ชุดแต่งงานคนท้อง เลือกยังไง ใส่แบบไหน ลูกสบาย แม่สวยเป๊ะ

ใช่ว่าเป็นว่าที่คุณแม่แล้วจะเป็นเจ้าสาวคนสวยไม่ได้ โดยเฉพาะเดี๋ยวนี้ที่สังคมเปิดกว้างมากขึ้น แถมบางคู่ยังตั้งใจไว้ว่า “ไม่ท้องไม่แต่ง!!!” เพราะอยากให้ลูกน้อยเป็นส่วนหนึ่งของพิธีสำคัญ มีรูปตอนอยู่ในท้องแม่ก็ยังดี วันนี้ แพรว เวดดิ้งเลยจัดวิธีเลือก ชุดแต่งงานคนท้อง พร้อมทั้งแบบสวยเก๋มาให้เลือกเพียบ!

 

3 เรื่องต้องรู้กับการเลือก ชุดแต่งงานคนท้อง

ชุดแต่งงานคนท้อง

 

แจ้งช่างให้รู้ก่อน ไม่ว่าจะสั่งตัดชุดเจ้าสาว หรือเช่าที่ร้าน ยังไงก็ต้องแจ้งช่างประจำร้านให้รู้ก่อนว่า คุณกำลังตั้งครรภ์อยู่ เพื่อที่ว่าร้านจะได้แนะนำแบบ หรือเผื่อช่วงหน้าท้องให้ลูกน้อยสบายตัวไม่อึดอัด

ชุดแต่งงานคนท้อง

เลือกไซส์ใหญ่ไว้หน่อย แม้จะเป็นคุณแม่สายเซ็กซี่ หรือท้องสาวที่น้องยังไม่เผยตัวมากนัก เลยเลือกชุดแต่งงานแบบเข้ารูป ก็ขอให้เผื่อไซส์ใหญ่ไว้สักไซส์-สองไซส์ เพื่อให้น้องไม่อึดอัด แล้วอีกอย่างวันที่เลือกชุดจนกระทั่งไปถึงวันงาน รับรองว่าท้องมีการขยายใหญ่ขึ้นแน่นอน

ชุดแต่งงานคนท้อง

ชุดบางเบา เจ้าสาวว่าที่คุณแม่ พยายามเลือกชุดที่น้ำหนักเบาเพราะจะได้ไม่เหนื่อยมากนัก เลี่ยงพวกชุดที่เลื่อมแน่นๆ เพชรระยิบระยับ หรือมุกจัดเต็ม แต่ถ้าอยากได้ลุคที่มีลูกเล่นลองเพิ่มดีเทลชุดด้วยผ้าลูกไม้ ที่ไม่เพียงมีน้ำหนักเบา แต่ยังมีความอ่อนหวาน และดูพลิ้วไหวดีอีกด้วย

ชุดแต่งงานคนท้อง

เปิดกรุ เครื่องประดับชุดไทย จากกรุทองโบราณแห่งสยามประเทศ

เครื่องประดับชุดไทย จากกรุเครื่องประดับทองโบราณ มรดกแห่งสยามประเทศ

เครื่องประดับทองโบราณ งานประณีตศิลป์ชั้นสูงจากทองคำ อวดฝีมือวิจิตรแห่งลวดลายไทยโบราณ ส่วนใหญ่มักนิยมทำเป็นเครื่องประดับสำหรับตกแต่งร่างกายและเสื้อผ้าอาภรณ์ หรือ เครื่องประดับชุดไทย ไม่ว่าจะเป็น ปิ่นปักผม ต่างหู สร้อยคอ ทับทรวง สังวาล สร้อยข้อมือ กำไล แหวน และป้ันเหน่งหรือหัวเข็มขัด เป็นต้น

ในอดีตนั้น เครื่องประดับทองเป็นที่นิยมในหมู่เจ้านายชั้นสูงเพราะเป็นของมีราคาและเป็นงานศิลป์ที่ต้องอาศัยความละเอียดในการทำเป็นอย่างยิ่ง จึงมีแต่ช่างทองหลวงในวังเท่านั้นที่ทำได้ ทั้งยังเชื่อกันว่าเครื่องทองเป็นของสูงชาวบ้านทั่วไปจึงไม่ใส่เครื่องประดับทองไปโดยปริยาย แต่พอยุคสมัยเปลี่ยนไปเริ่มมีการติดต่อค้าขายแลกเปลี่ยนทั้งกับคนในชาติและต่างชาติ มุมมองที่มีต่อเครื่องประดับทองของชาวบ้านก็เปลี่ยนไป กลายเป็นคนที่พอมีเงินมีทองก็จะซื้อหาเครื่องประดับทองมาใส่เพื่อเพิ่มบารมีให้กับตนเอง จากสุโขทัยสู่อยุธยา จวบจนรัตนโกสินทร์ ผ่านการเดินทางกว่าพันปีงานทองประณีตศิลป์ไทย จึงไม่เป็นเพียงของสะสมอันล้ำค่าสำหรับผู้ถือครอง แต่ยังเป็นงานศิลปะชั้นเอกที่บ่งชี้เอกลักษณ์และความเป็นมาอันยิ่งใหญ่ของชาติไทยได้เป็นอย่างดี

เครื่องประดับชุดไทย
เครื่องประดับจากกรุช่างทองโบราณ

จากซ้าย : ปิ่นปักผมทองคำสลักดุนลายไทยโบราณประดับทับทิมสยาม, ปิ่นประดับเพชรลูกโลกและพลอย, ปิ่นช่อชั้นทรงเจดีย์แบบล้านนาประดับพลอย

ปิ่นปักผม ปิ่นเป็นเครื่องประดับของสตรีล้านนามาตั้งแต่สมัยโบราณ หัวปิ่นอาจทำด้วยพลอยสีแก้ว ทองเหลือง เงิน ทองคำ แล้วแต่ฐานะความเป็นอยู่ โดยปิ่นปักผมนั้นคนเหนือเดิมเรียกว่าหย่อง เวลาใช้จะมีสายเชือกมัดปลายผมแล้วเสียบตัวปิ่นเข้าไปในมวย

เครื่องประดับชุดไทย
เครื่องประดับจากกรุช่างทองโบราณ

1. ต่างหูทองคำแกะลายโบราณทั้งแบบปะวะหล่ำเชือกฟั่นเกลียว (ขวาบน) 2. แบบพวงเต่าร้างประดับพลอย (ขวาล่าง) 3-4. แบบดอกบัวสัตบงกตรูปกลมชิ้นเดียว และ 2–3 ชิ้นต่อเป็นช่อท้ายลงมา (ซ้ายบนและซ้ายล่าง)

ต่างหูปะวะหล่ำ เป็นงานที่ได้รับอิทธิพลจากชาวจีน โดยความเชื่อว่าโคมไฟให้ความสว่างไสวเปรียบประดุจความก้าวหน้า ความเจริญรุ่งเรือง มีลักษณะเด่นที่รูปทรงกระบอกโปร่งหกเหลี่ยม เป็นลวดลายที่แสดงลักษณะเฉพาะของงานเครื่องทองเพชรบุรี ส่วนลวดลายเต่าร้าง และสัตบงกตนั้นจัดอยู่ในหมวดลวดลายพฤกษาที่มีต้นแบบมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย เป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ผ่องใสและความเจริญรุ่งเรือง

6 เครื่องดื่มเติมพลัง ที่ไม่ใช่กาแฟ แต่เพิ่มพลังได้ในช่วงเตรียมการสู่วันวิวาห์

ในเมื่อกาแฟไม่ใช่สำหรับเรา แล้วจะมี เครื่องดื่มเติมพลัง แก้วไหนบ้างที่จะเติมพลังได้เหมือนกาแฟล่ะ?

สำหรับเจ้าสาวที่ต้องดูแลสุขภาพผิวให้สวยผุดผ่องไปพร้อมๆ กับการเตรียมการสำหรับวันวิวาห์แล้ว ก็ต้องหลีกเลี่ยงการดื่มหรือรับประทานอาหารที่มีส่วนทำให้ผิวพรรณหมองคล้ำ ไม่สดใส อย่างเช่น คาเฟอีน แล้วแบบนี้ เครื่องดื่มเติมพลัง จะมีอะไรบ้างนะ?

เพราะในช่วงเตรียมการ วางแผน สู่วันวิวาห์ คงทำให้คู่รักหลายๆ คู่ ตื่นเต้น แต่คงจะกังวลมากเช่นกันใช่ไหม? เพราะมีรายละเอียดปลีกย่อยมากมายที่ต้องให้ความสำคัญ และทำให้สำเร็จตามกำหนดการ เพื่อที่งานแต่งนี้จะเป็นความทรงจำที่สวยงามของบ่าว-สาว แต่วันๆ หนึ่งมีเพียง 24 ชั่วโมงเท่านั้น แน่นอนว่าเราสามารถติดต่อ ดำเนินการตามตารางเวลาในแต่ละวันได้ แต่ร่างกายเราจะมีพลังเหลือเฟือพอในวันนั้นหรือเปล่าล่ะ? สำหรับหลายๆ คู่ การดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนก็อาจจะทำให้นอนไม่หลับในเวลากลางคืน รวมถึงบางครั้งใน 1 วันอาจมีเหตุจำเป็นที่ทำให้คุณต้อมดื่มเครื่องดื่มที่คาเฟอีนมากกว่า 1 แก้ว

แต่ทุกคนก็รู้กันเป็นอย่างดีว่ากาแฟมีสารคาเฟอีนที่จะช่วยให้ร่างกายกระปรี้กระเร่า และมีพลังในการทำงานได้เป็นเวลาหลายชั่วโมง แต่เจ้าสาวที่ต้องการหลีกเลี่ยงกาแฟคงจะกังวลว่า แล้วจะสามารถดื่มเครื่องดื่มชนิดไหนได้ถึงจะช่วยให้มีแรงในการทำตามกำหนดการได้อย่างครบถ้วน แพรว wedding จึงจะมาแนะนำเครื่องดื่มทางเลือกที่จะช่วยเติมเต็มและเพิ่มพลังงานให้คุณเจ้าสาวได้

  • Kombucha หรือชาหมัก

เครื่องดื่มเติมพลัง

ชาหมัก หรือที่เรียกว่า ชาเห็ด เพราะเป็นชาที่ไม่รู้จะอธิบายรสชาติที่มาจากการหมักยังไง จากรสดั้งเดิม หรือรสธรรมชาติ จึงได้มีการเติมรสชาติของผลไม้ เพื่อให้ง่ายต่อการดื่มมากขึ้น ชาหมักมีมาตั้งแต่สมัยจีนโบราณ เป็นเวลาเกือบ 2000 ปีแล้ว อุดมไปด้วยโปรไบโอติกและให้ประโยชน์ต่อสุขภาพนับไม่ถ้วน ปัจจุบันจึงกลายเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมของโลก ซึ่งชาหมักจะช่วยเพิ่มพลังงานให้กับร่างกาย แม้จะมีปริมาณคาเฟอีนเพียงเล็กน้อย แต่เต็มไปด้วยวิตามิน B และธาตุเหล็ก

  • Yerba Mate หรือชามาเต

เครื่องดื่มเติมพลัง

กาแฟหรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนในปริมาณมาก มักจะออกฤทธิ์กับร่างกายมากเกินไปจนทำให้รบกวนสุขภาพการนอน แต่ชามาเต เป็นเครื่องดื่มชงที่ได้รับความนิยมจากอเมริกาใต้ ที่จะค่อยๆ เพิ่มพลังงานในร่างกายอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทำมาจากใบแห้งของพืชพื้นเมืองในอเมริกาใต้ (Ilex Paraguariensis) มีคาเฟอีนเพียง 8 ออนซ์ เมื่อเทียบกับปริมาณกาแฟในขนาดเท่ากัน ชามาเตยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพ เนื่องจากอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามิน จึงเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมในหมู่นักกีฬา เพราะช่วยในการซ่อมแซมกล้ามเนื้อและลดความเมื่อยล้า

  • ชาเขียว

เครื่องดื่มเติมพลัง

เมื่อเราเหนื่อยล้า มักจะทำให้เรารู้สึกซบเซาและไม่สดชื่น ถึงแม้ว่ากาแฟจะช่วยกระตุ้นร่างกายได้ แต่ไม่ได้ตอบโจทย์ในการช่วยให้เราโฟกัสกับสิ่งต่างๆ ได้เป็นเวลานาน หรือช่วยบรรเทาอาการเมื่อยล้าได้ ชาเขียวจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด จากกรดอะมิโนที่เรียกว่า L-theanine ที่จะช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายและสงบ

  • มัทฉะ

เครื่องดื่มเติมพลัง

มัทฉะ เป็นชาเขียวละเอียด เมื่อชงแล้วจะมีรสชาติที่เข้มกว่า ทำให้มั่นใจได้ว่าจะได้รับสารอาหารและประโยชน์ทุกอย่างจากใบชาเขียวได้ มัทฉะ 1 ถ้วย ให้สารอาหารมากกว่าชาเขียว 10 ถ้วย นั่นหมายความว่า มัทฉะ จะช่วยเพิ่มพลังงานให้กับร่างกายได้อย่างเป็นธรรมชาติ รวมไปถึงมีประโยชน์ต่อสุขภาพด้านอื่นๆ เช่น การเผาผลาญอาหาร การลดปริมาณคอเลสเตอรอล และน้ำตาลในเลือด เป็นต้น

  • ช็อคโกแลตร้อน

เครื่องดื่มเติมพลัง

คุณคงจะคิดว่าช็อคโกแลตร้อน เป็นเครื่องดื่มที่ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายในช่วงอากาศหนาวๆ แต่ช็อคโกแลตร้อนยังเป็นเครื่องดื่มที่ช่วยเพิ่มพลังงานให้กับร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งดาร์กช็อคโกแลต ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพและมีปริมาณน้ำตาลน้อยกว่าช็อคโกแลตนม ซึ่งประกอบไปด้วยสารเอนโดฟีนที่ช่วยให้ร่างกายรู้สึกดีและมีความสุข

  • น้ำเปล่า

เมื่อคุณเหนื่อยล้า เพียงแค่ดื่มน้ำเปล่าก็จะช่วยรีบูทร่างกายให้สดชื่นได้ เพราะน้ำ จะช่วยให้การลำเลียงเลือดเป็นไปอย่างไหลลื่น และช่วยเพิ่มออกซิเจนให้กับร่างกาย จึงทำให้ร่างกายรู้สึกตื่นตัวและกระฉับกระเฉงขึ้นอีกด้วย

เพราะช่วงเวลาเตรียมงานวิวาห์คงจะทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย เรายังอยากชวนทุกคน มารู้จัก ชาบำรุงสุขภาพ พร้อมฟื้นฟูสุขภาพจิตเตรียมพร้อมเป็นบ่าวสาวกันเถอะ

แปลและเรียบเรียงจาก brides
ภาพจาก Pinterest

รวมพิกัดโบสถ์สวย ในประเทศไทย ไม่จัดงานแต่งไม่ได้แล้ว

โบสถ์สวย ขนาดนี้สงสัยต้องแต่พรุ่งนี้แล้วมั้ง!!

พิธีสมรสตามหลักศาสนาคริสต์ ไม่ว่าจะเห็นกี่ครั้งก็ยังชื่นชอบและหลงใหลไปกับความโรแมนติก ไม่ใช่เพียงแค่คำปฏิญาณซึ้งๆ ของบ่าวสาว แต่ยังรวมถึงความสวยงามของโบสถ์ ที่ช่วยสร้างบรรยากาศให้ดูมีมนต์ขลังและโรแมนติกมากขึ้นไปอีก วันนี้ แพรว wedding เลยขอรวบรวม 9 โบสถ์สวย สำหรับจัดงานแต่งทั่วไทย มาฝากว่าที่บ่าวสาวชาวคริสต์กันจ้า

1. อาสนวิหารอัสสัมชัญ (โบสถ์อัสสัมชัญ)

อัสสัมชัญ

อาสนวิหารอัสสัมชัญ ตั้งอยู่ด้านข้างโรงเรียนอัสสัมชัญ บางรัก ถือเป็นโบสถ์ที่เก่าแก่ที่มีอายุกว่า 207 ปี โดยวัสดุที่ใช้ก่อสร้างเป็นหินอ่อนสวยงาม อีกทั้งกระจกสีต่างๆ ก็นำเข้ามาจากประเทศฝรั่งเศสและอิตาลี ฝาผนังด้านในและเพดานงดงามด้วยจิตรกรรมแบบเฟรสโก มีประติมากรรมปูนปั้นบอกเล่าเรื่องราวทางศาสนาคริสต์ เมื่อเปิดไฟในระหว่างพิธีจะทำให้ภายในโบสถ์กลายเป็นสีทองอร่าม หรูหราอลังการ

สอบถามเพิ่มเติมโทร. 0-2234-8556, 0-2234-4592, 0-2233-7120

2. วัดแม่พระลูกประคำ (โบสถ์กาลหว่าร์)

กาลหว่าร์อีกหนึ่งโบสถ์ที่มีอายุเก่าแก่อยู่คู่กับกรุงรัตนโกสินทร์มากว่า 124 ปี งดงามด้วยสถาปัตยกรรมกรรมแบบตะวันตก ลักษณะโบสถ์เป็นแบบกางเขนโรมัน วางตัวตามยาวในแนวตะวันออก-ตะวันตก หันหน้าเข้าสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ตกแต่งด้วยศิลปะแบบนีโอโกธิค ภายในสวยงามด้วยผนังสีครีมตัดกับเก้าอี้ไม้สีน้ำตาลเข้ม หน้าต่างสองข้างโบสถ์ประดับด้วยกระจกหลากสีสัน ด้านบนห้อยระย้าด้วยโคมไฟสีเข้มสุดคลาสสิก

สอบถามเพิ่มเติมโทร. 0-2266-4849, 0-2236-2727

3. วัดซางตาครู้ส

ซางตาครู้สโบสถ์คริสต์เก่าแก่ย่านฝั่งธนฯ ตั้งอยู่ท่ามกลางความเชื่อของประชาชนหลากหลายเชื่อชาติ ทั้งไทย จีน มอญ ญวน โดยในสมัยกรุงธนบุรี สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชพระราชทานที่ดินให้ชาวคริสต์สร้างโบสถ์เพื่อประกอบศาสนพิธี  ตัวโบสถ์เป็นอาคารก่ออิฐฉาบปูนตามแบบสถาปัตยกรรมนีโอคลาสสิคและเรอเนซองส์ หันหน้าเข้าสู่แม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตรงข้ามปากคลองตลาด ภายนอกทาสีครีมและสีแดง เพดานภายในโบสถ์ค่อนข้างสูง ตกแต่งสวยงามด้วยลวดลายคลาสสิค ฝาผนังด้านบนของหน้าต่างทั้งสองข้างประดับด้วยกระจกหลากสี

สอบถามเพิ่มเติมโทร. 0-2472-0153-4

จับคู่ต่างหูเจ้าสาวให้เข้ากับใบหน้า เคล็ดลับเพิ่มความงามให้ใบหน้า

ต่างหูเจ้าสาว กุญแจสำคัญเพิ่มความงามให้กับเจ้าสาว

ถ้าคุณไม่ใช่เจ้าสาวผู้โชคดีที่เกิดมาพร้อมกับใบหน้ารูปไข่และตัดสินใจไม่ถูกเมื่อต้องเลือก ต่างหูเจ้าสาว สักคู่มาใช้ในวันแต่งงาน แพรว wedding มีเคล็ดลับการจับคู่แบบต่างหูกับรูปหน้าต่างๆ มาฝาก รับรองว่างานนี้สวยเป๊ะไม่มีพลาดแน่นอน

 

  • เจ้าสาวที่มีใบหน้ากลม

ไม่ว่าจะกลมเล็กหรือกลมใหญ่หากโดยรวมแล้วรูปหน้าดูกลมเกลี้ยงควรเลือกต่างหูทรงยาวเป็นพิเศษ โดยให้ต่างหูห้อยลงมาถึงช่วงกราม ความยาวของต่างหูจะช่วยกลบความกลมของใบหน้าและพรางให้ใบหน้าดูเรียวยาว ทั้งยังทำให้ลำคอดูระหงขึ้น รูปทรงของต่างหูที่สามารถใช้ได้คือ รูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ทรงหยดน้ำ และรูปไข่

Don’t : หลีกเลี่ยงต่างหูที่มีขนาดเล็กและมีทรงกลมทุกชนิด รวมไปถึงทรงหัวใจหรือทรงพัดด้วย เพราะจะทำให้ใบหน้าแลดูกลมยิ่งขึ้น

  • เจ้าสาวที่มีใบหน้าสามเหลี่ยม

ให้สังเกตว่าหน้าผากของคุณกว้างกว่าส่วนคางหรือไม่ แต่ถ้ายังไม่แน่ใจให้สังเกตว่าคางแหลมจนเห็นได้ชัดหรือเปล่า หากเช็กแล้วว่าเป๊ะ ก็ใช้วิธีเลือกต่างหูคล้ายกับเจ้าสาวที่มีใบหน้าสี่เหลี่ยมได้เลย คือเน้นต่างหูรูปทรงกลมและรูปไข่ เลือกแบบที่ยาวเลยติ่งหูสักนิด แต่พิเศษขึ้นอีกด้วยการเลือกแบบระย้าหรือตุ้งติ้ง เพราะยามต่างหูไหวไปมาจะช่วยลบความเหลี่ยมบนใบหน้าได้ ถ้าอยากหวานขึ้นอีกนิดควรเลือกต่างหูรูปหัวใจ จะช่วยทำให้ความกว้างของใบหน้าช่วงล่างดูสมส่วนยิ่งขึ้น

Don’t : หลีกเลี่ยงต่างหูที่ช่วงบนกว้างกว่าช่วงล่าง เพราะจะยิ่งเป็นการเน้นโครงหน้ารูปสามเหลี่ยมของคุณให้ชัดเจนยิ่งขึ้นไปอีก

  • เจ้าสาวที่มีใบหน้ายาว

อย่าสับสนระหว่างหน้ายาวกับหน้ารูปไข่ เพราะเจ้าสาวที่มีใบหน้ายาวจะมีโครงหน้ารวม ๆ ที่มองแล้วคล้ายว่าเป็นรูปไข่ แต่มีระยะระหว่างหน้าผากถึงคางยาวกว่าปกติ ควรมองหาต่างหูที่มีตุ้งติ้งแบบกระจุ๋มกระจิ๋มจะเหมาะที่สุด ถ้าเป็นตุ้งติ้งทรงกลมมนหรือสี่เหลี่ยมจัตุรัสก็ยิ่งเหมาะมาก เพราะจะช่วยลดทอนใบหน้ายาว ๆ ให้สั้นลงได้ และหากอยากเพิ่มสีสันด้วยการใช้สีตัวเรือนหรือสีอัญมณีเข้ามาแจม แนะนำให้เลือกสีเงิน สีทอง หรือเพชรพลอยที่มีความแวววาวจะทำให้ใบหน้าแลดูสดใสได้สัดส่วนยิ่งขึ้น

Don’t : หลีกเลี่ยงต่างหูที่มีความยาวเป็นพิเศษหรือทรงยาว เช่น หยดน้ำหรือแบบที่ห้อยยาวระย้าเพราะจะยิ่งทำให้ใบหน้าดูยาวไปใหญ่ ถ้าเป็นไปได้ควรเลือกแบบติดหูที่มีความยาวพอดีก็จะดูเก๋ไก๋ไปอีกแบบ

 

  • เจ้าสาวที่มีใบหน้าสี่เหลี่ยม

ถ้าไม่แน่ใจว่าคุณจะเป็นหนึ่งในแก๊งหน้าเหลี่ยมหรือเปล่า ลองสังเกตว่าหน้าผาก โหนกแก้ม และกรามมีความกว้างใกล้เคียงกันไหม ถ้าใช่ คุณคือสาวหน้าเหลี่ยมที่ควรเลือกใส่ต่างหูที่มีความโค้งมน เช่น ทรงไข่ ทรงห่วงทรงกลม จะเป็นแบบติดหูหรือแบบห้อยก็ได้ทั้งนั้น แต่ถ้าเลือกแบบห้อยก็ควรห้อยเลยติ่งหูลงมา จะทำให้ใบหน้าดูเรียวมนขึ้นและยังช่วยปรับโครงหน้าให้ดูนุ่มนวลขึ้นด้วย

Don’t : หลีกเลี่ยงต่างหูที่มีเหลี่ยมมุม ขด บิดเป็นเกลียว หรือแบบอื่น ๆ ที่ดูแข็งและเป็นเหลี่ยมทุกชนิด เพราะจะทำใบหน้ามีเหลี่ยมเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งต่างหูที่มีรายละเอียดมาก ๆ เพราะจะทำให้ดูเยอะเกินไป

  • เจ้าสาวที่มีใบหน้ารูปหัวใจ

รูปหัวใจคือใบหน้าที่มีรอยหยักบริเวณหน้าผากและมีช่วงขมับที่กว้าง แต่ช่วงคางแคบ (บางคนเรียกใบหน้ารูปหัวใจว่าใบหน้ารูปใบโพธิ์) ควรเลือกต่างหูที่มีช่วงล่างกว้างกว่าช่วงบน จะเป็นรูปสามเหลี่ยมก็ได้ เพื่อช่วยพรางคางที่แหลมเล็กให้มีความกว้างและโค้งมนมากขึ้นทำให้รูปหน้าดูสมดุล

Don’t  : หลีกเลี่ยงต่างหูที่มีมุมกลับ เช่น ด้านล่างของต่างหูเป็นแบบแหลมหรือปลายยอดแหลม เพราะจะยิ่งทำให้กรามและคางแคบแหลมกว่าเดิม

เคล็ดลับเลือกเครื่องประดับเจ้าสาวเพิ่มเติมให้ลุคเจ้าสาวเพอร์เฟกต์ >>> สวยสง่า ราศีจับ ต้องเลือกเครื่องประดับให้เป๊ะ

ภาพ pinterest

เลือก แหวนแต่งงาน คู่ใจให้สวมติดนิ้วได้ยังไงแบบคุณภาพคับวง

ขึ้นชื่อว่า แหวนแต่งงาน แต่ไม่ได้ใส่แค่วันแต่งงานนะจ๊ะ เพราะต้องใส่ติดนิ้วในทุกๆ วันเลยล่ะ

และนี่คือคู่มือการเลือกซื้อ แหวนแต่งงาน ฉบับย่อ ที่จะช่วยให้บ่าวสาวเจอแหวนที่ใช่และดีต่อใจใส่ได้แบบไม่มีเบื่อ และยิ่งถ้าหากคุณอยากประหยัดงบด้วยการใช้แหวนหมั้น และแหวนแต่งงานเป็นวงเดียวกันด้วยแล้ว คำแนะนำดีๆ เหล่านี้จะเป็นประโยชน์เพื่อให้คุณได้เจอกับแหวนแต่งงานที่สมบูรณ์แบบ กับ 10 ข้อที่บ่าวสาวต้องคิดๆ ดีก่อนเลือกจิ้มแหวนที่ แพรว wedding นำมาฝาก

1. จำกัดตัวเลือกให้แคบลง

เพชรหรืออัญมณี? ตัวเรือนแพลตตินั่มหรือทองคำ? โดยอาจเริ่มต้นที่สไตล์ว่าคุณต้องการแบบเรียบง่ายหรือแบบที่มีการตกแต่ง จากนั้นอยากได้วัสดุที่เป็นตัวเรือนแบบไหน โดยอาจคำนึงถึงวัสดุที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ การใช้ชีวิตประจำวัน และสีผิวของคุณเป็นหลัก และสุดท้าย คุณและคนรักจะใส่แหวนคู่ที่เหมือนกันหรือไม่ เพราะฉะนั้นบ่าวสาวจะต้องตอบคำถามเหล่านี้ให้ได้ก่อนที่จะออกตามหาแหวนที่ใช่ต่อไป

2. หาข้อมูลแหวนเอาไว้ล่วงหน้า

หากคุณมีแบบแหวนที่อยากได้อยู่ในใจแล้ว ถึงเวลาที่คุณจะหาข้อมูลร้านต่างๆ 2-3 เดือนล่วงหน้าก่อนถึงวันแต่งงาน เพราะขั้นตอนนี้จะต้องใช้เวลาเพื่อเปรียบเทียบราคาและคุณภาพ หรือดีไซน์ที่เตะตาจากแต่ละร้าน และยิ่งถ้าหากคุณมีแบบแหวนในใจว่ายังไงก็ต้องดีไซน์ให้ออกมาเป็นอย่างที่ฝันไว้ให้ได้ ก็ยิ่งต้องใช้เวลาเพื่อหาช่างหรือร้านที่มีประสบการณ์ และจำไว้ว่าเสมอว่า หากคุณต้องการดีเทลพิเศษอย่างการแกะสลักแล้วล่ะก็ ข้อนี้อาจจะต้องเผื่อเวลาไปอีก 1 เดือนด้วย

3. การผสมผสานที่ลงตัว

หากคุณชอบทองคำขาว แต่แฟนหนุ่มดันชอบตัวเรือนทองซะงั้น เพราะไม่มีกฎบัญญัติตายตัวว่าคนรักจะต้องใส่แหวนให้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นการจะทำให้แหวนสองวงแมตช์กัน โดยที่ยังคงไว้ซึ่งความชอบของแต่ละคนนั้นไม่ยากเลย เช่น อาจจะผสมผสานวัตถุดิบทั้งสองอย่างนี้เข้าด้วยกัน หรือจะแบบที่แตกแต่งกันโดยสิ้นเชิง แต่หาสไตล์ที่มีร่วมกันที่สามารถสะท้อนความเป็นตัวตนของคุณออกมาได้ เท่านี้ก็ได้แหวนแต่งงานที่ไม่ต้องแมตช์ทางสายตา แต่แมตช์ทางใจแล้ว

แหวนแต่งงาน

4. ตั้งงบประมาณ

เพื่อให้สามารถควบคุมงบประมาณไม่ให้บานปลาย และยังง่ายต่อการเลือกแหวนเพชร เมื่อได้งบในใจแล้ว ก็แจ้งกับพนักงานขาย เพื่อให้พนักงานแนะนำแหวนเพชรที่อยู่ในงบมาให้เลือก แต่หากใครที่ไม่ซีเรียสเรื่องราคา ก็สามารถข้ามข้อนี้ไปได้เลยค่ะ

5. เลือกให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์

คุณต้องใส่แหวนวงนี้ติดนิ้วไว้ทั้งวันและทุกวัน เพราะฉะนั้นต้องทำให้แหวนวงนี้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคุณไปด้วย เช่น หากคุณเป็นสายสปอร์ตชอบออกกำลังกาย ก็อาจจะเลือกแหวนที่มีตัวเรือนโค้งมนบางเฉียบ เข้ากับนิ้วมือพอดีเพื่อให้เข้ากับกิจกรรมที่ทำ (หรือที่เรียกว่าสไตล์ comfort fit) หรือถ้าหากคุณเป็นสไตล์แฮนด์เมดที่ต้องหยิบนู่นทำนี่ตลอดเวลา ก็อาจจะเลือกเป็นแหวนตัวเรือนเกลี้ยงดีไซน์เรียบง่าย และอาจจะหลีกเลี่ยงการประดับเพชรหรืออัญมณีเพื่อลดความเสียหายหรือสูญหาย แต่ถ้าหากคุณเป็นสไตล์สมบุกสมบัน แนะนำให้เลือกเป็นแหวนตัวเรือนแพลตตินั่มที่มีความทนทานเป็นพิเศษ โดยอาจจะเลือกตัวเรือนเป็นแบบลายขนแมว เพราะเวลาเป็นรอยจะเห็นไม่ชัดเท่าแบบเกลี้ยง

เพื่อชุดวิวาห์ในฝัน นี่คือ 17 สิ่งที่เจ้าสาวต้องคิดให้ดีก่อนเลือกชุดแต่งงาน

จะ เลือกชุดแต่งงาน แบบไหนดีนะ?? คำถามยอดฮิตของว่าที่เจ้าสาว

สำหรับเจ้าสาวบางคนอาจจะคิดว่า แหวนแต่งงาน นั้นสำคัญที่สุดที่จะต้องพิถีพิถันในการเลือกเพราะแหวนแต่งงานนั้นเจ้าสาวจะต้อลสวมติดนิ้วไว้ในชีวิตประจำวันตลอดเวลาหลังจากแต่งงาน ค่ะ…เราไม่เถียง แต่หนึ่งสิ่งที่ถึงแม้จะใส่แค่วันแต่งงานแต่ก็สำคัญมากไม่แพ้กันก็คือ ชุดแต่งงาน เพราะสิ่งนี้จะเป็นสิ่งที่จะทำให้เจ้าสาวดูโดดเด่น หรือย่ำแย่ในวันแต่งงาน!!! เพราะฉะนั้นการ เลือกชุดแต่งงาน สำหรับวันสำคัญในชีวิตที่ถึงแม้จะใส่แค่เพียงแปปเดียว แต่อย่าลืมนะคะว่าภาพถ่ายคุณในชุดแต่งงานนั้นจะอยู่ในภาพถ่ายตลอดไป

และนี่คือ 17 ข้อที่เจ้าสาวควรจะฉุกคิดก่อน เลือกชุดแต่งงาน เพื่อชุดวิวาห์ในฝันสุดเพอร์เฟกต์

1. อย่าให้ใครมาครอบงำสไตล์ ความชอบ และความมั่นใจของคุณ

คนที่จะต้องอยู่ในชุดแต่งงานชุดนั้นก็คือคุณที่เป็นเจ้าสาว เพราะฉะนั้นก็คงไม่มีใครที่จะรู้ใจคุณได้ดีไปกว่าตัวคุณเอง จงมั่นใจในเซ้นส์ของตัวเองให้มากที่สุด เพราะถ้าหากคุณสวมชุดนั้นด้วยความมั่นใจ ถึงแม้จะไม่สวยในสายแต่ใคร แต่แค่คุณมั่นใจซะอย่าง ก็เป็นอันว่าสวยแน่นอน!!

2. เจ้าสาวต้องทำการบ้านล่วงหน้า ด้วยการเริ่มมองหาแบบและชุดทางออนไลน์ หรือแมกกาซีน

เซฟรูปชุดหรือลุคต่างๆ ที่ชอบเอาไว้ แต่ถ้าหากเป็นภาพในแมกกาซีนก็อาจจะต้องลงทุนฉีกหรือตัดแล้วนำมาแปะเป็นบอร์ด ทั้งสองวิธีจะช่วยให้เจ้าสาวเห็นภาพได้ชัดเจนและคิดออกว่าอะไรคือสิ่งที่คุณมองหาและต้องการมากที่สุด และจากลุคหรือชุดต่างๆ ที่เจ้าสาวเซฟเก็บไว้มีดีไซเนอร์หรือร้านชุดร้านไหนที่คุณเล็งไว้บ้างหรือเปล่า? ถ้ามีที่คุณเล็งไว้หรือมีเจ้าไหนที่ถูกใจ ก็อาจจะต้องใช้โซเชียลให้เป็นประโยชน์ด้วยการเข้าไปหาข้อมูลหรือเข้าไปดูชุดแต่งงาน เพิ่มเติมจากร้านนั้นๆ ก่อนที่จะเข้าไปดูของจริง จะได้ไม่เสียเวลาเนอะ ^^

3. ระวังการปักหมุดในพินเทอเรสต์ที่มากเกินไป!!

อาจทำให้เจ้าสาวสับสนกับข้อมูลที่มากจนล้น และตาลายไปกับชุดแต่งงานเป็นร้อยเป็นพันแบบ เพราะฉะนั้นทางที่ดีมุ่งตรงไปยังคีย์เวิร์ดสำหรับรูปแบบชุดที่เจ้าสาวต้องการไปเลยค่ะ เช่น ชุดแต่งงานทรงบอลกาวน์ ชุดแต่งงานแบบสั้น หรือชุดแต่งงานแบบเปิดไหล่ เป็นต้น

เลือกชุดแต่งงาน

4. ตั้งงบประมาณที่คุณจะสามารถจ่ายให้กับชุดแต่งงานได้

สิ่งนี้จะเป็นตัวหลักในการกำหนดความเป็นไปได้ถึงลิสต์ชุดแต่งงานที่ยาวเป็นหางว่าวของเจ้าสาวก่อนที่คุณจะมุ่งหน้าไปหาชุดแต่งงานในฝัน จงเคลียร์ใจกับตัวเองให้ดี ทำจิตใจให้แน่วแน่ และตั้งสมาธิ เพราะหลายครั้งที่เจ้าสาวมักจะติดอยู่ตรงกลางระหว่างชุดที่ชอบกับงบประมาณที่มี ซึ่งมันเป็นอะไรที่น่าอึดอัดใจจริงๆ ใช่ไหมคะ

แล้วเจ้าสาวจะประมาณการค่าชุดแต่งงานได้ยังไง? อันดับแรกให้ดูว่าชุดนั้นมีราคาเท่าไหร่ จากนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายที่คุณจะได้คุยถึงงบประมาณที่มีกับช่างหรือร้าน เช่น “ฉันชอบชุดแต่งงานสไตล์นี้ แต่มีงบอยู่เท่านี้” ซึ่งเจ้าสาวต้องคิดให้ดี เพราะงานใหญ่ขนาดนี้ไม่ใช่ต้องมีแค่ชุดเจ้าสาวนะคะ ไหนจะค่าแต่งหน้าทำผม ค่าเครื่องประดับ ค่าเวลเจ้าสาว แล้วไหนจะค่ารองเท้าอีก เพราะฉะนั้นกะงบกันให้ดีน้า

5. ปล่อยให้ตัวเองมีเวลาเพียงพอที่จะได้เลือกชุดแต่งงานที่ถูกใจจริงๆ

เจ้าสาวจะต้องกำหนดนัดหมายล่วงหน้ากับทางร้าน และหลีกเลี่ยงการไปในวันหยุดสุดสัปดาห์ให้ไปวันธรรมดาดีกว่า เพื่อลดความวุ่นวายจากว่าที่เจ้าสาวที่ต่างก็ใช้ช่วงเวลาวันหยุดในการไปลองชุด และถ้าหากคุณอยากที่จะสั่งตัดชุดแต่งงานชุดใหม่ยิ่งต้องเผื่อเวลาให้ดี และควรเตรียมตัวล่วงหน้าอย่างน้อย 6 เดือนเป็นอย่างต่ำ เพื่อที่จะได้ชุดแต่งงานถูกใจได้ทันเวลา

6. เต็มใจที่จะทำ เจ้าสาวต้องไม่อยู่ในภาวะกดดันว่าต้องเลือก

หากคุณเข้าไปในร้านพร้อมเป้าหมายที่ต้องการ แต่กลับออกมาจากที่นั่นด้วยความว่างเปล่า อย่าท้อค่ะ ค้นหาไปเรื่อยๆ เชื่อเถอะว่าชุดแต่งงานเนื้อคู่นั้นรอคุณอยู่ เพราะฉะนั้นการเผื่อเวลาในการตามหาชุดแต่งงานในฝันจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะคุณคงไม่อยากกดดันว่าต้องเลือกชุดแต่งงานจากบรรดาชุดที่คุณไม่ถูกใจ เพียงเพราะไม่มีเวลาแล้ว จริงไหมคะ

ช่างภาพงานแต่งงานส่งงานช้า มารู้วิธีรับมือและแก้ไขกันดีกว่า

ช่างภาพงานแต่งงาน ส่งงานช้า ทำอย่างไรดี? มารู้วิธีรับมือและแก้ไขกันดีกว่า บ่าวสาวหลายๆ คู่ อาจจะกังวลเรื่องการส่งงานของเหล่า ช่างภาพงานแต่ง ไม่ว่าจะเป็นภาพถ่ายพรีเวดดิ้งหรือแม้กระทั่งภาพถ่ายในวันแต่งงานจริงๆ ว่าจะส่งงานล่าช้าไหมนะ ซึ่งหลายคู่มักจะเกิดอาการกังวลใจไว้ก่อน ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องแปลกค่ะ เพราะในปัจจุบันมีกระทู้ร้องเรียนช่างภาพที่ส่งงานช้าอยู่มากมาย เลยทำให้ว่าที่หลายคู่เกิดอาการเครียดไปตามๆ กันว่าคู่เราจะโดนอย่างนี้ไหมนะ ดังนั้นมารู้วิธีรับมือและแก้ไขกันไว้ก่อนดีกว่าค่ะ

1. หาช่างภาพมืออาชีพ

ช่างภาพมืออาชีพในที่นี้ ไม่ใช่แค่มีผลงานภาพถ่ายที่ดีนะคะ แต่หมายถึงความเป็นมืออาชีพในการทำงานค่ะ คือการถ่ายภาพสวย จัดการเวลาได้ และพร้อมรับผิดชอบในการทำงานค่ะ ซึ่งเราจะหาได้อย่างไรนั้น ไม่ยากเลย ก็อาจจะต้องอาศัยการอ่านรีวิวตามเว็บไซต์ ตามแฟนเพจ หรือคนที่แนะนำต่อๆ กันมาค่ะ ซึ่งก่อนที่บ่าวสาวจะจ้างช่างภาพนั้น อาจจะลองเช็คดูก่อนว่า ช่างภาพคนนี้มีความเป็นมืออาชีพหรือไม่ เพื่อเป็นการป้องกันที่ต้นเหตุ ก่อนที่จะมีปัญหาการส่งงานล่าช้าตามมานะคะ

2. ทดลองจากประสบการณ์จริง

ถ้าเราจ้างช่างภาพคนนี้ทั้งวันถ่ายพรีเวดดิ้ง และวันแต่งงานจริงแล้วล่ะก็ ลองสังเกตก่อนว่า เขารับผิดชอบงานของเราไหม ส่งงานภาพถ่ายพรีเวดดิ้งตรงตามกำหนดเวลาหรือเปล่า ถ้าไม่ ก็ลองพิจารณาใหม่นะจ๊ะ ว่าวันแต่งจริงยังจะใช้บริการอยู่หรือเปล่า

 

3. ภาพสวย ไม่ใช่ทุกคำตอบ

อย่าเพิ่งตัดสินใจจากการดูภาพผลงานอย่างเดียวนะคะ เพราะภาพสวย หรือมีงานเยอะ แต่ถ้าช่างภาพบริหารจัดการเวลาการในการส่งงานไม่ดี แน่นอนว่าบ่าวสาวก็จะได้ภาพล่าช้าแน่นอน ยิ่งถ้าหากช่างภาพคนนั้นมีงานเยอะมาก แทนที่เขาจะได้ใช้เวลาในการทำภาพให้บ่าวสาวได้อย่างเต็มที่ ก็อาจจะต้องแบ่งเวลาไปรับงานถ่ายภาพให้คู่อื่นด้วย เพราะฉะนั้นทางแก้ไขปัญหาของข้อนี้ก็จะคล้ายกับข้อที่ 1 คืออ่านรีวิวเยอะๆ นะคะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหากบ่าวสาวเลือกดีๆ ก็จะได้ช่างภาพที่ทั้งถ่ายภาพสวย แถมงานเยอะการันตีความป๊อปปูลาร์ และส่งงานตรงเวลาฉับไวแน่นอน

4. ตกลงเวลาในการส่งงานที่แน่นอน

ก่อนจะทำสัญญาจ้าง ให้บ่าวสาวถามช่างภาพไปตรงๆ เลยค่ะ ว่าจะได้ภาพเมื่อไหร่ หรือไม่ก็บอกไปเลยว่า อยากได้ภาพในช่วงเวลานี้จะทันไหม แต่ก็ไม่ใช่ว่าถ่ายเสร็จแล้วขอภาพที่โพรเซสเสร็จทุกรูปภายใน 1 วันนะคะ เพราะอันนี้ช่างภาพน่าจะเสกให้ไม่ทันแน่นอน เพราะฉะนั้นลองเผื่อเวลาให้ช่างภาพได้จัดการแต่งรูปภาพของคุณให้สวยงามสักหน่อย โดยอาจจะเป็น 2 อาทิตย์หรือ 1 เดือน ก็ลองคุยกันตรงๆ ตกลงให้เข้าใจไปเลยค่ะ เพราะถ้าเราไม่บอกเขาไปว่าอยากได้ภาพช่วงไหน ก็เท่ากับไม่มีเดทไลน์ที่ตายตัวให้กับช่างภาพนั่นเอง หรือทางที่ดีก็ระบุไปในสัญญาเลยก็ได้นะคะ ว่าช่างภาพจะต้องส่งงานภายในระยะเวลาเท่าไหร่ เพื่อเป็นการการันตีว่าบ่าวสาวจะได้ภาพตามวันที่ต้องการแน่นอน

 

5. คุยเรื่องแบ่งจ่ายเป็นงวด

อันนี้ต้องคุยกันให้เข้าใจนะคะ เพราะขึ้นอยู่กับการตกลงของช่างภาพแต่ละคน ซึ่งถ้าเป็นมืออาชีพจริงๆ อาจจะไม่สามารถขอแบ่งจ่ายเป็นงวดได้ค่ะ เนื่องจากงานเขาการันตีความมีคุณภาพและระยะเวลาในการส่งงานอยู่แล้ว แต่ถ้ายังไม่แน่ใจลองคุยกับช่างภาพดูก็ได้ว่า จะสามารถขอแบ่งจ่ายเป็นงวดได้ไหม ซึ่งงวดแรกอาจจะจ่ายในวันที่ถ่าย ส่วนอีกงวดอาจจะจ่ายหลังจากช่างภาพส่งภาพมาให้แล้ว ซึ่งถ้ากลัวว่าจะมีปัญหาบ่าวสาวก็สามารถทำเอกสารเป็นลายลักษณ์อักษรได้นะคะ แถมน่าจะเป็นวิธีที่แฟร์ด้วยกันทั้งคู่อีกด้วย

ช่างภาพงานแต่งงาน

เพราะฉะนั้นบ่าวสาวลองศึกษากันให้ดีนะคะ ซึ่งสิ่งที่เราอยากเน้นย้ำก็คือ บ่าวสาวจะต้องทำการบ้านและอ่านรีวิวเยอะๆ แต่โดยส่วนมากแล้วช่างภาพที่เป็นมืออาชีพจริงๆ จะส่งงานไวและตรงตามกำหนดเวลา แต่ก็นั่นแหละค่ะ คุณภาพก็อาจจะตามมาด้วยราคาที่ค่อนข้างสูง แต่บ่าวสาวก็อาจจะเบาใจในเรื่องของความเสี่ยงที่จะได้ภาพล่าช้าไปได้ เพราะฉะนั้นก่อนตกลงจ้างใครมาเป็นช่างภาพก็ควรคุยกันให้เข้าใจ และกำหนดเวลาให้ชัดเจนไปเลยเนอะ จะได้ไม่เกิดปัญหามาตั้งกระทู้ร้องเรียนช่างภาพกัน เพราะงานสำคัญทั้งทีบ่าวสาวก็อยากได้ภาพมาอวดพ่อแม่ อวดเพื่อนๆ ได้ไวๆ เพราะยิ่งนานไปความตื่นเต้นยิ่งลดน้อยลงใช่ไหมล่ะจ๊ะ

ส่วนบ่าวสาวที่อยากได้คำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับช่างภาพงานแต่งงาน ก็สามารถเข้าไปอ่านเพิ่มได้เลยกับ 3 ข้อแนะนำ จาก 3 ช่างภาพเวดดิ้งมือโปร รวมสิ่งที่ควรรู้ก่อนจ้างช่างภาพงานแต่ง เพราะงานนี้ได้ช่างภาพมือโปรเขามาแนะนำเองเลยนะ

ภาพจาก : Pinterest.com

งานแต่งงานสุดแนวของคุณจี๊ป & คุณเก่ง ที่บ่าวสาวและเหล่าแขกจัดหนักจัดเต็มแบบไม่มีใครยอมใคร

งานแต่งงาน สุดแนวนี้เป็นงานของคู่รักสายอาร์ตคุณจี๊ปและคุณเก่ง ทั้งคู่รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย จากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็เป็นเวลากว่า 15 ปีที่ทั้งคู่ได้รู้จัก ได้รัก และได้เดินทางมาถึงช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในชีวิตคือ การแต่งงาน และแน่นอนว่าด้วยความที่เป็นเด็กสายอาร์ตเรียนศิลปะด้วยกันมาทั้งคู่ งานแต่งสุดแนวงานนี้จึงเกิดขึ้นในธีม My Fair Lady ที่จัดขึ้นที่ About Studio บอกเลยว่าจัดเต็มตั้งแต่เจ้าบ่าว เจ้าสาว ไปจนถึงแขกที่มาร่วมงานเลยทีเดียว

“ส่วนตัวจี๊ปเป็นคนชอบดอกไม้ ชอบพวก headdress พวกหมวก ก็เลยสรุปกันว่างั้นจัดเป็นธีม My Fair Lady ซึ่งเป็นธีมที่มาจากภาพยนตร์เลยล่ะกัน” คุณจี๊ป เจ้าสาวสุดแนวเล่าถึงที่มาของธีมงานที่เธอและคุณเก่ง เจ้าบ่าวลงมือทำกันเองทั้งหมดจะมีก็แค่เฉพาะทีมรันคิวเท่านั้นที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวคู่นี้ไม่ได้ลงมือทำ โดยใช้เวลาเตรียมงานประมาณ 3 เดือน เชิญแขก 550 คน

“ตอนแรกจี๊ปกับแฟนไม่รู้เลยว่างานแต่งงานต้องเริ่มทำอะไรยังไงบ้าง แต่โชคดีที่ก่อนหน้านี้จี๊ปมีโอกาสได้ไปช่วยงานเพื่อนสนิท 2 คู่ตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมงานก็เลยได้รู้คร่าวๆ ว่าเขาต้องทำอะไรกันก่อนบ้าง คือช่วยแทบจะทุกขั้นตอนแล้วเพื่อนก็บอกว่าต้องมีอย่างนี้ๆ นะ จนได้รู้ว่ามันมีเวดดิ้งแพลนเนอร์ มีทีมรันคิว มีทีมนู่นนี่เยอะมาก”

ส่วนเหตุผลหลักๆ ที่คุณจี๊ปและแฟนเลือกที่จะลงมือจัดงานแต่งงานด้วยตัวเองก็เพราะว่า บรรดาเพื่อนๆ ต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า จริงๆ แล้วเวดดิ้งแพลนเนอร์ก็คล้ายๆ กับอาชีพของคุณจี๊ปอยู่ไม่น้อย ซึ่งไม่น่าจำเป็นที่จะต้องจ้าง “เพื่อนๆ บอกกับจี๊ปว่า จี๊ปสามารถคิดรายละเอียดธีมงานเองได้ สามารถติดต่อประสานงานกับซัพพลายเออร์ต่างๆ ที่เรามีอยู่แล้วได้ จี๊ปกับแฟนก็เลยตัดสินใจทำกันเอง แล้วจ้างแค่เฉพาะทีมรันคิว เพราะเราไม่รู้พวกพิธีต่างๆ ซึ่งทีมรันคิวก็ช่วยตรงนี้ได้เยอะ”

นอกจากธีมงานของคุณจี๊ปจะแตกต่างไม่เหมือนใครแล้ว ไทม์ไลน์การจัดงานของเธอก็ยังไม่เหมือนใครอีกด้วย “พิธีหมั้นเริ่มแห่ขันหมากประมาณบ่ายโมง แล้วเลี้ยงฉลองต่อในช่วงเย็นยาวไปถึงอาฟเตอร์ปาร์ตี้ สาเหตุที่จี๊ปเลือกไทม์ไลน์แบบนี้เพราะเข็ดจากงานแต่งงานของเพื่อน 2 งานที่บอกไป ตอนนั้นเราไปช่วยเขาเยอะ ต้องตื่นเช้า ทำทุกอย่าง พอตอนกลางคืนเรารู้สึกว่าเราสนุกได้ไม่เต็มที่มันเหนื่อยจนเหมือนเราน็อคไปเลย ก็แอบคิดว่าถ้าเป็นงานตัวเองต้องตายกว่านี้แน่ๆ ถ้าต้องตื่นตี 4 มาแต่งหน้ารู้สึกว่าเราต้องเหนื่อย กลัวงานตอนกลางคืนเราจะไม่เต็มที่ แล้วเราก็จัดงานกันเองหมดทุกอย่างด้วย ก็เลยดูแค่ฤกษ์วันอย่างเดียว ส่วนเวลาเอาที่เราสะดวกเป็นหลัก ซึ่งงานพิธีก็มีแค่สวมแหวน รดน้ำสังข์ แล้วก็ยกน้ำชา”

“ส่วนที่เลือกจัดงานแต่งงานที่ About Studio เพราะว่าเพื่อนเราเป็นสายปาร์ตี้ คิดว่าถ้าจัดที่โรงแรมไม่น่าจะเหมาะเพราะเราคอนโทรลแขกไม่ได้ เช่น เดี๋ยวไวน์หก หรือโน่นนี่จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ เลยมาจบที่สตูดิโอที่เป็นพื้นที่โล่ง แล้วเราเสกทุกอย่างให้มาอยู่ในที่โล่งดีกว่า ถึงจะเหนื่อยแต่เพื่อนๆ ที่มาร่วมงานก็จะได้สนุกกันได้อย่างเต็มที่ ซึ่งก็เหนื่อยจริงๆ (หัวเราะ)”

แบ็คดร็อปก้อนเมฆที่ออกแบบให้เป็นเลเยอร์โดยเป็นงานเพ้นต์มือทั้งหมด งานนี้น้องๆ ของคุณจี๊ปมาช่วยกันทำเพื่อเป็นของขวัญวันแต่งงานให้กับเจ้าบ่าวเจ้าสาว ไฮไลต์คือสามารถใช้ไฟยิงก้อนเมฆให้เปลี่ยนเป็นแบบต่างๆ สามารถเล่นสีสันได้ เช่น เปลี่ยนให้เป็นแสงตอนเย็น แสงตอนพระอาทิตย์ตก หรืออย่างงานตอนเช้าก็ให้เป็นแสงธรรมชาติไปเลย

และแน่นอนว่าเรื่องชุดแต่งงานของเจ้าสาวเป็นเรื่องที่เราจะไม่พูดถึงไม่ได้ “ชุดงานหมั้นเป็นชุดจากแบรนด์ T AND T ช่วยตัดให้ ส่วนชุดเย็นเป็นชุดจากแบรนด์ Theatre โดยทุกชุดจี๊ปบอกไปแค่ธีมงานว่าเป็นแบบนี้ การ์ดแต่งงานเป็นแบบนี้ ซึ่งเขาก็คงเห็นความเป็นเราเลยดีไซน์ออกมาให้เป็นเรามากที่สุด ซึ่งเราก็ชอบตั้งแต่แบบสเก็ตที่เขาส่งมาให้ดูเลย อย่างชุดเย็นจาก Theatre ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ซื้อบ่อยอยู่แล้ว อีกอย่างจี๊ปรู้จักกับพี่อาร์ต อารยา ซึ่งพี่อาร์ตสนิทกับพี่จ๋อมที่เป็นเจ้าของแบรนด์ พี่ๆ ทั้งสองคนก็เลยช่วยกันออกแบบชุดแต่งงานให้เรา ส่วนชุดอาฟเตอร์ปาร์ตี้คุณธีร์ ผาสุก ทำชุดให้เป็นของขวัญค่ะ

“นอกจากนี้พี่อาร์ตและพี่จ๋อมก็ช่วยดูเรื่องชุดเจ้าบ่าวให้ด้วยว่าลุคโดยรวมควรเป็นแบบไหน เพราะสูทเจ้าบ่าวเราสั่งตัดที่ร้านสูทปกติ เป็นสูทสไตล์วินเทจแบบ 3 ชิ้น อย่างชุดสูทตอนเย็นพี่อาร์ตบอกว่าต้องเป็นสีโดรฟเกรย์เท่านั้น เพราะเจ้าบ่าวผิวค่อนข้างเข้มแล้วสีนี้ก็เข้ากับชุดเจ้าสาวด้วย ที่พิเศษอีกอย่างคือโบไทที่พี่จ๋อมทำให้เพื่อให้ลิงค์กับผ้าของชุดเจ้าสาว ส่วนผ้าเช็ดหน้าก็เป็นสีโอโรสด์เพราะชุดเจ้าสาวเป็นโบสีขาวขลิปขอบเป็นสีโอโรสด์จะได้ดูไปด้วยกัน พี่ๆ ดูไปถึงเรื่องความสูงของรองเท้า ซึ่งรองเท้าเจ้าบ่าวหาซื้อไม่ได้พี่อาร์ตถึงขั้นสั่งให้เลยว่าต้องเป็นแบบนี้ เลือกหนัง เลือกสีให้ ซึ่งเราสองคนดีใจมากที่ได้พี่ทั้งสองมาช่วย”

เดรสโค้ดมันๆ ที่แขกมาร่วมงานให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี “เรื่องนี้ตอนแรกก็คิดหนักเหมือนกัน เพราะมันไม่ใช่งานปาร์ตี้แต่เป็นงานแต่งงานที่มีแขกหลากหลายกลุ่ม เราก็เกรงใจแขกท่านอื่นๆ ว่าเขาจะหาชุดยังไง ลำบากไหม เราก็เลยออกแบบเป็น mood board ให้ว่าผู้หญิงแต่งประมาณนี้ ผู้ชายแต่งประมาณนี้ ซึ่งเราไม่ได้กำหนดโทนสีสามารถใส่สีอะไรมาก็ได้ เพราะด้วยธีมมันก็ยากอยู่แล้ว อย่างผู้หญิงก็มีทั้งชุดใหญ่ ชุดกลางที่หาได้ทั่วไป หรือจะใส่สูทมีหมวกแบบผู้ชายก็ได้ ส่วนผู้ชายจะง่ายหน่อยเพราะใส่สูทธรรมดาก็เข้าธีม หรือบางคนอาจจะเพิ่มพร็อพพวกหมวกทรงสูง ไม้เท้า ซึ่งตอนส่งธีมเดรสโค้ดไปก็บอกเขาว่าจะแต่งหรือไม่แต่งก็ได้เอาที่สะดวกเลยขอแค่มาร่วมงานเท่านั้นเอง อยากให้มาสนุกด้วยกัน”

การ์ดแต่งงานและของชำร่วยที่คุณจี๊ปออกแบบด้วยตัวเอง

และด้านล่างคือลิ้งก์ของพี่ๆ แลเพื่อนๆ ที่มาให้ความช่วยเหลือเจ้าบ่าวเจ้าสาวในเรื่องต่างๆ ซึ่งคุณจี๊ปทำกราฟิกออกมาได้น่ารักมากกกกก

https://www.facebook.com/sakyai.mongkonprasert/media_set?set=a.10217555432891521&type=3&sfns=mo

แตกต่างแต่เป็นตัวเองกับ 5 อัญมณีหัวแหวนแต่งงานแสนเลอค่า

แม้เพชรจะเป็นอัญมณีที่ถือว่าแข็งและแกร่งที่สุดในโลกแล้ว ยังมีอัญมณีอีกกลุ่มหนึ่งบนหัว แหวนแต่งงาน ที่สามารถนำมาสร้างความแตกต่างและเป็นตัวของตัวเองให้กับว่าที่เจ้าสาวได้ไม่แพ้กัน แถมแต่ละเม็ดยังแฝงไปด้วยความเชื่อดีๆ ที่บ่าวสาวรู้แล้วรับรองว่าเลือกไม่ถูกกันเลยค่ะ

โอปอล (Opal)

opals

“โอปอล” อัญมณีที่ส่องสีรุ้งที่ชาวตะวันตกเชื่อกันว่า เป็นหินแห่งโชคลาง สามารถบอกเหตุล่วงหน้าได้ว่าจะเกิดเหตุดีหรือเหตุร้าย และสีรุ้งนี้ยังสื่อความรู้สึกถึงความหวังที่เต็มเปี่ยม ใครที่ใส่ไปแล้วรับรองว่าจะได้รับแต่ความสมหวังดั่งต้องการ ซึ่งแน่นอนว่า ถ้าคุณเลือกเอาโอปอลมาเป็นหัวแหวนแต่งงานเมื่อไหร่ คุณจะเป็นคู่รักที่สมหวังทุกสิ่งที่ต้องการ แต่ถ้าจะให้สวยเด้งสมกับการเป็นแหวนหมั้น ขอแนะนำให้เลือกเพชรเม็ดกลมมาล้อมที่หัวแหวนอีกทีนะคะ

มอร์แกไนต์ (Morganite)

morganite

เชื่อกันว่า “มอร์แกไนต์” คือหินชนิดหนึ่งที่เป็นตัวแท้แห่งความรักได้ อาจด้วยความที่มีสีชมพูหวานที่สะท้อนเข้าตากระแทกความรู้สึกจนฉุดไม่อยู่จนมีคนนำหินชนิดนี้ไปตีความให้เข้ากับเรื่องของความรักว่า หากใครได้ครอบครองเป็นเจ้าของจะมีความสุขหอมหวานเหมือนโรยด้วยกลีบกุหลาบ และในจิตวิทยาเชื่อกันว่า คู่รักที่ใส่แหวนประดับด้วยมอร์แกไนต์แม้อยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดก็สามารถปรับความรู้สึกให้เกิดความสมดุลย์กันได้

เพชรรูปหยดน้ำ (Pear-Shaped Diamonds)

pear-shaped

ด้วยรูปทรงของหยดน้ำ ทำเอาเจ้าสาวไทยขยายไปตามๆ กันเพราะถือว่าคือหยดน้ำตา แต่เราขอบอกเลยนะคะว่า ถ้าคุณก้าวข้ามความเชื่อรูปหยดน้ำไปได้ เพชรรูปหยดน้ำอาจจะกลายมาเป็นหัวแหวนเพชรหนึ่งเดียวในด้วยใจของคุณเลยก็เป็นได้ เพราะด้วยความเก๋ไก๋ที่รูปทรงไม่เท่ากันตรงที่ด้านหนึ่งแหลมอีกด้านหนึ่งมนสร้างเสน่ห์เฉพาะตัวให้กับเครื่องประดับชิ้นสำคัญของคุณได้ไม่ยาก

หินสี (Colored Stones)

หัวแหวน

หลายต่อหลายนางเลือกหินสีมาเป็นหัวแหวนแต่งงาน เพราะด้วยสีสันอันสดใส แจ่มชัด ที่ผ่านการเจียระไนมาอย่างดี ผสานกับคัดเลือกเพชรเม็ดสวยที่ส่องประกายคู่ไปกับความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบ ทำให้ไพลิน, ทับทิม, เพชรสีเหลืองและสีมรกตทั้งหลาย เจิดจ้าให้ความเป็นตัวของตัวเอง และเป็นแหวนหมั้นที่บอกได้เลยว่า เป็นทางเลือกใหม่ไม่ซ้ำใครจริงๆ ค่ะ

มูนสโตน (Moonstone)

หัวแหวน

“มูนสโตน” หินแห่งความรัก ที่เชื่อกันว่าจะนำความผูกพันธ์มาสู่ผู้เป็นเจ้าของ และเชื่อว่าสำหรับคู่แต่งงานใหม่แล้วจะทำให้การครองคู่นั้นยืนยาว และมีความศรัทธาไว้วางใจในกันและกัน สำหรับสีสันของหินสวยเลอค่าชนิดนี้พูดเลยว่าเป็นสีเรืองแสงที่ออกสีคล้ายๆ  Rose Gold ที่แม้ไม่ได้นำมาประดับจับคู่กับเพชร เพียงจัดวางลงบนตัวเรือนสีทองชมพูก็สร้างความโดดเด่นได้อย่างสุดเจ๋งค่ะ

เป็นยังไงกันบ้างคะ กับ 5 หัวแหวนจากอัญมณีหินสีและเพชรที่แหวกแนวไปจากเดิม  เราอยากให้คุณลองปรับลองเปลี่ยนความคิดกันดูนะคะ แล้วแหวนหมั้นของคุณจะไม่ซ้ำใคร แถมบอกความเป็นตัวเองได้ดีสุดๆ เลยล่ะค่ะ

พึงระวัง!! 4 เรื่องนี้แขกในงานแต่งบ่นแน่ถ้าว่าที่บ่าวสาวทำพลาด

ถ้าไม่อยากให้แขกที่มาร่วม งานแต่ง หมดสนุกจนเกิดอาการอยากกลับบ้านไปเลยล่ะก็ 4 ข้อนี้ ว่าที่บ่าวสาวอย่าได้ทำพลาดเชียวนะ

 

1. ฤกษ์ไม่สะดวก!

ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าการเลือกวันแต่งงานของคนไทยมักจะขึ้นอยู่กับฤกษ์ดีฤกษ์งามยามมงคล แต่ไอ้วันฤกษ์ดีที่หาๆ มาเนี่ยมักจะไปสะดุดกับวันที่แขกหลายคนไม่สะดวก บางครั้งก็ไปได้เอาวันหยุดยาวๆ อย่าง วันหยุดช่วงเทศกาลที่หลายคนวางแผนมาเนิ่นนานว่าจะไปเที่ยวลั้นลา จะไม่ไปงานแต่งคนสำคัญก็เสียมารยาท พอเจอแบบนี้เข้าแขกส่วนใหญ่ก็ออกอาการหน้าเหวอไปตามๆ กัน แหม…ก็ซื้อตั๋วเครื่องบินไปแล้วนี่นา!

ในกรณีแบบนี้ขอแนะนำว่าที่บ่าวสาวเลยว่า ก่อนจะตัดสินใจเลือกวันแต่งงาน นอกจากจะดูว่าเป็นวันดีแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ควรพิจารณาประกอบกันคือ เป็นวันธรรมดาหรือวันหยุด ถ้าเป็นวันหยุดก็ต้องดูด้วยว่าเป็นวันหยุดธรรมดาหรือเป็นวันหยุดยาว ทางที่ดีควรจะเลือกเป็นวันฤกษ์ดีที่เป็นวันหยุดเสาร์-อาทิตย์จะดีกว่า

2. ถูกจัดให้นั่งผิดที่!

การจัดผังที่นั่งงานแต่งก็สำคัญไม่แพ้กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดเลี้ยงแบบซิทดาวน์ดินเนอร์ที่ตอนนี้ในบ้านเรากำลังฮิต หรือแม้กระทั่งการนั่งแบบโต๊ะจีน พบว่าแขกจำนวนไม่น้อยเกิดปัญหาว่าพอนั่งลงไปแล้วไม่รู้จะคุยกับใคร หันซ้ายหันขวาก็ไม่รู้จักใครสักคน เกิดเป็นความเหงากลางโต๊ะอาหารกันไปอีก!

หากว่าที่บ่าวสาวกำลังนั่งงมผังที่นั่งสำหรับแขกผู้ใหญ่วีไอพีอยู่ล่ะก็ ขอแนะนำว่าให้ทำการบ้านสักนิดว่ารายชื่อนั้นๆ เขารู้จักกับใครบ้าง แล้วจัดให้เขาไปนั่งด้วยกัน ที่สำคัญคือ อย่าจัดให้คนที่กินแหนงแคลงใจกันนั่งใกล้กันเด็ดขาด มิเช่นนั้นเดี๋ยวมันจะยุ่งไปใหญ่!

3. บ่าวสาวพูดนานเกินไป

เรื่องนี้บ่นกันมาทุกงาน แต่เข้าใจนะคะว่ากว่าจะคบกัน กว่าครอบครัวจะยอมรับ กว่าจะได้แต่งงาน ทั้งคู่คงผ่านอะไรด้วยกันมามากมาย มีความในใจอยากจะพูดและอยากจะขอบคุณคนรอบตัวจนล้นใจ แต่ขอนะคะว่า ถ้าสิ่งที่ต้องการพูดบนเวทีมันเยอะมาก แนะนำว่าให้เลือกพูดเฉพาะสิ่งที่สำคัญสุดๆ พูดให้สั้น กระชับ สอดแทรกมุกตลกเล็กๆ น้อยๆ เอาไว้เรียกรอยยิ้มไว้ด้วยก็ดี เพราะขืนถ้าคุณพูดนานเกินไปแขกจะเริ่มรู้สึกเบื่อ ส่วนเรื่องไหนที่ไม่ได้พูดบนเวทีก็สามารถพูดปากเปล่ากับคนที่เราอยากให้เขาได้ยินแบบตัวต่อตัวเลยจะดีกว่า

4. ประธานหลายคนเกินจำเป็น

เป็นสิ่งที่แขกหลายคนรู้สึกเบื่อคือ การมีประธานขึ้นพูดมากกว่า 3 คน และแต่ละท่านก็พูดค่อนข้างนาน ทางที่ดีคุณควรจะเลือกเฉพาะประธานคนสำคัญขึ้นพูด ถ้าจะให้ดี 2 คนกำลังเหมาะ ประมาณว่าแบ่งกันเชิญฝ่ายละคนก็กำลังเหมาะ โดยอาจกระซิบบอกท่านสักนิดว่า ขอให้พูดสัก 3 นาทีกำลังดี แบบนี้รับรองว่าแขกจะโอเคและไม่ปริปากบ่นว่าเบื่อแน่นอน

4 เรื่องที่ว่ามานี้จัดว่าเป็นเรื่องเด่นๆ ที่แขกหลายคนมักจะส่ายหน้า ว่าที่บ่าวสาวในอนาคตทั้งหลายถ้าไม่อยากให้งานแต่งได้รับเสียงบ่นต่างๆ นานา คุณคงต้องเอาใจใส่ในรายละเอียดกันสักหน่อยแล้วนะ

อ่านคำแนะนำและดูไอเดียงานแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย!

เรียบเรียง : www.brides.com
ภาพ : www.arabiaweddings.com,  www.brides.com, www.huffingtonpost.com, www.yourbigday.im

6 สิ่งสำคัญตามนี้ที่บ่าวสาวมักจะลืมทำในงานแต่งงานของตัวเอง

ใน งานแต่งงาน มักจะมีอะไรที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวลืมทำไปตั้งมากมาย เราจึงต้องลิสต์มาย้ำเตือนกันหน่อยว่า 6 สิ่งเหล่านี้ห้ามลืมทำเด็ดขาดนะคะ ไม่อย่างนั้นคุณอาจพลาดความทรงจำดีๆ ในวันสำคัญของขีวิตไปได้

1. ลืมใช้เวลาพิเศษอยู่กับเจ้าบ่าว

บ่าวสาวหลายคนมักจะใช้เวลาในงานแต่งงานไปกับการต้อนรับเพื่อนฝูง ญาติพี่น้อง จนละเลยคนพิเศษอีกคนอย่างคุณเจ้าบ่าวเจ้าสาว และห้ามคิดว่าแต่งงานกันแล้วเดี๋ยวก็มีเวลาอยู่ด้วยกันอีกทั้งชีวิต แต่ถ้าหมดจากวันนี้ไปแล้ว คุณจะไม่มีงานแต่งงานกับผู้ชายผู้หญิงคนนี้แล้วนะ เพราะงั้นห้ามลืมคนข้างกายเด็ดขาด

2. ลืมใช้เวลาส่วนตัวในงานตัวเอง

ไหนๆ ก็มีงานแต่งที่สวยงามทั้งทีแล้ว คุณเจ้าบ่าวเจ้าสาวห้ามลืมควงคู่เข้าไปสำรวจงานตัวเองก่อนที่แขกจะหลั่งไหลมาเด็ดขาด ลองคิดดูว่าทั้งงานจะมีแค่คุณและว่าที่สามี มันจะโรแมนติคแค่ไหน ได้ชมดอกไม้ ดูการตกแต่งที่คุณและเจ้าบ่าวช่วยกันออกแบบ มันเป็นช่วงเวลาที่พิเศษสุดๆ ห้ามลืมที่จะไปดูเด็ดขาดเลยนะ

3. ลืมกิน

วันแต่งงานบ่าวสาวจะยุ่งมากจนบางคนลืมที่จะกินอะไรให้ท้องอิ่ม เราขอเตือนเลยว่าห้ามเด็ดขาด เพราะไม่งั้นคุณอาจจะไม่ได้กินอะไรไปตลอดคืน กว่าจะมีเวลาว่างได้กินก็อาจจะดึกดื่น จนเหนื่อยที่จะปวดท้อง แทนที่จบงานแต่งจะได้ไปฮันนีมูน อาจได้ไปหาหมอเพราะโรคกระเพาะ หรือเป็นลมไปเสียก่อน

4. ลืมสนุก

บ่าวสาวทั้งหลายค่ะ แม้ว่าวันนั้นคุณจะอยู่ในลุคเจ้าหญิงสวยหวาน เจ้าชายสุดหล่อ แต่ก็ไม่มีกฎข้อไหนที่ห้ามเจ้าบ่าวเจ้าสาวสนุกกับงานตัวเอง ฉะนั้น จงมีความสุขและสนุกให้สุดเหวี่ยง อยากแดนซ์ก็แดนซ์ อ้อ! แต่ห้ามเมา และเหนื่อยเกินกว่าจะไปสนุกกับคุณเจ้าบ่าวเจ้าสาวเพียงลำพังสองต่อสองนะ อิอิ

5. ลืมเอารองเท้าไปเปลี่ยน

ผู้หญิงทุกคนรู้ดีว่า ใส่รองเท้าส้นสูงนานๆ มันเมื่อยและปวดเท้ามาก แต่เจ้าสาวส่วนใหญ่ก็มันจะลืมหนีบรองเท้าสบายๆไปเปลี่ยนในงาน ผลคือยืนเมื่อยเหมือนเขย่งอยู่ตลอดเวลา แล้วจากงานแห่งความสุขมันจะปนความทรมานไปในทันที

6. ลืมขอบคุณพ่อแม่ และผู้มีส่วนที่ทำให้เกิดงานนี้

บ่าวสาวมักจะคิดว่า การกล่าวขอบคุณพ่อแม่และผู้ที่ทำให้เกิดงานแต่งงานบนเวที มันเพียงพอแล้ว แต่ความเป็นจริงไม่พอหรอก ทางทีดีบ่าวสาวอย่าลืมเข้าขอบคุณกับเจ้าตัวเองจะดีกว่า รับรองว่าคุณจะได้คะแนนจากพ่อแม่อีกฝ่ายอีกเพียบเลย

นี่คือ 6 สิ่งที่บ่าวสาวชอบลืมทำในงานแต่งตัวเอง อ่านเสร็จแล้ว อย่าลืมไปจดลงใน To Do List ของตัวเองนะ จะได้พลาดโอกาสพิเศษที่ทั้งชีวิตมีแค่ครั้งเดียว

อ่านคำแนะนำและดูไอเดียงานแต่งงานอีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย!

ขอบคุณข้อมูลจาก  simplylushphoto.com
ขอบคุณภาพจาก  jeune mariée | Tumblr   ฟ  ฟ  ฟ ฟ   ฟ  ฟ ฟ ฟ  ฟ ฟ ฟ ฟ  ฟฟ  ฟ ฟ  ฟ  ฟ  ฟ ฟ

ประหยัดงบจัดดอกไม้งานแต่งด้วย 6 ทางเลือกสุดเวิร์กจ่ายน้อยแต่ได้ดอกไม้สวยในงาน

คุณคงไม่อยากทุ่มเงินแสนไปกับดอกไม้ที่ใช้ในงานเพียง 3 ชั่วโมงใช่ไหมคะ ถ้าคำตอบคือใช่ เรามีวิธี ประหยัดงบ จัดดอกไม้งานแต่ง  มานำเสนอ ลองดูเอาเองว่าข้อไหนเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคู่คุณ แต่รับประกันได้ว่าเวิร์กทุกวิธี แถมยังได้ดอกไม้สวยๆ บานสะพรั่งเต็มงานแต่งงานแน่นอนค่ะ

1. ใช้ดอกไม้ที่พร้อมจะบานในไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าราคาจะถูกกว่าการใช้ดอกไม้ตูมที่กว่าจะบานต้องรอข้ามวัน

2. แต่งงานในช่วงเดือนเข้าพรรษา รับรองค่าดอกไม้ถูกลงไปเยอะ เพราะเป็นช่วงที่หนุ่มสาวไม่ค่อยนิยมจัดงาน ความต้องการดอกไม้จึงมีไม่มาก ราคาไม่สูงเพราะไม่ต้องแย่งชิงกับใคร

3. หาดอกไม้ปลอมแซมสลับดอกไม้จริงบ้างก็ได้ประหยัด คุ้ม ทนทาน ใช้ได้หลายงานอีกด้วย

4. แพ็คเกจตกแต่งงานด้วยดอกไม้ที่มาพร้อมโต๊ะจีน เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยประหยัดค่าดอกไม้ไปได้มากโข

5. การแซมใบไม้สีเขียว เช่น ใบเฟิร์นนาคราชใบโปร่งฟ้า ใบพุด ใบมอนสเตอร่า นอกจากจะช่วยให้ดอกไม้เด่นขึ้น ยังช่วยประหยัดค่าดอกไม้ได้อีกด้วย

6. ดอกไม้ย้อมสีเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับบ่าว – สาวที่อยากได้ดอกไม้สีแปลกตาตรงตามคอนเซ็ปต์ โดยไม่ต้องทุ่มเงินไปกับดอกไม้เมืองนอกสีแปลกที่บ้านเราไม่มี

อ่านคำแนะนำและไอเดียงานแต่งงานดีๆ อีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย!

ขอขอบคุณภาพสวยๆ จากงานฉลองมงคลสมรสของคุณโรสและคุณซอมี่จาก Marisa The Planner and Organizer

ไอเดียงานแต่งไทยกับการจับไอเดียไทยๆ มาใส่ไว้ในงานแต่งงาน

แพรว wedding ขอเอาใจว่าที่บ่าวสาวที่ชื่นชอบในความคลาสสิกและดูหรูหราของงานแต่งสไตล์ฝรั่ง แต่ก็ยังแอบหลงรักในเสน่ห์ความงดงามแบบไทยๆ ด้วยหลากหลาย ไอเดียงานแต่งไทย ที่นำกลิ่นอายความเป็นไทยมาประยุกต์ใช้ในงานแต่ง (ในกรณีที่ไม่ใช่งานพิธีไทย) แบบเนียนๆ ที่รับรองว่าเริดและไม่ทำให้ดูเชยอย่างที่คิดแน่นอน

1
ใช้ดอกไม้ไทยๆ อย่างดอกบัวในการประดับตกแต่ง แต่ประยุกต์รูปแบบให้ดูทันสมัย

2

สอดแทรกกลิ่นอายความเป็นไทยด้วยการใช้ใบตองตกแต่งทั่วไปหรือประดิษฐ์เป็นสิ่งของต่างๆ เช่น แผ่นรองจาน ภาชนะใส่อาหาร กรวยใส่กลีบดอกไม้สำหรับโปรย เป็นต้น

0

เจ้าสาวหัวใจไทยต้องไม่พลาดกับบูเกต์ดอกบัว ที่รับรองว่าสวยเก๋กว่าใครและช่วยเติมเสน่ห์ความเป็นไทยได้เป็นอย่างดี

4

เปลี่ยนมาโปรยดอกมะลิแทนการโปรยกลีบกุหลาบแบบทั่วไป ให้อารมณ์แบบไทยๆ ได้ดีทีเดียว

3
เลือกใช้ขนมหวานของไทย แต่ดีไซน์การจัดเสิร์ฟในสไตล์โมเดิร์น เราขอยกตัวอย่างข้าวเหนียวมะม่วงไว้เป็นไอเดียให้เห็นภาพกันนะคะ

6
เครื่องจักสาน งานแฮนด์เมดของไทย ไม่ว่าจะแจกเป็นของชำร่วยหรือใช้เป็นแพคเกจจิ้งของชำร่วยก็ดูดีในสไตล์รัสติก

7
งานนี้บอกเลยว่าคัพเค้กหลบไป ใช้ขนมไทยสร้างสรรค์เป็นเค้กแต่งงานกันดีกว่า เรื่องความน่ารักนั้นอาจจะคู่คี่สูสีกันอยู่ แต่เรื่องประหยัดงบประมาณขนมไทยชนะขาดแน่นอน

8
ช้างถือเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติไทย อาจนำมาใช้เป็นลวดลายการ์ด ของชำร่วย หรือประดับตกแต่งทั่วไป ก็ช่วยเสริมกลิ่นอายความเป็นไทยได้ดี

ดูเรื่องราวเกี่ยวกับงานแต่งไทยเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ขอบคุณภาพจาก : www.farawayweddings.com, www.bridetobe.com.au, www.modernweddingshawaii.com, www.afterglobe.net, www.beau-coup.com, www.christinechangphotoblog.com, www.etsy.com, www.weddingsquare.com, www.wedding.theknot.com, www.thelane.com, www.flowerstudio.vn, www.fourseasons.com, www.picard.fr, www.poorgirleatswell.com, www.shesimmers.com, www.magazine.fourseasons.com,Thanyasa Singhapreecha, PiaNina, Nok Nuy Ngoensombat, Jodie P

สารพัดเคล็ดลับให้เจ้าสาวยืนนานในงานแต่งได้สบายไม่มีเมื่อย

สถานการณ์ที่น่าเห็นใจอย่างมากคือการ ยืนนาน ถ่ายภาพหน้างาน แขกเหรื่อที่เชิญมาก็ไม่ใช่น้อย คนนั้นถ่ายมุมนี้ คนนี้ถ่ายมุมนั้น เล่นเอาเจ้าสาวหันไปหันมา ยืนโพสท่าบนรองเท้าส้นสูงจนขาแทบหัก เอาเป็นว่าถ้าเริ่มรู้สึกเมื่อยให้ทำแบบนี้ค่ะ…

หย่อนขาสักข้างหนึ่งเพื่อผ่อนคลาย หรือหากว่าติดพันอยู่กับการชักภาพประทับใจ หันไปหาเจ้าบ่าวข้างกาย ให้เขาช่วยประคอง โอบไหล่ โอบเอว เพื่อให้เราได้ผ่อนน้ำหนักที่ขาลงบ้าง แบบนี้ได้ทั้งพักเรียวขาและได้ภาพที่สวยงามอบอุ่นไปในตัว

นอกจากนี้รองเท้าเจ้าสาวก็เป็นตัวการหนึ่งที่สร้างความเมื่อยล้าได้ไม่น้อย เพราะฉะนั้นเวลาเลือกรองเท้าสำหรับใช้ในงานแต่งงานต้องมีทริกบ้าง ไม่ว่าจะเป็น..

1. เลือกทรงและขนาดให้พอดีกับรูปเท้า

2. เลือกรองเท้าที่มีความสูงพอเหมาะ

3. เลือกรองเท้าที่ใส่เดินสบาย ถ้าเป็นรองเท้าที่มีแพลตฟอร์มด้านหน้าจะช่วยลดวามเมื่อยได้ในระดับหนึ่ง แต่ถ้าเลี่ยงส้นเข็มได้จะดีมาก อย่ายึดติดว่าตัวฉันจะต้องงามระหงบนส้นเข็มแต่เพียงเท่านั้น (อันนี้ขอให้กาดอกจันตัวโตๆ)

4. หากอยากใส่ส้นเข็มหรือส้นสูงมากๆ จริงๆ ควรเตรียมรองเท้าส้นเตี้ยหรือส้นตึก (แต่ต้องสวยงามด้วยนะ) เปลี่ยนสลับกับส้นสูงบ้าง เท้าจะได้ผ่อนคลายและไม่รับน้ำหนักจนนานเกินไป

อ่านคำแนะนำและดูไอเดียงานแต่งงานดีๆ อีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย!

เคล็ดลับแต่งหน้าเจ้าสาวที่ช่างแต่งหน้ามืออาชีพพร้อมเผยให้สาวๆ ได้รู้

ว่าที่เจ้าสาวที่กำลังหนักอกหนักใจกับปัญหาเมคอัพในวันแต่งงาน ไม่ว่าจะเรื่องหนวดเอย หรือเรื่องโบท็อกซ์ฟิลเลอร์ที่เพิ่มไปทำมาเพราะอยากให้หน้าเป๊ะ แล้วอย่างนี้จะแต่งหน้าในวันแต่งงานยังไงให้กลบข้อบกพร่องเหล่านี้ได้บ้าง แพรว wedding  มีเคล็ดลับและเทคนิคการแต่งหน้าโดย คุณมล กมล ฉัตรเสน มาเผย เทคนิคการ แต่งหน้าเจ้าสาว เพื่อไขข้อข้องใจเหล่านี้มาฝากจ้า

  • จุดเล็กๆ ที่เจ้าสาวมักมองข้ามอย่างขนเหนือริมฝีปาก เป็นปัญหาในการแต่งหน้าไหม

เป็นเหมือนกันเพราะอาหารสมัยนี้มีสารเร่ง ฮอร์โมน ทำให้ผู้หญิงมีขนเหนือริมฝีปากมากขึ้น บางคนดำด้วย แนะนำให้เลเซอร์แว็กซ์ หรือย้อมให้สีอ่อนลงหน่อย หรือ จะลองปรึกษาแพทย์ดูก็ได้ เดี๋ยวนี้มีหลายทางเลือกที่ปลดภัย แต่ถ้ามาเจอในวันแต่งงาน ทำอะไรไม่ทันก็ต้องกันออก แต่ไม่แนะนำให้ทำบ่อย เพราะจะทำให้ขนแข็ง ขอให้เป็นทางเลือกสุดท้ายดีกว่า

  • ถ้าไปฉีดโบท็อกซ์ ร้อยไหมหรือฉีดฟิลเลอร์มาแล้วมีปัญหาเมคอัพช่วยได้แค่ไหน อย่างไร

ถ้าไม่บวม ช้ำ หรือผิดรูปมาก ก็ใช้เฉดดิ้ง คอนซีลเลอร์ หรือรองพื้นช่วยได้ในระดับหนึ่ง แต่แนะนำว่า ถ้าจะทำควรทิ้งช่วงก่อนวันแต่ง 3 – 6 เดือนเผื่อว่ามีปัญหาจะได้แก้ไขทัน ทั้งนี้รวมถึงทรีตเมนต์ต่างๆ ด้วย เพราะถ้าโชคร้ายแพ้ขึ้นมาจะเป็นปัญหามากเคยเจอเจ้าสาวที่ไปกินยาหรือทำเลเซอร์ก่อนวันงานเพราะอยากให้หน้าใสกิ๊กดูด้วยตาผิวสวยใสก็จริง แต่พอทาแป้งลงไปแล้วกลายเป็นเกล็ดเลย เพราะผิวแห้งมาก แถมเจ้าสาวเองก็แสบและคันเพราะว่าผิวบางจนแพ้ทุกอย่าง เคสนั้นแทบจะแต่งอะไรไม่ได้เลย แนะนำว่าช่วง 1 สัปดาห์ก่อนวันแต่งงานควรหยุดทุกอย่างแล้วบำรุงผิวตามปกติ

  • มีคำแนะนำสำหรับเจ้าบ่าวบ้างไหมคะ

ก่อนวันงานควรดูแลตัวเองนิดหนึ่ง และเช่นเดียวกับผู้หญิงคือ อย่าไปทำอะไรกับผิวในระยะกระชั้นชิด สิ่งหนึ่งที่เจอบ่อยมากและอยากแนะนำคือ คุณผู้ชายชอบไปตัดผมก่อนวันงานซึ่งจะทำให้ดูเด๋อ จริงๆ แล้วควรตัดผมก่อนสัก 1 สัปดาห์ หรืออย่างน้อย 3 – 4 วัน เพื่อให้ผมดูเข้าที่ในวันแต่ง ส่วนการแต่งหน้า สมัยนี้มีเครื่องสำอางสำหรับผู้ชายโดยเฉพาะ จะทำให้ดูหล่อและคมเข้มขึ้น

อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องความงามและสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย!

หมดปัญหา! เจ้าสาวหน้าทิ่มเพราะชายกระโปรงเจ้าสาวยาวเกินเหตุ

ชุดเจ้าสาวสีขาวเป็นสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนต่างใฝ่ฝันว่าสักวันหนึ่งจะได้สวมใส่ให้งามราวกับเจ้าหญิง ว่าที่เจ้าสาวทุกคนจึงพิถีพิถันเลือกสรรชุดเป็นอย่างดี โดยเฉพาะชุดที่ทรงพองยาวมีชายหลายเมตรยิ่งสวยสง่า แต่เดี๋ยวก่อน! ไอ้ชุดขาวๆ ยาวๆ สวยๆ นี่แหละที่ทำให้เจ้าสาวหลายคนสะดุดชาย กระโปรงเจ้าสาว หกล้มกลางงานมาแล้วนับไม่ถ้วน เรามีวิธีหลีกเลี่ยงเหตุการณ์หน้าอับอายนี้มาฝากค่ะ

1. อย่าเดินถอยหลัง!

ขอบอกว่าที่เจ้าสาวหลายๆ คนไว้ ณ ที่ตรงนี้เลยนะคะ ถ้าคุณตัดสินใจจะใส่ชุดเจ้าสาวที่กระโปรงยาวจนชายลากพื้นแล้วละก็ ถ้าไม่จำเป็นอย่าเดินถอยหลังเด็ดขาด!” เพราะว่านอกจากจะดูเก้ๆ กังๆ แล้ว คุณอาจมีสิทธิ์ที่จะเหยียบชายกระโปรงตัวเอง แล้วหงายหลังก้นจ้ำเบ้าเอาได้ เอ๊ะ! แต่ถ้าต้องย้อนกลับไปตรงจุดที่เดินผ่านมาแล้วจะทำยังไงล่ะ? แหม! ก็ต้องเดินวนสิคะคุณขา อ้อมนิดอ้อมหน่อยก็ดีกว่าเงิบกลางงานนะคะคุณ!

2. เหยียบได้ แต่อย่าดึง!

ในเมื่อชายกระโปรงแผ่ขยายไปรอบตัว มันก็เลี่ยงไม่ได้หรอกนะที่จะถูก “เหยียบ” แต่ว่าเมื่อถูกเหยียบแล้วสิ่งที่ทำได้คือ “ห้ามดึง” ชายกระโปรงขึ้นมาเพราะว่ามันอาจจะทำให้ชายกระโปรงขาดได้ ทางทีดีให้เดินต่อไปข้างหน้าแล้วเดี๋ยวชายกระโปรงก็จะหลุดออกมาเอง

3. เย็บเก็บหน่อยก็ได้นะ

เจ้าสาวที่ยืนตอนรับแขกและถ่ายรูปอยู่หน้าแบ็กดรอปไอ้เจ้าชายกระโปรงที่มันยาวก็ทำให้ภาพถ่ายออกมาสวยดีนะ แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องเข้างานควรให้ช่างเย็บชายเก็บเข้ามาสักนิดจะได้ไม่เป็นอุปสรรคต่อการเดิน หรือให้เจ้าบ่าวช่วยดูซ้ายดูขวาหยิบจับบ้างนิดหน่อยคงจะได้ภาพที่น่ารักอบอุ่นไม่เบาทีเดียว

4. เริ่มโงนเงนไม่มั่นคง

สภาวะนี้เป็นสภาวะที่ถ้าเจ้าสาวรู้ตัวทันก่อนล้มก็จะดีมาก เพราะเมื่อคุณรู้สึกโอนเอนเหมือนจะล้มแล้วละก็ รีบไขว่คว้าหาแขนคนข้างๆ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าบ่าวหรือเพื่อนเจ้าสาว คุณก็ควรจะรีบเกี่ยวแขนกับหลักยึดนั้นไว้ก่อนที่ก้นจะจ้ำเบ้าลงไปเป็นภาระกับพื้นนะจ๊ะ

5. ว้าย ล้มแล้ว!

ถ้ามาถึงจุดๆ นี้ เราคงบอกได้แค่ว่า “ตั้งสติ” แล้วก็ “ยิ้มเข้าไว้” นะคะ จากนั้นค่อยๆ จัดระเบียบร่างกายเสียใหม่ แขน ขา เท้า รวมไปถึงรองเท้าจัดวางให้ถนัดถนี่เพื่อป้องกันการลุกขึ้นมาแล้วล้มลงไปอีก สุดท้ายยื่นมือไปหาเจ้าบ่าวที่อยู่ข้างๆ เราเสมอ ให้เขาช่วยพยุงเราขึ้นมาและช่วยโอบประคองให้เรายืนได้อย่างมั่นคง แล้วก้าวเดินไปข้างหน้าพร้อมๆ กัน

จะใส่ชุดขาวๆ ยาวๆ ทั้งทีมันก็ต้องมีข้อควรระวังป้องกันไม่ให้เหยียบชายกระโปรงกันบ้าง แต่ถ้าพลาดล้มลงไปแล้วละก็ ลองเอาวิธีที่เราแนะนำไปใช้แก้เก้อกันนะคะจะได้ไม่หน้าแตกกลางงาน เน๊อะ!

ดูแบบชุดแต่งงานเพิ่มเติมที่นี่ได้อีกเพียบ คลิกเลย!

รวมเคล็ดลับดีๆ ให้บ่าวสาวเลือกเค้กแต่งงานได้ตรงงบแถมโดนใจ

เค้กแต่งงาน เป็นสิ่งที่ช่วยเสริมให้งานดูดีขึ้นแถมมีให้เลือกมากมายหลายแบบ คุณปู-สุชาดา เอกไพฑูรย์ เจ้าของร้าน Sugaries Station ที่เน้นการออกแบบเค้กให้ตรงกับธีมงาน ซึ่งมีบริการครบวงจรทั้ง เค้กจริง เค้กปลอม และคัพเค้ก มีคำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับเทคนิคการเลือกเค้กที่ใช่ในแบบที่ชอบมาฝากบ่าวสาวกัน

  • รูปแบบเค้ก VS รูปแบบงานแต่ง

สิ่งที่ต้องนำมาประกอบการตัดสินใจในการเลือกเค้กแต่งงานนอกจากเรื่องคอนเซปต์งาน รูปแบบเค้กที่ต้องการ และงบประมาณแล้ว ยังต้องคำนึงถึงขนาดห้อง ความสูงของเพดาน อุณหภูมิห้อง และจำนวนแขกด้วย

เค้กแต่งงานจริง :

เหมาะสำหรับงานในบรรยากาศอินดอร์ที่มีเครื่องปรับอากาศ เพื่อป้องกันไม่ให้เค้กละลาย และหากอยากให้งานดูอบอุ่นเป็นกันเองแนะนำให้เลือกเค้กที่มีขนาดไม่สูงหรือใหญ่มากนัก

เค้กแต่งงานปลอม :

เหมาะสำหรับงานในห้องโถงขนาดใหญ่ เช่น ห้องบอลรูมของโรงแรม หรืองานเอ๊าท์ดอร์ที่มีแขกค่อนข้างเยอะ เนื่องจากเค้กมีขนาดใหญ่และตกแต่งแบบจัดเต็มจึงสามารถเป็นจุดศูนย์กลางของงาน ช่วยให้งานดูหรูหราอลังการมากยิ่งขึ้น

คัพเค้ก :

เหมาะสำหรับงานอินดอร์ที่จัดขึ้นภายในห้องที่มีขนาดเล็กถึงปานกลาง เพราะคัพเค้กไม่ต้องการพื้นที่ในการตัดเค้กมากนัก นอกจากนี้ยังสะดวกและไม่เสียเวลาในการเสิร์ฟเค้กให้กับแขกผู้ใหญ่อีกด้วย

ทั้งนี้การเลือกรูปแบบเค้กขึ้นอยู่กับความชอบของบ่าวสาวและคอนเซ็ปต์ของงานเป็นหลัก

  • การดูแลเค้กจริงในงานเอ๊าท์ดอร์

สำหรับบ่าวสาวที่อยากได้เค้กแต่งงานจริงทั้งหมดในงานแต่งแบบกลางแจ้ง ขอแนะนำให้ใช้เค้กจริงไม่เกิน 5 ชั้นและเป็นแบบคลุมน้ำตาลฟองดองท์เพื่อช่วยรักษาเค้กให้คงรูปทรงตามต้องการ เพราะเค้กคลุมน้ำตาลจะใช้ครีมระหว่างชั้นเค้กค่อนข้างน้อยจึงละลายช้ากว่าเค้กแบบครีมปกติ อีกทั้งการคลุมด้วยน้ำตาลยังช่วยยืดอายุการเก็บรักษาเค้กให้นานยิ่งขึ้นและยังสามารถตกแต่งเค้กได้หลากหลายแบบอีกด้วย

Untitled-2

สิ่งสำคัญในการจัดงานเอ๊าท์ดอร์คือควรนำเค้กออกมาให้ใกล้เคียงกับเวลาเริ่มงานมากที่สุด หากนำออกมาในช่วงตัดเค้กได้จะยิ่งดีเพื่อคงความสวยงามของเค้กไว้ให้นานที่สุด นอกจากนี้ การให้ทางร้านเข้าไปเซตเค้กให้หน้างานก็ถือเป็นอีกทางที่ช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายระหว่างการขนส่งและการจัดตกแต่งได้

  • งบประมาณกับการเลือกเค้กแต่งงาน

หากมีงบประมาณค่อนข้างจำกัดแต่อยากได้เค้กแต่งงานดีไซน์สวยๆ ขอแนะนำให้เช่าเค้กแต่งงานปลอมเพราะมีต้นทุนที่ค่อนข้างต่ำกว่าการใช้เค้กจริงหรือคัพเค้ก (ควรโทรจองล่วงหน้าอย่างน้อย 2 สัปดาห์) ส่วนบ่าวสาวที่มีกำลังทรัพย์ขึ้นมาหน่อยลองเพิ่มความพิเศษและเอกลักษณ์เฉพาะตัวให้กับเค้กด้วยการเพิ่มตุ๊กตาบ่าวสาวเป็นรูปของตัวเองใส่ชุดแต่งงาน หรือจะออกแบบเค้กเป็นรูปทรงต่างๆ แล้วตกแต่งด้วยของที่ชอบเพื่อบ่งบอกความเป็นตัวตนที่แท้จริง (ควรสั่งล่วงหน้าอย่างน้อย 1 เดือน) นอกจากจะดูดีไม่ซ้ำใครแล้วยังเป็นการสร้างความทรงจำพิเศษร่วมกันของคู่บ่าวสาวด้วย

อ่านคำแนะนำดีๆ จากกูรูด้านต่างๆ ในเรื่องงานแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย!

ภาพ pexels.com