คำแนะนำการเลือก วงดนตรีในงานแต่ง จากกูรู…เลือกอย่างไรให้ปัง

วงดนตรีในงานแต่ง เป็นอีกสิ่งที่จะช่วยทำให้งานแต่งงานออกมาสนุกสนาน มีชีวิตชีวา และเพิ่มบรรยากาศให้งานแต่งยิ่งโรแมนติกมากขึ้น แต่บ่าวสาวหลายคู่ที่กำลังจะแต่งงาน ต้องมีคำถามเกิดขึ้นแน่ๆ ว่า แล้วเราควรจะเลือกวงดนตรีแบบไหน อย่างไรดีน้า ให้ภาพรวมของงานออกมาดี และเข้ากับงานของเราด้วย

ไม่ต้องเครียดไปค่ะ เพราะแพรว wedding ได้ไปพูดคุยกับกูรูด้าน วงดนตรีในงานแต่ง ถึง 2 วง นั่นคือวง Soulsweet และ วงก๋ำปุ๊ง ให้มาไขความกระจ่างและช่วยเหลือบ่าวสาวในเรื่องนี้ รับรองว่าบ่าวสาวจะได้คำแนะนำดีๆ จากทั้งสองวงดนตรีนี้แน่นอน

ปัจจุบัน วงดนตรีในงานแต่งงานมีกี่แบบให้บ่าวสาวเลือกใช้บริการ

วง Soulsweet : ต้องขอบอกก่อนเลยว่า วงดนตรีงานแต่งสมัยนี้มีหลากหลายประเภทมาก แยกย่อยเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็น วงบรรเลง วงวาไรตี้ และอีกหลายๆ แบบค่ะ แต่หลักๆ สามารถแบ่งตามการจัดงานได้ค่ะ คือ สำหรับช่วงพิธีการ และสำหรับช่วงอาฟเตอร์ปาร์ตี้

วงก๋ำปุ๊ง : นอกจากนี้ยังสามารถแบ่งแบบมีนักร้อง และเป็นดนตรีบรรเลงอย่างเดียวด้วย โดยบ่าวสาวสามารถปรึกษากับวงดนตรีได้ ว่าอยากให้ใช้เครื่องดนตรีแบบใด ทางวงก็จะให้คำปรึกษาและให้คำแนะนำในการเลือกจับคู่เครื่องดนตรีให้เข้ากันกับงานได้เช่นเดียวกัน

วงดนตรีในงานแต่ง

วิธีเลือกวงดนตรีให้เหมาะสมกับธีมงาน มีวิธีการเลือกแบบใดบ้าง

วง Soulsweet : ถ้าจัดงานในสวน ริมทะเล หรือแบบเอาท์ดอร์ ควรเลือกวงอะคูสติก แต่ถ้าจัดแบบอบอุ่นเป็นกันเอง แขกไม่เยอะมาก วงดนตรีแบบอะคูสติกก็สามารถตอบโจทย์ได้เช่นกัน เพราะด้วยเรื่องเสียงที่ควบคุมง่าย และเล่นเพลงแบบ chilling song บรรเลงคลอเบาๆ ให้งานดูอบอุ่นยิ่งขึ้น แต่ถ้างานที่จัดในโรงแรมหรือสถานที่ที่เป็นห้องจัดเลี้ยง ก็สามารถเลือกได้หลากหลายเลย หรือเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่เป็นสายปาร์ตี้อยากให้มีอาฟเตอร์ปาร์ตี้ ก็อาจจะเลือกเป็น Fullband หรือเรียกว่าจัดเต็มกับเครื่องดนตรีไปเลย

วงก๋ำปุ๊ง : แต่ถ้าบ่าวสาวชื่นชอบวงดนตรีแบบไหน ก็สามารถเลือกได้ตามความชอบของทั้งคู่เช่นกัน แต่ก็ต้องดูด้วยว่าวงดนตรีที่เราเลือกมานั้นเข้ากับบรรยากาศงานของเราไหม ซึ่งไม่ควรเลือกวงดนตรีกับลักษณะงานให้ขัดแย้งกันมากจนเกินไป ไม่อย่างนั้นภาพรวมของงานจะออกมาดูไม่ดี

ถ้าพูดถึงวงดนตรีในงานแต่งงาน แต่ละวงจะมีราคาที่แตกต่างกัน เนื่องมาจากสาเหตุอะไร

วง Soulsweet : เป็นเรื่องของคุณภาพของนักดนตรีค่ะ บางคนมีประสบการณ์ในวงการดนตรีมาเป็น 10 ปี เพราะฉะนั้นราคาที่ต่างกันก็จะมาจากความเป็นมืออาชีพ เพราะฉะนั้นหากบ่าวสาวจะเลือกวงดนตรีไปเล่นในงาน ก็อาจจะต้องเลือกจากคุณภาพของวงด้วย โดยสามารถตัดสินใจได้จากการดูวิดีโอพรีเซ้นท์ หรือจากการบอกต่อของเพื่อนๆ ที่ให้วงดนตรีนั้นๆ ไปเล่นแล้วประทับใจ นั่นจึงทำให้ราคาแตกต่างกันไปตามประสบการณ์ของนักดนตรี ก็เหมือนกับศิลปินต่างๆ ถ้าเขามีผลงานจนเป็นตำนานก็แสดงว่าศิลปินท่านนั้นต้องเก่งและมีคุณภาพ

วงก๋ำปุ๊ง : อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้ราคาต่างกันก็คือ ระยะทางของการเดินทางไปแสดงด้วย ถ้าวงนั้นอยู่ใกล้ๆ กับสถานที่จัดงานของบ่าวสาว ก็อาจจะเสียค่าเดินทางน้อยหน่อย แต่ถ้าระยะทางค่อนข้างไกล ก็อาจจะต้องเพิ่มค่าน้ำมัน หรือค่าที่พักสำหรับวงดนตรีด้วยเช่นกัน

วงดนตรีในงานแต่ง

สิ่งที่บ่าวสาวควรจะต้องพูดคุยกับวงดนตรีก่อนจ้างมีสิ่งใดบ้าง

วง Soulsweet : บ่าวสาวต้องแจ้งรายละเอียดกับทางวงดนตรีว่า งานแต่งเป็นแบบไหน ธีมงานเป็นอย่างไร อยากได้วงสไตล์ไหน หรือแนวเพลงที่อยากให้เล่นในงาน รวมไปถึงเรื่องสถานที่จัดงานด้วยว่าเป็นแบบไหน ทางสถานที่สามารถรองรับวงดนตรีที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวอยากใช้ในงานได้หรือเปล่า และมีแขกประมาณกี่คน ซึ่งสำหรับบ่าวสาวที่ไม่ทราบเรื่องเกี่ยวกับวงดนตรีเลย ก็ควรปรึกษาและสอบถามเรื่องต่างๆ ที่สงสัยกับวงดนตรีไปตรงๆ เพื่อที่ทางวงจะได้ให้คำแนะนำลักษณะวงที่เข้ากับงานแต่งของบ่าวสาวได้มากที่สุด

วงก๋ำปุ๊ง : อย่างแรกเลยคือบ่าวสาวอาจจะต้องเช็กว่าทางสถานที่จัดงานมีเครื่องเสียงให้หรือไม่ ซึ่งสิ่งนี้สำคัญมาก รวมไปถึงพวกลำโพง มิกซ์เซอร์ หรือมอนิเตอร์ด้วย เพราะบางสถานที่อาจจะสามารถให้ใช้เครื่องเสียงของทางสถานที่ได้ แต่ถ้าสถานที่จัดงานไม่มีอุปกรณ์เหล่านี้ ทางเจ้าบ่าวเจ้าสาวก็อาจจะต้องจ้างเครื่องเสียงจากข้างนอกมาเพิ่ม

มีสิ่งที่อยากฝาก หรือแนะนำเพิ่มเติมให้บ่าวสาวเกี่ยวกับการจ้างวงดนตรีในงานแต่งไหม

วง Soulsweet : อยากฝากถึงบ่าวสาวในอนาคตว่า วงดนตรีมีหลากหลาย แต่ละวงดนตรีก็จะมีความแตกต่างกัน ทั้งสไตล์การเล่น และรูปแบบของวงดนตรี อยากให้ค่อยๆ เลือก ใช้เวลากับการเลือกวงดนตรีให้ได้มากที่สุด ถึงแม้ในส่วนของวงดนตรีงานแต่งจะเป็นสิ่งที่บ่าวสาวจะนึกถึงเกือบสุดท้าย แต่วงดนตรีในงานแต่งเป็นอีกส่วนประกอบหนึ่งในงานที่สำคัญมากๆ ถ้าบ่าวสาวเลือกออกมาได้ตรงใจ ตรงกับคาแรกเตอร์ของงาน งานของคุณก็จะออกมาประทับใจทุกคนที่อยู่ในงานวันนั้นแน่นอน

วงก๋ำปุ๊ง : อยากฝากให้บ่าวสาวตัดสินใจจากคุณภาพและความพอใจ ซึ่งคุณภาพในที่นี่คือการเล่นของแต่ละวงดนตรี ว่าฟังแล้วชอบไหม ไพเราะถูกใจเราและผู้ใหญ่ในงานหรือไหม ถ้าเจ้าบ่าวเจ้าสาวพึงพอใจและตัดสินใจเลือกวงดนตรีแล้ว ทุกๆ คนในวงก็จะมีกำลังใจ ตั้งใจ และทุ่มเทแสดงความสามารถออกมาได้อย่างเต็มที่ เพราะวงดนตรีทุกวงตระหนักดีว่างานแต่งงานเป็นงานที่สำคัญมากสำหรับเจ้าบ่าวเจ้าสาวทุกคู่ ในฐานะนักร้องนักดนตรีจึงถือว่าเป็นเกียรติมากที่ทางบ่าวสาวไว้ใจให้วงนั้นๆ ไปเล่นในวันสำคัญ

วงดนตรีในงานแต่ง

เป็นอย่างไรคะ กับคำแนะนำจากสองวงดนตรีมืออาชีพ พอจะมีไอเดียกันบ้างแล้วใช่ไหมเอ่ย … ถ้าตัดสินใจเลือกวงดนตรีได้แล้ว มาดูคำถามที่ ต้องถาม! 12 คำถามก่อนจ้างวงดนตรี

ขอบคุณข้อมูลจาก : วง Soulsweet (โทร. 09-3013-9999) และวง วงก๋ำปุ๊ง (โทร. 08-8993-5519)
ภาพจาก : tallypress.com , benmallare.com , bespoke-experiences.com , easyweddings.co.uk

พิม พิมประภา สวยหรูเว่อร์กับดีไซน์ชุดแต่งงานไทยในแบบฉบับเจ้าสาวยุคใหม่

พิม – พิมประภา ตั้งประภาพร นางเอกสาวหน้าหวานจากช่องหลากสี กับแฟชั่น ชุดแต่งงานไทย หลากสไตล์ ที่การันตีว่าเจ้าสาวรุ่นใหม่ใส่แล้วไม่ต้องกลัวเชย เผลอๆ ใส่แล้วหวานเหมือนสาวพิมแน่นอน เพราะขนาดทีมงานยังอดยิ้มตามในความหวานของเธอเลย ติดตามแฟชั่นสวยๆ ได้ในนิตยสารแพรวเวดดิ้ง ฉบับเดือนตุลาคม 2562 ได้แล้วที่ร้านหนังสือนายอินทร์ทุกสาขา และหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ

ชุดจากร้าน Monique Wedding
โทร. 0-2108-7800, 08-0279-7800
เฟซบุ๊ก : Monique Wedding
ไอจี : @moniqueweddingbkk

แต่งหน้า : ภาสุ เหมียนบุตร
ทำผม : Alexandul
ช่างภาพ : ดวงพร ใบพลูทอง
ผู้ช่วยช่างภาพ : ประเมศฐ์ พิพิธชนินันท์, ณัฐฐาพร เจริญธรรม
สไตลิสต์ : up_kamphoo
ผู้ช่วยสไตลิสต์ : ธัชกร ศักดิ์ศรี
สถานที่ : The Siam Hotel

เลือกชุดได้แล้วก็อ่าน >>> วิธีเลือกชุดแต่งงานไทยให้เหมาะกับเจ้าสาวและแมตช์กับเจ้าบ่าวด้วย <<< ต่อเลย

7 ข้อเท็จจริงที่ว่าที่บ่าวสาวต้องรู้ถ้าคิดจะจัดงานแต่งริมทะเลให้ผ่านฉลุย

หลายคนอาจเคยเห็นไอเดียการจัด งานแต่งริมทะเล เจ๋งๆ สวยๆ มามากมาย อีกทั้งพร๊อพส์หลากหลายที่จะเนรมิตบีชเวดดิ้งให้สวยงามและสนุกสนานดั่งฝัน แต่รู้หรือไม่ว่าก่อนที่สิ่งเหล่านั้นจะเกิดขึ้นได้ มีข้อมูลสำคัญอะไรบ้างที่คุณต้องรู้และเตรียมตัวรับมือให้ดีก่อนเริ่มต้นจัดงาน วันนี้เรารวบรวม 7 เรื่องสำคัญที่คู่รักริมทะเลต้องรู้มาบอก!

1. สภาพอากาศวันงาน

สิ่งสำคัญอย่างแรกที่เราอยากให้คุณว่าที่บ่าวสาวเช็คให้ดีก็คือ วันแต่งงานของคุณอยู่ในฤดูอะไร ร้อน ฝน หรือหนาว รวมถึงดูพยากรณ์อากาศให้ดีด้วยว่า วันงานจริงแดดจะออกมากน้อยแค่ไหน ลมพัดแรงหรือไม่ ท้องฟ้าปลอดโปร่งหรือมีพายุ ฝนจะตกไหม คลื่มลมทะเลเป็นอย่างไร ทั้งนี้เพื่อเตรียมการรับมือกับสภาพอากาศในวันนั้นได้อย่างดี เช่น ถ้าวันงานแดดออกเปรี้ยงปร้าง แว่นกันแดดคือพร้อบส์สำคัญที่ไม่ควรพลาด แต่ถ้าฝนตกหรือมีลมแรง คุณจะได้เตรียมเต๊นท์ ร่ม และสถานที่สำหรับหลบฝนให้กับทุกคนในงาน

2. ระดับน้ำทะเลขึ้นลง

ข้อนี้เราไม่ได้จะให้คุณเอาไม้บรรทัดไปวัดว่าน้ำทะเลจะสูงต่ำกี่เซนติเมตรนะคะ แต่ให้คุณเตรียมหาข้อมูลมาว่า ในช่วงวันงานแต่งน้ำทะเลจะขึ้นตอนกี่โมง ลงตอนกี่โมง เช่น น้ำขึ้นตอนเช้า พอช่วงเย็นๆ น้ำจะลง รวมถึงหาข้อมูลมาด้วยว่า ในช่วงที่น้ำขึ้นและลงนั้นระดับน้ำจะอยู่ประมาณไหน ขึ้นจนมิดหาดทรายหรือว่ายังพอเหลือพื้นที่ให้จัดงานได้มากน้อยแค่ไหน เพราะเรื่องนี้จะส่งผลกับการจัดวางเวที ซุ้มประตู และองค์ประกอบต่างๆ ของงาน รวมถึงระยะเวลาดำเนินพิธีการในแต่ละขั้นตอนด้วย ถ้าไม่เช็คและวางแผนให้รอบคอบ มีหวังได้ยืนสาบานรักกันกลางน้ำแน่นอน!

3. ความกว้างของพื้นที่รับรองแขก

ความแตกต่างของงานแต่งริมหาดกับงานในโรงแรมก็คือ งานแต่งที่จัดในโรงแรมมักจะบอกตัวเลขชัดเจนว่าห้องจัดงานสามารถรองรับแขกได้กี่คน แต่งานแต่งริมหาดจะให้บอกเป๊ะๆ แบบนั้นก็คงยาก เพราะเรามีธรรมชาติ (ที่ไม่สามารถควบคุมได้) มาเกี่ยวข้อง คุณอาจจะเห็นว่าชายหาดแสนกว้างรองรับแขกได้เยอะแน่นอน แต่พอถึงวันจริงกลับเจอน้ำทะเลดันขึ้นมา หาดที่ว่ากว้างๆ อาจแคบลงจนไม่สามารถรองรับแขกได้เพียงพอ เพราะฉะนั้น กะเกณฑ์พื้นที่ตามจริงให้สอดคล้องกับจำนวนแขกที่จะเชิญมาด้วย

4. แผน 2 และพื้นที่สำรอง

อย่างที่บอกว่าเราควบคุมธรรมชาติไม่ได้ แต่เราเตรียมการรับมือได้ค่ะ ใครที่ดูพยากรณ์อากาศจนมั่นใจแล้วก็โล่งอกไปได้เปลาะหนึ่ง แต่เราแนะนำว่ากันไว้ดีกว่าแก้ เตรียมพื้นที่ในร่มสำรองไว้เผื่อว่าท้องฟ้าพิโรธ ลมฝนมากะทันหันแบบไม่บอกไม่กล่าวและไม่เกรงใจคำพยากรณ์ของกรมอุตุฯ คุณจะได้อพยพเหล่าแขกเหรื่อเข้าไปจัดพิธีต่อในที่ร่มได้ทันท่วงที จะได้ไม่ต้องยืนหนาวสวมแหวนท่ามกลางสายฝน รวมถึงถ้าหากมีแขกมาเยอะเกินที่คาดการณ์ไว้ พื้นที่สำรองตรงนี้ก็ยังใช้รับแขกได้อีกด้วยนะ

5. ที่พักสำหรับแขก

การจัดงานแต่งริมทะเลต้องมีแขกที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดแน่นอน (ยกเว้นเสียแต่ว่าคุณจะเป็นคนในพื้นที่และเชิญแค่คนแถวบ้านน่ะนะ) เพราะฉะนั้นเรื่องที่จะให้คุณเช็คตามลิสต์ 2 ข้อ ต่อไปนี้

 5.1 ที่พักที่คุณเลือกสามารถรองรับแขกได้ครบทุกคนหรือไม่ บางครั้งถ้าคุณเชิญแขก 200 แต่รีสอร์ทที่คุณเลือกอาจมีห้องพอสำหรับแขก 100 คน แบบนี้วิธีแก้ไขก็คือ มองหาที่พักอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกับสถานที่จัดงานและเดินทางสะดวก เพราะฉะนั้นเช็คให้ชัวร์ตั้งแต่เนินๆ จะได้เตรียมหาที่พักเสริมสำหรับแขกได้ทันการณ์

5.2 การเดินทางมาสถานที่จัดงาน โดยคุณจะต้องคำนึงถึงว่าอาจมีแขกบางคนที่เดินทางจากบ้านมาสถานที่จัดงานในต่างจังหวัด ดังนั้นคุณควรทำแผนที่หรือนัดแนะเส้นทางการเดินทางกับแขกแต่ละท่านให้เรียบร้อย หรือแขกคนไหนที่มาพักโรงแรมใกล้ๆ สถานที่จัดงาน คุณอาจมีแผนที่สำหรับให้แขกเดินทางมาเอง หรือจะมีรถรับส่งแขกเหล่านั้นก็ได้ เรื่องนี้ก็แล้วแต่ความสะดวกและงบประมาณที่คุณมี อย่าลืมเตรียมที่จอดรถสำหรับแขกที่ขับรถมาเองด้วยนะคะ

6. ค่าใช้จ่ายเรื่องที่พัก  

เมื่อหาที่พักสำหรับแขกได้แล้ว สิ่งสำคัญที่ต้องทำคือ เช็คราคาที่พักให้เรียบร้อย ทั้งที่พักหลักและที่พักเสริมว่ามีเรทอัตราค่าให้บริการคืนละเท่าไหร่ แล้วคุณจะรับผิดชอบจ่ายทั้งหมดหรือไม่ แน่นอนว่าถ้าเชิญแขกเยอะก็จะเปลืองงบประมาณในส่วนนี้มากเป็นพิเศษ ว่าที่บ่าวสาวคู่ไหนที่คำนวณแล้วว่าไม่มีแรงจ่ายค่าที่พักให้กับแขกทุกคนได้ อย่าลังเลที่จะพูดเรื่องนี้ออกไปตรงๆ ว่าอาจต้องรบกวนให้แขกจ่ายค่าที่พักเอง แต่คุณจะเป็นคนจัดหาที่พักให้

สำหรับบ่าวสาวคู่ไหนที่มีงบในเรื่องนี้อยู่บ้างแต่ไม่สามารถจ่ายได้ทั้งหมด อาจใช้วิธีการคัดกรองแขกเฉพาะคนสำคัญที่คุณอยากให้เขามาร่วมงานจริงๆ และจะออกค่าใช้จ่ายเรื่องที่พักให้ ซึ่งแขกกลุ่มนี้คุณอาจต้องเชิญเป็นการส่วนตัวนิดนึงเนอะ จะได้ป้องกันปัญหาน้อยอกน้อยใจว่า ทำไมจ่ายให้คนนั้นได้แต่จ่ายให้ฉันไม่ได้ เดี๋ยวจะปวดหัวกันไปใหญ่

7. แจ้งธีมสีของงานให้ชัดเจน

บรรยากาศงานแต่งริมทะเลส่วนใหญ่จะชิลๆ สบายๆ ไม่อลังการอะไรมากมายเหมือนในโรงแรม แขกเหรื่ออาจแต่งกายง่ายๆ ไม่จำเป็นต้องให้ลากชุดราตรียาวหรือใส่สูทตัวหนามางาน แต่สิ่งสำคัญที่จะลืมไม่ได้เลยคือ ธีมสีของงาน ว่าที่บ่าวสาวควรแจ้งแขกให้ชัดเจนว่า อยากให้แขกใส่สีโทนไหน สีอะไร และขอความร่วมมือจากแขกให้ได้มากที่สุด ย้ำอีกครั้งสักหนึ่งสัปดาห์ก่อนวันงาน รับรองว่าเมื่อทุกๆ คนใส่เสื้อธีมสีเดียวกันภายใต้แสงไฟสีสวยและบรรยากาศริมทะเล จะต้องเป็นภาพที่สวยงามสุดแน่นอน

สุดท้ายนี้ หลังจากว่าที่บ่าวสาวเตรียมความพร้อมกับทุกรายละเอียดของงานแล้ว อย่าลืมเลือกชุดเจ้าบ่าวและชุดเจ้าสาวให้เข้ากับสถานที่และบรรยากาศด้วยนะจ๊ะ

ดูไอเดียและคำแนะนำเกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย!

ภาพ : creativeeventsasia.com

ลิสต์ไว้ถามตาม 8 คำถามเรื่องเงินๆ ทองๆ กับวงดนตรีในงานแต่ง

ไม่อยากเซอร์ไพร้ส์กับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างเรื่องเงินที่ต้องจ่ายให้กับ วงดนตรีในงานแต่ง ละก็ แพรว wedding ขอให้บ่าวสาวทั้งหลายตาม 8  ข้อต่อไปนี้ก่อนเซ็นต์สัญญาจ้างงาน เพราะถ้าไม่เช็คให้ดีแล้วละก็ จะมาร้องทีหลังไม่ทันแล้วนะ

1. ราคาโดยรวมเท่าไหร่

คำถามนี้ควรถามก่อนที่จะถามว่าเล่นเพลงแนวไหน เพราะต่อให้เขาเล่นเพลงโดนใจคุณเหลือเกินแต่ถ้าราคาแรงมากคุณก็ไม่ไหวจริงไหม

2. ราคารวมอะไรบ้าง

ถามอย่างละเอียดที่สุด อย่าไปกลัวว่าจะโดนเม้าว่าจุกจิก โดยเฉพาะคำถามที่ว่า ราคานักร้องแยกกับนักดนตรีหรือเปล่า เครื่องเสียงเช่ามาใครจ่าย พูดง่ายๆ คือเงินก้อนสุดท้ายที่ต้องจ่ายให้วงดนตรี ครอบคลุมอะไรบ้างนั่นเอง

3. ราคานี้รวมเล่นช่วงก่อนงานเริ่มหรือช่วงเบรกพิธีการไหม

ถามให้ชัดค่ะว่า ถ้ามีช่วงเบรกเล็กๆ น้อยๆ หรือก่อนงานเริ่มเล่นฆ่าเวลาให้ไหม ราคารวมหรือคิดเพิ่ม

4. เล่นเกินเวลาคิดราคาเท่าไหร่

บางทีอาฟเตอร์ปาร์ตี้ก็มีติดลมนี่นา ฉะนั้นคำถามนี้ต้องถามไว้นะคะ จะได้เอาไว้ควบคุมความสนุกของตัวเองและแขกในกรณีที่งบจำกัดไงคะ

5. ค่าเดินทางออกกันเองหรือว่ายังไง

กรณีนี้ไม่ใช่แค่ไปจัดงานต่างจัดหวัดเท่านั้นที่ต้องถาม แต่คุณต้องถาม แม้จัดงานในกรุงเทพฯ นะคะ เพราะคำว่าค่าเดินทางนี้ อาจรวมค่าขนส่งเครื่องดนตรีด้วยนะคะ

6. รูปแบบการจ่ายเงินเป็นแบบไหน

แบ่งจ่ายกี่เปอร์เซ็นต์ มีมัดจำไหม จ่ายตอนไหน ต้องวางบิล มีภาษีอะไรหรือเปล่า ถ้าคิดค่านักร้องแยกต้องจ่ายแยกหรือจ่ายรวม ฯลฯ

7. ถ้ามีการเลื่อนหรือยกเลิกงานกะทันหันล่ะ

ใครจะรู้อนาคตจริงไหมค่ะ คุณอาจเลื่อนงานแต่งออกไป งานที่มัดจำไปแล้วจะคืนหรือยังไง  ต้องแจ้งในระยะเวลาก่อนถึงวันจริงนานแค่ไหน

8. ถ้าวงดนตรีเบี้ยวล่ะ จะจ่ายค่าเสียหายคืนบ่าวสาวยังไง

ไม่ใช่คุณเท่านั้นจะมีสิทธิ์ยกเลิกงานนะคะ บางครั้งหวยมาออกที่วงดนตรีที่เบี้ยวงานโดยที่คุณวางมัดจำไปแล้ว ทีนี้เงินที่วางไปจะยังไง ความเสียหายที่เกิดขึ้นจะจัดการแบบไหน คำถามนี้วงดนตรีต้องมีคำตอบให้คุณมั่นใจนะคะ

ดูไอเดียและคำแนะนำในการจัดงานแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

เรื่อง : Hoyamemoria
ภาพ : flickr, pixabay

ฟังคำแนะนำจากกูรู ไวน์ในงานแต่ง เลือกเสิร์ฟอย่างไรให้ปัง

มาฟังคำแนะนำจากกูรู ไวน์ในงานแต่ง เลือกเสิร์ฟอย่างไรให้ปังแบบเจาะลึกถึงชนิดของไวน์ในปัจจุบันและราคาของไวน์จากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะ โดยแพรว weddding จะพาว่าที่บ่าวสาวมาพูดคุยกับคุณ Natt Lin , Certified Specialist of Wine ถึงวิธีการเลือกไวน์ในงานแต่งงานกันค่ะ ซึ่งบ่าวสาวคู่ไหนที่อยากจะเสิร์ฟไวน์ แต่ยังเป็นมือใหม่ของการชิมไวน์ เข้ามาอ่านได้เลย รับรองว่าได้ความรู้ไปเลือกไวน์ไว้ใช้ในงานแต่งแน่นอน

ไวน์ในงานแต่ง

ชนิดของ ไวน์ในงานแต่ง ในปัจจุบัน มีการแบ่งชนิดอย่างไร?

“ประเภทของไวน์ จำแนกง่ายๆ คือ ไวน์มีฟอง, ไวน์ไม่มีฟอง และไวน์หวาน ครับ ไวน์มีฟองคือ Sparkling จะจำแนกจากวิธีการผลิต และแหล่งผลิต โดยแบบที่ดีที่สุดคือ Champagne ครับ ส่วนใหญ่ควรดื่มตอนที่ใหม่ๆ มากกว่าจะเก็บไว้ดื่มครับ ส่วนไวน์ไม่มีฟองคือ Still จะจำแนกจาก สีของไวน์ เช่น แดง ขาว หรือชมพู, แหล่งผลิต, วิธีการเก็บเกี่ยว, ชนิดองุ่น และปีการปลูกครับ สุดท้ายไวน์หวานคือ ไวน์ที่จำเพาะเจาะจง ใช้กรรมวิธีให้มีน้ำตาลเหลือจากการบ่มครับ เช่น ไวน์พอร์ต หรือ ไวน์เชอรี่ (ที่ไม่ได้ทำจากลูกเชอรี่)”

ไวน์ในงานแต่ง

ไวน์ประเภทไหน เหมาะแก่การนำมาเสิร์ฟในงานแต่งงานมากที่สุด?

“ขึ้นอยู่กับเจ้าของงานและผู้ดูแลงาน เช่น ช่วงก่อนตัดเค้กบ่าวสาวบางคู่อาจเลือกการรินแชมเปญก่อน ก็สามารถหาแชมเปญ หรือสปาร์คกิ้ง ไวน์ขวดใหญ่มาใช้ก็ได้เพื่อให้ดูสวยงาม ซึ่งหลายคนอาจจะเคยเห็นบางงานที่นำแชมเปญมาเทในแก้วสวยๆ แทนการตัดเค้กอันนี้ก็ได้ครับ  ส่วนการเสิร์ฟไวน์ในงานนั้น ปกติไวน์แดงจะเป็นที่นิยมของแขกและบ่าวสาวมากกว่า เนื่องจากมีราคาต่ำ ดื่มง่ายและเสิร์ฟง่าย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับงบประมาณและความต้องการของผู้จัดครับ”

ไวน์ในงานแต่ง

สายพันธุ์ขององุ่น มีผลต่อรสชาติของไวน์ไหม?

“ไวน์ที่ปลูกในแต่ละประเทศและแต่ละเขต แม้มีสายพันธุ์เดียวกันก็จะมีรสชาติไม่เหมือนกัน หรือแม้กระทั่งเป็นไวน์ตัวเดียวกันแต่คนละปีก็รสชาติไม่เหมือนกันเช่นกันครับ ถ้าเราพูดถึงไวน์ราคาไม่แพงนัก คือ ต่ำกว่า 600 บาท ที่มักนิยมใช้ในงาน หลักการจำแนกคร่าวๆ คือ ในกรณีของไวน์แดง ไวน์ที่มาจากโลกเก่า (ฝรั่งเศส,อิตาลี) มักจะไม่เข้มหรือจัดจ้านเท่าไวน์ที่มาจากโลกใหม่ (ทวีปอเมริกา หรือออสเตรเลีย) ส่วนไวน์ขาวก็เช่นกัน ไวน์โลกใหม่มักจะหวานและดื่มง่ายกว่าไวน์โลกเก่าที่จะออกเปรี้ยวหรือฝาดกว่า

สำหรับไวน์ราคาไม่แพงสายพันธุ์องุ่นที่เห็นบ่อยสำหรับไวน์แดง ก็จะเป็น Cabernet Sauvignon และ Merlot โดยมากแล้ว Cabernet Sauvignon จะมีแอลกอฮอล์และความเข้มข้นสูงกว่า Merlot ที่จะทานง่ายกว่า ส่วนไวน์ขาวที่เห็นมากจะเป็น Chardonnay และ Sauvignon Blanc โดย Chardonnay จะมีกลิ่นเด่นค่อนไปทางถั่วและแพรสุก ให้รสชาติที่หวานกว่า ส่วน Sauvignon Blanc จะค่อนไปทางดอกไม้และแอปเปิ้ลเขียว และมีรสชาติที่เปรี้ยวกว่า แต่เรื่องสำคัญที่สุดคือ เจ้าของงานต้องได้ชิมก่อนซื้อครับซึ่งจำเป็นที่สุด เพราะถ้าเจ้าของงานดื่มแล้วไม่ชอบ ก็ไม่อยากแนะนำให้ซื้อครับ เพราะฉะนั้นอาจจะเลือกรสชาติที่ถูกปากเรามากที่สุด หรือจะชักชวนบุคคลใกล้ชิดที่ถนัดเรื่องไวน์ไปช่วยชิมก็ได้ครับ”

 

ไวน์ในงานแต่ง

ถ้าเราไม่มีความรู้เรื่องไวน์เลย สามารถอ่านฉลากข้างขวดได้หรือไม่ ว่าดีหรือไม่ดี?

“ศาสตร์เกี่ยวกับการเลือกไวน์ เป็นศาสตร์ที่ซับซ้อนมากครับ มีข้อมูลเยอะมากที่ต้องศึกษา แต่มีบางข้อที่บ่าวสาวต้องทราบก่อน คือ

1. จำเป็นต้องทราบก่อนว่า เราชอบไวน์ประเภทไหน เข้มหรือไม่เข้ม ออกหวานหรือออกฝาด

2. ไวน์ที่มีราคาแพง มักจะรสชาติดีกว่าไวน์ถูกเสมอ

3. แพงกว่าในที่นี้คือเปรียบเทียบระหว่าง 600 บาท กับ 3,000 บาท ครับ ถ้า 600 บาท กับ 1,000 บาท ก็มีลุ้นว่าขวด 600 บาทอาจจะจะอร่อยกว่าก็เป็นได้ครับ

4. สำหรับไวน์แดงอาจจะเลือกไวน์ที่ปีเก่าๆ หน่อย เช่น ปีนี้ 2018 ถ้าเราได้ปี 2015 รสชาติจะนุ่มนวลกว่าปี 2017 และหากเป็นไวน์ฝรั่งเศส จะมีข้อความระบุไว้ว่า Appellation d’origine contrôlée หรือ AOC ซึ่งหมายความว่ามีความเป็นไปได้ว่าจะไม่แย่เกินไป เช่นเดียวกับไวน์โลกใหม่ ถ้ามีคำว่า Reserve ส่วนมากจะค่อนไปทางดีครับ”

ไวน์ในงานแต่ง

บ่าวสาวสามารถปรึกษาเรื่องไวน์กับใครได้บ้าง หากไม่ใช่กับผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์โดยเฉพาะ?

“ถามผู้ขายเลยครับ คนขายส่วนมากจะทราบดีว่าไวน์ที่เขาขายตัวไหนดีหรือไม่ดี แล้วถ้าเขาอยากจะขายตัวไหน เราควรจะแจ้งงบประมาณ และรสชาติที่เราชอบให้เขาทราบก่อน ถ้ายิ่งเป็นไวน์ที่จะนำไปใช้ในงานแต่งงาน ที่ต้องใช้เป็นจำนวนมาก อาจจะเป็นลัง จึงจำเป็นที่บ่าวสาวควรจะขอชิมก่อนครับ ว่าชอบรสชาตินั้นหรือไม่ แต่ขอให้คำนึงว่า ต้องเป็นไวน์ที่เราชอบ โดยเฉพาะงานแต่งที่มีแค่ครั้งเดียวในชีวิตด้วยแล้วยิ่งต้องให้ความสำคัญ เพราะฉะนั้นการประหยัดไป 10 บาทแล้วได้ไวน์ที่ไม่ชอบ ผมว่ามันก็ไม่คุ้มความรู้สึกหรอกครับ”

ทริกเรื่องไวน์ในงานแต่งที่สำคัญ คือ

1. ตอนที่ดีลกับโรงแรม ต้องแจ้งความจำนงว่าบ่าวสาวจะนำไวน์มาเอง ไม่เช่นนั้นจะโดนมัดมือชกในการสั่งไวน์กับโรงแรมซึ่งจะโดนบวกแพงครับ

2. วันเสิร์ฟควรมีคนที่เราไว้ใจคอยคุมจำนวนไวน์ เพราะเคยได้ยินมาเหมือนกันว่ามีไวน์หายในงานแต่งงานครับ

เป็นอย่างไรบ้างคะ สำหรับข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์โดยเฉพาะ แพรว wedding หวังว่าข้อมูลนี้น่าจะเป็นไอเดียที่มีประโยชน์ให่แก่บ่าวสาวได้ แล้วอย่าลืมทำตามคำแนะนำของคุณ Natt ด้วยนะคะ ส่วนใครที่ไม่ใช่คู่บ่าวสาว แต่อยากลองชิมไวน์ก็สามารถนำข้อมูลนี้ไปทำตามได้ไม่ว่ากันค่ะ

อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานและดูไอเดียต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย!

ขอขอบคุณ Natt Lin – Certified Specialist of Wine , French Wine Scholar
ภาพจาก Pinterest.com

เคล็ดลับเลือกสูทเจ้าบ่าวให้เป๊ะในวันงานแถมทรงพลังในภาพถ่าย

จะต้องยืนข้างกายเจ้าสาวแสนสวยสุดที่รักทั้งทีก็ต้องดูดีกันหน่อย ถึงแม้ว่าเจ้าบ่าวนั้นอาจจะมีทางเลือกในสไตล์เครื่องแต่งกายน้อยกว่าเจ้าสาว แต่ก็ใช่ว่าจะดูดีในวันสำคัญไม่ได้นะคะ เพราะ สูทเจ้าบ่าว แบบเดิมๆ ถ้าเลือกให้ดีก็สามารถเป๊ะปังทรงพลังได้ไม่แพ้ลุคของเจ้าสาวเลย แพรว wedding เลยนำเคล็ดลับการเลือกสูทมาฝากคุณว่า รับรองว่างานนี้เจ้าสาวต้องปลื้ม

1.สิ่งสำคัญที่สุดในวันแต่งงานที่เจ้าบ่าวจะต้องจดจำให้ดีนั้นไม่ได้เกี่ยวกับแค่ตัวคุณเองนะคะ แต่ต้องให้ความสำคัญกับเจ้าสาวของคุณด้วย เพราะฉะนั้นจงเปิดใจรับฟังเจ้าสาวของคุณว่าเขาอยากจะเห็นคุณในลุคแบบไหน และสไตล์แบบไหนที่เจ้าสาวของคุณนั้นปลื้ม

2. สูทของเจ้าบ่าวจะต้องให้ลุคที่ดูคลาสสิค เหมาะสมกับสไตล์และบุคลิกของเจ้าบ่าว รวมไปถึงการตัดเย็บอย่างประณีตไร้ที่ติด้วย เพราะฉะนั้นเมื่อได้รับชุดมาแล้วอย่าลืมตรวจสอบให้ดีว่า ตะเข็บกางเกงของคุณเย็บไว้อย่างดี จะไม่ปริแตกแยกจากกันหากต้องลุกยืนหรือนั่งบ่อยๆ โดยเฉพาะเจ้าบ่าวที่สวมสูทในช่วงพิธีไทย รวมไปถึงสูทนั้นต้องลองให้พอดีกับตัวคุณมากที่สุด ตรวจเช็กดูว่ายกแขนหรือเคลื่อนไหวลำบากหรือไม่ พร้อมกับเช็กความยาวของปลายแขนเสื้อสูทด้วย ซึ่งปลายแขนเสื้อกับข้อมือต้องห่างกันประมาณ 1.5 เซนติเมตร เพราะฉะนั้นการหาช่างมืออาชีพที่คุณไว้ใจจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเขาจะเป็นผู้ช่วยมือดีที่จะเนรมิตคุณให้เพอร์เฟกต์ในวันสำคัญ

3. สูทสีกรมท่าหรือสีน้ำเงิน เป็นสไตล์ที่ให้ความทันสมัยสุดๆ และเป็นสีที่ไม่เคยเอ้าท์สำหรับลุคของเจ้าบ่าวเลย แถมยังเป็นสีที่สามารถเข้ากันได้ดีกับเจ้าบ่าวทุกเฉดสีผิวและทุกสีผมอีกด้วย รับรองว่าไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าบ่าวสไตล์ไหนก็ดูดีได้ในสูทสีนี้อย่างแน่นอน

สูทเจ้าบ่าว

4. สูทสีเบอร์กันดี เป็นอีกหนึ่งเฉดสีที่ให้อารมณ์ดูดีและทันสมัย พร้อมแสดงออกเป็นนัยๆ ว่าเจ้าบ่าวคนนี้ต้องเป็นสายแฟชั่นแน่นอน

5. แน่นอนว่าสิ่งที่เจ้าบ่าวต้องการก็คือลุคที่ดูดีในภาพถ่าย เพราะฉะนั้นการเลือกสูทแบบทางการดูเป็นอะไรที่ปลอดภัยกับลุคของเจ้าบ่าวมากที่สุด หลีกเลี่ยงการแต่งตัวที่แฟชั่นจ๋ามากเกินไป เช่น เนคไทเส้นเล็ก, สีสันของสูทที่ฉูดฉาด, การสวมเสื้อกั๊กหรือสูทแบบเงาวาว ไปจนถึงเฉดสีที่อาจจะไปตรงกับสีชุดของเพื่อนเจ้าสาว เป็นต้น

6. ต้องให้ความสำคัญกับทรงผมด้วย เพราะฉะนั้นการตัดแต่งหรือทำผมให้เรียบร้อย พร้อมกับโกนหนวดเคราให้เกลี้ยงเกลาดูสะอาดก็จะช่วยทำให้ลุคของเจ้าบ่าวดูดีเป็นอมตะในภาพถ่ายได้แบบไม่ยาก

7. หากเจ้าบ่าวจัดงานแบบเอ้าท์ดอร์ทั้งในช่วงพิธีไทยและพิธีฉลอง และต้องใส่เชิ้ตขาวพร้อมสูททั้งสองพิธี แนะนำให้เจ้าบ่าวเตรียมเชิ้ตขาวไว้ 2 ตัว เพื่อใช้เปลี่ยนจากช่วงเช้าที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ และถ้าหากเป็นเชิ้ตที่เพิ่งซื้อมาใหม่แนะนำให้เจ้าบ่าวนำไปซักอบรีดให้เรียบร้อย เพื่อให้เนื้อผ้าอ่อนนุ่มลงจะได้สวมใส่ได้อย่างสบายเนื้อสบายตัวมากขึ้น

8. ชุดทักซิโด เป็นอีกหนึ่งลุคที่ได้รับความนิยมมาโดยตลอด และถือเป็นสไตล์ไอคอนของลุคเจ้าบ่าวเลยก็ว่าได้ และเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับงานแต่งงานที่เป็นทางการมากๆ โดยเฉพาะทักซิโดสีดำที่ให้ความร่วมสมัย และยังเข้ากับเจ้าบ่าวทุกสไตล์ได้อีกด้วย

9. ถ้าหากคุณแต่งงานในบรรยากาศแบบเอ้าท์ดอร์ แนะนำให้เลือกสูทสีสว่างและเสื้อผ้าที่โปร่งบางเพื่อช่วยระบายเหงื่อ ซึ่งถ้าหากเลือกเป็นผ้าลินิน 100 เปอร์เซ็นต์อาจจะต้องระวังในเรื่องของรอยยับและรอยย่นระหว่างการนั่งหรือทำกิจกรรมต่างๆ เพราะฉะนั้นอาจจะมองหาเนื้อผ้าอื่นๆ เช่น ผ้าฝ้ายผสมลินิน เป็นต้น

10. สีสันสดใสอย่างสีฟ้าอ่อนๆ เป็นสีที่หลุดกรอบออกมาจากความเป็นทางการเล็กน้อย แต่ก็ยังเป็นลุคที่ให้ความคลาสสิคในวันสำคัญอยู่ดี

11. สูทแบบกระดุมหนึ่งเม็ดพร้อมปกสูทแบบสลิม และเป็นลุคที่ให้ความทันสมัยแต่ยังคงไว้ซึ่งความสมาร์ทในสไตล์เจ้าบ่าว แถมเสร็จจากการใช้งานในวันสำคัญแล้ว ยังสามารถใส่ไปงานอื่นๆ ได้อีกด้วย

12. เจ้าบ่าวควรจะสวมสูทที่ให้ความสะดวกสบายในวันแต่งงานมากที่สุด เพราะฉะนั้นการเผื่อเวลาเตรียมหาชุดไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ จึงสำคัญ ให้เวลาตัวเองในการมองหาสูทในสไตล์อื่นๆ เพราะการเร่งรีบหาสูทที่เหมาะกับตัวเองในช่วงใกล้วันสำคัญนั้นไม่ดีแน่ และเมื่อเลือกได้แล้วจงแน่ใจว่าคุณอยากจะจดจำตัวเองในลุคนั้นจริงๆ เพราะอย่าลืมว่าภาพถ่ายจะเป็นเหมือนตัวแทนของคุณไปจนตลอดชีวิตที่เหลืออยู่เลยทีเดียว

13. สูทแบบลายสก๊อตเหมาะกับเจ้าบ่าวที่ต้องการลุคแบบแคชชวลสบายๆ ด้านในสวมเชิ้ตผ้าแชมเบรย์ แมตช์กับเนคไทแบบไหมพรม ก็ช่วยให้ลุคของเจ้าบ่าวดูโดดเด่นและทันสมัยขึ้นมาทันที

14. สำหรับเจ้าบ่าวสายแฟชั่นที่มองไปข้างหน้าเสมอ ก็อาจจะใช้โอกาสนี้ในการสวมเสื้อผ้าที่ให้ความทันสมัยและฉีกกรอบลุคเจ้าบ่าวแบบเดิมๆ อย่างเช่น สูทแบบสลิม และไม่มีเนคไท ก็ช่วยสร้างความโดดเด่นได้อีกแบบ

สำหรับเจ้าบ่าวคนไหนที่พอจะได้ไอเดียในการเลือกสูทเจ้าบ่าวในวันสำคัญแล้ว ลองอ่านบทความดีๆ ทางด้านล่างเพื่อนำมาเสริมลุคของคุณให้โดดเด่นขึ้นในวันแต่งงานดูนะคะ

16 ลุคมิกซ์แอนด์แมตช์สูทเจ้าบ่าวให้โดดเด่นกว่าใครในงาน
ดูดีตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้ากับ 7 สไตล์รองเท้าเจ้าบ่าวที่ใส่ปุ๊บหล่อปั๊บ
หล่อให้สุดแบบฉุดไม่อยู่! ด้วยบูโทเนียร์หลากสไตล์เสริมความเก๋ให้ลุคเจ้าบ่าว

ภาพ : www.youtube.com, www.pinterest.com, gregorgomboc.com,
www.insideweddings.com, www.marthastewartweddings.com

“อีซี่ รันนิ่ง ออฟ เดอะ ไบรด์ส” วิ่งเจ้าสาวปีที่ 8 ชิงงานแต่งในฝันรวมมูลค่ากว่า 3 ล้านบาท เปิดรับสมัครคู่รักแบบไม่จำกัดแล้ว

“อีซี่ รันนิ่ง ออฟ เดอะ ไบรด์ส” วิ่งเจ้าสาว ปีที่ 8ชิงงานแต่งในฝันรวมมูลค่ากว่า 3 ล้านบาท พิเศษ!! เปิดรับสมัครคู่รักไม่จำกัด วิ่งเพื่อการกุศล

คลื่น “อีซี่ เอฟเอ็ม 105.5” เชิญร่วมกิจกรรมสุดยิ่งใหญ่แห่งปี กับภาระวิ่งเพื่อรักคว้างานแต่งในฝันฟรี ใน Eazy Running of The Brides 8 “Love Infinity”มาร่วมวิ่งพร้อมแบ่งปันความรักแบบไร้ข้อจำกัด ฉลองครบรอบปีที่ 8รางวัลใหญ่กว่าเดิม รวมมูลค่ากว่า 3 ล้านบาท!! พิเศษพร้อมเปิดรอบ FUN RUNเชิญชวนคู่รักมาวิ่งเพื่อการกุศล แสดงพลังความรักแบบไร้ข้อจำกัด เพื่อนำรายส่วนหนึ่งมอบให้กับมูลนิธิออทิสติกไทย “ร่วมวิ่งเพื่อรัก”วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน2562ณ บริเวณ หน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ถนนพระราม 1เปิดรับสมัครแล้ว ตั้งแต่วันนี้ – 15 พฤศจิกายน 2562

เป็นปีที่ 8 แล้ว สำหรับกิจกรรมวิ่งเจ้าสาว Eazy Running of The Bridesเพื่อชิงงานแต่งในฝัน ที่ “อีซี่ เอฟเอ็ม 105.5” เป็นผู้จัดขึ้นปีนี้รวมพลังรัก วิ่งใจกลางเมือง ณ บริเวณหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ถนนพระราม 1 รวมระยะทาง 3 KM.สำหรับว่าที่คู่บ่าว-สาว ที่กำลังมีแผนจะแต่งงานในปีหน้า เตรียมชุดเจ้าสาว-เจ้าบ่าว มาให้เป๊ะ ซ้อมวิ่งมาให้พร้อม แล้วจับมือกันมาวิ่งพิสูจน์รัก ชิงงานแต่งในฝัน รวมรางวัลมูลค่า กว่า 3 ล้านบาท!!!สำหรับคู่ชนะเลิศจะได้รับห้องสำหรับจัดงานแต่ง ที่โรงแรม นิกโก้ กรุงเทพ,แหวนเพชรคู่ จาก Epiphany,ชุดแต่งงาน จาก Marriage Studio,แพ็กเกจที่พัก ที่มัลดีฟ จาก Club Med และที่พัก Devasom Sky Villa จาก Devasomเขาหลัก,ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ กรุงเทพฯ-ภูเก็ต, ชุดเครื่องนอน จาก Dunlopillo,บัตรทำทรีตเม้นท์จาก Apex Medical Center ,บัตรออกกำลังกายจาก Jetts24 Fitness,บัตรทานอาหาร ที่ห้องอาหาร The Oasis-All-Day-Dinning จาก โรงแรม นิกโก้ กรุงเทพ , Gift voucher จาก เมเจอร์ ซีเนีเพล็กซ์และรางวัลสำหรับรองชนะเลิศอันดับ1-5 อีกมากมาย วิธีร่วมสมัคร เพียงโพสต์รูปคู่ ของคุณและคู่รักผ่านทาwww. eazyfm.com  หรือทางIG  (เปิดแบบ Public) แล้ว #EazyRunningOfTheBrides8รอลุ้นเป็น 150 คู่ผู้โชคดี ที่จะได้มาวิ่งคว้างานแต่งฟรีสมัครวิ่งเจ้าสาวฟรี ได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 15 พฤศจิกายน 2562

ส่วนรอบพิเศษ FUN RUNได้ “นิโคลีน พิชาภา”ตัวแทนของมูลนิธิออทิสติกไทย มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งเพื่อสนับสนุนความสามารถของเด็กออทิสติก โดยงานนี้ได้ให้เด็กๆ ออกแบบลายเสื้อ และเหรียญที่ระลึก  สำหรับผู้ที่อยากร่วมวิ่งเพื่อการกุศล ภายในงาน Eazy Running of The Brides 8 “Love Infinity” กับภารกิจFUN RUN”เปิดโอกาสให้ทุกคนที่มีความรัก ไม่ว่าจะเป็นความรักแบบไหน ไม่มีข้อจำกัด ออกมาแสดงพลังความรัก ร่วมวิ่งไปด้วยกัน ภายใต้ธีม “Color of Loveวิ่งระยะทาง 4 KM. ผู้สมัครจะได้รับเสื้อวิ่ง พร้อมเหรียญ ดีไซน์จากArtstory By Autisticthaiนอกจากนี้ยังมีรางวัลให้ผู้ชนะ และแต่งกายแฟนซียอดเยี่ยม เป็นแพ็กเกจที่พักสุดหรู พร้อมตั๋วเครื่องบินไป-กลับกรุงเทพฯ-ภูเก็ต และอื่นๆอีกมากมายรวมมูลค่ากว่า 3 แสนบาท รายได้ส่วนหนึ่งมอบให้กับมูลนิธิออทิสติกไทย ร่วมสมัคร FUN RUN ได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง8 พฤศจิกายน 2562 ค่าสมัคร ราคา 588 บาท

สามารถติดตามรายละเอียด Eazy Running of The Brides 8 “Love Infinity” เพิ่มเติมได้ที่ www.eazyfm.com  #EazyRunningOfTheBrides8  สามารถติดตามรายละเอียดEazy Running of The Brides 8 “Love Infinity”เพิ่มเติมได้ที่ www.eazyfm.com #EazyRunningOfTheBrides8 

งานแต่งคุณน้ำตาลสด&คุณตุลย์ กับสถานที่แต่งงานสุดลงตัว @The Botanical House Bangkok

สถานที่แต่งงาน ที่ลงตัวของคุณน้ำตาลสด – ดรัลรัตน์ ทองเจือ และคุณตุลย์ – ตุลย์ เจริญสุข ที่มีแขกในงานทุกคนเป็นเหมือนดอกไม้ที่มาเพิ่มสีสันให้กับฉากหลังที่เป็นต้นไม้ใหญ่ เพื่อเติมเต็มบรรยากาศให้สมบูรณ์แบบ

ย้อนไปเมื่อ 17 ปีที่แล้ว คุณตุลย์ได้เบอร์โทรศัพท์ของคุณน้ำตาลสดมาจากเพื่อนสนิทของเธอที่เรียนปริญญาโทด้วยกัน เพื่อปรึกษาเรื่องงาน เพราะทั้งคู่ทำงานในสายเดียวกัน

ด้วยความที่เพื่อนสนิทของทั้งสองเป็นคนเดียวกัน จึงทำให้คุณตุลย์และคุณน้ำตาลสดได้เจอและร่วมงานกันอยู่เป็นประจำ จนเกิดเป็นความใกล้ชิดและคุ้นเคยกัน กระทั่งได้พัฒนาความสัมพันธ์จากเพื่อนกลายเป็นคนรัก ซึ่งตลอดเส้นทางความรักครั้งนี้หากคนหนึ่งล้มจะมีอีกคนพยุงให้ลุกขึ้น หากคนหนึ่งประสบความสำเร็จอีกคนก็จะยืนยิ้มอยู่ข้างๆ ด้วยความภูมิใจ ทำให้ทั้งคู่นึกภาพไม่ออกว่าหากไม่มีคนใดคนหนึ่งชีวิตจะ เป็นอย่างไร นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นการทำเซอร์ไพร้ส์ขอแต่งงานด้วยเพลง “หยุด” ของคุณตุลย์ และทั้งคู่ก็ได้ฤกษ์ลั่นระฆังวิวาห์ในที่สุด

ในการ์ดแต่งงานของบ่าว-สาวมีประโยคที่ว่า “To be with you is enough and nothing else will complete me.” เพราะทั้งคู่มองว่าวันสำคัญวันนี้ไม่ได้มีแค่เขาสองคน แต่แขกทุกคนคือคนสำคัญที่ทั้งคู่รักและเคารพ ฉะนั้นการที่มีครอบครัว ญาติพี่น้อง และเพื่อนๆ มาร่วมงาน ก็เพียงพอแล้ว บ่าว-สาวจึงใช้ธีมสีหลักสำหรับงานนี้คือ สีเหลืองและสีน้ำตาลเพราะเป็นสีที่ทั้งคู่ชื่นชอบ และใช้เป็นกิมมิกให้แขกได้สนุกกับการแต่งกายมาร่วมงาน

ด้วยธุรกิจของบ่าว-สาวคือสายงาน Total Solution Agency จึงใช้ทีมงานของบริษัทในการรันคิวทั้งหมด ส่วนการตกแต่งสถานที่มอบหมายให้ทางสถานที่เป็นผู้ดูแล ซึ่งบ่าว สาวได้ฤกษ์แต่งงานล่วงหน้ามาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2561 จึงมีเวลาในการเตรียมงานทั้งหมด 5 เดือน โดยเริ่มจาก การลิสต์รายชื่อแขกก่อน จากนั้นจึงนำจำนวนคร่าวๆ มาพูดคุยกับทีมงานเพื่อหาสถานที่และการตกแต่งที่ตอบโจทย์ความต้องการของบ่าว-สาวที่สุด

ส่วนการตกแต่งสถานที่บ่าว-สาวเห็นว่าที่ The Botanical House เป็นสถานที่ที่มีการตกแต่งในธีม Botanical อยู่แล้ว ทั้งตัวอาคารและต้นไม้สวยๆ บริเวณโดยรอบ จึงไม่อยากมีโครงสร้างใดๆ ให้ดูเยอะและหนัก เพราะอยากให้บรรยากาศโดยรวมเหมือนจัดงานแต่งงานอยู่ในบ้านสวยๆ บรรยากาศอบอุ่น จึงเน้นการตกแต่งแต่ละจุดภายในงานด้วยการใช้ใบไม้ กิ่งไม้และเถาวัลย์เป็นหลัก แล้วเพิ่มสีเขียวเข้ามาให้มีความสอดคล้องกับสถานที่มากขึ้น ส่วนสีสันอื่นๆ บ่าว-สาวตั้งใจให้แขกในงานทุกคนเป็นเหมือนดอกไม้ที่มาเพิ่มสีสันให้กับฉากหลังที่เป็นต้นไม้ใหญ่ เพื่อเติมเต็มบรรยากาศให้สมบูรณ์แบบ

The Details
Venue&Decoration : The Botanical House Bangkok โทร. 0-2301-1868 เฟซบุ๊ก : The Botanical House BangkokWedding
Dress : ชุดพิธีเช้า ร้าน P A P Clothes& Accessories โทร. 08-0602-5096 ชุดช่วงพิธีฉลองมงคลสมรส ร้าน Peter Kellyโทร. 08-1684-9344
Groom Suit : ร้าน Peter Kelly โทร. 08-1684-9344
Make-up : กิตติภูม ชนไฮ โทร. 08-3015-4516
Hair : วัชรินทร์ พิพัฒนธรรม โทร. 09-5253-4894
Photo : Biggyfoto โทร. 08-7512-3123

“สายป่าน & วุฒิ” คู่รักสุดแนวกับแฟชั่น ชุดแต่งงานสไตล์วินเทจที่หวานมากๆ

สายป่าน – อภิญญา สกุลเจริญสุข และวุฒิ – นันทวุฒิ บุญรับทรัพย์ คู่รักข้าวใหม่ปลามันที่เพิ่งเข้าสู่ประตูวิวาห์กันไปในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ซึ่งในพิธีแต่งงานสายป่านได้สวมชุดแต่งงานทั้งไทยและสากลที่ดูเป็นตัวเธอสุดๆ นิตยสารแพรว wedding ฉบับเดือนตุลาคม 2562 เลยชวนสองสามีภรรยามาเปลี่ยนลุคกันบ้างกับแฟชั่น ชุดแต่งงานสไตล์วินเทจ พร้อมเปลี่ยนลุคสาวเซอร์อย่างสายป่าน ให้กลายเป็นสาวหวานขั้นสุด ที่ขนาดคุณสามียังเอ่ยปากชม

ชุดแต่งงานสไตล์วินเทจ

ชุดแต่งงานจากร้าน Coco Chic Wedding
โทร. 0-2115-8500, 09-9635-8585
เฟซบุ๊ก : Coco Chic Wedding
ไอจี : @cocochicwedding

แต่งหน้า : ภูริตา นุนนทกานต์
ทำผม : เอกพล เกียรสืบ
ช่างภาพ : วารินทร์ บุณยประสิทธิ์
ผู้ช่วยช่างภาพ : ทศพล ฆ้องคำา, ประเมศฐ์ พิพิธชนินันท์
สไตลิสต์ : ชิตวัจน์ บุรัมยากร
ผู้ช่วยสไตลิสต์ : ลลิตา จันทะนา
ออกแบบฉาก : ณัตสุพล พรมสวัสดิ์

ดูแบบชุดแต่งงานร้าน Coco Chic Wedding เพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย!

เทคนิคเจรจากล่อมพ่อแม่ให้คล้อยตามเมื่ออยากจัดงานแต่งงานขนาดเล็ก

เทรนด์การจัด งานแต่งงานขนาดเล็ก กำลังมาแรง ด้วยเหตุผลที่มีมากกว่าคำว่าประหยัดคือ ความต้องการงานแต่งงานที่เต็มไปด้วยบรรยากาศแสนอบอุ่น มองไปทางไหนก็เจอแต่คนรู้จัก แต่ปัญหาที่คิดไม่ตกและต้องถกกันทุกบ้านคือ พ่อแม่จะยอมไหม จะเข้าใจหรือเปล่า ลองใช้เทคนิคการเจรจากล่อมท่านให้คล้อยตามจากเราดูค่ะ

บอกเหตุผลในการเลือกจัดงานแต่งงานขนาดเล็กอย่างตรงไปตรงมา

เมื่อคุณตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่า จะจัดงานแต่งงานขนาดเล็ก และมั่นใจมากๆ ว่าจะต้องขัดกับความต้องการของท่านแน่ๆ สิ่งที่พึ่งกระทำก็คือ อธิบายถึงเหตุผลที่คุณอยากจัดงานแต่งงานขนาดเล็กกับท่านอย่างตรงไปตรงมาด้วยคำพูดที่นุ่มนวลและมีเหตุผล ไม่ว่าจะเป็นอยากจัดงานแต่งงานขนาดเล็กเพราะงบประมาณจำกัด ชอบสถานที่แห่งนั้นมากๆ รวมถึงต้องไม่ลืมเล่าภาพฝันวันแต่งงานที่คุณอยากให้มีอยู่ในอัลบัมความทรงจำของคุณกับท่านด้วยว่า งานแต่งเล็กๆ นั้นดีต่อความรั้สึกของคุณอย่างไรบ้าง

รับฟังความต้องการของท่าน แต่ไม่ลืมยืนยันความต้องการของตัวเอง 

อย่าได้เผลอพูดเสียงดังและพูดอยู่ฝ่ายเดียวจนท่านรู้สึกว่า ห้ามขัดใจคุณเด็ดขาด แบบนั้นน่ะจะทำให้การเจรจาล้มเหลวอย่างแน่นอน คุณควรรับฟังความต้องการของท่านก่อนว่า เพราะอะไรจึงอยากให้จัดงานใหญ่โตสุดอลัง จากนั้นนำเหตุผลของท่านมาคิดถึงความเป็นไปได้ว่าคุณจะจัดได้ตามใจท่านได้หรือไม่ หรือจะปรับเปลี่ยนตรงไหนในงานแต่งของคุณเพื่อเอาใจท่านได้ไหม โดยคิดคู่ไปกับเหตุผลจากใจของคุณที่จะทำให้ท่านยอมรับในการจัดงานแต่งขนาดเล็กแบบที่คุณต้องการจริงๆ แล้วอธิบายบอกไปตรงๆ ว่าได้หรือไม่ได้ เพราะอะไร โดยต้องไม่นะคะว่า ความต้องการของคุณคือสิ่งสำคัญ แต่ความรู้สึกของท่านก็สำคัญไม่แพ้กัน

หาจุดตรงกลางให้ลงตัว

ในเมื่อท่านก็ไม่ยอมลงให้ และคุณก็ยังอยากจะจัดงานขนาดเล็ก อาจต้องเจอกันครึ่งทางโดยจัดงาน 2 ครั้ง โดยงานหนึ่งเป็นปาร์ตี้งานแต่งขนาดเล็กแบบที่คุณต้องการ แล้วยกงานครั้งหนึ่งให้กับท่านไปเลยเพื่อให้ท่านได้เชิญแขกของท่านมาร่วมยินดีอย่างเต็มที่ แต่อย่าลืมคุยเรื่องเงินให้ชัดเจนเสมอด้วยนะคะว่างานงอกนั้นใครออก ซึ่งถ้าท่านพร้อมจะออกให้ ก็จัดไปเถอะค่ะเพราะคุณไม่ต้องเสียอะไรนี่นา แต่ถ้าพูดไปแล้วท่านชะงัก นั้นแปลว่าคุณอาจกำลังได้ชัยชนะมาครอง คือไม่ต้องจัดงานใหญ่ตามใจท่านยังไงละคะ

อ่ะๆ แถมให้อีกนิด เพราะบางคนก็เจอเหมือนกันที่พ่อแม่อยากให้จัดงานใหญ่ใจจะขาด แต่ก็ไม่ได้มีเงินออกให้มากมาย ถ้าเป็นแบบนั้นคงต้องมาดูกันหน่อยว่า คุณจะยอมให้ได้ แต่ต้องขยับงบประมาณส่วนไหนเพื่อมาขนายขนาดงาน ซึ่งจรงๆ แล้ววิธีหลังนี่เราไม่ค่อยแนะนำนะคะ เพราะมันผิดจุดประสงค์การจัดงาน และคุณเองก็มีแต่เสียเงินเต็มๆ

เอาภาพบรรยากาศงานอื่นๆ มาหลอกล่อ

ไม่ว่าจะพูดยังไงท่านก็ยังไม่เห็นภาพว่างานแต่งงานขนาดเล็กจะดียังไง ตัวช่วยที่น่าลองคือ หาภาพบรรยากาศงานแต่งงานขนาดเล็กของคนอื่นๆ ที่เคยจัดเอามาให้ดู  เพื่อให้ท่านซึมซับบรรยากาศหรืออีกนัยหนึ่งคือให้แบ่งปันความฝันของคุณให้ท่านได้คล้อยตาม ดีไม่ดีหากว่าท่านเห็นภาพงานของคุณอื่นแล้วอาจลืมไปเลยว่างานแต่งงานสุดอลังการหน้าตาเป็นยังไง

หาตัวช่วยที่เชื่อถือได้มาย้ำความดีงามของงานแต่งนี้

เคยรู้สึกไหมคะว่าคุณพูดแทบตายพ่อแม่ก็ไม่เชื่อ แต่พอคนอื่นพูดคำเดียวท่านกลับหยุดฟังและยอมตาม ซึ่งนี่แหละค่ะ คือเทคนิคข้อสุดท้ายที่คุณอาจต้องทำ โดยการขอความร่วมมือจากคนอื่นที่คุณมั่นใจว่า มีอิทธิพลต่อจิตใจและความเชื่อมั่นของท่านได้ จะเป็นลุงป้าน้าอา หรือแม้แต่เพื่อนสนิทของคุณที่พ่อแม่รู้สึกว่าไม่หลอกกัน และมีแต่ความปรารถนาดีให้กับคุณอย่างเต็มเปี่ยม ให้คนเหล่านั้นมาช่วยพูดอีกแรงถึงความดีงามของงานแต่งงานขนาดเล็ก รับรองค่ะว่า หลายเสียงย่อมดีกว่าเสียงเดียว รับรองว่าท่านมีสิทธิ์ใจอ่อนและคล้อยตามแน่นอน

ดูไอเดียงานแต่งงานและคำแนะนำเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย!

สิ่งที่ต้องเช็ก..เมื่อไปเซอร์เวย์สถานที่จัดงานแต่งงานมีอะไรบ้าง กูรูมีคำตอบ

จะมีสิ่งใดบ้างน้าที่คุณต้องเช็กเมื่อไปเซอร์เวย์ สถานที่จัดงานแต่งงาน ?

นี่คงจะเป็นคำถามของว่าที่เจ้าบ่าว-เจ้าสาวหลายคู่ที่กำลังจะไปเซอร์เวย์สถานที่แต่งงานกัน เพราะการไปดูสถานที่ที่จะใช้จัดงานแต่งงานไม่เพียงแค่เลือกสถานที่มีความสวยงาม บรรยากาศดี และถูกใจคุณทั้งคู่เพียงเท่านั้นนะคะ เพราะยังมีอีกหลายเรื่องที่คุณจำเป็นต้องคำนึงถึงเผื่อแขกผู้มาร่วมงานของพวกคุณด้วย แล้วทีนี้จะสามารถขอคำปรึกษาจากใครได้บ้างล่ะ? อ่ะแน่นอน เมื่อคุณเข้ามาอ่านเราก็จะไม่ทำให้คุณผิดหวังค่ะ วันนี้เรามีคำแนะนำจากเวดดิ้งแพลนเนอร์มืออาชีพเกี่ยวกับสิ่งที่คุณต้องสอบถามยามที่คุณไปดู สถานที่จัดงานแต่งงาน ซึ่งจะมีเรื่องอะไรบ้างนั้นตามมาดูกันเลยยย

สถานที่จัดงานแต่งงาน

1. จำนวนแขกที่จะมาร่วมงาน

สอบถามกับทางทีมงานผู้ดูแลสถานที่ว่าสถานที่นี้สามารถรองรับแขกได้ทั้งหมดกี่คน เพราะจำนวนแขกถือเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกสถานที่ ควรเลือกสถานที่ที่มีความพอดีกับแขกของคุณ รองรับได้เพียงพอหรือไม่มีขนาดใหญ่เกินไป ถ้าคนที่จะมาร่วมงานแต่งงานของพวกคุณมีไม่มากก็อาจะทำให้งานแต่งงานกับแขกขาดปฏิสัมพันธ์กัน พื้นที่ดูโล่งและงานก็จะกร่อยได้ในที่สุด หลังจากนั้นให้คำนึงถึงการวางผังงานแต่งงานว่าของต่างๆ จะสามารถวางไว้ส่วนไหนของสถานที่ได้บ้าง ผังโต๊ะที่นั่งสำหรับแขกสามารถรองรับได้กี่โต๊ะ และเมื่อจัดตกแต่งทุกอย่างในงานแล้วแขกของคุณจะสามารถเดิน ยืน นั่งได้สะดวกมากแค่ไหน ไม่ใช่ทุกอย่างดูแออัดไปหมดก็จะลำบากทั้งแขกและคุณเจ้าสาวที่ต้องสวมใส่ชุดแต่งงานสุดอลังการด้วยนะคะ

2. ค่านำเข้าคืออะไร?

ค่านำเข้าคือ สิ่งที่คุณต้องชำระเงินเพิ่มเติมหากไม่ได้ใช้ออแกไนซ์ของทางสถานที่ที่จัดหามาให้ หรือเมื่อคุณเลือกจองสถานที่เพียงอย่างเดียวแล้วหาออแกไนซ์มาเองจากข้างนอก เพื่อมาดูแลการจัดงานแต่งงานให้กับคุณ ทางสถานที่ก็จะมีการเรียกเก็บค่านำเข้าออแกไนซ์เพิ่มเติม รวมไปถึงค่าจัดตกแต่งสถานที่โดยบุคคลข้างนอกด้วยเช่นกัน ส่วนทางโรงแรมจะมีค่านำเข้าในส่วนของอาหารหากคุณเลือกใช้บริการโต๊ะจีนจากข้างนอกไม่ได้ใช้บริการอาหารของโรงแรม แต่ส่วนใหญ่แล้ว 90% ของโรงแรมในกรุงเทพฯ จะมีกฎให้ใช้บริการอาหารจากทางโรงแรมเท่านั้น เนื่องจากต้องการควบคุมมาตรฐานอาหารและสร้างความอุ่นใจว่าอาหารจะถูกหลักอนามัยแน่นอน ดังนั้นถ้าคุณตกลงปลงใจว่าจะเอาสถานที่นี้ ก่อนเซ็นสัญญาก็ควรถามข้อมูลเรื่องค่านำเข้าให้ดีก่อนนะคะ

3. ความสะดวกสบาย

อันดับแรกดูเรื่องวันเวลาที่คุณได้ฤกษ์งามยามดีมาว่าสถานที่ว่างและสะดวกให้บริการคุณอย่างเต็มที่หรือไม่ จากนั้นดูเรื่องความสะดวกสบายในการให้บริการต่างๆ ว่าทางสถานที่มีบริการอะไรในวันงานแต่งงานให้บ้าง เพราะสถานที่ส่วนใหญ่ที่มีราคาสูงมักจะมีการบริการที่ดีเลิศจนคุณสามารถไว้วางใจได้เลย และสุดท้ายแต่ยังไม่ท้ายสุดคือความสะดวกสบายเรื่องการเดินทาง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้แขกอยากมางานด้วยนะคะ อย่างเช่น คุณเลือกจัดงานในวันหยุดใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยว การเดินทางด้วยรถยนต์อาจไม่สะดวกเท่าไรนัก เพราะรถติด การจราจรคับคั่ง ไม่มีรถไฟฟ้าหรือรถไฟใต้ดินผ่าน แขกผู้ใหญ่บางท่านก็อาจจะไม่สะดวกที่จะออกไปไหนมาไหนในช่วงเวลาแบบนี้นะคะ

4. การตรวจเช็กอุปกรณ์ต่างๆ

ในข้อนี้ถ้าคุณจ้างออแกไนซ์ก็จะง่ายขึ้นมากเลยค่ะ เพราะทีมออแกไนซ์มีประสบการณ์การจัดงานแต่งงานมาเยอะ จึงรู้ว่าควรตรวจสอบอุปกรณ์สิ่งใดบ้าง บางชิ้นใช้ยังไง โดยต้องอาศัยผู้รู้ในเรื่องนั้นๆ เช่น อุปกรณ์เครื่องเสียง บ่าว-สาวบางคู่ก็ไม่ได้มีความรู้ในเรื่องนี้เสมอไป เมื่อไปดูสถานที่จึงต้องรบกวนผู้รู้ช่วยตรวจดูว่ายังสามารถใช้การได้เป็นปกติหรือไม่ เครื่องมีส่วนไหนช็อต เสียงเพี้ยนหรือเปล่า หรือสถานที่บางแห่งคุณสามารถพูดคุยกับทีมเซลล์ให้ช่วยตามผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบอุปกรณ์ก่อนที่จะนำมาใช้ในงานเพื่อให้แน่ใจว่าจะปลอดภัยไม่เกิดอันตรายร้อยเปอร์เซ็นต์

5. เมนูอาหารที่จะเสิร์ฟในงาน

หากคุณเลือกใช้บริการอาหารของสถานที่ที่คุณจะเลือก คุณควรถามถึงเมนูอาหารด้วยว่าสามารถเลือกได้กี่เมนูและมีเมนูอะไรให้คุณเลือกบ้าง ที่สำคัญมีบริการเทสต์รสชาติอาหารก่อนตัดสินใจไหม ถ้าสามารถเทสต์รสชาติได้ให้คุณลองชิมเมนูที่คิดว่าจะเลือกเสิร์ฟในงาน โดยคำนึงถึงแขกส่วนใหญ่ที่จะมาร่วมงานด้วยว่าอยู่ในวัยไหน เพราะถ้างานของคุณส่วนใหญ่แขกร่วมงานเป็นผู้ใหญ่ มีความจำเป็นอย่างมากที่รสชาติอาหารต้องอร่อย ถูกปาก การมางานแต่งงานของผู้ใหญ่ที่มีอายุส่วนมากก็ไม่ค่อยจะโฟกัสบรรยากาศหรือการตกแต่งสถานที่เท่าไรนัก แต่จะประเมินงานแต่งงานของคุณจากรสชาติอาหารเป็นหลัก ซึ่งคุณก็ต้องเข้าใจเรื่องความต่างของวัยด้วย เจ้าบ่าว-เจ้าสาวบางคนแม้จะถูกใจสถานที่มากกกก แต่ถ้าลองชิมอาหารแล้วรู้สึกไม่ประทับใจถึงกับเปลี่ยนสถานที่ก็มีมากนะคะบอกเลย

เมื่อคุณตัดสินใจเลือกสถานที่จัดงานแต่งงานได้แล้ว สนใจมาเซฟคอร์สกันหน่อยมั้ย? เพื่อที่งบการจัดงานแต่งงานของคุณจะได้ไม่บานปลาย เพราะหากลดค่าใช้จ่ายในส่วนของสถานที่ได้ คุณอาจมีเงินเหลือเก็บไว้ฮันนีมูนอีกด้วยน้า สามารถมาเรียนรู้วิธีจัดการงบประมาณค่าสถานที่ได้ใน >>> เคล็ด(ไม่)ลับอีกต่อไป 5 วิธี ลดค่าใช้จ่ายสถานที่จัดงานแต่งงานของคุณ <<< คลิกเลย!

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : คุณเอฟ Wedding Planner – Hug Wedding Planner
ภาพจาก : bakersranch.com

หมดปัญหาต้องฝืนยิ้มหน้าเจื่อนเพราะรองเท้ากัดในวันแต่งงานด้วยวิธีเหล่านี้

มีเจ้าสาวไม่น้อยที่ต้องเผชิญปัญหารองเท้าเจ้าสาวที่ดุยิ่งกว่าหมาข้างบ้าน ถูกกัดจนเท้าเยิน เดินกระเผลกหมดสง่า แพรว wedding จึงขอนำเสนอ 6 วิธีหยุด รองเท้ากัด แบบไม่ต้องมานั่งฝนรองเท้าด้วยเทียนไขแถมไม่ต้องกัดรองเท้าเอาเคล็ดก่อนให้อายใครด้วย


1. ระเบิดรองเท้าให้หลวม

ฟังดูทำลายล้าง แต่ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น แค่ใส่รองเท้าแต่งงาน ก่อนถึงวันแต่งสัก 1 อาทิตย์ วันละประมาณ 30 นาที เพื่อความคุ้นชิน และดูว่าใส่แล้วเจ็บส่วนไหนบ้างจะได้เตรียมการป้องกันได้ทัน แต่ถ้ารู้สึกว่ารองเท้าออกจะคับแน่นไปก็ใส่ถุงเท้าหนาๆ ไปด้วยระหว่างลองเดินนะจ๊ะ เท่านี้ก็ได้รองเท้าที่ใส่แล้วไม่คับเกินไปแถมเท้าไม่ระบมอีกต่างหาก


2. ทาโรลออนให้รองเท้า

อย่าพึ่งหลอนว่ารองเท้าเหม็น แต่ว่าถ้าหากมีปัญหากับสายรองเท้าเส้นเล็กๆ ที่มักจะฝืดจนสีกับเท้าจนกลายเป็นแผล ให้ทาโรลออนแบบน้ำ หรือโลชั่นที่อุดมด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์ที่เท้าและสายรองเท้าเจ้าปัญหา และหมั่นทาบ่อยๆ ในระหว่างงาน ก็จะช่วยลดการเสียดสีไปได้เยอะ


3. แผ่นรองรองเท้าหนานุ่ม

หนานุ่มที่ว่า คือ แผ่นรองรองเท้าสำคัญนะคะ แนะนำให้เลือกแบบที่รองรับเข้ากับรูปเท้าและเหมาะสำหรับยืนและเดินนาน เพราะวันแต่งงานช่วงเวลาที่ยืนที่เดินก็ไม่ต่างจากการออกไปท่องโลกกว้างเลย เพราะฉะนั้นก็ต้องเลือกแบบหนาๆ นุ่มๆ ที่ Riya ขอแนะนำเป็นพิเศษก็คือพวกทำจากแผ่นเจล และเมมโมรี่โฟม สองตัวนี้ต่อให้จะยืน จะเดินนานแค่ไหนไม่หวั่นอกเป็นแผ่นเขเลย ม่าเท้าที่ใช้เดินเยอะๆกจะฝืดจนสีกับเท้าจนกลายเป็นแผล ให้ทาโรลออนแบบน้ำ หรือ


4. บุผ้านุ่มถนอมเท้า

นอกจากรูปทรงที่สวย ขนาดที่พอเหมาะ แล้วก็อย่าลืมดูวัสดุบุด้านในของรองเท้าด้วย เพราะว่ายิ่งนุ่มเท่าไหร่ยิ่งดี และให้ดีที่สุดเลือกเป็นพวกผ้าขนนุ่มๆ จะดีมาก คราวนี้ล่ะนุ่มสบายเท้าแน่นอน


5. ขยายหัวรองเท้าด้วยความร้อน

ก่อนจะทำการระเบิดรองเท้าคู่สวย ให้เจ้าสาวใช้ไดร์เป่าผม เป่าอังๆ ที่รองเท้าสักแปบในส่วนที่ต้องการขยายเป็นพิเศษ อย่างหัวรองเท้าที่มักทำแหลมๆ ใช้ไดร์เป่าสักหน่อย แล้วค่อยใส่ ก็จะทำให้รองเท้าขยายตามรูปเท้าได้ง่ายขึ้นแล้ว


6. เลือกที่ใหญ่กว่าไซส์จริงเล็กน้อย

ตอนที่เลือกซื้อรองเท้า ให้เลือกไซส์ที่ใหญ่กว่าไซส์รองเท้าปกติสักหนึ่งถึงครึ่งไซส์ และก่อนตัดสินในจ่ายเงินก็ลองหยิบมาใส่ให้รอบๆ ห้อง เพื่อทดสอบว่าเนี้ยล่ะ รองเท้าที่จะทำให้ฉันสวยสง่าในวันแต่งงาน

 

เห็นไหมคะ 6 วิธี ง่ายๆ เท่านี้เองก็เปลี่ยนจากรองเท้าดุๆ ที่ชอบกัดมาเป็นรองเท้าเชื่องๆ ใส่ง่าย ใส่สบายไม่มาแว้งกัดในวันพิเศษ ให้ต้องยิ้มเจื่อนในงานแต่งงาน หมดปัญหารองเท้ากัดแต่ถ้ายืนนานๆ อีกหนึ่งปัญหานี้ก็จะตามมา >>> 10 วิธีลดอาการเมื่อยเท้าในงานแต่งให้น้อยลงจนแทบไม่รู้สึก <<< คลิกเลย!

ขอบคุณข้อมูลจาก www.brides.com
ภาพ unsplash.com

ออกกำลังกายฉบับเจ้าสาวเวลาน้อย!  จากเทรนเนอร์เซเลบคนดัง

ใกล้วันแต่งงานแล้วยังไม่ได้ฟิตหุ่นเลย? ไม่มีปัญหาเพราะเรานำเคล็ดลับการ ออกกำลังกาย สำหรับว่าที่เจ้าสาวเวลาน้อยจากเทรนเนอร์ที่ฟิตหุ่นให้เหล่าดารามาแล้วมากมาย

ว่าที่เจ้าบ่าวและเจ้าสาวที่ทำงานประจำ หรือมีกิจการส่วนตัวที่กำลังเติบโตหลายคนคงจะประสบปัญหา ไม่มีเวลาเตรียมตัวกับสิ่งต่างๆที่ต้องเตรียมในวันแต่งงาน ลำพังแค่จัดการชีวิตประจำวันก็แทบไม่มีเวลานอนอยู่แล้วจ้า! ลืมไปได้เลยเรื่องจะจัดตารางเวลาออกกำลังกายจริงจัง แต่พอคิดภาพตัวเองในชุดเจ้าบ่าวหรือชุดเจ้าสาวแสนสวยในฝันก็แทบจะกุมขมับ เพราะหุ่นเราตอนนี้นั้นไม่ได้มีอะไรใกล้เคียงภาพฝันเลยค่ะ T^T แต่ปัญหาเหล่านี้จะหมดไป เพราะเรารู้ใจคุณ เราจึงไปหาคำตอบจาก คุณ เบนซ์ – ภูมิสิทธิ์ ศิระโพธิวงศ์ เซเลบริตี้เทรนเนอร์ที่ปั้นหุ่นให้บรรดาคนดังและนักแสดงแถวหน้าของเมืองไทยมาแล้วมากมายไม่ว่าจะเป็น คิมเบอร์ลี, มาริโอ้ เมาเร่อ หรือ ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ คุณเบนซ์เป็นเทรนเนอร์ส่วนตัวที่ดูแลตั้งแต่การออกกำลังกายไปจนถึงเรื่องอาหารและเทคนิคการฟิตหุ่นที่มีระยะเวลาเป็นเดิมพัน คุณเบนซ์จะมีเทคนิคอย่างไรแนะนำเหล่าว่าที่บ่าวสาวเวลาน้อย มาดูกันค่ะ

ออกกำลังกาย เจ้าสาว

เทคนิคลดน้ำหนัก กระชับหุ่น พร้อมสร้างกล้ามเนื้อ ในเวลาเดียวกันของคุณคืออะไร

“ตารางคร่าว ๆ คือเล่นเวตเพื่อสร้างกล้ามเนื้อ ครั้งละ 60 – 90 นาที ประมาณ 2 – 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ส่วนที่เหลืออีก 4 วันให้ทำคาร์ดิโอ เช่น วิ่ง เดินเร็ว ตีแบด ต่อยมวย หรือกิจกรรมที่เรียกเหงื่อ เป็นเวลา 45 นาที – 1 ชั่วโมง โดยสามารถหยุดพักระหว่างการทำคาร์ดิโอได้ แต่ต้องทำให้ ได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งการคาร์ดิโอคือการเบิร์นแฟตหรือไขมัน ที่ต้องทำควบคู่ไปกับการสร้างกล้ามเนื้อเพื่อให้ได้ความกระชับของสัดส่วน ส่วนเรื่องอาหารที่จริงสามารถรับประทานได้ตามปกติ แค่เน้นการกินอาหารไขมันต่ำ น้ำตาลน้อย หลีกเลี่ยงของมัน หากเป็นอาหารผัดก็ใส่น้ำมันให้น้อยที่สุด และลดหรืองดพวกโซเดียมและขนมกรุบกรอบ โดยที่ผมจะบอกเป็น ไกด์ไลน์ให้ ไม่ได้จัดเป็นโปรแกรมอาหารว่าแต่ละมื้อต้องกินอะไร ในปริมาณเท่าไหร่ เพราะการไปกะเกณฑ์เรื่องอาหารเป็นเรื่องยาก ผมจึงแนะนำ ให้กินทุกอย่างตามปกติ แต่กินให้น้อยและเลือกกิน ควบคู่ไปกับการเล่นเวต และออกกำลังกายเพื่อสร้างความเฟิร์มของกล้ามเนื้อ”

ระยะเวลาน้อยที่สุดที่บ่าว – สาวสามารถเข้ามารับการเทรน และวิธีไหนจะให้ได้ผลดีที่สุด

“ที่ผมเคยเจอ น้อยที่สุดคือประมาณ 1 – 2 เดือน นอกจากจะต้อง เน้นออกกำลังกายและควบคุมอาหารอย่างสม่ำเสมอและค่อนข้างหนักแล้ว การช่วยกระตุ้นและพูดเพื่อสร้างกำลังใจก็สำคัญมากเหมือนกัน และหาก คู่บ่าว – สาวสามารถทำได้ก็จะแนะนำให้กินวันละ 4 มื้อ โดยกำหนดว่า ในแต่ละมื้อต้องมีโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไฟเบอร์ประมาณไหน และ ออกกำลังกายให้ได้ประมาณ 24 วันใน 1 เดือน เช่น ให้เล่นเวตสัปดาห์ละ 3 ครั้ง เป็นเวลา 12 วัน อีก 12 วันให้ทำคาร์ดิโอ เพื่อให้ร่างกายได้เบิร์น หากบ่าว – สาวปฏิบัติได้อย่างเคร่งครัด รับรองว่าเห็นผลแน่นอน”

ฝากคำแนะนำให้บ่าว – สาว

“การจะได้หุ่นที่เฟิร์มกระชับและน้ำหนักที่ลดลง อย่างแรกต้องปรับ เรื่องอาหาร ต่อมาคือออกกำลังกายสม่ำเสมอ ส่วนบ่าว – สาวที่อยากจะเข้า โปรแกรมฟิตหุ่นควรเตรียมตัวล่วงหน้าอย่างน้อย 6 เดือน และทำตามที่ เทรนเนอร์แนะนำอย่างเคร่งครัด หรือถ้าไม่ได้มาเล่นกับเทรนเนอร์ ก็สามารถสร้างกล้ามเนื้อเองได้ที่บ้านโดยการวิดพื้น ซิตอัพ และยกเวต เพื่อให้กล้ามเนื้อเฟิร์มกระชับ โดยแนะนำให้ซื้อดัมบ์เบลประมาณ 1 – 5 กิโลกรัมเพื่อใช้เล่นกับส่วนต่าง ๆ ที่ต้องการน้ำหนักที่แตกต่างกันไป เช่น น้ำหนักเบาไว้เล่นสำหรับช่วงไหล่หรือหลังแขน ส่วนน้ำหนักเยอะให้ใช้กับ ช่วงขาที่เป็นท่าสควอต โดยเล่นเวตประมาณ 3 วัน อีก 4 วันก็คาร์ดิโอ แค่นี้หุ่นก็เฟิร์มแล้วครับ”

ออกกำลังกาย เจ้าสาว

ว่าที่บ่าวสาวคนไหนอ่านแล้วเริ่มอยากฟิตหุ่นจริงจังก็อย่ารอให้ถึง 1-2 เดือนก่อนงานละคะ เพราะไม่อย่างนั้นคุณอาจจะต้องเหนื่อยหนักและมีวินัยมากกว่าเดิม เราแนะนำว่าให้เริ่มออกกำลังกายก่อนวันงานประมาณ 6 เดือนกำลังดีค่ะ ใครที่ชอบบทความนี้ เราแนะนำให้ คลิกอ่านเพิ่มเติม เคล็ดลับการทานอาหารและฟิตหุ่นฉบับกูรูสายฟิตเนส เมจิ อโณมา ที่นี่เลย

Credit photo: unsplash.com

ชุดแต่งงานไทยและสากลระดับ VVIP แบบสวยเสกได้ที่ Vanus First

หากพูดถึงชื่อแบรนด์ชุดแต่งงานที่ชื่อว่า Vanus Couture เชื่อว่าคงเป็นที่รู้จักในหมู่เจ้าบ่าว-เจ้าสาวเป็นอย่างดี และไม่นานนี้คุณสรรค์ สุดเกตุ เจ้าของแบรนด์ก็เพิ่งเปิดตัวร้าน Varich Suit เพื่อเอาใจว่าที่เจ้าบ่าวโดยเฉพาะ และด้วยฐานลูกค้าที่หลากหลายและเพิ่มขึ้นคุณสรรค์จึงถือโอกาสเปิดตัวอีกหนึ่งแบรนด์เพื่อเอาใจว่าที่บ่าว-สาวระดับวีไอพีกับแบรนด์ที่ชื่อ “Vanus First” ที่พิเศษถึงขั้นว่าอยากได้ ชุดแต่งงานไทย และชุดแต่งงานสากลแบบใด วัสดุพรีเมียมขนาดไหนว่าที่บ่าว-สาวสามารถรีเควสต์ได้เลยแบบไม่อั้น

Vanus First เป็นแบรนด์ชุดแต่งงานสไตล์ไหน เหมาะกับว่าที่บ่าว – สาวแบบใด

“แบรนด์ Vanus First เป็นชุดแต่งงานสไตล์ลักชัวรี่ เหมาะกับว่าที่บ่าว-สาวที่ต้องการชุดแต่งงานทั้งไทยและสากลแบบตัดซื้อ ตัวชุดเน้นดีเทลงานปัก วัสดุและผ้านำเข้าจากประเทศอังกฤษและอิตาลีเท่านั้น ที่สำคัญบ่าว-สาวสามารถรีเควสต์วัสดุที่ต้องการได้แบบไม่อั้น และสั่งทำทุกอย่างได้ตามต้องการ ส่วนความพิเศษของชุดไทยที่เพิ่มเข้ามาคือบ่าว-สาวสามารถสั่งตัดผ้าไหมชิ้นใหม่และเลือกเฉดสีได้ตามใจต้องการ โดยมีทีมดีไซเนอร์คอยให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด ซึ่งราคาของชุดแต่งงานจะเริ่มต้นที่ประมาณ 100,000 บาทขึ้นไป”

บริการของร้าน Vanus First ที่แตกต่างจากร้าน Vanus Couture

“แบรนด์ Vanus First นอกจากรองรับกลุ่มลูกค้าคนไทยแล้ว ยังสามารถดูแลกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติได้ด้วย โดยให้บริการและดูแลลูกค้าทุกคนในระดับ VVIP โดยที่ร้านจะมีพนักงานที่สามารถใช้ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาจีนได้ดีเพื่อความสะดวกในการให้บริการกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติ นอกจากนี้ยังมีบริการ dresser ที่จะไปช่วยแต่งตัวให้บ่าว-สาวฟรีในวันงาน ส่วนลูกค้าต่างจังหวัดอาจมีค่าบริการเพิ่มเติมอีกนิดหน่อย

“นอกจากนี้ Vanus First ยังมีบริการเครื่องประดับสำหรับชุดแต่งงานไทยให้ด้วย โดยเครื่องประดับทุกชิ้นทางร้านจะเป็นผู้ออกแบบและสั่งทำใหม่ทั้งหมดเพื่อให้เข้ากับชุดแต่งงานไทยของบ่าว-สาว โดยมีนักออกแบบผู้มีชื่อเสียงหลายท่านมาร่วมในการดีไซน์ โดยทาง Vanus First จะออกแบบและนำมาผสมผสานเพื่อให้เข้ากับชุดมากที่สุด ทำให้ลุคดูแตกต่างและลักชัวรี่มากขึ้นแต่ไม่ดูเยอะจนเกินไปยังคงมีความเป็นเจ้าสาวอยู่ภายใต้ความโก้ และความหรูหรา เมื่อจบงานบ่าว-สาวยังได้เครื่องประดับชิ้นนั้นกลับเป็นที่ระลึกเพื่อมอบให้ลูกหลานต่อไปในอนาคตได้อีกด้วย”

จุดเด่นของแบรนด์ Vanus First

“น่าจะเป็นเรื่องของผ้าปักที่ไม่เหมือนกับร้านอื่นที่เราสามารถทำได้แล้ว โดยร้านเลือกใช้ผ้าปักเข้ามาแทนการใช้ผ้าลูกไม้โดยเป็นการส่งไปปักที่ต่างประเทศทั้งหมด ซึ่งผ้าปักจะมีทั้งแบบทอเครื่องและการปักแบบแฮนด์เมด โดยผ้าปัก 1 เมตรราคาอยู่ที่ประมาณ 3,000 บาท ซึ่งปัจจุบันแบรนด์ชุดแต่งงานดังๆ ของต่างประเทศก็หันมาใช้ผ้าปักกันมากขึ้น

“ชุดแต่งงานโดยทั่วไปจะใช้เทคนิคการปักคริสตัลเม็ดเล็กๆ ทับลงไปบนลูกไม้เพื่อให้เกิดเป็นลวดลายที่โดดเด่น แต่ผ้าปักเป็นผ้าที่สร้างลวดลายขึ้นมาโดยการปักทั้งหมด มีกระบวนการผลิตประมาณ 4 เดือนขึ้นไป ซึ่งชุดแต่งงานแบบผ้าปักเหมาะสำหรับสวมใส่ในพิธีฉลองมงคลสมรสช่วงค่ำ เพราะคริสตัลจะระยิบระยับเล่นกับแสงไฟได้มากกว่าผ้าลูกไม้ปกติ

“จุดเด่นอีกอย่างคือการใช้กราฟิกดีไซน์เข้ามาช่วยในเรื่องการออกแบบชุดเจ้าสาว เพื่อให้เห็นเลเยอร์ของเนื้อผ้าและภาพรวมของชุดทั้งหมด และสามารถนำรูปหน้าของเจ้าสาวมาใส่ในโปรแกรมเพื่อดูว่าเหมาะกับชุดแต่งงานแบบไหนได้ด้วย โดยที่ร้านจะขึ้นแบบเป็นกราฟิกดีไซน์มาให้เจ้าสาวดูก่อนที่จะลงมือทำชุดจริง ซึ่งจะทำในรูปแบบ 3D สามารถดูได้แบบ 360 องศา เพราะฉะนั้นข้อผิดพลาดในการทำชุดแต่ละชุดจึงน้อยมาก เพราะทางร้านใช้รูปนี้เป็นหลักในการตัดเย็บและหลังจากเสร็จงานยังให้ภาพนี้แก่เจ้าสาวได้เก็บไว้เป็นที่ระลึกอีกด้วย”

เรียกได้ว่าการมาใช้บริการที่ Vanus First นอกจากบ่าว-สาวจะได้ชุดแต่งงานสวยๆ ในวันแต่งงานแล้ว ยังเหมือนได้ของที่ระลึกกลับไปเพื่อเก็บช่วงเวลาสุดพิเศษนี้เอาไว้ให้ลูกหลานได้ดูอีกด้วย

ดูแบบชุดแต่งงานร้าน Vanus Couture เพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย!

เครดิตร้าน Vanus First
โทร. 09-1750-1111
เฟซบุ๊ก : Vanus First – วนัชเฟิร์ส
ไอจี : @vanusfirst_official“

ก่อนเลือกสถานที่จัดงานแต่งงาน ว่าที่บ่าวสาวควรรู้เรื่องเหล่านี้ก่อน

เรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการเลือก สถานที่จัดงานแต่งงาน

เมื่อได้ฤกษ์มาแล้ว สถานที่จัดงานแต่งงาน ก็มักจะเป็นเรื่องแรกๆ ที่ว่าที่บ่าวสาวจะนึกถึงและกังวลว่าจะได้สถานที่ตามที่ตั้งใจไว้หรือเปล่า แต่ก่อนที่จะตรงดิ่งไปจองสถานที่ แพรว wedding มีสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่บ่าวสาวอาจจะหลงลืมจนไม่ทันคิดมาฝาก แถมสิ่งเหล่านี้ยังเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่จะช่วยให้ว่าที่บ่าวสาวเลือกสถานที่ได้เวิร์กอีกด้วย

  • ลิสต์จำนวนแขกให้ใกล้เคียงความเป็นจริงมากที่สุดแล้วจึงฟันธงเลือกห้อง หากกะประมาณคร่าวๆ จะเจอปัญหาเลือกห้องใหญ่เกินไป ส่งผลไปถึงค่าอาหารบานปลายและสูงขึ้นโดยไม่จำเป็น ซึ่งโดยปกติจะมีแขกมาร่วมงาน 80 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนการ์ดเชิญทั้งหมด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าจัดงานวันไหน ตามสถิติแล้ว ถ้าจัดงานในวันธรรมดา การ์ด 1 ใบอาจมีแขกมา 2 คน แต่ถ้าเป็นวันหยุด การ์ด 1 ใบอาจมีแขกมาสูงสุดถึง 5 คน (ในกรณีที่บุคคลที่บ่าวสาวเชิญไปมีครอบครัวแล้ว)
  • อย่าเลือกห้องเล็กไว้ก่อน เพียงเพราะคิดว่าจะประหยัดกว่า เพราะสุดท้ายแล้วหากแขกเกินก็ต้องจ่ายส่วนต่างอาหารที่คิดเพิ่มนอกแพ็คเกจ ซึ่งมักคิดราคาตามจำนวนคน

สถานที่จัดงานแต่งงาน

  • เลือกห้องที่ตกแต่งสวยงามพร้อมอยู่แล้ว เพราะจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการตกแต่งสถานที่
  • ในกรณีเช่าแค่สถานที่ และสถานที่นั้นไม่ใช่โรงแรม ควรเช็กให้ถี่ถ้วนว่าสถานที่นั้นให้อะไรเพิ่มเติมนอกเหนือจากห้องเปล่าๆ บ้าง เช่น เครื่องเสียง ลำโพง จอโปรเจ็กเตอร์ ไฟฟอลโลว์ โต๊ะ เก้าอี้ พนังานช่วยอำนวยความสะดวก ฯลฯ
  • ใช้บริการอาหารที่สถานที่นั้นๆ แนะนำ เพราะไม่ต้องเสียค่านำเข้าอาหารเพิ่มเติม
  • เลือกเมนูอาหารแพ็คเกจต่ำที่สุดแล้วเสริมด้วยซุ้มอาหารจะคุ้มกว่า โดยสั่งเมนูอาหารค็อกเทลแค่ 70-80 เปอร์เซ็นต์ของแขก แล้วเพิ่มซุ้มอาหารเฉลี่ยให้ครอบคลุม 100 เปอร์เซ็นต์
  • จัดงานแต่งแบบอินดอร์ประหยัดกว่าแบบเอ้าท์ดอร์ เพราะไม่ต้องเสียค่าเช่าเต๊นท์ พัดลม และระบบไฟเพิ่ม
  • ข้อดีของการจัดงานที่บ้านคือ ไม่เสียค่าสถานที่ ไม่เสียค่านำเข้าอาหาร แต่มีข้อเสียคือ อาจต้องเสียค่าเช่าโต๊ะเก้าอี้เพิ่ม และความเรียบร้อยหรือบริการต่างๆ อาจไม่เป๊ะเท่าโรงแรม
  • สุดท้ายหากบ่าวสาวส่งการ์ดเชิญแขก 300 ใบ ควรมีอาหารอย่างน้อย 6-7 ซุ้ม โดยมีปริมาณอาหารรวม 900-1,200 ชาม เป็นอาหารหนักประมาณ 350 ชาม และเตรียมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 4-6 ลัง และถ้าเสิร์ฟไวน์ด้วยก็ให้สั่งเพิ่มอีก 4-6 ลังเช่นกัน

บทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานที่จัดงานแต่งงาน >>> 8 อย่างขอให้เช็คและเห็นกับตาเมื่อออนทัวร์สถานที่จัดงานแต่งงานในฝัน

ภาพ unsplash.com, pinterest.com

9 เรื่องบ่าวสาวต้องเตรียมพร้อมเพื่อพิธีสงฆ์ในงานแต่งผ่านฉลุย

ต่อไปนี้คือสิ่งที่บ่าวสาวต้องเตรียมสำหรับ พิธีสงฆ์

หนึ่งในพิธีการสำคัญวันแต่งงานของบ่าวสาวชาวไทยก็คือ พิธีสงฆ์ ที่ถือปฏิบัติกันต่อๆ มาตั้งแต่สมัยโบราณจนกระทั่งทุกวันนี้ ซึ่งในการเตรียมพิธีสงฆ์นี้บางคู่ก็เลือกวิธีง่ายๆ คือให้ทางวัดหรือทางเจ้าของสถานที่เป็นผู้จัดการให้ แต่สำหรับบางคู่ที่อยากดูแลพิธีนี้ด้วยตัวเอง เพราะจัดเป็นการภายในหรือมีวัดที่สนิทกันเป็นพิเศษ ต้องไม่ลืมเตรียมพร้อมกับ 9 เรื่องต่อไปนี้นะคะ

1. เตรียมการนิมนต์พระ

บางบ้านนับถือเพียงวัดเดียว บางบ้านมีหลายวัดที่ไปทำบุญบ่อยๆ ดังนั้นสิ่งที่ต้องตัดสินใจให้ได้ก่อนก็เรื่องนี้แหละค่ะ จะไปนิมนต์พระมาจากวัดไหน ซึ่งเวลาที่จะไป อย่าเพียงแค่บอกกับทางวัดว่าจะแต่งงานแล้วเชิญมาทำพิธี เพราะพระท่านก็มีศาสนกิจอื่นๆ ที่ต้องทำ ดังนั้นเตรียมข้อมูลแน่ๆ ไปเลยว่าจะนิมนต์มาในวันไหน สถานที่ใด มีพิธีอะไรบ้าง จะมีเลี้ยงเพลหรือไม่ และมีคนมารับพระจากวัดไปหรือไม่ ติดต่อประสานงานกับใคร โดยอาจเป็นการนิมนต์ด้วยวาจาล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วัน กำลังดี หรือใช้ใบอาราธนาที่เรียกว่า “ฏีกานิมนต์” เพื่อแจ้งวัตถุประสงค์ให้พระสงฆ์

2. เตรียมพร้อมสถานที่

การเตรียมพร้อมของสถานที่ไม่ใช่แค่การทำความสะอาดพื้นที่ให้เอี่ยมอ่อง แต่คือการคำนวณพื้นที่ให้พอดีกับจำนวนพระสงฆ์ที่นิมนต์มา พื้นที่สำหรับบ่าวสาวประกอบพิธี และพื้นที่สำหรับแขกที่เชิญมาร่วมพิธี ดังนั้นว่าที่บ่าวสาวจึงควรเลือกห้องหรือพื้นที่ที่ตอบโจทย์ที่ว่านี้ทั้งหมด จากนั้นทำความสะอาดให้เรียบร้อยเพื่อเตรียมพร้อมการจัดเครื่องใช้ในพิธีต่อไป

3. เตรียมจัดอาสนะและเครื่องใช้สำหรับพระสงฆ์

ว่าที่บ่าวสาวส่วนใหญ่เลือกใช้วิธียืมของจากทางวัด โดยแจ้งให้เจ้าหน้าที่วัดมาดูแลจัดให้ก็ได้ หรือหากคู่ไหนมีความรู้ในการจัดสถานที่ในพิธีสงฆ์ก็อาจไปรับอาสนะและอุปกรณ์อื่นๆ มาก่อนหนึ่งคืนแล้วจัดวาง แต่สิ่งที่ควรระลึกเสมอคือ ข้าวของเครื่งใช้ต่างๆ ของพระสงฆ์ต้องอยู่สูงกว่าที่นั่งของฆราวาสเสมอ

4. จัดเตรียมที่พุทธบูชา

สิ่งที่ขาดไม่ได้อีกอย่างในการจัดพิธีสงฆ์คือ การตั้งพระพุทธรูปบูชาและโต๊ะหมู่บูชา โดยจะจัดเป็นโต๊ะหมู่ 5 หมู่ 7 หรือหมู่ 9 ก็ได้แล้วแต่พื้นที่และความสะดวกของแต่ละคู่ แต่จะต้องตั้งโต๊ะหมู่พร้อมด้วยเครื่องบูชาอันประกอบด้วย แจกัน เชิงเทียน กระถางธูป แต่ถ้าไม่สามารถหาโต๊ะหมู่ได้ ก็สามารถใช้โต๊ะที่ความสูงกำลังพอดีๆ แล้วปูด้วยผ้าขาวแล้วตั้งพระพุทธรูป พร้อมเครื่องบูชา โดยในการตั้งพระพุทธรูปควรตั้งหันหน้าไปทางทิศตะวันออก เพราะถือว่าเมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้พระองค์หันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก แต่ถ้าสถานที่ไม่อำนวย ก็ควรตั้งหันหน้าไปทางทิศเหนือ ส่วนทิศนอกจากนั้นไม่นิยมตั้ง และพระพุทธรูปควรอยู่ทางขวามือของพระสงฆ์

5. เตรียมบาตรน้ำพระพุทธมนต์และอุปกรณ์ประกอบ

ขันน้ำมนต์และน้ำสะอาดสำหรับทำน้ำมนต์ เป็นอุปกรณ์ที่หลายคู่มักลืมและคิดว่าพระสงฆ์ต้องมีติดตัวมาเสมอ แต่ในความจริงแล้ว คุณว่าที่ทั้งหลายควรย้ำกับทางวัดว่า ช่วยเตรียมมาให้ด้วย แล้วตัวคุณเองก็ทำหน้าที่เตรียมน้ำสะอาดไว้ โดยตั้งไว้ด้านขวามือของพระผู้เป็นประธานสงฆ์ในพิธี พร้อมกับเทียนสำหรับทำน้ำมนต์ 1 เล่ม ควรเป็นเทียนขี้ผึ้งแท้หนัก 1 บาท ติดไว้ที่ขอบปากบาตรหรือภาชนะใส่น้ำมนต์ และเตรียมที่พรมน้ำพระพุทธมนต์ไว้ซึ่งทำจากหญ้าคามัดเป็นกำตัดปลายและรากทิ้งยาวประมาณ 1 ศอก

พิธีสงฆ์

6. เตรียมอุปกรณ์ทำแป้งเจิม

แป้งกระแจะเจิมหน้าผากของคู่บ่าวสาวเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่พระสงฆ์ที่นิมนต์มาเป็นผู้ทำให้ ว่าที่บ่าวสาวจึงต้องเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม ไม่ว่าจะเป็นดินสอพองและน้ำอบ

7. เตรียมด้ายสายสิญจน์

ด้ายสายสิญจน์เป็นอีกสิ่งที่บ่าวสาวต้องเช็คกับทางวัดให้ดีๆ ว่ามีเตรียมมาให้หรือไม่ หากต้องไปซื้อมาเตรียมเองต้องเช็คให้ดีๆ ว่าเป็นด้ายแบบไหน ส่วนการวางเส้นสายสิญจน์จะวนจากซ้ายไปขวาตามเข็มนาฬิกา และวางไว้ในตำแหน่งที่สูงอย่าให้ใครข้ามได้ โดยจะวนรอบฐานพระพุทธรูป รอบภาชนะน้ำมนต์ แล้ววางสายสิญจน์ที่เหลือบนพานไว้ใกล้กับพระสงฆ์ผู้นั่งเป็นประธาน

8. เตรียมตัวรับพระ

อย่าคิดว่าการรับพระสงฆ์จะจบแค่ตรงที่ส่งรถไปรับที่วัดเท่านั้น เพราะคำว่ารับพระในที่นี่หมายถึง รับพระสงฆ์ลงจากรถมายังในตัวบ้านหรือบริเวณทำพิธี โดยวิธีการเตรียมพร้อมคือ ว่าที่บ่าวสาวออกไปกราบอาราธนานิมนต์ให้พระสงฆ์เข้าไปในบ้านหรือสถานที่ประกอบพิธี โดยก่อนหน้าควรจัดเตรียมให้คนล้างเท้าและเช็ดเท้าพระสงฆ์ด้วยเพื่อความเป็นสิริมงคล เมื่อพระสงฆ์นั่งบนอาสนะเรียบร้อยแล้ว เจ้าภาพถวายน้ำร้อน น้ำเย็น และเครื่องรับรองอื่นๆ และมีการพูดคุยบ้างตามสมควร อย่าปล่อยให้ท่านนั่งอยู่เหมือนไม่มีใครเอาใจใส่เด็ดขาด

9. เตรียมการถวายข้าวพระพุทธ

มีพิธีการอีกอย่างหนึ่งที่ชาวพุทธควรรู้ คือการถวายข้าวพระพุทธ เนื่องจากในโบราณประเพณีถือปฏิบัติกันว่า พระภิกษุสงฆ์ที่นิมนต์มานั้นมีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข จึงต้องถวายพระองค์ด้วย ถึงแม้พระองค์จะปรินิพพานไปนานแล้วก็ตามดังนั้นบ่าวสาวจึงต้องเตรียมข้าวสำหรับถวายพระพุทธที่ตั้งไว้ที่โต๊ะหมู่ด้วยนะคะ

เตรียมของเสร็จแล้วก็ไปเตรียม ลำดับพิธีสงฆ์ในงานแต่งแบบไทย จัดมาให้แบบเป๊ะทุกขั้นตอน

เรื่อง : ดอกปีบ
ภาพ : งานแต่งงานคุณแอนและคุณเจมส์ โดย Box Wedding

แต่งหน้าเจ้าสาว สไตล์สาวหน้าไทย สวยหน้าหมวย สาวสายฝอ ลุคไหนถึงจะรอด?!

รวบรวมไอเดียลุค แต่งหน้าเจ้าสาว สำหรับสาวไทยหลากหลายลุค ตั้งแต่สาวหม๊วยหมวย สาวหน้าไท๊ยไทย ไปจนถึงสาวสายฝอสไตล์คมเข้ม ลุคไหนพัง ลุคไหนรอด ต้องมาดู!

เราได้ข่าวมาว่า เหล่าว่าที่เจ้าสาวหลายคนชอบเซฟภาพสวยๆ จาก Pinterest เพื่อเอามาไว้เป็นไอเดียการจัดงานแต่งงานต่างๆ ตั้งแต่ ดอกไม้ การ์ด ของชำร่วย ชุดเจ้าสาว ไปจนถึงทรงผมและเมกอัพเจ้าสาว แต่…แต่…แต่!! สาวๆอย่าลืมว่า ใน Pinterest  ภาพส่วนใหญ่มาจากฝั่งอเมริกาหรือยุโรป ซึ่งถ้าหากเป็นไอเดียอื่นๆ ก็คงใช้ได้ แต่ถ้าหากเป็นไอเดียทรงผมหรือเมกอัพเจ้าสาวแล้วละก็ อย่าลืมว่าพวกเราสาวไทยนั้นโครงหน้าเอย สีผมเอย สีตาเอย ไม่เหมือนสาวฝอผมทองนะจ๊ะ การจะเอาภาพเมกอัพหรือทรงผมของสาวฝอไปโชว์ช่างแต่งหน้าทำผมเจ้าสาวนั้น ช่างอาจจะมีอาการกุมขมับเพราะเมื่อมันมาอยู่บนตัวเราสาวหน้าหม๊วยหมวย หรือหน้าไท๊ยไทยนั้นอาจจะไม่รอด อย่ากระนั้นเลย เรานำเอาไอเดียเมกอัพลุคสำหรับวันแต่งงาน ของเจ้าสาวไทยโดยเฉพาะ ไม่ว่าคุณจะเป็นสาวหมวยกากี่นั้ง สาวหน้าไทยแท้ดั้งเดิม หรือสาวหน้าคมเข้มสไตล์สายฝอ มาดูกันเลยว่าเมกอัพลุคแบบไหนที่เหมาะกับเราจริงจัง แบบช่างแต่งหน้าไม่ต้องกุมขมับจ้า

สาวหมวยจริงจัง ตาชั้นเดียวมาแต่ไกล

แต่งหน้าเจ้าสาว

ข้อดีของสาวหมวยคือเมื่อลงสีอายแชโดว์ที่ดวงตาสไตล์สโมกกี้อายส์จะเห็นสีชัดและทำให้ดวงตาดูโดดเด่น แม้ว่าข้อด้อยของสาวหมวยหลายคนที่เรามักจะเจอคือรูปหน้าที่ค่อนข้างกลม และมีเนื้อแก้ม (แต่เรากลับรู้สึกว่าเป็นข้อดีเพราะทำให้หน้าดูเด็กนะ) เราสามารถแปรเปลี่ยนตรงนี้ให้เป็นจุดเด่นได้ด้วยการแต่งหน้าเน้นพวงแก้มเอิบอิ่มให้ดูแบ๊วเป็นสาวเกาหลีน่ากอด หรือเน้นดวงตาให้ดูกลมโต ลงสีลิปสติกเบาๆใสๆ ก็ยิ่งดูน่ารักอ่อนกว่าวัยไปอีกค่ะ

แต่งหน้าเจ้าสาว

15 ไอเดียธีมลูกโป่ง เสริมบรรยากาศงานแต่งให้น่ารักมุ้งมิ้ง

นอกจากดอกไม้แล้ว อีกสิ่งที่จะช่วยเสริมงานแต่งของบ่าวสาวให้ดูน่ารักสดใสก็คือ ลูกโป่งขนาดใหญ่หลากขนาดหลายสีสีสัน แพรว wedding เลยจะขอพาบ่าวสาวกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง กับ 15 ไอเดีย ธีมลูกโป่ง ที่ไม่ว่าจะตกแต่งไว้ตรงไหนมุมใดก็สะดุดตาแน่นอน

ธีมลูกโป่ง

สร้าภาพถ่ายให้น่ารักด้วยลูกโป่งช่อโต ยิ่งสลับขนาดเล็กใหญ่และมีสีสันสดใสรับรองว่าจะเป็นภาพถ่ายที่น่าประทับใจแน่นอน

สร้างงานแต่งให้เป็นงานอาร์ตด้วยสายรุ้งลูกโป่ง หลากเฉดสีและต่างขนาด

ถ้าบนโต๊ะอาหารที่เรียงรายไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ยังทำให้บ่าวสาวรู้สึกสดชื่นไม่พอ ลองเพิ่มความแฟนซีด้วยบอลลูนน่ารักๆ ดูสิคะ

เปลี่ยนจากเถาวัลย์ที่เลื้อยเลาะบนโต๊ะอาหาร มาเป็นการมิกซ์ลูกโป่งหลากขนาดที่มีสีสันสดใสเข้ากับธีมงานแต่งดูสิคะ แล้วนำใบไม้สีเขียวชอุ่มมาแซมเพิ่มเติมเพื่อความสดชื่นอีกนิด เท่านี้ก็ได้โต๊ะอาหารแนวใหม่เพิ่มลุคที่น่าสนใจให้กับงานแต่งแล้ว คำเตือน : ระวังสิ่งของมีคมทั้งหลายบนโต๊ะอาหารกันด้วยนะคะ

อีกหนึ่งกิมมิกสุดน่ารัก กับการเติมลูกโป่งไว้ท้ายรถ

หากบ่าวสาวรู้สึกไม่ชอบใจผนังของสถานที่จัดงานแต่งงาน ก็มาเนรมิตแบ็คดรอปแนวใหม่ที่เต็มไปด้วยลูกโป่ง ก็เป็นอีกหนึ่งไอเดียที่ไม่เลว รับรองว่าถ่ายรูปออกมามุมไหนก็น่ารักสดใสเหมือนได้ย้อนวัยอีกครั้งแน่นอน

หากสถานที่จัดงานแต่งงานของบ่าวสาวมีสระว่ายน้ำล่ะก็อย่าปล่อยให้พื้นที่ตรงนั้นโล่งว่าง มาเติมลูกโป่งให้ลอยอยู่เหนือผิวน้ำกันดีกว่า ซึ่งถ้าหากเป็นงานกลางคืนอาจจะต้องเลือกลูกโป่งที่มีสีสันโดดเด่นในความมืดสักหน่อย แล้วเพิ่มความโรแมนติกด้วยแสงเทียนบนผิวน้ำอีกนิด เท่านี้ก็สวยจบแล้วล่ะ

เติมความเก๋ให้กับผนังด้วยแบ็คดรอปลูกโป่งที่เรียงรายลงมาเป็นแถวยาว โดยอาจจะไล่เรียงตามเฉดสีจากเข้มไปอ่อน รับรองว่าจะเป็นอีกหนึ่งมุมที่แขกแย่งกันถ่ายรูปแน่นอน

หากคุณเป็นบ่าวสาวสายปาร์ตี้ที่รักความสนุกสนาน ต้องไม่พลาดกับไอเดียเพดานลูกโป่ง

ใครว่าธีมงานแต่งแบบรัสติกที่มีแต่งานไม้จะมีลูกโป่งน่ารักๆ ตกแต่งไว้ไม่ได้ เพราะเพียงแค่เลือกลูกโป่งสีอ่อน แล้วเสริมด้วยเถาวัลย์สีเขียว เท่านี้ก็ได้ความน่ารักสดใสในสไตล์รัสติกแล้ว

แบ็คดรอปลูกโป่งที่งานนี้ไม่ต้องเน้นเยอะเป็นแผง แต่เน้นในเฉดสีสดใสก็ให้ลุคปังกว่างานไหนๆ แล้ว

เพิ่มจุดถ่ายรูปที่น่าสนใจอีกหนึ่งจุดในลุคสุดทันสมัยด้วยลูกโป่งขนาดใหญ่ที่อาจจะจับคู่กับโลโก้อักษรย่อของบ่าวสาวที่มีไฟระยิบระยับ

เปลี่ยนจาก flower girl มาเป็น balloon girl รับรองว่างานนี้เด็กๆ จะสนุกกับการถือลูกโป่งมากกว่าดอกไม้แน่นอน แต่อาจจะต้องหาสายคล้องมือไว้สักนิดนะคะ เพราะถ้าจับไม่แน่นเดี๋ยวลูกโป่งหลุดมือไปแล้วล่ะก็แย่เลย

เติมบรรยากาศงานแต่งเอ้าท์ดอร์ให้ดูโมเดิร์นด้วยการลอยบอลลูนขนาดยักษ์ไว้ทั่วงาน แล้วตกแต่งบอลลูนให้น่ารักด้วยการหาผ้ามุ้งเฉดสีเดียวกันหรือเข้ากับธีมงานหุ้มเอาไว้ด้านนอกก็ช่วยเพิ่มลุคโรแมนติกให้กับงานแต่งของบ่าวสาวได้ไม่น้อย

ทางเดินเข้างานที่เรียงรายไปด้วยลูกโป่ง แล้วพรางเชือกที่ลอยลูกโป่งไว้ด้วยเถาวัลย์ที่มีใบไม้กระจุ๋มกระจิ๋มพร้อมแซมดอกไม้ดอกเล็กๆ เสริมอีกนิดก็ยังได้

Cr. brides.com, aileendockerty.ca

ดูไอเดียและคำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับงานแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!