3 เทคนิคเลือกชุดแต่งงาน ง่ายๆ ให้เหมาะกับรูปร่างและสไตล์ส่วนตัว

วันสำคัญใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ธีมงานก็มีแล้ว เพื่อนเจ้าสาวก็มีแล้ว การ์ดแต่งงานกับของชำร่วยก็พร้อม แต่ชุดแต่งงานนี่สิที่ว่าที่เจ้าสาวยังตัดสินใจเลือกไม่ได้สักที แถมแฟชั่นบนรันเวย์เจ้าสาวก็ขยันปล่อยคอลเลคชั่นมากระชากใจทุกที ยิ่งมีเวลาเป็นตัวกดดันเจ้าสาวก็ยิ่งคิดหนักเข้าไปอีก แต่ก่อนที่สาวๆ จะตกลงปลงใจกับชุดไหนสักชุด แพรว wedding มี 3 เทคนิค เลือกชุดแต่งงาน แบบยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวมาฝาก คือเป็นชุดที่ทันสมัยแถมสะดวกสบายต่อการเคลื่อนไหวด้วย

1. เตรียมพร้อมสำหรับการฟิตติ้ง

การเลือกชุดแต่งงานหรือการไปฟิตติ้งเป็นหนึ่งในขั้นตอนสำคัญที่ว่าที่เจ้าสาวจะต้องวางแผนล่วงหน้าไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ แต่ก่อนที่ว่าที่เจ้าสาวจะเลือกชุดแต่งงานจะต้องมีสองสิ่งนี้ก่อนคือ วันที่จัดงานและสถานที่จัดงาน

เพราะเป็นไปไม่ได้เลยที่เจ้าสาวจะเลือกชุดแต่งงานโดยที่ยังไม่สามารถมองเห็นตัวเองในสถานที่นั้นได้ ซึ่งส่วนมากสไตลิสต์หรือร้านชุดจะปลาบปลื้มเป็นพิเศษหากว่าที่เจ้าสาวมาพร้อมกับธีมงานหรือสถานที่ หรือมาพร้อมกับไอเดียรูปแบบชุดแต่งงานที่อยากได้ เพราะจะทำให้ร้านชุดหรือสไตลิสต์เห็นภาพชัดเจนและเป็นไปในทางเดียวกับเจ้าสาว และสามารถนำสิ่งนั้นไปพัฒนาให้เกิดเป็นชุดแต่งงานที่เจ้าสาวอยากได้ต่อไป

และอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญคือ จำนวนคนที่จะติดตามเจ้าสาวไปฟิตติ้ง ซึ่งน้อยเท่าไหร่ยิ่งดี โดยส่วนมากแล้วจำนวนผู้ติดตามที่กำลังดีคือ 2 คนไม่เกินนี้ ซึ่งคนที่เจ้าสาวเลือกมาจะต้องเป็นคนที่สามารถให้คำแนะนำ ติชมเจ้าสาวได้ และเป็นคนที่เจ้าสาวไว้ใจ ที่สำคัญหากเลือกคนที่มีรสนิยมทางด้านแฟชั่นไปด้วยจะช่วยให้การฟิตติ้งนั้นผ่านฉลุย

และสิ่งสำคัญสำหรับคนที่จะมาฟิตติ้งกับเจ้าสาวอีกอย่างก็คือ คนๆ นั้นจะต้องเป็นคนที่รู้จักเจ้าสาว และเข้าใจสไตล์ส่วนตัว ความชอบ และรสนิยมของเจ้าสาวเป็นอย่างดี เพื่อที่พวกเขาจะได้สามารถช่วยคุณเลือกชุดที่สมบูรณ์แบบสำหรับวันสำคัญได้อย่างไร้ที่ติ

ซึ่งเหตุผลที่ไม่ควรมีผู้ติดตามเจ้าสาวไปฟิตติ้งเยอะจนเกินไปก็เพราะว่า มากคนเท่าไหร่ก็มากความคิด มากความคิดเห็นเท่านั้น จนอาจสร้างความสับสนให้กับเจ้าสาวได้ทำให้ไม่สามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง ซึ่งสถานการณ์นี้มันเหมือนว่าที่เจ้าสาวกำลังคัดคนออก แต่อย่าไปกลัวหรือกังวลค่ะ เพราะคนที่ไม่ได้ไปฟิตติ้งกับเจ้าสาว คุณสามารถให้พวกเขามีส่วนร่วมในเรื่องอื่นๆ ในงานแต่งงานของคุณได้ตามความถนัดของแต่ละคน เท่านี้พวกเขาก็ได้มีความรู้สึกว่าตัวเองมีส่วนร่วมแล้ว

2. ให้ความใส่ใจเรื่องบุคลิกและสไตล์ส่วนตัว

บุคลิกภาพและสไตล์ของเจ้าสาวเป็นสิ่งสำคัญที่แท้จริงที่จะทำให้เจ้าสาวได้ชุดแต่งงานที่สมบูรณ์แบบ บุคลิกภาพเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาเพื่อให้แน่ใจว่าชุดแต่งงานชุดนี้ดูเป็นตัวตนของเจ้าสาวมากที่สุด

เช่น หากคุณเป็นว่าที่เจ้าสาวจอมเนี้ยบที่ไม่อยากให้มีรอยยับย่นอยู่บนชุดแต่งงาน คุณอาจจะต้องใส่ใจในการเลือกเนื้อผ้า เช่น เลือกเป็นผ้าลูกไม้ที่นั่งหรือเดินเท่าไหร่ก็ไม่เผยให้เห็นรอยยับในวันสำคัญ หรือหากคุณเป็นว่าที่เจ้าสาวสายปาร์ตี้ที่รักการแดนซ์ ก็อาจจะต้องเลือกชุดแต่งงานที่มีเนื้อผ้าบางเบาเพื่อให้สะดวกต่อช่วงอาฟเตอร์ปาร์ตี้ไปเลย เป็นต้น

3. เลือกรูปทรงชุดแต่งงานที่เสริมจุดเด่นของรูปร่าง

สิ่งสำคัญอีกอย่างที่ไม่ควรมองข้ามคือ การเลือกชุดแต่งงานให้เหมาะกับรูปร่าง ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เพื่อให้เจ้าสาวรู้สึกสะดวกสบายและมั่นใจในวันงาน

เช่น หากคุณเป็นเจ้าสาวหน้าอกใหญ่ อาจจะต้องเลือกสวมชุดชั้นในหรือชุดแต่งงานที่มีซับในที่รองรับและพอดีกับขนาดหน้าอก และอาจเลือกช่วงเนคไลน์ที่สามารถพรางหรือเสริมให้ช่วงอกของคุณดูดีได้แบบไม่โป๊จนเกินงาม เป็นต้น เพราะฉะนั้นในการเลือกชุดแต่งงานเจ้าสาวจะต้องไม่ลืมเลือกชุดที่เข้ากับสรีระของตัวเองด้วย

>>>> เทคนิคเลือกชุดแต่งงานให้เข้ากับรูปร่าง สวยด้วยแถมเป๊ะปั๊วะไปอีก <<<< คลิกเลย!

แต่ไม่ว่าจะยังไง สุดท้าย เราก็อยากให้ว่าที่เจ้าสาวได้รู้สึกสนุกและมีความสุขไปกับทุกขั้นตอนและช่วงเวลาพิเศษๆ แบบนี้ที่จะเกิดแค่ครั้งเดียวในชีวิต เชื่อได้เลยว่าโมเม้นต์นี้จะเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาดีๆ ที่เจ้าสาวจะเก็บไว้เป็นความทรงจำดีๆ และแชร์ให้กับคนอื่นไปได้อีกนานเลยทีเดียว

ภาพ pinterest, pexels.com

สารพัดเรื่อง สูทเจ้าบ่าว ที่คุณเจ้าบ่าวต้องรู้ให้ลึก เช็คให้ดีก่อนเลือก

ว่าที่เจ้าบ่าวหลายคนเตรียมหล่อช้ากว่าว่าที่เจ้าสาวหลายเดือน เพราะคิดไปเองว่าเรื่อง สูทเจ้าบ่าว เป็นเรื่องเล็ก จะหาซื้อหาเช่าที่ไหนเมื่อไรก็ได้ แต่เรื่องจริงที่เราพบมาคือ หลายหนุ่มวิ่งหน้าตั้งหาสูทกันในเดือนสุดท้าย หากคุณไม่อยากเป็นหนึ่งในนั้น เตรียมความรู้ไว้ให้พร้อม แล้วเริ่มมองหาชุดสูทกันแต่เนิ่นๆ เสียดีๆ

BLAZER JACKET SPORT JACKET

  • เบลเซอร์ (Blazer) / สปอร์ตแจ๊คเก็ต (Sport Jacket) หรือแจ๊คเก็ต (Jacket) คือเสื้อแขนยาวที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนสูท แต่ไม่จำเป็นต้องใส่กับกางเกงเข้าชุดกัน จึงไม่ใช่และไม่ควรเรียกว่าสูท
  • ลักษณะการใช้งานคือ สวมทับเสื้อยืดคอกลม คอวี หรือเสื้อเชิ้ต ให้อารมณ์ลำลองไม่เป็นทางการ ในกรณีที่สวมทับเสื้อเชิ้ต ไม่ต้องผูกเน็คไทและไม่ต้องติดกระดุมเม็ดบนสุด
  • ถ้าเลือกแบบที่มีสีสันสดใส ระวังอย่าใส่เสื้อตัวในและกางเกงสีจัด เพราะจะทำให้คุณดูเยอะเกินไป
  • ลายหมากรุกยอดนิยมจับคู่กับกางเกงขาสั้นได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะงานฉลองสมรสริมทะเล เทคนิคหล่อเป๊ะคือ ต้องเลือกสีเสื้อด้านในให้กลมกลืนกับสีพื้นของเบลเซอร์รับรองว่าเจ้าสาวจะหลงยิ่งกว่าเดิม
  • เครื่องประดับที่หนุ่มๆ นำมาแมตซ์กับเบลเซอร์อาจไม่ใช่ผ้าเช็ดหน้าหรือโบไท แต่เป็นหมวกใบเก๋หรือผ้าพันคอสีตัดกัน

FORMAL SUIT

  • ชุดสูทคือ เสื้อที่มาพร้อมกางเกง ซึ่งตัดเย็บเข้าชุดด้วยการใช้เนื้อผ้าเดียวกัน
  • ปกเสื้อสูทมีให้เลือกทั้งปกมีหยัก (บ้างก็เรียกปกเทเลอร์) และปกแหลม ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน ส่วนขนาดของปกไม่ได้มีมาตรฐานตายตัว เพราะช่างตัดสูทจะดูขนาดให้เหมาะสมกับคนใส่เสมอ
  • จำนวนกระดุมที่มากขึ้น เช่น เสื้อสูทแบบกระดุมสองแถว เวลาตัดจะป้ายเสื้อด้านหน้าเกยลึกเข้าไปช่วยให้คนสวมดูมีเอวมากขึ้น แต่ก็ทำให้ตั้งแต่ใต้คางถึงอกตื้นขึ้น จึงไม่เหมาะกับเจ้าบ่าวรูปร่างสันทัด (เช่น หนุ่มไทยอย่างเราๆ )
  • ในกรณีที่อยากสวมสูทแบบสามกระดุม ช่างก็สามารถตัดให้ได้ แต่ต้องปรับระดับกระดุมให้ต่ำลงเพื่อให้ใส่แล้วสมดุลกับรูปร่าง ซึ่งกระดุมเม็ดสุดท้ายควรอยู่ประมาณเข็มขัด
  • ไม่ต้องตกใจถ้าพบว่ากระดุมสองเม็ดบนของเสื้อสูทแบบสองแถวหกกระดุมไม่ตรงกับสี่เม็ดล่าง เพราะนั่นเป็นดีไซน์ที่มีมานมนานแล้ว
  • เวลาติดกระดุมเสื้อสูท ถ้าเป็นแบบสองเม็ดให้ติดเม็ดบนเม็ดเดียว ถ้าเป็นแบบสามเม็ดให้ติดเฉพาะเม็ดกลาง
  • จำนวนกระเป๋าเสื้อสูทมาตรฐานอยู่ที่สามใบคือ กระเป๋าที่หน้าอกซ้าย และกระเป๋าที่ด้านล่างสองข้าง ซึ่งจะทำแบบมีฝาปิด เวลาใช้งานจริงจะสอดฝาเก็บไว้หรือโชว์ออกมาข้างนอกก็ได้ และหากอยากเพิ่มรายละเอียดจะเติมกระเป๋าจิ๋วอีกเป็นใบที่สี่ก็ได้เหมือนกัน
  • ปลายแขนเสื้อสูททุกแบบมีรังดุมให้เลือกทั้งแบบรังดุมจริงและแบบหลอก และมีการวางกระดุมหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นแบบเรียงแถวต่อกันเม็ดชนเม็ด แบบเว้นช่วง หรือแบบวางซ้อนกัน ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน
  • ชายเสื้อสูทด้านหลังมีทั้งแบบผ่ากลางหลังผ่าด้านซ้ายขวา และไม่ผ่า ข้อดีของการผ่าคือช่วยให้นั่งสบายขึ้น เหมาะสุด ๆ กับงานพิธีเช้าที่เจ้าบ่าวต้องลุกนั่งก้มกราบ รวมไปถึงงานฉลองตอนเย็นแบบซิตดาวน์ดินเนอร์
  • เนื้อผ้าที่นิยมใช้ในการตัดสูทคือผ้าวูล แต่ขอแนะนำให้เลือกเป็นแคชเมียร์วูล เพราะเนื้อด้ายคุณภาพดี ไม่หนาไม่บางจนเกินไปเหมาะกับสภาพอากาศบ้านเราที่สุด

TUXEDO

  • ทักซีโด คือ เสื้อสูทที่มีการแต่งปกเสื้อ คอเสื้อ ขอบกระเป๋า ฝากระเป๋า รวมถึงแถบกางเกงด้วยผ้าซาตินที่มีความเงา ส่วนใหญ่เป็นสีดำสนิท ทำจากผ้าวูลหรือผ้าใยสังเคราะห์
  • ปกเสื้อทักซีโดแบบไม่มีหยัก (ปกกล้วยหอม) เป็นปกยาวโค้งลงมาจากคอ ใช้กระดุมแถวเดียวหนึ่งเม็ด คอเสื้อยาวลงมาเป็นรูปตัววี เผยให้เห็นเสื้อเชิ้ตด้านในมากกว่าแบบอื่น ทำให้คนใส่ดูเพรียวขึ้นมากและจุดเด่นอีกอย่างคือ บริเวณปกจะใช้เนื้อผ้าแบบมันทั้งชิ้น
  • ทักซีโดแบบปกแหลมใช้เนื้อผ้าแบบมันแค่ปกล่าง ส่วนปกบนเป็นผ้าเนื้อเดียวกันกับตัวเสื้อ
  • เสื้อเชิ้ตที่ใส่กับทักซีโด เรียกว่า “ทักซีโดเชิ้ต”
  • ทักซีโดเชิ้ตจะมีการตีเกล็ดด้านหน้า โดยทิ้งเกล็ดยาวลงมาถึงปลายเสื้อหรือแค่ครึ่งตัว แล้วตัดปลายโค้งหรือเฉียงแหลม ปัจจุบันนิยมเพิ่มอีกแบบ คือใช้ผ้าปะอกปลายโค้งไม่ตีเกล็ด
  • กระดุมที่ใช้กับทักซีโดเป็นกระดุมผ้า หากเป็นกระดุมเม็ดเดียวจะติดแบบปกติหรือติดแบบโยงก็ได้ ซึ่งการติดโยงจะทำให้ขอบเสื้อตั้งขึ้นมาเป็นสัน มองแล้วเหมือนใช้กระดุมสองเม็ดประกบกัน
  • กระดุมที่ใช้กับทักซีโดเชิ้ตเรียกว่า “Studs” ในหนึ่งชุดจะมีกระดุมลักษณะคล้ายหมุดสี่เม็ดพร้อมคัฟลิงค์สองชิ้นเข้าชุดกันสำหรับติดแขนเสื้อ
  • จุดสังเกตความเป๊ะอีกอย่างคือ เมื่อสวมใส่แล้วกระดุมทักซีโดและกระดุมเสื้อเชิ้ตด้านในต้องตรงเป็นแถวเดียวกันเสมอ
  • ใส่ทักซีโดเชิ้ตกับกางเกงที่ไม่มีหูเข็มขัดและใส่ให้เสื้อตึงโดยไม่ดึงเสื้อหย่อนออกมา จากนั้นคาดด้วยผ้าคาดเอว (Cummerbund) เพื่อไม่ให้เชิ้ตเลิกขึ้น

สวยครบจบด้วยเทคนิคการเลือก สร้อยคอ ต่างหูเข้าชุด ให้เหมาะกับชุดแต่งงาน

หลังจากเตรียมชุดแต่งงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว สิ่งต่อมาที่เจ้าสาวมักมองหา (หรือบางคนมองหาก่อนเลือกชุดแต่งงานซะอีก) ก็คือเครื่องประดับ ไม่ว่าจะเป็น สร้อยคอ ต่างหูเข้าชุด หรือกำไล สร้อยข้อมือ ทั้งหมดทั้งมวลนอกจากจะเลือกแบบที่ชอบแล้ว อย่าลืมเลือกให้เหมาะกับรูปแบบชุดแต่งงานด้วยนะ โดยเฉพาะการเลือกให้เข้ากับเนคไลน์ชุดแต่งงานนั้นสำคัญที่สุด

ชุดคอสูงหรือคอเต่า

ถ้าเจ้าสาวมีแพลนจะใส่ชุดแต่งงานเป็นเสื้อคอสูงหรือคอเต่า ไม่ควรสวมสร้อยคอ เพราะจะดูเยอะเกินไป แค่ใส่ต่างหูเพชรหรูหราคู่กับสร้อยข้อมือเข้าชุดกัน หรือติดเข็มกลัดก็จะได้ลุคที่เรียบหรู สวยงาม มีความโดดเด่น

ชุดเกาะอก

ไม่มีอะไรเหมาะกับชุดเกาะอกดีเท่ากับสร้อยเพชรเรียงเม็ดทรงคลาสสิก ยิ่งเพชรมีขนาดค่อนข้างใหญ่ยิ่งดูโดดเด่นและหรูหรา หาต่างหูเพชรดีไซน์เรียบๆ กำไลเพชร หรือสร้อยข้อมือเส้นเล็กๆ อย่าเลือกแบบมีตุ้งติ้งจะได้ไม่เกี่ยวชุดผ้าลูกไม้ ดูให้เข้าเซตกันคุณจะกลายเป็นเจ้าสาวที่สวยสง่าที่สุดในค่ำคืนสำคัญแน่นอน

ชุดคอปาด

ออกแบบมาเพื่อโชว์ส่วนคอและบ่าของเจ้าสาว จึงควรใส่สร้อยเพชรแบบติดคอหรือโช้กเกอร์ หรือถ้าเจ้าสาวชอบใส่สร้อยคอที่มีพู่ระย้า หรือมีตุ้งติ้งยิ่งขับให้ชุดดูโดดเด่น อ่อนหวาน สวยงามดั่งเจ้าหญิง แมตช์กับต่างหูดีไซน์รูปหยดน้ำหรือมีตุ้งติ้ง…เพอร์เฟ็กต์!

ชุดคอวี

ต้องเป็นสร้อยคอที่มีตุ้งติ้งลงมา จะเป็นตุ้งติ้งรูปวงรี รูปไข่ ทรงกลม หรือทรงเหลี่ยมก็ได้ขึ้นอยู่กับบุคลิกของเจ้าสาว

อ่านเทคนิคเกี่ยวกับการเลือกเครื่องประดับเพิ่มเติม คลิกเลย!

เรื่อง : ดั่มดั๊มพ์
ภาพ : Jubilee และ Getty Images

สินสอดเรื่องใหญ่ที่ต้องเคลียร์ให้ชัดเจน เตรียมยังไงให้สมฐานะ

ตามธรรมเนียมของไทยหากว่าใครจะแต่งงาน  สินสอด  ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ และเป็นปัญหาสำหรับบ่าวสาวสมัยนี้พอสมควร บางคนบอกน้อยไปก็ต้องไปหามาเพิ่มให้มันเยอะขึ้น แถมบางคนยังเผชิญเหตุฉุกเฉินโดนแม่เจ้าสาวบอกเพิ่มสินสอดขึ้นมาซะงั้น แล้วทีนี้ฝ่ายชายควรจะทำอย่างไร เรามีคำตอบมาแนะนำค่ะ

เรื่องของสินสอดเนี่ยมันมีอยู่ 2 ประเด็นค่ะ ประเด็นที่หนึ่งคือเวลาไปเจรจาสู่ขอ มักจะตกลงกันแบบไม่เคลียร์ ไม่ชัดเจน ส่วนเรื่องที่สองคือ ประโยคเกรงใจที่ชอบพูดกันว่า “จัดมาตามความเหมาะสม” ไอ้ที่เหมาะสมเนี่ยจะถูกใจหรือเปล่าก็ไม่รู้เนอะ แล้วทีนี้จะทำยังไงดีล่ะ?

1. ขอเตือนว่า “ตกลงกันให้ชัดเจน” ซะนะ!

เรื่องเงินทองของมีค่าแบบนี้อย่าอายที่จะพูดค่ะ ถ้าพ่อแม่เจ้าสาวมีตัวเลขในใจไว้อยู่แล้วก็ขอให้บอกฝ่ายเจ้าบ่าวออกไปตรงๆ เลย แต่ก็ต้องเผื่อใจสำหรับการต่อรองไว้ด้วยก็ดีนะคะ

ส่วนฝ่ายเจ้าบ่าวจะให้ได้ตามที่เขาเรียกหรือไม่ หรือให้ได้เท่าไหร่ ขอให้ตกลงกันให้ชัดเจน ส่วนไหนพร้อมแล้ว ส่วนไหนยังติดขัดก็อธิบายเหตุผลประกอบว่าเป็นเพราะอะไร ไม่ใช่ว่าไปรับปากส่งๆ เพราะกลัวว่าท่านจะไม่ยกลูกสาวให้ แล้วก็ต้องมานั่งปวดหัววิ่งหาเงินจนเป็นหนี้ทีหลัง เพราะฉะนั้นการพูดคุยแบบเปิดอกกันให้ชัดเจนจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับขั้นตอนนี้

2. จัดมาตามความเหมาะสม ประโยคยอดฮิตจากฝ่ายเจ้าสาว

ประโยคนี้มักได้ยินอยู่เสมอจากพ่อแม่เจ้าสาว ในกรณีนี้ เจ้าบ่าวก็ต้องดูเครื่องเงิน เครื่องทอง และสิ่งของอื่นๆ ให้มันสมน้ำ สมเนื้อ และสมฐานะของครอบครัวทั้งสองฝ่าย อาจจะลองเกริ่นกับเจ้าสาวก่อนสักนิดว่าให้เงินเท่านั้นให้ทองเท่านี้ แล้วลองให้เจ้าสาวเลียบๆ เคียงๆ ถามคุณพ่อคุณแม่ว่าท่านโอเคไหม ถ้าท่านบอกว่าไฟเขียว ขอให้ได้แต่งเป็นพอ แบบนี้ก็ผ่านฉลุย แต่ทั้งนี้ทางผู้ใหญ่ก็ต้องไม่มีปัญหามาขอเพิ่มสินสอดหน้างานหลังจากตกลงกันไปเรียบร้อยแล้วด้วยนะคะ

จบพาร์ทการเจรจาไปแล้วในเบื้องต้น ถ้าเกิดว่าทำตามนี้ได้แบบผ่านฉลุยเจ้าบ่าวสาวเจ้าสาวก็คงสบายใจไปได้เยอะเลยจริงไหมคะ แต่! แต่! แต่! สถานการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้เสมอค่ะ ความสะเทือนขวัญที่ว่านั้นก็คือ “ขอเพิ่มสินสอดทั้งที่ตกลงกันไปแล้ว” จึงทำให้เจ้าบ่าวบางคน (บางครั้งก็เจ้าสาวด้วย) เกิดอาการร้อนๆ หนาวๆ หน้ามือคล้ายจะเป็นลมขึ้นมาทันที ถ้าอย่างนั้นมาดูกันว่าจะรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร

ถ้ารักจริงก็เพิ่มเล้ย!

เจ้าบ่าวคนไหนเป็นพ่อบุญทุ่ม ถ้าคุณคิดว่าเพื่อหญิงสาวหนึ่งเดียวในใจคนนี้เพิ่มนิด เพิ่มหน่อย หรือเพิ่มมากแล้วขนหน้าแข้งไม่ร่วงก็จัดไปโลด แฮปปี้กันทั้งสองครอบครัว แต่ก็อย่าลืมคิดสักนิดว่า การเพิ่มสินสอดในครั้งนี้จะไม่กระทบกระเทือนกับการเงินในส่วนอื่นๆ เช่น ค่าจัดงาน ค่าฮันนีมูน รวมถึงการเงินของคุณในอนาคตด้วย เพราะฉะนั้น บวก ลบ คูณ หาร ตัวเลขในบัญชีให้ดีๆ นะ

ขอเปลี่ยนเป็น “อย่างอื่น” ได้หรือเปล่า?

เจ้าบ่าวบางคนอาจไม่สะดวกเพิ่มเงิน หรือสิ่งของตามที่พ่อแม่เจ้าสาวขอมา เพราะฉะนั้น “อย่างอื่น” ที่เราหมายถึงก็คือ เพชร ทอง เครื่องประดับ หรือจัดโฉนดที่ดินสักแปลง! บางคนอาจสงสัยว่าขนาดเงินยังไม่ได้เลย แล้วอย่างอื่นที่ว่าจะมีได้ยังไร คำตอบก็คือ สิ่งของนั้นทางฝั่งเจ้าบ่าวจะต้องมีอยู่แล้ว คล้ายๆ เป็นสมบัติติดตัวประจำตระกูล เช่น แหวนมรดก เครื่องเพชร เครื่องประดับ หรือเครื่องทองมรดก แบบนี้เป็นต้น แต่ในการณ์นี้ก็ต้องอาศัยวาทศิลป์ในการเจรจาต่อรองของเจ้าบ่าวพอสมควร ว่าจะมีเทคนิคพูดจาโน้มน้าวให้ผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าสาวคิดว่า สิ่งของที่ขอเปลี่ยนเพิ่มมานี้ไม่ใช่ของเก่านะครับ แต่เป็นของมรดกตกทอด เป็นของมีค่าทั้งทางมูลค่าและจิตใจ เพราะฉะนั้นคิดคำพูด ซ้อมพูดหน้ากระจกให้ดี แล้วตั้งสติขณะพูด รับรองว่าช่วยให้ผ่านสถานการณ์ฉุกเฉินนี้ได้แน่นอน

Everything for cash!

ชายหนุ่มคนไหนที่ลงทุนทำแบบนี้แสดงว่าต้องรักเจ้าสาวของเขามากแน่ๆ (อิจฉาไปอีกก!) แต่เราก็อยากให้ทั้งสองฝ่ายคิดให้หนัก โดยเฉพาะฝ่ายเจ้าบ่าว เพราะการนำสิ่งของไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือรถยนต์ไปจำนำเพื่อให้ได้เงินมาแต่งสาวเนี่ยไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะคะ เพราะอย่าลืมว่าหลังจากนี้มันคืออนาคตการใช้ชีวิตคู่ การใช้ชีวิตครอบครัวของคุณทั้งสอง ฉะนั้นจึงต้องคิดเผื่อไปถึงอนาคตทางการเงินของคุณทั้งคู่ด้วย เพราะการทำแบบนี้เท่ากับว่าคุณจะมีภาระค่าใช้จ่ายหลังแต่งงานเพิ่มขึ้นแน่นอน ลำบากชีวิตไปอี๊ก!

อย่างที่บอกไปค่ะว่า เรื่องสินสอดเป็นเรื่องใหญ่ ใครที่ตกลงกันได้ลงตัวก็สบายไป ส่วนใครที่เกิดปัญหาขึ้นมาก็ลองถามใจตัวเองดูว่า “คุณพร้อมจะแต่งแล้วจริงหรือ” ถ้าคำตอบของคุณคือพร้อมแล้ว พร้อมสุดๆ แบบนี้ก็แต่งเถอะค่ะ แต่ถ้าใครมีปัญหาไม่ว่าจะเรื่องสินสอดหรือเรื่องอะไรก็ตาม จะดีกว่าไหมที่จะรออีกนิดเพื่อให้ถึงเวลาที่พร้อมจริงๆ เราเชื่อว่าคู่กันแล้วยังไงก็ไม่แคล้วกันหรอกเนอะ

ภาพ : www.milunananya.com

ลิสต์ทีมงานใครเป็นใครในงานแต่งจีน…รู้ตอนนี้เตรียมครบงานไม่สะดุด

ใน งานแต่งจีน ขนาดแท้ ชนิดที่ว่ามีการจัดงานเต็มขั้นตอน 5 วัน 6 พิธี  นอกจากลิสต์ข้าวของที่เจ้าบ่าวต้องเตรียม เจ้าสาวต้องมี ก็ยังต้องเตรียมคนอีกนะคร้า จำนวนไม่น้อยเลยด้วย แถมแต่ละคนมีหน้าที่เป็นของตัวเอง เราจึงสรุปมาให้ว่าที่เจ้าบ่าว เจ้าสาวได้รู้จะได้เตรียมการจัดทีมงานมาไว้ล่วงหน้า ว่าแต่ต้องเตรียมใครมาบ้าง และแต่ละคนมีหน้าที่ทำอะไร ไปเช็คกันเลยค่ะ

ก๊วนนี้ทีมเจ้าบ่าว

ซินแส คือคนแรกเลยที่บ่าวสาวต้องวิ่งไปหา เพื่อดูฤกษ์งามยามดีให้แก่บ่าวสาว ไม่ใช่แค่ฤกษ์ลงจากคานนะ แต่ซินแสยังต้องดูตั้งแต่ฤกษ์ตัดชุดแต่งงาน วันสระผม ไปยันวันเจ้าสาวกลับบ้าน

แม่สื่อ งานแต่งที่บ่าวสาวพบรักกันด้วยแม่สื่อแม่ชัก ในวันสู่ขอแม่สื่อก็ต้องร่วมขบวนไปกับคุณเจ้าบ่าวเพื่อไปเจรจาสู่ขอเจ้าสาว พร้อมตกลงค่าใช้จ่ายต่างๆด้วย ยังไงละคะ

เล่าตั๊ว หรือเถ้าแก่ที่เราคุ้นเคยกัน ส่วนมากจะเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่ครอบครัวฝ่ายเจ้าบ่าวให้ความเคารพ  ในวันสู่ขอเล่าตั๊วจะเป็นผู้พูดเพื่อเจรจาสู่ขอ แต่ถ้าคุณเป็นเล่าตั๊วมือใหม่ที่ไม่รู้จะพูดยังไงในวันงาน เรามีสคริปต์งานแต่งจีน ครบทุกถ้อยมงคล  มาให้

หน้าที่ของเล่าตั๊วยังไม่จบแค่ในวันสู่ขอเท่านั้นนะคะ  ในวันส่งตัวเจ้าสาว เล่าตั๊วยังคงต้องเคียงข้างเจ้าบ่าว คอยถือซองอั่งเปาให้แก่ญาติเจ้าสาวที่มากั้นประตูเงินประตูทองด้วยนะ

ทีมสินสอด  ทีมนี้จะว่าไปก็แล้วแต่เลยว่าทางคุณเจ้าบ่าวจะจัดสินสอดไว้กี่ถาด ก็จัดเตรียมคนไว้จำนวนเท่านั้นเลย เพราะว่า 1 คน ต้องถือ 1 ถาด จัดเป็นขบวนในวันพิธีแต่งงานนั่นเอง

งานแต่งจีน

แก๊งค์นี้ทีมเจ้าสาว

เล่าตั๊วฝ่ายหญิง ไม่ใช่แค่ฝ่ายชายเท่านั้นที่ต้องมีเล่าตั๊ว ฝ่ายหญิงเองก็ต้องมีเหมือนกัน  ซึ่งก็เป็นคนที่ครอบครัวฝ่ายหญิงให้ความเคารพ โดยในวันสู่ขอเล่าตั๊วจะเป็นผู้รับหน้าเล่าตั๊วฝ่ายชาย  ทั้งยังเป็นผู้พูดฝากฝังเจ้าสาวแก่เจ้าบ่าวด้วยคำพูดดีๆ ที่ล้วนฟังแล้วชื่นใจ

เจ้าสัวฐานะดี  ในวันพิธีส่งตัว เจ้าสาวจะต้องจัดเตรียมเจ้าสัวฐานะดี 4 คน มาส่งตัวเจ้าสาวขึ้นรถ เพื่อความมงคลในชีวิตคู่ของครอบครัวใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยทั้งสี่คนมีหน้าที่ของตัวเองคือ คนที่หนึ่งจูงมือเจ้าสาวขึ้นรถ คนที่สองเปิดประตูรถให้ คนที่สามกล่าวคำอวยพร และคนที่สี่จะใช้กิ่งทับทิมพรมน้ำมนต์ลงบนรถแต่งงาน

ญาติเจ้าสาวเพศชาย 1 คน (ขอที่อายุน้อยกว่าเจ้าสาว)  มีหน้าที่ถือตะเกียง นั่งด้านหน้ารถคันที่เจ้าสาวนั่งไปยังบ้านฝ่ายชายในวันพิธีส่งตัว เพื่อเป็นนิมิตหมายให้บ่าวสาวได้มีลูกหลานผู้ชายเพื่อสืบทอดวงตระกูลต่อ

ทีมญาติเจ้าสาว เป็นทีมญาติที่มีอายุน้อยกว่าเจ้าสาว ถือทรัพย์สินต่างๆที่เจ้าสาวนำติดตัวไปบ้านเจ้าบ่าว โดยจะนั่งในรถคันที่ตามหลังรถเจ้าสาว หลักๆที่มักจะมีก็คือ ตู้เซฟ หมอน กระเป๋าเสื้อผ้า หรืออาจมีมากกว่านี้ก็ได้

ญาติผู้ชายที่อายุน้อยกว่า  ส่วนมากมักจะเป็นน้องชาย หรือหลานชาย ที่จะเดินทางไปรับคู่บ่าวสาวกลับบ้านฝ่ายหญิง ในวันพาเจ้าสาวกลับไปเยี่ยมญาติ

เป็นไงคะ ดีเทลงานแต่งแบบละเอียดยิบ ใช้คนเยอะอยู่เหมือนกัน แต่เราจัดมาให้แบบนี้แล้ว ง่ายขึ้นเยอะเลยเนอะ ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับพิธีการต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ : งานแต่งคุณกุ๊บกิ๊บ – สุมณทิพย์ และคุณบี้ -ธรรศภาคย์ ถ่ายโดย Vin Buddy’s Wedding โทร. 08-1199-1119

7 เรื่องผมๆ ที่เจ้าสาวต้องรู้ก่อนเลือกทรงผมเจ้าสาววันแต่งงาน

ช่วงเวลาของการเตรียมงานที่แสนวุ่นวายทำให้อะไรๆ ก็ดูผ่านไปไวจนเกินตั้งรับ ว่าที่เจ้าสาวจึงต้องไม่ลืมแพลนเรื่องความสวยสิ่งสำคัญที่จะช่วยสร้างความมั่นใจให้วันสำคัญยิ่งน่าประทับใจ ทรงผมเจ้าสาว ที่ง่ายต่อการเสริมให้ผู้หญิงเราดูสง่าสวยแพงคือ “ทรงเกล้า” ซึ่งมีให้เลือกสารพัดรูปแบบ แต่จะทำแล้วสวยเป๊ะเหมาะกับรูปหน้าและชุดของเจ้าสาว แถมอยู่ยาวได้ตลอดวันหรือไม่ ต้องมีการแพลนไว้อย่างดีไม่มีพึ่งดวง เมื่อเลือกแฮร์สไตลิสต์มือดีมาเจอกับทรงผมที่ใช่ เจ้าสาวจะมีความสุขที่สุดถ่ายรูปแล้วสวยเป๊ะทุกองศา ถ้าจะมี “Great Hair Day” สักวันในชีวิตก็ขอให้เป็นวันนี้แหละ จริงไหม!

และนี่คือ 7 เรื่องผมๆ ที่เจ้าสาวต้องรู้ก่อนเลือก ทรงผมเจ้าสาว วันแต่งงาน

1.) เตรียมผมให้พร้อม เมื่อรู้ชุด รู้ทรงที่ต้องการทำแล้ว ก็ต้องเตรียมผมให้พร้อม ทรงผมแบบฝรั่งที่มีความฟุ้งหรือยุ่งๆ แนะนำให้เจ้าสาวทำสีผม ให้อ่อนลงเล็กน้อยจากดำเป็นน้ำตาลเข้ม หรือหากอยากให้ดูมีมิติชัดขึ้นอีกก็ทำไฮไลต์ล่วงหน้าประมาณ 1 สัปดาห์ หากนานเกินไปจะทำให้เห็นโคนผมดำ ดูไม่เนี้ยบ ผมที่สีอ่อนลงจะทำให้เห็นมิติในการเกล้าที่สวยงามและดูไม่สูงวัย

2.) เคลียร์ความเชื่อผิดๆ ความเชื่อที่ว่าห้ามสระผมเพราะจะทำให้เกล้าไม่ได้ ถือเป็นความเชื่อที่มโนสุดๆ เพราะผมที่มันไม่ผ่านการสระก็จะ จับตัวเป็นก้อน เกล้าได้ไม่สวยเช่นกัน ฉะนั้นเจ้าสาวควรเตรียมผมโดยการสระแต่ไม่ลงครีมนวดแล้วเป่าให้แห้งเพื่อช่างจะได้จับผมอยู่มือ

3.) เกล้าทรงไหนไม่แก่ เกล้าผมไม่ต้องกลัวแก่ แต่ต้องเข้าใจว่าเส้นบางๆ ระหว่างความสูงวัยกับโมเดิร์นอยู่ที่จังหวะของการเกล้า ความสูงต่ำ และเท็กซ์เจอร์ อย่าให้ช่างยีผมจนใหญ่เกินรูปหน้าเจ้าสาวหรือตั้งเต๋า (หัวทุย) จนสูงเกินไป ความพองของทรงผมจะเสี่ยงต่อการกลายเป็นหม่อมแม่

4.) เปิดใจสำหรับการปรับเปลี่ยน แนะนำให้เจ้าสาวเลือกทรงผมที่ชอบไว้แชร์ไอเดียกับช่าง 2 – 3 แบบ แต่ต้องเปิดใจหากทรงที่ชอบไม่ใช่ทรงที่ใช่ ช่างผมฝีมือดีจะสามารถปรับทรงผมให้เข้ากับเจ้าสาวโดยอาจใกล้เคียง แต่ไม่ได้ทำตามแบบเป๊ะๆ การเลือกโดยใช้รูปดาราเป็นแบบถือว่าไม่ผิด แต่ควรเลือกจากแบบที่มีรูปหน้าคล้ายกับเจ้าสาวจะปรับให้สวยเป๊ะเข้ากันง่ายกว่า

5.) เจ้าสาวผมสั้น/ยาวมากต้องเตรียมให้พร้อม เจ้าสาวผมสั้นมักกังวลว่าจะเกล้าผมไม่ได้ แท้จริงเป็นเรื่องง่ายๆ แค่ต้องเตรียมตัวแจ้งช่างให้ชัดว่าเจ้าสาวผมสั้นและมีสีผมเป็นอย่างไร เพื่อให้ช่างเตรียมแฮร์พีซที่เหมาะกับทรงผมมาให้ เท่านี้เจ้าสาวผมสั้นก็เกล้าได้ทุกทรง

ส่วนเจ้าสาวผมยาวมักมีความเชื่อว่าต้องเลี้ยงผมให้ยาวที่สุดเพื่อจะเกล้าได้สวย ที่จริงแล้วการเกล้าผมควรมีความยาวที่เหมาะสมคือประมาณช่วงกลางหลัง เพื่อไม่ให้ก้อนผมดูใหญ่เกินไป อาจสไลซ์ส่วนหน้าเล็กน้อยเพื่อให้ช่างทำผมส่วนหน้าได้สวยเหมาะสม

6.) ข้อควรรู้ของเจ้าสาวชุดไทย ผมที่เหมาะกับชุดไทยไม่ควรให้ฟุ้งหรือมีปอยผมที่หลุดมากเกินไป เพราะจะดูรุงรังไม่สง่างาม หากเจ้าสาว อยากปล่อยผมตรง แนะนำให้ทำตอนถ่ายพรีเวดดิ้งจะปลอดภัยกว่า เพราะผมยาวตรงในพิธีนั้นดูแลยาก ผมอาจเด้งปรกหน้าเสียทรงจากการก้มไหว้

ข้อควรระวังที่คาดไม่ถึงคือ “น้ำมนต์พระ” เพราะเมื่อโดนน้ำแล้วผมจะแฟบหมดสวย หลุดง่าย หากเลี่ยงไม่ได้จริงๆ แนะนำเจ้าสาวให้ก้มเยอะๆ เพื่อให้น้ำมนต์ไปโดนช่วงท้ายทอยแทน

7.) ให้ข้อมูลช่างแบบละเอียดยิบ ย้ำ!! ละเอียดยิบ จองคิวช่างผม คนโปรดแต่เนิ่นๆ คอนเฟิร์มกันเป็นระยะจะดีมากหากเจ้าสาวได้มีเวลาลองฟิตติ้งชุดและทำผมกับช่างที่เลือกอย่างละเอียด แต่หากเป็นไปไม่ได้จริงๆ ในช่วงสองสัปดาห์ก่อนวันงานควรคุยกับช่างแบบลงดีเทลที่สุด ถ่ายรูปในมุมต่างๆ พร้อมส่งเรเฟอเรนซ์ทรงผมที่ต้องการทำให้ช่าง แจ้งความยาว ผม สีผม ชุดที่จะใส่เพื่อให้ช่างเตรียมเครื่องประดับผมได้เหมาะสม คอนเฟิร์มวัน เวลา สถานที่ให้ชัดเจน เพื่อลดความเสี่ยงในทุกกรณี

เลือกทรงผมเจ้าสาวได้แล้ว ก็ต้องเลือก >>> เครื่องประดับศีรษะเก๋ๆ สำหรับหลากไอเดียทรงผมเจ้าสาวชุดราตรี <<< คลิกเลย <<<

ออกแบบทรงผมและเอื้อเฟื้อข้อมูล : จีรวัฒน์ คงศรีทอง (ไอจี @gee_jiwat)
แต่งหน้า : NYX
เสื้อผ้า : likitta brand โทร. 09-9050-5642
Jamsom.design โทร. 08-6163-2429
Martin ไอจี : @oatmartin
Voravaj ไอจี : @voravaj_official136

เรื่อง Padcha_Praewnista

3 สเต็ปพิชิตงานแต่งงานในฝันก่อนไปหาเวดดิ้งแพลนเนอร์

ไม่ว่าบ่าวสาวคู่ไหนก็คงอยากได้ งานแต่งงาน ที่ออกมาเป็นตัวเองทั้งนั้น แต่กว่าจะได้ผลลัพธ์เป็น ธีมงานแต่ง ที่ตรงใจนี่สิ ทำเอาบ่าวสาวลมแทบจับสมองแทบระเบิด แพรว wedding เลยจะมาเรียกสติด้วย 3 สเต็ปต่อไปนี้ ที่จะช่วยให้บ่าวสาวเจอทางสว่างจนได้ภาพงานแต่งงานในฝันที่จะนำไปให้เวดดิ้งแพลนเนอร์เนรมิตให้เป็นจริง หรือหากคุณเป็นบ่าวสาวขาลุยด้านการจัดการจะจัดเองก็ได้นะคะ

แรงบันดาลใจคือจุดเริ่มต้น

อยากเพิ่งงงหรือตกใจว่าแล้วไอ้แรงบันดาลใจจะไปหาได้จากที่ไหนล่ะเนี่ย เพราะโลกออนไลน์ อย่าง Google หรือ Pinterest ช่วยคุณได้ เพราะในนั้นจะเป็นอีกโลกหนึ่งที่เต็มไปด้วยไอเดียและแรงบันดาลใจที่ว่าที่บ่าวสาวกำลังตามหาแน่นอน

อย่างใน Pinterest นั้นมีทั้งพาเลตต์หลายสีสัน ชุดแต่งงานหลากสไตล์ รวมไปถึงแบบหน้าผม และรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ ในงานแต่งงาน ไม่ว่าจะเป็น รูปแบบฟ้อนต์แปลกใหม่ที่บ่าวสาวอยากจะนำมาใช้ในการ์ดแต่งงาน หรือสูทแบบแฟชั่นรันเวย์ของคุณเจ้าบ่าวสุดเท่ก็ยังได้ หรือจะเลือกดูเป็นภาพแฟชั่นเพื่อนำมาครีเอทการถ่ายภาพพรีเวดดิ้งให้เก๋ล้ำก็เป็นไอเดียที่ไม่เลว หรือจะเข้ามาดูใน praewwedding.com ก็มีทุกอย่างที่แทบจะครบจบในที่เดียว

จากนั้นเมื่อบ่าวสาวได้ภาพพอประมาณก็อาจจะต้องมาคัดและตัดสินใจร่วมกันอีกทีว่า รายละเอียดแบบไหน หรือสิ่งของอะไรที่ดูเป็นตัวตนของบ่าวสาวและถูกใจคุณทั้งคู่มากที่สุด โดยต้องคำนึงว่าสิ่งที่เลือกนั้นจะสามารถนำเสนอตัวตนของบ่าวสาวออกมาได้มากและดีที่สุดด้วย เพราะนี่เป็นงานของคุณสองคนแถมยังเป็นวันสำคัญที่จะมีภาพถ่ายบันทึกเอาไว้อีก

กำหนดธีมงานและรายละเอียด

เมื่อได้ภาพต่างๆ ที่เป็นแรงบันดาลใจจากขั้นตอนแรกแล้ว สิ่งต่อไปที่บ่าวสาวจะต้องหาให้ได้คือ ธีมงานแต่ง (คร่าวๆ ก็ยังดี) ซึ่งบ่าวสาวอาจจะต้องระดมความคิดในการแยกหมวดหมู่และจัดประเภทของภาพเรฟเฟอร์เรนซ์ที่หามา เพื่อที่คุณจะได้เริ่มมองเห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น อย่างเช่น อาจจะแยกตามสถานที่ หรือตามสไตล์การจัดงาน เช่น โต๊ะจีน, ปาร์ตี้ค็อกเทล หรือซิตดาวน์ดินเนอร์ ซึ่งการแยกแบบนี้จะช่วยจำกัดขอบเขตความคิดของบ่าวสาวให้แคบลง และจะทำให้บ่าวสาวเริ่มเห็นภาพงานแต่งงานของตัวเองชัดขึ้น เช่น บ่าวสาวอาจจะเลือกจัดงานแต่งในปาร์ตี้ค็อกเทล เพราะสามารถเดินไปทักทายพูดคุยกับแขกได้อย่างทั่วถึง หรือเมื่อแยกตามสถานที่แล้วบ่าวสาวอาจจะพบว่าภาพงานแต่งงานที่อยากได้ไม่ใช่วิวในโรงแรม แต่เป็นงานแต่งงานท่ามกลางบรรยากาศของสวนสวยที่เขียวขจีมากกว่า เป็นต้น

แยกรายละเอียดปลีกย่อย

เมื่อบ่าวสาวเลือกภาพธีมงานได้คร่าวๆ แล้ว คราวนี้ก็จะต้องขุดให้ลึกลงไปอีก โดยการมองหารายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ อย่างเช่น สี หรือวัสดุตกแต่งต่างๆ เช่น งานไม้, งานดอกไม้, กลิตเตอร์ หรืองานผ้า จากนั้นจึงรวมทุกอย่างเข้าด้วยกันเพื่อที่จะได้ออกแบบงานที่เป็นวันสำคัญของคุณ เช่น หากบ่าวสาวรู้สึกหลงใหลในความระยิบระยับของกลิตเตอร์เป็นพิเศษ เพราะเหมาะกับบุคลิกที่สนุกสนาน แถมยังช่วยให้งานแต่งออกมาดูหรูหราก็อาจจะเลือกเป็นธีมนี้ไปเลยก็ได้

งานแต่งงาน

และสุดท้ายถ้าหากบ่าวสาวไม่แน่ใจว่าที่ทำมาทั้งหมดนั้นถูกต้องหรือเข้ากันไหม หากออกมาเป็นงานแต่งงานจริงๆ แล้วจะโอหรือเปล่า หากบ่าวสาวตั้งใจจะเลือกใช้บริการเวดดิ้งแพลนเนอร์อยู่แล้วล่ะก็ เราขอแนะนำให้บ่าวสาวนำไอเดียที่หามาได้ทั้งหมดไปปรึกษากับเวดดิ้งแพลนเนอร์ เพื่อให้มืออาชีพช่วยคิด ช่วยปรับ หรืออาจจะต่อยอดจากไอเดียของบ่าวสาว เท่านี้บ่าวสาวก็ได้งานแต่งในฝันที่ออกมาดีแถมยังตรงใจตรงสไตล์ของคุณอีกด้วย

ถ้าทำครบทั้ง 3 สเต็ปแล้วก็ไปต่อกันที่ 8 ขั้นตอนต้องรู้! ก่อนจ้างเวดดิ้งแพลนเนอร์

CR. pexels.com, theknot.com, diwas.in

5 เรื่อง ห้ามทำใน อาทิตย์สุดท้ายก่อนแต่งงาน

ใกล้ถึงวันแต่งงานเข้ามาทุกที ไม่แปลกถ้าเจ้าสาวหลายคนจะตื่นเต้น จนต้องหาอะไรใหม่ๆ ทำเพื่อคลายความกังวล ซึ่งเจ้าสาวจะทำอะไรก็ได้ใน อาทิตย์สุดท้ายก่อนแต่งงาน แต่ห้ามทำ 5 เรื่องนี้เด็ดขาด!!

1. เปลี่ยนทรงผม

หลายคนบอกว่า การแต่งงานก็เหมือนการเริ่มต้นใหม่ การเปลี่ยนทรงผมก็เป็นการต้อนรับสิ่งใหม่ๆ แต่ต้องไม่ใช่ อาทิตย์สุดท้ายก่อนแต่งงาน เพราะการทำแบบนี้หากพลาด คนที่จะเสียใจก็ไม่ใช่ใคร คือตัวเจ้าสาวเอง แต่ถ้าไม่พลาดก็มีคนที่กรีดร้องอยู่ดี คนนั้นก็คือ ช่างทำผมไง รับรองว่าเขามีโกรธแน่ๆ

2. ฉลองหนัก ปาร์ตี้เยอะ

ช่วงอาทิตย์สุดท้ายไม่ว่าเพื่อนกลุ่นไหนก็อยากเจอว่าที่บ่าวสาวกันทั้งนั้น และการนัดเจอคงไม่ใช่ที่ร้านนมหน้าบ้านหรอก มันต้องปาร์ตี้สุดเหวี่ยง เราจะขอเตือนว่าขอให้ปฎิเสธนัดทั้งหมดไป หรือไม่ก็เจอกันก่อนหน้านั้น เก็บอาทิตย์สุดท้ายเอาไว้เพื่อการฟื้นฟูร่างกายให้สวยปิ๊ง  ผิวใส เพราะการดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงนี้ไม่เพียงทำให้ดูโทรมในวันแต่งงาน ยังทำให้ดูบวมฉุอีกด้วย

3. ออกกำลังกายท่าใหม่ๆ

เราเข้าใจว่าใครๆ ก็อยากฟิต อยากเฟิร์ม แต่ขอให้คงการออกกำลังกายท่าเดิมๆ ในกล้ามเนื้อมัดเดิมไปก่อน เพราะการออกกำลังกายท่าใหม่ๆ ในบริเวณใหม่ๆ จะทำให้เกิดอาการปวดเนื้อ ปวดตัว เคลื่อนไหวลำบาก ลุกก็โอ้ย ยืนก็อูย แล้วอย่างนี้วันแต่งงานรับรองว่าสาหัสแน่นอน ไว้รอฟิตหลังงานแต่งงานเนอะ

4. เปลี่ยนสกินแคร์

ว่ากันว่าสกินแคร์ควรเปลี่ยนทุก 3 เดือนเพื่อให้ผิวได้ปรับตัวกับสารบำรุงใหม่ๆ ไม่ด้านชาไปกับการบำรุงแบบเดิมๆ แต่! หากกำลังจะแต่งงาน ก็ควรต้องใช้ผลิตภัณฑ์เดิมไปก่อน อย่าได้ลองของใหม่ ของแปลกในช่วงนี้เด็ดขาด เพราะถ้าแพ้ขึ้นมาหมอไหนๆ ก็รักษาให้หน้ากลับมาปิ๊งแบบเดิมไม่ทันหรอก

5. กินอาหารแซ่บซี๊ด

สำหรับบ่าวสาวที่หลงใหลในอาหารรสแซ่บ ขอให้โบกมือทำใจห่างกันสักพักไปก่อน เพราะว่าการกินอาหารรสชาติจัดจ้าน ของแซ่บๆ ที่เสี่ยงกับการท้องเสีย มันเสี่ยงมากที่จะทำให้แต่งงานไม่เป็นสุข เพราะถ้าหายไม่ทันคุณจะต้องทรมานกับการวิ่งเข้าออกห้องน้ำในสภาพชุดแต่งงาน หรือถ้าทันอาการท้องเสียก็จะทิ้งร่องรอยความโทรมความอ่อนเพลียเอาไว้ให้เห็นอยู่ดี a a a a a  a a a a  a a a 

นี่ละ 5 คำเตือนจากใจจาก แพรว wedding ที่ส่งถึงว่าที่เจ้าสาว ว่าห้ามทำเด็ดขาด ส่วนใครที่อยากรู้เรื่องการวางแผนแต่งงาน หรืออยากดูงานแต่งงานของคู่อื่นๆ เรามีให้ดูเพียบ คลิกเลย

ภาพ unsplash.com

วิธีการนวดเท้าแก้เมื่อย สำหรับเจ้าสาวช่วยคลายปวดเท้าในวันแต่งงาน

เด็ดสุดๆ กับวิธี นวดเท้าแก้เมื่อย เมื่อต้องยืนบนส้นสูงนานๆ

ในวันแต่งงาน วันสำคัญของเจ้าสาวหลายๆ คน แน่นอนว่าเป็นงานในฝันที่ผู้หญิงทุกคนทุ่มสุดตัว เพื่อให้งานออกมาเพอร์เฟกต์และสิ่งที่จะช่วยเสริมให้เจ้าสาวดูโดดเด่นก็คือ รองเท้าส้นสูง และถึงแม้ชุดแต่งงานจะยาวคลุมรองเท้าพอดี แต่การสวมใส่รองเท้าส้นสูงก็ช่วยเพิ่มความสูงให้เจ้าสาวดูสง่า และมั่นใจมากขึ้น แต่ปัญหาที่ตามมาหลักๆ ก็คือ อาการปวดเท้า นั่นเอง เพราะไม่ว่าจะใส่รองเท้าส้นสูงที่มีการซับพอร์ทเท้าดีแค่ไหน แต่ถ้าต้องใส่ยืนนานๆ ยังไงก็ปวดเท้าแน่นอน แพรว wedding เลยขอนำวิธีการ นวดเท้าแก้เมื่อย สำหรับเจ้าสาวเพื่อคลายปวดเท้าในวันแต่งงานมาฝาก จะนวดด้วยตนเองหรือให้คุณเจ้าบ่าวช่วยนวดก็ได้นะจ๊ะ

1. เมื่อถอดรองเท้าแล้ว วิธีที่เจ้าสาวสามารทำได้ง่ายที่สุดคือการ นอนเหยียดเท้า ให้สบายที่สุด โดยให้ขาและเท้าขนานไปกับพื้นที่เรานอน ลองขยับนิ้วเท้าเพื่อคลายเส้นก่อน ง่ายๆ ก็ได้ค่ะ

วันแต่งงาน

2. ลองดัดนิ้วเท้าขึ้นลง ขึ้นลงเรื่อยๆ ลักษณะคล้ายๆ กับการดัดนิ้วมือเวลาเรียนรำไทยค่ะ ทำไปเรื่อยๆ จะดัดด้วยตนเอง หรือให้คนอื่นช่วยดัดก็ได้ ซึ่งจะช่วยให้เท้าเกิดการผ่อนคลาย และจะเริ่มรู้สึกสบายเท้ามากขึ้น ทำไปสัก 5 นาทีค่ะ

วันแต่งงาน

3. ใช้นิ้วมือบริเวณนิ้วโป้งกดลงไปตรงกลางฝ่าเท้า ใช้เวลา 5-10 นาที จากนั้นมากดเท้าอีกข้าง สลับกัน วิธีการนี้จะช่วยเพิ่มความผ่อนคลาย และช่วยทำให้เจ้าสาวหลับสบายขึ้นด้วยน้า

วันแต่งงาน

4. นวดเบาๆ บริเวณนิ้วเท้าที่ปวด เพราะเวลาเราสวมใส่รองเท้าที่รัดเท้ามากๆ นิ้วเท้าจะโดนรัดไปด้วย ลองนวดเบาๆ อย่าแรงนะจ๊ะ เพราะนวดเพื่อแค่ให้ผ่อนคลายเท่านั้น ถ้าแรงไปจะยิ่งไปเพิ่มความปวดระบมให้กับเท้าได้

วันแต่งงาน

5. ทำมือเป็นกำปั้น แล้วกดจากบริเวณกลางเท้าลงไปยังส้นเท้า ค่อยๆ ทำไปเรื่อยๆ ทำแบบนี้ประมาณ 5-10 นาทีแล้วสลับไปทำที่เท้าอีกข้าง วิธีการนี้จะช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิตที่เท้าได้ดียิ่งขึ้นวันแต่งงาน

และขอบอกเลยว่าควรทำนะจ๊ะ เพราะถ้าไม่ทำผ่านพ้นวันไปจะปวดเท้ามากๆ แน่นอน … หรืออยากจะลองทำสปาเท้าด้วยตนเองก็ได้นะจ๊ะ มาดูกัน ชวนว่าที่เจ้าสาวมาทำสปาเท้าด้วยตัวเองที่บ้านแบบชิลล์ๆ

เรื่องและภาพจาก : Kapook.com

ทานขนมอี๋แบบนี้ในงานแต่ง รับรองมีแต่เฮงเฮงเฮงแน่นอน!!

พิธีการสำคัญในประเพณีแต่งงานแบบจีนคือ การทาน ขนมอี๋ หรือ ขนมบัวลอยจีน ที่มักเกิดเป็นประเด็นถกเถียงกันเป็นประจำว่า ต้องทานให้หมด ต้องทานให้เหลือ หรือต้องเหลือไว้ครึ่งหนึ่งหรือเปล่า แพรว wedding เลยมีเคล็ดในการทานขนมอี๋เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่คู่บ่าวสาวมาฝาก แต่จะทานยังไงให้เป็นมงคล ไปดูกันเลย

“ขนมอี๋” หรือ “บัวลอยจีน” มีหน้าตาเป็นแป้งปั้นกลมๆ เล็กๆ สีชมพูเข้มไปจนถึงสีแดง และสีขาวคละกันไป ต้มในน้ำเชื่อมหรือบางบ้านก็จะใส่น้ำแดงเพื่อความหอมหวานและความอร่อย รวมถึงใส่ไข่ต้มสุกลงไปในถ้วยขนมอี๋ของบ่าวสาวด้วย ซึ่งลักษณะของขนมอี๋ที่เป็นแป้งเหนียวหนึบก็สื่อถึงความรักที่เหนียวแน่นของบ่าวสาว ความกลมเกลียวของคนในครอบครัว สีชมพูของขนมอี๋สื่อถึงความโชคดีตามความเชื่อของชาวจีน

การรับประทานขนมอี๋ให้ถูกต้องและเป็นสิริมงคลนั้น บ่าวสาวจะต้อง “ห้ามทานหมดถ้วย” เด็ดขาด และต้องทานให้เม็ดบัวลอยเหลือติดก้นถ้วยไว้สัก 4 หรือ 8 เม็ด ส่วนไข่ต้มก็ห้ามใช้ช้อนตัดแบ่งไข่ แต่จะต้อง “ทานทั้งฟอง” โดยเอาเข้าปากไปให้หมดในคำเดียว เพราะชาวจีนเชื่อกันว่า ถ้าทานทั้งฟองจะได้ลูกคนแรกเป็นลูกชาย (คนจีนชอบ) ส่วนใครที่คิดว่าไข่ไก่ทั้งฟองจะใหญ่เกินไปเอาเข้าปากไม่ไหว ก็สามารถใช้เป็นไข่นกกระทาลูกเล็กๆ ทานง่ายก็ได้ แบบนี้ก็ไม่ผิดธรรมเนียมเช่นกัน

สำหรับอาหมวยอาตี๋คนไหนที่บ่นว่าไม่อยากทานไข่ต้ม (ของคาว) ในขนมอี๋ (ของหวาน) แบบว่ามันไม่เข้ากันสุดๆ ทานแล้วอยากจะอ้วก! เราก็ขอแนะนำว่าให้กลั้นใจทานเข้าไปเถอะค่ะ แต่ให้เตรียมลูกอมรสชาติที่ตนเองชอบไว้ พอไข่หมดปากปุ๊บ จิบน้ำนิดหน่อยแล้วก็อมลูกอมโลด น่าจะพอช่วยบรรเทาอาการได้

บอกเสร็จสรรพครบถ้วนกันขนาดนี้แล้ว หวังว่าเจ้าบ่าวเจ้าสาวเชื้อสายจีนรวมถึงแขกที่ไปร่วมงานน่าจะหายสงสัยและทานขนมอี๋ได้อย่างถูกต้องตามประเพณีของชาวจีนกันแล้วนะคะ

รู้วิธีทานขนมอี๋แล้วก็มาไขความลับ เผยความลับที่ซ่อนอยู่ในถ้วยชาใบจิ๋วในพิธียกน้ำชาแบบจีน กันต่อเลย

ภาพเปิด : งานแต่งคุณเฟย์ & คุณติ ถ่ายโดย Jakawin Photography

How To เลือกเพลงในงานแต่งยังไงให้ถูกใจและน่าประทับใจที่สุด

ไม่ว่าใครเมื่อได้ยินเพลงรักก็มักเกิดอาการวิ้งๆ ยิ้มๆ และนึกถึงคนรักขึ้นมาแบบไม่รู้ตัว หรือบางครั้งภาพความทรงจำดีๆ ก็ผุดขึ้นมาเมื่อได้ยินเพลงที่โดนใจ เช่นเดียวกับว่าที่บ่าวสาวหลายคู่ที่อยากจะมีเพลย์ลิสต์เพลงรักของตัวเองเพื่อใช้บรรเลงในงานแต่ง ซึ่ง เพลงในงานแต่ง ที่จะเปิดนั้นก็ควรเป็นเพลงที่มีความพิเศษและเกี่ยวข้องกับเรื่องราวความรักของคุณทั้งคู่ด้วยนะ

แต่ว่าที่บ่าวสาวบางคนอาจจะยังตัดสินใจเลือกเพลย์ลิสต์ที่จะเปิดในงานแต่งไม่ได้ แพรว wedding เลยมีวิธีที่จะทำให้ขั้นตอนนี้ไม่ลำบากใจและไม่ยุ่งยาก แถมยังทำให้การเลือกเพลงสนุกมากขึ้นด้วย

และนี่คือคำแนะนำเล็กๆ น้อยๆ สำหรับว่าที่บ่าวสาวที่ยังเลือกเพลงในงานแต่งของตัวเองไม่ได้สักที

1. อย่ารับฟังความคิดเห็นที่มากเกินไป

โปรดจำไว้ว่าทุกคนมีรสนิยมในการฟังเพลงที่ต่างกัน เพราะฉะนั้นหากว่าที่บ่าวสาวขอคำแนะนำจากคนอื่นเมื่อไหร่ คุณอาจพบว่า คุณกำลังพยายามทำให้คนอื่นพอใจมากกว่าตัวคุณเองซะอีก ดังนั้นการพูดคุยและตกลงกันแค่เพียงสองคนระหว่างคุณและคนรักนั้นดีที่สุด โดยลงความเห็นว่าเพลงไหนที่ดูเป็นคู่ของคุณมากที่สุดก็ลิสต์ไว้เลย

2. ฟังเพลงก่อนค่อยเลือก

ด้วยจังหวะเพลงอาจทำให้บ่าวสาวโยกตัวตาม แต่เนื้อร้องอาจจะไม่ได้ตรงกับเรื่องราวที่บ่าวสาวอยากจะสื่อก็ได้ เพราะฉะนั้นก่อนที่จะเลือกเพลงใดเพลงหนึ่งมาใช้นอกจากเมโลดี้หรือโน้ตเพลงที่สวยงามแล้ว บ่าวสาวต้องฟังด้วยว่าเพลงๆ นั้นกำลังพูดถึงเรื่องอะไร มีความเกี่ยวข้องหรือมีความหมายต่อคู่ของคุณยังไงบ้าง เพราะจะช่วยให้บ่าวสาวตัดสินใจเลือกเพลงได้อย่างถูกต้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพลงสากลยิ่งต้องแปลให้ดีๆ เลยนะ

3. เพลย์ลิสต์เปิดรอก่อนงานเริ่ม

บ่าวสาวสามารถจัดเตรียมเพลย์ลิสต์สำหรับที่จะเปิดในช่วงก่อนที่พิธีจะเริ่มได้เพื่อช่วยสร้างบรรยากาศให้กับงานแต่งงานของคุณ หรือหากบ่าวสาวเลือกเป็นวงดนตรีสดหรือดีเจแทนการเปิดแผ่น ก็ต้องเตรียมรายการเพลงที่จะให้วงหรือดีเจเล่นด้วย โดยอาจจะต้องแจ้งล่วงหน้าเพื่อที่ทางวงและดีเจจะได้ทำการบ้านมาก่อน แถมบางวงหรือดีเจบางคนอาจมีการจำกัดจำนวนเพลง เพราะบางครั้งจำนวนเพลง หรือจำนวนเครื่องดนตรีก็มีผลต่อราคาด้วยนะ

4. เปิดใจให้กว้าง

ไม่ว่าคุณจะมีแนวเพลงที่ชอบเป็นพิเศษ หรือชอบฟังเพลงทุกประเภท ลองหาเวลาฟังเพลงต่างๆ ให้มากและหลากหลายขึ้น เพราะบางครั้งคุณอาจจะพบแนวเพลง หรือเพลงพิเศษที่ทำให้หัวใจเต้นแรงและแอบยิ้มตามได้ ถ้าจะให้ดีลองควงแขนคนรักเข้าร้านซีดี หรือไปนั่งดินเนอร์ฟังเพลง ก็เป็นอีกทางที่จะทำให้คุณได้พบเพลงใหม่ๆ ที่กระทบหูแล้วกระแทกใจได้ แถมยังได้ใช้เวลาหวานๆ ฟังเพลงซึ้งๆ ด้วยกันไปในตัว

5. ทำตามหัวใจ

ไม่ว่าคุณจะฟังเพลงมากแค่ไหน แต่เชื่อเถอะว่าจะมีเพียงไม่กี่เพลงหรอกที่พิเศษและมีความหมายลึกซึ้งต่อคุณมากกว่าเพลงอื่นๆ เพราะฉะนั้นบางครั้งการเชื่อในสัญชาตญาณและฟังเสียงหัวใจของตัวเอง ก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่จะทำให้คุณได้เพลย์ลิสต์ซึ้งๆ ไปเปิดในช่วงพิธีการที่สำคัญๆ ได้เหมือนกัน

แพรว wedding หวังว่าทิปส์ดีๆ ทั้ง 5 ข้อนี้จะช่วยให้ว่าที่บ่าวสาวเจอเพลย์ลิสต์ที่สมบูรณ์แบบสำหรับงานแต่งงานของคุณกันบ้างนะคะ หรือจะลองไปฟัง 5 เพลงในงานแต่งฮอตฮิตตลอดๆ ก่อนก็ได้นะ

ภาพ stocksnap.io, pinterest

เคล็ดลับถ่ายรูปพรีเวดดิ้งให้บ่าวสาวออกมาสวยดูดีเป็นธรรมชาติ

ไม่ใช่แค่เฉพาะสไตล์การจัดงานแต่งงาน หรือชุดแต่งงานเท่านั้นที่คู่รักมองหาจากอินเทอร์เน็ต แต่การ ถ่ายรูปพรีเวดดิ้ง ก็เป็นอีกเรื่องที่คู่รักมักหาเรฟเฟอร์เรนซ์จากอินเทอร์เน็ตเช่นกัน โดยเฉพาะจาก Pinterest หรือ Instagram ที่ช่างภาพมืออาชีพหรือคู่รักมักเข้ามาอวดภาพสวยๆ กันในโลกโซเชียล ที่ทั้งมุมภาพ แสง การโพส และอารมณ์ของคู่รักในภาพนั้นดูดีสุดๆ จนว่าที่บ่าวสาวอยากจะได้ภาพแบบนั้นกับเขาบ้าง และนี่คือเทคนิคที่จะทำให้ว่าที่บ่าวสาวได้ภาพถ่ายสวยๆ แบบในโลกโซเชียลเอาไว้อวดชาวโลกกับเขาบ้าง

1. ช่วงที่เตรียงานแต่งทุกอย่างเสร็จแล้วคือดีที่สุด

นู่นก็ยังไม่ได้คิด นี่ก็ยังไม่เสร็จ นั่นก็ยังไม่ได้คอนเฟิร์ม…คงไม่ดีแน่หากว่าที่บ่าวสาวไปถ่ายภาพงานแต่งด้วยอารมณ์แบบนี้ เพราะนั่นเท่ากับว่าคุณพกความกังวลไปถ่ายภาพสวยๆ ด้วย และคุณคงไม่อยากต้องรับโทรศัพท์หรือคุยงานในขณะถ่ายภาพแต่งงานหรอกจริงไหม ยิ่งถ้าหากเรื่องนั้นทำให้คุณไม่สบายใจด้วยแล้วล่ะก็ รับรองว่าทริปถ่ายภาพนี้มีแต่พังกับพังแน่นอน เพราะฉะนั้นเพื่อให้การถ่ายภาพเต็มไปด้วยความสุข เราขอแนะนำให้ว่าที่บ่าวสาวเคลียร์ทุกเรื่องให้เสร็จสิ้นก่อนที่จะถ่ายภาพพรีเวดดิ้งดีกว่า จะได้ไปแบบไม่สบายไร้ซึ่งความกังวลใดๆ จะได้ยิ้มกว้างได้อย่างเต็มที่กันไปเลย

2. ภาพที่ดีคือภาพที่บ่าวสาวผ่อนคลายที่สุด

ซึ่งการที่จะทำให้ว่าที่บ่าวสาวรู้สึกผ่อนคลายก็คือ ไม่มีเรื่องต้องกังวลใจ ไม่มีเวลาเป็นตัวบีบคั้น และที่สำคัญว่าที่บ่าวสาวได้แสดงออกถึงความเป็นตัวของตัวเอง แบบไม่เก้ๆ กังๆ หรือต้องฝืนใจทำอะไรที่ไม่ได้อยากทำหรือไม่เป็นตัวเอง เพราะฉะนั้นหากคุณเป็นว่าทีบ่าวสาวขี้เขิน ก็อาจจะให้เพื่อนสนิทที่มีฝีมือด้านการถ่ายภาพมาเป็นช่างภาพจำเป็นให้กับงานนี้ซะเลย เพราะการที่คุณอยู่กับเพื่อนสนิทจะช่วยเพิ่มความผ่อนคลาย ลดความอาย และสามารถเป็นตัวของตัวเองได้อย่างเต็มที่อีกด้วย

3. ภาพที่ดีคือภาพที่ไม่ได้เซต

บางครั้งช็อตเผลอๆ ของบ่าวสาวก็กลับเป็นภาพที่ดีที่สุดในเซตภาพถ่ายก็ได้ เพราะภาพนั้นแสดงออกถึงรอยยิ้มและแววตาที่เต็มไปด้วยความสุขและความรักอย่างแท้จริง เพราะฉะนั้นลองหนีบช่างภาพเพิ่มไปอีกสักคนเพิ่มเติมจากกล้องหลัก เพื่อให้เขาช่วยสแนปภาพอีกแรง รับรองว่าคุณจะได้ภาพถ่ายดีๆ จากกล้องนี้แน่นอน

ติดตามไอเดียดีๆ เกี่ยวกับงานแต่งงานอีกเพียบที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ unsplash.com, pinterest.com

5 อุปสรรคการเลือกชุดแต่งงานที่ว่าที่บ่าวสาวต้องก้าวผ่านให้ได้

หมดปัญหาการตัดสินใจเรื่อง ชุดแต่งงาน หากว่าที่บ่าวสาวขจัด 5 สิ่งเหล่านี้ออกไปได้

แพรว wedding ได้ประมวล 5 อุปสรรคที่สลักอยู่ในใจว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวเมื่อต้องเลือก ชุดแต่งงาน มาฝาก ซึ่งทั้ง 5 ข้อนี้เป็นปัญหาอมตะนิรันดร์กาลที่บ่าวสาวมักต้องเผชิญแทบทุกคู่ในช่วงการเฟ้นหาชุดแต่งงานโดนใจ และต่อไปนี้คือทางออกง่ายๆ ที่จะทำให้ปัญหาชวนปวดหัวนี้หมดไปแบบไร้กังวล

1. ตั้งงบไม่ถูก

ปัญหาสุดคลาสสิคด่านแรกของว่าที่บ่าวสาวก็ว่าได้ แต่ข้อนี้แก้ไม่ยากอย่างที่คิด เพียงแค่บ่าวสาวตัดสินใจให้ได้ก่อนว่าคุณต้องการเลือกชุดเจ้าสาวแบบไหน เช่าตัด หรือตัดซื้อ เพราะทั้งสองแบบนี้ต่างกันในเรื่องราคาอย่างแน่นอน ซึ่งหากเจ้าสาวเลือกที่จะเช่า ก็เพียงแค่เลือกชุดเจ้าสาวที่ชอบแล้วแก้ขนาดให้พอดีกับรูปร่าง เท่านี้ก็เป็นอันจบภารกิจ

แต่หากว่าที่เจ้าสาวเลือกชุดแบบเช่าตัดคุณก็จะได้เป็นมือวางอันดับหนึ่งในการสวมใส่ชุดนั้นเป็นคนแรก ก็คล้ายๆ กับว่าคุณสั่งตัดขึ้นมาเพื่อคุณเองโดยเฉพาะ แต่แค่เมื่อเสร็จงานชุดนี้จะกลับไปอยู่ที่ร้านแทนที่จะเป็นบ้านของคุณ ซึ่งชุดเช่าตัดนั้น ราคาจะถูกกว่าชุดตัดซื้อ แต่ชุดตัดซื้อนั้นว่าที่เจ้าสาวจะได้ทุกอย่างที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นงบประมาณ แบบชุด และที่สำคัญได้ชุดนั้นกลับบ้านเมื่อเสร็จงานอีกด้วย

เมื่อเลือกรูปแบบชุดได้แล้ว ก็มาดูว่างบประมาณที่เตรียมไว้สำหรับการจัดงานแต่งงานนั้นมีอยู่ทั้งหมดเท่าไหร่ จากนั้นก็ค่อยๆ เกลี่ยงบไปในส่วนต่างๆ มากน้อยตามลำดับความสำคัญ แล้วนำงบประมาณที่เตรียมไว้สำหรับเรื่องชุดแต่งงานนั้นเข้าไปคุยกับร้าน เพื่อให้ดีไซเนอร์ทำชุดในงบที่มีให้สวยที่สุด แต่ถ้าเจ้าสาวเกิดไปถูกใจความพิเศษต่างๆ ที่ทางร้านนำเสนอ เช่น ผ้าลูกไม้นำเข้า หรือเทคนิคการตัดเย็บเฉพาะตัว งานนี้ก็อาจจะต้องเจียดเงินจากส่วนอื่นๆ มาถมเอานะจ๊ะ

“แพงถูกไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะจะมีงบเท่าไหร่ก็มีชุดแต่งงานสวยๆ ได้เช่นกัน”


2. ไม่กล้าบอกเธอ

ปัญหานี้ตกอยู่ที่ว่าที่เจ้าบ่าวล้วนๆ เพราะเจ้าบ่าวบางนายก็อยากจะใส่ชุดแบบสลิมฟิตเท่ๆ สักครั้งในวันแต่งงาน หรืออาจจะอยากใส่ชุดทักซิโดสีขาวราวกับเทพบุตร แต่ก็ไม่กล้าบอกถึงความต้องการลึกๆ ให้ใครรู้ เลยกลายเป็นว่างานนี้ต้องไหลไปตาม เออออไปกับดีไซเนอร์และว่าที่เจ้าสาว หากหนุ่มๆ คนไหนเข้าข่ายพฤติกรรมแบบนี้ จงหยุด! แล้วบอกความในใจและความต้องการออกไปตรงๆ เพราะอย่าลืมนะว่าวันนี้เป็นวันสำคัญของคุณ ที่จะถูกบันทึกไว้ในภาพถ่ายที่จะอยู่กับคุณไปตลอดชีวิต เพราะฉะนั้นไม่ต้องเขินอายในสไตล์ของตัวเอง เพราะดีไซเนอร์จะสามารถช่วยดึงตัวตน และปรับแก้ทุกอย่างจนคุณเจ้าบ่าวออกมาดูดีได้อย่างแน่นอน

และอาการไม่กล้าบอกนี้จะเกิดขึ้นกับคุณว่าที่เจ้าบ่าวอีกครั้งในวันฟิตติ้ง เช่น เมื่อลองชุดแล้วติดๆ ขัดๆ รูปทรงยังไม่เป๊ะตามที่อยากได้ หรือดีเทลบางอย่างยังไม่ถูกใจ แต่ก็ไม่กล้าบอกเพราะกลัวจะโดนหาว่าเรื่องมาก เราขอให้คุณเจ้าบ่าวเปลี่ยนความคิดใหม่ซะนะคะ จงคิดไว้เสมอว่า เราต้องดูดีและได้สิ่งที่ดีที่สุดในวันสำคัญ

“ไม่ชอบคัตติ้งตรงไหน หรือแม้แต่อยากเปลี่ยนกระดุม ก็แมนๆ บอกไปเลย ดีกว่ายืนเสียเซลฟ์ในวันงานเพราะชุดไม่โดนใจ”

ชุดแต่งงาน


3. กลัวพังเพราะหุ่นไม่เป๊ะ

ปัญหาระดับชาติของว่าที่เจ้าสาวที่เมื่อเปิดดูชุดแต่งงานก็จินตนาการไปก่อนว่า ‘ฉันใส่คงไม่สวยเท่านางแบบหรอก’ โถ่ อย่าเพิ่งฝันสลายไปไกลขนาดนั้นนะคะสาวๆ เพราะดีไซเนอร์นั้นสามารถเนรมิตแบบชุดที่หลากหลายให้เข้ากับสรีระของว่าที่เจ้าสาวหลายไซส์ได้แบบไม่ยาก แต่อาจจะมีเงื่อนไขนิดๆ หน่อยๆ ตรงที่ว่า ชุดนั้นควรตัดเย็บจากการวัดตัวของเจ้าสาวตั้งแต่แรก เพราะดีไซเนอร์จะได้รู้ถึงจุดบกพร่องและช่วยแก้ไขจุดเพื่อให้ชุดในฝันให้เข้ากับสรีระของเจ้าสาวได้มากที่สุด


4. วางแผนเวลาผิด

ให้จำไว้เสมอว่า 5-6 เดือนเป็นระยะเวลาที่กำลังเหมาะ โดยเดือนแรกอาจจะเป็นช่วงสำรวจตัวเองว่าอยากได้ชุดแต่งงานแบบไหน เพื่อที่จะได้จัดงบและตามหาร้าน หรือดีไซเนอร์ได้ถูก ส่วนเดือนที่ 2 ถึงเดือนที่ 5 คือช่วงเวลาการลงกรรไกรเพื่อตัดเย็บชุดแต่งงานในฝัน และโดยเฉลี่ยแล้วว่าที่เจ้าสาวจะได้ลองชุดแต่งงานทั้งหมด 4 ครั้ง โดยมีไทม์ไลน์คร่าวๆ ดังนี้

เดือนที่ 2 – ลองชุดครั้งที่ 1 เป็นการลองโครงผ้าเพื่อฟิตติ้งไซส์ที่เหมาะสม
เดือนที่ 3 – ลองชุดครั้งที่ 2 เป็นการลองชุดจริงแต่ยังไม่ได้ตกแต่งใดๆ ให้สวยงาม
เดือนที่ 4 – ลองชุดครั้งที่ 3 เป็นการลองชุดที่ตกแต่งเรียบร้อยแล้ว
เดือนที่ 5 – ลองชุดครั้งสุดท้าย

สุดท้ายเดือนที่ 6 อาจจะเผื่อไว้สำหรับกรณีที่ต้องรอสั่งวัสดุที่หายากหรือนำเข้าจากเมืองนอก หรือต้องใช้เทคนิคเฉพาะตัวในการตัดเย็บที่ต้องใช้เวลามากกว่าปกติ

5. เจอชุดใหม่เลยเปลี่ยนใจกะทันหัน

ถ้าแค่เพิ่มรายละเอียดหรือเพิ่มการตกแต่งก็คงไม่เป็นปัญหา แต่ถ้าถึงขั้นเปลี่ยนทรงชุดอันนี้อาจจะต้องคุยกันยาวนะจ๊ะ เพราะชุดบางทรงอาจจะไม่เอื้อต่อการปรับเปลี่ยนโครงสร้างให้กลายเป็นแบบใหม่ได้ เช่น ถ้าเจ้าสาวเลือกตัดชุดทรงบอลกาวน์ แต่เกิดเปลี่ยนใจเพราะไม่อยากได้กระโปรงที่ใหญ่โตแล้ว แบบนี้ก็ยังพอที่จะแก้ไขกระโปรงให้มีขนาดเล็กลงมาได้ แต่ถ้าเกิดอยากเปลี่ยนเป็นทรงอื่นไปเลย อาจจะต้องคิดกันให้ดีอีกทีเพราะนอกจากจะเสียเวลาในการปรับเปลี่ยนแก้ไข หรือตัดเย็บใหม่แล้ว อาจจะต้องเสียทรัพย์เพิ่มอีกด้วยนะจ๊ะ

“เจ้าสาวควรฟันธงแบบชุดให้จบก่อนที่จะสั่งตัด และจงหนักแน่นเข้มแข็งเข้าไว้นะ”

หากเลือกชุดแต่งงานแบบสากลกันได้แล้ว ก็อย่าลืมใส่ใจกับขั้นตอนการเลือกชุดไทยให้ดูเข้ากันด้วยน้า นี่เลย…เรามีทิปส์ดีๆ จากกูรูมาบอกต่อ เทคนิคการเลือกชุดแต่งงานไทยของบ่าวสาวยังไงให้ดูเข้ากัน

ภาพ stocksnap.io, www.pinterest.com

6 ทริคแสนง่ายๆ ช่วยเสกงานแต่งเอาท์ดอร์ให้ดูสวยหรูสุดเริด!!

จัด งานแต่งเอาท์ดอร์ ใครว่าเป็นเรื่องยาก จริงๆ แล้วง่ายนิดเดียว เพียงแค่คุณรู้จักหยิบหรือเลือกของตกแต่งก็สามารถทำให้สถานที่นอกห้องสี่เหลี่ยมของโรงแรมสวยงามราวกับสวนสวรรค์ ไปดูกันดีกว่าว่ามีทริคอะไรบ้างที่จะช่วยให้งานแต่งแบบท้าลม ฟ้า อากาศของคุณเพอร์เฟ็กต์

1. สว่างไสวด้วยไฟราว

252024e7814eca0e60d49b0249925172

สิ่งของยอดนิยมของงานแต่งแบบเอาท์ดอร์ แต่จะเป็นแสงไฟสีขาวแบบไฟบ้านก็คงตลกไปนิดนึง ต้องเป็นไฟสีส้มเก๋ๆ ให้ความรู้สึกอบอุ่นและโรแมนติกอยู่ในที ยิ่งเมื่อแสงของไฟตกกระทบพื้นหญ้าสีเขียว หรือเครื่องดื่มในแก้วที่คุณถืออยู่ก็ยิ่งดูสวยงามสุดๆ

2. แชนเดอเลียหรูๆ สักอัน

9acaa6ed355dec1534600e3c70298d84

ใครว่าโคมไฟห้อยระย้าแบบคลาสสิกจะต้องอยู่แต่ในห้องบอลรูม ห้องทานข้าว หรือในตัวบ้านเท่านั้นคะ ไม่ว่าคุณจะจัดงานในสวนหรือริมทะเล ขอแนะนำให้ลองเลือกโคมไฟเริดๆ สักอันให้เข้ากับสถานที่ จะห้อยไว้ตรงซุ้มประตูทางเข้างานหรือโต๊ะจัดเลี้ยงก็ดูดีเช่นกัน

3. เต๊นท์สีขาวเข้ากับทุกสภาพอากาศ

c12e60d51a9048aab62a529bd2230590

งานแต่งในเต๊นท์ถือเป็นการจัดงานเอาท์ดอร์เจ๋งๆ อีกแบบนะคะ นอกจากจะให้บรรยากาศสไตล์ยุโรปแล้ว ยังช่วยรับมือกับสภาพอากาศบ้านเราที่อยู่ๆ ก็ร้อน อีกเดี๋ยวฝนตก ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงลมเย็นๆ ก็โชยมาอีก ขอแนะนำว่าให้เลือกเต็นท์สีขาวที่สามารถรองรับแขกในงานได้พอดีสักหลัง จะกางริมทะเลหรือในสวนก็ยังสวย ถ้าจะให้ดีเอาแชนเดอเลียที่บอกในข้อ 2 มาตกแต่งด้วยนะจ๊ะ

4. เฟอร์นิเจอร์วินเทจ เข้ากันกับงานเอาท์ดอร์

9f5972706edbe037382b3f3592cfbcee

สำหรับการเลือกเฟอร์นิเจอร์ในงานคงต้องแล้วแต่ธีมและความชอบของบ่าวสาว แต่เราขอแนะนำว่าเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งแนววินเทจย้อนยุคไม่เคยทำให้งานเอาท์ดอร์พังค่ะ เพราะของพวกนี้ถึงแม้จะดูเก่าแต่รับรองว่าถ้าอยู่ในงานท่ามกลางต้นไม้และแสงไฟจะสวยมาก

5. จัดโต๊ะด้วยผ้าสีสวยและของใช้ในบ้าน

2c4ecf2184ed328c323973c8aa43cd6f

โต๊ะวางสิ่งของต่างๆ ในงานอย่าปล่อยให้เป็นไม้เปลือยไร้สิ่งปกคลุมนะคะ อย่างน้อยๆ ควรเลือกผ้าสีขาว สีพาสเทล หรือสีที่เข้ากับธีมงานมาปูทับเสียหน่อย จะเป็นลายจุด ลายดอก หรือลายลูกไม้ก็แล้วแต่ความชอบของบ่าวสาว รวมถึงพร้อพส์ตกแต่งและอุปกรณ์ต่างๆ แพรว Wedding ขอแนะนำว่าลองเลือกเป็นของใช้ในบ้านดีไซน์เก๋ๆ ที่ใช้กันอยู่ประจำ เพียงเท่านี้งานแต่งนอกบ้านก็สามารถให้ความอบอุ่นได้เหมือนอยู่ในบ้าน แถมยังประหยัดค่าอุปกรณ์ตกแต่งงานได้ด้วย

6. ดอกไม้สร้างสีสัน

49d89ab2dc0bb0e5966f239ee90fc8a6

งานแต่งเอาท์ดอร์ถ้าเป็นในสวนก็มีแต่สีเขียวกับสีน้ำตาล หรือถ้าเป็นริมหาดก็มีแค่สีขาวกับสีฟ้า บรรยากาศคงจะดูจืดชืดน่าเบื่อแย่เลย เพราะฉะนั้นควรเลือกดอกไม้นานาชนิดเข้ามาแต่งแต้มสีสันให้กับสถานที่บ้าง งานนี้คุณเจ้าสาวเลือกดอกไม้พันธุ์ที่ชอบหรือสีที่ใช่ได้ตามสบายเลยจ้า

จัดงานแต่งเอาท์ดอร์คงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปแล้ว แค่บ่าวสาวรู้จักเลือกสิ่งของมาตกแต่งงาน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเรื่องสำคัญอีกเรื่องที่อยากเตือนให้ระวังกันก็คือ สภาพอากาศ อย่าลืมดูพยากรณ์อากาศในช่วงที่คุณจะจัดงานให้แน่นอนว่าวันนั้นอากาศจะเป็นอย่างไร แล้วเตรียมพื้นที่สำรองไว้รองรับแขกเผื่อเกิดเหตุการณ์ฝนเท พายุเข้าแบบไม่คาดคิดด้วยนะคะ

ติดตามไอเดียและคำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ภาพจาก : www.pinterest.com, www.unitedwithlove.com, http://darot.net/

แมตช์ทรงผมเจ้าสาวยังไงให้เข้ากับสไตล์และตัวตนของเจ้าสาว

อีกหนึ่งสิ่งที่สามารถบ่งบอกถึงสไตล์และตัวตนของเจ้าสาวได้เป็นอย่างดีก็คือ ทรงผมเจ้าสาว แพรว wedding เลยรวบรวมทรงผมหลากแบบสำหรับเจ้าสาวหลากสไตล์มาให้ แต่ถ้าคุณไม่ได้เป็นหนึ่งในเจ้าสาวหลากสไตล์เหล่านี้ และยังหาทรงผมเจ้าสาวที่เข้ากับตัวเองหรือชุดแต่งงานไม่ได้สักที เราเชื่อว่าหนึ่งในทรงผมเหล่านี้จะช่วยคุณได้แน่นอน 

1. เจ้าสาวเน้นความเป็นธรรมชาติ

ว่าที่เจ้าสาวที่อยากมีความงามแบบธรรมชาติ และเต็มเปี่ยมไปด้วยความมีชีวิตชีวาราวกับเด็กวัยใส ภายใต้ชุดแต่งงานที่เรียบง่ายทรงผมแบบปล่อยสบายๆ ให้อารมณ์แบบธรรมชาตินี่แหละเหมาะสมที่สุด แต่อาจจะเซตดัดลอนเพิ่มความอ่อนหวานสักนิด แต่ถ้าหากกลัวว่าจะดูสบายเกินไปไม่สมกับความเป็นเจ้าสาวก็อาจจะเพิ่มกิมมิกอย่างเปีย การทวิสต์ผม หรืออาจจะเสริมด้วยการประดับดอกไม้ หรือมงกุฎดอกไม้เก๋ๆ ก็ช่วยให้ลุคดูน่าสนใจมากขึ้น แต่ถ้าหากคุณเป็นเจ้าสาวสายรักความสบายที่แท้ทรูและไม่อยากปรุงแต่งความงามของคุณให้มากมายนัก ก็เลือกปล่อยผมสยายในวันงานไปเลยค่ะ อย่าได้แคร์


2
. เจ้าสาวนอกกรอบ

ยุค 20s ผมสไตล์ finger waves

สวยแบบปัจจุบันใครๆ ก็สวยได้ แต่ถ้าสวยแบบกาลเวลาฆ่าไม่ตายไม่ใช่ว่าใครก็ทำได้นะจ๊ะ เพราะฉะนั้นเจ้าสาวที่เบื่อกับกรอบเจ้าสาวแบบเดิมๆ การหลุดจากกรอบแล้วมาลอง ทรงผมเจ้าสาว ในสไตล์วินเทจก็เก๋ใช่เล่น ไม่ว่าจะเป็น ยุค 20s กับผมสไตล์ finger waves , ยุค 40s กับไสตล์ victory rolls หรือจะเป็นยุค 50s กับไสตล์ brushed out curls เพียงแค่เลือกให้ตรงกับสไตล์ที่เจ้าสาวชอบและมั่นใจ รับรองว่าลุคนี้จะเป็นลุคสุดประทับใจที่จะอวดใครตอนไหนก็ได้แบบไม่เชย

ยุค 40s สไตล์ victory rolls
50s สไตล์ brushed out curls


3
. เจ้าเพอร์เฟกต์ชั่นนิสสุดเป๊ะ

เจ้าสาวสไตล์นี้ต้องการความเป๊ะในทุกรายละเอียด เพราะฉะนั้นเราจึงขอนำเสนอ 2 ทรงผมเจ้าสาว ที่เข้ากั๊นเข้ากันกับเจ้าสาวสไตล์นี้ ลุคแรกคือทรงผมสไตล์ Old Hollywood ที่ช่วยให้เจ้าสาวสวยได้ในสไตล์แบบคลาสสิค แถมยังให้ลุคที่ดูนุ่มนวลอ่อนหวานและเข้ากับชุดแต่งงานได้หลากหลายแบบ หรือจะลองเป็นสไตล์แบบสลีคที่ให้ลุคเรียบหรูดูดี เช่น ทรงผมสไตล์ชิคนอน หรือชิคนอนแบบทวิสต์เพื่อเสริมลุคเจ้าสาวให้ดูโมเดิร์นขึ้นก็ได้ แถมทั้งสองนี้ยังช่วยเผยลุคเมคอัพสุดเป๊ะบนใบหน้าของเจ้าได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

เทคนิคง่ายๆ จัดงานแต่งในสวนให้สวยงามโรแมนติกแบบคุมโทน

ธีมงานแต่งปีหน้าที่มาแน่นอนคือ ธีมงานแต่งงานในสวน ที่เน้นความเป็นธรรมชาติในบรรยากาศแบบเอ้าท์ดอร์ และเต็มไปด้วยสีสันสวยๆ จากดอกไม้ แพรว wedding เลยมีไอเดียสนุกๆ และเทคนิคดีๆ ที่จะช่วยให้การ จัดงานแต่งในสวน ออกมาสวยงามเพอร์เฟกต์

งานแต่งงานในสวน เป็นงานแต่งงานที่คลาสสิค ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน งานแต่งสไตล์นี้ก็ยังเป็นธีมงานแต่งที่น่าสนใจและเข้ายุคเข้าสมัยอยู่เสมอ ด้วยความเขียวชอุ่ม ความสดชื่นของบรรยากาศ จึงทำให้ว่าที่บ่าวสาวสามารถสร้างสรรค์ธีมสีและการตกแต่งได้อย่างหลากหลาย และสามารถเพิ่มลูกเล่นให้งานดูน่าสนใจได้

ไม่เพียงแค่เทเบิ้ล รันเนอร์ หรือการจัดโต๊ะรับประทานอาหารให้สวยงามเท่านั้น แต่ยังสามารถสร้างบรรยากาศได้ด้วยการเลือกใช้ดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมเพื่อเพิ่มความพิเศษให้กับงาน

1. คำนึงถึงฤดูกาลเป็นหลัก

เมื่อนึกถึงงานแต่งในสวน ก็ต้องนึกถึงบรรยากาศของดอกไม้นานาชนิดที่แข่งกันเบ่งบาน เพราะฉะนั้นหากเป็นไปได้ว่าที่บ่าวสาวต้องพยายามวางแผนการแต่งงานให้อยู่ในช่วงเดือนที่ปราศจากลมฝนจากมรสุม ถ้าไม่จัดก่อนหน้าฝน ก็จัดหลังช่วงปลายฝนต้นหนาวไปเลย แถมยังเป็นช่วงเวลาที่ดอกไม้จะสวยงามที่สุดด้วย แล้วอย่าลืมเลือกใช้ดอกไม้ตามฤดูกาลนะ เพราะจะช่วยให้ว่าที่บ่าวสาวประหยัดไปได้เยอะเลย

2. ต้องชัดเจนในธีมสี

งานแต่งในสวนให้อารมณ์ที่สดใสดูมีชีวิตชีวา ดูอ่อนโยน และสนุกสนาน เพราะฉะนั้นบ่าวสาวจะต้องยึดสิ่งเหล่านี้เพื่อกำหนดธีมสีให้กับงานแต่ง ซึ่งเฉดสีบลัช ฟ้าพาสเทล เทาสว่าง หรือสีแชมเปญ เป็นเฉดสีที่ดีที่สุดสำหรับธีมงานแต่งในสวน เพราะตัดกับสีเขียวของสวนได้เป็นอย่างดี

แต่ถ้าบ่าวสาวอยากได้งานแต่งที่สดใสแบบคัลเลอร์ฟูล ขอแนะนำเป็นเฉดสีพีช, ส้มอมแดง, สีเหลืองพาสเทล หรือสีน้ำเงิน ก็เวิร์กและดูทันสมัยมากขึ้น

3. เน้นฟีลลิ่ง ไม่เน้นพิธีการ

แทนที่จะเป็นงานแต่งงานที่เป็นทางการมากเกินไป หรือการจัดงานตามงานแต่งงานของคู่อื่น ว่าที่บ่าวสาวอาจจะลองคิดธีมงานที่เป็นของคุณเองขึ้นมาแบบไม่ซ้ำใคร โดยเป็นธีมงานที่บ่งบอกความเป็นตัวตนของบ่าวสาว สะท้อนถึงเรื่องราวความรัก และเป็นรูปแบบธีมงานที่เข้ากับสถานที่ เพราะทั้งหมดนี้จะสะท้อนความเป็นตัวตนของบ่าวสาวได้ดีที่สุด และงานแต่งงานจะออกมาน่าประทับใจไม่เหมือนคู่ไหนแน่นอน

4. คำนึงเรื่องวัสดุที่จะใช้ให้เข้ากับสถานที่

การเลือกวัสดุหรือพร็อพส์ให้เข้ากับสถานที่จะช่วยทำให้ภาพงานแต่งของบ่าวสาวออกมาดูดีและมีความกลมกลืน และยังช่วยสร้างบรรยากาศให้กับงานแต่งงานได้ด้วย เช่น ชุดแต่งงาน ลองมองหาเป็นชุดแต่งงานที่ดีไซน์เรียบง่าย พลิ้วไหว เนื้อผ้าบางเบา เช่น ผ้าลูกไม้หรือผ้าชีฟอง ที่มีความสวยงามเมื่อโดนแสงแดด แถมยังมีน้ำหนักเบาทำให้เจ้าสาวเคลื่อนไหวได้อย่างสะดวกด้วย

ส่วนการจัดโต๊ะ แนะนำให้เลือกใช้เป็นผ้าลินิน เพราะลงตัวกับเท็กซ์เจอร์ของใบไม้และต้นไม้มากที่สุดแล้ว

5. วางแผนรายละเอียดปลีกย่อยให้ดี

งานแต่งในสวนจะดูดร็อปทันทีหากทางเข้างานไม่สวยงาม หรือบางครั้งความสวยนั้นอาจถูกแสงอาทิตย์ตกกระทบลงมาบดบังจนหมด เพราะฉะนั้นว่าที่บ่าวสาวจะต้องคำนวณทิศทางแดดร่มลมตกเพื่อจัดวางพร็อบส์และการตกแต่งให้พอดี รวมไปถึงต้องตวรจเช็คให้ดีว่าโดยรอบของงานนั้นปราศจากแมลงหรือสัตว์ร้ายที่อาจจะออกมารบกวนแขกหรือไม่ เพราะฉะนั้นก่อนถึงวันงานว่าที่บ่าวสาวอาจต้องแจ้งทางสถานที่ให้ดูแลเรื่องพวกนี้ให้ดี หรือฉีดสเปรย์ป้องกันแมลงไว้ล่วงหน้าสัก 1 วัน แล้วอย่าลืมหากิมมิคอย่างเช่น การแจกร่มหรือหมวกให้เป็นของชำร่วยกับแขกได้ใช้กันแดดด้วยนะ

ดอกไม้ที่เหมาะสำหรับงานแต่งงานในสวน

เลือกใช้ดอกไม้ที่มีความหลากหลายให้ลุคที่ดูอ่อนโยน หรือดอกไม้ที่กลีบทับซ้อนกันหลายเลเยอร์ในเฉดสีที่สวยงาม

Peonies – ดอกโบตั๋น
Ranunculus – ดอกบัทเทอร์คัพ
Poppies – ดอกป๊อปปี้
Rose – ดอกกุหลาบสายพันธุ์ต่างๆ ตามฤดูกาล

ส่วนเดือนไหนจะใช้ดอกไม้อะไรได้บ้างไปเช็คกันเลย >>> ดอกไม้ 12 เดือน เพื่อวันแต่งงาน 1 วันของคุณ

ภาพ stylemepretty.com, unsplash.com

แต้ว ณฐพร สวยครบในชุดแต่งงานไทย จากนิตยสารแพรว wedding ฉบับเดือนตุลาคม 2562

นิตยสารแพรว wedding ฉบับเดือนตุลาคม 2562 ได้นางเอกสาวหน้าหวาน แต้ว ณฐพร มาใส่ ชุดแต่งงานไทย แบบครบเครื่อง ที่ไม่ว่าจะชุดไหนก็สวยราวกับนางในเทพนิยาย ว่าแต่จะสวยเพอร์เฟ็กต์ในชุดแต่งงานไทยขนาดไหนมาชมกันเลย

ชุดไทยศิวาลัยสีชมพูสุดหวาน ทั้งชุดบรรจงปักปล้องเงินปล้องทองและคริสตัลระยิบระยับไว้อย่างประณีตโดดเด่นด้วยสังวาลประดับหงส์ ช่วยให้เจ้าสาวดูสง่างามมากยิ่งขึ้น – จากร้าน BOBO Studio

ชุดไทยจักรพรรดิสีแดงทองที่แสดงออกถึงความเป็นไทยได้อย่างชัดเจน ส่งให้เจ้าสาวดูสวยสง่าด้วยลวดลายงานปักสุดวิจิตรทั่วทั้งชุด อีกทั้งชุดแต่งงานไทยสีนี้ยังเข้ากับทุกเฉดสีผิวของเจ้าสาวชาวไทยได้เป็นอย่างดีอีกด้วย – จากร้าน Coco Chic Wedding

ชุดไทยจักรีตัวเสื้อสีทองปักเลื่อมแวววาวเป็นลวดลายสวยงาม ความพิเศษของชุดอยู่ที่ผ้านุ่งที่ทอด้วยดิ้นทองสีเขียว ปักเลื่อมและคริสตัลอย่างอลังการทั่วทั้งผืน สอดรับกับตัวเสื้อได้เป็นอย่างดี พร้อมเครื่องประดับไทยเฉดสีเข้ากับผ้านุ่ง ทำาให้ลุคนี้ของเจ้าสาวดูดีไร้ที่ติ – จากร้าน Deep Love Wedding

ชุดไทยศิวาลัยสีชมพูสุดหวาน ทั้งชุดบรรจงปักปล้องเงินปล้องทองและคริสตัลระยิบระยับไว้อย่างประณีตโดดเด่นด้วยสังวาลประดับหงส์ ช่วยให้เจ้าสาวดูสง่างามมากยิ่งขึ้น – จากร้าน BOBO Studio

ชุดไทยศิวาลัยเฉดสีโรสโกลด์สุดหรู โดดเด่นด้วยงานปักเลื่อมอย่างละเอียดทั่วทั้งชุดจนถึงสไบ สร้างลุคนี้ให้เจ้าสาวดูทันสมัยขึ้นด้วยต่างหูดอกรักสไตล์งานไทยประยุกต์ ที่เข้ากับเครื่องประดับไทยแบบโบราณได้เป็นอย่างดี – จากร้าน Vanus Couture

ชุดไทยจักรพรรดิสีชมพูกะปิ ให้ลุคสวยละมุนเรียบร้อยอ่อนหวาน ผ้าสะพักปักลวดลายดอกไม้ไว้อย่างอ่อนช้อยห่มทับสไบสีชมพูแวววาวดูเข้ากัน พร้อมผ้านุ่งที่มีลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์และงานปักคริสตัลสุดประณีต – จากร้าน Vanus Couture

ชุดไทยจักรพรรดิสีขาวเงิน ผ้าสะพักบรรจงปักปล้องเงินและคริสตัลไว้อย่างงดงาม มีจุดเด่นอยู่ที่งานปักสุดวิจิตรตลอดชายผ้านุ่ง พร้อมเครื่องประดับเงินแบบไทยครบเซต ส่งให้เจ้าสาวได้ลุคเรียบหรูดูน่าหลงใหล – จากร้าน Vanus Couture

ชุดไทยศิวาลัยแบบประยุกต์ ผสมผสานงานแบบตะวันตกดูร่วมสมัย ใช้ผ้าลูกไม้ฝรั่งเศสอย่างดีมาตัดเย็บเป็นตัวเสื้อและสไบ โดดเด่นด้วยเสื้อคอตั้งและระบายที่ช่วงไหล่ พร้อมผ้านุ่งดีไซน์ทรงหางปลาที่เน้นสรีระเจ้าสาวให้ดูงดงาม – จากร้าน Vanus Couture

ชุดไทยจักรพรรดิโดดเด่นไม่เหมือนใครด้วยผ้าสะพักสีทองอร่าม สวยงามด้วยงานปักเลื่อมระยิบระยับเป็นรูปนกยูงทั่วทั้งผืน สไบสีน้ำาเงินด้านในผ้าสะพักเข้ากับผ้านุ่งสีน้ำาเงินสดได้เป็นอย่างดี ช่วยให้เจ้าสาวดูเลอค่าในวันวิวาห์ – จากร้าน เจ้านางเวดดิ้ง

เครติด : BOBO Studio จังหวัดภูเก็ต โทร. 08-9471-5069, 09-1158-6178, Coco Chic Wedding โทร. 0-2115-8500, 09-9635-8585, Deep Love Wedding โทร. 0-2398-5739, 0-2399-1693, 09-5789-9556, Keeratika Wedding Studio จังหวัดนครราชสีมา โทร. 06-2542-9165, Vanus Couture โทร. 0-2002-4895, 0-2002-4896, เจ้านางเวดดิ้ง โทร. 08-6363-6555, 08-8089-5999

แต่งหน้า : ทิวากร โสภาอัศวภรณ์
ทำผม : สมเจตน์ กล่อมน้อย
ช่างภาพ : ดวงพร ใบพลูทอง
ผู้ช่วยช่างภาพ : ชโนดม แต้ไพสิฐพงษ์, ประเมศฐ์ พิพิธชนินันท์
สไตลิสต์ : สลาลี สมบัติมี
ผู้ช่วยสไตลิสต์ : ภฤศภัค ช่อสกุล
สถานที่ : Nai Lert Park Heritage Home
พานขันหมาก : Dreamista Studio โทร. 08-3639-3546

ดูแบบชุดแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย!

รวมลิสต์ ช่างแต่งหน้าทำผมเจ้าสาว ที่คิวฮ็อตสุดในจุดนี้พร้อมอัพเดทราคา

ในวันสำคัญเจ้าสาวทุกคนย่อมอยาก“สวยที่สุดในชีวิต” งานนี้จึงต้องฝากความหวังไว้กับเมคอัพอาร์ติสต์และแฮร์สไตลิสต์ที่มีความชำนาญเฉพาะโดดเด่นในการเนรมิตลุคสวยที่เหมาะกับเจ้าสาว ซึ่ง ช่างแต่งหน้าทำผมเจ้าสาว แต่ละคนมีซิกเนเจอร์ที่ไม่ซ้ำกัน เลือกสไตล์ที่ใช่ด้วยวิธีการส่องไอจี เมื่อเจอช่างฝีมือดี ราคาไม่เกินฝัน วันสำคัญจึงกลายเป็นวันที่แสนสมบูรณ์แบบ – เรื่อง Padcha_Praewnista

  • ฮั้ว – กานต์นิพัทธ์

มือเก๋าที่ช่ำชองทั้งงานแฟชั่นและเจ้าสาว พี่ฮั้วเน้นงานลูกเล่นแสงเงา สไตล์ที่เจ้าสาวจะต้องดูสวยฉ่ำผิวดี โครงหน้ามีมิติ เจ้าสาวชอบแนวผิวโกลว์หน้าพุ่งล็อกคิวพี่ฮั้วไว้ได้เลย

ราคา : แต่งหน้า/ทำผม กรุงเทพฯ รอบละ 45,000 บาท ต่างจังหวัด รอบละ 60,000 บาท ไม่รวมค่าที่พักและค่าเดินทาง
Instagram : @hollyhua
โทร. : 08-1735-4657
Line : 699studio

  • ฟูก – ภูวษา

รุ่นใหญ่ที่มือเก๋าไม่แพ้กัน พี่ฟูกบอกเลยว่า “เจ้าสาวต้องสวยที่สุดสมกับความคาดหวังเมื่อผ่านมือพี่” อยากได้หวานเท่าไรพี่ฟูกสามารถจัดให้ ชนิดไม่สวยไม่ปล่อยตัวเข้างาน #สวยเลอค่ามหาสมุทร ไม่ใช่ได้มาเล่นๆ

ราคา : แต่งหน้า/ทำผม รอบละ 40,000 บาท ส่วนใครเลือกช่างผมในใจไว้แล้ว อยากแต่งหน้าอย่างเดียว ราคาอยู่ที่ 35,000 บาท
Instagram : @fookie_beauty
โทร. : 06-2297-8296, 06-3654-2456
Line : fookie456

  • ฟลุค (alwaysfluke)

พี่ฟลุคเป็นเมคอัพอาร์ติสต์ระดับ Influencer แม้เห็นราคาแล้วแอบตกใจ แต่คุณลูกค้าต่างลงความเห็นว่า คุ้มค่ากับทุกบาทที่จ่ายไป เพราะผลลัพธ์ที่ออกมานั้นสวยแพงอย่างเป็นธรรมชาติ ทุกขั้นตอนละเมียดละไม แถมอุปกรณ์ที่ใช้ยังเป็นระดับไฮเอนด์ขั้นสุด

ราคา : แต่งหน้า/ทำผม รอบละ 150,000 บาท สำหรับต่างจังหวัดบวกเฉพาะค่าเดินทาง
Instagram : @alwaysflukemakeupartist
โทร. : 08-1451-5515
Line : @alwaysfluke

  • หลิน Lindsay Magic

เป็นอีกคนที่ดาราและเซเลบริตี้เรียกใช้เพียบ ใครอยากจองคิวต้องตั้งหลักแต่เนิ่นๆ งานของคุณหลินเน้นการเตรียมผิวให้สวยเนี้ยบ ทำให้เจ้าสาวดูสวยแบบมีออร่า

ราคา : แต่งหน้า/ทำผม รอบละ 50,000 บาท ต่างจังหวัดเริ่มต้นที่ 70,000 บาท ไม่รวมค่าที่พักและค่าเดินทาง
Instagram : @lindsaymagic
โทร. : 09-4915-5456
Line : @lindsaymagic126

  • ตั้ม 55tummakeup

งานแต่งหน้าเจ้าสาวสไตล์สวยขั้นสุดในแบบที่ยังเป็นตัวเองต้องยกให้คุณตั้ม เพราะเน้นแต่งหน้าในแบบที่สวยเนี้ยบแต่ยังคงดูมีมิติ ไม่เน้นประโคมเยอะแยะ แม้แต่ตัวแม่อย่างอั้ม – พัชราภายังใช้บริการคุณตั้มบ่อยครั้งเชียว

ราคา : แต่งหน้า/ทำผมเจ้าสาว-เจ้าบ่าวกรุงเทพฯ รอบละ 30,000 บาท ส่วนต่างจังหวัดแล้วแต่ระยะทาง แนะนำให้โทร.ปรึกษาจะได้คำตอบชัวร์กว่า
Instagram : @tum.makeup
โทร. : 08-7356-4242, 09-9974-2813
Line : tummakeup42

  • โอ๋ Aoh Torranit

ยิ่งมีดาราสาวหน้าสวย เช่น ใบเฟิร์น – พิมพ์ชนก, มิ้นต์ – ชาลิดา, ปราง – กัญญ์ณรัณ มาผูกปิ่นโตด้วยบ่อยๆ คิวของคุณโอ๋ก็ยิ่งฮ็อต เจ้าสาวที่ไม่ชอบแนวเยอะแยะขนตาฟูฟ่องเชิญทางนี้เลยค่า

ราคา : แต่งหน้าเจ้าบ่าว-เจ้าสาว รอบละ 30,000 บาท ส่วนต่างจังหวัดอยู่ที่ 40,000 บาท ไม่รวมค่าที่พักและค่าเดินทาง
Instagram : @aoh_trn
โทร. : 08-9204-5810
Line : aohtorranit

  • จี Gee Jiwat

นับว่าเป็นช่างผมรุ่นเล็กที่มาแรงสุดๆ น้องจีรับทำผมอย่างเดียว เพราะฉะนั้นเรื่องความโปรกับงานเกล้าผมเจ้าสาวไม่ต้องเป็นห่วง อยากได้งานเกล้าแบบเนี้ยบๆ แบบฟุ้งหวาน มินิมัล หรือซับซ้อนมีลูกเล่น น้องจีจัดได้หมดพร้อมเครื่องประดับผมสวยๆ สารพัดที่เจ้าสาวไม่ต้องเหนื่อยไปตามหาเอง

ราคา : ทำผมเจ้าบ่าว-เจ้าสาว รอบละ 5,000 บาท ส่วนต่างจังหวัด รอบละ 12,000 บาท ไม่รวมค่าที่พักและค่าเดินทาง
Instagram : @gee_jiwat
โทร. : 08-3067-8177
Line : @oug6932s