เคล็ดลับการทำความสะอาดชุดแต่งงานเบื้องต้น

หลังจากเสร็จงานแต่งงาน เจ้าสาวหลายๆ คน มักจะเจอกับปัญหา ชุดแต่งงานเลอะ ไม่ว่าจะเป็นคราบเครื่องสำอางจากการแต่งหน้า หรืออาจเกิดจากรอยเปื้อนต่าง ๆ ซึ่งถ้าเกิดปัญหาเหล่านี้ขึ้น อย่าเพิ่งตกใจไปค่ะ วันนี้ แพรว wedding เรามีวิธีกำจัดคราบต่าง ๆ มาฝากกันค่ะ

 

  • รอยแป้งและเครื่องสำอาง

รอบคอและรอบอกที่คุณจะต้องทาให้ผิวผ่องสวย ผ้าซาติน,ชีฟอง และผ้าเครป ก่อนอื่นให้โรยแป้งเด็กให้ทั่วเพื่อป้องกันการกระจายของคราบ ปล่อยทิ้งไว้ หากเป็น ผ้าไหม ใช้ทิชชูพับทบให้หนาเล็กน้อยแล้ว วางรองใต้คอเสื้อหรือรอบๆ ขอบที่เป็นเกาะอก จากนั้นใช้แปรงขนนุ่มชุบน้ำ แล้วใช้นิ้วรีดน้ำออกจากขนแปรง แล้วปัดเบา ๆ ที่รอยเปื้อน ใช้ทิชชูกดทับให้แห้งอีกที

  • ช่วงลำตัว

ผลจากมาลัยทำการเสียดสีกับชุดทำให้เกิดรอยเปื้อน วิธีทำความสะอาดเบื้องต้น คือใช้นิ้วแตะสบู่ถูเบา ๆ ตรงรอยเปื้อนให้เกิดฟอง จากนั้นใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำลูบเอาฟองออก แล้วใช้ไดร์เป่าผมเป่าให้แห้งทันที เพื่อป้องกันไม่ให้คราบของสีกระจายตัวนั่นเองค่ะ

  • บริเวณชายกระโปรง ซับใน ที่สัมผัสกับพื้น 

วิธีทำความสะอาด คือ ใช้แป้งเด็กโรยตรงคราบให้ทั่วเพื่อป้องกันการกระจายของคราบ แต่ถ้าเป็นพวกสิ่งสกปรกจากฝุ่นผงให้ใช้ผ้าผืนเล็ก ๆ ปัดคราบออกก่อน อย่าใช้มือนะคะ เพราะอาจทำให้คราบฝังลึกได้ จากนั้นหาภาชนะเทน้ำอุ่นใส่ลงไป จุ่มรอยดำลงไป แล้วใช้นิ้วแต้มสบู่ไปมาบริเวณรอยเปื้อน อย่าขยี้นะคะ เพราะจะทำให้คราบกระจายได้ แล้วใช้ทิชชูซับให้แห้ง แต่ถ้ารอยเปื้อนเกิดจากไวน์หรือน้ำอัดลม ให้เปลี่ยนจากน้ำอุ่นเป็นโซดาแทน

ที่สำคัญอย่าปล่อยให้คราบสิ่งสกปกรกอยู่นานนะคะ ยิ่งทำความสะอาดเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี เพื่อคราบจะได้ไม่ฝังลึก ทำให้ขจัดได้ยาก หลังจากทำความสะอาดเบื้องต้นดังที่กล่าวมาแล้ว ควรรีบส่งซักทันทีเพื่อชุดสวยจะได้ไม่มีคราบติดนานเท่านานค่ะ

ดูไอเดียและคำแนะนำเกี่ยวกับชุดแต่งงานเพิ่มเติม คลิกเลย!

cr : marthastewartweddings.com, allure.com, thespruce.com

แบบเวลเจ้าสาวสวยหวานทรงพลังจากเจ้าสาวรุ่นพี่ที่อยากบอกต่อ

อีกหนึ่งสัญลักษณ์ที่สื่อถึงความเป็นเจ้าสาวได้ดีที่สุดก็คือ เวลเจ้าสาว นั่นเอง แถมยังมีให้เลือกมากมายหลากหลายแบบแล้วแต่สไตล์ใครสไตล์มันอีกด้วย แพรว wedding เลยมีไอเดียแบบเวลเจ้าสาวจากรุนพี่ตัวจริงอิมพอร์ตมาให้ว่าที่เจ้าสาวรุ่นน้องได้ปักไว้ในใจกัน มีแบบไหนบ้าง แล้วจะสวยหวานขนาดไหน เลื่อนลงไปดูแล้วเตรียมเซฟกันไว้ได้เลย

เวลเจ้าสาว

ดูเป็นอะไรที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังสุดๆ ด้วยเวลเจ้าสาวประดับคริสตัลระยิบระยับที่เข้ากับชุดเจ้าสาวสีเงินประดับเลื่อมได้เป็นอย่างดี แถมงานนี้เจ้าสาวยังสามารถประหยัดงบไม่ต้องไปสั่งทำเวลแพงๆ ให้เสียเวลา เพียงแค่หาผ้ามุงผืนใหญ่สักหน่อยที่พอคลุมตัวเจ้าสาวได้ แล้วหาซื้อเลื่อมคริสตัลระยิบระยับมาช่วยกันแปะประดับเองกับแก๊งเพื่อนเจ้าสาว เท่านี้ก็ได้เวลสวยชวนฝันแล้ว สุดท้ายอย่าลืมให้ช่างทำผมยึดเวลไว้กับผมให้ดีนะคะจะได้หลุดลื่นไถลระหว่างเดินเข้างาน

อ่อนหวานในลุคเจ้าสาวที่น่าทะนุถนอมด้วยเวลสีขาวที่เล่นกิมมิกบริเวณขอบผ้า โดยให้เวลมีความยาวเลยเอวลงมาถึงประมาณบั้นท้ายสักหน่อย เพื่อแมตช์ให้เข้ากับทรงผมรวบครึ่งศีรษะแล้วแซมด้วยดอกไม้ช่อเล็กๆ ที่ด้านบนของเวล เท่านี้ก็ได้ลุคเจ้าสาวสุดน่ารักแล้ว

หากเจ้าสาวอยากได้ลุคที่ดูเรียบหรูแต่ดูอ่อนหวานอยู่ในที อาจจะเลือกใช้เวลที่มีกิมมิกของผ้าลูกไม้บริเวณขอบผ้าให้หนาสักหน่อย แล้วยึดเวลไว้กับผมสไตล์ชินนอน จากนั้นก็ปล่อยให้เวลของเจ้าสาวยาวสยายไปที่ด้านหลัง เท่านี้ก็ได้ลุคของหญิงสาวสไตล์เรียบหรูดูดีแล้ว

เวลขนาดยาวที่เล่นลวดลายบริเวณปลายผ้าก็ช่วยเสริมให้เจ้าสาวดูดีได้ไม่แพ้กัน แถมเมื่อปล่อยให้เวลสยายไปที่ด้านหลังลูกไม้หรือลวดลายต่างๆ ก็ยังคงโดดเด่นไม่กลืนไปกับชุดแต่งงานสีขาวอีกด้วย และหากเจ้าสาวแต่งงานท่ามกลางบรรยากาศแบบเอ้าท์ดอร์ แนะนำให้เจ้าสาวเลือกผ้าที่พลิ้วไหวสักนิด เพราะเมื่อยามลมพัดแล้วเวลสะบัดรับรองว่าคุณจะได้ภาพที่สวยงามในลุคเจ้าสาวแน่นอน

เพื่อให้ลุคโดยรวมของเจ้าสาวไปในทางเดียวกัน การเลือกผ้าลูกไม้ชิ้นเดียวกับชุดแต่งงานมาประดับเวลก็ดูเป็นไอเดียที่เก๋ดีไม่น้อย โดยอาจจะเน้นลวดลายของลูกไม้ให้ใหญ่สักนิดเพื่อความโดดเด่น เท่านี้เจ้าสาวก็ได้ชุดแต่งงานในฝันพร้อมเวลแสนสวยแล้ว

เวลความยาวระดับไหล่ที่ให้ลุคทันสมัยและน่ารักในเวลาเดียวกัน แถมงานนี้เจ้าสาวสามารถ DIY เวลแสนสวยได้ด้วยตัวเองแบบไม่ยาก เพียงแค่หาผ้ามุ้งให้ได้ขนาดแล้วเย็บของผ้าด้วยริบบิ้นสีขาว โดยอาจจะเลือกเป็นผ้ากำมะหยี่เพื่อช่วยให้เวลดูหรูขึ้นอีกนิดก็ได้ หรือจะเลือกเย็บขอบเวลด้วยริบบิ้นสีเดียวกับธีมงาน เราว่าก็เก๋ดีเหมือนกันนะ

สวยหวานราวกับเจ้าหญิงด้วยเวลที่มีความยาวแบบไล่เลเยอร์ โดยให้ความยาวที่ด้านหน้าอยู่ที่บริเวณต้นแขนแล้วทิ้งชายของเวลไปที่ด้านหลังให้ขนานไปกับชุด แล้วตกแต่งเวลด้วยลวดลายดอกไม้พร้อมเย็บขอบผ้าเพื่อความประณีต เท่านี้ก็สวยจบพร้อมเดินเข้างานแล้วค่ะ

เปลี่ยนชุดแต่งงานแบบเรียบง่ายให้ดูมีอะไรขึ้นได้ในพริบตา ด้วยมนตร์วิเศษของเวลสีขาวสุดเรียบง่ายแต่กลับดูเข้ากันกับชุดได้อย่างไม่น่าเชื่อ แล้วเพิ่มกิมมิกให้ลุคดูมีลูกเล่นด้วยการเล่นเลเยอร์ของเวล แถมงานนี้ไม่ต้องตกแต่งเวลให้อลังมากมาย เพราะใช้เพียงแค่ผ้ามุ้งธรรมดาเท่านั้น อาจจะเพิ่มความโดดเด่นให้กับลุคนี้ด้วยผมทำสีสักนิด รับรองว่าคุณจะโดดเด่นในลุคนี้อย่างแน่นอน

ชุดแต่งงานแบบเข้ารูปพร้อมรวบผมครึ่งศีรษะแล้วประดับด้วยเวลยาว (cathedral-length veil) ที่ไม่ต้องเน้นการตกแต่งเวลให้เยอะแยะก็สวยได้แล้ว

งานเจ้าหญิงตัวจริงต้องมาค่ะ กับเวลที่ลากยาวมาก (ก.ไก่อีกหลายตัว) หากเจ้าสาวเลือกใช้เวลสไตล์นี้อย่าลืมหาผู้ช่วยตัวน้อย หรือแก๊งเพื่อนสาวแสนสวยมาช่วยถือเวลด้วยนะคะ และที่สำคัญต้องคำนึงถึงพื้นที่จัดงานแต่งด้วยว่าเอื้ออำนวยต่อเวลของคุณที่ลากยาวขนาดนั้นหรือไม่ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวเวลสวยๆ พัง แล้วจะเสียใจตอนหลังไม่รู้ด้วย

ทรงผมเจ้าสาว 4 แบบ สวยครบเช้าจรดเย็นทั้งชุดแต่งงานไทยและชุดแต่งงานสากล

ทรงผมเจ้าสาว เป็นเรื่องที่เจ้าสาวให้ความสำคัญไม่แพ้ชุดแต่งงานและลุคเมคอัพ เพราะถ้าทุกอย่างสวยหมดแต่ดันเลือกทรงผมผิดก็เหมือนกับฆ่าตัวตาย! แพรว wedding เลยไปขอคำแนะนำพร้อมทรงผมสวยๆ จากช่างทำผมมืออาชีพ คุณจีรวัฒน์ คงศรีทอง เจ้าของไอจี @gee_jiwat  ที่มีสไตล์การทำผมที่สวยงามและชัดเจน คุณจีเลยจัด 4 ทรงผมเจ้าสาวแบบเช้าจรดเย็นมาให้ว่าที่เจ้าสาวได้สวยกันตามนี้เลย

ผมฟุ้งแบบสาวในฝัน

หลายคนบอกว่าไม่รู้จะบอกช่างอย่างไรว่าอยากได้ทรงแบบนี้ แต่ซุป’ตาร์ฝั่งเอเชียทำกันเพียบ ด้วยเป็นทรงที่ดูนุ่มนวลอ่อนหวานชวนฝัน หากได้ช่างฝีมือดีที่เข้าใจจังหวะของการดีไซน์ความฟุ้งให้เข้ากับใบหน้าของเจ้าสาวได้จริง ขอบอกเลยว่าทรงนี้สวยขาดดูอ่อนเยาว์ มีความสมัยใหม่ และดูไม่ตั้งใจเกินไป แต่แท้จริงตั้งใจให้สวยเป็นนางในฝันเลยละเธอ!!!

PRO TIPS : ทรงผมฟุ้งแบบสาวในฝันมีข้อควรระวังที่สำคัญคือ อย่าดึงเส้นผมให้ฟุ้งในจังหวะที่เท่าๆ กันทั้งหัวจนกลายเป็นแพตเทิร์น ต้องให้ดูมีจังหวะต่างๆ กันจะดูสวยโมเดิร์นกว่า ที่ควรระวังอีกข้อคือ หากอยากทำทรงฟุ้งแบบนี้ต้องอย่ายีผมให้ใหญ่จนเกินเบอร์ เพราะหากในที่สุดเกล้าจนเสร็จสิ้นแล้วผมดูใหญ่เกินไปจะดูสูงวัยไป ควรเซตให้ภาพรวมของผมดูพองน้อยๆ แต่มีความโปร่งเบา กฎเหล็กคือ ผมช่วงด้านข้างห้ามพองกว่าด้านบนเด็ดขาด เพราะจะทำให้ดูสูงวัยเช่นกัน สำหรับเจ้าสาวที่รู้สึกว่าตัวเองหัวโตไม่กล้าเกล้ามวยแบบนี้ที่จริงสามารถทำได้โดยใช้เทคนิคลดระดับให้มวยอยู่ต่ำย้อยลงมาศีรษะจะดูลดขนาดลงทันที

 

สวยเรโทรสไตล์เจ้าหญิงฮอลลีวู้ด

“ออเดรย์ เฮปเบิร์น” คือแฟชั่นไอคอนที่ดีไซเนอร์ทั่วโลกก๊อปปี้สไตล์ของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่เอ๊าต์ไปตามกาลเวลา แฮร์สไตลิสต์มักแนะนำทรงเกล้ายกสูงแบบนี้ให้กับเจ้าสาวรูปร่างเล็กเพราะช่วยเสริมความสูงให้ดูสง่างามขึ้น ยิ่งถ้าใครมีช่วงลำคอที่ยาวระหงทรงแบบเจ้าหญิงฮอลลีวู้ดนี้จะโชว์ช่วงลำคอได้ชัดเจน จับคู่กับชุดเจ้าสาวแนวเปิดไหล่ ใส่เครื่องประดับผมเล็กๆ สักอัน สวยจบไม่ต้องพูดเยอะ

PRO TIPS : คีย์สำคัญของการทำทรงนี้ให้สวยคือ การจัดรูปทรงของผมให้ได้รูป ซึ่งอาจไม่สามารถทำได้เป๊ะภายในครั้งเดียว มือโปรจึงแนะนำว่าส่วนไหนที่ยังไม่แน่ใจให้ใช้กิ๊บปากเป็ดติดไว้ชั่วคราวก่อน เมื่อชัวร์แล้วจึงเปลี่ยนเป็นกิ๊บดำ แม้จะเป็นทรงแบบเรโทรแต่มาถึงยุคนี้แล้วก็ต้องปรับดีเทลให้มีความโมเดิร์นไม่ให้ผมดูเรียบแข็งเกินไป การใช้หวีหางช่วยเขี่ยและการใช้นิ้วดึงจะช่วยให้ผมมีความฟุ้งๆ หลวมๆ มีความโปร่งเบา ไม่ดูสูงวัยแบบสไตล์เรโทรของแท้ อีกเทคนิคที่ต้องระวังคือ อย่ายีผมด้านหลังให้ดูทุยมากเกินพอดี เพราะหากรูปทรงที่เกล้าไม่รับกับรูปศีรษะของเจ้าสาวจาก “ออเดรย์” จะกลายเป็น “เอเลี่ยน” ไปได้นะเออ!!

ไปดูทรงผมเจ้าสาวสำหรับชุดไทยกันต่อที่หน้าต่อไป คลิกเลย >>>

ตกแต่งงานแต่งให้สวยเพิ่มความโรแมนติกด้วยแสงไฟระยิบ 5 แบบ

“แสงไฟ” เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่ใช้ ตกแต่งงานแต่ง ยามค่ำคืนงดงาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับงานแต่งเอ๊าท์ดอร์ที่จัดในสวนหรือริมทะเล แสงไฟถือเป็นตัวชูโรงชั้นเลิศที่ขาดไม่ได้เลยทีเดียว ด้วยเหตุนี้เราจึงนำรูปแบบแสงไฟ 5 แบบ 5 สไตล์ มาฝากกัน ลองดูนะคะว่าแสงไฟแบบไหนที่เหมาะจะนำไปเนรมิตงานแต่งของคุณ

1. String Lights
1

ไฟประดับแบบเส้นที่สามารถนำมาประยุกต์ตกแต่งได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น พาดโยง ห้อยระย้า พันรอบสิ่งของ พันรอบต้นไม้ หรือเนรมิตเป็นม่านไฟเพื่อสร้างแบ็กดร็อปสุดโรแมนติก

2. Light Bulbs
2

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าแค่หลอดไฟกลมธรรมดาๆ ที่ดูไม่ทันสมัยเอาซะเลยจะทำให้งานแต่งดูสวยคลาสสิกได้ แนะนำเป็นอย่างยิ่งสำหรับงานแต่งธีมย้อนยุค วินเทจ หรือรัสติก

3. Candles
3

เทียนไข ไอเท็มเนรมิตแสงไฟสุดเบสิกที่สามารถปรับเปลี่ยนสไตล์ได้ตามใจต้องการ ไม่ว่าจะเป็นแบบเรียบง่ายที่แฝงไปด้วยความคลาสสิก หรือแบบหรูหราที่ใช้เชิงเทียนมาเป็นตัวช่วยให้เทียนไขบ้านๆ ดูเวอร์วังขึ้น

4. Lanterns
4

นอกจากการตกแต่งโคมไฟให้เหมือนเป็นโคมลอยแล้ว เรายังสามารถนำมาตกแต่งในรูปแบบอื่นได้อีก เช่น วางประดับตามแนวทางเดิน ใช้เป็นเซ็นเตอร์พีซบนโต๊ะอาหาร ฯลฯ นอกจากความสวยงามแล้ว แสงไฟดวงโตๆ ของโคมไฟยังช่วยให้แสงสว่างกับงานเอ๊าท์ดอร์ได้ดีอีกด้วย

5. Chandeliers
5

ใครว่าแชนเดอเลียร์จะต้องส่องแสงสวยงามอยู่แค่ในห้องจัดเลี้ยงเท่านั้น งานแต่งเอ๊าท์ดอร์ก็สามารถใช้แชนเดอเลียร์เป็นองค์ประกอบหลักได้ด้วยเช่นกัน แถมยังให้อารมณ์ที่แตกต่างออกไป เพราะเมื่อแชนเดอเลียร์สุดหรูหราได้อยู่ท่ามกลางสวนสวยหรือบรรยากาศชิลๆ ของหาดทรายสายลม จะกลายเป็นความลงตัวที่ช่วยเสกสรรค์ให้งดงามชวนฝันราวกับงานแต่งในเทพนิยายเลยทีเดียว

ติดตามไอเดียดีๆ เกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานอีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย!

ขอบคุณภาพจาก : elegantweddinginvites.com, thehousebell.com

5 วิธี ซ่อม เมกอัพเจ้าสาว และ ทรงผมเจ้าสาว แบบฉุกเฉิน ณ วันแต่งงาน

 วันสำคัญที่สุดอย่างวันแต่งงาน ว่าที่เจ้าสาวทุกคนก็อยากให้ เมกอัพเจ้าสาว และ ทรงผมเจ้าสาว ของเราสวยเป๊ะตลอดทั้งวันเหมือนตอนที่ช่างแต่งหน้าทำผมเพิ่งเนรมิตให้เสร็จใหม่ๆ แต่ในความเป็นจริงนั้นนอกจากช่างแต่งหน้าทำผมจะไม่ได้อยู่กับเราตลอดทั้งวันทั้งคืนคอยเติมหน้าซ่อมผมให้ ก็ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ทำให้หน้าผมของเจ้าสาวไม่คงอยู่สวยงามตลอดทั้งคืน ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศเอย อากัปกิริยาต่างๆของเรา หรือเรื่องไม่คาดฝันต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นได้ แพรวเวดดิ้งเลยรวบรวม 5 เทคนิค เพื่อซ่อมทรงผมและเมกอัพเจ้าสาวในกรณีฉุกเฉิน ให้ดูสวยปิ๊งตลอดงาน มาให้คุณว่าที่เจ้าสาวกันแล้วค่ะ

1 กล่องปฐมพยาบาลเจ้าสาว 
ตามชื่อเลยค่ะ หากล่องเล็กๆหรือถุงที่รวบรวมไอเท็มเพื่อซ่อมหน้าผมในกรณีฉุกเฉินโดยเฉพาะ เช่น กิ๊บดำเล็ก ลิปสติกและแป้งสำหรับเติมหน้า ทิชชูเปียก ทิชชูแห้ง ยางรัดผม กาวติดขนตาปลอมฯลฯ แล้วฝากไว้ที่เพื่อนเจ้าสาวของเรา (นอกจากไอเท็มเหล่านี้ เรายังแนะนำให้มี เข็มและด้าย สเปรย์ดับกลิ่นปาก พลาสเตอร์ยา น้ำตาเทียม โรลเลอร์กำจัดขนบนเสื้อ ฯลฯ สำหรับอีกหลากหลายกรณีฉุกเฉินของบ่าวสาว)

2 ถามช่างแต่งหน้าถึงวิธีซ่อมหน้ากรณีฉุกเฉิน
คุยกับช่างแต่งหน้าของเราแต่เนิ่นๆ เพื่อหาวิธีเตรียมตัว เพราะเหล่าช่างแต่งหน้ามือโปรนั้นจะมีวิธีแก้ปัญหาต่างๆที่เจ้าสาวเจอบ่อย เช่น ขนตาปลอมหลุดทำยังไงร้องไห้มาสคาร่าไหลย้อยทำยังไงลิปสติกเลอะเลือนทำยังไงหรือถ้าหากเกรงใจ (เพราะคำถามเยอะ 555) ใช้วิธีเสิร์ชหาคำตอบในอินเตอร์เน็ทก็ได้นะคะ เดี๋ยวนี้มีทิปส์การแต่งหน้าดีๆเพียบจากเหล่าบิวตี้กูรูต่างๆ (หรือจะอินบ็อกซ์มาถามเวดดิ้งกูรูอย่างเราก็ได้นะคะ ^^)

3 ในกรณีที่ทรงผมเกิด “หลุด” ระหว่างงาน ต้องแกะก็คือต้องแกะค่ะ!
หากทรงผมของเราเกิดหลุดแบบจริงจัง แทนที่จะพยายามรักษาทรงเดิมโดยการติดกิ๊บดำทับๆเข้าไป (ซึ่งมักจะไม่ค่อยได้ผลเราแนะนำให้แกะมวยผมทั้งหมดออก มัดผมเป็นหางม้า ม้วนผมขดเป็นมวย แล้วใช้กิ๊บดำยึดฐานผม กลายเป็นทรง Messy bun แบบดูไม่ตั้งใจซะยังจะดีกว่าพยายามรักษาทรงที่ช่างทำผมทำมาให้แต่ไม่รอดค่ะ

4 ทริคการกินน้ำแบบลิปสติกไม่หลุด
คุณฟลุค Alwaysfluke เมกอัพอาร์ทิสต์ชื่อดังที่เพิ่งมา Facebook Live กับเราไป บอกว่าปัญหาอันดับหนึ่งที่เจ้าสาวมักจะเจอ คือลิปสติกสีหลุดเพราะเจ้าสาวดื่มน้ำหรือทานอาหาร คุณฟลุคจึงแอบฝากทิปส์การกินน้ำยังไงไม่ให้ลิปสติกหลุด ว่าควรดูดน้ำจากหลอดโดยให้หลอดอยู่ “กึ่งกลางริมฝีปากพอดี” เพราะจุดนี้ของปากเป็นจุดที่หากลิปสติกหลุดจะสังเกตเห็นไม่ชัดเท่าจุดอื่นๆ และจริงๆแล้วเราสามารถเตรียมลิปสติกของตัวเองมาทัชอัพเรียวปากเพิ่มเติมได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นสีที่ช่างแต่งหน้าใช้กับเราเป๊ะ แต่เป็นโทนเดียวกันก็ได้แล้วค่ะ

5 ให้เพื่อนเจ้าสาวหนึ่งคน ทำหน้าที่ “ช่างซ่อมหน้าผม” ของเราโดยเฉพาะ
หาเพื่อนเจ้าสาวของเราซักคนที่ดูเป็นบิวตี้กูรูที่สุด แล้วให้นางทำหน้าที่คอยสังเกตหน้าผมของเราว่ายังโอเคหรือเปล่า ฝาก “กล่องปฐมพยาบาลเจ้าสาว” ให้เพื่อนคนนี้ถือและฝากฝังให้นางดูแลความงามของเราตลอดงาน การมีเพื่อนที่คอยช่วยสังเกตให้เราถือว่าช่วยได้มากเพราะเจ้าสาวจะยุ่งกับเรื่องอื่นๆ จนไม่รู้ว่าเมกอัพหรือทรงผมของเราสภาพเป็นยังไงบ้าง บางทีถ้าไม่มีเพื่อนคอยช่วย หรือไม่ได้ฝากฝังใครคนใดคนหนึ่งไปโดยเฉพาะ กว่าจะรู้ว่าหน้าเละ ผมพัง ก็ผ่านไปนานแล้วจ้า

เมกอัพเจ้าสาว

หวังว่าทิปส์ของเราจะช่วยให้เหล่าว่าที่เจ้าสาว มีหน้าผมที่เป๊ะตลอดงานประหนึ่งมีช่างแต่งหน้าและทำผมคอยประกบนะคะ ^^

ลองมาอ่านทิปส์เพื่อเลือกช่างแต่งหน้าเจ้าสาวที่ใช่ คลิกเลย

credit photo: ขอขอบพระคุณภาพจาก คุณมีมี่ ถ่ายโดย Sitphotograph , weddingbee.com, snippetandink.com

เช็คลิสต์ 10 คำถามถึงตัวเองก่อนเลือก ธีมงานแต่ง

ทันทีที่มั่นใจว่าจะจัดงานแต่งงาน บ่าวสาวยุคนี้รีบคิดถึง ธีมงานแต่ง ทันที แต่สุดท้ายแล้วกลายเป็นว่าธีมงานนั้นไหลไปเลื่อนมาไม่คงที่เข้าทางสักที จนบางครั้งงบประมาณที่ตั้งไว้บานเบอะ นั่นเพราะคุณอาจยังไม่แน่ใจในสิ่งที่เลือกแต่ดันลงมือเตรียมงานไปซะแล้ว เอาล่ะๆ ถ้าไม่อยากให้ธีมทั้งหลายที่ฝันไว้ต้องพลิกไปมา แพรว wedding ขอให้คุณลองตอบคำถาม 10 ข้อนี้อย่างมีสติ แล้วค่อยตัดสินใจเลือกธีมงาน

 

คำถามที่ 1 : สถานที่จัดงานแต่งงานของคุณคือที่ไหน?

จะง่ายขึ้นมากถ้าคุณมีสถานที่จัดงานแต่งงานเรียบร้อยแล้ว เพราะตัวสถานที่จะกลายเป็นข้อกำหนดกลายๆ ให้คุณได้เลือกธีมงาน และจะเป็นเหตุผลดีๆ ให้คุณตัดสินใจตัดธีมงานเหลือเชื่อในชีวิตออกไปได้ง่ายขึ้น

คำถามที่ 2 : อยากได้บรรยากาศงานแบบไหน…ทางการหรือกันเอง?

ถามใจคุณทั้งคู่ดูกันก่อนว่าเห็นตรงกันไหมในเรื่องบรรยากาศของงานแต่งงานที่อยากให้เกิดขึ้น เพราะถ้าคนหนึ่งบอกว่าอยากได้งานแนวทางการผู้ใหญ่เพียบพิธีการเต็ม แต่อีกคนบอกว่าอยากสนุกสุดแสนละก็ คงต้องตกลงกันให้ดีว่าธีมงานที่จะกำหนดขึ้นมานั้นสามารถตอบโจทย์ได้ทั้งสองทางไหม หรือใครคนหนึ่งจะเสียสละความต้องการของตัวเองได้

คำถามที่ 3 : อยากย้อนความทรงจำหรือว่าอยากเอาฝันมาสร้างภาพ?

ธีมงานแต่งงานส่วนใหญ๋เกิดขึ้นจาก 2 สิ่งที่ว่าค่ะ นั่นคือ บางคนนำเรื่องราวความรักมาปั้นเป็นธีมงานแต่งเพื่อให้แขกได้สัมผัสกับความหลังหรือประวัติรักที่สุดหวาน แต่บางคู่ก็เลือกที่จะนำภาพงานแต่งในฝันมาสร้างเป็นธีมงาน ถ้าตกลงตรงนี้ได้ ธีมงานจะตามมาเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น

ธีมงานแต่ง

คำถามที่ 4 : ถามตัวเองให้แน่อะไรคือตัวตนของคุณทั้งคู่?

ไม่ถึงกับต้องส่องกระจกแล้วคุยกับตัวเองว่า อะไรนะคือสไตล์ของตัวฉัน เพราะแค่คุณนั่งนิ่งๆ กันสองคน แล้วผลัดกันออกความเห็นว่า สไตล์ของคู่เราเป็นแบบไหน จากนั้นหาข้อสรุปซะ ภาพของธีมงานแต่งงานจะเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น เชื่อสิ

คำถามที่ 5 : อะไรคือสิ่งแรกที่คุณอยากให้แขกได้สัมผัสถึงทันทีที่เดินเข้ามาในงาน?

เสียงเพลง? อาหารหน้าตาดี? ดอกไม้สุดอลัง? ฯลฯ ตอบให้ได้ค่ะว่า ทันทีที่แขกเดินเข้ามาในงานแต่งงานของคุณ แขกผู้มีเกียรติเหล่านั้นควรสัมผัสหรือรู้สึกถึงอะไรเป็นอย่างแรกแล้วจงเน้นไปในทางนั้น แบบนี้ช่วยให้โจทย์การค้นหาธีมงานแต่งของคุณแคบลงมาอีกนิด

คำถามที่ 6 : สีหลักของงานในฝันคือสีอะไร?

แน่นอนว่าส่วนใหญ่แล้วเจ้าสาวจะสวมชุดสีขาว แต่คุณจะเป็นเจ้าสาวชุดขาวที่โดดเด่นทางงานงานแต่งงานสีงานอะไรล่ะ ถามใจคุณดูว่าสีไหนที่คุณรัก สีไหนที่คุณชอบ คุยกันเองโดยไม่ต้องสนหรอกค่ะว่าแขกจะแต่งตัวยากไหม เพราะหนึ่งสีจับคู่กับอีกสี และแต่ละสีมีเฉดหลากหลายให้เลือก ถ้าคุณได้สี เรื่องอื่นๆ ตามมามากมายแน่นอน

ธีมงานแต่ง

คำถามที่ 7 : คุณจะเชิญใครบ้าง?

ใช่ว่าทุกธีมจะเหมาะกับทุกคน และแม้งานแต่งงานจะเป็นงานของคุณสองคน แต่แขกที่มาร่วมงานก็มีเอี่ยว เพราะถ้าธีมคุณแรงจัด แต่จัดงานแบบทางการ แขกที่มามีแต่ผู้ใหญ่ คิดดูสิว่าแขกจะสนุกได้แค่ไหน ตรงกันข้าม…ถ้างานเรียบร้อยมากเพราะอยากเอาใจพ่อแม่ แต่เพื่อนเตรียมมาสนุกเป็นโขยง แบบนี้งานจะออกมากร่อยๆ ไหมละ

คำถามที่ 8 : อีก 10 ปี 20 ปี ภาพงานแต่งครั้งนี้จะดูเป็นยังไง?

แน่นอนว่าเวลาเปลี่ยนความนิยมในธีมงานแต่งงานก็จะเปลี่ยนไป แต่ลองคิดให้ดีว่าคุณอยากได้ยินคำว่า “เชยจัง” เมื่อผ่านไปเป็นสิบๆ ปี หรืออยากได้คำว่า “เห้ย…ดูดี นี่ขนาดผ่านมานานแล้วนะ”

คำถามที่ 9 : ธีมที่อยากได้เกิดขึ้นได้ในชีวิตจริง…แน่ๆ ใช่ไหม?

หลายคู่ถามใจตัวเองผ่านมาถึงข้อนี้ ทุกคำตอบสนับสนุนว่าผ่านฉลุย แต่เราอยากให้คุณตรองให้ดีแบบมีสติและใช้ชีวิตในความเป็นจริงอีกนิดว่า ภาพงานทั้งหมด สามารถสร้างขึ้นมาให้เห็นเป็นรูปธรรมจริงๆ ใช่ไหม แล้วใช้เวลาสร้างสรรค์เท่าไหร่ เพราะถ้าเวอร์เกินไป ยากเหลือเกินประมาณว่าเทียนลอยได้แบบไม่พึ่ง CG อะไรแบบนั้นก็คิดใหม่ไหมล่ะ

คำถามที่ 10 : งบประมาณมีเท่าไหร่?

คุณจะฝันถึงธีมงานล้ำเลิศสุดอลังหรือสุดสร้างสรรค์ยังไงก็ได้ แต่สิ่งที่คุณต้องถามใจตัวเองยังมีอีกข้อคือ เงินจัดงานแต่งมีเพียงพอซัพพอร์ตฝันของคุณหรือเปล่า เพราะต่อให้คุณฝันไปไกล แต่ถ้าเงินไปไม่ถึงละก็ ฝันสลายทันที…เข้าใจตรงกันนะคะ 🙂

ติดตามไอเดียและคำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับงานแต่งงานอีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย!

แหวนแต่งงาน เสริมราศีด้วยอัญมณีประจำวันทั้ง 7 สำหรับสาวที่เบื่อเพชร

แหวนแต่งงาน ใช่ว่าจะต้องเป็นเพชรอย่างเดียวเท่านั้นเสียเมื่อไหร่ ในเมือเราสามารถมิกซ์ทั้งเรื่องความรัก และความศิริมงคลมารวมกันได้ด้วยการเลือก แหวนอัญมณีประจำวัน มาเป็นแหวนแต่งงาน

วันจันทร์

ชาววันจันทร์มีอัญมณีประจำวัน คือ บุษราคัม รวมไปถึงอัญมณีสีเหลืองทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น อำพัน เพทายสีเหลือง หรือเพชรสีเหลืองก็ได้

 

วันอังคาร

คนวันอังคาร ก็ต้องเป็นอัญมณีสีชมพู ซึ่งมีให้เลือกมากมายไม่ว่าจะเป็นเพชรสีชมพู พิงค์แซฟไฟร์ มอร์แกนไนท์ หรือจะเป็นทัวร์มาลีน ก็ได้ ซึ่งพอเป็นแหวนแต่งงานสีชมพูแบบนี้แล้ว ทำให้ดูหวานขึ้นอีกเยอะเลย

วันพุธ

สาวๆ ที่เกิดวันพุธ ต้องคู่กับอัญมณีสีเขียว ซึ่งแน่นอนว่าหนีไม่พ้นมรกก หรืออยากจะเก๋ๆ เท่ อยากจัดเป็นหยก ก็ทำให้ได้แหวนแต่งงานที่ไม่ซ้ำใครดีนะ

วันพฤหัส

สำหรับสาวๆ ในวันพฤหัส อัญมณีที่จะช่วยเสริมดวงให้โชคดี คืออัญมณีในโทนสีส้ม ไม่ว่าจะเป็นไพฑูรย์ เพชรตาแมว หรือหากเป็นสาวรุ่นใหม่ที่หลงรักสไตล์มินิมอล แหวนปะการังก็สวยมากๆ เลยทีเดียว

วันศุกร์

ในส่วนของคนวันศุกร์ ซึ่งมีสีฟ้าเป็นสีประจำวัน แหวนที่ประดับด้วยไพลิน หรืออัญมณีสีฟ้าอย่าง อะความารีน หรือลาพิส ลาซูรี ก็ช่วยเสริมให้เป็นศิริมงคลได้

วันเสาร์

คนวันเสาร์ควรต้องพกอัญมณีสีม่วง หรืออัญมณีโทนสีเข้มเป็นเครื่องประดับประจำนิ้ว จึงจะช่วยให้โชคดีมีชัยซึ่งอัญมณีสีม่วงก็มีมากมายไม่ว่าจะเป็น อะเมทิสต์ แซฟไฟร์สีม่วง

วันอาทิตย์

คนวันนี้ร้อนแรงต้องคู่กับ สีแดงแน่นอนอยู่แล้ว ซึ่งอัญมณีสีแดงที่ได้รับความนิยมที่สุดก็คือ ทับทิม รวมไปถึงโกเมน เพทาย และเพชรสีแดงอีกด้วย

สาวๆ คนไหนที่ไม่ชอบเพชร แต่ยังหาแหวน ก็ลองหันมามองอัญมณีเหล่านี้ดูก็ได้  หรือถ้ายังไม่ปิ๊ง เราก็มีแบบแหวนสวยๆ ให้เลือกอีกเพียบ

15 ไอเดียธีมลูกโป่ง เสริมบรรยากาศงานแต่งให้น่ารักมุ้งมิ้ง

นอกจากดอกไม้แล้ว อีกสิ่งที่จะช่วยเสริมงานแต่งของบ่าวสาวให้ดูน่ารักสดใสก็คือ ลูกโป่งขนาดใหญ่หลากขนาดหลายสีสีสัน แพรว wedding เลยจะขอพาบ่าวสาวกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง กับ 15 ไอเดีย ธีมลูกโป่ง ที่ไม่ว่าจะตกแต่งไว้ตรงไหนมุมใดก็สะดุดตาแน่นอน

ธีมลูกโป่ง

สร้าภาพถ่ายให้น่ารักด้วยลูกโป่งช่อโต ยิ่งสลับขนาดเล็กใหญ่และมีสีสันสดใสรับรองว่าจะเป็นภาพถ่ายที่น่าประทับใจแน่นอน

สร้างงานแต่งให้เป็นงานอาร์ตด้วยสายรุ้งลูกโป่ง หลากเฉดสีและต่างขนาด

ถ้าบนโต๊ะอาหารที่เรียงรายไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ยังทำให้บ่าวสาวรู้สึกสดชื่นไม่พอ ลองเพิ่มความแฟนซีด้วยบอลลูนน่ารักๆ ดูสิคะ

เปลี่ยนจากเถาวัลย์ที่เลื้อยเลาะบนโต๊ะอาหาร มาเป็นการมิกซ์ลูกโป่งหลากขนาดที่มีสีสันสดใสเข้ากับธีมงานแต่งดูสิคะ แล้วนำใบไม้สีเขียวชอุ่มมาแซมเพิ่มเติมเพื่อความสดชื่นอีกนิด เท่านี้ก็ได้โต๊ะอาหารแนวใหม่เพิ่มลุคที่น่าสนใจให้กับงานแต่งแล้ว คำเตือน : ระวังสิ่งของมีคมทั้งหลายบนโต๊ะอาหารกันด้วยนะคะ

อีกหนึ่งกิมมิกสุดน่ารัก กับการเติมลูกโป่งไว้ท้ายรถ

หากบ่าวสาวรู้สึกไม่ชอบใจผนังของสถานที่จัดงานแต่งงาน ก็มาเนรมิตแบ็คดรอปแนวใหม่ที่เต็มไปด้วยลูกโป่ง ก็เป็นอีกหนึ่งไอเดียที่ไม่เลว รับรองว่าถ่ายรูปออกมามุมไหนก็น่ารักสดใสเหมือนได้ย้อนวัยอีกครั้งแน่นอน

หากสถานที่จัดงานแต่งงานของบ่าวสาวมีสระว่ายน้ำล่ะก็อย่าปล่อยให้พื้นที่ตรงนั้นโล่งว่าง มาเติมลูกโป่งให้ลอยอยู่เหนือผิวน้ำกันดีกว่า ซึ่งถ้าหากเป็นงานกลางคืนอาจจะต้องเลือกลูกโป่งที่มีสีสันโดดเด่นในความมืดสักหน่อย แล้วเพิ่มความโรแมนติกด้วยแสงเทียนบนผิวน้ำอีกนิด เท่านี้ก็สวยจบแล้วล่ะ

เติมความเก๋ให้กับผนังด้วยแบ็คดรอปลูกโป่งที่เรียงรายลงมาเป็นแถวยาว โดยอาจจะไล่เรียงตามเฉดสีจากเข้มไปอ่อน รับรองว่าจะเป็นอีกหนึ่งมุมที่แขกแย่งกันถ่ายรูปแน่นอน

หากคุณเป็นบ่าวสาวสายปาร์ตี้ที่รักความสนุกสนาน ต้องไม่พลาดกับไอเดียเพดานลูกโป่ง

ใครว่าธีมงานแต่งแบบรัสติกที่มีแต่งานไม้จะมีลูกโป่งน่ารักๆ ตกแต่งไว้ไม่ได้ เพราะเพียงแค่เลือกลูกโป่งสีอ่อน แล้วเสริมด้วยเถาวัลย์สีเขียว เท่านี้ก็ได้ความน่ารักสดใสในสไตล์รัสติกแล้ว

แบ็คดรอปลูกโป่งที่งานนี้ไม่ต้องเน้นเยอะเป็นแผง แต่เน้นในเฉดสีสดใสก็ให้ลุคปังกว่างานไหนๆ แล้ว

เพิ่มจุดถ่ายรูปที่น่าสนใจอีกหนึ่งจุดในลุคสุดทันสมัยด้วยลูกโป่งขนาดใหญ่ที่อาจจะจับคู่กับโลโก้อักษรย่อของบ่าวสาวที่มีไฟระยิบระยับ

เปลี่ยนจาก flower girl มาเป็น balloon girl รับรองว่างานนี้เด็กๆ จะสนุกกับการถือลูกโป่งมากกว่าดอกไม้แน่นอน แต่อาจจะต้องหาสายคล้องมือไว้สักนิดนะคะ เพราะถ้าจับไม่แน่นเดี๋ยวลูกโป่งหลุดมือไปแล้วล่ะก็แย่เลย

เติมบรรยากาศงานแต่งเอ้าท์ดอร์ให้ดูโมเดิร์นด้วยการลอยบอลลูนขนาดยักษ์ไว้ทั่วงาน แล้วตกแต่งบอลลูนให้น่ารักด้วยการหาผ้ามุ้งเฉดสีเดียวกันหรือเข้ากับธีมงานหุ้มเอาไว้ด้านนอกก็ช่วยเพิ่มลุคโรแมนติกให้กับงานแต่งของบ่าวสาวได้ไม่น้อย

ทางเดินเข้างานที่เรียงรายไปด้วยลูกโป่ง แล้วพรางเชือกที่ลอยลูกโป่งไว้ด้วยเถาวัลย์ที่มีใบไม้กระจุ๋มกระจิ๋มพร้อมแซมดอกไม้ดอกเล็กๆ เสริมอีกนิดก็ยังได้

Cr. brides.com, aileendockerty.ca

ดูไอเดียและคำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับงานแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

แต่งหน้าเจ้าสาว สไตล์สาวหน้าไทย สวยหน้าหมวย สาวสายฝอ ลุคไหนถึงจะรอด?!

รวบรวมไอเดียลุค แต่งหน้าเจ้าสาว สำหรับสาวไทยหลากหลายลุค ตั้งแต่สาวหม๊วยหมวย สาวหน้าไท๊ยไทย ไปจนถึงสาวสายฝอสไตล์คมเข้ม ลุคไหนพัง ลุคไหนรอด ต้องมาดู!

เราได้ข่าวมาว่า เหล่าว่าที่เจ้าสาวหลายคนชอบเซฟภาพสวยๆ จาก Pinterest เพื่อเอามาไว้เป็นไอเดียการจัดงานแต่งงานต่างๆ ตั้งแต่ ดอกไม้ การ์ด ของชำร่วย ชุดเจ้าสาว ไปจนถึงทรงผมและเมกอัพเจ้าสาว แต่…แต่…แต่!! สาวๆอย่าลืมว่า ใน Pinterest  ภาพส่วนใหญ่มาจากฝั่งอเมริกาหรือยุโรป ซึ่งถ้าหากเป็นไอเดียอื่นๆ ก็คงใช้ได้ แต่ถ้าหากเป็นไอเดียทรงผมหรือเมกอัพเจ้าสาวแล้วละก็ อย่าลืมว่าพวกเราสาวไทยนั้นโครงหน้าเอย สีผมเอย สีตาเอย ไม่เหมือนสาวฝอผมทองนะจ๊ะ การจะเอาภาพเมกอัพหรือทรงผมของสาวฝอไปโชว์ช่างแต่งหน้าทำผมเจ้าสาวนั้น ช่างอาจจะมีอาการกุมขมับเพราะเมื่อมันมาอยู่บนตัวเราสาวหน้าหม๊วยหมวย หรือหน้าไท๊ยไทยนั้นอาจจะไม่รอด อย่ากระนั้นเลย เรานำเอาไอเดียเมกอัพลุคสำหรับวันแต่งงาน ของเจ้าสาวไทยโดยเฉพาะ ไม่ว่าคุณจะเป็นสาวหมวยกากี่นั้ง สาวหน้าไทยแท้ดั้งเดิม หรือสาวหน้าคมเข้มสไตล์สายฝอ มาดูกันเลยว่าเมกอัพลุคแบบไหนที่เหมาะกับเราจริงจัง แบบช่างแต่งหน้าไม่ต้องกุมขมับจ้า

สาวหมวยจริงจัง ตาชั้นเดียวมาแต่ไกล

แต่งหน้าเจ้าสาว

ข้อดีของสาวหมวยคือเมื่อลงสีอายแชโดว์ที่ดวงตาสไตล์สโมกกี้อายส์จะเห็นสีชัดและทำให้ดวงตาดูโดดเด่น แม้ว่าข้อด้อยของสาวหมวยหลายคนที่เรามักจะเจอคือรูปหน้าที่ค่อนข้างกลม และมีเนื้อแก้ม (แต่เรากลับรู้สึกว่าเป็นข้อดีเพราะทำให้หน้าดูเด็กนะ) เราสามารถแปรเปลี่ยนตรงนี้ให้เป็นจุดเด่นได้ด้วยการแต่งหน้าเน้นพวงแก้มเอิบอิ่มให้ดูแบ๊วเป็นสาวเกาหลีน่ากอด หรือเน้นดวงตาให้ดูกลมโต ลงสีลิปสติกเบาๆใสๆ ก็ยิ่งดูน่ารักอ่อนกว่าวัยไปอีกค่ะ

แต่งหน้าเจ้าสาว

9 เรื่องบ่าวสาวต้องเตรียมพร้อมเพื่อพิธีสงฆ์ในงานแต่งผ่านฉลุย

ต่อไปนี้คือสิ่งที่บ่าวสาวต้องเตรียมสำหรับ พิธีสงฆ์

หนึ่งในพิธีการสำคัญวันแต่งงานของบ่าวสาวชาวไทยก็คือ พิธีสงฆ์ ที่ถือปฏิบัติกันต่อๆ มาตั้งแต่สมัยโบราณจนกระทั่งทุกวันนี้ ซึ่งในการเตรียมพิธีสงฆ์นี้บางคู่ก็เลือกวิธีง่ายๆ คือให้ทางวัดหรือทางเจ้าของสถานที่เป็นผู้จัดการให้ แต่สำหรับบางคู่ที่อยากดูแลพิธีนี้ด้วยตัวเอง เพราะจัดเป็นการภายในหรือมีวัดที่สนิทกันเป็นพิเศษ ต้องไม่ลืมเตรียมพร้อมกับ 9 เรื่องต่อไปนี้นะคะ

1. เตรียมการนิมนต์พระ

บางบ้านนับถือเพียงวัดเดียว บางบ้านมีหลายวัดที่ไปทำบุญบ่อยๆ ดังนั้นสิ่งที่ต้องตัดสินใจให้ได้ก่อนก็เรื่องนี้แหละค่ะ จะไปนิมนต์พระมาจากวัดไหน ซึ่งเวลาที่จะไป อย่าเพียงแค่บอกกับทางวัดว่าจะแต่งงานแล้วเชิญมาทำพิธี เพราะพระท่านก็มีศาสนกิจอื่นๆ ที่ต้องทำ ดังนั้นเตรียมข้อมูลแน่ๆ ไปเลยว่าจะนิมนต์มาในวันไหน สถานที่ใด มีพิธีอะไรบ้าง จะมีเลี้ยงเพลหรือไม่ และมีคนมารับพระจากวัดไปหรือไม่ ติดต่อประสานงานกับใคร โดยอาจเป็นการนิมนต์ด้วยวาจาล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วัน กำลังดี หรือใช้ใบอาราธนาที่เรียกว่า “ฏีกานิมนต์” เพื่อแจ้งวัตถุประสงค์ให้พระสงฆ์

2. เตรียมพร้อมสถานที่

การเตรียมพร้อมของสถานที่ไม่ใช่แค่การทำความสะอาดพื้นที่ให้เอี่ยมอ่อง แต่คือการคำนวณพื้นที่ให้พอดีกับจำนวนพระสงฆ์ที่นิมนต์มา พื้นที่สำหรับบ่าวสาวประกอบพิธี และพื้นที่สำหรับแขกที่เชิญมาร่วมพิธี ดังนั้นว่าที่บ่าวสาวจึงควรเลือกห้องหรือพื้นที่ที่ตอบโจทย์ที่ว่านี้ทั้งหมด จากนั้นทำความสะอาดให้เรียบร้อยเพื่อเตรียมพร้อมการจัดเครื่องใช้ในพิธีต่อไป

3. เตรียมจัดอาสนะและเครื่องใช้สำหรับพระสงฆ์

ว่าที่บ่าวสาวส่วนใหญ่เลือกใช้วิธียืมของจากทางวัด โดยแจ้งให้เจ้าหน้าที่วัดมาดูแลจัดให้ก็ได้ หรือหากคู่ไหนมีความรู้ในการจัดสถานที่ในพิธีสงฆ์ก็อาจไปรับอาสนะและอุปกรณ์อื่นๆ มาก่อนหนึ่งคืนแล้วจัดวาง แต่สิ่งที่ควรระลึกเสมอคือ ข้าวของเครื่งใช้ต่างๆ ของพระสงฆ์ต้องอยู่สูงกว่าที่นั่งของฆราวาสเสมอ

4. จัดเตรียมที่พุทธบูชา

สิ่งที่ขาดไม่ได้อีกอย่างในการจัดพิธีสงฆ์คือ การตั้งพระพุทธรูปบูชาและโต๊ะหมู่บูชา โดยจะจัดเป็นโต๊ะหมู่ 5 หมู่ 7 หรือหมู่ 9 ก็ได้แล้วแต่พื้นที่และความสะดวกของแต่ละคู่ แต่จะต้องตั้งโต๊ะหมู่พร้อมด้วยเครื่องบูชาอันประกอบด้วย แจกัน เชิงเทียน กระถางธูป แต่ถ้าไม่สามารถหาโต๊ะหมู่ได้ ก็สามารถใช้โต๊ะที่ความสูงกำลังพอดีๆ แล้วปูด้วยผ้าขาวแล้วตั้งพระพุทธรูป พร้อมเครื่องบูชา โดยในการตั้งพระพุทธรูปควรตั้งหันหน้าไปทางทิศตะวันออก เพราะถือว่าเมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้พระองค์หันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก แต่ถ้าสถานที่ไม่อำนวย ก็ควรตั้งหันหน้าไปทางทิศเหนือ ส่วนทิศนอกจากนั้นไม่นิยมตั้ง และพระพุทธรูปควรอยู่ทางขวามือของพระสงฆ์

5. เตรียมบาตรน้ำพระพุทธมนต์และอุปกรณ์ประกอบ

ขันน้ำมนต์และน้ำสะอาดสำหรับทำน้ำมนต์ เป็นอุปกรณ์ที่หลายคู่มักลืมและคิดว่าพระสงฆ์ต้องมีติดตัวมาเสมอ แต่ในความจริงแล้ว คุณว่าที่ทั้งหลายควรย้ำกับทางวัดว่า ช่วยเตรียมมาให้ด้วย แล้วตัวคุณเองก็ทำหน้าที่เตรียมน้ำสะอาดไว้ โดยตั้งไว้ด้านขวามือของพระผู้เป็นประธานสงฆ์ในพิธี พร้อมกับเทียนสำหรับทำน้ำมนต์ 1 เล่ม ควรเป็นเทียนขี้ผึ้งแท้หนัก 1 บาท ติดไว้ที่ขอบปากบาตรหรือภาชนะใส่น้ำมนต์ และเตรียมที่พรมน้ำพระพุทธมนต์ไว้ซึ่งทำจากหญ้าคามัดเป็นกำตัดปลายและรากทิ้งยาวประมาณ 1 ศอก

พิธีสงฆ์

6. เตรียมอุปกรณ์ทำแป้งเจิม

แป้งกระแจะเจิมหน้าผากของคู่บ่าวสาวเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่พระสงฆ์ที่นิมนต์มาเป็นผู้ทำให้ ว่าที่บ่าวสาวจึงต้องเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม ไม่ว่าจะเป็นดินสอพองและน้ำอบ

7. เตรียมด้ายสายสิญจน์

ด้ายสายสิญจน์เป็นอีกสิ่งที่บ่าวสาวต้องเช็คกับทางวัดให้ดีๆ ว่ามีเตรียมมาให้หรือไม่ หากต้องไปซื้อมาเตรียมเองต้องเช็คให้ดีๆ ว่าเป็นด้ายแบบไหน ส่วนการวางเส้นสายสิญจน์จะวนจากซ้ายไปขวาตามเข็มนาฬิกา และวางไว้ในตำแหน่งที่สูงอย่าให้ใครข้ามได้ โดยจะวนรอบฐานพระพุทธรูป รอบภาชนะน้ำมนต์ แล้ววางสายสิญจน์ที่เหลือบนพานไว้ใกล้กับพระสงฆ์ผู้นั่งเป็นประธาน

8. เตรียมตัวรับพระ

อย่าคิดว่าการรับพระสงฆ์จะจบแค่ตรงที่ส่งรถไปรับที่วัดเท่านั้น เพราะคำว่ารับพระในที่นี่หมายถึง รับพระสงฆ์ลงจากรถมายังในตัวบ้านหรือบริเวณทำพิธี โดยวิธีการเตรียมพร้อมคือ ว่าที่บ่าวสาวออกไปกราบอาราธนานิมนต์ให้พระสงฆ์เข้าไปในบ้านหรือสถานที่ประกอบพิธี โดยก่อนหน้าควรจัดเตรียมให้คนล้างเท้าและเช็ดเท้าพระสงฆ์ด้วยเพื่อความเป็นสิริมงคล เมื่อพระสงฆ์นั่งบนอาสนะเรียบร้อยแล้ว เจ้าภาพถวายน้ำร้อน น้ำเย็น และเครื่องรับรองอื่นๆ และมีการพูดคุยบ้างตามสมควร อย่าปล่อยให้ท่านนั่งอยู่เหมือนไม่มีใครเอาใจใส่เด็ดขาด

9. เตรียมการถวายข้าวพระพุทธ

มีพิธีการอีกอย่างหนึ่งที่ชาวพุทธควรรู้ คือการถวายข้าวพระพุทธ เนื่องจากในโบราณประเพณีถือปฏิบัติกันว่า พระภิกษุสงฆ์ที่นิมนต์มานั้นมีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข จึงต้องถวายพระองค์ด้วย ถึงแม้พระองค์จะปรินิพพานไปนานแล้วก็ตามดังนั้นบ่าวสาวจึงต้องเตรียมข้าวสำหรับถวายพระพุทธที่ตั้งไว้ที่โต๊ะหมู่ด้วยนะคะ

เตรียมของเสร็จแล้วก็ไปเตรียม ลำดับพิธีสงฆ์ในงานแต่งแบบไทย จัดมาให้แบบเป๊ะทุกขั้นตอน

เรื่อง : ดอกปีบ
ภาพ : งานแต่งงานคุณแอนและคุณเจมส์ โดย Box Wedding

ก่อนเลือกสถานที่จัดงานแต่งงาน ว่าที่บ่าวสาวควรรู้เรื่องเหล่านี้ก่อน

เรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการเลือก สถานที่จัดงานแต่งงาน

เมื่อได้ฤกษ์มาแล้ว สถานที่จัดงานแต่งงาน ก็มักจะเป็นเรื่องแรกๆ ที่ว่าที่บ่าวสาวจะนึกถึงและกังวลว่าจะได้สถานที่ตามที่ตั้งใจไว้หรือเปล่า แต่ก่อนที่จะตรงดิ่งไปจองสถานที่ แพรว wedding มีสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่บ่าวสาวอาจจะหลงลืมจนไม่ทันคิดมาฝาก แถมสิ่งเหล่านี้ยังเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่จะช่วยให้ว่าที่บ่าวสาวเลือกสถานที่ได้เวิร์กอีกด้วย

  • ลิสต์จำนวนแขกให้ใกล้เคียงความเป็นจริงมากที่สุดแล้วจึงฟันธงเลือกห้อง หากกะประมาณคร่าวๆ จะเจอปัญหาเลือกห้องใหญ่เกินไป ส่งผลไปถึงค่าอาหารบานปลายและสูงขึ้นโดยไม่จำเป็น ซึ่งโดยปกติจะมีแขกมาร่วมงาน 80 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนการ์ดเชิญทั้งหมด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าจัดงานวันไหน ตามสถิติแล้ว ถ้าจัดงานในวันธรรมดา การ์ด 1 ใบอาจมีแขกมา 2 คน แต่ถ้าเป็นวันหยุด การ์ด 1 ใบอาจมีแขกมาสูงสุดถึง 5 คน (ในกรณีที่บุคคลที่บ่าวสาวเชิญไปมีครอบครัวแล้ว)
  • อย่าเลือกห้องเล็กไว้ก่อน เพียงเพราะคิดว่าจะประหยัดกว่า เพราะสุดท้ายแล้วหากแขกเกินก็ต้องจ่ายส่วนต่างอาหารที่คิดเพิ่มนอกแพ็คเกจ ซึ่งมักคิดราคาตามจำนวนคน

สถานที่จัดงานแต่งงาน

  • เลือกห้องที่ตกแต่งสวยงามพร้อมอยู่แล้ว เพราะจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการตกแต่งสถานที่
  • ในกรณีเช่าแค่สถานที่ และสถานที่นั้นไม่ใช่โรงแรม ควรเช็กให้ถี่ถ้วนว่าสถานที่นั้นให้อะไรเพิ่มเติมนอกเหนือจากห้องเปล่าๆ บ้าง เช่น เครื่องเสียง ลำโพง จอโปรเจ็กเตอร์ ไฟฟอลโลว์ โต๊ะ เก้าอี้ พนังานช่วยอำนวยความสะดวก ฯลฯ
  • ใช้บริการอาหารที่สถานที่นั้นๆ แนะนำ เพราะไม่ต้องเสียค่านำเข้าอาหารเพิ่มเติม
  • เลือกเมนูอาหารแพ็คเกจต่ำที่สุดแล้วเสริมด้วยซุ้มอาหารจะคุ้มกว่า โดยสั่งเมนูอาหารค็อกเทลแค่ 70-80 เปอร์เซ็นต์ของแขก แล้วเพิ่มซุ้มอาหารเฉลี่ยให้ครอบคลุม 100 เปอร์เซ็นต์
  • จัดงานแต่งแบบอินดอร์ประหยัดกว่าแบบเอ้าท์ดอร์ เพราะไม่ต้องเสียค่าเช่าเต๊นท์ พัดลม และระบบไฟเพิ่ม
  • ข้อดีของการจัดงานที่บ้านคือ ไม่เสียค่าสถานที่ ไม่เสียค่านำเข้าอาหาร แต่มีข้อเสียคือ อาจต้องเสียค่าเช่าโต๊ะเก้าอี้เพิ่ม และความเรียบร้อยหรือบริการต่างๆ อาจไม่เป๊ะเท่าโรงแรม
  • สุดท้ายหากบ่าวสาวส่งการ์ดเชิญแขก 300 ใบ ควรมีอาหารอย่างน้อย 6-7 ซุ้ม โดยมีปริมาณอาหารรวม 900-1,200 ชาม เป็นอาหารหนักประมาณ 350 ชาม และเตรียมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 4-6 ลัง และถ้าเสิร์ฟไวน์ด้วยก็ให้สั่งเพิ่มอีก 4-6 ลังเช่นกัน

บทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานที่จัดงานแต่งงาน >>> 8 อย่างขอให้เช็คและเห็นกับตาเมื่อออนทัวร์สถานที่จัดงานแต่งงานในฝัน

ภาพ unsplash.com, pinterest.com

ชุดแต่งงานไทยและสากลระดับ VVIP แบบสวยเสกได้ที่ Vanus First

หากพูดถึงชื่อแบรนด์ชุดแต่งงานที่ชื่อว่า Vanus Couture เชื่อว่าคงเป็นที่รู้จักในหมู่เจ้าบ่าว-เจ้าสาวเป็นอย่างดี และไม่นานนี้คุณสรรค์ สุดเกตุ เจ้าของแบรนด์ก็เพิ่งเปิดตัวร้าน Varich Suit เพื่อเอาใจว่าที่เจ้าบ่าวโดยเฉพาะ และด้วยฐานลูกค้าที่หลากหลายและเพิ่มขึ้นคุณสรรค์จึงถือโอกาสเปิดตัวอีกหนึ่งแบรนด์เพื่อเอาใจว่าที่บ่าว-สาวระดับวีไอพีกับแบรนด์ที่ชื่อ “Vanus First” ที่พิเศษถึงขั้นว่าอยากได้ ชุดแต่งงานไทย และชุดแต่งงานสากลแบบใด วัสดุพรีเมียมขนาดไหนว่าที่บ่าว-สาวสามารถรีเควสต์ได้เลยแบบไม่อั้น

Vanus First เป็นแบรนด์ชุดแต่งงานสไตล์ไหน เหมาะกับว่าที่บ่าว – สาวแบบใด

“แบรนด์ Vanus First เป็นชุดแต่งงานสไตล์ลักชัวรี่ เหมาะกับว่าที่บ่าว-สาวที่ต้องการชุดแต่งงานทั้งไทยและสากลแบบตัดซื้อ ตัวชุดเน้นดีเทลงานปัก วัสดุและผ้านำเข้าจากประเทศอังกฤษและอิตาลีเท่านั้น ที่สำคัญบ่าว-สาวสามารถรีเควสต์วัสดุที่ต้องการได้แบบไม่อั้น และสั่งทำทุกอย่างได้ตามต้องการ ส่วนความพิเศษของชุดไทยที่เพิ่มเข้ามาคือบ่าว-สาวสามารถสั่งตัดผ้าไหมชิ้นใหม่และเลือกเฉดสีได้ตามใจต้องการ โดยมีทีมดีไซเนอร์คอยให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด ซึ่งราคาของชุดแต่งงานจะเริ่มต้นที่ประมาณ 100,000 บาทขึ้นไป”

บริการของร้าน Vanus First ที่แตกต่างจากร้าน Vanus Couture

“แบรนด์ Vanus First นอกจากรองรับกลุ่มลูกค้าคนไทยแล้ว ยังสามารถดูแลกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติได้ด้วย โดยให้บริการและดูแลลูกค้าทุกคนในระดับ VVIP โดยที่ร้านจะมีพนักงานที่สามารถใช้ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาจีนได้ดีเพื่อความสะดวกในการให้บริการกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติ นอกจากนี้ยังมีบริการ dresser ที่จะไปช่วยแต่งตัวให้บ่าว-สาวฟรีในวันงาน ส่วนลูกค้าต่างจังหวัดอาจมีค่าบริการเพิ่มเติมอีกนิดหน่อย

“นอกจากนี้ Vanus First ยังมีบริการเครื่องประดับสำหรับชุดแต่งงานไทยให้ด้วย โดยเครื่องประดับทุกชิ้นทางร้านจะเป็นผู้ออกแบบและสั่งทำใหม่ทั้งหมดเพื่อให้เข้ากับชุดแต่งงานไทยของบ่าว-สาว โดยมีนักออกแบบผู้มีชื่อเสียงหลายท่านมาร่วมในการดีไซน์ โดยทาง Vanus First จะออกแบบและนำมาผสมผสานเพื่อให้เข้ากับชุดมากที่สุด ทำให้ลุคดูแตกต่างและลักชัวรี่มากขึ้นแต่ไม่ดูเยอะจนเกินไปยังคงมีความเป็นเจ้าสาวอยู่ภายใต้ความโก้ และความหรูหรา เมื่อจบงานบ่าว-สาวยังได้เครื่องประดับชิ้นนั้นกลับเป็นที่ระลึกเพื่อมอบให้ลูกหลานต่อไปในอนาคตได้อีกด้วย”

จุดเด่นของแบรนด์ Vanus First

“น่าจะเป็นเรื่องของผ้าปักที่ไม่เหมือนกับร้านอื่นที่เราสามารถทำได้แล้ว โดยร้านเลือกใช้ผ้าปักเข้ามาแทนการใช้ผ้าลูกไม้โดยเป็นการส่งไปปักที่ต่างประเทศทั้งหมด ซึ่งผ้าปักจะมีทั้งแบบทอเครื่องและการปักแบบแฮนด์เมด โดยผ้าปัก 1 เมตรราคาอยู่ที่ประมาณ 3,000 บาท ซึ่งปัจจุบันแบรนด์ชุดแต่งงานดังๆ ของต่างประเทศก็หันมาใช้ผ้าปักกันมากขึ้น

“ชุดแต่งงานโดยทั่วไปจะใช้เทคนิคการปักคริสตัลเม็ดเล็กๆ ทับลงไปบนลูกไม้เพื่อให้เกิดเป็นลวดลายที่โดดเด่น แต่ผ้าปักเป็นผ้าที่สร้างลวดลายขึ้นมาโดยการปักทั้งหมด มีกระบวนการผลิตประมาณ 4 เดือนขึ้นไป ซึ่งชุดแต่งงานแบบผ้าปักเหมาะสำหรับสวมใส่ในพิธีฉลองมงคลสมรสช่วงค่ำ เพราะคริสตัลจะระยิบระยับเล่นกับแสงไฟได้มากกว่าผ้าลูกไม้ปกติ

“จุดเด่นอีกอย่างคือการใช้กราฟิกดีไซน์เข้ามาช่วยในเรื่องการออกแบบชุดเจ้าสาว เพื่อให้เห็นเลเยอร์ของเนื้อผ้าและภาพรวมของชุดทั้งหมด และสามารถนำรูปหน้าของเจ้าสาวมาใส่ในโปรแกรมเพื่อดูว่าเหมาะกับชุดแต่งงานแบบไหนได้ด้วย โดยที่ร้านจะขึ้นแบบเป็นกราฟิกดีไซน์มาให้เจ้าสาวดูก่อนที่จะลงมือทำชุดจริง ซึ่งจะทำในรูปแบบ 3D สามารถดูได้แบบ 360 องศา เพราะฉะนั้นข้อผิดพลาดในการทำชุดแต่ละชุดจึงน้อยมาก เพราะทางร้านใช้รูปนี้เป็นหลักในการตัดเย็บและหลังจากเสร็จงานยังให้ภาพนี้แก่เจ้าสาวได้เก็บไว้เป็นที่ระลึกอีกด้วย”

เรียกได้ว่าการมาใช้บริการที่ Vanus First นอกจากบ่าว-สาวจะได้ชุดแต่งงานสวยๆ ในวันแต่งงานแล้ว ยังเหมือนได้ของที่ระลึกกลับไปเพื่อเก็บช่วงเวลาสุดพิเศษนี้เอาไว้ให้ลูกหลานได้ดูอีกด้วย

ดูแบบชุดแต่งงานร้าน Vanus Couture เพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย!

เครดิตร้าน Vanus First
โทร. 09-1750-1111
เฟซบุ๊ก : Vanus First – วนัชเฟิร์ส
ไอจี : @vanusfirst_official“

ออกกำลังกายฉบับเจ้าสาวเวลาน้อย!  จากเทรนเนอร์เซเลบคนดัง

ใกล้วันแต่งงานแล้วยังไม่ได้ฟิตหุ่นเลย? ไม่มีปัญหาเพราะเรานำเคล็ดลับการ ออกกำลังกาย สำหรับว่าที่เจ้าสาวเวลาน้อยจากเทรนเนอร์ที่ฟิตหุ่นให้เหล่าดารามาแล้วมากมาย

ว่าที่เจ้าบ่าวและเจ้าสาวที่ทำงานประจำ หรือมีกิจการส่วนตัวที่กำลังเติบโตหลายคนคงจะประสบปัญหา ไม่มีเวลาเตรียมตัวกับสิ่งต่างๆที่ต้องเตรียมในวันแต่งงาน ลำพังแค่จัดการชีวิตประจำวันก็แทบไม่มีเวลานอนอยู่แล้วจ้า! ลืมไปได้เลยเรื่องจะจัดตารางเวลาออกกำลังกายจริงจัง แต่พอคิดภาพตัวเองในชุดเจ้าบ่าวหรือชุดเจ้าสาวแสนสวยในฝันก็แทบจะกุมขมับ เพราะหุ่นเราตอนนี้นั้นไม่ได้มีอะไรใกล้เคียงภาพฝันเลยค่ะ T^T แต่ปัญหาเหล่านี้จะหมดไป เพราะเรารู้ใจคุณ เราจึงไปหาคำตอบจาก คุณ เบนซ์ – ภูมิสิทธิ์ ศิระโพธิวงศ์ เซเลบริตี้เทรนเนอร์ที่ปั้นหุ่นให้บรรดาคนดังและนักแสดงแถวหน้าของเมืองไทยมาแล้วมากมายไม่ว่าจะเป็น คิมเบอร์ลี, มาริโอ้ เมาเร่อ หรือ ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ คุณเบนซ์เป็นเทรนเนอร์ส่วนตัวที่ดูแลตั้งแต่การออกกำลังกายไปจนถึงเรื่องอาหารและเทคนิคการฟิตหุ่นที่มีระยะเวลาเป็นเดิมพัน คุณเบนซ์จะมีเทคนิคอย่างไรแนะนำเหล่าว่าที่บ่าวสาวเวลาน้อย มาดูกันค่ะ

ออกกำลังกาย เจ้าสาว

เทคนิคลดน้ำหนัก กระชับหุ่น พร้อมสร้างกล้ามเนื้อ ในเวลาเดียวกันของคุณคืออะไร

“ตารางคร่าว ๆ คือเล่นเวตเพื่อสร้างกล้ามเนื้อ ครั้งละ 60 – 90 นาที ประมาณ 2 – 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ส่วนที่เหลืออีก 4 วันให้ทำคาร์ดิโอ เช่น วิ่ง เดินเร็ว ตีแบด ต่อยมวย หรือกิจกรรมที่เรียกเหงื่อ เป็นเวลา 45 นาที – 1 ชั่วโมง โดยสามารถหยุดพักระหว่างการทำคาร์ดิโอได้ แต่ต้องทำให้ ได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งการคาร์ดิโอคือการเบิร์นแฟตหรือไขมัน ที่ต้องทำควบคู่ไปกับการสร้างกล้ามเนื้อเพื่อให้ได้ความกระชับของสัดส่วน ส่วนเรื่องอาหารที่จริงสามารถรับประทานได้ตามปกติ แค่เน้นการกินอาหารไขมันต่ำ น้ำตาลน้อย หลีกเลี่ยงของมัน หากเป็นอาหารผัดก็ใส่น้ำมันให้น้อยที่สุด และลดหรืองดพวกโซเดียมและขนมกรุบกรอบ โดยที่ผมจะบอกเป็น ไกด์ไลน์ให้ ไม่ได้จัดเป็นโปรแกรมอาหารว่าแต่ละมื้อต้องกินอะไร ในปริมาณเท่าไหร่ เพราะการไปกะเกณฑ์เรื่องอาหารเป็นเรื่องยาก ผมจึงแนะนำ ให้กินทุกอย่างตามปกติ แต่กินให้น้อยและเลือกกิน ควบคู่ไปกับการเล่นเวต และออกกำลังกายเพื่อสร้างความเฟิร์มของกล้ามเนื้อ”

ระยะเวลาน้อยที่สุดที่บ่าว – สาวสามารถเข้ามารับการเทรน และวิธีไหนจะให้ได้ผลดีที่สุด

“ที่ผมเคยเจอ น้อยที่สุดคือประมาณ 1 – 2 เดือน นอกจากจะต้อง เน้นออกกำลังกายและควบคุมอาหารอย่างสม่ำเสมอและค่อนข้างหนักแล้ว การช่วยกระตุ้นและพูดเพื่อสร้างกำลังใจก็สำคัญมากเหมือนกัน และหาก คู่บ่าว – สาวสามารถทำได้ก็จะแนะนำให้กินวันละ 4 มื้อ โดยกำหนดว่า ในแต่ละมื้อต้องมีโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไฟเบอร์ประมาณไหน และ ออกกำลังกายให้ได้ประมาณ 24 วันใน 1 เดือน เช่น ให้เล่นเวตสัปดาห์ละ 3 ครั้ง เป็นเวลา 12 วัน อีก 12 วันให้ทำคาร์ดิโอ เพื่อให้ร่างกายได้เบิร์น หากบ่าว – สาวปฏิบัติได้อย่างเคร่งครัด รับรองว่าเห็นผลแน่นอน”

ฝากคำแนะนำให้บ่าว – สาว

“การจะได้หุ่นที่เฟิร์มกระชับและน้ำหนักที่ลดลง อย่างแรกต้องปรับ เรื่องอาหาร ต่อมาคือออกกำลังกายสม่ำเสมอ ส่วนบ่าว – สาวที่อยากจะเข้า โปรแกรมฟิตหุ่นควรเตรียมตัวล่วงหน้าอย่างน้อย 6 เดือน และทำตามที่ เทรนเนอร์แนะนำอย่างเคร่งครัด หรือถ้าไม่ได้มาเล่นกับเทรนเนอร์ ก็สามารถสร้างกล้ามเนื้อเองได้ที่บ้านโดยการวิดพื้น ซิตอัพ และยกเวต เพื่อให้กล้ามเนื้อเฟิร์มกระชับ โดยแนะนำให้ซื้อดัมบ์เบลประมาณ 1 – 5 กิโลกรัมเพื่อใช้เล่นกับส่วนต่าง ๆ ที่ต้องการน้ำหนักที่แตกต่างกันไป เช่น น้ำหนักเบาไว้เล่นสำหรับช่วงไหล่หรือหลังแขน ส่วนน้ำหนักเยอะให้ใช้กับ ช่วงขาที่เป็นท่าสควอต โดยเล่นเวตประมาณ 3 วัน อีก 4 วันก็คาร์ดิโอ แค่นี้หุ่นก็เฟิร์มแล้วครับ”

ออกกำลังกาย เจ้าสาว

ว่าที่บ่าวสาวคนไหนอ่านแล้วเริ่มอยากฟิตหุ่นจริงจังก็อย่ารอให้ถึง 1-2 เดือนก่อนงานละคะ เพราะไม่อย่างนั้นคุณอาจจะต้องเหนื่อยหนักและมีวินัยมากกว่าเดิม เราแนะนำว่าให้เริ่มออกกำลังกายก่อนวันงานประมาณ 6 เดือนกำลังดีค่ะ ใครที่ชอบบทความนี้ เราแนะนำให้ คลิกอ่านเพิ่มเติม เคล็ดลับการทานอาหารและฟิตหุ่นฉบับกูรูสายฟิตเนส เมจิ อโณมา ที่นี่เลย

Credit photo: unsplash.com

หมดปัญหาต้องฝืนยิ้มหน้าเจื่อนเพราะรองเท้ากัดในวันแต่งงานด้วยวิธีเหล่านี้

มีเจ้าสาวไม่น้อยที่ต้องเผชิญปัญหารองเท้าเจ้าสาวที่ดุยิ่งกว่าหมาข้างบ้าน ถูกกัดจนเท้าเยิน เดินกระเผลกหมดสง่า แพรว wedding จึงขอนำเสนอ 6 วิธีหยุด รองเท้ากัด แบบไม่ต้องมานั่งฝนรองเท้าด้วยเทียนไขแถมไม่ต้องกัดรองเท้าเอาเคล็ดก่อนให้อายใครด้วย


1. ระเบิดรองเท้าให้หลวม

ฟังดูทำลายล้าง แต่ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น แค่ใส่รองเท้าแต่งงาน ก่อนถึงวันแต่งสัก 1 อาทิตย์ วันละประมาณ 30 นาที เพื่อความคุ้นชิน และดูว่าใส่แล้วเจ็บส่วนไหนบ้างจะได้เตรียมการป้องกันได้ทัน แต่ถ้ารู้สึกว่ารองเท้าออกจะคับแน่นไปก็ใส่ถุงเท้าหนาๆ ไปด้วยระหว่างลองเดินนะจ๊ะ เท่านี้ก็ได้รองเท้าที่ใส่แล้วไม่คับเกินไปแถมเท้าไม่ระบมอีกต่างหาก


2. ทาโรลออนให้รองเท้า

อย่าพึ่งหลอนว่ารองเท้าเหม็น แต่ว่าถ้าหากมีปัญหากับสายรองเท้าเส้นเล็กๆ ที่มักจะฝืดจนสีกับเท้าจนกลายเป็นแผล ให้ทาโรลออนแบบน้ำ หรือโลชั่นที่อุดมด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์ที่เท้าและสายรองเท้าเจ้าปัญหา และหมั่นทาบ่อยๆ ในระหว่างงาน ก็จะช่วยลดการเสียดสีไปได้เยอะ


3. แผ่นรองรองเท้าหนานุ่ม

หนานุ่มที่ว่า คือ แผ่นรองรองเท้าสำคัญนะคะ แนะนำให้เลือกแบบที่รองรับเข้ากับรูปเท้าและเหมาะสำหรับยืนและเดินนาน เพราะวันแต่งงานช่วงเวลาที่ยืนที่เดินก็ไม่ต่างจากการออกไปท่องโลกกว้างเลย เพราะฉะนั้นก็ต้องเลือกแบบหนาๆ นุ่มๆ ที่ Riya ขอแนะนำเป็นพิเศษก็คือพวกทำจากแผ่นเจล และเมมโมรี่โฟม สองตัวนี้ต่อให้จะยืน จะเดินนานแค่ไหนไม่หวั่นอกเป็นแผ่นเขเลย ม่าเท้าที่ใช้เดินเยอะๆกจะฝืดจนสีกับเท้าจนกลายเป็นแผล ให้ทาโรลออนแบบน้ำ หรือ


4. บุผ้านุ่มถนอมเท้า

นอกจากรูปทรงที่สวย ขนาดที่พอเหมาะ แล้วก็อย่าลืมดูวัสดุบุด้านในของรองเท้าด้วย เพราะว่ายิ่งนุ่มเท่าไหร่ยิ่งดี และให้ดีที่สุดเลือกเป็นพวกผ้าขนนุ่มๆ จะดีมาก คราวนี้ล่ะนุ่มสบายเท้าแน่นอน


5. ขยายหัวรองเท้าด้วยความร้อน

ก่อนจะทำการระเบิดรองเท้าคู่สวย ให้เจ้าสาวใช้ไดร์เป่าผม เป่าอังๆ ที่รองเท้าสักแปบในส่วนที่ต้องการขยายเป็นพิเศษ อย่างหัวรองเท้าที่มักทำแหลมๆ ใช้ไดร์เป่าสักหน่อย แล้วค่อยใส่ ก็จะทำให้รองเท้าขยายตามรูปเท้าได้ง่ายขึ้นแล้ว


6. เลือกที่ใหญ่กว่าไซส์จริงเล็กน้อย

ตอนที่เลือกซื้อรองเท้า ให้เลือกไซส์ที่ใหญ่กว่าไซส์รองเท้าปกติสักหนึ่งถึงครึ่งไซส์ และก่อนตัดสินในจ่ายเงินก็ลองหยิบมาใส่ให้รอบๆ ห้อง เพื่อทดสอบว่าเนี้ยล่ะ รองเท้าที่จะทำให้ฉันสวยสง่าในวันแต่งงาน

 

เห็นไหมคะ 6 วิธี ง่ายๆ เท่านี้เองก็เปลี่ยนจากรองเท้าดุๆ ที่ชอบกัดมาเป็นรองเท้าเชื่องๆ ใส่ง่าย ใส่สบายไม่มาแว้งกัดในวันพิเศษ ให้ต้องยิ้มเจื่อนในงานแต่งงาน หมดปัญหารองเท้ากัดแต่ถ้ายืนนานๆ อีกหนึ่งปัญหานี้ก็จะตามมา >>> 10 วิธีลดอาการเมื่อยเท้าในงานแต่งให้น้อยลงจนแทบไม่รู้สึก <<< คลิกเลย!

ขอบคุณข้อมูลจาก www.brides.com
ภาพ unsplash.com

สิ่งที่ต้องเช็ก..เมื่อไปเซอร์เวย์สถานที่จัดงานแต่งงานมีอะไรบ้าง กูรูมีคำตอบ

จะมีสิ่งใดบ้างน้าที่คุณต้องเช็กเมื่อไปเซอร์เวย์ สถานที่จัดงานแต่งงาน ?

นี่คงจะเป็นคำถามของว่าที่เจ้าบ่าว-เจ้าสาวหลายคู่ที่กำลังจะไปเซอร์เวย์สถานที่แต่งงานกัน เพราะการไปดูสถานที่ที่จะใช้จัดงานแต่งงานไม่เพียงแค่เลือกสถานที่มีความสวยงาม บรรยากาศดี และถูกใจคุณทั้งคู่เพียงเท่านั้นนะคะ เพราะยังมีอีกหลายเรื่องที่คุณจำเป็นต้องคำนึงถึงเผื่อแขกผู้มาร่วมงานของพวกคุณด้วย แล้วทีนี้จะสามารถขอคำปรึกษาจากใครได้บ้างล่ะ? อ่ะแน่นอน เมื่อคุณเข้ามาอ่านเราก็จะไม่ทำให้คุณผิดหวังค่ะ วันนี้เรามีคำแนะนำจากเวดดิ้งแพลนเนอร์มืออาชีพเกี่ยวกับสิ่งที่คุณต้องสอบถามยามที่คุณไปดู สถานที่จัดงานแต่งงาน ซึ่งจะมีเรื่องอะไรบ้างนั้นตามมาดูกันเลยยย

สถานที่จัดงานแต่งงาน

1. จำนวนแขกที่จะมาร่วมงาน

สอบถามกับทางทีมงานผู้ดูแลสถานที่ว่าสถานที่นี้สามารถรองรับแขกได้ทั้งหมดกี่คน เพราะจำนวนแขกถือเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกสถานที่ ควรเลือกสถานที่ที่มีความพอดีกับแขกของคุณ รองรับได้เพียงพอหรือไม่มีขนาดใหญ่เกินไป ถ้าคนที่จะมาร่วมงานแต่งงานของพวกคุณมีไม่มากก็อาจะทำให้งานแต่งงานกับแขกขาดปฏิสัมพันธ์กัน พื้นที่ดูโล่งและงานก็จะกร่อยได้ในที่สุด หลังจากนั้นให้คำนึงถึงการวางผังงานแต่งงานว่าของต่างๆ จะสามารถวางไว้ส่วนไหนของสถานที่ได้บ้าง ผังโต๊ะที่นั่งสำหรับแขกสามารถรองรับได้กี่โต๊ะ และเมื่อจัดตกแต่งทุกอย่างในงานแล้วแขกของคุณจะสามารถเดิน ยืน นั่งได้สะดวกมากแค่ไหน ไม่ใช่ทุกอย่างดูแออัดไปหมดก็จะลำบากทั้งแขกและคุณเจ้าสาวที่ต้องสวมใส่ชุดแต่งงานสุดอลังการด้วยนะคะ

2. ค่านำเข้าคืออะไร?

ค่านำเข้าคือ สิ่งที่คุณต้องชำระเงินเพิ่มเติมหากไม่ได้ใช้ออแกไนซ์ของทางสถานที่ที่จัดหามาให้ หรือเมื่อคุณเลือกจองสถานที่เพียงอย่างเดียวแล้วหาออแกไนซ์มาเองจากข้างนอก เพื่อมาดูแลการจัดงานแต่งงานให้กับคุณ ทางสถานที่ก็จะมีการเรียกเก็บค่านำเข้าออแกไนซ์เพิ่มเติม รวมไปถึงค่าจัดตกแต่งสถานที่โดยบุคคลข้างนอกด้วยเช่นกัน ส่วนทางโรงแรมจะมีค่านำเข้าในส่วนของอาหารหากคุณเลือกใช้บริการโต๊ะจีนจากข้างนอกไม่ได้ใช้บริการอาหารของโรงแรม แต่ส่วนใหญ่แล้ว 90% ของโรงแรมในกรุงเทพฯ จะมีกฎให้ใช้บริการอาหารจากทางโรงแรมเท่านั้น เนื่องจากต้องการควบคุมมาตรฐานอาหารและสร้างความอุ่นใจว่าอาหารจะถูกหลักอนามัยแน่นอน ดังนั้นถ้าคุณตกลงปลงใจว่าจะเอาสถานที่นี้ ก่อนเซ็นสัญญาก็ควรถามข้อมูลเรื่องค่านำเข้าให้ดีก่อนนะคะ

3. ความสะดวกสบาย

อันดับแรกดูเรื่องวันเวลาที่คุณได้ฤกษ์งามยามดีมาว่าสถานที่ว่างและสะดวกให้บริการคุณอย่างเต็มที่หรือไม่ จากนั้นดูเรื่องความสะดวกสบายในการให้บริการต่างๆ ว่าทางสถานที่มีบริการอะไรในวันงานแต่งงานให้บ้าง เพราะสถานที่ส่วนใหญ่ที่มีราคาสูงมักจะมีการบริการที่ดีเลิศจนคุณสามารถไว้วางใจได้เลย และสุดท้ายแต่ยังไม่ท้ายสุดคือความสะดวกสบายเรื่องการเดินทาง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้แขกอยากมางานด้วยนะคะ อย่างเช่น คุณเลือกจัดงานในวันหยุดใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยว การเดินทางด้วยรถยนต์อาจไม่สะดวกเท่าไรนัก เพราะรถติด การจราจรคับคั่ง ไม่มีรถไฟฟ้าหรือรถไฟใต้ดินผ่าน แขกผู้ใหญ่บางท่านก็อาจจะไม่สะดวกที่จะออกไปไหนมาไหนในช่วงเวลาแบบนี้นะคะ

4. การตรวจเช็กอุปกรณ์ต่างๆ

ในข้อนี้ถ้าคุณจ้างออแกไนซ์ก็จะง่ายขึ้นมากเลยค่ะ เพราะทีมออแกไนซ์มีประสบการณ์การจัดงานแต่งงานมาเยอะ จึงรู้ว่าควรตรวจสอบอุปกรณ์สิ่งใดบ้าง บางชิ้นใช้ยังไง โดยต้องอาศัยผู้รู้ในเรื่องนั้นๆ เช่น อุปกรณ์เครื่องเสียง บ่าว-สาวบางคู่ก็ไม่ได้มีความรู้ในเรื่องนี้เสมอไป เมื่อไปดูสถานที่จึงต้องรบกวนผู้รู้ช่วยตรวจดูว่ายังสามารถใช้การได้เป็นปกติหรือไม่ เครื่องมีส่วนไหนช็อต เสียงเพี้ยนหรือเปล่า หรือสถานที่บางแห่งคุณสามารถพูดคุยกับทีมเซลล์ให้ช่วยตามผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบอุปกรณ์ก่อนที่จะนำมาใช้ในงานเพื่อให้แน่ใจว่าจะปลอดภัยไม่เกิดอันตรายร้อยเปอร์เซ็นต์

5. เมนูอาหารที่จะเสิร์ฟในงาน

หากคุณเลือกใช้บริการอาหารของสถานที่ที่คุณจะเลือก คุณควรถามถึงเมนูอาหารด้วยว่าสามารถเลือกได้กี่เมนูและมีเมนูอะไรให้คุณเลือกบ้าง ที่สำคัญมีบริการเทสต์รสชาติอาหารก่อนตัดสินใจไหม ถ้าสามารถเทสต์รสชาติได้ให้คุณลองชิมเมนูที่คิดว่าจะเลือกเสิร์ฟในงาน โดยคำนึงถึงแขกส่วนใหญ่ที่จะมาร่วมงานด้วยว่าอยู่ในวัยไหน เพราะถ้างานของคุณส่วนใหญ่แขกร่วมงานเป็นผู้ใหญ่ มีความจำเป็นอย่างมากที่รสชาติอาหารต้องอร่อย ถูกปาก การมางานแต่งงานของผู้ใหญ่ที่มีอายุส่วนมากก็ไม่ค่อยจะโฟกัสบรรยากาศหรือการตกแต่งสถานที่เท่าไรนัก แต่จะประเมินงานแต่งงานของคุณจากรสชาติอาหารเป็นหลัก ซึ่งคุณก็ต้องเข้าใจเรื่องความต่างของวัยด้วย เจ้าบ่าว-เจ้าสาวบางคนแม้จะถูกใจสถานที่มากกกก แต่ถ้าลองชิมอาหารแล้วรู้สึกไม่ประทับใจถึงกับเปลี่ยนสถานที่ก็มีมากนะคะบอกเลย

เมื่อคุณตัดสินใจเลือกสถานที่จัดงานแต่งงานได้แล้ว สนใจมาเซฟคอร์สกันหน่อยมั้ย? เพื่อที่งบการจัดงานแต่งงานของคุณจะได้ไม่บานปลาย เพราะหากลดค่าใช้จ่ายในส่วนของสถานที่ได้ คุณอาจมีเงินเหลือเก็บไว้ฮันนีมูนอีกด้วยน้า สามารถมาเรียนรู้วิธีจัดการงบประมาณค่าสถานที่ได้ใน >>> เคล็ด(ไม่)ลับอีกต่อไป 5 วิธี ลดค่าใช้จ่ายสถานที่จัดงานแต่งงานของคุณ <<< คลิกเลย!

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : คุณเอฟ Wedding Planner – Hug Wedding Planner
ภาพจาก : bakersranch.com

เทคนิคเจรจากล่อมพ่อแม่ให้คล้อยตามเมื่ออยากจัดงานแต่งงานขนาดเล็ก

เทรนด์การจัด งานแต่งงานขนาดเล็ก กำลังมาแรง ด้วยเหตุผลที่มีมากกว่าคำว่าประหยัดคือ ความต้องการงานแต่งงานที่เต็มไปด้วยบรรยากาศแสนอบอุ่น มองไปทางไหนก็เจอแต่คนรู้จัก แต่ปัญหาที่คิดไม่ตกและต้องถกกันทุกบ้านคือ พ่อแม่จะยอมไหม จะเข้าใจหรือเปล่า ลองใช้เทคนิคการเจรจากล่อมท่านให้คล้อยตามจากเราดูค่ะ

บอกเหตุผลในการเลือกจัดงานแต่งงานขนาดเล็กอย่างตรงไปตรงมา

เมื่อคุณตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่า จะจัดงานแต่งงานขนาดเล็ก และมั่นใจมากๆ ว่าจะต้องขัดกับความต้องการของท่านแน่ๆ สิ่งที่พึ่งกระทำก็คือ อธิบายถึงเหตุผลที่คุณอยากจัดงานแต่งงานขนาดเล็กกับท่านอย่างตรงไปตรงมาด้วยคำพูดที่นุ่มนวลและมีเหตุผล ไม่ว่าจะเป็นอยากจัดงานแต่งงานขนาดเล็กเพราะงบประมาณจำกัด ชอบสถานที่แห่งนั้นมากๆ รวมถึงต้องไม่ลืมเล่าภาพฝันวันแต่งงานที่คุณอยากให้มีอยู่ในอัลบัมความทรงจำของคุณกับท่านด้วยว่า งานแต่งเล็กๆ นั้นดีต่อความรั้สึกของคุณอย่างไรบ้าง

รับฟังความต้องการของท่าน แต่ไม่ลืมยืนยันความต้องการของตัวเอง 

อย่าได้เผลอพูดเสียงดังและพูดอยู่ฝ่ายเดียวจนท่านรู้สึกว่า ห้ามขัดใจคุณเด็ดขาด แบบนั้นน่ะจะทำให้การเจรจาล้มเหลวอย่างแน่นอน คุณควรรับฟังความต้องการของท่านก่อนว่า เพราะอะไรจึงอยากให้จัดงานใหญ่โตสุดอลัง จากนั้นนำเหตุผลของท่านมาคิดถึงความเป็นไปได้ว่าคุณจะจัดได้ตามใจท่านได้หรือไม่ หรือจะปรับเปลี่ยนตรงไหนในงานแต่งของคุณเพื่อเอาใจท่านได้ไหม โดยคิดคู่ไปกับเหตุผลจากใจของคุณที่จะทำให้ท่านยอมรับในการจัดงานแต่งขนาดเล็กแบบที่คุณต้องการจริงๆ แล้วอธิบายบอกไปตรงๆ ว่าได้หรือไม่ได้ เพราะอะไร โดยต้องไม่นะคะว่า ความต้องการของคุณคือสิ่งสำคัญ แต่ความรู้สึกของท่านก็สำคัญไม่แพ้กัน

หาจุดตรงกลางให้ลงตัว

ในเมื่อท่านก็ไม่ยอมลงให้ และคุณก็ยังอยากจะจัดงานขนาดเล็ก อาจต้องเจอกันครึ่งทางโดยจัดงาน 2 ครั้ง โดยงานหนึ่งเป็นปาร์ตี้งานแต่งขนาดเล็กแบบที่คุณต้องการ แล้วยกงานครั้งหนึ่งให้กับท่านไปเลยเพื่อให้ท่านได้เชิญแขกของท่านมาร่วมยินดีอย่างเต็มที่ แต่อย่าลืมคุยเรื่องเงินให้ชัดเจนเสมอด้วยนะคะว่างานงอกนั้นใครออก ซึ่งถ้าท่านพร้อมจะออกให้ ก็จัดไปเถอะค่ะเพราะคุณไม่ต้องเสียอะไรนี่นา แต่ถ้าพูดไปแล้วท่านชะงัก นั้นแปลว่าคุณอาจกำลังได้ชัยชนะมาครอง คือไม่ต้องจัดงานใหญ่ตามใจท่านยังไงละคะ

อ่ะๆ แถมให้อีกนิด เพราะบางคนก็เจอเหมือนกันที่พ่อแม่อยากให้จัดงานใหญ่ใจจะขาด แต่ก็ไม่ได้มีเงินออกให้มากมาย ถ้าเป็นแบบนั้นคงต้องมาดูกันหน่อยว่า คุณจะยอมให้ได้ แต่ต้องขยับงบประมาณส่วนไหนเพื่อมาขนายขนาดงาน ซึ่งจรงๆ แล้ววิธีหลังนี่เราไม่ค่อยแนะนำนะคะ เพราะมันผิดจุดประสงค์การจัดงาน และคุณเองก็มีแต่เสียเงินเต็มๆ

เอาภาพบรรยากาศงานอื่นๆ มาหลอกล่อ

ไม่ว่าจะพูดยังไงท่านก็ยังไม่เห็นภาพว่างานแต่งงานขนาดเล็กจะดียังไง ตัวช่วยที่น่าลองคือ หาภาพบรรยากาศงานแต่งงานขนาดเล็กของคนอื่นๆ ที่เคยจัดเอามาให้ดู  เพื่อให้ท่านซึมซับบรรยากาศหรืออีกนัยหนึ่งคือให้แบ่งปันความฝันของคุณให้ท่านได้คล้อยตาม ดีไม่ดีหากว่าท่านเห็นภาพงานของคุณอื่นแล้วอาจลืมไปเลยว่างานแต่งงานสุดอลังการหน้าตาเป็นยังไง

หาตัวช่วยที่เชื่อถือได้มาย้ำความดีงามของงานแต่งนี้

เคยรู้สึกไหมคะว่าคุณพูดแทบตายพ่อแม่ก็ไม่เชื่อ แต่พอคนอื่นพูดคำเดียวท่านกลับหยุดฟังและยอมตาม ซึ่งนี่แหละค่ะ คือเทคนิคข้อสุดท้ายที่คุณอาจต้องทำ โดยการขอความร่วมมือจากคนอื่นที่คุณมั่นใจว่า มีอิทธิพลต่อจิตใจและความเชื่อมั่นของท่านได้ จะเป็นลุงป้าน้าอา หรือแม้แต่เพื่อนสนิทของคุณที่พ่อแม่รู้สึกว่าไม่หลอกกัน และมีแต่ความปรารถนาดีให้กับคุณอย่างเต็มเปี่ยม ให้คนเหล่านั้นมาช่วยพูดอีกแรงถึงความดีงามของงานแต่งงานขนาดเล็ก รับรองค่ะว่า หลายเสียงย่อมดีกว่าเสียงเดียว รับรองว่าท่านมีสิทธิ์ใจอ่อนและคล้อยตามแน่นอน

ดูไอเดียงานแต่งงานและคำแนะนำเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย!

“สายป่าน & วุฒิ” คู่รักสุดแนวกับแฟชั่น ชุดแต่งงานสไตล์วินเทจที่หวานมากๆ

สายป่าน – อภิญญา สกุลเจริญสุข และวุฒิ – นันทวุฒิ บุญรับทรัพย์ คู่รักข้าวใหม่ปลามันที่เพิ่งเข้าสู่ประตูวิวาห์กันไปในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ซึ่งในพิธีแต่งงานสายป่านได้สวมชุดแต่งงานทั้งไทยและสากลที่ดูเป็นตัวเธอสุดๆ นิตยสารแพรว wedding ฉบับเดือนตุลาคม 2562 เลยชวนสองสามีภรรยามาเปลี่ยนลุคกันบ้างกับแฟชั่น ชุดแต่งงานสไตล์วินเทจ พร้อมเปลี่ยนลุคสาวเซอร์อย่างสายป่าน ให้กลายเป็นสาวหวานขั้นสุด ที่ขนาดคุณสามียังเอ่ยปากชม

ชุดแต่งงานสไตล์วินเทจ

ชุดแต่งงานจากร้าน Coco Chic Wedding
โทร. 0-2115-8500, 09-9635-8585
เฟซบุ๊ก : Coco Chic Wedding
ไอจี : @cocochicwedding

แต่งหน้า : ภูริตา นุนนทกานต์
ทำผม : เอกพล เกียรสืบ
ช่างภาพ : วารินทร์ บุณยประสิทธิ์
ผู้ช่วยช่างภาพ : ทศพล ฆ้องคำา, ประเมศฐ์ พิพิธชนินันท์
สไตลิสต์ : ชิตวัจน์ บุรัมยากร
ผู้ช่วยสไตลิสต์ : ลลิตา จันทะนา
ออกแบบฉาก : ณัตสุพล พรมสวัสดิ์

ดูแบบชุดแต่งงานร้าน Coco Chic Wedding เพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย!

งานแต่งคุณน้ำตาลสด&คุณตุลย์ กับสถานที่แต่งงานสุดลงตัว @The Botanical House Bangkok

สถานที่แต่งงาน ที่ลงตัวของคุณน้ำตาลสด – ดรัลรัตน์ ทองเจือ และคุณตุลย์ – ตุลย์ เจริญสุข ที่มีแขกในงานทุกคนเป็นเหมือนดอกไม้ที่มาเพิ่มสีสันให้กับฉากหลังที่เป็นต้นไม้ใหญ่ เพื่อเติมเต็มบรรยากาศให้สมบูรณ์แบบ

ย้อนไปเมื่อ 17 ปีที่แล้ว คุณตุลย์ได้เบอร์โทรศัพท์ของคุณน้ำตาลสดมาจากเพื่อนสนิทของเธอที่เรียนปริญญาโทด้วยกัน เพื่อปรึกษาเรื่องงาน เพราะทั้งคู่ทำงานในสายเดียวกัน

ด้วยความที่เพื่อนสนิทของทั้งสองเป็นคนเดียวกัน จึงทำให้คุณตุลย์และคุณน้ำตาลสดได้เจอและร่วมงานกันอยู่เป็นประจำ จนเกิดเป็นความใกล้ชิดและคุ้นเคยกัน กระทั่งได้พัฒนาความสัมพันธ์จากเพื่อนกลายเป็นคนรัก ซึ่งตลอดเส้นทางความรักครั้งนี้หากคนหนึ่งล้มจะมีอีกคนพยุงให้ลุกขึ้น หากคนหนึ่งประสบความสำเร็จอีกคนก็จะยืนยิ้มอยู่ข้างๆ ด้วยความภูมิใจ ทำให้ทั้งคู่นึกภาพไม่ออกว่าหากไม่มีคนใดคนหนึ่งชีวิตจะ เป็นอย่างไร นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นการทำเซอร์ไพร้ส์ขอแต่งงานด้วยเพลง “หยุด” ของคุณตุลย์ และทั้งคู่ก็ได้ฤกษ์ลั่นระฆังวิวาห์ในที่สุด

ในการ์ดแต่งงานของบ่าว-สาวมีประโยคที่ว่า “To be with you is enough and nothing else will complete me.” เพราะทั้งคู่มองว่าวันสำคัญวันนี้ไม่ได้มีแค่เขาสองคน แต่แขกทุกคนคือคนสำคัญที่ทั้งคู่รักและเคารพ ฉะนั้นการที่มีครอบครัว ญาติพี่น้อง และเพื่อนๆ มาร่วมงาน ก็เพียงพอแล้ว บ่าว-สาวจึงใช้ธีมสีหลักสำหรับงานนี้คือ สีเหลืองและสีน้ำตาลเพราะเป็นสีที่ทั้งคู่ชื่นชอบ และใช้เป็นกิมมิกให้แขกได้สนุกกับการแต่งกายมาร่วมงาน

ด้วยธุรกิจของบ่าว-สาวคือสายงาน Total Solution Agency จึงใช้ทีมงานของบริษัทในการรันคิวทั้งหมด ส่วนการตกแต่งสถานที่มอบหมายให้ทางสถานที่เป็นผู้ดูแล ซึ่งบ่าว สาวได้ฤกษ์แต่งงานล่วงหน้ามาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2561 จึงมีเวลาในการเตรียมงานทั้งหมด 5 เดือน โดยเริ่มจาก การลิสต์รายชื่อแขกก่อน จากนั้นจึงนำจำนวนคร่าวๆ มาพูดคุยกับทีมงานเพื่อหาสถานที่และการตกแต่งที่ตอบโจทย์ความต้องการของบ่าว-สาวที่สุด

ส่วนการตกแต่งสถานที่บ่าว-สาวเห็นว่าที่ The Botanical House เป็นสถานที่ที่มีการตกแต่งในธีม Botanical อยู่แล้ว ทั้งตัวอาคารและต้นไม้สวยๆ บริเวณโดยรอบ จึงไม่อยากมีโครงสร้างใดๆ ให้ดูเยอะและหนัก เพราะอยากให้บรรยากาศโดยรวมเหมือนจัดงานแต่งงานอยู่ในบ้านสวยๆ บรรยากาศอบอุ่น จึงเน้นการตกแต่งแต่ละจุดภายในงานด้วยการใช้ใบไม้ กิ่งไม้และเถาวัลย์เป็นหลัก แล้วเพิ่มสีเขียวเข้ามาให้มีความสอดคล้องกับสถานที่มากขึ้น ส่วนสีสันอื่นๆ บ่าว-สาวตั้งใจให้แขกในงานทุกคนเป็นเหมือนดอกไม้ที่มาเพิ่มสีสันให้กับฉากหลังที่เป็นต้นไม้ใหญ่ เพื่อเติมเต็มบรรยากาศให้สมบูรณ์แบบ

The Details
Venue&Decoration : The Botanical House Bangkok โทร. 0-2301-1868 เฟซบุ๊ก : The Botanical House BangkokWedding
Dress : ชุดพิธีเช้า ร้าน P A P Clothes& Accessories โทร. 08-0602-5096 ชุดช่วงพิธีฉลองมงคลสมรส ร้าน Peter Kellyโทร. 08-1684-9344
Groom Suit : ร้าน Peter Kelly โทร. 08-1684-9344
Make-up : กิตติภูม ชนไฮ โทร. 08-3015-4516
Hair : วัชรินทร์ พิพัฒนธรรม โทร. 09-5253-4894
Photo : Biggyfoto โทร. 08-7512-3123