3 ร้านสูทเจ้าบ่าวใจกลางย่านสยามแสควร์ที่หนุ่มๆ ต้องไปโดนสักครั้ง

ร้านสูทเจ้าบ่าว พอถึงเวลาที่หนุ่มๆ จะต้องใช้กลับนึกไม่ออกว่ามีที่ไหนบ้าง แพรว wedding เลยจะมาเป็นไกด์พาหนุ่มๆ ที่กำลังจะเป็นเจ้าบ่าว รวมถึงแก๊งเพื่อนเจ้าบ่าวไปบุกใจกลางเมืองย่านสยามแสควร์กับ 3 ร้านสูทเจ้าบ่าวที่มีสไตล์และเอกลักษณ์เฉพาะตัวสุดๆ หากพร้อมแล้วก็ตีตั๋วแล้วเดินทางไปพร้อมกันเลยจ้า

 

DGRIE

สำหรับว่าที่เจ้าบ่าวที่อยากได้สูทสำหรับวันแต่งงานที่ไม่ซ้ำใครในสไตล์ Formal & Casual Menswear ต้องมาที่ร้านสูท DGRIE เพราะที่นี่มีจุดเด่นอยู่ที่สไตล์การออกแบบและตัดเย็บแบบ Bespoke, Made to Order หรือ Tailor Made โดยสูททุกชุดได้รับการออกแบบและตัดเย็บในระดับคุณภาพสูงในระดับสากลจากทีมงานผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ที่ใส่ใจในการผลิตทั้งทางด้านฝีมือควบคู่ไปกับคุณภาพ พร้อมตอบโจทย์ทุกภาพลักษณ์ของเจ้าบ่าวให้ออกมาในสไตล์ลักซ์ชัวรี่ผ่านเนื้อผ้าคุณภาพดีจากเนื้อผ้าเส้นใยขนสัตว์ที่มีคุณภาพส่งตรงจากยุโรป รวมถึงเนื้อผ้าชั้นนำหลากหลายรูปแบบจากอิตาลีและอังกฤษที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นเส้นใยผ้าที่ดีที่สุดในโลก พร้อมเส้นใยการผลิตเนื้อผ้าระดับสูงแบบ Super Wool ที่เจ้าบ่าวสามารถเลือกได้ตามใจชอบ และด้วยดีไซน์แฟชั่นสมัยใหม่ที่นำมาผสมผสานให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันออกไปของผู้สวมใส่แต่ละคน จึงช่วยให้คุณดูเป็นชายหนุ่มที่ดูดีมีรสนิยม โดยที่ร้านมีทั้งสูทสไตล์คลาสสิคดั้งเดิม และสูทที่ตัดเย็บแบบที่เป็นทางการเพื่อให้เหมาะกับวันสำคัญของเจ้าบ่าว พร้อมบริการที่สะดวกและรวดเร็ว

นอกจากนี้ที่ร้านยังมีแอ็คเซสซอรี่สำหรับคุณผู้ชายไว้อย่างครบครันทั้งโบไท เนคไท รองเท้าและเครื่องประดับอื่นๆ โดยเครื่องประดับเป็นแบบพรีเมี่ยมทุกชิ้นเพราะที่ร้านมีโรงงานการผลิตที่สามารถควบคุมคุณภาพของสินค้าให้อยู่ในระดับมาตรฐานแบบลักซ์ชัวรี่ที่โดดเด่นด้วยสไตล์และเอกลักษณ์อันชัดเจน

ติดต่อร้าน DGRIEสาขาสยามสแควร์ร้านเปิดทุกวันเวลา11.30 – 20.30 น. โทร. 02-658-4899,08-2770-7770,09-2476-4924และสาขาสาทร-นราธิวาสราชนครินทร์ ร้านเปิดทุกวันเวลา 11.00 – 20.00 น โทร. 0-2053-3199, 08-2770-7770,08-9355-0555
ไลน์ : @Dgrie
เว็บไซต์ : www.dgrie.com
เฟซบุ๊ก : facebook.com/dgrie
ไอจี : instagram.com/dgrie

 

GM”C

ร้านสูท GM”C เป็นร้านที่ได้ความไว้วางใจจากลูกค้าและบริษัทชั้นนำทั้งในและต่างประเทศมาตั้งแต่ปี 1978 จนถึงปัจจุบัน ตั้งอยู่ที่สยามแสควร์ ซอย 6 จุดเด่นของร้าน GM”C เหมาะสำหรับว่าที่เจ้าบ่าวเวลาน้อยที่ไม่อยากเสียเวลาเข้าเมืองเพื่อชุดสูทชุดเดียวบ่อยๆ เพราะที่ร้าน GM”C เป็นร้านสูทแบบสั่งตัดที่ได้รับเร็วทันใจภายใน 3-7 วัน พร้อมขั้นตอนสุดเป๊ะแบบจัดเต็มทั้งวัดตัว ฟิตติ้ง และนัดรับชุด โดยมีสไตลิสต์คอยให้คำแนะนำในเรื่องต่างๆ พร้อมการดีไซน์ชุดให้เข้ากับรูปร่างคัตติ้งเนี้ยบสวยเนรมิตได้ทุกลุค และการเลือกสีสูทให้เข้ากับสีผิวของผู้สวมใส่ให้มากที่สุดด้วยเนื้อผ้าและเฉดสีกว่า 1,000 แบบ โดยเน้นทุกขั้นตอนและให้ความพิถีพิถันเพื่อให้ว่าที่เจ้าบ่าวดูดีที่สุดในสำคัญ ที่สำคัญที่ร้าน GM”C ยังเน้นการออกแบบชุดสูทให้ว่าที่เจ้าบ่าวสามารถนำไปใช้ต่อได้ในอีกหลากหลายโอกาสอีกด้วย แถมงานนี้ที่ร้านยังมีบริการ Express Service ฟรี! ไปอีก

ราคาเริ่มต้น: สูทและกางเกง 4500++ บาท และเสื้อเชิ้ตเริ่มต้นที่ 1,200 บาท

สาขาให้บริการ : Amarin Plaza ชั้น 2, MBK Center ชั้น 3, Siam Square ซอย 6, The Up พระราม 3

 

SUITCUBE

เจ้าบ่าวหรือเพื่อนเจ้าบ่าวแก๊งไหนที่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว ไม่ยุ่งยาก ร้าน SUITCUBEถือว่าตอบโจทย์สุดๆ เพราะเป็นร้านสูทสำเร็จรูปที่มีสูทหลากหลายทรงที่เหมาะกับทุกสรีระของหนุ่มๆ ให้เลือกในราคาเพียง 3,900-4,400 บาท ราคารวมเสื้อสูทและกางเกง และขึ้นอยู่กับแต่ละรุ่น ซึ่งสูทแต่ละรุ่นจะมี 6-8 ไซส์ โดยจะมีตั้งแต่รอบเอว 29 ไปจนถึงรอบเอว 44 นิ้ว และรอบอกไม่เกิน 50 นิ้ว พร้อมมีบริการปรับแก้ทรงให้เหมาะสมกับสรีระของลูกค้าให้ได้เพอร์เฟ็กต์แบบ 100%ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมประมาณ 300-500 บาท แต่ถ้าหากปรับแก้ไซส์แล้วลูกค้าไม่สามารถใส่ได้จริงๆ ทางร้านก็สามารถวัดตัวเพื่อตัดสูทชุดใหม่ให้กับลูกค้าได้ ซึ่งสูทที่สั่งตัดพิเศษนี้ราคาจะเริ่มต้นที่ 6,000 บาท โดยลูกค้าสามารถเลือกเนื้อผ้าและเลือกทรงได้ตามใจ พร้อมมีผู้เชี่ยวชาญที่คอยให้คำแนะนำ

ราคาเริ่มต้น :สูทสำเร็จรูปราคา 3,900-4,400 บาท และสูทสั่งตัดพิเศษเริ่มต้นที่ราคา 6,000 บาท

ติดต่อร้านSUITCUBEมีบริการทั้งหมด 9 สาขาใกล้บ้านคุณ สาขาสยามแสควร์, เทอร์มินอล 21, พระราม 3 ถนนยานนาวา, The Promenade, Secon Square, เซ็นทรัล เฟสติวัล เชียงใหม่, ลาดพร้าว MOVE AMAZE, ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต, เดอะมอลล์ โคราช

 

 

อ่านคำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องเสื้อผ้าเครื่องแต่งงานของเจ้าบ่าวและแก๊งเพื่อนเจ้าบ่าวเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยแต่งชุดไทยพระราชนิยมให้สมส่วนสวยปังในวันวิวาห์

เคยสงสัยกันไหมคะว่า ทำไมชุดไทยสวยๆ อย่าง ชุดไทยพระราชนิยม  พอมาอยู่บนตัวคุณกลับดูไม่เป๊ะ นั่นก็เพราะชุดที่ใส่ยังไม่สมส่วนกับเรือนร่างของคุณไงคะ วันนี้เราเลยอยากจะพาสาวๆ มาทอล์กเฉพาะเรื่องความยาวของชุดไทย รับรองได้ว่า ไม่ว่าครั้งไหนที่คุณหยิบชุดไทยมาใส่ สาวๆ หนุ่มๆ ต้องสวยหล่อปังแน่

อย่างแรกที่เราอยากจะบอกสาวๆ ก่อนเลยก็คือ ชุดแต่งงานไทยจะใช้แนวความคิดที่ว่า ยิ่งยาว ยิ่งพอง ยิ่งสวยอลังการ เหมือนชุดแต่งงานสากล ไม่ได้! มิเช่นนั้นมันจะดูรุ่มร่าม ไม่สวยงามตามแบบฉบับหญิงไทย

1. ความยาวของสไบ

คราวนี้เรามาพิจารณากันที่ความยาวของสไบกันก่อนเลยค่ะ โดยชุดไทยที่เป็นการห่มสไบจะมีอยู่ 3 แบบ คือ ชุดไทยจักรี ชุดไทยศิวาลัย และชุดไทยจักรพรรดิ โดยความยาวของสไบมักจะอยู่ที่ 3 เมตร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดรอบลำตัวของเจ้าสาวด้วย ที่สำคัญคือ ต้องเลือกให้ความยาวของสไบยาวลงมาระพื้นพอสมควร อย่าปล่อยให้ยาวหรือกองที่พื้นมากเกินไป ดังนั้นถ้าเจ้าสาวเป็นคนตัวเล็ก อาจจะเหลือส่วนปล่อยชายเยอะ ก็ต้องเก็บขึ้นให้เหลือชายผ้าสไบยาวพอสมควร หรือถ้าเจ้าสาวเป็นคนอวบ รอบตัวหนา ก็อาจจะเลือกผ้าสไบที่ยาวขึ้นกว่าเดิม

จากซ้าย : ชุดไทยจักรพรรดิ (ชุดจากร้าน Amata), ชุดไทยจักรี (จากร้าน Costume Cafe), ชุดไทยศิวาลัย (จากร้านบางแสนมายเลิฟ เวดดิ้งสตูดิโอ)

สำหรับชุดไทยจักรพรรดิจะมีความพิเศษเพิ่มขึ้นมาอีกนิด คือ จะมีผ้าสะพักห่มทับสไบจีบอีกหนึ่งชั้น ซึ่งผ้าสะพักผืนนี้มักจะมีความยาวไม่เกิน 2.7 เมตร เมื่อห่มผ้าลงไปแล้ว ชายผ้าด้านหลังควรจะมีความยาวประมาณครึ่งน่อง แต่ในปัจจุบันก็อาจจะมีความยาวมากกว่าครึ่งน่องสักเล็กน้อย แต่ไม่นิยมให้ยาวพอดีกันกับผ้าสไบจีบชั้นใน

ชุดจากร้าน Dara Studio

2. ความยาวของแขนเสื้อ  

ต่อมาคือความยาวของแขนเสื้อสำหรับชุดไทยที่เป็นแขนกระบอกอย่าง ชุดไทยจิตรลดา ชุดไทยอมรินทร์ ชุดไทยบรมพิมาน และชุดไทยศิวาลัย ซึ่งทั้งหมดนี้ความยาวของแขนเสื้อจะอยู่ในระดับข้อมือ ส่วนชุดไทยเรือนต้นจะมีความแตกต่างเล็กน้อยคือ ความยาวของแขนเสื้อจะอยู่ในระดับเลยข้อศอกลงมาเล็กน้อย แต่ไม่ยาวจนถึงข้อมือ เรียกง่ายๆ ก็คือ ระดับแขน 3 ส่วนก็จะงาม

ชุดไทยบรมพิมาน (จากร้านเจ้านางเวดดิ้ง)

ชุดไทยประยุกต์สำหรับชุดไทยแขนหมูแฮมหรือชุดไทยประยุกต์แขนยาวผ้าลูกไม้แบบอื่นๆ ความยาวของแขนนิยมให้อยู่ในระดับข้อมือเช่นกัน

3. ความยาวของผ้านุ่ง

ปกติแล้วความยาวของผ้าจะอยู่ที่ 1.8-2 เมตร แต่ถ้าต้องนำมานุ่งแล้วจับจีบด้านหน้าก็ควรเลือกผ้าที่ยาวไม่ต่ำกว่า 3 เมตร โดยระดับความยาวของผ้านุ่งกับขาของเจ้าสาวเราจะขอแบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ
1. ยาวระดับข้อเท้า ซึ่งจะเป็นการนุ่งผ้านุ่งตามแบบฉบับไทยแท้แต่โบราณ
2. เลยข้อเท้าลงมา แต่ยังเปิดให้เห็นหน้าเท้าหรือปลายรองเท้าเพียงนิดหน่อย
3. ชุดไทยประยุกต์แบบยาวกร่อมพื้น

การเลือกความยาวของผ้านุ่งขึ้นอยู่กับดีไซน์ชุด ความเหมาะสม และความชอบของเจ้าสาวแต่ละคน แต่ถ้าเจ้าสาวไม่ใช่คนสูงมาก เราอยากแนะนำให้ใส่ชุดไทยที่มีความยาวผ้านุ่งตามข้อ 2 และใส่รองเท้าส้นสูงเพิ่มเข้าไปก็จะช่วยทำให้ดูสูงโปร่งกว่าเดิม แต่ให้จำไว้ว่าเวลาที่คุณไปลองชุดให้นำรองเท้าส้นสูงที่คุณจะใส่ในวันงานไปใส่ลองด้วย เพื่อที่ช่างจะได้กะความยาวของผ้านุ่งให้พอดีกับความสูงของส้นรองเท้า

สำหรับว่าที่เจ้าสาวคนไหนที่ตัดสินใจใส่โจงกระเบน เราก็ขอแนะนำว่าผ้าที่จะนำมาใช้นุ่งโจงควรมีความยาวไม่ต่ำกว่า 3.20 เมตร เพื่อที่จะได้จับม้วนและเหน็บได้ง่าย และเวลานุ่งควรให้โจงกระเบนมีความยาวคลุมเข่า อย่าปล่อยให้ยาวจนดูเป็นผู้หญิงแขกเด็ดขาด

การเลือกใส่ชุดไทยให้สวยงามไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคนไทยอยู่แล้วนะคะ เพียงแค่คุณรู้ว่าชอบใส่ชุดแบบไหน และอยากสวยงามแบบไทยแท้หรือแบบไทยประยุกต์ก็จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องการเลือกชุดและการกะความยาวของชุดได้ แต่ขอเตือนไว้นิดนึงว่า แม้คุณจะใช้เทคนิกการกะความยาวของชุดไทยให้ใส่แล้วดูสวยงามแล้ว แต่ถ้าคุณเดินเหินยืนนั่งไม่ระมัดระวังและไม่สำรวม รับรองว่าความโป๊ะแตกดูไม่งามก็จะมาเยือนคุณอยู่ดีนะจ๊ะสาวๆ

ดูแบบชุดแต่งงานไทยและชุดแต่งงานสากลเพิ่มเติมอีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย!

ถ่ายภาพในงานแต่ง ด้วยมือถืออย่างไรให้สวยพร้อมอัพลงโซเชียล

เพิ่มสกิลการ ถ่ายภาพในงานแต่ง แบบพร้อมอัพลงโซเชียล

ในงานแต่งงาน ซึ่งเป็นงานสำคัญของบ่าวสาว แน่นอนว่าเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวมักได้รับภารกิจพิเศษในการช่วย ถ่ายภาพในงานแต่ง เพื่อบันทึกโมเม้นต์สำคัญแบบพร้อมอัพลงโซเชียลได้ทันที ดังนั้นกล้องมือถือเนี่ยแหล่ะจึงเวิร์กสุด แต่การถ่ายภาพในงานแต่งด้วยกล้องมือถือ ก็ใช่ว่าจะง่ายเสมอไปนะ เพราะกล้องมือถือยังโดนจำกัดด้วยลูกเล่น และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ยังสู้กล้อง D-SLR ไม่ได้ เพราะฉะนั้น … แพรว wedding เลยอยากจะชวนแก๊งเพื่อนมาอัพเลเวลการถ่ายภาพด้วยเทคนิคดีๆ ที่เรานำมาฝาก 

1. เช็ดเลนส์กล้องก่อน

ข้อสำคัญของการใช้กล้องมือถือ คือเลนส์ต้องสะอาด เพราะภาพถ่ายที่ออกมาแล้วดูฟุ้งๆ ชวนฝันก็ไม่ได้หมายความว่าจะดีเสมอไปนะจ๊ะ เพราะฉะนั้นจึงควรต้องเช็ดทำความสะอาดเลนส์ให้เรียบร้อยก่อน ไม่อย่างนั้นถ้าถ่ายย้อนแสงขึ้นมา ภาพที่ได้จะเป็นไฟเส้นยาวๆ พาดทับทุกสิ่งทุกอย่างในเฟรม พังพินาศแน่นอน !!!

ถ่ายภาพในงานแต่ง

2. ใช้โหมดถ่ายภาพต่อเนื่อง

ลองดูว่าในมือถือของคุณมีโหมดถ่ายภาพต่อเนื่องหรือไม่ เพราะงานแต่งงานคืองานที่บ่าวสาวมีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ทางที่ดีควรถ่ายภาพแบบรัวๆ เพื่อไม่ให้พลาดช็อตเด็ดๆ และอีกข้อที่อยากแนะนำคือ ล้างความจำในเครื่องเผื่อไว้เลยนะ เพราะถ้าเมมโมรี่เต็มขึ้นมา จะพลาดช็อดเด็ดเอาได้ง่ายๆ

ถ่ายภาพในงานแต่ง

3. เปิดใช้ตาราง หรือกริด

ในมือถือส่วนมากจะมีเปิดโหมดตารางได้ ซึ่งเป็นเหมือนจุดตัด 9 ช่องนั่นเอง ซึ่งถ้าใครที่เก่งการถ่ายภาพสักหน่อย ก็ลองศึกษาจุดจัด 9 ช่องไว้นะจ๊ะ เพราะเจ้าสิ่งนี้จะช่วยจัดองค์ประกอบภาพให้สวยงามได้ แต่ถ้าคิดว่ามันแอดวานซ์ไป ก็เพียงแค่เปิดกริด หรือเส้นไม้บรรทัด เพื่อช่วยให้เราถ่ายภาพได้ตรงและไม่เอียงก็เพียงพอแล้วล่ะ

ถ่ายภาพในงานแต่ง

4. ใช้ปุ่มเพิ่มลดเสียงให้เกิดประโยชน์

เป็นทริคสำหรับคนที่ต้องการจะเซลฟี่ เพราะงานแต่งงานนั้นก็เหมือนงานรวมญาติ มิตรสหาย หรืออาจจะได้เจอเพื่อนเก่าๆ ดังนั้นถ้าอยากได้ภาพสวยก็ต้องพึ่งพาตนเอง ด้วยการหยิบมือถือขึ้นมาเซลฟี่สิจ๊ะ ซื้อมาตั้งแพงก็ต้องใช้ให้เกิดประโยชน์หน่อย ซึ่งเทคนิคการเซลฟี่ให้สะดวกถนัดมือคือ การกดถ่ายภาพจากปุ่มเพิ่มลดเสียง แทนการกดจากหน้าจอ รับรองว่าได้ภาพสวยแถมถือได้ถนัดกว่าอีกต่างหาก แต่ๆ…เดี๋ยวนี้มือถือหลายรุ่นก็มีโหมดจับเวลาด้วยนะ ไม่ว่าจะ 3 วิ 5 วิ หรือ 10 วิ ก็ตั้งเวลาแล้วปั้นหน้ารอไว้ได้เลย

ถ่ายภาพในงานแต่ง

5. เลือกใช้มุมแนวตั้ง หรือมุมแนวนอน

ก่อนถ่ายภาพคุณอาจจะต้องพิจารณาว่าภาพแบบนี้ต้องใช้เฟรมแนวตั้ง หรือแนวนอนเพื่อที่ภาพจะได้ออกมาสวยงามเพอร์เฟกต์ ยกตัวอย่างเช่น การถ่ายภาพคู่บ่าวสาว ควรถ่ายแนวตั้งเพื่อให้เห็นชุดสวยๆ ของทั้งคู่ แต่ถ่ายภาพบรรยากาศในงานก็ลองเปลี่ยนเป็นแนวนอนดู เพื่อที่จะได้ภาพมุมกว้างๆ และดีเทลต่างๆ ในงานได้อย่างครบถ้วน

ถ่ายภาพในงานแต่ง

6. ถ่ายภาพแบบปกติ งดโหมดฟรุ้งฟริ้ง

ควรถ่ายภาพแบบปกติ และปิดโหมดตกแต่งภาพทุกชนิดไว้ก่อน ไม่ว่าจะโหมดฟรุ้งฟริ้ง หรือสีสันฉูดฉาด เอาไว้ได้ภาพที่ถูกใจแล้วค่อยมาใส่ฟิลเตอร์ตอนหลังก็ยังได้นะจ๊ะ

ถ่ายภาพในงานแต่ง

7. ฝึกฝน

การจะถ่ายภาพที่ดี ไม่จำเป็นต้องเป็นมือโปรเสมอไป แต่เราสามารถฝึกฝนกันได้ ลองหยิบมือถือมาฝึกถ่ายภาพเล่นๆ ไปพลางๆ ก่อน แล้วมาซ้อมจริงอีกทีในวันแต่งงาน ด้วยการลองทดสอบแสง ลองหามุมให้เป๊ะก่อน เมื่อได้แสงที่ดี มุมภาพที่เป๊ะ ก็สามารถชวนคนอื่นๆ มาร่วมถ่ายภาพหรือเซลฟี่ได้ด้วยแล้ว

ถ่ายภาพในงานแต่ง

 

และทั้งหมดนี้คือทิปส์ดีๆ ของการใช้โทรศัพท์ในการถ่ายภาพ โดยไม่จำเป็นต้องถือกล้องใหญ่ก็สามารถได้ภาพสวยๆ เหมือนกัน และทางที่ดีควรตั้งใจถ่ายนะจ๊ะ เพราะแน่นอนว่าเจ้าบ่าวเจ้าสาวเขาอยากจะเห็นภาพเหล่านี้แน่นอน …

อ่านไอเดียตกแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่ สารพัดไอเดียพร็อพสำหรับถ่ายภาพในงานแต่ง สร้างความทรงจำไม่มีวันลืม

ภาพจาก : Pinterest.com

รู้ไว้กันงานกร่อย 6 สิ่งที่จำเป็นต้องรู้เมื่อจะเลือกสถานที่แต่งงานในต่างจังหวัด

สิ่งใดบ้างที่ต้องคำนึงก่อนเลือก สถานที่แต่งงาน เป็นต่างจังหวัด?

ว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวบางคนอาจกำลังลังเลในการเลือกสถานที่จัดงานแต่งงานที่ห่างไกลออกไปถึงต่างจังหวัด เพราะต้องการสถานที่สวยๆ บรรยากาศดี และแปลกใหม่ไม่จำเจ แต่ก็กลัวว่าจะลำบากแขกที่จะมาร่วมงาน ใจนึงก็อยากเอาใจทุกคน อีกใจก็คิดว่านี่มันงานแต่งของฉันนะ! ฮ่าๆ เชื่อว่าพวกคุณคงตัดสินใจยากมากแน่ๆ ใช่ไหมล่ะคะ แต่ความจริงแล้วการเลือก สถานที่แต่งงาน เป็นต่างจังหวัดก็สามารถทำได้ไม่ยากเท่าไรน้า แค่พวกคุณต้องคำนึงเกี่ยวกับปัจจัยต่อไปนี้ให้ถี่ถ้วนเสียก่อน ถ้ามั่นใจแล้วก็เตรียมปักหมุดในจังหวัดที่คุณชอบกันได้เล้ยยยย

สถานที่แต่งงาน

1. เวลาในการเดินทาง

พิจารณาระยะเวลาที่ทุกคนที่จะมาร่วมงานของคุณสามารถเดินทางมาถึงได้ ทั้งกรณีฉุกเฉิน เช่น อาจมีอุบัติเหตุระหว่างทาง รถติด เพราะฉะนั้นต้องคำนวณระยะทางและระยะเวลาแขกของพวกคุณว่าจะสามารถเดินทางมาถึงได้เลทสุดมากน้อยแค่ไหนก่อนที่พิธีการต่างๆ จะเริ่มขึ้น ทางที่ดีเมื่อคุณคำนวณระยะเวลาต่างๆ แล้วอยากให้พวกคุณแจ้งให้แขกทุกคนที่จะมาร่วมงานนี้ทราบด้วยนะคะว่าในสถานที่ที่พวกคุณจะจัดงานแต่งงานต้องใช้เวลาเดินทางมากี่ชั่วโมง เพื่อที่แขกจะได้มีการเตรียมตัว เพราะแขกทุกคนคงไม่สามารถมาพักค้างคืนที่จังหวัดนั้นๆ ได้กันครบทุกคนหรอกเนอะ

2. ความปลอดภัย

สถานที่สวยๆ มักจะหลบซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ บางแห่งห่างไกลออกไปจากความเจริญ พวกคุณจึงจำเป็นอย่างมากที่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัย เช่น การเดินทางเข้ามายังสถานที่จัดงานแต่งงานระหว่างทางดูเปลี่ยวหรือน่ากลัวเกินไปอันนี้ก็ไม่ควรใช้เป็นสถานที่จัดงานในตอนกลางคืน แต่ถ้าพวกคุณเลือกจัดงานแต่งงานเป็นพิธีในตอนเช้าก็ย่อมได้ นอกจากนี้คุณต้องพูดคุยกับทางสถานที่ให้ดีถึงเรื่องการรับมือในเรื่องความปลอดภัยต่างๆ ที่ต้องอาศัยเจ้าบ้านเป็นผู้ดูแลในเรื่องนี้

3. ที่พักและส่วนลด

การจัดงานแต่งงานในต่างจังหวัดเชื่อว่าอย่างน้อยบ่าว-สาวต้องเลือกเข้าพักในโรงแรมที่จะจัดงานนี้หรือโรงแรมที่ใกล้เคียงกับสถานที่จัดงาน และแน่นอนว่าต้องส่งผลไปถึงเรื่องค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่นอกเหนือหากคุณเลือกจัดงานในจังหวัดที่คุณทั้งคู่ไม่ได้ใช้ชีวิตประจำวันที่นั่น แต่ก็ไม่ต้องเป็นกังวลไปน้า เพราะเดี๋ยวนี้ตามโรงแรมต่างๆ ก็จะมีแพ็คเกจจัดงานแต่งงานพร้อมที่พักให้กับคู่บ่าวสาวรวมอยู่ในแพ็คเกจอยู่แล้วค่ะ ส่วนทางด้านญาติผู้ใหญ่และแขกที่จะมาร่วมงาน หากพวกเขาสะดวกในการเข้าพัก คุณก็สามารถแจ้งกับทางโรงแรมเพื่อขอส่วนลดค่าที่พักได้ด้วยเช่นกันนะ

สถานที่แต่งงาน

4. สถานที่ใกล้เคียงในกรณีฉุกเฉิน

อย่างที่บอกค่ะ ความปลอดภัยของทุกคนในงานเป็นสิ่งสำคัญหากคุณคิดที่จะจัดงานแต่งงานในต่างจังหวัด เพราะเป็นสถานที่ที่คุณไม่คุ้นเคยจึงต้องมีการรับมือในเรื่องต่างๆ มากเป็นพิเศษ เช่น ถ้าคุณเลือกจัดงานแต่งงานในรีสอร์ทบนภูเขาที่มีวิวสวยๆ ทั้งโรงพยาบาลและสถานีตำรวจก็อาจจะอยู่ห่างไกลออกไปจากสถานที่จัดงาน ในกรณีนี้คุณอาจจะต้องเปลี่ยนสถานที่ เพื่อเซฟความปลอดภัยในหลายๆ ด้านจะดีกว่าน้า แต่อย่าเสียใจไปค่ะในประเทศไทยมีสถานที่จัดงานแต่งงานสวยๆ แถมรับรองความปลอดภัยให้พวกคุณเลือกอีกเยอะเลย

5. แผนสำรอง

ไม่ว่าคุณจะเลือกรีสอร์ทหรูติดภูเขาหรือชายหาดก็ควรมีแผนสำรองไว้ในกรณีที่มีสภาพอากาศเลวร้าย อย่างน้อยที่สุดให้แน่ใจว่าสถานที่ของคุณมีพื้นที่เพียงพอในกรณีที่ฝนตกแล้วทุกคนในงานต้องมีการเคลื่อนย้ายมาใช้พื้นที่เป็นบริเวณด้านในแทน และพื้นที่บริเวณด้านในต้องเป็นพื้นที่ที่มีการตกแต่งสวยงามทดแทนกันได้กับวิวของโซนด้านนอก ไม่เช่นนั้นคุณจะเลือกมาจัดงานไกลถึงต่างจังหวัดทำไมล่ะคะจริงไหม?

6. ครอบครัวและคนอื่นๆ สะดวกที่จะมาร่วมงาน

ก่อนการตัดสินใจนอกจากพวกคุณสองคนที่ต้องร่วมกันตัดสินใจแล้ว ลองปรึกษากับครอบครัวดูก่อนก็จะดีมากเลยค่ะ บ่าว-สาวบางคนมีคุณพ่อคุณแม่ที่อายุมากแล้วพวกท่านอาจจะไม่สะดวกในการเดินทางโดยนั่งรถนานๆ ก็ต้องคำนึงถึงจุดนี้ด้วยน้า แต่ถ้าในกรณีที่คุณพอ่คุณแม่ไม่ได้มีปัญหาเรื่องสุขภาพ แต่ไม่เห็นด้วยเรื่องการจัดงานในต่างจังหวัด พวกคุณต้องถามเหตุผลจากพวกท่าน ถ้าคุณเห็นว่าเป็นเหตุผลที่พวกคุณสามารถรับมือได้ ให้พวกคุณลองเกลี่ยกล่อมและทำให้พวกท่านเชื่อใจว่าพวกคุณจะสามารถทำให้งานนี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไม่มีอุปสรรค และถ้าคุณยังมีความลังเลอยู่ให้ใช้วิธีสำรวจจากการสอบถามทุกคนที่คุณจะเชิญมาร่วมงานว่า ถ้าคุณจะจัดงานแต่งงานในจังหวัดนี้สถานที่นี้พวกเขาจะสะดวกมาร่วมงานไหม วิธีนี้จะเพิ่มความชัวร์ว่างานนี้จะกร่อยหรือไม่กร่อยก็สามารถดูได้จากแขกที่สามารถเดินทางมาร่วมงานได้เลยค่ะ

สถานที่แต่งงาน

การจัดงานแต่งงานที่ต่างจังหวัดสิ่งที่จะเกิดขึ้นคือเรื่องค่าใช้จ่ายที่เลี่ยงไม่ได้อย่างแน่นอน ทั้งค่าเดินทาง ค่าที่พัก ค่าขนส่งต่างๆ อาจต้องทำให้พวกคุณรีบหาเงินมาเพิ่มตรงส่วนนี้กันรัวๆ ทางแก้ก็สามารถทำได้โดยการตามไปส่องในนี้กันได้เลย  เคล็ด(ไม่)ลับอีกต่อไป 5 วิธี ลดค่าใช้จ่ายสถานที่จัดงานแต่งงานของคุณ

Cr : alicialaceyphotography.com, pinterest.com

8 เหตุผลน่ารักๆ ที่บ่าวสาวอาจจะหลงรักเมื่อเกิดฝนตกในงานแต่งงาน

ว่าที่บ่าวสาวที่จัดงานแต่งงานแบบกลางแจ้งหรือแบบเอ้าท์ดอร์ คงไม่มีอะไรที่จะน่าห่วงหรือน่ากลัวไปกว่า ฝนตกในงานแต่งงาน !! แต่เรื่องดินฟ้าอากาศถึงแม้จะวางแผนให้ดีแค่ไหน ก็เป็นเรื่องที่เหนือการควบคุมสุดๆ จริงไหมคะ แพรว wedding เลยอยากจะให้ว่าที่คู่รักที่กำลังกังวลเรื่องนี้mมามองโลกในแง่ดีวิ่งเล่นในทุ่งลาเวนเดอร์ กับ 8 เหตุผลที่คุณอาจจะอยากให้ฝนตกในวันแต่งงานของคุณก็ได้!!

1. บ่าวสาวจะได้ภาพถ่ายงานแต่งงานที่ไม่ซ้ำใคร

หากว่าที่บ่าวสาวเคยเห็นภายถ่ายงานแต่งท่ามกลางสายฝน คุณจะรู้ว่าเรากำลังพูดถึงอะไรอยู่ “หมอกและแสงที่นุ่มนวลดูโรแมนติก ไม่สามารถที่จะเกิดขึ้นได้ในวันที่มีแดดจ้า” รวมไปถึงพร็อพส์ต่างๆ ที่เหล่าบ่าวสาวต่างเฟ้นหามาใช้เพื่อให้เข้ากับธีม อย่างเช่น ร่มสีสันสดใส และรองเท้ากันฝนสุดชิค แถมจริงๆ แล้วช่างภาพบางคนก็ชอบที่จะถ่ายภาพในวันที่มีเมฆหรือฝนตกกว่าวันที่มีแดดออกด้วย

“ภาพถ่ายที่เต็มไปด้วยร่มหลากสีสันหลายลวดลาย หาไม่ได้ในวันที่แดดออก” ช่างภาพคนหนึ่งกล่าว “มีหลากเฉดสีของแสงที่นุ่มนวลในวันแต่งงานที่เป็นแรงบันดาลใจและโอกาสดีๆ ให้ช่างภาพได้สร้างสรรค์ภาพถ่ายในวันฝนตก” และหากอยากให้บรรยากาศของงานเก๋ไก๋ไปกว่าร่มหลากเฉดสี บ่าวสาวอาจจะเลือกใช้ร่มเป็นของชำร่วยในงานแต่งไปเลย โดยสกรีนโลโก้หรือชื่อของบ่าวสาวลงไปในร่มด้วย กันได้ทั้งฝนแถมใช้เป็นของชำร่วยได้อีก

2. ฝนทำให้คุณได้กอดคนข้างๆ

นิโคล แฮร์ริส เจ้าของ One Last Frog เวดดิ้งแพลนเนอร์ชื่อดังของสหรัฐฯ  บอกว่า “ฝน คือความโรแมนติก” ลองคิดดูสิว่า ในบรรยากาศที่มีฝนตกปรอยๆ หรือวันที่ฝนตกแบบชุ่มฉ่ำ คุณและคนรักอยู่ในร่มคันเดียวกันแบบแนบชิดมันจะโรแมนติกแค่ไหน หรืออาจจะกระโดดโลดเต้นกันไปทามกลางสายฝนก็เป็นปาร์ตี้สนุกๆ ที่ทุกคนจะได้ปลดปล่อย นอกจากนี้แฮร์ริสยังบอกอีกว่า “เสียงฝนกระทบลงบนร่มหรือกระจกนั้น เป็นเสียงที่ให้อารมณ์โรแมนติกสุดๆ”

3. ดอกไม้ในงานดูสดชื่นชุ่มฉ่ำ

หากเป็นงานแต่งเอ้าท์ดอร์ในวันที่แดดร้อนเปรี้ยง บรรดาเซ็นเตอร์พีช หรือดอกไม้ที่ประดับประดาอยู่ทั่วทั้งงานแต่งงานของบ่าวสาวอาจจะดูเหี่ยวเฉาลงไปบ้าง เพราะไม่สามารถต้านทานกับอากาศอันร้อนอบอ้าวได้ แต่เหตุการณ์นี้จะไม่เกิดขึ้นหากในวันงานมีฝนตกลงมาพรำๆ พอให้บรรดาไม้ดอกไม้ประดับได้รับความชุ่มฉ่ำจากสายฝน “ดอกไม้จะมีโอกาสเหี่ยวเฉาได้น้อยกว่าในวันที่ฝนตก” อดัมส์ เจ้าของและดีไซเนอร์งานแต่งงานชื่อดังแห่งเมืองแคนซัสกล่าว “ท้องฟ้าที่ครึ้มด้วยเมฆ บวกกับอุณหภูมิที่เย็นนิดๆ และความชื้นจากสายฝนจะทำให้เหล่าดอกไม้มีความสุขมากกว่าอยู่ท่ามกลางแสงอาทิตย์ ความร้อน และสภาพอากาศที่แห้ง”

4. ฝนสร้างสายรุ้งให้เป็นแบ็คดรอปในงานแต่งได้

จะเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่ฝนตกลงมาอย่างหนัก? เมื่อฝนตกและหยุดลง ฉากหลังงานแต่งงานของคุณอาจจะมีสายรุ้งพาดผ่านปรากฏให้เห็นกลายเป็นแบ็คดร็อปแสนสวยจากธรรมชาติ แบ็คดร็อปสุดวิเศษที่ไม่ต้องจ่ายเงิน งานนี้ต้องขอบคุณธรรมชาติเลยล่ะ

 

5. ฝนตกในงานแต่งแสดงว่าจะโชคดี!

เมื่อฝนตกในวันแต่งงานมันหมายความว่าอะไร? คุณอาจจะรู้สึกว่าช่างเป็นวันที่โชคร้ายอะไรอย่างนี้ แต่จริงๆ แล้วมันตรงข้ามเลยนะ! “ในบางวัฒนธรรมมีความเชื่อว่าการที่ฝนตกในวันแต่งงานนั้นแสดงว่าบ่าวสาวจะโชคดี เพราะฝนเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูณ์และช่วยชะล้างสิ่งที่ไม่ดีออกไปจากตัวบ่าวสาวได้” แค่คิดบวกชีวิตก็เปลี่ยนแล้ว

6. ฝนอาจทำให้แขกของคุณได้คุยกันมากขึ้น

แน่นอนว่าเมื่อฝนตกลงมาแขกทุกคนก็ต่างเข้าที่กำบัง และอยู่รวมกันในห้องเพื่อหลบฝน ถึงตอนนี้แขกที่ไม่ได้เจอกันมานานก็อาจจะได้พูดคุยกันมากขึ้น หรือแขกบางคนที่ไม่รู้จักกันเลยก็อาจจะสร้างความสัมพันธ์ใหม่ด้วยกันได้ เพราะด้วยสภาพแวดล้อมที่บังคับ อาจทำให้เกิดความสนิทสนมกันในหมู่แขก และทำให้ว่าที่บ่าวสาวได้เดินทักทายกับแขกได้มากกว่ายืนถ่ายรูปหน้าแบ็คดรอปเฉยๆ ด้วย

7. ฝนช่วยสร้างบรรยากาศให้โรแมนติก

ถ้าสังเกตดีๆ จะพบว่าภาพยนตร์หลายเรื่องมักจะมีฉากจูบแบบอินเลิฟท่ามกลางสายฝน ทำไมหน่ะเหรอ ก็เพราะว่ามันโรแมนติกยังไงล่ะคะคุณขา เพราะฉะนั้นในเมื่อคุณไม่มีทางเอาชนะเสียงฝน คุณก็ต้องหาประโยชน์จากมันนี่ล่ะค่ะ หากเสียงฝนดังกลบเสียงเพลง ก็ใช้ซาวนด์ประกอบในงานแต่งเป็นเสียงสายฝนไปเลย

8. ฝนช่วยทำให้อากาศเย็นสบายขึ้น

บางครั้งเต็นท์ในงานแต่งงานแบบเอ้าท์ดอร์ก็เป็นเหมือนเตาอบดีๆ ในช่วงกลางวัน แต่ปัญหานี้จะหมดไปหลังจากที่สายฝนโปรยปรายลงมา เพราะหลังจากที่สายฝนจากไป ก็จะเหลือทิ้งไว้กับอากาศภายในเต็นท์ที่เย็นสบายใจขึ้น

แต่สิ่งสุดท้ายที่บ่าวสาวจะทำได้ในวันแต่งงานที่มีฝนตกลงมาแบบไม่ได้นัดหมาย คือทำใจให้สบาย ปล่อยวางทุกสิ่งที่เราไม่สามารถควบคุมได้ แล้วสนุกไปกับช่วงเวลานั้นก็พอ

 

ติดตามไอเดียดีๆ เกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานเพิ่มเติมอีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย!

 

ภาพ reddit.com, pinterest

เจาะลึกซิลลูเอตต์ชุดแต่งงานยอดนิยมแบบไหนที่เหมาะกับรูปร่างคุณที่สุด

ปัญหาใหญ่ของเจ้าสาวหลายคนคือ พอถึงเวลาเลือก ชุดแต่งงาน อาจจะเกิดความลังเลว่าชุดที่หมายตาไว้นั้นมาถูกทางหรือเปล่า ใส่แล้วจะสวยได้อย่างที่ใจคิดจริงไหม!

เพื่อไม่ให้หลงไปกับคำชี้ชวนว่าชุดสไตล์นู้นดี ชุดแบบนี้สวยจากคนรอบข้างและสตูดิโอเวดดิ้ง แพรวเวดดิ้งจึงพาไปเจาะลึกซิลลูเอตต์ ชุดแต่งงาน ยอดนิยมสไตล์ต่างๆ ว่าแบบไหนที่เหมาะกับรูปร่างคุณ จะได้ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้ถึงระดับร้อยเปอร์เซ็นต์ก่อนที่จะนัดเข้าไปลองเลือกชุดแต่งงาน – เรื่อง : ‘Lynlry’

The Ball Gown

ชุดแต่งงาน

สไตล์ชุดเจ้าหญิงในเทพนิยายที่เราเห็นกันจนชินตาจนมีคำเรียกชุดนี้ว่า “Princess Dress” ซึ่งซิลลูเอตต์ชุดแบบนี้ด้านบนจะรัดรูปพอดีตัวจนถึงช่วงเอว โดยเส้นเอวอาจอยู่ใต้เอวจริงเล็กน้อย เพื่อช่วยให้ลำตัวดูยาวขึ้น ส่วนท่อนล่างเป็นกระโปรงสุ่มฟูฟ่อง

แมตช์กับรูปร่าง : เหมาะกับทุกรูปร่าง โดยเฉพาะเจ้าสาวที่ค่อนข้างสูง อวบ เอวหนา มีหน้าท้อง สะโพกใหญ่ เพราะชุดช่วงบนจะช่วยพรางลำตัวให้ดูมีเอว อีกทั้งยังเหมาะกับคนหน้าอกใหญ่ ด้วยกระโปรงที่บานพองจะช่วยปรับสมดุลรูปร่างได้เป็นอย่างดี สำหรับสาวร่างเล็กที่ไม่สูงนัก ชุดแบบนี้จะทำให้ดูตัวเล็กเข้าไปอีก เว้นว่าภายใต้กระโปรงสุ่มนั้นต้องใส่รองเท้าที่สูงเอาการ

The A-Line Gown

ชุดแต่งงาน

จัดเป็นชุดในดวงใจของเจ้าสาวหลายคน ด้วยจุดเด่นที่กระโปรงค่อยๆบานออกตั้งแต่เอวลงไปคล้ายตัวอักษร A มีความคล้ายคลึงกับ Ball
Gown ต่างกันที่ความบานของกระโปรงท่อนล่างที่พองฟูฟ่องน้อยกว่า เมื่อสวมใส่จึงเคลื่อนไหวได้คล่องตัวกว่า

แมตช์กับรูปร่าง : เหมาะกับเจ้าสาวทุกรูปร่างอย่างแท้จริง โดยเฉพาะคนที่มีหน้าอกใหญ่หรือกังวลเรื่องสะโพกกับต้นขา และชุดแบบนี้ยังเหมาะกับเจ้าสาวที่รูปร่างค่อนข้างเล็กมากกว่าแบบ Ball Gown

The Trumpet

ชุดแต่งงาน

ความยูนีคของชุดสไตล์นี้คือ ท่อนบนฟิตแนบกับลำตัวจนถึงใต้สะโพกแล้วค่อยบานออก ซิลลูเอตต์ชุดแบบนี้เป็นลูกครึ่งระหว่างชุดทรงเอไลน์กับทรงหางปลา แต่ช่วงบานของทรง Trumpet จะบานออกด้านข้างคล้ายกับเครื่องเป่าทรัมเป็ต

แมตช์กับรูปร่าง : เหมาะกับเจ้าสาวที่ช่วงตัวและเอวสั้น หรือเจ้าสาวที่อยากโชว์รูปร่างแบบนาฬิกาทราย อกอิ่ม เอวคอด สะโพกกลมกลึง แม้แต่สาวหุ่นเพรียวตัวเล็กชุดสไตล์นี้ก็ถือว่าเหมาะสม

The Empire Line Gown

ชุดแต่งงาน

ความยูนีคของชุดแต่งงานทรงนี้อยู่ที่ขอบเอวสูง ซึ่งต่อกระโปรงตั้งแต่ใต้อกลงไปแล้วปล่อยชายกระโปรงบานเล็กน้อย อาจเป็นกระโปรงเข้ารูปหรือทรงเอแบบบานก็ได้

แมตช์กับรูปร่าง : เหมาะกับเจ้าสาวหุ่นลูกแพร์ที่ช่วงบนเล็กช่วงล่างใหญ่ และเจ้าสาวที่สูงไม่มาก มีหน้าอกเล็ก ชุดแบบนี้จะช่วยให้ดูสูงโปร่ง โดยชุดที่มีการเน้นปักประดับลูกปัดและเลื่อมช่วงหน้าอกจะทำให้หน้าอกดูเต็มขึ้น ในทางกลับกันถ้าอกใหญ่อาจทำให้ดูล้นเกิน สำหรับคนที่รูปร่างผอมสูงควรหลีกเลี่ยง เพราะจะทำให้ยิ่งดูผอมมากขึ้น

The Mermaid

ชุดแต่งงาน

ซิลลูเอตต์เรียบมีสไตล์ของตัวเองและเซ็กซี่ ถือเป็นนิยามของชุดสไตล์เมอร์เมด หรือที่เรียกง่ายๆ ว่าชุดหางปลา ที่รัดรูปพอดีตัวตั้งแต่หน้าอก สะโพกมาจนถึงเข่าหรือใต้เข่า แล้วค่อยปล่อยกระโปรงบานไปทางด้านหลังคล้ายกับหางปลา

แมตช์กับรูปร่าง : ชุดสไตล์นี้จะโชว์ให้เห็นรูปร่างที่เพอร์เฟ็กต์ เหมาะกับเจ้าสาวหุ่นดีไม่ว่าจะสูงหรือตัวเล็กก็ตาม แต่ไม่เหมาะกับรูปร่างอวบอิ่ม ยกเว้นว่าคุณมีรูปร่างหุ่นนาฬิกาทรายที่มีส่วนสัดโค้งเว้า อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการใส่ชุดทรงนี้คือ ด้วยชุดที่รัดลงไปถึงเข่าอาจทำให้การก้าวเดินไม่ค่อยสะดวกนัก

The Sheath Gown

ในอีกชื่อเรียกว่า Column Style เป็นแบบทรงตรง ด้วยซิลลูเอตต์ชุดช่วงบนรัดรูป ส่วนช่วงกระโปรงจะเป็นทรงตรง

แมตช์กับรูปร่าง : เหมาะกับเจ้าสาวที่ผอมหุ่นดี ไม่ว่าจะตัวเล็กหรือสูง โดยเฉพาะเจ้าสาวที่ไม่สูงนักชุดแบบนี้จะช่วยทำให้ดูสูงขึ้นแต่ไม่สามารถช่วยพรางจุดด้อยของรูปร่างได้ เช่นช่วงล่างใหญ่ หรือมีหน้าท้อง

The Jumpsuit

ถ้าเดรสไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องการ ชุดแต่งงานแบบจั๊มป์สูทเป็นอีกตัวเลือกน่าสนใจ ชุดชิ้นเดียวที่เชื่อมเสื้อท่อนบนและกางเกงติดกัน ให้ลุคเจ้าสาวที่ดูโมเดิร์นและสนุกขึ้น

แมตช์กับรูปร่าง : เหมาะกับเจ้าสาวทุกรูปร่าง แต่หากไม่มั่นใจช่วงล่าง อาจเลือกเป็นกางเกงทรงขากว้างที่ไม่รัดสะโพก ต้นขา หรือก้น

Tea Length

หากไม่ชอบชุดแต่งงานที่มีความยาวจรดพื้นแบบทั่วไป จะเลือกแบบมินิเดรส (Mini Dress) ที่ความยาวอยู่เหนือเข่า หรือแบบ Tea Length ที่ความยาวอยู่เหนือข้อเท้าก็น่าสนใจ ใส่กับเฮดพีซเครื่องประดับผม หรือเวลเก๋ ๆ ให้ลุคเจ้าสาวที่ดูแฟชั่นไม่น้อย

แมตช์กับรูปร่าง : เหมาะกับว่าที่เจ้าสาวทุกรูปร่างที่สำคัญ ชุดสไตล์นี้จะได้โชว์รองเท้าสวยๆ หากใครมีรองเท้าในดวงใจที่เล็งไว้ใส่ในวันสำคัญ ชุดแบบนี้ก็เหมาะเลยค่ะ

อ่านบทความเพิ่มเติม

https://praewwedding.com/dresses-and-suits/24962

https://praewwedding.com/dresses-and-suits/bride/78430

https://praewwedding.com/dresses-and-suits/bride/59010

ครั้งแรก! ของ ไอซ์ อภิษฎา กับแฟชั่นชุดแต่งงานอินเทรนด์ นิตยสารแพรว wedding ฉบับ มิ.ย. 63

“ไอซ์ อภิษฏา” นักแสดง-พิธีกรสาวหุ่นแซ่บที่เมื่อลุกขึ้นมาแต่งตัวทีไรก็มักเป็นกระแสในเรื่องของรูปร่างที่เป๊ะปังไปทุกสัดส่วน แพรวเวดดิ้ง เลยขอชวนสาวไอซ์มาเปลี่ยนลุคจากสาวแซ่บ มาเป็นเจ้าสาวสุดหวานกับ ชุดแต่งงานอินเทรนด์ ในนิตยสารแพรว wedding ฉบับเดือน มิ.ย. 2563 และนี่ยังถือเป็น ครั้งแรก! ในการถ่ายชุดแต่งงานของสาวไอซ์อีกด้วย ส่วนชุดแต่งงานในฝันของสาวแซ่บคนนี้เธอบอกว่า

“ความเป็นตัวตนของตัวเองในการที่จะเป็นเจ้าสาวคือดีที่สุด มันเป็นครั้งหนึ่งในชีวิตที่เราได้ใส่ชุดนี้ครั้งเดียว ก็คงมีความเป็นตัวตนของตัวเอง แต่ยังไงก็จะมีความหวานเข้าไปด้วยค่ะ” 

ชุดแต่งงานอินเทรนด์

สะกดทุกสายตาด้วยชุดแต่งงานที่ช่วงบนปักลูกปัดและคริสตัลเป็นลวดลายไว้อย่างประณีต ตัวเสื้อคอกลมเพิ่มซิลลูเอตต์ผ้าซีทรูให้เป็นคอวีช่วยให้ชุดดูมีมิติช่วงไหล่ดีไซน์เติมลูกเล่นระบายซ้อนทับเป็นชั้น เก๋ชิคไม่เหมือนใคร จากร้าน Deep Love Wedding

ชุดแต่งงานอินเทรนด์

เรียบหรูในชุดแต่งงานทรงบอลกาวน์ที่ดูชวนมองด้วยงานปักคริสตัลเปล่งประกายไปทั้งชุด ช่วงบนเป็นเสื้อคอวีให้ลุคโฉบเฉี่ยว เพิ่มความอลังการด้วยระบายที่ช่วงเอวซ้อนทับผ้าชีฟองด้านในให้เจ้าสาวดูอ่อนหวานขึ้น จากร้าน Vanus Couture

ชุดแต่งงานอินเทรนด์

สวยเฉียบในชุดแต่งงานแบบโอบไหล่ช่วงอกผ่าลงมาพอเซ็กซี่ เข้าคู่ลงตัวกับกระโปรงทรงบอลกาวน์ ตัวชุดปักลูกไม้และคริสตัลอย่างอ่อนช้อย กระโปรงแพรวพราวด้วยกลิตเตอร์ให้เจ้าสาวโดดเด่นท่ามกลางแสงแฟลชและแสงไฟ จากร้าน Coco Chic Wedding 

ชุดแต่งงานอินเทรนด์

สวยสมบูรณ์แบบด้วยชุดแต่งงานเกาะอกที่เติมเสน่ห์ด้วยขนนกบางเบาดูพลิ้วไหว ตัวเกาะอกโดดเด่นด้วยเลื่อมแซมคริสตัลดึงดูดทุกสายตายามก้าวเดินหรือเต้นรำ จากร้าน Deep Love Wedding

ชุดแต่งงานแบบเกาะอกกระโปรงทรงบอลกาวน์ เนื้อผ้ามีความระยิบระยับด้วยดิ้นเงิน พร้อมปักประดับลูกปัดและคริสตัลลวดลายดอกไม้ดูหรูหรา เสริมด้วยผ้าคลุมไหล่แวววาวที่ถอดออกได้ เจ้าสาวจึงแลดูสวยชวนฝันราวเจ้าหญิง จากร้าน Coco Chic Wedding

สวยโก้กับชุดเข้ารูปแขนยาวเน็คไลน์แบบวีลึกช่วยให้ช่วงคอดูระหง ตัวชุดเป็นผ้าซีทรูปักด้วยเลื่อมแพรวพราว เพิ่มความหรูหราด้วยสายลูกปัดประดับคริสตัลที่ช่วงแขนและกระโปรงดูสวยสง่ายามเคลื่อนไหว จากร้าน Deep Love Wedding

ชุดแต่งงานแบบสายเดี่ยวโดดเด่นด้วยงานปักเลื่อมและช่อใบไม้ดีไซน์เก๋ระยิบระยับที่ช่วงบน เพิ่มความคลาสสิกให้ลุคนี้ด้วยกระโปรงทรงบอลกาวน์ตัดเย็บจากผ้าชีฟองเหมาะสำหรับเจ้าสาวที่ต้องการลุคหวานไม่ซ้ำใคร จากร้าน Deep Love Wedding

เสื้อผ้า : Coco Chic Wedding
79/336 ถนนสาธุประดิษฐ์
แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพฯ
โทร. 0-2115-8500, 09-9635-8585
เฟซบุ๊ก : Coco Chic Wedding
ไอจี : @cocochicwedding

Deep Love Wedding
763-763/1 – 3 ซอยอุดมสุข 49
ถนนสุขุมวิท 103 กรุงเทพฯ
โทร. 0-2398-5739, 0-2399-1693, 09-5789-9556
เว็บไซต์ : www.deeplovewedding.com
เฟซบุ๊ก : DeepLove ชุดแต่งงาน ชุดไทย
ไอจี : @deeplove_official
ไลน์ : @deeplovewedding

Vanus Couture
1550, 1552 ปากซอยลาดพร้าว 50
ถนนลาดพร้าว เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ
โทร. 0-2002-4895, 0-2002-4896
เฟซบุ๊ก : Vanus Couture
ไอจี : @vanuscouture_official

เครื่องประดับ : Vijittra’s Jewellery โทร. 06-1614-5096 ไลน์ : @Vijittra
แต่งหน้า : ทัศนพงษ์ สวัสดิพงษ์ (ไอจี : @maew_makeup)
ทำผม : นพสิทธิ์ จีระกุลธนานันท์ (ไอจี : @noppasit_vote)
สไตลิสต์ : พิภัทร์ กิม
ผู้ช่วยสไตลิสต์ : เบญจมาศ ฉายแก้ว
ช่างภาพ : กฤตธี ผ่องเสรี
ผู้ช่วยช่างภาพ : นเรนทร์ฤทธิ์ ยิ่งยงกิจ, บัณฑิต สังข์ปาน, ณัฐฐินันท์ ขำเจริญ
สถานที่ : The Manor Studio ซอยรามคำแหง 24 แยก 14
โทร. 0-2318-0783, 06-2946-5652
เฟซบุ๊ก : Themanorstudio
ไอจี : @themanorstudio

7 ธีมสี ไอเดียงานแต่งที่ช่วยเสกให้งานแต่งออกมาเก๋เวอร์

หากยังไม่มี ไอเดียงานแต่ง มาส่องธีมสีงานแต่งเหล่านี้ดู รับรองว่าสวยจนต้องจัดตาม

สี คือเรื่องต้นๆ ที่ว่าที่บ่าวสาวจะคิดถึงเมื่อต้องจัดงานแต่งงาน แต่สีไหนล่ะที่ทั้งสวย บ่งบอกตัวตนและดูทันสมัย แพรว wedding เลยจัดคู่สีสุดคลาสสิค แถมยังช่วยทำให้งานออกมาดูสวยปังได้แบบไม่ยากมาฝาก เผื่อจะช่วยเป็น ไอเดียงานแต่ง ของว่าที่บ่าวสาวที่กำลังลังเลว่าจะใช้สีไหนเป็นธีมในการจัดงานดี

ไอเดียงานแต่ง

Pure White

งานสีขาวสุดคลาสสิคให้ความรู้สึกบริสุทธิ์สะอาดตาแฝงไปด้วยความสง่างาม ยิ่งนำมาแมตช์กับคริสตัลราคาแพงระยับยิ่งขับความวิบวับและเพิ่มความหรูหราให้มากขึ้นเป็นทวีคูณ แถมสีขาวยังเข้าได้กับทุกสีและให้อารมณ์ที่ต่างกันอย่างสุดขั้ว เช่น เมื่อจับคู่กับโทรสีอ่อน งานจะดูหวานหยดมดตอม แต่เมื่อจับคู่กับสีเข้ม งานก็จะดูชิคขึ้นมาทันตา นอกจากนี้สีขาวยังสามารถนำไปผสมกับลวดลายต่างๆ ได้ดี ไม่ว่าจะเป็นลายบนพื้นพรม หรือเส้นโค้งของตัวเสา รวมถึงหากจัดวางพร็อปส์สีขาวให้มีระดับตื้นลึกในแนวระนาบ ก็จะช่วยสร้างเลเยอร์ให้กลายเป็นสีขาวหลายเฉด

Multi-Colours

หากบ่าวสาวคิดว่างานแต่งสีเดียวไม่ใช่ตัวตนคู่ของคุณอย่างแน่นอน และกำลังสนใจกลุ่มสีแรงๆ ที่สามารถสะท้อนความมั่นใจในตัวเอง รวมทั้งอยากสร้างความโดดเด่นให้กับงานแต่งงานของคุณล่ะก็ ขอแนะนำให้คุณเลือกสีที่คุณและคนรักชอบมากที่สุดมาสักหนึ่งสีเพื่อใช้เป็นสีหลัก แล้วค่อยจับคู่สีต่างกันเข้าไปอีกสองสี โดยเฉลี่ยเปอร์เซ็นต์การใช้ให้ลดหลั่นกันลงมา รับรองเลยว่างานของคุณจะโดดเด่น แถมประหยัดงบค่าดอกไม้ได้มากกว่าการเลือกใช้ดอกไม้สีที่ได้รับความนิมยมอีกด้วย

“เทคนิคการผสมคู่สีต่างๆ เข้าด้วยกันคือ ใช้สีหลักประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ ตัดด้วยคู่สีที่ต่างกันประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์ แล้วเติมสีขาวอีก 5 เปอร์เซ็นต์เพื่อเบรกความแรงของสีทั้งหมด”

หรืออาจจะตกแต่งงานโดยใช้สีตรงข้ามที่ตัดกันชัดเจนเพื่อสร้างความโดดเด่น ยิ่งเป็นงานเอ้าท์ดอร์ที่มีพื้นที่ในการตกแต่งมาก ก็ยิ่งสามารถออกแบบสีให้เป็นกลุ่มๆ ได้เต็มที่ และยังสามารถใส่ความไม่ธรรมดาด้วยการนำคู่สีนั้นมาจัดให้เป็นลวดลายต่างๆ เช่น ลายกราฟิก ลายยูโรเปี้ยนคลาสสิค หรือลายชนเผ่า รวมถึงอาจนำวัสดุอื่นๆ ที่ต่างกัน เช่น แก้ว กระจก พลาสติก หินธรรมชาติ หรือโลหะ มาแทรกหรือจัดวางองค์ประกอบให้สวยงาม ก็จะทำให้งานที่เต็มไปด้วยสีสันยิ่งดูหวือหวา มีรายละเอียดน่าค้นหาและไม่น่าเบื่ออีกด้วย

Pastel

โทนสีพาสเทลยังคงเป็นนางเอกของงงานแต่งทุกยุคทุกสมัย แต่ถึงอย่างนั้นการเลือกใช้โทนสีพาสเทลให้สวยงามก็มีหลักอยู่ว่า ไม่ควรเลือกสีพาสเทลมาใช้เกิน 3 สี แต่ถ้านักออกแบบที่คู่ของคุณจ้างมานั้นมีฝืมือเก่งกาจและกล้าเล่นกับสีสัน การเลือกใช้สีพาสเทลอย่างน้อย 5-7 สีก็ถือเป็นโจทย์ที่ท้าทายและได้ผลลัพธ์ที่คุณจะคาดไม่ถึงเลยทีเดียว แต่ก็มีข้อควรระวังว่า รสนิยมของนักออกแบบที่คุณจ้างมานั้นจะต้องดีเริด! ไม่อย่างนั้นงานที่คุณคาดหวังว่าอาจจะออกมาสวยอาจจะเสี่ยวได้แบบไม่รู้ตัว…

 

ไอเดียงานแต่ง

White & Green

สีขาว-เขียว คือคู่โทนสีสุดคลาสสิคที่คู่บ่าวสาวทุกงบประมาณนิยมจัด ซึ่งบ่าวสาวส่วนใหญ่ที่เลือกใช้ธีมสีขาว-เขียวคือคู่ที่ฝันอยากจะจัดงานแต่งงานแบบเอ้าท์ดอร์ แต่ด้วยข้อจำกัดเรื่องภูมิอากาศของบ้านเรา การยกสวนมาไว้ในโรงแรมใหญ่จึงเป็นทางออกที่ตอบโจทย์และได้รับการตอบรับได้ดีที่สุด แถมการเลือกสีเขียวมาใช้นั้นก็สามารถเลือกได้หลายเฉดตามลักษณะของสีใบไม้นับพันๆ หมื่นๆ ชนิดที่มีในบ้านเรา ดังนั้นการตกแต่งงานด้วยโทนขาว-เขียวจึงไม่ได้มีแค่เพียงสองสี หากแต่เต็มไปด้วยเฉดสีมากมาย

White-Cream White

การใช้สีขาว-ครีมนั้นจะให้ความรู้สึกอ่อนโยน เหมาะสุดๆ กับอารมณ์รักสุดโรแมนติกและเพลงหวานๆ ในค่ำคืนแต่งงาน อย่างไรก็ตามการใช้สีครีมมีข้อควรระวังคือ ถ้าเลือกโทนสีอ่อนมากเกินไปก็อาจดูกลืนไปกับสีขาว เพราะฉะนั้นคู่บ่าวสาวอาจจะผสมสีส้มโอลด์โรส สีทอง หรือสีแชมเปญ (ในสัดส่วนประมาณ 10-15 เปอร์เซ็นต์) ลงไปในสีขาว-ครีม เพื่อเพิ่มความหรูหราอลังการ แต่ยังคงธีมสีขาว-ครีมได้อย่างที่ใจต้องการ

“ถ้ากลัวว่าสีจะกลืนกันจนแยกไม่ออก ลองนำสีทองมาแต้ม รับรองได้ว่างานจะไม่ดูจืดชืดแน่นอน”

Glittering Silver

อีกหนึ่งธีมงานที่ว่าที่บ่าวสาวบางคู่ยังคงกล้าๆ กลัวๆ ที่จะหยิบมาใช้ เพราะถ้าไม่เจ๋งจริงงานจะดูเวอร์วังอลังการจนออกเป็นงานลิเกแทนที่จะเป็นงานแต่ง ซึ่งเทคนิคการจัดธีมนี้ให้ออกมาดูดีคือ ควรเลือกจับคู่สีเงินกับโทนสีที่ช่วยเสริมให้สีเงินดูเด่นขึ้น และควรเกลี่ยสัดส่วนให้ดูกลมกลืนกัน โดยให้สีใดสีหนึ่งมีเปอร์เซ็นต์มากกว่าอีกสี จากนั้นเสริมด้วยสีทองและพร็อปส์ตกแต่งที่เน้นความแวววาว ไม่ว่าจะเป็นคริสตัล แก้ว เครื่องเงิน หรือไฟหยดน้ำ เพื่อเพิ่มความหรูหราให้งานดูทันสมัยและโก้มากขึ้น

“นำพร็อปส์ตกแต่งที่มีความแวววาววิบวับมาเพิ่มความหรูหราให้กับงาน”

Warm Colour

โทนสีร้อนที่บ่าวสาวหลายคู่มองว่าให้ความรู้สึกร้อนแรงและยากที่จะจับมาสร้างความสวยงามแตกต่างให้กับงานแต่งงานได้ กลับมีข้อดีที่หลายคนอาจไม่รู้มาก่อนคือ สีโทนร้อนสามารถจับคู่ได้กับทั้งสีขาวและสีดำ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จะให้อารมณ์ที่แตกต่างกัน เช่น หากจับคู่สีโทนร้อนอย่างสีเหลือง และส้มกับสีขาว ก็จะให้ความรู้สึกสว่างไสว ร่าเริง และสนุกสนาน แต่ถ้าหากจับคู่กับสีดำก็จะยิ่งขับสีสันให้โดดเด่นสะดุดตามากขึ้น

ภาพ pinterest.com

อ่านบทความเพิ่มเติม

https://praewwedding.com/planning/109019

https://praewwedding.com/planning/101019

https://praewwedding.com/planning/advice-and-ideas/100403

สวยงามล้ำค่าทุกชิ้น เซตเครื่องประดับ 3 เจ้าสาวคนดังและเรื่องราวสุดประทับใจ

บ่อยครั้งที่เรื่องราวความรักความผูกพันของคนในครอบครัวได้ส่งผ่านของขวัญจากรุ่นสู่รุ่น ยิ่งถ้าเป็น เซตเครื่องประดับ ที่งดงามและเลอค่าวำหรับสวมใส่ในพิธีวิวาห์ซึ่งเป็นวันสำคัญของการเริ่มชีวิตคู่ ก็ยิ่งทำให้จิเวลรี่เหล่านั้นมากด้วยคุณค่าและความทรงจำเหนือกาลเวลาจนไม่อาจบรรยายได้ครบถ้วน และนี่คือเครื่องประดับสุดเลอค่าที่ถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นของ 3 เจ้าสาวคนดังและเรื่องราวสุดประทับใจของเครื่องประดับแสนพิเศษในวันสำคัญ

กรณ์ – ศรีริต้า ณรงค์เดช

“เวลาเห็นริต้าใส่เครื่องประดับของคุณแม่ ผมรู้สึกเหมือนได้เห็นผู้หญิงสองคนที่ผมรักที่สุดมายืนอยู่ตรงหน้า”

สาวริต้ามอบหน้าที่ให้กับกรณ์ ณรงค์เดช รองประธานกรรมการกลุ่มบริษัทเคพีเอ็นหนุ่มหล่อสุดเพอร์เฟ็กต์ บอกเล่าเรื่องราวนี้

“ผมบอกริต้าตั้งแต่แรกว่าทั้งงานหมั้นและงานแต่งงานอยากให้เขาใส่เครื่องประดับของคุณแม่ (คุณหญิงพรทิพย์ ณรงค์เดช) ที่ท่านสวมใส่
มาตลอด เพราะผมอยากให้คุณแม่เป็นส่วนหนึ่งในงานของเรา แม้ท่านจะไม่อยู่กับเราแล้ว แต่เครื่องประดับเปรียบเหมือนตัวแทนที่อยู่ใกล้เราสองคนตั้งแต่เริ่มต้นจนจบงาน คืออยู่ในทุกโมเมนต์แห่งความสุขของเราครั้งนี้

“ก่อนหน้านี้ผมได้เรียนคุณพ่อ (เกษม ณรงค์เดช) กับพี่กบ (กฤษณ์ ณรงค์เดช) ว่าวันหมั้นกับวันฉลองสมรส ผมขอให้ริต้าใส่เครื่องประดับของคุณแม่ คุณพ่อกับพี่กบอนุญาตแล้วให้ผมเลือกเองเลย เพราะผมจำได้หมดว่าคุณแม่ใส่เครื่องประดับแบบไหนบ้าง เพราะทุกครั้งที่ท่านซื้อ
เครื่องประดับผมมักจะอยู่ด้วยเสมอ

“เริ่มจากงานหมั้นเมื่อวันที่ 4 มกราคมที่โรงแรมสยามเคมปินสกี้เราสองคนอยากให้งานออกมาเรียบๆ แต่อบอุ่นน่ารัก ตั้งแต่การตกแต่งสถานที่จัดงานไปจนถึงชุดหมั้นแบรนด์สเตลลา แมคคาร์ตนีย์ ริต้าเลือกดีไซน์เรียบๆ ไม่มีดีเทล ไม่ปักเลื่อม ไม่มีลูกไม้อะไรเลย เพราะอยากให้ทุกคนโฟกัสไปที่ความรักของเราสองคน

“ผมตั้งใจเลือกเครื่องประดับชิ้นเดียวคือ ต่างหูเพชรที่คุณแม่ได้มาจากการประมูลกับสถาบันประมูลคริสตี้ส์ที่ประเทศฮ่องกงเมื่อประมาณ
16 ปีที่แล้ว ด้วยดีไซน์เป็นเพชรเม็ดใหญ่ทรงไข่แล้วล้อมด้วยเพชรเม็ดเล็กๆ น้ำหนักเพชรข้างละ 7 กะรัต เพราะสามารถตอบโจทย์งานหมั้นของเราได้ คือเป็นต่างหูที่เรียบที่สุดเท่าที่คุณแม่มีแล้ว (หัวเราะ) เพราะเครื่องประดับคุณแม่จะมีดีเทลมากและพิเศษเสมอ”

สำหรับงานแถลงข่าวพิธีฉลองสมรสและงานฉลองสมรสในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ณ โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ เจ้าบ่าวยอมรับว่าเลือกเครื่องประดับยากมาก เพราะไม่มีโอกาสได้เห็นชุดเจ้าสาวมาก่อนต้องใช้วิธีคาดเดาเท่านั้น

“ผมถามริต้าว่าชุดวันแต่งดีไซน์เป็นอย่างไร เขาบอกสั้นๆ ว่า เป็นชุดเกาะอก แล้วบอกว่าน่าจะเหมาะกับเครื่องประดับเรียบๆ แค่นั้น ผมก็เดาเองต่อว่าน่าจะเป็นชุดเจ้าสาวทรงปริ๊นเซสและมีดีเทล มีความดรามาติกนิดหนึ่ง จึงตัดสินใจเลือกสร้อยเพชรที่มีดีไซน์พิเศษเส้นนี้ที่คุณแม่น่าจะชอบมากที่สุด เพราะเห็นท่านใส่มาตั้งแต่ผมอายุ 10 กว่าขวบ และเรียบที่สุดด้วย (หัวเราะ) จากร้านแฟรงค์ จิเวลรี่ จริงๆ แล้วดีไซน์แบบเต็มๆ ของสร้อยคอเส้นนี้จะมีจี้เพชรห้อยลงมาด้วย แต่ผมมองว่าอาจจะเยอะไปเลยเอาจี้เพชรออก”

พอริต้าปรากฏตัวในชุดเดรสสีงาช้างปักคริสตัลทั้งชุดพร้อมสร้อยเพชรในงานแถลงข่าว ทำเอาหนุ่มกรณ์ถึงกับตกตะลึงในความงดงามของเจ้าสาว

“ผมได้เห็นครั้งแรกพร้อมกับทุกคนเลย ริต้าดูสวยและเครื่องประดับก็เข้ากับชุดได้ดี”

สำหรับพิธีฉลองสมรสช่วงเย็น ริต้าสวมชุดจากแบรนด์ไมเคิล ซินโก้ ที่ออกแบบเพื่อเธอโดยเฉพาะ เจ้าบ่าวจึงตัดสินใจเลือกต่างหูเพชรเรียบๆแบบติดหูไม่ห้อยระย้า เพื่อจะได้ไม่ไปกวนหรือแย่งความสวยงามของชุด

“ผมทราบแค่ว่างานตอนเย็นเป็นชุดเกาะอกปักเลื่อมลายดอกไม้ น่าจะเหมาะกับต่างหูเพชรลายดอกไม้คู่นี้ที่คุณแม่ซื้อจากนิวยอร์ก แต่ได้นำมา
ปรับนิดหน่อย เนื่องจากวันหมั้นต่างหูของคุณแม่จะเป็นแบบหนีบทั้งหมด พอริต้าต้องใส่ตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าถึงบ่ายสองทำให้เกิดอาการเจ็บพอสมควร เมื่อผมเลือกต่างหูสำหรับงานฉลองสมรสตอนเย็นได้แล้วก็รีบส่งให้ที่ร้านปรับเป็นต่างหูแบบเจาะเพื่อริต้าใส่ได้ง่ายขึ้น”

 

ณัฐปรี พิชัยรณรงค์สงคราม – วรวุฒิ อัจฉริยศรีพงศ์

“การได้สวมใส่เครื่องประดับที่ส่งต่อมาตั้งแต่รุ่นคุณยายในวันสำคัญของชีวิตเป็นความภูมิใจและประทับใจที่ไม่รู้ลืมค่ะ”

โดยในวันเข้าเฝ้ารับประทานน้ำพระพุทธมนต์จากสมเด็จพระสังฆราช ฝ่ายเจ้าสาวเลือกเครื่องประดับอายุ 100 ปีของคุณยาย คุณหญิงสุภัทรา
สิงหลกะ เป็นของคู่กายชิ้นสำคัญในวันมงคลของชีวิต

“เครื่องประดับทั้งสองชิ้นคุณยายมอบให้คุณแม่ (คุณสุภาพรรณ พิชัยรณรงค์สงคราม) ค่ะ ท่านเล่าให้ปิ๋มฟังว่า คุณยายสั่งทำเครื่องประดับตั้งแต่สมัยท่านสาวๆ เมื่อมีลูกหลานแต่งงานทุกคนจะใส่เครื่องประดับชุดนี้ในพิธีแบบไทย ปิ๋มจึงเลือกเครื่องประดับของคุณยายมาสวมใส่เพื่อเป็นการระลึกถึงท่าน ซึ่งถ้าท่านยังมีชีวิตอยู่ปัจจุบันจะมีอายุ 110 ปี เพราะท่านเกิดในปลายสมัยรัชกาลที่ 5 จึงสันนิษฐานว่าเครื่องประดับทั้งสองชิ้นนี้น่าจะทำในสมัยรัชกาลที่ 6 ค่ะ

“โดยต่างหูและสร้อยข้อมือทำจากทองคำบริสุทธิ์ 99.99 เปอร์เซ็นต์ สร้อยข้อมือประดับด้วยพลอยนพเก้า ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นอัญมณีมงคล 9 ชนิด
ประกอบด้วยเพชรซีก ซึ่งเป็นงานฝีมือในอดีตที่มีการนำเพชรมาเจียระไนเพื่อให้เกิดประกาย และพลอย 8 ชนิด ได้แก่ ทับทิม มรกต บุษราคัม ไพลิน (นิลกาฬ) โกเมน มุกดาหาร เพทาย และไพฑูรย์ (ตาแมว)

“ส่วนต่างหูประดับด้วยเพชร โดยใช้วิธีประดับตัวเรือนแบบโบราณที่เรียกว่า “ยัดขี้เถ้า” ทำให้เห็นเพชรเป็นสีเทาๆ มากกว่าจะเห็นความแวววาวเหมือนเครื่องประดับสมัยนี้ ก่อนนำมาสวมใส่พี่ฟลุ้คช่วยนำไปทำความสะอาดเพื่อให้ผิวเครื่องประดับดูสุกสว่าง

“ปิ๋มเลือกใส่เครื่องประดับชุดนี้กับชุดไทยบรมพิมานสีงาช้างที่คุณป้อม – ธีระพันธ์ วรรณรัตน์ ออกแบบและตัดเย็บ โดยใช้ผ้ายกไหมทอมือจากลำพูน ด้านหน้ามีจีบหน้านางปักลาย ตกแต่งด้วยลูกปัดและคริสตัลชนิดด้าน เข้าเฝ้าและกราบขอพรจากสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งพระองค์ท่าน
ประทานน้ำพระพุทธมนต์เพื่อเป็นสิริมงคลสำหรับใช้ในพิธีรดน้ำสังข์ และสวมใส่อีกครั้งในวันทำพิธีหมั้นและมงคลสมรสตามประเพณีไทยด้วย

“ปิ๋มเลือกเครื่องประดับไทยสมัยรัชกาลที่ 6 ของคุณยายมาผสมผสานกับเครื่องประดับเพชรสมัยใหม่ที่เรียบโก้จาก Gems Pavilion เพื่อให้
องค์รวมดูสวยร่วมสมัย มีความเป็นไทยตามประเพณี แต่ก็ยังมีความเป็นตัวเองของปิ๋มด้วย

 

วริษา ประธานราษฎร์นิกร – จักรกฤต เบเนเดทตี้

“ปายจึงเลือกใส่สร้อยเพชรและเข็มขัดทองคำขาวที่ท่านมอบให้ เปรียบเสมือนเป็นตัวแทนของท่านในวันสำคัญของชีวิตเราค่ะ”

“ความที่คุณป้า (เมธ์วดี นวพันธ์) ชอบจิเวลรี่เป็นทุนเดิม ทำให้ปายได้รับเครื่องประดับจากท่านมาตั้งแต่เด็ก มีช่วงหนึ่งที่ฮิตจิเวลรี่วินเทจท่านก็ให้แหวนพลอย พอโตขึ้นมาหน่อย เคยคุยให้ท่านฟังว่าอยากสะสมสร้อยเพชร เมื่อสี่ปีที่แล้วคุณป้าจึงแอบไปจัดหาสร้อยคอไว้ให้ปายใส่ออกงาน วิธีการให้ของท่านก็ไม่ธรรมดาด้วยนะคะ มีเซอร์ไพร้ส์ด้วยการชวนไปกินข้าวที่บ้าน แล้ววางกล่องใส่สร้อยเพชรไว้ให้ที่เก้าอี้ พอเปิดกล่องออกมาก็เห็นสร้อยคอเส้นนี้ ตัวเรือนเป็นแพลทินัม ประดับด้วยเพชรหยดน้ำกว่า 5 กะรัต เพชรทรงกลมเกือบ 19 กะรัต และเพชรรูปทรงแปดเหลี่ยมเกือบ 12 กะรัต ท่านพูดแค่ว่า ‘ของปายนะ’ ปายปลื้มมากเก็บรักษาอย่างดี โดยยังไม่มีโอกาสหยิบมาใช้สักที

“จนกระทั่งใกล้จะแต่งงาน โดยขั้นตอนคือ หลังจากทำพิธีแต่งงานในโบสถ์เสร็จเรียบร้อย เรามีจัดงานอาฟเตอร์ปาร์ตี้ที่โรงแรม โดยพี่แม็กซ์
(จักรกฤต เบเนเดทตี้ – เจ้าบ่าว) จะเปลี่ยนชุดมาใส่เสื้อกั๊กสีเบอร์กันดีทีแรกปายคิดไม่ออกว่าจะใส่ชุดอะไรดีที่สีแมตช์กัน แล้วก็นึกขึ้นได้ว่ามี
เดรสคอลเล็คชั่นล่าสุดของ Dior ที่เขาส่งมาให้ดูที่บ้าน สีเข้ากันกับชุดเจ้าบ่าวพอดี ส่วนเครื่องประดับ ปายนึกถึงสร้อยคอที่คุณป้าให้ ซึ่งช่วยให้ชุดที่ใส่ดูเด่นขึ้นมาเลยค่ะ

“ส่วนเข็มขัดทองคำขาวเส้นนี้เป็นของเก่า หัวเข็มขัดประดับด้วยเพชรทรงกลม เพิ่งได้รับจากคุณป้าเมื่อปีที่แล้ว เพราะท่านรู้ว่าปายจะแต่งงานจึงมอบให้ใช้สำหรับพิธีแบบไทย ที่จริงคุณป้ามีเข็มขัดเพชรหลายเส้นท่านก็จะเลือกให้เหมาะกับหลานแต่ละคน ที่ปายได้เส้นนี้เพราะตัวเล็กกว่า
หลานคนอื่น (หัวเราะ) เข็มขัดไม่ยาวมาก หัวเข็มขัดจึงไม่ใหญ่ เสียดายว่าช่วงที่จัดพิธีแต่งงานคุณป้าไม่ได้มาร่วมด้วย เพราะสุขภาพท่านไม่อำนวย

อ่านบทความเพิ่มเติม

https://praewwedding.com/rings-and-accessories/20829

https://praewwedding.com/rings-and-accessories/35031

https://praewwedding.com/rings-and-accessories/accessories/94737

รักทางไกลทำยังไงให้เวิร์ก รับรองว่ารักระยะไกลก็เป็นรักที่ดีได้ไม่แพ้รักไหนๆ เลย

“อยู่ห่างขนาดนี้ คิดถึงกันบ้างไหม” ใครที่กำลังคิดแบบนี้ แสดงว่าคุณคือคู่ รักทางไกล ใช่ไหมเอ่ย แสดงว่าต้องกำลังเหงาหรือเศร้าที่อยู่ห่างไกลและไม่ค่อยได้เจอกับคนรักอยู่แน่ๆ มามะ มาทำจิตใจให้เบิกบานแล้วทำตาม 8 ข้อนี้ที่เราแนะนำดีกว่า ถ้าทำได้รับรองเลยว่ารักระยะไกลของคุณก็เป็นรักที่ดี๊ดีไม่แพ้รักไหนๆ เช่นกัน

1. ซื่อสัตย์ต่อตัวเองและคนรัก
ความซื่อสัตย์คือคติประจำใจที่สำคัญที่สุดสำหรับคู่รักระยะไกล เพราะนั่นแปลว่าคุณจะไม่ใช้ช่องว่างของการไม่ได้เจอกันไปแอบนอกใจมีกิ๊กเล็กกิ๊กน้อยให้เกิดปัญหาใหญ่โตตามมา อีกทั้งยังรวมถึงการโกหกหรือการเลี่ยงไม่บอกดีกว่า เพื่อให้เขาหรือเธอสบายใจ ก็ไม่ใช้วิธีที่ดีสำหรับคู่รักระยะไกล เพราะหากมารู้กันทีหลังจะทำให้ความไว้เนื้อเชื่อใจที่เคยมีหมดไปทันที ทีนี้ล่ะอยู่ยากแน่

2. ไว้เนื้อเชื่อใจกัน
เมื่ออีกฝ่ายมีความซื่อสัตย์ให้กัน เราก็ต้องสนองตอบด้วยความไว้ใจ (แต่ต้องมั่นใจได้ว่าเขาหรือเธอซื่อสัตย์จริงๆ) สำหรับคู่รักระยะไกลคติประจำใจข้อนี้นับว่าสำคัญมากเช่นกัน เพราะนอกจากจะทำให้คุณสบายใจ ไม่คิดฟุ้งซ่านให้วุ่นวายจิตแล้ว ยังทำให้อีกฝ่ายไม่อึดอัดและกังวลใจอีกด้วย

3. ใส่ใจอย่างเสมอต้นเสมอปลาย
แม้ไม่ได้เจอกันทุกวันอย่างคู่รักคู่อื่นๆ แต่คู่รักระยะไกลก็สามารถแสดงความใส่ใจต่อกันได้ อาจใช้วิธีโทรถามสารทุกข์สุขดิบกันทุกเช้าเย็น หรือแสดงความเป็นห่วงเป็นใยให้อีกฝ่ายรู้สึกเป็นคนพิเศษอยู่เสมอ เรียกง่ายๆ ว่าต้องใส่ใจกันอย่างเป็นกิจวัตร เพียงเท่านี้ไม่ว่าตัวจะไกลกันแค่ไหน แต่ใจก็ใกล้กันได้ตลอดเวลา

4. หมั่นแสดงความคิดถึง
“คิดถึงนะ” คู่รักระยะไกลควรพูดคำนี้กันให้บ่อยเข้าไว้ เพราะคำสั้นๆ ง่ายๆ นี้แหละที่จะช่วยกระชับความสัมพันธ์ของคุณให้ใกล้กันมากขึ้น หรือจะส่งข้อความแห่งความคิดถึงผ่านหน้าโซเชียลให้ใครๆ ต่างอิจฉาก็ว่ากันไป ขอบอกเลยว่านี่ถือเป็นอีกหนึ่งข้อได้เปรียบของคู่รักระยะไกล เพราะมันทำให้คุณได้คิดถึงกันมากกว่าคู่รักคู่ไหนๆ ไงล่ะค่ะ ฮิ้ววว

5. เว้นช่องว่างให้กันบ้าง
แม้ความคิดถึงจะเป็นสิ่งที่ดี แต่ก็อย่ามากเกินไปจนกลายเป็นความฟุ้งซ่าน คู่รักระยะไกลควรเว้นช่องว่างให้กัน และมีเวลาส่วนตัวในการทำสิ่งต่างๆ อย่างเป็นปกติ เพื่อให้ทั้งตัวเองและอีกฝ่ายไม่รู้สึกอึดอัดหรือกดดันจนเกินไป และอย่างน้อยที่สุดก็เพื่อให้ต่างคนต่างได้เจอเรื่องราวใหม่ๆ แล้วนำมาแบ่งปันกัน

6. แบ่งปันเรื่องราวต่อกันเป็นประจำ
การแบ่งปันเรื่องราวต่างๆ ต่อกันเป็นประจำทำให้คู่รักระยะไกลรู้สึกเหมือนอยู่ใกล้กันได้ “วันนี้ฉันไปเจอคนนี้มานะ” “วันนี้ฉันไปทำแบบนี้มาแหละ” หมั่นเล่าให้ฟังกันเป็นประจำทุกวัน ทำให้มีเรื่องราวคุยกันได้อย่างไม่ซ้ำซากจำเจ และยังทำให้รู้สึกเป็นคนสำคัญที่เขาหรือเธออยากจะแบ่งปันเรื่องราวให้ฟังอีกด้วย

7. ทำเซอร์ไพร้ส์ในวันสำคัญ
ทำเซอร์ไพร้ส์ให้กันในวันสำคัญเพื่อเติมรสรักให้หวานชื่น ไม่ว่าจะเป็นวันเกิด วันครบรอบ หรือวันเทศกาล  สำหรับข้อนี้ถือเป็นอีกหนึ่งข้อดีของคู่รักระยะไกลเลยก็ว่าได้ เพราะคุณสามารถสร้างเซอร์ไพร้ส์ให้เขาหรือเธอได้อย่างเป็นความลับที่สุด รับรองว่าแผนไม่แตกแน่นอน (ถ้าไม่มีใครปากโป้งไปบอกซะก่อน)

8. การเจอกันคือความพิเศษ
การไม่ได้เจอกันนานเป็นเดือนเป็นปีทำให้คู่รักระยะไกลถวิลหาการเจอกันแบบคูณสิบ ดังนั้นการสร้างความพิเศษให้กับการเจอกันจึงช่วยกระชับความสัมพันธ์ให้แนบแน่นขึ้นได้ คุณอาจสร้างความพิเศษด้วยการแต่งหน้าแต่งตัวสวยปิ๊งให้อีกฝ่ายตกตะลึง ทำอาหารมื้อโปรดไว้คอยท่า หรือหาของขวัญมาเซอร์ไพร้ส์สักชิ้น เห็นไหมคะว่าการเจอกันน้อยๆ ก็ไม่ได้แย่เสมอไป เพราะทำให้หัวใจพองโตได้ง่ายและชุ่มช่ำหัวใจสุดๆ

>> อ่านบทความเกี่ยวกับความรักและความสัมพันธ์เพิ่มเติม คลิกเลย <<

5 เทคนิคขั้นเทพ! จัดงานแต่งให้ดูแพงในงบจำกัดได้เองแบบไม่ยาก

แหม…เขาว่ากันว่าเศรษฐกิจตอนนี้ไม่ค่อยดีนะคะ แต่ไม่ว่าจะยังไงคู่รักก็ยังแต่งงานกันอยู่ดี ว่าที่บ่าวสาวหลายคู่จึงต้องจำกัดงบประมาณในการจัดงานนิดนึงเนอะ ใครที่กระเป๋าไม่หนักแต่อยาก จัดงานแต่งให้ดูแพง แบบที่ใฝ่ฝัน เรามีเทคนิคมาบอก

1. เลือกของที่ดูเรียบหรูเข้าไว้

ของตกแต่งเยอะๆ รังแต่จะทำให้งานแต่งดูรก ยุ่งเหยิง ไม่ได้ทำให้ดูแพง จำไว้! ถ้าอยากได้งานที่หรูในงบจำกัด เราขอแนะนำให้เลือกของตกแต่งสไตล์เรียบๆ เน้นสีขาว สีทอง สีงาช้าง หรือสีเทาเข้าไว้  เพราะสีเหล่านี้จะช่วยทำให้บรรยากาศในงานเรียบหรูดูแพงได้แน่นอน

2. ถ้าจะใช้ดอกไม้ ต้องวางแผนให้ดี

ดอกไม้ตกแต่งงานเป็นอีกหนึ่งอย่างที่เปลืองเงินใช่เล่น ถ้าคุณไม่วางแผนให้ดีรับรองว่างบบานปลายชัวร์! แนะนำให้คุณดูสถานที่และคิดไว้เลยว่าจะวางดอกไม้ตรงจุดไหนบ้าง จะใช้ดอกไม้พันธุ์อะไร เพื่อให้ยังอยู่ในงบควรจะเลี่ยงดอกไม้เมืองหนาวที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ (รู้ๆ กันอยู่ว่ามันแพง!) แล้วหันมาใช้ดอกไม้ตามฤดูกาลที่ปลูกได้ในบ้านเราก็จะช่วยประหยัดงบไปได้อีกเยอะ แต่ถ้าคุณมีงบจำกัดมากๆ ลองใช้ดอกไม้ทำเป็นของตกแต่งชิ้นใหญ่ชิ้นเดียว วางไว้ในจุดที่แขกสามารถเห็นชัดเจน เช่น ซุ้มประตูทางเข้า โต๊ะลงทะเบียนหน้างาน หรือแบ็กดรอปถ่ายภาพ ให้แขกรู้สึกถึงความหรูหราตั้งแต่เดินเข้างานกันไปเลย

3. อย่าเชิญแขกพร่ำเพรื่อ เลือกเฉพาะคนสำคัญ

ถ้างบคุณมีน้อยพอแค่เชิญแขกได้ 300 คน แล้วคุณจะเชิญแขก 500 คนให้ลำบากงบไปทำไมคะ? ทางที่ดีให้เชิญเฉพาะคนสำคัญและสนิทกันจริงๆ ลองคุยและปรึกษากันให้ดีว่าพอจะตัดรายชื่อใครออกได้บ้าง เพราะยิ่งแขกเยอะมากเท่าไหร่นั่นหมายถึงว่า คุณจะต้องเลือกสถานที่ให้ใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับแขกทั้งหมด และเพิ่มเงินในส่วนของอาหารจัดเลี้ยงให้มากขึ้นด้วย ส่วนใครที่ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรกับรายชื่อแขกที่เยอะเกินไป เราก็มีเทคนิคมาให้ค่ะ คลิกเลย ลิสต์แขกยาวเป็นหางว่าว แต่งบเราเท่าหางอึ่ง!

4. งาน DIY ช่วยให้ดูหรูหราและประหยัดงบได้เช่นกัน

DIY ที่บอกมานี้ต้อง Do It Yourself จริงๆ นะคะ ไม่ใช่ไปจ้างคนอื่นทำให้เสียสตางค์เพิ่มอีกแบบนั้นไม่แนะนำนะ ถ้าคุณเป็นคนมีฝีมือในการประดิษฐ์ประดอยหรือมีเพื่อนที่พร้อมจะทำให้ก็ลองดูค่ะ อาจทำของตกแต่งเล็กๆ น้อยๆ จากกระดาษ ไม่ต้องชิ้นใหญ่มาก ทำเองง่ายๆ แบบนี้ช่วยให้งานดูดีและประหยัดงบได้อยู่นะ

5. ทางเข้างานต้องประทับใจแขก

สิ่งที่แขกจะจดจำและถือว่าเป็นเฟิร์สอิมเพรสชั่นก็คือ ทางเข้างานค่ะ ลองจัดวางดอกไม้ (ใช้เทคนิคที่บอกไปในข้อ 2) หรือโหลแก้วที่มีอยู่แล้วที่บ้านใส่น้ำลอยเทียนไว้ข้างใน (อันนี้ฮีบินว่าดูหรูและเวิร์กมาก) หรือของตกแต่งอะไรก็ได้ที่คุณชื่นชอบ (อาจเป็นของที่จะซื้อไปใช้ตกแต่งเรือนหออยู่แล้วก็ได้) แต่ตรงกับธีมงานแต่ง หาที่วางสร้างความประทับใจให้กับแขกตั้งแต่เดินเข้างานรับรองว่าสวย เริด ปังแน่นอน (อย่าลืมว่าต้องอยู่ในงบด้วยนะ)

ถึงแม้จะมีงบประมาณสำหรับงานแต่งค่อนข้างจำกัด แต่ถ้าหากเลือกหยิบใช้สิ่งของที่มีสไตล์เรียบหรู ไม่จำเป็นต้องถมดอกไม้ให้มากมาย เพียงแค่นี้งานแต่งจากงบเท่าที่มีก็ดูแพง หรู เริด ได้ไม่แพ้งานแต่งที่หมดเงินบานตะไทแน่นอน

cr.www.brides.com

อ่านบทความเพิ่มเติม

https://praewwedding.com/planning/advice-and-ideas/101689

https://praewwedding.com/planning/109019

https://praewwedding.com/planning/101019

3 แบบเทรนด์ชุดเจ้าสาว ตัดครั้งเดียวแต่นำกลับมาใส่ซ้ำได้หลายโอกาส

ชุดแต่งงานมูลค่าสูง ถ้าไม่ต้องจำกัดว่าสวมได้เฉพาะวันสำคัญเพียงวันเดียวคงดี แพรว wedding จึงมีไอเดียในการมิกซ์แอนด์แมตช์ชุดแต่งงานไว้ใช้ได้หลายโอกาส แถมเป็นการอัพลุคคุณให้ไม่ธรรมดาอีกต่อไป และนี่คือ เทรนด์ชุดเจ้าสาว ที่มาแรงปีนี้ไปถึงปีหน้าแน่นอน – เรื่อง : ปาจรีย์, Up_Kamphoo ภาพ : วรสันต์, อิทธิศักดิ์ สไตลิสต์ : Up_Kamphoo นางแบบ : ณิชชา แก้วประกายแสงกูล, minim

มินิมัลชิค

Dress Over Wedding แบรนด์ชุดเจ้าสาวสไตล์คลาสซี่ ดีไซน์มินิมัลน้อยแต่เก๋ เน้นดีเทลงานผ้าและคัตติ้งสุดเนี้ยบที่ช่วยเสริมให้ชุดดูโก้หรูยิ่งขึ้น ใช้ผ้าสแปนเด็กซ์หรือผ้าใยสังเคราะห์น้ำหนักเบานำเข้าจากเกาหลี รวมไปถึงผ้าไหมมิคาโด้และผ้าดัชเชสซาตินจากญี่ปุ่น นอกจากชุดที่ออกแบบโดยดีไซเนอร์ของร้านแล้วเจ้าสาวยังนิยมสั่งตัดชุดแบบเทเลอร์เมดเพื่อให้เข้ากับรูปร่างมากขึ้น ขณะเดียวกันที่นี่ยังมีคอลเล็คชั่นชุดแต่งงานที่ผลิตออกมาตามเทรนด์ให้คุณมีช้อยส์มากขึ้นด้วย

เทรนด์ชุดเจ้าสาว

สำหรับชุดเจ้าสาวที่เราเลือกมาแมตช์เป็นเสื้อดีไซน์ไหล่เดียวประดับด้วยโบที่ถอดออกได้ ทำจากผ้าสแปนเด็กซ์ ผ้าใยสังเคราะห์เนื้อยืดหยุ่น ในวันแต่งงานคุณอาจสวมคู่กับกระโปรงคลุมเข่า ให้อารมณ์อ่อนหวาน เหมาะกับพิธีเรียบง่ายช่วงบ่าย ส่วนในชีวิตประจำวันคุณสามารถนำเสื้อมาแมตช์ให้กลายเป็นลุคเก๋และเปรี้ยวยิ่งขึ้น ใส่ไปออกงานหรือประชุมกับลูกค้าก็ได้

เทรนด์ชุดเจ้าสาว

ชุดนี้เก๋ตรงที่เมื่อถอดโบออกจะกลายเป็นลุคที่เปรี้ยวชิคขึ้น ใส่คู่กับกางเกงสแล็คสีเข้มทั้งทรงขากระบอก ทรงขาบาน หรือทรงสกินนี่รัดรูป สวมรองเท้าส้นสูงเปิดหน้า อาจปิดท้ายด้วยการสวมกำไลทองหลายวงเพื่อให้ลุคสนุกมีสีสันขึ้น

เปรี้ยว เฟี้ยวให้สุด

ถ้าคุณเป็นเจ้าสาวที่ต้องการช้อยส์ในการเลือกชุดหลากหลาย Coco Chic Wedding จัดให้ค่ะ เขามีชุดให้เลือกทั้งแบบเดรสกระโปรงยาวสุ่มเหมือนเจ้าหญิงไปจนถึงเดรสคอวีแนบเนื้อรวมไปถึงดีไซน์เรียบ ๆ ที่ต้องถูกใจสาวมินิมัลแน่นอน

เทรนด์ชุดเจ้าสาว

สำหรับชุดเจ้าสาวที่เราเลือกมามิกซ์แอนด์แมตช์เป็นชุดเกาะอกจั๊มป์สูทสีขาวกางเกงขายาว ในวันงานคุณจะเด่นด้วยหางปลาที่ต่อตรงช่วงสะโพก คาดทับด้วยเข็มขัดคริสตัลสีขาวทำให้ชุดดูเป็นทางการเรียบหรูแฝงไว้ด้วยความเท่ แต่ยังมีความหวาน เป็นเทรนด์ที่เจ้าสาวหลายคนนิยมใส่ในช่วงนี้

เทรนด์ชุดเจ้าสาว

หลังจากจบพิธีฉลองวิวาห์ คุณสามารถนำชุดนี้ใส่ไปในงานปาร์ตี้เฟี้ยวๆ กับเพื่อนสาว เพียงแค่ถอดหางปลากับเข็มขัดออก สวมรองเท้าส้นสูงหัวแหลมสีสด สวมสร้อยคอหลายเส้นไล่ระดับเพื่อให้ชุดดูมีเลเยอร์มากขึ้น ถือคลัตช์สักหนึ่งใบ อย่าลืมจบงานด้วยลิปสติกสีแดงหรือส้ม บอกเลยว่า ปังเปรี้ยวเฟี้ยวเข็ดฟันมาก

หรืออีกสไตล์ที่เพิ่มความทางการขึ้นมาหน่อย ในวันที่คุณต้องพบผู้ใหญ่ แนะนำให้สวมเบลเซอร์โอเวอร์ไซส์คลุมทับ ลุคนี้ก็จะดูเป็นทางการสวยเตะตายิ่งขึ้น

เฟมินีนโมเดิร์น

เจ้าสาวที่ชอบดีไซน์โมเดิร์น เรียบหรูและแฝงความหวานเฟมินีนด้วยลวดลายของผ้าลูกไม้ ต้องถูกใจชุดจากแบรนด์ NICHP โดยไม่ต้องกังวลว่าเมื่อสวมแล้วจะดูมีอายุเพราะลูกไม้ที่นี่มีการผสมผสานลวดลายกราฟิกไว้ด้วยเพื่อให้ดูโมเดิร์นขึ้น ส่วนดีไซน์ของชุดก็เน้นความทะมัดทะแมง พอตัดความกรุยกรายออก จึงสามารถนำชุดไปดัดแปลงใส่ในโอกาสอื่นได้เยอะขึ้น

เราเลือกเสื้อแขนยาวลูกไม้สีขาวทั้งตัวที่เจ้าสาวหลายคนชื่นชอบในวันแต่งงาน อาจใส่คู่กับกระโปรงสั้นพองฟูหรือกระโปรงยาวสีขาวผ่าด้านข้าง ส่วนในชีวิตประจำวันสามารถสวมเสื้อลูกไม้นี้กับกางเกงยีนทรงบอยหรือกางเกงยีนรัดรูปเพื่อเบรกความหวานจากลูกไม้ แล้วเพิ่มความ
ชิคด้วยการสวมต่างหูห่วงหลายๆ อัน ปิดท้ายด้วยรองเท้าส้นสูงดีไซน์หัวแหลม ก็จะดูเปรี้ยวขึ้น หรือถ้าคุณมีนัดเจอกับลูกค้าคนสำคัญ อาจสวมเบลเซอร์สีเนื้อทับก็เติมเต็มให้ลุคนี้ดูสวยแปลกตาไปอีก

อ่านบทความเพิ่มเติม

https://praewwedding.com/dresses-and-suits/119709

https://praewwedding.com/dresses-and-suits/113869

https://praewwedding.com/dresses-and-suits/bride/78430

เช็กลิสต์สำคัญ! ก่อนตัดสินใจเลือกชุดเพื่อนเจ้าสาวให้สวยปังยกทีม

เลือก ชุดเพื่อนเจ้าสาว ให้ปัง…ยกทีม

ในงานแต่งงานนอกจากเจ้าบ่าว-เจ้าสาวที่เป็นพระเอกนางเอก อีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญที่ถือเป็นสีสันให้งานสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นก็คือ เหล่าเพื่อนเจ้าสาวที่แท็กทีมแต่งตัวสวยมาในธีมเดียวกัน แตก็แน่นอนค่ะว่า กว่าจะออกมาสวยดังที่เห็นในวันงาน เชื่อว่าเจ้าสาวและผองเพื่อนคงปวดหัวกันพอสมควร ว่าจะเลือกชุดแบบไหน สีอะไร จึงจะเหมาะกับทุกคน และที่สำคัญ ต้องไม่แย่งซีนเจ้าสาวด้วย แพรวเวดดิ้งมีเทคนิคในการเลือก ชุดเพื่อนเจ้าสาว ให้ตอบโจทย์มาฝากค่ะ – เรื่อง Minim

ธีมงาน & สถานที่

สิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึงคือ รูปแบบหรือธีมของงานว่าเป็นแบบไหน สถานที่เป็นอย่างไร เช่น จัดแบบเอ๊าต์ดอร์ ในโรงแรม หรือชายทะเล รวมถึงจัดทั้งหมดกี่งาน อย่างบางคนมีงานพิธีแบบไทยช่วงเช้า งานฉลองวิวาห์ตอนค่ำ ปิดท้ายด้วยอาฟเตอร์ปาร์ตี้ เมื่อชัดเจนแล้วจะได้คิดต่อถึงชุดเจ้าสาวว่าต้องมีกี่ชุด สไตล์ไหนบ้าง ทั้งนี้เพื่อเลือกชุดเพื่อนเจ้าสาวให้สอดคล้องกับงานทั้งหมด

ชุดเพื่อนเจ้าสาว

“สี” สำคัญนะ

เมื่อรู้แล้วว่างานแต่งงานมีคอนเซ็ปต์แบบไหนหรือมีธีมสีอะไร ควรเลือกองค์ประกอบทุกอย่างให้ไปในทิศทางเดียวกัน ไม่ว่าจะการจัดงาน ของตกแต่ง รวมไปถึงชุดของเพื่อนเจ้าสาวด้วย เช่น ถ้าเป็นงานกลางวันจัดแบบเอ๊าต์ดอร์ อาจเลือกเป็นสีเอิร์ธโทนอย่างเขียว ฟ้า หรือชมพู ที่ดูสบายตา และเลือกดีไซน์ชุดที่ดูคล่องตัวหน่อยอย่างเดรสสั้น เป็นต้น แต่ถ้าเป็นงานกลางคืนที่ต้องการความหรูหรา อาจเลือกเป็นสีพิ้งค์โกลด์ สีทอง หรือชุดที่ประดับเลื่อม แต่ทั้งนี้ก็ควรเลือกโทนสีกลางๆ ที่เหมาะกับเพื่อนเจ้าสาวทุกคนด้วยนะคะ

ชุดเพื่อนเจ้าสาว

คุยกันเพื่อ “สวยเป็นทีม”

โดยทั่วไปเมื่อเจ้าสาวกำหนดสีได้แล้ว ก็มักจะเลือกซื้อผ้ามาให้แก๊งเพื่อนๆ เพื่อให้แต่ละคนนำไปตัดชุด โดยเลือกดีไซน์ที่เข้ากับความชอบและรูปร่างที่แตกต่างกัน หรืออาจจะนัดไปตัดที่ร้านเดียวกันเพื่อความสะดวก แต่ไม่ว่าจะเลือกทางใดควรมีการวางแผนร่วมกัน

ชุดเพื่อนเจ้าสาว

เพราะแม้ชุดเพื่อนเจ้าสาวจะไม่จำเป็นต้องเหมือนกันเป๊ะๆ แต่ก็ควรไปในทิศทางเดียวกัน เจ้าสาวคงไม่อยากเจอเซอร์ไพร้ส์ที่ว่า เพื่อนคนหนึ่งเป็นชุดเดรสสายเดี่ยวแบบมินิมัล แต่อีกคนเป็นชุดราตรียาวปักเลื่อม ซึ่งเมื่อมาอยู่ด้วยกันแล้วคงสวยยาก

นอกจากแบบ อีกสิ่งหนึ่งที่ควรตกลงกันคือความยาวของชุดว่าจะสั้นหรือยาว รวมถึงเครื่องประดับและรองเท้าด้วยยิ่งดีค่ะ เพื่อความสวยงามเวลาถ่ายภาพ

โหวตดีไซน์

เมื่อกำหนดโทนสีของชุดเพื่อนเจ้าสาวแล้ว บางกลุ่มอาจลงความเห็นว่าให้ใส่ชุดแบบเดียวกันไปเลย แต่ถ้าให้ดีควรให้สมาชิกได้มีส่วนร่วมในการเลือกหรือโหวตดีไซน์ชุดสักหน่อย ทั้งนี้เพื่อความสบายใจของทุกคน เพราะบางชุดก็อาจจะไม่เหมาะกับรูปร่างของบางคน จริงไหมคะ

ภาพ pinterest.com

อ่านบทความเพิ่มเติม

https://praewwedding.com/dresses-and-suits/bridesmaid/92321

https://praewwedding.com/dresses-and-suits/bridesmaid/19232

https://praewwedding.com/dresses-and-suits/bridesmaid/38613

 

บุคลิกภาพในงานแต่งงาน เรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม จากคำแนะนำของ Laura Yuai อาจารย์สอนพัฒนาบุคลิกภาพ

งานแต่งงานมีเรื่องราวมากมายที่เราต้องจัดการ เรื่อง บุคลิกภาพในงานแต่งงาน ก็ถือเป็นสิ่งสำคัญที่เราไม่ควรมองข้าม เพราะมีส่วนช่วยส่งให้เราดูดีอย่างที่สุดในวันสำคัญของเรา

คุณ Laura Yuai (ย้วย-นริศรา ศรีจันทราพันธุ์) อาจารย์สอนพัฒนาบุคลิกภาพ ที่พ่วงท้ายด้วยตำแหน่งอาจารย์สอนงานพิธีกร, การพูด, เมคอัพ และภาษาอังกฤษ เจ้าของเว็บไซต์ caanteen.com ได้ให้คำแนะนำผ่าน แพรว wedding เพื่อส่งต่อไปยังบ่าวสาว เรื่อง บุคลิกภาพในงานแต่งงาน ไว้อย่างน่าสนใจ

ประโยชน์ของการมีบุคลิกภาพที่ดี

รูปออกมาสวย ทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว

จุดเริ่มต้นของการพัฒนาบุคลิกภาพ

เริ่มต้นจากการถ่ายรูป อย่าถ่ายรูปเซลฟี่ที่เห็นแค่คอกับใบหน้า เพราะจะทำให้เราไม่เห็นท่าทางของร่างกายโดยรวม ถ้าต้องเซลฟี่ให้ตั้งกล้องถ่าย โดยให้เห็นในระยะครึ่งตัวและเต็มตัว เพื่อศึกษาข้อบกพร่องของตัวเอง บ่าวสาวต้องเปิดใจกล้าที่จะวิจารณ์กันตรงๆ เป็นกระจกซึ่งกันและกัน และปรับปรุงไปพร้อมๆกัน

การยืน

ในงานเลี้ยงฉลอง จะเป็นช่วงที่บ่าวสาวต้องยืนยาวนานเป็นพิเศษ สิ่งที่เกี่ยวข้องที่สุดคือรองเท้า ต้องเป็นรองเท้าที่เคยใส่เดินมาแล้วไม่ต่ำกว่า 1 เดือน อย่าใส่รองเท้าที่ยังไม่เคยใส่เด็ดขาด เพราะจะเสี่ยงเรื่องการถูกรองเท้ากัดได้ และเจ้าสาวไม่ควรใส่รองเท้าส้นเตี้ยหรือส้นแบน เพราะจะทำให้คุณเจ้าสาวสบายเกินไป จนทำให้ยืนขาแบะได้ ควรสวมส้นสูง อย่างน้อย 1-2 นิ้ว เพื่อความสง่างาม ดูระหง และสำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องหลังงอ ให้บริหารด้วยการหมุนไหล่ไปข้างหลังแล้วหยุด แล้วจำตำแหน่งนี้ไว้ เพราะตำแหน่งนี้จะทำให้หลังตรง เจ้าบ่าวเจ้าสาวต้องช่วยกันสังเกตุ และช่วยกันเตือนเมื่ออีกคนเริ่มมีอาการหลังงอ

การเดิน

เริ่มที่เจ้าบ่าว หลังต้องตรง หน้าตายิ้มแย้ม ในพิธีเช้าห้ามให้คนรู้ว่าเราง่วงเด็ดขาด และเจ้าบ่าวต้องไม่เดินชิดกับเฒ่าแก่จนเกินไป ควรมีพื้นที่เป็นของตัวเอง เวลากล้องจับจะได้เห็นชัดเจนว่าคนไหนเจ้าบ่าว แล้วสิ่งที่ต้องระวังอีกอย่างคือเรื่องของพรอพ เจ้าบ่าวชอบทำเทห์ใส่แว่นตากันแดด แต่บางทีเป็น แว่นตาที่ไม่เข้ากับชุด ไม่เข้ากับรูปหน้า และไม่เข้ากับบุคลิก มองเผินๆเหมือนคนตาบอดมากกว่า ถ้าอยากให้ออกมาดูเทห์ควรซ้อมใส่กับชุดก่อน แล้วถามความคิดเห็นของคนรอบข้างดูว่าโอเคหรือเปล่า

ในส่วนของเจ้าสาวหลังต้องตรง อย่าอายหน้าอก อย่าอายรูปร่าง อย่างบางคนกังวลเรื่องแขนใหญ่ก็จะใช้วิธีเอาแขนหลบกับคนนั้นคนนี้ เอาผมลงมาปิดบ้าง ซึ่งทำให้รูปออกมาไม่สวย เราควรจะแสดงท่วงท่าออกมาอย่างมั่นใจ และถ้ากังวลเรื่องรูปร่างควรแก้ปัญหาโดยการออกกำลังกายหรือเลือกชุดที่ช่วยพรางจุดบกพร่องของเราได้

พิธีฉลองที่เจ้าสาวใส่ชุดยาวและใหญ่ จะทำให้เดินลำบาก ในตอนช่วงเปิดตัวให้เดินลักษณะที่เตะไปข้างหน้า คล้ายๆทหาร (ไม่มีใครเห็นเท้าของเรา) เพื่อป้องกันการเหยียบชายกระโปรง แต่ต้องเดินให้ออกมานุ่มนวล พยายามอย่าเดินแบบใช้มือยกกระโปรงขึ้นมาเพราะจะทำให้เห็นเท้า และเป็นภาพที่ไม่สวยงาม ข้อควรระวังคือ ควรเป็นรองเท้าเรียบๆเพื่อป้องกันการเกี่ยวกับชายกระโปรงได้ และตอนลองชุดที่ร้านควรลองเดินรอบๆร้านดูด้วย อย่าลองแค่มองหน้ากระจกเพียงอย่างเดียว

การนั่ง

การนั่งในงานพิธีช่วงเช้า ที่จำเป็นอย่างมากเลยคือการนั่งพับเพียบ ซึ่งมักพบปัญหาว่าเจ้าบ่าวนั่งพับเพียบไม่ลงเพราะกางเกงที่เช่ามาตึงเกินไป ซึ่งทางที่ดีคือ ก่อนตัดสินใจเช่าหรือตัดชุด ควรลองนั่งพับเพียบดูก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาตอนวันจริง

การนั่งบนเก้าอี้ตอนพิธีรดน้ำสังข์ ถ้ามีดอกไม้จัดอยู่ด้านหน้าก็จะหายห่วง ไม่เห็นช่วงขาของบ่าวสาว แต่ถ้าไม่มี เจ้าสาวบางคนมักเผลอนั่งสบายเกินไป บางคนนั่งกางขาซึ่งดูไม่ดี อย่างน้อยควรนั่งขาชิดกัน ถ้านั่งไขว่ห้างให้ไขว่ห้างด้วยข้อเท้าแล้วเอียงขา จะทำให้ดูสวยงาม สง่า มากขึ้น การนั่งไขว่ห้างถ้านั่งไม่สวยก็จะส่งให้เราดูไม่ดี ไม่สุภาพ และอาจจะโป๊ได้

สำหรับเจ้าบ่าว ควรนั่งขาชิดให้ดูสง่า เรียบร้อย และยังถือเป็นการให้เกียรติผู้ใหญ่ภายในงานอีกด้วย

การไหว้

หากเราต้องการถ่ายภาพหรือวิดีโอออกมาให้สวยงาม แนะนำให้ไหว้แบบระดับไหว้คนเสมอกัน คือปลายนิ้วกลางแตะจมูก เพราะเป็นระดับที่ไหว้ออกสื่อแล้วสวยที่สุด

ในส่วนของการกราบพระ การกราบที่ถูกต้องคือการกราบแบบเบญจางคประดิษฐ์ ที่เราเห็นนั่งพับเพียบกราบพระกัน เป็นข้อยกเว้นสำหรับผู้ใหญ่ที่มีอาการเจ็บเข่าเท่านั้น

ครูย้วย

ครูย้วยฝากไว้ว่า

  • อยากให้หามุมของตัวเองให้เจอ มุมที่ไม่ใช่การเซลฟี่ ควรซ้อมไว้เยอะๆ ไม่ว่าจะเป็นการยืน การโพสท่าต่างๆ
  • งานแต่งงานเป็นงานที่ทุกคนแข่งกันสวย เพราะฉนั้นถ้าคุณบุคลิกภาพไม่ดี เตรียมตัวไม่ดี คุณจะโดนแขกในงานขโมยซีนกลางงานแต่งของคุณเอง
  • ห้ามเลียลิปสติก เอาลิ้นดุนปาก ล้วงแคะนู่นนี่เด็ดขาด ถ้าจะทำให้หลบทำในห้องที่ไม่มีคนเห็น เพราะทุกคนในงานมีมือถือที่ถ่ายรูปได้ ใครจะรู้ว่าจะมีรูปหลุดของคุณออกไปตอนไหนบ้าง
  • ถ้าจะมีช็อตกอดกับใครก็แล้วแต่ เจ้าสาวอย่าเอาหน้าไปซบหรือซุกกับใครเด็ดขาด ควรเอาคางวางตรงไหล่ของอีกฝ่ายเสมอ ป้องกันอาการหน้ายู่และเสื้อผ้าเลอะเมคอัพ

บุคลิกภาพ

ติดตามผลงานต่างๆ ของคุณ Laura Yuai ได้ที่ เฟซบุ๊ก Laura Yuai , ไอจี @laurayuai
เครดิตภาพ : เฟซบุ๊ก Laura Yuai

อ่านบทความเพิ่มเติม

https://praewwedding.com/dresses-and-suits/119771

https://praewwedding.com/dresses-and-suits/119709

https://praewwedding.com/dresses-and-suits/119729

แมท ภีรนีย์ กับแฟชั่นชุดแต่งงานไทยในนิตยสารแพรว wedding มิ.ย. 63

“แมท – ภีรนีย์ คงไทย” ถึงหน้าฝรั่งแต่หวานไม่เบา ในแฟชั่น ชุดแต่งงานไทย แบบประยุกต์หลากเฉดที่ช่วยสร้างเสน่ห์ให้เจ้าสาวดูแตกต่างและทันสมัย

ห่างหายจากการใส่ชุดไทยไปนานถึงขนาดที่สาวแมทเองบอกกับแพรวเวดดิ้งว่า “ดีใจเหมือนเดิมค่ะที่ได้กลับมาใส่ชุดไทย เพราะชุดไทยเป็นชุดที่แมทชอบอยู่แล้ว” และนี่คือแฟชั่น ชุดแต่งงานไทย จากนิตยสารแพรว wedding ฉบับเดือน มิ.ย. 2563 ที่บอกได้คำเดียวสวยมาก 🙂

ชุดแต่งงานไทย

สวยสะกดทุกสายตาด้วยชุดไทยดีไซน์ล้ำ ตัวเสื้อเป็นผ้าลูกไม้แบบซีทรูปักเลื่อมงดงาม ส่วนสไบตัดเย็บจากผ้าลูกไม้ลวดลายสวยหวานเพิ่มลูกเล่นด้วยผ้าชีฟองที่ช่วงเอวยิ่งส่งให้เจ้าสาวสวยดุจนางในฝัน จากร้าน Vanus Couture

ชุดแต่งงานไทย

โดดเด่นเป็นประกายด้วยชุดไทยจักรพรรดิห่มสไบสีทอง บริเวณจีบหน้านางมีรายละเอียดงานทออันซับซ้อนสวยงามไม่ซ้ำใครเพิ่มเครื่องประดับอย่างไทยโบราณยิ่งดูงามสง่า จากร้าน Vanus Couture

ชุดแต่งงานไทย

ชุดไทยจักรีสีขาวตัวชุดและสไบปักเลื่อมและลูกปัดในสีเดียวกันเมื่อต้องแสงไฟทำให้ทั้งชุดดูระยิบระยับจับตา พร้อมสวมใส่เครื่องประดับสีเงินช่วยส่งให้ยิ่งสวยงามผุดผ่องไปทั้งตัว จากร้าน Vanus Couture

เจ้าสาวดูสวยเด่นในชุดไทยศิวาลัยดีไซน์ประยุกต์ ตัวเสื้อมีลูกเล่นซีทรูที่ช่วงอกและแขน สไบตัดเย็บจากผ้าลูกไม้อย่างดีเข้ากันกับตัวเสื้อ ผ้านุ่งสีฟ้าอ่อนชายกระโปรงแบบหางปลาแลดูสวยสมบูรณ์แบบ จากร้าน Monique Wedding

ชุดไทยจักรพรรดิที่ช่วงบนโดดเด่นด้วยสไบแบบซีทรูโชว์งานปักแวววาวทั่วทั้งผืนห่มทับแพรจีบสีโอลด์โรสดูเข้ากัน จับคู่กับผ้านุ่งสีน้ำเงินที่หน้านางและชายผ้านุ่งปักปล้องเงินและลูกปัดด้วยลวดลายอย่างไทย จากร้าน Monique Wedding

ชุดไทยศิวาลัยตัวเสื้อระยิบระยับด้วยงานปักเลื่อม คริสตัลและลูกปัดไว้อย่างบรรจง โดดเด่นด้วยดีไซน์เสื้อแขนกระดิ่งดูทันสมัยจับคู่กับผ้านุ่งทรงหางปลาช่วยเน้นทรวดทรงให้เจ้าสาวดูสะโอดสะองเป็นพิเศษ จากร้าน Vanus Couture

ชุดไทยดุสิตแบบคอวีมีความร่วมสมัยเหมาะสำหรับเจ้าสาวที่ต้องการความแตกต่างในวันพิเศษ เพิ่มความหรูหราด้วยชายผ้าที่ต่อยาวจากช่วงไหล่พร้อมงานปักสุดวิจิตรทั่วทั้งชุด จากร้าน Vanus Couture

ชุดไทยจักรีแบบประยุกต์สีชมพูโดดเด่นด้วยการจับจีบบริเวณหัวไหล่ช่วยให้เจ้าสาวดูอ่อนหวาน งดงามด้วยงานปักเลื่อมคริสตัล และปล้องทองไว้อย่างประณีตวิจิตรทั้งชุด จากร้าน Vanus Couture

ชุดไทยจักรพรรดิสีฟ้าละมุนตาสไบบรรจงปักสุดวิจิตรลวดลายเดียวกับผ้านุ่ง เสริมความสง่าด้วยเครื่องประดับสีเงินที่ยิ่งส่งให้ชุดนี้ดูสวยเลอค่า จากร้าน เจ้านางเวดดิ้ง

เสื้อผ้า : Monique Wedding
418/8 – 9 ถนนสาธุประดิษฐ์
แขวงบางโพงพาง
เขตยานนาวา กรุงเทพฯ
โทร. 0-2108-7800, 08-0279-7800
เฟซบุ๊ก : Monique Wedding
ไอจี : @moniqueweddingbkk

Vanus Couture
1550, 1552 ปากซอยลาดพร้าว 50
ถนนลาดพร้าว เขตวังทองหลาง
กรุงเทพฯ
โทร. 0-2002-4895, 0-2002-4896
เฟซบุ๊ก : Vanus Couture
ไอจี : @vanuscouture_official

เจ้านางเวดดิ้ง
318 โครงการธนบุรีคอมเพล็กซ์ ซอย 8
ถนนพระราม 2 ซอย 60
(ใกล้เซ็นทรัลพลาซา พระราม 2)
โทร. 08-6363-6555, 08-8089-5999
เว็บไซต์ : www.chaonangwedding.com
เฟซบุ๊ก : Chaonang Wedding –
เจ้านางเวดดิ้ง
ไอจี : @chaonangwedding
ไลน์ : @chaonangwedding

แต่งหน้า : กานต์นิพัทธ์ สนั่นวงศ์
ทำผม : Alexandul
สไตลิสต์ : สลาลี สมบัติมี
ผู้ช่วยสไตลิสต์ : เสกสิทธิ์ หนูอินทร์
ช่างภาพ : กฤตธี ผ่องเสรี
ผู้ช่วยช่างภาพ : นเรนทร์ฤทธิ์ ยิ่งยงกิจ, บัณฑิต สังข์ปาน, ณัฐฐินันท์ ขำเจริญ
สถานที่ : The Botanical House
โทร. 0-2318-2431, 0-2301-1868
www.thebotanicalhousebangkok.com

4 ลุค ชุดเพื่อนเจ้าสาวชุดไทยยอดนิยม พร้อมเทคนิคใส่ยังไงให้สวย

ตามร้านต่างๆ มี ชุดเพื่อนเจ้าสาว ชุดไทย ไว้คอยบริการมากมายหลากหลายแบบ แต่ที่ได้รับความนิยมก็คือ ชุดไทยแบบสไบ นุ่งผ้านุ่ง ชุดไทยประยุกต์ และชุดไทยทรงแขนหมูแฮม ซึ่งในการเลือกควรยึดที่ชุดเจ้าสาวเป็นหลักถ้าเจ้าสาวเลือกห่มสไบ เพื่อนเจ้าสาวก็ควรห่มสไบเช่นกัน แต่ถ้าชุดเจ้าสาวเป็นชุดลูกไม้แบบไทยประยุกต์เพื่อนเจ้าสาวอาจเลือกเป็นชุดไทยแบบโมเดิร์นหรือชุดไทยแขนหมูแฮมก็ได้เช่นกัน แพรวเวดดิ้งเลยหยิบ 4 ลุคชุดไทยยอดนิยมของเหล่าเพื่อนเจ้าสาวมาให้ดูเป็นตัวอย่าง เผื่อจะเป็นไอเดียให้กับแก๊งของคุณได้นะคะ

4 ลุค ชุดเพื่อนเจ้าสาว สไตล์ ชุดไทย ยอดนิยม แค่เลือกให้เหมาะกับธีมงานก็สวยรอดยกทีม

ชุดไทย แขนหมูแฮม

ชุดเพื่อนเจ้าสาว

ชุดเพื่อนเจ้าสาว

เป็นชุดไทยในสมัยรัชกาลที่ 5 ตอนปลายที่ได้รับอิทธิพลจากตะวันตกท่อนบนเป็นเสื้อลูกไม้คอตั้ง โดดเด่นด้วยดีเทลช่วงแขนที่พองฟูและช่วงเอวที่เข้ารูปใส่กับท่อนล่างที่เป็นโจงกระเบน เสริมด้วยเข็มขัดทองและเครื่องประดับต่างๆ

ชุดไทย ห่มสไบ – นุ่งผ้าทอ

ชุดเพื่อนเจ้าสาว

ถือเป็นชุดที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะว่าดูสวยงาม เรียบหรู และที่สำคัญเหมาะกับรูปร่างทุกแบบ เนื่องจากสไบสามารถปรับขนาดให้เหมาะกับแต่ละคนได้ โดยโทนสีที่นิยมคือสีชมพู สีโอลด์โรส หรือสีเทาเงิน แนะนำให้เลือกสไบที่เป็นผ้าซาตินเพื่อความพลิ้วไหวและหรูหรา โดยสามารถแมตช์กับท่อนล่างที่เป็นผ้าทอในโทนสีเดียวกันแบบเข้าเซต หรือจะเพิ่มเติมสีสันด้วยการจับคู่สี อย่างสไบสีขาวแมตช์กับผ้าทอ
สีชมพู สไบสีน้ำเงินกับผ้าทอสีเงิน ก็เข้ากันค่ะ

ชุดไทย สมัยรัชกาลที่ 5 ตอนต้น

สวมเสื้อแขนกระบอก ห่มทับด้วยสไบเฉียง ใส่คู่กับโจงกระเบน ตกแต่งด้วยเข็มขัดและสร้อยทอง

ชุดไทย ห่มสไบ – นุ่งโจงกระเบน

เพิ่มความทะมัดทะแมงขึ้นอีกนิดด้วยการห่มสไบแมตช์กับโจงกระเบน

Tips ใส่ชุดไทย…ให้สวยเป๊ะ

  • สไบเหมาะกับรูปร่างทุกแบบ เพราะสามารถปรับได้ตามขนาดรูปร่าง
  • ชุดเพื่อนเจ้าสาวไม่ควรเลือกผ้าที่มีลวดลายมากเกินไปอย่างการปักดิ้นทองดิ้นเงิน
  • ผ้านุ่งควรมีความยาวกรอมเท้า จะช่วยเสริมให้ช่วงขาดูเรียวยาวยิ่งขึ้น
  • ขาดไม่ได้! เครื่องประดับ โดยเฉพาะเข็มขัดทองและสร้อยคอ เพื่อช่วยเสริมลุคให้ดูสวยสมบูรณ์แบบ

อ่านบทความเพิ่มเติม

เปิมคัมภีร์จัดงานแต่งขนาดเล็ก ที่มีแขกเพียง 19 คน  โดย พอล ภัทรพล และ ฟอว์น ไปยดา

บ่าวสาวหลายคู่ที่อยากจะจัดงานแต่งขนาดเล็ก แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะเล็กได้แค่ไหน ลองมาดูงานแต่งของ พอล – ภัทรพล และ ฟอว์น – ไปยดา กับ งานแต่งขนาดเล็ก ที่มีแขกเพียง 19 คนเท่านั้น ทั้งคู่ทำได้อย่างไรมาดูกัน

จำนวนแขก : 19 คน

แขกภายในงานมีเพียง คุณพ่อ คุณแม่ และครอบครัวของพี่น้องแท้ๆ เพียงเท่านั้น

วันและเวลา : วันที่ 11 เดือน 11 เวลา 15.00 น

ใช้ฤกษ์สะดวก มีโจทย์ในใจคือ วันอาทิตย์ ซึ่งทุกคนว่างจากการทำงาน และเมื่อเปิดปฎิทินดูแล้ว วันอาทิตย์ที่บ่าวสาวว่างตรงกันคือวันที่ 11 จึงเลือกวันนี้เป็นวันสำคัญ

เหตุที่พิธีไม่เริ่มต้นตั้งแต่เช้าก็เพื่อความสะดวกของแขกที่จะไม่ต้องตื่นแต่เช้า และเพื่อจะได้ทานข้าวเย็นในเวลาประมาณ 17.00 น. ไม่เกิน 17.30 น. ผู้ใหญ่จะได้ไม่รู้สึกเหนื่อย พิธีจึงน่าจะเริ่มต้นขึ้นในช่วงบ่ายๆ ลงตัวที่เวลา 15.00 น. เจ้าสาวเริ่มแต่งหน้าเวลาเที่ยงกำลังดี ไม่เช้าและไม่บ่ายจนเกินไป

สถานที่ : บ้าน

ทั้งคู่เลือกจัดงานแต่งงานที่บ้านของตัวเอง ให้ความเป็นกันเอง และในเมื่อมีแขกเพียง 19 คนเท่านั้น บ้านที่สวยงามและอบอุ่น จึงเป็นสถานที่ที่เหมาะที่สุด

อาหาร : อาหารที่ไม่หวาน และเพียงพอสำหรับทุกคน ซึ่งงานนี้บ่าวสาวเลือกใช้อาหารจาก i do catering

เนื่องจากงานนี้จัดเพื่อคุณพ่อคุณแม่ เพราะฉะนั้นอาหารทั้งหมดจึงเป็นอาหารที่ไม่หวานมากและดีต่อสุขภาพ เพื่อให้คนสำคัญของงานสามารถทานได้ทุกอย่าง

ลำดับพิธีการ

  1. ผู้ใหญ่ทั้ง 2 ฝ่าย พูดคุยกัน สวมแหวนและอวยพรคู่บ่าวสาวในบ้านเพื่อหลบร้อน
  2. รดน้ำสังข์ด้านนอกบ้าน ในสวนบรรยากาศดีๆ ริมแม่น้ำ
  3. ทานข้าวพร้อมหน้ากันในหมู่ครอบครัว

ปัญหาใหญ่ของบ่าวสาวที่อยากจัดงานแต่งขนาดเล็ก คือเรื่องของจำนวนแขกที่มักเพิ่มขึ้น จนเมื่อรู้ตัวในลิสต์ก็มีรายชื่อแขกหลัก 100 ไปแล้ว แต่คู่นี้ทั้งที่เป็นคนที่มีคนรู้จักมากมาย แต่สามารถคุมจำนวนได้เพียง 19 คน พวกเขาทำได้อย่างไรมาดูกัน

“เราทั้งคู่ชอบใช้เวลาอยู่ร่วมกัน” ฟอว์น ไปยดา เริ่มเล่าถึงโจทย์งานแต่งของทั้งคู่  “ไม่ว่าจะกับครอบครัว หรือกลุ่มเพื่อน ซึ่งเราเห็นว่าการทานข้าวด้วยกันกลุ่มๆ เล็ก จะทำให้เราได้พูดคุยกันมากกว่าการจัดงานแต่งงานใหญ่ๆ อีกอย่างก็คืองานแต่งงานคืองานสำคัญ อยากจะทำเพื่อคนที่เลี้ยงดูเรามาตั้งแต่เกิด งานนี้จึงจัดมาเพื่อเขา ให้คุณพ่อคุณแม่ได้มาพูดคุยกัน”

กับแขกที่ไม่ได้เชิญ

พอล : ใช้การนัดเจอกันเป็นกลุ่มๆ ทานข้าวด้วยกันที่บ้าน คุยกัน 2- 3 ชั่วโมง

ฟอว์น : นัดเจอกันเป็นกลุ่มๆ ไม่ต้องมีของขวัญ เพราะถ้าโจทย์เราคืองานเล็กๆ การเชิญญาติ และเพื่อนสนิท งานก็จะไม่เล็กแล้ว

ตอบแขกอย่างไร

พอล : ตอบตามตรงว่าเป็นความตั้งใจของเราทั้งคู่ และบอกว่าไม่ได้เชิญใครเลย พร้อมกับให้เหตุผลว่าเราอยากใช้เวลากับแต่ละคนให้คุ้มค่ามากที่สุด ซึ่งงานแต่งขนาดใหญ่จะไม่ตอบโจทย์ตรงนี้

ฟอว์น : บอกตามความตั้งใจจริงเลยค่ะ ว่าอยากใช้เวลาร่วมกันจริงๆ ซึ่งในแต่ละกลุ่มก็จะมีโจทย์ต่างกัน และอยากใช้เวลาร่วมกันจริงๆ

เนี่ยละค่ะ เคล็ดลับการจัดงานแต่งขนาดเล็กให้สำเร็จของคนทั้งคู่ ก็คือการจัดงานตามโจทย์ ที่มีอยู่ว่า “อยากจะใช้เวลากับคนสนิทอย่างทั่วถึง” ซึ่งการจัดงานขนาดใหญ่ไม่สามารถทำได้ ส่วนเพื่อนสนิท ผู้ใหญ่ที่เคารพที่ไม่ได้เชิญมาในงานแต่งก็ชวนมาทานข้าวด้วยกันภายหลัง เป็นการฉลองอย่างอบอุ่นและเหมาะสมที่สุดกับแต่ละกลุ่มคน

สุดท้ายนี้พี่พอล ภัทรพล ก็ฝากข้อคิดเรื่องการจัดงานแต่งมาฝากผู้อ่าน ซึ่งบอกเลยว่าเนี่ยละจริงที่สุด “จริงๆ แล้ว งานใหญ่งานเล็ก คนมากน้อย ก็ไม่มีผิดไม่มีถูก อยู่ที่โจทย์ของคนทั้งคู่ และเน้นทำอะไรที่มีความสุขไม่เบียดเบียนตัวเองและคนอื่น เท่านั้นก็พอแล้วครับ”

ภาพ IG : fawnfelisha, paulpattarapon

อ่านบทความเพิ่มเติม

จัดงานแต่งเล็กๆ แบบ Small Wedding ช่วงโควิด-19 ยังไงให้โมเม้นต์ดีๆ ยังมีอยู่

5 เทคนิคขั้นเทพ! จัดงานแต่งให้ดูแพงในงบจำกัดได้เองแบบไม่ยาก

7 ธีมสี ไอเดียงานแต่งที่ช่วยเสกให้งานแต่งออกมาเก๋เวอร์

รวม 20 แบบ ผมเจ้าสาว เกล้ามวย สำหรับเจ้าสาวทุกลุคแบบจัดเต็ม!

เซฟรูปเก็บกันให้รัวๆเลย เพราะหนึ่งในทรงผมเหล่านี้คุณจะต้องอยากได้เป็น ผมเจ้าสาว ในวันแต่งงานแน่นอน 

ผมเจ้าสาว ทรงเกล้ามวย สำหรับวันแต่งงาน เป็นอะไรที่เจ้าสาวกว่า 90% ตั้งใจจะทำอย่างแน่นอน เพราะนอกจากจะเป็นทรงที่ดูเรียบร้อย เหมาะกับทั้งชุดเจ้าสาวตามประเพณีไทยและชุดเจ้าสาวสากล ยังเป็นทรงผมที่ช่วยส่งให้เจ้าสาวดูสวยแพง เลอค่า ขึ้นมาได้ทันที แถมยังเข้ากับชุดเจ้าสาวได้ทุกแบบ แม้ว่ารายละเอียดของแบบมวยผมเจ้าสาวจะเปลี่ยนไปตามยุคสมัยและเทรนด์ แต่การเกล้าผมสำหรับเจ้าสาวก็เป็นอะไรที่ไม่เคยตกยุคเลยอยู่ดี เราก็เลยรวบรวมเอามวยผมแบบต่างๆที่เหล่าเจ้าสาวในยุคนี้ฮิตกัน มาให้ว่าที่เจ้าสาวของ แพรว เวดดิ้ง ได้เลือกดูว่าแบบไหนนะที่เหมาะกับลุคของเรามากที่สุด มาดูกันเลยดีกว่าค่ะ

 

Low Bun หรือการเกล้ามวยต่ำ

เหมาะกับเจ้าสาวที่ช่วงคอยาว ช่วยปรับสมดุลช่วงคอกับใบหน้าของเราให้ดูสมดุล และยังเหมาะกับชุดเจ้าสาวแบบเกาะอกหรือเปลือยไหล่

ผมเจ้าสาว

High Messy Bun หรือการเกล้าผมสูงแบบหลุดๆนิดๆ

ที่จริงแล้วมวยผมแบบหลุดๆ ไม่ตั้งใจ สามารถทำได้หลากหลายแบบ ทำแบบเกล้ามวยต่ำหรือถักเปียก็ได้เช่นกัน แต่เราแนะนำให้ลองแมทช์กับการเกล้ามวยสูง เพื่อช่วยลดความดูเป็นทางการของทรงผม และยังเพิ่มความน่ารัก อ่อนเยาว์ให้กับใบหน้าเจ้าสาวได้ด้วย

ผมเจ้าสาว

Ballerina Bun หรือมวยผมบัลเล่ห์

ตามชื่อเลยค่ะ เพราะได้แรงบันดาลใจมาจากทรงผมของนักบัลเล่ห์ ลักษณะคือการเกล้ามวยเรียบโก้แบบสูง เหมาะกับเจ้าสาวหน้าสวยที่ต้องการเปิดโหงวเฮ้งรับทรัพย์ในวันแต่งงาน แถมยังเป็นทรงผมที่เข้ากับชุดไทยได้ดีอีกด้วย

ผมเจ้าสาว

Bow Bun หรือมวยผมรูปโบว์

ที่โด่งดังมาจากนักร้องสาวสุดซ่าส์ เลดี้ กาก้า เหล่าว่าที่เจ้าสาวสายแบ๊วก็เลยนำมาปรับเป็นผมเจ้าสาวกันใหญ่ เหมาะกับเจ้าสาวที่ต้องการลุคสาวเกาหลีสุดน่ารัก หรือแมทช์กับชุดเจ้าสาวสายหวานแหววฟรุ้งฟริ้งค่ะ

ผมเจ้าสาว

Twisted Bun มวยผมที่ใช้การบิดหรือพันผม

มวยผมแบบนี้ดัดแปลงได้หลากหลายลุคแล้วแต่ความครีเอทของช่างผมมืออาชีพแต่ละคน เหมาะกับเจ้าสาวที่มีผมดกหนาหรือผมเส้นใหญ่ เจ้าสาวที่มีผมหยิกเป็นลอนทำทรงนี้ก็จะยิ่งดูสวยเช่นกันค่ะ

ผมเจ้าสาว

French Twist หรือมวยกล้วยหอม

มวยผมที่เราเคยเห็นตั้งแต่สมัยคุณแม่ก็ยังไม่ตกยุค ที่ว่าของชื่อนี้ก็คือรูปร่างที่ดูเหมือนกล้วยหอมนั่นเอง เราสามารถนำมาปรับให้ดูโมเดิร์นไม่เชยด้วยการเสริมเครื่องประดับผมเข้าไป และกล้วยมวยให้ดูหลุดนิดๆ ไม่เนี้ยบเกินไปค่ะ

ผมเจ้าสาว

Chic Bun หรือมวยกล้วยหอมแบบกลับหัว

อีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้มวยกล้วยหอมดูทันสมัยขึ้น สามารถแซมเครื่องประดับผมหรือดอกไม้เข้าไปเพื่อเพิ่มดีเทลให้ผมเจ้าสาวดูน่ารักน่ามองได้ หรือถ้าจะไม่ประดับอะไรเลยก็ยังดูโมเดิร์นไปอีกแบบนะคะ

ผมเจ้าสาว

Braided Bun  หรือมวยผมถักเปีย

เพิ่มดีเทลให้มวยผมธรรมดาดูน่ามองด้วยการถักเปียเพิ่มเข้าไป มวยผมทรงนี้นอกจากจะเรียบหรูดูดีแบบไม่ต้องประดับอะไรมากแล้ว ยังทำง่ายอีกต่างหาก เก็บไว้ทำเองในวันที่ต้องไปงานแต่งงานหรือเป็นเพื่อนเจ้าสาวก็ยังได้ค่ะ

ผมเจ้าสาว

Knot Bun หรือมวยผมแบบผูกเป็นปม

ดูเก๋ไก๋สไลเดอร์สุดๆ ด้วยมวยผมที่แปลงให้เหมือนการผูกผมเป็นปม มวยผมทรงนี้มีแรงบันดาลมาจากแบบผมบนรันเวย์แฟชั่นเมื่อไม่นานมานี้เองค่ะ แต่กลายเป็นว่าเมื่อนำมาทำเป็นผมเจ้าสาวแล้วดูชิคสุดๆเลยละ

ผมเจ้าสาว

Crown Braid เปียผมรอบศรีษะ

ถึงแม้ว่าจะไม่ใช้การเกล้ามวยซักทีเดียว แต่ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีสุดฮิตในการเก็บผมสำหรับวันแต่งงานให้ดูเรียบร้อยมากขึ้น และยังเหมาะกับเจ้าสาวสไตล์โบฮีเมียนที่กำลังอินเทรนด์ในตอนนี้ด้วย

ผมเจ้าสาว

Story Inspiration: Marthastewartwedding.com

อ่านบทความเพิ่มเติม

https://praewwedding.com/planning/90636

https://praewwedding.com/planning/94635

https://praewwedding.com/planning/beauty-and-wellness/108179