ดูแล จุดซ่อนเร้น ยังไงให้ห่างไกลโรคร้าย บอกเลยว่าที่เจ้าสาวต้องรู้!
ดูแลสุขภาพอย่างดีตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่กลับลืมดูแล จุดซ่อนเร้น ได้ยังไงคะ! เรามาบอกวิธีดูแล “ส่วนนั้น” สำหรับว่าที่เจ้าสาวโดยเฉพาะแล้ว
ว่าที่เจ้าสาวคะ คุณเป็นคนหนึ่งหรือเปล่าที่ดูแลสุขภาพตัวเองอย่างดีตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่กลับลืมดูแล จุดซ่อนเร้น เพราะคิดว่าเป็นจุดเล็กๆที่ไม่สำคัญ แต่ที่จริงแล้ว จุดซ่อนเร้นของผู้หญิงเรานั้นเซ้นซิทีฟมาก และต้องการ การดูแลที่ถูกต้องพอๆกับส่วนอื่นของร่างกายเลยล่ะค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งว่าที่เจ้าสาวที่จะต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการแต่งงานมีครอบครัว สุขภาพของจุดซ่อนเร้นนั้นถือว่าเป็นหัวใจสำคัญเลยทีเดียวละค่ะ!
แพรวเวดดิ้ง ก็เลยขออาสารวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลจุดซ่อนเร้นของผู้หญิงที่ถูกต้อง รวมถึงการดูแลรักษาความสะอาดในชีวิตประจำวัน การไปตรวจร่างกายเพื่อเช็คสุขภาพของจุดซ่อนเร้น และการดูแลรักษาในกรณีที่เกิดความผิดปกติกับจุดซ่อนเร้นของเราขึ้นมา ให้เหล่าว่าที่เจ้าสาวนำไปใช้ เพื่อความสุขของคุณและคู่รักตลอดการแต่งงานค่ะ
(บอกแล้วก็บอกอีกได้) อย่าใช้สบู่กับส่วนนั้น (แม้แต่สบู่สำหรับจุดซ่อนเร้น!!)
เราว่าข้อนี้ว่าที่เจ้าสาวหลายคนคงเคยได้ยินแล้ว แต่เราก็จะบอกอีกที อันที่จริงแล้วบริเวณนั้นของเรามีกลไกการทำความสะอาดตัวเองอยู่แล้ว และสุขภาพจุดซ่อนเร้นที่ดี (รวมถึงช่องคลอดและภายในมดลูก) จะต้องมีจุลินทรีย์ชนิดดีในปริมาณที่เหมาะสม การใช้สบู่กับส่วนนั้นทำให้สมดุลจุลินทรีย์ดีเสียไป อาจก่อให้เกิดตกขาวผิดปกติกับจุดซ่อนเร้นเราได้ค่ะ ทางที่ดีหากต้องการใช้สบู่ ใช้แค่ภายนอกก็พอค่ะ

แว็กซ์ได้ แต่อย่าแว็กซ์ออกหมดนะจ๊ะ
รู้นะ คืนวันแต่งงานก็อยากทำให้เจ้าบ่าวประทับใจโดยการแว็กซ์ขนบริเวณนั้นออกไปจนหมด ตะ ตะ แต่! รู้หรือไม่ว่าขนบริเวณน้องสาวของเรานั้นมีประโยชน์นะ เพราะมันช่วยปกป้องแบคทีเรียและสิ่งสกปรกออกจากบริเวณนั้น เหมือนขนตาของเราที่ช่วยกรองสิ่งสกปรกไม่ให้เข้าตา เพราะฉะนั้นการไม่มีขนบริเวณนั้นเลย นอกจากจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น (โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้าห้องน้ำสาธารณะ!) ยังทำให้เกิดการเสียดสีโดยตรงกับกางเกงในที่อาจจะทำให้บริเวณนั้นระคายเคืองได้ง่ายด้วย ทางที่ดี ถ้าอยากจะแว็กซ์ก็แค่บิกินี่แว็กซ์ก็พอจ้ะ…
กางเกงในต้องตากให้โดนแดด
เคยคุยกับคุณหมอสูติฯท่านหนึ่ง ท่านบอกว่า หน้าฝนเนี่ย คนไข้จะเข้ามาหาหมอเพราะเป็นเชื้อราในช่องคลอดกันเยอะมาก สาเหตุน่ะเหรอคะ…เป็นเพราะว่ากางเกงในไม่โดนแดด! เนื่องจากความอับชื้นนั้นสามารถก่อให้เกิดเชื้อรา ยิ่งกางเกงในที่อยู่ในจุดใต้ร่มผ้าและอยู่กับน้องสาวเราทั้งวันยิ่งเป็นบ่อเพาะเชื้อราชั้นดี! อาการของเชื้อราในช่องคลอดคือมีตกขาวลักษณะเป็นก้อน กลิ่นอ่อนๆคล้ายโยเกิร์ตหรืออาจจะไม่มีกลิ่น และมาพร้อมกับอาการคันม๊ากกก แถมถ้าเป็นแล้วครั้งหนึ่งจะมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้ง่ายขึ้นด้วย ถ้ามีอาการแบบนี้ ไปหาหมอด่วนเลยจ้า
ปัสสาวะหลังมีเพศสัมพันธ์
ร่างกายของผู้หญิงนั้นไม่เหมือนผู้ชาย ท่อปัสสาวะของผู้หญิงเราสั้นกว่าแถมอยู่ใกล้กับช่องคลอดและทวารหนัก ทำให้เราเสี่ยงต่อการเป็นโรคท่อปัสสาวะอักเสบมากกว่าผู้ชาย เพราะฉะนั้นหลังมีเพศสัมพันธ์ คุณผู้หญิงควรรีบไปปัสสาวะ เพราะสามารถช่วยชะล้างแบคทีเรียที่อาจจะเข้าสู่มดลูกของคุณได้ และยังช่วยลดโอกาสการเกิดโรคท่อปัสสาวะอักเสบได้ด้วย อ่อ…อีกอย่างหนึ่งคือ ก่อนมีเพศสัมพันธ์ก็อย่าลืมล้างจุดซ่อนเร้นของคุณและคนรักก่อนด้วยละ ช่วยลดแบคทีเรียได้อีกทางเหมือนกันค่ะ
ถ้ามีอาการเหล่านี้ ไปหาคุณหมอด่วน!
- ตกขาวมีสีหรือกลิ่นผิดปกติ ไม่ว่าจะเป็นสีเหลือง สีเขียว หรือกลิ่นผิดปกติอย่างกลิ่นคาวปลา กลิ่นเหม็นเปรี้ยว
- มีเลือดออกผิดปกติ เช่น เลือดออกกระปิดกระปอยโดยที่ไม่ใช่เลือดประจำเดือน หรือมีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์
- ปวดท้องประจำเดือนมากผิดปกติ (ปวดจนไข้ขึ้น ปวดจนเป็นลม)
สุดท้ายแล้ว อย่าลืม ไปหาคุณหมอสูตินรีเวชผู้เชี่ยวชาญอย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก และคัดกรองโรคอื่นๆเกี่ยวกับจุดซ่อนเร้นของเราด้วยละคะ แค่นี้ ว่าที่เจ้าสาวก็จะได้มีสุขภาพจุดซ่อนเร้นที่ดี ห่างไกลจากโรคได้แล้วละค่ะ
เอาละ ดูแลจุดซ่อนเร้นให้ห่างไกลโรคแล้ว ลองมาอ่านเกี่ยวกับ การบิ้วท์จุดซ่อนเร้นให้ห๊อมมมหอมพร้อมสำหรับคืนวันแต่งงาน กันต่อเลย
credit story: brides.com
credit photo: www.caitlinwallacerowland.com
a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a
a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a
เสริมลุคงานแต่งไทยให้ดูหรูด้วยสายกั้นประตูเงินประตูทองสุดบรรเจิด
หลากไอเดีย สายกั้นประตูเงินประตูทอง สุดบรรเจิด
หมดยุคปลดสร้อย โซ่ หรือเข็มขัดมาทำเป็น สายกั้นประตูเงินประตูทอง กันอีกแล้ว เพราะแพรว wedding มีไอเดียใหม่ไฉไลกว่าเก่ามานำเสนอกับสายกั้นประตูเงินประตูทองที่งดงามช่วยเสริมภาพลักษณ์ให้งานไทยของบ่าวสาวดูสมบูรณ์แบบมาฝาก
สายกั้นประตูเงิน-ประตูทองแบบมาลัยกลมพวงใหญ่แต่งอุบะพู่ ดูเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยเสน่ห์ความเป็นไทย
สายกั้นประตูเงิน-ประตูทองแบบเถาวัลย์ดอกไม้ ช่วยสร้างบรรยากาศหวานๆ ให้กับงานได้เป็นอย่างดี
เก๋ไก๋อย่างไทยด้วยสายกั้นประตูเงิน-ประตูทองที่นำไอเดียมาจากมาลัยลูกโซ่
สายกั้นประตูเงินประตูทองแบบเถาวัลย์เหมาะสำหรับงานแต่งธีมสีเขียวหรือธีมรัสติก
สายกั้นประตูเงิน-ประตูทองดอกรักแต่งตาข่ายดอกพุด อุบะขาเดียว และอุบะแขก วิจิตรงดงามเหมาะสำหรับงานแต่งไทยอย่างที่สุด
แต่งแต้มสีสันให้งานด้วยสายกั้นประตูเงิน-ประตูทองที่ร้อยเรียงจากกลีบกุหลาบแดงเป็นมาลัยกลมพวงใหญ่แต่งอุบะไทยธรรมดา
สายกั้นประตูเงิน-ประตูทองไข่มุกที่เสริมความเป็นไทยให้โดดเด่นด้วยอุบะพู่สีเดียวกับธีมงาน
เอาใจบ่าว-สาวตี๋หมวยด้วยสายกั้นประตูเงิน-ประตูทองไข่มุกแต่งอุบะประยุกต์สไตล์จีน
ดูแบบสายกั้นประตูเงินประตูแล้ว เรื่องนี้ก็ต้องรู้เหมือนกันนะ ทริคเด็ด!! พูดยังไงให้ผ่านประตูเงินประตูทองแบบฉลุย!
ขอบคุณภาพบางส่วนจาก : news.sanook.com, trend.horoworld.com, bloggang.com, lonely-rooyang.com, rainforest.co.th
a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a
สไตล์ชุดแต่งงานในปี 2019 จากเหล่าสไตล์สิสต์ชื่อดังที่เจ้าสาวไม่ควรพลาด
หากคุณเพิ่งถูกแฟนหนุ่มคุกเข่าขอแต่งงานในช่วงต้นปีแบบนี้แล้วล่ะก็ แน่นอนว่างานแต่งนั้นต้องตามมาอีกไม่ช้าแน่นอน และแน่นอนว่าการเตรียมงานรวมไปถึงเรื่องความสวยความงามนั้นก็ต้องตามมาติดๆ โดยเฉพาะเรื่องชุดแต่งงานที่เหล่าเจ้าสาวมักจะให้ความสำคัญมว๊ากกกก แถมแค่ความสวยงามอย่างเดียวยังไม่พอแต่ต้องอินเทรนด์ด้วย ซึ่งแน่นอนว่าหากเจ้าสาวจะเลือกช้อปชุดแต่งงานทั้งทีก็ต้องเลือกคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุดเพื่อไม่ให้ตกยุคใช่ไหมล่ะ แพรว wedding เลยอยากให้ว่าที่เจ้าสาวของเราเก๋ล้ำกว่าใครเลยจัดสไตล์แฟชั่น ชุดแต่งงาน 2019 มาให้ซะเลย
1. ชุดแต่งงานหลากเฉดสี
จากวันนี้ไปชุดแต่งงานสีขาวหรือสีงาช้างจะไม่ใช่ตัวเลือกแรกที่เจ้าสาวมองหาอีกแล้ว “เพราะเจ้าสาวยุคใหม่อยากที่จะเปลี่ยนสไตล์ที่ซ้ำซากให้มีเอกลักษณ์และปรับลุคให้น่าประทับใจมากขึ้น กับการเลือกสวมชุดแต่งงานที่มีสีสันมากกว่าการสวมชุดแต่งงานสีขาวแบบเดิมๆ” ผู้จัดการด้านแผนกสินค้าของแบรนด์ David’s Bridal กล่าว “สำหรับเจ้าสาวที่ยังยึดติดกับสไตล์เดิมๆ หลายคนก็ยังคงมองหาชุดแต่งงานในโทนสีแชมเปญหรือสีบลัช แต่สำหรับเจ้าสาวหัวสมัยใหม่กลับมองไกลกว่านั้นและเลือกลุคที่ดูสนุกสนานอย่างชุดแต่งงานในโทนสีน้ำเงิน, สีลาเวนเดอร์, สีเงิน หรือสีทอง ที่จะช่วยสร้างความโดดเด่นให้กับเจ้าสาวได้มากกว่า”
2. ความเมทัลลิคต้องมี
แน่นอนว่าสาวๆ มักจะได้เห็นความเจิดจรัสของความเป็นเมทัลลิคในทุกรันเวย์ ตั้งแต่ชุดราตรี ลุคเมคอัพ ไปจนถึงเครื่องประดับต่างๆ และดูเหมือนว่าเทรนด์เมทัลลิคนี้กำลังคืบคลานเข้าไปอยู่ในทุกที่ของโลกแฟชั่น แม้กระทั่งแฟชั่นชุดแต่งงาน “การผสมผสานความเป็นเมทัลลิคกับสีทอง สีโรสโกลด์ และสีเงิน ต่างก็ได้รับความนิยมมากขึ้นในโลกของแฟชั่นและจะเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่โดดเด่นสำหรับลุคเจ้าสาวในปี 2019 ด้วย” ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารของ USA Bride และ Dareth Colburn Bridal Collection กล่าว “ตั้งแต่การมิกซ์แอนด์แมตช์ความเป็นเมทัลลิคเข้าไปในเครื่องประดับ เฮดแบนด์ เข็มขัดชุดแต่งงาน และอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่จะมีให้เห็นมากขึ้นแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน”
3. ชุดแต่งงานแบบหน้าสั้นหลังยาว
ชุดแต่งงานความยาวเสมอพื้นหรือชายกระโปรงลากยาว 3 เมตรต้องหลีกทางให้กับชุดแต่งงานแบบหน้าสั้นหลังยาวเมื่อก้าวเข้าสู่แฟชั่นชุดแต่งงานในปี 2019 ซึ่งเป็นรูปแบบชุดที่ให้ลุคน่าหลงใหล “รูปทรงชุดแต่งงานนี้จะต้องมาพร้อมกับรองเท้าส้นสูงเก๋ๆ และสถานที่จัดงานแต่งแบบสบายๆ ที่ดูไม่เป็นทางการมากนัก เช่น งานแต่งแบบเอ้าท์ดอร์”
4. เครื่องประดับจากธรรมชาติ
เจ้าสาวยุคใหม่สวยอย่างเดียวไม่ได้แต่ต้องฉลาดเลือกใช้วัตถุดิบด้วยนะคะ หากเจ้าสาวกำลังมองหาเครื่องประดับแนะนำให้ใส่เป็นเพชรพลอยเทียมหรือไข่มุกที่เป็นวัตถุดิบจากธรรมชาติ เช่น “คริสตัล, มุกเคชิ (ไข่มุกที่มีรูปทรงไม่กลมเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 ซม. ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากการเลี้ยงหอยมุก), โอปอล หรือวัสดุบางอย่างที่อาจจะช่วยสร้างลุคของเจ้าสาวให้ดูแตกต่างไปจากเดิม ไม่ว่าจะเป็นเฮดพีชหรือเครื่องประดับ แล้วอย่าลืมเลือกรูปทรงของเครื่องประดับให้ดูมีความอ่อนช้อยบิดพลิ้ว เช่น เฮดแบนด์สไตล์เถาวัลย์ที่ประดับไว้บนศีรษะ แทรกไว้ในเปียสวยหวาน หรือจะครอบไว้ที่มวยผมก็ได้ รวมไปถึงแอคเซสซอรี่เบสิคอย่างสร้อยคอและสร้อยข้อมือด้วย เพียงแค่เลือกให้เข้ากับสไตล์ของตัวเองรับรองว่าจะช่วยให้ลุคของเจ้าสาวดูโดดเด่นดูดีมีเอกลักษณ์แน่นอน
5. กลิ่นอายสไตล์เจ้าหญิง
ถึงแม้เจ้าสาวชาวไทยจะไม่ค่อยอินกับการแต่งงานของเจ้าชายแฮร์รี่กับเมแกน มาร์เคิล สักเท่าไหร่ แต่เชื่อเถอะว่าชุดแต่งงานที่เมแกนเลือกใส่ในวันสำคัญนั้นจะเป็นตัวกำหนดทิศทางเทรนด์ของปี 2019 อย่างแน่นอน “เมื่อเหล่าดีไซเนอร์รู้ว่าเมแกนจะเข้าพิธีเสกสมรสอย่างเป็นทางการกับเจ้าชายแฮร์รี่ ทุกคนต่างก็ตื่นเต้นและให้ความสนใจกับชุดแต่งงานของเธอเป็นอย่างมากเช่นเดียวกับความตื่นเต้นเมื่อครั้งชุดของ แคเธอริน ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ (เคต มิดเดิลตัน)” ผู้จัดการบริษัทรับจัดอีเว้นต์ Bold Catering & Design กล่าว ซึ่งแบรนด์ดีไซเนอร์ชื่อดังที่ตื่นเต้นไปกับลุคของเจ้าหญิงก็มีทั้ง Alexander McQueen, Vera Wang, Monique Lhuillier และ Carolina Herrera รับรองว่าคอลเลคชั่น 2019 นั้นจะมีต้องมีชุดแต่งงานสุดทันสมัยในสไตล์เจ้าหญิงแน่นอน
ตีแผ่ความเชื่อวันแต่งงาน เพราะอะไรบ่าวสาวห้ามเจอกันก่อน
ความเชื่อวันแต่งงาน ที่รู้ไว้ก็ดี
หลายคนคงเคยได้ยินความเชื่อวันแต่งงานที่ว่า ห้ามบ่าวสาวเจอกันก่อนที่จะถึงวันแต่งงาน บางบ้านก็บอกว่าห้ามเจอกันก่อน 1 วัน บางบ้าน 3 วันบ้าง 7 วันบ้าง แล้วแต่ ความเชื่อวันแต่งงาน ที่แต่ละบ้านยึดถือปฏิบัติ แต่เคยคิดสงสัยไหมคะว่า ไหนๆ ก็จะแต่งกันอยู่แล้ว จะมาห้ามไม่ให้เจอกันทำไม เราจึงเสาะหาเหตุผลมาไขข้อสงสัยนี้
กุศโลบายอย่างหนึ่งที่ แพรว wedding ไปค้นเจอมาก็คือ “เพื่อฝึกความอดทน” ค่ะ อุ๊ต๊ะ! นี่จะแต่งงานนะคะไม่ได้เรียน รด. ทำไมจะต้องฝึกความอดทนด้วย คำตอบก็คือ ทนต่อความคิดถึง ทนให้ถึงเวลาที่เหมาะสม และที่สำคัญคือ การใช้ชีวิตคู่หลังจากแต่งงานนั้น บ่าวสาวจะต้องมีน้ำอดน้ำทน อดทนอดกลั้นให้มากเข้าไว้ แต่เราว่านะคะ ปัจจุบันนี้แค่บ่าวสาวเข้าพิธีวิวาห์ได้ก็ถือว่ามีความอดทนเยอะแล้วนะ เพราะอะไรน่ะเหรอ? ก็เพราะว่ากว่าจะฝ่าด่านของการเตรียมงานที่ทั้งคู่จะต้องทุ่มเถียงกันเพื่อให้ได้ตามแบบที่ตัวเองต้องการนี่ก็ถือว่ายากแล้ว บางคู่ทะเลาะกันใหญ่โต แต่สุดท้ายก็แต่งจนได้ ถือว่าผ่านด่านทดสอบสำคัญไปด่านหนึ่งแล้วนะ
อีกหนึ่งความเชื่อที่สืบถอดกันมาแต่โบราณว่า เนื่องจากในสมัยก่อนผู้หลักผู้ใหญ่มักจะสรรหาชายหญิงที่คู่ควรและเหมาะสมมาแต่งงานกัน หรือที่เราคุ้นเคยก็คือ “การคลุมถุงชน” ซึ่งบางครอบครัวก็อาจจะนัดให้มาดูตัวกันก่อนแต่ง แต่บางครอบครัวก็ให้ไปเจอกันในวันแต่งงานเลย เพราะกลัวว่าถ้าได้เห็นหน้ากันก่อนแล้วเกิดไม่ชอบใจ จะไม่ยอมแต่งงานกันก็เป็นได้
สำหรับเรื่องนี้ฝรั่งเขาก็มีความเชื่อประมาณนี้เหมือนกัน ชาวยุโรปเชื่อกันว่า เคราะห์ร้ายจะมาเยือนคู่รัก หากว่าเจ้าบ่าวแอบไปเห็นชุดเจ้าสาวก่อนพิธีแต่งงานจะเริ่มขึ้น ส่วนชาวยิวเชื่อว่า สัปดาห์สุดท้ายก่อนวันแต่งงาน จะต้องให้บ่าวสาวแยกกัน ไม่เจอหน้ากัน เพื่อลดความกังวลและความตื่นเต้นของทั้งสองฝ่าย อีกทั้งให้ทั้งคู่ได้ใช้เวลาตระเตรียมเรื่องส่วนตัวต่างๆ ที่ต้องทำในฐานะคนโสดเป็นครั้งสุดท้าย และสุดท้ายก็คือ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าเจ้าสาวจะยังคงบริสุทธิ์ ไม่เสียเวอร์จิ้นก่อนจะถึงพิธีแต่งงานจริง
ในยุคปัจจุบันความเชื่อที่ว่าห้ามบ่าวสาวเจอหน้ากันยังคงมีบางบ้านบางครอบครัวถือปฏิบัติอยู่ แต่ก็อย่างว่าล่ะค่ะ เดี๋ยวนี้บ่าวสาวเขาเตรียมงานเองมากขึ้น พ่อแม่มีส่วนร่วมน้อยลงไปทุกที จะมาห้ามไม่ให้เขาเจอกันเพื่อตรวจเช็กความเรียบร้อยของงานก็คงลำบาก เอาเป็นว่าใครสบายใจจะห่างกันสัก 2-3 วัน เพื่อทำตามความเชื่อแบบโบราณก็ดีค่ะ แต่ถ้าใครจะไม่ทำเขาก็ไม่ถือนะคะ แล้วแต่สะดวกเลยจ้า
ความเชื่อเกี่ยวกับการแต่งงานเพิ่มเติม >> 4 ข้อห้ามในงานแต่ง…ความเชื่ออินเตอร์ที่ฝรั่งเขาทำกัน
ข้อมูลบางส่วนจาก : faith.haijai.com, www.tlcthai.com
ภาพ : victoriablaireblog.com
ครีเอทได้ในสไตล์คุณ กับ 5 ดิสเพลย์ แผนผังที่นั่งงานแต่ง สุดเก๋
พูดถึงเรื่องการจัดที่นั่งสำหรับแขกที่มาร่วมงาน หากการจัดการในส่วนนี้ไม่ดีพอก็อาจทำให้เกิดปัญหาได้ เช่น ที่นั่งไม่เพียงพอ แขกที่มาร่วมงานนั่งกระจัดกระจาย ทำให้แขกที่มาเป็นคู่ต้องนั่งแยกกัน ซึ่งจะทำให้แขกรู้สึกไม่ดีได้ เป็นต้น การวาง แผนผังที่นั่งงานแต่ง จึงเป็นอีกเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม ให้ผู้ร่วมงานรู้ว่าตนเองนั่งตรงไหน ไม่ต้องมามัวยืนงง วันนี้เราจึงมีไอเดียครีเอทการจัดดิสเพลย์แผนผังที่นั่งเก๋ ๆ มาแนะนำกัน ใครสนใจก็นำไปใช้โลดเลยจ้า
แผนผังจากกระดานดำ
ถือเป็นวิธียอดฮิตที่ทั้งง่ายและคลาสสิกสุดๆ และหากอยากเก๋ไก๋ไม่ซ้ำใคร คุณสามารถเพิ่มความเป็นตัวเองลงไปด้วยการตกแต่งอะไรก็ได้ในแบบของคุณ จะง่ายๆเพียงวาดรูปดอกไม้ด้วยชอล์กหลากสีลงไป หรือเอาดอกไม้มาตกแต่งให้เลื้อยเกาะไปกับกระดานดำก็น่ารักไปอีกแบบ
แผนผังจากกระถางต้นไม้
สดชื่นแถมยังน่ารักเว่อร์ ไอเดียดีๆที่แค่เห็นก็อดยิ้มไม่ได้แบบนี้ เพียงนำกระถางต้นไม้ขนาดเล็ก จะเป็นไม้ดอก ไม้ประดับ หรือแม้แต่ผักสลัดก็ได้ มาจัดเรียงกันให้สวยงามพร้อมกับติดเลขโต๊ะที่นั่งพร้อมรายละเอียดลงไป สวยสดใสสะดุดตาสุดๆไปเลย
แผนผังจากห่วง
แผนผังไอเดียสุดบรรเจิดแบบนี้เหมาะสำหรับงานแต่งในสวนมากถึงมากที่สุดเลยค่ะ แค่แต่งห่วงเหล็กให้กลมกลืนไปกับธรรรมชาติด้วยการประดับดอกไม้ใบหญ้าเข้าไป แล้วแขวนแผนผังที่นั่งลงไปเป็นขั้นตอนสุดท้าย เพียงเท่านี้คุณก็จะมีแผนผังที่นั่งเริ่ดๆสำหรับงานแต่งในสวนแล้ว
แผนผังจากหน้าต่าง
เรียกว่าสวยและคลาสสิกสุดๆ เพียงแค่ใช้หน้าต่างกรุกระจกใส เขียนแผนผังที่นั่งตามช่อง แล้วพิงเอาไว้ที่ผนัง ทำให้เก๋ขึ้นไปอีกหลายเลเวลจากการเพิ่มลูกเล่นได้โดยการนำของเก่ามาวางไว้ ดูดีมีความวินเทจสไตล์ม้ากมาก
แผนผังจากแผนที่
อีกวิธีแสนบรรเจิดที่จับเอาแผนที่มาทำแผนผัง งานนี้เพิ่มสีสันให้งานวิวาห์ของคุณได้มากทีเดียว ครีเอทออกมาแบบนี้น่าจะโดนใจคู่รักนักเดินทางอยู่ไม่น้อยเลยใช่ไหมคะ
>> ดูไอเดียงานแต่งงานเพิ่มเติม คลิกเลย! <<
cr : rockmywedding.co.uk, christinemcnally.co.uk
5 สไตล์เนคไท & โบไท แมตช์ลุค ชุดเพื่อนเจ้าบ่าว สไตล์ซัมเมอร์
ซัมเมอร์ซีซั่นแห่งความสดใส กับลุคแอคเซสซอรี่ ชุดเพื่อนเจ้าบ่าว สุดจี๊ดดดด
ขอต้อนรับเข้าสู่หน้าร้อนอย่างเป็นทางการ!! หากหนุ่มๆ แก๊งไหนที่ได้รับเชิญให้ไปงานแต่ง หรือไปเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้กับเพื่อนรัก แพรว wedding อยากจะนำเสนอแอคเซสซอรี่สุดจี๊ดที่เข้ากับซีซั่นซัมเมอร์ได้เป็นอย่างดีอย่าง เนคไท และโบไท สีสันสดใส และลวดลายจัดจ้าน ที่สามารถนำมาแมตช์ให้กับ ชุดเพื่อนเจ้าบ่าว ได้แบบไม่ยากเลย
สีสันคุมโทน แต่โดดเด่นด้วยลายตาราง
ต้อนรับฤดูอันสดใสด้วยเฉดสีน้ำเงิน และสีเขียว และถ้าจะให้ดีแนะนำให้แมตช์สีสันสุดป๊อปนี้เข้ากับชุดเพื่อนเจ้าบ่าวอย่างสูทสีเทา ที่ด้านในเป็นเชิ้ตสีขาว เพื่อที่แอคเซสซอรี่ของคุณจะได้โดดเด่น และไม่แย่งซีนกับสูทตัวเก่ง
สดใสให้สุดด้วย สีเหลือง
ด้วยสีสันอันสดใสและโดดเด่นอย่างสีเหลือง ก็อาจจะเบรกด้วยการเลือกใส่เนคไทแบบสกินนี่ แต่ก็ยังสามารถสร้างลุคนี้ให้ดูสนุกสนานมากขึ้นด้วยการแมตช์สีเหลืองเข้ากับเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินลายสก๊อตที่ด้านในที่เข้ากับบรรยากาศงานแต่งงานในสวนสุดๆ
โบไทสไตล์ มัลติ-คัลเลอร์
สร้างลุคชุดเพื่อนเจ้าสาวให้สดใสและโดดเด่นด้วย โบไทหลากหลายเฉดสีสันในหนึ่งชิ้น ที่จะช่วยดึงบุคลิกของแก๊งเพื่อนเจ้าสาวให้ดูดีมีเอกลักษณ์ได้แบบยกแก๊งแน่นอน … แถมไม่ดูเป็นบริกรด้วยน้า
Paisley ลวดลายสไตล์วินเทจ
หนุ่มๆ สายฮิปสเตอร์ที่รักในสไตล์แบบวินเทจ เนคไท หรือโบไทลวดลาย Paisley นี่แหละที่ตอบโจทย์มากที่สุด โดยเลือกแมตช์กับสูทสีเรียบและเชิ้ตสีพื้นที่ด้านใน เท่านี้ก็ได้ลุคแบบบอยๆ ย้อนยุคกันแบบยกแก๊งแล้ว
โดดเด่นมีสไตล์ด้วย โบไทแบบ DIY
สร้างลุคสูทธรรมดาให้ดูโดดเด่นด้วยดีไซน์โบไทแบบ DIY สุดเท่ เช่น อาจจะเลือกใช้ผ้าหรือลวดลายแบบพิเศษที่มีทำขึ้นเป็นพิเศษเฉพาะแก๊งคุณเท่านั้น หรือจะเลือกดีไซน์การผูกโบไทแบบเท่ๆ ที่ไม่เหมือนใครก็ได้เช่นกัน งานนี้แล้วแต่ความครีเอทของแต่ละแก๊งเลยจ้า
ดูสไตล์ชุดเพื่อนเจ้าบ่าวเพิ่มเติมได้ที่นี่ 5 สไตล์ชุดเพื่อนเจ้าบ่าวที่หนุ่มๆ ยุคนี้ ห้ามพลาด
ภาพ Pinterest
a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a
a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a
ไอเดียเก็บรักษา พวงมาลัยงานแต่ง ในกรอบรูป นานเพียงใดแต่ความทรงจำยังอยู่
มาลัยงานแต่ง ของมงคลที่บ่าวสาวต้องเก็บรักษาไว้อย่างดี
แพรว Wedding เลยจะขอนำไอเดียการเก็บรักษา มาลัยงานแต่ง รวมไปถึงของมงคลต่างๆ ไว้ในกรอบรูป ที่เรียกได้ว่า ถึงแม้งานแต่งงานจะผ่านพ้นไปนานเพียงใด แต่ความทรงจำและความหวานชื่นจะยังคงอยู่เสมอไม่เสื่อมคลายแน่นอน
ซึ่งไอเดียนี้กำลังเป็นที่นิยมในหมู่บ่าวสาว ที่ต้องการจะเก็บรักษาของมงคลในงานแต่งงานไว้ เช่น พวงมาลัยงานแต่งมงคลแฝด หรือของชำร่วย โดยนำมาใส่กรอบให้สวยงาม แล้วนำไปประดับไว้ที่บ้านหรือเรือนหอก็ได้ โดยเราได้มีโอกาสพูดคุยกับ “คุณมด จากร้านมดล้านกรอบ” ที่บ่าวสาวกำลังนิยมนำของมงคลในงานแต่งมารับบริการกับทางร้านมากมาย มาดูกันดีกว่าบริการนี้คืออะไร แล้วบ่าวสาวต้องเตรียมอะไรบ้าง
ลักษณะงานที่ทางร้านให้บริการ
งานที่ทางร้านกำลังให้บริการอยู่ คือเน้นงานกรอบรูปทุกประเภท ตั้งแต่ใส่กรอบรูปทั่วไป สั่งตัดกรอบรูปแบบต่างๆ รวมไปถึงใส่กรอบของมงคล แต่ที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้คือ การนำมาลัยงานแต่ง มาใส่กรอบรูป เพราะบ่าวสาวต้องการที่จะเก็บรักษาเอาไว้ดู ไม่ปล่อยให้เหี่ยวเฉาและทิ้งไป
แรงบรรดาลใจในการนำมาลัยงานแต่งมาใส่กรอบรูปมาจากอะไร
จริงๆ แล้ว ร้านเราเปิดให้บริการมานานกว่า 20 ปี แต่เดิมจะมีบ่าวสาวนำมาลัยงานแต่ง มาขอให้ทางร้านใส่กรอบให้ และหลังๆ พอทำมาได้สักระยะ บ่าวสาวจะขอให้นำของมงคลในงานแต่งงานใส่ลงไปในกรอบนอกเหนือจากมาลัยงานแต่งด้วย เช่น มงคลแฝด การ์ดเชิญร่วมงาน ของชำร่วยในงานแต่ง เป็นต้น
สิ่งที่สามารถใส่ลงไปในกรอบรูปได้มีอะไรบ้าง
จริงๆ ใส่ได้เยอะมาก แล้วแต่บ่าวสาวต้องการเลย แต่หลักๆ ที่นิยมก็คือ มาลัยงานแต่ง การ์ดเชิญ ของชำร่วย บูโทเนียร์ (ดอกไม้ติดหน้าอกเจ้าบ่าว) บางคู่อาจจะนำเงินที่เป็นเงินสินสอดใส่ลงไปด้วย เช่น แบงค์พัน 1 ใบ แบงค์ร้อย 100 ใบ หรือไม่ก็เป็นรูปถ่ายในงานแต่งงานที่ปริ้นต์ออกมาขนาดเล็กๆ
มีราคาเท่าใดบ้าง
ราคาที่ให้บริการจะแล้วแต่ขนาดของงานที่ทำออกมา ปกติจะเฉลี่ยอยู่ที่ 2,200-2,800 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดของกรอบรูปที่ใช้ เพราะบ่าวสาวแต่ล่ะคู่จะนำของใส่ลงไปไม่เท่ากัน ถ้ามากหน่อยกรอบก็จะใหญ่ขึ้น หรือบางคนใส่แค่ มาลัยงานแต่งกับมงคลแฝดกรอบก็จะเล็กลงมาหน่อย และอีกสิ่งที่ทำให้ราคาแตกต่างกันคือการออกแบบ ขึ้นอยู่กับว่าบ่าวสาวจะเลือกใช้กรอบรูปรูปทรงใด เป็นกรอบเรียบๆ ไม่มีลายก็จะถูก และการเลือกใส่กระดาษก็มีผลต่อราคา เช่น ใส่กระดาษภายในชั้นเดียว หรือสองชั้น เป็นต้น
ถ้าบ่าวสาวต้องการนำมาลัยงานแต่ง รวมถึงของอื่นๆ มาใส่กรอบ ใช้เวลาทำนานหรือไม่
ขึ้นอยู่กับงานว่าของมากน้อยเพียงใด แต่หลักๆ ใช้เวลาทำประมาณเดือนครึ่งถึงสองเดือน เพราะเรามีบริการอบมาลัยงานแต่ง ให้แห้งและออกมาสวยงาม เพราะถ้าหากไม่อบมาลัยก่อน เมื่อนำมาลัยไปใส่กรอบจะมีเชื้อรา และแน่นอนว่าออกมาจะไม่สวยและดูสกปรก ดังนั้นเราจึงต้องอบมาลัยให้แห้ง และใช้สารเคมีทำให้มาลัยมีสีทั้งๆ ที่แห้งแล้ว โดยขั้นตอนนี้จะใช้เวลาถึง 1 เดือนกว่าจะเสร็จสมบูรณ์ หรือบางคู่นำมาลัยงานแต่งมาให้เราใส่กรอบ แต่มาลัยเหล่านั้นชำรุดเสียหาย เช่น อุบะหลุดบ้าง หรือช่อมาลัยขาดบ้าง ทางร้านก็จะซ่อมให้ทุกกลีบก่อนที่จะนำไปใส่กรอบ เพราะการที่บ่าวสาวไว้ใจให้เราทำแล้ว แสดงว่าของทุกอย่างในนี้ล้วนเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการเก็บไว้ เป็นความทรงจำที่ไม่สามารถสร้างขึ้นมาใหม่ได้ ดังนั้นเราจึงต้องทำออกมาให้ดี และตั้งใจทำกับงานทุกชิ้น
เริดไหมล่ะกับไอเดียการเก็บรักษามาลัยงานแต่งในกรอบรูป ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเพียงใดแต่ความทรงจำก็จะยังคงอยู่ในกรอบรูป ราวกับทุกอย่างเพิ่งผ่านไปเมื่อวาน (หวานสุดๆ ไปเลย) ถ้าบ่าวสาวคู่ไหนสนใจก็สามารถติดต่อร้าน มดล้านกรอบได้นะจ๊ะ นำมาลัยงานแต่ง รวมถึงของมงคลมาใส่กรอบไว้ดีกว่ารอให้เหี่ยวเฉาแล้วก็ทิ้งไปเนอะ
สำหรับบ่าวสาวที่อยากได้มาลัยบ่าวสาวสวยๆ เพื่อนำมาใช้ในวันแต่งงาน แต่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกแบบไหน หรือลายไหนดี ลองมาดู มาลัยบ่าวสาวมีกี่ลาย เลือกอย่างไรให้งดงาม มาฟังคำแนะนำจากกูรูกัน
ภาพและข้อมูลจากร้าน : มด ล้านกรอบ โทร 086 928 8599, ไลน์ @modframe
‘จำปาดอง’ ภูมิปัญญาชาววัง ที่แจกเป็น ของชำร่วยงานแต่ง ก็ดี ของรับไหว้ก็เริด
หากพูดถึง ของชำร่วยงานแต่ง หรือของรับไหว้ผู้ใหญ่ในงานแต่งนั้น มีเยอะแยะมากมายให้บ่าวสาวได้เลือก แต่แพรว wedding จะขอนำเสนอวิธีการทำของชำร่วยง่ายๆ แถมเปรียบเสมือนของมงคลที่นำมาใช้บูชาพระได้ และยังเป็นภูมิปัญญาของคนไทยแท้ๆ อีกด้วย
ของชำร่วยงานแต่ง หรือของรับไหว้ผู้ใหญ่ที่เราพูดถึงนั้นจะเป็นอะไรตามไปดูกันเลย
และสิ่งที่เรากำลังจะพูดถึงก็คือ ‘จำปาดอง’ นั่นเองค่ะ … เอ๊ะ ไม่คุ้นชื่อกันใช่ไหมจ๊ะ มาๆ จะขอเล่าความเป็นไปเป็นมาของจำปาดองให้ฟังกันก่อน จำปาดองคือภูมิปัญญาของเจ้าจอมหม่อมราชวงศ์ สดับ ลดาวัลย์ เจ้าจอมในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ท่านถนัดงานช่างฝีมือ มีความคิดสร้างสรรค์ โดยสรรสร้างประดิษฐ์งานฝีมือที่แปลกใหม่ขึ้นมามากมาย รวมไปถึงจำปาดองด้วย
ซึ่งแต่เดิมนั้นดอกจำปาเป็นดอกไม้ชั้นสูงของเหล่าเจ้านายในวัง และเมื่อครั้งที่พระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรีพระบรมราชินีนารถ จัดงานฉลองครบชันษาครั้งยิ่งใหญ่ เจ้าจอมสดับคิดทำของถวายตามแบบชาววัง ท่านได้หาดอกจำปาที่มีมากมายที่อยู่ในเขตวังหลวง มาจัดเรียงลงโถแก้ว และคัดสรรเฉพาะดอกที่สวยงาม สมบูรณ์ แล้วนำสารส้มมาต้มละลายกับน้ำสะอาดหรือน้ำฝน ทิ้งไว้จนเย็นสนิท แล้วเทลงใส่ในขวดดองไว้ 1 เดือน ปรากฎว่าสีและทรงของดอกจำปานั้นยังคงสภาพสมบูรณ์และสวยงามดั่งเดิมไม่เหี่ยวเฉา จึงนำทูลเกล้าถวายพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรีพระบรมราชินีในรัชกาลที่ 5 ในงานวันฉลองวันประสูตินั้นเองพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรีทรงสั่งว่าสวยงามแปลกดีเป็นที่พอพระทัยเป็นอย่างยิ่ง จึงทำให้ผู้คนในสมัยนั้นต่างพากันชื่นชม ในหลวงรัชกาลที่ 5 จึงรับสั่งให้มีการสอนทำดอกจำปาดอง และนำมาถวายเป็นพุทธบูชาที่วัดเบญจมพิตรต่อมา
ในปัจจุบันภูมิปัญญานี้ค่อยๆ จางหายไป แต่บอกเลยว่า จำปาดองนั้นทำได้เองไม่ยาก มีวิธีการทำอย่างไร มาดูกันค่ะ
อุปกรณ์
- ดอกจำปาสด
- สารส้ม
- น้ำฝน หรือ น้ำเปล่า ที่ไม่มีคลอรีน (ถ้าเป็นน้ำประปาต้องตั้งทิ้งไว้ 1 เดือนเพื่อให้คลอรีนระเหยออกไป)
- สารส้ม
- ขวดสำหรับเก็บดอกจำปา
- ก้านมะพร้าว
วิธีการทำ
- นำดอกจำปาสดมาล้างให้สะอาด ล้างอย่าเบามือระวังดอกไม้ช้ำ
- นำน้ำเปล่าหรือน้ำฝนไปต้มให้เดือด แล้วใส่สารส้มลงไป กะให้พอดีไม่มากไม่น้อยจนเกินไป เพราะถ้าเยอะสารส้มจะจับตัวเป็นก้อนผลึก ถ้าน้อยไปจะทำให้ดอกจำปาดำ
- เมื่อต้มเสร็จ ทิ้งเอาไว้รอให้สารส้มผสมกับน้ำให้เข้ากัน รอจนน้ำเย็นสนิท จากนั้นใส่ดอกจำปาลงไป หากต้องการให้ดอกเรียงตัวอย่างสวยงาม ควรนำก้านมะพร้าวมากลัดดอกเอาไว้ ดอกจำปาจะได้เรียงตัวสวยภายในขวดแก้ว
- จากนั้นปิดฝาให้สนิท ห้ามอากาศเข้า และห้ามเปิดฝาเด็ดขาด
- เสร็จเรียบร้อยค่ะ
เราจะดูได้หลังจากทำการดอง 3 วัน ว่าเราดองดอกจำปาได้สำเร็จหรือไม่ ขอบอกก่อนว่าดอกจำปาดองสามารถนำไปบูชาพระได้ด้วยนะคะ ตราบใดที่ไม่เปิดฝาขวดรับรองว่าดอกจำปาจะไม่มีทางดำเด็ดขาด และสามารถเก็บไว้ได้เป็นสิบๆ ปีเลยล่ะจ่ะ เป็นไงคะทำตามได้ไม่ยากเลยใช่ไหม แถมอุปกรณ์ก็ไม่เยอะ อีกทั้งยังเป็นของมงคลอีกด้วย ว่าที่บ่าวสาวก็ลองดูเนอะว่าจะนำโหลจำปาดองสวยหรูนี้ ไปเป็นของชำร่วยหรือของรับไหว้ดี ซึ่งไม่ว่าจะทางไหนก็รับรองว่าถูกใจผู้รับแน่นอน นอกจากนี้ เรายังมีวิธีการทำบุหงารำไปด้วยนะคะ สามารถเข้าไปดูได้เลย มาดูวิธีการทำบุหงารำไป เครื่องหอมโบราณไทยที่ไม่เคยเอ้าท์
ภาพจาก : TWITTER, DESKGRAM, ThaiTechno.net
a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a
a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a
ดอกคาลล่าลิลลี่ อีกหนึ่งนางเอกของงานแต่งที่สวยงดงามดังเจ้าสาวเช่นคุณ
อยากชวนทุกคนให้มารู้จักกับ ดอกคาลล่าลิลลี่ ที่ได้รับความนิยมในงานแต่งไม่แพ้ดอกกุหลาบ สัญลักษณ์แห่งความรักเลยล่ะ
ดอกคาลล่าลิลลี่ เป็นดอกไม้ที่มีความงดงาม เฉิดฉายได้อย่างโดดเดี่ยว “คาลล่า” มาจากภาษากรีก แปลว่า งดงาม ลักษณะของดอกมีความเรียวยาว มีกลีบดอกเดียวที่โค้งบรรจบกันรับด้วยก้านดอกที่มีความหนาแข็งแรง และมีสีสันที่หลากหลาย นอกจากนี้ยังเป็นดอกไม้ที่บานตลอดปี หากได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง เพราะดอกคาลล่าลิลลี่เป็นดอกไม้พื้นเมืองของทวีปแอฟริกาใต้ ซึ่งมีอุณหภูมิที่อบอุ่นและได้รับปริมาณน้ำที่เพียงพอตลอด จึงช่วยให้ดอกบานสะพรั่งได้เป็นอย่างดี ทำให้เป็นที่ชื่นชอบสำหรับนักจัดดอกไม้และนิยมใช้ในงานแต่งงาน ไม่ว่าจะนำมาเป็นช่อดอกไม้เจ้าสาว บูโทเนียร์ ตกแต่งแจกันบนโต๊ะ และแบ็คดรอป
และด้วยรูปทรงของดอกคาลล่าลิลลี่ จึงเป็นสัญลักษณ์ของความสง่างามและความสว่างไสว ซึ่งมักจะสร้างความประทับใจให้กับผู้รับเสมอ แพรว wedding ได้รวบรวมความหมายของดอกคาลล่าลิลลี่ในแต่ละสีมาให้ทุกคน แถมด้วยไอเดียการจัดดอกคาลล่าลิลลี่ในวันสำคัญของคุณด้วยนะ
ดอกคาลล่าลิลลี่กับความหมายที่แสนลึกซึ้ง
- สีขาว สื่อถึงความบริสุทธิ์และความไร้เดียงสา ได้รับการกล่าวขานว่า สร้างเสน่ห์และมอบความสุขสันต์โชคดีให้กับงานวิวาห์
- สีเหลือง สื่อถึงความรู้สึกขอบคุณ นอกจากนี้ยังหมายถึงความสุขและการเติบโต เหมาะกับการจัดช่อดอกไม้เพื่อเฉลิมฉลองและแสดงความยินดี
- สีชมพู สื่อถึงความรักและความชื่นชม เหมาะสำหรับมอบให้เพื่อแสดงถึงความตั้งใจในการขอบคุณ
- สีม่วงลาเวนเดอร์ สื่อถึงความซื่อสัตย์และความยินดี เหมาะสำหรับคนที่คุณรัก หรือเพื่อนที่กำลังพักฟื้นจากการป่วยเป็นเวลานาน นอกจากนี้ยังเป็นสัญลักษณ์ของความหวังด้วยเช่นกัน
- สีน้ำตาลอมแดง สื่อถึงเสน่ห์และความหลงใหล เหมาะในการแสดงความรัก ความโรแมนติกผ่านดอกไม้ช่อนี้
- สีฟ้าน้ำเงิน สื่อถึงความเป็นผู้หญิงและความสวยงาม เหมาะสำหรับเป็นของขวัญหรือช่อดอกไม้ให้แก่ผู้หญิงที่รัก
ดอกคาลล่าลิลลี่กับไอเดียในงานแต่งที่งดงาม
- ช่อดอกไม้เจ้าสาว
สามารถจัดโดยใช้เพียงแค่ดอกคาลล่าลิลลี่เพียงชนิดเดียว ก็ทำให้ช่อดอกไม้เจ้าสาวของคุณดูเรียบหรูและโดดเด่นได้ เพราะรูปทรงที่เรียวยาวและเก๋ไก๋แตกต่างจากดอกไม้ชนิดอื่นๆ แถมยังช่วยเสริมความมั่นใจและความสง่าราศีให้กับเจ้าสาวอีกด้วยนะ แถมยังสามารถนำไปจัดแบบมิกซ์แอนด์แมตช์ก็เข้ากันได้ดีกับดอกไม้อื่นๆ เพราะจะช่วยให้ช่อดอกไม้เจ้าสาวดูโก้ขึ้นมาทันทีเลย
- บูโทเนียร์ หรือดอกไม้ติดหน้าอก
ไม่ว่าจะนำดอกคาลล่าลิลลี่เพียงหนึ่งดอก หรือว่าจัดเป็นช่อเล็กๆ พร้อมใบไม้สีเขียวหลากหลายสไตล์ ก็ช่วยเสริมให้สูทของเจ้าบ่าวและทีมเพื่อนเจ้าบ่าวดูดีขึ้นมาทันที แต่อย่าลืมเลือกสีดอกไม้ให้เข้ากับธีมงานแต่งของคุณด้วยนะ
- ตกแต่งแจกัน
อีกหนึ่งพร๊อบที่ช่วยสร้างบรรยากาศภายในงาน ช่วยยกระดับงานแต่งให้ดูคลาสสิกและหรูหราขึ้น เพราะความยาวของก้านดอกคาลล่าลิลลี่เสริมให้ตัวดอกไม้นั้นดูเพรียวยาว ไม่ว่าจะตั้งตามทางเดิน ตั้งตามจุดสำคัญภายในงาน หรือตั้งบนโต๊ะดินเนอร์ก็สวยเพลินตาไปหมด
- แบ็คดรอป
จะจัดแบบเรียบง่ายด้วยการจัดเป็นช่อในแจกันสวยหรูแล้ววางประดับไว้สองข้างของแบ็คดรอป หรือจะเพียงร้อยดอกคาลล่าลิลลี่ต่อกันแล้วห้อยลงจากเพดานลงมาพร้อมกับก้านใบไม้สีเขียว ก็ให้ความรู้สึกใกล้ชิดกับธรรมชาติ หรือจะจัดใส่แจกัน แล้วตั้งวางในแก้วใสใส่น้ำและเทียน ก็สร้างบรรยากาศให้ดูอบอุ่นไม่แพ้กัน
- ช่อเล็กๆ ตามจุดต่างๆ
ตกแต่งภายในงานแต่งงานด้วยการจัดดอกคาลล่าลิลลี่เพียง 2-3 ดอก ตามมุมเก้าอี้แล้วผูกด้วยเชือกหรือริบบิ้นให้เข้ากับธีมงาน ซึ่งการใส่ใจรายละเอียดเล็กน้อยก็สามารถสร้างความประทับใจให้กับแขกได้ด้วยนะ
นอกจากจะจัดดอกไม้ประกอบภายในงานแต่งแล้ว หากคู่รักไหนชื่นชอบดอกไม้และธรรมชาติ และยังไม่ได้ถ่ายพรีเวดดิ้ง เราได้รวบรวม >> Floral Calendar ปฏิทินถ่ายพรีเวดดิ้ง ตามเส้นทางสายดอกไม้ << แล้วจัดเวลาตามไปถ่ายกันเลย
ข้อมูลจาก proflowers/ bouqs/ arenaflowers / ภาพจาก Pinterest/ Pixabay
8 ไอเดียลูกโป่งงานแต่ง ให้งานแต่งเต็มไปด้วยสีสันแถมดูดีมีระดับด้วย
มาสร้างความประทับใจด้วย ไอเดียลูกโป่งงานแต่ง เพื่อสร้างบรรยากาศที่สดใส แต่ชิคๆ ดูดีแน่นอน
ไอเดียลูกโป่งงานแต่ง สำหรับตกแต่งงานแต่งให้เต็มไปด้วยบรรยากาศเหมือนความฝันผสมความน่ารัก ซึ่งส่วนใหญ่แล้วงานแต่งที่ตกแต่งด้วยลูกโป่งจะเป็นสถานที่กลางแจ้ง แต่หากคุณอยากจะนำมาตกแต่งในพื้นที่ปิด เราแนะนำให้คุณเลือกสถานที่ที่มีเพดานสูงโปร่ง เพื่อสามารถจัดวางลูกโป่งได้อย่างสบายตา แต่ว่าจะใช้ลูกโป่งตกแต่งภายในงานแบบอินดอร์อย่างไรดีกัน แพรว wedding จะมาแนะนำไอเดียลูกโป่งแต่งงาน ในสไตล์มินิมอล ตกแต่งน้อยชิ้น แต่ทำให้งานแต่งของคุณดูดีมีระดับและเพอร์เฟกต์แน่นอน!
ป้ายหน้างาน
อันดับแรกเมื่อคุณเดินเข้างานแต่ง สิ่งที่ดึงดูดสายตาที่สุดคือ ป้ายหน้างาน ที่จะบ่งบอกถึงไลฟ์สไตล์ของคู่บ่าว-สาว หรือจะบอกว่าเป็นหน้าเป็นตาของงานก็ได้ เราแนะนำให้ประดับด้วยลูกโป่งจำนวนน้อยชิ้น เพื่อไม่ให้ลูกโป่งโดดเด่นเกินป้าย และควรใช้สีที่ตัดกันด้วยนะ
ทางเดิน
หลังจากเข้างานมาแล้ว เราก็จะเดินกันตามทางเดินใช่ไหมล่ะ หากคุณจัดงานกลางแจ้ง ควรมีจุดเด่นเพื่อบอกทางเดินภายในงาน การตั้งลูกโป่งตามทางเดินจึงเป็นไอเดียที่ดีมากๆ ในการบอกตำแหน่ง เพราะสามารถมองเห็นได้ชัดเจนจากระยะไกลด้วย นอกจากนี้หรือจะวางลูกโป่งตามแนวแถวเก้าอี้ภายในงานพิธี ก็เปรียบเสมือนเส้นทางแห่งความสุขและสดใสของชีวิตคู่ของคุณด้วยนะ ><
เต้นท์
การจัดงานแต่งที่ประดับด้วยลูกโป่งส่วนใหญ่จะจัดกลางแจ้งในพื้นที่ที่กว้างขวางเพื่อให้ความรู้สึกเป็นกันเอง แต่การจัดงานเลี้ยงภายในเต้นท์ก็สามารถตกแต่งให้สวยงามด้วยลูกโป่งได้ แถมยังช่วยให้เต้นท์ธรรมดาดูสวยงามขึ้นอีกด้วย โดยอาจวางลูกโป่งที่มีขนาดใหญ่วางเรียงห่างกันภายในเต้นท์ เพื่อไม่ให้ความรู้สึกอึดอัดกับแขกมากเกินไป แถมด้วยความเป็นลูกโป่งที่บางเบายังช่วยให้ภายในเต้นท์ดูโปร่งโล่งมากขึ้นด้วย
แบ็กดรอป
แบ็กดรอป เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญของงาน และยังเป็นพื้นที่สำหรับถ่ายรูปของบ่าวสาวและแขกอีกด้วย ซึ่งการจะตกแต่งด้วยลูกโป่ง เราแนะนำให้วางลูกโป่งขนาดใหญ่และสายคล้องที่ร้อยเรียงด้วยพู่สีสันที่เข้ากัน โดยวางห่างกันพอประมาณก็ดูสวยแล้ว หรือจะทำเป็นแบ็กดรอปกระดานแล้วประดับด้วยลูกโป่งเล็กๆ หลากสีสัน แต่มีดีไซน์ เพื่อให้ดูเก๋ไก๋ก็ได้นะ
โต๊ะทานอาหาร
ก่อนจะไปนั่งโต๊ะดินเนอร์ เราก็ต้องแวะเขียนอวยพรคู่บ่าว-สาว และรับของชำร่วยจากโต๊ะหน้างานก่อน เพราะฉะนั้นเพื่อให้เห็นจุดนี้ได้อย่างชัด ก็สามารถจัดเรียงลูกโป่งขนาดเล็กที่เต็มไปด้วยสีสันสดใสให้มีความสะดุดตา แถมยังให้ความรู้สึกที่แสดงออกถึงความปิติยินดี ส่วนโต๊ะอาหารอาจประดับด้วยลูกโป่งกลมเพื่อความสดใน เพื่อดึงดูดความสนใจให้แขกรู้สึกอยากทาน เป็นการเพิ่มรสชาติอาหารไปในตัว
ส่วนโต๊ะทานอาหารควรให้ความรู้สึกสบายและผ่อนคลาย อาจประดับลูกโป่งเพียงโต๊ะละ 1-2 ลูก เพราะถ้าวางลูกโป่งที่โต๊ะเป็นจำนวนมาก ถ้ามองแล้วคงจะแปลกๆ และดูอึดอัด เพราะฉะนั้นประดับแต่น้อยชิ้นดีกว่าเนอะ
การตกแต่ง
หากงานแต่งของคุณมีพื้นที่ใช้สอยสะดวก ลองจัดพื้นที่ม้านั่งและคล้องลูกโป่งไว้ที่มุมเก้าอี้ ถ่ายรูปออกมาคงดูน่ารักแบบนี้แน่นอน
หรือหากในพื้นที่มีสระว่ายน้ำล่ะก็ใช้พื้นที่ตรงนี้ให้เป็นประโยชน์ ด้วยการวางลูกโป่งไว้เหนือสระน้ำ ที่ให้ความรู้สึกสดชื่นและสดใสไปอีกแบบ
สำหรับบ่าว-สาว ที่ยังลังเลว่าจะจัดงานแต่งแบบอินดอร์หรือเอ้าท์ดอร์ดีเรามี >> 3 สเต็ปที่บ่าวสาวควรรู้ เกี่ยวกับการจัดการสไตล์งานแต่งงานของตัวเอง
ภาพจาก Pinterest
เติมความสดชื่นให้ความรักด้วย ไอเดียดอกไม้ในงานแต่ง
สิ่งที่ช่วยเพิ่มความสดชื่นในงานแต่งแถมยังมาพร้อมความสดใสก็คือ ดอกไม้ แต่จะเพิ่มอย่างไรให้ดูดีไม่เยอะหรือน้อยจนเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกัน แพรว wedding เลยไปรวบรวม ไอเดียดอกไม้ในงานแต่ง มาฝาก ที่รับรองว่าเหมาะกับงานแต่งงานทุกแบบ แถมยังดูดีมีสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์อีกด้วย
หากสถานที่จัดงานแต่งงานของบ่าวสาวมีอ่างน้ำขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ หรือสระว่ายน้ำ ลองลอยดอกไม้ทั้งดอกไว้ในก็เป็นความคิดที่ไม่เลว แถมยังช่วยเสริมให้บรรยากาศดูดีมีอะไรไปอีก หรือจะประยุกต์ไอเดียนี้มาใช้ในช่วงพิธีรดน้ำสังข์ สำหรับอ่างน้ำรองมือของบ่าวสาวก็ดูน่ารักไปอีกแบบนะคะ
หากบ่าวสาวจัดงานแต่งงานแบบซิทดาวน์ดินเนอร์ ลองทำบอร์ดดอกไม้ที่เขียนเลขที่นั่งหรือโต๊ะของแขกเอาไว้บนใบไม้สีเขียวก็ดูดีไม่น้อย แถมแขกยังเก็บกลับบ้านไปเป็นที่ระลึกได้อีกด้วย
แบ็กดร็อปดอกไม้อาจดูไม่แปลกใหม่ แต่ถ้าบ่าวสาวเลือกเป็นแบ็กดร็อปดอกไม้กระดาษก็อาจจะดูแปลกตาขึ้นสักหน่อย แถมยังจัดไว้นานล่วงหน้าได้แบบไม่ต้องกลัวว่าดอกไม้จะเฉาอีกด้วย และเท็กซ์เจอร์ของกระดาษยังช่วยสร้างบรรยากาศให้งานแต่งงานของบ่าวสาวดูทันสมัยด้วย
สีของค็อกเทลว่าสวยแล้ว ยิ่งถ้าได้เพิ่มกิมมิกเป็นดอกไม้แสนสวยดอกเล็กๆ ลอยอยู่ค็อกเทลสักดอกสองดอกก็ยิ่งช่วยทำให้ค็อกเทลแก้วนั้นดูน่าดื่มมากขึ้น โดยอาจจะเลือกใช้สีของดอกไม้ให้ตัดกับสีของค็อกเทลสักหน่อย เพื่อช่วยดึงดูดสายตาให้แขกเรียกหาไปรับประทาน
เปลี่ยนเซ็นเตอร์ในแจกันแบบเดิมๆ มาเป็นเซ็นเตอร์พีชดอกไม้สีสันสดใสที่พาดยาวอยู่บนโต๊ะอาหารบ้างดีกว่า
ห้อยช่อดอกไม้สีสันสวยหวานไว้ตามจุดต่างๆ ของงาน ก็เป็นอีกหนึ่งไอเดียที่บ่าวสาวสามารถนำมาเป็นกิมมิกไว้ในงานแต่งงานได้ ยิ่งถ้าหากบ่าวสาวจัดงานแต่งงานแบบเอ้าท์ดอร์อาจจะแขวนช่อดอกไม้เหล่านี้ไว้ตามต้นไม้ต่างๆ ก็ช่วยให้บรรยากาศของงานที่มีแต่สีเขียวสดชื่นขึ้นเป็นกอง
หากคุณเป็นเจ้าสาวแสนซนสนุกสนาน แนะนำให้สวมเวลลากยาวที่ประดับไว้ด้วยดอกไม้ รับรองว่าคุณจะได้ลุคที่ดูน่ารักสดใส แถมบรรดาเพื่อนเจ้าสาวต้องอยากได้ไปทำตามแน่นอน
ไม่ว่าจะเป็นงานแต่งแบบอินดอร์หรือเอ้าท์ดอร์ ก็สามารถโปรยดอกไม้อย่างกลีบดอกกุหลาบไว้ได้ และเมื่อถึงช่วงเปิดตัวบ่าวสาวและเมื่อคุณทั้งคู่ก้าวย่างลงตามทางเดิน นี่สินะ ที่เขาเรียกว่าทางเดินแห่งรักของจริง
งานแต่งเรียบง่ายสุดอบอุ่นของคุณถิงถิง & คุณโอ๊ต @โรงแรมพาร์ค ไฮแอท กรุงเทพฯ
อบอวลไปด้วยความรักตลอดทั้งงานในบรรยากาศที่อบอุ่นสะท้อนถึงความรักของ คุณถิงถิง -ธัญรดี ธรรมมณีวงศ์ ผู้บริหารเบนซ์สตาร์แฟลก ผู้จัดจำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) และคุณโอ๊ต-อภินัทธ์ พลาฤทธิ์ นักธุรกิจหนุ่มไฟแรง เจ้าของบริษัท นอร์ส รีพับบลิค จำกัด ผู้นำเข้าแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ดีไซน์จากสแกนดิเนเวีย ได้ถือฤกษ์งามยามดีจูงมือกันเข้าสู่ประตูวิวาห์ท่ามกลางสักขีพยานของทั้งสองที่มาร่วมแสดงความยินดีกันอย่างใกล้ชิด
เส้นทางความรักของทั้งคู่เริ่มต้นจากเจ้าบ่าว โอ๊ต-อภินัทธ์ ที่เป็นเพื่อนกับพี่ชายของเจ้าสาว ถิงถิง-ธัญรดี ที่มหาวิทยาลัย ทำให้ทั้งคู่มีโอกาสพบกันบ่อยครั้งและทำความรู้จักกันมาตลอดระยะเวลา 6 ปี ก่อนที่จะศึกษาใจและทำความรู้จักกันมากขึ้นในช่วง 3 ปีหลัง โดยทั้งสองมีความสนใจในเรื่องต่างๆ ที่คล้ายคลึงกัน จนก่อเกิดเป็นความรัก และตัดสินใจที่จะแต่งงานกันเพราะอยากค้นหาและเริ่มต้นชีวิตบทใหม่ไปพร้อมๆ กัน กอรปกับทั้งคู่มีธุรกิจและการงานที่มั่นคง และผู้ใหญ่ของทั้งสองเล็งเห็นแล้วว่าได้เวลาอันควรแล้ว บทเริ่มต้นแห่งรักครั้งนี้จึงเกิดขึ้น โดยหลังจากงานมงคลสมรสทั้งคู่วางแผนจะไปฮันนีมูนกันที่ประเทศฝรั่งเศส และประเทศอังกฤษในช่วงปลายเดือนเมษายนนี้
โดยทั้งคู่ได้จัดพิธีตามขนบธรรมเนียมประเพณีในช่วงเช้า ณ ห้องบอลรูม โรงแรมพาร์ค ไฮแอท กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 ที่เต็มไปด้วยบุคคลสำคัญของบ่าวสาว อาทิเช่น ครอบครัว ผู้ใหญ่ที่ครอบครัวทั้งสองเคารพรัก ตลอดจนแขกผู้เกียรติที่ร่วมพิธีในช่วงเช้า ก่อนจะมีงานฉลองมงคลสมรสแบบซิทดาวน์ลันช์แบบเอ็กซ์คลูซีฟ ด้วยการตกแต่งและจัดโต๊ะแบบ Long Table ที่ดูทันสมัยแต่แฝงไปด้วยรายละเอียดปลีกย่อยที่ทำให้งานดูเป็นกันเองและมีความใกล้ชิดอันเป็นความต้องการของบ่าวสาว โดยออกแบบเป็น Long Table สองฝั่ง จำนวน 150 ที่นั่ง เสิร์ฟอาหารเป็นคอร์สประดับประดาไปด้วยดอกไม้นานาชนิดอันเป็นความชอบของเจ้าสาว แฝงด้วยการตกแต่งโต๊ะด้วยเทียนหลากหลายขนาดที่ดูลดหลั่นสวยงามได้อย่างพอดิบพอดี สร้างบรรยากาศโรแมนติกและความสดชื่นให้กับผู้มาร่วมยินดีจำลองบรรยากาศเสมือนดินเนอร์ยามค่ำคืนที่ทุกคนร่วมเป็นสักขีพยานในความรักของบ่าวสาวในครั้งนี้
โดยงานนี้เจ้าบ่าวเจ้าสาวได้เลือกใช้บริการเวดดิ้งแพลนเนอร์ The moment by anne โดยมีพี่สาวของเจ้าบ่าว อิ๊บ-ลลิดา พลาฤทธิ์ เป็นคนช่วยเหลือและให้คำแนะนำ โดยระยะเวลาในการเตรียมงานค่อนข้างง่ายและไม่ซับซ้อน ซึ่งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวมีภาพงานแต่งงานที่อยากได้ชัดเจนอยู่แล้ว อีกทั้งบ่าวสาวชื่นชอบคอนเซ็ปท์งานแต่งงานก่อนหน้าของพี่สาวมาก จึงเกิดเป็นไอเดียของงานแต่งครั้งนี้ และแพลนเนอร์ก็สามารถเนรมิตและจัดทำทุกอย่างได้อย่างที่ต้องการ ทั้งในส่วนของความเหมาะสมตามแบบขนบธรรมเนียมพิธี หรือการออกแบบและควบคุมแสงสีและรายละเอียดงานในส่วนอื่นๆ โดยมีครอบครัวของทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาวคอยให้คำแนะนำร่วมกันจนเกิดเป็นงานที่สมบูรณ์แบบในครั้งนี้ รวมถึงเรื่องราวของความรักสุดซึ้งจากวีดีโอพรีเซนเทชั่นที่บ่าวสาวตั้งใจถ่ายทอดจากความรู้สึกบอกเล่าเป็นเรื่องราวของความรักของคนทั้งคู่ ที่ทำให้แขกผู้มีเกียรติในห้องบอลรูมต่างซาบซึ้งและรับรู้ได้ถึงโมเมนต์ในพรีเซนเทชั่นนี้
ส่วนไฮไลท์สำคัญของงานเป็นช่วงเปิดตัวเจ้าสาว โดยคุณพ่อของเจ้าสาว สุขุม ธรรมมณีวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตาร์แฟลก จำกัด ผู้จัดจำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) อย่างเป็นทางการ และผู้บริหารกลุ่มบริษัท ไทยเร้นท์อะคาร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้กล่าวความในใจและอวยพรให้กับบ่าวสาวทั้งคู่ ก่อนจะขอบคุณแขกผู้มีเกียรติภายในงาน จากนั้นก็ได้ได้ฤกษ์ส่งตัวเจ้าสาวแก่เจ้าบ่าว ท่ามกลางสักขีพยานที่ต่างปรบมือ และส่งมอบความรักกันอย่างชื่นมื่น ซึ่งนับว่าเป็นอีกหนึ่งความทรงจำที่งดงามในบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความรักและรอยยิ้มที่ทุกคนในงานสัมผัสได้ถึงความรัก
โดยมีแขกคนสำคัญในงานฉลองมงคลสมรสที่ให้เกียรติมาร่วมงานฉลองมงคลสมรส อาทิ พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย, สุพรชัย รางแดง, กฤษฎา-พอลลีน ล่ำซำ, บุญชัย-วรวรรณ คงปักไพศาล, วิกรานต์ อมาตยกุล,สมศักดิ์-อริศรา สิงหเสนี, น.พ.เศรษฐกานต์ อัตถากรพันธ์, กฤษณะกร เศวตนันทน์, สุวัฒน์ ทองร่มโพธิ์, ชาติชาย รุ่งโรจน์ธนกุล, จิรัชยุติ์ อัมยงค์,นันทิสา-กวิน ตันยงค์เวชเป็นต้น ที่ต่างพร้อมใจกันมาแสดงความยินดี และร่วมอวยพรให้กับบ่าวสาวในเส้นทางความรักครั้งนี้
แถมพิธีฉลองในช่วงเย็นยังได้นักร้องสาวเสียงดี วี วิโอเลต วอเทียร์มาร่วมขับร้องเพลงสุดซึ้งในบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความรักโอกาสนี้ พี่ชายคนเดียวของเจ้าสาวและยังเป็นเพื่อนของเจ้าบ่าว หยาง-ธีรคุปต์ ธรรมมณีวงศ์ ได้ขึ้นมากล่าวความในใจถึงความรักของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวครั้งนี้ในบรรยากาศแห่งความรักอย่างแท้จริง รวมไปถึงหนึ่งสิ่งอันเป็นตัวแทนความรักของคนทั้งคู่ที่แขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงานทุกท่านจะได้รับเป็นของที่ระลึก คือสมุดหลากสีจากแบรนด์ HAY (เฮย์) หนึ่งในแบรนด์ชื่อดังจากสแกนดิเนเวีย ที่เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่เจ้าบ่าวเป็นผู้นำเข้าประเทศไทยอย่างเป็นทางการ
The Details
Venue : ห้องบอลรูม โรงแรมพาร์ค ไฮแอท กรุงเทพฯ
Wedding Dress : Mesh Museum โทร.08-44656-2504
Groom Suit : vvonsuganasil โทร.06-1827-6768
Makeup : lindsay makeup โทร.09-4915-5456
Hair : @robert_99 โทร.08-0801-6042
Wedding Planner : The Moment by Anne
Photo : supanit photography (โทร.08-9781-5032) , numchok(โทร.08-0946-9664), huto production (ไลน์ : @hutocinema)
Ananya Wedding Dress
Ananya Wedding Dress
ที่อยู่ : 98/272 ม.บ้านกลางเมือง รามคำแหง 39 แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ
โทร. 0-2064-5149, 08-2823-6624
ไลน์ : ANANYA2222, 08-2823-6624
เฟซบุ๊ก : Ananya Wedding Dress
ไอจี : @ananya_wedding_dress
อีเมล : [email protected]
ชุดแต่งงานชุดไทย สีสันสดใสที่ช่วยเสริมออร่าให้กับว่าที่เจ้าสาวในวันสำคัญ
ชุดแต่งงานชุดไทย ไม่ได้มีแค่สีทอง สีขาว-เงิน หรือสีชมพูเท่านั้นนะ หากสาวๆ เป็นหนึ่งในว่าที่เจ้าสาวที่อยากลองเติมสีสันใหม่ๆ ให้กับลุคชุดแต่งงานไทยอยู่ล่ะก็ แพรว wedding มี 4 เฉดสีชุดแต่งงานไทยที่สวยงามไม่แพ้เฉดสียอดนิยมมาฝาก
สีเขียว
อย่าเพิ่งตกใจขนาดนั้นค่ะ! เพราะเขียวที่เราว่าไม่ได้เขียวน่ากลัวแบบไปยืนอยู่ใต้ต้นกล้วย แต่เป็นเฉดสีเขียวที่สวยงามเหมาะกับการหยิบมาห่มสไบสำหรับชุดแต่งงานไทยในวันสำคัญ แถมเฉดสีนี้ก็ไม่ได้ใส่ยากอย่างที่คิดนะ เพราะว่าที่เจ้าสาวที่มีผิวขาวอมเหลือง ใส่แล้วจะช่วยให้ผิวดูสว่างสุขภาพดี ที่สำคัญว่าที่เจ้าสาวผิวสีแทนก็ใส่แล้วรอดเหมือนกันนะ เพราะจะขับผิวให้ดูสว่างขึ้น



สีส้ม
สดใสทะลุสไบออกมาเลยจ้าสำหรับเฉดสีนี้ จะจัดพิธีแต่งงานไทยในบรรยากาศแบบอินดอร์หรือเอ้าท์ดอร์ก็รอดทั้งนั้น แต่เฉดสีส้มอาจเป็นเฉดสีเฉพาะที่เหมาะกับว่าที่เจ้าสาวผิวขาวอมชมพูมากที่สุด เมื่อสวมใส่แล้วผิวที่ขาวอมชมพูอยู่แล้วจะยิ่งดูมีออร่าออกมาสุดๆ ไปเลย ที่สำคัญเหมาะกับว่าที่เจ้าสาวลุคซุกซนนิดๆ เพราะสดใสเหมาะกับบุคลิกของผู้สวมใส่นั่นเอง



สีน้ำเงิน
อีกหนึ่งเฉดสีที่ดูดีมีพลัง สวยหรูดูแพง กับชุดแต่งงานไทยสีน้ำเงินที่เหมาะกับว่าที่เจ้าสาวที่มีผิวขาวอมเหลือง เพราะใส่แล้วจะช่วยให้ผิวดูสีสุขภาพดีไม่ขาวซีด เพราะด้วยเฉดสีเข้มจะช่วยขับผิวของว่าที่เจ้าสาวให้ดูขาวขึ้นนั่นเอง


สีฟ้า
เฉดสีนุ่มละมุนดูน่ารัก ช่วยให้ว่าที่เจ้าสาวในชุดแต่งงานไทยสีฟ้าดูอ่อนเยาว์ แถมยังเป็นเฉดสีที่เหมาะกับทั้งว่าที่เจ้าสาวผิวขาวอมชมพู ใส่ปุ๊ปออร่าปั๊ป ซึ่งไม่ใช่แค่ว่าที่เจ้าสาวที่มีผิวขาวสุดจะใส่ได้อย่างเดียวนะ เพราะเจ้าสาวผิวสีแทนก็หยิบสีนี้มาใส่ได้เหมือนกัน เพราะใส่แล้วจะช่วยขับผิวสีแทนน้ำผึ้งของสาวๆ ให้ดูสว่างขึ้น


สุดท้าย เมื่อเลือกสีสันที่เหมาะกับตัวเองได้แล้ว ก็อย่าลืมเรื่องรูปแบบชุดไทยที่เหมาะกับรูปร่างของว่าที่เจ้าสาวแต่ละคนกันด้วยนะ จะได้สวยแบบ 360 องศาในวันสำคัญ หรือจะตามไปเช็คกันได้ที่ >>> ชุดแต่งงานไทยยอดฮิตกระแทกใจเจ้าสาวไทยตลอดกาล กับเทคนิคใส่อย่างไรให้สวย <<<
ภาพเปิด : (รูปซ้ายสุดและรูปกลาง) ชุดแต่งงานจากร้านเจ้านางเวดดิ้ง, (ชุดขวาสุด) ชุดแต่งงานจากร้าน Myriad Grand Monde
งานแต่งสไตล์แกสบี้ สวยงามหรูหรา ย้อนยุคสไตล์ปาร์ตี้แบบจัดเต็ม
งานแต่งสไตล์แกสบี้ ที่จะเสกให้งานแต่งของคุณย้อนเวลาไปสู่ความหรรษากับช่วงเวลาแห่งความปิติยินดี
งานแต่งสไตล์แกสบี้ เป็นแรงบันดาลใจจากยุค 1920 ที่ก่อเกิดวัฒนธรรมที่โดดเด่น ทั้งการเข้าสังคม การสังสรรค์ ศิลปะ ดนตรี และแฟชั่น นำมาสู่ความมั่งคั่ง รุ่งเรือง เป็นช่วงเวลาของความโมเดิร์นในวงการแฟชั่น คนหนุ่มสาวฉีกกฎในการแต่งกาย เป็นแฟชั่นสมัยใหม่ที่ผู้หญิงมีอิสระในการแต่งกาย ทำกิจกรรม และเล่นกีฬาได้เหมือนผู้ชายมากขึ้น และเกิดเมคอัพพร้อมทรงผมสไตล์ใหม่ที่เผยความมั่นใจของหญิงสาว และสไตล์ชุดสูทของผู้ชายที่เป็นแบบมาตราฐานให้กับสูทในปัจจุบัน รวมไปถึงแสงสีที่ขาดไม่ได้เลยในยุคนี้ กับการใช้สีขาว-ดำ-ทอง เป็นโทนสีที่แสดงถึงความคลาสสิกและเสน่ห์ของความอิสระของคนในยุคนั้น
และทุกวันนี้บ่าวสาวก็นิยมกลับไปสัมผัสบรรยากาศ รสนิยม และไลฟ์สไตล์เหมือนนั่งไทม์แมชชีนย้อนกลับไปในวันวาน กับการสร้างสรรค์ธีมงานแต่งให้เต็มไปด้วยความโมเดิร์นและคลาสสิกสำหรับช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลอง แพรว wedding เลยรวบรวมไอเดียสำหรับธีมงานนี้มาฝาก
1st Point : Look & Style
Groom & Groomsmen
เพราะแฟชั่นในยุคนั้น ผู้ชายจะนิยมใส่ทักซิโด สำหรับงานกลางคืน ปาร์ตี้ และดินเนอร์ รวมไปถึงการใส่สูทและเสื้อผ้าที่มีสีสันด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นรูปแบบของทักซิโดและสูทที่ยึดถือมาเป็นชุดทางการจนถึงปัจจุบัน
Bride — Make up
เน้นเมคอัพที่เข้มและชัด ให้ดวงตาดูมีเสน่ห์ด้วยการเขียนอายไลน์เนอร์และอายแชโดว์สีเข้ม ปัดแก้มให้แดงชมพูระเรื่อ พ้อยต์สำคัญที่สุดคือ ริมฝีปาก เน้นสีให้คมชัดด้วยลิปสติกสีแดง หรือสีแดงน้ำตาล เพื่อให้ลุคดูเย้ายวนมากยิ่งขึ้น
Bride — Hair & Accessories
ทรงผมที่เป็นไฮไลท์ของสาวแกสบี้คือ ผมดัดลอน ไม่ว่าจะปล่อยยาวประบ่า หรือรวบขึ้น แล้วคาดด้วยสร้อยหรือผ้าคาดระยิบระยับบนศรีษะ พร้อมสวมต่างหูและสร้อยไข่มุก หรือคริสตัลที่ให้ความหรูหรา รวมทั้งสวมถุงมือ ที่ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของชุดกลางคืนของผู้หญิงในยุคนั้นที่แสดงถึงความสง่างามอีกด้วย
Bride — Dresses
นิยมใส่ชุดเดรสทรงเอ็มไพร์ที่เข้ารูปในช่วงใต้อกแล้วปล่อยชายกระโปรงลงตามธรรมชาติ หรือชุดเดรสทรงเมอร์เมดที่เผยสรีระความเป็นผู้หญิงได้อย่างเย้ายวน กับดีไซน์ที่หลากหลาย ขึ้นอยู่กับรสนิยมของเจ้าสาว ส่วนใหญ่นิยมเป็นเสื้อแขนกุด แต่ผ้าที่ใช้ตัดเย็บจะเป็นผ้าซาติน พร้อมทั้งประดับคริสตัลแวววาว โดดเด่นสะดุดตากับความงดงามสไตล์โมเดิร์น
Bride — Shoes
ยังคงเอกลักษณ์ของความแวววาวจากคริสตัล ที่ประดับบนรองเท้าเช่นกัน และนิยมใส่รองเท้าแบบรัดส้น เพื่อสะดวกต่อการเต้นรำ
Bridesmaid
นอกจากแฟชั่นในยุคแกสบี้จะนิยมตัดเย็บจากผ้าซาตินแล้ว ยังใช้ผ้ากำมะหยี่ด้วยเช่นกัน ดีไซน์ก็เหมือนกับชุดเดรสเจ้าสาว นั่นคือ ทรงเอ็มไพร์ คุมโทนด้วยสีพาสเทล แม้ว่าจะเป็นสีเรียบๆ แต่ให้ลุคที่ดูแพง เรียกได้ว่า สวยเลอค่า
2nd Point : Ideas
ธีมงานที่สะท้อนความเป็นแกสบี้คือ การใช้สีขาว สีทอง และสีดำ เพื่อสื่อถึงความหรูหรา ฟูฟ่า และมั่งคั่งได้เป็นอย่างดี การปูผ้าที่มีกลิตเตอร์ระยิบระยับ รวมถึงการประดับตกแต่งด้วยขนนก ไม่ว่าจะบนเค้ก หรือโต๊ะของหวาน ก็ให้ความรู้สึกแพงได้เหมือนกัน
พ้อยท์หลักคือ แสงและสี เน้นการเล่นหลอดไฟสีขาวนวล เพื่อให้ภายในงานดูโกลว์ การประดับโคมไฟระย้าก็ช่วยเพิ่มระดับของงานแต่งให้ดูพิเศษขึ้นได้ด้วย
การจัดโต๊ะควรเน้นใช้โต๊ะกลม เพื่อให้แขกสามารถสื่อสารกันได้อย่างสะดวก การจุดเทียนก็ช่วยสร้างบรรยากาศภายในงานได้ดีเช่นเดียวกับโคมไฟระย้า เน้นใช้เครื่องแก้ว จาน ชาม ที่เงางาม และแก้วน้ำที่ตกแต่งขอบด้วยสีทอง แนะนำให้จัดวางดอกไม้สดสีโทนอ่อนอย่างสีขาวและสีชมพูบนโต๊ะอาหาร เพื่อช่วยเสริมบรรยากาศให้ผ่อนคลาย
สุดท้ายตกแต่งรอบๆ งาน ด้วยเครื่องใช้สไตล์วินเทจ เช่น เครื่องเล่นแผ่นเสียง หรือจะทำโต๊ะวางพร๊อพ สร้างสีสันให้แขกในงานได้ถ่ายรูปเล่น สนุกสนานและเพลิดเพลินสมกับเป็นธีมงานแห่งการเฉลิมฉลองสไตล์แกสบี้จริงๆ
หรือบ่าว-สาวคู่ไหน สนใจธีมงานแต่งแบบอื่นๆ เราอยากแนะนำ ชวนส่อง 6 ธีมงานแต่งเริ่ดๆ ที่ไม่ต้องใช้เงินเยอะก็เสกได้!
ภาพจาก Pinterest
4 สาเหตุปัญหาขอบตาคล้ำที่สาวๆ หลายคนอาจจะไม่เคยรู้มาก่อน!!
ไม่ว่าจะโป๊ะด้วยแตงกวาเย็นเจี๊ยบ, พักผ่อนยาวนานข้ามวัน หรือใช้ครีมบำรุงรอบดวงตากระปุกละหลายตังค์ แต่ทำยังไงปัญหา ขอบตาคล้ำ ก็ยังไม่ยอมบอกลาสักที หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังเผชิญกับชะตากรรมนี้ อย่าเพิ่งถอดใจแล้วปล่อยเลยตามเลยไปซะก่อน ลองมารีเช็กกันดีกว่าว่าเพราะเหตุใดปัญหารอยหมองคล้ำใต้ดวงตาถึงยังคงอยู่กับ 4 สิ่งสำคัญที่บางครั้งสาวๆ อาจะละเลยหรือคิดไม่ถึง
ขาดวิตามินที่ถูกต้อง
บางครั้งสาเหตุที่รอยคล้ำใต้ดวงตายังคงอยู่อาจเป็นเพราะคุณกำลังใช้วิตามินผิดประเภทอยู่ก็ได้ ซึ่งแน่นอนว่าวิตามินซี คือสุดยอดวิตามินที่ช่วยในเรื่องความกระจ่างใส แต่รู้หรือไม่ว่า วิตามินเค ก็เป็นอีกหนึ่งวิตามินที่ช่วยลดรอยหมองคล้ำใต้ดวงตาได้เป็นอย่างดีด้วย เพราะฉะนั้นลองไปเช็กกันดูนะคะว่าครีมบำรุงรอบดวงตาของสาวๆ ที่ใช้กันอยู่นั้นมีวิตามินเคอยู่หรือไม่
ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงรอบดวงตาที่มากเกินไป
เข้าใจนะคะว่าสาวๆ อยากจะให้รอยหมองคล้ำใต้ดวงตานั้นจางหายเร็วๆ ก็เลยประโคมครีมลงไปเพราะคิดว่ายิ่งมากเท่าไหร่การบำรุงก็จะยิ่งล้ำลึก ซึ่งนั้นเป็นความคิดที่ผิดอย่างแรง! ขอแนะนำว่าให้ใช้อย่างพอดีตามที่ฉลากข้างกล่องแนะนำดีกว่านะคะ เพราะบางครั้งการทาครีมทีเยอะเกินไปบริเวณผิวใต้ดวงตาที่บอบบางก็อาจจะทำให้เกิดอาการบวมช้ำหรืออักเสบได้เช่นกัน
หมอนที่ใช้หนุนนอนก็มีส่วน
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าหมอนที่ใช้หนุนนอนทุกคืนนั้นควรจะมีความสูงมากขึ้นกว่าหมอนปกตินิดหน่อย เพื่อที่จะได้ช่วยในเรื่องของระบบน้ำเหลืองให้ไหลเวียนได้สะดวก ซึ่งนั่นรวมไปถึงระบบไหลเวียนโลหิตบริเวณรอบดวงตาด้วย เพราะฉะนั้นแนะนำให้สาวๆ หาหมอนใบเล็กๆ มาเสริมตอนนอนอีกสักอันก็น่าจะดีต่อผิวรอบดวงตานะคะ
ทำความสะอาดเมคอัพรอบดวงตาไม่สะอาด
บางครั้งรอยหมองคล้ำใต้ดวงตานั้นก็มีสาเหตุมาจากการสะสมของคราบเมคอัพที่ดวงตาที่สาวๆ ทำความสะอาดออกไม่หมด จนทับถมกันไปเรื่อยๆ ทุกวันๆ กลายเป็นรอยหมองคล้ำให้เห็นทุกวันหน้ากระจก เพราะฉะนั้นจะดีกว่าไหมหากสาวๆ ใส่ใจกับการทำความสะอาดเมคอัพรอบดวงตาให้มากขึ้นอีกนิด แนะนำให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดรอบดวงตาที่มีส่วนผสมของโจโจบาออยล์ ที่ให้ความชุ่มชื้นอย่างเป็นธรรมชาติ และยังช่วยให้คราบเมคอัพหลุดออกได้อย่างนุ่มนวลและง่ายดาย แถมยังได้กำไรเป็นมอยส์เจอไรเซอร์ชั้นดีจากธรรมชาติเป็นของแถมอีกด้วย
ดูเรื่องราวเกี่ยวกับความงามและสุขภาพเพิ่มเติม คลิกเลย!
ภาพ : jeanhailes.org.au, www.rebelcircus.com, www.goodhousekeeping.co.uk
a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a
5 แกดเจ็ตสุดไฮเทคที่บ่าวสาวควรจัดไว้ในงานแต่งงานของคุณ
เทคโนโลยีสุดล้ำในทุกวันนี้ทำชีวิตคุณเดินหน้าไปไวรอบด้านเลยใช่ไหมล่ะ แล้วแบบนี้อีเว้นสำคัญของชีวิตที่มีเพียงครั้งเดียวอย่าง งานแต่งงาน จะพลาดนำสิ่งล้ำๆ สุดไฮแทคมาเป็นหนึ่งในความทรงจำล้ำค่าครั้งนี้ได้ยังไง
1. เก็บความทรงจำเสมือนจริงด้วย Virtual Reality
ลงทุนจ้างช่างภาพให้ใช้เทคโนโลยีความเป็นจริงเสมือน (Virtual Reality หรือ VR) มาเก็บภาพความทรงจำในวันแต่งงาน 360 องศา เพื่อให้คุณทั้งคู่หยิบขึ้นมาดูเมื่อไหร่ก็เหมือนว่างานแต่งครั้งนี้เพิ่งเกิดเมื่อวาน
2. ภาพมุมสูงด้วย Drones ต้องมี
การใช้ Drones เก็บภาพ ไม่ได้จำกัดการใช้งานเฉพาะการถ่ายทอดสดกีฬาหรือเหตุการณ์สำคัญแค่นั้น แต่ในวันแต่งงานที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะกับงานแต่งงานตามประเพณีไทยที่มีการแห่ขันหมากเป็นอะไรที่แพรว wedding ขอบอกว่าเหมาะมากที่จะเก็บภาพมุมสูงไว้ดู เพื่อเห็นถึงจำนวนคน ความอลังการและบรรยากาศแสนสนุกจากบนท้องฟ้า ซึ่งแน่นอนว่า แม้จะเป็นงานแต่งงานในฮอลล์ก็ใช้ได้ แล้วเชื่อเถอะว่าคุณจะได้ภาพความทรงจำกับแขกนับร้อยนับพันที่คุณจะไม่มีวันลืม
3. Projector ยังคงความอมตะแค่ปรับใช้
นอกจากรูปแบบการใช้จอฉายโปรเจคเตอร์เพื่อถ่ายทอดสตอรี่เลิฟที่ถ่ายทำกันมาให้แขกได้ชมแล้ว การนำโปรเจคเตอร์เข้ามาสร้างลวดลายบนเค้ก 7 ชั้น 9 ชั้น หรือยิงภาพสวยๆ ขึ้นกำแพงแทนการตกแต่งก็เป็นอีกหนึ่งแกดเจ็ตไฮแทคที่ควรมีไว้ในงานแต่งงาน
4. ชุดแต่งงาน LED
ไม่ได้เม้าให้เกินฝัน เพราะชุดเจ้าสาวของคุณส่องสว่างได้แล้วในยุคนี้ แค่ให้ดีไซเนอร์ออกแบบชุดแต่งงาน LED ให้สุดล้ำด้วยการนำสายไฟเบอร์ออปติคมาเป็นส่วนประกอบสำคัญ รับรองว่าชุดแต่งงานทั้งชุดของคุณสว่างขึ้นในพริบตาแบบที่ไม่ต้องพึงพาไฟฟอลโล่
5. จุดเติมพลังแบตเตอรี่
ข้อสุดท้ายไม่เกินไปในยุคนี้ ถ้าจะบอกว่าทุกงานแต่งควรมีจุดชาร์จแบตเตอรี่มือถือตั้งไว้ เพราะแม้โลกนี้จะมีพาวเวอร์แบงค์ก็เถอะ แต่คิดดูสิคะว่า จะดีแค่ไหนที่ไม่ต้องถือก้อนแบตเตอรี่สำรองไปทั่วงานให้หมดสวย มีจุดชาร์จที่ว่านี้ไว้รับรองแขกปลื้มแน่นอน
ทั้ง 5 อย่างนี้ไม่ต้องมีครบก็ไม่มีใครว่า แต่ถ้ามีมาสักอย่างสองอย่างรับรองว่าคุ้มค่าแน่นอน อย่างน้อยๆ แขกจะว้าว และคุณจะปลื้ม ที่โมเม้นดีๆ มีอยู่ในวันแต่งงานของคุณ
ดูไอเดียงานแต่งงานและคำแนะนำดีๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย!
เรื่อง : Hoyamemoria
ภาพ : Brides.com, www.rocknrollbride.com
a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a
a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a