ชื่อเจ้าบ่าวเจ้าสาว ในงานแต่งงานใครมาก่อนใครตามหลัง?

ตอนติด ชื่อเจ้าบ่าวเจ้าสาว บนเวทีเคยสะดุดใจคิดกันบ้างไหมคะว่า ควรติดชื่อใครขึ้นก่อน–หลัง เรื่องนี้ตอบง่ายนิดเดียวค่ะ ปกติแล้วถ้าเป็นตามธรรมเนียมของไทยเรามักจะใช้ชื่อฝ่ายเจ้าสาวขึ้นก่อน เพื่อเป็นการให้เกียรติฝ่ายหญิง อีกทั้งงานส่วนใหญ่ก็จะเตรียมและจัดขึ้นที่บ้านของฝ่ายหญิง จึงไม่แปลกที่ชื่อฝ่ายหญิงจะขึ้นก่อนนะ

ต่อมาก็มีคนถามเข้ามาอีกว่า “เคยเห็นการ์ดที่เอาชื่อเจ้าบ่าวขึ้นก่อน ร้านการ์ดพิมพ์ผิดหรือเปล่าเนี่ย?” หยุดค่ะ! อย่าเพิ่งโวยวาย การที่นำชื่อเจ้าบ่าวขึ้นก่อนอาจมีเหตุผลว่า บ้านฝ่ายเจ้าบ่าวเป็นคนจีน ซึ่งถือว่าลูกชายเนี่ยสำคัญมาก และสังคมจีนก็ยังเชื่อว่า ผู้ชายคือหัวหน้าครอบครัว เพราะฉะนั้นยังไงก็ต้องให้ชื่อผู้ชายนำชื่อผู้หญิง ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติตามประเพณีจีนที่จะใช้ชื่อเจ้าบ่าวขึ้นก่อน

ทีนี้ปัญหามันอยู่ที่ว่า เคยมีคู่รักทะเลาะกันเพราะเรื่องชื่อบนการ์ดเชิญ บ้านเจ้าสาวเป็นคนไทย พ่อแม่บอกว่ายังไงก็ต้องเอาชื่อเจ้าสาวขึ้นก่อนตามธรรมเนียมไทย ส่วนบ้านเจ้าบ่าวแน่นอนว่าอาป๊าอาม้าก็จะเอาชื่อลูกชายขึ้นก่อนเช่นกัน เจอะปัญหาแบบนี้ก็เคืองกันไปตามระเบียบ ซึ่งจริงๆ ทางออกมันง่ายนิดเดียวแค่ “คุยกันสิคะ”

หลายคนที่ผ่านปัญหานี้มาได้บอกว่า แบ่งการ์ดออกเป็น 2 ส่วน การ์ดเชิญแขกฝ่ายเจ้าสาวก็เอาชื่อเจ้าสาวขึ้นก่อน ส่วนการ์ดเชิญแขกฝ่ายเจ้าบ่าวก็เอาชื่อเจ้าบ่าวขึ้นก่อน แบบนี้ก็แฟร์ๆ จบปัญหา แต่ขอให้รู้ไว้ว่า การพิมพ์การ์ดแยกเป็นสองส่วนแบบนี้อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เพราะฉะนั้นถามราคากับร้านการ์ดให้แน่นอน ถ้าคุณยอมจ่ายเงินมากขึ้นกว่าเดิมเพื่อความสบายใจของทั้งสองครอบครัว แบบนี้ก็ทำโลด แต่ถ้าไม่อยากเสียเงินเพิ่ม กลัวจะเปลืองงบก็ต้องหาข้อตกลงกันให้ได้นะคะ

ส่วนป้ายชื่อ ณ สถานที่จัดงานก็เช่นกัน ใช้ตรรกะเดียวกันนี่แหละง่ายดี แต่ถ้าบังเอิญจัดที่โรงแรมไม่ใช่บ้านบ่าวสาวขอแนะนำว่า ตกลง ประนีประนอมกันให้ดีๆ นะคะ หรือถ้าไม่อย่างนั้นก็เลือกใช้สัญลักษณ์อักษรย่อแทนติดชื่อเต็มก็ได้เช่นกัน

หวังว่าเรื่องชื่อใครมาก่อนมาหลังคงจะไม่เป็นปัญหากับคู่บ่าวสาวแล้วเนอะ เรื่องเล็กนิดเดียวเองแก้ไขได้สบายมากอยู่แล้ว จริงไหม?

Read More เขียนให้ถูก…ข้อความในการ์ดแต่งงานพิธีเช้า

บุคลิกกับรูปทรงเพชรของแหวนแต่งงานแบบไหนกันนะที่ใช่ตัวคุณ

สำหรับว่าที่เจ้าสาวที่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่า แหวนแต่งงาน ของเราจะดีไซน์แบบไหน หรือจะประดับเพชรรูปทรงอะไรดี แพรว wedding มีคำแนะนำดีๆ จะมาบอกว่า … ว่าที่เจ้าสาวอาจจะลองเลือกรูปทรงของเพชรให้มีความเชื่อมโยงกับบุคลิกของตัวเองดูก็ได้นะ เพราะนอกจากจะสวยเข้ากับบุคลิกและความเป็นตัวเองของผู้ใส่แล้ว ยังช่วยเสริมจุดเด่นของว่าที่เจ้าสาวให้แข็งแกร่งมั่นคงขึ้นด้วยนะ มาค่ะ อย่ารอช้า มาเช็คกันดีกว่าว่า สาวแบบเราต้องใส่รูปทรงเพชนแบบไหนถึงจะเวิร์ก

เพชรรูปทรงกลม

แหวนมั้น

เหมาะกับสาวน่ารัก บุคลิกอ่อนหวาน มองโลกในแง่ดี ใครอยู่ใกล้ก็รู้สึกสบายใจ

เพชรรูปทรงไข่

แหวนหมั้น

เหมาะกับสาวมีสไตล์ที่ชอบงานศิลปะ มีความคิดสร้างสรรค์

เพชรรูปทรงหัวใจ

เหมาะกับสาวโรแมนติกที่น่าค้นหา อ่อนไหวแต่เข้มแข็ง และทะเยอทะยาน

เพชรรูปทรงหยดน้ำ

เหมาะกับสาวนักผจญภัย รักอิสระ และชอบการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ

เพชรรูปทรงปริ๊นเซส

เหมาะกับสาวที่ยึดมั่นในความถูกต้อง มีทั้งความน่ารัก และน่าเกรงขามในเวลาเดียวกัน

เพชรรูปทรงแปดเหลี่ยม

เหมาะกับสาววินเทจย้อนยุคผู้มีเสน่ห์ดึงดูด เป็นคนมีรสนิยม มีจุดยืนของตัวเองชัดเจน มั่นใจ กล้าที่จะแตกต่าง รักและดูแลตัวเองเป็นอย่างดี

เพชรรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า

เหมาะกับผู้หญิงที่มีความเป็นผู้นำ มีเหตุ มีผล และมีอารมณ์มั่นคง

เพชรรูปทรงมาคีย์

เหมาะกับสาวเปรี้ยวที่เชื่อมั่นในตัวเอง ชื่นชอบชัยชนะ และการแข่งขัน

ไม่รู้ว่าพอจะตรงกับสาวๆ บ้างไหม แต่ท้ายที่สุดแล้วไม่ว่าจะเพชรรูปทรงอะไรแต่ถ้าคนรักซื้อให้ก็แฮปปี้สุดๆ ล่ะเนอะ

ยังมีไอเดียดีๆ เกี่ยวกับแหวนแต่งงานอีกเพียบที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ pinterest, pixabay.com

10 ลุคเจ้าสาวกับชุดแต่งงานวินเทจ เรียบโก้ดูดีในกลิ่นอายแบบย้อนยุค

ชุดแต่งงานวินเทจ อีกหนึ่งลุคสุดปังที่เจ้าสาวสายแฟชั่นต้องไม่พลาด

ว่าที่เจ้าสาวที่เบื่อชุดแต่งงานทรงบอลกาวน์ หรือชุดแต่งงานทรงเมอร์เมด และกำลังมองหาดีไซน์ของชุดแต่งงานที่ดูแตกต่างไปจากเดิม ชุดแต่งงานวินเทจ เป็นอีกหนึ่งสไตล์ที่ แพรว wedding อยากแนะนำ ที่งานนี้เราขนมาให้เลือกถึง 10 สไตล์ รับรองว่าหนึ่งในนี้ต้องมีโดนใจว่าที่เจ้าสาวแน่นอน

 

Edwardian Style

ชุดแต่งงานวินเทจ

ในยุคเอ็ดวาร์เดียน ราวปี ค.ศ. 1901-1910 คอร์เซตยังทำหน้าที่รัดเอวดอคกิ่วของผู้หญิง กระโปรงยาวกรอมเท้า คอเสื้อตั้งปิดขึ้นไปถึงคอหอยที่เรียกว่า Wedding Band Collar หรือคอเสื้อแหวนแต่งงาน แขนเสื้อพองช่วงต้นเขนและลีบเล็กตั้งแต่ช่วงศอกลงมาจนถึงข้อมือที่เรียกว่า Gigot Sleeves หรือแขนเสื้อขาแกะ

 

Paul Poiret

ในปี ค.ศ. 1905 ปอล ปัวเรต์ ดีไซเนอร์ชาวฝรั่งเศสได้นำเสนอดีไซน์ใหม่ที่เรียกว่า Nouvelle Vague ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากชุดกรีกโบราณที่เน้นการจับเดรป และปล่อยให้ชายผ้าทิ้งตัวลู่ไปตามสรีระของผู้หญิง โดยไม่มีคอร์เสคเข้ามาช่วยจัดแจงรูปร่าง ต่างจากแฟชั่นแบบเอ็ดวาร์เดียนที่ขัยเน้นทรวดทรงองค์เอวชัดเจน

 

Bohemian Gown

ลูซิล (Lucile) และเอด้า วูล์ฟ (Aida Woolf) สองดีไซเนอร์สร้างสไตล์ใหม่ที่ถือว่าเป็นแฟชั่นอาวองต์-การ์ด หรือแฟชั่นที่มาก่อนกาลในทศวรรษ 1900 จากโครงสร้างรูปตัว S ที่เน้นอก เอว และสะโพกของผู้หญิง จึงทำให้แฟชั่นยุคนี้เน้นชุดเป็นเชปทรงตรงเหมือนหลอด ช่วงเอวสูง และแขนเสื้อมีระบาย

 

Royal Wedding

พิธีแต่งงานในราชวงศ์หลายคู่ส่งผลต่อเทรนด์ชุดแต่งงานในห้วงเวลานั้นๆ เนื่องจากสื่อมวลชนกระจายข่าวอย่างแพร่หลาย เช่น เจ้าหญิงแมรี พระธิดาในพระเจ้าจอร์จที่ 5 กับเฮนรี วิสเคานต์ลาสเชลส์ ในปี ค.ศ. 1922 หรือเจ้าชายอัลเบิร์ต ดยุคแห่งยอร์ก กับเลดี้เอลิซาเบท โบวส์-ลีออน พระบิดาและพระมารดาของควีนเอลิซาเบทที่ 2 ในปี ค.ศ. 1923 จนเรียกได้ว่าชุดแต่งงานของราชวงศ์นั้นเป็นเทรนด์เซตเตอร์สำหรับแฟชั่นชุดแต่งงานก็ว่าได้

 

Jazz Age

ยุคนี้วัฒนธรรมทางดนตรีแจ๊ซ บลูส์ และการเต้นรำเฟื่องฟูมาก จึงทำให้ชุดของผู้หญิงในยุคนี้หดสั้นลง เพื่อจะได้ออกสเต็ปได้ง่ายขึ้นนั่นเอง เพราะฉะนั้นหากว่าที่เจ้าสาวจัดงานแต่งงานสไตล์แกสบี้ และมีอาฟเตอร์ปาร์ตี้สุดแซ่บหลังจบงาน การเลือกใส่ชุดสไตล์นี้นอกจากจะช่วยให้ภาพรวมของงานออกมาสวยงามแล้ว ยังช่วยให้แดนซ์ออกสเต็ปลีลาได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

รู้ไว้ซะ เด็กถือแหวนในพิธีแต่งงานแบบคริสต์…ไม่ใช่ใครก็เป็นได้

เด็กถือ แหวนแต่งงาน สุดคิ้วท์ในงานแต่ง ไม่ใช่ใครก็เป็นได้นะ

เคยสังเกตกันไหมว่าในพิธีแต่งงานของชาวคริสต์ จะมีเด็กถือ แหวนแต่งงาน ตัวน้อยๆ เดินนำหน้าขบวน โดยในมือจะถือหมอนที่มีแหวนแต่งงานวางไว้ เด็กคนนี้เป็นใคร ทำไมต้องเป็นเด็ก ไปพบกับคำตอบที่ แพรว wedding หามาให้เลยจ้า

ว่ากันว่าหน้าที่เด็กถือแหวนมีมาตั้งแต่ในสมัยอียิปต์โบราณ โดยเด็กคนนี้จะเป็นผู้ถือหมอนที่ประดับอัญมณีสำหรับใช้ในงานสำคัญๆ อย่างพิธีแต่งงาน

แต่บางหลักฐานทางประวัติศาสตร์ก็บอกว่าเด็กถือแหวนเพิ่งจะมีและเป็นที่แผ่หลายในสมัยยุคกลางนี่เอง โดยเด็กถือแหวนคนแรกคือเด็กรับใช้ชาวอังกฤษ ที่เดินทางมาในขบวนรถไฟที่มีเจ้าสาวอยู่ แต่เนื่องจากหมอนเป็นสิ่งที่หายากและมีราคาแพง จึงนำแหวนมาวางไว้ที่ปลายดาบแทน ต่อมาเหล่าบรรดาเศรษฐีได้เปลี่ยนจากการใช้ดาบที่ดูน่ากลัวมาเป็นวางแหวนบนหมอน และให้เด็กถือแหวนสวมชุดลูกไม้คอปกสีขาวพร้อมสายสะพาย เพื่อแสดงให้เห็นว่าตนมีความมั่งคั่งและร่ำรวยนั่นเอง

แต่ยุคที่เด็กถือหมอนได้รับความนิยมมากที่สุดคือ ยุควิคตอเรีย เพราะว่ากันว่าทุกงานแต่งจะต้องมีเด็กถือแหวนร่วมงานเสมอ บางบ้านถึงกับให้เด็กถือแหวนแต่งตัวด้วยเสื้อแจ็คเก็ตกำมะหยี่ ปกผ้าลินินคู่กับกางเกงขาสั้นเพื่อแสดงความหรูหราเลยทีเดียว ก่อนที่จะปรับเปลี่ยนมาเป็นชุดทักซิโด้แบบที่เราเห็นกันอย่างทุกวันนี้

ตามหลักศาสนาแล้ว เด็กที่จะทำหน้าที่นี้ จะต้องเป็นเด็กผู้ชายที่มีความสัมพันธ์โดยตรงกับเจ้าบ่าวหรือเจ้าสาว และมีอายุระหว่าง 4-10 ปี หรืออย่างเต็มที่ต้องไม่เกิน 13 ปีเท่านั้น ส่วนเด็กผู้หญิงจะมีหน้าที่ถือตะกร้าสำหรับโปรยกลีบดอกไม้นำหน้าเจ้าสาวและต้องเดินตามหลังเด็กถือแหวนเท่านั้น แต่ในปัจจุบันจำนวนเด็กผู้ชายมีน้อยกว่าผู้หญิง หรือบางบ้านอาจไม่มีเด็กผู้ชายเลย ก็สามารถปรับเปลี่ยนให้เด็กผู้หญิงมาทำหน้าที่ถือแหวนแทนเด็กผู้ชายได้เช่นกัน

เนื่องจากเป็นหน้าที่ที่มีความสำคัญมาก ชาวต่างชาติถึงกับออกหนังสือคู่มือเพื่อตำแหน่งนี้โดยเฉพาะเลยล่ะ สำหรับบ่าวสาวที่เป็นห่วงกลัวว่าแหวนจะหาย อาจเปลี่ยนไปใช้แหวนปลอมก็ดูจะปลอดภัยกว่านะจ๊ะ

ทั้งหมดนี้คือที่มาและประวัติของเด็กถือแหวนในพิธีแต่งงานที่เรานำมาฝาก เห็นอย่างนี้แล้วหากว่าที่บ่าวสาวคู่ไหนสนใจอยากนำไปใช้กับงานของตัวเองบ้าง เราก็ไม่ขอขัดนะจ๊ะ เพราะถือว่าเป็นไอเดียที่น่าสนใจไม่เบาเลยล่ะ

อ่านเพิ่มเติม ชุดเด็กถือดอกไม้ มีวิธีเลือกแบบไหนให้ปังและน่ารักเหมาะสมกับวัย

เรียบเรียงข้อมูล : www.littlethingsfavors.com, www.saphireeventgroup.com, www.blacknbianco.com
ภาพ : somethingturquoise.com, londonjaeapparel.com

5 สไตล์หัวแหวนแต่งงานดีไซน์สวยกับการฝังเพชรที่ช่วยสะท้อนความเป็นประกาย

5 สไตล์หัว แหวนแต่งงาน ที่ช่วยส่งให้แหวนแต่งงานระยิบระยับ

รูปแบบการฝังเพชรที่หัว แหวนแต่งงาน มีหลายแบบ แต่ละแบบก็ช่วยสร้างความแตกแต่งให้กับภาพรวมของแหวนทั้งวง แถมยังช่วยเสริมเรื่องการสะท้อนแสงของประกายเพชรได้ด้วย แล้วรูปแบบการฝังเพชรแบบไหนล่ะที่เป็นตัวคุณ

หัวแหวน
Four-Prong
six-prong
Double-Prong

Four-Prong / Six-Prong / Double-Prong

การฝังหนามเตยสุดฮิต แถมบางร้านยังสามารถออกแบบหนามเตยเป็นรูปหัวใจได้อีกด้วย หรืออาจจะดีไซน์เป็นรูปสามเหลี่ยมเพื่อเพิ่มสีสันและรูปแบบให้ดูเก๋ไก๋มากขึ้น

bar-set

Bar Set

คือ การฝังแบบหนีบ ซึ่งก็คือการหนีบเพชรเอาไว้เฉยๆ เพราะฉะนั้นจึงไม่แนะนำให้ใช้กับแหวนที่ต้องใส่ทุกวัน โดยเฉพาะการใส่ทำงานแบบสมบุกสมบัน เพราะพื้นที่ตัวเรือนที่ยึดกับเพชรนั้นมีน้อยจึงอาจทำให้เพชรหลุดออกจากตัวเรือนได้ง่าย

bezel-set

Bezel Set

การฝังแบบหุ้มทั้งเม็ด มีข้อดีคือทำให้เพชรดูเด่นและดูเม็ดใหญ่ขึ้นได้จากระยะไกล แต่ข้อเสียคือการฝั่งแบบนี้อาจจะบดบังประกายระยิบระยับวิบวับของเพชรได้ จึงได้มีการพัฒนาให้เกิดการฝังแบบ Half-Bezel ขึ้นเพื่อช่วยให้เห็นเนื้อเพชรมากขึ้นนั่นเอง

v-prong

V-Prong

คนไทยนิยมเรียกการฝังแบบนี้ว่า การฝั่งแบบหุ้มหัวเรือ ซึ่งการฝังแบบนี้นิยมใช้กับเพชรที่มีมุม เช่น เพชรทรงสี่เหลี่ยม, เพชรทรงมาร์คีส์ และเพชรทรงหัวใจ เพื่อเป็นการช่วยปกป้องส่วนมุมของเพชรไม่ให้เกิดความเสียหายนั่นเอง

diamond-tipped

Diamond Tipped

เป็นการฝังเพชรเม็ดเล็กๆ ลงในหนามเตยที่ใช้ยึดเกาะเพชรอีกที ทำให้เมื่อมองไปตรงไหนของตัวเรือนก็เห็นเพชรคมชัดทุกรายละเอียด สร้างความระยิบระยับแบบคูณสองไปอีก

เลือกหัวแหวน หรือรูปแบบการฝังได้แล้ว ก็ลองมาดู แตกต่างแต่เป็นตัวเองกับ 5 หัวแหวนแต่งงานแสนเลอค่า เพื่อสร้างความแตกต่างให้กับแหวนแต่งงานกันนะคะ

ภาพ www.puregemsjewels.com, www.diamondnexus.com, www.ebay.com, www.mdcdiamonds.com, www.karadanieljewelry.com, www.nataliediamonds.com, www.pinterest.co.uk

พอเถอะกับบางความเชื่อเรื่องงานแต่งเพราะบางอย่างมองข้ามบ้างก็ดี

ความเชื่อเรื่องงานแต่ง กับคนเรานี่แยกกันไม่ได้เลยนะคะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับความเชื่อที่จะทำให้รู้สึกดี มีความสุข เกิดมงคลเนี่ย โอ๊ยยยยยย คุณคะ เราอยากจะบอกว่าเชื่อมากไปบางทีก็เหนื่อยไปนะ แถมบางอย่างเมื่ออยู่ในช่วงเวลาสมัยใหม่เนี่ย เปลี่ยนๆ ปรับๆ ไปบ้างก็ได้ แล้วคุณจะได้สัมผัสกับความทรงจำดีๆ ในวันแต่งงานที่แบบว่า คิดถึงเมื่อไหร่ก็รู้สึกว่าอิ๊นนนนนอินละ

  • ความเชื่อที่ว่า…บ้านใดบ้านหนึ่งต้องจ่ายทุกอย่าง

พอกันทีกับความเชื่อนี้ เพราะยุคนี้แล้ว เป็นเวลาที่คุณทั้งคู่ต้องมาจับเข่าคุยกันแล้วล่ะ งานแต่งงานคือแต่งกันสองคนสองบ้านนะจ้ะ อย่าได้คิดว่าเป็นเรื่องต้องรับผิดชอบของใครทั้งหมดแต่ฝ่ายเดียวเลย บ่าวสาวจึงควรช่วยกันรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการจัดงานค่ะ ยิ่งถ้ารู้ว่าบ้านไหนมีมากก็ช่วยจ่ายมากหน่อย บ้านไหนมีน้อยก็จ่ายตามกำลัง แบบนี้สิเรียกว่าเริ่มต้นเรียนรู้และรับกันได้อย่างแท้จริง ลงท้ายที่งานแฮปปี้กันทุกฝ่ายแน่นอน

  • ต้องแหวนเพชรเท่านั้น…เหรอ?

โอ๊ยยย อันนี้เชยมากกกกกก สมัยนี้ไม่ต้องเพชรก็ได้ว่าไหมสาวๆ อย่างที่เห็นว่าทุกวันนี้แหวนแต่งงานจากพลอยหลากสีมีให้เห็นอยู่มากมาย บ้างใช้เป็นโอปอล์ หรือไข่มุกเม็ดงามก็มี ขอให้สวยถูกใจและมีความหมายกับคนทั้งคู่ก็พอ

  • ชุดแต่งงานต้องสีขาวเท่านั้น…เหรอ?

จะด้วยความเชื่อหรือความนิยมก็ตามแต่ ดูเหมือนว่าสีขาวยังคงครองใจเจ้าสาวมาโดยตลอด แต่ก็มีประปรายที่เจ้าสาวเลือกใส่สีแชมเปญ สีพาสเทลอ่อนๆ หรือสายแข็งบางท่านก็เลือกใส่สีเจ็บๆ อย่างสีช็อกกิ้งพิ้งค์ หรือแดงสดไปเลยก็มี งานนี้จะเอาความชอบนำความเชื่อบ้างก็ได้ โตแล้ว แม่ไม่ว่า (มั้ง)

  • ชุดเพื่อนเจ้าสาวแบบยกโหลเป็นไง?

ในสมัยโรมันมีความเชื่อที่ว่าเพื่อนเจ้าสาวจะต้องแต่งกายเหมือนกันทั้งหมด เพื่อทำให้วิญญาณร้ายที่จะเข้ามาป่วนในงานเกิดความสับสน จนทุกวันนี้เค้ารางนั้นก็ยังคงอยู่ เว้นแต่มีการปรับเปลี่ยนไปบ้างสำหรับเพื่อนเจ้าสาว ที่ส่วนมากยังคงยึดธีมสีชุดเดียวกัน แต่แตกต่างที่การออกแบบและการสวมใส่กันไป ก็แหมชุดแบบนึงจะให้ใส่ออกมาสวยทั้ง 10 คนมันก็ไม่ใช่ไหม

  • เพื่อนเจ้าสาวต้องเป็นหญิงสาว เพื่อนเจ้าบ่าวก็ต้องชายล้วนจริงหรือ?

อันนี้เราบอกเลยว่าไม่จำเป็นค่ะ คนที่คุณรักและสนิทด้วยที่สุดเป็นคนไหนก็คนนั้นเลยค่ะ จะชายหรือหญิงก็ไม่ใช่ประเด็น จะมีแบบคละกันไปก็เก๋ไปอีก และชัดเจนสุดๆ ว่าคุณน่ะดึงดูดและน่ารักกับเพื่อนทุกเพศทุกวัย

ความเชื่อไหนยังอยากเชื่อต่อเราไม่ว่ากัน ความเชื่อไหนคิดว่าอยากปรับเปลี่ยนและไม่เดือนร้อนความรู้สึกใครก็ทำเถอะ แหม…งานแต่งงานของคุณมีครั้งเดียวนะ ทำอะไรก็ขอให้สุดๆ สุขๆ แบบที่อยากทำดีกว่าเนอะ

4 เทคนิคตั้งต้นการจับมิกซ์ & แมตช์คู่สีสำหรับธีมสีงานแต่งให้เก๋

มิกซ์ & แมตช์คู่สีสำหรับ ธีมสีงานแต่ง ให้เก๋

นอกจากธีมงานที่เป็นรูปธรรมที่จับต้องได้แล้ว อย่างเช่น ธีมปาร์ตี้ ธีมสวนสนุก หรือธีมเทพนิยาย ก็ต้องมี ธีมสีงานแต่ง ด้วย เพราะนอกจากจะช่วยคุมโทนให้บรรยากาศของงานโดยรวมออกมาสวยงามแล้ว ยังเป็นกิมมิกสนุกๆ ในการนำมาสร้างสีสันในส่วนต่างๆ ภายในงานแต่ง และเป็นเดรสโค้ดให้แขกได้อีกด้วย

และนี่คือ 4 เทคนิคจับคู่สีที่บ่าวสาวสามารถนำไปสร้างธีมสีงานแต่งให้กับงานของตัวเองได้

สีเดียวไล่น้ำหนัก (MONOTONE) คือ การใช้คู่สีที่เป็นเฉดเดียวกัน แต่มีความเข้มอ่อนต่างกัน เช่น สีน้ำเงินเข้ม คู่กับ สีน้ำเงินอ่อน เป็นต้น

สีใกล้กัน (HARMONY) คือ การใช้คู่สีที่มีเฉดใกล้เคียงกัน เช่น สีน้ำเงิน คู่ สีเขียวอมน้ำเงิน และสีเขียว เป็นต้น

สามสีเยื้องกันเป็นตัว Y (TRIADS) คือ การใช้คู่สี 3 เฉด ที่เป็นคู่สีแยกตรงข้าม (เป็นสีที่อยู่แยกไปทางซ้ายและขวาของสีตรงข้ามเป็นรูปตัว Y) เช่น สีส้มอมแดง/สีน้ำเงิน/สีเขียว เป็นต้น

สีตรงกันข้าม (CONTRAST) คือ จับคู่โดยใช้สีเฉดที่อยู่ตรงข้ามกัน เช่น สีเขียวอมเหลือง คู่ สีม่วงอมแดง

TIP

  • สีแดงไปกันได้กับสีเขียวและสีในโทนแดงที่ระดับความเข้มลดหลั่นกันไป แต่อาจไม่เหมาะกับสีฟ้าและสีเหลืองเท่าไหร่นัก
  • แมตช์สีฟ้าหรือสีน้ำเงินกับสีเขียว, สีม่วง และสีส้ม ถ้าต้องการความเรียบง่ายกว่านั้น ให้เลือกจับคู่กับสีโทนเดียวกันหรือสีกลางอย่างขาว เทา แต่ต้องระวังสีแดงและสีเหลือง
  • สีเหลืองเป็นที่สีที่แมตช์ยาก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเข้ม และความสว่างของสี ซึ่งสีม่วงเป็นสีคู่บุญของสีเหลือง และยังมีสีข้างเคียงอย่างสีเขียวและสีส้มด้วย
  • สีฟ้า สีเหลือง และสีแดง จับคู่กับสีเขียวได้ดีเสมอ แต่ยังไงก็ต้องคำนึงถึงความเข้ม ความสว่างของสีที่มาแมตช์กันด้วยว่าไปกันได้หรือไม่ แต่ที่แน่ๆ เมื่อใดที่เลือกจะใส่สีเขียวแล้ว สีที่ไม่ควรใส่คู่กันคือ สีม่วงและส้ม
  • สีที่เหมาะกับสีส้ม เป็นสีในตระกูลสีแดงและเหลือง แต่ต้องเป็นเฉดอ่อน หรือจะเป็นสีตรงกันข้ามอย่างสีน้ำเงินและสีฟ้าก็ได้เช่นกัน

ภาพ pinterest

ดูไอเดียและคำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับงานแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย! a a

5 สาเหตุของการเกิด สิว ที่เจ้าสาว และสาวๆหลายคน คาดไม่ถึงแน่ๆ!

ก่อนแต่งงาน สิว เป็นอะไรที่ต้องหลีกให้ไกล แต่ถ้ายังไม่รู้ว่า 5 สาเหตุเหล่านี้ก็สามารถทำให้เกิดสิวได้ ใบหน้าสวยๆของเจ้าสาวก็ยังไม่รอดปลอดภัยจากสิวร้อยเปอร์เซ็นนะ

สิว ในช่วงใกล้แต่งงาน เกิดขึ้นง่ายกว่าที่คุณคิดนะคะ เพราะความเครียด และการพักผ่อนน้อย ของว่าที่เจ้าสาวทั้งหลาย แต่คุณว่าที่เจ้าสาวรู้หรือไม่คะว่า ที่จริงแล้ว ยังมีอีก 5 สาเหตุที่สามารถทำให้เกิดสิวได้ แถมเป็นสาเหตุที่บอกไปแล้วใครๆ อาจจะคิดว่าจริงหรือนี่!” ด้วยความคาดไม่ถึงอีกต่างหาก! (หรือบางทีอาจจะรู้แล้วว่าหลงลืมไปก็ได้นะ!) เรามาดูกันดีกว่า ว่าสาเหตุเหล่านั้นคืออะไรกันบ้าง เพื่อหลีกให้ไกลจากสิวในช่วงใกล้วันแต่งงานค่ะ!

 

1. โทรศัพท์ และหน้าจอสมาร์ทโฟน

ข้อนี้เหมือนใครๆก็จะรู้อยู่แล้ว ว่า ขณะที่เราแนบหน้าจอกับใบหน้าเพื่อคุยโทรศัพท์ เชื้อโรคมากมายอาจจะทำให้เกิดสิวได้ และนี่ยังนับรวมถึงโทรศัพท์ออฟฟิศในสำนักงานที่อาจจะต้องใช้งานร่วมกันหลายคนด้วย คำเตือนคือ ทำความสะอาดหูโทรศัพท์สำนักงานด้วยแอลกอฮอล์อ่อนๆบ่อยๆ ส่วนสมาร์ทโฟนขอตัวเองนั้นก็ควรเช็ดทำความสะอาดอย่างน้อยวันละครั้งค่ะ

2. เงิน!

ใครบ้างไม่อยากจับเงินจริงไหมคะ? แต่รู้หรือไม่ว่า เงิน ไม่ว่าจะเป็นแบงค์ หรือเหรียญ มีเชื้อโรคอยู่มากมาย เพราะกว่าจะมาถึงมือเรานั้น เงินถูกผ่านมือมาหลายต่อหลายมือ และอยู่มาหลายต่อหลายที่ทีเดียว! เพราะฉะนั้นถ้าหากเราจำเป็นต้องจับเงินอยู่ทุกวัน พยายามเตือนตัวเองอย่าเอามือมาจับใบหน้าหลังจากนั้น และพกพาแอลกอฮอล์ล้างมือไว้บ้างก็ดีค่ะ (แต่อย่าใช้บ่อยเกินไป จะทำให้มือแห้งได้ค่ะ)สิว

3. คีย์บอร์ด

เคยมีงานวิจัยที่พบว่า คีย์บอร์ด ของใช้สำนักงานที่พวกเราใช้อยู่ทุกวัน มีเชื้อโรคสะสมอยู่มากกว่าบนฝารองนั่งชักโครกในห้องน้ำเสียอีก! นั่นเป็นเพราะคีย์บอร์ดที่ไม่เคยถูกทำความสะอาดเลย อาจจะสะสมเชื้อโรคไว้มากมายจากมือของเรา และยังไม่นับรวมถึงเศษอาหารและขนมที่เราถือกินไปขณะนั่งทำงานอีกนะ! สิวจึงอาจจะเกิดขึ้นได้หากเราเอามือที่ไม่สะอาดจับใบหน้าหลังจากพิมพ์คีย์บอร์ด ทางที่ดี ทำความสะอาดคียบอร์ดกันบ้างนะจ๊ะ!

สิว

4. ครีมนวดผม หรือผลิตภัณฑ์สไตล์ลิ่งผม

เคยสงสัยไหมว่าทำไมสิวจึงชอบขึ้นที่หลัง ริมหน้าผาก หรือกรอบหน้า? อยากจะบอกว่า ครีมนวดผม รวมถึงสไตล์ลิ่งผมบางประเภทอาจจะเป็นตัวการค่ะ! เพราะสิ่งเหล่านี้มักจะมีซิลิโคนเป็นส่วนประกอบ เมื่อซิลิโคนเจอเข้ากับรูขุมขนก็สามารถทำให้เกิดการอุดตัน เมื่อน้ำมันในผิวหาทางระบายออกไม่ได้ ก็เกิดเป็นสิวขึ้นตามมานั่นเอง ทางแก้คือ ลองก้มศีรษะสระผม ลดโอกาสของครีมนวดผมที่จะโดนหลังหรือกรอบหน้า รวมทั้งใช้สไตล์ลิ่งผมแต่น้อย หรือเลือกชิ้นที่ไม่มีส่วนผสมของซิลิโคนค่ะสิว

5. ยาสีฟัน

เคยได้ยินความเชื่อว่าที่ นำยาสีฟันแต้มบริเวณหัวสิว จะช่วยทำให้สิวแห้งลงได้ไหมคะ? บอกเลยว่าเป็นความเชื่อที่ผิดค่ะ!  เพราะไม่เพียงแต่สิวจะไม่หาย ส่วนผสมบางอย่างในยาสีฟัน เช่น ฟลูออไรด์ และ sodium lauryl sulfate อาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองในผิวแพ้ง่าย และเกิดสิวตามมาได้ ทางแก้คือ หากสังเกตว่าเราชอบมีสิวขึ้นที่คางหรือรอบๆริมฝีปากบ่อยๆ ลองเปลี่ยนยาสีฟัน หรือปรึกษาแพทย์ผิวหนังดูค่ะสิว

เมื่อรู้ 5 สาเหตุที่ทำให้เกิดสิวแบบไม่คาดฝันกันแล้ว ว่าที่เจ้าสาวลองคลิกอ่าน วิธีการเลือกผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่เหมาะกับสภาพผิวของเรา ต่อกันเลย จะได้เตรียมผิวสวยในวันวิวาห์กันต่อเนื่องแบบไม่ขาดช่วงค่ะ

Credit Story: everydayhealth.com

4 คีย์เวิร์ดหลักของ เทรนด์ชุดเจ้าสาว ปี 2019 ว่าที่เจ้าสาวรีบส่องด่วน!

เป็นเรื่องที่น่าหนักใจไม่น้อยสำหรับว่าที่เจ้าสาว ว่าจะใส่ชุดเจ้าสาวแบบไหนดี ไม่ต้องกังวลให้มากไป แพรว wedding มี 4 คีย์หลักๆ ของ เทรนด์ชุดเจ้าสาว ในปีนี้มาฝากกันค่ะ

เทรนด์ชุดเจ้าสาว สับเปลี่ยนหมุนเวียนไปตลอดเวลา จะทำยังไงดีถ้าไม่อยากเป็นเจ้าสาวที่ตกเทรนด์ ขอตอบง่ายๆว่า ลองอ่าน 4 คีย์หลักๆ นี้ดูสิคะ รับรองว่าอินเทรนด์แน่นอน

1.โบว์

โบว์เป็นสิ่งที่แสดงความหวานของผู้หญิงที่ควบคู่ไปกับความเก๋ไก๋เสมอ ปี 2019 นี้ บรรดาเหล่าดีไซเนอร์ชั้นนำของโลกต่างตกแต่งชุดเจ้าสาวของเขาด้วยโบว์น้อยใหญ่ ซึ่งนี่คือสิ่งที่บ่งบอกเราว่าปีหน้า “โบว์” มาแน่ๆ

เทรนด์ชุดเจ้าสาว

2.มินิเดรส

เจ้าสาวสมัยใหม่เน้นความเรียบง่ายมากขึ้น จากความนิยมชุดใหญ่ๆฟูฟ่อง เปลี่ยนมาเป็นชุดแบบเล็กๆเก๋ๆแทน

เทรนด์ชุดเจ้าสาว

3.ชุดแยกชิ้น

สาวๆสมัยใหม่มองหาความคล่องตัวมากขึ้น จึงเกิดเป็นแฟชั่นชุดเจ้าสาวแบบแยกชิ้น ส่วนบนและส่วนล่างสไตล์มินิมอลเก๋ๆ

ชุดเจ้าสาว

4.ลูกไม้

ลูกไม้ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง เพราะสามารถบ่งบอกถึงความหวานงดงามของเจ้าสาวได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญยังทำให้ชุดดูมีมิติมากขึ้นด้วย

ชุดแต่งงาน

เลือกชุดเจ้าสาวทรงไหนดีที่เหมาะกับเรา

1. Ball Gown

ทรงกระโปรงที่จะรัดช่วงเอวให้ดูเล็กและเข้ารูป และโค้งลงมาเป็นทรงระฆังคว่ำ บาน พอง และฟู เหมาะกับเจ้าสาวที่ตัวสูง เอวหนา และสะโพกใหญ่

2. A-Line

ตัวกระโปรงจะบานออกตั้งแต่ช่วงเอวทิ้งยาวลงไปถึงพื้นเป็นรูปทรงตัว A แต่ลักษณะโดยรวมจะแคบ และไม่พองฟูมากนัก ช่วยพรางสะโพกและต้นข้าได้ดี แถมยังเหมาะกับเจ้าสาวทุกรูปร่าง โดยเฉพาะกับเจ้าสาวที่ตัวเตี้ย การเลือกใส่ชุดเจ้าสาวทรง A-Line จะช่วยทำให้ดูสูงขึ้น

3. Princess

กระโปรงทรงนี้มีพื้นฐานมาจากทรง A-Line มีความพองและฟู แต่ไม่เท่ากับทรง Ball Gown ช่วงบนจะเข้ารูปแล้วจึงบานออกยาวลงมาจนถึงพื้น อาจเน้นให้มีความพองในช่วงด้านหลัง อีกทั้งปลายกระโปรงค่อนข้างยาวจึงเหมาะกับเจ้าสาวที่ตัวผอมสูง

4. Mermaid

ชุดเจ้าสาวทรงเมอร์เมดจะมีตัวเสื้อท่อนบนยาวขึ้น เข้ารูป เน้นให้เห็นทรวดทรงองค์เอวชัดเจน ตัวกระโปรงจะเริ่มบานออกตั้งแต่ช่วงต้นขาหรือหัวเข่าลงไป เหมาะกับเจ้าสาวที่มั่นใจว่าตัวเองเป็นคนสูง หุ่นดี อยากโชว์ความเป๊ะของเรือนร่าง รวมถึงเจ้าสาวที่มีรูปร่างแบบทรงนาฬิกาทรายด้วย ส่วนเจ้าสาวคนไหนที่ตัวเตี้ย เราแนะนำให้ลีกเลี่ยงชุดทรงเมอร์เมด เพราะมันอาจจะทำให้คุณดูเตี้ยและตันมากขึ้น

5. Sheath

ชุดเจ้าสาวทรง Sheath ดูจะเป็นชุดที่ใส่แล้วสบายที่สุด ด้วยความที่เป็นชุดเจ้าสาวทรงตรง ดูเรียบง่าย ไม่รัดรูปให้เห็นสัดส่วนมากนัก ลักษณะชุดจะทิ้งตัวลงมาตรงๆ ยาวกร่อมพื้น เหมาะกับเจ้าสาวหุ่นดี สูงเพรียว ส่วนเจ้าสาวที่สะโพกใหญ่หรือมีหน้าท้องต้องระวัง เพราะถ้าใส่อาจจะทำให้เห็นหน้าท้องยื่นออกมาชัดเจน หรือถ้าจะให้ดีก็เลี่ยงไปใส่ชุดแบบอื่นแทนก็ได้

6. Empire

ชุดเจ้าสาวแบบนี้เป็นอีกหนึ่งชุดที่ใส่สบาย โดยตัวกระโปรงจะต่อลงมาจากใต้อก แล้วแต่ว่าจะปล่อยเป็นชายบานพลิ้ว หรือเข้ารูปก็ได้ เหมาะกับเจ้าสาวสูงเพรียว รูปร่างเล็ก หน้าอกแฟบ ส่วนใครที่มีหน้าอกใหญ่คงต้องเลี่ยงนะคะ เพราะชุดนี้จะเน้นอกให้ดูใหญ่มากขึ้น

7. Tea-Length

อีกหนึ่งทางเลือกของเจ้าสาวที่ไม่อยากใส่ชุดยาวๆ ลากพื้น แต่ก็ไม่อยากใส่สั้น ชุดเจ้าสาวแบบ Tea-Length จึงเป็นชุดที่ตอบโจทย์คุณมาก ด้วยความยาวของชุดในระดับคลุมเข่า ไม่สั้นไป ไม่ยาวไป ตัวกระโปรงจะบานพลิ้วแบบทรงเอไลน์ ว่าที่เจ้าสาวคนไหนที่มองหาชุดใส่ในพิธีหมั้นหรือช่วงอาฟเตอร์ปาร์ตี้ ลองเก็บทรงนี้ไว้พิจารณาก็ดีเหมือนกันนะ

เครดิตภาพ : pinterest

ติดตามไอเดียและเทคนิคต่างๆเกี่ยวกับงานแต่งงานได้ที่ praewwedding

จะทำยังไงหากชุดแต่งงานที่อยากได้ต้องเอามือทาบอกเพราะช็อกกับราคา!!

การไปเลือก ชุดแต่งงาน เป็นช่วงเวลาที่ว่าที่เจ้าสาวหลายคนรอคอยมาตลอดเกือบครึ่งชีวิต หลังจากที่เพียรเฝ้ามองชุดแต่งงานสวยๆ ผ่านโลกอินเทอร์เน็ตหรือจากเจ้าสาวคนอื่นๆ จนกระทั่งมาถึงวันสำคัญที่คุณจะได้เป็นว่าที่เจ้าสาวคนต่อไปแล้วได้ใส่ชุดแต่งงานในแบบที่คุณชอบเสียที แต่…เมื่อได้เจอกับราคาของชุดแต่งงานในฝัน ก็เล่นเอาว่าที่เจ้าสาวถึงกับช็อกว่าทำไมมันถึงได้สูงลิ่วปานยอดต้นตาลขนาดนั้น อย่าเพิ่งตกใจและผลีผลามไปเป็นหนี้สินใครเพื่อมาซื้อชุดแต่งงานนะคะ เพราะ แพรว wedding มีทางออกมาให้ว่าที่เจ้าสาวแล้ว รับรองงานนี้ได้ชุดแต่งงานในฝันแบบงบไม่บานแน่นอน

จำกัดงบประมาณด้วยชุดแต่งงานที่ออกแบบเอง

บางครั้งชุดแต่งงานแบบสำเร็จรูปก็อาจจะมีราคาที่สูงไปเพราะมีรายละเอียดต่างๆ ที่เจ้าสาวไม่สามารถจำกัดงบได้ด้วยตัวเอง เช่น เนื้อผ้าหรือลูกไม้สั่งตรงจากเมืองนอก การประดับเลื่อมหรือวัสดุต่างๆ ด้วยเทคนิคพิเศษ เป็นต้น ซึ่งข้อนี้เจ้าสาวหลายคนมักเข้าใจผิดอยู่เสมอว่า ชุดแต่งงานสำเร็จรูปน่าจะถูกกว่าชุดแต่งงานแบบสั่งตัด แต่จริงๆ แล้วการสั่งตัดชุดแต่งงานนั้นเจ้าสาวสามารถควบคุมงบประมาณได้ด้วยตัวเองมากกว่า เพราะสามารถเพิ่มหรือลดดีเทลต่างๆ ได้โดยตรงกับทางร้านหรือดีไซเนอร์ ยิ่งถ้าหากเจ้าสาวมีงบประมาณที่ตั้งไว้ในใจอยู่แล้ว เพียงแค่แจ้งงบกับทางร้านไป ช่างหรือดีไซเนอร์ก็จะทำชุดแต่งงานในฝันให้ออกมาได้ตรงใจแบบไม่เกินงบแน่นอน

มองหาชุดแต่งงานที่ไม่ได้มาจากร้านขายชุดแต่งงาน!!

ฟังดูแล้วอาจจะงงๆ แต่ก็ตามนั้นแหละค่ะ ลองเปลี่ยนจากการเดินเข้าร้านชุดแต่งงาน มาเป็นการเดินช้อปปิ้งตามห้างสรรพสินค้าหรือร้านขายเสื้อผ้าแฟชั่นดูบ้าง โดยเลือกมองหาชุดสีขาวดีไซน์เก๋ๆ สักชุด อาจจะเลือกชุดที่มีประกายระยิบระยับ หรือชุดแบบเกาะอกที่ดูเป็นทรงเจ้าสาว รับรองว่าคุณจะได้ชุดแต่งงานที่ราคาดาวน์ลงมากว่าราคาชุดแต่งงานแน่นอน ซึ่งสาเหตุที่ชุดแต่งงานมีราคาค่อนข้างสูงนั้นมาจากวัสดุอุปกรณ์และเทคนิคพิเศษต่างๆ ที่ไม่เหมือนกับชุดใส่ไปงานทั่วไป เพราะทางร้านจะต้องคัดสรรทุกอย่างให้ดีที่สุด พร้อมขั้นตอนการทำที่ค่อนข้างต้องใช้ความประณีตและความสามารถเฉพาะตัว เพราะฉะนั้นการมองหาชุดสีขาวดีไซน์แปลกใหม่ ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เจ้าสาวจะสามารถลดค่าใช้จ่ายของชุดแต่งงานลงมาได้เช่นกัน แต่ถ้ากลัวไม่โดดเด่นก็มองหาแอคเซสซอรี่เก๋ๆ สักชิ้นมาเสริมเท่านี้ก็สวยงามได้ลุคเจ้าสาวเดินเข้างานแล้ว

ชุดแต่งงาน

มองหาชุดเช่าที่เข้ากับเรามากที่สุด

หากการสั่งตัดชุดแต่งงานยังไม่ตอบโจทย์สำหรับว่าที่เจ้าสาว การมองหาชุดแต่งงานแบบเช่าก็เป็นทางออกที่ดี เพราะมีให้เลือกตั้งแต่ราคาหลักพันไปถึงหลักหมื่น แต่อาจจะต้องเหนื่อยหนักสักหน่อยในการตระเวนหาแบบหรือดีไซน์ชุดแต่งงานที่ถูกใจว่าที่เจ้าสาวมากที่สุด แถมยังต้องเลือกให้อยู่ภายใต้งบที่มีด้วย เพราะฉะนั้นหากเลือกทางนี้แล้วล่ะก็ อย่าลืมเผื่อเวลาแล้วมองหาไว้หลายๆ ร้าน เพื่อที่จะได้ชุดแต่งงานในฝันตรงใจได้มากที่สุดนะคะ

หาชุดแต่งงานในฝันจากออนไลน์

หากเจ้าสาวมีแบบชุดแต่งงานในใจ ลองเสิร์ชหาชุดแต่งงานผ่านทางการซื้อขายออนไลน์ก็ได้นะคะ เพราะบางครั้งอาจจะมีว่าที่เจ้าสาวรุ่นพี่นำชุดแต่งงานมาขายต่อ และไม่แน่ว่าชุดนั้นอาจจะเป็นชุดแต่งงานในฝันที่คุณกำลังมองหาอยู่ก็ได้ แต่ยังไงก็อย่าลืมเช็กไซส์และรายละเอียดต่างๆ ให้ดีถี่ถ้วนก่อนซื้อหรือสั่งจองด้วยนะจ๊ะ

ชุดเพื่อนเจ้าสาวในเฉดสีขาวหรือสีแชมเปญ

แน่นอนว่าชุดเพื่อนเจ้าสาวมักจะมีราคาถูกกว่าชุดแต่งงานของเจ้าสาวเสมอ เนื่องจากชุดเพื่อนเจ้าสาวไม่ได้เน้นเทคนิคพิเศษในการตัดเย็บหรือไม่ได้มีเนื้อผ้าพิเศษอะไรมาก แถมบางชุดก็มีดีไซน์หรูหราสง่างามไม่แพ้กับชุดแต่งงานเลยทีเดียว แต่อาจจะต้องนัดแนะกับแก๊งเพื่อนเจ้าสาวสักนิดนะคะว่าคุณนั้นมาใช้บริการที่ร้านไหน จะได้ไม่โป๊ะแตกว่ามาจากร้านเดียวกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อให้เจ้าสาวที่เป็นนางเอกของงานโดดเด่นท่ามกลางแก๊งเพื่อน เหล่าเพื่อนสาวอาจจะลดรูปแบบของชุดเพื่อนเจ้าสาวลงมาสักหน่อย ด้วยการมองหาดีไซน์ที่เรียบง่ายแต่ยังคงเก๋ไก๋ในแบบฉบับเพื่อนเจ้าสาว ดีไม่ดีงานนี้เพื่อนเจ้าสาวก็จะได้ประหยัดคอร์สค่าชุดลงมาอีกด้วยนะ เป็นไงค่ะวินวินกันยกแก๊งเลยใช่ไหมล่ะ

อ่านบทความดีๆ เกี่ยวกับเทคนิคการเลือกชุดแต่งงานได้ที่ลิงค์ด้านล่างเลย

ข้อดี vs. ข้อเสีย เมื่อต้องยกโขยงเดอะแก๊งไปลองชุดแต่งงาน
3 สิ่งนี้วางแผนให้ดีก่อนไปออนทัวร์เลือกชุดแต่งงานสุดเพอร์เฟกต์
9 เทคนิคช้อปปิ้งชุดแต่งงานให้ได้ดั่งใจไม่ยากอย่างที่คิด

Cr. www.bespoke-bride.com, www.stylemepretty.com, nypost.coma a 

5 แผนสำรองสำหรับงานแต่งกลางแจ้ง ที่บ่าวสาวควรเตรียมไว้

บ่าวสาวที่อยากจะจัด งานแต่งกลางแจ้ง ต้องวางแผนให้ละเอียดรอบคอบกว่าการจัดงานในอาคาร เพราะเมืองไทยเป็นเมืองวาไรตี้ มีครบ 3 ฤดูใน 1 วัน แต่ไม่ต้องกังวลไป เราจัดมาให้แล้วว่ามีอะไรบ้างที่ต้องวางแผนเผื่อเอาไว้

  • ดอกไม้

หากคู่ไหนเลือกจะใช้ดอกไม้สด เราอยากให้คิดดีๆ อีกที เพราะว่าดอกไม้กับงานกลางแจ้ง ท่ามกลางความร้อน ดอกไม้อาจอยู่ไม่ถึงงานในช่วงเย็นๆ

การแก้ไข

เราเตรียมการแก้ไขมาให้แล้ว 2 ทางเลือกสำหรับบ่าวสาว คือ  เตรียมดอกไม้สด 2 ชุด ทั้งสำหรับการตกแต่งงาน และสำหรับช่อดอกไม้บูโทเนียร์ หรืออีกวิธีหนึ่งคือใช้ดอกไม้เสมือนจริงก็จะทำให้ค่าใช้จ่ายถูกลงได้อีก

  • อากาศร้อน

ไม่ว่าจะจัดเวลาไหน ฤดูกาลไหนก็อย่าประมาทความร้อนของเมืองไทย เพราะฉะนั้นจึงต้องคำนึงถึงเรื่องอากาศเอาไว้ให้ดี

การแก้ไข

ทางแก้ไขก็ไม่ยากนะ มีทั้งแบบราคาแรงๆ และราคาเบาๆ  อย่างการเปิดพัดลมพ่นไอน้ำมาประจำตำแหน่งต่างๆ ภายในงาน หรือการแจกเหล่าเครื่องคลายร้อนเป็นของชำร่วยในงานไม่ว่าจะเป็น พัด พัดลมมือถือ รับรองว่าแขกยิ้มดีใจแน่ๆ และดีให้สุดในงานควรมีแจกผ้าเย็นเอาไว้สำหรับให้แขกซับหน้า ซับตัว

  • แดดจัดจ้าน

อย่าเพิ่งบอกว่าจัดงานตอนเย็นแดดไม่ร้อน เพราะยังไงการจัดงานแต่งงานไม่ว่าจะเป็นช่วงเช้า หรือช่วงเย็น ยังไงคุณบ่าวสาวก็ต้องเจอแดดเปรี้ยงๆ อยู่ดี

การแก้ไข

พอกครีมกันแดดหนาๆ เลยจร้า แต่ต้องเลือกเอาแบบที่ไม่เหนียวนะ

  • ฟ้าฝนไม่เป็นใจ

อย่าไว้ใจฟ้าฝนเมืองไทย เพราะพี่เขาจะตกวันไหน เมื่อไหร่ก็ได้ แล้วลองคิดดูว่ากำลังเข้าสู่พิธีการสำคัญแล้วฝนก็ซู่ลงมา มันก็จะไม่เหลืออะไรเลย

การแก้ไข

บ่าวสาวควรเตรียมเต็นท์ หรืออาคารเอาไว้เป็นแผนสำรองสำหรับหลบฝน และควรต้องมีพื้นยกระดับเผื่อว่าหากน้ำท่วม น้ำนอง แขกจะได้ไม่บ่น เพราะหากมีแค่เต็นท์เพียงอย่างเดียว แต่แขกต้องยืนเท้าเปียกก็ไม่โอนะคะ

  • เค้ก

งานที่ไม่แอร์ เราแนะนำว่าเลี่ยงเถิดเค้กครีมทั้งหลาย เพราะว่าแทนที่จะได้เค้กสวยๆ คุณอาจจะได้ตัดเค้กละลายแทน

การแก้ไข

บ่าวสาวอาจต้องเลือกเปลี่ยนแผนจากการตัดเค้กเป็นการทำอย่างอื่น เช่น การเททรายลงในโหล เทแชมเปญ หรือเปลี่ยนเค้กเป็นขนมอย่างอื่นเช่น มาการอง โดนัท เป็นต้น

ถึงการจัดงานกลางแจ้งจะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็เป็นงานที่มีบรรยากาศสนุกๆ เพราะฉะนั้นอย่าท้อที่จะจัดงานกลางแจ้งกันนะคะ ส่วนใครที่ยังไม่แน่ใจ อยากได้เทคนิคดีๆ เราก็มีเรื่องการจัดงานกลางแจ้งให้อ่านอีกเพียบ

ภาพ unsplash.com

ผิวแห้ง ผิวลอก ไม่ต้องเสียใจ เรามี 8 เทคนิคฟื้นฟูผิวให้ทันวันแต่งงานมาฝาก

ถึงแม้ว่าอากาศจะไม่หนาว แต่ช่วงนี้หน้าก็รู้สึกแห้งๆ คนธรรมดาก็ไม่ค่อยเท่าไหร่หรอก แต่สำหรับเจ้าสาวเนี่ยสิ ร่ำๆ จะทำให้หมดความมั่นใจหากว่าหน้าจะลอกเป็นขุยในวันแต่งงาน แถมปัญหาที่ตามมาสำหรับคนที่ ผิวแห้ง ก็คือ เรื่องเมคอัพ ที่มักจะหายไปก่อนเพื่อน เราจึงสรรหาเคล็ดลับเพื่อรักษาความชุ่มชื้นของผิวมาให้สาวๆ กันโดยเฉพาะ

1. ล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า

สำหรับวันปกติ ที่ไม่ได้ลุยฝุ่น คลุกเหงื่ออะไรมากมาย สำหรับคนที่ผิวหน้าแห้งเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว การล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า จะช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิวหน้าได้ดีที่สุด และขอแนะนำให้เลือกใช้น้ำอุณหภูมิปกติมากกว่าน้ำอุ่น เพราะไม่เพียงกักเก็บความชุ่มชื้น แต่ยังช่วยกระชับรูขุมขนไม่ให้เปิดกว้างอีกด้วย

2. ดื่มน้ำเปล่าเยอะๆ

สาเหตุหนึ่งของผิวแห้งลอก ก็คือขาดน้ำ ซึ่งวิธีง่ายที่สุด ที่ทำได้ก็คือการดื่มน้ำสะอาดวันละ 8 แก้ว เพื่อให้ร่างกายได้รับน้ำเพียงพอ ก็จะช่วยลดอาการหน้าลอกลงได้

3. เลือกผลิตภัณฑ์ที่เน้นความชุ่มชื้น

สำหรับสาวผิวแห้ง หรือหน้าลอกในบางช่วง ควรมีผลิตภัณฑ์ที่เน้นบำรุงเพื่อความชุ่มชื้นของผิว ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มที่มีส่วนผสมของน้ำ และกลุ่มมอยเจอร์ไรเซอร์ จะช่วยทำให้ผิวอิ่มน้ำมากขึ้น ข้อดีอีกอย่างคือช่วยให้ผิวดูฟูไม่แห้งฟีบ จึงได้ความสดใส และทางทีดีควรบำรุงผิวด้วยสูตรนี้ทั้งกลางวันและกลางคืนนะจ๊ะ เพราะการนอนในห้องแอร์ก็ทำให้ผิวแห้งได้เช่นกัน

4. ชโลมผิวด้วยน้ำมัน

ไม่ว่าจะเป็นเบบี้ออยล์ หรือ น้ำมันมะพร้าว ขึ้นชื่อว่าน้ำมัน ย่อมมีสรรพคุณที่ช่วยให้บำรุงให้ผิวชุ่มชื้นมากขึ้น สามารถใช้ได้ทั้งก่อนที่ผิวจะลอก หรือแม้แต่ผิวลอกไปแล้ว การทาน้ำมันเหล่านี้จะช่วยรักษาอาการลอกได้ อีกทั้งยังทำให้ผิวนิ่งเด้งเหมือนผิวเด็กด้วยนะผิวแห้ง

5. อย่าแกะผิวลอก

เวลาเห็นผิวลอกทีไร เราเชื่อว่าหลายคนเกิดอาการคันไม้คันมือ ชอบที่จะแกะๆ แงะๆ ให้ผิวลอกออกมาเป็นแผ่น เพราะไม่อยากให้ใครความลอกล่อนบนผิวหน้า แต่วิธีนี้เป็นวิธีที่ผิด เพราะการลอกผิวหน้าอาจทำให้เกิดแผลได้ ทางที่ดีควรบำรุงให้ชุ่มชื้น โปะด้วยน้ำมันจะดีกว่า ส่วนที่ลอกออกมาเป็นแผ่น ถ้าทนเห็นไม่ได้จริงๆ ใช้กรรไกรเล็มออกอย่างระมัดระวังจะดีกว่านะจ๊ะ เพราะยิ่งแงะ ผิวก็ยิ่งลอกนะ

6. มาร์กแผ่นฉบับเร่งด่วน

สำหรับว่าที่เจ้าสาวที่ต้องการความเร่งด่วนแบบไม่มีเวลาบำรุงแล้ว แผ่นมาร์กหน้าคือทางเลือกอันดับต้นเลยทีเดียว ที่จะคืนความชุ่มชื้นให้กับผิว หรือจะมาร์กก่อนแต่งหน้าไม่เพียงช่วยให้ผิวชุ่มชื้น แต่ยังทำให้เครื่องสำอางติดทนนานขึ้นอีกด้วย

7. มาส์กหน้าด้วยน้ำผึ้งและไข่แดง

สำหรับสาวผิวแห้ง การมาร์กด้วยสูตรจากธรรมชาติก็ช่วยเรื่องความชุ่มชื้นได้ด้วย ไข่แดงและน้ำผึ้ง ผสมให้เข้ากันแล้วนำมามาร์กหน้า ทิ้งไว้ 10-15 นาที ก่อนล้างออก จะช่วยให้ผิวชุ่มชื้นขึ้น

8. มาส์กหน้าด้วยน้ำผึ้งและกล้วย

อีกสูตรจากธรรมชาติที่ช่วยเรื่องชุ่มชื้นก็คือ กล้วนที่อุดมด้วยประโยชน์มากมาย นำมาบนจนเละผสมกับน้ำผึ้ง พอกบนใบหน้าทิ้งไว้ประมาณ  20 นาที จะทำให้ผิวชุ่มชื้นขึ้น

สำหรับสาวๆ ที่มีผิวหน้าแบบอื่นๆ ก็ไม่ต้องน้อยใจไป เรายังมีเทคนิคการดูแลความงามแบบฉบับเจ้าสาวอีกเพียบ คลิกอ่านได้เลย

ภาพ pexels.com

9 เทคนิคช้อปปิ้งชุดแต่งงานให้ได้ดั่งใจไม่ยากอย่างที่คิด

การที่จะต้องเลือกอะไรแค่เพียง 1 อย่างก็ว่ายากแล้ว แล้วนี่ต้องมาเลือก ชุดแต่งงาน ที่ในชีวิตจะมีโอกาสใส่ได้แค่ครั้งเดียว แถมบางคนยังใส่ได้แค่ชุดเดียวอีกด้วย (ในกรณีที่เจ้าสาวมีงบจำกัด) เพราะฉะนั้นสติและความรอบคอบจึงสำคัญมาก แพรว wedding เลยขอกระโดดมาเป็นที่ปรึกษาให้กับคุณว่าที่ทั้งหลาย โดยวันนี้เรามาพร้อมกับ 9 เทคนิคดีๆ ที่จะช่วยให้เจ้าสาวได้ชุดแต่งงานดั่งใจไปใส่ในวันสำคัญ

1. วางแผนล่วงหน้า

วางแผนล่วงหน้าสักประมาณ 9 เดือนถึง 1 ปีไปเลยค่ะ หากเจ้าสาวมีเวลาเตรียมตัว หรือเอาเป็นว่าพอฝ่ายชายคุกเข่าขอแต่งงานเมื่อไหร่ ว่าที่เจ้าสาวก็คิดเรื่องชุดแต่งงานไว้ได้เลย เพราะอย่าลืมว่ากว่าคุณจะตกผลึกในสิ่งที่ชอบได้ก็อาจจะกินเวลานานหลายเดือน นี่ยังไม่รวมระยะเวลาการเลือกร้านอีก ยิ่งพอเข้าไปในร้านได้เห็นชุดแต่งงานแขวนเรียงราย ประกอบกับได้รับคำแนะนำจากดีไซเนอร์ก็อาจจะทำให้เจ้าสาวเกิดเปลี่ยนความคิดแรกที่ตั้งใจไว้ได้ ฉะนั้นการเตรียมการไว้ล่วงหน้าเผื่อมีการปรับเปลี่ยนจะช่วยให้เจ้าสาวได้ชุดแต่งงานตรงใจได้มากที่สุด หรือหากเจ้าสาวไม่เปลี่ยนใจในแบบที่คิดไว้แน่นอน แต่รายละเอียดบนชุดมีความละเอียดยุ่งยากที่ต้องใช้เวลาทำนาน เช่น การปักคริสตัลหรือไข่มุกด้วยมือทั้งหมด หรือเลือกใช้ผ้าลูกไม้ชนิดพิเศษที่ต้องสั่งจากเมืองนอก หรือสีของชุดที่สั่งต้องผลิตขึ้นเป็นพิเศษ ก็อาจต้องเผื่อเวลาตรงนี้ไปอีกประมาณ 4- 6 เดือน

2. ทำการบ้าน หารูปแบบชุดแต่งงานที่ชอบ

เจ้าสาวจะต้องทำการบ้านด้วยการหาแบบชุดที่ชอบหรือร้านชุดแต่งงานที่ปลื้ม ซึ่งถ้าหากมีเวลาก็อาจจะเจาะลึกไปอีกว่าร้านชุดแต่งงานที่เจ้าสาวสนใจนั้นมีความถนัดทางด้านชุดสไตล์ไหนเป็นพิเศษ และสามารถที่จะดีไซน์หรือทำชุดที่เราชอบได้หรือไม่ จากนั้นอาจจะลองนำชุดที่ชอบเข้าไปปรึกษากับทางร้านหรือดีไซเนอร์

3. จงหนักแน่นกับงบประมาณที่ตั้งไว้อย่าไขว้เขว้

เรื่องงบประมาณสำคัญมาก หากเจ้าสาวยอมทุ่มงบไม่อั้นให้กับชุดแต่งงานอันนี้ก็ไม่น่าหนักใจ แต่สำหรับเจ้าสาวที่มีงบประมาณในใจอยู่แล้วและตั้งใจไว้ว่ายังไงก็ห้ามเกินจากนี้ สำคัญมากที่เจ้าสาวจะต้องแจ้งกับทางร้านให้ชัดเจนถึงงบประมาณที่มี เพื่อที่ทางร้านจะได้ทราบข้อจำกัดและนำชุดที่ตรงกับงบมาให้คุณเลือก หรือออกแบบตามงบที่คุณแจ้งไว้ เพราะไม่อย่างนั้นหากร้านชุดโกยชุดแต่งงานมา 10 ชุดโดยที่ไม่รู้ว่าคุณมีงบเท่าไหร่ หากคุณใจแข็งไม่พอรับรองว่างบบานแน่นอน

4. เคลียร์คิวตัวเองให้ดี

แน่นอนว่าไม่ได้มีแค่คุณคนเดียวที่แต่งงานในปีนั้น เพราะฉะนั้นร้านชุดแต่งงานจึงมีเหล่าว่าที่เจ้าสาวรอต่อคิวอยู่เพียบ และมีการนัดหมายเกือบจะแน่นเอี๊ยดในปฏิทิน การทำชุดแต่งงาน 1 ชุดมักจะใช้เวลาค่อนข้างนาน ยิ่งถ้าชุดที่เจ้าสาวออเดอร์นั้นต้องมีการออกแบบเพื่อให้เข้ากับสไตล์ของเจ้าสาวแต่ละคนเป็นพิเศษก็อาจจะต้องให้เวลากับทางร้านด้วย เพราะฉะนั้นเจ้าสาวต้องโทรนัดหมายล่วงหน้ากับร้านที่คุณถูกใจว่าจะเข้าไปดูชุดหรือเข้าไปขอคำปรึกษา เพราะหากมีการนัดหมายไว้ล่วงหน้าทางร้านจะสามารถดูแลและให้คำปรึกษากับเจ้าสาวได้อย่างเต็มที่ ซึ่งการันตีได้ว่าเจ้าสาวจะได้รับประโยชน์มากถึงมากที่สุด

5. จงไปพร้อมกับใจที่เปิดกว้าง

แน่นอนว่าเจ้าสาวต้องมีชุดแต่งงานในใจและเดินเข้าร้านชุดไปพร้อมชุดแต่งงานในฝัน แต่บางครั้งชุดในฝันก็อาจจะไม่เหมาะกับความเป็นจริง อาจจะด้วยสรีระหรือข้อจำกัดบางอย่าง ฉะนั้นจงเปิดใจรับฟังคำแนะนำจากดีไซเนอร์ เพราะอย่าลืมว่าเขาคือบุคคลผู้เชี่ยวชาญและผ่านการทำชุดแต่งงานมาเป็นพันๆ ชุด เขาจะรู้ว่าบุคลิก สไตล์ หรือสรีระของคุณใส่ชุดแบบไหนแล้วจะรอด หรือบางครั้งการได้ไปลองหรือเข้าไปปรึกษากับช่าง เจ้าสาวอาจจะได้แบบชุดแต่งงานชุดใหม่ที่คาดไม่ถึงเลยก็ได้ ฉะนั้นจงเชื่อใจว่าดีไซเนอร์จะต้องเนรมิตคุณให้ออกมาเพอร์เฟกต์ในชุดแต่งงานได้แน่นอน

6. 3 ชุดคือจำนวนชุดที่เจ้าสาวจะต้องลอง

หากเจ้าสาวได้มีโอกาสไปลองชุดแต่งงาน จำนวนชุดสำหรับการลองที่พอดีไม่มากไม่น้อยอยู่ที่ประมาณ 3 ชุด และไม่ควรเกินจากนี้ และจำไว้ว่าหากคุณสวมชุดไหนแล้วรู้สึก “ว้าววววว” จงคิดไว้เลยว่า นี่แหละคือชุดแต่งงานที่คุณจะใส่ในวันสำคัญ เพราะคำว่า ว้าว นั้นคือความมั่นใจที่คุณสัมผัสได้จากจิตใจส่วนลึก

ชุดแต่งงาน

7. มองหาแบบหน้า-ผมไว้ด้วย

เราขอแนะนำให้เจ้าสาวคิดภาพลุคแต่งหน้าและทำผมไว้ด้วย ซึ่งถ้าคิดได้ก่อนคิดภาพชุดแต่งงานก็จะสามารถเป็นตัวกำหนดทิศทางชุดแต่งงานของเจ้าสาวได้ด้วย แล้วอย่าลืมนำลุคหน้าผมที่คิดไว้ไปปรึกษากับดีไซเนอร์ร้านชุดด้วยนะคะ เพื่อที่คุณและดีไซเนอร์จะได้เลือกชุดให้แมตช์กันทั้งหมด จนได้เป็นลุคที่สวยงามสมบูรณ์แบบในวันสำคัญ

8. อย่าตกใจกับคำว่าเซลล์!!

เป็นเรื่องธรรมดาของผู้หญิงที่เมื่อเห็นคำว่า “เซลล์” แล้วจะเกิดอาการร้อนๆ หนาวๆ แต่จงระวังหากคุณเกิดอาการนี้กับชุดแต่งงาน จงตั้งสติและคิดให้ถี่ถ้วนว่าในบรรดาชุดแต่งงานที่เซลล์ทั้งหมดนั้นมีแบบที่เราชอบจริงๆ หรือเปล่า หรือหากไซส์ไม่พอดีจะสามารถแก้ไขรูปทรงได้หรือไม่ และต้องเสียเงินเพิ่มอีกเยอะแค่ไหนสำหรับการปรับแต่ง เพราะดีไม่ดีซื้อชุดแต่งงานเซลล์มา แต่ค่าปรับแต่งแก้ไขชุดอาจจะเยอะกว่าที่คุณซื้อชุดเซลล์ก็ได้นะคะ

9. ชวนคนที่สนิทจริงๆ ไปลองชุดแต่งงาน

เรื่องนี้อาจจะดูเหมือนไม่สำคัญ แต่จริงๆ แล้วสำคัญมาก เพราะ 10 คนความคิดไม่เหมือนกันแน่นอน แล้วยิ่งเป็นเรื่องสวยๆ งามๆ อย่างชุดแต่งงานด้วยแล้ว 10 คนก็อาจจะมี 10 รสนิยมที่ชอบต่างกันไป ซึ่งความคิดเห็นที่แตกต่างกันมากเกินไปอาจจะทำให้เจ้าสาวปวดหัวและสับสนได้ เพราะการที่จะเลือกอะไรแค่อย่างเดียวนั้นเป็นเรื่องที่ยากและต้องใช้การตัดสินใจที่ดีและรอบคอบ เราจึงขอแนะนำให้เจ้าสาวกระซิบบอกคนที่สนิทที่สุดให้ไปเป็นเพื่อนสัก 1-2 คนก็พอ และคนๆ นั้นจะต้องเป็นคนที่เจ้าสาวไว้ใจและเชื่อถือได้ในสไตล์และรสนิยม และสามารถให้คำปรึกษากับเจ้าสาวได้ด้วย ส่วนเพื่อนเจ้าสาวที่ไปด้วยกันกับคุณในวันนั้นก็ต้องเตรียมใจไว้เลยว่า เขาจะต้องเป็นผู้ช่วยมือขวาในเรื่องชุดให้กับเจ้าสาวในวันงานด้วย เพราะเพื่อนคนนี้จะต้องเรียนรู้วิธีการใส่ วิธีการถอด รวมไปถึงอาจจะต้องเรียนรู้วิธีการช่วยเหลือหากเจ้าสาวจะเข้าห้องน้ำด้วย เพราะฉะนั้นไม่สนิทจริงๆ ทำไม่ได้นะจ๊ะ

ติดตามไอเดียเกี่ยวกับชุดแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

cr. margoandme.com, easyweddings.com.au, brides.com

6 ไอเดียหยอดความเป็นไทยในงานแต่งไทยที่บ่าวสาวห้ามพลาด

แพรว wedding ขอนำ 6 ไอเดียของที่ควรมีใน งานแต่งไทย มาฝากกันค่ะ แต่จะมีอะไรบ้าง ให้กลิ่นอายงานไทยขนาดไหน ว่าแล้วก็อย่ารอช้าไปดูกันเลยดีกว่า ถ้าจะจัดงานแต่งไทยทั้งทีไอเดียดีๆ ที่ห้ามพลาดมีอะไรบ้าง

ไอเดียที่ 1 : เชื้อเชิญอย่างไทย

เชื้อเชิญอย่างไทย
การ์ดเชิญคือสิ่งแรกที่แขกจะได้เห็น ดังนั้นเพื่อให้รู้ทันทีว่าเป็นงานแต่งไทย เราขอแนะนำให้ใส่ไอเดียไทยๆ ลงไปในการ์ดเชิญ ไม่ว่าเป็นศิลปะลวดลายไทย ตัวอักษรไทย หรือสีสันสไตล์ไทยอย่างสีทอง สีเหลือง สีเขียว เป็นต้น

ไอเดียที่ 2 : ของชำร่วยอย่างไทย

ของชำร่วยอย่างไทย
งานแต่งไทยก็ต้องมอบของชำร่วยที่สื่อถึงความไทยสิคะถึงจะเหมาะ ของชำร่วยที่ว่านั้น เช่น สบู่แกะสลักกลิ่นหอมไทยๆ ขนมไทย ข้าวของแฮนด์เมดที่ผลิตจากวัสดุขึ้นชื่อของไทยอย่างผ้าไหม หรือจะเลือกใช้แพคเกจจิ้งสไตล์ไทยอย่างกล่องเครื่องจักสาน ถุงผ้าลายไทย ก็ช่วยสร้างอารมณ์ไทยๆ ได้นะคะ

ไอเดียที่ 3 : งดงามอย่างไทย

งดงามอย่างไทย
ตกแต่งสถานที่ให้สวยงามด้วยดอกไม้ที่ช่วยสร้างบรรยากาศความเป็นไทยอย่างดอกบัว ดอกรัก ดอกมะลิ ดอกกล้วยไม้ หรือประดับประดาด้วยเครื่องแขวนไทยสิคะ รับรองว่างานแต่งของคุณจะงดงามอย่างไทยแบบไร้ที่ติเลยล่ะค่ะ

ไอเดียที่ 4 : เฉิดฉายอย่างไทย

เฉิดฉายอย่างไทย
ในงานแต่งไทยนั้นแน่นอนว่าบ่าว-สาวต้องหล่อสวยเจิดจรัสในชุดไทยกันอยู่แล้ว แต่คงจะเก๋มากๆ หากชักชวนญาติสนิทมิตรสหายและแขกเหรื่อให้ใส่ชุดไทยมาร่วมงานกันด้วย

ไอเดียที่ 5 : รื่นเริงอย่างไทย

รื่นเริงอย่างไทย
การใช้ดนตรีไทย เพลงไทย หรือการแสดงไทยเป็นอีกหนึ่งไอเดียที่ช่วยสร้างบรรยากาศความเป็นไทยให้อบอวลไปทั่วทั้งงานได้เป็นอย่างดี

ไอเดียที่ 6 : ถูกปากอย่างไทย

ถูกปากอย่างไทย
ถ้าจะเสิร์ฟอาหารฝรั่งหรืออาหารจีนในงานแต่งไทยก็คงจะดูแปลก ดังนั้นอาหารไทยนี่แหละเหมาะที่สุด เพราะนอกจากหน้าตาจะสวยงามเข้ากับบรรยากาศแล้ว ยังมั่นใจได้ว่ารสชาติอร่อยถูกปากทุกคนอย่างแน่นอน อีกทั้งเครื่องดื่มก็เช่นกัน ลองเลือกเป็นน้ำสมุนไพร เช่น น้ำกระเจี๊ยบ น้ำมะตูม น้ำอัญชัน น้ำใบเตย รับรองว่าดื่มแล้วชื่นใจแถมยังเข้ากับงานแต่งไทยได้ดีทีเดียว

ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับพิธีแต่งงานไทยเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

อาฟเตอร์ปาร์ตี้ให้สนุกสุดเหวี่ยง แต่งานไม่พังทำได้ยังไง?!

หากสังเกตงานแต่งงานของใครต่อใครยุคนี้ อาฟเตอร์ปาร์ตี้ กลายเป็นส่วนประกอบสำคัญของงานที่ขาดไม่ได้ไปซะแล้ว จนเรียกได้ว่าหลังๆนี้ แขกเพื่อนๆของคู่บ่าวสาวแทบจะรอคอยโมเม้นท์ อาฟเตอร์ ปาร์ตี้ มากยิ่งกว่าช่วงอื่นของงานเสียอีก! แต่ก่อนที่จะไปเต้นกันให้มันส์หลุดโลก ว่าที่บ่าวสาว และเหล่าเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวทั้งหลายควรปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้จากเรา เพื่อป้องกันความพังที่มักจะเกิดขึ้นหลังอาฟเตอร์ปาร์ตี้ มีอะไรบ้างมาดูกัน

1. เตรียมไว้เลยจ้าแผนกเก็บศพ

มันจะต้องมีซักคนแหละนะ เพื่อนๆเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่ไม่กินเหล้าแต่ไม่เคยพลาดงาน อาฟเตอร์ ปาร์ตี้ (ไม่มาส่องสาวส่องหนุ่มก็เน้นมาแดนซ์) เพื่อนเหล่านี้ควรทำหน้าที่เป็น “แผนกเก็บศพ” ดูแลเจ้าบ่าวเจ้าสาวหรือเพื่อนที่เมาจนไม่ได้สติหลัง อาฟเตอร์ ปาร์ตี้ พากันไปส่งถึงที่โดยปลอดภัย บ่าวสาวก็อย่าลืมฝากกุญแจห้อง โทรศัพท์มือถือ และของมีค่าอื่นๆ ไว้กับเหล่าคุณเพื่อนที่ไว้ใจได้ (และจะไม่เมา) เหล่านี้ด้วยละ

อาฟเตอร์ปาร์ตี้

2. ให้แขกผู้ใหญ่กลับให้หมดก่อน

ก่อนจะเริ่มเคลียร์พื้นที่เพื่อออกสเต็ป ให้แน่ใจก่อนว่าแขกผู้ใหญ่กลับกันไปหมดแล้ว (ปกติแล้วแขกผู้ใหญ่จะอยู่ไม่ดึกมากอยู่แล้วละ) เพราะการออกสเต็ปแบบจัดเต็มต่อหน้าท่านประธานในพิธีและภรรยาคงไม่งามเป็นแน่ว่ามั้ย

3. เก็บซองให้เรียบร้อยก่อนสติจะหลุด

ข้อนี้สำคัญเว่อร์! ก่อนจะเปลี่ยนเป็นชุด อาฟเตอร์ ปาร์ตี้ เตรียมแดนซ์ คู่บ่าวสาวจงเอากล่องใส่ซองไปเก็บในที่ซึ่งปลอดภัยก่อนที่จะเมามายไม่ได้สติ ถ้าไม่ได้จัดงานในโรงแรมที่มีกล่องเซฟให้ในห้อง อาจจะฝากไว้กับญาติหรือทีมงานแพลนเนอร์ที่ไว้ใจได้ ถ้าไม่ทำตามข้อนี้ ได้สติอีกทีอาจจะเสียหายไปหลายแสนเลยนะจะบอกให้

4. บรีฟวงดนตรี หรือดีเจให้ตรงเป้าหมาย

ไหนๆ ก็จะสุดเหวี่ยงทั้งที เพลงมันต้องได้! เราแนะนำให้บ่าวสาวบรีฟวงดนตรีหรือดีเจที่จะรับหน้าที่เล่นในช่วง อาฟเตอร์ ปาร์ตี้ ว่ากลุ่มเพื่อนของเราชอบเพลงแนวไหน อายุประมาณเท่าไรกันบ้าง อยากได้เพลงไหนเป็นพิเศษก็ลิสต์ให้ไปเลย

5. หากิมมิคให้งานสนุก

เช่น ของเล่นไฟนีออนเอย ป้ายไฟเอย หรือล่าสุดที่บ่าวสาวช่างคิดคู่หนึ่งแจกรองเท้าแตะหรือรองเท้าสลิปเปอร์ให้เพื่อนๆทุกคนที่มา อาฟเตอร์ ปาร์ตี้ ได้สลัดรองเท้าส้นสูงหรือรองเท้าหนังแสนเมื่อย แล้วใส่รองเท้าแตะมาเต้นให้มันส์แบบ non-stop กันไปเลย!

6. ของกินแก้แฮงค์ที่เราแนะนำ

สุดท้ายแล้ว ตื่นเช้าวันรุ่งขึ้น หากมีอาการปวดหัวคลื่นไส้จากอาการแฮงค์ เราแนะนำให้หาข้าวต้มร้อนๆกินพร้อมยาแก้แฮงค์ น้ำผลไม้สดก็สามารถช่วยลดอาการปวดหัวจากอาการแฮงค์ได้นะ หวังว่าคำแนะนำของเราจะทำให้ค่ำคืน อาฟเตอร์ ปาร์ตี้ ของคู่บ่าวสาว เป็นค่ำคืนที่สนุกแบบไม่มีเรื่องสะดุดนะคะ

 ติดตามไอเดียและคำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับงานแต่งงานอีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย!

ขอขอบคุณรูปภาพจาก Natthaphol Photography , Pinterest

5 พฤติกรรมที่บ่าวสาวไม่ควรทำต้องลดละเลิก 1 สัปดาห์ก่อนวันแต่งงาน

ว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวหลายคนที่กำลังนับถอยหลังสู่วันสำคัญที่ใกล้เข้ามาทุกทีกรุณาเข้ามามุงด่วนค่ะ เพราะว่ารักและเป็นห่วงสาวๆของเราทุกคน ก็ วันแต่งงาน ที่สาวๆรอคอยน่ะสำคัญกับเราเหมือนกันนี่คะ วันนี้ แพรว wedding จึงลิสต์ 5 พฤติกรรมเสี่ยงทำร่างและอารมณ์พังมาฝากกันไว้ก่อน เอาเป็นว่านับถอยหลังเจ็ดวันสุดท้ายเมื่อไร จงหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเหล่านี้ให้ไกลเลยนะคะสาวๆ 😉

 

  • ไม่หลับไม่นอน

การนอนคือสิ่งสำคัญที่เจ้าสาวควรทำก่อนงานแต่งงาน การนอนมีความสำคัญและประโยชน์ในการช่วยลดน้ำหนัก อารมณ์ และความทรงจำ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับงานแต่งงาน อย่าอดหลับอดนอนจนรอยคล้ำใต้ตามาเยือนในวันสำคัญเลยนะคะ

  • ลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว

เราเข้าใจว่าเป็นเรื่องสำคัญสำหรับเจ้าสาวหลายคนสำหรับการลดน้ำหนักเพื่อความสวยงามในวันแต่งงาน แต่เป็นเรื่องยากที่จะลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วก่อนงานแต่งงาน เพราะนอกจากเป็นไปไม่ได้แล้วและยังเพิ่มความเครียดอีกด้วย ดังนั้นแทนที่จะมารีบลดน้ำหนักก่อนงานแต่งงาน ควรเริ่มหลังจากการหมั้นหรือเริ่มการเตรียมงานแต่งงานโดยการจัดตารางลดน้ำหนักและควบคุมอาหารที่จะได้ผลสำหรับตัวเองดีกว่านะคะ

  • ลืมบำรุงผิวพรรณ

การบำรุงรักษาหน้าและผิวควรทำก่อนล่วงหน้างานแต่งงานอย่างน้อยสัก 1-2 สัปดาห์เพื่อหลีกเลี่ยงรอยกระดำกระด่างหรือรองแดงของผิวในวันงานแต่งงาน เตรียมไว้แต่เนิ่นๆดีกว่าแน่นอนค่ะ

  • ทำสีผมใหม่

ถ้าต้องการเปลี่ยนสีผมควรทำก่อนงานแต่งงานสักเดือนสองเดือนเป็นอย่างน้อยนะคะ เพราะคุณเองจะได้มีเวลาแก้ไขก่อนงานแต่งงานถ้าเกิดเปลี่ยนใจไม่ชอบหรือดูไม่ใช่ขึ้นมา คุณเองก็จะได้กลับตัวทันสำหรับการเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในวันที่สำคัญที่สุด

  • ดื่มมากเกินไป

การดื่มแอลกอฮอล์ไม่ใช่แค่ทำให้ท้องอืด แต่ทำให้ผิวแห้งด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้เจ้าสาวดูซีดและแห้งไม่สดใสสวยงามสำหรับการเป็นเจ้าสาวในงานสำคัญ ดังนั้นถ้าหากอยากดื่มจริงๆ ควรรอดื่มในงานเลี้ยงงานแต่งงานไปเลยจะดีกว่า อดใจไว้หน่อยนะคะสาวๆ

ดูเรื่องราวเกี่ยวกับความสวยความงามและสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

Cr : shefinds.com, studiodizon.com

แป้งไม่ติดหน้า ปัญหายอดฮิตของเจ้าสาว เกิดจากอะไร? และแก้ไขยังไงดี?

เตรียมตัวก่อนงานแต่งงาน มักมีปัญหาให้ต้องกังวลใจหลายต่อหลายเรื่อง สำหรับเจ้าสาวคงหนีไม่พ้นปัญหาความงาม และปัญหา แป้งไม่ติดหน้า ต้องคอยเติมหน้าอยู่ตลอดเวลา ก็มักเป็นปัญหาท็อปฮิตติดอันดับต้นๆ

แป้งไม่ติดหน้า เกิดจากอะไร และจะจัดการยังไงดี เรามีคำตอบ

แป้งไม่ติดหน้า

 

สาเหตุ

  • ผิวหน้าแห้ง ลอกเป็นขุยเล็กๆ อาจเป็นทั่วใบหน้าหรือเป็นบางบริเวณ
  • พักผ่อนน้อย แพ้อากาศ ใช้ยาหรือทายาบางอย่าง อาทิ ยารักษาสิว
  • เลือกแป้ง ไม่เหมาะสม

วิธีแก้ไข

  • หาสาเหตุของหน้าแห้ง ลอก นั้นว่าเป็นชั่วคราวหรือเป็นมานานแล้ว กรณีชั่วคราว อาจเกิดจากสภาพอากาศที่ส่งผลให้ผิวหน้าเราแห้งกว่าเดิม อย่างเช่นช่วงหน้าหนาว ควรบำรุงอย่างพิถีพิถัน ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเพิ่มและกักเก็บความชุ่มชื้น กรณีที่หน้าแห้งมานานแล้ว หมายถึงเป็นคนที่มีสภาพผิวแห้ง หรือแพ้อะไรบางอย่างแบบเป็นๆหายๆ ให้หาสาเหตุการแพ้ และรักษาที่ต้นเหตุ ปัญหาแป้งไม่ติดหน้าจะค่อยๆลดลง
  • ถ้าผิวหน้าแข็งแรงแต่แป้งยังไม่ติดหน้า แนะนำให้ขัดผิวที่แห้งกร้านหรือลอกเป็นขุยออกด้วยผลิตภัณฑ์ขัดผิวชนิดน้ำ ทาทั่วใบหน้าแล้วค่อยถูออกเบาๆ ผิวจะเรียบแล้วชุ่มชื้น ลดปัญหาแป้งไม่ติดหน้าได้
  • พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำเยอะๆ วันละ 8-10 แก้วยิ่งดี น้ำคืออาหารผิวชั้นดี ผิวที่แต่งหน้าไม่ติด คือ ผิวที่ขาดความชุ่มชื้น หน้าเลยไม่ดูดเครื่องสำอางบางทีหน้าแห้ง หน้าลอกเป็นขุย แต่งไปดำๆ ด่างๆ วิธีที่ง่ายที่สุด ถูกที่สุด สะดวกที่สุด และดีที่สุด คือ การดื่มน้ำให้มากๆรับรองว่าผิวชุ่มชื้นและดูเปล่งปลั่ง แต่งหน้าง่ายแน่นอน
  • ห้ามล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นหรือน้ำร้อนโดยเด็ดขาด เพราะน้ำอุ่นหรือน้ำร้อนเป็นตัวการทำผิวหน้าแห้ง แต่งหน้าไม่ติด หน้าลอก หน้าเป็นขุย บางทีถึงขั้นคันมากก็มี สำหรับใบหน้าควรใช้น้ำเย็นล้าง เพื่อรักษาสภาพผิวหน้าให้ชุ่มชื้น แถมยังช่วยกระชับรูขุมขนได้อีก
  • ทานผัก ผลไม้ และธัญพืชให้บ่อยขึ้น อาจจะใช้เวลานาน แต่มันเวิร์ค ผลไม้มีวิตามินเยอะ โดยเฉพาะวิตามิน A และ C ที่สามารถทำให้ผิวเรามีคุณภาพและสวยขึ้นได้ง่ายๆ ส่วนธัญพืช ขอแนะนำว่าเลือกทานเป็นแบบไม่ขัดสีคุณประโยชน์และวิตามินจะสูงกว่าแบบขัดสีแล้ว
  • ในงานแต่งงานการใช้แป้งอัดแข็งผสมรองพื้นตัวเดียวอาจไม่ใช่คำตอบ ควรทารองพื้นก่อนลงแป้งฝุ่น โดยเทคนิคให้รองพื้นติดทนนานควรลงไพรเมอร์ก่อนทุกครั้ง และขอแนะนำให้เลือกเฟ้นรองพื้นดีๆที่เหมาะกับผิวเรา แล้วยื่นให้ช่างแต่งหน้าในวันงาน
  • ฉีด Fix Spray ให้ทั่วใบหน้าหลังแต่งหน้า เพื่อช่วยให้การแต่งหน้าติดคงทน

เครดิตภาพ : pinterest

ติดตามไอเดียและเทคนิคต่างๆเกี่ยวกับงานแต่งงานได้ที่ praewwedding

Must Eat! รวมลิสต์วิตามิน ที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวต้องกินก่อนถึงวันวิวาห์

แต่งงานทั้งทีเจ้าสาวอย่างเราๆ ต้องมีตัวช่วยกันซะหน่อย แต่ตัวช่วยก็มีมากมายจริงไหมคะ ถ้าจะให้ดี แพรว wedding ว่าสาวๆ ควรเลือกตัวช่วยที่จะทำให้สวยแบบยั่งยืน สวยจากภายในสู่ภายนอก ไม่ใช่สวยแค่วันเดียว ซึ่งตัวช่วยที่ว่านี้ก็คือ “วิตามิน” แล้วจะมี วิตามิน ตัวไหนบ้างที่เหมาะกับคุณ และช่วยทำให้คุณเปล่งปลั่ง เฉิดฉายทันวันวิวาห์ เพราะฉะนั้นอย่ารอช้ารีบตามไปอ่านกันเลยจ้า

  • เจ้าสาวผิวขาวใส
    ว่าที่เจ้าสาวส่วนใหญ่อยากสวยใส ออร่ากระจายในวันแต่งงานทั้งนั้น บางคนใสไม่ทันก็ต้องให้ช่างแต่งหน้าช่วยเอารองพื้นมาโบกเนื้อโบกตัว เพื่อความสวยเพอร์เฟ็กต์สมราคาชุดเจ้าสาว ซึ่งวิตามินยอดฮิตก็คือ กูลต้าไธโอน อันนี้เบอร์หนึ่งในใจใครก็คิดถึงเพราะเจ้ากลูต้าไธโอนมีส่วนช่วยยับยั้งการสังเคราะห์เมลานิน เชื่อว่าทานแล้วผิวพรรณจะแลดูขาว

นอกจากนี้ยังมี วิตามินซีที่ช่วยในการทำงานของกลูต้าไธโอนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งยังเสริมสร้างคอลลาเจนได้ด้วย แต่วิตามินที่สาวยุคนี้นิยมทานยังมี โคเอ็นไซม์คิวเท็นและสารสกัดจากเมล็ดองุ่น ซึ่งมีผลในเรื่องการต้านอนุมูลอิสระ เซราไมด์ ช่วยยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนส (เอนไซม์ที่ก่อให้เกิดการผลิตเม็ดสีผิวดำ) ปิดท้ายกันที่ผักพื้นบ้านจาก สารสกัดจากมะเขือเทศ หรือที่เรียกกันว่า ไลโคปีน ซึ่งร่างกายควรได้รับอย่างน้อย 8-16 มิลลิกรัมต่อวัน สารสกัดตัวนี้จะช่วยป้องกันรังสี UV หรือการดูดซับแสงยูวีโดยตรง ทำให้ผิวไหม้น้อยลงวิตามิน

 

  • เจ้าสาวผิวแห้ง ชุ่มชื้นได้ผิวไม่เป็นขุย
    ถึงเวลาที่บ่าวสาวรอคอย นั้นคือการเข้าห้องหอ (กุ๊กกิ๊ก งุงงิง) หากว่าทุกอย่างกำลังไปได้สวย แต่เจ้าบ่าวกลับต้องมาสะดุดกับผิวที่ลูบไปแล้ว แห้งหยาบกร้าน ลอกเป็นขุย แบบนี้เป็นใครก็หมดอารมณ์กันทั้งนั้น หนูแนนเลยขอเสนอตัวช่วยที่ร่างกายไม่สามารถผลิตได้เองนั่นคือ น้ำมันอีฟนิ่งพริ่มโรส ที่สาวๆผิวแห้งควรรับประทานเพราะจะช่วยป้องกันการสูญเสียน้ำของเซลล์ผิวหนังและทำให้ผิวกลับมาชุ่มชื่นอีกครั้ง

แนะนำกินควบคู่ไปกับ น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว ก็จะดีมากเพราะ เรียกได้ว่าสารอาหารที่จำเป็นต่อการให้ความชุ่มชื่นแก่ผิวพรรณ อีกตัวที่สำคัญไม่แพ้กันคือน้ำมันโบราจ ซึ่งเป็นพืชสมุนไพรชนิดหนึ่งที่อุดมไปด้วยกรดไขมันจำเป็นต่อร่างกายในกลุ่มของโอเมก้า 6 หรือที่รู้จักกันในชื่อ “กรดแกมมาไลโนเลนิก” จะช่วยลดอากาผิวแห้ง แตก และเป็นขุยได้ดีเลยทีเดียว
วิตามิน

 

  • เจ้าสาว30+ ต้องไม่พลาด
    พออายุมากขึ้น ริ้วรอยต่างๆ ก็มากขึ้นเช่นกัน เพราะด้วยมลภาวะรอบตัวและความเครียดของการทำงานในยุคนี้ บางทีแค่อายุขึ้นเลข 2 ริ้วรอยก็เริ่มมาแล้วนะจ๊ะ หนูแนนเลยต้องมาแนะนำวิตามินให้ว่าที่เจ้าสาวทั้งหลาย เพื่อที่วันแต่งงานแขกจะได้ไม่เข้าใจผิดว่า เป็นเจ้าสาวหรือคุณป้ากันกันแน่ อิอิ
    2 ตัวเอกที่เด็ดมากในเรื่องนี้ก็คือ คอลลาเจน ที่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นของผิว เพราะฉะนั้นร่างกายจึงจำเป็นต้องได้รับคอลลาเจนเพื่อช่วยให้ผิวแลดูอ่อนเยาว์และนุ่มนวลอยู่เสมอ ถ้าจะให้ดีงามควรต้องรับประทานคู่กับ แอสตาแซนธิน ตัวช่วยฟื้นฟูเส้นใยคอลลาเจนที่ถูกทำลายไปแล้ว รับรองว่าสาวๆ จะรู้สึกได้ว่าริ้วรอยดูจางลง ความยืดหยุ่นของผิวเพิ่มขึ้น ผิวดูเรียบเนียน ชุ่มชื้นกว่าเดิมแน่นอนวิตามิน

 

  • เจ้าสาวไร้สิว
    สิวเป็นเรื่องที่ไม่เข้าใครออกใคร จะมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แต่ถ้ามาวันสำคัญที่สุดอย่างวันแต่งงานละก็ คงไม่ดีแน่ใช่ไหมคะ อย่ากังวลไปเลยค่ะ มาจัดการกับสารพัดปัญหาสิว ด้วยสมุนไพรบ้านๆ ที่บางคนคิดไม่ถึงว่าจะช่วยได้จริงเหรอ…

สารสกัดจากใบบัวบก จัดเป็นพืชสมุนไพรที่ใช้มานานกว่า 1,000 ปี ช่วยลดและบรรเทาอาการอักเสบของผิว ป้องกันและลดการเกิดแผลเป็นหรือรอยนูนจากการเกิดสิวอักเสบ สำหรับบางคนไม่ชอบสมุนไพรและอยากได้แร่ธาตุธรรมชาติอย่าง ซิงค์ ซึ่งก็มีส่วนช่วยการควบคุมการผลิตน้ำมัน ซึ่งเป็นต้นเหตุหนึ่งในการเกิดสิว และร่างกายควรได้รับในปริมาณที่พอเหมาะคือ 15 มิลลิกรัมต่อวัน ที่สำคัญเจ้าสาวทานได้ เจ้าบ่าวทานก็ดีดี๊เช่นกันนะจ๊ะ
วิตามิน

 

  • เจ้าสาวดวงตาเปล่งประกาย
    ใครๆ ก็บอกว่าดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ จะมองตาก็ต้องมองให้ลึกลงไป จนบางทีอาจเห็นได้ชัดว่า ตาเศร้าหมองไม่สดชื่น ไม่เหมือนคนที่กำลังอยากจะแต่งงานสักนิด หนูแนนเห็นแล้วก็อดไม่ได้ เลยต้องนำสารสกัดจากดอกไม้และผลไม้มาให้รับประทานกัน นั่นคือ สารสกัดจากดอกดาวเรือง ที่มีสีเหลืองล้วนอุดมไปด้วยสารที่เรียกว่า Lutein และ Zeaxanthin ช่วยบำรุงสายตา

นอกจากนี้ยังมี สารสกัดจากบิลเบอร์รี่ ตระกูลเดียวกับบลูเบอร์รี่และแครนเบอร์รี มีสารอาหารสำคัญหลายชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อดวงตา ช่วยปกป้องอนุมูลอิสระที่มาทำลายดวงตา แถมยังช่วยลดอาการเมื่อยล้าของดวงตาอีกด้วย
วิตามิน

 

  • เจ้าสาวเล็บงามผมสวย
    เจ้าบ่าวที่กำลังจะสวมแหวนแต่งงาน คงจะตกใจอย่างมากที่เห็นเล็บมือของเจ้าสาวเหี่ยวย่น อีกทั้งผมก็ยังแห้ง ชี้ฟู หยาบกระด้างจนดูสะพรึง! หนูแนนจึงขอยกตัวช่วยด้วยวิตามินจบปิ๊งในขวดเดียวคือ แอล-ซีสเทอีน เป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่พบได้ในอาหารประเภทโปรตีน มีส่วนสำคัญในการดูแลเส้นผม ช่วยกำจัดสารพิษต่างๆ ที่มาทำลายเซลล์สำหรับการสร้างผม หรือหันมาทานอาหารที่มีโปรตีนสูงก็ช่วยได้เช่นกันวิตามิน

 

ทีนี้ก็แล้วแต่เลยค่ะ สาวๆ อยากได้ประโยชน์ด้านไหนก็เลือกทานวิตามินที่ตอบโจทย์ความต้องการ แต่อย่างไรก็ตาม ทุกครั้งก่อนจะหยิบมาจ่ายเงิน ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอนะคะ เพราะแต่ละคนมีสภาพร่างกายที่ไม่เหมือนกันไม่ควรไปซื้อรับประทานเอง เพราะวิตามินบางตัวที่ขายกันทางอินเทอร์เน็ตอาจไม่มี อย. แบบถูกต้อง (อย. ปลอม) อาจมีผลข้างเคียงจนเกิดอันตรายเกิดแน่นอน ที่สำคัญต้องดูแลตัวเองให้ดี หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำและรับประทานอาหารครบ 5 หมู่อย่างสม่ำเสมอ เพียงเท่านี้ก็ทำให้คุณกลายเป็นเจ้าสาวที่สวยและดูดีจากภายในสู่ภายนอกแล้วล่ะค่ะ

ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับความงามและสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ : girlsallaround.com, laposies.com, rawatkesehatan.com, thlive.com, novascotiaorganics.ca, healthline.com