหน้าช่างผมที่มาพร้อมแพ็คเกจ 13,000 จริงไหม
ของแถมชิ้นน้อยเป็นของมัดใจ
ของแถมที่ได้รับนอกเหนือจากในแพ็คเกจ ก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกแพ็คเกจของร้านนั้นๆ เพราะบางทีของแถมที่ได้อาจช่วยคุณประหยัดค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นก็ได้ เช่น ในตัวแพ็คเกจไม่ได้ระบุว่าคุณจะได้ช่างแต่งหน้าและทำผมในวันงาน แต่ทางร้านใจดี แถมให้ ก็ช่วยลดค่าใช้จ่ายสำหรับส่วนนี้ไปได้ไม่น้อย
รีวิวหน่อยไหม…คนอื่นคิดอย่างไร
เมื่อคุณได้แพ็คเกจที่ถูกใจมามากพอ ก็อย่าเพิ่งรีบร้อนด่วนตัดสินใจเซย์เยส ให้ลองหารีวิวของลูกค้าที่เคยใช้บริการในร้านนั้นๆ เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียของแต่ละร้าน และใช้เป็นตัวคัดกรองร้านที่หามา เพราะต่อให้ร้านนั้นมีแพ็คเกจดี ราคาโดนขนาดไหน แต่หากการบริการไม่ดี แล้วคุณต้องมาหัวเสียเพลียใจทีหลัง ก็คงไม่คุ้มค่าน่าเลือกจริงไหม
เจอของจริง…มั่นใจและถูกใจกว่า
เมื่อหาร้านที่ถูกใจได้ซัก 4-5 ร้านแล้ว ก็ควรที่จะนำมาเรียงจัดอันดับหาร้านที่ชอบมากที่สุด 3-5 ร้าน แล้วไปติดต่อที่ร้านเหล่านั้น เพื่อไปลองชุดว่าชุดสวยจริงไหม รายละเอียดตรงกับภาพโฆษณามากแค่ไหน ใส่แล้วเป็นอย่างไร รวมไปถึงพูดคุยดูอัธยาศัยเจ้าของร้านว่าเป็นอย่างไร ถูกจริตเราหรือเปล่า มีการบริการและการดูแลลูกค้าดีมากน้อยเพียงใด จากนั้นนำผลที่ได้มาเปรียบเทียบกันเพื่อหาร้านที่สามารถตอบโจทย์กับเรามากที่สุด
ทั้งหมดนี้คือขั้นตอนง่ายๆ ที่จะช่วยให้คุณเลือกแพ็คเกจชุดไทยได้คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายแถมยังได้ของที่ถูกใจและตรงจริตมากที่สุด และที่สำคัญไม่ว่ารายละเอียดและของแถมจะเป็นอย่างไร อย่าลืมที่จะสอบถามกับทางร้านว่าของในแพ็คเกจของคุณสามารถปรับเปลี่ยนหรือเพิ่มลดอะไรได้บ้าง แต่จะต้องไม่น่าเกลียดจนเกินไปนะจ๊ะ เมื่อบ่าวสาวพร้อมแล้ว จะมัวรออะไร ลุย! ได้เลย…
>> ติดตามไอเดียและคำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับชุดแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย! <<