จะ เลือกชุดแต่งงาน แบบไหนดีนะ?? คำถามยอดฮิตของว่าที่เจ้าสาว
สำหรับเจ้าสาวบางคนอาจจะคิดว่า แหวนแต่งงาน นั้นสำคัญที่สุดที่จะต้องพิถีพิถันในการเลือกเพราะแหวนแต่งงานนั้นเจ้าสาวจะต้อลสวมติดนิ้วไว้ในชีวิตประจำวันตลอดเวลาหลังจากแต่งงาน ค่ะ…เราไม่เถียง แต่หนึ่งสิ่งที่ถึงแม้จะใส่แค่วันแต่งงานแต่ก็สำคัญมากไม่แพ้กันก็คือ ชุดแต่งงาน เพราะสิ่งนี้จะเป็นสิ่งที่จะทำให้เจ้าสาวดูโดดเด่น หรือย่ำแย่ในวันแต่งงาน!!! เพราะฉะนั้นการ เลือกชุดแต่งงาน สำหรับวันสำคัญในชีวิตที่ถึงแม้จะใส่แค่เพียงแปปเดียว แต่อย่าลืมนะคะว่าภาพถ่ายคุณในชุดแต่งงานนั้นจะอยู่ในภาพถ่ายตลอดไป
และนี่คือ 17 ข้อที่เจ้าสาวควรจะฉุกคิดก่อน เลือกชุดแต่งงาน เพื่อชุดวิวาห์ในฝันสุดเพอร์เฟกต์
1. อย่าให้ใครมาครอบงำสไตล์ ความชอบ และความมั่นใจของคุณ
คนที่จะต้องอยู่ในชุดแต่งงานชุดนั้นก็คือคุณที่เป็นเจ้าสาว เพราะฉะนั้นก็คงไม่มีใครที่จะรู้ใจคุณได้ดีไปกว่าตัวคุณเอง จงมั่นใจในเซ้นส์ของตัวเองให้มากที่สุด เพราะถ้าหากคุณสวมชุดนั้นด้วยความมั่นใจ ถึงแม้จะไม่สวยในสายแต่ใคร แต่แค่คุณมั่นใจซะอย่าง ก็เป็นอันว่าสวยแน่นอน!!
2. เจ้าสาวต้องทำการบ้านล่วงหน้า ด้วยการเริ่มมองหาแบบและชุดทางออนไลน์ หรือแมกกาซีน
เซฟรูปชุดหรือลุคต่างๆ ที่ชอบเอาไว้ แต่ถ้าหากเป็นภาพในแมกกาซีนก็อาจจะต้องลงทุนฉีกหรือตัดแล้วนำมาแปะเป็นบอร์ด ทั้งสองวิธีจะช่วยให้เจ้าสาวเห็นภาพได้ชัดเจนและคิดออกว่าอะไรคือสิ่งที่คุณมองหาและต้องการมากที่สุด และจากลุคหรือชุดต่างๆ ที่เจ้าสาวเซฟเก็บไว้มีดีไซเนอร์หรือร้านชุดร้านไหนที่คุณเล็งไว้บ้างหรือเปล่า? ถ้ามีที่คุณเล็งไว้หรือมีเจ้าไหนที่ถูกใจ ก็อาจจะต้องใช้โซเชียลให้เป็นประโยชน์ด้วยการเข้าไปหาข้อมูลหรือเข้าไปดูชุดแต่งงาน เพิ่มเติมจากร้านนั้นๆ ก่อนที่จะเข้าไปดูของจริง จะได้ไม่เสียเวลาเนอะ ^^
3. ระวังการปักหมุดในพินเทอเรสต์ที่มากเกินไป!!
อาจทำให้เจ้าสาวสับสนกับข้อมูลที่มากจนล้น และตาลายไปกับชุดแต่งงานเป็นร้อยเป็นพันแบบ เพราะฉะนั้นทางที่ดีมุ่งตรงไปยังคีย์เวิร์ดสำหรับรูปแบบชุดที่เจ้าสาวต้องการไปเลยค่ะ เช่น ชุดแต่งงานทรงบอลกาวน์ ชุดแต่งงานแบบสั้น หรือชุดแต่งงานแบบเปิดไหล่ เป็นต้น
4. ตั้งงบประมาณที่คุณจะสามารถจ่ายให้กับชุดแต่งงานได้
สิ่งนี้จะเป็นตัวหลักในการกำหนดความเป็นไปได้ถึงลิสต์ชุดแต่งงานที่ยาวเป็นหางว่าวของเจ้าสาวก่อนที่คุณจะมุ่งหน้าไปหาชุดแต่งงานในฝัน จงเคลียร์ใจกับตัวเองให้ดี ทำจิตใจให้แน่วแน่ และตั้งสมาธิ เพราะหลายครั้งที่เจ้าสาวมักจะติดอยู่ตรงกลางระหว่างชุดที่ชอบกับงบประมาณที่มี ซึ่งมันเป็นอะไรที่น่าอึดอัดใจจริงๆ ใช่ไหมคะ
แล้วเจ้าสาวจะประมาณการค่าชุดแต่งงานได้ยังไง? อันดับแรกให้ดูว่าชุดนั้นมีราคาเท่าไหร่ จากนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายที่คุณจะได้คุยถึงงบประมาณที่มีกับช่างหรือร้าน เช่น “ฉันชอบชุดแต่งงานสไตล์นี้ แต่มีงบอยู่เท่านี้” ซึ่งเจ้าสาวต้องคิดให้ดี เพราะงานใหญ่ขนาดนี้ไม่ใช่ต้องมีแค่ชุดเจ้าสาวนะคะ ไหนจะค่าแต่งหน้าทำผม ค่าเครื่องประดับ ค่าเวลเจ้าสาว แล้วไหนจะค่ารองเท้าอีก เพราะฉะนั้นกะงบกันให้ดีน้า
5. ปล่อยให้ตัวเองมีเวลาเพียงพอที่จะได้เลือกชุดแต่งงานที่ถูกใจจริงๆ
เจ้าสาวจะต้องกำหนดนัดหมายล่วงหน้ากับทางร้าน และหลีกเลี่ยงการไปในวันหยุดสุดสัปดาห์ให้ไปวันธรรมดาดีกว่า เพื่อลดความวุ่นวายจากว่าที่เจ้าสาวที่ต่างก็ใช้ช่วงเวลาวันหยุดในการไปลองชุด และถ้าหากคุณอยากที่จะสั่งตัดชุดแต่งงานชุดใหม่ยิ่งต้องเผื่อเวลาให้ดี และควรเตรียมตัวล่วงหน้าอย่างน้อย 6 เดือนเป็นอย่างต่ำ เพื่อที่จะได้ชุดแต่งงานถูกใจได้ทันเวลา
6. เต็มใจที่จะทำ เจ้าสาวต้องไม่อยู่ในภาวะกดดันว่าต้องเลือก
หากคุณเข้าไปในร้านพร้อมเป้าหมายที่ต้องการ แต่กลับออกมาจากที่นั่นด้วยความว่างเปล่า อย่าท้อค่ะ ค้นหาไปเรื่อยๆ เชื่อเถอะว่าชุดแต่งงานเนื้อคู่นั้นรอคุณอยู่ เพราะฉะนั้นการเผื่อเวลาในการตามหาชุดแต่งงานในฝันจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะคุณคงไม่อยากกดดันว่าต้องเลือกชุดแต่งงานจากบรรดาชุดที่คุณไม่ถูกใจ เพียงเพราะไม่มีเวลาแล้ว จริงไหมคะ