ลดปัญหาครอบครัวกับ 5 วิธีสานสัมพันธ์ให้พ่อแม่ของเธอกับฉันเลิฟกันได้

แม้ว่าความรักจะเกิดขึ้นจากคนสองคน แต่เมื่อถึงเวลาจะตกล่องปล่องชิ้นกัน ความรักกลับไม่ใช่เรื่องของคนสองคนอีกต่อไป โดยเฉพาะคนสำคัญอย่าง “พ่อแม่” ทั้งฝ่ายคุณและฝ่ายคนรักจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นทันที ปัญหามันอยู่ที่ว่าถ้าเกิดพ่อแม่คุณและพ่อแม่เขากลับไม่ชอบหน้ากันและเข้ากันไม่ได้ แบบนี้ความหวังที่จะจัดงานแต่งอย่างราบรื่นคงจะเป็นเรื่องยาก เอาเป็นว่าคู่รักคู่ไหนที่ต้องเป็นคนกลางเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างสองครอบครัวอย่าเพิ่งวิตกกังวลค่ะ มาอ่าน 5 วิธีประสานใจด้านล่างนี้ที่เราแนะนำดีกว่าจะได้ลด ปัญหาครอบครัว เผื่อว่าอะไรๆ จะได้ง่ายขึ้น

1. เพราะอะไรถึงไม่ชอบกัน

สิ่งแรกที่อยากให้ทำคือ หาเหตุผลที่พ่อแม่ของทั้งคุณและเขาไม่ชอบกัน ซึ่งมันอาจมีร้อยแปดพันประการ ไม่ว่าจะเป็นเพราะฝั่งนั้นดูจนกว่า ฝั่งนั้นดูหรูแต่งตัวโอเว่อร์เกินไป ฯลฯ ลองตะล่อมถามพ่อแม่ของคุณดูว่า “ทำไมถึงไม่ชอบบ้านนั้นล่ะ มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า?” หาสาเหตุให้ได้ก่อนดีกว่าจะได้หาทางแก้ไขกันถูกจุด

2. หาทางออกร่วมกันคนรัก

หลังจากที่ทราบสาเหตุแล้วว่าพวกท่านไม่ชอบกันเพราะอะไรก็อย่าเพิ่งท้อแท้ใจนะคะ ลองนั่งคุยกันสองคนก่อนว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมันรุนแรงแค่ไหน แล้วจะแก้ไขกันอย่างไรดี ส่วนใหญ่แล้วก็คงหนีไม่พ้นการ “พูดคุยปรับทัศนคติ” ของพ่อกับแม่ ในเบื้องต้นขอแนะนำว่าพ่อใครแม่ใครก็ให้แยกไปคุยกันเองก่อน จากนั้นจึงค่อยหาแนวร่วมหรือคนที่เขาเข้าใจคุณ ซึ่งอาจเป็นคนในครอบครัวอย่าง พี่ ป้า น้า อา มาช่วยเกลี้ยกล่อมกันอีกที (ประมาณว่ามาเป็นทัพเสริมนั่นแหละ)

3. คุยอย่างไรให้ได้ผล

การจะปรับความคิดของพ่อกับแม่ไม่ใช่ว่าจะพูดอะไรยังไงก็ได้นะคะ แนะนำว่าให้พูดด้วยเสียงนุ่มๆ อ้อนๆ เล่าให้ท่านฟังถึงความดีของแฟนคุณในตอนต้น (ต้องมั่นใจด้วยนะว่าแฟนคุณดีจริง) จากนั้นค่อยเริ่มพูดไปถึงพ่อแม่และครอบครัวทางฝั่งของแฟนว่าเขารักและเอ็นดูคุณเป็นอย่างดี ดูแลคุณเหมือนลูกคนหนึ่ง (ย้ำอีกทีว่าต้องมั่นใจว่าเขาดูแลคุณดีจริงๆ ) อนุญาตให้คุณเพิ่มเติมเสริมแต่งเรื่องราวได้นิดหน่อย เพื่อค่อยๆ ลดทิฐิและปรับทัศนคติของท่านทั้งสอง

ระหว่างที่พูดขอให้คุณลองสังเกตท่าทีของพ่อแม่ด้วย ถ้าท่านเริ่มออกอาการฮึดฮัดไม่อยากฟัง คุณควรจะถอยออกมาก่อนแล้วค่อยหาจังหวะเข้าทำคะแนนใหม่ และอย่าเร่งเร้าเอาแต่พูดๆๆ ของอย่างนี้ต้องใจเย็นและอดทน ถือคติที่ว่า น้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกร่อน ท่องไว้ให้ขึ้นใจเลย!

4. ลองจัดมีตติ้งพ่อแม่ดูหน่อยไหม

หลังจากที่พูดคุยและปรับทัศนคติของพ่อกับแม่แล้ว ถ้าเห็นว่าท่านเริ่มมีท่าทีอ่อนลงและเริ่มคล้อยตาม ขั้นต่อไปก็คือ “พาทั้งสองครอบครัวมาเจอกัน” อาจจะนัดเป็นร้านอาหารที่บรรยากาศสบายๆ ซึ่งคุณทั้งคู่ก็จะต้องเป็นคนกลาง สร้างบรรยากาศให้มันดี ช่วยหาเรื่องพูดคุยสนุกๆ และทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายรู้สึกรีแลกซ์ ไม่อึดอัดจนเกินไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังคงต้องสังเกตปฏิกิริยาของพวกท่านอยู่ดีนะคะ ถ้าเห็นว่าสถานการณ์ราบรื่นก็พอจะเบาใจได้ แต่ถ้าไม่เป็นอย่างที่คิดไว้ต้องรีบกู้สถานการณ์ทันที

5. หาก 4 ข้อแรกไม่ได้ผล ก็บอกตรงๆ เลยแล้วกัน

สำหรับคู่ไหนที่ พูดก็แล้ว พามาเจอก็แล้ว แต่ยังไม่เห็นวี่แววว่าสถานการณ์จะดีขึ้น และคุณก็ยังคงรักกันหวานชื่น อยากแต่งงานกันจนเต็มแก่ จะให้รอต่อไปคงไม่ไหว ถ้าคุณทั้งคู่มั่นใจว่ารักกันจริง คนนี้แหละที่จะฝากชีวิตไว้ แนะนำว่าให้บอกกับพ่อแม่ไปตามตรงเลยค่ะว่าอยากแต่งงานแล้วจริงๆ ขอให้พ่อกับแม่เห็นใจในความรักครั้งนี้ด้วย 90% พ่อแม่ส่วนใหญ่พอเจอประโยคนี้เข้าไปก็ยอมตามใจและไปสู่ขอให้

สำหรับใครที่เจอเคสโหดหิน ยอมให้แต่งแต่ไม่ยอมไปเจรจาให้ แนะนำว่าลองหาผู้หลักผู้ใหญ่ที่คุณคิดว่าเป็นที่เคารพของทั้งสองครอบครัวไปทาบทามสู่ขอฝ่ายหญิงก็ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องบอกกล่าวพ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายให้ท่านรับรู้ไว้ก่อนด้วย

หนุ่มสาวคู่ไหนที่ไม่อยากให้ความรักของคุณต้องลงเอยด้วยโศกนาฏกรรมเหมือนในบทประพันธ์ชื่อดังอย่าง “โรมิโอกับจูเลียต” หรือนวนิยายไทยเรื่อง “ขมิ้นกับปูน” ก็ลองเอา 5 วิธีข้างต้นไปใช้กันนะคะ รับรองว่าตอนจบของคุณทั้งสองต้จะต้องสุขสมหวังอย่างที่ตั้งใจไว้แน่นอน

>> อ่านเรื่องราวความรักและความสัมพันธ์เพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย <<

ภาพ : www.huffingtonpost.com

Recommended