แหวนแต่งงาน เสริมราศีด้วยอัญมณีประจำวันทั้ง 7 สำหรับสาวที่เบื่อเพชร

แหวนแต่งงาน ใช่ว่าจะต้องเป็นเพชรอย่างเดียวเท่านั้นเสียเมื่อไหร่ ในเมือเราสามารถมิกซ์ทั้งเรื่องความรัก และความศิริมงคลมารวมกันได้ด้วยการเลือก แหวนอัญมณีประจำวัน มาเป็นแหวนแต่งงาน

วันจันทร์

ชาววันจันทร์มีอัญมณีประจำวัน คือ บุษราคัม รวมไปถึงอัญมณีสีเหลืองทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น อำพัน เพทายสีเหลือง หรือเพชรสีเหลืองก็ได้

 

วันอังคาร

คนวันอังคาร ก็ต้องเป็นอัญมณีสีชมพู ซึ่งมีให้เลือกมากมายไม่ว่าจะเป็นเพชรสีชมพู พิงค์แซฟไฟร์ มอร์แกนไนท์ หรือจะเป็นทัวร์มาลีน ก็ได้ ซึ่งพอเป็นแหวนแต่งงานสีชมพูแบบนี้แล้ว ทำให้ดูหวานขึ้นอีกเยอะเลย

วันพุธ

สาวๆ ที่เกิดวันพุธ ต้องคู่กับอัญมณีสีเขียว ซึ่งแน่นอนว่าหนีไม่พ้นมรกก หรืออยากจะเก๋ๆ เท่ อยากจัดเป็นหยก ก็ทำให้ได้แหวนแต่งงานที่ไม่ซ้ำใครดีนะ

วันพฤหัส

สำหรับสาวๆ ในวันพฤหัส อัญมณีที่จะช่วยเสริมดวงให้โชคดี คืออัญมณีในโทนสีส้ม ไม่ว่าจะเป็นไพฑูรย์ เพชรตาแมว หรือหากเป็นสาวรุ่นใหม่ที่หลงรักสไตล์มินิมอล แหวนปะการังก็สวยมากๆ เลยทีเดียว

วันศุกร์

ในส่วนของคนวันศุกร์ ซึ่งมีสีฟ้าเป็นสีประจำวัน แหวนที่ประดับด้วยไพลิน หรืออัญมณีสีฟ้าอย่าง อะความารีน หรือลาพิส ลาซูรี ก็ช่วยเสริมให้เป็นศิริมงคลได้

วันเสาร์

คนวันเสาร์ควรต้องพกอัญมณีสีม่วง หรืออัญมณีโทนสีเข้มเป็นเครื่องประดับประจำนิ้ว จึงจะช่วยให้โชคดีมีชัยซึ่งอัญมณีสีม่วงก็มีมากมายไม่ว่าจะเป็น อะเมทิสต์ แซฟไฟร์สีม่วง

วันอาทิตย์

คนวันนี้ร้อนแรงต้องคู่กับ สีแดงแน่นอนอยู่แล้ว ซึ่งอัญมณีสีแดงที่ได้รับความนิยมที่สุดก็คือ ทับทิม รวมไปถึงโกเมน เพทาย และเพชรสีแดงอีกด้วย

สาวๆ คนไหนที่ไม่ชอบเพชร แต่ยังหาแหวน ก็ลองหันมามองอัญมณีเหล่านี้ดูก็ได้  หรือถ้ายังไม่ปิ๊ง เราก็มีแบบแหวนสวยๆ ให้เลือกอีกเพียบ

เช็คลิสต์ 10 คำถามถึงตัวเองก่อนเลือก ธีมงานแต่ง

ทันทีที่มั่นใจว่าจะจัดงานแต่งงาน บ่าวสาวยุคนี้รีบคิดถึง ธีมงานแต่ง ทันที แต่สุดท้ายแล้วกลายเป็นว่าธีมงานนั้นไหลไปเลื่อนมาไม่คงที่เข้าทางสักที จนบางครั้งงบประมาณที่ตั้งไว้บานเบอะ นั่นเพราะคุณอาจยังไม่แน่ใจในสิ่งที่เลือกแต่ดันลงมือเตรียมงานไปซะแล้ว เอาล่ะๆ ถ้าไม่อยากให้ธีมทั้งหลายที่ฝันไว้ต้องพลิกไปมา แพรว wedding ขอให้คุณลองตอบคำถาม 10 ข้อนี้อย่างมีสติ แล้วค่อยตัดสินใจเลือกธีมงาน

 

คำถามที่ 1 : สถานที่จัดงานแต่งงานของคุณคือที่ไหน?

จะง่ายขึ้นมากถ้าคุณมีสถานที่จัดงานแต่งงานเรียบร้อยแล้ว เพราะตัวสถานที่จะกลายเป็นข้อกำหนดกลายๆ ให้คุณได้เลือกธีมงาน และจะเป็นเหตุผลดีๆ ให้คุณตัดสินใจตัดธีมงานเหลือเชื่อในชีวิตออกไปได้ง่ายขึ้น

คำถามที่ 2 : อยากได้บรรยากาศงานแบบไหน…ทางการหรือกันเอง?

ถามใจคุณทั้งคู่ดูกันก่อนว่าเห็นตรงกันไหมในเรื่องบรรยากาศของงานแต่งงานที่อยากให้เกิดขึ้น เพราะถ้าคนหนึ่งบอกว่าอยากได้งานแนวทางการผู้ใหญ่เพียบพิธีการเต็ม แต่อีกคนบอกว่าอยากสนุกสุดแสนละก็ คงต้องตกลงกันให้ดีว่าธีมงานที่จะกำหนดขึ้นมานั้นสามารถตอบโจทย์ได้ทั้งสองทางไหม หรือใครคนหนึ่งจะเสียสละความต้องการของตัวเองได้

คำถามที่ 3 : อยากย้อนความทรงจำหรือว่าอยากเอาฝันมาสร้างภาพ?

ธีมงานแต่งงานส่วนใหญ๋เกิดขึ้นจาก 2 สิ่งที่ว่าค่ะ นั่นคือ บางคนนำเรื่องราวความรักมาปั้นเป็นธีมงานแต่งเพื่อให้แขกได้สัมผัสกับความหลังหรือประวัติรักที่สุดหวาน แต่บางคู่ก็เลือกที่จะนำภาพงานแต่งในฝันมาสร้างเป็นธีมงาน ถ้าตกลงตรงนี้ได้ ธีมงานจะตามมาเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น

ธีมงานแต่ง

คำถามที่ 4 : ถามตัวเองให้แน่อะไรคือตัวตนของคุณทั้งคู่?

ไม่ถึงกับต้องส่องกระจกแล้วคุยกับตัวเองว่า อะไรนะคือสไตล์ของตัวฉัน เพราะแค่คุณนั่งนิ่งๆ กันสองคน แล้วผลัดกันออกความเห็นว่า สไตล์ของคู่เราเป็นแบบไหน จากนั้นหาข้อสรุปซะ ภาพของธีมงานแต่งงานจะเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น เชื่อสิ

คำถามที่ 5 : อะไรคือสิ่งแรกที่คุณอยากให้แขกได้สัมผัสถึงทันทีที่เดินเข้ามาในงาน?

เสียงเพลง? อาหารหน้าตาดี? ดอกไม้สุดอลัง? ฯลฯ ตอบให้ได้ค่ะว่า ทันทีที่แขกเดินเข้ามาในงานแต่งงานของคุณ แขกผู้มีเกียรติเหล่านั้นควรสัมผัสหรือรู้สึกถึงอะไรเป็นอย่างแรกแล้วจงเน้นไปในทางนั้น แบบนี้ช่วยให้โจทย์การค้นหาธีมงานแต่งของคุณแคบลงมาอีกนิด

คำถามที่ 6 : สีหลักของงานในฝันคือสีอะไร?

แน่นอนว่าส่วนใหญ่แล้วเจ้าสาวจะสวมชุดสีขาว แต่คุณจะเป็นเจ้าสาวชุดขาวที่โดดเด่นทางงานงานแต่งงานสีงานอะไรล่ะ ถามใจคุณดูว่าสีไหนที่คุณรัก สีไหนที่คุณชอบ คุยกันเองโดยไม่ต้องสนหรอกค่ะว่าแขกจะแต่งตัวยากไหม เพราะหนึ่งสีจับคู่กับอีกสี และแต่ละสีมีเฉดหลากหลายให้เลือก ถ้าคุณได้สี เรื่องอื่นๆ ตามมามากมายแน่นอน

ธีมงานแต่ง

คำถามที่ 7 : คุณจะเชิญใครบ้าง?

ใช่ว่าทุกธีมจะเหมาะกับทุกคน และแม้งานแต่งงานจะเป็นงานของคุณสองคน แต่แขกที่มาร่วมงานก็มีเอี่ยว เพราะถ้าธีมคุณแรงจัด แต่จัดงานแบบทางการ แขกที่มามีแต่ผู้ใหญ่ คิดดูสิว่าแขกจะสนุกได้แค่ไหน ตรงกันข้าม…ถ้างานเรียบร้อยมากเพราะอยากเอาใจพ่อแม่ แต่เพื่อนเตรียมมาสนุกเป็นโขยง แบบนี้งานจะออกมากร่อยๆ ไหมละ

คำถามที่ 8 : อีก 10 ปี 20 ปี ภาพงานแต่งครั้งนี้จะดูเป็นยังไง?

แน่นอนว่าเวลาเปลี่ยนความนิยมในธีมงานแต่งงานก็จะเปลี่ยนไป แต่ลองคิดให้ดีว่าคุณอยากได้ยินคำว่า “เชยจัง” เมื่อผ่านไปเป็นสิบๆ ปี หรืออยากได้คำว่า “เห้ย…ดูดี นี่ขนาดผ่านมานานแล้วนะ”

คำถามที่ 9 : ธีมที่อยากได้เกิดขึ้นได้ในชีวิตจริง…แน่ๆ ใช่ไหม?

หลายคู่ถามใจตัวเองผ่านมาถึงข้อนี้ ทุกคำตอบสนับสนุนว่าผ่านฉลุย แต่เราอยากให้คุณตรองให้ดีแบบมีสติและใช้ชีวิตในความเป็นจริงอีกนิดว่า ภาพงานทั้งหมด สามารถสร้างขึ้นมาให้เห็นเป็นรูปธรรมจริงๆ ใช่ไหม แล้วใช้เวลาสร้างสรรค์เท่าไหร่ เพราะถ้าเวอร์เกินไป ยากเหลือเกินประมาณว่าเทียนลอยได้แบบไม่พึ่ง CG อะไรแบบนั้นก็คิดใหม่ไหมล่ะ

คำถามที่ 10 : งบประมาณมีเท่าไหร่?

คุณจะฝันถึงธีมงานล้ำเลิศสุดอลังหรือสุดสร้างสรรค์ยังไงก็ได้ แต่สิ่งที่คุณต้องถามใจตัวเองยังมีอีกข้อคือ เงินจัดงานแต่งมีเพียงพอซัพพอร์ตฝันของคุณหรือเปล่า เพราะต่อให้คุณฝันไปไกล แต่ถ้าเงินไปไม่ถึงละก็ ฝันสลายทันที…เข้าใจตรงกันนะคะ 🙂

ติดตามไอเดียและคำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับงานแต่งงานอีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย!

5 วิธี ซ่อม เมกอัพเจ้าสาว และ ทรงผมเจ้าสาว แบบฉุกเฉิน ณ วันแต่งงาน

 วันสำคัญที่สุดอย่างวันแต่งงาน ว่าที่เจ้าสาวทุกคนก็อยากให้ เมกอัพเจ้าสาว และ ทรงผมเจ้าสาว ของเราสวยเป๊ะตลอดทั้งวันเหมือนตอนที่ช่างแต่งหน้าทำผมเพิ่งเนรมิตให้เสร็จใหม่ๆ แต่ในความเป็นจริงนั้นนอกจากช่างแต่งหน้าทำผมจะไม่ได้อยู่กับเราตลอดทั้งวันทั้งคืนคอยเติมหน้าซ่อมผมให้ ก็ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ทำให้หน้าผมของเจ้าสาวไม่คงอยู่สวยงามตลอดทั้งคืน ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศเอย อากัปกิริยาต่างๆของเรา หรือเรื่องไม่คาดฝันต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นได้ แพรวเวดดิ้งเลยรวบรวม 5 เทคนิค เพื่อซ่อมทรงผมและเมกอัพเจ้าสาวในกรณีฉุกเฉิน ให้ดูสวยปิ๊งตลอดงาน มาให้คุณว่าที่เจ้าสาวกันแล้วค่ะ

1 กล่องปฐมพยาบาลเจ้าสาว 
ตามชื่อเลยค่ะ หากล่องเล็กๆหรือถุงที่รวบรวมไอเท็มเพื่อซ่อมหน้าผมในกรณีฉุกเฉินโดยเฉพาะ เช่น กิ๊บดำเล็ก ลิปสติกและแป้งสำหรับเติมหน้า ทิชชูเปียก ทิชชูแห้ง ยางรัดผม กาวติดขนตาปลอมฯลฯ แล้วฝากไว้ที่เพื่อนเจ้าสาวของเรา (นอกจากไอเท็มเหล่านี้ เรายังแนะนำให้มี เข็มและด้าย สเปรย์ดับกลิ่นปาก พลาสเตอร์ยา น้ำตาเทียม โรลเลอร์กำจัดขนบนเสื้อ ฯลฯ สำหรับอีกหลากหลายกรณีฉุกเฉินของบ่าวสาว)

2 ถามช่างแต่งหน้าถึงวิธีซ่อมหน้ากรณีฉุกเฉิน
คุยกับช่างแต่งหน้าของเราแต่เนิ่นๆ เพื่อหาวิธีเตรียมตัว เพราะเหล่าช่างแต่งหน้ามือโปรนั้นจะมีวิธีแก้ปัญหาต่างๆที่เจ้าสาวเจอบ่อย เช่น ขนตาปลอมหลุดทำยังไงร้องไห้มาสคาร่าไหลย้อยทำยังไงลิปสติกเลอะเลือนทำยังไงหรือถ้าหากเกรงใจ (เพราะคำถามเยอะ 555) ใช้วิธีเสิร์ชหาคำตอบในอินเตอร์เน็ทก็ได้นะคะ เดี๋ยวนี้มีทิปส์การแต่งหน้าดีๆเพียบจากเหล่าบิวตี้กูรูต่างๆ (หรือจะอินบ็อกซ์มาถามเวดดิ้งกูรูอย่างเราก็ได้นะคะ ^^)

3 ในกรณีที่ทรงผมเกิด “หลุด” ระหว่างงาน ต้องแกะก็คือต้องแกะค่ะ!
หากทรงผมของเราเกิดหลุดแบบจริงจัง แทนที่จะพยายามรักษาทรงเดิมโดยการติดกิ๊บดำทับๆเข้าไป (ซึ่งมักจะไม่ค่อยได้ผลเราแนะนำให้แกะมวยผมทั้งหมดออก มัดผมเป็นหางม้า ม้วนผมขดเป็นมวย แล้วใช้กิ๊บดำยึดฐานผม กลายเป็นทรง Messy bun แบบดูไม่ตั้งใจซะยังจะดีกว่าพยายามรักษาทรงที่ช่างทำผมทำมาให้แต่ไม่รอดค่ะ

4 ทริคการกินน้ำแบบลิปสติกไม่หลุด
คุณฟลุค Alwaysfluke เมกอัพอาร์ทิสต์ชื่อดังที่เพิ่งมา Facebook Live กับเราไป บอกว่าปัญหาอันดับหนึ่งที่เจ้าสาวมักจะเจอ คือลิปสติกสีหลุดเพราะเจ้าสาวดื่มน้ำหรือทานอาหาร คุณฟลุคจึงแอบฝากทิปส์การกินน้ำยังไงไม่ให้ลิปสติกหลุด ว่าควรดูดน้ำจากหลอดโดยให้หลอดอยู่ “กึ่งกลางริมฝีปากพอดี” เพราะจุดนี้ของปากเป็นจุดที่หากลิปสติกหลุดจะสังเกตเห็นไม่ชัดเท่าจุดอื่นๆ และจริงๆแล้วเราสามารถเตรียมลิปสติกของตัวเองมาทัชอัพเรียวปากเพิ่มเติมได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นสีที่ช่างแต่งหน้าใช้กับเราเป๊ะ แต่เป็นโทนเดียวกันก็ได้แล้วค่ะ

5 ให้เพื่อนเจ้าสาวหนึ่งคน ทำหน้าที่ “ช่างซ่อมหน้าผม” ของเราโดยเฉพาะ
หาเพื่อนเจ้าสาวของเราซักคนที่ดูเป็นบิวตี้กูรูที่สุด แล้วให้นางทำหน้าที่คอยสังเกตหน้าผมของเราว่ายังโอเคหรือเปล่า ฝาก “กล่องปฐมพยาบาลเจ้าสาว” ให้เพื่อนคนนี้ถือและฝากฝังให้นางดูแลความงามของเราตลอดงาน การมีเพื่อนที่คอยช่วยสังเกตให้เราถือว่าช่วยได้มากเพราะเจ้าสาวจะยุ่งกับเรื่องอื่นๆ จนไม่รู้ว่าเมกอัพหรือทรงผมของเราสภาพเป็นยังไงบ้าง บางทีถ้าไม่มีเพื่อนคอยช่วย หรือไม่ได้ฝากฝังใครคนใดคนหนึ่งไปโดยเฉพาะ กว่าจะรู้ว่าหน้าเละ ผมพัง ก็ผ่านไปนานแล้วจ้า

เมกอัพเจ้าสาว

หวังว่าทิปส์ของเราจะช่วยให้เหล่าว่าที่เจ้าสาว มีหน้าผมที่เป๊ะตลอดงานประหนึ่งมีช่างแต่งหน้าและทำผมคอยประกบนะคะ ^^

ลองมาอ่านทิปส์เพื่อเลือกช่างแต่งหน้าเจ้าสาวที่ใช่ คลิกเลย

credit photo: ขอขอบพระคุณภาพจาก คุณมีมี่ ถ่ายโดย Sitphotograph , weddingbee.com, snippetandink.com

ตกแต่งงานแต่งให้สวยเพิ่มความโรแมนติกด้วยแสงไฟระยิบ 5 แบบ

“แสงไฟ” เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่ใช้ ตกแต่งงานแต่ง ยามค่ำคืนงดงาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับงานแต่งเอ๊าท์ดอร์ที่จัดในสวนหรือริมทะเล แสงไฟถือเป็นตัวชูโรงชั้นเลิศที่ขาดไม่ได้เลยทีเดียว ด้วยเหตุนี้เราจึงนำรูปแบบแสงไฟ 5 แบบ 5 สไตล์ มาฝากกัน ลองดูนะคะว่าแสงไฟแบบไหนที่เหมาะจะนำไปเนรมิตงานแต่งของคุณ

1. String Lights
1

ไฟประดับแบบเส้นที่สามารถนำมาประยุกต์ตกแต่งได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น พาดโยง ห้อยระย้า พันรอบสิ่งของ พันรอบต้นไม้ หรือเนรมิตเป็นม่านไฟเพื่อสร้างแบ็กดร็อปสุดโรแมนติก

2. Light Bulbs
2

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าแค่หลอดไฟกลมธรรมดาๆ ที่ดูไม่ทันสมัยเอาซะเลยจะทำให้งานแต่งดูสวยคลาสสิกได้ แนะนำเป็นอย่างยิ่งสำหรับงานแต่งธีมย้อนยุค วินเทจ หรือรัสติก

3. Candles
3

เทียนไข ไอเท็มเนรมิตแสงไฟสุดเบสิกที่สามารถปรับเปลี่ยนสไตล์ได้ตามใจต้องการ ไม่ว่าจะเป็นแบบเรียบง่ายที่แฝงไปด้วยความคลาสสิก หรือแบบหรูหราที่ใช้เชิงเทียนมาเป็นตัวช่วยให้เทียนไขบ้านๆ ดูเวอร์วังขึ้น

4. Lanterns
4

นอกจากการตกแต่งโคมไฟให้เหมือนเป็นโคมลอยแล้ว เรายังสามารถนำมาตกแต่งในรูปแบบอื่นได้อีก เช่น วางประดับตามแนวทางเดิน ใช้เป็นเซ็นเตอร์พีซบนโต๊ะอาหาร ฯลฯ นอกจากความสวยงามแล้ว แสงไฟดวงโตๆ ของโคมไฟยังช่วยให้แสงสว่างกับงานเอ๊าท์ดอร์ได้ดีอีกด้วย

5. Chandeliers
5

ใครว่าแชนเดอเลียร์จะต้องส่องแสงสวยงามอยู่แค่ในห้องจัดเลี้ยงเท่านั้น งานแต่งเอ๊าท์ดอร์ก็สามารถใช้แชนเดอเลียร์เป็นองค์ประกอบหลักได้ด้วยเช่นกัน แถมยังให้อารมณ์ที่แตกต่างออกไป เพราะเมื่อแชนเดอเลียร์สุดหรูหราได้อยู่ท่ามกลางสวนสวยหรือบรรยากาศชิลๆ ของหาดทรายสายลม จะกลายเป็นความลงตัวที่ช่วยเสกสรรค์ให้งดงามชวนฝันราวกับงานแต่งในเทพนิยายเลยทีเดียว

ติดตามไอเดียดีๆ เกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานอีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย!

ขอบคุณภาพจาก : elegantweddinginvites.com, thehousebell.com

ทรงผมเจ้าสาว 4 แบบ สวยครบเช้าจรดเย็นทั้งชุดแต่งงานไทยและชุดแต่งงานสากล

ทรงผมเจ้าสาว เป็นเรื่องที่เจ้าสาวให้ความสำคัญไม่แพ้ชุดแต่งงานและลุคเมคอัพ เพราะถ้าทุกอย่างสวยหมดแต่ดันเลือกทรงผมผิดก็เหมือนกับฆ่าตัวตาย! แพรว wedding เลยไปขอคำแนะนำพร้อมทรงผมสวยๆ จากช่างทำผมมืออาชีพ คุณจีรวัฒน์ คงศรีทอง เจ้าของไอจี @gee_jiwat  ที่มีสไตล์การทำผมที่สวยงามและชัดเจน คุณจีเลยจัด 4 ทรงผมเจ้าสาวแบบเช้าจรดเย็นมาให้ว่าที่เจ้าสาวได้สวยกันตามนี้เลย

ผมฟุ้งแบบสาวในฝัน

หลายคนบอกว่าไม่รู้จะบอกช่างอย่างไรว่าอยากได้ทรงแบบนี้ แต่ซุป’ตาร์ฝั่งเอเชียทำกันเพียบ ด้วยเป็นทรงที่ดูนุ่มนวลอ่อนหวานชวนฝัน หากได้ช่างฝีมือดีที่เข้าใจจังหวะของการดีไซน์ความฟุ้งให้เข้ากับใบหน้าของเจ้าสาวได้จริง ขอบอกเลยว่าทรงนี้สวยขาดดูอ่อนเยาว์ มีความสมัยใหม่ และดูไม่ตั้งใจเกินไป แต่แท้จริงตั้งใจให้สวยเป็นนางในฝันเลยละเธอ!!!

PRO TIPS : ทรงผมฟุ้งแบบสาวในฝันมีข้อควรระวังที่สำคัญคือ อย่าดึงเส้นผมให้ฟุ้งในจังหวะที่เท่าๆ กันทั้งหัวจนกลายเป็นแพตเทิร์น ต้องให้ดูมีจังหวะต่างๆ กันจะดูสวยโมเดิร์นกว่า ที่ควรระวังอีกข้อคือ หากอยากทำทรงฟุ้งแบบนี้ต้องอย่ายีผมให้ใหญ่จนเกินเบอร์ เพราะหากในที่สุดเกล้าจนเสร็จสิ้นแล้วผมดูใหญ่เกินไปจะดูสูงวัยไป ควรเซตให้ภาพรวมของผมดูพองน้อยๆ แต่มีความโปร่งเบา กฎเหล็กคือ ผมช่วงด้านข้างห้ามพองกว่าด้านบนเด็ดขาด เพราะจะทำให้ดูสูงวัยเช่นกัน สำหรับเจ้าสาวที่รู้สึกว่าตัวเองหัวโตไม่กล้าเกล้ามวยแบบนี้ที่จริงสามารถทำได้โดยใช้เทคนิคลดระดับให้มวยอยู่ต่ำย้อยลงมาศีรษะจะดูลดขนาดลงทันที

 

สวยเรโทรสไตล์เจ้าหญิงฮอลลีวู้ด

“ออเดรย์ เฮปเบิร์น” คือแฟชั่นไอคอนที่ดีไซเนอร์ทั่วโลกก๊อปปี้สไตล์ของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่เอ๊าต์ไปตามกาลเวลา แฮร์สไตลิสต์มักแนะนำทรงเกล้ายกสูงแบบนี้ให้กับเจ้าสาวรูปร่างเล็กเพราะช่วยเสริมความสูงให้ดูสง่างามขึ้น ยิ่งถ้าใครมีช่วงลำคอที่ยาวระหงทรงแบบเจ้าหญิงฮอลลีวู้ดนี้จะโชว์ช่วงลำคอได้ชัดเจน จับคู่กับชุดเจ้าสาวแนวเปิดไหล่ ใส่เครื่องประดับผมเล็กๆ สักอัน สวยจบไม่ต้องพูดเยอะ

PRO TIPS : คีย์สำคัญของการทำทรงนี้ให้สวยคือ การจัดรูปทรงของผมให้ได้รูป ซึ่งอาจไม่สามารถทำได้เป๊ะภายในครั้งเดียว มือโปรจึงแนะนำว่าส่วนไหนที่ยังไม่แน่ใจให้ใช้กิ๊บปากเป็ดติดไว้ชั่วคราวก่อน เมื่อชัวร์แล้วจึงเปลี่ยนเป็นกิ๊บดำ แม้จะเป็นทรงแบบเรโทรแต่มาถึงยุคนี้แล้วก็ต้องปรับดีเทลให้มีความโมเดิร์นไม่ให้ผมดูเรียบแข็งเกินไป การใช้หวีหางช่วยเขี่ยและการใช้นิ้วดึงจะช่วยให้ผมมีความฟุ้งๆ หลวมๆ มีความโปร่งเบา ไม่ดูสูงวัยแบบสไตล์เรโทรของแท้ อีกเทคนิคที่ต้องระวังคือ อย่ายีผมด้านหลังให้ดูทุยมากเกินพอดี เพราะหากรูปทรงที่เกล้าไม่รับกับรูปศีรษะของเจ้าสาวจาก “ออเดรย์” จะกลายเป็น “เอเลี่ยน” ไปได้นะเออ!!

ไปดูทรงผมเจ้าสาวสำหรับชุดไทยกันต่อที่หน้าต่อไป คลิกเลย >>>

แบบเวลเจ้าสาวสวยหวานทรงพลังจากเจ้าสาวรุ่นพี่ที่อยากบอกต่อ

อีกหนึ่งสัญลักษณ์ที่สื่อถึงความเป็นเจ้าสาวได้ดีที่สุดก็คือ เวลเจ้าสาว นั่นเอง แถมยังมีให้เลือกมากมายหลากหลายแบบแล้วแต่สไตล์ใครสไตล์มันอีกด้วย แพรว wedding เลยมีไอเดียแบบเวลเจ้าสาวจากรุนพี่ตัวจริงอิมพอร์ตมาให้ว่าที่เจ้าสาวรุ่นน้องได้ปักไว้ในใจกัน มีแบบไหนบ้าง แล้วจะสวยหวานขนาดไหน เลื่อนลงไปดูแล้วเตรียมเซฟกันไว้ได้เลย

เวลเจ้าสาว

ดูเป็นอะไรที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังสุดๆ ด้วยเวลเจ้าสาวประดับคริสตัลระยิบระยับที่เข้ากับชุดเจ้าสาวสีเงินประดับเลื่อมได้เป็นอย่างดี แถมงานนี้เจ้าสาวยังสามารถประหยัดงบไม่ต้องไปสั่งทำเวลแพงๆ ให้เสียเวลา เพียงแค่หาผ้ามุงผืนใหญ่สักหน่อยที่พอคลุมตัวเจ้าสาวได้ แล้วหาซื้อเลื่อมคริสตัลระยิบระยับมาช่วยกันแปะประดับเองกับแก๊งเพื่อนเจ้าสาว เท่านี้ก็ได้เวลสวยชวนฝันแล้ว สุดท้ายอย่าลืมให้ช่างทำผมยึดเวลไว้กับผมให้ดีนะคะจะได้หลุดลื่นไถลระหว่างเดินเข้างาน

อ่อนหวานในลุคเจ้าสาวที่น่าทะนุถนอมด้วยเวลสีขาวที่เล่นกิมมิกบริเวณขอบผ้า โดยให้เวลมีความยาวเลยเอวลงมาถึงประมาณบั้นท้ายสักหน่อย เพื่อแมตช์ให้เข้ากับทรงผมรวบครึ่งศีรษะแล้วแซมด้วยดอกไม้ช่อเล็กๆ ที่ด้านบนของเวล เท่านี้ก็ได้ลุคเจ้าสาวสุดน่ารักแล้ว

หากเจ้าสาวอยากได้ลุคที่ดูเรียบหรูแต่ดูอ่อนหวานอยู่ในที อาจจะเลือกใช้เวลที่มีกิมมิกของผ้าลูกไม้บริเวณขอบผ้าให้หนาสักหน่อย แล้วยึดเวลไว้กับผมสไตล์ชินนอน จากนั้นก็ปล่อยให้เวลของเจ้าสาวยาวสยายไปที่ด้านหลัง เท่านี้ก็ได้ลุคของหญิงสาวสไตล์เรียบหรูดูดีแล้ว

เวลขนาดยาวที่เล่นลวดลายบริเวณปลายผ้าก็ช่วยเสริมให้เจ้าสาวดูดีได้ไม่แพ้กัน แถมเมื่อปล่อยให้เวลสยายไปที่ด้านหลังลูกไม้หรือลวดลายต่างๆ ก็ยังคงโดดเด่นไม่กลืนไปกับชุดแต่งงานสีขาวอีกด้วย และหากเจ้าสาวแต่งงานท่ามกลางบรรยากาศแบบเอ้าท์ดอร์ แนะนำให้เจ้าสาวเลือกผ้าที่พลิ้วไหวสักนิด เพราะเมื่อยามลมพัดแล้วเวลสะบัดรับรองว่าคุณจะได้ภาพที่สวยงามในลุคเจ้าสาวแน่นอน

เพื่อให้ลุคโดยรวมของเจ้าสาวไปในทางเดียวกัน การเลือกผ้าลูกไม้ชิ้นเดียวกับชุดแต่งงานมาประดับเวลก็ดูเป็นไอเดียที่เก๋ดีไม่น้อย โดยอาจจะเน้นลวดลายของลูกไม้ให้ใหญ่สักนิดเพื่อความโดดเด่น เท่านี้เจ้าสาวก็ได้ชุดแต่งงานในฝันพร้อมเวลแสนสวยแล้ว

เวลความยาวระดับไหล่ที่ให้ลุคทันสมัยและน่ารักในเวลาเดียวกัน แถมงานนี้เจ้าสาวสามารถ DIY เวลแสนสวยได้ด้วยตัวเองแบบไม่ยาก เพียงแค่หาผ้ามุ้งให้ได้ขนาดแล้วเย็บของผ้าด้วยริบบิ้นสีขาว โดยอาจจะเลือกเป็นผ้ากำมะหยี่เพื่อช่วยให้เวลดูหรูขึ้นอีกนิดก็ได้ หรือจะเลือกเย็บขอบเวลด้วยริบบิ้นสีเดียวกับธีมงาน เราว่าก็เก๋ดีเหมือนกันนะ

สวยหวานราวกับเจ้าหญิงด้วยเวลที่มีความยาวแบบไล่เลเยอร์ โดยให้ความยาวที่ด้านหน้าอยู่ที่บริเวณต้นแขนแล้วทิ้งชายของเวลไปที่ด้านหลังให้ขนานไปกับชุด แล้วตกแต่งเวลด้วยลวดลายดอกไม้พร้อมเย็บขอบผ้าเพื่อความประณีต เท่านี้ก็สวยจบพร้อมเดินเข้างานแล้วค่ะ

เปลี่ยนชุดแต่งงานแบบเรียบง่ายให้ดูมีอะไรขึ้นได้ในพริบตา ด้วยมนตร์วิเศษของเวลสีขาวสุดเรียบง่ายแต่กลับดูเข้ากันกับชุดได้อย่างไม่น่าเชื่อ แล้วเพิ่มกิมมิกให้ลุคดูมีลูกเล่นด้วยการเล่นเลเยอร์ของเวล แถมงานนี้ไม่ต้องตกแต่งเวลให้อลังมากมาย เพราะใช้เพียงแค่ผ้ามุ้งธรรมดาเท่านั้น อาจจะเพิ่มความโดดเด่นให้กับลุคนี้ด้วยผมทำสีสักนิด รับรองว่าคุณจะโดดเด่นในลุคนี้อย่างแน่นอน

ชุดแต่งงานแบบเข้ารูปพร้อมรวบผมครึ่งศีรษะแล้วประดับด้วยเวลยาว (cathedral-length veil) ที่ไม่ต้องเน้นการตกแต่งเวลให้เยอะแยะก็สวยได้แล้ว

งานเจ้าหญิงตัวจริงต้องมาค่ะ กับเวลที่ลากยาวมาก (ก.ไก่อีกหลายตัว) หากเจ้าสาวเลือกใช้เวลสไตล์นี้อย่าลืมหาผู้ช่วยตัวน้อย หรือแก๊งเพื่อนสาวแสนสวยมาช่วยถือเวลด้วยนะคะ และที่สำคัญต้องคำนึงถึงพื้นที่จัดงานแต่งด้วยว่าเอื้ออำนวยต่อเวลของคุณที่ลากยาวขนาดนั้นหรือไม่ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวเวลสวยๆ พัง แล้วจะเสียใจตอนหลังไม่รู้ด้วย

เคล็ดลับการทำความสะอาดชุดแต่งงานเบื้องต้น

หลังจากเสร็จงานแต่งงาน เจ้าสาวหลายๆ คน มักจะเจอกับปัญหา ชุดแต่งงานเลอะ ไม่ว่าจะเป็นคราบเครื่องสำอางจากการแต่งหน้า หรืออาจเกิดจากรอยเปื้อนต่าง ๆ ซึ่งถ้าเกิดปัญหาเหล่านี้ขึ้น อย่าเพิ่งตกใจไปค่ะ วันนี้ แพรว wedding เรามีวิธีกำจัดคราบต่าง ๆ มาฝากกันค่ะ

 

  • รอยแป้งและเครื่องสำอาง

รอบคอและรอบอกที่คุณจะต้องทาให้ผิวผ่องสวย ผ้าซาติน,ชีฟอง และผ้าเครป ก่อนอื่นให้โรยแป้งเด็กให้ทั่วเพื่อป้องกันการกระจายของคราบ ปล่อยทิ้งไว้ หากเป็น ผ้าไหม ใช้ทิชชูพับทบให้หนาเล็กน้อยแล้ว วางรองใต้คอเสื้อหรือรอบๆ ขอบที่เป็นเกาะอก จากนั้นใช้แปรงขนนุ่มชุบน้ำ แล้วใช้นิ้วรีดน้ำออกจากขนแปรง แล้วปัดเบา ๆ ที่รอยเปื้อน ใช้ทิชชูกดทับให้แห้งอีกที

  • ช่วงลำตัว

ผลจากมาลัยทำการเสียดสีกับชุดทำให้เกิดรอยเปื้อน วิธีทำความสะอาดเบื้องต้น คือใช้นิ้วแตะสบู่ถูเบา ๆ ตรงรอยเปื้อนให้เกิดฟอง จากนั้นใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำลูบเอาฟองออก แล้วใช้ไดร์เป่าผมเป่าให้แห้งทันที เพื่อป้องกันไม่ให้คราบของสีกระจายตัวนั่นเองค่ะ

  • บริเวณชายกระโปรง ซับใน ที่สัมผัสกับพื้น 

วิธีทำความสะอาด คือ ใช้แป้งเด็กโรยตรงคราบให้ทั่วเพื่อป้องกันการกระจายของคราบ แต่ถ้าเป็นพวกสิ่งสกปรกจากฝุ่นผงให้ใช้ผ้าผืนเล็ก ๆ ปัดคราบออกก่อน อย่าใช้มือนะคะ เพราะอาจทำให้คราบฝังลึกได้ จากนั้นหาภาชนะเทน้ำอุ่นใส่ลงไป จุ่มรอยดำลงไป แล้วใช้นิ้วแต้มสบู่ไปมาบริเวณรอยเปื้อน อย่าขยี้นะคะ เพราะจะทำให้คราบกระจายได้ แล้วใช้ทิชชูซับให้แห้ง แต่ถ้ารอยเปื้อนเกิดจากไวน์หรือน้ำอัดลม ให้เปลี่ยนจากน้ำอุ่นเป็นโซดาแทน

ที่สำคัญอย่าปล่อยให้คราบสิ่งสกปกรกอยู่นานนะคะ ยิ่งทำความสะอาดเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี เพื่อคราบจะได้ไม่ฝังลึก ทำให้ขจัดได้ยาก หลังจากทำความสะอาดเบื้องต้นดังที่กล่าวมาแล้ว ควรรีบส่งซักทันทีเพื่อชุดสวยจะได้ไม่มีคราบติดนานเท่านานค่ะ

ดูไอเดียและคำแนะนำเกี่ยวกับชุดแต่งงานเพิ่มเติม คลิกเลย!

cr : marthastewartweddings.com, allure.com, thespruce.com

7 สิ่งที่ว่าที่เจ้าสาวต้องทำหากต้องการ แต่งหน้าเจ้าสาว ด้วยตัวเอง

ไม่ใช่เรื่องผิดถ้าเจ้าสาวจะลงมือ แต่งหน้าเจ้าสาว ในวันสำคัญด้วยตัวเองไม่พึ่งช่างแต่งหน้า แต่จะต้องเตรียมตัวยังไงบ้างให้สวยในวันสำคัญไม่แพ้ฝีมือช่าง? มาดูกัน

มีบ้างที่ ว่าที่เจ้าสาว แพลนจะลงมือ แต่งหน้าเจ้าสาว ในวันสำคัญของเราด้วยตัวเองไม่พึ่งช่างแต่งหน้ามืออาชีพ ซึ่งเราบอกเลยว่าไม่ใช่เรื่องผิดนะคะ เพราะขนาด Kate Middleton ดัชเชสแห่งเคมบริจน์ ก็ลงมือแต่งหน้าเจ้าสาวด้วยตัวเองเหมือนกันข้อดีของการลงมือแต่งหน้าทำผมเจ้าสาว ด้วยตัวของเราเอง นอกจากความภาคภูมิใจแล้วเราเจ้าสาวซึ่งรู้จักสิ่งที่ตัวเองต้องการมากที่สุดยังสามารถครีเอทลุคเมกอัพและทรงผมที่ตัวเองต้องการจริงๆได้ด้วย แต่ก่อนอื่นเราอยากแนะนำสิ่งต่อไปนี้ ให้กับเหล่าว่าที่เจ้าสาวที่จะลงมือแต่งหน้าทำผมตัวเอง เพื่อเพิ่มความชัวร์ไม่ให้พลาดในวันสำคัญของคุณค่ะ

แต่งหน้าเจ้าสาว

1. ฝึกฝนให้มากเข้าไว้!
เราเชื่อว่า เหล่าว่าที่เจ้าสาวที่ตัดสินใจแต่งหน้าทำผมตัวเองในวันสำคัญส่วนใหญ่มีสกิลการแต่งหน้าทำผมในระดับนึงแล้วแหละ แต่เราก็อยากให้คุณฝึกฝนจากการแต่งหน้าไปทำงานหรือไปเที่ยวในชีวิตประจำวันนี่แหละค่ะ ลองแต่งดูหลายๆลุค ดูว่าลุคไหนแมทช์กับเราที่สุด รวมทั้งลองศึกษาทิปส์การแต่งหน้าต่างๆจากบล็อคของเหล่าบิวตี้บล็อคเกอร์และเมกอัพอาร์ทิสต์ดูนะคะ

2. ลงทุนกับสกินแคร์
งานผิวที่ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง เราอยากให้ว่าที่เจ้าสาวลงทุนกับสกินแคร์ดีๆ หรือมีวินัยกับการดูแลผิวหน้าตัวเองอย่างเคร่งครัดเป็นพิเศษ เพราะเมื่อแต่งหน้าบนพื้นผิวหน้าที่ดี เราแทบไม่ต้องลงสีสันหรือพยายามปกปิดอะไรมากก็สามารถสวยได้อย่างเป็นธรรมชาติแล้วค่ะ (คลิกอ่าน มาส์กหน้าเตรียมผิวเจ้าสาว หรือจะ ทำมาส์กฉบับเจ้าสาวจากวัตถุดิบในครัว ที่นี่!)

3. ศึกษาการแต่งหน้าเพื่อถ่ายภาพออกมาแล้วสวย
เพราะสกิลการแต่งหน้าเพื่อถ่ายภาพสวยนั้นไม่เหมือนการแต่งหน้าสวยในชีวิตประจำวันทั่วไปนะคะ การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ก็มีความแตกต่างกัน และยังต้องอาศัยเทคนิคการ sculpting หรือเฉดดิ้งรูปหน้าให้ชัดเจนขึ้น รวมทั้งเทคนิคการใช้สีสันต่างๆที่ช่วยส่งให้เราดูสวยขึ้นในภาพถ่ายด้วยค่ะ

แต่งหน้าเจ้าสาว

4. ศึกษาทิปส์ที่ช่วยให้เมกอัพติดทนนาน
และอีกเช่นกัน สิ่งสำคัญของการแต่งหน้าในวันสำคัญอย่างวันแต่งงานคือเมกอัพที่ติดทนนาน รองพื้นไม่เละเป็นสังขยาในงานแบบกล้างแจ้ง มาสคาร่าที่ไม่ไหลเยิ้มหากเราร้องไห้ และลิปสติกสีชัดติดทนนานแม้เราจะกินและดื่มบ้าง อย่าลืมศึกษาทิปส์เหล่านี้ และหาผลิตภัณฑ์กลุ่มเพื่อช่วยให้เมกอัพติดทนนาน อย่างไพรเมอร์ หรือ เซตติ้งสเปรย์ ตัวที่ถูกกับเราด้วยละคะ

5. ณ วันจริง งดลงผลิตภัณฑ์ที่มีสารกันแดด
ตั้งแต่ครีมกันแดด ยันไพรเมอร์ เมกอัพเบส หรือรองพื้นที่ผสมสารกันแดด เพราะสังกะสีและไททาเนียม ไดอ็อกไซด์ ในสารกันแดดนั้นสะท้อนแสงแฟลชกล้องถ่ายรูปทำให้เกิดเป็นเงาขาวๆบนใบหน้าของเรา ทำให้หน้าเราดูเทาเป็นคนละสีกับคอหรือเป็นคราบสีขาวๆ อย่างที่เซเลบบนพรมแดงหลายคนเคยพลาดมาแล้วค่ะ

6. เน้นทรงผมเบสิคไว้ก่อนเซฟสุด
เพราะการทำผมด้วยตัวเองนั้นมีข้อจำกัดมากกว่าการแต่งหน้ามาก หากเจ้าสาวพยายามทำผมทรงที่ต้องอาศัยเทคนิคมากเพียงลำพังอาจจะพลาดได้ เราแนะนำให้ยึดกับลุคเบสิคหรือทรงผมง่ายๆไว้ก่อน อาจจะดรายผมตรง มัดหางม้า หรือทำมวยผมง่ายๆ ลองศึกษาวิธีทำและฝึกฝนจากบล็อคสอนทำผมต่างๆที่ตอนนี้มีอยู่มากมายค่ะ

แต่งหน้าเจ้าสาว

7. สุดท้าย ให้เพื่อนช่วยเช็ค
เมื่อแต่งหน้าทำผมตัวเองเสร็จเรียบร้อย ก็อย่าลืมให้เหล่าเพื่อนเจ้าสาวช่วยเช็คความเรียบร้อยของเมกอัพ และทรงผม อีกครั้งนะคะ เพราะสายตาของเราคนเดียวอาจจะเห็นไม่ครบทุกมุมหรือหลงลืมอะไรไปก็ได้ อย่าลืมฝากเมกอัพสำหรับเติมหน้าเติมปากระหว่างวันไว้กับเพื่อนด้วยละ

สุดท้ายนี้ ว่าที่เจ้าสาวคนไหนที่แต่งหน้าเอง อย่าลืมส่งรูปสวยๆ  ผลงานของตัวคุณเองในวันจริงมาให้เราดูบ้างนะคะ ขอให้เจ้าสาวมีความมั่นใจและภูมิใจกับผลงานของเราเอง ซึ่งจะส่งให้เรามีออร่า สวยที่สุดในวันสำคัญค่ะ ^^

Credit: byrdie.com, instyle.com, people.com
Photo: tatianamphotography.com, stylemepretty.com, weddingforward.com, trend2wear.com

5 เทคนิคพิชิตธีมงานวินเทจ ทำตามได้ง่ายแบบไม่เปลืองงบ

เชื่อได้ว่าบ่าวสาวยุคใหม่หลายคนน่าจะมีธีมงานแต่งที่เป๊ะปังไม่เหมือนใครอยู่ในใจ ซึ่งหนึ่งในธีมเหล่านั้นเราเชื่อว่า ธีมงานวินเทจ น่าจะชนะใจบ่าวสาวเด็กแนวไม่มากก็น้อย เพราะด้วยเสน่ห์ของความเก่าที่ดูเรียบง่ายแต่แฝงไว้ด้วยความคลาสสิคอย่างมีสไตล์ จึงไม่แปลกใจที่คู่รักสายฮิปจะหลงรักธีมนี้เป็นพิเศษ แพรว wedding เลยจัด 5 เทคนิคพิชิตธีมงานสไตล์วินเทจมาให้เหล่าบ่าวสาวมือใหม่ได้ลองไปทำตามกันดู รับรองว่าง่ายกว่าที่คิดไว้แน่นอน

1. ใช้ของสะสม

ธีมงานวินเทจ

สร้างบรรยากาศย้อนยุคโดยการตกแต่งด้วยข้าวของเครื่องใช้โบราณหรือของเก่าเก็บสมัยคุณพ่อคุณแม่ยังสาว งานนี้เรียกว่ายิ่งเก่ายิ่งดูคลาสสิก หรือนำสิ่งของที่ใช้กันในอดีตมาดัดแปลงเป็นของชำร่วยเก๋ๆ รับรองว่าเมื่อแขกเหรื่อได้รับต้องชวนให้รำลึกถึงความหลังกันแน่นอน

2. ใช้สีน้ำตาลหรือสีพาสเทล

เพราะธีมวินเทจเป็นธีมที่เน้นความเรียบง่าย สบายๆ แต่แฝงไปด้วยความคลาสสิก สีที่เหมาะจึงเป็นสีน้ำตาลหรือสีพาสเทล มองแล้วสบายตาและช่วยสร้างบรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเอง

3. ใช้ผ้าลูกไม้

แต่งแต้มเสน่ห์ความหวานสไตล์ย้อนยุคด้วยการนำผ้าลูกไม้มาใช้เป็นองค์ประกอบในการตกแต่งหรือประดิษฐ์เป็นข้าวของต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น บูเกต์ บูโทเนียร์ แพคเกจจิ้งของชำร่วย รวมถึงหัวใจสำคัญอย่างชุดเจ้าสาว

4. ใช้ลายดอก

ข้าวของลายดอกให้อารมณ์วินเทจหวานๆ ได้เป็นอย่างดี อาจเลือกใช้เป็นถ้วยชามลายดอกสำหรับโต๊ะจัดเลี้ยงสไตล์วินเทจ นำลวดลายดอกไม้มาออกแบบเป็นการ์ดเชิญ หรือแทคทีมแก๊งค์เพื่อนบ่าวสาวด้วยชุดลายดอกแสนเก๋

5. ใช้ดอกไม้สีหวาน

งานแต่งธีมวินเทจไม่จำเป็นต้องตกแต่งดอกไม้ให้ฟู่ฟ่า เพียงแค่ใช้แซมเล็กๆ น้อยๆ เพื่อเพิ่มความอ่อนหวานเท่านั้น แนะนำว่าควรเลือกใช้เป็นดอกไม้สีหวานๆ เช่น สีขาว สีชมพูอ่อน สีโอลด์โรส เป็นต้น

ดูไอเดียงานจัดงานแต่งงานและคำแนะนำดีๆ อีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ : roowedding.com, www.tulleandchantilly.com, www.designlisticle.com,
ourweddingideas.com, wowwedding.co, www.pinterest.com

เช็คลิสต์ใครเป็นใคร ทำหน้าที่อะไรในพิธีแต่งงานแบบคริสต์

บางคนอาจจะคิดว่า พิธีแต่งงานแบบคริสต์ นั้นดูเป็นพิธีที่เรียบง่ายและยุ่งยากน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับงานแต่งงานแบบไทยหรือแบบจีน แต่จริงๆ แล้วพิธีแบบคริสต์นั้นก็มีขั้นตอนที่ต้องเตรียมการ รวมไปถึงบุคคลต่างๆ นอกเหนือจากบ่าวสาว ที่ต้องทำหน้าที่ของตัวเองในวันงานด้วย แพรว wedding เลยลิสต์รายชื่อบุคคลพร้อมหน้าที่ที่ต้องทำในวันแต่งงานมาให้ เพื่อที่บ่าวสาวจะได้จัดเตรียมกันไว้ได้ถูก

1 The Minister : ผู้ประกอบพิธี

นั่นก็คือตำแหน่งบาทหลวงในคาทอลิก หรือศิษยาภิบาลในคริสเตียน ทำหน้าที่ประกอบพิธีสมรสให้กับบ่าวสาวตามหลักของนิกายนั้นๆ แต่มีหน้าที่หนึ่งอย่างที่ต้องทำเหมือนกันคือเป็นผู้อ่านคำสอนจากพระคัมภีร์ เทศน์ให้โอวาท และดำเนินจารีตสมรสด้วยการถามถึงความประสงค์ของบ่าวสาวในการครองคู่กัน จากนั้นจึงกล่าวให้แลกแหวน และรับรองความเป็นสามีภรรยาของทั้งคู่โดยถูกต้องตามหลักศาสนา

พิธีแต่งงานแบบคริสต์

2 Father of the Bride : คุณพ่อเจ้าสาว

ทำหน้าที่ให้เจ้าสาวเดินควงแขนซ้ายเข้าสู่พิธี และส่งตัวให้กับเจ้าบ่าวเป็นลำดับถัดไป เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าพ่อแม่เห็นชอบกับการแต่งงานครั้งนี้ และยินดีให้บุตรสาวเข้าสู่พิธีแต่งงานเพื่อไปสร้างครอบครัวกับเจ้าบ่าว เมื่อส่งตัวเจ้าสาวให้กับเจ้าบ่าวเรียบร้อยแล้วก็จะเดินกลับมานั่งกับคุณแม่เจ้าสาว

3 Groomsmen : เพื่อนเจ้าบ่าว

หนึ่งในแก๊งเพื่อนเจ้าบ่าวจะต้องมีหนึ่งคนที่ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าเพื่อนเจ้าบ่าว หรือ Best Man โดยมักเลือกจากเพื่อนที่สนิทที่สุดหรืออาวุโสที่สุดในกลุ่มมาทำหน้าที่สำคัญนี้ ซึ่งหน้าที่ก็คือเป็นผู้รักษาแหวนแต่งงานของบ่าวสาวเอาไว้จนกระทั่งถึงพิธีแลกแหวน และจะต้องยืนอยู่ข้างเจ้าบ่าวตั้งแต่เริ่มต้นพิธี พร้อมทำหน้าที่เป็นพยานเพื่อให้งานแต่งงานถูกต้องตามหลักศาสนา และในบางพิธีอาจมีการให้ Best Man กล่าวถึงบ่าวสาวเล็กน้อยอีกด้วย

4 Bridesmaids : เพื่อนเจ้าสาว

ตำแหน่งนี้ไม่ได้จำกัดว่าจะต้องเป็นแค่เพื่อนเท่านั้น แต่พี่สาวหรือน้องสาวก็สามารถทำหน้าที่นี้ได้ โดยเพื่อนเจ้าสาวจะทำหน้าที่ร่วมขบวนเจ้าสาวและคอยช่วยเหลือเจ้าสาวตลอดพิธีการ รวมไปถึงการรักษาช่อดอกไม้เจ้าสาว และเป็นผู้เปิดผ้าคลุมเมื่อบาทหลวงประกาศให้บ่าวสาวจูบกันได้ และเช่นเดียวกับเพื่อนเจ้าบ่าว เพราะเพื่อนเจ้าสาวก็ต้องมีหัวหน้าเพื่อนเจ้าสาวเช่นกัน โดยจะต้องทำหน้าที่เป็นแม่งานจัดเตรียมทุกอย่างให้เรียบร้อย ประหนึ่งเหมือนเป็นเวดดิ้งแพลนเนอร์ก็ว่าได้

5 Ring Bearer : เด็กชายถือแหวน

เป็นเด็กชายอายุประมาณ 5-10 ขวบ ที่มีความเกี่ยวข้องกับคู่แต่งงาน ทำหน้าที่เดินถือแหวนแต่งงานเข้าสู่พิธี ซึ่งตามธรรมเนียมดั้งเดิมแหวนแต่งงานจะเย็บติดกับหมอนผ้าซาตินสีขาวและเป็นแหวนปลอม เพราะแหวนจริงนั้นอยู่ที่เพื่อนเจ้าบ่าว หรือ Best Man นั่นเอง

6 Flower Girls : เด็กหญิงถือช่อดอกไม้

เป็นเด็กผู้หญิง 1-2 คนอายุไม่เกิน 9 ปี ซึ่งมักเป็นญาติของฝั่งเจ้าสาว ทำหน้าที่เดินถือช่อดอกไม้และโปรยกลีบดอกไม้นำหน้าเจ้าสาว และมักนิยมแต่งตัวให้เข้ากับเด็กชายถือแหวน

7 Candle Lighters : คู่ชายหญิงจุดเทียน

ถือว่าเป็นคนสำคัญของพิธีแต่งงานก็ว่าได้ เพราะทั้งคู่จะเป็นผู้จุดเทียนเริ่มต้นทำพิธีที่หน้าเชิงเทียนทำพิธีเพื่อเป็นสัญญาณให้นักดนตรีเริ่มบรรเลงเพลง โดยมักจะเป็นเด็กชายหญิง 1 คู่ที่โตพอสมควรและมีความสูงพอๆ กัน

8 Musicians : นักดนตรี

ผู้ทำหน้าที่บรรเลงเพลง Wedding March เมื่อบ่าวสาวเข้าสู่พิธี และมักเป็นนักดนตรีประจำโบสถ์นั้นๆ เพราะบางโบสถ์ไม่อนุญาติให้ใช้นักดนตรีจากข้างนอก หรือบางพิธีอาจมีนักร้องประจำโบสถ์เพื่อร้องเพลงหลังจากที่บาทหลวงอ่านพระคัมภีร์บทที่ 1 จบลง

9 Ushers : ผู้เชิญแขก

ถือเป็นอีกหนึ่งหน้าที่สำคัญเพราะต้องรับรองทั้งแขกของฝั่งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวให้เข้าสู่พิธีเพื่อเข้านั่งประจำที่ในโบสถ์ โดยแขกฝั่งเจ้าสาวจะนั่งทางซ้าย และแขกของเจ้าบ่าวจะนั่งทางขวา ซึ่งผู้ที่จะทำหน้าที่นี้จะต้องเป็นคนที่ยิ้มแย้มแจ่มใส พูดจาไพเราะ และพร้อมให้การช่วยเหลือกับแขกตลอดเวลา เพราะฉะนั้นหากบ่าวสาวมีแขกมาร่วมงานเยอะก็อาจจะต้องจัดหาผู้ที่ทำหน้าที่นี้ให้เหมาะสมกับจำนวนแขกด้วยเพื่อที่จะได้ดูแลแขกได้อย่างทั่วถึง

10 Attendants : ผู้เข้าร่วมพิธี

เรียกได้ว่าเป็นตำแหน่งที่สำคัญที่สุดในพิธีแต่งงานก็ว่าได้ ซึ่งแขกที่มาร่วมงานนั้นไม่จำกัดศาสนา โดยบ่าวสาวจะต้องคำนวณที่นั่งให้เพียงพอกับแขกที่เชิญไปด้วย

อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับการเตรียมงานแต่งงานและดูไอเดียงานแต่งอีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย!

cr. livingwaterfamilychurch.org, insideweddings.com, marthastewartweddings.com, weddbook.com

หล่อปังทรงพลังทั้งแก๊ง กับเทคนิคการเลือกชุดเจ้าบ่าวและผองเพื่อน

ไม่ใช่แค่คุณเจ้าสาวและแก๊งสาวๆ เท่านั้นที่จะต้องแต่งชุดที่แมตช์กันในวันแต่งงานนะคะ เพราะแก๊งของชายหนุ่มมาดแมนอย่างว่าที่เจ้าบ่าวและเหล่าผองเพื่อน เขาก็ต้องการดูมาดแมนแฮนด์ซั่มในวันสำคัญนั้นเช่นกัน แพรว wedding เลยจัด 5 ทริดสุดเจ๋งที่จะช่วยให้คุณและเดอะแก๊งหล่อแบบยกแพ็คมาฝาก กับการเลือก ชุดเจ้าบ่าว และชุดเพื่อนๆ ให้ดูเข้ากันทรงพลังแบบยกแก๊ง

1. เลือกประเภทของเครื่องแต่งกาย

แก๊งหนุ่มๆ นั้นมีขอดีตรงที่ว่า ประเภทของเครื่องแต่งกายนั้นไม่ได้เยอะแยะมากมายเหมือนอย่างของเจ้าสาวหรือแก๊งเพื่อนเจ้าสาว เพราะตัวเลือกสไตล์ชุดของหนุ่มๆ นั้นมีแค่ ชุดสูท หรือ ชุดทักซิโด เท่านั้น ก็ทำให้ตัดสินใจได้ง่ายหน่อย แต่ก็จะต้องมีปัจจัยอื่นๆ ที่แก๊งหนุ่มๆ ต้องเลือกเหมือนกัน เช่น ต้องการความเป็นทางการระดับไหน, มีงบประมาณเท่าไหร่ รวมไปถึงต้องศึกษาข้อดี-ข้อเสียของประเภทชุดที่เลือกด้วย ซึ่งชุดทักซิโดเหมาะกับงานที่เป็นทางการมากกว่าชุดสูท ที่มักจะมีหลากหลายแบบให้เลือก ไม่ว่าจะเป็น สูทแบบกึ่งทางการ หรือสูทสไตล์แคชชวล ซึ่งการสวมสูทให้ดูดีนั้นควรจะสวมให้พอดีกับตัว

2. พึ่งพามืออาชีพ

เทคนิคนี้เหมือนกันกับแก๊งของสาวๆ อย่างไม่มีผิดเพี้ยน เพราะผู้เชี่ยวชาญด้านสูทจะสามารถให้คำปรึกษาและให้คำแนะนำกับหนุ่มๆ ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของขนาด, เนื้อผ้า หรือแอคเซสซอรี่ต่างๆ ที่เหมาะกับสไตล์ชุดที่คุณเลือก ยิ่งงานนี้คุณได้ผู้ช่วยมืออาชีพฝีมือดีเท่าไหร่ก็จะช่วยให้ลุคของคุณและเดอะแก๊งดูดีมากเท่านั้น

3. ต้องเข้ากันได้ดีกับชุดแก๊งเพื่อนเจ้าสาว

ข้อนี้สำหรับแก๊งเพื่อนเจ้าบ่าวโดยเฉพาะ เพราะถึงแม้ว่าชุดของผู้ชายจะมีแค่ทักซิโดกับสูท แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความชุดผู้ชายจะมีแค่สีดำนะคะ แต่ชุดผู้ชายนั้นก็มีหลากหลายสีสันของเนื้อผ้าให้หนุ่มๆ ได้เลือกมิกซ์แอนด์แมตช์เช่นกัน โดยข้อนี้หนุ่มๆ อาจจะต้องท่องคำว่า ‘เลดี้เฟิร์ส’ ด้วยการให้คุณสาวๆ เขาไปเคาะแบบเลือกสีกันมาก่อนว่า ชุดของพวกเธอจะประมาณไหน สีอะไร เผื่อที่หนุ่มๆ จะได้เลือกแอคเซสซอรี่ แบบชุดสูท และสีสันให้แมตช์กันกับแก๊งสาวๆ ได้อย่างลงตัว เพื่อให้ภาพรวมของงานออกมาดูดี

4. อย่าลืมเผื่อเวลาสำหรับการปรับแก้ทรง

ข้อนี้จะไม่มีปัญหาหากหนุ่มๆ มีชุดสูทตัวเก่งของตัวเองอยู่แล้ว แต่หากชายหนุ่มคนใดที่ไม่เคยต้องแต่งกายอย่างเป็นทางการมาก่อน คุณจะได้รับสิทธิ์การตัดหรือเช่าชุดสูททันที ซึ่งทั้งสองตัวเลือกนี้ต่างก็ต้องใช้เวลาในการออกแบบ ตัดเย็บ และปรับแก้ทรงทั้งนั้น ซึ่งเวลาในการตัดสูทนั้นจะอยู่ประมาณ 2 อาทิตย์ แต่ถ้าหากหนุ่มๆ อยากได้เนื้อผ้าชนิดพิเศษที่ต้องสั่งพิเศษมาอีก ก็อาจจะต้องใช้เวลาในการรอเนื้อผ้าไปอีก เพราะฉะนั้นอย่าชะล่าใจคิดว่าสูทผู้ชายใช้เวลาน้อยนะจ๊ะ เพราะถ้าไปใช้บริการร้านดังคุณอาจจะเจอแจ็กพ็อตต้องรอคิวเป็นเดือนก็ได้ใครจะไปรู้

5. เลือกเติมแอคเซสซอรี่ได้ตามความสนุก

ไม่ว่าจะเป็น ถุงเท้าหลากสี โบไทสไตล์เก๋ หรือคัฟลิงค์สุดเท่ เพียงแค่เจ้าบ่าวและเดอะแก๊งเลือกทุกอย่างให้ดูเข้ากันทั้งกับชุด ลุค และธีมงาน เท่านี้ก็ได้ลุคสุดสนุกแต่ยังคงคอนเซปต์ความเท่ไว้ได้แบบไม่หลุดธีมแน่นอน

ชุดเจ้าบ่าว

เลือกชุดหล่อเข้ากันแล้วก็อย่าลืม เลือกรองเท้าให้เข้ากับชุดสูท กันด้วยนะคะ

CR. stylemepretty.com, pexels.com

ไม่สับสนอีกต่อไปกับ ผังที่นั่งงานแต่งไทย นั่งอย่างไรให้ถูกที่

ผังที่นั่งงานแต่งไทย ตามนี้เลย

พิธีแต่งงานแบบไทยนั้น ตำแหน่งการนั่งของบุคคลสำคัญเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่บ่าวสาวหลายคู่สงสัยและมักจะถามกันเข้ามาบ่อยๆ ว่า ประธาน พ่อ แม่ และเจ้าบ่าวเจ้าสาวต้องนั่งตรงไหน นั่งซ้ายหรือนั่งขวา อีกทั้งพิธีไทยและจีนก็มักจะนั่งต่างกัน แพรว wedding เลยมี ผังที่นั่งงานแต่งไทย พร้อมคำอธิบายมาฝากกันค่ะ

ผังที่นั่งงานแต่งไทย

สำหรับงานแต่งพิธีไทยนั้น เราขอเริ่มที่ประธานในพิธีกันก่อน โดยให้ประธานนั่งตรงกลางของเวที ประธานฝ่ายเจ้าบ่าวให้นั่งด้านขวามือ แล้วตามด้วยพ่อเจ้าบ่าวและแม่เจ้าบ่าวตามลำดับ ส่วนทางซ้ายมือก็เริ่มต้นด้วยประธานฝ่ายเจ้าสาว แล้วจึงตามด้วยพ่อเจ้าสาวและแม่เจ้าสาวเช่นกัน

สำหรับตัวของบ่าวสาวจะนั่งอยู่หน้าโต๊ะวางสินสอด (บางงานก็เอาโต๊ะออกในช่วงสวมแหวน) โดยให้เจ้าบ่าวนั่งฝั่งขวามือ และเจ้าสาวนั่งฝั่งซ้ายมือของเวที

ทั้งหมดที่ว่ามานี้ พูดง่ายๆ ก็คือ แบ่งเวทีออกเป็นสองฝั่ง ฝั่งขวามือเป็นฝั่งของครอบครัวเจ้าบ่าว และฝั่งซ้ายมือเป็นฝั่งของครอบครัวเจ้าสาว เพียงแค่นี้ก็จัดวางตำแหน่งที่นั่งบนเวทีได้แบบง่ายๆ ไร้ความงงงวยกันแล้วจ้า

ส่วนว่าที่บ่าวสาวแดนมังกรก็ไม่ต้องน้อยใจ เพราะเรามี ภาพผังที่นั่งบนเวทีในงานแต่งจีน มาฝาก

ภาพกราฟิกประกอบ : พิชญาภาเพลิน

เตรียมตัวจัดของให้พร้อมแล้วไปหาฤกษ์แต่งงานกันเถอะ!

ฤกษ์แต่งงาน ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญของว่าที่บ่าวสาวทั้งไทยและจีน เพราะพอลั่นวาจาว่าจะแต่งงานกันแล้วนะ พ่อแม่ญาติพี่น้องของทั้งสองฝ่ายต่างก็พากันยกโขยงไปหาเกจิอาจารย์ชื่อดัง หรือซินแสที่ครอบครัวเคารพนับถือเพื่อหาฤกษ์ดีอันเป็นมงคล ซึ่งน้อยครั้งนักที่คู่บ่าวสาวจะลงไปจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง จนบางครั้งก็ทำให้เกิดคำถามในใจว่า แล้วการไปดูฤกษ์แต่งงานนั้นต้องใช้อะไรบ้าง แพรว wedding เลยจัดข้อมูลมาให้บ่าวสาวได้รู้เผื่อจะได้เตรียมตัวไปหาฤกษ์ดีกันด้วยตัวเอง 

ตามแบบฉบับการหาฤกษ์แต่งงานของคนไทยก็จะเหมือนเวลาที่เราไปดูดวงกันตามปกติ คือต้องใช้

  • ชื่อ-นามสกุลของว่าที่บ่าวสาว
  • วัน เดือน ปีและเวลาตกฟาก (เวลาเกิด) ของว่าที่บ่าวสาว
  • ช่วงระยะเวลาที่ต้องการจัดงานแต่งว่าเป็นวันไหน เดือนไหน ปีไหน

ส่วนการหาฤกษ์แต่งงานแบบจีนนั้นก็จะมีรายละเอียดมากกว่าแบบไทยเล็กน้อย ซึ่งควรเตรียมข้อมูลให้ซินแสดังนี้

  • ชื่อ-นามสกุลของว่าที่บ่าวสาว (ถ้ามีชื่อจีนให้แจ้งด้วย)
  • วัน เดือน ปี เกิดของว่าที่บ่าวสาว
  • วัน เดือน ปี เกิดของพ่อแม่บ่าวสาว (เฉพาะผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่)
  • สถานที่ประกอบพิธีแต่งงาน เช่น บ้าน โรงแรม
  • ทิศของหลังบ้านและหัวเตียง
  • ช่วงระยะเวลาที่ต้องการจัดงานแต่งว่าเป็นวันไหน เดือนไหน ปีไหน

นอกจากนี้ หมอดูหรือซินแสบางท่านบางสำนักอาจขอข้อมูลเพิ่มเติม เช่น สถานที่เกิดของว่าที่บ่าวสาว อาชีพปัจจุบัน หลังจากแต่งงานแล้วจะอยู่ด้วยกัน หรือว่าใครจะย้ายเข้าบ้านใคร รวมถึงว่าทั้งคู่ต้องการมีลูกด้วยหรือไม่ เป็นต้น

หลังจากเตรียมข้อมูลดังกล่าวเรียบร้อยแล้วก็ถึงเวลาเตรียมสิ่งของค่ะ ซึ่งของที่จะขาดไม่ได้เลยสำหรับการหาฤกษ์แต่งงาน (ถ้าขาดไปนี่ไม่ต้องไปดูฤกษ์เลยนะ!) ก็คือ “เงิน” ค่ะ บางที่ก็เรียกค่าบูชาครูหรืออะไรก็ตามแต่ โดยอัตราค่าบริการอยู่ที่ฟรี (พระบางท่านก็ใจดีไม่คิดเงินนะ) ไปจนถึงหลักหลายร้อยหลายพันบาทแล้วแต่สำนัก ใครสะดวกสบายใจจะไปสำนักไหนก็เช็คราคากันให้ดี บางที่อาจมีค่าใช้จ่ายมากกว่าการหาฤกษ์ เช่น เพิ่มเงินเพราะเป็นคู่ที่หาฤกษ์แต่งงานยาก ค่าแก้เคล็ดดวงชงหรือดวงไม่สมพงษ์กัน แบบนี้เป็นต้น

สิ่งต่อมาที่ต้องเตรียมก็คือ “ปากกา” และ “กระดาษจด” เพื่อไม่ให้หลงลืมสิ่งสำคัญ ซึ่งบางสำนักก็มีเจ้าหน้าที่นั่งฟังกับเราและช่วยจดด้วย แต่สำหรับใครที่กลัวจดไม่ทัน แนะนำให้เปิดแอพลิเคชั่นอัดเสียงในมือถือไปเลยค่ะ รับรองว่าเป๊ะทุกคำพูด ไม่มีตกหล่นแน่นอน

เรื่องสุดท้ายที่เราอยากให้ว่าที่บ่าวสาวจำและตระหนักไว้เสมอก็คือ บางครั้งฤกษ์แต่งงานที่ได้มาอาจจะไม่ตรงกับวันที่เราต้องการเสมอไป บางคนไม่สะดวก บางคนตรงกับวันหยุดและจะไม่มีแขกมา บางคนติดภารกิจการงานใหญ่หลวง แต่ยังไงตามอย่าเพิ่งนอยด์กันไปนะคะ มองดู “ฤกษ์สะดวก” ตามคำของพระที่ท่านว่า “ฤกษ์สะดวก คือฤกษ์ที่ดีสุด” แบบนี้น่าจะโอเคกว่าเนอะ

แต่ถ้าใครยังไม่มีคู่ ต้องไปตามไปอ่านกันด่วนๆ >>> 3 ความเชื่อเรื่องเนื้อคู่ ทำตามนี้รับรองสละโสดบอกเลิกคานชัวร์

ข้อมูล : astroneemo.net, fengshuitown.com

คอนแทคเลนส์เจ้าสาว ใส่ยังไงให้สวยปังไม่หลอกตา!

คอนแทคเลนส์เจ้าสาว กลายเป็นของจำเป็นไปซะแล้ว! ว่าแต่เลือกยังไงไม่ให้พลาดพลั้ง ไม่ให้ดูหลอก ดูพัง ไม่ว่าจะมองใกล้ไกลก็สวยเพอร์เฟ็ค เรารวมคำตอบมาให้แล้วค่ะ

คอนแทคเลนส์เจ้าสาว หรือคอนแทคเลนส์สี กลายเป็นสิ่งขาดไม่ได้เมื่อแต่งหน้าเจ้าสาว เพราะช่วยเสริมลุคดวงตาให้ดูละมุนเข้ากั๊นเข้ากันกับเมกอัพเจ้าสาว ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่คอนแทคเลนส์เจ้าสาวนั้นช่างแต่งหน้าอาจจะเตรียมมาให้แล้วหรือมีชิ้นเด็ดแนะนำ แต่เราก็ยังอยากบอกทิปส์การเลือกคอนแทคเลนส์ที่จะช่วยเสริมลุคดวงตาในวันสำคัญของคุณเจ้าสาวให้ดูละมุนนี สวยเป๊ะปังไม่พลาด ไม่หลอกตา สวยทั้งมองใกล้ๆ และมองไกลๆ เลยละค่ะ

  1. ไม่ควรเป็นบิ๊กอายหมายถึงว่าเราควรเลือกคอนแทคเลนส์สีแบบที่ขอบเลนส์พอดีขอบตาดำตามธรรมชาติ เพราะการใส่บิ๊กอายนั้นนอกจากจะเอ้าท์ไม่อินเทรนด์แล้ว ยังทำให้ตาดำของเราดูผิดขนาด ลุคสวยๆที่ควรจะเพอร์เฟ็คจะกลายเป็นดูไม่สมดุลและพังเอาได้
  2. ไม่ควรเป็นสีดำสนิท เพราะนอกจากจะทำให้ดวงตาของเราดูแข็งไม่อ่อนโยนไม่ละมุนแล้ว เวลาถ่ายรูปออกมา ตาดำเราจะดูโพลงเหมือนตาเอเลี่ยนยังไงยังงั้นเลย ไม่เวิร์คชัวร์ เชื่อเราเถอะคอนแทคเลนส์เจ้าสาว
  3. ไม่ควรเป็นแบบตัดขอบชัดเจน ด้วยเหตุผลเดียวกันกับข้อข้างบน นั่นคือถ้าหากเราใส่คอนแทคเลนส์สีแบบขอบชัดเจน เมื่อถ่ายภาพออกมาดวงตาของเราจะดูแข็ง และส่งให้ลุคโดยรวมของใบหน้าไม่เป็นธรรมชาติ จริงๆแล้วหากใส่ไปงานปาร์ตี้หรืองานกลางคืนอื่นๆ ที่ไม่ใช่งานแต่งงานอาจจะพอได้นะ แต่สำหรับลุคเจ้าสาวสวยหวาน เราแนะนำแบบไม่ตัดขอบ หรือขอบฟุ้งๆดีกว่าค่ะ
  4. ทริคในการเลือกคอนแทคเลนส์ให้เหมาะกับสาวไทย คือเลือกคอนแทคเลนส์ที่มีส่วนผสมของสีเขียว เพราะสีเขียวในเนื้อสีจะเบลนด์เข้ากันได้ละมุนกับผิวสีเหลืองและพื้นตาสีน้ำตาลเข้มของเรา ไม่ทำให้หน้าเราดูหลอกค่ะคอนแทคเลนส์เจ้าสาว
  5. ไม่แนะนำคอนแทคเลนส์สีเทาที่มีส่วนผสมของสีฟ้า เพราะจะทำให้ดวงตาของเราดูเป็นสาวฝรั่ง แต่ถ้าใบหน้าของคุณดูยังไงก็สาวเอเชีย กลับจะดูแปลกและขัดหูขัดตาได้ ถ้าอยากใส่สีเทา เราแนะนำให้เป็นสีเทาที่มีส่วนผสมของสีเขียวอยู่ด้วย จะดูเป็นธรรมชาติสำหรับใบหน้าสาวไทยมากกว่าค่ะ
  6. สีที่เหมาะสำหรับเจ้าสาวพิธีเช้าที่ต้องการความสุภาพ ดูหวานละมุน คือสีน้ำตาลอมเขียว หรือสีน้ำตาลอมทอง
  7. สีที่เหมาะสำหรับเจ้าสาวชุดสากล ช่วยให้ถ่ายรูปในที่แสงน้อยแล้วยังดูโดดเด่นคือสีเทาอมเขียวค่ะคอนแทคเลนส์เจ้าสาว

เป็นยังไงบ้างคะว่าที่เจ้าสาว? อ่านทริคของเราแล้ว สามารถเลือกคอนแทคเลนส์ในดวงใจกันได้หรือยังคะ? อยากจะบอกว่า ทริคเหล่านี้สามารถเอาไว้ใช้ในโอกาสอื่นได้ด้วยนะ เช่น หาคอนแทคเลนส์สีดูสุภาพเป็นธรรมชาติไปสัมภาษณ์งาน หรือใส่ไปปาร์ตี้ให้เก๋ๆแต่ดูไม่หลอกตา เรียกได้ว่ารู้ทีเดียว ใช้ได้หลายสถานการณ์เลยละค่ะ

ถ้าชอบคอนเท้นต์นี้ของเรา ลองคลิกอ่าน >>> รวมลิสต์ ช่างแต่งหน้าทำผมเจ้าสาว ที่คิวฮ็อตสุดในจุดนี้พร้อมอัพเดทราคา

Credit Photo: Freshlook , 3CE Cosmetics

เรื่องที่ว่าที่บ่าวสาวต้องรู้ไว้…ก่อนสั่ง เค้กแต่งงาน ใช้งานในวันสำคัญ

หลายข้อควรรู้ก่อนออเดอร์ เค้กแต่งงาน

แม้จะมีต้นกำเนิดมาจากธรรมเนียมฝรั่ง แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจุบัน  เค้กแต่งงาน กลายเป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ในงานแต่งของคนไทยไปเสียแล้ว

ชาวตะวันตกถือว่าเค้กแต่งงานมีความสำคัญในแง่ของการเป็นอาหารมื้อแรกในชีวิตคู่ที่เจ้าบ่าว – เจ้าสาวได้กินร่วมกัน และบางคนจะเก็บเค้กชั้นบนสุดเอาไว้กินตอนฉลองแต่งงานครบ 1 ปีด้วย แต่สำหรับคนไทย เค้กแต่งงานกลับมีความสำคัญในแง่ของการเป็นไฮไลต์หนึ่งในการตกแต่ง จึงเน้นเรื่องความสวยงามเป็นหลัก เช่น เค้กที่มีสีสันหรือรูปแบบเข้ากับธีมงาน หรือเค้กสูงๆ ที่ดูอลังการ ซึ่งสมัยนี้มีให้เลือกหลากหลายแบบ แล้วเราจะเลือกแบบไหนกันดีล่ะ?

• ไซส์ ก่อนอื่นคุณต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่าจะมีเค้กแต่งงานเพื่ออะไร ถ้าเพื่อเป็นกิมมิกเก๋ๆ ก็อาจเลือกเค้ก 1-3 ชั้น แล้วตกแต่งให้สวยงามไม่ซ้ำใคร แต่ถ้าจะใช้เค้กเป็นไฮไลต์ของงานก็ต้องเป็นเค้กที่มีขนาดใหญ่เห็นได้แต่ไกล ส่วนจะกี่ชั้นก็แล้วแต่ขนาดของห้องบอลรูม เพราะถ้าห้องขนาดใหญ่แต่เค้กไม่ใหญ่พอก็จะดูไม่โดดเด่น

• เค้กจริง VS เค้กปลอม เมื่อรู้แล้วว่าจะใช้เค้กไซส์ไหน ค่อยมาเลือกว่าจะใช้เค้กประเภทใด ถ้าคุณต้องการเค้กที่มีความสูงไม่เกิน 9 ชั้นก็เลือกใช้ได้ทั้งเค้กจริงและเค้กปลอม โดยถ้าจะใช้เค้กจริงต้องเลือกเนื้อเค้กให้เหมาะ จุดนี้ว่าที่เจ้าสาวอาจคิดว่าไม่เกี่ยวกัน แต่ความจริงแล้วเกี่ยวเต็มๆ เพราะถ้าคุณใช้เค้กไซส์ใหญ่สูง 5 ชั้นขึ้นไป ก็ต้องเลือกเนื้อเค้กที่แน่นและรับน้ำหนักได้ดี เช่น บัตเตอร์เค้ก แต่สำหรับเค้กไซส์เล็กสูง 1 – 3 ชั้น สามารถเลือกเนื้อเค้กได้หลากหลายตามความชอบ

สำหรับเจ้าสาวที่ต้องการเค้กใหญ่บึ้มอลังการ แนะนำให้ใช้เค้กปลอม เพราะราคาย่อมเยากว่า ทนทาน และสามารถทำขนาดให้ใหญ่ได้แบบไร้ขีดจำกัด ไม่ต้องกังวลเรื่องโครงสร้างหรือความคงทนใดๆ ซึ่งมี 2 แบบให้เลือกคือ เค้กปลอมทั้งก้อนที่บ่าว – สาวแค่จรดมีดทำท่าตัด จากนั้นค่อยนำเค้กจริงที่ตัดรอไว้แล้วไปเสิร์ฟ และเค้กปลอมผสมเค้กจริง โดยมีทั้งแบบเป็นเค้กจริงชั้นที่ 1 – 2 ทั้งชั้น หรือเป็นเค้กจริงชั้นที่ 1 – 2 เฉพาะด้านที่คู่บ่าว – สาวตัด ซึ่งบางเจ้าที่ประณีตจะบีบครีมจริงลงไปบนชั้นอื่น ๆ ด้วยเพื่อให้ตอนจรดมีดเค้กมีการยุบตัวและมีครีมติดปลายมีด…เนียนสุดๆ ไปเลย

หากอยากใช้เค้กจริงมีข้อควรระวังคือ จำนวนแขกต้องสัมพันธ์กับชั้นของเค้ก เพราะถ้าเชิญแขกแค่ร้อยกว่าคน แต่ใช้เค้กจริง 7 ชั้น ซึ่งตัดแบ่งได้ประมาณ 200 – 300 ชิ้น เค้กก็จะเหลือทิ้งเป็นจำนวนมาก ขณะที่บางงานเชิญแขกเป็นพันๆ คน แม้จะใช้เค้ก 9 ชั้นซึ่งถือว่าสูงที่สุดแล้ว ก็ยังตัดแบ่งได้แค่ประมาณ 400 ชิ้น ดังนั้นควรสั่งเค้กหรือคัพเค้กสำหรับจัดเลี้ยงเพิ่มขึ้นต่างหากด้วย ส่วนบ่าว – สาวที่ตัดสินใจจะใช้เค้กปลอมควรเช็กกับแผนกจัดเลี้ยงของโรงแรมที่คุณจัดงานก่อน เพราะบางแห่งไม่อนุญาตให้ใช้เค้กปลอม

• การตกแต่ง ถ้าเป็นเค้กจริงก้อนใหญ่สมัยนี้นิยมตกแต่งด้วยน้ำตาลที่เรียกว่า Sugar Paste เพราะมีความคงทนกว่าครีม และยังปั้นเป็นรูปแบบต่างๆ ได้สวยงาม และขนส่งง่ายกว่า (แต่ถึงอย่างไรก็ควรให้ทางร้านนำมาส่งและเซตอัพให้ที่งานมากกว่าไปรับเอง) และเช่นกันถ้าเป็นเค้กก้อนเล็กจะสามารถเลือกการตกแต่งได้ฟรีสไตล์กว่า ไม่ว่าจะเป็นช็อกโกแลต ครีม ไอซิ่ง ฯลฯ เพราะไม่ต้องเน้นเรื่องความคงทนมากนัก

นอกจากขนาดของเค้กแล้ว สถานที่จัดงานก็มีส่วนสำคัญ ถ้าจัดงานเอ้าต์ดอร์ไม่แนะนำให้ตกแต่งหน้าเค้กด้วยไอซิ่ง วิปปิ้งครีม ช็อกโกแลตมูส ฯลฯ เพราะจะละลายและยุบตัวง่าย

สำหรับเค้กปลอม ส่วนใหญ่ทางร้านจะทำแบบและสีกลางๆ เอาไว้ให้คู่บ่าว – สาวเลือก ซึ่งราคาจะแตกต่างกันไปตามขนาดและการตกแต่ง ถ้าหากต้องการสั่งทำเค้กปลอมใหม่ขึ้นมาเพื่อให้เข้ากับงานโดยเฉพาะ ราคาจะสูงพอ ๆ กับเค้กจริงเลยทีเดียว

 

สารพัดไอเดียสำหรับคู่บ่าว – สาวที่เบื่อการตัดเค้กต้องลองไอเดียเหล่านี้เลย

รินแชมเปญ การตั้งแก้วแชมเปญซ้อนขึ้นไปเป็นทาวเวอร์นั้นดูหรูหราพอตัว จึงสามารถใช้ตั้งแทนเวทีเค้กได้ เมื่อบ่าว สาวรินแชมเปญให้ค่อยๆ ไหลลงมาในแก้วก็ดูสวย ถ่ายภาพออกมาดูดี และยังสามารถแจกแชมเปญให้แขกร่วมดื่มฉลองกับเราได้อีกด้วย

ขนมหวานอื่นๆ การนำคัพเค้กสีสวยมาการองแสนหวาน หรือเค้กป็อปมาเรียงบนชั้นลดหลั่นกันไปแทนเค้กชั้นต่างๆ ซึ่งคัพเค้กดูจะได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะมีความใกล้เคียงกับเค้ก แต่เป็นถ้วยพอดีคำ เลือกรสชาติได้หลากหลาย และสั่งให้แต่งหน้าตามธีมงานได้

ขนมไทยต่างๆ เป็นอีกไอเดียสำหรับคู่บ่าวสาวที่จัดพิธีไทยช่วงเช้าแล้วเลี้ยงช่วงกลางวัน รวมถึงงานเลี้ยงกลางคืนของบ่าวสาวนิยมไทย โดยขนมที่นิยมมีทั้งวุ้นขนมชั้น และขนมตระกูลทองทั้งหลาย ซึ่งเราได้ครีเอตไอเดียดีๆ ในการจัดขนมไทยแทนเค้กมาฝากคุณผู้อ่านด้วย ขอบอกว่าทำตามได้จริงและดูสวยโมเดิร์นไม่ซ้ำใครถ่ายภาพออกมางามแน่นอน

รดน้ำต้นไม้ เป็นอีกกิจกรรมที่นิยมทำแทนการตัดเค้ก เนื่องจากแทนความหมายถึงการดูแลความรักให้งอกงามไปด้วยกัน นิยมใช้ต้นไม้น่ารักๆ เช่น ต้นโฮย่าที่มีรูปทรงคล้ายหัวใจ เฟินชนิดต่างๆ เดปกระเป๋า ฯลฯ มาจัดวางบนสแตนด์ไล่ระดับ เมื่อถึงเวลาก็ร่วมกันใช้ฝักบัวรดน้ำต้นไม้เหล่านั้นแทนการตัดเค้ก

รู้ทริคดีๆ แล้วก็ไปออเดอร์กันได้เลย ร้านเค้กแต่งงานที่อยากบอกต่อคัดมาให้แล้วรับประกันความอร่อย

ภาพ easyweddings.com.au, rainbowsugarcraft.co.uk

7 เคล็ดลับกระชับเวลาให้พิธีการงานฉลองจบได้ใน 20 นาที

แพรว wedding เชื่อว่า ต้องมีบ้างล่ะที่เวลาไปร่วมงานแต่งงานแล้วรู้สึกว่าช่วง พิธีการ ช่างยืดเยื้อยาวนานซะเหลือเกิน ทั้งประธานที่พูดนานทั้งๆ ที่ไม่มีใครฟัง พรีเซนเทชั่นที่ทำมาราวหนังสั้นชิงรางวัล ฯลฯ กว่าจะได้ปาร์ตี้สนุกๆ คือง่วงนอนซะก่อน งั้นลองมาคิดกันไหมคะว่าจะตัดทอนขั้นตอนไหนบ้างเพื่อให้ช่วงเวลาพิธีการในงานฉลองสั้นลงและไม่น่าเบื่อเหมือนงานที่คุณเคยไปสัมผัสมา

 

1. แจ้งความต้องการกับทุกคนอย่างชัดเจน     

เคล็ดลับข้อแรกคือการแจ้งบอกกับทุกคนในครอบครัวให้เข้าใจตรงกันก่อนว่า คุณทั้งคู่ต้องการให้ช่วงเวลาพิธีการในงานฉลองสั้นมากๆ กระชับสุดๆ เพื่อปูทางไปสู่การลดทอนรายละเอียดบางอย่างที่เคยเห็นกันในงานอื่นออกไปจากงานของคุณ เวลาที่เกิดเหตุการณ์จริง คนสำคญในครอบครัวจะได้ไม่งงและเผื่อว่าแขกสอบถามก็จะได้ตอบตรงกันว่า พิธีการมีแค่ไหน และทั้งหมดนี้คือความต้องการและตั้งใจกระชับเวลาของบ่าวสาว

2. เขียนสคริปต์และลำดับงานด้วยตัวเอง

อย่าได้ปล่อยให้ใครมาเขียนสคริปต์นำทางชีวิต แม้คนๆ นั้นจะโปรมากในการจัดงานแต่งงานมาก่อน เพราะเขาเหล่านั้นไม่มีทางรู้ว่า รายละเอียดในงานแบบที่คนอื่นเขาทำกัน สำหรับคุณแล้วลำดับไหนสำคัญ ลำดับไหนตัดทิ้งได้ เวลาเขียนสคริปต์หรือร่างลำดับงานให้ก็มาแบบเต็มสูบ ฉะนั้นการเขียนสคริปต์ด้วยตัวเองที่ว่านี้ แม้จะดูเหมือนว่าใช้เวลา แต่จะเป็นการช่วยกรองความคิด ความต้องการ และความสำคัญของช่วงต่างๆ ด้วยตัวคุณเองตั้งแต่แรก แล้วเวลาในลำดับงานจะกระชับอย่างใจคุณแน่นอน

3. ตัดพิธีการบางอย่างออกไป

พิธีการเยิ่นเย้อบางอย่าง ไม่มีความจำเป็นต้องมีในงานก็ตัดออกไป อย่าได้มีหลายขั้นตอนหรือเห็นว่าคู่อื่นทำกันคุณก็ต้องทำ เพราะถ้าเป้าหมายคือการกระชับเวลาละก็ ตัดใจตัดทิ้งซะ อย่างช่วงการสัมภาษณ์บ่าวสาวบนเวที ก็สามารถตัดออกไปแล้วเหลือเพียงให้บ่าวสาวกล่าวขอบคุณแขกไปเลย หรือแทนที่จะโยนดอกไม้แล้วต้องเสียเวลาเรียกแขกมารวมตัว ก็วิธีเลือกคนที่อยากให้ดอกไม้มารับไปเลยก็ได้

พิธีการ

4. มีประธานคนเดียว  

ตกลงกันให้ชัดว่าถ้างานนี้จะมีประธานก็มีแค่คนเดียว ไม่ต้องมีประธานแบบฝั่งละคน ซึ่งทริคก็คือ เลือกประธานที่สามารถเป็นตัวแทนของคุณทั้งคู่ได้เลย แต่ไม่จบเพียงแค่นี้นะคะ เพราะคุณต้องกำหนดเวลาให้ประธานพูดได้ด้วย ซึ่งถ้าคิดไม่ออก อ่านข้อต่อไปเลยค่ะ

5. เอาฤกษ์ยามมาเป็นเครื่องมือ (ให้ประธานพูดสั้นๆ)

แพรว wedding เข้าใจค่ะว่าการจะบอกประธานว่าให้พูดแค่สั้นๆ ไม่เกิน 3-5 นาทีดูจะบังคับจิตใจกันเกินไป แต่ของแบบนี้แจ้งกันได้แค่ต้องมีมุกกันหน่อย ซึ่งถ้าจะให้ดีและเนียนที่สุดก็คือ เอาเรื่องฤกษ์ยามมาเป็นเหตุผล โดยเฉพาะมุกที่แจ้งว่าต้องกระชับเวลาเพราะมีฤกษ์ส่งตัวนี่เวิร์คมาก พูดเลย

6. งานนี้ไม่มีเซอร์ไพร้ส์

ตกลงกันเลยให้ชัดๆ ว่าคุณทั้งคู่ต้องการให้พิธีการกระชับมากๆ ฉะนั้นไม่มีการแอบซ่อนเซอร์ไพร้ส์ให้เสียเวลา เพราะอย่าลืมนะคะว่า เวลาทำเซอร์ไพร้ส์ทั้งหลายต้องใช้เวลา ไหนจะช่วงหลอกล่อ ช่วงน้ำตาซึมเพราะซึ้งมาก หรือแม้แต่การเผยความรู้สึกหลังโดนเซอร์ไพร้ส์ ถ้าอยากจบพิธีการเร็วๆ แล้วไปปาร์ตี้เฮฮา ขอให้ยกช่วงเวลาเซอร์ไพร้ส์ไปทีหลัง และปล่อยให้พิธีการทั้งหลายจบให้ไวอย่างที่ตั้งใจ

7. ซ้อมทุกอย่างให้เป๊ะ

ทางที่ดีที่สุด ชัวร์ที่สุดที่จะทำให้การกระชับเวลาได้ผลอย่างที่ตั้งใจคือ ซ้อมพิธีการทั้งหมดกับทุกหน่วยที่มีบทบาทในวันนั้นก่อนวันจริงจนมั่นใจว่าได้เวลากระชับอย่างที่ตั้งใจแน่นอน เพื่อว่าถ้าเบ็ดเสร็จแล้วเวลายังดูยืดยาวก็จะได้หาทางตัดทอนหรือกระชับช่วงต่างๆ ให้สั้นลงไปอีก

ติดตามไอเดียและคำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

เรื่อง : Hoyamemoria
ภาพ : https://somdweddings.wordpress.com, pinterest

สารพัดวิธีดูแล พานขันหมาก ให้สดสวยมดไม่ขึ้นก่อนใช้งานจริง

จะเก็บรักษา พานขันหมาก ให้สวยรอดปลอดภัยก่อนใช้งานจริงได้ยังไง? … เรามีวิธีมาให้แล้ว

จริงอยู่ที่เดี๋ยวนี้ร้านรับทำ พานขันหมาก จะมีบริการส่งตรงถึงสถานที่จัดงานแต่งงาน แต่ก็ยังคงมีบางร้านที่ฝีมือดี อัธยาศัยถูกใจบ่าวสาวแต่ไม่มีบริการส่ง ซึ่งภาระตกหนักไม่ได้อยู่เพียงแค่บ่าวสาวต้องส่งคนไปรับมา แต่เรื่องสำคัญกว่านั้นคือ เมื่อรับมาแล้ว หากไม่ได้ใช้งานทันทีต้องมีวิธีดูแล ไม่อย่างนั้นแล้วชุดพานขันหมากที่ทำจากใบตองและดอกไม้สดแสนสวยอาจไม่สวยเต็มขั้นอย่างตั้งใจ

ลองทำตามวิธีที่เรารวบรวมและนำมาบอกต่อไปนี้ดูนะคะ เพื่อว่าขันหมากค้างคืนของคุณจะสวยเด้งในยามเช้าที่ต้องใช้งานจริง

  • เก็บไว้ในห้องแอร์

แน่นอนว่าอุณหภูมิต่ำ อากาศเย็นช่วยให้กลีบดอกไม้ ใบตองยังสวยสดงดงามได้นานขึ้น ฉะนั้นวิธีนี้จึงเรียกได้ว่าง่ายที่สุด คือ จัดวางชุดขันหมากทั้งหมดไว้บนโต๊ะในห้องแอร์ ถ้าไม่มีห้องแอร์ลองดูทางเลือกต่อไปเลยค่ะ

  • เก็บไว้ในที่อากาศถ่ายเท ไม่อับร้อน

ไม่ใช่ทุกบ้านที่จะมีห้องแอร์หรอก จริงไหมคะ สิ่งที่พอจะทำได้คือ การจัดวางชุดขันหมากที่ไปรับมาไว้ในห้องหรือพื้นที่ที่อากาศถ่ายเท ไม่ใช่ห้องอับจนร้อน เพื่อความเย็นยามค่ำคืนตามธรรมชาติช่วยดูแลไงคะ

  • อย่าเลือกพานขันหมากกลีบบัว

จริงๆ อยู่ที่กลีบบัวเวลาพับแล้วสวยงาม ไหนจะสีสันที่อ่อนหวานหลากหลายให้เลือกสรร แต่บอกเลยนะคะว่า ถ้าคุณเลือกพานขันหมากที่ประดิษฐ์ขึ้นจากกลีบบัว ควรเป็นการรับมาแล้วใช้งานเลยทันที เพราะกลีบจะดำง่ายเมื่อโดนอากาศ แต่ถ้ารับแล้วต้องค้างคืน ขอแนะนำให้เลี่ยงนะคะ

ขันหมาก

  • ฉีดพรมน้ำให้ความชุ่มชื้นและห่อพลาสติก

ส่วนใหญ่ร้านรับทำพานขันหมากสมัยนี้จะฉีดพรมน้ำและห่อพลาสติกมาให้เรียบร้อยแล้ว เมื่อบ่าวสาวรับไปแล้ว ไม่ต้องแกะออกนะคะ คงสภาพไว้แบบนั้นจนกว่าจะถึงเวลาใช้งานจริง แต่ถ้าร้านไหนไม่ได้พรมให้ก็เอาฟ๊อกกี้มาฉีดได้ แต่อย่าเยอะนะคะ เดี๋ยวกลีบดอกไม้จะช้ำ

  • ผ้าขาวบางเปียกน้ำห่อหรือคลุมไว้

วิธีช่วยรักษาความสดที่ว่านี้ ทำกันมาตั้งแต่สมัยโบร่ำโบราณแล้วล่ะค่ะ จุดมุ่งหมายก็เพื่อให้ความเย็นรักษาความสด ถ้าถามว่าแล้วผ้าขาวบางต้องเปียกแค่ไหนก็คือพอหมาดๆ นะคะ ไม่ต้องขนาดน้ำซกๆ อันนะอาจทำให้กลีบเน่าได้

  • พานขนมมงคลวางบนถาดหล่อน้ำไว้

หลายคู่กุมขมับกับพานขนมมงคลค่ะ เพราะส่วนใหญ่สั่งให้ทางร้านจัดมาในพานให้เสร็จสรรพ ซึ่งทางร้านก็มักจะวางเรียงให้สวยแล้วคลุมด้านหน้าด้วยพลาสติก แต่ความหวานก็ยังยั่วยวนให้ทองทัพมดเดินทางมาหา วิธีที่สามารถช่วยได้คือ นำพานที่ว่าลงบนถาดแล้วเทน้ำหล่อไว้ แค่นี้ก็ทำให้มดไม่ขึ้นแล้วค่ะ

ลองทำกันดูนะคะ เราเชื่อว่าต้องมีสักวิธีที่เหมือนกับคู่ของคุณ ส่วนถ้าคู่ไหนมีวิธีอื่นๆ แชร์ให้เราและว่าที่บ่าวสาวคู่อื่นๆ รู้บ้างนะคะ

อ่านบทความเกี่ยวกับขันหมากเพิ่มเติม >>> จัดพานขันหมากให้ถูกหลักตามตำรับไทยแท้ไม่ยากอย่างที่คิด

ขอบคุณภาพ : Smallmoonphoto

Deep Love Wedding กับชุดแต่งงานไทยประยุกต์ที่ทั้งสวยงามและร่วมสมัยอยู่ในชุดเดียว

ด้วยประสบการณ์การทำงานที่ดูแลเจ้าสาวมากว่า 15 ปี ทำให้ Deep Love Wedding เข้าใจถึงความต้องการของว่าที่เจ้าสาวแต่ละคนผ่านบุคลิกและไลฟ์สไตล์ อีกทั้งยังใส่ใจไปถึงรูปแบบการจัดงานเพื่อนำมาต่อยอดในการออกแบบชุดแต่งงานให้กับว่าที่เจ้าสาว โดยเฉพาะ ชุดแต่งงานไทยประยุกต์ ที่ คุณเจี๊ยบ – ชยานิษฐ์ พฤฒพีระวิทย์ กรรมการ บริษัทดีพ เลิฟ จำกัด ให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษว่าต้องมีทั้งความสวยงามและความร่วมสมัยอยู่ในชุดเดียวกันเพื่อให้ภาพรวมในวันสำคัญของเจ้าสาวออกมาสมบูรณ์แบบมากที่สุด

จุดเด่นชุดแต่งงานไทยของร้าน Deep Love Wedding

Deep Love Wedding ออกแบบชุดไทยไว้หลากหลายแบบเพื่อรองรับทุกความต้องการของว่าที่เจ้าสาว ทั้งชุดไทยพระราชนิยมตามมาตรฐาน และชุดไทยประยุกต์ที่สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบได้ตามความชอบของเจ้าสาวแต่ละคน และที่ร้านยังสามารถดีไซน์ชุดหนึ่งชุดให้ว่าที่เจ้าสาว สามารถใส่ได้ถึงสองแบบโดยที่ไม่ต้องมีการเปลี่ยนชุดให้ยุ่งยาก และสิ่งที่เป็นจุดเด่นและ Deep Love Wedding ให้ความสำคัญและเน้นมาก เป็นพิเศษมาโดยตลอดคือ เรื่องงานฝีมือของช่างไทยและการเลือกใช้ผ้ายก มาตัดเย็บเป็นชุดเจ้าสาว ซึ่งผ้าทุกชิ้นและลายปักทุกลายล้วนเป็นงานฝีมือที่ช่างบรรจงสร้างสรรค์ถักทอขึ้นมาด้วยความตั้งใจเพื่อให้เจ้าสาวทุกคนได้สวมใส่ชุดแต่งงานไทยที่ทรงคุณค่าในวันสำคัญ

ความสวยงามและจุดเด่นของผ้ายก

ผ้ายก คือ กรรมวิธีการทอผ้าไหมในอีกรูปแบบหนึ่งที่ใช้วิธียกและข่มเส้นไหม พร้อมการพุ่งกระสวยที่เป็นเส้นไหมต่างสีหรือเป็นดิ้นเงินดิ้นทองเพิ่มเข้าไป เพื่อให้เกิดเป็นลวดลายที่นูนและเด่นชัดขึ้นกว่าการทอผ้าไหมแบบปกติ ทำให้ผ้ายกมีราคาที่สูงกว่า เพราะมีกรรมวิธีการถักทอที่ซับซ้อนและใช้เวลาในการผลิตต่อชิ้นค่อนข้างนาน ซึ่งความงดงามของผ้ายกขึ้นอยู่กับความละเอียดของลวดลาย สีสัน และวัสดุที่นำมาทอ ประกอบ กับผ้ายกเป็นงานฝีมือจึงทำให้มีลวดลายและสีสันที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวแตกต่างกันไปตามแต่การทอของช่างฝีมือแต่ละคน ทำให้ผ้ายกเป็นผลงานศิลปะที่ทรงคุณค่า เพราะเป็นผลงานที่มีเพียงชิ้นเดียวไม่ซ้ำใคร เหมาะสำหรับให้เจ้าสาวได้สวมใส่ในวันสำคัญ และยังได้สืบสานงานฝีมือของช่างไทยไปในตัวด้วย

เทคนิคการตัดเย็บชุดไทยที่สามารถเปลี่ยนลุคได้ โดยไม่ต้องเปลี่ยนชุด

เนื่องจากรูปแบบการจัดงานแต่งงานที่เปลี่ยนไป พิธีการที่ค่อนข้างสั้นและรวบรัดแข่งกับเวลา จึงทำให้ช่วงเวลาในการเปลี่ยนชุดของเจ้าสาวน้อยลงไปด้วย เพื่อความสะดวกทางร้านจึงได้ออกแบบชุดแต่งงานไทยแบบประยุกต์ที่เน้นฟังก์ชันการใช้งานควบคู่ไปกับความสวยงามสำหรับสวมใส่ในวันสำคัญ ด้วยการดีไซน์ชิ้นส่วนต่างๆ ของชุดให้สามารถสวมเข้าและถอดออกได้อย่างสะดวกรวดเร็ว เช่น เจ้าสาวอาจจะแค่ถอดผ้านุ่งออกแล้วสวมเป็นกระโปรงแบบสากลทับได้เลย เพื่อเปลี่ยนเป็นชุดสำหรับงานเลี้ยงฉลองต่อได้ทันที เพราะฉะนั้นหากว่าที่เจ้าสาวต้องการใส่ชุดแต่งงานที่มีรูปแบบหลากหลายแต่มีเวลาจำกัด ชุดแต่งงานไทยแบบประยุกต์ถือว่าเป็นชุดที่สามารถตอบโจทย์ได้ดีทีเดียว

แนวคิดการออกแบบที่ผสานระหว่างความเป็นไทย กับความทันสมัยเอาไว้ในชุดเดียว

Deep Love Wedding เน้นงานฝีมือของช่างไทยและรูปแบบงานไทยดั้งเดิมเป็นหลักในการออกแบบ ทำให้ผลงานทุกชิ้นมีความประณีตวิจิตรบรรจงอ่อนช้อยอ่อนหวานตามแบบศิลปะไทย แต่ด้วยความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย Deep Love Wedding จึงได้นำความเป็นไทยมาต่อยอด ด้วยการออกแบบผลงานให้ดูร่วมสมัยมากขึ้น โดยใช้วิธีการออกแบบชุดแต่งงานบนพื้นฐานของงานวิจิตรศิลป์แบบไทยเดิม แต่เลือกใช้วัสดุที่ แตกต่างเพื่อให้ผลงานมีความทันสมัยมากขึ้น ซึ่งนอกจากจะช่วยอนุรักษ์ศิลปะไทยให้คงอยู่แล้ว ยังเกิดเป็นชุดแต่งงานไทยร่วมสมัยที่เจ้าสาว สามารถสวมใส่ได้จริงโดยไม่สูญเสียเอกลักษณ์ความเป็นไทย

ชุดแต่งงานไทยประยุกต์

คำแนะนำสำหรับเจ้าสาวที่กำลังมองหาชุดแต่งงานไทยเพื่อสวมใส่ในวันแต่งงาน

การจะดูว่าชุดแบบไหนที่เหมาะกับเราเจ้าสาวจะต้องได้ลองสวมชุดนั้นจริงๆ ก่อน และต้องลองทำกิจกรรมต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในวันงานด้วย เช่น การนั่งพับเพียบ การก้มกราบ และยังดูไปถึงเรื่องของสถานที่จัดงานแต่งงานและช่วงเวลาที่จัดด้วย เพราะรายละเอียดต่างๆ เหล่านี้จะเป็นสิ่งที่ ช่วยกำหนดรูปแบบชุดแต่งงานไทยให้กับเจ้าสาวได้ง่ายขึ้น

ซึ่งโดยส่วนมากแล้วชุดแต่งงานไทยยอดนิยมของเจ้าสาวคือ ชุดไทย บรมพิมาน ชุดไทยจักรี และชุดไทยจักรพรรดิ เพราะเป็นชุดไทยอันทรง คุณค่าที่เจ้าสาวทุกคนอยากมีภาพสวยๆ เก็บไว้สักครั้งในชีวิต ซึ่งชุดไทยทั้งสามแบบมีความเหมาะสมกับรูปร่างของหญิงไทยและรูปแบบพิธีแต่งงานไทยมากที่สุด

ดังนั้นเจ้าสาวคนไหนที่อยากได้ชุดแต่งงานไทยที่มีความร่วมสมัยก็สามารถเข้ามาปรึกษาได้ที่ Deep Love Wedding เพราะที่นี่มีทีมงานมืออาชีพที่มีประสบการณ์การทำงานในวงการเวดดิ้งมาอย่างยาวนานคอยให้ความช่วยเหลือและให้คำแนะนำแก่เจ้าสาวทุกท่าน พร้อมทีมดีไซเนอร์ที่จะช่วยเนรมิตชุดแต่งงานให้ออกมาตรงใจสวยงามและทรงคุณค่ามากที่สุดสำหรับวันสำคัญแน่นอน

ดูชุดแต่งงานไทยสวยๆ เพิ่มเติมของร้าน Deep Love Wedding ได้อีกเพียบ คลิกเลย >>>
“ซูซี่ – สุษิรา” กับ 7 ชุดแต่งงานไทยประยุกต์ สวยสง่าราศีจับสุดๆ จากร้าน Deep Love Wedding
7 ลุคของ “สายไหม-มณีรัตน์” กับชุดแต่งงานไทยแบบประยุกต์หลากสไตล์จาก Deep Love Wedding
งามอย่างไทยสไตล์ประยุกต์กับ ชุดเจ้าสาวแบบไทย ของเจ้าสาว 2019 จาก Deep Love Wedding

Deep Love Wedding
ซอยอุดมสุข 49 ถนนสุขุมวิท 103
โทร. 0-2398-5739, 0-2399-1693,09-5789-9556
www.deeplovewedding.com
เฟซบุ๊ก : DeepLove ชุดแต่งงาน ชุดไทย
ไอจี : @deeplove_official
ไลน์ : @deeploveweddingค