เผยที่มาและความเชื่อเรื่อง เพื่อนเจ้าสาว สำคัญยังไงแล้วทำไมต้องมี?

เพื่อนเจ้าสาว สำคัญไฉน เหตุใดถึงต้องมี มาหาคำตอบกัน

ในงานแต่งงานนอกจากเจ้าสาวผู้หญิงที่สวยโดดเด่นที่สุดในงานแล้ว เพื่อนเจ้าสาว ก็นับได้ว่าเป็นสีสันสำคัญที่ช่วยแต่งแต้มให้งานแต่งงานดูมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น และกว่าจะกลายมาเป็นเหล่าเพื่อนเจ้าสาวแสนสวย เชื่อได้เลยว่าสาวๆ หลายคนคงผ่านการเตรียมตัวกันมาอย่างดี เรียกว่าแทบจะสวยตีคู่กับเจ้าสาว แต่ใช่ว่าเพื่อนเจ้าสาวจะมีหน้าที่แค่มายืนสวยๆ กันเท่านั้น วันนี้เราจะมาเฉลยที่มาของเพื่อนเจ้าสาวว่าทำไมต้องมีและสำคัญต่อเจ้าสาวอย่างไร

จากความเชื่อของชาวตะวันตกโบราณ เล่าสืบต่อกันมาเกี่ยวกับเรื่องเพื่อนเจ้าสาว มีความเชื่อว่าหญิงสาวที่กำลังจะแต่งงานจะเป็นที่อิจฉาริษยาของเหล่าปีศาจและวิญญาณชั่วร้ายจึงต้องมีเพื่อนเจ้าสาวที่หน้าตาละหม้ายคล้ายเจ้าสาวและแต่งตัวคล้ายเจ้าสาว เพื่อเป็นกลอุบายลวงให้ปีศาจร้ายหรือวิญญาณชั่วสับสน ว่ากันว่ายิ่งมีเพื่อนเจ้าสาวมากเท่าไหร่ตัวเจ้าสาวก็จะยิ่งปลอดภัยมากเท่านั้น

นอกจากนี้ยังมีความเชื่อเรื่องลางร้ายแล้ว หญิงสาวที่ทำหน้าที่เป็นเพื่อนเจ้าสาวยังมีความเชื่ออีกว่า หากเพื่อนเจ้าสาวคนใดสะดุดล้มในระหว่างทางเดินไปยังแท่นพิธี เพื่อนเจ้าสาวคนนั้นอาจจะไม่ได้แต่งงานตลอดชีวิต และถ้าเพื่อนเจ้าสาวคนใดทำหน้าที่เป็นเพื่อนเจ้าสาวในงานแต่งงานครบ 3 ครั้ง เพื่อนเจ้าสาวคนนั้นอาจจะต้องอยู่เป็นโสดตลอดไป ยกเว้นแต่ว่าจะได้ทำหน้าที่เป็นเพื่อนเจ้าสาวอีกจนครบ 7 ครั้ง

สำหรับคนไทยสมัยก่อน ผู้หญิงมักถูกเลี้ยงให้อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ดังนั้นเวลาที่ต้องออกงานสังคมหรือในพิธีแต่งงานของตัวเองจึงอาจเกิดอาการประหม่าเคอะเขิน การมีเพื่อนเจ้าสาวจึงช่วยให้เจ้าสาวอุ่นใจและไม่เขินอายจนเกินไป

รู้อย่างนี้แล้ว สาวๆ ที่กำลังเตรียมตัวปฏิบัติภารกิจเป็นเพื่อนเจ้าสาวก็ควรระมัดระวังกันให้มาก อย่าพลาดสะดุดล้มในงานเชียวนะคะ เพราะนอกจากจะเป็นลางร้ายแล้วยังขายหน้าอีกด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหน้าที่ที่สำคัญที่สุดของเพื่อนเจ้าสาวก็คือคอยช่วยเหลือเจ้าสาวให้ผ่านวันสำคัญที่สุดไปได้ด้วยดี

เอาล่ะ ในเมื่อรู้แล้วว่าทำไมต้องมี ถ้าอย่างนั้นมาดู คู่มือสำหรับเพื่อนเจ้าสาวมือใหม่มีหน้าที่อะไรในงานแต่งงาน กันต่อเลย

เรียบเรียงข้อมูลจาก : www.weddingsquare.com, www.dek-d.com, www.horostation.com
ภาพ : fairytalegowns.co.uk

a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a

a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a

8 ลูกไม้ชุดแต่งงานสำหรับว่าที่เจ้าสาวที่กำลังจะแต่งงานควรรู้ไว้

ลูกไม้คืออีกหนึ่งส่วนสำคัญที่มีส่วนช่วยในการตัดสินใจเลือกชุดแต่งงานของเจ้าสาว ซึ่งก่อนที่เจ้าสาวจะเลือกลูกไม้หรือชุดแต่งงานที่ชอบ แพรว wedding อยากจะบอกว่าลูกไม้สวยๆ ที่เห็นอยู่บนชุดแต่งงานแต่ละชุดนั้นแตกต่างกันนะจ๊ะ เพราะลูกไม้เหล่านั้นไม่ได้มีลักษณะหรือกรรมวิธีการทำที่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นเมื่อถึงเวลาที่เจ้าสาวจะเลือกชุดแต่งงาน ก็ต้องทราบด้วยว่า ลูกไม้ชุดแต่งงาน มีกี่แบบ และแต่ละแบบเรียกว่าอะไร หรือแบบไหนที่นิยมใช้กับชุดแต่งงาน และนี่คือ 8 ชนิดลูกไม้พร้อมความแตกต่างของแต่ละแบบ

ALENÇON LACE

ลูกไม้ชุดแต่งงาน
ภาพ sewcountrychick.com, ชุดแต่งงาน Lazaro

เป็นลูกไม้ที่มีต้นกำเนิดมาจากเมืองอาล็องซง (Alençon) ประเทศฝรั่งเศส เป็นลูกไม้แบบบางเบาที่ปักด้วยมือ ส่วนมากเป็นลวดลายดอกไม้ และต้องมีผ้าพื้นหลังเป็นตัวรองซึ่งนิยมใช้เทคนิคการปักแบบ Applique (การนำผ้าชิ้นเล็กๆ ที่ตัดเป็นรูปทรงที่ต้องการมาแปะบนผ้าชิ้นใหญ่โดยการเย็บติดด้วยมือหรือจักร) ลงบนผ้าทูลเพื่อช่วยสร้างความสวยงามที่มีเอกลักษณ์

GUIPURE LACE

ลูกไม้ชุดแต่งงาน
ภาพ dkfabrics.com.au, ชุดแต่งงาน Tara Keely

หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Venetian Lace ลูกไม้ชนิดนี้จะมีเท็กซ์เจอร์ที่แน่นกว่าลูกไม้แบบแรก และเป็นลูกไม้ที่ถักทออยู่บนผ้าผืนหนาเป็นส่วนมาก จึงไม่จำเป็นต้องมีผ้าพื้นหลังมารองเหมือนลูกไม้แบบ Alençon และมักมีลวดลายเป็นแพตเทิร์นที่เชื่อมต่อกันเป็นแถวหรือลักษณะแบบตาข่าย

EMBROIDERED LACE

ภาพ lunss.com, ชุดแต่งงาน Pronovias

เป็นลูกไม้ที่มีความละเอียดอ่อนและถูกเย็บอย่างดีเพื่อให้เกิดเป็นมิติที่สวยงามบนชุดแต่งงาน โดยใช้เทคนิคการปักแบบ Applique หรือการนำผ้าชิ้นเล็กๆ ที่ตัดเป็นรูปทรงที่ต้องการมาแปะบนผ้าชิ้นใหญ่โดยการเย็บติดด้วยมือหรือจักร

CHANTILLY LACE

ภาพ fabrics-dubai.com, ชุดแต่งงาน Kelly Faetanini

ลูกไม้ชนิดนี้เป็นที่รู้จักอย่างดีว่าเป็นผ้าลูกไม้มีโครงร่าง ลวดลาย และรายละเอียดที่สวยงามเมื่อนำมาวางบนชุดแต่งงาน โดยส่วยมากจะมีแพตเทิร์นในลักษณะเป็นวงล้อมที่ต่อกันไปเรื่อยๆ

KNIT LACE

ภาพ maggiesottero.com, ชุดแต่งงาน Pronovias

ลูกไม้ที่ดูนุ่มนวลมีผ้าทูลเป็นผ้าพื้นหลัง จึงเป็นลูกไม้ที่มีความยืดหยุ่น จึงทำให้เจ้าสาวขยับตัวและเคลื่อนไหวได้อย่างสะดวกสบายตัวภายใต้ลูกไม้ชนิดนี้

BROCADE

ภาพ housedecorinteriors.co.uk, ชุดแต่งงาน Madame Bridal

เป็นลูกไม้ที่ถูกทอไว้บนผ้าอย่างสวยงาม ส่วนมากมักทอลงบนผ้าไหมที่ไม่ใช่สีขาวมาก โดยจะมีด้านเงินหรือด้ายทองเป็นส่วนประกอบหรือไม่ก็ได้แล้วแต่ความหรูหราที่เจ้าสาวต้องการ

EYELET LACE

ภาพ weselectdresses.com, ชุดแต่งงาน Sottero and Midgley

เป็นที่มีน้ำหนักเบามักทำจากผ้าฝ้าย ลักษณะเป็นผ้าที่มีรูเล็กๆ และมักวางให้เป็นลวดลายดอกไม้ จึงทำให้ผ้าชนิดนี้ดูคล้ายกับผ้าลูกไม้นั่นเอง ผ้าชนิดนี้มักนำมาตัดเย็บเป็นชุดแต่งงานสไตล์โบฮีเมียน เพราะมีความสวยงามและรูปลักษณ์แบบวินเทจที่ช่วยให้ผู้สวมใส่ดูทันสมัยและดูมีเอกลักษณ์

POINT D’ESPRIT

เป็นผ้าลูกไม้ที่มีน้ำหนักเบาและมีจุดเล็กๆ กระจายอยู่ทั่วผืนผ้า หรือจะเรียกว่าเป็นลวดลายแบบโพลก้า ดอทก็ได้ เป็นผ้าลูกไม้อีกหนึ่งชนิดที่เหมาะกับชุดแต่งงานสไตล์โบฮีเมียน

>> ดูไอเดียเกี่ยวกับชุดแต่งงานเพิ่มเติม คลิกเลย! <<

ว้าวสุด! 4 ไอเดียให้ว่าที่บ่าวสาวใช้ภาพถ่ายพรีเวดดิ้งยังไงให้คุ้ม

บ่าวสาวชาวไทยกับภาพ ถ่ายพรีเวดดิ้ง คือของคู่กันไปซะแล้วนะคะ แต่ไม่ใช่ด้วยเหตุผลว่าตามแฟชั่นหรอกค่ะ เพียงแต่ว่านี่คือโอกาสดีที่จะถ่ายภาพแห่งความทรงจำเก็บไว้ แต่เคยคิดไหมคะ หลังจากที่ลงทุนจ้างช่างภาพมาถ่ายภาพพรีเวดดิ้งแล้ว ภาพที่ได้จะใช้ยังไงให้คุ้มเรามีไอเดียดีๆ มาฝากกัน

 

  • ถ่ายพรีเวดดิ้งกับคนในครอบครัว แล้วเอามาประดับบ้าน

พูดอีกทางคือ แทนที่คุณจะจ้างช่างภาพมาถ่ายภาพพรีเวดดิ้งแบบที่มีคุณแค่สองคน ก็เปลี่ยนมาเป็นชวนสมาชิกในครอบครัวมาร่วมถ่ายในลักษณะเป็นภาพถ่ายแนวFamily Portraitซะเลย ซึ่งก็เป็นการใช้วาระที่คุณจะแต่งงานนี่แหละเป็นโอกาสเชิญชวนให้คนในครอบครัวมาใช้เวลาด้วยกัน และภาพที่ได้ก็จะมีหลากหลาย สามารถแบ่งไปใช้ประดับในงาน ถือเป็นการแนะนำหน้าตาคนในครอบครัวให้กับแขกได้รู้จักกันโดยอ้อม ถ้ารูปไหนอยากเก็บไว้ดูแค่คนในครอบครัวก็สั่งปริ้นท์เป็นแผ่นใหญ่ๆ ใส่กรอบติดตกแต่งบ้าน

  • ถ่ายกับเพื่อนซี้ให้เป็นของขวัญ

ชวนเพื่อนซี้หรือแก๊งเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวมาร่วมถ่ายภาพพรีเวดดิ้งของคุณ แล้วจากนั้นสั่งให้ช่างภาพจัดใส่กรอบมอบให้เป็นที่ระลึกกับแต่ละคนที่มาเป็นส่วนหนึ่งในวันสำคัญของชีวิต ยิ่งถ้าคุณเลือกรูปที่ถ่ายกับแก๊งเพื่อนๆ ไปประดับในงานด้วยแล้วละก็ นอกจากจะช่วยกระชับความสัมพันธ์เพื่อนๆ แล้ว ความคึกคักของเพื่อนๆ ที่อยู่ในภาพจะช่วยสร้างสีสันให้กับงานได้ด้วยนะ

  • ถ่ายไปด้วยเที่ยวไปด้วย

ใช่แล้วค่ะ เรากำลังจะบอกว่า ไหนๆ คุณก็อยากใช้เวลาด้วยกันอยู่แล้ว และคุณก็อยากจะได้ภาพสวยๆ แล้วมาใช้ในงานแต่งงาน ทำไมไม่เอาสองเรื่องนี้มารวมกันล่ะค่ะ เดี๋ยวนี้มีช่างภาพที่รับถ่ายภาพพรีเวดดิ้งนอกสถานที่เยอะนะคะ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ข้อดีคือ คุณได้ไปเที่ยวกันสบายๆ ไม่ต้องกังวลว่าภาพที่ถ่ายจะสวยงามใช้ได้ไหม ก็ในเมื่อไปกับมืออาชีพอยู่แล้วจะกลัวอะไร

ลองถามกับช่างภาพที่คุณสนใจในฝีมือไว้นะคะว่าคิดราคายังไง หรือถ้าโชคดี ช่างภาพที่คุณเล็งไว้กำลังจะเดินทางไปต่างประเทศอยู่หรือเปล่า ถ้าปลายทางตรงกัน คุณก็แค่บินไปเจอ แบบนั้นประหยัดตังค์เยอะเลยนะคะ

  • ถ่ายกับสินค้าของตัวเองแล้วเอามาใช้ต่อยอด

เดี๋ยวนี้ใครๆ ก็เป็นเจ้าของกิจการ อีกหนึ่งความคุ้มค่าของการถ่ายภาพพรีเวดดิ้งที่เราอยากแนะนำให้ลองคุยกับช่างภาพคือ การเอาสินค้าของคุณมาถือถ่ายเป็นองค์ประกอบในภาพ เพื่อเป็นการบอกเล่าเรื่องราวของคุณทั้งคู่ เพราะบางคู่จับมือร่วมกันฟันฝ่าสร้างแบรนด์ขึ้นมากัน ทำไมไม่เอาสินค้านั้นมาไว้ในภาพถ่ายพรีเวดดิ้ง แล้วพอหลังจากใช้ในงานแต่งเสร็จแล้ว ก็เอารูปที่ว่าไปต่อยอดทำการขายต่อได้สบายๆ

แต่ขอแนะนำไว้นะคะว่า หากจะใช้ประโยชน์ในข้อนี้ ควรบอกช่างภาพที่จ้างไว้ก่อน จะได้ไม่หมางใจกันทีหลังนะคะ

>> อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับการแต่งงานและดูไอเดียเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย <<

สารพัดเหตุและผลที่หลายๆ คนตัดสินใจเชิญแฟนเก่ามางานแต่ง

จะ เชิญแฟนเก่ามางานแต่ง ดีไหม คือคำถามที่ไม่ว่าจะเป็นว่าที่เจ้าบ่าวหรือว่าที่เจ้าสาวก็แอบคิดในใจกันอยู่เหมือนกัน แพรว wedding ก็เลยจัดมาให้ เหตุผลที่หลายคนตัดสินใจร่อนการ์ดเชิญไปถึงมือแฟนเก่า มาดูกันค่ะว่า เหตุผลทั้งหลายนั้นมีอะไรบ้าง จะตรงกับใจคุณไหม ไปดูกันค่ะ

เรื่องมันผ่านแล้ว แถมเคลียร์ลงตัว

เพราะมีความรู้สึกแบบนี้จริงๆ ไม่คิดอะไร ผ่านแล้วผ่านไป จบแล้วจบเลย เคลียร์กันอย่างสบายใจมาแล้วทั้งสองฝ่ายอะไรแบบนั้น จึงสบายใจที่จะร่อนการ์ดเชิญแบบคนที่ไม่มีอะไรต่อกัน เพียงแต่ คำถามว่า เห้ย…เชิญแฟนเก่ามาด้วยเหรอ เป็นเพราะแขกที่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของคุณทั้งคู่ไม่เคยรู้ว่าคุณเคลียร์จบไปแล้ว มันก็แค่นั้นเอง ส่วนคุณน่ะเหรอ สบายๆ กอดคอถ่ายรูปยังได้

ถือโอกาสพบหน้าเพื่อบอกลา (ความสัมพันธ์) เป็นครั้งสุดท้าย

เหตุผลนี้อาจเกิดขึ้นได้กับคนที่ตั้งแต่เลิกราก็ไม่พบหน้าหรือไม่ค่อยได้เจอหน้ากัน ซึ่งแพรว wedding ไม่ขอฟันธงว่าคุณยังมีเยื่อใยทางความรู้สึกอยู่ไหม เพียงแต่อาจลังเลว่าสามารถเผชิญหน้ากับแฟนเก่าได้จริงไหม แต่ถามว่ายังรู้สึกเหมือนไหมก็ตอบตัวเองได้ว่า ไม่เหมือนเดิมคือไม่ได้รักไม่ได้ชอบ แค่รู้สึกดีที่เคยมีกันและกันในครั้งหนึ่งของชีวิต ถ้างั้นก็ถือโอกาสนี้ แสดงความเป็นเพื่อน เชิญมาเจอหน้าโดยมีตัวจริงอยู่ข้างๆ และบอกให้รู้ว่าต่อไปนี้ เราไม่มีอะไรต่อกันอย่างแน่นอนแล้วนะ

 แสดงความบริสุทธิ์ใจให้แฟนใหม่รู้

การเชิญแฟนเก่าในบางครั้งคืออยากแสดงความบริสุทธิ์ใจให้กับแฟนใหม่ได้สบายใจว่า คุณไม่ได้คิดอะไรกับคนเก่าแล้วจริงๆ จึงสามารถเชิญมาร่วมงานได้ในฐานะคนรู้จักกัน และเป็นการเชิญเพื่อย้ำกับคนที่แต่งงานด้วยว่า คุณเลือกเขาเป็นคนสุดท้ายของชีวิต และเชิญคนเก่ามาให้เห็นความสุขของคุณกับตาตัวเองว่า นี่ไงคนที่จะใช้ชีวิตบั้นปลายร่วมกัน ซึ่งบางคนมองว่า เป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจและให้เกียรติแฟนใหม่อย่างหนึ่ง เพราะเชิญตรงๆ ไม่มีปกปิดใดๆ

เหตุผลที่แพรว wedding สรุปมาให้ จะตรงกับชีวิตของใครบ้างก็ตาม แต่คำแนะนำที่เราขอทิ้งท้ายไว้ก็คือ ไม่ว่าคุณอยากจะเชิญแฟนเก่ามาด้วยเหตุผลใดก็ตาม อย่าลืมถามความรู้สึกของคนที่คุณจะแต่งงานด้วยนะคะว่า เขาอยากให้คุณเชิญคนๆ นั้นมาร่วมงานไหม เพราะบางที แม้คุณมีเหตุผลที่คิดว่าดี แต่ความรู้สึกลึกๆ ของอีกฝ่ายก็ควรมีน้ำหนักมาเกี่ยวในการตัดสินใจนั้นด้วยนะคะ

อ่านบทความเพิ่มเติม

เช็กด่วนก่อนซื้อเตียง! หัวเตียงแบบไหนช่วยเสริมรักให้รุ่ง ไม่พุ่งลงเหว

วางแผนให้เป๊ะตามนี้ พร้อมข้อควรรู้ก่อนคิดวางเงินเตรียมซื้อเรือนหอ

https://praewwedding.com/love-and-relationships/sex-and-relationship/43310

เรื่อง : ดอกปีบ
ภาพ : huffingtonpost

เช็กด่วนก่อนซื้อเตียง! หัวเตียงแบบไหนช่วยเสริมรักให้รุ่ง ไม่พุ่งลงเหว

เรื่องบนเตียงใครๆ ก็รู้ว่าสำคัญ แต่รู้หรือไม่ว่าที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือเรื่องของ หัวเตียง อ่ะๆ อย่าเพิ่งคิดไปไกลให้งงกันค่ะ เพราะเรากำลังจะบอกว่า หัวเตียงที่สวยและดูดีนั้นนอกจากจะทำให้ห้องนอนดูเก๋ไก๋แล้ว ยังช่วย เสริมรักให้รุ่ง หรือดิ่งลงเหวได้เหมือนกันนะคะ เแพรวเวดดิ้งเลยจัดหัวเตียง 4 สไตล์ยอดฮิตมาฝากให้บรรดาคู่รักได้เช็กกันว่า แบบนี้รักจะรุ่งหรือจะร่วง!!
หัวเตียง

  • หัวเตียงบิวด์อิน หัวเตียงที่ยึดเอาผนังเป็นสรณะ อาจจะสร้างต่อเติมออกมาจากผนัง หรือใช้วัสดุอื่นๆ อย่างไม้ ผ้า หรือเหล็กแปะไว้กับฝาผนังเหนือเตียง ให้อารมณ์เท่ๆ คูลๆ แบบบ้านสมัยใหม่

หัวเตียง

  • หัวเตียงทึบ หัวเตียงแบบนี้เห็นได้บ่อยๆ มีทั้งแบบเป็นแผ่นไม้หรือวัสดุอื่นๆ ขนาดใหญ่ให้ความรู้สึกเรียบขรึม กับอีกแบบที่เห็นจนชินตาคือแบบบุนวมที่ให้อารมณ์อลังการพระราชวังแวร์ซายน์ฝุดๆ และยิ่งเพิ่มความตระการตาด้วยผ้าสักหลาด นี่ล่ะใช่เลย ห้องนอนที่แสนหรูหรา

ซึ่งสำหรับหัวเตียงบิวด์อิน และหัวเตียงทึบนั้น การเลือกวัสดุเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งศาสตร์ทางฮวงจุ้ยบอกว่าควรเลือกวัสดุที่แข็งแรงอย่างไม้เพื่อเสริมความรักให้แข็งแกร่งและมั่นคง แต่อย่าเพิ่งโละหัวเตียงบุนวมทิ้งนะคะ เพราะนั่นน่ะคือความอ่อนโยนและจะกลายเป็นที่พักสมองหลังเจอเรื่องวุ่นๆ มาทั้งวัน ส่วนวัสดุต้องห้ามคือโลหะ เพราะจะสะท้อนและเป็นสื่อไฟฟ้าของเครื่องใช้ไฟฟ้าในห้องทำให้เจ็บป่วยได้ง่าย

หัวเตียง

  • หัวเตียงลายฉลุ หัวเตียงยอดนิยมที่มักเห็นได้บ่อยๆ ไม่ว่าจะไม้ฉลุ เหล็กฉลุ ที่ปลอดโปร่งมองเห็นผนังที่ซ้อนอยู่ด้านหลัง ให้ความรู้สึกเข้มแข็ง นิ่งสงบ แต่ก็อ่อนหวานแช่มช้อยอยู่ในที แต่หัวเตียงสไตล์นี้ค่อนข้างเป็นอันตรายกับความสัมพันธ์ เพราะเชื่อกันว่าคู่รักที่เลือกใช้หัวเตียงแบบนี้จะทำให้รักไม่ราบรื่น

หัวเตียง

  • หัวเตียงแบบวางของได้  เป็นหัวเตียงที่เน้นฟังค์ชั่นการใช้งาน เหมาะสำหรับชาวคอนโดที่พื้นที่มีไม่มาก จึงต้องใช้สอยทุกพื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด แต่ถ้าเลี่ยงได้เราก็อยากแนะนำว่าอย่านำอะไรไปวางไว้บนหัวเตียง เพราะจะทำให้รักนี้เต็มไปด้วยปัญหาอีรุงตุงนัง แต่ถ้าอยากวางจริงๆ ลองเป็นหนังสือสักเล่มสองเล่ม กับสัญลักษณ์ที่สื่อถึงความเป็นคู่ก็ได้นะคะ จะได้ถือว่าแก้เคล็ด

ปิดท้ายด้วยเรื่องที่ตั้ง อันเตียงนั้นมีตำแหน่งที่ไม่ควรตั้งอยู่ ที่แรกคือใต้คานเปลือย เชื่อกันว่าจะทำให้รู้สึกกดดันนอนหลับไม่สบาย ที่ห้ามต่อไปคือหัวเตียงชนหน้าต่าง เพราะว่ากันว่าจะมีพลังจากภายนอกเข้ามาและทำให้เลิกกันได้ง่ายๆ

อ่านบทความเพิ่มเติม

สารพัดเรื่องที่บุพการีและญาติผู้ใหญ่ควรรู้เมื่อลูกหลานจะแต่งงาน

5 คำถามที่คู่รักค้องเช็กความพร้อมกันให้ดีก่อนตัดสินใจวางแผนมีลูก

https://praewwedding.com/love-and-relationships/sex-and-relationship/64823

ภาพ Pinterest

วางแผนให้เป๊ะตามนี้ พร้อมข้อควรรู้ก่อนคิดวางเงินเตรียมซื้อเรือนหอ

“เรือนหอ” สิ่งสำคัญสำหรับการเริ่มต้นชีวิตคู่ หลายคนคิดไว้ว่าเมื่อแต่งงานแล้วจะออกไปสร้างครอบครัวเล็กๆ อบอุ่นๆ และได้ใช้เวลาสวีทหวานกับคนรักแบบไม่ต้องเขินอายคนในครอบครัว จึงเริ่มมองหารังรักหลังใหม่ที่มีแต่เราสองคน แต่อย่าลืมนะคะว่าการ ซื้อเรือนหอ หรือมองหาบ้านสักหลังไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะนอกจากจะมีราคาแพงแสนแพงแล้ว ยังมีอีกหลายเรื่องที่คุณควรรู้ก่อนตัดสินใจวางเงินก้อนโตด้วยนะ

1. บ้านแบบไหนที่คุณต้องการ

สิ่งที่คุณควรคิดก็คือ “คุณอยากจะอยู่บ้านแบบไหน?”  ลองปรึกษากับหวานใจดูว่า บ้านแบบไหนที่คุณทั้งคู่พึงพอใจ บ้านชั้นเดียวหรือสองชั้น มีกี่ห้อง แบ่งห้องสำหรับเจ้าตัวเล็กในอนาคตอย่างไร จะมีสนามหญ้าให้เด็กๆ วิ่งเล่นหรือไม่ จากนั้นให้ลองลิสต์เป็นรายการออกมาว่าบ้านที่ต้องการควรมีลักษะแบบนี้ รูปร่างหน้าตาแบบนี้ ฟังก์ชั่นของบ้านที่คุณต้องการมีอะไรบ้าง ซึ่งวิธีนี้แหละที่จะทำให้การมองหาบ้านของคุณง่ายขึ้น

2. ดูทำเลที่เหมาะสม

คู่รักบางคู่ต้องการบ้านเดี่ยวแถบชานเมืองที่สงบ บางคู่ต้องการบ้านที่อยู่ใกล้กับบ้านพ่อแม่ บางคู่ต้องการบ้านที่อยู่ใกล้สถานที่ทำงาน เดินทางสะดวกและติดรถไฟฟ้า มีสถานที่สำคัญๆ อย่างเช่น โรงเรียน โรงพยาบาล หรือห้างสรรพสินค้าในละแวกใกล้เคียงหรือไม่ รวมถึงบางคนที่คิดทำธุรกิจหรือค้าขายก็อาจเลือกบ้านที่อยู่ติดถนนและใกล้แหล่งชุมชน เพราะฉะนั้นนอกจากแบบบ้านที่อยากอยู่แล้ว ก็ควรคิดให้รอบคอบในเรื่องสภาพแวดล้อมและความสะดวกสบายในการเดินทางด้วย

3. ตั้งงบประมาณ และราคาที่คุณเอื้อมถึง

กาดอกจันข้อนี้ไว้ตัวโตๆ เลยนะคะ เพราะมันสำคัญมากกก! ลองดูสิว่าคุณมีเงินที่สามารถใช้ซื้อบ้านได้เท่าไหร่ บางคนอาจต้องลดสเป็กบ้านที่ตั้งไว้เพื่อให้สอดคล้องกับเงินในกระเป๋า วางดาวน์เท่าไหร่แล้วคุณจะไม่ลำบาก มีศักยภาพพอที่จะกู้ธนาคารหรือไม่ ซึ่งถ้าเป็นอย่างหลังแนะนำให้ปรึกษาธนาคารก่อนก็ได้ค่ะว่า เงินเดือนคุณประมาณนี้ มีรายจ่ายต่อเดือนเท่านี้ จะสามารถซื้อบ้านในราคาเท่าไหร่ได้บ้าง รับรองว่าคุณจะได้ข้อมูลที่ไม่เคยรู้อีกเยอะ และไม่ลำบากตอนผ่อนด้วยนะ ลองดู!

4. ดูให้แน่ใจว่าคุณยังเหลือเงินเก็บ

อย่างที่รู้ๆ กันว่าบ้านเป็นสินทรัพย์ที่มีราคาแพงมากๆ เพราะฉะนั้นอย่าใช้เงินเก็บทั้งหมดที่มีในชีวิตไปกับบ้านเด็ดขาด เพราะหากมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น คุณจะได้มีเงินเก็บไว้ใช้จ่ายในสถานการณ์นั้นๆ แนะนำว่าคุณควรจะมีเงินสำรองเก็บไว้เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายอย่างน้อย 9 เดือน และควรแยกออกมาจากบัญชีเงินอื่นๆ ด้วยนะ

5. เตรียมเงิน เตรียมใจสำหรับเรื่องจิปาถะไว้ด้วย

การซื้อบ้านไม่ใช่ว่าจ่ายเงินทีเดียวแล้วก็จบกันนะคะ เพราะว่าคุณก็จะต้องมีค่าโอน ค่าตกแต่ง ค่าดูแลซ่อมบำรุง และค่าใช้จ่ายจุกจิกอีกมากมาย เพราะฉะนั้น เตรียมเงิน เตรียมตัว เตรียมใจ รับมือกับค่าใช้จ่ายที่จะงอกตามมาทีหลังไว้ด้วยเน้อ

6. อยู่บ้านเก่าหรือเช่าไปก่อน

สุดท้ายนี้ถ้ากายพร้อม ใจพร้อม แต่เงินไม่พร้อม ก็ยังไม่ต้องรีบหาภาระหนักๆ มาใส่ตัวนะคะ ลองจับเข่าคุยกับคนรักว่าตอนนี้สถานะการเงินเป็นอย่างไร ไม่พร้อมตรงไหน แล้วลองเลือกดูว่าจะอยู่ที่บ้านเดิมที่มีอยู่ อยู่กับพ่อแม่เป็นครอบครัวใหญ่ หรือจะย้ายออกไปเช่าอยู่เพื่อความเป็นส่วนตัว แบบนี้ต้องตกลงกันให้ดี จากนั้นค่อยเก็บหอมรอมริบ เชื่อว่าถ้าตั้งใจจริงแล้ว บ้านหลังที่ฝันก็ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอน

6 ข้อพื้นฐานที่เรานำมาฝากสำหรับคนที่คิดกำลังจะซื้อหรือจะสร้างเรือนหอหลังใหม่ ลองดูสิว่า คุณตอบคำถามทั้ง 6 ข้อนี้ได้หรือไม่ แล้วคุณพร้อมหรือยังที่จะซื้อบ้านสักหลัง อย่าลืมที่จะหาข้อมูลและคิดให้รอบคอบ บ้านที่ได้มาจะได้คุ้มค่ากับเงินที่เสียไปนะคะ

อ่านบทความเพิ่มเติม

10 สิ่งห้ามทำเมื่อทะเลาะกับแฟน สติหลุดแค่ไหนต้องประคองให้อยู่

คิดจะแต่งงานกันทั้งที 5 เรื่องต่อไปนี้ต้องคุยกันให้ดีก่อนแต่งงาน

https://praewwedding.com/love-and-relationships/sex-and-relationship/58872

ข้อมูล : www.brides.com, www.bankumka.com
ภาพ : www.decohubs.com

จำเป็นหรือไม่ที่ต้องมีแหวนแต่งงานสำรองเอาไว้อีกหนึ่งวง? มาดูคำตอบกัน

แม้ว่าแต่ดั้งเดิมประเพณีการสวม แหวนแต่งงาน ของคนไทยคือ สวมให้เจ้าสาวแค่ฝ่ายเดียว ก่อนจะรับวัฒนธรรมมาจากชาติตะวันตกเรื่องการแลกแหวน แหวนก็เลยเพิ่มมาอีกวง จากนั้นก็มีมาเพิ่มอีก เมื่อได้รู้ว่า แหวนที่ขอแต่งงานคือแหวนหมั้น แหวนที่ใส่แต่งงานเป็นอีกวง ทีนี้คนไทยเลยมีแหวนแต่งงานเยอะแยะไปหมด แต่ตอนนี้แหวนแต่งงานกำลังจะมีเพิ่มอีกแล้วนะคะ เป็นแหวนแต่งงานที่เรียกว่า เป็นแหวนสำรองยังไงละคะ เจ้าแหวนนี้สำคัญไหม ต้องมีไหม แพรวเวดดิ้งกำลังจะเล่าสู่กันฟังค่ะ

 

เพราะแบบนี้จึงต้องมีแหวนสำรอง

ปกติแล้วแหวนที่แลกในวันพิธีก็จะใส่ติดนิ้วกันใช่ไหมคะ แต่หลายคู่ค่ะ ที่ประสบปัญหาว่าแหวนหาย แหวนชำรุด หรือแม้แต่เวลาต้องเดินทางไปไหนต่อไหนไกลไปก็ไม่อยากเอาแหวนวงจริงที่มีมูลค่าสูงใส่ติดตัวไปด้วย เจ้าแหวนสำรองนี้จึงเกิดขึ้นมา ซึ่งจะมีไม่มีก็แล้วแต่คู่นะคะ ไม่มีใครว่าผิดหรือไม่ทันสมัย

แหวนสำรองต้องเหมือนแหวนจริงเป๊ะไหม

ส่วนใหญ่แล้วดีไซน์เหมือน (คงเพราะไม่ต้องออกแบบใหม่ และให้ความรู้สึกเหมือนใส่แหวนจริงๆอยู่) แต่วัสดุเปลี่ยนไป จากที่วงจริงทำจากทองคำขาวก็จะเปลี่ยนมาเป็นวัสดุอื่นๆ จะเป็นเงิน แพลตตินัม โรเดียม อะไรก็ว่าไป แต่ภาพรวมคือ มูลค่าน้อยกว่า และไม่นิยมใส่เพชรจริงลงไป ส่วนใหญ่ก็ใช้เพชร CZ หรือคริสตัลลงไปแทน งานดีไซน์อื่นๆ ถ้าไม่ซับซ้อนมากแบบว่าแกะสลักลวดลายสุดพิเศษ ส่วนใหญ่ก็จะยึดแบบเดิมค่ะ

ส่วนที่ยังคงไว้กันมากที่สุดก็คือ การสลักนั่นนี่ลงในตัวแหวนสำรอง ส่วนใหญ่ยังคงสลักเหมือนแหวนแต่งงานจริงๆ พวกวันที่แต่งงาน ตัวย่อชื่อบ่าวสาว หรือคำแทนใจของเราสอง ก็ทำไมละค่ะ เหตุเพราะมันคือแหวนแต่งงานของเราสอง ทำไมต้องเปลี่ยนข้อความหรือไม่ใส่ข้อความเหมือนกันลงไป เวลาใส่จะได้นึกถึงอีกคนที่อยู่ไกล

พอได้ไอเดียของแหวนสำรองกันบ้างแล้วใช่ไหมคะ ส่วนจะมีหรือไม่มี ก็อยู่ที่คุณทั้งคู่แล้วค่ะว่า ไลฟ์สไตล์ที่เป็นอยู่ควรมีแหวนสำรองไว้หรือเปล่า บางคู่ไม่ใส่สายชอบใส่เครื่องประดับ จึงมีสิทธิ์ที่แหวนแต่งงานจะเป็นสิ่งแปลกใหม่จนไม่คุ้นชิน อาจมีการวางลืมหรือทำหล่นหายอยู่บ่อยๆ แม้บางคนจะบอกว่านั่นแหวนแต่งงานเชียวนะก็เถอะ ก็คนไม่นิยมใส่ จะให้บังคับยังไงต้องใช้เวลา

ไม่ว่าคุณจะมีแหวนแต่งงานหรือไม่มี ไม่สำคัญเท่ากับสิ่งที่คุณรู้สึกและแสดงออกมาหรอกค่ะ เพราะมีหลายคู่ที่แม้จะไม่มีแหวนแต่งงานก็รักกันยืดยาว ตรงข้ามกับบางคู่ที่ทำแหวนให้ใหม่กี่รอบ หรือใส่ติดนิ้วทุกวันก็ยังเลิกรากันได้ ของแบบนี้คือเรื่องภายนอก ใส่แล้วรู้สึกดีก็ใส่เถอะค่ะ ถือว่าเป็นเครื่องเตือนใจว่าแต่งงานแล้ว แต่อย่าลืมเด็ดขาดว่า ความรู้สึกต่างหากที่สำคัญ

>> ดูแบบแหวนแต่งงานและเครื่องประดับเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย <<

รู้ก่อนแก้ก่อน 7 เหตุสร้างความปั่นป่วนปัญหาเรื่องเงินที่คู่รักต้องระวัง

หนึ่งในปัญหาสุดฮิตที่แทบทุกคู่รักต้องเผชิญคงหนีไม่พ้น ปัญหาเรื่องเงิน ต่อให้คุณจะตกลงกันว่าแต่งแล้วแยกกระเป๋าใครกระเป๋ามัน หรือรวมเงินไว้กองกลางก็ยังไม่วายเกิดปัญหาจนได้ แต่สาเหตุของปัญหาเรื่องเงินๆ ทองๆ จะมีอะไรบ้าง ตั้งสติแล้วเริ่มอ่านกันเลยค่ะ

1. เอาแต่ใช้ไม่เคยเก็บ

ถ้าเกิดคุณทั้งคู่เป็นคนที่มีเงินเท่าไหร่ก็ใช้หมดเรียบ แบบนี้จะไม่เกิดปัญหาได้อย่างไร หากมีเหตุฉุกเฉินจำเป็นต้องใช้เงิน แต่ไม่มีเงินเก็บไว้สำรองจ่ายแบบนี้แหละจะทำให้คู่ของคุณทะเลาะกัน

2. รูปแบบการใช้เงินที่ต่างกัน

รูปแบบการใช้เงินที่ต่างกันไม่ได้หมายความว่าคนหนึ่งสุรุ่ยสุร่ายและอีกคนขี้เหนียวมาก จะทะเลาะกันอย่างเดียว เพราะคู่รักบางคู่ที่เป็นมนุษย์ประหยัดก็มีสิทธิไม่ลงรอยได้เช่นกัน เนื่องจากคนหนึ่งประหยัดไปซะทุกอย่างสิบบาทยี่สิบบาทก็ประหยัด แต่อีกคนรู้จักประหยัดให้ถูกเรื่อง แค่นี้ถ้าคุณคุยกันไม่ลงตัวก็ทำให้มีปากเสียงกันได้

3. ยืมไปทั่วมั่วให้ยืม

การยืมเงินหรือการให้คนในครอบครัวยืมไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ พี่ น้อง ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ถ้ายืมแล้วไม่คืนตามที่ตกลงกันไว้ ความเดือดเนื้อร้อนใจจะย้อนกลับมาทำให้คุณทั้งคู่ทะเลาะกันเอง เพราะฉะนั้นก่อนที่จะให้ใครหยิบยืมเงินก็ต้องคิดให้รอบคอบว่ามันจะกระทบต่อความสัมพันธ์หรือไม่ และที่สำคัญต้องเจรจากันให้ชัดเจนจะได้ไม่ต้องทะเลาะกันทีหลัง

4. นิสัยชอบซุก ชอบหงุบหงิบ

ความซื่อสัตย์เป็นพื้นฐานที่สำคัญของชีวิตคู่ ถ้าแอบมีอะไรลับลมคมนัย แอบซื้อนุ้นซื้อนี่แล้วไม่บอกอีกฝ่าย หรือบางรายที่ร้ายกาจสุดๆ จะซื้ออะไรบอกทุกอย่างแต่ราคาเนี่ยคิดเอง บางคนตัดปัญหาด้วยการหงุบหงิบเงินไว้ซะเลย อยากซื้ออะไรหรือจะไปไหนไม่ต้องขอไม่ได้ต้องบอก แต่ !! ความลับไม่มีในโลกนะจ๊ะ ถ้าโดนจับได้ขึ้นมามีหวังโลกแตกแน่นอนค่ะ

5. เก็บงำปัญหา

ปัญหาไม่ได้มีไว้แบกคนเดียวนะ ไม่ว่าจะเป็นหมุนเงินไม่ทัน ครอบครัวจำเป็นต้องใช้เงิน ถ้าคุณไม่ปรึกษาคู่รักของคุณเพียงเพราะไม่อยากมีปัญหาไม่อยากทะเลาะและเลือกที่จะแก้ปัญหาด้วยโดยการกู้หนี้ยืมสิน นั่นเป็นวิธีที่ไม่ถูกต้องเลยค่ะ เพราะมันจะยิ่งทำให้เรื่องบานปลายและทำให้ทะเลาะกันหนักกว่าเดิม ทางที่ดีปรึกษาหาทางออกร่วมกันน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดนะคะ

6. หนี้พนัน

การมีหนี้สินนำมาซึ่งความเครียดโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากติดหนี้พนัน และไม่มีสามารถที่จะจ่ายหนี้นั้นๆ ได้ทำให้คู่รักหลายคู่ทะเลาะจนส่งผลให้เลิกรากันมานักต่อนัก แต่ถ้ามันเกิดขึ้นแล้วคนสองคนควรคุยกันปรึกษาและหาทางออกร่วมกัน ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดหนี้ ใครติดพนันให้เลิกขาด แต่ทางที่ดีไม่ยุ่งเกี่ยวกับการพนันจะดีกว่านะจ๊ะ

7. เงินสำคัญกว่าความรัก

ใครคิดว่าการใช้ชีวิตคู่จำเป็นต้องมีเงินเป็นตัวแปรหลัก ขอบอกเลยว่าคิดผิดนะจ๊ะ บางคู่ให้ความสำคัญกับเงินเกินไปจนเป็นเหตุให้ต้องเลิกราจากกัน หรือวันนี้คุณรักเขาเพราะเขามีเงิน แต่ถ้าวันใดเขาไม่มีเงินจุนเจือคุณจะโกรธและบอกเลิกเขาอย่างนั้นหรือ? แบบนี้ก็คงไม่ได้เรียกว่าความรัก แต่คงเป็นความเห็นแก่เงินเสียมากกว่า สุดท้ายก็ไปกันไม่รอดอยู่ดี

ตอนนี้เราก็รู้กันแล้วนะคะ ว่า 7 ประเด็นไหนบ้างที่ทำให้คู่รักทะเลาะกันเพราะเรื่องเงิน เราหวังว่าสิ่งเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นกับคู่ของคุณนะคะ หรือถ้าหากเกิดไปแล้วก็สามารถแก้ไขได้โดยการปรับมุมมองเกี่ยวกับการใช้เงินของคุณและคนรักให้อยู่ในทิศทางเดียวกัน แล้วเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ จะไม่กลายเป็นปัญหาระหว่างพวกคุณอีกต่อไป

อ่านบทความเพิ่มเติม

วางแผนให้เป๊ะตามนี้ พร้อมข้อควรรู้ก่อนคิดวางเงินเตรียมซื้อเรือนหอ

เปลี่ยนด่วน! 4 นิสัยเห็นแก่ตัว ที่คุณหรือคนรักอาจเผลอทำที่ส่อเค้าทำรักพังไม่รู้ตัว

https://praewwedding.com/love-and-relationships/sex-and-relationship/21397

ภาพจาก : mikeandsusandawson.com

4 เคล็ดลับซ่อนพุงให้อยู่หมัดในชุดแต่งงานชุดเดียวอวบแค่ไหนก็รอด

สาวอวบสาวอ้วนหรือแม้แต่สาวตัวผอมแต่พุงป้องที่มีความต้องการอยากใส่ ชุดแต่งงาน ให้สวยซ่อนพุงให้มิดชิดไม่ใช่เรื่องยาก เคล็ดลับที่เรากำลังจะบอกคุณต่อไปนี้ รับรองได้ว่า คุณไม่ต้องลำบากมาลดน้ำหนักให้หน้าโทรม ไม่ต้องโหมออกกำลังกายทั้งที่ไม่เคยทำมา แถมยังกินอาหารอร่อยๆ ที่ชอบได้แบบไม่ต้องคอยเบรค

ใส่แล้วดูดี กับเคล็ดลับซ่อนพุงใน ชุดแต่งงาน

แพรวเวดดิ้งมี 4 เคล็ดลับช่วยพรางพุงให้กับเจ้าสาวที่ Enjoy Eating โดยไร้ความกังวลว่าใส่ชุดแต่งงานแล้วจะไม่สวย หน้าท้องน้อยๆ จะนูนออกมานิดหน่อยจนเสียความมั่นใจ ลองทำตาม 4 วิธีนี้ อาจไม่ช่วยให้พุงหายไป แต่รับรองว่าจะพรางสายตาให้คุณสวยและเฉิดฉายในวันสำคัญ

ชุดแต่งงาน

เคล็ดลับที่ 1

เลือกชุดเจ้าสาวที่มีเข็มขัดคาด เพื่อให้เข็มขัดนั้นช่วยทำให้คุณดูมีเอว มีความโค้งเว้าแม้จะไม่ถึงกับเป็นเอวเอสหรือคอดเล็กแบบเอวนาฬิกาทราย แต่คุณจะอวบอิ่มในแบบที่ยังเป็นคุณ แต่เพิ่มเติมคือรูปร่างอวบแบบสมส่วนและมีทรวดทรงขึ้นมาด้วยเข็มขัดเส้นเดียว ข้อควรระวังมีเพียงอย่างเดียวคือการเลือกขนาดความกว้างของเข็มขัด ต้องกำลังพอดีกับส่วนสูงของคุณ ไม่ใช่เส้นเล็กจิ๋วจนหายไปกับเอวหรือใหญ่หนาเกินไปจนเป็นคืบ และเมื่อคาดเข้าเอวเมื่อไหร่ ก็ต้องไม่คาดจนแน่นเกินเหตุ ประเดี๋ยวดูจงใจรัดเอวจนเกินจำเป็น

ชุดแต่งงาน

เคล็ดลับที่ 2

ถ้าอยากพรางพุงอย่าล่อเป้าด้วยชุดเจ้าสาวเข้ารูปอย่างชุดเมอร์เมดโดยเด็ดขาด ขอให้เลือกชุดเจ้าสาวพรางพุงแบบเนียนๆ นั่นคือทรงเอ็มไพร์ที่โดดเด่นที่การรัดใต้อกแล้วทิ้งช่วงล่างลงมาจรดข้อเท้า หรืออาจเลือกทรงเอไลน์ที่ทรงกระโปรงบานออกแต่ไม่บานเกินไปถึงขนาดทรงเจ้าหญิง และสองทรงนี้ยังช่วยทำให้คุณดูชลูด ไม่ออกข้าง เรียกได้ว่าปลอดภัยทั้งความกว้างและความยาวในภาพรวม

ชุดแต่งงาน

เคล็ดลับที่ 3

เลือกชุดที่มีขนาดพอดีกับรูปร่างจริงๆ เพราะบางคนคิดว่าคนอวบอ้วนมีพุงต้องใส่ชุดเล็กๆ จะได้ช่วยรัดเนื้อหนังมังสาให้ดูกระชับขึ้น หากเลือกชุดแบบพอดีตัวเกินไป สิ่งที่เกิดขึ้นคือความอึดอัด ไม่พอดีตัว จะขยับไปไหนก็ลำบาก ฉะนั้นอย่าให้ขนาดชุดเล็กๆ มาสร้างความไม่สบายตัวให้คุณในทุกย่างก้าวเด็ดขาด

ชุดแต่งงาน

เคล็ดลับที่ 4

หลีกเลี่ยงชุดแต่งงานที่ทำจากผ้าที่มีความหนาและมีความมันวาว ยิ่งมากับสีขาวสว่างตาสุดๆ ยิ่งต้องห้ามคิดถึงเด็ดขาด เพราะจะยิ่งทำให้ภาพรวมของคุณดูอวบขึ้นแบบบวกๆ โดยเฉพาะตรงพุงที่อยากซ่อนให้มิด จะกลายเป็นจุดเด่นโดดเด้งมาสะดุดตาได้ง่ายขึ้น ทางที่ดีใช้สีงาช้าง สีขาวนวลๆ เพื่อให้มิติสีช่วยพรางตาจะดีกว่า

ลองนำเคล็ดลับทั้ง 4 ข้อนี้ไปใช้ในการตัดสินใจเลือกชุดเจ้าสาวดูนะคะ รับรองได้ว่า คุณจะซ่อนพุงได้มิดโดยไม่ต้องเหนื่อยวางตารางออกกำลังจนท้อใจอย่างแน่อน

>> ดูแบบชุดแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย <<

เปลี่ยนด่วน! 4 นิสัยเห็นแก่ตัว ที่คุณหรือคนรักอาจเผลอทำที่ส่อเค้าทำรักพังไม่รู้ตัว

แพรวเวดดิ้งอยากให้คุณสละเวลาสัก 5 นาที รีเช็คตัวเองกันสักหน่อยว่า คุณมี 4 นิสัยเห็นแก่ตัว นี้อยู่ในตัวหรือเปล่า เพราะทั้ง 4 นิสัยที่เรากำลังจะบอกคุณต่อไปนี้มีคนบ่นมานักต่อนักแล้วว่า มีผลอย่างแรงที่ทำให้รักพังไม่เป็นท่า เพราะเป็นนิสัยที่ส่อแววความเห็นแก่ตัวที่คนรักกันไม่ควรมีต่อกัน

  • พูดในมุมของตัวเอง แต่ลืมคิดในมุมของอีกฝ่าย

ลองสังเกตตัวเองดูนะคะว่า เวลาทะเลาะกันทีไร มีอาการขัดใจกับอีกฝ่ายเมื่อไหร่ หรือแม้แต่เมื่อมีการถกเถียงหาข้อสรุปอะไรก็ตาม คุณพยายามพูดถึงสิ่งที่คิดอย่างเต็มที่ โดยไม่เคยเว้นช่วงจังหวะหรือตั้งสติคิดเลยว่า อีกฝ่ายคิดยังไง ต้องการบอกอะไร เป็นการพูดแต่ในเรื่องของตัวเอง ในมุมของตัวเองอยู่อย่างเดียวเสมอ และหวังแต่เพียงให้คู่สนทนาเข้าใจกับสิ่งที่คุณคิดและเห็นใจในสิ่งที่คุณทำเสมอ และทุกครั้งเวลาที่พูดมักมีคำติดปากว่า เข้าใจกันบ้างสิ เชื่อฉันบ้างสิ หรือแม้แต่ประโยคเด็ดที่ว่า ทำไมไม่คิดถึงเราบ้างเลย อย่าลืมนะคะว่า อีกฝ่ายก็มีความรู้สึก การที่คุณพูดแบบนั้นเข้าข่ายการพูดแต่ในมุมของตัวเองตลอดๆ

  • ละเลยคำว่า ส่วนกลาง’

การอยู่ร่วมกันไม่ว่าจะในฐานะแฟนหรือสามีภรรยา คำว่า ‘ส่วนกลาง’ คือเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะการเริ่มปฏิสัมพันธ์กันเท่ากับคุณยอมรับที่จะมีอะไรบางอย่างเป็นสิ่งที่เรียกว่า ‘ส่วนกลาง’ คือการพร้อมจะแชร์บางสิ่งบางอย่างกับอีกฝ่าย ซึ่งคำว่าส่วนกลางในที่นี่ เราไม่ได้จำกัดความถึงแค่ในเรื่องเงินทองเท่านั้น เรารวมถึง ‘เวลา’ ที่พึงมีให้แก่กัน รวมถึงน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ที่ได้แบ่งปันให้กัน ฉะนั้นคุณต้องรีเช็คตัวเองซะหน่อยว่า คุณได้เฉลี่ยบางสิ่งบางอย่างของคุณมาให้อีกฝ่าย เพื่อให้เจ้าสิ่งนั้นอยู่นฐานะส่วนกลางของความสัมพันธ์หรือเปล่า

  • มุ่งมั่นในความฝันของตัวเอง แต่หลงลืมความฝันของเรา

ถ้าก่อนจะมีใครสักคน คุณมีความฝันของคุณคนเดียวเราก็ไม่ว่ากัน แต่ถ้าคุณมีคนรักแล้วละก็ คุณยังคงยึดมั่นอยู่ในความฝันของคุณเพียงคนเดียวหรือเปล่า แล้วยิ่งถ้าคุณแต่งงานด้วยแล้วละก็ คุณได้เคยหันไปคุยกับคนข้างๆ บ้างไหมง่า ต่างคนต่างมีความฝันอะไรร่วมกันบ้าง และนั่นคือฝันของเราสองคนใช่หรือเปล่า ซึ่งถ้าคุณมองเห็นแล้ว แต่ไม่โฟกัส ยังคงเอาแต่มุ่งมั่นแค่ฝันของคุณคนเดียว แบบนั้นสัญญาณไม่ดีนะคะ รีบเปลี่ยนทัศนคติและเข้ามาสู่จุดร่วมฝันของคุณทั้งคู่โดยเร็ว ก่อนที่อะไรๆ จะสายเกินแก้

  • อยู่แต่สังคมตัวเอง โดยไม่ย่างกรายไปยังสังคมของอีกฝ่าย

นิสัยประเภทเอาแต่เพื่อนตัวเอง ไม่เข้าไปสมาคมกับสังคมเพื่อนของอีกฝ่าย หวังเพียงให้เขาเข้าหาสังคมของคุณเท่านั้น แบบนั้นเข้าข่ายนิสัยเห็นแก่ตัวอย่างเต็มที่เชียวนะคะ เพราะเท่ากับว่าคุณเอาแต่ความคุ้นชิน ความสนุกสนานบันเทิงเริงใจของคุณ ไม่มีความคิดจะปรับตัวหรือลองเรียนรู้โลกของอีกฝ่าย และแย่สุดๆ คือ นิสัยนี้หมายถึงคุณไม่สนเลยว่าอีกฝ่ายต้องทำหน้าที่ปรับตัวมากน้อยแค่ไหน แบบนั้นเป็นนิสัยที่ไม่น่ารักเอาซะเลย และแพรว wedding ถือว่าเป็นนิสัยไม่ดีที่ส่อให้เห็นถึงความเห็นแก่ตัวในการใช้ชีวิตอย่างหนักที่คุณควรรีบเปลี่ยนโดยไว

ไม่ว่าคุณจะมีนิสัยเห็นแก่ตัวในข้อไหนใน 4 ข้อที่เราบอกไป ล้วนเป็นสัญญาณไม่ดีที่ถ้าคุณพบว่า คุณมีอยู่ในตัวละก็ ต้องรีบเปลี่ยนด่วนๆ นะคะ ก่อนที่รักของคุณจะพังโดยกู้คืนลำบาก แล้วเมื่อถึงเวลานั้น จะมานั่งเสียใจกลับตัวใหม่คงไม่ทัน

อ่านบทความเพิ่มเติม

คำถามกวนใจหนุ่มสาวคนโสดในวันรวมญาติพร้อมคำตอบเอาตัวรอด

ข้าวใหม่ปลามันต้องอ่าน! 5 ความเข้าใจผิดในปีแรกของชีวิตแต่งงาน

https://praewwedding.com/love-and-relationships/61743

ภาพ : huzband.wordpress.com

แต่งงานที่บ้านจะใส่ชุดแต่งงานแบบไหนดี? ใช้ 5 แนวทางนี้ช่วยเลือกได้

เทรนด์การจัดงาน แต่งงานที่บ้าน มีเพิ่มมากขึ้นทุกวันค่ะ แต่สิ่งหนึ่งที่บ่าวสาว (โดยเฉพาะเจ้าสาว) ต้องคิดคือ ชุดที่จะใส่แต่งงาน เพราะด้วยข้อจำกัดของบ้านแต่ละหลังที่มีขนาดต่างกัน รูปแบบงาน ปริมาณแขก ฯลฯ ที่ไม่ได้เออำนวยเหมือนจัดงานแต่งในโรงแรม ทำให้การเลือกชุดแต่งงานต้องคิดมากขึ้นอีกหน่อย  แม้จะแต่งที่บ้านแต่จะแต่งชุดธรรมดาได้หรือ? จะเว่อร์วังไปจะเหมาะไหม? งั้นลองใช้ 5 แนวทางต่อไปนี้ไปประกอบการตัดสินใจค่ะ

  • ชุดอยู่บ้านใส่แต่งงานซะเลย…ดีไหม?

บางคนคิดว่าก็นี่บ้านตัวเอง แขกที่มาก็คนกันเอง ชุดอยู่บ้านก็ไม่น่าจะเป็นไร คุณจะคิดแบบนั้นก็ได้นะคะ แต่ชุดอยู่บ้านของคุณเป้นแบบไหนล่ะ ควรเลือกชุดที่ดูดีกว่าชุดอยู่บ้านในสภาวะวันปกติมาเป็นชุดแต่งงานนะคะ เพราะถือเป็นการให้เกียรติ์แขกที่มาในงานและให้เกียรติ์ครอบครัวอีกฝ่าย ที่สำคัญวันนี้วันพิเศษ แม้คุณจะอยากไม่พิเศษ แต่นิดนึงนะ อย่างน้อยนี่คือวันแห่งความทรงจำดีๆของคุณทั้งคู่

  • ใหญ่ไปก็ไม่ดี เล็กไปก็ไม่เหมาะ

ถ้าคุณอยากจัดงานแต่งที่บ้านโดยใส่ชุดแต่งานแนวเจ้าหญิง แต่ภายในบ้านมีพื้นที่จำกัด ชุดเจ้าหญิงของคุณอาจใหญ่คับบ้านเกินไปดูไม่เหมาะสม แต่ถ้าคุณมีบ้านหลังใหญ่ ถามว่าใส่ชุดเรียบๆ ได้ไหม ก็ได้นะ ไม่ขัดข้อง แต่อย่าลืมเพิ่มความโดดเด่นให้แขกมองแล้วรู้ว่านี่คือเจ้าสาว ไม่อย่างนั้นความเรียบง่ายอาจกลืนคุณไปกับแขกโดยไม่รู้ตัว

  • ใส่กางเกงก็ได้ แต่ไม่ใช่ 3-4 ส่วน

อยากดูสบายๆ แต่มีความพิเศษ ด้วยการเอาคำว่า ‘ใส่ขาสั้นอยู่บ้าน’ มาเป็นธีมงานแต่งได้นะ แต่ขาสั้นสำหรับบ่าวสาว ควรใส่สไตล์ลงไปหน่อย คุณจะใส่ขาสั้นกับเสื้อเบลเซอร์ก็ให้ลุคกึ่งทางการขึ้นมาหน่อย แถมยังดูโก้ดูเท่ห์ และเจ้าสาวยังแอบแฝงความเซ็กซี่เข้าไปด้วยการโชว์เนินอกก็ยังไง หรือคุณจะหยิบมาใส่กับกางเกงเข้ารูปห้าส่วนเจ็ดส่วนก็ยังไง แต่ขอเถอะนะ กางเกงสามส่วนสี่ส่วนที่ใส่ทำสวนอย่าใส่เด็ดขาด แบบนั้นไม่เหมาะ

  • กระโปรงบาน-หางยาว ตัดทิ้งซะ

ถึงคุณจะบอกว่า ชุดฟู่ฟ่องไม่ใส่ก็ได้ ขอชุดยาวๆ หรือบานๆ ได้ไหม คำตอบคือได้นะ แต่ไม่เหมาะและถ้าให้ดี เลี่ยงดีกว่า เพราะความที่เป็นบ้าน อาจมีเฟอร์นิเจอร์ของตกแต่งที่ชายกระโปรงอาจจะไปปัดชนล้มได้ รวมถึงพออยู่ที่บ้านพื้นที่ไม่ได้กว้างขวางขนาดโรงแรม มีโอกาสที่อาหารหรือเครื่องดื่มจะร่วงลงมาละเปรอะได้

  • ใส่ชุดทีมก็ดีนะ

เรียบง่ายและสามัคคี ดูเป็นทีมเดียวกันเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับเลือกใช้ชุดแต่งงานในบ้าน เพิ่มเติมคือ แม้จะทำเสื้อให้ทุกคนใส่เหมือนกันเพื่อแสดงความกลมเกลียวรักกัน แต่เจ้าบ่าวเจ้าสาวอย่าลืมใส่ความพิเศษลงไปสักนิด จะสกรีนเพิ่มเติมให้ดูแตกต่าง หรือเจ้าสาวจะใส่มงกุฏติดดอกไม้คู่ผ้าคลุมผมอะไรก็ว่าไป เวลาถ่ายรูปจะได้รู้ว่านี่งานใคร

>> ดูแบบชุดแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย <<

มีลูก กันเถอะ! คำชวนทำเอาอีกฝ่ายอึดอัด คู่ไหนยังเคลียร์เรื่องนี้ไม่ได้ มาดูทางออกเรื่องนี้กัน

ต้องยอมรับว่าในปัจจุบันนี้คู่แต่งงานตัดสินใจ มีลูก ด้วยกันน้อยลง ถ้าคู่ไหนตกลงกันได้ว่าจะมี ลูกน้อย หรือไม่มีก็คงไม่เกิดปัญหาหนักใจ ใช้ชีวิตครอบครัวสุขสันต์กันไปตามปกติ แต่คู่ไหนที่ยังเคลียร์กันไม่ลงตัว แบบนี้คงต้องคุยกันยาว แต่จะคุยกันอย่างไรให้เข้าใจกันมากที่สุดว่า เรามีคำแนะนำมาฝาก

เคลียร์ปัญหาอยากคนหนึ่งอยาก มีลูก แต่อีกคนส่ายหน้า ทางแก้อยู่ตรงนี้

Photo by Helena Lopes from Pexels

1. บอกกันตามตรงว่าในอนาคตคุณต้องการมีลูก

เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งที่ควรจะปรึกษากันตั้งแต่ก่อนแต่งงาน คุณควรจะบอกคนรักไปตรงๆ ว่าหลังจากแต่งงานคุณต้องการมีเจ้าตัวน้อยไว้เป็นโซ่ทองคล้องใจ ถ้าเกิดความคิดเห็นของคุณทั้งคู่ไม่ตรงกัน ก็ยังพอมีเวลาให้ได้กลับไปทบทวนว่าจะสามารถแต่งงานและใช้ชีวิตร่วมกันได้โดยไม่มีเรื่องนี้มาคอยกวนใจและทำให้เกิดปากเสียงกันในอนาคตหรือไม่

2. อย่าสร้างความกดดันให้กันเด็ดขาด

เรื่องแบบนี้ เราขอเน้นคำว่า “เข้าใจกันและกัน” ตัวโตๆ เลยค่ะ เพราะแม้จะแนะนำให้คุยกันตรงๆ แต่หากว่าเผลอสร้างความกดดันพูดย้ำๆ เรื่องลูกใส่กันบ่อยๆ มันคงทำให้ความรักความสัมพันธ์ของคุณทั้งคู่ไปไม่สวยเท่าไหร่ ทางที่ดีควรจะเอาใจเขามาใส่ใจเรา เปิดใจรับฟังเหตุผลที่ทำให้เขาไม่อยากมีลูก บางทีเขาอาจจะมีความหลังฝังใจอย่างเช่น เพิ่งสูญเสียลูกคนที่แล้วไปและยังไม่อยากมีลูกคนใหม่ หรืออาจเป็นปัญหาการเงินที่ทำให้เขาคิดว่ายังไม่พร้อมจะดูแลชีวิตน้อยๆ อีกหนึ่งชีวิต ซึ่งปัญหาแบบนี้ต้องค่อยๆ พูด ค่อยๆ ปรึกษา อย่างไรก็อย่าไปเร่งรัดกันเลยนะ

Photo by Katie E from Pexels

3. ให้เวลาเขาหรือเธอได้คิดทบทวน

การพูดคุยเรื่องลูกบางครั้งอาจเกิดความไม่เข้าใจกันบ้าง หากคุณรู้สึกว่าต่างคนต่างเริ่มมีอารมณ์โมโห ก็ควรหยุดพักสักหน่อย เพราะถ้ายังคุยต่อไปคงไม่วายทะเลาะกันและคงไม่มีใครยอมฟังสิ่งที่อีกฝ่ายพูดแน่ๆ ในขณะเดียวกันหากคุณค่อยๆ พูดกันอย่างใจเย็นก็จะสามารถตกลงกันได้ง่ายขึ้น ลองโน้มน้าวให้เขาคิดตามว่าลูกจะไม่เป็นภาระและไม่ทำให้ความสัมพันธ์ของคุณทั้งคู่เปลี่ยนไป และเมื่ออายุมากขึ้นก็จะมีคนคอยดูแลและอยู่เคียงข้างยามแก่เฒ่าด้วย

4. ปัญหาเรื่องเงินต้องเปิดอกคุย

อีกหนึ่งเหตุผลสำคัญที่ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่อยากมีลูกก็คงเป็นเรื่องเงินๆ ทองๆ นี่แหละค่ะ เพราะว่าถ้าจะมีลูกสักคนฐานะการเงินก็ควรที่จะพร้อมดูแลเขาเป็นอย่างดี หากปรึกษากันแล้วว่าวันนี้ยังไม่พร้อมก็อย่าเพิ่งท้อใจหรือตัดใจค่ะ ค่อยๆ จัดการเรื่องการเงินไปทีละนิด เก็บหอมรอมริบ รวมถึงปลดภาระหนี้สินให้หมดก่อนแล้วค่อยวางแผนมีลูกก็คงไม่สายเกินไป ถึงแม้ว่าปีนี้จะยังไม่มีเจ้าตัวน้อยก็ไม่ได้หมายความว่าปีหน้าจะมีไม่ได้นี่คะ จริงไหม?

เรื่องลูกถือว่าเป็นเรื่องสำคัญสำหรับชีวิตครอบครัว ถ้าจะให้ดีควรปรึกษาและนั่งจับเข่าคุยกัน ตกลงกันให้ได้ตั้งแต่ก่อนแต่งงานจะดีกว่า ส่วนใครที่พร้อมในทุกๆ ด้านและพยายามมีเจ้าตัวน้อยอยู่ เราขอเอาใจช่วยให้เขามาอยู่ด้วยไวๆ นะคะ หรือจะมาเช็กกันให้ชัวร์อีกรอบก็ได้นะคะ ตามนี้เลย

อ่านบทความเพิ่มเติม

สารพัดเรื่องที่บุพการีและญาติผู้ใหญ่ควรรู้เมื่อลูกหลานจะแต่งงาน

5 คำถามที่คู่รักค้องเช็กความพร้อมกันให้ดีก่อนตัดสินใจวางแผนมีลูก

https://praewwedding.com/love-and-relationships/sex-and-relationship/64823

ข้อมูล : www.womanitely.com
ภาพ : www.getyourfittogether.org

4 เรื่องพึงระวังชีวิตหลังแต่งงาน ถ้าคุณคือคู่แต่งงานข้าวใหม่ปลามัน

การแต่งงานไม่ใช่ตอนอวสานอย่างในละครหลังข่าว แต่เป็นการเริ่มต้นชีวิตคู่ที่ยังต้องเผชิญกับเรื่องราวต่างๆ อีกมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเปลี่ยนแปลงในช่วง ชีวิตหลังแต่งงาน ที่อาจสร้างความหนักอกหนักใจซึ่งจะมีเรื่องอะไรบ้าง เรานำมาบอกให้รู้กันแล้ว

  • ความคาดหวังในหน้าที่สามีภรรยา

นอกจากการแต่งงานจะเป็นการเปลี่ยนสถานะจากแฟนเป็นสามีภรรยาแล้ว สำหรับบางคนยังถือเป็นการบ่งชี้บทบาทหน้าที่ความเป็นสามีภรรยาที่ชัดเจนขึ้นด้วย ซึ่งนั่นทำให้เขามีความคาดหวังในตัวคุณสูงขึ้นตามไปด้วยเช่นกันดังนั้นอย่าวิตกไปหากหลังจากแต่งงานเขาจะขอให้คุณทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน หรือไม่เช่นนั้นก็เปิดใจคุยกันให้เคลียร์ก่อนแต่งงานเพื่อป้องกันปัญหานี้

  • การเผยตัวตนมากขึ้น

ก่อนตัดสินใจแต่งงานแน่นอนว่าคุณต้องเรียนรู้นิสัยใจกันดีพอในระดับหนึ่ง แต่การแต่งงานจะทำให้คุณได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมากขึ้น ซึ่งนั่นคือช่วงเวลาของการเผยตัวตนที่แท้จริง เพราะทุกคนต่างก็มีข้อเสียที่แอบซ่อนไว้ ดังนั้นอย่าแปลกใจหากเขาจะเผลอทำบางสิ่งที่คุณไม่ชอบใจออกมาบ้าง จงใช้ช่วงเวลานี้ในการเรียนรู้และปรับตัวเข้าหากัน

>> 15 นิสัยผู้ชายแบบนี้ที่ผู้หญิงทุกคนร้องยี้ไม่อยากแม้แต่จะอยู่ใกล้ <<

  • การใช้เงินที่แตกต่าง

ก่อนแต่งงานบางคู่อาจไม่เคยก้าวก่ายเรื่องการใช้เงินกันเลย แต่หลังแต่งงานเรื่องนี้อาจกลายเป็นประเด็นที่สร้างความขัดแย้งได้ ถึงแม้จะตกลงกันว่าจะใช้จ่ายแบบกระเป๋าใครกระเป๋ามันก็ตามที ทั้งนี้เพราะนิสัยการใช้เงินส่งผลต่อความมั่นคงในอนาคต และอย่าลืมว่าการแต่งงานก็คือการตกลงปลงใจที่จะสร้างอนาคตร่วมกันแล้ว

  • ความห่างเหินจากครอบครัวเดิม

ความรู้สึกห่างเหินจากครอบครัวเดิมเป็นอีกหนึ่งความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นหลังจากแต่งงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคู่ที่แยกตัวออกมาสร้างครอบครัวใหม่ เพราะแน่นอนว่าคุณจะโฟกัสไปที่ครอบครัวใหม่มากกว่า แต่อย่าเก็บเรื่องนี้มาคิดให้ว้าวุ่นใจจะดีกว่า เพราะเชื่อเถอะว่าครอบครัวเดิมของคุณต้องพร้อมที่จะเข้าใจอย่างแน่นอน

อ่านบทความเพิ่มเติม

6 สิ่งที่จะเปลี่ยนไปทันทีหลังจากสวมแหวนหมั้นที่ว่าที่บ่าวสาวต้องรับมือ

10 สิ่งห้ามทำเมื่อทะเลาะกับแฟน สติหลุดแค่ไหนต้องประคองให้อยู่

คิดจะแต่งงานกันทั้งที 5 เรื่องต่อไปนี้ต้องคุยกันให้ดีก่อนแต่งงาน

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก www.brides.com, www.relationshipsunscripted.com

ไม่ต้องลังเลเพราะสิ่งดีงามเหล่านี้จะเกิดเมื่อบ่าวสาวจัดพิธีแต่งงานที่วัด

แพรวเวดดิ้งเคยแนะนำ 5 วัดที่อนุญาตให้จัดงานแต่งงานกันได้ไปแล้วใน “ปักหมุด 5 วัดดังที่อนุญาตให้ว่าที่บ่าวสาวจัดงานแต่งงานในวัดได้” มาครั้งนี้ถ้าคุณยังลังเลว่าจะจัดงานแต่งงานที่วัดดีไหมเรามีข้อดีมาฝากเป็นข้อคิดให้ดังนี้ รับรองว่าบ่าวสาวจะตัดสินใจ จัดพิธีแต่งงานที่วัด ได้แบบไม่ต้องลังเลแน่นอน

  • ไม่ต้องยุ่งยากเรื่องการรับส่งพระ

บ่าวสาวหลายคู่ที่จัดพิธีสงฆ์แต่มีปัญหาเรื่องต้องรับส่งพระเป็นรอบๆ เพราะพาหนะไม่พร้อม จะเช่ารถไปรับท่านก็มีงบจำกัด ครั้นให้ท่านมาเองก็กระไรอยู่ ถ้าจัดงานแต่งที่วัด จะไม่ต้องปวดหัวกับเรื่องนี้แน่นอน เพราะคุณไปฝ่ายเดินทางไปหาท่านเพื่อทำพิธีแทน

  • ของจำเป็นในพิธีมีครบ

เมื่อจะต้องทำพิธีสงฆ์ ข้าวของเครื่องใช้ก็ต้องเฉพาะทาง แม้จะจัดที่บ้าน แล้วมีเจ้าหน้าที่จัดแจงให้ก็อาจมีตกๆ หล่นๆ แต่ถ้าไปจัดงานแต่งที่วัดเลย เรื่องนี้หายห่วง เพราะวัดมีครบ คุณเตรียมไปก็เพียงของถวายพระและปัจจัยบำรุงวัดตามกำลังเท่านั้นเอง

  • จำกัดจำนวนแขกไปในตัว

แต่งงานในวัดเหมาะมากๆ กับบ่าวสาวที่ไม่อยากรบกวนแขกให้มาร่วมงานแต่เช้า รงมถึงอยากจำกัดจำนวนแขกอย่างไม่ให้เสียน้ำใจกัน เพราะส่วนใหญ่เมื่อแจ้งว่าจัดพิธีที่วัด จึงเหมือนเป็นการบอกกลายๆ ว่าจำนวนคนจึงต้องถูกจำกัดตามขนาดสถานที่นั่นเอง

  • ไม่เสี่ยงเรื่องการติดโรค

หากอยู่ในภาวะที่มีโรคระบาดใดๆ ก็ตาม การอยู่ในพื้นที่ชุมชนคือความเสี่ยง ดังนั้นการจัดงานแต่งงานที่วัด ซึ่งผู้ร่วมงานมีแต่คนในครอบครัว จะช่วยป้องกันการติดต่อของโรคได้ในทางหนึ่ง นอกจากนี้ เมื่อเป็นคนในครอบครัว เราย่อมสามารสอบถามไทม์ไลน์ชีวิตได้สะดวกใจกว่าคนนอกครอบครัว จริงไหม

  • ได้ความสงบและเป็นสมาธิในช่วงพิธีการอย่างแท้จริง

ปฏิเสธไม่ได้ใช่ไหมคะว่า วัดคือสถานที่มี่สงบ ในการทำพิธีที่วัดซึ่งล้อมรอบไปด้วยความเงียบ ไร้เสียงเพลงจากภายนอกมาป่วนสมาธิ ยิ่งช่วยทำให้บ่าวสาวสัมผัสได้ถึงความศักดิ์สิทธิ์ในพิธี สมาธิที่จะจดจ่อต่อทุกบทสวดและคำอวยพร ซึ่งดีกว่าการจัดงานในบ้านหรือโรงแรมที่มีเสียงแขกเหรื่อคุยกันเสียงดังนั่นเอง

  • ประหยัดค่าใช้จ่ายในเรื่องสถานที่

เพราะวัดคือศาสนสถานที่ไม่มีเรทการเก็บค่าเช่าใช้พื้นที่เหมือนโรงแรมหรือสถานที่จัดงานแต่งงานต่างๆ อยู่แล้ว คุณจึงประหยัดงบประมาณในส่วนนี้ไปได้สบายๆ ส่วนว่ามีกำลังจะถวายปัจจัยบำรุงวัดให้แค่ไหน พระท่านไม่มีบ่นอยู่แล้ว­­

>> อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับพิธีแต่งงานไทยเพิ่มเติม คลิกเลย <<

5 คำถามที่คู่รักค้องเช็กความพร้อมกันให้ดีก่อนตัดสินใจวางแผนมีลูก

นอกจากการมีลูกจะทำให้ชีวิตคู่ต้องเปลี่ยนเป็นชีวิตคี่แล้ว ยังทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่างๆ อีกมากมาย ดังนั้นความพร้อมจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก หากไม่อยากตัดสินใจพลาด ลองเช็กความพร้อมก่อน วางแผนมีลูก ของคุณทั้งคู่ให้ชัวร์ด้วย  5 คำถามนี้ก่อนตัดสินใจมีลูกนะคะ

  • เป็นความต้องการของคุณทั้งคู่ใช่ไหม

ลูกเป็นสิ่งที่ช่วยเติมเต็มชีวิตคู่ ทำให้ครอบครัวสมบูรณ์ และเป็นความสุขของพ่อแม่ ดังนั้นคงไม่ดีแน่หากการมีลูกเป็นความต้องการของคนใดคนหนึ่งเพียงคนเดียว ควรถามใจกันก่อนว่าคุณอยากมีแล้วเขาอยากมีด้วยไหม อย่าบังคับขืนใจหรือเออออเพื่อตามใจกันเป็นเด็ดขาด เพราะความสุขที่ได้อาจกลายเป็นความสุขที่ไม่สุด หรืออาจกลายเป็นความทุกข์เพราะอีกคนเขาไม่สุขด้วยก็ได้

  • พร้อมแล้วหรือยังกับความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้น

ลองคิดดูคร่าวๆ กันก่อนว่าการมีลูกจะทำให้คุณต้องมีความรับผิดชอบอะไรเพิ่มขึ้นบ้าง อย่างแรกคือความรับผิดชอบต่อลูก เพราะแน่นอนว่าคุณต้องเลี้ยงดูเอาใจใส่เขาอย่างดี อย่างที่สองคือความรับผิดชอบต่อตัวเอง เพราะคุณต้องดูแลตัวเองให้ดีทั้งร่างกายและจิตใจเพื่อจะได้มีแรงเลี้ยงลูกต่อไป คำตอบอาจมีแค่สองข้อ แต่เป็นข้อสำคัญที่ครอบคลุมทุกอย่างไว้ทั้งหมด ดังนั้นคุณจึงต้องถามใจตัวเองให้ดีก่อนว่าพร้อมแล้วหรือยังกับความรับผิดชอบที่จะเพิ่มขึ้นนี้

  • จะรับมือกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นอย่างไร

แน่นอนว่าหนึ่งชีวิตที่เพิ่มขึ้นมาเท่ากับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นคุณทั้งคู่จึงต้องมั่นใจว่าจะสามารถรับมือกับค่าใช้จ่ายต่างๆ ไหว อีกทั้งยังต้องเตรียมใจว่าจะไม่ใช่แค่ระยะเวลาสั้นๆ ที่ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายดังกล่าว เพราะกว่าลูกจะเติบโตจนดูแลตัวเองได้นั้น โดยทั่วไปก็กว่า 20 ปีเลยทีเดียว แถมความหนักหนาสาหัสของค่าใช้จ่ายยังเพิ่มขึ้นตามวัยของลูก ด้วยเหตุนี้คุณทั้งคู่จึงต้องคิดให้ถ้วนถี่ว่าพร้อมจะเหนื่อยหาเงิน และจะมีวิธีการหาเงินอย่างไรให้รองรับกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นได้

  • อายุเท่านี้มีลูกดีไหม

หลายคนใช้อายุเป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจมีลูกด้วยเหตุผลหลายๆ อย่างแตกต่างกันไป บางคนก็กลัวว่าถ้าอายุมากเกินไปจะทำให้มีลูกยากหรือทำให้ลูกมีสุขภาพไม่แข็งแรง บางคนก็กลัวว่าถ้ามีลูกช้าจะทำให้อายุห่างกับลูกมากเกินไปแล้วจะทำให้คลิกกันยาก ซึ่งปัญหาเรื่องสุขภาพนั้นจัดการได้ไม่ยากแล้ว เพราะวิทยาการทางการแพทย์ก้าวไกลไปมาก คุณจะฝากไข่และสเปิร์มไว้ก่อนเพื่อรอความพร้อมด้านอื่นๆ ก็ไม่มีใครว่ากัน แต่สำหรับเรื่องวัยที่ห่างกัน ถ้าคุณรับไม่ได้ที่จะต้องถือไม้เท้าไปงานรับปริญญาลูกก็ลุยปั๊มลูกกันเลย

  • ใครพร้อมจะช่วยเหลือคุณบ้าง

แม้การเลี้ยงลูกจะเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ แต่หากมีใครที่พอจะช่วยแบ่งเบาในยามที่คุณทั้งคู่เหนื่อยล้าจากการเลี้ยงลูกได้บ้างก็คงจะดีไม่น้อย เช่น จำเป็นต้องฝากเพื่อนสนิทดูแลลูกเพราะมีธุระสำคัญ ฝากปู่ย่าเลี้ยงหลานในวันพิเศษที่อยากสวีทกันสองคน เชื่อว่าเหตุการณ์ทำนองนี้ต้องมีแน่ๆ ดังนั้นก่อนจะตัดสินใจมีลูกจึงควรมองหาคนรอบกายที่มั่นใจได้ว่าเขาพร้อมจะช่วยเหลือคุณเสมอ และมั่นใจได้ว่าเขาจะดูแลลูกของคุณได้ดีไม่น้อยไปกว่าคุณ

อ่านบทความเพิ่มเติม

https://praewwedding.com/love-and-relationships/sex-and-relationship/81207

6 สิ่งที่จะเปลี่ยนไปทันทีหลังจากสวมแหวนหมั้นที่ว่าที่บ่าวสาวต้องรับมือ

10 สิ่งห้ามทำเมื่อทะเลาะกับแฟน สติหลุดแค่ไหนต้องประคองให้อยู่

ภาพ : www.glamour.com

5 คำถามที่ว่าที่บ่าวสาวตอบตัวเองให้ได้ก่อนจ้างช่างภาพงานแต่งงาน

อีกเรื่องหนึ่งที่ไม่ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนไปยังไง บ่าวสาวก็ยังต้องคิดแล้วคิดอีก นั่นคือการจ้างช่างภาพมาเก็บช่วงเวลาดีๆ ในวันสำคัญ ซึ่งการตัดสินใจใช้บริการ ช่างภาพงานแต่งงาน เจ้าไหนที่เคยรู้มา ก็มีทั้งเห็นดาราใช้เยอะ เห็นเพื่อนใช้แล้วบอกว่าดีเลยใช้ตามเลือกตามงบประมาณจัดไว้และไม่ได้เลือกแต่มีมาเสนอคือบางคนมีเพื่อนฝูงมาถ่ายให้ หรือได้แพ็กเกจถ่ายภาพเป็นของขวัญมาอะไรแบบนั้น

คิดให้ละเอียดว่าต้องการแบบไหนก่อนจ้าง ช่างภาพงานแต่งงาน 

Photo by NeONBRAND on Unsplash

แต่ไม่ว่าคุณจะเลือกช่างภาพด้วยเหตุผลอะไรไม่มีผิดไม่มีถูกค่ะ เพราะนั่นคือความพอใจของคุณ แต่สำหรับบ่าวสาวที่อยากเป็นตัวของตัวเอง อยากเลือกช่างภาพด้วยเหตุและผล เพื่อให้ได้ภาพวันแต่งงานที่ตรงใจรอบด้าน เรามีตัวช่วยเป็น 5 คำถามต่อไปนี้มาให้คุณตอบ ถ้าตอบแล้วเชื่อว่า การตัดสินใจเลือกช่างภาพวันแต่งงานจะง่ายขึ้นค่ะ

1. เน้นบ่าวสาวหรือเน้นแขก?

คุณอยากเปิดภาพมาดูแล้วเห็นภาพแบบบันทึกเหตุการณ์ครบ รวมถึงแขกทุกคนที่มาต้องปรากฏให้คุณเอาเก็บไปเช็คชื่อได้แบบนั้นหรือเปล่า หรือว่าอยากได้ภาพช่วงเวลาดีๆ ที่เน้นบ่าวสาว การแสดงอารมณ์ให้สมเป็นงานแต่งที่มีช่วงเวลาดีๆ ของคนที่รักก็พอ รวมถึงอยากได้ภาพนิ่งอย่างเดียว หรือภาพภาพเคลื่อนไหวลองคิดดู

2. ภาพสไตล์ไหนที่ชอบ?

ในที่นี้หมายถึง ถ่ายออกมาแล้วดูเหมือนภาพถ่ายแนวแฟชั่น แสงจัดๆ ภาพขาวดำดูอาร์ตๆ หรือแค่เก็บภาพรวมๆ แบบภาพถ่ายทีเผลอน่ารักๆ แบบมองกล้องน้อยๆ ลองนึกมู้ดแอนด์โทนอะไรแบบนี้สักหน่อย

Photo by Samsung Memory on Unsplash

3. ปริมาณภาพทั้งหมด?

จริงอยู่ที่ตอนนี้ไม่ใช่ยุคการใช้ฟิล์ม ช่างภาพกดชัตเตอร์รัวๆ สบายๆ แต่เคยคิดไหมคะ ตอนที่ดูรูปเนี่ย จะต้องดูมากมายแค่ไหน ถึงแม้ช่างภาพจะถ่ายเยอะเพราะถ่ายเผื่อก็เถอะ แต่ตอนคุณได้ภาพมาก็จะเนื้อๆ เน้นๆ ไม่เอาน้ำดีกว่าไหม บ่าวสาวหลายคนเคยแชร์ประสบการณ์กับแพรวเวดดิ้งว่า แต่งงานมาจะครบรอบปีแล้วยังดูภาพถ่ายงานแต่งตัวเองไม่หมดเลย ฉะนั้น เราจึงอยากให้คุณลองนึกปริมาณภาพไว้หน่อย เผื่อตอนคุยกับว่าที่ช่างภาพจะได้บอกความต้องการไปได้เวลาช่างภาพถ่ายและส่งงานมาจะไม่เข้าใจตรงกัน

4. มีช่างภาพในใจหรือเปล่า

จะง่ายขึ้นเยอะถ้าคุณมีช่างภาพในใจที่ชื่นชอบผลงานไว้อยู่แล้ว เพราะเขาเหล่านี้จะกลายมาเป็นตัวเลือกแรกให้กับคุณ นั่นเพราะถ้าคุณมีช่างภาพในใจ เราเชื่อว่านอกจากคุณจะตามผลงานของเขาจนมั่นใจได้ว่า เป็นภาพถ่ายที่ตอบคำตอบใน 3 ข้อก่อนหน้านี้ได้แล้ว คุณยังจะต้องแอบสืบราคาของเขามาบ้างใช่ไหมล่ะ ซึ่งนั่นก็จะทำให้คุณตอบคำถามข้อต่อไปของเราได้ค่ะ

5. มีเงินเท่าไหร่

งบประมาณคือตัวตัดสินค่ะ เพราะ 4 ข้อที่ผ่านมาสัมพันธ์กับการจ้างช่างภาพและออเดอร์รูปแบบภาพที่คุณจะได้ ซึ่งทีมช่างภาพจะคำนวณจำนวนทีมงาน อุปกรณ์ และงบประมาณมาให้คุณยังไงละคะ ถ้าได้ข้อสรุปของ 4 ข้อแรกได้แล้ว ตัวฟันธงการเลือกใช้งานช่างภาพคือเรื่อง เงิน ค่ะ กันไว้ในส่วนนี้แค่ไหน เกินงบไปหน่อยแต่ยังสู้ไหม ฯลฯ คุณคือผู้ตัดสินใจในเรื่องนี้

สิ่งที่เราอยากฝากไว้อีกสักนิดคือ เรื่องของความชอบและพึงพอใจที่จะใช้เงินในงานแต่งงาน บางครั้งก็ยากจะเข้าใจ และไม่จำเป็นที่ต้องคิดตรงกับใครต่อใคร ขอเพียงคุณมีความสุขจะเลือกแบบนั้นๆ ก็พอ เพราะนี่คืองานแต่งงานครั้งเดียวในชีวิตของคุณ จงเป็นตัวของตัวเอง เชื่อมั่นในสิ่งที่คิด แล้วภาพเหล่านี้ จะเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยย้อนช่วงเวลาแห่งความสุขของคุณให้กลับมาเสมอ และที่สำคัญ ภาพวันนี้จะถ่ายทอดเรื่องราวจากคุณไปยังลูกหลานได้ดีที่สุด

>> อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานและดูไอเดียงานแต่งเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย <<

ข้าวใหม่ปลามันต้องอ่าน! 5 ความเข้าใจผิดในปีแรกของชีวิตแต่งงาน

ในช่วงปีแรกของ ชีวิตแต่งงาน  คู่รักข้าวใหม่ปลามันอาจคิดว่า การปรับตัวจะเกิดขึ้นแน่นอนและตามมาด้วยความปรองดองจะเพิ่มทวี ที่เคยขัดใจกันบ้างก่อนแต่งานจะน้อยลงแน่นอน เราอยากให้คุณเตรียมใจไว้และพบกับความจริงที่เราหาข้อมูลมาให้แล้วว่า อะไรบ้างที่คุณเข้าใจผิดหรือที่คิดไปคลาดเคลื่อนจากชีวิตจริง

ฟังแบบนี้อย่าทำหน้าสยองเพราะเราแค่บอกไว้ให้รู้จากประสบการณ์จริงของคนแต่งงานมาแล้ว คุณจะได้เตรียมตัวเองให้พร้อมก่อนจะถึงวันนั้นไงละคะ

เข้าใจผิดว่า…คุณจะต้องใช้เวลาว่างทั้งหมดร่วมกัน…เหรอ?

ความเข้าใจผิดในข้อนี้อยู่บนความเชื่อที่ฝังหัวมาตลอดว่า แต่งงานแล้วคือคนๆ เดียวกันเป็นคู่รักปาท่องโก๋ที่ต้องทุ่มเททุกอย่างในชีวิตเพื่ออีกคน แต่ในความเป้นจริงไม่ต้องเปHนแบนั้นหรอกค่ะ เพราะกิจกรรมอะไรๆ ที่เคยทำในเวลาว่างก่อนคุณจะแต่งงานกันก็ไม่จำเป็นต้องเลิกไปเลยซะทีเดียวหรือต้องผูกติดกันไปทุกที่ คุณแค่ต้องปรับไปตามความเหมาะสม ที่เคยเมาหัวราน้ำกันทุกคืนวันศุกร์กับแก๊งเพื่อน ก็ลองเปลี่ยนเป็นนัดดินเนอร์กันในบรรยากาศดีๆแล้วดริ๊งค์กันพอหอมปากหอมคออะไรแบบนี้ก็ได้

เข้าใจผิดว่า…เซ็กส์จะกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อหน่าย…?

มันจะเป็นเรื่องน่าเบื่อก็เพราะคุณทำให้มันเป็นเรื่องน่าเบื่อซะเองนั่นแหละ เรายอมรับว่ามันอาจจะไม่หวือหวาหรือเร้าร้อนจนคุณต้องกระโจนเข้าหากันเหมือนช่วงคบหากันแรกๆ แต่ขอบอกคุณตรงนี้เลยว่าคุณสามารถเยียวยาเรื่องบนเตียงพวกนี้ได้แค่คุณเปิดใจคุยกันถึงความต้องการกันแบบตรงไปตรงมา ไหนๆ ก็แต่งงานกันแล้วนี่นา ลองเอาความเขินอายเก็บใส่ลิ้นชักไปก่อนก็ดีนะจ๊ะ แล้วความเชื่อที่เข้าใจไปเองว่าแต่งไปแล้วเซ็กส์จะไม่เหมือนเดิมจะต้องคิดใหม่

เข้าใจผิดว่า…เรื่องที่เคยไม่เข้าใจกัน ก็จะเข้าใจกันมากขึ้น…?

เดี๋ยวนะคะ ต้องมีการเข้าใจผิดอะไรกันแน่ๆ แหวนแต่งงานก็คือแหวนแต่งงานค่ะทุกคน ไม่ได้เคลือบมนตร์ใดๆ ไว้ทั้งสิ้น ดังนั้นดีที่สุดคือ ปรับความเข้าใจกันซะก่อนวันสำคัญจะมาถึง อย่ารอหรือปล่อยให้วันที่คุณรอคอยมาตลอดต้องหม่นหมอง เราอยากให้คุณทั้งคู่มีความสุขที่สุดในวันนั้น แล้วเริ่มต้นชีวิตบทใหม่ไปด้วยกันในบรรยากาศที่สดใส เริ่มต้นดีก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้วนะคะ ลองดูๆ

เข้าใจผิดว่า…ฉันรักแม่เธอเหมือนแม่ฉันเลยเนี่ย…?

เอาจริงดิ คุณสามารถรักได้ขนาดนั้นอย่างไวจริงอ่ะ?? จริงๆ แล้วเรื่องแบบนี้รักกันไว้ก็ไม่เสียหาย ถึงก่อนหน้านั้นจะแทบไม่มองหน้ากันก็เถอะ แต่ถ้าทำได้ยากเหลือเกินก็เฉยๆ ไว้ก็ได้ แค่อย่าถึงขั้นต้องแยกเขี้ยวหรือลับฝีปากกันตลอดทุกครั้งที่ได้เจอกัน อย่างน้อยก็รักษาความสงบกันไว้ก่อน แล้วเริ่มเปิดใจให้มากขึ้น คุณเป็นผู้ใหญ่พอ แถมยังแต่งงานแล้วนะคะ เราเชื่อว่าคุณทำได้ เริ่มต้นง่ายๆแค่ทำอาหารไปฝากท่านบ้าง อย่าหลีกเลี่ยงการไปเยี่ยมท่าน ลองเริ่มต้นใช้เวลาร่วมกันทีละเล็กทีละน้อย เรารับรองว่าอะไรๆ จะต้องดีขึ้น อย่างน้อยท่านต้องเห็นถึงความพยายามของคุณแน่นอนเลยค่ะ

เข้าใจผิดว่า…คุณต้องทำให้คู่ของคุณมีความสุข… ?

มันก็เป็นเรื่องจริงนะคะหากคุณเป็นคู่รักกัน แต่ถ้าจะมองว่านั่นคือหน้าที่หรือความรับผิดชอบอะไรเทือกนั้นมันก็ออกจะเกินไปซักหน่อย ทุกอย่างมันก็ขึ้นอยู่ที่ตัวบุคคล จะยิ้มให้กันหรือดึงหน้าใส่กันมันก็อยู่ที่คุณทั้งนั้น เพราะฉะนั้นแล้วล่ะก็ดูแลความรู้สึกกันให้มากเข้าไว้ จะลองนึกย้อนถึงวันวานดูก็ได้ว่าทำไมคุณสองคนถึงได้เลือกที่จะใช้ชีวิตร่วมกัน ก็คนบนโลกนี้มีมากมายตั้งเท่าไรใช่มั้ยล่ะ ทำไมต้องเป็นคนๆ นี้ด้วยเนอะ

>> อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับความรักและความสัมพันธ์เพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย <<

Cr. marthastewartweddings.com

มาทำความรู้จักเพชร CZ ก่อนเลือกมาใช้เป็นแหวนแต่งงานกันก่อน

“ใช้ เพชรCZ ทำแหวนแต่งงานได้ไหม” คำถามนี้ มีหลายคนอยากรู้ค่ะ ถึงขนาดว่าตั้งเป็นกระทู้ถามกันก็มีแล้ว แต่ไม่มีใครตอบคุณได้หรอกค่ะ นอกจากตัวคุณเอง เพราะเงื่อนไขในการใช้ชีวิตของแต่ละต่างกัน ฉะนั้นจะใช้เพชร CZ ทำแหวนแต่งงานหรือไม่ อยู่ที่ความสบายใจของคุณค่ะ แต่สิ่งที่เราอยากให้คุณได้รู้ในวันนี้คือ การเลือกเพชร CZ มาใช้งาน ก็ต้องหาความรู้ไว้ไม่ต่างจากการหาความรู้เกี่ยวกับเพชรแท้นะคะ

เพชร CZ คือเพชรสังเคราะห์ที่มนุษย์สร้างสรรค์ขึ้นมา และไม่ได้เพิ่งจะมีนะคะ แต่ในช่วงแรกๆ อาจมองแล้วยังไม่ใกล้เคียงกับเพชรแท้เท่าไหร่ ประมาณว่ามองแล้วรู้เลยว่า อันไหนของจริงของปลอม แต่ปัจจุบัน เพชร CZ ได้รับการพัฒนาจนมีความสวยงามใกล้เคียงกับเพชรมากๆ ซึ่งแม้จะมีงบน้อยก็ซื้อมาใส่ได้  แถมยังมีหลายเกรดให้เลือกอีกด้วย

เพชรCZ

CZ (ซี – แซด) ย่อมาจากคำว่า Cubic Zirconia ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมันเป็นผู้ค้นพบผลึกทางธรรมชาติ (Cubic) ของแร่ Zirconium Oxideและนักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซียนำไปพัฒนาต่อ จนได้มาเป็นสารสังเคราะห์ที่มีความใกล้เคียงกับเพชร แต่ไม่มีทางเทียบเท่ากับเพชรได้หรอกนะคะ เพราะถ้านำมาเทียบกันแล้วจะพบว่า

  • เพชร CZ มีการกระจายแสงได้ก็จริง แต่น้อยว่าเพชรแท้ หากคาดหวังความวิบวับประมาณ D Color หรือเพชรน้ำ 100% เลย ไม่สามารถเทียบได้แน่นอน
  • ไม่มีใครล้มแชมป์ในเรื่องความแข็งของเพชรแท้ได้ เพราะเพชรแท้คือสสารที่แข็งที่สุดในโลก โดยมีหน่วยเป็น10Mohs ส่วนเพชรCZ มีความแข็งที่ 5 Mohs ซึ่งพอจะสู้ได้ก็กับพลอยเนื้อแข็งอย่างทับทิมเป็นต้น
  • เพชร CZ มีได้สารพัดสี นี่อาจจะเป็นจุดเด่นของเพชร CZ เลยก็ว่าได้ เพราะเมื่อเป็นสารสังเคราะห์ขึ้นมา จะทำให้เป็นเพชรไร้สีก็ได้หรือมีสีก็ได้ ส่วนเพชรแท้นั้นถ้าจะไร้สีแบบขาวใสสุดๆ ค่อนข้างหายากมากในปัจจุบัน จึงไม่แปลกที่เพชรเกรดสูงระดับ D-E color จะมีราคาแพง
  • น้ำหนักของเพชร CZ จะหนักมากกว่าเพชรถึง 1.7 เท่าดังนั้นในน้ำหนักที่เท่ากัน ขนาดของเพชร CZ จะมีขนาดใหญ่กว่าเพชรแท้
  • เมื่อใช้กล้องที่มีกำลังขยาย100 เท่า ส่องดู จะเห็นว่าเหลี่ยมของเพชรแท้คมกว่าเพชรCZ

ส่วนเรื่องของราคานั้น ไม่ต้องบอกก็คงเดากันได้ว่า ราคาเพชรCZ ย่อมถูกกว่าเพชรแท้อย่างแน่นอน คืออยู่ที่หลักร้อย-พัน (ไม่นับรวมตัวเรือนที่ทำให้มูลค่าเพิ่มขึ้นมาได้)เพชรแท้จึงเป็นสิ่งที่มีมูลค่าสูง และแม้จะเก็บไว้นานๆ มูลค่าก็ไม่ลด แต่ในทางกลับกันเพชร CZ ถึงจะมีราคาที่ย่อมเยาว์ แต่ก็ไม่มีมูลค่าแต่อย่างใด

เมื่อเพชรแท้มีเกรดได้ เพชร CZ ก็มีเหมือนกัน

เกรดของเพชร CZ  เริ่มจากคุณภาพต่ำที่ 1A >2A >3A >4A >5A >6A > Star > Heart &

Arrow และ Swiss ซึ่งเป็นเกรดที่มีคุณภาพสูง

เพชร CZ เกรด 1A นิยมนำมาใช้ในงานศิลปะแขนงต่างๆ โดยเฉพาะกระจกสีของหน้าต่างโบสถ์ต่างๆ เพราะมีความขุ่นมัวในผลึกเพชรมากแต่สามารถให้แสงผ่านได้

เพชร CZ  เกรด 2A นิยมนำไปแปรรูปเป็นเครื่องมือแพทย์หรือเครื่องมืออื่นๆเช่น ใบมีดผ่าตัดบางชนิด เครื่องเล่นแผ่นเสียง เครื่องตัดลายล้อเหล็กรถยนต์ โดยใช้ผลึกเพชรCZ ทำเป็นหัวใบมีด เพราะคุณสมบัติในเรื่องความหนาแน่นและความแข็งเหมือนเพชรนั่นเอง

เพชร CZ  เกรด 3A นำไปใช้กับเครื่องประดับราคาถูก ไม่ค่อยมีประกาย ดูคล้ายคริสตัล

เพชร CZ  เกรด 4A เริ่มนำไปใช้ได้กับเครื่องประดับที่ขยับราคาขึ้นมาอีกนิด โดยประดับที่หน้าปัดนาฬิกาข้อมือหรือ แหวนใส่ติดนิ้วสไตล์แฟชั่นทั่วไป

เพชร CZ  เกรด 5A เหมือนเพชรแท้มากๆ คือมีประกายแวววาว มองด้วยตาเปล่าแทบแยกไม่ออกเลยว่าอันไหนเป็นของแท้หรือของเทียม

เพชร CZ  เกรด 6A จัดอยู่ในเครื่องประดับราคาแพงมาก ส่วนมากพบในของตกแต่งเช่น มงกุฏ โคมไฟแชนเดอเรีย ไม่มีขายทั่วไป จะต้องสั่งผลิตจากโรงงานต่างประเทศเช่น รัสเซียหรือจีน

เพชร CZ  เกรด 7A – 9A (หรือ Swiss ซึ่งเป็นเกรดที่มีคุณภาพสูง) ในกลุ่มนี้จะเป็นเพชรสังเคราะห์ที่ผ่านการเจียระไนเหลี่ยมในระดับสูง โดยเฉพาะ 9A ที่เป็นการเจียระไนแบบ Hearts and Arrows จึงถูกจัดให้เป็นเพชร CZ เกรดที่ดีที่สุด มีสีขาว น้ำดี สวยเทียบเคียงได้กับเพชรแท้

อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว คงได้รู้จักกับ เพชร CZ กันมากขึ้นแล้วนะคะ ซึ่งหากอยากหยิบมาใช้งานไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับใส่เล่นใส่จริงในวาระโอกาสไหน อย่าลืมเลือกเกรดของเพชร  CZ ให้เหมาะกับการใช้งานเสมอนะคะ

>> อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับแหวนแต่งงานและเครื่องประดับเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย <<