10 นิสัยผู้หญิงที่ผู้ชายถึงกับต้องส่ายหน้า ไม่อยากให้เขาหนีอย่าทำ!

เป็นประเด็นฮอตฮิตติดชาร์ต ทอล์กกันเป็นอมตะไม่รู้จบ เข้าเว็บบอร์ดไหนเป็นต้องเจอทุกครั้งกับคำถามที่ว่า “ผู้ชายไม่ชอบให้ผู้หญิงทำนิสัยอะไรบ้าง?” คำตอบก็มีหลากหลายจิปาถะ ทั้งหญิงชายต่างก็เข้ามาตอบกันมากมาย เราเลยขอรวบรวมเอา 10 นิสัยผู้หญิง เด็ดๆ ที่เมื่อไหร่ผู้หญิงแสดงด้านนี้ออกมา รับรองว่าผู้ชายเดินหนีแน่นอน!

1. เรื่องมากเอาแต่ใจ

ผู้หญิงคนไหนที่มีไลฟ์สไตล์แบบคุณหนูเอาแต่ใจใช้ชีวิตอยู่ในคฤหาสน์ชอบทำตัวแบบอันนี้ไม่เอา จะเอาอันนู้น สีนู้นไม่สวย เอาสีนี้ได้ไหม ไอ้นั่นไม่ดี ไอ้นี่ก็ไม่ชอบ โอ้ยยย! สารพัดความเยอะมารวมอยู่ในตัวเธอคนเดียวเนี่ย ผู้ชายเขาจะหันหลังเดินหนี แถมบางทีก็ส่ายหน้าเบ้ปากใส่ด้วยนะจ๊ะ ระวังตัวไว้ ใครที่เป็นแบบนี้ก็ลดๆ ลงมาหน่อย หรือถ้าเปลี่ยนได้ก็เปลี่ยนซะ แฟนของคุณเขาจะได้อยู่ทนอยู่นาน ไม่เดินหนีไปมีกิ๊กจนไม่กลับมาหาคุณอีกเลย

2. ทำตัวอย่างกับเป็นแม่คนที่สอง

ข้อนี้ทำความเข้าใจกันนิดนึงว่า ผู้ชายเขาแค่อยากจะมีแฟน ไม่ได้อยากมีแม่คนที่สองที่จะมาคอยตามจุกจิกจู้จี้ ซักไซ้ไล่เรียงเรื่องโน้นเรื่องนี้ของเขาอยู่ตลอดเวลา รวมถึงประเภทที่ชอบบอก ชอบสั่ง ชอบสอนให้เขาทำอย่างนั้นสิ อย่างนี้สิ เอาจริงๆ ผู้ชายก็เข้าใจนะว่าคุณเป็นห่วง แต่ในทางกลับกันเขาก็โตแล้วเนอะ ปล่อยให้เขาตัดสินใจเองเถอะว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ ถ้าคุณเป็นห่วงก็คอยแนะนำอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ แบบนี้ดีกว่า

3. ขี้หึงและอารมณ์ร้าย

เข้าใจค่ะว่าคนรักกันเรื่องหึงหวงมันก็ต้องมีบ้าง คงไม่มีใครอยากให้แฟนเราไปเจาะแจะกับสาวคนอื่นหรอกใช่ไหม แต่ค่ะแต่! ดูตาม้าตาเรือหน่อยเนอะว่าผู้หญิงที่เขาคุยด้วยน่ะเป็นเพื่อน เป็นพี่ หรือว่าเป็นน้องของเขา ไม่ใช่เอะอะก็โทรจิก โทรตาม ผู้ชายไปไหนไกลสายตาก็คอยแต่จะระแวง แล้วก็กลายร่างเป็นนางมารร้ายโมโหโกรธาใส่เขาอยู่เรื่อย แบบนี้ก็เกินไป ต้องปล่อยให้เขาไปมีสังคมของเขาบ้าง

แต่เดี๋ยวก่อน! ข้อนี้มันยังไม่จบง่ายๆ ค่ะ เพราะถ้าเราเป็นคนดีไม่ขี้หึงหรืออารมณ์ร้ายแบบไร้เหตุผลแล้ว เขายังโกหกว่าแม่สาวพวกนั้นเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้อง แต่จริงๆ เป็นมากกว่านั้นล่ะก็ ถ้าคุณจับได้เมื่อไหร่อนุญาตให้กลายร่างเป็นนางมารระดับสิบ ปล่อยพลังแบบอันลิมิตใส่เขา และสุดท้ายก็หันหลังสะบัดบ็อบแล้วเดินสวยๆ ออกมาจากชีวิตเขาค่ะ เริดสุด!

4. ติดโรคช็อปปิ้ง ใช้เงินเกินตัว

ข้อนี้รู้ค่ะว่าผู้หญิงหลายๆ คนก็เป็น แต่ก็ควรจะรู้ว่าช็อปเท่าไหร่แล้วควรหยุด ควรกำหนดวงเงินในการช็อปปิ้งบ้างว่า เดือนนี้ซื้อแค่นี้พอ ไม่เช่นนั้นถ้ามัวแต่ช็อปเพลินจนเงินหมดกระเป๋าแล้วต้องไปหยิบยืมคนอื่นมาใช้ประทังชีวิตเนี่ย ผู้ชายเขาจะเบื่อและคิดว่ามันคือการเสียเงินโดยไม่จำเป็น รวมถึงเขาอาจจะมองว่าคุณไม่มีคุณสมบัติจะเป็นแม่ของลูกเขาด้วย เพราะว่าเรื่องเงินถือเป็นเรื่องใหญ่ของชีวิต ถ้าคุณไม่สามารถบริหารเงินได้อย่างดี เขาคงไม่อยากได้คุณมาเป็นคู่ชีวิตหรอกนะ

5. ทำตัวติดหนึบ

คุณผู้หญิงคนไหนที่ชอบติดสอยหอยตามแฟนไปทุกที่ทุกเวลา ขอให้รู้ไว้เลยนะคะว่าเขาก็รู้สึกอึดอัดเหมือนกันนะ บางทีเขาอาจแค่อยากออกไปเที่ยวสังสรรค์ตามประสาชายหนุ่มกับแก๊งเพื่อนบ้างคุณก็ต้องปล่อยเขา จะไปคอยตามเขาต้อยๆ มันก็ไม่ใช่เรื่อง รวมถึงมันจะทำให้เขารู้สึกว่าเขาขาดอิสระ เพราะจะไปไหนแต่ละทีก็เหมือนมีคุณมาคอยคุมอยู่ตลอด เอาเป็นว่าเว้นระยะห่างให้คุณและเขาได้คิดถึงกันบ้าง แบบในเพลง “ที่ว่าง” ที่พี่โจ้ วงพอสเขาร้องบอกไว้ไง ลองไปฟังดูนะ

6. แต่งตัวโป๊วับๆ แวมๆ

แหม! เรื่องนี้ก็พูดยากนิดนึงเนอะ เพราะแม้ว่าผู้ชายส่วนใหญ่จะชอบเหล่ชอบมองผู้หญิงที่นุ่งน้อยห่มน้อย แต่พอเอาเข้าจริงๆ เวลาที่คุณแฟนสาวจะแต่งบ้างกลับร้องห้ามซะเสียงดัง เราไปหาคำตอบมาได้ว่า ที่เขาเป็นแบบนั้นมีอยู่ 2 เหตุผล หนึ่งคือ “หวง” ไม่อยากให้ใครมาใช้สายตาแทะโลมแฟนตัวเอง แต่ที่สำคัญกว่าหวงก็คือ “ห่วง” เพราะถ้าคุณแต่งตัวเซ็กซี่แบบล่อตาล่อใจออกไปนอกบ้าน จะเกิดอันตรายอะไรขึ้นบ้างก็ไม่รู้ (เห็นข่าวกันอยู่ทุกวันนะ) ถ้าจะให้ดีแต่งตัวให้เหมาะสม ถูกกาลเทศะก็แล้วกันจะได้ไม่เป็นปัญหา แถมตัวคุณเองก็ปลอดภัยด้วย แต่ถ้ามันอดใจไม่ไหวเห็นเสื้อผ้าสวยเซ็กซี่แล้วอยากใส่ ก็เก็บไว้ใส่ที่บ้านประมาณว่า “เรือนร่างนี้น้องโชว์ให้พี่เห็นแค่คนเดียว” อันนี้ปลุกใจเสือในบ้านสุดๆ

7. ทำตัวเจ้าชู้ไปเรื่อย

เรื่องเจ้าชู้ไม่ว่าจะหญิงหรือชายก็คงไม่มีใครชอบทั้งนั้นแหละค่ะ โดยเฉพาะถ้าคุณเป็นผู้หญิงด้วยแล้ว ยิ่งจะทำให้ดูแย่ขึ้นไปอีก บางคนก็แก้ตัวว่าฉันแค่เป็นคนมนุษยสัมพันธ์ดี แต่แหมคุณค่ะ! ความมีมนุษยสัมพันธ์ดีหรือที่เรียกกันว่าเฟรนด์ลี่เนี่ยก็ต้องดูเวล่ำเวลากันหน่อยเนอะ ไม่ใช่ว่าผู้ชายคนไหนเข้ามาคุยด้วยคุณก็จะหว่านเสน่ห์แจกเบอร์ให้เขาไปซะทุกคน ยิ่งคุณทำแบบนี้ให้เขาเห็นบ่อยๆ เขาก็คงจะต้องคิดว่าต่อหน้าคุณยังทำขนาดนี้ แล้วลับหลังคุณจะทำขนาดไหน ลองเป็นแบบนี้นอกจากผู้ชายเขาจะไม่ชอบแล้ว เขายังมองว่าคุณไม่มีคุณค่าในตัวเองอีกด้วยนะ

8. แข็งเกินไป อ่อนหวานเอาใจไม่เป็น

ข้อนี้ต้องขอบอกว่าผู้หญิงส่วนใหญ่มักไม่ค่อยมีปัญหากันนะคะ เพราะโดยปกติก็มักจะมีลูกอ้อนลูกหยอด หรือว่าเอาใจแฟนหนุ่มเก่งอยู่แล้ว แต่สำหรับใครที่เป็นผู้หญิงสายดาร์ค สายฮาร์ดคอร์ คงต้องลองปรับลองเปลี่ยนดูบ้าง อาจไม่ต้องถึงขั้นหวานจนน้ำตาลเรียกพี่ แค่ทำให้เขารู้สึกว่าคุณเอาใจใส่เขา เป็นห่วงเขา และยังเห็นเขาเป็นคนสำคัญอยู่สำหรับคุณอยู่ก็พอ

9. พูดมาก ชอบนินทา และเพ้อเจ้อ

ลองเช็คตัวเองดูสักนิดว่าตัวคุณเองเป็นผู้หญิงประเภทนี้หรือเปล่า ถ้าใช่ก็ต้องหยุดพฤติกรรมเหล่านี้ต่อหน้าผู้ชายนะคะ เพราะเขาจะมองว่าการพูดนินทาคนอื่น หรือเพ้อเจ้อเพ้อฝันแบบไม่หยุดเนี่ย มันดูไร้สาระและน่ารำคาญ ถ้าสาวคนไหนเป็นคนชอบเม้าท์มอยคงต้องเก็บไปนั่งจ้อกับกลุ่มเพื่อนสาวแทนละกันนะ

ส่วนสาวคนไหนที่ชอบแก้ตัวว่า “ไม่ได้นินทาเลย ไม่ได้พูดมากเลย แค่บ่นนิดๆ หน่อยๆ เอง” เอ่อ…อันนี้ก็ต้องบ่น หรือระบายให้เขาฟังแต่พอดีนะจ๊ะ มิเช่นนั้นก็จะกลายว่าเป็นว่าสร้างความรำคาญให้เขาได้ไม่ต่างกันเลยจ้ะ

10. ขี้โกหก!

ข้อนี้ “สั้น ง่าย เข้าใจไม่ยาก” เพราะไม่ว่าใครที่ไหนก็คงไม่ชอบคนที่เอาแต่โกหก แถเก่ง ไหลลื่นไปได้ทุกสถานการณ์หรอกค่ะ ถ้าคิดจะรักกันก็ต้องมีความจริงใจให้กัน ซื่อสัตย์ต่อกัน ชีวิตรักมันถึงจะไปได้ยืนยาวไปได้ตลอดรอดฝั่ง

อุตส่าห์เขียน นิสัยผู้หญิง ที่ผู้ชายไม่ชอบมาตั้ง 10 ข้อ อยู่ๆ ก็ดันเกิดสงสัยขึ้นมาว่า “ผู้ชายเขาไม่ชอบผู้หญิงประเภทนี้จริงๆ หรือเปล่า?” เพราะจากเท่าที่สังเกตมา ผู้หญิงที่มีนิสัยประมาณนี้มักจะมีชายหนุ่มเดินควงแขน อินเลิฟกันหวานชื่น ส่วนผู้หญิงที่นิสัยไม่เข้าข่าย 10 ข้อนี้น่ะเหรอคะ ก็โสดใสไร้ชายเดินข้างไงคะ จบข่าว!

>> อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับความรักและความสัมพันธ์เพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย << 

ภาพ : www.themodernman.com

5 เคล็ดลับหน้าสวยให้เจ้าสาวสวยเด้งจนเจ้าบ่าวต้องร้องว้าว!

แน่นอนว่าในวันแต่งงาน สิ่งที่เจ้าสาวทุกคนให้ความสำคัญคือเรื่องของใบหน้า เพราะฉะนั้นการมีพื้นฐานผิวที่ดี จึงเป็นบันไดขั้นแรกที่จะนำเจ้าสาวไปถึงความงดงามนั้น แพรว wedding จึงมี เคล็ดลับหน้าสวย สุดยอดการปรนนิบัติผิวแบบง่ายๆ ไม่เจ็บตัวมาฝากว่าที่เจ้าสาว ให้ได้เตรียมตัวกันยาวๆ

1. Daily Routine นั้นสำคัญไฉน

 

ภาพ : http://www.today.com

การปรนนิบัติผิวหน้าเป็นประจำเพียงวันละไม่กี่นาทีสามารถช่วยให้ผิวดูมีสุขภาพดีได้  วิธีดูแลผิวขั้นพื้นฐานนั้นมีเพียง 3 ขั้นตอนคือ  ทำความสะอาด  เช็ดด้วยโทนเนอร์  และตบท้ายด้วยครีมบำรุง  ซึ่งการทำความสะอาดไม่เพียงแต่ชำระสิ่งสกปรกบนผิวหน้าเท่านั้น  แต่ยังช่วยลดการอุดตันของสิว  ส่วนการเช็ดด้วยโทนเนอร์  เป็นขั้นตอนที่ช่วยทำให้ผิวสะอาดหมดจด  จากนั้นปิดท้ายด้วยการลงครีมบำรุงเพื่อช่วยรักษาความชุ่มชื้น  เพียง 3 ขั้นตอนนี้  ก็สามารถทำให้เจ้าสาวหน้าเด้งรับวันแต่งงานได้แล้ว

2. สครับแบบไหนใช่สำหรับผิว

เคล็ดลับหน้าสวย
ภาพ : http://www.allure.com
ความสามารถในการผลัดเซลล์ผิวจะลดลงเมื่ออายุเพิ่มขึ้น  การสครับผิวหน้าจึงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว  ส่งผลให้ผิวพรรณดูเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล  ซึ่งสภาพผิวแต่ละแบบสามารถปรนนิบัติได้ดังต่อไปนี้
  • ผิวธรรมดา  ควรขัดผิวหน้าเพียงสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง
  • ผิวแพ้ง่าย  สาวผิวแพ้ง่ายไม่ควรสครับผิวหน้า  เพราะจะยิ่งทำให้ผิวระคายเคือง  ควรใช้คลีนเซอร์เช็ดตามด้วยสำลีหรือผ้าสะอาดสองถึงสามครั้งต่อสัปดาห์ก็เพียงพอแล้ว
  • ผิวมัน  ให้ลืมความเชื่อผิดๆ ที่ว่าผิวมันควรสครับผิวหน้าบ่อยๆ เพราะการสครับบ่อยเกินไป จะยิ่งกระตุ้นให้ผิวหน้าผลิตไขมันออกมามากกว่าเดิม  ดังนั้นสาวผิวมันควรหลีกเลี่ยงการสครับหน้า
  • ผิวแห้ง  ให้เลือกสครับที่มีส่วนผสมเพิ่มความชุ่มชื่นให้แก่ผิวซึ่งการปรนนิบัติผิวตรงตามความต้องการ จะช่วยให้เจ้าสาวเป็นเจ้าของผิวเปล่งปลั่งได้ไม่ยาก

3. กินผักนั้นดี  แต่ผักอะไรช่วยให้ผิวสวยล่ะ?

เคล็ดลับหน้าสวย

เคล็ดลับหน้าสวย อีกหนึ่งอย่างคือหากเจ้าสาวอยากมีสุขภาพผิวที่ดี  ให้เลือกรับประทานผักใบเขียวสีเข้ม อาทิ ผักคะน้า  ผักโขม   กะหล่ำปลี และผักชีฝรั่ง  เพราะผักกลุ่มนี้อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ  นอกจากจะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่สำคัญแล้ว  กากใยจากผัก ยังช่วยในการขับถ่ายซึ่งส่งผลให้ผิวพรรณสดใส  ดังนั้นหากเจ้าสาวอยากมีผิวใส  อย่าลืมกินผักใบเขียวสีเข้มเป็นประจำ ยิ่งเพิ่มไว้ในมื้ออาหารทุกมื้อได้ยิ่งดี

4. เลี่ยงของหวาน

เคล็ดลับหน้าสวย

หลายคนอาจสงสัยว่าการรับประทานอาหารที่มีรสหวานจะส่งผลเสียต่อผิวได้อย่างไร  จริงๆ แล้วน้ำตาลมีโทษโดยตรงต่อผิวคือ  เร่งการเกิดริ้วรอยก่อนวัย  และขัดขวางการทำงานของคอลลาเจนใต้ผิวหนัง  ผลเสียที่ตามมาคือ ผิวขาดความกระชับและหยาบกร้าน  ดังนั้นหากเจ้าสาวรู้สึกอยากทานของหวาน  ลองเปลี่ยนจากขนมและน้ำอัดลมเป็นผลไม้แทน วิธีนี้นอกจากจะได้ลิ้มรสหวานแล้ว  ยังช่วยรักษาผิวพรรณไปในตัวด้วย

5. อย่าเครียด

 

เคล็ดลับหน้าสวย
 “อย่าเครียด” พูดง่ายแต่ทำยาก  แต่เราก็ยังอยากย้ำประโยคนี้กับ (ว่าที่) เจ้าสาวอีกครั้งว่า “อย่าเครียด”  เพราะความเครียด จะไปเพิ่มระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลซึ่งจะไปกระตุ้นการผลิตไขมันและขัดขวางการซ่อมแซมผิวตามธรรมชาติ  ผลที่ตามมาคือผิวจะเป็นสิว  ติดเชื้อง่าย  และซีดหมอง  ดังนั้นว่าที่เจ้าสาวที่ต้องเตรียมทั้งงานแต่งงานและแก้ปัญหาสารพัด  อย่าลืมหาเวลาไปทำกิจกรรมเพื่อผ่อนคลายบ้างนะคะ
การดูแลผิวทั้ง 5 วิธีนี้นั้นแสนง่าย  นอกจากจะช่วยให้เจ้าสาวผิวสวยรับวันแต่งแล้ว  ยังสามารถนำไปดูแลผิวพรรณในระยะยาวได้อีกด้วย  รู้อย่างนี้แล้ว  อย่ามัวแต่นับถอยหลังรอวันวิวาห์จนลืมดูแลผิว  แล้วจะหาว่าเราไม่เตือน
ภาพเปิด : oilskin.org

คัมภีร์ 4 ข้อต้องจำวิธีทำให้รักยืนยาว ต่อโปรรักให้ยืดยาวไม่มีสิ้นสุด

“หวานตอนต้น จืดปลายแล้วแม่นบ่” ไม่ได้หมดรักแค่หมดโปร  แหม.. ทีมือถือหมดโปรก็รีบหาโปรใหม่มาใช้ต่อทันที แล้วรักหมดโปรควรรีบหาใหม่ เอ้ย!! รีบ ต่อโปรรัก ด่วน ทีนี้จะต่อกันตรงไหนยังไง  ให้ยิ่งใช้นานก็ยิ่งดี  แพรวเวดดิ้งเลยมีคัมร์ภีร์ 4 ข้อ วิธีทำให้รักยืนยาว มาต่อโปรรักให้หวานกันได้อีก

1.  การแสดงความรัก

หลายคู่เมื่อผ่านการใช้ชีวิตคู่มาได้สักระยะ ความรักที่เคยหวานก็เปลี่ยนเป็นความเฉยชา จนหลงลืมการแสดงความรักและเอาใจใส่ต่อกัน จึงควรมีของขวัญเซอร์ไพรส์ให้เพื่อบอกถึงความรักที่ยังคงมี กอดและหอมแก้มกัน บอกรักกันเท่าที่ทำได้ จะยิ่งเป็นการเพิ่มพลังให้รักยิ่งแนบแน่น

2. ความเข้าใจ

ยอมรับข้อบกพร่องของอีกฝ่ายแทนการเลือกจ้องจับนับแต่ข้อเสียของกันเพราะมันไม่ได้ทำให้เกิดผลดีอะไร  ลองเปลี่ยนมาชื่นชมข้อดีของกันดีกว่า เช่น พูดชมเรื่องเล็กที่ทำให้กันบ่อยๆ แล้วพฤติกรรมความรักของทั้งคุณและเขาจะเข้าใจกันอย่างไร้ข้อสงสัย

3. ความรับผิดชอบ

ที่ต้องมีร่วมกัน ไม่ใช่การคิดถึงแต่เรื่องของตัวเองเพียงฝ่ายเดียว เมื่อร่วมชีวิตกันแล้วจากของฉันและของเธอก็เปลี่ยนมาเป็นของเราทั้งคู่ จึงควรคิดถึงความเป็นครอบครัวให้มาก ทั้งการเงินจับจ่ายอย่างมีสติหรือแม้การคบเพื่อนต่างเพศที่ไม่ให้ดูล้ำเส้นเกินไป

4. การแก้ปัญหา

หากเกิดปัญหาซึ่งเป็นสิ่งที่เกินการควบคุมได้ก็ต้องยอมรับ ที่สำคัญกว่านั้นคือการยืนเคียงข้างกัน ไม่ใช่เกิดปัญหาขึ้นก็ผลักให้อยู่ที่คนๆเดียว ควรเป็นคู่คิด แบ่งเบาความทุกข์ที่เกิด และร่วมแก้สิ่งที่เกิดไปด้วยกัน เพราะมากกว่าคำว่ารักคือการยืนข้างๆกันในวันที่ปัญหาเดินเข้ามา

จริงๆ ความรักคงไม่ต้องรอให้หมดช่วงหวานก็ได้ วันนี้หวานมาก พรุ่งนี้อาจหวานน้อยลงไปนิด แค่หันมาใส่ใจกันให้สม่ำเสมอ บอกรักกันเท่าที่ยังมีเสียง สัมผัสและกอดได้ในวันที่ยังไม่หมดแรง แค่นี้ก็เป็นพลังที่ทำให้รักของคุณทั้งคู่ ต่อโปรรักกันไปแบบตลอดชีพแล้ว

>> อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับความรักและความสัมพันธ์เพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย <<

เรื่อง : พญ. พรรณพิมล หล่อตระกูล
ภาพ : senseforyou.blogspot.com

หลากหลายไอเดียเค้กแต่งงาน สวยปังถึงขั้นบ่าวสาวไม่กล้าลงมีด!!

ถึงแม้ว่าบางครั้ง เค้กแต่งงาน มักจะมาพร้อมกับแพ็คเกจเมื่อจองโรงแรมเป็นสถานที่แต่งงาน แต่ก็นั่นแหละคะ มันก็มักจะไม่ได้สวยถูกใจเหมือนที่คู่บ่าวสาวอยากได้เสมอไปใช่ไหมคะ ถ้าอย่างนั้นลองเผื่องบไว้สักนิด แล้วมองหาเค้กแต่งงานสวยๆ ที่ช่วยเสริมให้งานแต่งของบ่าวสาวออกมาดูดี มีสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ อย่างเช่น 5 ไอเดียเค้กแต่งงานที่แพรว wedding นำมาฝาก บอกเลยว่าสวยจนหมอ เอ๊ย! บ่าวสาวไม่กล้าลงมีดเชียวล่ะ

เค้กแต่งงานประดับดอกไม้ & ใบไม้

เค้กแต่งงาน

อีกหนึ่งสไตล์เค้กแต่งงานที่ให้อารมณ์ดูหรูหรากึ่งทางการนิดๆ กับเค้กแต่งงานที่ประดับประดาไว้ด้วยเหล่าหมู่มวลใบไม้และดอกไม้ที่ดูแล้วสดชื่นสุดๆ แถมยังไม่ต้องคิดดีไซน์เค้กให้ปวดหัว เพราะเพียงแค่เลือกเป็นเค้กก้อนสีขาวสะอาดตา ส่วนจะกี่ชั้นก็แล้วแต่ว่าบ่าวสาวอยากได้สูงแค่ไหน แล้วนำใบไม้ดอกไม้มาประดับตกแต่ง ซึ่งหากว่าที่บ่าวสาวหรือมีเพื่อนๆ ที่มีหัวครีเอทหน่อยในส่วนการตกแต่งนี้อาจจะทำเองก็ได้ แล้วสั่งแค่เค้กปอนด์สีขาวธรรมดา ที่บ่าวสาวถูกใจกับรสชาติมาก็พอ

เค้กแต่งงานขนาดใหญ่สไตล์คลาสสิค

สำหรับคู่ไหนที่อยากได้ความเป็นทางการและความคลาสสิค แค่แต่งงานขนาดใหญ่ความสูงตั้งแต่ 3 ชั้นขึ้นไปนี่แหละที่ตอบโจทย์สุด แถมยังเป็นรูปแบบแขกแต่งงานที่เหมาะกับทั้งงานแต่งงานแบบอินดอร์และเอ้าท์ดอร์อีกต่างหาก แถมแขกแต่งงานขนาดใหญ่นี้ยังช่วยเสริมภาพลักษณ์ให้งานแต่งงานของบ่าวสาวดูหรูหราขึ้นอีกด้วย และถ้าหากอยากได้ความคลาสสิคที่ดูไม่จำเจ เราขอแนะนำให้เลือกเค้กแต่งงานทรงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ รับรองว่าแกรนด์กว่าใครแน่นอน

เค้กแต่งงานสไตล์แฮนด์เมด

คู่รักสายชิคที่จัดงานแต่งท่ามกลางบรรยากาศแบบสบายๆ เป็นกันเอง ไม่เน้นความหรูหราฟูฟ่าของงานแต่งมากมายนัก เค้กแต่งงานแบบแฮนด์เมดที่ไม่เน้นรูปลักษณ์ที่สวยเป๊ะเรียบกริบมากนักเป็นอะไรที่เข้ากับสไตล์งานแต่งงานของบ่าวสาวที่สุด โดยอาจจะเน้นเป็นเค้กปอนด์เล็กๆ แบบสองชั้น หรือจะเลือกเป็นเค้กขนาดใหญ่ก็ได้ อันนี้ก็แล้วแต่ความสะดวกใจหรือฝีมือของบ่าวสาว และอาจจะตกแต่งด้วยใบไม้ใบจิ๋ว หรือดอกไม้ดอกสวยสักนิดเพื่อให้เค้กแต่งงานของบ่าวสาวดูสดชื่นขึ้นมาหน่อย

เค้กแต่งงานพร้อมข้อความกินใจ

ล้ำกว่าใครแถมยังกินใจเป็นที่สุด กับเค้กแต่งงานที่มีข้อความหรือบทกลอนแปะอยู่บนเค้กแต่งงานก้อนโต ซึ่งข้อความเหล่านี้อาจจะมาจาก โค้ดคำพูดจากหนังที่คุณชอบ เนื้อเพลงความหมายดี หรือจะเป็นข้อความจากไดอารี่ หรือจดหมายรักก็โรแมนติกสุดๆ ไปเลย แล้วอย่าลืมเลือกฟร้อนต์สวยๆ ด้วยนะ จะได้ช่วยเพิ่มความฟินขึ้นไปอีกหนึ่งระดับ

เค้กแต่งงานประดับผลไม้

ถ้าอยากได้ของตกแต่งเค้กแต่งงานแบบที่สามารถรับประทานได้ ผลไม้ นี่แหละเวิร์กสุดๆ เพราะนอกจากจะทานได้ไม่เสียของ การประดับผลไม้ที่มีรูปทรงหลากหลายและสีสันที่ต่างกันออกไป เป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มความสดใสให้กับเค้กแต่งงานของว่าที่บ่าวสาวได้เป็นอย่างดี แถมแขกหรือผู้ใหญ่ที่ไม่ถนัดรับประทานของหวานอย่างเค้ก ก็อาจจะเลือกทานเป็นผลไม้สดๆ ที่ประดับอยู่แทนได้

ภาพ marthastewartweddings.com, pinterest

a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a 

a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a 

บ่าวสาวต้องอ่าน! 5 วิธีรับมือกับความขัดแย้งช่วงเตรียมงานแต่ง

ถึงแม้ว่าช่วง เตรียมงานแต่ง จะสร้างความเครียดไม่น้อยให้กับว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาว ไม่ว่าจะเรื่องเงิน เรื่องญาติ หรือแม้แต่เรื่องท็อปฮิตติดชาร์ตอย่าง “ความเห็นไม่ตรงกัน” ฉันจะเอาแบบนี้ ส่วนเธอต้องการแบบนั้น สุดท้ายก็ทะเลาะกันจนกลายเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโต บางคนเกิดอาการท้อจนไม่อยากแต่งงานเลยทีเดียว อย่ากังวลไปเลยค่ะ ปัญหานี้ไม่ใช่ปัญหาโลกแตกซะหน่อย เราขอนำเสนอ 5 วิธีที่จะช่วยคุณรับมือกับความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ลองทำตามข้างล่างนี้ดูนะ รับรองว่าความเครียดจะกลายเป็นปัญหาจิ๊บๆ ไปเลย

1. สร้างช่วงเวลาที่มีแค่เพียงคุณสองคน

ถึงแม้การแต่งงานจะเป็นเรื่องของคนสองคน แต่การเตรียมงานนั้นมักจะได้คนรอบข้าง เช่น ญาติผู้ใหญ่หรือเพื่อนพ้องมาช่วยออกความคิดเห็นอยู่เสมอ บางครั้งคุณอาจจะรู้สึกขัดใจหรือมีอารมณ์กับคำแนะนำจากผู้หวังดีเหล่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจรายละเอียดต่างๆ ของงานแต่งก็ควรจะมาจากคุณสองคนเสียส่วนใหญ่ เพราะฉะนั้นลองหาช่วงเวลาหรือสถานที่ที่เป็นส่วนตัว มีเพียงแค่คุณและคนรักเพื่อที่จะได้ใช้เวลาปรึกษา พูดคุย และเลือกสิ่งที่คุณทั้งคู่ต้องการจริงๆ

2. เปิดใจคุยกัน

เมื่อเกิดความคิดเห็นไม่ตรงกันขึ้นมาก็ขอให้คุณทั้งคู่ใจเย็นๆ เข้าไว้ ลองนั่งลงคุยกันว่าคุณสองคนคิดแตกต่างกันอย่างไร อาจจะใช้เวลาสัก 15-30 นาที ผลัดกันเป็นผู้พูดและเป็นผู้ฟังที่ดี จำไว้เสมอว่าอย่าเอาแต่เป็นคนพ่นไฟอยู่ฝ่ายเดียว เพราะอาจทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงกว่าเดิม

3. อย่าเสียงดังใส่กันเด็ดขาด

อีกครั้งที่ต้องขอย้ำคำว่า “ใจเย็นๆ” เพราะการปรึกษากันเกี่ยวกับรายละเอียดของงานก็อาจจะมีบางช่วงบางตอนที่กระทบกระทั่งกัน แต่สิ่งที่จะช่วยให้เรื่องราวไม่ลุกลามใหญ่โตก็คือการควบคุมอารมณ์ ท่าทาง และน้ำเสียง ควรใช้น้ำเสียงแบบเรียบๆ นุ่มๆ บวกกับเลือกใช้คำพูดที่ไม่รุนแรง ยึดหลักประนีประนอมค่อยพูดค่อยจากันเข้าไว้ แล้วทุกอย่างก็จะผ่านไปได้ด้วยดี

4. ตกลงกันให้ชัดเจน

ทุกครั้งที่เกิดความขัดแย้งสิ่งที่ควรทำอย่างยิ่งคือ ตกลงกันให้ชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรกที่คุยกันว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากอะไรและจะแก้ไขกันอย่างไร คงจะไม่ใช่เรื่องดีที่จะต้องกลับมาทะเลาะกันในเรื่องเดิมซ้ำๆ เพราะฉะนั้นเคลียร์กันให้ชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรกไปเลยดีกว่า

5. จุมพิตปิดท้าย

หลังจากที่คุณทั้งคู่ได้นั่งคุยกันและปรึกษาหาทางแก้ไขเรื่องราวความขัดแย้งที่เกิดขึ้นแล้ว อย่าลืมที่จะปิดท้ายด้วยอ้อมกอดหรือจูบเบาๆ สักเล็กน้อย เพื่อเติมเต็มกำลังใจให้แก่กันและสัญญากันไว้ด้วยว่า ไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้น คุณทั้งสองคนก็จะช่วยกันฟันฝ่าจนกว่าจะถึงวันสำคัญที่พวกคุณรอคอย

ลองเอา 5 วิธีนี้ที่เราแนะนำไปใช้ รับรองได้ว่าต่อให้มีปัญหาขัดใจอีกสักร้อยพัน คุณก็จะรักษาความรักที่มีต่อกันไปจนถึงวันวิวาห์ได้แน่นอน

>> อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับความรักและความสัมพันธ์เพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย <<

เรียบเรียง : www.thespringsevents.com
ภาพ : www.brides.com, www.popsugar.com

รวมไอเดียงานแต่งสีเทา-พีช คู่สีหรูหราจับคู่แล้วคลาสสิก

“สีเทา” ไม่ได้ทำให้งานแต่งดูหม่นหมองนะคะ เพราะสีเทาช่วยสร้างความเรียบหรูคลาสสิกได้ดีทีเดียวเชียวล่ะค่ะ ยิ่งถ้ามาจับคู่กับสีส้มพีชจนกลายมาเป็น งานแต่งสีเทา-พีช (Grey-Preach Wedding) ด้วยแล้วละก็ ความหวานฉ่ำกำเนิดแน่นอน ส่วนไอเดียไหนในงานแต่งงานที่จะใส่สีนี้ลงไปได้ มาดูพร้อมๆ กับแพรว Wedding เลยค่ะ

ชุดเพื่อนเจ้าสาวสีส้มพีชมาเป็นทีมอย่างพร้อมเพรียงกัน

เด็กน้อยในงานแต่งก็มีส่วนร่วมได้ด้วยชุดเอี๊ยมสีเทาคู่กับโบไทด์สีส้มพีชไงคะ

เก้าอี้นั่งของแขกในงานพิฑีการอย่าได้ปล่อยให้โล่ง แค่หาผ้าสีเทาและพีชมาผูกไว้ก็เนรมิตเก้าอี้ตัวใหม่สีเข้าธีมได้แล้วค่ะ

การ์ดเชิญต้องไม่พลาด แค่บอกธีมสีหลักเทา-ส้มกับทางร้านแล้วเลือกเทคนิคที่ชอบใจก็ได้ความหรูหราสุดคลาสสิก

เติมดอกไม้จริงสีส้มพีชบนเค้กสำหรับบ่าวสาวที่เลือกเป็นลายหินอ่อนสุดฮิต

เห็นไหมล่ะว่าทุกสิ่งในงานแต่งสามารถเติมสีเทา-พีชลงไปได้

เลือกชนิดดอกไม้สำหรับให้เพื่อนเจ้าสาวถือแบบที่มีสีส้มพีชเข้าไว้

 

ใส่รายละเอียดบนโต๊ะอาหารด้วยดอกไม้ ผ้าปูโต๊ะด้วยสีเทา-ส้ม

ห้อยตัวย่อชื่อบ่าวสาวที่หลังพนักพิงเก้าอี้ด้วยสรส้มพีช

เติมรายละเอียดสีเทาลงไปบนโต๊ะอาหารด้วยป้ายบอกเบอร์โต๊ะและกระดาษสีเทารัดอุปกรณ์การกิน

จับคู่ให้เหมาะเมื่อเพื่อนเจ้าสาวใส่สีส้มพีช เพื่อนเจ้าบ่าวก็จัดไปค่ะสูทสีเทาสุดเท่

ช่อดอกไม้สุดอลังของเจ้าสาวก็เลือกสีส้มเป็นหลักแต่เลือกแบบคละเฉดสีนะคะจะได้ดูมีอะไร

ดอกไม้ติดหน้าอกเจ้าบ่าวไม่ยุ่งยาก ก็แค่หยิบสักดอกใส่งานที่มีสีเดี

เซนเตอร์พีชขนโต๊ะอาหารไม่ต้องเป็นแจกันเสมอไปก็ได้นะคะ

ตัวอย่างดอกไม้ที่ให้สีพีชสวยๆ สำหรับนำมาตกแต่งงานของคุณ ฤดูกาลที่แต่งมีดอกไม้ ออเดอร์เลย

ติดตามไอเดียต่างๆ เกี่ยวกับงานแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ : Pinteresst

a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a

ลดปัญหาครอบครัวกับ 5 วิธีสานสัมพันธ์ให้พ่อแม่ของเธอกับฉันเลิฟกันได้

แม้ว่าความรักจะเกิดขึ้นจากคนสองคน แต่เมื่อถึงเวลาจะตกล่องปล่องชิ้นกัน ความรักกลับไม่ใช่เรื่องของคนสองคนอีกต่อไป โดยเฉพาะคนสำคัญอย่าง “พ่อแม่” ทั้งฝ่ายคุณและฝ่ายคนรักจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นทันที ปัญหามันอยู่ที่ว่าถ้าเกิดพ่อแม่คุณและพ่อแม่เขากลับไม่ชอบหน้ากันและเข้ากันไม่ได้ แบบนี้ความหวังที่จะจัดงานแต่งอย่างราบรื่นคงจะเป็นเรื่องยาก เอาเป็นว่าคู่รักคู่ไหนที่ต้องเป็นคนกลางเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างสองครอบครัวอย่าเพิ่งวิตกกังวลค่ะ มาอ่าน 5 วิธีประสานใจด้านล่างนี้ที่เราแนะนำดีกว่าจะได้ลด ปัญหาครอบครัว เผื่อว่าอะไรๆ จะได้ง่ายขึ้น

1. เพราะอะไรถึงไม่ชอบกัน

สิ่งแรกที่อยากให้ทำคือ หาเหตุผลที่พ่อแม่ของทั้งคุณและเขาไม่ชอบกัน ซึ่งมันอาจมีร้อยแปดพันประการ ไม่ว่าจะเป็นเพราะฝั่งนั้นดูจนกว่า ฝั่งนั้นดูหรูแต่งตัวโอเว่อร์เกินไป ฯลฯ ลองตะล่อมถามพ่อแม่ของคุณดูว่า “ทำไมถึงไม่ชอบบ้านนั้นล่ะ มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า?” หาสาเหตุให้ได้ก่อนดีกว่าจะได้หาทางแก้ไขกันถูกจุด

2. หาทางออกร่วมกันคนรัก

หลังจากที่ทราบสาเหตุแล้วว่าพวกท่านไม่ชอบกันเพราะอะไรก็อย่าเพิ่งท้อแท้ใจนะคะ ลองนั่งคุยกันสองคนก่อนว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมันรุนแรงแค่ไหน แล้วจะแก้ไขกันอย่างไรดี ส่วนใหญ่แล้วก็คงหนีไม่พ้นการ “พูดคุยปรับทัศนคติ” ของพ่อกับแม่ ในเบื้องต้นขอแนะนำว่าพ่อใครแม่ใครก็ให้แยกไปคุยกันเองก่อน จากนั้นจึงค่อยหาแนวร่วมหรือคนที่เขาเข้าใจคุณ ซึ่งอาจเป็นคนในครอบครัวอย่าง พี่ ป้า น้า อา มาช่วยเกลี้ยกล่อมกันอีกที (ประมาณว่ามาเป็นทัพเสริมนั่นแหละ)

3. คุยอย่างไรให้ได้ผล

การจะปรับความคิดของพ่อกับแม่ไม่ใช่ว่าจะพูดอะไรยังไงก็ได้นะคะ แนะนำว่าให้พูดด้วยเสียงนุ่มๆ อ้อนๆ เล่าให้ท่านฟังถึงความดีของแฟนคุณในตอนต้น (ต้องมั่นใจด้วยนะว่าแฟนคุณดีจริง) จากนั้นค่อยเริ่มพูดไปถึงพ่อแม่และครอบครัวทางฝั่งของแฟนว่าเขารักและเอ็นดูคุณเป็นอย่างดี ดูแลคุณเหมือนลูกคนหนึ่ง (ย้ำอีกทีว่าต้องมั่นใจว่าเขาดูแลคุณดีจริงๆ ) อนุญาตให้คุณเพิ่มเติมเสริมแต่งเรื่องราวได้นิดหน่อย เพื่อค่อยๆ ลดทิฐิและปรับทัศนคติของท่านทั้งสอง

ระหว่างที่พูดขอให้คุณลองสังเกตท่าทีของพ่อแม่ด้วย ถ้าท่านเริ่มออกอาการฮึดฮัดไม่อยากฟัง คุณควรจะถอยออกมาก่อนแล้วค่อยหาจังหวะเข้าทำคะแนนใหม่ และอย่าเร่งเร้าเอาแต่พูดๆๆ ของอย่างนี้ต้องใจเย็นและอดทน ถือคติที่ว่า น้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกร่อน ท่องไว้ให้ขึ้นใจเลย!

4. ลองจัดมีตติ้งพ่อแม่ดูหน่อยไหม

หลังจากที่พูดคุยและปรับทัศนคติของพ่อกับแม่แล้ว ถ้าเห็นว่าท่านเริ่มมีท่าทีอ่อนลงและเริ่มคล้อยตาม ขั้นต่อไปก็คือ “พาทั้งสองครอบครัวมาเจอกัน” อาจจะนัดเป็นร้านอาหารที่บรรยากาศสบายๆ ซึ่งคุณทั้งคู่ก็จะต้องเป็นคนกลาง สร้างบรรยากาศให้มันดี ช่วยหาเรื่องพูดคุยสนุกๆ และทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายรู้สึกรีแลกซ์ ไม่อึดอัดจนเกินไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังคงต้องสังเกตปฏิกิริยาของพวกท่านอยู่ดีนะคะ ถ้าเห็นว่าสถานการณ์ราบรื่นก็พอจะเบาใจได้ แต่ถ้าไม่เป็นอย่างที่คิดไว้ต้องรีบกู้สถานการณ์ทันที

5. หาก 4 ข้อแรกไม่ได้ผล ก็บอกตรงๆ เลยแล้วกัน

สำหรับคู่ไหนที่ พูดก็แล้ว พามาเจอก็แล้ว แต่ยังไม่เห็นวี่แววว่าสถานการณ์จะดีขึ้น และคุณก็ยังคงรักกันหวานชื่น อยากแต่งงานกันจนเต็มแก่ จะให้รอต่อไปคงไม่ไหว ถ้าคุณทั้งคู่มั่นใจว่ารักกันจริง คนนี้แหละที่จะฝากชีวิตไว้ แนะนำว่าให้บอกกับพ่อแม่ไปตามตรงเลยค่ะว่าอยากแต่งงานแล้วจริงๆ ขอให้พ่อกับแม่เห็นใจในความรักครั้งนี้ด้วย 90% พ่อแม่ส่วนใหญ่พอเจอประโยคนี้เข้าไปก็ยอมตามใจและไปสู่ขอให้

สำหรับใครที่เจอเคสโหดหิน ยอมให้แต่งแต่ไม่ยอมไปเจรจาให้ แนะนำว่าลองหาผู้หลักผู้ใหญ่ที่คุณคิดว่าเป็นที่เคารพของทั้งสองครอบครัวไปทาบทามสู่ขอฝ่ายหญิงก็ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องบอกกล่าวพ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายให้ท่านรับรู้ไว้ก่อนด้วย

หนุ่มสาวคู่ไหนที่ไม่อยากให้ความรักของคุณต้องลงเอยด้วยโศกนาฏกรรมเหมือนในบทประพันธ์ชื่อดังอย่าง “โรมิโอกับจูเลียต” หรือนวนิยายไทยเรื่อง “ขมิ้นกับปูน” ก็ลองเอา 5 วิธีข้างต้นไปใช้กันนะคะ รับรองว่าตอนจบของคุณทั้งสองต้จะต้องสุขสมหวังอย่างที่ตั้งใจไว้แน่นอน

>> อ่านเรื่องราวความรักและความสัมพันธ์เพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย <<

ภาพ : www.huffingtonpost.com

รับมือกับ Groomchilla ถึงเวลาจับเจ้าบ่าวสุดชิลมาช่วยเตรียมงานแต่ง

คราวก่อน เราเคยบอกวิธีรับมือกับ Bridechilla เจ้าสาวสุดชิลกันไปแล้ว แต่รู้ไหมคะว่า ความชิลง่ายๆ อะไรก็ได้ของว่าที่เจ้าบ่าวก็รุนแรงไม่แพ้กันเลย ก็เข้าใจนะคะว่ามันเป็นธรรมชาติของผู้ชายที่ไม่ชอบอะไรหยุมหยิม แต่ค่ะแต่! นี่มันงานแต่งของคุณนะ ช่วยมีส่วนร่วมหน่อยดีไหม อย่าปล่อยให้ฝ่ายหญิงต้องปวดหัวคนเดียวสิ เอาเป็นว่าใครที่กำลังหนักใจกับความ so chill ของว่าที่เจ้าบ่าว เลื่อนลงไปอ่านวิธีต่อไปนี้เพื่อทำให้เจ้าบ่าวของคุณมาหันมาช่วย เตรียมงานแต่ง กันดีกว่า

1. แชร์ไอเดียธีมงานกันเถอะนะ

ก่อนที่คุณทั้งสองคนจะต้องแชร์ชีวิตร่วมกัน ขั้นแรกที่คุณจะต้องทำคือ “แชร์ความคิด” กันซะก่อน เริ่มจากเรื่องง่ายๆ อย่างธีมงานแต่งเนี่ยแหละ เราเชื่อว่าเจ้าสาวหลายคนไอเดียมาเต็มแน่นอน แต่ถ้าอยากให้เจ้าบ่าวมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ด้วย คุณจะต้องหมั่นถามเขาว่าอยากให้งานแต่งเป็นแบบไหน ดูจากความชอบส่วนตัวของเขาแล้วเอามาหาจุดกึ่งกลางระหว่างความต้องการของคุณทั้งคู่ก็ได้ ส่วนฝั่งเจ้าบ่าวเนี่ยชอบอะไร แบบไหน ก็อย่ามัวแต่นั่งเงียบหรือเอาแต่พยักหน้าตามเจ้าสาวอย่างเดียว หัดมีปากมีเสียงกับเขาบ้าง อยากได้งานธีมไหน ใช้สีโทนอะไรก็แสดงความคิดเห็นออกไปเลย เพราะว่าเจ้าสาวนางไม่ได้แต่งคนเดียวนะจ๊ะ งานนี้ก็เป็นของคุณด้วยเหมือนกัน อย่าลืมล่ะ!

2. อะไรที่ลงท้ายด้วยคำว่า “เจ้าบ่าว” ก็ปล่อยให้เขาจัดการ

ตามชื่อหัวข้อเลยค่ะว่า อะไรที่ต่อท้ายด้วยคำว่า “เจ้าบ่าว” ก็ให้อยู่ในความรับผิดชอบของเขา ไม่ว่าจะเป็น ประธานฝ่ายเจ้าบ่าว รายชื่อแขกฝั่งเจ้าบ่าว เพื่อนเจ้าบ่าว ชุดเพื่อนเจ้าบ่าว ชุดเจ้าบ่าว รวมถึงแผนผังที่นั่งของแขกฝ่ายเจ้าบ่าว  สิ่งเหล่านี้ต้องปล่อยให้เขาเลือกเอง ตัดสินใจเอง เพราะเขาจะรู้ดีที่สุดในเรื่องของเขา ส่วนคุณเจ้าสาวก็อย่าลืมที่จะคอยช่วยเหลือและกระตุ้นให้เขาทำส่วนของเขาให้เรียบร้อย ในขณะเดียวกันคุณก็จัดการสิ่งที่ลงท้ายด้วยคำว่าเจ้าสาวให้เพอร์เฟ็กต์ด้วยนะ

3. มอบหมายหน้าที่ที่เขาทำได้ดีที่สุด

นอกจากจะให้เขาจัดการในส่วนที่ลงท้ายด้วยคำว่าเจ้าบ่าวแล้ว เรื่องที่ผู้ชายอย่างเขาจะทำได้ดีที่สุดก็คงหนีไม่พ้นเรื่อง “วงดนตรี” และ “เครื่องดื่ม” มอบหมายหน้าที่ในการเลือกสองอย่างนี้ให้เขาเถอะค่ะ เพราะถ้าหน้าที่การเลือกของสวยๆ งามๆ อย่างดอกไม้ เค้ก หรือการ์ดเป็นของเจ้าสาวแล้ว เรื่องแมนๆ อย่างวงดนตรีและเครื่องดื่มก็ควรจะเป็นของเจ้าบ่าวเช่นกัน

ส่วนเจ้าบ่าวทั้งหลายจ๋า ถ้าเจ้าสาวเขาเปิดทางให้คุณเลือกสิ่งที่ชอบแล้วก็ทำให้เต็มที่ไปเลยเนอะ โดยเฉพาะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่าให้พลาดเชียว!

4. จะไปไหนทำอะไรต้องหนีบเจ้าบ่าวไปด้วย

คงต้องขอบอกว่าช่วงของการเตรียมงานแต่ง การเดินทางเพื่อติดต่อสถานที่และรายละเอียดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม ร้านการ์ด ร้านเค้ก ร้านดอกไม้ ร้านชุด ฯลฯ เป็นเรื่องจำเป็นนะคะ บางครั้งออกจากบ้านตอนเช้ากว่าจะวนไปครบทุกร้านกลับเข้าบ้านก็มืดพอดี เพราะฉะนั้นว่าที่เจ้าบ่าวควรทำตัวเป็นสารถีขับรถให้กับว่าที่เจ้าสาวของคุณด้วย อย่าปล่อยให้เธอต้องออกไปเผชิญโลกแต่เพียงลำพัง

ข้อดีอีกอย่างของการออกไปติดต่อสถานที่และร้านค้าต่างๆ ด้วยกันก็คือ ว่าที่เจ้าบ่าวจะได้รู้รายละเอียดทุกอย่างเกี่ยวกับการจัดงาน ดังนั้นมีตรงไหนไม่ถูกใจไม่ชอบก็สามารถบอกและขอเปลี่ยนแปลงได้ทันท่วงที ดีกว่าไปเห็นในวันงานแล้วทำหน้ามุ่ย อันนี้จะรู้สึกแย่ไปอีก

5. เจ้าสาวควรเลี่ยงคำถามที่มีตัวเลือก

บอกไปแล้วรอบหนึ่งว่า ถ้าอยากให้ว่าที่เจ้าบ่าวของคุณมีส่วนร่วมในการเตรียมงาน ว่าที่เจ้าสาวอย่างคุณต้องหมั่นถามความคิดเห็นเขาว่าเขาอยากได้อะไรแบบไหน แต่การจะตั้งคำถามมันก็ต้องมีทริคกันบ้าง ไม่อย่างนั้นคุณก็จะได้คำตอบสุดฮิต “อะไรก็ได้ แล้วแต่เธอเลย” แบบนี้กลับมาแทน เช่น ถ้าคุณถามเขาว่า “ป้ายชื่ออันนี้จะเอาสีแดงหรือสีขาว?”  รับรองว่า 90% ของคำตอบคือ “สีอะไรก็ได้” เพราะฉะนั้นเทคนิคการตั้งคำถามก็คือ “เลี่ยงคำถามที่มีตัวเลือก” โดยใช้คำถามปลายเปิดอย่างเช่น “ป้ายชื่ออันนี้จะเอาสีอะไร?” ซึ่งจะทำให้เขาตอบในสิ่งที่เขาต้องการ หรือแสดงความเห็นในสิ่งที่เขาชอบ รวมถึงเขาจะไม่รู้สึกว่าถูกจำกัดทางเลือกจนเกินไป

6. ประกาศิตว่าที่เมีย!!!

ถ้าลองทำมาตั้งแต่ข้อ 1 ถึงข้อ 5 แล้วว่าที่สามีของคุณยังออกอาการชิลล์ๆ อะไรก็ได้อยู่อีกล่ะก็ เฮ้อ! อนุญาตให้ถอนหายใจได้ 2 ที จากนั้นบอกความต้องการของคุณพร้อมกับยื่นคำขาดไปเลยว่า “สรุปว่างานแต่งเราเอาแบนนี้ อย่ามามีปัญหาทีหลังนะ” เด็ดขาดสุดๆ ไปเลยจ้า ไหนๆ ก็ชอบตอบว่าอะไรก็ได้แล้วนี่เนอะ งั้นเอาตามแบบที่คุณชอบและต้องการไปเลย รับรองว่าถ้าเขาไม่รีบแย้ง ไม่รีบแสดงความคิดเห็น ก็คงทำได้แค่พยักหน้าตาม พร้อมกับเดินเข้าชมรมคนเคารพเมียไปตั้งแต่ก่อนแต่งเลยทีเดียว

6 ข้อที่ว่ามานี้ขอมอบเป็น How to ให้กับว่าที่เจ้าสาวที่กำลังเผชิญกับว่าที่เจ้าบ่าวสุดชิลล์ ถ้าอยากให้เขามีส่วนร่วมในการเตรียมงานแต่งของพวกคุณก็ลองนำไปทำตามดูได้ แต่ขอหนึ่งอย่างคือ ต้องรับฟังความคิดเห็นของกันและกัน รวมถึงสร้างบรรยากาศระหว่างการเตรียมงานแต่งให้สนุกสนาน รับรองว่างานแต่งต้องออกมาเริด สะท้อนไลฟ์สไตล์ของคุณทั้งคู่แน่นอน

>> ดูไอเดียเกี่ยวกับเจ้าบ่าวเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย! <<

ภาพ : www.theboothphotovideo.com

11 กิมมิก ไอเดียงานแต่งเก๋ๆ ที่สร้างความประทับใจแบบ Love at First Sight

Love at First Sight ไอเดียงานเก๋ๆ ประทับใจแขกทั้งงาน

ปฏิเสธไม่ได้ว่างานแต่งงานนั้นนอกจากที่จะต้องสร้างสานฝันความต้องการของบ่าวสาวแล้ว ก็ต้องสร้างความประทับใจให้แขกที่มาร่วมงานด้วย แพรว wedding เลยไปขน ไอเดียงานแต่งเก๋ๆ กับกิมมิกเพื่อเพิ่มลูกเล่นสนุกๆ ในงานแต่งมาฝาก รับรองว่างานนี้แขกประทับใจ และบ่าวสาวก็ยิ้มตามได้แน่นอน

ไอเดียงานแต่งเก๋ๆ
Original Watercolor CUSTOM Wedding Portraits for Wedding/Anniversary Gifts by Kristin Glaze van Lieshout

หากบ่าวสาวจัดงานแต่งแบบเล็กๆ อบอุ่นเป็นกันเอง โดยที่จำนวนแขกไม่ได้เยอะมาก อาจจะเปลี่ยนจากการมีซุ้มถ่ายภาพดิจิตัล มาเป็นการจ้างนักวาดภาพสัก 1-2 คนเพื่อมาวาดภาพเหมือนให้กับแขกในงานแต่ง รับรองว่าภาพวาดก็น่าประทับใจไม่แพ้ภาพถ่ายแน่นอน แถมยังจัดเป็นของชำร่วยสุดเก๋ให้แขกนำกลับบ้านได้อีกด้วย

ก่อนงานเริ่มบ่าวสาวอาจจะจัดโซนกิจกรรมสนุกๆ ให้กับแขกภายในงานได้เล่นแก้เบื่อสักหน่อย หรืออาจจะนำไปเล่นในช่วงอาฟเตอร์ปาร์ตี้ก็น่าจะมันไม่น้อยเหมือนกันนะคะ

ลองเปลี่ยนจากการจัดแถวเก้าอี้ให้เป็นเส้นตรง มาเป็นการจัดให้เป็นแนวโค้งหรือครึ่งวงกลมดูก็ดีนะคะ เพราะนอกจากจะได้ภาพที่ดูสวยงามแล้ว แขกทุกคนยังสามารถมองเห็นพิธีการและบ่าวสาวที่อยู่ด้านหน้าได้อย่างชัดเจนแบบไม่มีใครบังใครอีกด้วย

ไอเดียงานแต่งเก๋ๆ ไอเดียงานแต่งเก๋ๆ

หากบ่าวสาวลงทุนจัดเค้กแต่งงานของจริงมาใช้ในงานแต่งงาน ก็อย่าปล่อยให้เค้กก้อนเบ่อเริ่มต้องเหลือทิ้งนะคะ ลองหาแพ็คเกจจิ้งสวยๆ แล้วให้คนของทางโรงแรมหรือสถานที่บรรจุเค้กแต่งงานลงในกล่องแสนสวยแล้วมอบให้แขกได้กลับไปรับประทานที่บ้าน รับรองว่าแขกจะต้องปลื้มแน่นอน แถมยังถือเป็นคำขอบคุณได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

ไอเดียงานแต่งเก๋ๆ

แน่นอนว่าบนโต๊ะอาหารอาจจะต้องมีการระบุเลขโต๊ะเอาไว้ ถ้าอย่างนั้นเราลองมาเพิ่มลูกเล่นสนุกๆ ให้กับบรรยากาศบนโต๊ะอาหารด้วยการวางรูปถ่ายของบ่าวสาวเอาไว้ด้วยดีไหมคะ แต่ๆๆ งานนี้เราไม่ได้ให้วางรูปถ่ายหวานแหววธรรมดาน้า แต่เราจะให้บ่าวสาวนำภาพถ่ายตัวเองในวัยเดียวกับเลขโต๊ะมาวางต่างหาก เช่น หากเป็นโต๊ะเลขที่ 16 ก็นำภาพถ่ายของบ่าวสาวในช่วงอายุ 16 ปีมาวางไว้ เราว่าก็น่ารักไปอีกแบบน้า

ไอเดียงานแต่งเก๋ๆ

อีกหนึ่งกิมมิกจี๊ดๆ สำหรับเจ้าสาวสายแซ่บโดยเฉพาะ กับการเพิ่มดีเทลภายใต้กระโปรงอันฟูฟ่องให้ดูน่ารัก ด้วยการเติมสีสันแบบคัลเลอร์ฟูล

ไอเดียงานแต่งเก๋ๆ

ในช่วงเปิดตัวบ่าวสาว จะเลือกเป็นการโปรยกลีบดอกไม้สำหรับบ่าวสาวสายหวาน หรือจะเลือกเป็นเปเปอร์ชู้ตสำหรับบ่าวสาวที่ต้องการความสนุกและสีสันขึ้นมาหน่อย

ไอเดียงานแต่งเก๋ๆ

ทำป้าย fun facts เกี่ยวกับบ่าวสาวเอาไว้บนโต๊ะ ก็เป็นอีกหนึ่งไอเดียที่ช่วยสร้างความสนุกสนานบนโต๊ะอาหารได้เหมือนกันนะ

ไอเดียงานแต่งเก๋ๆ

อย่าลืมสร้าง # แฮชแท็กสำหรับอินสตาแกรมเพื่องานแต่งของคุณกันด้วยนะเพื่อให้แขกที่มาร่วมงานจะได้ติด # นี้ไว้ในภาพถ่ายตอนที่พวกเขาโพสต์ลงโซเชียลมีเดีย ซึ่งงานนี้ไม่ได้ให้มีไว้เก๋ๆ นะจ๊ะ เพราะเจ้า # นี้จะเป็นการรวบรวมภาพถ่ายและบรรยากาศต่างๆ ในงานแต่งของคุณ นอกเหนือจากกล้องของช่างภาพหลัก รับรองว่าบ่าวสาวจะได้เห็นรูปแปลกๆ จากมุมมองของแขกแน่นอน

เจ้าบ่าวสามารถสร้างเซอร์ไพรส์ให้เจ้าสาวได้ง่ายๆ แบบไม่ต้องลงทุน ด้วยการเขียนข้อความซึ้งๆ ไว้ที่พื้นรองเท้าของเธอ แต่ต้องแอบเขียนอย่าให้เธอรู้ตัวนะ ส่วนวิธีที่จะทำให้เธอรู้ได้ยังไงอันนี้ก็มุกใครมุกมันนะจ๊ะ แต่ๆ ต้องแน่ใจว่ารองเท้าคู่นั้นเป็นของเธอไม่ได้ไปยืมใคร หรือเช่ามาจากที่ร้านนะ เพราะไม่อย่างนั้นจากที่ฟรีอาจจะต้องจ่ายค่าเสียหายเอาได้ดื้อๆ

ลองเตรียมการ์ดสนุกๆ ไว้ให้แขกในงานได้เล่น เช่น อยากให้ลูกคนแรกชื่ออะไร? อยากให้บ่าวสาวไปฮันนีมูนที่ไหน? เป็นต้น ไม่แน่คุณอาจจะได้คำตอบดีๆ มาใช้ได้จริงก็ได้

นอกจากนี้เรายังมี >> ไอเดียงานแต่งสุดชิคที่จะช่วยเนรมิตให้งานแต่งไม่ซ้ำใคร <<มาเสิร์ฟให้อีกด้วยน้า คลิกเลย <<

ภาพ www.pinterest.com

22 ดีไซน์แหวนแต่งงานช่วยสร้างคาแร็กเตอร์เจ้าสาวให้โดดเด่น

22 ดีไซน์ แหวนแต่งงาน ช่วยสร้างคาแร็กเตอร์เจ้าสาวให้โดดเด่น

คาแร็กเตอร์ของเจ้าสาวเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น บุคลิกท่าทางที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว การแต่งตัวไปทำงานหรือในชีวิตประจำวัน การแต่งหน้าทำผม หรือแม้กระทั่งเล็บก็มีส่วน เพราะในการเลือกซื้อ แหวนแต่งงาน สักวงก็สามารถแสดงถึงคาแร็กเตอร์ของผู้สวมใส่ได้ เช่น หากคุณเป็นสาวขาลุย แต่งตัวสบายๆ อาจจะเลือกเป็นแหวนเพชรชูแบบคลาสสิค แต่อาจจะต้องดูไม่ให้ชูมากนักเพื่อความสะดวกในการใช้งาน หรือเวลาล้วงกระเป๋ากางเกง หรือถ้าคุณเป็นสาวที่ใส่ใจในการแต่งตัวไม่ว่าจะออกไปทำงานหรือเวลาไปทำเที่ยว ก็อาจจะเลือกเครื่องประดับที่มีดีเทลสักหน่อย เพราะฉะนั้นหัวใจหลักในการเลือกแหวนแต่งงานที่จะต้องสวมใส่ติดนิ้วนั้น เจ้าสาวจะต้องเลือกดีไซน์ที่เข้ากับการแต่งงานและการใช้ชีวิตประจำวันของเจ้าสาวในทุกวันด้วยนะคะ จะได้ใส่ได้แบบไม่เบื่อ

แหวนแต่งงาน

แหวนตัวเรือนสีโรสโกลด์

หากเจ้าสาวอยากได้อารมณ์ความหวานที่แตกต่างจากแหวนหมั้นทั่วๆ ไป แหวนเพชรตัวเรือนสีโรสโกลด์ หรือทองชมพูก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสุดโรแมนติก แต่ๆ…งานนี้อาจจะเหมาะกับเจ้าสาวที่ผิวขาวมากๆ เท่านั้นนะจ๊ะ เพราะหากเจ้าสาวผิวเข้มออกคล้ำใส่ จะยิ่งเน้นให้ผิวยิ่งเข้มแถมแหวนจะกลืนหายไปกับสีผิวได้อีก

แหวนแต่งงาน

ซ่อนดีไซน์การฝังเพชรสุดหรูไว้ด้านข้าง

เพิ่มลูกเล่นให้กับแหวนแต่งงานวงสวยด้วยดีเทลน่ารักสุดหรู กับการฝังเพชรซ่อนเอาไว้ที่ด้านข้างของตัวเรือน เรียกได้ว่ามองจากมุมไหนก็สวย

ก้านแหวนดีไซน์คล้ายเงื่อน

อีกหนึ่งกิมมิกที่ช่วยสร้างความสวยงามให้กับตัวเรือน คือดีไซน์ก้านแหวนให้ดูคล้ายเงื่อน เหมาะกับเจ้าสาวที่แต่งตัวสบายๆ เป็นสาวสายลุยนิดๆ และต้องการความเท่ปนแฟชั่นทุกครั้งที่สวมใส่ในชีวิตประจำวัน

แหวนแต่งงาน

แหวนประดับทรงลูกแพร์ หรือทรงหยดน้ำ

เพชรรูปทรงแบบลูกแพร์ หรือหยดน้ำเป็นอีกหนึ่งสไตล์ของรูปแบบแหวรเพชรที่ใส่เมื่อไหร่ก็ไม่มีเชย ไม่ว่าจะใส่แบบเพชรเม็ดเดี่ยว หรือประดับเพชรที่ก้านแหวนก็ให้ลุคสวยงามหรูหราไม่แพ้กัน ซึ่งเพชรทรงนี้เหมาะกับเจ้าสาวที่มีฝ่ามือแบนราบและนิ้วสั้น เพราะด้วยรูปทรงที่แหลมในส่วนปลายจะช่วยให้นิ้วดูยาวขึ้น อีกทั้งแหวนทรงนี้ช่วยทำให้ตัวเพชรดูใหญ่ขึ้นกว่าน้ำหนักที่แท้จริง เมื่อเทียบกับเพชรทรงกลมที่มีน้ำหนักเท่ากัน เพราะฉะนั้นเจ้าสาวที่มีงบน้อยแต่อยากได้แหวนเพชรขนาดใหญ่อย่าลืมเก็บเพชรทรงนี้ไว้พิจารณานะคะ

แหวนแต่งงาน

แหวนประดับเพชรทรงคุชชั่น

เป็นอีกหนึ่งสไตล์เพชรสุดหรูที่เซเลบเมืองนอกนิยมสวมใส่ และเริ่มได้รับความนิยมในหมู่เจ้าสาวคนไทยที่อยากมีสไตล์ไม่ซ้ำใครมากขึ้น ยิ่งถ้าหากได้ดีไซน์ให้มีเพชรประดับโดยรอบด้วยแล้วจะยิ่งช่วยเพิ่มความหรูหราให้กับสไตล์ของเจ้าสาวได้เป็นอย่างดี ซึ่งเพชรทรงนี้จะมีลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว รูปทรงคล้ายกับหมอน หน้าเพชรมีความโค้ง ขอบด้านข้างมีความกลม เจียระไนให้มีความลึกจึงทำให้มีประกายเพชรที่แวววาวและนุ่มนวล ซึ่งขนาดที่ใส่แล้วสวยจะอยู่ที่ประมาณ 2 กะรัต

แหวนแต่งงาน

แหวนประดับนิล

นิลอยู่คู่กับสังคมไทยมานาน แต่ก่อนนิยมนำมาทำเป็นเครื่องรางในการออกศึก เพื่อช่วยให้พ้นจากอันตรายต่างๆ นอกจากนี้ความหมายของสีดำ ยังเป็นสีที่ช่วยปัดเป่าความทุกข์ยาก และการเจ็บป่วยให้ออกไปนั่นเอง อีกทั้งยังเสริมอำนาจบารมี เติมความมีสง่าราศีให้กับผู้สวมใส่ได้ดีอีกด้วย

แหวนเพชรประดับแซฟไฟร์

เนรมิตแหวนประดับเพชรให้ดูไม่น่าเบื่อ ด้วยการประดับอัญมณีเฉดสีสดใสประกบเพชรที่สว่างสุกใสอยู่ตรงกลาง ซึ่งแซฟไฟร์นั้นเป็นอัญมณีที่มีหลากหลายเฉดสีให้เจ้าสาวได้เลือกใส่ให้เข้ากับสีผิวตัวเองอีกด้วย แถมแต่ละชนิดก็มีความหมายที่ช่วยส่งเสริมชะตาราศีที่ต่างกันไปอีกด้วยนะคะ เรียกได้ว่าสวมแล้วได้ทั้งความสวยและความเฮงเลยจริงๆ

แหวนแต่งงาน

แหวนเพชรแบบมีรัศมีรอบวง

ดีไซน์แหวนเพชรสุดคลิสสิคให้ลุคสวยหวานสไตล์วินเทจนิดๆ กับแหวนเพชรที่ประดับเพชรเม็ดเล็กๆ ไว้เป็นรัศมีรอบวงเพชรเม็ดกลาง ที่ดูเผินๆ เหมือนมีเกล็ดหิมะระยิบระยับมาแปะอยู่บนนิ้ว

แหวนแต่งงาน

แหวนหมั้นประดับเพชรด้านข้าง

สำหรับว่าที่เจ้าสาวงบน้อยแต่อยากได้แหวนเพชรหรูหราที่ดูเหมือนหลายกะรัต อาจเพิ่มดีไซน์หลอกตาให้แหวนเพชรดูใหญ่ขึ้นด้วยการประดับเพชรเม็ดเล็กๆ ไว้ที่ด้านข้าง เท่านี้เจ้าสาวก็ได้แหวนเพชรสุดหรูดูดีระยิบระยับแล้ว

แหวนเพชรทรงสี่เหลี่ยม หรือเพชรทรงปริ๊นเซส

เจ้าสาวสไตล์โมเดิร์นที่ในชีวิตประจำวันแต่งตัวชิคๆ อยู่เสมอ แหวนเพชรทรงสี่เหลี่ยมสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และสร้างเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครให้กับเจ้าสาวได้เป็นอย่างดี โดยเจ้าสาวอาจจะเลือกเพชรทรงปริ๊นเซสส์ ที่รูปทรงเพชรเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัสอยู่แล้ว ซึ่งเพชรรูปทรงนี้ส่วนมากมักจะนิยมนำมาทำเป็นแหวนเพชรเม็ดเดียวหรือเพชรชูมากกว่า แต่เพชรชนิดนี้มีราคาค่อนข้างสูงเนื่องจากเป็นเพชรที่เจียระไนค่อนข้างยาก เพราะฉะนั้นสำหรับเจ้าสาวที่อยากได้ลุคคูลๆ แต่งบไม่ถึงก็อาจจะเลือกเพชรตรงกลางเป็นแบบอื่น แล้วใช้ดีไซน์การล้อมเพชรเม็ดกลางให้เป็นสี่เหลี่ยมจตุรัสแทน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ลองเปรียบเทียบราคาดูนะคะว่าแบบไหนที่จะคุ้มมากกว่ากัน

ก้านแหวนหรูหราด้วยเทคนิคการฝังจิกไข่ปลา

เพิ่มความงามและความหรูหราให้กับก้านแหวนด้วยการเทคนิคการฝังจิกไข่ปลา (Pave Setting) คือการฝังโดยจะมีหนามเตยล้อมรอบเพชร 1 เม็ดโดยเพชร 1 เม็ดนี้จะมีไข่ปลาล้อมรอบอยู่อีก 4 เม็ด (อาจจะมากกว่าหรือน้อยกว่านี้แล้วแต่ดีไซน์) เพื่อให้เพชรมีลักษณะเป็นทรงกลมเหมือนไข่ปลา ซึ่งเทคนิคการฝังแบบนี้จะช่วยให้เพชรดูใหญ่และมีความระยิบระยับมากขึ้น

แหวนแต่งงาน

แหวนแบบ Stacking Rings

หรือการใส่แหวนซ้อนกันหลายๆ วง อีกหนึ่งเทรนด์การใส่แหวนสไตล์แฟชั่น ที่เจ้าสาวสามารถมิกซ์แอนด์แมตช์ดีไซน์แหวนแบบต่างๆ หรือแม้กระทั่งการเลือกสีหลากเฉดในแหวนเซตเดียวกันก็ยังได้ ซึ่งเจ้าสาวสามารถสร้างบุคลิกและเอกลักษณ์ที่เหมาะกับสไตล์ของตัวเองผ่านแหวนสไตล์นี้ได้เป็นอย่างดี

แหวนดีไซน์ดอกไม้

ดีไซน์นี้เหมาะกับเจ้าสาวสายหวานที่สุด กับการดีไซน์แหวนให้เป็นดอกไม้ หรือจะเพิ่มความเก๋เข้าไปอีกหน่อยด้วยการดีไซน์ก้านแหวนให้เป็นรูปใบไม้ ก็ช่วยเพิ่มเสน่ห์และความน่าสวมใส่เพิ่มขึ้นไปอีก หรือจะดีไซน์ก้านแหวนให้เป็นเถาวัลย์สุดอ่อนช้อยก็เป็นอีกหนึ่งกิมมิกที่จะช่วยเพิ่มความโรแมนติกให้กับแหวนของเจ้าสาวได้เป็นอย่างดี

เพชรทรงแอชเชอร์ (Asscher-Cut)

เพชรแอชเชอร์ หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Square Emerald Cut ที่มีลักษณะการเจียระไนที่คล้ายกับเพชรทรงเอมเมอร์รัลหรือเหลี่ยมมรกต เพียงแต่เพชรทรงนี้จะเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส เหมาะกับเจ้าสาวที่ต้องการความคลาสสิค และประกายเพชรที่แลดูแตกต่าง

เพชรทรงเอมเมอร์รัล หรือเหลี่ยมมรกต (Emerald-Cut)

เป็นอีกหนึ่งรูปแบบทรงเพชรที่สร้างความแตกต่างและเอกลักษณ์ให้กับผู้สวมใส่ได้เป็นอย่างดี ซึ่งไม่ว่าจะสวมใส่แบบเพชรเม็ดเดี่ยวก็สวยหรูดูดี แต่ถ้าหากอยากเพิ่มประกายให้เรียวมือ เทคนิคการฝังจิกไข่ปลาที่ก้านแหวนก็จะช่วยเพิ่มเสน่ห์และดึงดูดทุกสายตามาที่แหวนหมั้นวงสวยของเจ้าสาวได้อย่างดีทีเดียว

แหวนเพชรทรงไข่ (Oval Cut)

ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่าแหวนทรงไข่นี้เหมาะกับเจ้าสาวที่มีเรียวแขนเล็กๆ และนิ้วมือสั้นๆ มากที่สุดนะคะ เพราะด้วยความยาวรีของทรงเพชรจะช่วยให้นิ้วมือของเจ้าสาวดูเรียวยาวขึ้น ซึ่งเพชรทรงนี้ถือเป็นอีกหนึ่งทรงเพชรสุดคลาสสิคที่เหมาะสำหรับทำแหวนเพชรเม็ดเดียวหรือแหวนเพชรชู และยังเป็นเพชรที่หลอกตาให้ดูมีขนาดที่ใหญ่กว่าเพชรทรงอื่นถึงแม้จะมีน้ำหนักเท่ากันอีกด้วย

แหวนหมั้นสไตล์วินเทจ

เจ้าสาวสายเรโทรที่ชื่นชอบศิลปะสามารถฟรีสไตล์และมิกซ์หลากหลายรูปทรงเข้าไว้ด้วยกันได้ในแหวนวงเดียว ซึ่งแหวนแต่งงานสไตล์ Art Deco นั้นให้ลุคที่ไม่เหมือนใครและน่าจดจำสุดๆ เพราะมีรูปลักษณ์ที่สวยงาม ทั้งรูปทรงและการออกแบบเพราะมีเหลี่ยมมุมที่ชัดเจน และมาพร้อมกับความอ่อนช้อยประณีตสวยงามตามแบบฉบับแหวนแต่งงานอีกด้วย

โดดเด่นด้วยดีไซน์สลับซับซ้อน

เจ้าสาวสามารถสร้างความโดดเด่นให้กับแหวนแต่งงานโดยไม่ต้องพึ่งการประดับเพชรให้มากมายก็ได้นะคะ เพราะเพียงแค่เน้นการออกแบบและดีไซน์ที่งดงามเสริมไว้ที่ก้านแหวน หรือด้านข้างของแหวนก็ช่วยให้แหวนแต่งงานที่ถึงแม้จะไม่ได้ประดับเพชรเยอะแยะหรือใหญ่โตดูสวยหรูขึ้นมาได้เหมือนกัน

แหวนดีไซน์รูปทรงแบบเรขาคณิต

สำหรับเจ้าสาวที่กำลังมองหาแหวนแต่งงานรูปทรงหนักแน่น ไม่เน้นความละเอียดหรือซับซ้อนของดีไซน์ การนำกิมมิกรูปทรงเลขาคณิตมาเป็นลูกเล่นก็ช่วยเพิ่มสไตล์ให้กับผู้สวมใส่ได้เป็นอย่างดี เหมาะกับสาวๆ ที่ชอบความเรียบง่ายแต่ก็ดูดีมีสไตล์เป็นของตัวเอง

แหวนแต่งงานประดับเพชรสี

หากคุณกำลังเบื่อกับแหวนเพชรสีขาวระยิบระยับแบบเดิมๆ ลองเปลี่ยนมาใช้เพชรในเฉดสีสันต่างๆ ดูบ้างก็ได้นะคะ อย่างเช่น เพชรสีเหลือง หรือเพชรสีชมพู ที่ให้ลุคสวยงามและดูหรูหราไม่แพ้กันเลย

ก้านแหวนดีไซน์เปีย

เพิ่มความโดดเด่นให้กับแหวนเพชรเม็ดเดียวหรือแหวนเพชชชูด้วยก้านแหวนแบบเปีย ที่นอกจากจะเหมาะกับแหวนสไตล์นี้แล้ว ยังช่วยสร้างเอกลักษณ์ที่ไม่ซ้ำใคร และช่วยให้เพชรประดับของเจ้าสาวดูโดดเด่นมากขึ้นอีกด้วย

Read More : เคล็ดไม่ลับออกแบบรูปทรงเพชรให้เข้ากับแบบแหวนในฝัน

CR. Pinterest

7 วิธีเผชิญหน้าแฟนเก่าแบบไหลลื่นไม่กระอักกระอ่วนทั้งสองฝ่าย

เราเชื่อว่า 80 % ของคนเรามักจะมีเรื่องฝังใจกับความรักเก่าๆ อยู่เสมอ โดยเฉพาะกับคนรักเก่าที่เคยผ่านร้อนผ่านหนาว เคยสุขและทุกข์มาด้วยกัน แต่สุดท้ายก็ต้องจากลากันด้วยเหตุผลต่างๆ นานา อย่างไรก็ตาม หากวันหนึ่งที่โลกใบนี้เหวี่ยงคุณสองคนให้กลับมาเจอกันอีกครั้ง คราวนี้จะทำตัวยังไงให้การเผชิญหน้าไหลลื่นไม่ติดขัด หรือจะเลี่ยงอย่างไรให้เจอกันน้อยที่สุด แพรวเวดดิ้งรวบรวมวิธีเจอหน้า แฟนเก่า จากประสบการณ์หลายๆ คนมาฝากค่ะ

1. พูดคุยกันตามปกติ

วิธีนี้เหมาะสำหรับคู่รักเก่าที่บอกลากันด้วยความเข้าใจ เดินจากกันไปด้วยดี ไม่มีแผลใจเหวอะหวะ และยังสามารถเป็นเพื่อนกันได้ การพูดคุยกันตามปกติเสมือนเพื่อนถือว่าเป็นเรื่องที่ควรทำ ทักทายกันด้วยความรู้สึกดีๆ ต่อกัน แต่ไม่จำเป็นต้องโหมกระพือถ่านไฟให้ลุกโชนขึ้นมาอีกนะ

2. ไม่จำเป็นต้องถามถึงแฟนใหม่เขา!

ถึงแม้จะเลิกกันไปด้วยดีและยังสามารถเป็นเพื่อนกันได้อยู่ เมื่อเจอกันคุณก็ยังถามไถ่สารทุกข์สุขดิบและความเป็นไปของเขาได้นะ เช่น ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง หรือทำงานที่ไหน อย่างนี้เป็นต้น แต่สิ่งที่ต้องระวังก็คือ อย่าถามถึงรักครั้งใหม่ของเขา (ให้จี๊ดใจ!!) เพราะนั่นถือเป็นเรื่องส่วนตัวที่คุณไม่ควรเข้าไปยุ่มย่าม และอีกฝ่ายอาจไม่สะดวกใจที่จะตอบ (เว้นแต่คุณอยากจะแก้แค้นสร้างสถานการณ์กระอักกระอ่วนใจให้เขา 555) หรือบางครั้งก็กลายเป็นว่าคนถามอย่างคุณนั่นแหละที่จะเจ็บลึกๆ ในใจซะเอง!

3. ไม่ต้องอวดแฟนใหม่ของเราให้เขารู้ก็ได้!

ไม่ว่าแฟนใหม่ของคุณจะหล่อขั้นเทพหรือสวยบาดจิตแค่ไหน จะโปรไฟล์เริ่ดดีกว่าคนรักเก่ามากมายเท่าไหร่ ก็ไม่จำเป็นต้องสร้างรายการคนอวดผัว/เมีย (ใหม่) ให้แฟนเก่ารู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพูดขึ้นมาเองโดยที่เขาไม่ได้ถาม แบบนี้คงไม่งามเท่าไหร่หรอกนะ รวมถึงถ้าแผลใจยังสดและคุณเพิ่งเลิกรากับคนเก่าไปไม่นาน เรื่องนี้ก็ถือเป็นมารยาทในการรักษาความรู้สึกและรักษาน้ำใจคนรักเก่า เว้นเสียแต่ว่าการจากลาครั้งนั้นมันไม่ได้สวยงามและเขาก็ถามขึ้นมาเอง แบบนี้อยากจัดเต็มอวดสรรพคุณแฟนใหม่เพื่อแก้เผ็ดแฟนเก่าก็โอเคนะ อิอิ! (ถามมาตอบไป เจ็บไหมก็เรื่องของเขาเราไม่เกี่ยวเนอะ!)

4. อย่ารื้อฟื้นความหลัง

การฟื้นฝอยหาตะเข็บไม่เคยช่วยให้อะไรดีขึ้นมา สิ่งไหนที่เป็นความทรงจำดีๆ ก็เก็บไว้ในใจ ส่วนเรื่องอะไรที่ทำให้ต้องบาดหมางจนกระทั่งเลิกกันก็ลืมๆ มันไปบ้างนะ อย่ามามัวแต่พูดหาว่าใครเป็นคนผิด หรือยกเรื่องผิดใจเก่าๆ มาเล่าใหม่ เรื่องมันผ่านมาแล้วก็ปล่อยให้ผ่านเลยไป ไม่จำเป็นต้องนึกถึงหรือขุดคุ้ยขึ้นมาพูดให้กระทบกระเทือนจิตใจกันหรอก

5. คุยกันให้น้อยที่สุด

ถ้าสถานการณ์มันบังคับให้คุณต้องอยู่ด้วยกัน เช่น เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันแล้วต้องไปสังสรรค์ด้วยกัน แนะนำว่าคุยกันให้น้อยที่สุด แต่ไม่ใช่ว่าต้องทำตัวหยิ่งเขาถามอะไรก็ไม่ตอบนะ เพียงแค่ว่าสนทนากันเท่าที่จำเป็น แล้วเราก็หันไปคุยกับเพื่อนคนอื่นแทน แบบนี้ก็พอช่วยให้ผ่านสถานการณ์ไปได้อยู่ ที่สำคัญไม่ทำให้บรรยากาศหรือคนอื่นที่ร่วมวงต้องอึดอัดเพราะความรักเก่าๆ ของคุณด้วยนะ

6. หลบออกจากสถานการณ์ชวนอึดอัด

เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ไม่ว่าคุณจะจบกันด้วยดีหรือมีเรื่องให้ต้องเจ็บใจ ความอึดอัดมักจะมาเยือนยามที่คุณพบปะกับคนรักเก่าเสมอ ถ้าคุณยังทำใจให้ลืมเขาไม่ได้ ไม่สามารถอยู่ร่วมสถานการณ์เดียวกันกับเขาหรือแม้แต่จะยืนในพื้นที่เดียวกันยังยาก ประมาณว่าหน้าไม่อยากมอง กลิ่นก็ไม่อยากดม การถอยฉากออกมาดูจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด แต่ก็ควรจะรักษาน้ำใจกันด้วยการทำทีว่ามีเพื่อนรออยู่ มีคนโทรตาม  (อันนี้ต้องอาศัยทำการแสดงให้เนียนตาที่สุดด้วยนะ) หรือคุยสักคำสองคำแล้วชิ่งว่าต้องรีบไปทำธุระอย่างอื่น แล้วจึงเอ่ยขอตัวออกมา แบบนี้คุณก็จะดูดีมีมารยาท ดีกว่าสะบัดบ๊อบแล้วหันหลังเดินออกมาเลยนะ

7. เผชิญหน้ากันให้น้อยที่สุด

ข้อสุดท้ายนี้สำหรับใครที่ยังเสียใจไม่เลิก ยังทำใจไม่ได้ หรือแค้นฝังหุ่นไม่อยากเห็นหน้า การหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าดูจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับคุณ อาจจะทำเป็นมองไม่เห็น ไม่ได้ยินเสียงเรียก หรือเดินหนีไปอีกทางหนึ่งเลยก็ได้ ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันความรู้สึกและหัวใจของตัวเอง เอาเป็นว่าถ้าไม่อยากเจอ ไม่พร้อมจะเจอ ก็เลี่ยงกันไปเลยซะดีกว่า

7 ข้อนี้เป็นวิธีที่แพรวเวดดิ้งรวบรวมจากผู้มีประสบการณ์ทั้งหลายมาแนะนำให้ใครที่ต้องพบเจอกับคนรักเก่าแต่ยังทำตัวไม่ถูกสามารถนำไปทำตามกันได้ สำหรับใครที่ไม่ว่าจะยังไงก็ยังต้องเจอหน้าแฟนเก่า หลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้ารู้ล่วงหน้าว่าเขาจะมาล่ะก็ แพรวเวดดิ้งอนุญาตให้วิ่งเข้าไปในห้องน้ำ จะกรี๊ดระบายอารมณ์หรือร้องไห้ปล่อยความโศกเศร้าที่มีก่อนออกมาเจอเขาก็ได้นะ (อย่าลืมมีสติและทำใจให้เข้มแข็งด้วย) ส่วนใครที่มีวิธีอื่นๆ อยากแนะนำบ้าง สามารถคอมเมนต์ลงมาได้ด้านล่างบทความนี้เลยจ้า

>> อ่านเรื่องราวความรักและความสัมพันธ์เพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย <<

ภาพ : www.exboyfriendrecovery.com

ฝึกให้คล่องก่อนวันจริงกับ 3 เทคนิคเข้าห้องน้ำในชุดเจ้าสาวแบบไม่เลอะ

“การเข้าห้องน้ำ” เป็นกิจวัตรที่มันช่างธรรมด๊าธรรมดา แต่สำหรับ “เจ้าสาว” แล้ว การอยาก เข้าห้องน้ำในชุดเจ้าสาว นั้น ถือว่าเป็นงานหิน! เราอยากให้คุณลองจินตนาการว่าคุณกำลังอยู่ในชุดเจ้าสาวสุดสวยทรงบอลกาวน์อลังการกรุยกราย หรือเมอร์เมดหางยาวลากพื้นกัน แล้วนึกภาพต่อว่าแค่เดินเหินปกติยังต้องระวัง แล้วนี่ใส่เข้าห้องน้ำ! ชุดสวยจะเปื้อนไหม แล้วจะจัดท่าทางยังไง.. แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว!

ว่าที่เจ้าสาวเตรียมฝึก เข้าห้องน้ำในชุดเจ้าสาว ให้คล่องๆ ไว้ก่อน เผื่อฉุกเฉินนะ!

Photo by Samuel Regan-Asante on Unsplash

แต่อย่าเพิ่งถอดใจไป เพราะวันนี้เรามีเทคนิคการเข้าห้องน้ำในชุดเจ้าสาวมาฝาก เก็บไว้ใช้พลิกแพลงแก้ปัญหาเมื่อเจอสถานการณ์จริงกัน งานนี้รับรองว่าเอาอยู่!

  • นัดกับเพื่อนเจ้าสาวให้เรียบร้อย

อย่าแม้แต่จะคิดไปคนเดียวเชียวนะ นึกภาพตัวเองหอบชายกระโปรงน้ำหนักหลายสิบปอนด์ให้เหนือพื้น จัดท่าทาง เตรียมกระดาษทิชชู่ ฯลฯ เห็นไหมว่าคุณไม่ไหวหรอก คุณต้องการเพื่อนเจ้าสาวที่รู้ใจกันดีสัก 2 คนที่จะคอยช่วยเหลือตอนคุณอยากเข้าห้องน้ำ พาไปห้องน้ำ ช่วยเคลียร์พื้นที่ หยิบจับอุปกรณ์ต่างๆ ช่วยจับชุดและใส่ชุด  คุณอาจจะต้องทนอายหน่อยแต่ทำเถอะค่ะ เพื่อแลกกับความสบายใจ  เพราะถ้าคุณลื่นล้มเพราะเหยียบชายกระโปรงหรือชายกระโปรงชุดเจ้าสาวแสนสวยเปื้อนขึ้นมาคงกว่าเดิมอีกหลายเท่า

Photo by Chalo Garcia on Unsplash
  • เทคนิคพิเศษ

สถานที่จัดงานหลายที่จะมีห้องน้ำผู้พิการ เราแนะนำว่าถ้าเจ้าสาวคนไหนต้องเข้าห้องน้ำจริงๆ ล่ะก็ ใช้ห้องน้ำผู้พิการดีกว่า เพราะมีพื้นที่กว้างขวาง และตอนทำธุระจะต้องทำแบบนี้ค่ะ

กรณีที่ 1 – ถ้าชุดเจ้าสาวของคุณดีเทลเยอะจัด น้ำหนักชุดก็ไม่ใช่น้อยๆ ให้เพื่อนเจ้าสาวทั้ง 2 อยู่ซ้ายขวาของคุณไว้แล้วรับผิดชอบเก็บรายละเอียดและยกชุดกันคนละฝั่ง จากนั้นคุณก็จัดการทำธุระส่วนตัวไป

กรณีที่ 2 – แนะนำให้นั่งแบบหันหน้าเข้าโถ เพราะถ้านั่งแบบปกติเราจะมองไม่เห็นกระโปรงข้างหลัง การนั่งแบบนี้จะช่วยป้องกันให้ชายกระโปรงไม่เปื้อนได้

กรณีที่ 3 – ถ้าชุดถอดง่าย เราแนะนำให้คุณถอดเถอะค่ะ แล้วถ้าพื้นห้องน้ำไม่ได้สกปรกอะไร การถอดรองเท้าก็จะช่วยให้คุณถอดชุดได้ง่ายขึ้น แล้วให้เพื่อนเจ้าสาวของคุณช่วยกันถือชุดเอาไว้

Photo by Brandon Morales on Unsplash
  • เป็นเจ้าสาวท่อตรงหรือเปล่า?

ถ้าใช่ เลิกคิดจะใส่ชุดเจ้าสาวทรงบอลกาวน์ หรือปริ๊นเซสสุดกรุยรายไปได้เลย แล้วเลือกทรงเชธมาสวมใส่ในวันงาน ซึ่งจะทำให้ชีวิตของคุณง่ายขึ้นอีกเยอะ!

ด้วยความปรารถนาดีจากเรา…ทำตามเถอะค่ะ แล้วงานยากในห้องน้ำจะงานสุดๆ ในวันพิเศษของคุณ

> ดูแบบชุดแต่งงานทั้งไทยและสากลได้เพิ่มเติมอีกเพียบที่นี่ คลิกเลย! <<

ภาพจาก : Unsplash.com

เพื่อนกับแฟนไม่ถูกกัน ปัญหาน่าปวดหัว ขาดเธอก็เหงาขาดเขาก็เสียใจ

“เพื่อนกับแฟน” สองคำนี้ที่สร้างความหนักใจให้กับใครหลายคน บางทีไปกับเพื่อนก็กลายเป็นทิ้งแฟน บางครั้งไปกับแฟนก็กลายเป็นทิ้งเพื่อน ยิ่งถ้า เพื่อนกันแฟนไม่ถูกกัน โอ๊ย! ปวดประสาทเพิ่มขึ้นไปอีกเป็นสิบเท่า แล้ว “คนที่อยู่ตรงกลางอย่างเรา” จะรับมืออย่างไรดี มาดูวิธีกันค่ะ

1. หาเหตุผลของความไม่ชอบ

คนเราถ้าไม่ชอบใครสักคนก็ควรจะมีเหตุผลถูกไหม เพราะฉะนั้นแนะนำให้จับเข่าคุยกับทั้งสองฝ่าย ลองถามแฟนดูว่า “ทำไมถึงไม่ชอบเพื่อนของเรา?” และถามในลักษณะเดียวกันนี้กับเพื่อนเราด้วย แต่ต้องแยกกันถามนะจ๊ะ ไม่ใช่ว่าจับแฟนกับเพื่อนมานั่งชนกันแล้วถามมันซะเลย ทำแบบนี้เดี๋ยวได้ตีกันตายพอดี

2. พูดความจริงกับทั้งสองฝ่าย

คนกลางบางคนเกรงใจเพื่อนเวลาที่ต้องออกไปกับแฟน หรือเกรงใจแฟนเวลาออกไปปาร์ตี้กับแก๊งเพื่อนรัก ทำให้ไม่กล้าบอกความจริงเพราะกลัวว่าพวกเขาจะเกิดอาการน้อยใจ คิดว่าเราเห็นอีกฝ่ายดีกว่า ใครที่กำลังจะโกหกบอกเลยว่ามันไม่เวิร์คสุดๆ เพราะถ้าพวกเขามารู้ความจริงทีหลัง รับรองได้ว่าเคลียร์กันยาวทั้งเพื่อนทั้งแฟนแน่นอน

3. พาไปแฮงก์เอาท์ด้วยกันซะเลย

บางครั้งการที่เพื่อนและแฟนของเรารู้สึกไม่ชอบกันและกันนั่นอาจจะเป็นเพราะว่า ทั้งสองฝ่ายยังไม่รู้จักกันดีพอ ลองหาโอกาสให้พวกเขาออกไปเที่ยวหรือทำกิจกรรมร่วมกัน แล้วสังเกตปฏิกิริยาของพวกเขาด้วย ถ้าเขาออกอาการเก้ๆ กังๆ ไม่รู้จะเริ่มพูดคุยกันยังไง ตัวคุณเองในฐานะคนกลางต้องเป็นคนเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างแฟนกับเพื่อน บางทีพวกเขาอาจจะเปลี่ยนความคิดหลังจากที่ทำความรู้จักกันมากขึ้น

ส่วนงานไหนมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขอให้ระวังเป็นพิเศษ อย่าให้ทั้งสองฝ่ายดื่มมากเกินไป ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวเขาพ่นไฟใส่กัน คราวนี้หมดทางรับมือจริงๆ

4. เช็กฟีดแบ็กสักหน่อยดีกว่า

หลังจากพาเหล่าพ้องเพื่อนและคนรักของเราออกไปกระชับมิตรกันมาแล้ว คุณควรจะถามความรู้สึกของทั้งสองฝ่ายเสียหน่อยว่าเขารู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง ลองสังเกตท่าทีและทัศนคติของพวกเขา หากว่าผลตอบรับเป็นบวก ทั้งเพื่อนและแฟนออกอาการแฮปปี้ตอนนี้ก็พอวางใจได้ แต่ถ้าหน้าบึ้ง เบ๊ะปาก บ่นอุบอิบแล้วล่ะก็ คงต้องทำใจยอมรับความจริงและปล่อยให้ทั้งสองฝ่ายต่างคนต่างอยู่ ส่วนคุณเองก็ต้องเริ่มจัดสรรเวลาให้ดีว่าตอนไหนจะอยู่กับเพื่อน ตอนไหนจะอยู่กับแฟน จะได้ไม่ต้องมีปัญหาวุ่นวายตามมาทีหลังอีก

5. อยู่กับแฟนอย่าพูดถึงเพื่อน อยู่กับเพื่อนอย่าพูดถึงแฟน

ในเมื่อรู้ว่าต่างฝ่ายต่างไม่ปลื้มกันและกันแล้ว เพราะฉะนั้นเวลาที่คุณออกไปเดทกับแฟนก็ควรเลี่ยงที่จะพูดเรื่องของเพื่อน และโฟกัสกับคนข้างๆ เข้าไว้ เช่นเดียวกับเวลาที่คุณออกไปสังสรรค์กับชาวแก๊ง ก็ไม่ต้องเปิดประเด็นว่าคนรักของคุณเป็นอย่างนู่น ดีอย่างนี้เด็ดขาด เพราะนอกจากจะไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นแล้ว ยังอาจเป็นการเพิ่มความหมั่นไส้ให้มากขึ้นไปอีก

ใครที่ต้องกลายเป็นคนกลางระหว่างเพื่อนกับแฟนก็ลองเอา 5 วิธีนี้ไปใช้รับมือได้ แต่อยากให้จำไว้เสมอว่า ถ้าทั้งสองฝ่ายรักและเข้าใจคนกลางอย่างคุณจริงๆ พวกเขาจะไม่กดดันให้คุณเลือกข้างใดข้างหนึ่งเด็ดขาด ในขณะเดียวกันคุณก็ต้องจัดวันเวลาให้ดีว่า วันไหนจะไปกับเพื่อน วันไหนจะไปกับแฟน  เพื่อรักษาความรักและมิตรภาพให้ยืนยาวตลอดไป

>> อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับความรักและความสัมพันธ์เพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย <<

ข้อมูล : www.gurl.com
ภาพ : pixabay.com

ค่าใช้จ่ายจัดงานแต่ง คุมได้ง่ายๆ ไม่ให้งบบานปลายด้วยตัวเอง

ค่าใช้จ่ายจัดงานแต่ง แค่เกริ่นขึ้นมาบ่าวสาวหลายคู่อาจจะเริ่มกังวลแล้วว่าทำอย่างไรดีนะที่จะไม่ใหสูงเกินไป ซึ่ง แพรว wedding อยากจะบอกว่าบ่าวสาวสามารถคุมค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้ง่ายๆ ไม่ให้งบบานปลายได้ด้วยตัวเองค่ะ เรื่องนี้ไม่ได้ยากเกินไป หากเรารู้และเตรียมตัว มีสิ่งใดบ้างที่ต้องคำนึงถึงมาดูกัน

 

1. จำกัดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในงานแต่งงาน

พูดถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้ว เป็นค่าใช้จ่ายที่สูงพอสมควรเลยล่ะค่ะ เพราะฉะนั้นบ่าวสาวอาจจะลองมาปรึกษากันว่า ลองลดปริมาณเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลงดีไหม หรือเลือกเสิร์ฟเฉพาะแขกวีไอพีในงานเท่านั้น แน่นอนว่าเซฟค่าใช้จ่ายลงไปได้เยอะเลยล่ะค่ะ

2. เปรียบเทียบราคาร้านเค้ก

ในกรณีที่บ่าวสาวอยากได้เค้กีดีไซน์เก๋เพื่อให้เข้ากับธีมงานนั้น ก็มีร้านเค้กหลายร้านมากให้บ่าวสาวได้เลือก ซึ่งก็ต้องลองเปรียบเทียบดูว่าร้านไหนราคาถูก คุณภาพดี เพราะของดีก็ไม่ได้แพงไปเสียทุกครั้งนะจ๊ะ หรือถ้าแขกในงานไม่เยอะมาก ลองเลือกเป็นเค้กที่มีขาดเล็กลงมาแล้วใช้เป็นเค้กโฟมดีกว่าไหม จะลดค่าใช้จ่ายลงไปได้เยอะ และถ้าหากทานไม่หมดก็จะไม่เสียของด้วยนะจ๊ะ

3. หาอาหารที่อยู่ในพื้นที่

ข้อนี้หมายความว่า ถ้าบ่าวสาวจ้างร้านอาหาร โต๊ะจีน บุฟเฟ่ต์ หรือค๊อกเทล ลองเลือกเจ้าที่อยู่ใกล้เคียงกับบริเวณที่จัดงานแต่งงานก่อน เพราะจะสามารถลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาของร้านได้ค่ะ

4. เลือกดอกไม้ประดับง่ายๆ

โดยเลือกจากดอกไม้ที่มีตามฤดูกาลในช่วงที่บ่าวสาวจัดงาน เพราะจะประหยัดกว่าการเลือกนอกไม้นอกฤดูกาลแน่นอน เพราะทางร้านจะต้องเสียเวลาไปสรรหาดอกไม้สด คุณภาพดี จากที่อื่นมาจัดให้เรา นั่นแหละค่ะที่มาของราคาที่สูง เพราะฉะนั้นถ้าเป็นไปได้ลองเลือกดอกไม้ที่ปลูกในประเทศไทยก็จะดีกว่านะคะ เพราะราคาไม่สูงเท่าดอกไม้จากต่างประเทศ

5. ลองเปลี่ยนของตกแต่งมาเป็นผลไม้ดูไหม

ถ้าคิดว่าการนำดอกไม้มาประดับตกแต่งงานนั้นแพงเกินไป ก็ลองเปลี่ยนนำผลไม้มาตกแต่งดูค่ะ เก๋ไก๋ แถมประหยัดขึ้นแน่นอน ที่สำคัญนำมารับประทานต่อได้อีก

ค่าใช้จ่ายจัดงานแต่ง

6. ลองเช่าแทนการซื้อ

เปลี่ยนจากการซื้อทุกอย่าง มาเป็นการเช่าจะดีกว่าไหมนะ ไม่ว่าจะเป็นชุดเจ้าบ่าว ชุดเจ้าสาว เครื่องประดับ และรองเท้า ซึ่งการเช่าไม่ได้แย่เสมอไปนะคะ เพราะถ้าหากบ่าวสาวเลือกร้านที่ดีๆ มีคุณภาพ ก็จะได้ของดีและไม่เก่า แถมยังสวยไม่แพ้กับชุดสั่งตัดราคาแพงอีกด้วย

7. DIY ของชำร่วย

มา DIY ของชำร่วยง่ายๆ ด้วยตัวเองกันเถอะ ซึ่งงานนี้ต้องอาศัยแรงจากเจ้าบ่าว รวมไปถึงเพื่อนๆ มาลองปรึกษากันดูว่าอยากจะทำของชำร่วยง่ายๆ ด้วยตัวเองเป็นอะไรกันดี ถ้าคิดได้แล้วก็ลงมือทำกันเลยค่ะ ช่วยกันคนละไม้คนละมือ รับรองประหยัดแน่นอน แถมของชำร่วยก็ดูมีคุณค่าขึ้นมาทันที เพราะทำด้วยความรักความตั้งใจของบ่าวสาวนั่นเองค่ะ

8. อะไรที่ไม่จำเป็นก็ตัดออกไปบ้าง

เช่น งานอาฟเตอร์ปาร์ตี้ แน่นอนว่าสร้างสีสันและเป็นช่วงเวลาที่บ่าวสาวและเพื่อนๆ ได้สนุกสุดเหวี่ยงกัน แต่ลองพิจารณาจากงบก่อน ถ้าหากงบไม่พอจริงๆ ก็อาจจะต้องโบกมือลา แล้วค่อยจัดสังสรรค์กันนอกรอบเมื่อพร้อมก็ไม่ว่ากันนะจ๊ะ

9. เลือกอาหารที่ราคาไม่สูงมาก

เปลี่ยนจากต้องเสิร์ฟอาหารแพงๆ มาเป็นอาหารที่รสชาตดี แต่ราคาปานกลางก็ได้นะจ๊ะ เพราะอาหารคือสิ่งที่ต้องเสิร์ฟแขกเป็นจำนวนมาก หากเลือกอาหารที่หรูหรา แต่แพงเกินไป ก็จะยิ่งเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายให้กับบ่าวสาวนั่นเอง

เป็นยังไง…ไม่ยากเลยใช่ไหมคะ กับการลดค่าใช้จ่ายในงานแต่งงาน ลองทำตามดู รับรองเงินเหลือแน่นอนค่ะ

สำหรับบ่าวสาวคู่ไหนที่อยากจะลอง DIY ของชำร่วย สามารถเข้าไปดูได้ตามนี้เลยนะจ๊ะ สบู่ก้อนสายรุ้ง ของชำร่วยงานแต่ง DIY ทำด้วยตัวเองก็ได้ง่ายนิดเดียว

ไอเดียจาก : marthastewartweddings.com / ภาพจาก : Pinterest.com

หรือเขาไม่รักเราจริง? ล้วงลึกใจชายเหตุผลที่เขายังไม่อยากแต่งงาน

เคยเป็นกันไหมคะสาวๆ ที่คบกับแฟนหนุ่มมานาน แต่รู้สึกไร้วี่แววการขอแต่งงานสร้างอนาคตจากเขา สาวบางนางคิดมากจัด จึงพยายามส่งสัญญาณสารพัดให้เขารู้สึกว่าฉันอยากออกเรือนใจจะขาด แต่สุดท้ายเขาก็ยังนิ่งเป็นเต่าเฝ้าตลิ่ง วันนี้เราขอทำหน้าที่ล้วงใจชายมาฝากกัน  ถึงเหตุผลที่เขา ไม่อยากแต่งงาน สาวๆ จงอ่าน จะได้รู้ว่าลึกๆ แล้วเขาคิดอะไร ทำไมไม่เอ่ยปากขอคุณแต่งงานสักที

ยังไม่อยากแต่งเพราะ ยังคงรักอิสระและกลัวการผูกมัด ต้องยอมรับนะคะว่า การเป็นแฟนกัน ยังไม่มีพันธะสัญญาใดๆ จะไปไหนทำอะไรย่อมมีอิสระสูงกว่าการที่คุณเป็นสามีภรรยา แม้บางคู่จะบอกว่าตอนเป็นแฟนกันคุณก็ได้อิสระอยู่แล้ว เมื่อแต่งงานแล้วคุณก็ยังคงได้อิสระเหมือนเดิมนั่นแหละ แต่การแต่งงานมาพร้อมความรับผิดชอบค่ะ ต่อให้สาวๆ บอกว่ายังคงให้อิสระกับเขา แต่ยอมรับเถอะว่าลึกๆ ในใจ คุณเองก็คาดหวังให้เขายอมลดอิสระของตัวเองเพื่อครอบครัวใช่ไหมล่ะ ซึ่งนี่แหละคือสิ่งที่หนุ่มๆ เขารู้ทันคุณ และแม้ว่าคุณจะไม่เอ่ยปากพูดแต่เขาเองก็มีสามัญสำนึกที่ต้องดูแลคุณอยู่ดี ทำให้ความรู้สึกที่ได้สัมผัสถึงความมีอิสระนั้นโดนตีกรอบทันที ฉะนั้นหนุ่มหลายคนก็เลยขอรักษาความอิสระนี้ไว้ให้นานที่สุดก่อน

ยังไม่อยากแต่งเพราะ ยังไม่พร้อม คำว่าไม่พร้อมมีหลายอย่างค่ะ เริ่มจากเรื่องแรกคือ เรื่องเงิน แต่งงานต้องใช้เงิน ตั้งแต่เงินจัดงานแต่ง เงินสร้างบ้าน เงินซื้อคอนโด เงินซื้อเฟอร์นิเจอร์ รวมไปถึงเงินที่จะใช้เป็นพื้นฐานครอบครัวหลังแต่งงาน แต่เรื่องเงินก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับทุกคนค่ะ เพราะบางคนรวยล้นฟ้าแต่ใจไม่พร้อมที่จะดูแลใคร เพราะลำพังตัวเองก็ดูแลได้ยากลำบากซะเหลือเกิน ถ้าจะเอาอีกคนมาผูกติดคงจะไปไม่รอด (อันนี้แม้จะออกแนวรักตัวเอง แต่ก็ถือว่าไม่ลากคุณไปลำบากด้วยนะเอ่อ) กรณีหลังเนี่ยถือว่า “ไม่พร้อมจะรับผิดชอบ” มากกว่า

นอกจากนี้ยังมีเรื่องความไม่พร้อมส่วนตัว เช่นยังจัดการเรื่องที่บ้านไม่สำเร็จหรือไม่ลงตัว เช่นต้องดูแลบุพการีที่แก่ชรา ธุรกิจที่บ้านยังสะดุดหรือแม้แต่หนี้ส่วนตัวยังบานเบอะ ก็เป็นเหตุผลของความไม่พร้อมทั้งมวลค่ะ

ยังไม่อยากแต่งเพราะ ยังไม่แน่ใจ ดีหน่อยคือโอนเอนไปทางไม่มั่นใจว่าจะดูแลคุณได้ดีหรือเปล่าจึงลังเลยังไม่อยากขอคุณแต่งงาน ขณะที่หนุ่มบางคนไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเองที่มีกับคุณ ซึ่งเหตุผลนี้อาจจะดูโหดร้ายไปซะหน่อย แต่คุณต้องรับให้ได้นะคะ เพราะนี่คือเรื่องจริง เคยได้ยินไหมว่า ตอนเป็นแฟนก็รักนะไม่ใช่ไม่รัก แต่เหมือนมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาลังเลว่าแต่งกับคุณแล้วจะดีจริงไหม เกิดแต่งไปแล้วไม่ใช่ล่ะ หรือบางคนก็อาจเป็นประเภทว่าถ้าแต่งไปแล้วเจอคนอื่นที่ใช่กว่าจะเสียดายทีหลังไหม

ยังไม่อยากแต่งเพราะ ยังไม่บรรลุเป้าหมาย ผู้ชายบางคนตั้งธงไว้เลยว่า จะแต่งงานก็ต่อเมื่อหน้าที่การงานไต่ระดับได้ถึงตำแหน่งสูงเท่านั้นเท่านี้ เพราะนั่นแปลว่าเงินเดือนจะเพิ่มมากขึ้น ความมั่นคงในชีวิตการทำงานเสถียรขึ้น แต่ถ้ายังอยู่ในตำแหน่งหน้าที่การงานเดิมๆ ความไม่พร้อมและไม่แน่ใจจะปะทุขึ้นมาทันที จึงยังไม่ขอคุณแต่งงาน ทีนี้ก็อยู่ที่ว่าคุณจะรอเขาไต่ไปถึงเป้าหมายได้รึเปล่าล่ะ

ยังไม่อยากแต่งเพราะ ไม่คิดจะแต่งงาน มี 2 ความหมายนะคะ คือไม่คิดจะแต่งเพราะไม่อยากมีพันธะหรือไม่คิดจะ (จัดงาน) แต่ง อันนี้ต้องเคลียร์ให้ชัดก่อน ถ้าไม่อยากแต่งเพราะไม่อยากจัดงานแต่ง แปลว่าการใช้ชีวิตคู่ยังรออยู่ตรงหน้า แต่ยอมรับได้ไหมว่าเขาไม่ผิดที่ไม่อินกับงานแต่งงานเหมือนสาวๆ หากเขาเจอผู้หญิงที่คิดแบบเดียวกันก็จบง่าย แต่ถ้าเจอแบบที่อยากจัดใจจะขาดก็คงต้องคุยกันยาว

แต่ถ้าคุณเจอหนุ่มที่ยังไม่อยากแต่งงานเพราะไม่อยากมีพันธะ ขอแนะนำให้สาวๆ สำรวจความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อชายหนุ่มที่มีความคิดแบบนี้ เทียบกับความความรู้สึกและความต้องการของตัวเองว่า จะโอเคไหมที่คุณจะต้องอยู่เป็นแฟนกับเขาไปเรื่อยๆ จะเลิกวันไหนก็วันนั้น อยู่กันได้ก็อยู่ต่อกันไป จากนั้นตัดสินใจค่ะว่าจะอยู่กับเขาหรือจะเปลี่ยนความสัมพันธ์เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันแทน

ทั้งหมดนี้คือเหตุผลกว้างๆ จากชายหนุ่มที่ยังไม่อยากแต่งงานที่เรารวบรวมและสรุปมาเป็นข้อมูลเพิ่มความเข้าใจในความคิดของชายหนุ่มทั้งหลาย แต่ขอย้ำนะคะว่าไม่ใช่ทุกคนที่คิดแบบนี้ และไม่ใช่ทุกเหตุผลที่ว่านี้จะรวมอยู่ในชายหนุ่มเพียงคนเดียว วันนี้เขาอาจจะไม่อยากแต่งงานด้วยเหตุผลใดก็ตาม แต่วันข้างหน้าเมื่อเวลาเดินไป ความคิดของเขาอาจจะเปลี่ยน เมื่อเขาพร้อมและคุณพร้อม งานแต่งงานที่เกิดขึ้นจากความรักและความพร้อมอย่างที่คุณรับได้จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ

>> อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับความรักและความสัมพันธ์ได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย <<

ภาพ : www.huffingtonpost.com

เสริมดวงความรัก ฤกษ์แต่งดี – พิธีการเด่น – ชีวิตรักรุ่ง โดยหมอช้าง – ทศพร ศรีตุลา

ใครสนใจเรื่องรักๆ ขอให้มาทางนี้ เพราะเราได้ขอเชิญ หมอช้าง – ทศพร ศรีตุลา หมอดูชื่อดังมาบอกเคล็ดลับ เสริมดวงความรัก อย่างครบครัน ทั้งฤกษ์แต่งงานและพิธีแต่งงาน…รับรองว่าเฮงทั้งปีแน่นอน!

เรื่องฤกษ์ไม่ได้หมายถึงวันอย่างเดียว แต่หมายถึงช่วงเวลาด้วย คนโบราณเวลาทำอะไรมักเริ่มต้นด้วยการให้กำลังใจ โดยเฉพาะงานมงคลอย่างงานแต่งงานที่สมัยก่อนยังไม่มีออร์แกไนเซอร์มาช่วยอำนวยความสะดวก กว่าจะจัดงานได้ก็ลำบาก แล้วยังอาจติดปัญหาดินฟ้าอากาศ ญาติพี่น้องเดินทางไม่สะดวก จึงมีความเชื่อว่าการจัดงานมงคลในฤกษ์ที่ดีจะช่วยให้ทุกอย่างราบรื่นขึ้น ส่วนที่ว่าฤกษ์ดีจะทำให้คู่แต่งงานอยู่กินกันราบรื่นนั้นเป็นวัตถุประสงค์รอง

ถ้าจะให้ดี ควรพิจารณาปัจจัยอื่นด้วย เช่น พ่อแม่สะดวกไหม เป็นฤกษ์ดีสำหรับคู่สมรสไหม ฯลฯ ความจริงแล้วฤกษ์ดีมีทุกเดือน แต่ในปัจจุบันนี้ไม่ควรดูฤกษ์ดีเพียงอย่างเดียวแต่ควรดูภาวะเศรษฐกิจด้วย เพราะถ้าไปจัดงานแต่งงานในช่วงปลายเดือนอาจจะได้ซองน้อย ต้องคิดว่าเมื่อจัดงานในฤกษ์ดีแล้วก็ไม่ควรให้งานขาดทุน ดังนั้นอาจเลือกช่วงเงินเดือนออก เลี่ยงช่วงวันหยุดยาว และต้องดูด้วยว่าฤกษ์ที่ได้มานั้นไปตรงกับงานใหญ่อื่น ๆ หรือไม่ เพราะบางคนไปจัดงานในฮอลล์ซะอลังการ แต่ปรากฏว่าไปชนกับงานแฟร์ใหญ่ๆ แขกก็ไม่ค่อยอยากไป เพราะรถติดมาก

สำหรับคู่บ่าวสาวที่หาฤกษ์ดีไม่ได้จริงๆ อาจจะเริ่มงานด้วยความเป็นมงคล คือ ทำบุญตักบาตรร่วมกัน จะช่วยให้วันนั้นกลายเป็นวันที่ดีของทั้งคู่ได้

รู้ไว้ก่อนหาฤกษ์

  • ควรเลือกสักศาสตร์ เช่น ศาสตร์ไทยหรือศาสตร์จีน เรียกว่าเชื่ออาจารย์ไหนก็ควรจะเลือกอาจารย์เดียว อย่าไปแย่งกันหาที่สำคัญ อย่านำอาจารย์หลายคนมาเทียบกัน เพราะจะทำให้หาฤกษ์ลำบาก
  • ระวังอย่าให้มีการ “เสียฤกษ์” คือขอฤกษ์จากหมอดูแล้วไม่ใช้ เพราะคนโบราณเชื่อว่าไม่เป็นมงคลแก่คู่สมรส ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหานี้ คู่บ่าว – สาวควรบอกอาจารย์ที่ไปขอฤกษ์ให้ชัดเจนว่าอยากจัดงานแต่งงานช่วงไหน เดือนไหน เพื่ออาจารย์ท่านนั้นๆ จะได้บอกฤกษ์ที่เหมาะสม โดยอาจจะขอมาสักประมาณ 2 – 3 วันเพื่อเป็นตัวเลือก
  • หากต้องการหาฤกษ์ตามศาสตร์จีน ควรเตรียมข้อมูลวันเดือนปีเกิดของพ่อแม่ฝ่ายเจ้าบ่าวและเจ้าสาวไปด้วย เพราะปกติตามศาสตร์จีนจะคำนวณหาฤกษ์มงคลทั้งของพ่อแม่
  • และคู่บ่าว – สาว เช่น พ่อแม่ต้องมาส่งตัวได้ เนื่องจากคนจีนมีความเชื่อว่า ถ้าคนในครอบครัวหรือญาติผู้ใหญ่เป็นปีชงกับคู่สมรสจะถูกห้ามไม่ให้มาร่วมงาน ดังนั้นถ้าเราเตรียมข้อมูลนี้ก่อนจะได้เตรียมฤกษ์ได้อย่างถูกต้อง
  • ฤกษ์ส่งตัวแบบไทย คือ การให้ผู้ใหญ่มาส่งตัวคู่บ่าว – สาวเข้าหอ ควรจะเลือกฤกษ์ที่สะดวกกับผู้ใหญ่ด้วย เช่น ไม่ควรดึกเกินไปจนดูเหมือนไม่เกรงใจท่าน ยกเว้นในกรณีที่เป็นญาติสนิทกันจริงๆ

เสริมฮวงจุ้ยให้งานแต่ง

  • ควรใช้ของชำร่วยที่เป็นมงคล คือ เป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นคู่ เช่น ตะเกียบคู่ หงส์คู่ ฯลฯ เพื่อสื่อถึงการเริ่มต้นชีวิตคู่
  • การ์ดแต่งงาน ไม่ควรดีไซน์ให้เจาะรูตรงกลางหรือมองทะลุออกไปได้ เพราะถือว่ามีความหมายที่ไม่ดี ยกเว้นว่าเป็นการเจาะรูตรงกลางแล้วมีแผ่นกระดาษประกบข้างหลัง จะสื่อถึงความมั่นคงและสามัคคี
  • โทนสีจัดงานที่ดีและเป็นมงคลคือ สีธาตุไฟ เช่น สีแดง สีชมพู สีส้ม ซึ่งนอกจากใช้ในการตกแต่งสถานที่แล้ว ยังสามารถใช้สีเหล่านี้กับการ์ดแต่งงานและเครื่องแต่งกายของแขกที่มาร่วมงานได้ด้วย
  • ผนังของเวทีจัดงานไม่ควรติดกับห้องน้ำ เพราะตามศาสตร์จีนเชื่อว่าเป็นการรับพลังที่ไม่ดี
  • การตกแต่งเวทีควรออกแบบให้มีฉากหรือม่านหลังเวที เพื่อช่วยเสริมความมั่นคงของชีวิตคู่
  • การตั้งเวทีควรจะตั้งให้ชิดด้านใดด้านหนึ่งของผนัง ไม่ควรวางเวทีไว้ตรงกลางแบบหมุนรอบด้านได้
  • ไม่ควรมีน้ำพุตรงกลางพื้นที่จัดงาน เพราะเป็นการทำลายธาตุดิน ซึ่งหมายถึงความสัมพันธ์ หากอยากมีน้ำพุจริง ๆ ควรเปลี่ยนไปวางไว้มุมใดมุมหนึ่งแทน
  • ถ้าต้องการตกแต่งสถานที่จัดงานด้วยภาพวาด ควรเลือกภาพที่เป็นสัตว์คู่กัน เช่น หงส์คู่ มังกรคู่ เป็ดคู่ ฯลฯ เพื่อความเป็นสิริมงคล
  • ที่นอนสำหรับพิธีส่งตัว ควรใช้ของใหม่ทั้งเซต เพื่อเสริมฮวงจุ้ยที่ดีสำหรับชีวิตคู่
  • จำนวนชั้นของเค้กแต่งงาน สามารถใช้จำนวนเท่าไรก็ได้ แล้วแต่สะดวก

>> อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับการเตรียมงานแต่งงาน และดูไอเดียงานแต่งเพิ่มเติม คลิกเลย <<

ขอขอบคุณ หมอช้าง – ทศพร ศรีตุลา (สัมภาษณ์ในนิตยสาร WE)

7 ไอเดียเวทีเค้กแต่งงานให้บ่าวสาวถ่ายภาพได้หลากอารมณ์

วินาทีที่บ่าว – สาว จรดมีดลงบน เค้กแต่งงาน นับเป็นวินาทีแห่งความทรงจำไม่รู้ลืม อีกทั้งจุดนี้ยังถือเป็นจุดรวมสายตาของแขกผู้มาร่วมงาน แพรวเวดดิ้งจึงรวบรวมไอเดียการตกแต่งเวทีเค้กหลากสไตล์ เผื่อคู่รักจะนำไปต่อยอดสร้างเวทีเค้กในฝัน

เค้กแต่งงาน

1. เวทีเค้กตกแต่งด้วยดอกไม้กระดาษ

เพิ่มลูกเล่นให้กับเวทีเค้กด้วยดอกไม้กระดาษในขนาดที่แตกต่างกัน ช่วยลดความจำเจให้กับผู้พบเห็นได้เป็นอย่างดี

เค้กแต่งงาน

2. เวทีเค้กม้าหมุน

ใส่ความแฟนตาซีให้กับเวทีเค้กด้วยการออกแบบเป็นม้าหมุนสุดหวาน รับรองเลยว่าแขกผู้มางานจะอินจัดจนคิดว่าตัวเองมาเป็นสักขีพยานรักให้กับเจ้าหญิงเจ้าชายเลยก็ว่าได้

เค้กแต่งงาน

3. เวทีเค้กสวนดอกไม้

เพิ่มความหวานให้กับงานโดยการเนรมิตเวทีเค้กให้อยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้นานาชนิด แถมเมื่อบ่าวสาวมายืนตัดเค้กจะให้ความรู้สึกสดชื่นขึ้นมาในบัดดล

06_aumice

4. เค้กสวยภายใต้กาเซโบคริสตัล

สร้างความหรูหราที่ผสมผสานความคลาสสิกให้กับเค้กแต่งงานได้ด้วยกาเซโบคริสตัล ประดับด้วยดอกไม้สีขาวอันสื่อถึงความรักที่แสนบริสุทธิ์

Minutes-11

5. เวทีเค้กจำลองฟองอากาศ

สร้างความฟรุ้งฟริ้งให้กับเวทีเค้กด้วยการจำลองฟองอากาศรอบๆ ตัวเค้ก เพิ่มบรรยากาศให้ดูราวกับอยู่ในโลกของเทพนิยายมากยิ่งขึ้น

17_116-WD01

6. เวทีเค้กกลิ่นอายดินแดนอาทิตย์อุทัย

บ่าวสาวที่ชื่นชอบดินแดนอาทิตย์อุทัย ลองประดับเวทีเค้กด้วยต้นซากุระ นอกจากบ่าวสาวจะอินแล้ว แขกที่มางานยังรู้สึกสดชื่นรื่นรมย์ตามไปด้วย

RW116_ปูนตั้ม-(13)

7. เวทีเค้กที่มาจากเรื่องราวของความรัก

เรื่องราวของความรักสามารถนำมาปรับใช้ในการตกแต่งเวทีเค้กได้ เช่น บ่าวสาวคู่นี้ที่เจอกันในช่วงน้ำท่วม จึงออกแบบเวทีเค้กเป็นรูปหยดน้ำพราวพราย พร้อมด้วยร่มนานาชนิดลอยอยู่เหนือเค้ก สร้างจุดสนใจให้กับเวทีเค้กได้มากทีเดียว

>> อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับการเตรียมงานแต่งงาน และดูไอเดียงานแต่งเพิ่มเติม คลิกเลย <<

ภาพเปิด : PONGSATHORN PHOTOGRAPHY ตกแต่งโดย Marisa The Planner and Organizer

Do’s & Don’ts พิชิตภารกิจขอสาวแต่งงานทั้งทีต้องมีทริคตามนี้กันหน่อย

เราคิดว่าคงมีคุณผู้ชายจำนวนไม่น้อยเลยที่อยากจะใช้โอกาสหวานๆ ในช่วงเวลาพิเศษ ขอสาวแต่งงาน สำหรับคุณผู้ชายคนไหนที่กำลังคิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรให้เธอประทับใจและตกลงปลงใจเซย์เยส ลองอ่าน “Do’s & Don’ts ขอสาวแต่งงานทั้งทีต้องมีทริค” ก่อนสิคะ แล้วจะรู้ว่าอะไรควรทำและไม่ควรทำในภารกิจขอแต่งงาน ถ้าปฏิบัติได้ตามนี้รับรองว่าไม่เกิดเหตุการณ์แป้กๆ ให้หน้าแตกแน่นอน

ขอสาวแต่งงานDo’s – รู้ใจเธอก่อน

อันดับแรกต้องรู้ก่อนว่าเธอคิดอย่างไรกับคุณและมีความเป็นไปได้แค่ไหนที่เธอจะตัดสินใจเซย์เยส อาจจะลองแย้บๆ ถามดูก่อนแบบทีเล่นทีจริงเพื่อสังเกตท่าที ถ้าวิเคราะห์แล้วว่ามีโอกาสที่เธอจะเซย์เยสสูงก็เดินหน้าแผนการต่อได้เลย

Do’s – หาแหวนที่ถูกใจเธอ

แหวนเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยในการขอแต่งงาน เพราะช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดก็คือตอนที่คุณบรรจงสวมแหวนวงงามให้เธอ จริงไหมล่ะคะ

ขอสาวแต่งงานDo’s – เลือกสถานที่แสนพิเศษ

สถานที่แสนพิเศษจะช่วยให้โมเม้นต์ขอแต่งงานของคุณเพอร์เฟ็กต์ ลองเลือกเป็นสถานที่แห่งความทรงจำของคุณทั้งคู่ดูสิคะ เช่น ที่ที่เจอกันครั้งแรก ร้านอาหารร้านโปรด หรือสถานที่ที่เธออยากไป

Do’s – บอกพ่อแม่ของเธอให้ทราบ

ก่อนจะไปขอสาวแต่งงานคุณควรจะบอกพ่อแม่ของเธอให้ทราบเสียก่อน เพราะนอกจากจะเป็นการขออนุญาตแล้ว ยังแสดงให้เห็นว่าคุณเคารพและให้เกียรติเธอและครอบครัวอีกด้วย

ขอสาวแต่งงานDo’s – คุกเข่าขอแต่งงาน

ใครจะหาว่าน้ำเน่าก็ช่าง เราขอบอกเลยว่าการคุกเข่าขอแต่งงานคือความคลาสสิกที่มีเสน่ห์สุดๆ และทำให้โมเม้นต์ขอแต่งงานของคุณสมบูรณ์แบบ

Don’ts – ลืมพูดความในใจ

อย่าตื่นเต้นจนลืมพูดความในใจที่อยากจะบอกกับเธอ แนะนำว่าควรจะซ้อมแล้วซ้อมอีก หรือถ้าไม่ชัวร์ก็เขียนใส่กระดาษแล้วอ่านต่อหน้าเธอเลยก็ยังได้

Don’ts – ขาดการวางแผน

อย่าดุ่มๆ เดินเข้าไปขอสาวแต่งงานโดยไม่มีแผนการหรือความพิเศษ เพราะผู้หญิงทั้งหลายล้วนใฝ่ฝันอยากจะมีโมเม้นต์นี้ในชีวิต ถ้าเธอเกิดไม่ประทับใจกับวิธีขอแต่งงานของคุณขึ้นมาก็อาจจะตัดสินใจเซย์โนใส่ก็ได้นะเออ

Don’ts – ซ่อนแหวนในอาหาร

ถือว่าขอเถอะสำหรับมุกซ่อนแหวนในอาหาร เพราะทั้งเก่าและมีความเสี่ยงสูงที่แหวนจะถูกกลืนลงคอของเธอไปซะก่อน เดี๋ยวจะต้องเปลี่ยนไปขอแต่งงานกันที่โรงพยาบาลแทนแล้วจะยุ่งนะคะ

Don’ts – รีบป่าวประกาศให้โลกรู้

อย่ารีบป่าวประกาศให้คนทั้งโลกรู้ เพราะผู้หญิงบางคนก็อยากจะเก็บเรื่องสำคัญนี้ไว้เป็นความลับก่อน แล้วค่อยบอกข่าวดีให้ทุกคนทราบภายหลัง

อ่านเพิ่มเติม >> หลังขอแต่งงาน บ่าวสาวต้องทำตาม 5 ข้อนี้ เพื่องานแต่งสวยดั่งฝั่น ไม่ยุ่งยาก << 

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : www.newlovetimes.com, www.enkivillage.com