3 สเต็ปพิชิตงานแต่งงานในฝันก่อนไปหาเวดดิ้งแพลนเนอร์

ไม่ว่าบ่าวสาวคู่ไหนก็คงอยากได้ งานแต่งงาน ที่ออกมาเป็นตัวเองทั้งนั้น แต่กว่าจะได้ผลลัพธ์เป็น ธีมงานแต่ง ที่ตรงใจนี่สิ ทำเอาบ่าวสาวลมแทบจับสมองแทบระเบิด แพรว wedding เลยจะมาเรียกสติด้วย 3 สเต็ปต่อไปนี้ ที่จะช่วยให้บ่าวสาวเจอทางสว่างจนได้ภาพงานแต่งงานในฝันที่จะนำไปให้เวดดิ้งแพลนเนอร์เนรมิตให้เป็นจริง หรือหากคุณเป็นบ่าวสาวขาลุยด้านการจัดการจะจัดเองก็ได้นะคะ

แรงบันดาลใจคือจุดเริ่มต้น

อยากเพิ่งงงหรือตกใจว่าแล้วไอ้แรงบันดาลใจจะไปหาได้จากที่ไหนล่ะเนี่ย เพราะโลกออนไลน์ อย่าง Google หรือ Pinterest ช่วยคุณได้ เพราะในนั้นจะเป็นอีกโลกหนึ่งที่เต็มไปด้วยไอเดียและแรงบันดาลใจที่ว่าที่บ่าวสาวกำลังตามหาแน่นอน

อย่างใน Pinterest นั้นมีทั้งพาเลตต์หลายสีสัน ชุดแต่งงานหลากสไตล์ รวมไปถึงแบบหน้าผม และรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ ในงานแต่งงาน ไม่ว่าจะเป็น รูปแบบฟ้อนต์แปลกใหม่ที่บ่าวสาวอยากจะนำมาใช้ในการ์ดแต่งงาน หรือสูทแบบแฟชั่นรันเวย์ของคุณเจ้าบ่าวสุดเท่ก็ยังได้ หรือจะเลือกดูเป็นภาพแฟชั่นเพื่อนำมาครีเอทการถ่ายภาพพรีเวดดิ้งให้เก๋ล้ำก็เป็นไอเดียที่ไม่เลว หรือจะเข้ามาดูใน praewwedding.com ก็มีทุกอย่างที่แทบจะครบจบในที่เดียว

จากนั้นเมื่อบ่าวสาวได้ภาพพอประมาณก็อาจจะต้องมาคัดและตัดสินใจร่วมกันอีกทีว่า รายละเอียดแบบไหน หรือสิ่งของอะไรที่ดูเป็นตัวตนของบ่าวสาวและถูกใจคุณทั้งคู่มากที่สุด โดยต้องคำนึงว่าสิ่งที่เลือกนั้นจะสามารถนำเสนอตัวตนของบ่าวสาวออกมาได้มากและดีที่สุดด้วย เพราะนี่เป็นงานของคุณสองคนแถมยังเป็นวันสำคัญที่จะมีภาพถ่ายบันทึกเอาไว้อีก

กำหนดธีมงานและรายละเอียด

เมื่อได้ภาพต่างๆ ที่เป็นแรงบันดาลใจจากขั้นตอนแรกแล้ว สิ่งต่อไปที่บ่าวสาวจะต้องหาให้ได้คือ ธีมงานแต่ง (คร่าวๆ ก็ยังดี) ซึ่งบ่าวสาวอาจจะต้องระดมความคิดในการแยกหมวดหมู่และจัดประเภทของภาพเรฟเฟอร์เรนซ์ที่หามา เพื่อที่คุณจะได้เริ่มมองเห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น อย่างเช่น อาจจะแยกตามสถานที่ หรือตามสไตล์การจัดงาน เช่น โต๊ะจีน, ปาร์ตี้ค็อกเทล หรือซิตดาวน์ดินเนอร์ ซึ่งการแยกแบบนี้จะช่วยจำกัดขอบเขตความคิดของบ่าวสาวให้แคบลง และจะทำให้บ่าวสาวเริ่มเห็นภาพงานแต่งงานของตัวเองชัดขึ้น เช่น บ่าวสาวอาจจะเลือกจัดงานแต่งในปาร์ตี้ค็อกเทล เพราะสามารถเดินไปทักทายพูดคุยกับแขกได้อย่างทั่วถึง หรือเมื่อแยกตามสถานที่แล้วบ่าวสาวอาจจะพบว่าภาพงานแต่งงานที่อยากได้ไม่ใช่วิวในโรงแรม แต่เป็นงานแต่งงานท่ามกลางบรรยากาศของสวนสวยที่เขียวขจีมากกว่า เป็นต้น

แยกรายละเอียดปลีกย่อย

เมื่อบ่าวสาวเลือกภาพธีมงานได้คร่าวๆ แล้ว คราวนี้ก็จะต้องขุดให้ลึกลงไปอีก โดยการมองหารายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ อย่างเช่น สี หรือวัสดุตกแต่งต่างๆ เช่น งานไม้, งานดอกไม้, กลิตเตอร์ หรืองานผ้า จากนั้นจึงรวมทุกอย่างเข้าด้วยกันเพื่อที่จะได้ออกแบบงานที่เป็นวันสำคัญของคุณ เช่น หากบ่าวสาวรู้สึกหลงใหลในความระยิบระยับของกลิตเตอร์เป็นพิเศษ เพราะเหมาะกับบุคลิกที่สนุกสนาน แถมยังช่วยให้งานแต่งออกมาดูหรูหราก็อาจจะเลือกเป็นธีมนี้ไปเลยก็ได้

งานแต่งงาน

และสุดท้ายถ้าหากบ่าวสาวไม่แน่ใจว่าที่ทำมาทั้งหมดนั้นถูกต้องหรือเข้ากันไหม หากออกมาเป็นงานแต่งงานจริงๆ แล้วจะโอหรือเปล่า หากบ่าวสาวตั้งใจจะเลือกใช้บริการเวดดิ้งแพลนเนอร์อยู่แล้วล่ะก็ เราขอแนะนำให้บ่าวสาวนำไอเดียที่หามาได้ทั้งหมดไปปรึกษากับเวดดิ้งแพลนเนอร์ เพื่อให้มืออาชีพช่วยคิด ช่วยปรับ หรืออาจจะต่อยอดจากไอเดียของบ่าวสาว เท่านี้บ่าวสาวก็ได้งานแต่งในฝันที่ออกมาดีแถมยังตรงใจตรงสไตล์ของคุณอีกด้วย

ถ้าทำครบทั้ง 3 สเต็ปแล้วก็ไปต่อกันที่ 8 ขั้นตอนต้องรู้! ก่อนจ้างเวดดิ้งแพลนเนอร์

CR. pexels.com, theknot.com, diwas.in

7 เรื่องผมๆ ที่เจ้าสาวต้องรู้ก่อนเลือกทรงผมเจ้าสาววันแต่งงาน

ช่วงเวลาของการเตรียมงานที่แสนวุ่นวายทำให้อะไรๆ ก็ดูผ่านไปไวจนเกินตั้งรับ ว่าที่เจ้าสาวจึงต้องไม่ลืมแพลนเรื่องความสวยสิ่งสำคัญที่จะช่วยสร้างความมั่นใจให้วันสำคัญยิ่งน่าประทับใจ ทรงผมเจ้าสาว ที่ง่ายต่อการเสริมให้ผู้หญิงเราดูสง่าสวยแพงคือ “ทรงเกล้า” ซึ่งมีให้เลือกสารพัดรูปแบบ แต่จะทำแล้วสวยเป๊ะเหมาะกับรูปหน้าและชุดของเจ้าสาว แถมอยู่ยาวได้ตลอดวันหรือไม่ ต้องมีการแพลนไว้อย่างดีไม่มีพึ่งดวง เมื่อเลือกแฮร์สไตลิสต์มือดีมาเจอกับทรงผมที่ใช่ เจ้าสาวจะมีความสุขที่สุดถ่ายรูปแล้วสวยเป๊ะทุกองศา ถ้าจะมี “Great Hair Day” สักวันในชีวิตก็ขอให้เป็นวันนี้แหละ จริงไหม!

และนี่คือ 7 เรื่องผมๆ ที่เจ้าสาวต้องรู้ก่อนเลือก ทรงผมเจ้าสาว วันแต่งงาน

1.) เตรียมผมให้พร้อม เมื่อรู้ชุด รู้ทรงที่ต้องการทำแล้ว ก็ต้องเตรียมผมให้พร้อม ทรงผมแบบฝรั่งที่มีความฟุ้งหรือยุ่งๆ แนะนำให้เจ้าสาวทำสีผม ให้อ่อนลงเล็กน้อยจากดำเป็นน้ำตาลเข้ม หรือหากอยากให้ดูมีมิติชัดขึ้นอีกก็ทำไฮไลต์ล่วงหน้าประมาณ 1 สัปดาห์ หากนานเกินไปจะทำให้เห็นโคนผมดำ ดูไม่เนี้ยบ ผมที่สีอ่อนลงจะทำให้เห็นมิติในการเกล้าที่สวยงามและดูไม่สูงวัย

2.) เคลียร์ความเชื่อผิดๆ ความเชื่อที่ว่าห้ามสระผมเพราะจะทำให้เกล้าไม่ได้ ถือเป็นความเชื่อที่มโนสุดๆ เพราะผมที่มันไม่ผ่านการสระก็จะ จับตัวเป็นก้อน เกล้าได้ไม่สวยเช่นกัน ฉะนั้นเจ้าสาวควรเตรียมผมโดยการสระแต่ไม่ลงครีมนวดแล้วเป่าให้แห้งเพื่อช่างจะได้จับผมอยู่มือ

3.) เกล้าทรงไหนไม่แก่ เกล้าผมไม่ต้องกลัวแก่ แต่ต้องเข้าใจว่าเส้นบางๆ ระหว่างความสูงวัยกับโมเดิร์นอยู่ที่จังหวะของการเกล้า ความสูงต่ำ และเท็กซ์เจอร์ อย่าให้ช่างยีผมจนใหญ่เกินรูปหน้าเจ้าสาวหรือตั้งเต๋า (หัวทุย) จนสูงเกินไป ความพองของทรงผมจะเสี่ยงต่อการกลายเป็นหม่อมแม่

4.) เปิดใจสำหรับการปรับเปลี่ยน แนะนำให้เจ้าสาวเลือกทรงผมที่ชอบไว้แชร์ไอเดียกับช่าง 2 – 3 แบบ แต่ต้องเปิดใจหากทรงที่ชอบไม่ใช่ทรงที่ใช่ ช่างผมฝีมือดีจะสามารถปรับทรงผมให้เข้ากับเจ้าสาวโดยอาจใกล้เคียง แต่ไม่ได้ทำตามแบบเป๊ะๆ การเลือกโดยใช้รูปดาราเป็นแบบถือว่าไม่ผิด แต่ควรเลือกจากแบบที่มีรูปหน้าคล้ายกับเจ้าสาวจะปรับให้สวยเป๊ะเข้ากันง่ายกว่า

5.) เจ้าสาวผมสั้น/ยาวมากต้องเตรียมให้พร้อม เจ้าสาวผมสั้นมักกังวลว่าจะเกล้าผมไม่ได้ แท้จริงเป็นเรื่องง่ายๆ แค่ต้องเตรียมตัวแจ้งช่างให้ชัดว่าเจ้าสาวผมสั้นและมีสีผมเป็นอย่างไร เพื่อให้ช่างเตรียมแฮร์พีซที่เหมาะกับทรงผมมาให้ เท่านี้เจ้าสาวผมสั้นก็เกล้าได้ทุกทรง

ส่วนเจ้าสาวผมยาวมักมีความเชื่อว่าต้องเลี้ยงผมให้ยาวที่สุดเพื่อจะเกล้าได้สวย ที่จริงแล้วการเกล้าผมควรมีความยาวที่เหมาะสมคือประมาณช่วงกลางหลัง เพื่อไม่ให้ก้อนผมดูใหญ่เกินไป อาจสไลซ์ส่วนหน้าเล็กน้อยเพื่อให้ช่างทำผมส่วนหน้าได้สวยเหมาะสม

6.) ข้อควรรู้ของเจ้าสาวชุดไทย ผมที่เหมาะกับชุดไทยไม่ควรให้ฟุ้งหรือมีปอยผมที่หลุดมากเกินไป เพราะจะดูรุงรังไม่สง่างาม หากเจ้าสาว อยากปล่อยผมตรง แนะนำให้ทำตอนถ่ายพรีเวดดิ้งจะปลอดภัยกว่า เพราะผมยาวตรงในพิธีนั้นดูแลยาก ผมอาจเด้งปรกหน้าเสียทรงจากการก้มไหว้

ข้อควรระวังที่คาดไม่ถึงคือ “น้ำมนต์พระ” เพราะเมื่อโดนน้ำแล้วผมจะแฟบหมดสวย หลุดง่าย หากเลี่ยงไม่ได้จริงๆ แนะนำเจ้าสาวให้ก้มเยอะๆ เพื่อให้น้ำมนต์ไปโดนช่วงท้ายทอยแทน

7.) ให้ข้อมูลช่างแบบละเอียดยิบ ย้ำ!! ละเอียดยิบ จองคิวช่างผม คนโปรดแต่เนิ่นๆ คอนเฟิร์มกันเป็นระยะจะดีมากหากเจ้าสาวได้มีเวลาลองฟิตติ้งชุดและทำผมกับช่างที่เลือกอย่างละเอียด แต่หากเป็นไปไม่ได้จริงๆ ในช่วงสองสัปดาห์ก่อนวันงานควรคุยกับช่างแบบลงดีเทลที่สุด ถ่ายรูปในมุมต่างๆ พร้อมส่งเรเฟอเรนซ์ทรงผมที่ต้องการทำให้ช่าง แจ้งความยาว ผม สีผม ชุดที่จะใส่เพื่อให้ช่างเตรียมเครื่องประดับผมได้เหมาะสม คอนเฟิร์มวัน เวลา สถานที่ให้ชัดเจน เพื่อลดความเสี่ยงในทุกกรณี

เลือกทรงผมเจ้าสาวได้แล้ว ก็ต้องเลือก >>> เครื่องประดับศีรษะเก๋ๆ สำหรับหลากไอเดียทรงผมเจ้าสาวชุดราตรี <<< คลิกเลย <<<

ออกแบบทรงผมและเอื้อเฟื้อข้อมูล : จีรวัฒน์ คงศรีทอง (ไอจี @gee_jiwat)
แต่งหน้า : NYX
เสื้อผ้า : likitta brand โทร. 09-9050-5642
Jamsom.design โทร. 08-6163-2429
Martin ไอจี : @oatmartin
Voravaj ไอจี : @voravaj_official136

เรื่อง Padcha_Praewnista

ลิสต์ทีมงานใครเป็นใครในงานแต่งจีน…รู้ตอนนี้เตรียมครบงานไม่สะดุด

ใน งานแต่งจีน ขนาดแท้ ชนิดที่ว่ามีการจัดงานเต็มขั้นตอน 5 วัน 6 พิธี  นอกจากลิสต์ข้าวของที่เจ้าบ่าวต้องเตรียม เจ้าสาวต้องมี ก็ยังต้องเตรียมคนอีกนะคร้า จำนวนไม่น้อยเลยด้วย แถมแต่ละคนมีหน้าที่เป็นของตัวเอง เราจึงสรุปมาให้ว่าที่เจ้าบ่าว เจ้าสาวได้รู้จะได้เตรียมการจัดทีมงานมาไว้ล่วงหน้า ว่าแต่ต้องเตรียมใครมาบ้าง และแต่ละคนมีหน้าที่ทำอะไร ไปเช็คกันเลยค่ะ

ก๊วนนี้ทีมเจ้าบ่าว

ซินแส คือคนแรกเลยที่บ่าวสาวต้องวิ่งไปหา เพื่อดูฤกษ์งามยามดีให้แก่บ่าวสาว ไม่ใช่แค่ฤกษ์ลงจากคานนะ แต่ซินแสยังต้องดูตั้งแต่ฤกษ์ตัดชุดแต่งงาน วันสระผม ไปยันวันเจ้าสาวกลับบ้าน

แม่สื่อ งานแต่งที่บ่าวสาวพบรักกันด้วยแม่สื่อแม่ชัก ในวันสู่ขอแม่สื่อก็ต้องร่วมขบวนไปกับคุณเจ้าบ่าวเพื่อไปเจรจาสู่ขอเจ้าสาว พร้อมตกลงค่าใช้จ่ายต่างๆด้วย ยังไงละคะ

เล่าตั๊ว หรือเถ้าแก่ที่เราคุ้นเคยกัน ส่วนมากจะเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่ครอบครัวฝ่ายเจ้าบ่าวให้ความเคารพ  ในวันสู่ขอเล่าตั๊วจะเป็นผู้พูดเพื่อเจรจาสู่ขอ แต่ถ้าคุณเป็นเล่าตั๊วมือใหม่ที่ไม่รู้จะพูดยังไงในวันงาน เรามีสคริปต์งานแต่งจีน ครบทุกถ้อยมงคล  มาให้

หน้าที่ของเล่าตั๊วยังไม่จบแค่ในวันสู่ขอเท่านั้นนะคะ  ในวันส่งตัวเจ้าสาว เล่าตั๊วยังคงต้องเคียงข้างเจ้าบ่าว คอยถือซองอั่งเปาให้แก่ญาติเจ้าสาวที่มากั้นประตูเงินประตูทองด้วยนะ

ทีมสินสอด  ทีมนี้จะว่าไปก็แล้วแต่เลยว่าทางคุณเจ้าบ่าวจะจัดสินสอดไว้กี่ถาด ก็จัดเตรียมคนไว้จำนวนเท่านั้นเลย เพราะว่า 1 คน ต้องถือ 1 ถาด จัดเป็นขบวนในวันพิธีแต่งงานนั่นเอง

งานแต่งจีน

แก๊งค์นี้ทีมเจ้าสาว

เล่าตั๊วฝ่ายหญิง ไม่ใช่แค่ฝ่ายชายเท่านั้นที่ต้องมีเล่าตั๊ว ฝ่ายหญิงเองก็ต้องมีเหมือนกัน  ซึ่งก็เป็นคนที่ครอบครัวฝ่ายหญิงให้ความเคารพ โดยในวันสู่ขอเล่าตั๊วจะเป็นผู้รับหน้าเล่าตั๊วฝ่ายชาย  ทั้งยังเป็นผู้พูดฝากฝังเจ้าสาวแก่เจ้าบ่าวด้วยคำพูดดีๆ ที่ล้วนฟังแล้วชื่นใจ

เจ้าสัวฐานะดี  ในวันพิธีส่งตัว เจ้าสาวจะต้องจัดเตรียมเจ้าสัวฐานะดี 4 คน มาส่งตัวเจ้าสาวขึ้นรถ เพื่อความมงคลในชีวิตคู่ของครอบครัวใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยทั้งสี่คนมีหน้าที่ของตัวเองคือ คนที่หนึ่งจูงมือเจ้าสาวขึ้นรถ คนที่สองเปิดประตูรถให้ คนที่สามกล่าวคำอวยพร และคนที่สี่จะใช้กิ่งทับทิมพรมน้ำมนต์ลงบนรถแต่งงาน

ญาติเจ้าสาวเพศชาย 1 คน (ขอที่อายุน้อยกว่าเจ้าสาว)  มีหน้าที่ถือตะเกียง นั่งด้านหน้ารถคันที่เจ้าสาวนั่งไปยังบ้านฝ่ายชายในวันพิธีส่งตัว เพื่อเป็นนิมิตหมายให้บ่าวสาวได้มีลูกหลานผู้ชายเพื่อสืบทอดวงตระกูลต่อ

ทีมญาติเจ้าสาว เป็นทีมญาติที่มีอายุน้อยกว่าเจ้าสาว ถือทรัพย์สินต่างๆที่เจ้าสาวนำติดตัวไปบ้านเจ้าบ่าว โดยจะนั่งในรถคันที่ตามหลังรถเจ้าสาว หลักๆที่มักจะมีก็คือ ตู้เซฟ หมอน กระเป๋าเสื้อผ้า หรืออาจมีมากกว่านี้ก็ได้

ญาติผู้ชายที่อายุน้อยกว่า  ส่วนมากมักจะเป็นน้องชาย หรือหลานชาย ที่จะเดินทางไปรับคู่บ่าวสาวกลับบ้านฝ่ายหญิง ในวันพาเจ้าสาวกลับไปเยี่ยมญาติ

เป็นไงคะ ดีเทลงานแต่งแบบละเอียดยิบ ใช้คนเยอะอยู่เหมือนกัน แต่เราจัดมาให้แบบนี้แล้ว ง่ายขึ้นเยอะเลยเนอะ ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับพิธีการต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ : งานแต่งคุณกุ๊บกิ๊บ – สุมณทิพย์ และคุณบี้ -ธรรศภาคย์ ถ่ายโดย Vin Buddy’s Wedding โทร. 08-1199-1119

สินสอดเรื่องใหญ่ที่ต้องเคลียร์ให้ชัดเจน เตรียมยังไงให้สมฐานะ

ตามธรรมเนียมของไทยหากว่าใครจะแต่งงาน  สินสอด  ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ และเป็นปัญหาสำหรับบ่าวสาวสมัยนี้พอสมควร บางคนบอกน้อยไปก็ต้องไปหามาเพิ่มให้มันเยอะขึ้น แถมบางคนยังเผชิญเหตุฉุกเฉินโดนแม่เจ้าสาวบอกเพิ่มสินสอดขึ้นมาซะงั้น แล้วทีนี้ฝ่ายชายควรจะทำอย่างไร เรามีคำตอบมาแนะนำค่ะ

เรื่องของสินสอดเนี่ยมันมีอยู่ 2 ประเด็นค่ะ ประเด็นที่หนึ่งคือเวลาไปเจรจาสู่ขอ มักจะตกลงกันแบบไม่เคลียร์ ไม่ชัดเจน ส่วนเรื่องที่สองคือ ประโยคเกรงใจที่ชอบพูดกันว่า “จัดมาตามความเหมาะสม” ไอ้ที่เหมาะสมเนี่ยจะถูกใจหรือเปล่าก็ไม่รู้เนอะ แล้วทีนี้จะทำยังไงดีล่ะ?

1. ขอเตือนว่า “ตกลงกันให้ชัดเจน” ซะนะ!

เรื่องเงินทองของมีค่าแบบนี้อย่าอายที่จะพูดค่ะ ถ้าพ่อแม่เจ้าสาวมีตัวเลขในใจไว้อยู่แล้วก็ขอให้บอกฝ่ายเจ้าบ่าวออกไปตรงๆ เลย แต่ก็ต้องเผื่อใจสำหรับการต่อรองไว้ด้วยก็ดีนะคะ

ส่วนฝ่ายเจ้าบ่าวจะให้ได้ตามที่เขาเรียกหรือไม่ หรือให้ได้เท่าไหร่ ขอให้ตกลงกันให้ชัดเจน ส่วนไหนพร้อมแล้ว ส่วนไหนยังติดขัดก็อธิบายเหตุผลประกอบว่าเป็นเพราะอะไร ไม่ใช่ว่าไปรับปากส่งๆ เพราะกลัวว่าท่านจะไม่ยกลูกสาวให้ แล้วก็ต้องมานั่งปวดหัววิ่งหาเงินจนเป็นหนี้ทีหลัง เพราะฉะนั้นการพูดคุยแบบเปิดอกกันให้ชัดเจนจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับขั้นตอนนี้

2. จัดมาตามความเหมาะสม ประโยคยอดฮิตจากฝ่ายเจ้าสาว

ประโยคนี้มักได้ยินอยู่เสมอจากพ่อแม่เจ้าสาว ในกรณีนี้ เจ้าบ่าวก็ต้องดูเครื่องเงิน เครื่องทอง และสิ่งของอื่นๆ ให้มันสมน้ำ สมเนื้อ และสมฐานะของครอบครัวทั้งสองฝ่าย อาจจะลองเกริ่นกับเจ้าสาวก่อนสักนิดว่าให้เงินเท่านั้นให้ทองเท่านี้ แล้วลองให้เจ้าสาวเลียบๆ เคียงๆ ถามคุณพ่อคุณแม่ว่าท่านโอเคไหม ถ้าท่านบอกว่าไฟเขียว ขอให้ได้แต่งเป็นพอ แบบนี้ก็ผ่านฉลุย แต่ทั้งนี้ทางผู้ใหญ่ก็ต้องไม่มีปัญหามาขอเพิ่มสินสอดหน้างานหลังจากตกลงกันไปเรียบร้อยแล้วด้วยนะคะ

จบพาร์ทการเจรจาไปแล้วในเบื้องต้น ถ้าเกิดว่าทำตามนี้ได้แบบผ่านฉลุยเจ้าบ่าวสาวเจ้าสาวก็คงสบายใจไปได้เยอะเลยจริงไหมคะ แต่! แต่! แต่! สถานการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้เสมอค่ะ ความสะเทือนขวัญที่ว่านั้นก็คือ “ขอเพิ่มสินสอดทั้งที่ตกลงกันไปแล้ว” จึงทำให้เจ้าบ่าวบางคน (บางครั้งก็เจ้าสาวด้วย) เกิดอาการร้อนๆ หนาวๆ หน้ามือคล้ายจะเป็นลมขึ้นมาทันที ถ้าอย่างนั้นมาดูกันว่าจะรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร

ถ้ารักจริงก็เพิ่มเล้ย!

เจ้าบ่าวคนไหนเป็นพ่อบุญทุ่ม ถ้าคุณคิดว่าเพื่อหญิงสาวหนึ่งเดียวในใจคนนี้เพิ่มนิด เพิ่มหน่อย หรือเพิ่มมากแล้วขนหน้าแข้งไม่ร่วงก็จัดไปโลด แฮปปี้กันทั้งสองครอบครัว แต่ก็อย่าลืมคิดสักนิดว่า การเพิ่มสินสอดในครั้งนี้จะไม่กระทบกระเทือนกับการเงินในส่วนอื่นๆ เช่น ค่าจัดงาน ค่าฮันนีมูน รวมถึงการเงินของคุณในอนาคตด้วย เพราะฉะนั้น บวก ลบ คูณ หาร ตัวเลขในบัญชีให้ดีๆ นะ

ขอเปลี่ยนเป็น “อย่างอื่น” ได้หรือเปล่า?

เจ้าบ่าวบางคนอาจไม่สะดวกเพิ่มเงิน หรือสิ่งของตามที่พ่อแม่เจ้าสาวขอมา เพราะฉะนั้น “อย่างอื่น” ที่เราหมายถึงก็คือ เพชร ทอง เครื่องประดับ หรือจัดโฉนดที่ดินสักแปลง! บางคนอาจสงสัยว่าขนาดเงินยังไม่ได้เลย แล้วอย่างอื่นที่ว่าจะมีได้ยังไร คำตอบก็คือ สิ่งของนั้นทางฝั่งเจ้าบ่าวจะต้องมีอยู่แล้ว คล้ายๆ เป็นสมบัติติดตัวประจำตระกูล เช่น แหวนมรดก เครื่องเพชร เครื่องประดับ หรือเครื่องทองมรดก แบบนี้เป็นต้น แต่ในการณ์นี้ก็ต้องอาศัยวาทศิลป์ในการเจรจาต่อรองของเจ้าบ่าวพอสมควร ว่าจะมีเทคนิคพูดจาโน้มน้าวให้ผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าสาวคิดว่า สิ่งของที่ขอเปลี่ยนเพิ่มมานี้ไม่ใช่ของเก่านะครับ แต่เป็นของมรดกตกทอด เป็นของมีค่าทั้งทางมูลค่าและจิตใจ เพราะฉะนั้นคิดคำพูด ซ้อมพูดหน้ากระจกให้ดี แล้วตั้งสติขณะพูด รับรองว่าช่วยให้ผ่านสถานการณ์ฉุกเฉินนี้ได้แน่นอน

Everything for cash!

ชายหนุ่มคนไหนที่ลงทุนทำแบบนี้แสดงว่าต้องรักเจ้าสาวของเขามากแน่ๆ (อิจฉาไปอีกก!) แต่เราก็อยากให้ทั้งสองฝ่ายคิดให้หนัก โดยเฉพาะฝ่ายเจ้าบ่าว เพราะการนำสิ่งของไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือรถยนต์ไปจำนำเพื่อให้ได้เงินมาแต่งสาวเนี่ยไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะคะ เพราะอย่าลืมว่าหลังจากนี้มันคืออนาคตการใช้ชีวิตคู่ การใช้ชีวิตครอบครัวของคุณทั้งสอง ฉะนั้นจึงต้องคิดเผื่อไปถึงอนาคตทางการเงินของคุณทั้งคู่ด้วย เพราะการทำแบบนี้เท่ากับว่าคุณจะมีภาระค่าใช้จ่ายหลังแต่งงานเพิ่มขึ้นแน่นอน ลำบากชีวิตไปอี๊ก!

อย่างที่บอกไปค่ะว่า เรื่องสินสอดเป็นเรื่องใหญ่ ใครที่ตกลงกันได้ลงตัวก็สบายไป ส่วนใครที่เกิดปัญหาขึ้นมาก็ลองถามใจตัวเองดูว่า “คุณพร้อมจะแต่งแล้วจริงหรือ” ถ้าคำตอบของคุณคือพร้อมแล้ว พร้อมสุดๆ แบบนี้ก็แต่งเถอะค่ะ แต่ถ้าใครมีปัญหาไม่ว่าจะเรื่องสินสอดหรือเรื่องอะไรก็ตาม จะดีกว่าไหมที่จะรออีกนิดเพื่อให้ถึงเวลาที่พร้อมจริงๆ เราเชื่อว่าคู่กันแล้วยังไงก็ไม่แคล้วกันหรอกเนอะ

ภาพ : www.milunananya.com

สวยครบจบด้วยเทคนิคการเลือก สร้อยคอ ต่างหูเข้าชุด ให้เหมาะกับชุดแต่งงาน

หลังจากเตรียมชุดแต่งงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว สิ่งต่อมาที่เจ้าสาวมักมองหา (หรือบางคนมองหาก่อนเลือกชุดแต่งงานซะอีก) ก็คือเครื่องประดับ ไม่ว่าจะเป็น สร้อยคอ ต่างหูเข้าชุด หรือกำไล สร้อยข้อมือ ทั้งหมดทั้งมวลนอกจากจะเลือกแบบที่ชอบแล้ว อย่าลืมเลือกให้เหมาะกับรูปแบบชุดแต่งงานด้วยนะ โดยเฉพาะการเลือกให้เข้ากับเนคไลน์ชุดแต่งงานนั้นสำคัญที่สุด

ชุดคอสูงหรือคอเต่า

ถ้าเจ้าสาวมีแพลนจะใส่ชุดแต่งงานเป็นเสื้อคอสูงหรือคอเต่า ไม่ควรสวมสร้อยคอ เพราะจะดูเยอะเกินไป แค่ใส่ต่างหูเพชรหรูหราคู่กับสร้อยข้อมือเข้าชุดกัน หรือติดเข็มกลัดก็จะได้ลุคที่เรียบหรู สวยงาม มีความโดดเด่น

ชุดเกาะอก

ไม่มีอะไรเหมาะกับชุดเกาะอกดีเท่ากับสร้อยเพชรเรียงเม็ดทรงคลาสสิก ยิ่งเพชรมีขนาดค่อนข้างใหญ่ยิ่งดูโดดเด่นและหรูหรา หาต่างหูเพชรดีไซน์เรียบๆ กำไลเพชร หรือสร้อยข้อมือเส้นเล็กๆ อย่าเลือกแบบมีตุ้งติ้งจะได้ไม่เกี่ยวชุดผ้าลูกไม้ ดูให้เข้าเซตกันคุณจะกลายเป็นเจ้าสาวที่สวยสง่าที่สุดในค่ำคืนสำคัญแน่นอน

ชุดคอปาด

ออกแบบมาเพื่อโชว์ส่วนคอและบ่าของเจ้าสาว จึงควรใส่สร้อยเพชรแบบติดคอหรือโช้กเกอร์ หรือถ้าเจ้าสาวชอบใส่สร้อยคอที่มีพู่ระย้า หรือมีตุ้งติ้งยิ่งขับให้ชุดดูโดดเด่น อ่อนหวาน สวยงามดั่งเจ้าหญิง แมตช์กับต่างหูดีไซน์รูปหยดน้ำหรือมีตุ้งติ้ง…เพอร์เฟ็กต์!

ชุดคอวี

ต้องเป็นสร้อยคอที่มีตุ้งติ้งลงมา จะเป็นตุ้งติ้งรูปวงรี รูปไข่ ทรงกลม หรือทรงเหลี่ยมก็ได้ขึ้นอยู่กับบุคลิกของเจ้าสาว

อ่านเทคนิคเกี่ยวกับการเลือกเครื่องประดับเพิ่มเติม คลิกเลย!

เรื่อง : ดั่มดั๊มพ์
ภาพ : Jubilee และ Getty Images

สารพัดเรื่อง สูทเจ้าบ่าว ที่คุณเจ้าบ่าวต้องรู้ให้ลึก เช็คให้ดีก่อนเลือก

ว่าที่เจ้าบ่าวหลายคนเตรียมหล่อช้ากว่าว่าที่เจ้าสาวหลายเดือน เพราะคิดไปเองว่าเรื่อง สูทเจ้าบ่าว เป็นเรื่องเล็ก จะหาซื้อหาเช่าที่ไหนเมื่อไรก็ได้ แต่เรื่องจริงที่เราพบมาคือ หลายหนุ่มวิ่งหน้าตั้งหาสูทกันในเดือนสุดท้าย หากคุณไม่อยากเป็นหนึ่งในนั้น เตรียมความรู้ไว้ให้พร้อม แล้วเริ่มมองหาชุดสูทกันแต่เนิ่นๆ เสียดีๆ

BLAZER JACKET SPORT JACKET

  • เบลเซอร์ (Blazer) / สปอร์ตแจ๊คเก็ต (Sport Jacket) หรือแจ๊คเก็ต (Jacket) คือเสื้อแขนยาวที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนสูท แต่ไม่จำเป็นต้องใส่กับกางเกงเข้าชุดกัน จึงไม่ใช่และไม่ควรเรียกว่าสูท
  • ลักษณะการใช้งานคือ สวมทับเสื้อยืดคอกลม คอวี หรือเสื้อเชิ้ต ให้อารมณ์ลำลองไม่เป็นทางการ ในกรณีที่สวมทับเสื้อเชิ้ต ไม่ต้องผูกเน็คไทและไม่ต้องติดกระดุมเม็ดบนสุด
  • ถ้าเลือกแบบที่มีสีสันสดใส ระวังอย่าใส่เสื้อตัวในและกางเกงสีจัด เพราะจะทำให้คุณดูเยอะเกินไป
  • ลายหมากรุกยอดนิยมจับคู่กับกางเกงขาสั้นได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะงานฉลองสมรสริมทะเล เทคนิคหล่อเป๊ะคือ ต้องเลือกสีเสื้อด้านในให้กลมกลืนกับสีพื้นของเบลเซอร์รับรองว่าเจ้าสาวจะหลงยิ่งกว่าเดิม
  • เครื่องประดับที่หนุ่มๆ นำมาแมตซ์กับเบลเซอร์อาจไม่ใช่ผ้าเช็ดหน้าหรือโบไท แต่เป็นหมวกใบเก๋หรือผ้าพันคอสีตัดกัน

FORMAL SUIT

  • ชุดสูทคือ เสื้อที่มาพร้อมกางเกง ซึ่งตัดเย็บเข้าชุดด้วยการใช้เนื้อผ้าเดียวกัน
  • ปกเสื้อสูทมีให้เลือกทั้งปกมีหยัก (บ้างก็เรียกปกเทเลอร์) และปกแหลม ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน ส่วนขนาดของปกไม่ได้มีมาตรฐานตายตัว เพราะช่างตัดสูทจะดูขนาดให้เหมาะสมกับคนใส่เสมอ
  • จำนวนกระดุมที่มากขึ้น เช่น เสื้อสูทแบบกระดุมสองแถว เวลาตัดจะป้ายเสื้อด้านหน้าเกยลึกเข้าไปช่วยให้คนสวมดูมีเอวมากขึ้น แต่ก็ทำให้ตั้งแต่ใต้คางถึงอกตื้นขึ้น จึงไม่เหมาะกับเจ้าบ่าวรูปร่างสันทัด (เช่น หนุ่มไทยอย่างเราๆ )
  • ในกรณีที่อยากสวมสูทแบบสามกระดุม ช่างก็สามารถตัดให้ได้ แต่ต้องปรับระดับกระดุมให้ต่ำลงเพื่อให้ใส่แล้วสมดุลกับรูปร่าง ซึ่งกระดุมเม็ดสุดท้ายควรอยู่ประมาณเข็มขัด
  • ไม่ต้องตกใจถ้าพบว่ากระดุมสองเม็ดบนของเสื้อสูทแบบสองแถวหกกระดุมไม่ตรงกับสี่เม็ดล่าง เพราะนั่นเป็นดีไซน์ที่มีมานมนานแล้ว
  • เวลาติดกระดุมเสื้อสูท ถ้าเป็นแบบสองเม็ดให้ติดเม็ดบนเม็ดเดียว ถ้าเป็นแบบสามเม็ดให้ติดเฉพาะเม็ดกลาง
  • จำนวนกระเป๋าเสื้อสูทมาตรฐานอยู่ที่สามใบคือ กระเป๋าที่หน้าอกซ้าย และกระเป๋าที่ด้านล่างสองข้าง ซึ่งจะทำแบบมีฝาปิด เวลาใช้งานจริงจะสอดฝาเก็บไว้หรือโชว์ออกมาข้างนอกก็ได้ และหากอยากเพิ่มรายละเอียดจะเติมกระเป๋าจิ๋วอีกเป็นใบที่สี่ก็ได้เหมือนกัน
  • ปลายแขนเสื้อสูททุกแบบมีรังดุมให้เลือกทั้งแบบรังดุมจริงและแบบหลอก และมีการวางกระดุมหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นแบบเรียงแถวต่อกันเม็ดชนเม็ด แบบเว้นช่วง หรือแบบวางซ้อนกัน ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน
  • ชายเสื้อสูทด้านหลังมีทั้งแบบผ่ากลางหลังผ่าด้านซ้ายขวา และไม่ผ่า ข้อดีของการผ่าคือช่วยให้นั่งสบายขึ้น เหมาะสุด ๆ กับงานพิธีเช้าที่เจ้าบ่าวต้องลุกนั่งก้มกราบ รวมไปถึงงานฉลองตอนเย็นแบบซิตดาวน์ดินเนอร์
  • เนื้อผ้าที่นิยมใช้ในการตัดสูทคือผ้าวูล แต่ขอแนะนำให้เลือกเป็นแคชเมียร์วูล เพราะเนื้อด้ายคุณภาพดี ไม่หนาไม่บางจนเกินไปเหมาะกับสภาพอากาศบ้านเราที่สุด

TUXEDO

  • ทักซีโด คือ เสื้อสูทที่มีการแต่งปกเสื้อ คอเสื้อ ขอบกระเป๋า ฝากระเป๋า รวมถึงแถบกางเกงด้วยผ้าซาตินที่มีความเงา ส่วนใหญ่เป็นสีดำสนิท ทำจากผ้าวูลหรือผ้าใยสังเคราะห์
  • ปกเสื้อทักซีโดแบบไม่มีหยัก (ปกกล้วยหอม) เป็นปกยาวโค้งลงมาจากคอ ใช้กระดุมแถวเดียวหนึ่งเม็ด คอเสื้อยาวลงมาเป็นรูปตัววี เผยให้เห็นเสื้อเชิ้ตด้านในมากกว่าแบบอื่น ทำให้คนใส่ดูเพรียวขึ้นมากและจุดเด่นอีกอย่างคือ บริเวณปกจะใช้เนื้อผ้าแบบมันทั้งชิ้น
  • ทักซีโดแบบปกแหลมใช้เนื้อผ้าแบบมันแค่ปกล่าง ส่วนปกบนเป็นผ้าเนื้อเดียวกันกับตัวเสื้อ
  • เสื้อเชิ้ตที่ใส่กับทักซีโด เรียกว่า “ทักซีโดเชิ้ต”
  • ทักซีโดเชิ้ตจะมีการตีเกล็ดด้านหน้า โดยทิ้งเกล็ดยาวลงมาถึงปลายเสื้อหรือแค่ครึ่งตัว แล้วตัดปลายโค้งหรือเฉียงแหลม ปัจจุบันนิยมเพิ่มอีกแบบ คือใช้ผ้าปะอกปลายโค้งไม่ตีเกล็ด
  • กระดุมที่ใช้กับทักซีโดเป็นกระดุมผ้า หากเป็นกระดุมเม็ดเดียวจะติดแบบปกติหรือติดแบบโยงก็ได้ ซึ่งการติดโยงจะทำให้ขอบเสื้อตั้งขึ้นมาเป็นสัน มองแล้วเหมือนใช้กระดุมสองเม็ดประกบกัน
  • กระดุมที่ใช้กับทักซีโดเชิ้ตเรียกว่า “Studs” ในหนึ่งชุดจะมีกระดุมลักษณะคล้ายหมุดสี่เม็ดพร้อมคัฟลิงค์สองชิ้นเข้าชุดกันสำหรับติดแขนเสื้อ
  • จุดสังเกตความเป๊ะอีกอย่างคือ เมื่อสวมใส่แล้วกระดุมทักซีโดและกระดุมเสื้อเชิ้ตด้านในต้องตรงเป็นแถวเดียวกันเสมอ
  • ใส่ทักซีโดเชิ้ตกับกางเกงที่ไม่มีหูเข็มขัดและใส่ให้เสื้อตึงโดยไม่ดึงเสื้อหย่อนออกมา จากนั้นคาดด้วยผ้าคาดเอว (Cummerbund) เพื่อไม่ให้เชิ้ตเลิกขึ้น

3 เทคนิคเลือกชุดแต่งงาน ง่ายๆ ให้เหมาะกับรูปร่างและสไตล์ส่วนตัว

วันสำคัญใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ธีมงานก็มีแล้ว เพื่อนเจ้าสาวก็มีแล้ว การ์ดแต่งงานกับของชำร่วยก็พร้อม แต่ชุดแต่งงานนี่สิที่ว่าที่เจ้าสาวยังตัดสินใจเลือกไม่ได้สักที แถมแฟชั่นบนรันเวย์เจ้าสาวก็ขยันปล่อยคอลเลคชั่นมากระชากใจทุกที ยิ่งมีเวลาเป็นตัวกดดันเจ้าสาวก็ยิ่งคิดหนักเข้าไปอีก แต่ก่อนที่สาวๆ จะตกลงปลงใจกับชุดไหนสักชุด แพรว wedding มี 3 เทคนิค เลือกชุดแต่งงาน แบบยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวมาฝาก คือเป็นชุดที่ทันสมัยแถมสะดวกสบายต่อการเคลื่อนไหวด้วย

1. เตรียมพร้อมสำหรับการฟิตติ้ง

การเลือกชุดแต่งงานหรือการไปฟิตติ้งเป็นหนึ่งในขั้นตอนสำคัญที่ว่าที่เจ้าสาวจะต้องวางแผนล่วงหน้าไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ แต่ก่อนที่ว่าที่เจ้าสาวจะเลือกชุดแต่งงานจะต้องมีสองสิ่งนี้ก่อนคือ วันที่จัดงานและสถานที่จัดงาน

เพราะเป็นไปไม่ได้เลยที่เจ้าสาวจะเลือกชุดแต่งงานโดยที่ยังไม่สามารถมองเห็นตัวเองในสถานที่นั้นได้ ซึ่งส่วนมากสไตลิสต์หรือร้านชุดจะปลาบปลื้มเป็นพิเศษหากว่าที่เจ้าสาวมาพร้อมกับธีมงานหรือสถานที่ หรือมาพร้อมกับไอเดียรูปแบบชุดแต่งงานที่อยากได้ เพราะจะทำให้ร้านชุดหรือสไตลิสต์เห็นภาพชัดเจนและเป็นไปในทางเดียวกับเจ้าสาว และสามารถนำสิ่งนั้นไปพัฒนาให้เกิดเป็นชุดแต่งงานที่เจ้าสาวอยากได้ต่อไป

และอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญคือ จำนวนคนที่จะติดตามเจ้าสาวไปฟิตติ้ง ซึ่งน้อยเท่าไหร่ยิ่งดี โดยส่วนมากแล้วจำนวนผู้ติดตามที่กำลังดีคือ 2 คนไม่เกินนี้ ซึ่งคนที่เจ้าสาวเลือกมาจะต้องเป็นคนที่สามารถให้คำแนะนำ ติชมเจ้าสาวได้ และเป็นคนที่เจ้าสาวไว้ใจ ที่สำคัญหากเลือกคนที่มีรสนิยมทางด้านแฟชั่นไปด้วยจะช่วยให้การฟิตติ้งนั้นผ่านฉลุย

และสิ่งสำคัญสำหรับคนที่จะมาฟิตติ้งกับเจ้าสาวอีกอย่างก็คือ คนๆ นั้นจะต้องเป็นคนที่รู้จักเจ้าสาว และเข้าใจสไตล์ส่วนตัว ความชอบ และรสนิยมของเจ้าสาวเป็นอย่างดี เพื่อที่พวกเขาจะได้สามารถช่วยคุณเลือกชุดที่สมบูรณ์แบบสำหรับวันสำคัญได้อย่างไร้ที่ติ

ซึ่งเหตุผลที่ไม่ควรมีผู้ติดตามเจ้าสาวไปฟิตติ้งเยอะจนเกินไปก็เพราะว่า มากคนเท่าไหร่ก็มากความคิด มากความคิดเห็นเท่านั้น จนอาจสร้างความสับสนให้กับเจ้าสาวได้ทำให้ไม่สามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง ซึ่งสถานการณ์นี้มันเหมือนว่าที่เจ้าสาวกำลังคัดคนออก แต่อย่าไปกลัวหรือกังวลค่ะ เพราะคนที่ไม่ได้ไปฟิตติ้งกับเจ้าสาว คุณสามารถให้พวกเขามีส่วนร่วมในเรื่องอื่นๆ ในงานแต่งงานของคุณได้ตามความถนัดของแต่ละคน เท่านี้พวกเขาก็ได้มีความรู้สึกว่าตัวเองมีส่วนร่วมแล้ว

2. ให้ความใส่ใจเรื่องบุคลิกและสไตล์ส่วนตัว

บุคลิกภาพและสไตล์ของเจ้าสาวเป็นสิ่งสำคัญที่แท้จริงที่จะทำให้เจ้าสาวได้ชุดแต่งงานที่สมบูรณ์แบบ บุคลิกภาพเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาเพื่อให้แน่ใจว่าชุดแต่งงานชุดนี้ดูเป็นตัวตนของเจ้าสาวมากที่สุด

เช่น หากคุณเป็นว่าที่เจ้าสาวจอมเนี้ยบที่ไม่อยากให้มีรอยยับย่นอยู่บนชุดแต่งงาน คุณอาจจะต้องใส่ใจในการเลือกเนื้อผ้า เช่น เลือกเป็นผ้าลูกไม้ที่นั่งหรือเดินเท่าไหร่ก็ไม่เผยให้เห็นรอยยับในวันสำคัญ หรือหากคุณเป็นว่าที่เจ้าสาวสายปาร์ตี้ที่รักการแดนซ์ ก็อาจจะต้องเลือกชุดแต่งงานที่มีเนื้อผ้าบางเบาเพื่อให้สะดวกต่อช่วงอาฟเตอร์ปาร์ตี้ไปเลย เป็นต้น

3. เลือกรูปทรงชุดแต่งงานที่เสริมจุดเด่นของรูปร่าง

สิ่งสำคัญอีกอย่างที่ไม่ควรมองข้ามคือ การเลือกชุดแต่งงานให้เหมาะกับรูปร่าง ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เพื่อให้เจ้าสาวรู้สึกสะดวกสบายและมั่นใจในวันงาน

เช่น หากคุณเป็นเจ้าสาวหน้าอกใหญ่ อาจจะต้องเลือกสวมชุดชั้นในหรือชุดแต่งงานที่มีซับในที่รองรับและพอดีกับขนาดหน้าอก และอาจเลือกช่วงเนคไลน์ที่สามารถพรางหรือเสริมให้ช่วงอกของคุณดูดีได้แบบไม่โป๊จนเกินงาม เป็นต้น เพราะฉะนั้นในการเลือกชุดแต่งงานเจ้าสาวจะต้องไม่ลืมเลือกชุดที่เข้ากับสรีระของตัวเองด้วย

>>>> เทคนิคเลือกชุดแต่งงานให้เข้ากับรูปร่าง สวยด้วยแถมเป๊ะปั๊วะไปอีก <<<< คลิกเลย!

แต่ไม่ว่าจะยังไง สุดท้าย เราก็อยากให้ว่าที่เจ้าสาวได้รู้สึกสนุกและมีความสุขไปกับทุกขั้นตอนและช่วงเวลาพิเศษๆ แบบนี้ที่จะเกิดแค่ครั้งเดียวในชีวิต เชื่อได้เลยว่าโมเม้นต์นี้จะเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาดีๆ ที่เจ้าสาวจะเก็บไว้เป็นความทรงจำดีๆ และแชร์ให้กับคนอื่นไปได้อีกนานเลยทีเดียว

ภาพ pinterest, pexels.com

Deep Love Wedding กับชุดแต่งงานไทยประยุกต์ที่ทั้งสวยงามและร่วมสมัยอยู่ในชุดเดียว

ด้วยประสบการณ์การทำงานที่ดูแลเจ้าสาวมากว่า 15 ปี ทำให้ Deep Love Wedding เข้าใจถึงความต้องการของว่าที่เจ้าสาวแต่ละคนผ่านบุคลิกและไลฟ์สไตล์ อีกทั้งยังใส่ใจไปถึงรูปแบบการจัดงานเพื่อนำมาต่อยอดในการออกแบบชุดแต่งงานให้กับว่าที่เจ้าสาว โดยเฉพาะ ชุดแต่งงานไทยประยุกต์ ที่ คุณเจี๊ยบ – ชยานิษฐ์ พฤฒพีระวิทย์ กรรมการ บริษัทดีพ เลิฟ จำกัด ให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษว่าต้องมีทั้งความสวยงามและความร่วมสมัยอยู่ในชุดเดียวกันเพื่อให้ภาพรวมในวันสำคัญของเจ้าสาวออกมาสมบูรณ์แบบมากที่สุด

จุดเด่นชุดแต่งงานไทยของร้าน Deep Love Wedding

Deep Love Wedding ออกแบบชุดไทยไว้หลากหลายแบบเพื่อรองรับทุกความต้องการของว่าที่เจ้าสาว ทั้งชุดไทยพระราชนิยมตามมาตรฐาน และชุดไทยประยุกต์ที่สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบได้ตามความชอบของเจ้าสาวแต่ละคน และที่ร้านยังสามารถดีไซน์ชุดหนึ่งชุดให้ว่าที่เจ้าสาว สามารถใส่ได้ถึงสองแบบโดยที่ไม่ต้องมีการเปลี่ยนชุดให้ยุ่งยาก และสิ่งที่เป็นจุดเด่นและ Deep Love Wedding ให้ความสำคัญและเน้นมาก เป็นพิเศษมาโดยตลอดคือ เรื่องงานฝีมือของช่างไทยและการเลือกใช้ผ้ายก มาตัดเย็บเป็นชุดเจ้าสาว ซึ่งผ้าทุกชิ้นและลายปักทุกลายล้วนเป็นงานฝีมือที่ช่างบรรจงสร้างสรรค์ถักทอขึ้นมาด้วยความตั้งใจเพื่อให้เจ้าสาวทุกคนได้สวมใส่ชุดแต่งงานไทยที่ทรงคุณค่าในวันสำคัญ

ความสวยงามและจุดเด่นของผ้ายก

ผ้ายก คือ กรรมวิธีการทอผ้าไหมในอีกรูปแบบหนึ่งที่ใช้วิธียกและข่มเส้นไหม พร้อมการพุ่งกระสวยที่เป็นเส้นไหมต่างสีหรือเป็นดิ้นเงินดิ้นทองเพิ่มเข้าไป เพื่อให้เกิดเป็นลวดลายที่นูนและเด่นชัดขึ้นกว่าการทอผ้าไหมแบบปกติ ทำให้ผ้ายกมีราคาที่สูงกว่า เพราะมีกรรมวิธีการถักทอที่ซับซ้อนและใช้เวลาในการผลิตต่อชิ้นค่อนข้างนาน ซึ่งความงดงามของผ้ายกขึ้นอยู่กับความละเอียดของลวดลาย สีสัน และวัสดุที่นำมาทอ ประกอบ กับผ้ายกเป็นงานฝีมือจึงทำให้มีลวดลายและสีสันที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวแตกต่างกันไปตามแต่การทอของช่างฝีมือแต่ละคน ทำให้ผ้ายกเป็นผลงานศิลปะที่ทรงคุณค่า เพราะเป็นผลงานที่มีเพียงชิ้นเดียวไม่ซ้ำใคร เหมาะสำหรับให้เจ้าสาวได้สวมใส่ในวันสำคัญ และยังได้สืบสานงานฝีมือของช่างไทยไปในตัวด้วย

เทคนิคการตัดเย็บชุดไทยที่สามารถเปลี่ยนลุคได้ โดยไม่ต้องเปลี่ยนชุด

เนื่องจากรูปแบบการจัดงานแต่งงานที่เปลี่ยนไป พิธีการที่ค่อนข้างสั้นและรวบรัดแข่งกับเวลา จึงทำให้ช่วงเวลาในการเปลี่ยนชุดของเจ้าสาวน้อยลงไปด้วย เพื่อความสะดวกทางร้านจึงได้ออกแบบชุดแต่งงานไทยแบบประยุกต์ที่เน้นฟังก์ชันการใช้งานควบคู่ไปกับความสวยงามสำหรับสวมใส่ในวันสำคัญ ด้วยการดีไซน์ชิ้นส่วนต่างๆ ของชุดให้สามารถสวมเข้าและถอดออกได้อย่างสะดวกรวดเร็ว เช่น เจ้าสาวอาจจะแค่ถอดผ้านุ่งออกแล้วสวมเป็นกระโปรงแบบสากลทับได้เลย เพื่อเปลี่ยนเป็นชุดสำหรับงานเลี้ยงฉลองต่อได้ทันที เพราะฉะนั้นหากว่าที่เจ้าสาวต้องการใส่ชุดแต่งงานที่มีรูปแบบหลากหลายแต่มีเวลาจำกัด ชุดแต่งงานไทยแบบประยุกต์ถือว่าเป็นชุดที่สามารถตอบโจทย์ได้ดีทีเดียว

แนวคิดการออกแบบที่ผสานระหว่างความเป็นไทย กับความทันสมัยเอาไว้ในชุดเดียว

Deep Love Wedding เน้นงานฝีมือของช่างไทยและรูปแบบงานไทยดั้งเดิมเป็นหลักในการออกแบบ ทำให้ผลงานทุกชิ้นมีความประณีตวิจิตรบรรจงอ่อนช้อยอ่อนหวานตามแบบศิลปะไทย แต่ด้วยความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย Deep Love Wedding จึงได้นำความเป็นไทยมาต่อยอด ด้วยการออกแบบผลงานให้ดูร่วมสมัยมากขึ้น โดยใช้วิธีการออกแบบชุดแต่งงานบนพื้นฐานของงานวิจิตรศิลป์แบบไทยเดิม แต่เลือกใช้วัสดุที่ แตกต่างเพื่อให้ผลงานมีความทันสมัยมากขึ้น ซึ่งนอกจากจะช่วยอนุรักษ์ศิลปะไทยให้คงอยู่แล้ว ยังเกิดเป็นชุดแต่งงานไทยร่วมสมัยที่เจ้าสาว สามารถสวมใส่ได้จริงโดยไม่สูญเสียเอกลักษณ์ความเป็นไทย

ชุดแต่งงานไทยประยุกต์

คำแนะนำสำหรับเจ้าสาวที่กำลังมองหาชุดแต่งงานไทยเพื่อสวมใส่ในวันแต่งงาน

การจะดูว่าชุดแบบไหนที่เหมาะกับเราเจ้าสาวจะต้องได้ลองสวมชุดนั้นจริงๆ ก่อน และต้องลองทำกิจกรรมต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในวันงานด้วย เช่น การนั่งพับเพียบ การก้มกราบ และยังดูไปถึงเรื่องของสถานที่จัดงานแต่งงานและช่วงเวลาที่จัดด้วย เพราะรายละเอียดต่างๆ เหล่านี้จะเป็นสิ่งที่ ช่วยกำหนดรูปแบบชุดแต่งงานไทยให้กับเจ้าสาวได้ง่ายขึ้น

ซึ่งโดยส่วนมากแล้วชุดแต่งงานไทยยอดนิยมของเจ้าสาวคือ ชุดไทย บรมพิมาน ชุดไทยจักรี และชุดไทยจักรพรรดิ เพราะเป็นชุดไทยอันทรง คุณค่าที่เจ้าสาวทุกคนอยากมีภาพสวยๆ เก็บไว้สักครั้งในชีวิต ซึ่งชุดไทยทั้งสามแบบมีความเหมาะสมกับรูปร่างของหญิงไทยและรูปแบบพิธีแต่งงานไทยมากที่สุด

ดังนั้นเจ้าสาวคนไหนที่อยากได้ชุดแต่งงานไทยที่มีความร่วมสมัยก็สามารถเข้ามาปรึกษาได้ที่ Deep Love Wedding เพราะที่นี่มีทีมงานมืออาชีพที่มีประสบการณ์การทำงานในวงการเวดดิ้งมาอย่างยาวนานคอยให้ความช่วยเหลือและให้คำแนะนำแก่เจ้าสาวทุกท่าน พร้อมทีมดีไซเนอร์ที่จะช่วยเนรมิตชุดแต่งงานให้ออกมาตรงใจสวยงามและทรงคุณค่ามากที่สุดสำหรับวันสำคัญแน่นอน

ดูชุดแต่งงานไทยสวยๆ เพิ่มเติมของร้าน Deep Love Wedding ได้อีกเพียบ คลิกเลย >>>
“ซูซี่ – สุษิรา” กับ 7 ชุดแต่งงานไทยประยุกต์ สวยสง่าราศีจับสุดๆ จากร้าน Deep Love Wedding
7 ลุคของ “สายไหม-มณีรัตน์” กับชุดแต่งงานไทยแบบประยุกต์หลากสไตล์จาก Deep Love Wedding
งามอย่างไทยสไตล์ประยุกต์กับ ชุดเจ้าสาวแบบไทย ของเจ้าสาว 2019 จาก Deep Love Wedding

Deep Love Wedding
ซอยอุดมสุข 49 ถนนสุขุมวิท 103
โทร. 0-2398-5739, 0-2399-1693,09-5789-9556
www.deeplovewedding.com
เฟซบุ๊ก : DeepLove ชุดแต่งงาน ชุดไทย
ไอจี : @deeplove_official
ไลน์ : @deeploveweddingค

สารพัดวิธีดูแล พานขันหมาก ให้สดสวยมดไม่ขึ้นก่อนใช้งานจริง

จะเก็บรักษา พานขันหมาก ให้สวยรอดปลอดภัยก่อนใช้งานจริงได้ยังไง? … เรามีวิธีมาให้แล้ว

จริงอยู่ที่เดี๋ยวนี้ร้านรับทำ พานขันหมาก จะมีบริการส่งตรงถึงสถานที่จัดงานแต่งงาน แต่ก็ยังคงมีบางร้านที่ฝีมือดี อัธยาศัยถูกใจบ่าวสาวแต่ไม่มีบริการส่ง ซึ่งภาระตกหนักไม่ได้อยู่เพียงแค่บ่าวสาวต้องส่งคนไปรับมา แต่เรื่องสำคัญกว่านั้นคือ เมื่อรับมาแล้ว หากไม่ได้ใช้งานทันทีต้องมีวิธีดูแล ไม่อย่างนั้นแล้วชุดพานขันหมากที่ทำจากใบตองและดอกไม้สดแสนสวยอาจไม่สวยเต็มขั้นอย่างตั้งใจ

ลองทำตามวิธีที่เรารวบรวมและนำมาบอกต่อไปนี้ดูนะคะ เพื่อว่าขันหมากค้างคืนของคุณจะสวยเด้งในยามเช้าที่ต้องใช้งานจริง

  • เก็บไว้ในห้องแอร์

แน่นอนว่าอุณหภูมิต่ำ อากาศเย็นช่วยให้กลีบดอกไม้ ใบตองยังสวยสดงดงามได้นานขึ้น ฉะนั้นวิธีนี้จึงเรียกได้ว่าง่ายที่สุด คือ จัดวางชุดขันหมากทั้งหมดไว้บนโต๊ะในห้องแอร์ ถ้าไม่มีห้องแอร์ลองดูทางเลือกต่อไปเลยค่ะ

  • เก็บไว้ในที่อากาศถ่ายเท ไม่อับร้อน

ไม่ใช่ทุกบ้านที่จะมีห้องแอร์หรอก จริงไหมคะ สิ่งที่พอจะทำได้คือ การจัดวางชุดขันหมากที่ไปรับมาไว้ในห้องหรือพื้นที่ที่อากาศถ่ายเท ไม่ใช่ห้องอับจนร้อน เพื่อความเย็นยามค่ำคืนตามธรรมชาติช่วยดูแลไงคะ

  • อย่าเลือกพานขันหมากกลีบบัว

จริงๆ อยู่ที่กลีบบัวเวลาพับแล้วสวยงาม ไหนจะสีสันที่อ่อนหวานหลากหลายให้เลือกสรร แต่บอกเลยนะคะว่า ถ้าคุณเลือกพานขันหมากที่ประดิษฐ์ขึ้นจากกลีบบัว ควรเป็นการรับมาแล้วใช้งานเลยทันที เพราะกลีบจะดำง่ายเมื่อโดนอากาศ แต่ถ้ารับแล้วต้องค้างคืน ขอแนะนำให้เลี่ยงนะคะ

ขันหมาก

  • ฉีดพรมน้ำให้ความชุ่มชื้นและห่อพลาสติก

ส่วนใหญ่ร้านรับทำพานขันหมากสมัยนี้จะฉีดพรมน้ำและห่อพลาสติกมาให้เรียบร้อยแล้ว เมื่อบ่าวสาวรับไปแล้ว ไม่ต้องแกะออกนะคะ คงสภาพไว้แบบนั้นจนกว่าจะถึงเวลาใช้งานจริง แต่ถ้าร้านไหนไม่ได้พรมให้ก็เอาฟ๊อกกี้มาฉีดได้ แต่อย่าเยอะนะคะ เดี๋ยวกลีบดอกไม้จะช้ำ

  • ผ้าขาวบางเปียกน้ำห่อหรือคลุมไว้

วิธีช่วยรักษาความสดที่ว่านี้ ทำกันมาตั้งแต่สมัยโบร่ำโบราณแล้วล่ะค่ะ จุดมุ่งหมายก็เพื่อให้ความเย็นรักษาความสด ถ้าถามว่าแล้วผ้าขาวบางต้องเปียกแค่ไหนก็คือพอหมาดๆ นะคะ ไม่ต้องขนาดน้ำซกๆ อันนะอาจทำให้กลีบเน่าได้

  • พานขนมมงคลวางบนถาดหล่อน้ำไว้

หลายคู่กุมขมับกับพานขนมมงคลค่ะ เพราะส่วนใหญ่สั่งให้ทางร้านจัดมาในพานให้เสร็จสรรพ ซึ่งทางร้านก็มักจะวางเรียงให้สวยแล้วคลุมด้านหน้าด้วยพลาสติก แต่ความหวานก็ยังยั่วยวนให้ทองทัพมดเดินทางมาหา วิธีที่สามารถช่วยได้คือ นำพานที่ว่าลงบนถาดแล้วเทน้ำหล่อไว้ แค่นี้ก็ทำให้มดไม่ขึ้นแล้วค่ะ

ลองทำกันดูนะคะ เราเชื่อว่าต้องมีสักวิธีที่เหมือนกับคู่ของคุณ ส่วนถ้าคู่ไหนมีวิธีอื่นๆ แชร์ให้เราและว่าที่บ่าวสาวคู่อื่นๆ รู้บ้างนะคะ

อ่านบทความเกี่ยวกับขันหมากเพิ่มเติม >>> จัดพานขันหมากให้ถูกหลักตามตำรับไทยแท้ไม่ยากอย่างที่คิด

ขอบคุณภาพ : Smallmoonphoto

7 เคล็ดลับกระชับเวลาให้พิธีการงานฉลองจบได้ใน 20 นาที

แพรว wedding เชื่อว่า ต้องมีบ้างล่ะที่เวลาไปร่วมงานแต่งงานแล้วรู้สึกว่าช่วง พิธีการ ช่างยืดเยื้อยาวนานซะเหลือเกิน ทั้งประธานที่พูดนานทั้งๆ ที่ไม่มีใครฟัง พรีเซนเทชั่นที่ทำมาราวหนังสั้นชิงรางวัล ฯลฯ กว่าจะได้ปาร์ตี้สนุกๆ คือง่วงนอนซะก่อน งั้นลองมาคิดกันไหมคะว่าจะตัดทอนขั้นตอนไหนบ้างเพื่อให้ช่วงเวลาพิธีการในงานฉลองสั้นลงและไม่น่าเบื่อเหมือนงานที่คุณเคยไปสัมผัสมา

 

1. แจ้งความต้องการกับทุกคนอย่างชัดเจน     

เคล็ดลับข้อแรกคือการแจ้งบอกกับทุกคนในครอบครัวให้เข้าใจตรงกันก่อนว่า คุณทั้งคู่ต้องการให้ช่วงเวลาพิธีการในงานฉลองสั้นมากๆ กระชับสุดๆ เพื่อปูทางไปสู่การลดทอนรายละเอียดบางอย่างที่เคยเห็นกันในงานอื่นออกไปจากงานของคุณ เวลาที่เกิดเหตุการณ์จริง คนสำคญในครอบครัวจะได้ไม่งงและเผื่อว่าแขกสอบถามก็จะได้ตอบตรงกันว่า พิธีการมีแค่ไหน และทั้งหมดนี้คือความต้องการและตั้งใจกระชับเวลาของบ่าวสาว

2. เขียนสคริปต์และลำดับงานด้วยตัวเอง

อย่าได้ปล่อยให้ใครมาเขียนสคริปต์นำทางชีวิต แม้คนๆ นั้นจะโปรมากในการจัดงานแต่งงานมาก่อน เพราะเขาเหล่านั้นไม่มีทางรู้ว่า รายละเอียดในงานแบบที่คนอื่นเขาทำกัน สำหรับคุณแล้วลำดับไหนสำคัญ ลำดับไหนตัดทิ้งได้ เวลาเขียนสคริปต์หรือร่างลำดับงานให้ก็มาแบบเต็มสูบ ฉะนั้นการเขียนสคริปต์ด้วยตัวเองที่ว่านี้ แม้จะดูเหมือนว่าใช้เวลา แต่จะเป็นการช่วยกรองความคิด ความต้องการ และความสำคัญของช่วงต่างๆ ด้วยตัวคุณเองตั้งแต่แรก แล้วเวลาในลำดับงานจะกระชับอย่างใจคุณแน่นอน

3. ตัดพิธีการบางอย่างออกไป

พิธีการเยิ่นเย้อบางอย่าง ไม่มีความจำเป็นต้องมีในงานก็ตัดออกไป อย่าได้มีหลายขั้นตอนหรือเห็นว่าคู่อื่นทำกันคุณก็ต้องทำ เพราะถ้าเป้าหมายคือการกระชับเวลาละก็ ตัดใจตัดทิ้งซะ อย่างช่วงการสัมภาษณ์บ่าวสาวบนเวที ก็สามารถตัดออกไปแล้วเหลือเพียงให้บ่าวสาวกล่าวขอบคุณแขกไปเลย หรือแทนที่จะโยนดอกไม้แล้วต้องเสียเวลาเรียกแขกมารวมตัว ก็วิธีเลือกคนที่อยากให้ดอกไม้มารับไปเลยก็ได้

พิธีการ

4. มีประธานคนเดียว  

ตกลงกันให้ชัดว่าถ้างานนี้จะมีประธานก็มีแค่คนเดียว ไม่ต้องมีประธานแบบฝั่งละคน ซึ่งทริคก็คือ เลือกประธานที่สามารถเป็นตัวแทนของคุณทั้งคู่ได้เลย แต่ไม่จบเพียงแค่นี้นะคะ เพราะคุณต้องกำหนดเวลาให้ประธานพูดได้ด้วย ซึ่งถ้าคิดไม่ออก อ่านข้อต่อไปเลยค่ะ

5. เอาฤกษ์ยามมาเป็นเครื่องมือ (ให้ประธานพูดสั้นๆ)

แพรว wedding เข้าใจค่ะว่าการจะบอกประธานว่าให้พูดแค่สั้นๆ ไม่เกิน 3-5 นาทีดูจะบังคับจิตใจกันเกินไป แต่ของแบบนี้แจ้งกันได้แค่ต้องมีมุกกันหน่อย ซึ่งถ้าจะให้ดีและเนียนที่สุดก็คือ เอาเรื่องฤกษ์ยามมาเป็นเหตุผล โดยเฉพาะมุกที่แจ้งว่าต้องกระชับเวลาเพราะมีฤกษ์ส่งตัวนี่เวิร์คมาก พูดเลย

6. งานนี้ไม่มีเซอร์ไพร้ส์

ตกลงกันเลยให้ชัดๆ ว่าคุณทั้งคู่ต้องการให้พิธีการกระชับมากๆ ฉะนั้นไม่มีการแอบซ่อนเซอร์ไพร้ส์ให้เสียเวลา เพราะอย่าลืมนะคะว่า เวลาทำเซอร์ไพร้ส์ทั้งหลายต้องใช้เวลา ไหนจะช่วงหลอกล่อ ช่วงน้ำตาซึมเพราะซึ้งมาก หรือแม้แต่การเผยความรู้สึกหลังโดนเซอร์ไพร้ส์ ถ้าอยากจบพิธีการเร็วๆ แล้วไปปาร์ตี้เฮฮา ขอให้ยกช่วงเวลาเซอร์ไพร้ส์ไปทีหลัง และปล่อยให้พิธีการทั้งหลายจบให้ไวอย่างที่ตั้งใจ

7. ซ้อมทุกอย่างให้เป๊ะ

ทางที่ดีที่สุด ชัวร์ที่สุดที่จะทำให้การกระชับเวลาได้ผลอย่างที่ตั้งใจคือ ซ้อมพิธีการทั้งหมดกับทุกหน่วยที่มีบทบาทในวันนั้นก่อนวันจริงจนมั่นใจว่าได้เวลากระชับอย่างที่ตั้งใจแน่นอน เพื่อว่าถ้าเบ็ดเสร็จแล้วเวลายังดูยืดยาวก็จะได้หาทางตัดทอนหรือกระชับช่วงต่างๆ ให้สั้นลงไปอีก

ติดตามไอเดียและคำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

เรื่อง : Hoyamemoria
ภาพ : https://somdweddings.wordpress.com, pinterest

เรื่องที่ว่าที่บ่าวสาวต้องรู้ไว้…ก่อนสั่ง เค้กแต่งงาน ใช้งานในวันสำคัญ

หลายข้อควรรู้ก่อนออเดอร์ เค้กแต่งงาน

แม้จะมีต้นกำเนิดมาจากธรรมเนียมฝรั่ง แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจุบัน  เค้กแต่งงาน กลายเป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ในงานแต่งของคนไทยไปเสียแล้ว

ชาวตะวันตกถือว่าเค้กแต่งงานมีความสำคัญในแง่ของการเป็นอาหารมื้อแรกในชีวิตคู่ที่เจ้าบ่าว – เจ้าสาวได้กินร่วมกัน และบางคนจะเก็บเค้กชั้นบนสุดเอาไว้กินตอนฉลองแต่งงานครบ 1 ปีด้วย แต่สำหรับคนไทย เค้กแต่งงานกลับมีความสำคัญในแง่ของการเป็นไฮไลต์หนึ่งในการตกแต่ง จึงเน้นเรื่องความสวยงามเป็นหลัก เช่น เค้กที่มีสีสันหรือรูปแบบเข้ากับธีมงาน หรือเค้กสูงๆ ที่ดูอลังการ ซึ่งสมัยนี้มีให้เลือกหลากหลายแบบ แล้วเราจะเลือกแบบไหนกันดีล่ะ?

• ไซส์ ก่อนอื่นคุณต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่าจะมีเค้กแต่งงานเพื่ออะไร ถ้าเพื่อเป็นกิมมิกเก๋ๆ ก็อาจเลือกเค้ก 1-3 ชั้น แล้วตกแต่งให้สวยงามไม่ซ้ำใคร แต่ถ้าจะใช้เค้กเป็นไฮไลต์ของงานก็ต้องเป็นเค้กที่มีขนาดใหญ่เห็นได้แต่ไกล ส่วนจะกี่ชั้นก็แล้วแต่ขนาดของห้องบอลรูม เพราะถ้าห้องขนาดใหญ่แต่เค้กไม่ใหญ่พอก็จะดูไม่โดดเด่น

• เค้กจริง VS เค้กปลอม เมื่อรู้แล้วว่าจะใช้เค้กไซส์ไหน ค่อยมาเลือกว่าจะใช้เค้กประเภทใด ถ้าคุณต้องการเค้กที่มีความสูงไม่เกิน 9 ชั้นก็เลือกใช้ได้ทั้งเค้กจริงและเค้กปลอม โดยถ้าจะใช้เค้กจริงต้องเลือกเนื้อเค้กให้เหมาะ จุดนี้ว่าที่เจ้าสาวอาจคิดว่าไม่เกี่ยวกัน แต่ความจริงแล้วเกี่ยวเต็มๆ เพราะถ้าคุณใช้เค้กไซส์ใหญ่สูง 5 ชั้นขึ้นไป ก็ต้องเลือกเนื้อเค้กที่แน่นและรับน้ำหนักได้ดี เช่น บัตเตอร์เค้ก แต่สำหรับเค้กไซส์เล็กสูง 1 – 3 ชั้น สามารถเลือกเนื้อเค้กได้หลากหลายตามความชอบ

สำหรับเจ้าสาวที่ต้องการเค้กใหญ่บึ้มอลังการ แนะนำให้ใช้เค้กปลอม เพราะราคาย่อมเยากว่า ทนทาน และสามารถทำขนาดให้ใหญ่ได้แบบไร้ขีดจำกัด ไม่ต้องกังวลเรื่องโครงสร้างหรือความคงทนใดๆ ซึ่งมี 2 แบบให้เลือกคือ เค้กปลอมทั้งก้อนที่บ่าว – สาวแค่จรดมีดทำท่าตัด จากนั้นค่อยนำเค้กจริงที่ตัดรอไว้แล้วไปเสิร์ฟ และเค้กปลอมผสมเค้กจริง โดยมีทั้งแบบเป็นเค้กจริงชั้นที่ 1 – 2 ทั้งชั้น หรือเป็นเค้กจริงชั้นที่ 1 – 2 เฉพาะด้านที่คู่บ่าว – สาวตัด ซึ่งบางเจ้าที่ประณีตจะบีบครีมจริงลงไปบนชั้นอื่น ๆ ด้วยเพื่อให้ตอนจรดมีดเค้กมีการยุบตัวและมีครีมติดปลายมีด…เนียนสุดๆ ไปเลย

หากอยากใช้เค้กจริงมีข้อควรระวังคือ จำนวนแขกต้องสัมพันธ์กับชั้นของเค้ก เพราะถ้าเชิญแขกแค่ร้อยกว่าคน แต่ใช้เค้กจริง 7 ชั้น ซึ่งตัดแบ่งได้ประมาณ 200 – 300 ชิ้น เค้กก็จะเหลือทิ้งเป็นจำนวนมาก ขณะที่บางงานเชิญแขกเป็นพันๆ คน แม้จะใช้เค้ก 9 ชั้นซึ่งถือว่าสูงที่สุดแล้ว ก็ยังตัดแบ่งได้แค่ประมาณ 400 ชิ้น ดังนั้นควรสั่งเค้กหรือคัพเค้กสำหรับจัดเลี้ยงเพิ่มขึ้นต่างหากด้วย ส่วนบ่าว – สาวที่ตัดสินใจจะใช้เค้กปลอมควรเช็กกับแผนกจัดเลี้ยงของโรงแรมที่คุณจัดงานก่อน เพราะบางแห่งไม่อนุญาตให้ใช้เค้กปลอม

• การตกแต่ง ถ้าเป็นเค้กจริงก้อนใหญ่สมัยนี้นิยมตกแต่งด้วยน้ำตาลที่เรียกว่า Sugar Paste เพราะมีความคงทนกว่าครีม และยังปั้นเป็นรูปแบบต่างๆ ได้สวยงาม และขนส่งง่ายกว่า (แต่ถึงอย่างไรก็ควรให้ทางร้านนำมาส่งและเซตอัพให้ที่งานมากกว่าไปรับเอง) และเช่นกันถ้าเป็นเค้กก้อนเล็กจะสามารถเลือกการตกแต่งได้ฟรีสไตล์กว่า ไม่ว่าจะเป็นช็อกโกแลต ครีม ไอซิ่ง ฯลฯ เพราะไม่ต้องเน้นเรื่องความคงทนมากนัก

นอกจากขนาดของเค้กแล้ว สถานที่จัดงานก็มีส่วนสำคัญ ถ้าจัดงานเอ้าต์ดอร์ไม่แนะนำให้ตกแต่งหน้าเค้กด้วยไอซิ่ง วิปปิ้งครีม ช็อกโกแลตมูส ฯลฯ เพราะจะละลายและยุบตัวง่าย

สำหรับเค้กปลอม ส่วนใหญ่ทางร้านจะทำแบบและสีกลางๆ เอาไว้ให้คู่บ่าว – สาวเลือก ซึ่งราคาจะแตกต่างกันไปตามขนาดและการตกแต่ง ถ้าหากต้องการสั่งทำเค้กปลอมใหม่ขึ้นมาเพื่อให้เข้ากับงานโดยเฉพาะ ราคาจะสูงพอ ๆ กับเค้กจริงเลยทีเดียว

 

สารพัดไอเดียสำหรับคู่บ่าว – สาวที่เบื่อการตัดเค้กต้องลองไอเดียเหล่านี้เลย

รินแชมเปญ การตั้งแก้วแชมเปญซ้อนขึ้นไปเป็นทาวเวอร์นั้นดูหรูหราพอตัว จึงสามารถใช้ตั้งแทนเวทีเค้กได้ เมื่อบ่าว สาวรินแชมเปญให้ค่อยๆ ไหลลงมาในแก้วก็ดูสวย ถ่ายภาพออกมาดูดี และยังสามารถแจกแชมเปญให้แขกร่วมดื่มฉลองกับเราได้อีกด้วย

ขนมหวานอื่นๆ การนำคัพเค้กสีสวยมาการองแสนหวาน หรือเค้กป็อปมาเรียงบนชั้นลดหลั่นกันไปแทนเค้กชั้นต่างๆ ซึ่งคัพเค้กดูจะได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะมีความใกล้เคียงกับเค้ก แต่เป็นถ้วยพอดีคำ เลือกรสชาติได้หลากหลาย และสั่งให้แต่งหน้าตามธีมงานได้

ขนมไทยต่างๆ เป็นอีกไอเดียสำหรับคู่บ่าวสาวที่จัดพิธีไทยช่วงเช้าแล้วเลี้ยงช่วงกลางวัน รวมถึงงานเลี้ยงกลางคืนของบ่าวสาวนิยมไทย โดยขนมที่นิยมมีทั้งวุ้นขนมชั้น และขนมตระกูลทองทั้งหลาย ซึ่งเราได้ครีเอตไอเดียดีๆ ในการจัดขนมไทยแทนเค้กมาฝากคุณผู้อ่านด้วย ขอบอกว่าทำตามได้จริงและดูสวยโมเดิร์นไม่ซ้ำใครถ่ายภาพออกมางามแน่นอน

รดน้ำต้นไม้ เป็นอีกกิจกรรมที่นิยมทำแทนการตัดเค้ก เนื่องจากแทนความหมายถึงการดูแลความรักให้งอกงามไปด้วยกัน นิยมใช้ต้นไม้น่ารักๆ เช่น ต้นโฮย่าที่มีรูปทรงคล้ายหัวใจ เฟินชนิดต่างๆ เดปกระเป๋า ฯลฯ มาจัดวางบนสแตนด์ไล่ระดับ เมื่อถึงเวลาก็ร่วมกันใช้ฝักบัวรดน้ำต้นไม้เหล่านั้นแทนการตัดเค้ก

รู้ทริคดีๆ แล้วก็ไปออเดอร์กันได้เลย ร้านเค้กแต่งงานที่อยากบอกต่อคัดมาให้แล้วรับประกันความอร่อย

ภาพ easyweddings.com.au, rainbowsugarcraft.co.uk

คอนแทคเลนส์เจ้าสาว ใส่ยังไงให้สวยปังไม่หลอกตา!

คอนแทคเลนส์เจ้าสาว กลายเป็นของจำเป็นไปซะแล้ว! ว่าแต่เลือกยังไงไม่ให้พลาดพลั้ง ไม่ให้ดูหลอก ดูพัง ไม่ว่าจะมองใกล้ไกลก็สวยเพอร์เฟ็ค เรารวมคำตอบมาให้แล้วค่ะ

คอนแทคเลนส์เจ้าสาว หรือคอนแทคเลนส์สี กลายเป็นสิ่งขาดไม่ได้เมื่อแต่งหน้าเจ้าสาว เพราะช่วยเสริมลุคดวงตาให้ดูละมุนเข้ากั๊นเข้ากันกับเมกอัพเจ้าสาว ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่คอนแทคเลนส์เจ้าสาวนั้นช่างแต่งหน้าอาจจะเตรียมมาให้แล้วหรือมีชิ้นเด็ดแนะนำ แต่เราก็ยังอยากบอกทิปส์การเลือกคอนแทคเลนส์ที่จะช่วยเสริมลุคดวงตาในวันสำคัญของคุณเจ้าสาวให้ดูละมุนนี สวยเป๊ะปังไม่พลาด ไม่หลอกตา สวยทั้งมองใกล้ๆ และมองไกลๆ เลยละค่ะ

  1. ไม่ควรเป็นบิ๊กอายหมายถึงว่าเราควรเลือกคอนแทคเลนส์สีแบบที่ขอบเลนส์พอดีขอบตาดำตามธรรมชาติ เพราะการใส่บิ๊กอายนั้นนอกจากจะเอ้าท์ไม่อินเทรนด์แล้ว ยังทำให้ตาดำของเราดูผิดขนาด ลุคสวยๆที่ควรจะเพอร์เฟ็คจะกลายเป็นดูไม่สมดุลและพังเอาได้
  2. ไม่ควรเป็นสีดำสนิท เพราะนอกจากจะทำให้ดวงตาของเราดูแข็งไม่อ่อนโยนไม่ละมุนแล้ว เวลาถ่ายรูปออกมา ตาดำเราจะดูโพลงเหมือนตาเอเลี่ยนยังไงยังงั้นเลย ไม่เวิร์คชัวร์ เชื่อเราเถอะคอนแทคเลนส์เจ้าสาว
  3. ไม่ควรเป็นแบบตัดขอบชัดเจน ด้วยเหตุผลเดียวกันกับข้อข้างบน นั่นคือถ้าหากเราใส่คอนแทคเลนส์สีแบบขอบชัดเจน เมื่อถ่ายภาพออกมาดวงตาของเราจะดูแข็ง และส่งให้ลุคโดยรวมของใบหน้าไม่เป็นธรรมชาติ จริงๆแล้วหากใส่ไปงานปาร์ตี้หรืองานกลางคืนอื่นๆ ที่ไม่ใช่งานแต่งงานอาจจะพอได้นะ แต่สำหรับลุคเจ้าสาวสวยหวาน เราแนะนำแบบไม่ตัดขอบ หรือขอบฟุ้งๆดีกว่าค่ะ
  4. ทริคในการเลือกคอนแทคเลนส์ให้เหมาะกับสาวไทย คือเลือกคอนแทคเลนส์ที่มีส่วนผสมของสีเขียว เพราะสีเขียวในเนื้อสีจะเบลนด์เข้ากันได้ละมุนกับผิวสีเหลืองและพื้นตาสีน้ำตาลเข้มของเรา ไม่ทำให้หน้าเราดูหลอกค่ะคอนแทคเลนส์เจ้าสาว
  5. ไม่แนะนำคอนแทคเลนส์สีเทาที่มีส่วนผสมของสีฟ้า เพราะจะทำให้ดวงตาของเราดูเป็นสาวฝรั่ง แต่ถ้าใบหน้าของคุณดูยังไงก็สาวเอเชีย กลับจะดูแปลกและขัดหูขัดตาได้ ถ้าอยากใส่สีเทา เราแนะนำให้เป็นสีเทาที่มีส่วนผสมของสีเขียวอยู่ด้วย จะดูเป็นธรรมชาติสำหรับใบหน้าสาวไทยมากกว่าค่ะ
  6. สีที่เหมาะสำหรับเจ้าสาวพิธีเช้าที่ต้องการความสุภาพ ดูหวานละมุน คือสีน้ำตาลอมเขียว หรือสีน้ำตาลอมทอง
  7. สีที่เหมาะสำหรับเจ้าสาวชุดสากล ช่วยให้ถ่ายรูปในที่แสงน้อยแล้วยังดูโดดเด่นคือสีเทาอมเขียวค่ะคอนแทคเลนส์เจ้าสาว

เป็นยังไงบ้างคะว่าที่เจ้าสาว? อ่านทริคของเราแล้ว สามารถเลือกคอนแทคเลนส์ในดวงใจกันได้หรือยังคะ? อยากจะบอกว่า ทริคเหล่านี้สามารถเอาไว้ใช้ในโอกาสอื่นได้ด้วยนะ เช่น หาคอนแทคเลนส์สีดูสุภาพเป็นธรรมชาติไปสัมภาษณ์งาน หรือใส่ไปปาร์ตี้ให้เก๋ๆแต่ดูไม่หลอกตา เรียกได้ว่ารู้ทีเดียว ใช้ได้หลายสถานการณ์เลยละค่ะ

ถ้าชอบคอนเท้นต์นี้ของเรา ลองคลิกอ่าน >>> รวมลิสต์ ช่างแต่งหน้าทำผมเจ้าสาว ที่คิวฮ็อตสุดในจุดนี้พร้อมอัพเดทราคา

Credit Photo: Freshlook , 3CE Cosmetics

เตรียมตัวจัดของให้พร้อมแล้วไปหาฤกษ์แต่งงานกันเถอะ!

ฤกษ์แต่งงาน ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญของว่าที่บ่าวสาวทั้งไทยและจีน เพราะพอลั่นวาจาว่าจะแต่งงานกันแล้วนะ พ่อแม่ญาติพี่น้องของทั้งสองฝ่ายต่างก็พากันยกโขยงไปหาเกจิอาจารย์ชื่อดัง หรือซินแสที่ครอบครัวเคารพนับถือเพื่อหาฤกษ์ดีอันเป็นมงคล ซึ่งน้อยครั้งนักที่คู่บ่าวสาวจะลงไปจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง จนบางครั้งก็ทำให้เกิดคำถามในใจว่า แล้วการไปดูฤกษ์แต่งงานนั้นต้องใช้อะไรบ้าง แพรว wedding เลยจัดข้อมูลมาให้บ่าวสาวได้รู้เผื่อจะได้เตรียมตัวไปหาฤกษ์ดีกันด้วยตัวเอง 

ตามแบบฉบับการหาฤกษ์แต่งงานของคนไทยก็จะเหมือนเวลาที่เราไปดูดวงกันตามปกติ คือต้องใช้

  • ชื่อ-นามสกุลของว่าที่บ่าวสาว
  • วัน เดือน ปีและเวลาตกฟาก (เวลาเกิด) ของว่าที่บ่าวสาว
  • ช่วงระยะเวลาที่ต้องการจัดงานแต่งว่าเป็นวันไหน เดือนไหน ปีไหน

ส่วนการหาฤกษ์แต่งงานแบบจีนนั้นก็จะมีรายละเอียดมากกว่าแบบไทยเล็กน้อย ซึ่งควรเตรียมข้อมูลให้ซินแสดังนี้

  • ชื่อ-นามสกุลของว่าที่บ่าวสาว (ถ้ามีชื่อจีนให้แจ้งด้วย)
  • วัน เดือน ปี เกิดของว่าที่บ่าวสาว
  • วัน เดือน ปี เกิดของพ่อแม่บ่าวสาว (เฉพาะผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่)
  • สถานที่ประกอบพิธีแต่งงาน เช่น บ้าน โรงแรม
  • ทิศของหลังบ้านและหัวเตียง
  • ช่วงระยะเวลาที่ต้องการจัดงานแต่งว่าเป็นวันไหน เดือนไหน ปีไหน

นอกจากนี้ หมอดูหรือซินแสบางท่านบางสำนักอาจขอข้อมูลเพิ่มเติม เช่น สถานที่เกิดของว่าที่บ่าวสาว อาชีพปัจจุบัน หลังจากแต่งงานแล้วจะอยู่ด้วยกัน หรือว่าใครจะย้ายเข้าบ้านใคร รวมถึงว่าทั้งคู่ต้องการมีลูกด้วยหรือไม่ เป็นต้น

หลังจากเตรียมข้อมูลดังกล่าวเรียบร้อยแล้วก็ถึงเวลาเตรียมสิ่งของค่ะ ซึ่งของที่จะขาดไม่ได้เลยสำหรับการหาฤกษ์แต่งงาน (ถ้าขาดไปนี่ไม่ต้องไปดูฤกษ์เลยนะ!) ก็คือ “เงิน” ค่ะ บางที่ก็เรียกค่าบูชาครูหรืออะไรก็ตามแต่ โดยอัตราค่าบริการอยู่ที่ฟรี (พระบางท่านก็ใจดีไม่คิดเงินนะ) ไปจนถึงหลักหลายร้อยหลายพันบาทแล้วแต่สำนัก ใครสะดวกสบายใจจะไปสำนักไหนก็เช็คราคากันให้ดี บางที่อาจมีค่าใช้จ่ายมากกว่าการหาฤกษ์ เช่น เพิ่มเงินเพราะเป็นคู่ที่หาฤกษ์แต่งงานยาก ค่าแก้เคล็ดดวงชงหรือดวงไม่สมพงษ์กัน แบบนี้เป็นต้น

สิ่งต่อมาที่ต้องเตรียมก็คือ “ปากกา” และ “กระดาษจด” เพื่อไม่ให้หลงลืมสิ่งสำคัญ ซึ่งบางสำนักก็มีเจ้าหน้าที่นั่งฟังกับเราและช่วยจดด้วย แต่สำหรับใครที่กลัวจดไม่ทัน แนะนำให้เปิดแอพลิเคชั่นอัดเสียงในมือถือไปเลยค่ะ รับรองว่าเป๊ะทุกคำพูด ไม่มีตกหล่นแน่นอน

เรื่องสุดท้ายที่เราอยากให้ว่าที่บ่าวสาวจำและตระหนักไว้เสมอก็คือ บางครั้งฤกษ์แต่งงานที่ได้มาอาจจะไม่ตรงกับวันที่เราต้องการเสมอไป บางคนไม่สะดวก บางคนตรงกับวันหยุดและจะไม่มีแขกมา บางคนติดภารกิจการงานใหญ่หลวง แต่ยังไงตามอย่าเพิ่งนอยด์กันไปนะคะ มองดู “ฤกษ์สะดวก” ตามคำของพระที่ท่านว่า “ฤกษ์สะดวก คือฤกษ์ที่ดีสุด” แบบนี้น่าจะโอเคกว่าเนอะ

แต่ถ้าใครยังไม่มีคู่ ต้องไปตามไปอ่านกันด่วนๆ >>> 3 ความเชื่อเรื่องเนื้อคู่ ทำตามนี้รับรองสละโสดบอกเลิกคานชัวร์

ข้อมูล : astroneemo.net, fengshuitown.com

ไม่สับสนอีกต่อไปกับ ผังที่นั่งงานแต่งไทย นั่งอย่างไรให้ถูกที่

ผังที่นั่งงานแต่งไทย ตามนี้เลย

พิธีแต่งงานแบบไทยนั้น ตำแหน่งการนั่งของบุคคลสำคัญเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่บ่าวสาวหลายคู่สงสัยและมักจะถามกันเข้ามาบ่อยๆ ว่า ประธาน พ่อ แม่ และเจ้าบ่าวเจ้าสาวต้องนั่งตรงไหน นั่งซ้ายหรือนั่งขวา อีกทั้งพิธีไทยและจีนก็มักจะนั่งต่างกัน แพรว wedding เลยมี ผังที่นั่งงานแต่งไทย พร้อมคำอธิบายมาฝากกันค่ะ

ผังที่นั่งงานแต่งไทย

สำหรับงานแต่งพิธีไทยนั้น เราขอเริ่มที่ประธานในพิธีกันก่อน โดยให้ประธานนั่งตรงกลางของเวที ประธานฝ่ายเจ้าบ่าวให้นั่งด้านขวามือ แล้วตามด้วยพ่อเจ้าบ่าวและแม่เจ้าบ่าวตามลำดับ ส่วนทางซ้ายมือก็เริ่มต้นด้วยประธานฝ่ายเจ้าสาว แล้วจึงตามด้วยพ่อเจ้าสาวและแม่เจ้าสาวเช่นกัน

สำหรับตัวของบ่าวสาวจะนั่งอยู่หน้าโต๊ะวางสินสอด (บางงานก็เอาโต๊ะออกในช่วงสวมแหวน) โดยให้เจ้าบ่าวนั่งฝั่งขวามือ และเจ้าสาวนั่งฝั่งซ้ายมือของเวที

ทั้งหมดที่ว่ามานี้ พูดง่ายๆ ก็คือ แบ่งเวทีออกเป็นสองฝั่ง ฝั่งขวามือเป็นฝั่งของครอบครัวเจ้าบ่าว และฝั่งซ้ายมือเป็นฝั่งของครอบครัวเจ้าสาว เพียงแค่นี้ก็จัดวางตำแหน่งที่นั่งบนเวทีได้แบบง่ายๆ ไร้ความงงงวยกันแล้วจ้า

ส่วนว่าที่บ่าวสาวแดนมังกรก็ไม่ต้องน้อยใจ เพราะเรามี ภาพผังที่นั่งบนเวทีในงานแต่งจีน มาฝาก

ภาพกราฟิกประกอบ : พิชญาภาเพลิน

หล่อปังทรงพลังทั้งแก๊ง กับเทคนิคการเลือกชุดเจ้าบ่าวและผองเพื่อน

ไม่ใช่แค่คุณเจ้าสาวและแก๊งสาวๆ เท่านั้นที่จะต้องแต่งชุดที่แมตช์กันในวันแต่งงานนะคะ เพราะแก๊งของชายหนุ่มมาดแมนอย่างว่าที่เจ้าบ่าวและเหล่าผองเพื่อน เขาก็ต้องการดูมาดแมนแฮนด์ซั่มในวันสำคัญนั้นเช่นกัน แพรว wedding เลยจัด 5 ทริดสุดเจ๋งที่จะช่วยให้คุณและเดอะแก๊งหล่อแบบยกแพ็คมาฝาก กับการเลือก ชุดเจ้าบ่าว และชุดเพื่อนๆ ให้ดูเข้ากันทรงพลังแบบยกแก๊ง

1. เลือกประเภทของเครื่องแต่งกาย

แก๊งหนุ่มๆ นั้นมีขอดีตรงที่ว่า ประเภทของเครื่องแต่งกายนั้นไม่ได้เยอะแยะมากมายเหมือนอย่างของเจ้าสาวหรือแก๊งเพื่อนเจ้าสาว เพราะตัวเลือกสไตล์ชุดของหนุ่มๆ นั้นมีแค่ ชุดสูท หรือ ชุดทักซิโด เท่านั้น ก็ทำให้ตัดสินใจได้ง่ายหน่อย แต่ก็จะต้องมีปัจจัยอื่นๆ ที่แก๊งหนุ่มๆ ต้องเลือกเหมือนกัน เช่น ต้องการความเป็นทางการระดับไหน, มีงบประมาณเท่าไหร่ รวมไปถึงต้องศึกษาข้อดี-ข้อเสียของประเภทชุดที่เลือกด้วย ซึ่งชุดทักซิโดเหมาะกับงานที่เป็นทางการมากกว่าชุดสูท ที่มักจะมีหลากหลายแบบให้เลือก ไม่ว่าจะเป็น สูทแบบกึ่งทางการ หรือสูทสไตล์แคชชวล ซึ่งการสวมสูทให้ดูดีนั้นควรจะสวมให้พอดีกับตัว

2. พึ่งพามืออาชีพ

เทคนิคนี้เหมือนกันกับแก๊งของสาวๆ อย่างไม่มีผิดเพี้ยน เพราะผู้เชี่ยวชาญด้านสูทจะสามารถให้คำปรึกษาและให้คำแนะนำกับหนุ่มๆ ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของขนาด, เนื้อผ้า หรือแอคเซสซอรี่ต่างๆ ที่เหมาะกับสไตล์ชุดที่คุณเลือก ยิ่งงานนี้คุณได้ผู้ช่วยมืออาชีพฝีมือดีเท่าไหร่ก็จะช่วยให้ลุคของคุณและเดอะแก๊งดูดีมากเท่านั้น

3. ต้องเข้ากันได้ดีกับชุดแก๊งเพื่อนเจ้าสาว

ข้อนี้สำหรับแก๊งเพื่อนเจ้าบ่าวโดยเฉพาะ เพราะถึงแม้ว่าชุดของผู้ชายจะมีแค่ทักซิโดกับสูท แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความชุดผู้ชายจะมีแค่สีดำนะคะ แต่ชุดผู้ชายนั้นก็มีหลากหลายสีสันของเนื้อผ้าให้หนุ่มๆ ได้เลือกมิกซ์แอนด์แมตช์เช่นกัน โดยข้อนี้หนุ่มๆ อาจจะต้องท่องคำว่า ‘เลดี้เฟิร์ส’ ด้วยการให้คุณสาวๆ เขาไปเคาะแบบเลือกสีกันมาก่อนว่า ชุดของพวกเธอจะประมาณไหน สีอะไร เผื่อที่หนุ่มๆ จะได้เลือกแอคเซสซอรี่ แบบชุดสูท และสีสันให้แมตช์กันกับแก๊งสาวๆ ได้อย่างลงตัว เพื่อให้ภาพรวมของงานออกมาดูดี

4. อย่าลืมเผื่อเวลาสำหรับการปรับแก้ทรง

ข้อนี้จะไม่มีปัญหาหากหนุ่มๆ มีชุดสูทตัวเก่งของตัวเองอยู่แล้ว แต่หากชายหนุ่มคนใดที่ไม่เคยต้องแต่งกายอย่างเป็นทางการมาก่อน คุณจะได้รับสิทธิ์การตัดหรือเช่าชุดสูททันที ซึ่งทั้งสองตัวเลือกนี้ต่างก็ต้องใช้เวลาในการออกแบบ ตัดเย็บ และปรับแก้ทรงทั้งนั้น ซึ่งเวลาในการตัดสูทนั้นจะอยู่ประมาณ 2 อาทิตย์ แต่ถ้าหากหนุ่มๆ อยากได้เนื้อผ้าชนิดพิเศษที่ต้องสั่งพิเศษมาอีก ก็อาจจะต้องใช้เวลาในการรอเนื้อผ้าไปอีก เพราะฉะนั้นอย่าชะล่าใจคิดว่าสูทผู้ชายใช้เวลาน้อยนะจ๊ะ เพราะถ้าไปใช้บริการร้านดังคุณอาจจะเจอแจ็กพ็อตต้องรอคิวเป็นเดือนก็ได้ใครจะไปรู้

5. เลือกเติมแอคเซสซอรี่ได้ตามความสนุก

ไม่ว่าจะเป็น ถุงเท้าหลากสี โบไทสไตล์เก๋ หรือคัฟลิงค์สุดเท่ เพียงแค่เจ้าบ่าวและเดอะแก๊งเลือกทุกอย่างให้ดูเข้ากันทั้งกับชุด ลุค และธีมงาน เท่านี้ก็ได้ลุคสุดสนุกแต่ยังคงคอนเซปต์ความเท่ไว้ได้แบบไม่หลุดธีมแน่นอน

ชุดเจ้าบ่าว

เลือกชุดหล่อเข้ากันแล้วก็อย่าลืม เลือกรองเท้าให้เข้ากับชุดสูท กันด้วยนะคะ

CR. stylemepretty.com, pexels.com

เช็คลิสต์ใครเป็นใคร ทำหน้าที่อะไรในพิธีแต่งงานแบบคริสต์

บางคนอาจจะคิดว่า พิธีแต่งงานแบบคริสต์ นั้นดูเป็นพิธีที่เรียบง่ายและยุ่งยากน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับงานแต่งงานแบบไทยหรือแบบจีน แต่จริงๆ แล้วพิธีแบบคริสต์นั้นก็มีขั้นตอนที่ต้องเตรียมการ รวมไปถึงบุคคลต่างๆ นอกเหนือจากบ่าวสาว ที่ต้องทำหน้าที่ของตัวเองในวันงานด้วย แพรว wedding เลยลิสต์รายชื่อบุคคลพร้อมหน้าที่ที่ต้องทำในวันแต่งงานมาให้ เพื่อที่บ่าวสาวจะได้จัดเตรียมกันไว้ได้ถูก

1 The Minister : ผู้ประกอบพิธี

นั่นก็คือตำแหน่งบาทหลวงในคาทอลิก หรือศิษยาภิบาลในคริสเตียน ทำหน้าที่ประกอบพิธีสมรสให้กับบ่าวสาวตามหลักของนิกายนั้นๆ แต่มีหน้าที่หนึ่งอย่างที่ต้องทำเหมือนกันคือเป็นผู้อ่านคำสอนจากพระคัมภีร์ เทศน์ให้โอวาท และดำเนินจารีตสมรสด้วยการถามถึงความประสงค์ของบ่าวสาวในการครองคู่กัน จากนั้นจึงกล่าวให้แลกแหวน และรับรองความเป็นสามีภรรยาของทั้งคู่โดยถูกต้องตามหลักศาสนา

พิธีแต่งงานแบบคริสต์

2 Father of the Bride : คุณพ่อเจ้าสาว

ทำหน้าที่ให้เจ้าสาวเดินควงแขนซ้ายเข้าสู่พิธี และส่งตัวให้กับเจ้าบ่าวเป็นลำดับถัดไป เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าพ่อแม่เห็นชอบกับการแต่งงานครั้งนี้ และยินดีให้บุตรสาวเข้าสู่พิธีแต่งงานเพื่อไปสร้างครอบครัวกับเจ้าบ่าว เมื่อส่งตัวเจ้าสาวให้กับเจ้าบ่าวเรียบร้อยแล้วก็จะเดินกลับมานั่งกับคุณแม่เจ้าสาว

3 Groomsmen : เพื่อนเจ้าบ่าว

หนึ่งในแก๊งเพื่อนเจ้าบ่าวจะต้องมีหนึ่งคนที่ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าเพื่อนเจ้าบ่าว หรือ Best Man โดยมักเลือกจากเพื่อนที่สนิทที่สุดหรืออาวุโสที่สุดในกลุ่มมาทำหน้าที่สำคัญนี้ ซึ่งหน้าที่ก็คือเป็นผู้รักษาแหวนแต่งงานของบ่าวสาวเอาไว้จนกระทั่งถึงพิธีแลกแหวน และจะต้องยืนอยู่ข้างเจ้าบ่าวตั้งแต่เริ่มต้นพิธี พร้อมทำหน้าที่เป็นพยานเพื่อให้งานแต่งงานถูกต้องตามหลักศาสนา และในบางพิธีอาจมีการให้ Best Man กล่าวถึงบ่าวสาวเล็กน้อยอีกด้วย

4 Bridesmaids : เพื่อนเจ้าสาว

ตำแหน่งนี้ไม่ได้จำกัดว่าจะต้องเป็นแค่เพื่อนเท่านั้น แต่พี่สาวหรือน้องสาวก็สามารถทำหน้าที่นี้ได้ โดยเพื่อนเจ้าสาวจะทำหน้าที่ร่วมขบวนเจ้าสาวและคอยช่วยเหลือเจ้าสาวตลอดพิธีการ รวมไปถึงการรักษาช่อดอกไม้เจ้าสาว และเป็นผู้เปิดผ้าคลุมเมื่อบาทหลวงประกาศให้บ่าวสาวจูบกันได้ และเช่นเดียวกับเพื่อนเจ้าบ่าว เพราะเพื่อนเจ้าสาวก็ต้องมีหัวหน้าเพื่อนเจ้าสาวเช่นกัน โดยจะต้องทำหน้าที่เป็นแม่งานจัดเตรียมทุกอย่างให้เรียบร้อย ประหนึ่งเหมือนเป็นเวดดิ้งแพลนเนอร์ก็ว่าได้

5 Ring Bearer : เด็กชายถือแหวน

เป็นเด็กชายอายุประมาณ 5-10 ขวบ ที่มีความเกี่ยวข้องกับคู่แต่งงาน ทำหน้าที่เดินถือแหวนแต่งงานเข้าสู่พิธี ซึ่งตามธรรมเนียมดั้งเดิมแหวนแต่งงานจะเย็บติดกับหมอนผ้าซาตินสีขาวและเป็นแหวนปลอม เพราะแหวนจริงนั้นอยู่ที่เพื่อนเจ้าบ่าว หรือ Best Man นั่นเอง

6 Flower Girls : เด็กหญิงถือช่อดอกไม้

เป็นเด็กผู้หญิง 1-2 คนอายุไม่เกิน 9 ปี ซึ่งมักเป็นญาติของฝั่งเจ้าสาว ทำหน้าที่เดินถือช่อดอกไม้และโปรยกลีบดอกไม้นำหน้าเจ้าสาว และมักนิยมแต่งตัวให้เข้ากับเด็กชายถือแหวน

7 Candle Lighters : คู่ชายหญิงจุดเทียน

ถือว่าเป็นคนสำคัญของพิธีแต่งงานก็ว่าได้ เพราะทั้งคู่จะเป็นผู้จุดเทียนเริ่มต้นทำพิธีที่หน้าเชิงเทียนทำพิธีเพื่อเป็นสัญญาณให้นักดนตรีเริ่มบรรเลงเพลง โดยมักจะเป็นเด็กชายหญิง 1 คู่ที่โตพอสมควรและมีความสูงพอๆ กัน

8 Musicians : นักดนตรี

ผู้ทำหน้าที่บรรเลงเพลง Wedding March เมื่อบ่าวสาวเข้าสู่พิธี และมักเป็นนักดนตรีประจำโบสถ์นั้นๆ เพราะบางโบสถ์ไม่อนุญาติให้ใช้นักดนตรีจากข้างนอก หรือบางพิธีอาจมีนักร้องประจำโบสถ์เพื่อร้องเพลงหลังจากที่บาทหลวงอ่านพระคัมภีร์บทที่ 1 จบลง

9 Ushers : ผู้เชิญแขก

ถือเป็นอีกหนึ่งหน้าที่สำคัญเพราะต้องรับรองทั้งแขกของฝั่งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวให้เข้าสู่พิธีเพื่อเข้านั่งประจำที่ในโบสถ์ โดยแขกฝั่งเจ้าสาวจะนั่งทางซ้าย และแขกของเจ้าบ่าวจะนั่งทางขวา ซึ่งผู้ที่จะทำหน้าที่นี้จะต้องเป็นคนที่ยิ้มแย้มแจ่มใส พูดจาไพเราะ และพร้อมให้การช่วยเหลือกับแขกตลอดเวลา เพราะฉะนั้นหากบ่าวสาวมีแขกมาร่วมงานเยอะก็อาจจะต้องจัดหาผู้ที่ทำหน้าที่นี้ให้เหมาะสมกับจำนวนแขกด้วยเพื่อที่จะได้ดูแลแขกได้อย่างทั่วถึง

10 Attendants : ผู้เข้าร่วมพิธี

เรียกได้ว่าเป็นตำแหน่งที่สำคัญที่สุดในพิธีแต่งงานก็ว่าได้ ซึ่งแขกที่มาร่วมงานนั้นไม่จำกัดศาสนา โดยบ่าวสาวจะต้องคำนวณที่นั่งให้เพียงพอกับแขกที่เชิญไปด้วย

อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับการเตรียมงานแต่งงานและดูไอเดียงานแต่งอีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย!

cr. livingwaterfamilychurch.org, insideweddings.com, marthastewartweddings.com, weddbook.com

5 เทคนิคพิชิตธีมงานวินเทจ ทำตามได้ง่ายแบบไม่เปลืองงบ

เชื่อได้ว่าบ่าวสาวยุคใหม่หลายคนน่าจะมีธีมงานแต่งที่เป๊ะปังไม่เหมือนใครอยู่ในใจ ซึ่งหนึ่งในธีมเหล่านั้นเราเชื่อว่า ธีมงานวินเทจ น่าจะชนะใจบ่าวสาวเด็กแนวไม่มากก็น้อย เพราะด้วยเสน่ห์ของความเก่าที่ดูเรียบง่ายแต่แฝงไว้ด้วยความคลาสสิคอย่างมีสไตล์ จึงไม่แปลกใจที่คู่รักสายฮิปจะหลงรักธีมนี้เป็นพิเศษ แพรว wedding เลยจัด 5 เทคนิคพิชิตธีมงานสไตล์วินเทจมาให้เหล่าบ่าวสาวมือใหม่ได้ลองไปทำตามกันดู รับรองว่าง่ายกว่าที่คิดไว้แน่นอน

1. ใช้ของสะสม

ธีมงานวินเทจ

สร้างบรรยากาศย้อนยุคโดยการตกแต่งด้วยข้าวของเครื่องใช้โบราณหรือของเก่าเก็บสมัยคุณพ่อคุณแม่ยังสาว งานนี้เรียกว่ายิ่งเก่ายิ่งดูคลาสสิก หรือนำสิ่งของที่ใช้กันในอดีตมาดัดแปลงเป็นของชำร่วยเก๋ๆ รับรองว่าเมื่อแขกเหรื่อได้รับต้องชวนให้รำลึกถึงความหลังกันแน่นอน

2. ใช้สีน้ำตาลหรือสีพาสเทล

เพราะธีมวินเทจเป็นธีมที่เน้นความเรียบง่าย สบายๆ แต่แฝงไปด้วยความคลาสสิก สีที่เหมาะจึงเป็นสีน้ำตาลหรือสีพาสเทล มองแล้วสบายตาและช่วยสร้างบรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเอง

3. ใช้ผ้าลูกไม้

แต่งแต้มเสน่ห์ความหวานสไตล์ย้อนยุคด้วยการนำผ้าลูกไม้มาใช้เป็นองค์ประกอบในการตกแต่งหรือประดิษฐ์เป็นข้าวของต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น บูเกต์ บูโทเนียร์ แพคเกจจิ้งของชำร่วย รวมถึงหัวใจสำคัญอย่างชุดเจ้าสาว

4. ใช้ลายดอก

ข้าวของลายดอกให้อารมณ์วินเทจหวานๆ ได้เป็นอย่างดี อาจเลือกใช้เป็นถ้วยชามลายดอกสำหรับโต๊ะจัดเลี้ยงสไตล์วินเทจ นำลวดลายดอกไม้มาออกแบบเป็นการ์ดเชิญ หรือแทคทีมแก๊งค์เพื่อนบ่าวสาวด้วยชุดลายดอกแสนเก๋

5. ใช้ดอกไม้สีหวาน

งานแต่งธีมวินเทจไม่จำเป็นต้องตกแต่งดอกไม้ให้ฟู่ฟ่า เพียงแค่ใช้แซมเล็กๆ น้อยๆ เพื่อเพิ่มความอ่อนหวานเท่านั้น แนะนำว่าควรเลือกใช้เป็นดอกไม้สีหวานๆ เช่น สีขาว สีชมพูอ่อน สีโอลด์โรส เป็นต้น

ดูไอเดียงานจัดงานแต่งงานและคำแนะนำดีๆ อีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ : roowedding.com, www.tulleandchantilly.com, www.designlisticle.com,
ourweddingideas.com, wowwedding.co, www.pinterest.com

7 สิ่งที่ว่าที่เจ้าสาวต้องทำหากต้องการ แต่งหน้าเจ้าสาว ด้วยตัวเอง

ไม่ใช่เรื่องผิดถ้าเจ้าสาวจะลงมือ แต่งหน้าเจ้าสาว ในวันสำคัญด้วยตัวเองไม่พึ่งช่างแต่งหน้า แต่จะต้องเตรียมตัวยังไงบ้างให้สวยในวันสำคัญไม่แพ้ฝีมือช่าง? มาดูกัน

มีบ้างที่ ว่าที่เจ้าสาว แพลนจะลงมือ แต่งหน้าเจ้าสาว ในวันสำคัญของเราด้วยตัวเองไม่พึ่งช่างแต่งหน้ามืออาชีพ ซึ่งเราบอกเลยว่าไม่ใช่เรื่องผิดนะคะ เพราะขนาด Kate Middleton ดัชเชสแห่งเคมบริจน์ ก็ลงมือแต่งหน้าเจ้าสาวด้วยตัวเองเหมือนกันข้อดีของการลงมือแต่งหน้าทำผมเจ้าสาว ด้วยตัวของเราเอง นอกจากความภาคภูมิใจแล้วเราเจ้าสาวซึ่งรู้จักสิ่งที่ตัวเองต้องการมากที่สุดยังสามารถครีเอทลุคเมกอัพและทรงผมที่ตัวเองต้องการจริงๆได้ด้วย แต่ก่อนอื่นเราอยากแนะนำสิ่งต่อไปนี้ ให้กับเหล่าว่าที่เจ้าสาวที่จะลงมือแต่งหน้าทำผมตัวเอง เพื่อเพิ่มความชัวร์ไม่ให้พลาดในวันสำคัญของคุณค่ะ

แต่งหน้าเจ้าสาว

1. ฝึกฝนให้มากเข้าไว้!
เราเชื่อว่า เหล่าว่าที่เจ้าสาวที่ตัดสินใจแต่งหน้าทำผมตัวเองในวันสำคัญส่วนใหญ่มีสกิลการแต่งหน้าทำผมในระดับนึงแล้วแหละ แต่เราก็อยากให้คุณฝึกฝนจากการแต่งหน้าไปทำงานหรือไปเที่ยวในชีวิตประจำวันนี่แหละค่ะ ลองแต่งดูหลายๆลุค ดูว่าลุคไหนแมทช์กับเราที่สุด รวมทั้งลองศึกษาทิปส์การแต่งหน้าต่างๆจากบล็อคของเหล่าบิวตี้บล็อคเกอร์และเมกอัพอาร์ทิสต์ดูนะคะ

2. ลงทุนกับสกินแคร์
งานผิวที่ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง เราอยากให้ว่าที่เจ้าสาวลงทุนกับสกินแคร์ดีๆ หรือมีวินัยกับการดูแลผิวหน้าตัวเองอย่างเคร่งครัดเป็นพิเศษ เพราะเมื่อแต่งหน้าบนพื้นผิวหน้าที่ดี เราแทบไม่ต้องลงสีสันหรือพยายามปกปิดอะไรมากก็สามารถสวยได้อย่างเป็นธรรมชาติแล้วค่ะ (คลิกอ่าน มาส์กหน้าเตรียมผิวเจ้าสาว หรือจะ ทำมาส์กฉบับเจ้าสาวจากวัตถุดิบในครัว ที่นี่!)

3. ศึกษาการแต่งหน้าเพื่อถ่ายภาพออกมาแล้วสวย
เพราะสกิลการแต่งหน้าเพื่อถ่ายภาพสวยนั้นไม่เหมือนการแต่งหน้าสวยในชีวิตประจำวันทั่วไปนะคะ การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ก็มีความแตกต่างกัน และยังต้องอาศัยเทคนิคการ sculpting หรือเฉดดิ้งรูปหน้าให้ชัดเจนขึ้น รวมทั้งเทคนิคการใช้สีสันต่างๆที่ช่วยส่งให้เราดูสวยขึ้นในภาพถ่ายด้วยค่ะ

แต่งหน้าเจ้าสาว

4. ศึกษาทิปส์ที่ช่วยให้เมกอัพติดทนนาน
และอีกเช่นกัน สิ่งสำคัญของการแต่งหน้าในวันสำคัญอย่างวันแต่งงานคือเมกอัพที่ติดทนนาน รองพื้นไม่เละเป็นสังขยาในงานแบบกล้างแจ้ง มาสคาร่าที่ไม่ไหลเยิ้มหากเราร้องไห้ และลิปสติกสีชัดติดทนนานแม้เราจะกินและดื่มบ้าง อย่าลืมศึกษาทิปส์เหล่านี้ และหาผลิตภัณฑ์กลุ่มเพื่อช่วยให้เมกอัพติดทนนาน อย่างไพรเมอร์ หรือ เซตติ้งสเปรย์ ตัวที่ถูกกับเราด้วยละคะ

5. ณ วันจริง งดลงผลิตภัณฑ์ที่มีสารกันแดด
ตั้งแต่ครีมกันแดด ยันไพรเมอร์ เมกอัพเบส หรือรองพื้นที่ผสมสารกันแดด เพราะสังกะสีและไททาเนียม ไดอ็อกไซด์ ในสารกันแดดนั้นสะท้อนแสงแฟลชกล้องถ่ายรูปทำให้เกิดเป็นเงาขาวๆบนใบหน้าของเรา ทำให้หน้าเราดูเทาเป็นคนละสีกับคอหรือเป็นคราบสีขาวๆ อย่างที่เซเลบบนพรมแดงหลายคนเคยพลาดมาแล้วค่ะ

6. เน้นทรงผมเบสิคไว้ก่อนเซฟสุด
เพราะการทำผมด้วยตัวเองนั้นมีข้อจำกัดมากกว่าการแต่งหน้ามาก หากเจ้าสาวพยายามทำผมทรงที่ต้องอาศัยเทคนิคมากเพียงลำพังอาจจะพลาดได้ เราแนะนำให้ยึดกับลุคเบสิคหรือทรงผมง่ายๆไว้ก่อน อาจจะดรายผมตรง มัดหางม้า หรือทำมวยผมง่ายๆ ลองศึกษาวิธีทำและฝึกฝนจากบล็อคสอนทำผมต่างๆที่ตอนนี้มีอยู่มากมายค่ะ

แต่งหน้าเจ้าสาว

7. สุดท้าย ให้เพื่อนช่วยเช็ค
เมื่อแต่งหน้าทำผมตัวเองเสร็จเรียบร้อย ก็อย่าลืมให้เหล่าเพื่อนเจ้าสาวช่วยเช็คความเรียบร้อยของเมกอัพ และทรงผม อีกครั้งนะคะ เพราะสายตาของเราคนเดียวอาจจะเห็นไม่ครบทุกมุมหรือหลงลืมอะไรไปก็ได้ อย่าลืมฝากเมกอัพสำหรับเติมหน้าเติมปากระหว่างวันไว้กับเพื่อนด้วยละ

สุดท้ายนี้ ว่าที่เจ้าสาวคนไหนที่แต่งหน้าเอง อย่าลืมส่งรูปสวยๆ  ผลงานของตัวคุณเองในวันจริงมาให้เราดูบ้างนะคะ ขอให้เจ้าสาวมีความมั่นใจและภูมิใจกับผลงานของเราเอง ซึ่งจะส่งให้เรามีออร่า สวยที่สุดในวันสำคัญค่ะ ^^

Credit: byrdie.com, instyle.com, people.com
Photo: tatianamphotography.com, stylemepretty.com, weddingforward.com, trend2wear.com