How to จีบมนุษย์โลกส่วนตัวสูงยังไงให้โลกทั้งใบมีแค่เราสองคน

“ผมแอบหลงรักผู้หญิงคนหนึ่ง แต่เธอ โลกส่วนตัวสูง มาก จะจีบเธอยังไงดีครับ” ใครที่เจอบุคคลประเภทนี้อย่าเพิ่งท้อใจ มาทำความรู้จักกันว่าคนโลกส่วนตัวสูงมีลักษณะนิสัยเป็นยังไง เริ่ม!

สิ่งที่อยากให้เข้าใจก่อนก็คือ คนที่โลกส่วนตัวสูงเนี่ยไม่จำเป็นว่าเขาจะต้องชอบอยู่คนเดียวหรือปิดการรับรู้จากผู้คนรอบข้างหรอกนะคะ คุณอาจจะได้พบคนที่นิสัยเฟรนด์ลี่ เข้ากับคนอื่นได้เป็นอย่างดี แต่ค่ะแต่!! เมื่อคุณได้พูดคุยกับเขาไปสักระยะเวลาหนึ่ง พวกเขาเหล่านั้นก็จะเริ่มขีดเส้นระหว่างความสัมพันธ์ขึ้นมาหนึ่งเส้น เป็นสัญญาณบอกว่า “คุณเข้ามาได้ถึงแค่เส้นนี้นะจ๊ะ ห้ามก้าวข้ามเส้นนี้มาในโลกของฉันเด็ดขาด” บางคนโชคดีเจอแค่เส้นบางๆ กั้นไว้ บางคนเจอประตู บางคนเจอกำแพง ไม่ต้องถอนหายใจค่ะ เรามาค่อยๆ ข้ามสิ่งเหล่านี้เข้าไปหาเขากันดีกว่า

1. ใช้วิธีแบบน้ำซึมบ่อทราย

สำหรับวิธีการเข้าหาคนโลกส่วนตัวสูงวิธีนี้จัดว่าเป็นวิธีลำดับต้นๆ ที่อยากแนะนำให้ทำตาม เพราะลักษณะอย่างหนึ่งของคนโลกส่วนตัวสูงคือ “ไม่ชอบการจู่โจม” การที่คุณใช้วิธีตรงๆ เช่น อยู่ๆ ก็เดินไปบอกเขาว่าชอบนะ จีบนะ ขอเบอร์หน่อยนะ แบบนี้บอกได้เลยค่ะว่า ปึ้ง! ปึ้ง! ปึ้ง! ได้ยินเสียงกำแพงก่อตัวไหมคะ คราวนี้แหละค่ะ ทุบกำแพงยากเลย! เพราะฉะนั้นคุณจะต้องใช้ยุทธการ “น้ำซึมบ่อทราย” แทรกซึมตัวเองเข้าไปทำความรู้จักกับเขาซะก่อน ค่อยๆ เดินเข้าไปในชีวิตของเขาทีละนิด เริ่มต้นจากความเป็นเพื่อนกันก่อนจะดีมาก ปล่อยให้เขาได้เรียนรู้คุณ ในขณะเดียวกันคุณก็จะได้ศึกษาความชอบส่วนตัวและนิสัยของเขาด้วย แบบนี้แทนที่คุณจะต้องเจอกำแพง อาจจะเหลือเพียงแค่เส้นด้ายบางๆ ก็ได้

2. ชวนคุยในเรื่องที่เขาชอบ

หลังจากที่คุณค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปหาเขาแล้ว คราวนี้ก็อย่าปล่อยให้เสียเวลาเปล่า คุณต้องหัดสังเกตว่า “เขาชอบอะไร” เช่น เพลงแนวไหนที่เขาชอบฟัง หนังประเภทไหนที่เขาชอบดู อาหารแบบไหนที่เขาชอบกิน และเขาสนใจสิ่งใดเป็นพิเศษ เมื่อรู้แล้วก็ชวนเขาคุยเรื่องเหล่านั้น แต่ถ้าไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาชอบนั้นมันเกี่ยวกับอะไรก็ลองทำรีเสิร์ชซักนิดจะได้คุยกับเขารู้เรื่อง ซึ่งจริงๆ แล้วความชอบของคนโลกส่วนตัวสูงก็ไม่ได้แปลกแหวกแนวอย่างที่ใครๆ คิดกันหรอกค่ะ หาใน Google ก็เจอนะ ลองดู!ไม่ยาก!

3. อย่าไปเปลี่ยนโลกของเขา

ข้อนี้ก็สำคัญขอให้จำฝังในจิตใต้สำนึกไว้เลย!!! เพราะคนที่โลกส่วนตัวสูงเนี่ยเขามักจะมีแพร์ทเทิร์นการใช้ชีวิตในแบบของเขาอยู่แล้ว ถ้าคุณจะเข้าไปในโลกของเขา คุณจะต้องทำให้เขารู้สึกว่า การที่มีคุณเพิ่มเข้ามาจะไม่กระทบกับชีวิตประจำวันที่เขาเคยเป็นและเคยทำอยู่ ต้องรู้จักเว้นช่องว่างให้เขาได้ทำในสิ่งที่ทำเป็นประจำ เช่น เวลานี้เขามักจะชอบอ่านหนังสือ เวลานั้นเขามักจะชอบนอนดูหนัง ฯลฯ แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องไม่หายไปจากโลกของเขาด้วย ถ้าถามว่า เอ้า! แล้วจะทำยังไงถึงจะได้ใกล้ชิด คำตอบคือ ข้อ 2 ที่อ่านผ่านมานั่นแหละค่ะ เข้าไปทำสิ่งที่เขาชอบด้วยกันเลย (แต่บางทีคนโลกส่วนตัวสูงก็อยากทำอะไรคนเดียวบ้าง อันนี้ต้องดูตาม้าตาเรือนิดนึง)

4. อย่าเซ้าซี้ อย่าเยอะ!

ข้อนี้ถือว่า ขอร้อง แล้วกันนะคะ ถ้าหากว่าเป็นมนุษย์แบบอื่นก็อาจจะชอบให้แฟนมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งกระดิ่งแมว จ้ะจ๊ะ จ๋าจ๋า โทรหา 24 ชั่วโมง แต่สำหรับมนุษย์โลกส่วนตัวสูงบอกเลยว่า NO! เพราะถ้าขืนคุณทำตัวแบบนี้มันจะไม่ได้ดูน่ารัก แต่จะกลายเป็น “น่ารำคาญ” ซะมากกว่า เพราะฉะนั้นทำแต่พอดี ไม่ต้องเอาใจหวานเว่อร์ ไม่ต้องคอยโทรคอยไลน์หาตลอดเวลา แค่โทรพูดคุยถามสารทุกข์สุขดิบให้หายคิดถึงก็พอนะ ขอแค่นี้พอ!

5. เป็นตัวของตัวเองเข้าไว้ ต้นปลายให้เสมอกัน

คิดจะจีบคนโลกส่วนตัวสูงคุณจะต้องมั่นใจในตัวเองและเป็นตัวของตัวเองเข้าไว้ ถ้าคิดจะเปลี่ยนตัวเองให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของเขา บอกเลยค่ะว่ามันไม่เวิร์ค! เพราะฉะนั้นไม่ต้องเลิกทำสิ่งที่คุณชอบหรือเปลี่ยนตารางชีวิตเพื่อที่จะมาเอาใจเขา และที่สำคัญก็คือ ไม่ว่าจะจีบใครก็ตามคุณต้องเสมอต้นเสมอปลาย ถือคติที่ว่าน้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกร่อน นี่หัวใจของคนไม่ใช่หิน สักวันเขาจะต้องเห็นความจริงใจและความตั้งใจของคุณแน่นอน

6. แสดงให้เขาเห็นว่าคุณมีความเป็นผู้ใหญ่และมีเหตุผล

คนโลกส่วนตัวสูงมักจะชินกับการอยู่คนเดียว ชอบไปไหนมาไหนคนเดียว และดูแลตัวเองได้ค่อนข้างดีในระดับที่ไม่ต้องให้ใครมาดูแลก็ได้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เขาต้องการคือคนที่มีความเป็นผู้ใหญ่ มีเหตุผล สามารถพึ่งพาได้ในเวลาที่เขาร้องขอ ดูแลเอาใจใส่ในแบบพอดีๆ ไม่จู้จี้จุกจิก ไม่ต้องทำให้ทุกอย่างให้กัน (เขาแค่โลกส่วนตัวสูง ไม่ได้เป็นง่อย) และอย่าทำตัวเป็นเด็กงี่เง่าที่คอยเรียกร้องความรักความสนใจ หรือทำในสิ่งเขาจะรู้สึกว่าคุณเป็นภาระเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นคุณอาจจะได้ยินคำว่าน่าเบื่อ น่ารำคาญจากปากของเขาก็ได้

7. เข้าใจและเคารพ

ถ้าอยากจะเอาชนะใจมนุษย์โลกส่วนตัวสูง สิ่งที่อยากจะให้จำฝังใจก็คือ “เข้าใจ” ในตัวตนที่เขาเป็น และ “เคารพ” ในพื้นที่ส่วนตัวของเขา จริงอยู่ที่มนุษย์โลกส่วนตัวสูงมักจะชอบขีดเส้นแบ่งเขตหรือสร้างช่องว่างให้กับความสัมพันธ์ แต่คุณจะต้องไม่คิดว่าระยะห่างที่เกิดขึ้นนั้นมันคือความหมางเมิน รวมถึงอย่าเรียกร้องให้เขาเปลี่ยนตัวเอง หรือตัดพ้อเขาที่ไม่ยอมให้คุณเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในโลกของเขา เพราะถ้าเป็นแบบนั้นคุณก็เตรียมใจไว้เลยว่าคุณจะได้กระเด็นออกมาตั้งแต่ยังไม่เริ่มก้าวเท้าเข้าไปในโลกของเขาเลยด้วยซ้ำ

สำหรับคนโลกส่วนตัวสูงแล้วเขาจะไม่รีบใจเร็วด่วนได้ในเรื่องของความรักและมักจะใช้เวลาศึกษาเฝ้าดูคนที่เข้ามาค่อนข้างนาน ดังนั้นคุณจะต้องหนักแน่นและอดทน เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่เขารู้สึกว่าคุณคือคนที่ใช่ อยู่ด้วยแล้วสบายใจ รับรองเลยว่าเขาจะเป็นคนเดินออกจากโลกของเขามาหาคุณเอง และคุณก็จะได้เป็นโลกอีกใบหนึ่งของเขาเช่นกัน

ภาพ : www.pexels.com

อ่านบทความเพิ่มเติม

เสริมดวงความรักให้มั่นคง ด้วย 7 ไม้มงคลไว้ปลูกในเรือนหอ

7 เทคนิคกระชับพื้นที่ใจ ให้รักทางไกลได้ใกล้กว่าที่เคย

10 ไอเดียกิจกรรมแก้เบื่อที่คู่รักต้องทำรับประกับความสวีทเว่อร์

10 จุดว่าที่เจ้าสาวต้องเช็คชุดแต่งงานให้ชัวร์ก่อนรับมาใส่ในวันแต่งงาน

เคยเป็นใช่ไหมละที่พอพ้นร้านชุดแต่งงาน มาแล้วเพิ่งจะมาเจอว่า ชุดที่รับมามีตำหนิไม่ว่าจะเป็นมีรอยขาด ซิปไม่ไหลลื่น กระดุมเย็บไม่ดี หรือเก็บรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ได้ไม่เนียน  ซึ่งเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้โดยไม่เกี่ยวว่า จะเป็นชุดแบบสั่งตัด หรือ ชุดแบบเช่า ทีนี้ก็อยู่ที่ว่าตัวคุณนั่นแหละต้องรอบคอบและ เช็คชุดแต่งงาน ให้ชัวร์ก่อนจะโวยวาย ฉะนั้นก่อนออกจากร้านไล่เช็คให้หมดทุกจุดดังต่อไปนี้

  • เช็คชัวร์จุดที่ 1 : แผงกระดุมที่ด้านหลังครบถ้วนทุกเม็ด

ชุดเจ้าสาวที่มีกระดุมเป็นสิบๆ เม็ดบางทีมีแอบหลุดหล่นหายหรือบางร้านเย็บติดมาไม่ดี บางทีเป็นเพราะชุดนี้ใช้ต่อกันมาจนทางร้านอาจลืมเย็บย้ำให้แน่น คุณจึงควรเช็คให้ชัวร์ก่อนว่าไม่มีเม็ดไหนร่วงหายไป เพราะไม่ว่าจะเป็นกระดุมที่ต้องติดจริง หรือแค่กระดุมหลอก การหายไปหนึ่งเม็ดก็เหมือนคนฟันหล่อ ดูกี่ครั้งก็สะดุด

  • เช็คชัวร์จุดที่ 2 : รังดุมเนี๊ยบและพอดิบพอดี

ไม่ใช่แค่กระดุมเท่านั้นที่ต้องเช็ค แต่รังดุมสำหรับให้แต่ละเม็ดลงไปจับคู่ต้องใช้งานได้จริง บางร้านตัดมาใส่ใหม่ๆ ก็จริง แต่ด้วยความรีบอาจมีบางรูเจาะรังดุมเล็กเกินไป กว่าจะยัดเม็ดดุมลงไปได้เล็บแทบหัก ฉะนั้นลองติดทุดเม็ดกับทุกรังดุมก่อนเสมอนะคะ

  • เช็คชัวร์จุดที่ 3 : ซิปยาวที่ด้านหลัง

อันนี้ไม่ยาก เช็คว่ารูดขึ้นลงได้คล่องไหม ซิปแตกหรือเปล่า มีเปอร์เซนต์การกินขอบตะเข็บระหว่างทางไหม จำไว้เลยนะคะว่า ซิปด้านหลังชุดเจ้าสาวมักเป็นแบบยาว ถ้าสะดุดขึ้นมาเมื่อไหร่ เรื่องยาวแน่นอน

  • เช็คชัวร์จุดที่ 4 : สายริบบิ้นคอร์เซ็ทมีหรือยัง

อย่าเอาแต่เช็คแค่รังดุม ถ้าคุณเลือกชุดแบบที่เป็นคอร์เซ็ทที่ต้องมีริบบิ้นเส้นยาวร้อยไปมา อย่าลืมเช็คว่าทางร้านนำมาให้หรือยัง และเมื่อนำมาแล้ว ต้องซ้อมร้อยด้วยนะคะว่าความยาวพอดีไหม ไม่ใช่ร้อยได้ครึ่งทางแล้วหยุดนิ่งจนต้องวิ่งไปซื้อริบบิ้นผูกผมนักเรียนมาใช้แทน

  • เช็คชัวร์จุดที่ 5 : ตะเข็บข้างแน่นหนาหรือเปล่า

ใครจะรู้ว่า พอวันใส่จริงคุณจะตัวขยายหรือตัวจะบางลง ซึ่งถ้าบางลงคงไม่มีปัญหาเท่าไหร่ แต่ถ้าขยายขึ้นมาสักครึ่งนิ้วอาจเกิดเรื่องได้ ฉะนั้น ช่วงที่ลองชุดครั้งสุดท้าย ถ้ารู้สึกแน่นไปหลวมไปต้องรีบแจ้งทางร้านนนะคะ เมื่อแก้ไขเสร็จอาจเช็คชัวร์อีกนิดด้วยการดึงตะเข็บข้างรอบตัวเบาๆ เพื่อเช็คความยืดหยุ่นสักหน่อย จะได้มั่นใจไงคะ

  • เช็คชัวร์จุดที่ 6 : รอยต่อตรงรักแร้ไม่ปริแน่นอน

ตอนที่ลองสวมครั้งสุดท้าย อย่าลืมขยับแขนในท่วงท่าที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในวันงาน ไม่ว่าจะเป็นยกมือไหว้แขก ชูแขนโบกมือให้เพื่อนหรือยืดสุดกำลังเพื่อโยนดอกไม้ จะได้รู้ไงละคะว่ารอยต่อตรงใต้รักแร้ไม่ปริให้เห็นเนื้อนวลด้านในไม่ว่าคุณจะอยู่ในท่วงท่าไหน

  • เช็คชัวร์จุดที่ 7 : ฝีเข็มเนียนๆ ที่ก้นและสะโพก

สาวไหนเลือกชุดเจ้าสาวที่เน้นก้น เน้นสะโพก อย่างชุดเจ้าสาวทรงเมอร์เมตต้องมั่นใจยิ่งกว่าร้อยเปอร์เซนต์นะคะว่า ฝีเข็มที่เว้าโค้งไปกับก้นและสะโพกอันกลมกลึงนี้ละเอียดและไม่ห่าง เพราะคงดูไม่ดีแน่ถ้าก้นงอนสะโพกผายต้องมาจบลงเพราะฝีเข็มรอยตะขาบ

  • เช็คชัวร์จุดที่ 8 : ลูกไม้ไม่ขาดเป็นรูชัวร์นะ

เคยมีคนเจอมาแล้วนะคะประเภทที่ว่าเช่าชุดเจ้าสาวมาใส่แล้วเจอรูลูกไม้ขาด เมื่อสอบถามไปได้คำตอบว่า “ชุดเช่าก็งี้แหละค่ะ ผ่านการใช้งานมาแล้ว ลูกไม้ก็ต้องขาดเป็นธรรมดา” เจอร้านที่ตอบแบบนี้บอกเลยว่า ไม่น่ารักค่ะ เพราะแม้จะเป็นชุดเช่า ทางร้านก็ต้องดูแลเก็บรายละเอียดก่อนส่งมาให้คุณใช้งาน ดังนั้น อย่าคิดว่าจ่ายน้อยแล้วต้องเกรงใจเจ้าของร้านนะคะ อย่าลืมว่าคุณคือลูกค้า และตั้งใจมาใช้บริการ จงอย่าลืมเช็คลูกไม้ให้ถี่ถ้วนเสมอ

  • เช็คชัวร์จุดที่ 9 : หยิบสุ่มมาหรือยัง

อันนี้เตือนค่ะเตือน เพราะบางนางพอเช็คชุดครบแล้ว ลืมไปว่ายังต้องมีองค์ประกอบสำคัญอย่างสุ่มมาเพิ่มความงามให้ครบร้อยเปอร์เซนต์ ฉะนั้นชุดใครต้องใส่สุ่ม อย่าลืมทวงถามโดยเด็ดขาด

  • เช็คชัวร์จุดที่ 10 : เครื่องประดับที่เหลือครบถ้วนและใส่เป็นแน่นะ

สุดท้ายกับการเช็คเครื่องประดับที่ทางร้านสัญญาว่าจะมีมาให้เมื่อคุณใช้บริการชุดแต่งงานที่ร้าน ไม่ว่าจะเป็นต่างหู สร้อยคอ เข็มขัด ฯลฯ มีครบไหม แล้วใส่เป็นหรือเปล่า เช็คให้แน่ ใส่ให้ถูกแล้วรับรองว่าคุณจะสวยเลิศที่สุดในงาน

บอกไว้ตรงนี้เลยนะคะว่า ทั้ง 10 จุดที่ว่ามานี้ สามารถเกิดขึ้นได้ไม่ว่าคุณจะเลือกใช้ชุดเจ้าสาวแบบเช่า เช่าตัดหรือสั่งตัด แต่เมื่อเจอจุดที่เป็นข้อผิดพลาด อย่าเพิ่งโวยวายต่อว่าทางร้านเลยนะคะ เราอยากให้คุณใจเย็นๆ แล้วแจ้งกับทางร้านให้ช่วยดูแลทันที เพราะไม่อย่างนั้นแล้ว หลังจากออกไปจากร้าน บางจุดที่สะดุด อาจทำให้คุณต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายตามมาทีหลังทั้งๆ ที่ไม่ใช่ความผิดจากการใช้งานของคุณก็เป็นได้

ภาพ : www.xojane.com

อ่านบทความเพิ่มเติม

เทรนด์ชุดเจ้าสาว จากร้าน The Classic Studio & Planner สวยหรูดูมีระดับ

7 ลุค ชุดแต่งงาน โฟร์ – ศกลรัตน์ แฟชั่นเอาใจเจ้าสาวสายหวานจากแพรว wedding

ชุดแต่งงานไทยประยุกต์ จาก 2 ร้านชุดแต่งงาน ตอบโจทย์ทั้งสไตล์และบัดเจ็ต

อายุเป็นเพียงแค่ตัวเลขกับ 3 เคล็ดลับเพื่อชีวิตรักต่างวัยที่เป็นสุข

รักต่างวัย อาจเป็นความสัมพันธ์ที่คนส่วนใหญ่มองว่าเป็นไปได้ยาก อาจจะด้วยเพราะวัยที่ต่างกัน แนวคิดจึงต่างกัน แม้จะรักกันมากแค่ไหน ก็อดทะเลาะกันบ่อยๆ ไม่ได้อยู่ดี แต่หากคุณมองว่าอายุเป็นเพียงตัวเลขสำหรับความรักแล้วล่ะก็ ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้แน่นอนค่ะ สำหรับคนที่มีแฟนอายุห่างกัน แพรว wedding มีวิธีช่วยกระชับพื้นที่หัวใจ ของคู่รักต่างวัยมาฝากกัน จะมีวิธีไหนบ้างที่ทำให้รักต่างวัยไม่เกิดปัญหา และให้การคบกันตลอดเวลา มีแต่ความเข้าใจ ว่าแล้วเราก็ไปดูกันเลยดีกว่าค่ะ

  • ทำความเข้าใจธรรมชาติของวัย

อันดับแรกเลย คือ ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าวัยของแต่ละคนนั้นต่างกัน ต้องเข้าใจในธรรมชาติของแต่ละวัยว่าเป็นอย่างไร คนที่มีอายุน้อยกว่าก็ต้องเข้าใจว่าคนที่อายุมากกว่าก็ต้องทำงาน และต้องรับผิดชอบสูง อาจไม่ได้อยู่ในวัยที่มาเที่ยวเล่นได้มากนัก คนที่มีอายุมากกว่าก็ต้องเข้าใจเช่นเดียวกันว่า คนที่มีอายุน้อยกว่ายังอยู่ในวัยที่ความรักยังเป็นสีชมพู อยากมีเวลาอยู่กับคนรัก ไปเที่ยว ไปเดทกันบ้างอะไรบ้าง เพราะฉะนั้นก็ต้องแบ่งเวลามาดูแลคนรักด้วยเช่นเดียวกัน

  • มีข้อตกลงร่วมกัน

หลายครั้งเวลาที่ไม่เข้าใจแล้วไม่คุยกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ก็มักเป็นการสะสมความไม่เข้าใจทั้งนั้น คนหนึ่งอาจจะคิดว่ามันไม่ใช่ปัญหา แต่อีกคนอาจคิดว่ามันคือปัญหาใหญ่ ด้วยความที่วัยต่างกัน ทัศนคติเลยต่างกันตามไปด้วย เพราะฉะนั้น เมื่อเกิดปัญหาครั้งแรกขึ้นมา ควรตกลงกันก่อนเลยว่า ถ้าทะเลาะกันอีกครั้งจะทำอย่างไร เช่น จะคุยกันหลังจากที่อีกคนสงบสติอารมณ์ลงแล้ว เป็นต้น เป็นการแสดงถึงความใส่ใจ ยิ่งใส่ใจเรื่องเล็กๆมากเท่าไหร่ ความสัมพันธ์ยิ่งยาวนานมากเท่านั้นนะคะ

  • ทำกิจกรรมที่อีกฝ่ายชื่นชอบ

ด้วยวัยที่ต่างกัน กิจกรรมยามว่างจึงต่างกันไปด้วย คนที่อายุมากกว่าอาจชอบการออกกำลังกาย ฟังเพลง ส่วนคนอายุน้อยกว่าอาจชื่นชอบการไปเที่ยวหรือช้อปปิ้ง การที่หันไปทำกิจกรรมของอีกฝ่ายนั้น เป็นการสร้างความประทับใจให้อีกฝ่าย ว่าเราก็สนใจในสิ่งที่เค้าสนใจเช่นเดียวกัน และเป็นสิ่งดีที่ได้ทำกิจกรรมร่วมกัน ตามใจเราบ้าง ตามใจเค้าบ้าง ดีกว่าทำตามใจตัวเองตลอดเวลา

นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ช่วยลดปัญหาช่องว่างระหว่างวัย ยังไงลองนำไปทำตามดูกันนะคะ ก็แหม..กว่าจะรักกันไม่ง่ายเลยนี่นา เพราะฉะนั้นรักษาความรักกันไว้ให้ยืนยาวนะคะ

cr : meetnlunch.com

อ่านบทความเพิ่มเติม

4 คุณสมบัติต่อไปนี้ลูกสะใภ้จำไว้ให้ดีแม่สามีจะทั้งรักทั้งหลง

หนุ่มๆ จงฟังถ้าไม่อยากแป้ก! วิธีขอแต่งงานอย่างไรให้ได้ใจสาว

9 วาจาสุดหวานหูที่ชายสุดที่รักมักทำให้สาวใจอ่อนแบบไม่รู้ตัว

ทรีตเม้นต์ เสริมความงามเจ้าสาวก่อนแต่งงาน อันไหนควรทำเมื่อไหร่ มาดูกัน

โบท็อกซ์ควรทำเมื่อไหร่? อยากไปเลเซอร์ผิวหน้าควรเริ่มตอนไหน? แพรวเวดดิ้งรวบรวมไทม์ไลน์ ทรีตเม้นต์ เจ้าสาว ก่อนแต่งงานมาให้แล้ว

การทำ ทรีตเม้นต์ เพื่อเตรียมความงามให้กับใบหน้าเจ้าสาว เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ว่าที่เจ้าสาวหลายคนเมื่อเซตวันแต่งงานแล้วจะรีบค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมกันรัวๆ เพราะวันสำคัญของเราทั้งทีก็อยากสวยเป็นพิเศษใช่ไหมคะ? แต่ปัญหาคือ ท่ามกลางคอร์สทรีตเม้นต์มากมายในตอนนี้ นอกจากจะไม่แน่ใจว่าควรจะทำอะไรดีแล้ว ยังไม่รู้อีกว่าเราควรจะเดินเข้าไปหาคุณหมอผิวหนังที่คลินิกเมื่อไรดี ถึงจะไม่ช้าเกินไปจนทำไม่ทัน หรือเร็วเกินไปจนเมื่อถึงวันแต่งงานผลลัพธ์อาจจะไม่เต็มที่เหมือนเดิมแล้ว เราจึงรวบรวม Timeline ทรีตเม้นต์และการรักษาผิวหน้าแต่ละชนิดที่เจ้าสาวสามารถทำได้ เรียงตามลำดับจากเนิ่นๆสุด ไปถึงใกล้วันแต่งงานที่สุด ซึ่งเราได้จากคำแนะนำของเหล่าคุณหมอผู้เชี่ยวชาญ มาให้ว่าที่เจ้าสาวกันแล้วค่ะ

ทรีตเม้นต์
diva-in-me.com

1 ปีก่อนแต่งงาน

สำหรับว่าที่เจ้าสาวหรือเจ้าบ่าว ที่มีปัญหาสิวเรื้อรัง การรักษาสิวเพื่อให้สภาพผิวแข็งแรงขึ้นและลดการเกิดสิว เป็นอะไรที่ใช้เวลามากที่สุด คุณหมอจึงแนะนำให้รีบไปหาเสียแต่เนิ่นๆ นอกจากนั้นยารักษาสิวบางประเภทอาจจะทำให้ผิวหน้าแห้งลอกกว่าปกติ ถ้าหากไปรักษาใกล้วันแต่งงานเกินไป นอกจากจะหายไม่ทัน ผิวหน้าที่แห้งลอกเพราะได้รับผลข้างเคียงจากยารักษาสิวอาจจะทำให้ช่างแต่งหน้าเรากุมขมับเอาได้ค่ะ

6 เดือนก่อนแต่งงาน

ช่วงเวลานี้เหมาะสำหรับการทำทรีตเม้นต์ประเภทเลเซอร์ต่างๆ เช่น เลเซอร์รักษารอยแผลเป็นจากสิว เลเซอร์กำจัดขน เลเซอร์ลบกระ ฝ้า ไฝ หรือจุดด่างดำต่างๆ เพราะเลเซอร์เหล่านี้มักจะมีผลข้างเคียงคือทำให้ผิวของคุณตกสะเก็ด ก่อนจะค่อยๆหลุดอกออกแล้วเผยผิวใหม่ที่เนียนใสกว่าเดิม นอกจากนั้นต้องทำหลายครั้งติดต่อกัน และแต่ละครั้งต้องทิ้งระยะเวลาสักพัก จึงควรเริ่มทำก่อนแต่งงานประมาณ 6 เลยทีเดียวค่ะ

ทรีตเม้นต์
fashionisers.com

2-3 เดือนก่อนแต่งงาน

ช่วงนี้เหมาะสำหรับทำทรีตเม้นต์ประเภทยกกระชับ อย่าง เธอร์มาธ หรือ อัลเธอร่า เพราะทรีตเม้นต์ประเภทนี้ไม่ได้ทำให้เกิดรอยแผลภายนอก แต่เป็นการใช้แสงชนิดพิเศษต่างๆ เข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนภายใต้ชั้นผิว ซึ่งระยะเวลาที่คอลลาเจนใต้ชั้นผิวของเราจะสร้างขึ้นมาอย่างเต็มที่คือประมาณ 2-3 เดือน นั่นเองค่ะ

อย่างไรก็ตาม ก่อนจะทำทรีตเม้นต์เพื่อยกกระชับผิวได้ คุณหมอมักจะตรวจดูก่อนว่าสภาพผิวหน้าของคณแข็งแรงพอ หากคุณยังมีสิวเรื้อรัง คุณหมออาจจะต้องขอรักษาสิวคุณให้หายก่อนถึงจะค่อยทำได้ค่ะ

1-2 เดือนก่อนแต่งงาน

ช่วงเวลานี้เหมาะสำหรับทรีตเม้นต์ขั้นสุดท้ายเพื่อความสมบูรณ์แบบของรูปหน้า อย่างการฉีดสารคล้ายกล้ามเนื้อ (โบท็อกซ์) หรือ สารเติมเต็ม (ฟิลเลอร์) สารเหล่านี้เห็นผลทันทีหลังฉีด แต่คุณหมอมักจะนัดคุณเข้ามาพบอีกครั้งประมาณ 2 อาทิตย์ให้หลัง เพื่อเช็คความเรียบร้อยและอาจจะต้องฉีดเพิ่มหากคุณหมอเห็นว่าใบหน้ายังไม่เข้ารูปดี

ถึงแม้ทรีตเม้นต์เหล่านี้จะเห็นผลทันทีก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าสาวควรจะทำช่วงใกล้วันงานมากเกินไป (ไม่ควรทำหลัง 2 อาทิตย์ ก่อนแต่งงาน) เพราะผลข้างเคียงของสารคลายกล้ามเนื้อหลังฉีดมาใหม่ๆ จะทำให้ใบหน้าของคุณเคลื่อนไหวได้ไม่เต็มที่ และอาจจะยังทิ้งรอยเข็มฉีดยา และในบางกรณีอาจจะมีรอยช้ำเล็กๆ บนผิวหน้าด้วยค่ะ

ทรีตเม้นต์

ได้ความรู้กันไปเต็มๆแล้วนะคะ สำหรับระยะเวลาที่คุณว่าที่เจ้าสาวควรเข้าไปทำทรีตเม้นต์ประเภทต่างๆ เพื่อความงามก่อนวันวิวาห์ ใครที่ชอบคอนเท้นต์นี้ของเรา คลิกอ่าน เหล่าทรีตเม้นต์เจ้าสาวที่เราเคยรวบรวมมาให้พร้อมสัมภาาร์คุณหมอผู้เชี่ยวชาญ ได้ที่ด้านล่างนี้เลย

EP1. รวมของเด็ด! ทรีทเม้น เตรียมผิวเจ้าสาว EP. 1: แก้ปัญหาผิวหน้าไม่เรียบเนียน

EP2.  รวมของเด็ด! ทรีทเม้น ผิวเจ้าสาว EP. 2: รูปหน้าสวยด้วยโบท็อกซ์และฟิลเลอร์

EP3. รวมของเด็ด! ทรีทเม้น เตรียมผิวเจ้าสาว EP. 3: กำจัดขนเพื่อผิวเนียนเรียบถึงขีดสุด

ขันหมากหมั้น ตามประเพณีไทยรู้ไว้ถ้าอยากหมั้นกันก่อน

ในสมัยก่อนจะมีพิธีหมั้นหมายเกิดขึ้นก่อนที่หญิงชายจะเข้าพิธีแต่งงานซึ่งมักจัดกันคนละวัน ไม่เหมือนกับสมัยนี้ที่บ่าวสาวนิยมจัดให้เสร็จภายในวันเดียว โดยในวันหมั้นนั้นจะไม่มีการตั้งหรือแห่ขบวนขันหมาก แต่จะเป็นการที่ฝ่ายชายและครอบครัวพร้อมเถ้าแก่เดินทางพร้อม ขันหมากหมั้น ไปหมั้นหมายฝ่ายหญิงที่บ้าน แพรว wedding เลยจัดความรู้เรื่องขันหมากหมั้นมาฝากว่าที่บ่าวสาวกันสักหน่อย เผื่อคู่ไหนอยากหมั้นหมายจองตัวกันไว้ก่อนจะได้เตรียมตัวเตรียมของกันได้ถูก

ขันหมากหมั้นกับขันหมากแต่ง แตกต่างกันยังไง

ก่อนอื่น บ่าวสาวห้ามสับสนเพราะวันหมั้นกับวันแต่งนั้นไม่เหมือนกันนะจ๊ะ เพราะฉะนั้นขันหมากก็ต่างกันด้วย ข้อสังเกตง่ายๆ ก็คือ ขันหมากหมั้นจะไม่มี ต้นกล้วย ต้นอ้อย และไม่มีการกั้นประตูเงินประตูทอง เพราะฉะนั้นไม่ต้องเสียเวลาไปหากล้วยหรือตัดอ้อยกันให้เปลืองแรงกันนะจ๊ะ

ขันหมากหมั้น คือ ขันหมากที่ฝ่ายชายต้องจัดเตรียมไปทำการหมั้นหมายและมอบให้กับบ้านของฝ่ายหญิง โดยมากนิยมใช้เป็นขันเงิน ขันทอง หรือขันทองเหลือง (ขันในที่นี่คือขันจริงๆ นะจ๊ะ) โดยหลักๆ จะมีทั้งหมด 2 ขันดังนี้

ขันที่ 1 

– หมากดิบ 4 หรือ 8 ผล ฝานก้นออกแล้วใช้ปูนแดงหรือชาดแดงป้ายเอาไว้ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าได้หมั้นหมายกันไว้แล้ว

– ใบพลู จัดเรียงทั้งหมด 4 หรือ 8 เรียง (เรียงละ 8 ใบ) โดยตัดก้านออกแล้วใช้ปูนแดงแต้มที่โคนของใบพลูทุกใบ แล้ววางเรียงไว้รอบๆ ขันเพื่อความสวยงาม แล้วคลุมผ้าไว้

*ซึ่งจำนวนหมากและใบพลูนั้นขึ้นอยู่กับธรรมเนียมของแต่ละท้องถิ่น และนิยมเป็นจำนวนคู่

ขันที่ 2 ภายในประกอบด้วยสิดสอดทองหมั้น ไม่ว่าจะเป็น เงิน ทอง เพชร หรือเครื่องประดับที่มีค่าทั้งหลาย ปัจจุบันนิยมใช้เป็นแหวนแต่งงาน โดยจะรองขันด้วยใบเงิน ใบทอง ใบนาค และมีข้าวเปลือก งา ถั่วเขียว ใส่แยกกันไว้ในถุงผ้าแพร หรือถุงเงินถุงทองเล็กๆ เพื่อให้ความรักของทั้งคู่เจริญงอกงาม แล้วคลุมขันด้วยผ้าแพร ผ้าแก้ว หรือผ้าลูกไม้ก็ได้แล้วแต่ความสวยงาม ซึ่งขันนี้จะเป็นหลักประกันที่ว่า ฝ่ายหญิงจะไม่เป็นหม้ายขันหมากในวันแต่งงานแน่นอน แต่ถ้าฝ่ายชายไม่มาแต่งงานตามสัญญา ฝ่ายหญิงก็มีสิทธิ์ริบของหมั้นไปเลย

*ขันที่เลือกใช้มักจะเป็นขันทอง ขันเงิน หรือขันทองเหลือง ซึ่งปัจจุบันนิยมใช้เป็นพานตกแต่งด้วยดอกไม้หรือมาลัยแบบไทยไว้อย่างสวยงามเพื่อให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น นอกจากนี้บางครอบครัวหรือบางท้องถิ่นอาจมีของอย่างอื่นเพิ่มเติมด้วย เช่น

พานดอกไม้ ธูปเทียนแพ ประกอบด้วยธูปแพ เทียนแพ และกรวยใบตอง รวมไปถึงดอกรักและดอกบานไม่รู้โรยเพราะมีความหมายที่ว่าคู่รักจะครองรักกันยืนยาว (หรือจะใช้ดอกไม้ความหมายดีอื่นๆ ก็ได้) โดยกรวยใบตองจะวางไว้บนธูปเทียนแพอีกที

ขันหมากหมั้น

– พานผ้าไหว้ผู้ใหญ่ สำหรับมอบให้พ่อแม่และญาติผู้ใหญ่ของฝ่ายหญิง โดยจะมอบผ้าขาวม้าให้กับพ่อและญาติที่เป็นผู้ชาย และมอบผ้าแพรห่มหรือผ้าไหมสำหรับแม่และญาติที่เป็นผู้หญิง บางบ้านอาจมีผ้าสำหรับไหว้ผีด้วย โดยใช้เป็นผ้าขาวเย็บเป็นสบงหรือจีวรเพื่อใช้ถวายพระ ซึ่งถ้าหากมีจะต้องจัดแยกเป็น 2 พานให้ชัดเจน

– พานบริวารขันหมาก อาจเป็นขนมหรือผลไม้ (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับที่ตกลงกันไว้) บางบ้านอาจจัดสุรามาด้วยเพื่อใช้เซ่นไหว้บรรพบุรุษที่เสียชีวิตไปแล้วก่อนเริ่มทำพิธีหมั้น

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นพานหรือสิ่งของต่างๆ อาจขึ้นอยู่กับความเชื่อของแต่ละบ้านหรือแต่ละท้องถิ่นด้วยนะคะ รู้อย่างนี้แล้ว ว่าที่บ่าวสาวที่อยากหมั้นหมายเพื่อดูใจกันก่อนก็อย่าลืมเตรียมของให้พร้อม รวมไปถึงการทาบทามผู้หลักผู้ใหญ่ที่จะมาเป็นเถ้าแก่ด้วย ซึ่งต้องเลือกคู่ที่ครองรักกันมายาวนาน มีชีวิตครอบครัวสุขสันต์ เพราะมีความเชื่อว่าชีวิตรักและครอบครัวของคู่รักก็จะได้สุขสันต์เหมือนท่านด้วย

อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับพิธีแต่งงานไทยเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ภาพเปิด : www.asyourmind.com

5 การยอมรับที่ต้องมั่นใจก่อนเข้าสู่ชีวิตแต่งงาน

มีหลายคู่ที่พอแต่งกันไปแล้วเพิ่งมาค้นพบว่า ชีวิตแต่งงาน ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด แม้จะพร่ำบอกตัวเองว่าก็มองสิ่งต่างๆ ก่อนการตัดสินใจรอบด้านแล้วนี่นา ทำไมยังเจอเรื่องแบบนี้ นั่นเพราะแค่มองรอบด้านยังไม่พอ คุณต้องตอบให้ได้ด้วยนะคะว่า การมองนั้นไม่ใช่แค่การรับรู้ แต่คุณ ยอมรับสิ่งต่างๆ เหล่านี้ได้จริงไหม

1. ยอมรับรูปลักษณ์ภายนอก

มีมาเยอะแล้วนี่ค่ะที่นิสัยดีมากแต่จีบไม่ติดเพราะหน้าตาไม่เข้าเกณฑ์ของอีกฝ่าย ฉะนั้นเรื่องนี้ จึงเป็นเรื่องหนึ่งที่คุณต้องตอบตัวเองให้ได้ว่า คุณยอมรับรูปร่างหน้าตาของเขาได้จริงๆ ไม่สั่นสะเทือนไปกับคำแซวคำล้อของคนอื่นๆ และไม่คิดจะพาไปเกาหลีเหลาหน้า (ถ้าเขาไม่อยากไปเอง) ซึ่งถ้าคุณยอมรับได้ และเข้มแข็งไม่หวั่นไหวไปกับคำวิจารณ์คนรอบข้างก็เดินหน้าพิจารณาความรักด้วยใจเพื่อใช้ ชีวิตแต่งงาน ต่อไปได้เลยค่ะ

2. ยอมรับในความเป็นเขา

ความเป็นเขาในที่นี่ ไม่ได้มีแค่เรื่องนิสัยพื้นๆ อย่างกินเหล้าสูบบุหรี่เข้าสังคมแบบนั้น แต่เราหมายถึงศักยภาพในตัวของเขาค่ะ เพราะอย่าลืมว่าไม่มีใครเก่งทุกอย่าง บางสิ่งที่คุณคาดหวังว่าเขาจะทำได้ดีอาจไม่ได้เป็นอย่างที่คิด นั่นแปลว่าคุณยอมรับในคนๆ นั้นที่อาจมีความอ่อนแอ ไม่เก่งไปซะทุกอย่าง หรือบางทีคุณต้องเดินนำบ้างได้ไหม เพราะทั้งหมดเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ในมนุษย์ทุกคนโดยไม่เลือกเวลา ฉะนั้น พิจารณาภายในตัวตนเขาให้ดีๆ แล้วตอบตัวเองให้ได้ค่ะว่า ยอมรับในความเป็นเขาที่ไม่ถูกใจไปซะทุกอย่างได้ไหม

ชีวิตแต่งงาน

3. ยอมรับครอบครัวของอีกฝ่าย

มีเยอะนะคะที่ยอมรับทุกเรื่องของแฟนตัวเองได้ แต่ไม่รวมครอบครัวของเขานะคะ ซึ่งถ้าคุณคิดจะแต่งงานกันละก็ คุณต้องยอมรับในครอบครัวของเขาซึ่งวันข้างหน้าคุณต้องเข้าไปมีส่วนร่วมด้วย คุณจึงต้องลองเข้าไปคลุกคลีทำความรู้จักสมาชิก วัฒนธรรมความเป็นอยู่และรูปแบบการพูดคุยในบ้านของอีกฝ่าย เพื่อจะได้นำมาเป็นข้อมูลในการถามตัวเองว่า ถ้าบ้านเขาคนละสไตล์กับบ้านคุณ คุณเข้าไปอยู่ร่วมได้ไหม ถ้าเขาพูดจาไม่ไพเราะคุณยอมรับได้ไหม ซึ่งถ้าคำตอบคือ ยอมรับไม่ได้แต่ก็อยากแต่งงานกับคนๆ นั้น จะได้หาทางออกไหนร่วมกัน

4. ยอมรับในการคบเพื่อนของเขา

อย่าคิดว่าเรื่องเพื่อนของอีกฝ่ายอยู่ไกลตัวคุณนะคะ เพราะเพื่อนมีอิทธิพลต่อความคิดของทุกคนเสมอ เรื่องการยอมรับในเพื่อนเขาจึงเป็นอีกหัวข้อที่คุณต้องคิด ก็แหม…มีหลายคู่ที่รักกันมาก เข้าใจกันทุกสิ่ง แต่พอเจอเพื่อนแฟนไปเท่านั้นแหละ วงแตก! นั่นเพราะคุณอาจจะจูนสไตล์กับเพื่อนไม่ติด อาจมองเห็นข้อเสียของเพื่อนที่เขามองข้าม หรือบางทีเพื่อนของเขาอาจมีบุคลิกที่คุณไม่ชอบ แต่กลายเป็นว่าแฟนคุณรักเพื่อนคนนี้มากๆ จนตัดกันไม่ได้ (และคุณก็ไม่ควรสั่งให้เขาตัดอย่างไม่มีเหตุผลด้วยนะค)

นี่จึงเป็นเหตุผลที่เราอยากให้คุณไตร่ตรองให้ดีว่า คุณสามารถยอมรับเรื่องเพื่อนของเขาได้ไหม เพราะแม้เพื่อนเขาจะไม่ได้อยู่ร่วมชายคากับคุณแต่มีอิทธิพลทางความคิดกับแฟนของคุณอย่างแน่นอนค่ะ

5. ยอมรับเรื่องการเงินที่เป็นอยู่

ราคาเงินเดือน, หนี้สิน, ภาระทางบ้านที่เกี่ยวข้องกับการเงินและรูปแบบการใช้เงิน คือสิ่งที่คุณต้องนำมาพิจารณาร่วมกันนะคะ เพราะแม้จะมีรายได้ประจำ ไม่ถึงขนาดกัดก้อนเกลือกิน แต่รูปแบบการใช้ชีวิตกับเงินทองที่ว่าไปเป็นอะไรที่ทำให้ชีวิตคู่ไปไม่ถึงดวงดาวมานักต่อนักแล้วนะคะ ซึ่งถ้าเป็นไปได้ ก่อนจะตัดสินใจแต่งงานกับใคร เปิดใจคุยกันเรื่องนี้ให้ได้ข้อมูลจริงมากที่สุด ถ้าอีกฝ่ายมีรายได้น้อย แต่มีรูปแบบการใช้ชีวิตไม่หมิ่นเหม่จะเป็นหนี้ ก็จะได้ช่วยกันคิดเพื่อวางแผนการเงินและสร้างอนาคตร่วมกันได้ โดยที่คุณไม่รู้สึกว่าถูกเอาเปรียบจนกลายเป็นจุดแตกหัก

สุดท้ายนี้ สิ่งที่แพรว wedding อยากบอกก็คือ หลังจากคุณคิดและพิจารณาถึงหัวข้อการยอมรับที่ต้องมั่นใจทั้ง 5 ข้อด้านบนแล้ว ไม่ว่าคุณจะตัดสินใจเดินหน้าเข้าสู่พิธีแต่งงานหรือไม่ คุณต้องไม่ลืม ยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเลือก ด้วยนะคะ…จงเลือกในสิ่งที่ดีด้วยใจเป็นกลาง แล้วเชื่อเถอะค่ะว่า ชีวิตคู่ที่อาจไม่เพอร์เฟคก็ทำให้คุณมีความสุขที่สุดได้

เรื่อง : ดอกปีบ / ภาพ : pexels, blancetor.com

อ่านบทความเพิ่มเติม

7 เทคนิคกระชับพื้นที่ใจ ให้รักทางไกลได้ใกล้กว่าที่เคย

10 ไอเดียกิจกรรมแก้เบื่อที่คู่รักต้องทำรับประกับความสวีทเว่อร์

4 คุณสมบัติต่อไปนี้ลูกสะใภ้จำไว้ให้ดีแม่สามีจะทั้งรักทั้งหลง

ดูดีตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้ากับ 7 สไตล์รองเท้าเจ้าบ่าวที่ใส่ปุ๊บหล่อปั๊บ

ในเมื่อเจ้าบ่าวเลือกสูทมาอย่างหล่อเป๊ะแล้ว รองเท้าก็ต้องดูดีไม่แพ้กันกับชุดสูทด้วย แพรว wedding เลยจัด รองเท้าเจ้าบ่าว 7 แบบ 7 สไตล์มาให้เจ้าบ่าวได้เลือกช้อปกัน ดูเสร็จแล้วก็อย่าลืมเผื่อแผ่ไปถึงแก๊งเพื่อนเจ้าบ่าวของคุณด้วยนะคะ จะได้หล่อแบบครบแก๊งในวันสำคัญ

1. รองเท้าหนังเรียบเท่

หากเจ้าบ่าวจัดงานแต่งที่เป็นทางการมากๆ รองเท้าที่ใส่อาจจะไม่ต้องเน้นดีไซน์หรือลูกเล่นอะไรที่โดดเด่นมาก แถมรองเท้าสไตล์นี้ยังให้ลุคที่ดูสะอาดเรียบร้อย และมีดีไซน์ที่คลาสสิคที่สามารถหยิบมาใส่ได้เรื่อยๆ ไม่ว่าอีกกี่ปีก็ตาม แถมยังสามารถจับคู่เข้ากันได้ดีกับสูททุกแบบทุกสไตล์ หรือจะเป็นยีนส์ในวันสบายๆ หลังจากเสร็จงานก็ได้อีกด้วย ถือว่าลงทุนวันเดียวแต่ใส่ได้ไปอีกนานเลยล่ะค่ะ

รองเท้าเจ้าบ่าว

รองเท้า Berluti Alessandro Lace-Up Box Calf Leather Shoe, รองเท้า Salvatore Ferragamo Plain Toe Derby

2. รองเท้าสไตล์ Brougue shoe

ถึงแม้งานแต่งจะเป็นทางการมากๆ แต่เจ้าบ่าวก็อยากได้รองเท้าที่ดูมีลูกเล่นขึ้นมาหน่อย รองเท้าสไตล์ Brougue shoe ตอบโจทย์ของเจ้าบ่าวได้อย่างตรงเป๊ะ กับดีไซน์แบบเรียบหรูดูดี แต่มีความโดดเด่นที่การฉลุลวดลายบนรองเท้าที่ช่วยให้ลุคของเจ้าบ่าวดูย้อนยุคสไตล์เรโทรขึ้นด้วย

รองเท้าเจ้าบ่าว

รองเท้า Tom Ford Austin Cap Toe Brougue, รองเท้า Louis Vuitton Canyon Derby

3. รองเท้าหนังกลับสีสันสดใส

เหมาะมากกับเจ้าบ่าวลุคขี้เล่นกับบรรยากาศงานแต่งงานแบบเป็นกันเองสไตล์เอ้าท์ดอร์ ซึ่งรองเท้าที่มีสีสันนี้จะช่วยเพิ่มสีสันให้กับชุดเจ้าบ่าวได้เป็นอย่างดี แถมซื้อคู่เดียวก็คุ้มสุดๆ เพราะยังสามารถสวมใส่กับเสื้อผ้าประจำวันได้ เช่น ไปทำงาน ไปเที่ยว หรือใส่ไปงานอื่นๆ ก็ได้อีกด้วย

รองเท้าเจ้าบ่าว

รองเท้า Topman Mint Green Suede Derby Shoes

4. รองเท้าสไตล์ Slipper shoe

เจ้าบ่าวสายแฟชั่นที่อยากได้ลุคสุดเท่ไม่ซ้ำใครต้องไม่พลาดรองเท้าสไตล์นี้ รองเท้า Slipper shoe จะช่วยสร้างความแตกต่างพร้อมให้ลุคที่โดดเด่นและสามารถใส่ได้ทั้งงานทางการและไม่ทางการ แถมยังเป็นรูปแบบรองเท้าสไตล์เรียบง่ายที่แมตช์กับลุคไหนก็รอด

รองเท้า Jimmy Choo Rufus Black Velvet and Patent Slippers

5. รองเท้าหนังกลับสไตล์บูท

หากเจ้าบ่าวอยากได้ลุคที่ดูดีไม่ซ้ำใคร และอยากดูโดดเด่นจากเจ้าบ่าวทั่วไปนั้น รองเท้าเจ้าบ่าวสไตล์บูทสูงระดับตาตุ่มก็ถือเป็นทางเลือกที่ดี หากอยากได้ลุคที่เป็นทางการก็อาจจะเลือกสีสันที่เข้มหน่อย เช่น ดำหรือน้ำตาล แต่ถ้างานของเจ้าบ่าวไม่ได้เป็นทางการขนาดนั้นก็อาจจะเพิ่มสีสันให้กับรองเท้าคู่โปรดได้ ยิ่งถ้าเป็นงานแต่งในสวนสวยด้วยแล้วเราว่าเข้ากันสุดๆ เลยล่ะ

รองเท้า Tommy Hilfiger Suede Desert Boot

6. รองเท้าบูทหนัง

สำหรับเจ้าบ่าวที่ต้องการเน้นรูปทรงของรองเท้าให้ดูดี และอยากเท่ล้ำไม่ซ้ำใครด้วยการฉีกกฏรองเท้าเจ้าบ่าวแบบเดิมๆ รองเท้าบูทสูงดูเป็นอะไรที่เหมาะสมลงตัว อาจเน้นดีไซน์ให้มีเส้นขอบที่ด้านข้างเพื่อเสริมความโดดเด่นขึ้นไปอีกขั้น ไม่ว่าจะสวมสูทสไตล์ไหนรับรองว่าเท่ล้ำไม่ซ้ำใครแน่นอน

รองเท้า Tommy Hilfiger Hilfiger Chelsea

7. รองเท้าสไตล์ Slip-on shoe

เหมาะมากสำหรับเจ้าบ่าวสายชิลและเป็นตัวของตัวเองที่แท้ทรู กับรองเท้าสไตล์สวมใส่ง่ายอย่างสไตล์ slip-on shoe ที่ให้ลุคผ่อนคลายสบายๆ ในบรรยากาศงานแต่งงานที่เป็นกันเองแบบสุดๆ ในสถานที่อย่างร้านอาหารหรือสวนสวย เป็นต้น โดยอาจจะเลือกตัวรองเท้าที่เป็นหนังเพื่อเพิ่มความทนทานแล้วเสริมด้วยเชือกป่านบริเวณพื้นเพื่อสร้างความโดดเด่นและให้อารมณ์ไม่เป็นทางการมากนัก แถมยังเป็นดีไซน์ที่สามารถนำกลับมาสวมใส่ในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย

รองเท้า Saint Laurent Espadrille in Black Leather

ภาพ : www.marthastewartweddings.com, www.easyweddings.com.au

อ่านบทความเพิ่มเติม

5 เทรนด์สร้างลุคสูทเจ้าบ่าวแบบธรรมดาให้ดูแตกต่างแบบหล่อระเบิด

3 ร้านสูทเจ้าบ่าวใจกลางย่านสยามแสควร์ที่หนุ่มๆ ต้องไปโดนสักครั้ง

8 ชุดเจ้าบ่าวไทยประยุกต์น่าใส่ตาม หล่อเท่ได้ในพิธีแต่งงานไทย

4 ประโยชน์น่าทึ่งที่ได้จากการจับมือแฟนที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน

สาวๆ หลายคนชอบ จับมือแฟน เป็นประจำ บางครั้งอาจจะเหนียวหนึบหนับ สร้างความรำคาญใจให้กับอีกฝ่าย หรือ บางทีคุณยังรู้สึกเองเป็นบางครั้งเลยด้วยซ้ำ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าการจับมือนั้นทำให้รู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก แถมยังรู้สึกดีมากๆ อีกด้วย ทีนี้ลองมาดูเหตุผลดีกว่าว่าทำไมการจับมือถึงได้มีอานุภาพมากมายนัก

หนทางรักยังอีกยาวไกล จับมือแฟน ให้แน่นไว้แล้วไปด้วยกัน ส่งความอบอุ่นจากมือสู่หัวใจ

Photo by Svyatoslav Romanov on Unsplash

ให้ความสบาย

มนุษย์ไม่ได้เกิดมาเพียงเพื่อใช้ชีวิตเฉยๆ แต่เจ้ามนุษย์อย่างเรานี่แหละที่รักความสบาย รักความอบอุ่น ยิ่งถ้าใครทำให้เราสบายใจ เราก็จะยิ่งอยากอยู่ใกล้ๆ เพราะเขาสร้างความอุ่นใจสบายใจให้แก่เรา ตามการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ ของ มหาวิทยาลัย เวอร์จิเนีย และวิสคอนซิล สหรัฐอเมริกา ได้ศึกษาเรื่องปฏิกิริยาพื้นฐานของมนุษย์ ในการสัมผัสเมื่อถึงสถานการณ์ตึงเครียด โดย ดร.เจมส์ โคน กล่าวว่า สมองจะทำงานอย่างผ่อนคลายขึ้นเมื่อได้จับมือใครซักคน

เป็นช่องทางสื่อสารถึงกัน 

เหมือนตอนเด็กๆ ที่แม่ของเรามักจะจับมือของเราไว้เป็นคนแรก เพราะนอกจากคุณจะรู้ว่า แม่คือผู้ให้กำเนิดแล้ว คุณยังรู้สึกอบอุ่น และ ปลอดภัยอย่างไม่มีเหตุผลเมื่อคุณอยู่กับแม่ หรือเวลามีกิจกรรมสันทนาการ เมื่อมีการให้จับมือคนที่เราไม่รู้จัก แรกเราจะเขินอาย แต่เมื่อเวลาผ่านไป เราจะรู้สึกสนิทและเริ่มผ่อนคลาย เพราะเหมือนได้สื่อสารกันผ่านร่างกายแล้วนั่นเอง

Photo by Anton Chernyavskiy on Unsplash

ให้ความอบอุ่น

การจับมือไม่ต่างอะไรจากการกอดหรอกค่ะ เมื่อเนื้อแนบเนื้อ แน่นอนว่าความอบอุ่นจะทำให้คุณรู้สึกอุ่นใจ ยิ่งในหน้าหนาวนะ ได้จับมืออุ่นๆของใครสักคนนี่ รักกันไปนานแน่นอน

ช่วยลดความเจ็บปวด

เวลาคุณแม่คลอดลูกในห้องคลอด บ่อยครั้งที่เราจะเห็นภาพคุณแม่จับมือคุณพ่อไว้ แล้วเบ่งคลอด แม้ความเจ็บปวดจะรุนแรงแค่ไหน ก็จะลดหรือบรรเทาลงได้ หรือตอนเด็กๆ ที่คุณต้อง เจาะหูครั้งแรก และการที่คุณได้จับมือเพื่อนหรือคุณแม่คุณพ่อไว้ แม้จะไม่ทำให้ความเจ็บลดลง แต่คุณจะรู้สึกผ่อนคลายเมื่อได้สัมผัสเขาเหล่านั้น และกลายเป็นทรมานเจ็บปวดน้อยไปซะอย่างนั้น และไม่น่าเชื่อว่า นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัย ฮอปกินส์ สหรัฐอเมริกา จะบอกเราว่า หากเรากดเนื้อบริเวณนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ อาการปวดหัวและความไม่สบายตัว จะลดลงได้

การจับมือกันนั้นทั้งทำง่ายและสะดวก เป็นปฏิสัมพันธ์ทางร่างกายที่ไม่ประเจิดประเจ้อแถมยังดูน่ารัก ทำได้เรื่อยๆ ทั้งวี่ทั้งวัน ทั้งตอนขับรถ เดินเล่น หรือดูหนัง เพราะฉะนั้นจงจับมือกันวนไปค่ะ

เรียบเรียงจาก elitedaily.com / ภาพ : pexels.com

อ่านบทความเพิ่มเติม

3 เคล็ดลับช่วยพิชิตปัญหาเรื่องเงินๆ ทองๆ ที่มักเกิดขึ้นกับชีวิตคู่รัก

ไม่ว่าจะเป็นคู่รักที่เพิ่งออกเดทกัน หรือจะเป็นคู่รักที่แต่งงานกันมานานแล้วก็ตาม หลายคู่จะพบกับปัญหา เรื่องเงินๆทองๆ ที่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทั้งในเชิงลบและเชิงบวกค่ะ ทั้งนี้ หากคุณกำลังมีปัญหาทางการเงิน หรือแฟนของคุณมีนิสัยการใช้จ่ายที่แตกต่างจากคุณ ไม่นานอาจจะทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นมาได้กับคุณทั้งคู่นะคะ

หมด ปัญหาเรื่องเงินๆทองๆ ของคู่รักด้วย 3 เคล็ดลับทำง่ายๆ

Photo by Ketut Subiyanto from Pexels

วันนี้ แพรว wedding มีเคล็ดลับ 3 ข้อที่จะทำให้คุณสามารถแก้ไขปัญหาเรื่องความขัดแย้งนี้และทำให้คุณสามารถหลีกเลี่ยงการขัดแย้งเรื่องเงินกับคู่รักของคุณในอนาคตได้ เพราะคงไม่ดีเลยหากต้องหยุดความสัมพันธ์ เพราะเรื่องเงินเป็นเหตุว่าไหมคะ

  • พูดคุยเรื่องเงินอย่างสม่ำเสมอ

การพูดคุยเรื่องเงินกับคู่ของคุณ อาจจะทำให้คุณและคนรักรู้สึกไม่สบายใจหรืออึดอัดใจก็จริงนะคะ แต่หากคุณและคนรักฝืนใจทำมันสักนิด มีการพูดคุยปรึกษาหารือเรื่องเงินเป็นรายสัปดาห์ เพื่อตรวจสอบข้อมูลทางการเงินร่วมกัน วางแผนทางการเงินร่วมกัน และยอมรับเป้าหมายที่ตั้งไว้ด้วยกัน ก็จะทำให้คุณและคนรักไม่มีปัญหาทางการเงินเลยค่ะ

Photo by Karolina Grabowska from Pexels
  • มีความโปร่งใสเกี่ยวกับการใช้จ่าย

การเปิดเผยและซื่อสัตย์เกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้จ่ายของคุณและคนรัก อาจจะไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ สำหรับหลาย ๆ คู่นะคะ แต่การเปิดเผยและซื่อสัตย์ในเรื่องเงินก็จำเป็นในความสัมพันธ์ของคุณทั้งคู่นะคะ ดังนั้น คู่ของคุณควรมีการสื่อสารเรื่องการใช้เงินต่อกันอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นยอดเงินคงเหลือในบัญชีธนาคาร การใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต และการตัดสินใจซื้อของของคุณทั้งคู่ นอกจากนี้ ควรมีการส่งเสริมให้มีการสารภาพ ในการตัดสินใจใช้จ่ายใด ๆ ที่ไม่เป็นประโยชน์ด้วย เพื่อที่จะได้ช่วยกันห้ามปรามและแก้ไขในอนาคตค่ะ

  • ทดลองทำบัญชีแยก

หากคุณยังคงไม่แน่ใจว่าควรจะแยกบัญชีดีไหม ตอนนี้มันก็อาจจะถึงเวลาแล้ว ที่คุณและคนรักจะมีการพูดคุยเรื่องนี้ร่วมกัน ทั้งนี้ ในระหว่างการพูดคุยเรื่องการแยกบัญชีหรือรวมบัญชี ขอให้คุณและคนรักอย่าลืมพิจารณาถึงข้อดีและข้อเสียของการแยกบัญชีหรือการวมบัญชีด้วยนะคะ

Cr : moneyguru.co.th, thefitgirl.com

อ่านบทความเพิ่มเติม

คุณสมบัติแม่สามี & แม่ยาย แบบนี้แหละที่ลูกสะใภ้และลูกเขยอยากเจอ

เช็กด่วน 6 สัญญาณนี้จะบอกให้คุณรู้ว่า “เราพร้อมแต่งงานกันแล้ว”

บอกลาคานกับ 8 วิธี จีบเขาก่อนยังไงไม่ให้น่าเกลียดเนียนๆ แบบไม่นก

มาทำความรู้จัก 14 ช่วงบนของชุดเจ้าสาวก่อนตัดสินใจเลือกกันดีกว่า

14 ช่วงบนของชุดเจ้าสาว ที่เจ้าสาวไม่รู้ไม่ได้

ว่าที่เจ้าสาวทั้งหลายเคยเป็นกันไหมคะ เวลาที่ดูแบบ ชุดเจ้าสาว แล้วถูกใจอยากใส่แบบนี้บ้าง แต่พอถึงเวลาบอกช่างตัดชุดกลับนึกไม่ออกบอกไม่ถูกว่า เอ๊ะ! ชุดแบบนั้นเขาเรียกว่าอะไรนะ ถ้าใส่ไปแล้วจะเหมาะกับเราหรือเปล่า ใครที่ยังข้องใจสงสัยเรื่องนี้อยู่ แพรว wedding ตัดเฉพาะ ช่วงบนของชุดเจ้าสาว พร้อมชื่อเรียกแบบสากลมาให้ดูกันก่อน เวลาเดินเข้าร้านจะได้บอกช่างแบบถูกต้องเป๊ะๆ

แบบที่ 1 : Sweetheart – เกาะอกรูปหัวใจ

ช่วงบนของชุดเจ้าสาว

ที่เรียกว่าเกาะอกรูปหัวใจก็เพราะตรงกลางช่วงอกจะเว้าลงคล้ายกับด้านบนของรูปหัวใจ ช่วยทำให้คอและลำตัวดูยาวขึ้น เน้นกระดูกไหปลาร้า หน้าอก และทรวดทรงองค์เอวให้เด่นชัดขึ้น เหมาะกับเจ้าสาวที่มีรูปร่างเล็ก ช่วงไหล่แคบ มีคอและคางสั้น

แบบที่ 2 : Straight Across – เกาะอก

ช่วงบนของชุดเจ้าสาว
ชุดแต่งงานจากร้าน Coco Chic

เกาะอกแบบธรรมดาที่ผู้หญิงทุกคนสามารถใส่ได้ แต่ถ้าคุณเป็นเจ้าสาวที่มีไหล่กว้างมากๆ ขอให้เลี่ยงเกาะอกประเภทนี้ เพราะจะยิ่งเผยให้เห็นช่วงไหล่มากขึ้น ควรเลือกใส่แบบคอวีหรือคอยูจะช่วยพลางไหล่ได้ดีกว่า

แบบที่ 3 : Semi-Sweetheart – เกาะอกรูปครึ่งหัวใจ

ช่วงบนของชุดเจ้าสาว
ชุดแต่งงานจากร้าน Mirror Mirror Bangkok

เกาะอกรูปครึ่งหัวใจคล้ายกับเกาะอกรูปหัวใจ ต่างกันเพียงแค่ตรงกลางช่วงอกจะเว้าลงไปน้อยกว่าเกาะอกรูปหัวใจ แต่ยังคงช่วยให้คอและลำตัวดูยาวขึ้น และเน้นที่กระดูกไหปลาร้า หน้าอก และรูปร่างเหมือนกัน เหมาะกับเจ้าสาวที่ไม่อยากให้เว้าจนเห็นร่องออกเยอะเกินไป รวมถึงเจ้าสาวร่างเล็ก ช่วงไหล่ไม่กว้างมาก คอและคางค่อนข้างสั้นก็ขอแนะนำให้เลือกชุดแบบนี้เช่นกัน

แบบที่ 4 : V-Neck – คอวี

ช่วงบนของชุดเจ้าสาว
ชุดแต่งงานจากร้าน Coco Chic

ชื่อก็บอกอยู่แล้วชัดเจนว่าช่วงคอจะเป็นลักษณะตัววี ใส่ได้ทั้งเจ้าสาวที่อกเล็กไปจนกระทั่งเจ้าสาวที่มีอกใหญ่แล้วมีร่องหน้าอกหน้าใจอยากจะอวด ส่วนเจ้าสาวคนไหนที่โครงหน้ายาวอาจต้องเลี่ยง เพราะมันจะทำให้คุณดูหน้ายาวขึ้นไปอีก แต่สำหรับเจ้าสาวที่มีคอสั้น ขอบอกเลยค่ะว่าชุดแบบคอวีเวิร์คสุดๆ

แบบที่ 5 : Asymmetric/One-Shoulder – ไหล่เดี่ยว

ช่วงบนของชุดเจ้าสาว

ชุดแบบไหล่เดี่ยวคือมีสายคาดไว้ที่หัวไหล่ข้างใดข้างหนึ่ง จะซ้ายหรือขวาก็ได้ ช่วยเน้นให้หัวไหล่ดูโดดเด่น เหมาะกับเจ้าสาวที่มีช่วงไหล่แคบ แนะนำว่าถ้าเลือกให้ชุดช่วงบนเป็นแบบไหล่เดี่ยวแล้ว ช่วงล่างตั้งแต่เอวลงไปไม่ควรจะมีดีเทลเยอะมากนัก ขอบอกว่าชุดแบบนี้เหมาะกับเจ้าสาวที่หน้าอกเล็ก ไม่มั่นใจว่าหน้าอกที่มีอยู่จะพอให้เกาะ รวมถึงคนที่พอจะมีหน้าอกแต่ก็กลัวจะเกาะไม่อยู่ด้วยค่ะ

แบบที่ 6 : Off-Shoulder – เปิดไหล่/เกาะไหล่

ช่วงบนของชุดเจ้าสาว
ชุดแต่งงานจากร้าน Mirror Mirror Bangkok

ชุดแบบเปิดไหล่ขอบด้านบนของชุดจะอยู่ใต้หัวไหล่ เน้นให้เห็นกระดูกไหปลาร้า หัวไหล่ และต้นแขนอย่างชัดเจน เหมาะกับเจ้าสาวที่มีช่วงคอสั้นและไหล่แคบ ส่วนใครที่รู้ตัวว่าหน้าอกใหญ่ก็ควรเลี่ยงชุดแบบเปิดไหล่นะจ๊ะ เพราะมันจะเน้นให้หน้าอกดูใหญ่มากขึ้น แต่สำหรับคนที่ต้นแขนใหญ่ หากเลือกชุดแบบนี้แล้วมีผ้าลูกไม้ต่อแขนออกมาสักนิดก็จะสามารถพลางต้นแขนได้เช่นกัน

แบบที่ 7 : Queen Anne

queenanne500

เป็นชุดที่ปิดไหล่ มีแขนเล็กน้อย บางชุดอาจเป็นแขนกุด ลักษณะที่สำคัญคือมีปกเสื้อเชื่อมด้านหน้ากับด้านหลัง ส่วนด้านหน้านิยมเป็นแบบคอวี หรือแบบเกาะอกรูปหัวใจ เหมาะสำหรับเจ้าสาวที่อยากจะเผยหน้าอกแบบพองาม ดูเรียบร้อย ไม่โป๊จนเกินไป อีกทั้งเจ้าสาวยังสามารถเพิ่มดีเทลส่วนด้านหลังด้วยเป็นผ้าลูกไม้แบบซีทรูหรืออาจเว้าหลังเป็นรูปหัวใจก็ได้นะ

แบบที่ 8 : High Neck – คอเต่า/คอจีน

highneck500

ชุดแบบคอเต่าหรือคอจีนเหมาะกับเจ้าสาวที่คอยาว แต่มีรูปร่างค่อนข้างเล็กและสามารถเลือกช่วงแขนให้เป็นแขนกุด แขนสั้น หรือแขนยาวก็ได้

แบบที่ 9 : Halter – มีสายคล้องคอ

halter500

เป็นชุดที่มีสายคล้องคอจากด้านหลังเชื่อมมาด้านหน้า ซึ่งด้านหน้าจะเลือกเป็นแบบคอวี เกาะอกรูปหัวใจ หรือเกาะอกแบบธรรมดาก็ได้ เน้นให้เห็นลำคอและช่วงไหล่ชัดเจน เหมาะสำหรับเจ้าสาวที่มีหน้าอกใหญ่ คอยาว ไหล่กว้าง และสูง ส่วนเจ้าสาวที่ช่วงคอสั้นและหน้าอกเล็กควรเลี่ยงชุดประเภทนี้

แบบที่ 10 : Bateau/Boat Neck – คอปาด

bateau500

ชุดแบบเบโท หรือที่คนไทยเรียกกันว่าคอปาดจะมีส่วนปลายอยู่ตรงหัวไหล เน้นกระดูกไหปลาร้าที่ชัดเจน เหมาะกับเจ้าสาวที่มีหน้าอกเล็ก ช่วงไหล่แคบ สำหรับคนไหล่กว้างขอให้เลี่ยงเพราะจะทำให้ไหล่ของคุณดูกว้างขึ้นไปอีก

แบบที่ 11 : Jewel – คอกลม

jewel500

มีลักษณะคล้ายกับเสื้อทีเชิ้ต เหมาะกับเจ้าสาวที่มีหน้าอกเล็ก และถ้ามีแขนจะนิยมใส่แบบแขนกุดหรือแขนสั้น

แบบที่ 12 : Illusion

ชุดแต่งงานจากร้าน Anaya Wedding Dress

เป็นชุดที่มีลักษณะคล้ายกับแบบ Jewel แต่จะต่างกันตรงแบบอิลลูสชั่นนั้น ผ้าที่ต่อจากช่วงอกขึ้นไปจะเป็นผ้าโปร่งหรือผ้าลูกไม้แบบซีทรู ซึ่งตรงช่วงอกเจ้าสาวก็สามารถเลือกได้ว่าจะเป็นแบบเกาะอกรูปหัวใจหรือเกาะอกธรรมดา ชุดแบบนี้จะดูเรียบร้อย ไม่โป๊จนเกินไป เหมาะกับงานพิธีที่ต้องมีการก้มลงกราบผู้ใหญ่

แบบที่ 13 : Square – คอเหลี่ยม

 

ชุดเจ้าสาวแบบคอเหลี่ยมจะช่วยให้ช่วงคอดูยาวขึ้น เหมาะกับเจ้าสาวที่มีหน้าอกเล็กและไหล่แคบ นิยมใส่เป็นแบบสายเดี่ยว แขนสั้น หรือแขนตุ๊กตา

แบบที่ 14 : Scoop – คอกว้าง/คอยู

scoop500

ชุดแบบสกู๊ปจะมีช่วงคอเว้าลงมาเป็นลักษณะตัวยู เป็นสไตล์คลาสสิกนิยมใส่กันอย่างแพร่หลาย เหมาะกับเจ้าสาวทุกรูปร่าง สามารถตัดให้เว้าโค้งไปถึงด้านหลังได้ จะเว้าเพียงเล็กน้อยแค่ช่วงเอวหรือถ้ามั่นใจในหุ่นก็สามารถเว้าโชว์แผ่นหลังไปจนถึงสะโพกเลยก็ได้

อ่านบทความเพิ่มเติม

10 จุดว่าที่เจ้าสาวต้องเช็คชุดแต่งงานให้ชัวร์ก่อนรับมาใส่ในวันแต่งงาน

ส่อง เทรนด์ชุดแต่งงาน แฟชั่น พลอย – เฌอมาลย์ นิตยสารแพรว wedding มิ.ย. 63

เทรนด์ชุดเจ้าสาว จากร้าน The Classic Studio & Planner สวยหรูดูมีระดับ

เคล็ดลับตัดรองเท้าแต่งงานยังไงให้ได้ดั่งใจ แถมใส่สบายในวันวิวาห์

เทคนิค ตัดรองเท้าแต่งงาน ที่ว่าที่บ่าวสาวต้องรู้

สำหรับบางคน รองเท้าที่ใช้ในวันแต่งงานอาจเป็นของที่มีอยู่แล้ว เพราะเจ้าสาวใส่ชุดเป็นกระโปรงสุ่มยาวคลุมมิดจนมองไม่เห็นแม้แต่หัวรองเท้า แต่ถ้าดีไซน์ของชุดไม่ได้เป็นเช่นนั้นล่ะ คุณเจ้าสาวจะทำอย่างไร? แถมรองเท้าที่มีอยู่ก็ไม่สามารถสวมใส่ได้สบายตลอดพิธีการแต่งงาน 4-5 ชั่วโมง แพรว wedding เลยขอแนะนำทางเลือกนั่นคือการสั่ง ตัดรองเท้าแต่งงาน คู่ใหม่ที่ใช้วัสดุและถูกดีไซน์ให้เข้ากับรูปเท้าและวันแต่งงานโดยเฉพาะ ซึ่งข้อดีก็คอ หนึ่ง. ใส่แล้วไม่เมื่อย และสอง. ได้รองเท้าคู่ใหม่ที่นำไปใส่ได้อีกหลายโอกาสด้วย

  • ทำไมต้องตัดรองเท้าใหม่

สำหรับว่าที่เจ้าสาวที่คิดว่าการสั่งตัดรองเท้าใหม่จะช่วยให้สวมใส่ได้สบายมากขึ้นนั้น เราอยากขอให้คุณเข้าใจข้อจำกัดในเบื้องต้นก่อนว่า การตัดรองเท้าใหม่อาจไม่ได้ทำให้ใส่สบายเสมอไป เพราะขึ้นอยู่กับดีไซน์ด้วย ถ้าสูงเกิน 4 นิ้วขึ้นไปก็อาจทำให้เกิดอาการเจ็บหรือเท้าระบมได้เหมือนกัน เพราะรองเท้าที่สูงมากๆ พื้นและส้นรองเท้าจะแข็งกว่าปกติ และแข็งมากเป็นพิเศษด้วย ซึ่งแม้แต่รองเท้าแบรนด์เนมคู่ละหลายหมื่นก็เกิดภาวะนี้ได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นหนทางที่พอจะบำบัดความเจ็บได้นิดหน่อย ก็คือการหาแผ่นรองพื้นรองเท้าเพื่อช่วยซับแรงกระแทกที่ด้านใน จะช่วยให้เท้าได้รับสัมผัสที่นุ่มนวลขึ้น เพราะพื้นจะมีระนาบไปตามความโค้งของรูปเท้า ไม่แบนและราบเรียบจนเมื่อใส่ไปนานแล้วทำให้เกิดอาการเท้าล้าได้

  • เสริมส้นสูงให้สมดุลกัน

ต่อมาคู่บ่าวสาวควรจะมาเลือกรองเท้าด้วยกันเพื่อที่จะได้เห็นถึงความบาลานซ์ของระดับความสูงว่า เมื่อเจ้าสาวอยู่บนส้นสูงแล้วจะสูงพอดีเหมาะสมกับเจ้าบ่าวหรือไม่ หรือควรจะต้องเสริมส้นกี่นิ้วดีความสูงถึงจะไม่ดูต่างกันมาก เช่น หากบ่าวสาวสูงพอๆ กัน เจ้าสาวควรเสริมส้นสูงประมาณ 3 นิ้ว ส่วนเจ้าบ่าวเสริมส้นด้านนอกประมาณ 1 นิ้วครึ่ง และเสริมพื้นรองเท้าที่ด้านในอีก 1 นิ้วครึ่ง ก็จะได้ความสูง 3 นิ้วเท่ากับรองเท้าเจ้าสาวพอดี ซึ่งสาเหตุที่ต้องเสริมทั้งด้านนอกและด้านในอย่างละครึ่งเท่าๆ กันเพราะ รองเท้าของผู้ชายนั้นสามารถเสริมส้นได้สูงสุดที่ 1 นิ้วครึ่ง เพราะหากสูงไปกว่านี้จะดูไม่หล่ออย่างแรง!! ส่วนรองเท้าเจ้าสาวเสริมส้นได้สูงสุดอยู่ที่ 5 นิ้วพร้อมการเสริมแพลตฟอร์มที่ด้านหน้า

ตัดรองเท้าแต่งงาน

  • วัสดุของรองเท้า

เจ้าบ่าวมักเลือกรองเท้าหนังอยู่แล้วเพราะฉะนั้นตัวเลือกจึงมีไม่มากนัก แต่สาวๆ อย่างเรานี่สิ มีวัสดุให้เลือกเพียบ แต่สำหรับวันแต่งงานเราขอแนะนำเป็นผ้าซาตินในโทนสีเบจและสีครีมจะเป็นทางสายกลางที่ดีที่สุด เพราะให้ทั้งอารมณ์ความนุ่มนวล มันวาว ดูหรูหรา และแมตช์กับชุดได้ง่าย แถมยังเก็บไว้ใส่ได้อีกหลายโอกาส สุดท้ายยังเข้ากับงานเลี้ยงทุกประเภทอีกด้วย โดยระยะเวลาในการเลือกซื้อหรือสั่งตัดรองเท้านั้น บ่าวสาวอาจจะต้องคิดล่วงหน้าเลยว่าจะใส่รองเท้าคู่นั้นในวันถ่ายพรีเวดดิ้งด้วยหรือไม่ หรือจะแค่ใส่ในวันแต่งงานเฉยๆ ซึ่งบ่าวสาวควรสั่งตัดล่วงหน้าก่อนวันใช้งานจริงประมาณ 1 เดือน เพื่อที่ว่า 2 สัปดาห์แรกก่อนถึงวันใช้งานบ่าวสาวอาจจะให้ร้านลองส่งรองเท้ามาให้ลองใส่ดูว่าสบายเท้าหรือไม่ ใช่แบบที่ต้องการหรือเปล่า หากยังไม่ถูกใจก็สามารถมีเวลาแก้ไขได้อีก 2 สัปดาห์ จะได้ไม่ต้องไปเร่งช่างให้รีบทำรีบแก้ เพราะงานแฮนด์เมดที่เร่งทำให้เสร็จผลลัพธ์ที่ได้นั้นไม่เวิร์กแน่นอน

  • การดูแลรักษารองเท้า

รองเท้าดีๆ ที่ได้รับการดูแลรักษาอย่างดีจะสามารถอยู่กับคุณไปได้นานถึง 10 ปีเชียวนะ!! ซึ่งถ้าหากเจ้าสาวกลัวว่ารองเท้าผ้าซาตินจะมีรอยเปื้อน เราขอแนะนำให้พกยางลบไว้ใกล้ตัว เปื้อนเมื่อไหร่ก็หยิบขึ้นมาทาถูๆ เบาๆ แต่ถ้ายังไม่หายให้ใช้สก็อตช์เทปแตะที่รอยเปื้อนอย่างเบามือแล้วดึงขึ้นเร็วๆ จนรอยเปื้อนนั้นหายไป ส่วนรองเท้าหนังของเจ้าบ่าว ไม่ควรใส่ขณะขับรถเด็ดขาด เพราะอาจทำให้หัวรองเท้ายับเยินถลอกปอกเปิกได้

นอกจากนี้ว่าที่เจ้าสาวควรนำแบบชุดแต่งงานหรือนำชุดที่จะใส่ในวันงานไปเทียบกับรองเท้าด้วย เพื่อที่จะได้ลุคที่แมตช์กันตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้านะคะ

ตามไปส่องแบบรองเท้าเจ้าบ่าวและเจ้าสาวกันต่อได้เลย
7 สไตล์รองเท้าเจ้าบ่าวที่ใส่ปุ๊บหล่อปั๊บ
รองเท้าเจ้าสาว 40 แบบที่สวยเริดจนเจ้าสาวไม่อยากถอด

รู้ทันกันไว้กับ 10 ปัญหาชีวิตคู่ที่คุณและคนรักอาจจะเจอเข้าสักวัน

เวลารักกันดีๆ ก็หวานชื่นรื่นรมย์ แต่พอทะเลาะกันทีก็ปวดหัวหนักไม่ใช่เล่น จนบางครั้งก็อดคิดไม่ได้ว่า ปัญหาชีวิตคู่ นี่มันจะอะไรกันนักหนา ก็แหม…มีสารพัดเรื่องที่ทำให้คู่รักต้องทะเลาะกัน แต่จะมีเรื่องไหนบ้าง และจะแก้ไขปรับตัวกันในเบื้องต้นได้อย่างไร ลองไปดูกันเลยจ้า

1. เอาแต่ใจตัวเอง

คู่รักหลายๆ คู่ที่พบว่าแฟนของคุณมีนิสัยชอบทำอะไรตามใจตัวเอง พอนานวันก็เริ่มรู้สึกทนไม่ไหว แล้วระเบิดออกมาในที่สุด วิธีแก้ง้ายง่ายนะ อย่างแรกคือ ต้องลดความงอแงของคุณลงสักนิด รับฟังคนรักของคุณให้มากขึ้น เอาใจแฟนมาใส่ใจเรา ลองเปลี่ยนบทบาทจากผู้นำเป็นผู้ตามดูบ้าง หรือพูดกันตรงๆ คืออีโก้ที่มีน่ะ ลดๆ ลงมาหน่อย เผื่ออะไรๆ จะดีขึ้น

1
2. เรื่องเงินเรื่องทอง

ด้วยการเลี้ยงดู ภาระหน้าที่ และค่าใช้จ่ายที่ไม่ตรงกันมาตั้งแต่ก่อนแต่งงาน ทำให้บางคนมีนิสัยประหยัด บางคนมีนิสัยฟุ่มเฟือย จนส่งผลให้ชีวิตคู่ ต้องมีปากเสียงกันบ่อยๆ ฉะนั้นคุณควรจะหันหน้ามาคุยกัน ตกลงเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ ว่าใครจะรับผิดชอบ หรือวางแผนออมเงินเพื่ออนาคตของครอบครัวอย่างไร เพื่อลดปัญหาเรื่องเงินต่างๆที่จะตามมา

2

3. มือที่สาม

ได้ยินคำว่ามือที่สามทีไรจะต้องหูผึ่งไปตามๆกัน เพราะเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณสามีและภรรยาลุกขึ้นมาปรี๊ดแตก จนถึงขั้นแยกย้ายกันมานักต่อนัก แต่ถ้าคุณมีใจที่หนักแน่น เชื่อมั่นในความรักให้มากๆ ไม่ว่าจะมือที่สามหรือสี่ก็ไม่สามารถก่อกวนชีวิตรักที่มั่นคงของคุณได้สักนิด

3

4. การโกหก

เชื่อว่าเป็นสิ่งที่คู่รักหลายๆ คู่ไม่ชอบเอาซะเลย ใครที่มีพฤติกรรมนี้บ่อยๆ ต้องคิดเสมอว่า ถ้าวันหนึ่งเขารู้ความจริงขึ้นมา สุดท้ายต้องทะเลาะกันอีกแน่นอน ทางที่ดีคือการพูดความจริงเสมอ อย่าลืมว่าคุณทั้งสองเป็นคนรักกัน ก็ต้องซื่อสัตย์ต่อกันทั้งสองฝ่ายนะจ๊ะ

4
5. นิสัยที่เข้ากันไม่ได้จนเกินเยียวยา

การรับนิสัยบางอย่างของกันและกันไม่ได้ ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ทะเลาะกันบ่อย ถ้าเป็นในช่วงแรกของการอยู่ร่วมกันยังไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าอยู่กันไปครบปีนึง หรือครบ 5 ปี ก็ยังเหมือนเดิมและต่างฝ่ายต่างก็ไม่ปรับปรุงตัวเองแบบนี้ เป็นเหตุให้เซย์กูดบายทั้งๆ ที่ยังรักได้เหมือนกันนะ

5
6. ชอบคิดไปเอง

บอกเลยว่าเป็นโรคสุดฮิตที่มีชื่อว่า “มโน” ยิ่งสำหรับเหล่าคู่รักทั้งหลาย ที่พอเจอปัญหาหรืออะไรผิดใจนิดหน่อย ก็มโน ว่าแฟนไม่รัก แฟนต้องเบื่อเราแน่ๆ เลย จนลุกลามกลายเป็นการทะเลาะกันซะงั้น ทางเดียวที่จะทำได้คือตั้งสติ ณ บัดนี้ และหยุดฟุ้งซ่านด่วนค่ะ มีอะไรก็หันหน้าพูดจากัน ย้ำ ! อย่าคิดเองเออเองนะจ๊ะ

6
7. ติดเพื่อนมากเกินไป

เชื่อว่าหลายคนต้องเจอปัญหาแฟนของคุณติดเพื่อนกันบ้างใช่ไหมคะ? แต่บางคนนี่สิติดเกิ๊นนนน เรียกได้ว่า เพื่อนคือพระเจ้าเลยจ้ะ เพราะฉะนั้นคุณควรที่จะจัดสรรแบ่งเวลาให้ถูกต้อง เวลาไหนให้เพื่อน เวลาไหนให้แฟน หรือคุณอาจพาแฟนของคุณไปแนะนำให้เพื่อนรู้จักบ้างก็ดีนะ เจอกันคนละครึ่งทางจะได้เกิดความสบายใจกับทั้งสองฝ่ายจ้า

7
8. หึงแบบไม่มีเหตุผล

ความหึงไม่เข้าใครออกใครนะจ๊ะ แหมมม! รักมากก็หึงมากเป็นธรรมดาเนอะ แต่บางครั้งความหึงก็เป็นเหตุให้ทะเลาะกัน เพราะถ้าหึงแบบไม่ลืมหูลืมตาหรือไม่มีเหตุผลแบบนี้ก็ไม่ไหวนะคะ ก่อนจะหึงก็ควรจะไตร่ตรองหรือหยุดคิดสักนิด แล้วดูก่อนว่านั่นกิ๊กหรือแม่ จะได้ไม่ส่งผลเสียตามมาทีหลัง

8
9. ความคิดเห็นไม่ตรงกัน

เรื่องความคิดเห็นไม่ตรงกัน บางทีก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเล้ยย! แต่บางคู่ถึงกับเก็บเอาไปทะเลาะกันหนักข้ามวันข้ามคืนก็มี ปัญหานี้จะหมดไปเพียงคุณรับฟังความคิดเห็นของแฟนคุณบ้าง ยอมรับการคิดต่างเล็กๆ น้อยๆ ก็จะทำให้ชีวิตคู่รักของคุณยืนยาวกว่าเดิม

9
10. พูดถึงแฟนเก่า

พูดถึง “แฟนเก่า” ทีไรทะเลาะกันทุกทีเลยค่ะ แบบที่พบเจอบ่อยๆก็คือ ทำไม..คิดถึงหรอ? ได้ยินชื่อไม่ได้เลยนะ! กลับไปหาไหมละ? สุดท้ายก็ทะเลาะกันจริงๆ ทางที่ดีคืออย่าเป็นฝ่ายชวนทะเลาะก่อนเลยค่ะ หลายครั้งที่เราพลั้งปากพูดไปแบบไม่คิด แฟนคุณอาจไม่ชอบและเบื่อ ไม่แน่ถ้าเขากลับไปหาแฟนเก่าขึ้นมาจะแย่นะคะ

10

จบไปแล้วกับปัญหา 10 ข้อที่เรานำมาฝากกัน เป็นไงบ้างจ้ะ ตรงเป๊ะ 100% กันรึป่าว สำหรับคู่รักคู่ไหนที่กำลังพ่อแง่แม่งอนกันอยู่ เรื่องไหนเล็กๆ น้อยๆ ที่พอจะหยวนๆกันได้ก็ให้อภัยกันไป แต่ถ้าเป็นเรื่องใหญ่จริงๆ ก็ลองนำทริคดีๆ ที่ เรานำมาฝากวันนี้ไปปรับใช้ดูบ้างนะจ๊ะ

เรียบเรียงข้อมูลจาก : www.euroresidentes.com , www.healthandtrend.com , www.healthandtrend.com , tsaomedusa.blogspot.com , www.manager.co.th , board.postjung.com , www.news247.info , oat-chaiyasith.com , board.postjung.com , blog.noonswoonapp.com

อ่านบทความเพิ่มเติม

หนุ่มๆ จงฟังถ้าไม่อยากแป้ก! วิธีขอแต่งงานอย่างไรให้ได้ใจสาว

9 วาจาสุดหวานหูที่ชายสุดที่รักมักทำให้สาวใจอ่อนแบบไม่รู้ตัว

“รักเราไม่เก่าเลย” 5 วิธีดูแลความรักให้สดใสอยู่เสมอ

ว่าที่เจ้าสาวต้องรู้กับผมเจ้าสาวชุดไทยทรงไหนรอด? ทรงไหนร่วง?

ผมเจ้าสาว ทรงไหนทำแล้วรอด แบบไหนทำแล้วร่วง!

เป็นเจ้าสาวในชุดไทยถูกต้องตามประเพณีทั้งที ผมเจ้าสาว ก็ต้องเป๊ะเนี้ยบแมทช์กับชุดไทยของเราด้วยนะ แล้วจะเลือกยังไงให้ไม่พลาด คลิกเลยเรามาบอกแล้ว

บอกเลยว่าชุดไทย เป็นอะไรที่เลือกทรง ผมเจ้าสาว ยากกว่าชุดสีขาวแบบสากลเยอะนะคะ เพราะไหนจะต้องคำนึงถึงความถูกต้องเหมาะสมตามประเพณี และยังต้องดูความเข้ากันกับทรงผมและชุดไทยที่มีหลากหลายประเภทอีก แต่เหล่าว่าที่เจ้าสาวไม่ต้องเครียดไป เรามาแนะนำแล้วค่ะว่าทรงผมทรงไหนที่แมทช์กับชุดไทยแล้วดูสวยเลอค่าแถมผู้ใหญ่ให้ไฟเขียว และทรงไหนที่อย่าได้คิดจะทำเชียวเพราะพังแน่ๆ มาดูกันเลยค่ะ

ทำแล้วรอด

ผมรวบตึง แสกกลางหรือแสกข้าง แมทช์กับมวยต่ำสุดเนี้ยบ

ผมทรงนี้ช่วยเน้นให้ดวงหน้าของเราดูสดใส และยังได้ลุคสุดเนี้ยบที่เข้ากับชุดไทยทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นแบบสไบเฉียงหรือคอปิด คุณเจ้าสาวสามารถเพิ่มเครื่องประดับมวยผมด้านหลังอย่างปื่นปักผม หรือดอกไม้สดได้

จากซ้ายไปซ้าย: ชุดไทยจาก Bobo Studio, ภาพจาก IG @gee_jiwat

ผมเกล้าเปิดหน้าผาก เล่นวอลูมนุ่มนวลด้านบน แมทช์กับมวยผมสูง

ผมทรงนี้ช่วยทำให้เจ้าสาวดูหน้าเด็กและได้ลุคอ่อนเยาว์ เข้าได้กับชุดไทยทุกประเภทแต่เราแนะนำให้แมทช์กับชุดไทยแนวประยุกต์ที่มีกลิ่นอายความโมเดิร์นในชุด ช่วยให้ลุคภาพรวมดูเก๋ไก๋มีสไตล์ค่ะ

จากซ้ายไปขวา: ชุดไทยจาก พัชรวัฒน์ เวดดิ้ง สตูดิโอ, ภาพจาก IG @gee_jiwat

ผมปาดข้างทำเป็นลอนคลื่น แมทช์กับผมหางม้าหรือเกล้ามวยก็ได้

เจ้าสาวคนไหนชอบความวินเทจเก๋ไก๋เราแนะนำทรงนี้ และทรงนี้ยังเหมาะกับเจ้าสาวผมสั้นอีกด้วย นอกจากจะดูได้กลิ่นอายความเป็นไทยแท้แต่โบราณ ยังสามารถแมทช์ได้กับชุดไทยทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นชุดไทยโบราณหรือชุดไทยประยุกต์

ชุดไทยจาก Vanus Couture

ผมปล่อยยาว ดรายตรง หรือเซตเป็นลอนเนี้ยบ

ดูเป็นแม่หญิงไทยสุดๆได้ด้วยทรงผมแบบปล่อยยาวค่ะ จะดรายตรงให้ดูเนี้ยบไปเลย หรือให้ช่างทำผมจัดเป็นลอนเนี้ยบแบบไม่แตกกระจาย แมทช์กับชุดไทยสไตล์สไบเฉียงเปิดไหล่เพื่อไม่ให้ตัวดูทึบเกินไป รับรองดูสวยเลอค่าค่ะ

ผมเจ้าสาว ชุดไทย
จากซ้ายไปขวา:ชุดไทยจาก Wasun Shudthai และ Costume Cafe

ผมหางม้าด้านข้าง หรือด้านหลัง แมทช์กับผมเปิดหน้าผาก แสกกลาง หรือปาดข้าง

ผมหางม้าไม่ว่าจะดรายตรงเนี้ยบหรือทำเป็นลอนคลื่นก็ดูดีทั้งสองแบบ เจ้าสาวสามารถเลือกแมทช์กับผมด้านหน้าที่เปิดหน้าผากโชว์โหงวเฮ้ง แสกกลาง หรือปาดข้างที่เข้ากับรูปหน้าของตัวเองได้ค่ะ

ผมเจ้าสาว ชุดไทย
ผมโดย IG @gee_jiwat

ทรงผมที่ไม่ควรทำ

ดูทรงผมที่แมทช์กับชุดไทยได้สวยเนี้ยบไปแล้ว มาดูกันบ้างว่าแล้วผมทรงไหนที่ไม่ควรเอามาแมทช์กับชุดไทย

ปอยผมรกรุงรัง

ไหนๆก็เป็นชุดไทยที่ดูเรียบร้อยสไตล์แม่หญิง เก็บทรงผมที่ดูยุ่งหรือสไตล์แบบไม่ตั้งใจมาก ไว้แมทช์กับชุดเจ้าสาวสีขาวแบบสากลดีกว่าค่ะ

ผมเจ้าสาว ชุดไทย

เปียด้านบนสไตล์โบฮีเมียน

ถ้าเปียผมแบบเรียบร้อยดูเนี้ยบก็โอเคอยู่นะ แต่ถ้ามีเปียคาดศีรษะแบบยุ่งๆ สไตล์สาวโบฮีเมียน เมื่อดูภาพรวมกับชุดไทยของเรา จะไปคนละทางจนแขกงงเลยละค่ะ

ผมเจ้าสาว ชุดไทย

รวบครึ่งศีรษะแล้วทำผมเป็นลอนคลื่น

เช่นเดียวกันกับทรงนี้ค่ะ แมทช์กับชุดเจ้าสาวสีขาวแบบสากลก็ดีอยู่หรอกนะ แต่ไม่ใช่ทรงผมที่เข้ากับชุดไทยแน่ๆ

ผมเจ้าสาว ชุดไทย

หวังว่าคอนเท้นต์ของเราจะช่วยให้คุณว่าที่เจ้าสาวมีไอเดียเกี่ยวกับทรงผมชุดไทยที่ใช่มากยิ่งขึ้นนะคะ ว่าแล้วก็ขอฝากอีกหนึ่งคอนเท้นต์ ใครที่ยังไม่มีช่างแต่งหน้าทำผมในใจ ลองเลือกจากลิสต์ช่างหน้าผมเจ้าสาวหน้าใหม่ที่น่าจับตามองที่เราเลือกมาให้ ที่นี่เลย!

ขอขอบพระคุณภาพบางส่วนจาก: Instagram @gee_jiwat

10 เรื่องสำคัญที่คู่รักต้องคุยกันให้เคลียร์ก่อนจะตัดสินใจแต่งงาน

เราเชื่อว่าหลังจาก แต่งงาน ไปแล้วใครๆ ก็อยากได้ชีวิตครอบครัวที่แฮปปี้ใช่ไหมล่ะ ถ้า “ใช่” แพรวเวดดิ้งก็อยากให้คู่รักทุกคู่ลองเปิดใจคุย 10 หัวข้อนี้กันก่อนแล้วค่อยตัดสินใจแต่งงานก็ยังไม่สายนะ เพื่ออนาคตรักที่สดใสไร้ปัญหากวนใจ

1. เข้าใจคำว่า “แต่งงาน” ว่าอย่างไร?

สิ่งแรกที่แพรวเวดดิ้งอยากให้คุณคิดให้ตกและคุยกันก็คือ สำหรับคุณแล้วการแต่งงานคืออะไร? แต่สำหรับแพรวเวดดิ้งแล้วการแต่งงานไม่ได้เป็นเพียงการจัดงานเลี้ยงฉลองและประกาศอย่างเป็นทางการว่า “เราเป็นสามีภรรยาแล้วนะ” เท่านั้น แต่มันหมายถึงการเริ่มต้นชีวิตคู่ที่แท้จริงและมีสิ่งใหม่ๆ อีกมากมายที่คุณจะต้องเรียนรู้ร่วมกันรออยู่ข้างหน้า เพราะฉะนั้นถ้าคุณคิดแบบเดียวกันอย่างที่แพรวเวดดิ้งคิด เราก็อยากให้คุณและคนรักลองคุยกันสักนิดว่า หลังจากที่ชีวิตคู่เริ่มต้นแล้ว คุณจะต้องปรับตัวอย่างไรกับความสัมพันธ์ที่พัฒนาไปอีกขั้น จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง หรือสิ่งไหนที่จะยังคงเดิม

แพรวเวดดิ้งเชื่ออย่างหนึ่งว่า การแต่งงานไม่ใช่เป็นการบอกว่า “คุณจะได้เป็นเจ้าของกันและกัน” และเข้าไปยุ่งวุ่นวายทุกอย่างในชีวิตของเขาหรือเธอได้สบาย เพราะถึงแม้ว่าคุณจะแต่งงานกันแล้ว ก็ต้องเว้นระยะห่างในบางเรื่องให้กันและกันบ้าง มาถึงตรงนี้คุณอาจจะถามตัวเองและคนรักสักนิดว่า คุณทั้งคู่เข้าใจคำว่า “แต่งงาน” อย่างไร?

2. อยากมีลูกหรือเปล่า?

สิ่งที่อยากให้คุยกันสำหรับเรื่องเจ้าตัวเล็กก็คือ คุณทั้งคู่อยากมีลูกหรือไม่?, จะพยายามปั๊มลูกกันหลังจากแต่งงานเลยไหม หรือจะรอสัก 1-2 ปี? และจะมีลูกกี่คนดี?

การปรึกษาเรื่องนี้มีข้อดีไม่น้อย เนื่องจากคุณจะได้วางแผนการมีลูกได้อย่างรอบคอบว่า ควรเตรียมสุขภาพอย่างไรให้พร้อมมีลูก หรือในทางกลับกันบางคู่ก็จะได้รู้เหตุผลและทำความเข้าใจกันและกันว่าเพราะอะไรจึงไม่อยากมีลูก จะได้ไม่ต้องทะเลาะกันในอนาคต

3. วางแผนเลี้ยงลูกให้ถูกทาง

ถ้าคุณสองคนตัดสินใจกันเรียบร้อยแล้วว่า “จะมีลูกแน่นอน” ก็ควรจะเริ่มคุยกันได้เลยค่ะว่า อยากให้ลูกโตขึ้นในสภาพแวดล้อมแบบไหน แต่ละคนมีวิธีการเลี้ยงลูกอย่างไร บางคนรู้ตัวว่าชอบใจอ่อนกับลูก เทวดาตัวน้อยขออะไรก็ไม่กล้าขัดใจ ควรตกลงกันว่าต้องมีคนที่ใจแข็งกับลูกบ้าง มีอะไรที่ตามใจได้ อะไรที่ควรทำโทษหากเขาทำผิด และวิธีทำโทษควรเป็นอย่างไรไม่ให้รุนแรงเกินไป ไม่เช่นนั้นเด็กอาจจะโตมาเป็นคนเอาแต่ใจตัวเองและก้าวร้าว แบบนี้ต้องระวังให้ดี

4. บทรัก “บนเตียง”

เรื่องรักๆ ใคร่ๆ อย่าอายที่จะพูดกันนะคะ เพราะเรื่องเซ็กส์ก็เป็นส่วนประกอบสำคัญของชีวิตคู่ไม่ต่างจากเรื่องอื่นๆ หลายคู่ไม่รู้ใจกันว่าคนรักชอบให้ทำแบบไหน เล้าโลมอย่างไร ลีลาไหนที่จะช่วยให้ถึงฝั่งฝันจนกลายเป็นปัญหาใหญ่โต บางคนถึงกับออกไปหาความสุขและความแปลกใหม่นอกบ้าน ขาเตียงหักรักร้าวกันไปหลายรายแล้ว แต่ของแบบนี้ต้องลองหาจังหวะพูดดีๆ นะ เพราะเผลอๆ คุยเสร็จก็อาจจะลองทดสอบความชอบกันสักรอบเนอะ อิอิ!

5. “ศาสนา” เรื่องละเอียดอ่อนที่ต้องคุย

คู่รักคู่ไหนที่นับถือศาสนาเดียวกันก็ใช่ว่าจะไม่เป็นปัญหานะคะ เพราะถ้าคุณนับถือกันคนละนิกาย วิธีปฏิบัติก็อาจจะแตกต่างกันไปบ้าง รวมถึงคู่ที่นับถือคนละศาสนาแพรวเวดดิ้งขอบอกว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เพราะจะมีผลกับคุณตั้งแต่การเตรียมงานแต่ง ไปจนถึงชีวิตของลูกเลยทีเดียว

อย่างแรกที่อยากให้คุณคุยกันให้ชัดเจนคือ พิธีแต่งงาน ต้องปรึกษากันว่าจะจัดพิธีอย่างไร จัดกี่ศาสนา จัดกี่วัน รวมถึงเตรียมตัวและซักซ้อมสำหรับการเข้าพิธีที่คุณไม่คุ้นชินด้วย

อย่างที่สองคือ หลังจากแต่งงานไปแล้ว ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะต้องเปลี่ยนศาสนาหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ก็สำคัญไม่แพ้กัน บางคนรักกัน อยากแต่งงานแต่ไม่อยากเปลี่ยนศาสนา เพราะฉะนั้นควรจะพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ชัดเจนตั้งแต่แรก

อย่างสุดท้ายคือ ถ้ามีลูกจะให้ลูกนับถือศาสนาอะไร บางบ้านตัดสินใจให้เด็กเลยตั้งแต่ยังไม่เกิด บางบ้านบอกว่ารอเด็กโตก่อนแล้วให้เขาเลือกเอง หากเป็นอย่างหลังก็ต้องคุยกันอีกว่า ระหว่างที่เขายังไม่โตและไม่สามารถตัดสินใจเองได้ จะเลี้ยงเขาและพาเขาเข้ารวมกิจกรรมศาสนาอย่างไรบ้าง

6. เรื่องเงินๆ ทองๆ ไม่ควรละเลย

คนเราแต่งงานหนึ่งครั้งใช้เงินไม่ใช่น้อยๆ ควรเปิดใจพูดคุยกันว่าสภาพการเงินหรือหนี้สินของคุณและคู่รักเป็นอย่างไร สามารถแบ่งมาเป็นค่าสินสอด และใช้เป็นงบประมาณสำหรับจัดงานแต่งได้เท่าไหร่ ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากงานแต่งผ่านไปแล้ว คุณและคนรักวางแผนการใช้เงินกันอย่างไร จะรวมเป็นกระเป๋าเดียวกัน หรือจะแยกเงินใครเงินมันเหมือนก่อนแต่งงาน  เรื่องนี้ก็ควรจะคุยกันให้ชัดเจน เพราะเรื่องเงินไม่เข้าใครออกใคร หลายคู่เลิกกันไปเพราะเรื่องนี้ก็มีไม่น้อย

7. หากมีลูกติดต้องคิดให้หนัก

แน่นอนค่ะว่าความรักไม่เข้าใครออกใคร หลายคนพบรักกับคุณพ่อ-คุณแม่เรือพวงและกำลังจะตัดสินใจแต่งงานกัน เพราะฉะนั้นสิ่งที่ต้องตระหนักให้จงมั่นคือ คุณเข้ากับลูกของคนรักได้ดีแค่ไหน และเขามีท่าทีกับคุณเช่นไร ยอมรับให้คุณเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวหรือแสดงอาการต่อต้าน คุณสามารถเติมเต็มสิ่งที่เขาขาดได้หรือไม่ และถ้าคุณมีลูกของตัวเอง คุณจะให้ความรักกับเขาจนเขาไม่รู้สึกน้อยใจได้หรือเปล่า

รวมถึงถ้าคุณมีลูกติดและคนรักก็มีเช่นกัน หากจะแต่งงานด้วยกันสิ่งที่ต้องคิดให้มากกว่าปกติคือ ลูกของคุณทั้งคู่จะเข้ากันได้หรือไม่ ต้องทำความเข้าใจกันให้ดีๆ เพราะความรู้สึกของเด็กก็สำคัญไม่แพ้ความรักของพวกคุณทั้งสองคนเช่นกัน

8. จะเป็นพ่อบ้าน แม่บ้าน หรือจะยังทำงานทั้งคู่

เรื่องนี้แพรวเวดดิ้งเห็นมาบ่อยจากบุคคลใกล้ตัว บางคนแต่งงานแล้วลาออกจากงานประจำผันตัวไปเป็นแม่บ้าน อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน แต่บางคนก็รักชีวิตการทำงาน ชอบการเป็นเวิร์กกิ้งวูแมนก็มี แพรวเวดดิ้งจึงอยากให้คุณเคลียร์ให้ชัดเจนว่า แต่งงานไปแล้วคุณจะทำงานเหมือนเดิมหรือจะออกมาเป็นแม่บ้านพ่อบ้าน ถ้าเป็นอย่างหลังก็ควรจะคิดต่อด้วยว่าคุณจะเอาเงินที่ไหนใช้ ของแบบนี้ถ้าคู่ชีวิตเลี้ยงดีก็สบายไป

แต่สำหรับบางคนก็คิดว่าจะมัวแต่รอเขาส่งเงินให้อย่างเดียวก็กระไรอยู่ อยากทำงานหาเงินใช้เองจะได้พอมีอำนาจต่อรองในเรื่องต่างๆ บ้าง ถ้าเป็นอย่างนั้นแพรวเวดดิ้งก็อยากให้คุณคิดไปอีกสเต็ปหนึ่งว่า การดูแลความเรียบร้อยของบ้านจะทำอย่างไร อาจจะแบ่งกันไปเลยว่าคุณผู้ชายรดน้ำต้นไม้ คุณผู้หญิงซักผ้า หรือจะจ้างแม่บ้านมาทำแบบนี้ก็สะดวกดี (อย่าลืมตกลงเรื่องจ่ายค่าแรงให้แม่บ้านด้วยนะ)

อีกเรื่องหนึ่งที่ต้องคิดไว้บ้างก็คือ ถ้าคุณมีลูก คุณจะลาออกจากงานมาเลี้ยงลูกหรือไม่ หรือจะฝากให้ปู่ยาตายายช่วยเลี้ยงก็ควรจะต้องปรึกษาท่านด้วยนะ

9. ญาติฉัน ญาติเธอ เราเข้ากันได้ไหม

อีกหนึ่งองค์ประกอบของชีวิตคู่ที่หนียังไงก็ไม่พ้นก็คือ คนในครอบครัวของทั้งสองฝ่าย หลายคนรู้ตัวเองว่าไม่สามารถเข้ากันได้กับญาติพี่น้องของคนรัก ก็แก้ปัญหาด้วยการย้ายออกมาเป็นครอบครัวเดี่ยว ถึงวันหยุดหรือเทศกาลสำคัญก็ค่อยกลับไปเยี่ยม ดีกว่าที่จะต้องเจอหน้ากันทุกวัน ลดการกระทบกระทั่งกันให้น้อยลง หรือบางคนที่ผู้ใหญ่รักผู้ใหญ่หลงก็ย้ายเข้าไปอยู่ด้วยกันซะเลย ญาติพี่น้องเอ็นดูแบบนี้ก็สบายไปอีก ลองปรึกษากับคนรักดูว่าคุณเป็นอย่างแรกหรืออย่างหลัง แล้วค่อยๆ หาทางแก้ปัญหากันไป ชีวิตหลังแต่งงานจะได้ไม่มีปัญหามากมาย

10. เรือนหอของเราจะเอาแบบไหน

ข้อสุดท้ายที่อยากให้ตกลงคุณกันตั้งแต่ก่อนแต่งงานก็คือ “แต่งกันแล้วจะไปอยู่ที่ไหน” (ฟังดูเหมือนไม่มีที่ไป!) บางคนย้ายไปอยู่บ้านผู้ชาย บางคนย้ายไปอยู่บ้านผู้หญิง แบบนี้ก็ต้องดูธรรมเนียมและประเพณีของแต่ละครอบครัวด้วย เช่น ครอบครัวคนจีนมักจะให้สะใภ้ย้ายเข้าไปอยู่บ้านสามี เป็นต้น ส่วนใครที่ตั้งใจจะย้ายเข้าเรือนหอใหม่ ไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือคอนโดก็ควรตกลงกันดีๆ ว่าจะตกแต่งบ้านให้เป็นสไตล์ไหน ถ้าฝ่ายหญิงชอบสีชมพูฟรุ้งฟริ้ง แต่ฝ่ายชายชอบสีดำดีพดาร์ก แบบนี้ก็ตกลงกันคนละครึ่งทางนะจ๊ะ อาจจะเป็นชั้นล่างสีชมพู แล้วชั้นบนสีดำ ก็ว่ากันไปตามที่สบายใจแล้วกัน

10 เรื่องที่ว่ามานี้ไม่จำเป็นจะต้องคุยกันวันเดียวให้จบทุกเรื่องนะคะ อย่างนั้นปวดหัวตายไม่ต้องแต่งงานกันพอดี เอาเป็นว่าค่อยๆ คุยกันไปวันละเรื่อง วันนี้คุยไม่จบก็ยังมีพรุ่งนี้ให้คุยต่อ ไม่ต้องเร่งรัดเร่งรีบมากมาย ที่สำคัญก็คือ คุยกันด้วยความเข้าใจซึ่งกันและกัน ความรักจะยั่งยืนไม่แห้งเหี่ยวไปตามกาลเวลาเนอะ

cr : everydayhealth.com, vaisnavafamilyresources.org, lovemybrit.com

อ่านบทความเพิ่มเติม

เริ่มต้น ชีวิตคู่ อย่างมั่นคงด้วย 7 เคล็ดลับช่วยคู่รักออมเงินแบบเห็นผล!

รู้ทันกันไว้กับ 10 ปัญหาชีวิตคู่ที่คุณและคนรักอาจจะเจอเข้าสักวัน

3 เคล็ดลับช่วยพิชิตปัญหาเรื่องเงิน ๆทองๆ ที่มักเกิดขึ้นกับชีวิตคู่รัก

เริ่มต้น ชีวิตคู่ อย่างมั่นคงด้วย 7 เคล็ดลับช่วยคู่รักออมเงินแบบเห็นผล!

ถ้าคุณและคนรักมีแพลนจะสร้างครอบครัวร่วมกัน ไม่ว่าจะจัดงานแต่งงานหรือกำลังคิดอยากมีลูก แต่ว่าไม่รู้จะเริ่มต้นออมเงินสไตล์คนใช้ ชีวิตคู่ จากตรงไหนก่อนดี แพรว wedding แนะนำให้ดูวิธีออมเงินแบบชีวิตคู่ตามนี้ก่อน แล้วคุณจะรู้ว่าการออมเงินแบบชีวิตคู่นั้นง่ายนิดเดียว!

  • DIY ของใช้ในบ้านเอง

จะออมเงินเพื่ออนาคตที่มีร่วมกันทั้งที อะไรที่จะช่วยประหยัดได้ก็ต้องเก็บให้ครบทุกเม็ดทุกหน่วย เช่น การ DIY ของใช้บางอย่างใช้เอง อาจจะเป็นประเภทน้ำยาทำความสะอาดที่ทำจากสมุนไพร หรือจะ DIY ของแต่งบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ ร่วมกัน ซึ่งนับว่าเป็นกิจกรรมที่ช่วยกระชับความสัมพันธ์ของคู่รัก ที่สำคัญช่วยให้คุณเหลือเงินไว้ออมได้อีกด้วย

  • เก็บเกี่ยวความสุขจากสิทธิพิเศษที่คุณมีอยู่

หากคุณเป็นลูกค้าคนสำคัญของธนาคารหรือองค์กรต่าง ๆ หรือแม้แต่การใช้จ่ายผ่านบัตรอะไรก็ตามที่มีการสะสมแต้มเพื่อแลกรับของรางวัลและสิทธิพิเศษ พยายามใช้สิทธิ์เหล่านี้หาความสุขร่วมกันให้ได้มากที่สุด จะกิน เที่ยว หรือช้อปงานนี้ก็ฟรีๆ ฟินๆ ให้เต็มที่ไปเลย

  • ใช้ของมือสองบ้างก็ได้

สำหรับคู่ที่คิดจะย้ายบ้านใหม่เพื่อรองรับการมีสมาชิกเพิ่ม เหล่าเฟอร์นิเจอร์และของใช้ที่เคยมีก็อย่าเพิ่งทิ้งขว้างนะคะ อะไรที่เก็บมาใช้ได้ก็ใช้ไปก่อน ส่วนของที่จำเป็นต้องซื้อใหม่จริง ๆ ลองแวบเข้าไปดูตามร้านขายของมือสองสิ แล้วคุณจะเหลือเงินเก็บอย่างที่คิดไม่ถึงเลยล่ะ

  • เที่ยวแบบประหยัด

มีวันหยุดยาว ๆ พร้อมกันก็ต้องอยากไปเที่ยวด้วยกันเป็นธรรมดา ทว่าการไปเที่ยวในสไตล์คู่รักกำลังออมเงินนั้น อาจต้องมีเงื่อนไขที่ควรทำกันเบา ๆ เช่น แทนที่จะสั่งอาหารจากโรงแรมมากิน ก็เลือกกินอาหารจากตลาดโต้รุ่งหรือร้านอาหารตามสั่งแถว ๆ นั้นดีกว่า เซฟเงินกว่ากันเยอะ

  • เช็คกรมธรรม์ที่มีอยู่

ก่อนหน้านี้คุณอาจทำประกันที่เหมาะสำหรับคนโสดอยู่ ซึ่งก็แน่นอนว่าคงไม่ครอบคลุมและคุ้มครองไปถึงคนรักและครอบครัวของคุณแน่ ๆ ที่สำคัญบางกรมธรรม์ยังมีเบี้ยประกันค่อนข้างสูงเกินความจำเป็น ดังนั้นหากเป็นไปได้ลองตัดทอนเงื่อนไขที่ไม่เหมาะกับคนมีคู่แล้วออกไปบ้างดีกว่า หรือจะลองเปลี่ยนกรมธรรม์ในแบบที่คิดแล้วว่าคุ้มกับชีวิตคู่ของคุณก็น่าจะดีไม่น้อย

  • ช้อปปิ้งอย่างฉลาด

แม้จะประหยัดอดออมแค่ไหน แต่รายจ่ายสำหรับการช้อปปิ้งจะยังคงตามติดคุณไปเสมอค่ะ อย่างน้อยก็ต้องออกไปช้อปปิ้งของกินของใช้กันแน่ ๆ แต่ประเด็นคือ คุณควรเลือกซื้อแต่ของที่จำเป็นสำหรับชีวิตเท่านั้น หรือหากกลัวจะยั้งตัวเองไม่ไหว แนะนำให้ลิสต์รายการของที่จำเป็นต้องซื้อมาใช้ใส่กระดาษหรือสมา­­­ร์ทโฟนไว้ก่อน จากนั้นก็ออกไปซื้อของตามรายการอย่างเคร่งครัด และช่วยกันรั้งเมื่อใครสักคนอยากจะซื้อของนอกลิสต์ด้วยล่ะ

  • ใช้จ่ายอย่างมีสติ

การออมเงินเป็นสิ่งที่ไม่ได้เฉียดคำว่ารื่นรมย์เลยสักนิด ทว่าเพื่ออนาคตที่ดีที่กำลังจะมีร่วมกัน คุณทั้งคู่ควรเติมความอดทนซึ่งกันและกันให้มาก ที่สำคัญพยายามใช้จ่ายอย่างมีสติด้วยนะคะ ซึ่งนั่นก็หมายความว่า ไม่จำเป็นต้องอดจนถึงขั้นตระหนี่ถี่เหนียว แค่เลือกจ่ายในสิ่งที่ควรจ่าย พร้อมทั้งตัดรายจ่ายในสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องเสียเงินให้มันก็พอ

Cr : lifehack.org

อ่านบทความเพิ่มเติม

ข้อดีของสาวๆ ที่ แต่งงานอายุ 30+ ช่วงชีวิตดีๆ ที่สาววัยเอ๊าะมีแต่จะอิจฉา

รู้ทันผู้ชาย กับหลากหลายเล่ห์เหลี่ยม และลูกเล่นเอาตัวรอดสุดแพรวพราว

ว่าที่เจ้าสาวจงทำตาม 7 วิธีนี้รับรองเพื่อนเจ้าสาวไม่มีน้อยอกน้อยใจ

ทรงผมเจ้าสาวงานเย็นแบบเกล้าหางม้า ได้ลุคเจ้าสาวสมัยใหม่สุดๆ

Romantic Ponytai หรือ ทรงเกล้าหางม้า ทรงผมเจ้าสาวงานเย็น ได้ลุคเจ้าสาวสมัยใหม่ แมตช์ง่ายกับทุกชุดแต่งงาน

สำหรับเจ้าสาวที่กำลังส่องหา ทรงผมเจ้าสาวงานเย็น ที่ไม่ทำให้ดูสูงวัย ขอบอกเลยว่า อย่าได้มองข้ามทรงมินิมัลที่อาจจะดูเบสิกเกินไปในความคิดของเจ้าสาวอย่างผม “เกล้าหางม้า” ทรงนี้แหละที่มีความยืดหยุ่นสูง จะทำให้ดูงามสง่าอย่างการรวบตึงเกล้าสูงก็ทำได้ อยากให้เรียบร้อยเกล้าต่ำก็ดูเป็นทางการ หรือเลือกเป็นหางม้าม้วนลอนสำหรับเจ้าสาวในสไตล์อ่อนหวานอย่างเจ้าหญิง แม้แต่กับเจ้าสาวผมสั้น การต่อผมหางม้าด้วยแฮร์พีซก็เป็นเรื่องง่ายและแนบเนียน อยากได้ยาวแค่ไหนเนรมิตได้ดังใจ ผมหางม้านั้นเลือกเครื่องประดับจับคู่ได้หลากหลาย ไม่เสี่ยงกลายเป็นสูงวัยง่ายเท่ากับการเกล้ามวย – เรื่อง  Padcha_Praewnista

TIPS & TRICKS
เจ้าสาวที่มีรูปกะโหลกสวย โครงหน้ารูปไข่ทำผมหางม้าเกล้าสูงรวบตึงโชว์รูปกะโหลกและต้นคอสวยๆ ได้สบาย แต่สำหรับเจ้าสาวที่มีรูปกะโหลกแบน ทรงที่เกล้าต่ำลงมานิดหรือต่ำไปเลยจะสามารถยีผมช่วยให้รูปกะโหลกดูกลมกลึงสวยงามได้ ส่วนเจ้าสาวที่มีแก้มเยอะหรือรูปหน้าเหลี่ยม ไม่มั่นใจที่จะทำผมเปิดหน้าทั้งหมด ทรงผมหางม้าก็ยืดหยุ่นพอที่จะปล่อยปอยข้างแก้มมาช่วยลดทอนรูปหน้าให้ดูเรียวเล็กอ่อนหวานขึ้น

Perfect Pairing

Ponytail + Rubber Band

ทรงผมเจ้าสาวงานเย็น

ผมเจ้าสาวหางม้าสไตล์มินิมัล น้อยแต่เนี้ยบกริบไม่ต้องอาศัยสิ่งใดตกแต่งให้รกเรื้อก็สวยเอาอยู่ แค่ใช้ยางรัดผมเรียบๆ กับเทคนิคการซ่อนยางไม่ให้โชว์ออกมาอย่างน่าเกลียด จะเกล้าเรียบๆ หรือมีลูกเล่นแบ่งช่อแล้วมัดเป็นปล้องๆ ก็สวยเรียบแต่มีดีเทลที่น่าสนใจ

Ponytail + Hair Jewelry

ทรงผมเจ้าสาวงานเย็น

ทรงผมเจ้าสาวงานเย็น

ผมหางม้าจับคู่กับเครื่องประดับผมดีไซน์เก๋ๆ ได้หลากหลาย ทั้งแบบที่ล้อมโอบจากด้านหลัง ส่งให้ดีเทลช่วงหางม้าดูโดดเด่นน่าสนใจและประเภทที่เป็นเส้นยาววางหรือพันล้อไปกับหางม้าก็เป็นลูกเล่นที่ทำให้ดูโมเดิร์นไม่ซ้ำใคร

Ponytail + Headband

ทรงผมเจ้าสาวงานเย็น

ทรงผมเจ้าสาวงานเย็น

อยากให้มุมด้านหน้าดูมีดีเทลน่าสนใจขึ้น เติมที่คาดผมอันเล็กอันใหญ่ ทำให้ทรงผมที่ดูมินิมัลกลายเป็นหรูหราขึ้นทันตา

Ponytail + Ribbon

ทรงผมเจ้าสาวงานเย็น

จะเป็นหางม้าตรง ม้วนลอน หรือแบบยุ่ง Messy ก็เข้ากับโบสวยๆ ได้เป๊ะ ทำให้เจ้าสาวดูอ่อนเยาว์เด็กลงไปหลายปี

Bride in Focus

Olivia Palermo

แฟชั่นไอคอนสาวที่สวยและรวยมาก ด้วยความเนี้ยบเป๊ะสมบูรณ์แบบชวนมองทุกครั้งที่ปรากฏกาย ทำให้หลายคนจับตาว่างานใหญ่อย่างการเป็นเจ้าสาวไฮโซอย่างโอลิเวียเล่นใหญ่แพงระยับเบอร์ไหน แล้วก็หักมุมเบาๆ เมื่อเจ้าสาวเปิดตัวในลุคเบาสบาย จัดงานเรียบง่ายในสวนสาธารณะ ลุคเจ้าสาวในชุดคอกลมแขนยาวสีขาวสบายๆกับกระโปรงที่ฟูนิดๆ กำลังเก๋ มาพร้อมหางม้า Ponytail แบบยุ่งๆสวยไม่ตั้งใจ กลายเป็นลุคที่คนในวงการแฟชั่นกดไลค์กันรัวๆ

STAR in FOCUS

เบลล่า ฮาดิด แม้จะเป็นซูเปอร์โมเดลที่ผ่านมาแล้วทุกทรง แต่เมื่อส่องดูดีๆ จะสังเกตได้ว่าสาวเบลล่าคือเซียนหางม้าที่แท้ทรู ด้วยรูปหน้าที่เรียวยาว หน้าผากและรูปกะโหลกสวยอยู่แล้ว ทางหางม้ารวบตึงจึงเป็นซิกเนเจอร์ของเบลล่า

เมื่อสวยจนทำทรงอะไรก็ได้ขนาดนี้ เราเลยได้เห็นสาวเบลลา่ มาในหางม้าที่หลากหลาย ทั้งรวบต่ำ ทำ Messy จับคู่กับกิ๊บ หรือแม้แต่หางม้าสไตล์เรโทร เบลล่าก็ทำได้สวยจนต้องชี้เป้าให้เจ้าสาวได้เอาไว้เป็นอินสไปเรชั่น

อ่านบทความเพิ่มเติม

ว่าที่เจ้าสาวต้องรู้กับผมเจ้าสาวชุดไทยทรงไหนรอด? ทรงไหนร่วง?

ทรีตเม้นต์ เสริมความงามเจ้าสาวก่อนแต่งงาน อันไหนควรทำเมื่อไหร่ มาดูกัน

เจ้าสาวปล่อยผมได้ไม่ผิดกฎ ทรงผมเจ้าสาวยาวตรงสวยเรียบดูดีเกินคาด

Monique Wedding

Monique Wedding
418/8-9 ถนนสาธุประดิษฐ์ แขวงบางโพงพาง
เขตยานนาวา กรุงเทพฯ
โทร. 0-2108-7800, 08-0279-7800
เฟซบุ๊ก : Monique Wedding
ไอจี : @moniqueweddingbkk

วางแผนแต่งงานกับงบงานแต่ง ที่ถึงแม้จะตั้งไว้เป็น “ศูนย์บาท” ก็แต่งได้

คำถามสุดฮิตที่บ่าวสาวถามเข้ามาบ่อยๆ คือ จัดงานแต่งต้องใช้เงินเท่าไหร่ ซึ่งเราก็เคยตอบไปแล้วนะคะว่า เรื่องเงิน หรือ งบงานแต่ง นั้นขึ้นอยู่กับฐานะและความพึงพอใจที่จะจ่ายของแต่ละคู่ เรียกว่าใครมีมากก็อาจไม่จำเป็นต้องจ่ายมากเสมอไป ใครมีน้อยก็จัดงบใช้กันอย่างพอเพียง เพราะสุดท้ายก็ได้งานแต่งในฝันได้เหมือนกัน แต่ก็มีคำถามส่งมาอีกว่า แล้วงบประมาณส่วนไหนพอจะตัดทิ้งได้บ้าง เราสรุปมาแล้วจากประสบการณ์ตรงของเจ้าสาวตัวจริงว่า มีงบประมาณบางส่วนที่แม้คุณจะเซ็ตเป็น “ศูนย์” ก็ยังแต่งงานได้ แต่จะมีอะไร ทำไมถึงยังแต่งได้ ไปเช็คกันเลยค่ะ

  • ค่าสถานที่ เป็น “ศูนย์” ได้ : ถ้าคุณมีบ้านหลังโตที่สามารถปรับพื้นที่ให้กลายมาเป็นสถานที่แต่งงานได้ก็ไม่ต้องกังวลกับค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ ก็แหม…บ้านก็บ้านตัวเองแล้วจะเสียค่าเช่าให้ใครล่ะ ฉะนั้น งบประมาณในส่วนนี้จึงตัดทิ้งออกไปได้เลย
  • ค่าพิธีกร เป็น “ศูนย์” ได้ : ถ้าคุณไหว้วานเพื่อนมาเป็นพิธีกรก็ตัดทิ้งได้ หรือถ้าอยากให้เป็นสินน้ำใจก็น้อยนิดมากๆ (แต่ส่วนใหญ่เพื่อนจะยินดีทำให้ฟรีนะ)
  • ค่าเค้ก เป็น “ศูนย์” ได้ : ถ้าคุณซื้อแพ็กเกจจัดงานแต่งในโรงแรม ในแพ็คเกจนั้นมักจะมีเค้กแต่งงานมาให้อยู่แล้ว
  • ค่าเช่าของ เป็น “ศูนย์” ได้ : ถ้าคุณพอใจในรูปแบบการตกแต่งสถานที่ที่รวมอยู่ในแพ็คเกจที่ซื้อ หรือถ้าเลือกสถานที่จัดงานที่มีความสวยอยู่ในตัว พร้อพชิ้นเล็กไปจนถึงชิ้นใหญ่ที่จะผลาญงบประมาณของคุณก็ไม่ต้องมีอีกต่อไป

งบงานแต่ง

  • ค่าที่พักสำหรับแขก เป็น “ศูนย์” ได้ : ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงว่าห้ามเชิญแขกต่างจังหวัดมาร่วมงานนะคะ แต่เชิญโดยระบุบอกไปอย่างชัดเจนเลยว่า แขกต้องดูแลตัวเองในส่วนนี้ ทีนี้ก็อยู่ที่แขกจะตัดสินใจแล้วว่าจะเดินทางมาร่วมงานไหม ถ้ามาก็เท่ากับว่า แขกเต็มใจจะมายินดีและดูแลตัวเองในเรื่องดังกล่าว (คำเตือน!! ต้องบอกกล่าวอย่างชัดเจนตั้งแต่แรกเชิญนะ จะได้ไม่มีเสียงเม้าท์ตามมาให้ปวดใจทีหลัง)
  • ค่าช่างภาพ เป็น “ศูนย์” ได้ : ในกรณีที่คุณมีเพื่อนเป็นช่างภาพแล้วเขายินดีมาถ่ายให้ฟรี (หรือคุณขอให้ช่วยมาถ่ายให้ฟรีหน่อย!!) หรือมีเพื่อนที่รักการถ่ายภาพเป็นชีวิตจิตใจ แถมยังมีฝีมือและศิลปะในการถ่ายภาพอีกต่างหาก ก็อาจจะไหว้วานให้มาถ่ายภาพให้ที (ถือว่าเป็นของขวัญแต่งงานให้ก็ได้นะ คริคริ) หรืองบประมาณนี้สามารถเป็น “ศูนย์” ได้ ถ้าคุณไม่ได้ต้องการภาพถ่ายขั้นเทพ แต่อยากได้เพียงภาพในงานแต่งงานที่ถ่ายกันเองสนุกๆ เพื่อเก็บไว้ระลึกถึงช่วงเวลาแห่งความประทับใจแบบคนกันเอง
  • ค่าวงดนตรี เป็น “ศูนย์” ได้ : เปิดแผ่นสิคะ หรือจะจัดเพลย์ลิสต์ในยูทูปกันมาแบบยาวๆ ไปเลย แล้วทีนี้จะจ่ายทำไมกับค่าวงดนตรี
  • ค่าการ์ดเชิญ เป็น “ศูนย์” ได้ : จัดงานเล็กๆ ไม่ต้องพิมพ์การ์ดแต่งงานก็ได้ เพราะเพียงแค่ยกมือถือขึ้นมาส่งไลน์กรุ๊ปบอกเพื่อนหรือโพสต์ลงเฟซบุ๊กชวนมางานกันแบบตัวต่อตัว แถมเดี๋ยวนี้ในเฟซบุ๊กก็มีฟีเจอร์ที่สามารถตั้ง Event ได้และส่งเตือนไปยังเพื่อนๆ ในเฟซของคุณ ให้พวกเขาได้ตอบกลับมาว่า จะมา ไม่มา หรืออาจจะมา ก็ช่วยให้บ่าวสาวประเมินจำนวนแขกคร่าวๆ ได้อีกด้วย ทำแบบนี้ ค่าการ์ดก็ไม่ต้องจ่าย สบ๊ายสบาบเนอะ

  • ค่าชุดแต่งงาน เป็น “ศูนย์” ได้ : เจ้าสาวอาจจะยากหน่อย แต่ถ้าเป็นคุณเจ้าบ่าวก็พอจะมีความเป็นไปได้ ถ้ามีสูทอยู่แล้วก็หยิบมาสวมได้เลย หรือหลายคนที่ชีวิตนี้ไม่มีสูทสักตัว เราเชื่อว่าคุณมีเพื่อนที่มีสูท ฉะนั้น ‘ยืมค่ะ’ ไม่ต้องเขิน แค่นี้ค่าสูทก็เป็น “ศูนย์” ได้แล้ว
  • ค่ารองเท้าแต่งงาน เป็น “ศูนย์” ได้ : อันนี้จริงแท้แน่นอน ชุดยาวคลุมเท้าก็หยิบรองเท้าคู่โปรดใส่สบายมาใช้ หรือถ้ามีคู่สวยสภาพดีแล้วจะเสียเงินซื้อมาใส่แค่ในวันเดียวไปทำไม จริงมั้ย
  • ค่าแต่งหน้าทำผม เป็น “ศูนย์” ได้ : คิดไม่ถึงล่ะสิคะ ว่าค่าแต่งหน้าทำผมก็สามารถตัดออกไปได้ ซึ่งเหตุผลที่คุณสามารถตัดงบประมาณส่วนนี้ออกไปได้ก็เพราะคุณสามารถแต่งหน้าได้เอง แบบว่าแต่งสวยอยู่แล้ว บวกกับไม่ได้ต้องการความแปลกใหม่บนใบหน้า แต่พอใจกับรูปแบบการแต่งหน้าที่เป็นตัวของตัวเอง เน้นความเป็นธรรมชาติ ส่วนเรื่องทรงผมคงต้องจำกัดกันหน่อยว่า ถ้าคุณทำผมเป็นก็แน่นอนว่าไม่ต้องควักเงินจ่ายเช่นกัน แต่ถ้าแค่ทำได้ แต่ไม่มั่นใจ อันนี้ก็คงต้องบวกงบเข้าไปอีกนิดหน่อยเนอะ

หวังว่าลิสต์รายการค่าใช้ง่ายที่สามารถเซ็ตเป็น “ศูนย์” ได้ที่เราร่ายไปทั้งหมดนี้ จะช่วยเป็นแนวทางให้ว่าที่บ่าวสาวได้จัดสรรและตัดสินใจเกลี่ยค่าใช้จ่ายในการจัดงานแต่งงานได้ง่ายและประหยัดขึ้นนะคะ

ภาพ pexels.com, pinterest.com

อ่านบทความเพิ่มเติม

เคล็ดลับตัดรองเท้าแต่งงานยังไงให้ได้ดั่งใจ แถมใส่สบายในวันวิวาห์

ฤกษ์แต่งงานปี 2564 พร้อมสารพัดสิ่งที่บ่าวสาวต้องเตรียม

5 เคล็ดลับบอกผู้ใหญ่ให้ยอมตามถ้าอยากจัดงานแต่งขนาดเล็ก