6 สิ่งที่บ่าวสาวต้องรู้ก่อนคลิกซื้อแหวนแต่งงานผ่านทางออนไลน์

เดี๋ยวนี้สมัยนี้จะซื้ออะไรแต่ละทีก็แสนจะง่าย เปิดอินเตอร์เน็ตก็มีร้านขายของออนไลน์ให้เลือกเต็มไปหมด มีทุกอย่างแม้กระทั่ง แหวนแต่งงาน ที่เหล่าจิวเวลรี่ช้อปเปิดช่องทางให้คุณสั่งผ่านเว็บไซต์ของทางร้านได้เลย แต่ๆๆ! ใช่ว่าอยากซื้อก็กดซื้อทันทีทันใดเลยนะจ๊ะ มันต้องมีขั้นตอนในการเลือกซื้อกันบ้าง

1. หาข้อมูลซะก่อน

online-job-searching-website-posting-statistics-careers-1024x570

ก่อนที่คุณจะเลือกซื้อแหวนผ่านเว็บไซต์จิวเวลรี่ทั้งหลายคุณก็ควรที่จะหาข้อมูลของแต่ละร้านซะหน่อย นอกจากจะดูแบบดูทรงของแหวนว่าสวยถูกใจแล้ว คุณก็ควรหารีวิวของลูกค้าคนก่อนๆ ด้วยว่าพวกเขามีความคิดเห็นอย่างไรกับสินค้าและร้านนั้นๆ บริการดีหรือไม่ คุณภาพของสินค้าเป็นอย่างไร รวมไปถึงการบริการหลังการขายและการเอาใจใส่ลูกค้า เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจซื้อแหวนของร้านนั้นๆ

2. ไปดูของจริงหน้าร้านก่อนก็ดีนะ

jewelryjp-popup

ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม เราก็ยังขอแนะนำว่าซื้อแหวนแต่งงานที่ร้านดีกว่าสั่งออนไลน์นะคะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ได้ห้ามซื้อออนไลน์ผ่านเว็บไซต์นะ แต่อย่างน้อยๆ ก่อนคุณจะกดปุ่มซื้อก็ควรจะเดินเข้าไปที่หน้าร้านหรือสาขาเพื่อขอดูแหวนวงจริงว่าสวยงามเหมือนในรูปที่เห็นผ่านจอคอมฯ หรือไม่ ลองหยิบจับใส่ดูซะก่อน แล้วถ้าอยากซื้อออนไลน์จริงๆ ก็ค่อยกลับบ้านไปกดสั่งซื้อก็ได้

3. ต้องรู้รายละเอียดแหวนที่จะซื้อด้วย

4cs

เรื่องสำคัญพื้นฐานและจำเป็นต้องรู้ไม่ว่าคุณจะซื้อแหวนหน้าร้านหรือซื้อออนไลน์ก็คือ รายละเอียดของแหวนวงนั้นๆ แหวนทรงอะไร สไตล์ไหน เพชรกี่เม็ด กี่กะรัต น้ำหนักเท่าไหร่ สีเพชรเป็นอย่างไร ตัวเรือนทำจากอะไร รวมไปถึงหลัก 4Cs ด้วย อย่าสักแต่ว่าราคาถูกใจแล้วจะซื้อเด็ดขาด เกิดได้เพชรปลอมขึ้นมาจะกลายเป็นว่าเสียเงินฟรี!

4. ใบ Cer. น่ะมีไหม?

certificat_gia_dossier

สิ่งสำคัญอีกหนึ่งอย่างสำหรับการซื้อแหวนเพชรก็คือใบรับประกันอัญมณีหรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า GIA ซึ่งทุกครั้งที่คุณเลือกซื้อแหวนเพชร คุณควรดูให้แน่ใจว่าเพชรที่คุณจะซื้อนั้นมีใบ GIA แนบมาด้วยหรือไม่ เพราะมันจะเป็นหลักประกันสร้างความมั่นใจได้ว่าเพชรที่คุณซื้อนั้นมีคุณภาพจริง สวยจริง ไม่ใช่แค่ราคาคุยตามที่เขาโฆษณา

5. ช่องทางการจ่ายเงิน

Carte di credito e tastiera

ใครที่เป็นขาช้อปออนไลน์คงจะรู้กันดีว่าเวลาเราคลิกปุ่มซื้อของแล้วเขาก็จะมีช่องทางการจ่ายเงินมาให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายผ่านบัตรเครดิต ตัดบัญชีเงิน หรือโอนเงิน ทั้งนี้ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณควรจะเลือกวิธีการจ่ายเงินที่ปลอดภัยที่สุด และอย่าลืมเก็บใบเสร็จหรือหลักฐานการจ่ายเงินไว้ด้วย

6. ศึกษาข้อมูลผู้ขายไว้ด้วย

แหวนแต่งงาน

เมื่อคุณตัดสินใจแล้วว่าจะซื้อแหวนเพชรกับร้านใด สิ่งที่คุณต้องทำเพิ่มขึ้นมากกว่าข้อแรกก็คือ หาข้อมูลเกี่ยวกับผู้ขาย เช่น ร้านเปิดมานานเท่าไหร่แล้ว ความน่าเชื่อถือ การบริการ เงื่อนไขการขอคืนเงินหรือเปลี่ยนสินค้า ระยะเวลาการส่งของ ฯลฯ

การซื้อของออนไลน์ไม่ใช่เรื่องยาก แถมยังสะดวกสบายกว่าการซื้อของตามหน้าร้านแบบปกติ แต่ถ้าคุณจะซื้อแหวนแต่งงานสักวง แน่นอนว่าราคาไม่ใช่ถูกๆ คุณควรจะศึกษาและหาข้อมูลมากกว่าการช้อปออนไลน์ทั่วไป ดูตาม้าตาเรือและใบ Certificate ของเพชรที่คุณซื้อให้ดีๆ มิฉะนั้นได้แหวนปลอมขึ้นมาจะหาว่าไม่เตือนนะจ๊ะ!

ดูข้อมูลเกี่ยวกับแหวนแต่งงานอีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย!

เรียบเรียงจาก : www.brides.com
ภาพ : www.statisticbrain.com, www.nytimes.com, www.tinyjewelbox.com, www.info-diamond.com, imena.com, smartbizwpg.com

เช็คก่อนเลือก 7 สถานที่แต่งงาน จุดไหนขายได้จุดไหนต้องระวัง

ว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวที่กำลังวุ่นวายอยู่กับการวางแผนงานแต่งงาน เมื่อถึงขั้นตอนเลือก สถานที่แต่งงาน ก่อนตัดสินใจเราลองมาดูกันก่อนว่าประเภทของสถานที่สำหรับจัดงานแต่งงานมีอะไรบ้าง และแต่ละที่จะเหมาะสมกับคอนเซ็ปต์งานแต่งของเราไหม และ 3 หัวใจหลักที่ถือว่าสถานที่นี้แหละจะทำให้งานแต่งงานของคุณราบรื่นอย่างไร้ที่ติคือ สามารถรองรับแขกได้เพียงพอ, อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบ และมีบรรยากาศดี แล้วสถานที่แบบไหนบ้างที่จะคู่ควรกับงานแต่งงานของคุณ เราลองมาเช็กให้ชัวร์ก่อนตัดสินใจดีกว่านะคะ

1. ชายหาดริมทะเล

สถานที่แต่งงาน

สาวๆ หลายคนมีความฝันอยากแต่งงานริมทะเล เพราะวิวฉากหลังสุดโรแมนติกกับบรรยากาศที่อบอุ่นชวนเคลิบเคลิ้ม แต่สาวๆ อาจจะยังไม่รู้…การเลือกสถานที่จัดงานแต่งงานริมทะเลหรือชายหาดจะมีข้อจำกัดเรื่องสภาพพื้นทรายที่ไม่ราบเรียบ รวมไปถึงสภาพอากาศที่เป็นอุปสรรค อากาศอาจร้อนไปจนเมคอัพละลายหรือบางช่วงก็มีพายุฝนตกลงมาดื้อๆ ซะงั้น โดยเฉพาะลมที่เป็นอุปสรรคมากที่สุด ดังนั้นงานแต่งงานที่จัดริมทะเลจึงเหมาะกับงานแต่งงานที่มีความเรียบง่ายใช้พร็อพตกแต่งสถานที่น้อย และควรเป็นงานที่ใช้ช่วงเวลาสั้นๆ อย่างงานสวมแหวน

2. สวน

สถานที่แต่งงาน

บ่าว-สาวสายรักธรรมชาติมักชอบเลือกจัดงานแต่งงานในสวนสวยๆ ให้บรรยากาศที่อบอุ่นเป็นกันเองที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติอันร่มรื่น และด้วยขอบเขตงานที่มีขนาดเล็กการจัดงานแต่งในสวนจึงช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น ส่วนในตอนกลางคืนคู่ที่เลือกใช้สวนเป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงฉลองจะพบปัญหาในเรื่องของไฟ เพราะแสงอาจไม่เพียงพอส่งผลให้แขกในงานมองเห็นไม่ชัดเจน และยังส่งผลไปถึงเรื่องการถ่ายภาพเพราะหากใช้แฟลชแรงเกินไปก็ทำให้รูปของบ่าวสาวออกมาหน้ามัหรือมีเงาตกบดบังกันได้ เพราะฉะนั้นงานแต่งงานในสวนสวยจึงเหมาะกับการจัดในช่วงเวลาเช้ามากกว่าค่ะ

3. โรงแรม

สถานที่แต่งงาน

สถานที่ยอดฮิตในการจัดงานแต่งงานคงหนีไม่พ้นโรงแรมตั้งแต่ระดับ 3 ดาวไปจนถึง 5 ดาว เนื่องจากเป็นสถานที่นี้ถูกออกแบบมาเพื่อการจัดงานโดยเฉพาะ เพราะมีพื้นที่รองรับคนได้เพียงพอ อุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทำให้เนรมิตงานแต่งงานในฝันออกมาได้อย่างง่ายดาย ที่สำคัญไม่ต้องกังวลเรื่องสภาพดิน ฟ้า อากาศ ที่ไม่มีความแน่นอน นอกจากนี้โรงแรมยังมีโซนสถานที่ให้เลือกหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นห้องบอลรูม บริเวณสระว่ายน้ำ พื้นที่กลางแจ้ง แต่สุดท้ายอาจจะมีเรื่องของค่าใช้จ่ายที่มีราคาค่อนข้างสูงที่สุดในบรรดาประเภทสถานที่ทั้งหมด แต่ก็ถือว่าแลกกับการบริการที่ครบครันนะคะ

4. ร้านอาหาร

สถานที่แต่งงาน

อีกหนึ่งสถานที่จัดงานแต่งงานที่ให้บรรยากาศอบอุ่น เหมาะกับงานแบบสบายๆ ไม่เป็นทางการจนเกินไป และแน่นอนสิ่งที่ได้รับจากการจัดงานแต่งงานในร้านอาหารคือ งานของคุณจะมีอาหารที่อร่อยถูกปากผู้มาร่วมงาน มีเมนูหลากหลายไม่จำเจ แต่การจัดงานในร้านอาหารจะมีข้อด้อยอยู่ตรงที่คาแรคเตอร์ของสถานที่ที่ถูกตกแต่งออกแบบมาในรูปแบบของร้านอาหารโดยเฉพาะ คุณจึงไม่สามารถปรับเปลี่ยนอะไรได้มากนัก และยังมีความยากในการเลือกใช้พร็อพอีกด้วย เพราะฉะนั้นทางแก้คือการเลือกธีมที่ตรงกับบรรยากาศของร้านไปเลยค่ะ

5. เรือ

สถานที่แต่งงาน

การจัดงานแต่งงานบนเรือยังไม่ค่อยเป็นที่นิยมของคนไทยมากนัก เพราะด้วยความยุ่งยากของการเตรียมการที่ต้องจัดการระบบต่างๆ ให้ครบถ้วนภายในงาน เช่น การเตรียมอาหารให้เพียงพอต่อแขก การจัดที่นั่งบนพื้นที่อันจำกัดของเรือ และความปลอดภัยของทุกคนบนเรือเมื่อแล่นบนผิวน้ำที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุ และหากเรือโคลงเคลงก็มีความยากลำบากในการเดินไปอัก และไม่ดีแน่หากแขกบางท่านมีอาการเมาเรือ หมดสนุกเลยนะคะแบบนี้

6. Rooftop หรือ ดาดฟ้า

สถานที่แต่งงาน

พื้นหลังฉากซิตี้วิวที่เติมเต็มด้วยพระอาทิตย์ ใกล้ชิดกับท้องฟ้า โดยเฉพาะแสงในตอนเช้าจะทำให้การจัดงานพิธีเช้าของคุณได้ภาพที่สวยงามดูอบอุ่น แต่สำหรับงานเลี้ยงแต่งงานตอนกลางคืนมีความยากตรงการขนอุปกรณ์ของช่างภาพขึ้นมายังพื้นที่ด้านบน ซึ่งสถานที่จัด Rooftop บางแห่งลิฟท์อาจไม่เพียงพอต่อการใช้งาน เพราะฉะนั้นด้วยพื้นที่อันจำกัดจึงเหมาะกับการจัดงานแต่งงานขนาดเล็ก แขกไม่เยอะ ยิ่งถ้าการตกแต่งภายในงานมีความเรียบง่ายก็ส่งผลให้การจัดงานสะดวกขึ้นด้วยค่ะ

7. บ้าน

สถานที่แต่งงาน

สำหรับคนที่ต้องการจัดงานแต่งงานเล็กๆ เชิญแขกภายในงานเฉพาะเครือญาติคนสนิท คุณไม่จำเป็นต้องเสียเงินค่าสถานที่ เพราะบ้านเป็นหนึ่งสถานที่ที่เหมาะสมกับงานแต่งงานของคุณเลยล่ะค่ะ หากคุณมีการเตรียมความพร้อมที่ดี กำลังคนเพียงพอ จัดสรรพื้นที่ภายในบ้านให้เกิดประโยชน์สูงสุด สิ่งที่ต้องคำนึงเมื่อใช้บ้านเป็นสถานที่จัดงานแต่งงานคือการหามุมถ่ายภาพที่ถูกใจมีน้อย และอย่าลืมคำนวณอุปกรณ์ให้พอเพียงต่อการใช้งานนะคะ

Read More : 5 สิ่งที่ต้องทำก่อนเลือก สถานที่จัดงานแต่งงาน ในฝันของคุณ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : คุณน้ำ Wedding Planner – Kaidang Design
ภาพจาก : gomesphotography.co.uk, blog.styleweddingscabo.com,
blog.styleweddingscabo.com, msa-sea.org,ruffledblog.com, pinterest.com,
denizennavigator.com, insideweddings.com

พาเหรดเทรนด์ชุดเจ้าสาวปี 2020 สวยเริดจากฝีมือดีไซเนอร์ตัวท็อป

เทรนด์โลกแฟชั่นเรดดี้ทูแวร์เปลี่ยนไปทุกปี แฟชั่นชุดเจ้าสาวก็เช่นกัน และปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ในทุกครั้งจะมีอะไรใหม่ๆ มาให้ตื่นตาอยู่เสมอ ถ้าคุณอยากเป็นเจ้าสาวที่ไม่อิงกับชุดสไตล์เดิมที่เห็นกันจนคุ้นตา บอกได้เลยว่า เทรนด์ชุดเจ้าสาวปี 2020 จะมาเนรมิตความเก๋ยูนีค ที่สำคัญยังสวยไร้กาลเวลาจนอยากใส่สัก 5-6 ชุด! – เรื่อง Lynlry

70s Fairy

เทรนด์ชุดเจ้าสาวปี 2020
จากซ้าย – Oscar de la Renta, Galva, Naeem Khan

ความคูลของแฟชั่นในยุค 70 ทั้งสไตล์โบโฮ มงกุฎดอกไม้ ชุดแต่งพู่ ชุดจั๊มป์สูท แฟชั่นสไตล์ดิสโก้ กลับมาสร้างความหวือหวาให้เจ้าสาวในปี 2020 เราจึงได้เห็นชุดเจ้าสาวที่เปรี้ยว แซ่บ ปัง ฉีกออกจากลุคเดิมๆ ด้วยฝีไม้ลายมือของ Naeem Khan, Halston  และ Viktor & Rolf

BODY SHAPE TIPS ชุดเจ้าสาวแบบจั๊มป์สูทมีความเก๋ในตัวอยู่แล้ว อยากอินกับชุดสไตล์นี้แต่ไม่มั่นใจกับช่วงสะโพก ต้นขา สามารถหาคัตติ้งที่ไม่รัดรูปเกินไปในทรงกางเกงขากว้าง ถ้าไม่อยากให้ดูตัวใหญ่อาจหลีกเลี่ยงชุดที่มีการปักประดับด้วยเลื่อมหรือ ลูกปัดในจุดที่ไม่มั่นใจแล้วไปเสริมความโดดเด่นที่จุดอื่น

Statement Capes

เทรนด์ชุดเจ้าสาวปี 2020
จากซ้าย – Anne Barge, Zuhair Murad

ชุดเจ้าสาวในสไตล์ตกแต่งเคปหรือเสื้อคลุมเคปนั่นเอ เทรนด์นี้ก็ฮิตมาแบบต่อเนื่อง แต่แทนที่จะใช้เคปแบบผ้าเนื้อทึบเหมือนที่ผ่านมา ปี 2020 คือการโชว์ผิวอย่างแท้จริงด้วยการใช้ผ้าทูล (Tulle) ที่มีลักษณะโปร่งเบา เนื้อนุ่ม มาเนรมิตให้เจ้าสาวดูสวยละมุน เมื่อมีเคปเป็นไฮไลต์แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งเวลหรือผ้าคลุมผมเจ้าสาวให้เวิ่นเว้ออีก

BODY SHAPE TIPS ชุดสไตล์นี้เหมาะกับเจ้าสาวที่อยากอวดผิวสวยในชุดเจ้าสาว แต่ไม่มั่นใจต้นแขนหรือช่วงไหล่ ผ้าคลุมเคป แบบนี้คือตัวช่วยพรางที่ดีแถมยังเสริมให้ชุดดูเด่นมีสไตล์ไปอีกแบบ

Metropolitan Trains

จากซ้าย – Carolina Herrera, Crystal Design Couture, Oscar de la Renta, Manuel Mota by Pronovias

เทรนด์ชุดเจ้าสาวปี 2020 ที่เป็นเทรนด์มาแรงอีกลุคคือความมินิมัลที่ไม่ซ้ำเดิม ไม่ใช่ชุดเดรสเรียบแบบเดิม แต่เป็นเสื้อคัตติ้งเฉียบมาในซิลลูเอตต์เรียบแต่โก้จับคู่กับกางเกงที่มีการตกแต่งผ้าชายยาวโดดเด่น นี่คือเจ้าสาวในโลกความโมเดิร์นอย่างแท้จริง

BODY SHAPE TIPS ลุคนี้ความเด่นคือ Trains หรือผ้าชายยาวที่จะครีเอตความเฟมินีนอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องมีเวลหรือผ้าคลุมผมมาเติมเข้าไปอีก สำหรับทรงกางเกงควรเลือกให้เหมาะกับแต่ละรูปร่าง ถ้ากังวลเรื่องสะโพก เลือกกางเกงทรง Flare หรือขาม้า ซึ่งทรงนี้เหมาะกับคนหุ่นนาฬิกาทรายมาก ถ้ากังวลเรื่องต้นขา ให้เลือกแบบขากว้างหรือทรงกระบอกที่ไม่เน้นรัดต้นขา การเลือกเนื้อผ้าก็สำคัญถ้าไม่มั่นใจช่วงขาควรหลีกเลี่ยงเนื้อผ้าจำพวกสแปนเด็กซ์

Green Gowns

จากซ้าย – Rami Kadi, Azzi & Osta, Vera Wang

แต่ไหนแต่ไรโทนสีฮิตสำหรับเจ้าสาวรองจากสีขาวจะมีสีแชมเปญนำมาเป็นอันดับสอง สีออฟไวท์และสีอ่อนพวกสีพาสเทล ทั้งชมพู โอลด์โรส ตามกันา แต่น้อยครั้งที่เราจะได้เห็นสีเขียว และนี่เป็นครั้งแรกที่ Vera Wang โชว์ความสวยของเฉดสีเขียวพิสตาชิโอบนชุดเจ้าสาว และได้กลายเป็นเทรนด์สีในปี 2020 และกลายมาเป็น เทรนด์ชุดเจ้าสาวปี 2020 อีกด้วย หลายแบรนด์จึงหยิบเฉดสีเขียวขึ้นมาเฉิดฉายในโชว์ของตัวเอง รวมถึงบัลลังก์โอต์กูตูร์ของ Valentino และ Elie Saab จนถึงไบรดัลดีไซเนอร์แบรนด์ดังอย่าง Monique Lhuillier ด้วย

BODY SHAPE TIPS เฉดสีเขียวจัดเป็นสีโทนเย็นที่เหมาะกับสาวผิวขาว อมชมพูหรือผิวขาวเหลือง ถ้าอยากอินกับเทรนด์สีนี้แต่ไม่มั่นใจถึงขนาดจะเลือกมาแต่งเป็นชุดเดรสเต็มสตรีม หยิบมาแซมเป็นแอ๊กเซสซอรี่ส์ก็เก๋ได้เหมือนกัน

High-Low Hemlines

Monique Lhuillier

จริงๆ เทรนด์ชายกระโปรงหน้าสั้นหลังยาวฮิตมาตั้งแต่ปีที่แล้ว และยังต่อยอดความฮ็อตมาจนถึงซีซั่นนี้ ซึ่งในซีซั่นก่อนจะเน้นโชว์ขา ชายด้านหน้าจะสั้นเหนือเข่า ซึ่งถูกใจเฉพาะสาวๆ ที่มั่นใจในเรียวขาของตัวเอง ส่วนปี 2020 ชายด้านหน้าที่สั้นถูกเพิ่มความยาวลงมาเลยเข่า เรื่อยลงมาจนถึงระดับข้อเท้า ด้วยเหตุผลให้เจ้าสาวยังสามารถโชว์รองเท้าคู่สวยได้อยู่นั่นเอง

BODY SHAPE TIPS ชุดสไตล์นี้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับเจ้าสาวที่กำลังหาแบบกระโปรงที่ไม่ซ้ำเดิม ซึ่งถ้ากังวลเรื่องเรียวขาก็เลือกแบบที่มีความยาวเลยหัวเข่าลงมาสไตล์แบบ Carolina Herrera เป็นออปชั่นที่สวยเหมาะทีเดียว

Halter Necklines

จากซ้าย – Amsale, Costarellos, Naeem Khan

นอกจากดีไซน์ชุดที่เราเห็นกันจนเบื่ออย่างเกาะอก คอวี ไหล่เดียว หรือเปิดไหล่ ยังมีอีกหนึ่งออปชั่นที่น่าสนใจคือ คอเสื้อแบบ Halter ซึ่งคล้ายกับเสื้อแบบผูกคอ อย่างชุดรีเซปชั่นของดัชเชสซัสเซ็กซ์ คอเสื้อสไตล์นี้จะโชว์ช่วงแขน ไหล่ และหลัง ถือเป็น Fashion Forward อีกแบบเลยก็ว่าได้ เพราะเข้าได้ทั้งกับชุดฟิลลิ่งแฟชั่น มินิมัล และพิธีการ

BODY SHAPE TIPS ชุดสไตล์นี้จะเน้นโชว์ไหล่และแขน ถ้าคุณไม่มั่นใจในจุดนี้ให้เลือกเป็นแบบเปิดไหล่จะเหมาะสุด อีกเทคนิคคือคุณสามารถหาเคปคลุมไหล่ผ้าซีทรูที่เป็นเทรนด์ฮิตของปี 2020 มาเป็นแอ๊กเซสซอรี่ส์เสริมพรางช่วงไหล่และแขนให้กับชุดสไตล์นี้ก็ได้เหมือนกัน

Feather Fever

จากซ้าย – Naeem Khan, Mira Zwillinger, Oscar de la Renta, Zuhair Murad

งานขนนกก็มา ไม่ว่าเป็นเดรสส้ันเหนือเข่าสไตล์มินิเดรสจนถึงเดรสยาวแบบเจ้าหญิง ชุดจะดูพลิ้วไหวหรูหรามีสไตล์แตกต่างด้วยขนนก ซึ่งชุดเดรสสไตล์นี้ยังเป็นชุดอาฟเตอร์ปาร์ตี้เก๋ๆ ได้อีก ดูได้จากชุดสวยๆ ของ Naeem Khan, Mira Zwillinger, Zuhair Murad และ Oscar de la Renta

BODY SHAPE TIPSขนนกเป็นดีเทลที่สร้างความโดดเด่นให้ชุดก็จริง แต่ก็ใช่ว่าจะเหมาะกับทุกคนเสมอไป หลักการเลือกชุดขนนกที่เหมาะกับตัวเองที่ง่ายสุดคือ ถ้าคุณไม่มั่นใจรูปร่างในจุดไหนจุดนั้นไม่ควรมีการตกแต่งขนนก เพราะจะยิ่งทำให้ดูหนาฟูขึ้น และกลายเป็นจุดโฟกัสของสายตา

ดูแบบชุดแต่งงานเพิ่มเติมอีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย!

จัดงานแต่งงานให้ปังด้วย 4 เฉดสีสุดชิคช่วยเสกงานแต่งให้ว้าว

การเลือกธีมสีในการ จัดงานแต่งงาน ให้ออกมาลงตัวและโดดเด่นอย่างมีสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งสถานที่ สีชุดเพื่อนเจ้าสาว การ์ด ดอกไม้ รวมไปถึงข้าวของเครื่องใช้และการตกแต่งบนโต๊ะอาหาร อาจสร้างปัญหาให้กับหลายคู่ แต่ปัญหานี้จะหมดไปเมื่อคุณเข้าใจหลักการใช้สี

อย่างที่เรารู้กันว่า สีแบ่งเป็นโทนร้อน ที่ให้ความรู้สึกกระปรี้กระเปร่า สดใสมีชีวิตชีวา กับโทนเย็น ที่ให้ความรู้สึกไป ทางสงบ ผ่อนคลาย คุณๆ ควรเริ่มด้วยการเลือกสีหลักยืนพื้นไว้ก่อนไม่ว่าจะโทนร้อนหรือโทนเย็น แล้วค่อยตามมาด้วยการจับคู่สีให้ลงตัว อาจใช้วิธีไล่โทนสีจากสีหลักให้อ่อนลงหรือเข้มขึ้นตามความชอบ โดยอย่าลืมที่จะใช้สีโทนตรงข้ามเข้ามาตัดไม่ให้เกิดความเลี่ยน สิ่งสำคัญที่ควรระวังคือ อย่าใช้สีเยอะจนเกินไป ถ้าไม่ตั้งใจอยากได้สีรุ้งในงาน ฉบับนี้ แพรว wedding มีตัวอย่างสียอดนิยมมานำเสนอเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้คู่บ่าว – สาวนำไปปรับใช้ตามความชอบ – เรื่อง up_kamphoo

GOLD

สีทองหรือสีเหลืองทอง มักได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆ สำหรับงานแต่งงาน จะเห็นได้จากชุดเพื่อนเจ้าสาว การ์ด หรือเครื่องประดับบนตัวเจ้าบ่าวและเพื่อนเจ้าบ่าว เช่น โบไท ผ้าเช็ดหน้า ดอกไม้ติดสูท เป็นต้น

ในการตกแต่งสถานที่ไม่ว่าจะเป็นในร่มหรือกลางแจ้ง สีทองเข้าได้กับทุกที่ โดยเราสามารถผสมโทนสีให้อ่อนลงหรือเข้มขึ้นเพื่อความสวยงามลงตัวอย่างมีสไตล์ ยกตัวอย่าง เช่น การตกแต่งโต๊ะอาหาร อย่างการใช้เชิงเทียนสีทองคู่กับเทียนสีขาว หรือนำริบบิ้นสีเหลืองมัสตาร์ดมาผูกการ์ดเมนูบนโต๊ะอาหาร หรือผูกหลังพนักพิงเก้าอี้ก็ดูสวยงามตามท้องเรื่อง ที่เหลือก็แค่ระวังการคุมโทนสีให้ไปในทางเดียวกัน

PINK GOLD

เชื่อว่าสีนี้ครองใจคู่บ่าว-สาวมาเป็นอันดับต้นๆ เช่นกัน ด้วยความเรียบหรู อ่อนหวาน ดูมีสไตล์ ชุดเพื่อนเจ้าสาวจึงมักใช้สีนี้ ซึ่งส่วนใหญ่ก็ออกมาสวยดูสบายตา แต่ไม่ถึงกับเด่นเกินเจ้าสาว เช่นเดียวกับการตกแต่งภายในงานที่สีพิ้งค์โกลด์มักจะได้เป็นส่วนประกอบสำคัญบ่อยๆ

การจัดสถานที่สำหรับผู้ที่ใช้สีพิ้งค์โกลด์เป็นสีหลัก สามารถใช้ดอกไม้สีขาว สีชมพูอ่อน หรือสีโอลด์โรสเพื่อไม่ให้ขัดกับสีหลัก แล้วใช้สีเขียวเข้มของใบไม้มาแซมเพื่อตัดความเลี่ยน แต่ยังเป็นโทนสีในทิศทางเดียวกัน ส่วนบนโต๊ะอาหาร แก้วน้ำ เชิงเทียน จาน ผ้ารองจาน หรือช้อนส้อม ใช้สีขาวหรือสีพิ้งค์โกลด์ได้ สิ่งที่ต้องระวังคือเนื่องจากสีหลักมีความละมุนอ่อนหวาน จึงไม่แนะนำให้ใช้สีที่จะมาแย่งความเด่น เช่น สีเหลือง สีเขียวอ่อน สีม่วง โทนสีภายในงานจะดูไม่สบายตาขึ้นมาทันที

GREEN MINT

สีเย็นตาที่เหมาะกับบรรยากาศงานแต่งอีกหนึ่งสี เป็นทางเลือกที่น่าสนใจโดยเฉพาะใครที่ชอบงานสไตล์เอ๊าต์ดอร์ สีเขียวมินต์ค่อนข้างตอบโจทย์กับบรรยากาศในสวนร่มรื่น

การตกแต่งสถานที่เราสามารถไล่โทนสีให้เข้มขึ้น เช่น สีเขียวเข้มหรือน้ำเงินเข้ม แล้วใช้สีโทนร้อน เช่น สีแดง สีโอลด์โรส สีชมพู สีส้ม ในการจัดสถานที่ด้วยการแซมสีของดอกไม้หรือของตกแต่งภายในงาน หากต้องการอารมณ์งานแบบคลาสสิกให้เพิ่มสีทองลงไปในอุปกรณ์จัดโต๊ะ เช่น เชิงเทียน จาน ช้อนส้อม สำหรับการจัดช่อดอกไม้ที่เจ้าสาวต้องถือเข้ามาในงาน สีเขียวมินต์ของใบไม้เป็นอะไรที่ลงตัวเมื่อนำไปผสมกับ ดอกไม้สีอ่อน และที่ขาดไม่ได้คือการนำสีเขียวมินต์เข้าไปแจมในชุดของเจ้าบ่าวและเพื่อนเจ้าบ่าวเพื่อคุมโทนสี ควรเลือกใช้สูทสีอ่อนอย่างสีครีมเข้ากับเน็คไทและผ้าเช็ดหน้าสีเขียวมินต์จะยิ่งดูเท่ลงตัว

PEACH

สีหวานซ่อนเปรี้ยวสดใสที่หลายคนหลงใหล จัดว่าเป็นโทนสีที่เหมาะสำหรับบ่าว-สาวที่ต้องการความรื่นเริง สนุกสนาน แถมยังง่ายต่อการนำมาใช้ในการจัดตกแต่งภายในงานด้วย

ถ้าเจ้าสาวเลือกชุดสีพีช เจ้าบ่าวควรเลือกสูทสีน้ำเงินเข้ม เสริมด้วยเน็คไทสีเข้าชุด แต่ไม่ควรลืมเหน็บผ้าเช็ดหน้าสีพีชให้เข้ากับธีมสี และที่ขาดไม่ได้คือ ช่อดอกไม้ของเจ้าสาว และดอกไม้ผูกข้อมือของเพื่อนเจ้าสาวก็สามารถใช้สีพีชเติมความสดชื่นชวนมองได้เต็มที่

การจัดตกแต่งสถานที่สร้างความสดชื่นด้วยดอกไม้ที่มีทั้งโทนสีอ่อนลงจากสีธีม เช่น สีชมพูอ่อน สีส้มอ่อน หรือเลือกไปทางโทนสีที่เข้มขึ้นอย่างสีแดงกับสีม่วง ควบคู่ไปกับของตกแต่งที่มีสีเงินหรือสีทอง แต่ควรเลือกเพียงสีใดสีหนึ่ง ช่วยเสริมโครงสร้างสีให้ดูสว่างสดใส แล้วอาจแฝง ไอเดียเล็กๆ ลงไปบนการตกแต่งโต๊ะด้วยแจกันลูกพีชก็เพิ่มความน่าสนใจไปอีกแบบ

โทนสีที่เข้ากันอย่างมีสไตล์ไม่ว่าจะโทนร้อนหรือโทนเย็น บวกกับการหยอดไอเดียเล็กๆ น้อยๆ ช่วยเพิ่มสีสัน เท่านี้งานแต่งในฝันก็สวยและเปี่ยมด้วยความประทับใจที่สำคัญมาจากความชอบของคุณเอง

อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานและดูไอเดียเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

สังเกตการณ์งานแต่งเช้า! 5 เรื่องมีทางเลือกลองส่องดูแบบไหนเหมาะก็จัดไป

แพรว wedding เชื่อเหลือเกินว่าตอนที่ไปร่วมงานแต่ง โดยเฉพาะ งานแต่งเช้า ที่รูปแบบพิธีนั้นมีอะไรให้ดูเยอะแยะ เหล่าบรรดาว่าที่บ่าวสาวคู่ต่อไปก็มักจะแอบส่องทุกสิ่งไว้เป็นเรฟเฟอร์เร้นให้กับงานของตัวเองกันทั้งนั้น แต่ไม่ว่าคุณจะส่องอะไรในงานนั้น 5 สิ่งต่อไปนี้คือสิ่งที่น่าส่องเป็นพิเศษ เพราะมีรูปแบบการจัดงานหรือดำเนินพิธีต่างๆ กันไป ลองดูของคู่อื่นๆ แล้วเอามาประยุกต์ใช้กับงานตัวเองนะคะ

 

1. การวางชื่อบ่าวสาว

ในที่นี้เราไม่ได้บอกว่าให้ส่องดีๆ เพราะเดี๋ยวจะไปผิดงานเท่านั้นหรอกนะคะ แต่เราอยากให้คุณสังเกตว่าการวางตำแหน่งชื่อบ่าวสาวในงานเป็นแบบไหน (โดยเฉพาะที่ฉากบนเวทีที่คนเห็นกันทั่วงาน)  เพราะในงานแต่งงานแบบพิธีไทยแท้ๆ มักเอาชื่อฝ่ายหญิงขึ้นนำหน้า แต่สำหรับในพิธีจีนจะสลับให้ชื่อฝ่ายชายขึ้นก่อน ซึ่งถ้าเป็นงานพิธีแบบลูกผสมไทย-จีน ก็อยู่ที่การตกลงของแต่ละคู่ ซึ่งต้องไม่ลืมทำความเข้าใจกับผู้ใหญ่ของแต่ละฝ่ายด้วยนะคะ

2. การจัดตำแหน่งที่นั่งของผู้ใหญ่และแขกในงาน

บนเวทีจะมีทั้งประธานและผู้ใหญ่ของแต่ละฝ่าย ซึ่งจะนั่งฝั่งเดียวกับบ่าวสาว แต่สำหรับที่นั่งแขกด้านล่างไม่ได้จำกัดว่าใครต้องนั่งตรงไหน สิ่งที่แพรว wedding อยากให้คุณสังเกตการณ์คือ มีการจัดผังที่นั่งแขกประมาณไหนบ้าง คุณจะได้เอามาเป็นตัวเลือกในการจัดโซนที่นั่งแขกในงานตามจำนวนแขกที่เชิญกับสถานที่แต่งงานแบบที่คุณเลือกยังไงล่ะคะ

3. ช่วงจังหวะการรับตัวบ่าวสาว

หลังจากกล่าวสู่ขอกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะเป็นเวลาที่เจ้าสาวต้องเข้าสู่บริเวณพิธี ซึ่งก็มีให้เลือกอยู่หลายแบบเหมือนกันนะคะ บางคู่เลือกแบบว่าให้เจ้าบ่าวลุกออกไปรับเจ้าสาว บางคู่จะมีผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าสาวพามาส่ง สิ่งที่พึงสังเกตการณ์คือ คู่อื่นๆ ทำกันแบบไหนบ้าง ถ้าเป็นคู่คุณทำตามบ้างจะมีข้อดีข้อเสียแบบไหน เพราะในช่วงพิธีนี้ ช่างภาพจะต้องเข้ามามีส่วนร่วมเก็บความทรงจำแน่นอน ถ้าเลือกรูปแบบไม่ดี ก็อาจมีผลไปถึงภาพสวยๆ ที่ช่างภาพจะบันทึกด้วยนะคะ

4. อากาศภายในบริเวณจัดงาน

บางคู่จัดงานพิธีเช้าแบบเอาท์ดอร์ที่สนามหญ้าที่คิดว่าอากาศน่าจะถ่ายเทมากกว่าในห้องอยู่แล้ว แต่บางทีความร้อนอบอ้าวและการนั่งเรียงกันโดยมีพระอาทิตย์อยู่บนฟ้าก็ทำให้อึดอัดได้ สิ่งที่อยากให้สังเกตคือ แต่ละคู่จัดการเรื่องนี้แบบไหน เช่น มีการนำพัดลมตัวยักษ์มาตั้งไว้ หรือพัดลมไอน้ำเพิ่มละอองความเย็น หรือบางคู่อาจเพิ่มกิมมิคอีกนิดด้วยการแจกจ่ายพัดประจำตัวให้กับแขกอะไรแบบนั้น ซึ่งถ้าคุณจะจัดงานแบบนี้บ้าง จะได้มีข้อเปรียบเทียบและทางเลือกค่ะ

5. อาหารว่างและบริเวณจุดบริการ

หลายคู่โดนเม้าเพราะเรื่องอาหารว่างนี่แหละค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแจกแบบเป็นกล่องสำเร็จที่มีทุกสิ่งในนั้น หรือการตั้งแค่ซุ้มชากาแฟและขนมปังให้ปิ้งเอง แต่สำหรับบางคู่ก็เลือกที่จะจ้างแคเทอร์ริ่งมาดูให้เป็นเรื่องเป็นราวกันไปเลย ซึ่งเรื่องนี้คุณว่าที่ทั้งหลายสามารถสังเกตการณ์และพิจารณาถึงข้อดีข้อเสีย และเปรียบเทียบราคากับปริมาณแขกที่สัมพันธ์กับอาหารว่างได้ง่ายๆ ด้วยประสบการ์ตรงของตัวเอง

ไปงานแต่งครั้งหน้า อย่าลืมสังเกตการณ์ทั้ง 5 เรื่องที่เราแนะนำนะคะ จากนั้นนำมาประยุกต์และเป็นทางเลือกให้กับการจัดงานแต่งงานของคุณ ซึ่งแบบไหนที่เห็นมาและมีประสบการณ์ตรงที่ถูกใจจะได้เอามาปรับใช้แบบไม่ต้องคิดมากไงคะ

ดูเรื่องราวเกี่ยวกับพิธีแต่งงานไทยเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

เรื่อง : ดอกปีบ
ภาพ : งานแต่งงานของคุณแอนและคุณเจมส์ จาก Box Wedding

ถ่ายพรีเวดดิ้งอย่างมือโปร ถ่ายรูปสวยไม่ยากอย่างที่คิด คุณก็ทำได้!

หากทำเช็กลิสต์ก่อนวันวิวาห์ หนึ่งหัวข้อที่อยากชวนว่าที่บ่าว-สาวให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ คือการ ถ่ายพรีเวดดิ้ง เพราะภาพเหล่านี้ไม่เพียงบันทึกความทรงจำในช่วงเวลาสำคัญเท่านั้นแต่ยังสามารถนำไปใช้ในวันงาน จากนั้นหลายคนยังนำไปตกแต่งบ้านต่อได้อีก ภาพทุกภาพจึงควรบ่งบอกตัวตน เรื่องราว และสไตล์ของคนทั้งคู่ด้วย แพรว wedding คัด 3 แนวทางการถ่ายพรีเวดดิ้งที่จะอินเทรนด์ตลอดปี 2020 ตั้งแต่หัวใจของการถ่ายภาพแต่ละแบบ รวมถึงการวางแผนแต่ละขั้นตอนที่คุณสามารถทำได้ด้วยตัวเอง – เรื่อง ปารัณ เจียมจิตต์ตรง

MINIMAL STYLE

การ ถ่ายพรีเวดดิ้ง สไตล์มินิมัลได้รับการพูดถึงมาพักใหญ่ และจะได้รับความนิยมต่อไปแบบยาวๆ เพราะหัวใจของมินิมัลคือ ความเรียบง่ายที่มีเสน่ห์ ไม่ต้องการพร็อปส์หรือใช้อุปกรณ์มากมาย สถานที่ถ่ายทำอาจเป็นกำแพงเรียบๆ ในบ้าน หรือถ้าอยากจริงจังขึ้นมาหน่อยอาจเช่าสตูดิโอ ซึ่งมีอัตราค่าบริการเริ่มตั้งแต่ 1,500 บาท ต่อ 3 ชั่วโมง จนถึงหลักหมื่น ขึ้นอยู่กับความสะดวกในกระเป๋าสตางค์ ในที่นี้เราไม่ได้หมายถึงสตูดิโอที่ตกแต่งอลังการนะ อันนั้นคงไม่ใช่สไตล์มินิมัลที่เน้นความน้อยแต่มีเสน่ห์

ถึงจะน้อยอย่างไร ถ้าอยากได้ภาพสวยก็อย่าเรียบจนละเลยองค์ประกอบที่จะทำให้รูปสวยขึ้น เช่น การคุมโทนสีเสื้อผ้าของคู่บ่าว-สาวและฉากให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เช่น เสื้อขาวกับกางเกงยีน หรือถ้าอยากได้รูปคลาสสิกแบบอยู่ยาวๆ ก็อาจเลือกโทนขาว – เทา – ดำ โดยกล้องถ่ายรูปที่ใช้อาจเป็นกล้องของคุณเองหรือเช่าเพิ่มเติมจากสตูดิโอ คุณอาจตั้งกล้องถ่ายโดยสั่งการจากแอพพลิเคชั่นในโทรศัพท์มือถือหรือให้เพื่อนช่วยกดชัตเตอร์ได้ เพราะสายมินิมัลไม่จำเป็นต้องเนี้ยบเรื่องเทคนิค หัวใจสำคัญคือการบันทึกอารมณ์ ความรู้สึกในมู้ดต่างๆ เช่น โรแมนติก สุขุม หรือความสนุกสนาน

จากองค์ประกอบทั้งหมดนี้ การถ่ายพรีเวดดิ้งสไตล์มินิมัลจึงใช้เงินน้อย คุณสามารถถ่ายรูปที่บ้านโดยไม่เสียเงินสักบาท หรือได้รูปสวยๆ จากการถ่ายในสตูดิโอด้วยงบ 5,000 บาท (ไม่รวมค่าแต่งหน้า-ทำผม) ในกรณีที่คุณตั้งกล้องถ่ายเองหรือให้เพื่อนมาช่วยกดชัตเตอร์ให้ หรือถ้าคุณใช้ไฟสตูดิโอไม่เป็น เดี๋ยวนี้มีสตูดิโอที่ให้แสงธรรมชาติผ่านผนังกระจกเข้ามาได้ ถือเป็นทางเลือกให้การถ่ายภาพมีมิติมากขึ้น

หลายคนถามว่า การถ่ายรูปนอกสถานที่ถือเป็นสไตล์มินิมัลไหม คำตอบคือได้เหมือนกัน แต่เป็นภาพที่เน้นตัวบุคคลมากกว่าสถานที่ เพราะมินิมัลให้ความสำคัญกับอารมณ์ของบ่าว-สาวมากกว่าเรื่องอื่น ฉะนั้นก่อนถ่ายอย่าลืมตกลงกันให้ดีกว่าอยากให้ภาพออกมาแนวไหน อารมณ์อย่างไร หรือจะถ่ายให้ครบทุกอารมณ์เลยก็ได้ แกลเลอรี่หน้างานแต่งของคุณจะได้มีเรื่องราวที่หลากหลายและสนุกขึ้น

STREET & LOCATION

การถ่ายภาพแนวสตรีทและการถ่าย On Location โดยเฉพาะสถานที่สวยๆ ในต่างประเทศเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากปัจจุบันมีสายการบินราคาประหยัดเยอะขึ้น แต่หลายคนก็ตกม้าตายไม่ได้ภาพสวยสมใจ เพราะแม้คำว่าสตรีทอาจดูง่าย แต่ความจริงมีรายละเอียดซ่อนอยู่เพียบ ยกเว้นถ้าคุณเป็นสายชิลก็อาจไปเที่ยวกับแฟนแล้วถ่ายรูปไปเรื่อยๆ แต่ถ้าอยากได้รูปแสงสุดท้ายก่อนดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า ภาพโรแมนติกบนถนนที่เต็มไปด้วยหิมะ ฯลฯ โปรดอ่านต่อครับ

ในการถ่ายภาพโดยอิงกับสถานที่องค์ประกอบสำคัญสุดๆ คือ แสงธรรมชาติที่เหมาะในการถ่ายรูป ถ้าไม่ใช่ช่วงเช้าก็แนะนำให้เป็นหลังบ่ายสามโมง โดยมีไฮไลต์อยู่ในช่วงใกล้พระอาทิตย์ตกที่ช่วยให้มู้ดแอนด์โทนของภาพดูโรแมนติกขึ้นหลายเท่า และถ้าเป็นโลเกชั่นที่ไม่คุ้นเคยก็ควรไปดูสถานที่จริงไว้ก่อน เพื่อเห็นภาพรวมว่าแสงและมุมที่ต้องการเป็นอย่างไร ยกตัวอย่างโลเกชั่นถ่ายสตรีทยอดฮิตในกรุงเทพฯ อาทิ ย่านบางรัก ที่มีตรอกซอกซอย การจราจรคับคั่ง และร้านค้าที่ให้เรื่องราวความเป็นสตรีทอย่างสมบูรณ์ และถ้ามีการเลือกมุมไว้ล่วงหน้าจะทำให้คุณทำงานในวันจริงได้ง่ายขึ้น

ถ้าเลือกโลเกชั่นที่เน้นแสงสีในช่วงกลางคืนอย่างเยาวราช อุปกรณ์สำคัญอันดับแรกคือขาตั้งกล้องเพื่อเก็บแสงธรรมชาติรอบตัวให้มากที่สุด สำหรับแสงไฟที่ทำให้ตัวแบบสวยอาจใช้แฟลชติดกล้อง หรือถ้ามีทุนก็อยากให้หาไฟแอลอีดีเพื่อช่วยให้โทนผิวของคู่บ่าว-สาวสวยงาม ราคาตั้งแต่ 3,500 บาทขึ้นไป

สำหรับการถ่ายแบบ On Location สิ่งสำคัญคือการเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสม เช่น ถ้าอยากได้รูปใบไม้เปลี่ยนสีในประเทศญี่ปุ่น ควรหาข้อมูลให้เป๊ะว่าควรเดินทางในช่วงเวลาไหน และอีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กันคือ เงิน! ทั้งค่าเดินทาง ค่าอาหาร และค่าที่พัก ซึ่งความจริง แล้วอาจเป็นปัจจัยแรกที่จะบอกว่าคุณสามารถไปถ่ายรูปได้ไกลแค่ไหน

ถ้าทุนทรัพย์พร้อมแล้ว สิ่งต่อมาที่ต้องทำคือ การจัดโปรแกรมทัวร์ขนาดย่อมว่า คุณมีเวลาถ่ายรูปกี่วัน แต่ละโลเกชั่นอยู่ห่างกันแค่ไหน ใช้เวลาเดินทางเท่าไร สิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวแปรสำคัญว่าคุณจะได้รูปภาพที่ตั้งใจไว้ครบหรือเปล่า หากเป็นไปได้ควรมีเวลาสัก 1 วันสำหรับเซอร์เวย์สถานที่ก่อนจะดีมาก เพราะคุณจะได้เห็นด้วยตาตัวเองว่าโลเกชั่นนี้สวยที่สุดในเวลาไหน

สำหรับช่วงเลนส์ที่เหมาะในการถ่ายภาพสไตล์นี้คือช่วงเลนส์ซูม 70 – 200 mm หรือเลนส์ที่มีรูรับแสงกว้างที่ทำให้ได้รูปหน้าชัดหลังเบลอ แต่ถ้าคุณไม่ซีเรียสจะใช้เลนส์ที่แถมมากับกล้องก็ได้ และถ้าเป็นทริปแบบไปกันเอง 2 คน ไม่มีเพื่อนช่วยถ่ายรูปให้ ขอแนะนำให้พกเลนส์ไปแค่ 1-2 ตัว ไม่อย่างนั้นการต้องแบกทั้งเลนส์ และเสื้อผ้าไว้เปลี่ยนตามโลเกชั่นต่างๆ อาจทำให้คุณตีกันก่อนก็ได้

อีกเทคนิคในการถ่ายภาพแนวนี้คือ การใช้สิ่งของใกล้ตัวมาเป็นโฟร์กราวนด์หรือฉากหน้าของภาพ เช่น เสาไฟฟ้าที่คุณสามารถ ใช้เป็นองค์ประกอบของภาพระยะใกล้ แล้วให้คู่บ่าว-สาวอยู่ไกลออกไปอีกฝั่งของถนน รวมถึงอุปกรณ์ใกล้ตัวอย่างถุงพลาสติกหรือ แว่นตาก็สามารถนำมาใช้บังเลนส์ แม้แต่การเปิดไฟจากโทรศัพท์มือถือ ให้แสงสาดเข้ากล้องถ่ายรูปเล็กน้อยก็ช่วยให้ภาพมีมิติขึ้น

โดยสรุปแล้ว คุณสามารถถ่ายพรีเวดดิ้งแนวสตรีทโดยไม่เสียเงินสักบาท ยกเว้นจะเพิ่มออปชั่นพวกไฟแอลอีดีและขาตั้งกล้อง ซึ่งสามารถคุมงบให้อยู่ใน 5,000 บาทได้ แต่ถ้าอยากไปถ่ายสถานที่สวยๆ ในต่างจังหวัดหรือต่างประเทศก็ขึ้นอยู่กับเงินในกระเป๋าของคุณแล้วละ ขอเตือนว่าแม้จะไปถ่ายในประเทศหรือโลเกชั่นที่สวยหรูขนาดไหน ถ้าขาดการวางแผนที่ดีตอนขึ้นเครื่องบินขากลับอาจไม่ร่าเริงเหมือนขาไปก็ได้ จำไว้ว่า วางแผนให้ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง

CONCEPTUAL PRE-WEDDING

การถ่ายภาพแบบเน้นคอนเซ็ปต์คือสิ่งที่แสดงถึงตัวตนของคู่แต่งงานในยุคสมัยนี้ได้อย่างชัดเจนที่สุด เพราะหากย้อนกลับไปสัก 10 ปีการถ่ายรูปพรีเวดดิ้งส่วนใหญ่คือการเข้าไปซื้อแพ็คเกจจากสตูดิโอ ใส่ชุดแต่งงานแล้วถ่ายรูปในฉากต่างๆ ซึ่งอาจมีตัวเลือกอยู่ไม่มาก ทุกอย่างถูกกำหนดมาให้จากสตูดิโอนั้นๆ แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป คนในสังคมเริ่มมีคาแร็กเตอร์ คู่แต่งงานอยากได้ภาพพรีเวดดิ้งและธีมการแต่งงานที่สื่อถึงตัวเอง ไม่อยากซ้ำแบบคนอื่น จึงเป็นที่มาของสไตล์การถ่ายพรีเวดดิ้งที่หลากหลาย โดยเฉพาะการถ่ายสายครีเอทีฟที่ต้องทำการบ้านเยอะที่สุด ว่าคุณอยากถ่ายทอดเรื่องราวในภาพอย่างไร รวมถึงอาจใช้เทคนิคถ่ายภาพมากกว่าแบบอื่น

อันดับแรก ต้องถามตัวเองก่อนว่าอยากให้ภาพเล่าเรื่องอะไร ซึ่งอาจเป็นเรื่องราวในชีวิตของคุณเอง หรือเป็นคอนเซ็ปต์เหนือจริงที่คุณอยากทำมานานแล้วก็ได้ เช่น บางคนอยากได้ธีมเสื้อผ้าโอต์กูตูร์สมัยวิกตอเรีย เพราะฉะนั้นทั้งเสื้อผ้าหน้าผมและสถานที่ก็ต้องจัดเต็ม บางคนอยากเล่าเรื่องแบบนามธรรม เช่น การแต่งหน้าบ่าว-สาวให้เป็นคนแก่ เพื่อสื่อว่ารักของเราจะยืนยาวตลอดกาล ถ้าเป็นแนวนี้ช่างแต่งหน้าจะมีบทบาทสำคัญที่สุด บางคนเลือกแนวแฟนตาซีใส่ชุดตัวตลก ก็ควรเลือกโลเกชั่นที่ทำให้เรื่องราวไปด้วยกัน เช่น การถ่ายภาพในสวนสนุก หรือบางคนอาจเลือกกีฬาที่ชอบเหมือนกัน อย่างการวิ่งก็อาจใส่ชุดแต่งงานแต่สวมรองเท้าวิ่งก็ดูเท่ไปอีกแบบ

ข้อดีของการถ่ายภาพสไตล์นี้คือ แกลเลอรี่หน้างานแต่งงานจะมีเสน่ห์สุดๆ แขกที่มาร่วมงานจะได้บรรยากาศของการดูงานในนิทรรศการภาพถ่าย และถ้าคุณเลือกตกแต่งบรรยากาศภายในงานให้เหมือนคอนเซ็ปต์รูปถ่ายของคุณจะทำให้งานสนุกมากขึ้น ลองคิดดูสิว่าถ้างานแต่งของคุณเต็มไปด้วยตัวละครในยุควิกตอเรีย การถ่ายรูปจะสนุกสนานและอลังการขนาดไหน

และความที่การถ่ายรูปแนวนี้เน้นความคิดเป็นหัวใจสำคัญ เพราะฉะนั้นงบประมาณที่ใช้จึงขึ้นอยู่กับไอเดียว่าต้องใช้พร็อปส์หรือองค์ประกอบอะไรบ้าง เช่นเดียวกับการถ่ายรูป 2 สไตล์ข้างต้นที่คุณสามารถถ่ายเองด้วยการตั้งกล้อง ถ้าคุณมั่นใจว่าสามารถจัดการทุกอย่างทั้งหมดได้ด้วยตัวเอง แต่เราขอแนะนำว่าถ้าเลือกการถ่ายรูปสายนี้ยอมลงทุนสักหน่อยคุณจะได้ภาพที่ดีขึ้น

ไม่ว่าจะเลือกการถ่ายรูปแนวไหน อย่าลืมว่าหัวใจสำคัญที่สุดของการถ่ายพรีเวดดิ้งคือเรื่องราวความรักของคู่บ่าว-สาว เพราะต่อให้คุณลงทุนบินไปถ่ายรูปถึงขั้วโลกเหนือ แต่ถ้ารูปใบนั้นไม่มีความรักอยู่ข้างในก็อาจกลายเป็นรูปถ่ายธรรมดา

คอนเซ็ปต์ สไตล์ หรืองบประมาณจึงสู้ความรู้สึกที่คนสองคนสื่อถึงกันไม่ได้ ก่อนจะเดินออกไปหน้ากล้อง ลองทบทวนเรื่องราวความรักที่ผ่านมา ทั้งตอนหวานซึ้งและวันที่งอนกันแทบเป็นแทบตาย แต่คุณก็เดินทางมาถึงวันนี้ด้วยกันไม่ใช่หรือ

ถ้าถ่ายรูปได้ผลอย่างไร อย่าลืมส่งให้ แพรว wedding ดูบ้างล่ะ

ภาพประกอบ : www.indyweddingphoto.com, IG @smallmoon_photo

6 ข้อท่องไว้เจ้าสาวจะสวยเพอร์เฟกต์ในชุดแต่งงานได้แบบไม่ยาก

หากว่าที่เจ้าสาวคนไหนที่ยังลังเลใจตัดสินใจเรื่อง ชุดแต่งงาน ไม่ได้สักที แถมยังเกิดอาการกังวลใจว่าเราจะดูสวยในชุดแต่งงานที่เลือกไหมนะ? เอาเป็นว่าคุณว่าที่เจ้าสาวไม่ต้องนั่งถอนหายใจกันอีกต่อไปค่ะ เพราะ แพรว wedding มีเทคนิคดีๆ เกี่ยวกับการตัดสินใจเลือกชุดแต่งงาน และเคล็ดลับดีๆ ในการสร้างลุคสุดเพอร์เฟกต์มาฝากว่าสิ่งไหนดี สิ่งไหนห้าม เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้เจ้าสาวหาชุดแต่งงานที่ตรงใจ และช่วยเพิ่มความมั่นใจในวันแต่งงานได้แล้ว

1. หาสถานที่หรือสไตล์งานให้ได้ก่อน

การรู้สถานที่จัดงานแต่งงานที่แน่นอนจะช่วยให้เจ้าสาวจำกัดขอบเขตหรือรูปแบบชุดแต่งงานของตัวเองได้ง่ายขึ้น เช่น งานแต่งแบบเป็นทางการมาก ก็อาจจะเลือกเป็นชุดเจ้าสาวที่ดูคลาสสิค ให้ลุคที่ดูอมตะตลอดกาล ไม่ว่าจะเป็น รูปแบบกระโปรงทรงเอ-ไลน์ หรือทรงบอลกาวน์ที่แมตช์เข้ากับเนคไลน์แบบสี่เหลี่ยมหรือแบบเกาะอก

ชุดแต่งงาน

แต่ถ้าหากเจ้าสาวจัดงานแต่งแบบเอ้าท์ดอร์และจัดเลี้ยงในช่วงกลางวัน เราขอแนะนำให้เจ้าสาวเลือกเป็นชุดแต่งงานเกาะอกที่แบบเข้ารูป โดยอาจเลือกเป็นเนื้อผ้าที่สามารถระบายความร้อนได้ดีอย่างเช่น ไหมออแกนซ่า

หรือถ้าหากคุณเลือกจัดงานที่ชายทะเล อาจจะเลือกเป็นชุดแต่งงานทรงที-เล้นจ์ที่ช่วยให้เจ้าสาวสามารถเดินได้อย่างกระฉับเฉง โดยที่ชายกระโปรงไม่ต้องเปียกน้ำทะเลให้เสียลุค แล้วอาจจะเลือกแมตช์กับรองเท้าดีไซน์สวยส้นแบนที่สามารถเปียกน้ำได้ หรือจะเลือกเป็นสไตล์ barefoot wedding เราว่าก็เก๋ดีเหมือนกันนะคะ

ข้อควรระวัง!! ชุดแต่งงานชายกระโปรงลากยาวประดับเลื่อมลูกปัดหรือผ้าลูกไม้ลายฉลุ เพราะหากว่าที่เจ้าสาวเดินลงไปบนชายหาดที่เต็มไปด้วยเม็ดทรายอันละเอียดแล้วล่ะก็ งานนี้ชุดแต่งงานขาวสะอาดอาจจะเต็มไปด้วยทรายที่ฝั่งอยู่ในอณูความสวยงามบนชุด


2. รองเท้าต้องเข้ากับชุด

อย่ามัวแต่ให้ความสำคัญกับชุดแต่งงานจนหลงลืมแอคเซสซอรี่สำคัญอย่าง รองเท้าเจ้าสาว นะคะ โดยรองเท้านั้นก็ไม่ใช่ว่าจะเลือกแค่แบบที่ชอบหรือสวยอย่างเดียว เพราะชุดกับรองเท้านั้นต้องไปในทางเดียวกันเพื่อให้ลุคของเจ้าสาวออกมาเพอร์เฟกต์ เช่น หากเจ้าสาวเลือกเป็นชุดแต่งงานแบบยาวมาก ก็อาจจะเลือกสวมเป็นรองเท้าส้นสูงแบบส้นตึกหรือส้นไม่แหลมมากเพื่อจะได้สะดวกต่อการเดิน และอาจจะเลือกหัวรองเท้าให้มีดีไซน์ที่สวยงามสักนิด เพื่อที่ว่าเวลาเดินหากหัวรองเท้าโผล่พ้นชุดออกมาก็ยังช่วยให้ลุคของเจ้าสาวยังดูดีอยู่

แต่ถ้าหากเจ้าสาวเลือกสวมเป็นชุดแต่งงานทรงทีเ-เล้นจ์ ก็อาจจะต้องเลือกรองเท้าที่สวยงามสักหน่อย เพราะด้วยชุดแบบนี้จะทำให้ทุกคนมองเห็นรองเท้าของคุณได้แบบ 360 องศา และอาจจะเลือกส้นให้สูงแหลมสักหน่อยเพื่อที่ขาของเจ้าสาวจะได้ดูเรียวยาวในชุดสไตล์นี้

3. ฉีกลุคเจ้าสาวแบบเดิมๆ

หากคุณเป็นว่าที่เจ้าสาวหัวสมัยใหม่ที่รักในความแตกต่าง และชุดแต่งงานแบบเดิมอย่างทรงเอ-ไลน์ หรือบอลกาวน์ไม่ใช่สิ่งที่คุณกำลังมองหา ถ้าอย่างนั้นก็เท่ากับว่าคุณสามารถเพิ่มลูกเล่นที่สนุกสนานให้กับลุคของคุณได้อย่างมากมาย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหากเป็นชุดที่ฉีกกฏจนอาจทำให้ผู้ใหญ่ถึงขั้นต้องเอามือทาบอกล่ะก็ เราขอแนะนำให้ว่าที่เจ้าสาวได้ปรึกษาหรือบอกกล่าวกับทางผู้ใหญ่ให้ได้รับทราบซะก่อน เพื่อที่ท่านจะได้เข้าใจและไม่ช็อกตกใจในวันงาน

ระวัง!  สีขาวไม่ได้มีแค่เฉดเดียว

อย่าลืมเช็กให้ดีว่าเฉดสีขาวของชุดแต่งงานที่เจ้าสาวเลือกนั้นเป็นเฉดสีขาวที่เหมาะกับผิวของเจ้าสาวหรือไม่ เพราะสิ่งนี้สำคัญกว่าสไตล์ของชุดซะอีก เพราะถ้าหากเลือกเฉดสีผิวอาจจะทำให้ผิวของเจ้าสาวไม่เปล่งปลั่ง เผลอๆ อาจจะดูหมองคล้ำไปเลยก็ได้ โดยชุดแต่งงานสีขาวมี 3 เฉดสีหลักๆ ก็คือ White , Off white และ Ivory champagne

White หรือ สีขาว เหมาะกับเจ้าสาวผิวขาว

Off white หรือ สีออฟไวท์ เป็นเฉดสีที่ใกล้เคียงกับสีขาว แต่จะให้สีที่อมฟ้าหน่อยๆ ซึ่งให้ฟีลที่อ่อนโยนกว่าสีขาว และเหมาะกับเจ้าสาวทุกเฉดสีผิว แถมยังเป็นเฉดสีที่นิยมนำมาตัดเป็นชุดเจ้าสาวอีกด้วย

Ivory champagne หรือ สีแชมเปญ เป็นสีขาวออกไปทางเหลือง เหมาะกับเจ้าสาวผิวสีน้ำผึ้งไปจนถึงเจ้าสาวผิวเข้ม

4. โดดเด่นมีสไตล์ด้วยแอคเซสซอรี่

โชว์ตัวตนของเจ้าสาวผ่านแอคเซสซอรี่ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยเสริมความโดดเด่นให้กับลุคของเจ้าสาวได้ และถ้าหากเจ้าสาวเลือกชุดแต่งงานที่เป็นทางการมากๆ ก็อาจจะเพิ่มสีสันหรือความสนุกให้กับชุดเจ้าสาวด้วยการเติมเครื่องประดับที่อาจจะมีสีสันโดดเด่น เครื่องประดับที่มีขนาดใหญ่ หรือต่างหูที่มีประกายเพชรระยิบระยับ แต่เครื่องประดับที่จะช่วยให้ลุคของเจ้าสาวดูดีไปนานอีกหลายปีคงหนีไม่พ้นเครื่องประดับสุดคลาสสิคอย่างเช่น ไข่มุก เป็นต้น

ข้อควรระวัง!! อย่าเลือกเครื่องประดับที่ชิ้นใหญ่จนเกินไป เพราใบหน้าและชุดแต่งงานอาจจะโดนขโมยซีนได้แบบไม่รู้ตัว เพราะฉะนั้นแนะนำให้เลือกเครื่องประดับชิ้นเล็กๆ และไม่ควรโถมใส่ทุกอย่างประโคมเข้าไป โดยอาจจะเลือกเป็นสักชิ้นสองชิ้นกำลังพอดี แต่ถ้าคุณว่าที่ไม่อยากปวดหัวมาเสียเวลาหาเครื่องประดับก็อาจจะสวมแค่แหวนหมั้นเพียงอย่างเดียวก็ได้นะคะ


5. เปิดใจกับรูปแบบชุดแต่งงานที่หลากหลาย

อย่าเพิ่งปิดทางเลือกให้กับตัวเองเพียงเพราะกลัวว่าสรีระของคุณอาจจะดูไม่เหมาะกับชุดแต่งงานแบบนั้น ถ้าคุณยังไม่ได้ลอง หรือบางครั้งเจ้าสาวบางคนอาจจะมีภาพชุดแต่งงานในฝันที่ยังไงก็อยากจะใส่ชุดนี้ให้ได้ แต่เมื่อถึงเวลาได้ลองชุดนั้นจริงๆ กลับออกมาไม่เพอร์เฟกต์อย่างที่คิดก็มี เพราะฉะนั้นการเปิดใจลองชุดแต่งงานหลากหลายแบบก็เป็นทางเลือกที่ดีที่จะทำให้คุณว่าที่ได้เจอกับชุดแต่งงานในฝันที่รอคอย ซึ่งจำนวนชุดแต่งงานที่ลองนั้นควรจะลองกันไม่เกินประมาณ 3-4 ชุด (ถ้าเยอะกว่านี้อาจจะตัดสินใจยากไปอีก) และที่สำคัญอย่าลืมเปิดใจให้กับคำแนะนำจากร้านชุดหรือดีไซเนอร์ด้วยนะคะ เพราะเขาคือบุคคลที่จะช่วยเนรมิตลุคของคุณให้สวยสง่างามในวันสำคัญได้อย่างแน่นอน

6. ชุดชั้นในสำคัญกว่าสิ่งใดทั้งหมด

ชุดแต่งงานถึงแม้จะสวยแค่ไหนแต่ถ้าชุดชั้นในดันไม่เข้ากันก็อาจจะทำให้ทั้งลุคนั้นพังได้ในพริบตา เพราะฉะนั้นการเลือกแมตช์ชุดชั้นในให้เข้ากับชุดแต่งงานจึงเป็นสิ่งที่ว่าที่เจ้าสาวควรให้ความสำคัญมากๆๆๆ ที่สำคัญควรเลือกให้แมตช์กับรูปทรงของชุดแต่งงานด้วย เพราะอย่าลืมว่าชุดชั้นในก็มีรูปแบบให้เลือกมากมายไม่แพ้ชุดแต่งงาน ซึ่งที่สำคัญที่สุดการเลือกให้เข้ากับสีของชุดแต่งงานและให้พอดีกับรูปร่างและหน้าอกของเจ้าสาวนั้นสำคัญที่สุด เพราะจะช่วยให้หน้าอกหน้าใจของคุณว่าที่เจ้าสาวดูสวยสมส่วนเข้ากัน

หรือจะเพิ่มความมั่นใจอีกนิดให้กับลุคสวยสง่าในวันสำคัญก็สามารถตามไปเช็ก 4 ส่วนสำคัญในชุดแต่งงานช่วยสร้างความงามให้กับเจ้าสาว กันต่อได้เลย

ภาพ : essensedesigns.com, olegcassinistore.com, pronoviasbrides.com, aucklandweddings.co.nz, pinterest

รวมลิสต์ ช่างแต่งหน้าทำผมเจ้าสาว ที่คิวฮ็อตสุดในจุดนี้พร้อมอัพเดทราคา

ในวันสำคัญเจ้าสาวทุกคนย่อมอยาก“สวยที่สุดในชีวิต” งานนี้จึงต้องฝากความหวังไว้กับเมคอัพอาร์ติสต์และแฮร์สไตลิสต์ที่มีความชำนาญเฉพาะโดดเด่นในการเนรมิตลุคสวยที่เหมาะกับเจ้าสาว ซึ่ง ช่างแต่งหน้าทำผมเจ้าสาว แต่ละคนมีซิกเนเจอร์ที่ไม่ซ้ำกัน เลือกสไตล์ที่ใช่ด้วยวิธีการส่องไอจี เมื่อเจอช่างฝีมือดี ราคาไม่เกินฝัน วันสำคัญจึงกลายเป็นวันที่แสนสมบูรณ์แบบ – เรื่อง Padcha_Praewnista

  • ฮั้ว – กานต์นิพัทธ์

มือเก๋าที่ช่ำชองทั้งงานแฟชั่นและเจ้าสาว พี่ฮั้วเน้นงานลูกเล่นแสงเงา สไตล์ที่เจ้าสาวจะต้องดูสวยฉ่ำผิวดี โครงหน้ามีมิติ เจ้าสาวชอบแนวผิวโกลว์หน้าพุ่งล็อกคิวพี่ฮั้วไว้ได้เลย

ราคา : แต่งหน้า/ทำผม กรุงเทพฯ รอบละ 45,000 บาท ต่างจังหวัด รอบละ 60,000 บาท ไม่รวมค่าที่พักและค่าเดินทาง
Instagram : @hollyhua
โทร. : 08-1735-4657
Line : 699studio

  • ฟูก – ภูวษา

รุ่นใหญ่ที่มือเก๋าไม่แพ้กัน พี่ฟูกบอกเลยว่า “เจ้าสาวต้องสวยที่สุดสมกับความคาดหวังเมื่อผ่านมือพี่” อยากได้หวานเท่าไรพี่ฟูกสามารถจัดให้ ชนิดไม่สวยไม่ปล่อยตัวเข้างาน #สวยเลอค่ามหาสมุทร ไม่ใช่ได้มาเล่นๆ

ราคา : แต่งหน้า/ทำผม รอบละ 40,000 บาท ส่วนใครเลือกช่างผมในใจไว้แล้ว อยากแต่งหน้าอย่างเดียว ราคาอยู่ที่ 35,000 บาท
Instagram : @fookie_beauty
โทร. : 06-2297-8296, 06-3654-2456
Line : fookie456

  • ฟลุค (alwaysfluke)

พี่ฟลุคเป็นเมคอัพอาร์ติสต์ระดับ Influencer แม้เห็นราคาแล้วแอบตกใจ แต่คุณลูกค้าต่างลงความเห็นว่า คุ้มค่ากับทุกบาทที่จ่ายไป เพราะผลลัพธ์ที่ออกมานั้นสวยแพงอย่างเป็นธรรมชาติ ทุกขั้นตอนละเมียดละไม แถมอุปกรณ์ที่ใช้ยังเป็นระดับไฮเอนด์ขั้นสุด

ราคา : แต่งหน้า/ทำผม รอบละ 150,000 บาท สำหรับต่างจังหวัดบวกเฉพาะค่าเดินทาง
Instagram : @alwaysflukemakeupartist
โทร. : 08-1451-5515
Line : @alwaysfluke

  • หลิน Lindsay Magic

เป็นอีกคนที่ดาราและเซเลบริตี้เรียกใช้เพียบ ใครอยากจองคิวต้องตั้งหลักแต่เนิ่นๆ งานของคุณหลินเน้นการเตรียมผิวให้สวยเนี้ยบ ทำให้เจ้าสาวดูสวยแบบมีออร่า

ราคา : แต่งหน้า/ทำผม รอบละ 50,000 บาท ต่างจังหวัดเริ่มต้นที่ 70,000 บาท ไม่รวมค่าที่พักและค่าเดินทาง
Instagram : @lindsaymagic
โทร. : 09-4915-5456
Line : @lindsaymagic126

  • ตั้ม 55tummakeup

งานแต่งหน้าเจ้าสาวสไตล์สวยขั้นสุดในแบบที่ยังเป็นตัวเองต้องยกให้คุณตั้ม เพราะเน้นแต่งหน้าในแบบที่สวยเนี้ยบแต่ยังคงดูมีมิติ ไม่เน้นประโคมเยอะแยะ แม้แต่ตัวแม่อย่างอั้ม – พัชราภายังใช้บริการคุณตั้มบ่อยครั้งเชียว

ราคา : แต่งหน้า/ทำผมเจ้าสาว-เจ้าบ่าวกรุงเทพฯ รอบละ 30,000 บาท ส่วนต่างจังหวัดแล้วแต่ระยะทาง แนะนำให้โทร.ปรึกษาจะได้คำตอบชัวร์กว่า
Instagram : @tum.makeup
โทร. : 08-7356-4242, 09-9974-2813
Line : tummakeup42

  • โอ๋ Aoh Torranit

ยิ่งมีดาราสาวหน้าสวย เช่น ใบเฟิร์น – พิมพ์ชนก, มิ้นต์ – ชาลิดา, ปราง – กัญญ์ณรัณ มาผูกปิ่นโตด้วยบ่อยๆ คิวของคุณโอ๋ก็ยิ่งฮ็อต เจ้าสาวที่ไม่ชอบแนวเยอะแยะขนตาฟูฟ่องเชิญทางนี้เลยค่า

ราคา : แต่งหน้าเจ้าบ่าว-เจ้าสาว รอบละ 30,000 บาท ส่วนต่างจังหวัดอยู่ที่ 40,000 บาท ไม่รวมค่าที่พักและค่าเดินทาง
Instagram : @aoh_trn
โทร. : 08-9204-5810
Line : aohtorranit

  • จี Gee Jiwat

นับว่าเป็นช่างผมรุ่นเล็กที่มาแรงสุดๆ น้องจีรับทำผมอย่างเดียว เพราะฉะนั้นเรื่องความโปรกับงานเกล้าผมเจ้าสาวไม่ต้องเป็นห่วง อยากได้งานเกล้าแบบเนี้ยบๆ แบบฟุ้งหวาน มินิมัล หรือซับซ้อนมีลูกเล่น น้องจีจัดได้หมดพร้อมเครื่องประดับผมสวยๆ สารพัดที่เจ้าสาวไม่ต้องเหนื่อยไปตามหาเอง

ราคา : ทำผมเจ้าบ่าว-เจ้าสาว รอบละ 5,000 บาท ส่วนต่างจังหวัด รอบละ 12,000 บาท ไม่รวมค่าที่พักและค่าเดินทาง
Instagram : @gee_jiwat
โทร. : 08-3067-8177
Line : @oug6932s

แต้ว ณฐพร สวยครบในชุดแต่งงานไทย จากนิตยสารแพรว wedding ฉบับเดือนตุลาคม 2562

นิตยสารแพรว wedding ฉบับเดือนตุลาคม 2562 ได้นางเอกสาวหน้าหวาน แต้ว ณฐพร มาใส่ ชุดแต่งงานไทย แบบครบเครื่อง ที่ไม่ว่าจะชุดไหนก็สวยราวกับนางในเทพนิยาย ว่าแต่จะสวยเพอร์เฟ็กต์ในชุดแต่งงานไทยขนาดไหนมาชมกันเลย

ชุดไทยศิวาลัยสีชมพูสุดหวาน ทั้งชุดบรรจงปักปล้องเงินปล้องทองและคริสตัลระยิบระยับไว้อย่างประณีตโดดเด่นด้วยสังวาลประดับหงส์ ช่วยให้เจ้าสาวดูสง่างามมากยิ่งขึ้น – จากร้าน BOBO Studio

ชุดไทยจักรพรรดิสีแดงทองที่แสดงออกถึงความเป็นไทยได้อย่างชัดเจน ส่งให้เจ้าสาวดูสวยสง่าด้วยลวดลายงานปักสุดวิจิตรทั่วทั้งชุด อีกทั้งชุดแต่งงานไทยสีนี้ยังเข้ากับทุกเฉดสีผิวของเจ้าสาวชาวไทยได้เป็นอย่างดีอีกด้วย – จากร้าน Coco Chic Wedding

ชุดไทยจักรีตัวเสื้อสีทองปักเลื่อมแวววาวเป็นลวดลายสวยงาม ความพิเศษของชุดอยู่ที่ผ้านุ่งที่ทอด้วยดิ้นทองสีเขียว ปักเลื่อมและคริสตัลอย่างอลังการทั่วทั้งผืน สอดรับกับตัวเสื้อได้เป็นอย่างดี พร้อมเครื่องประดับไทยเฉดสีเข้ากับผ้านุ่ง ทำาให้ลุคนี้ของเจ้าสาวดูดีไร้ที่ติ – จากร้าน Deep Love Wedding

ชุดไทยศิวาลัยสีชมพูสุดหวาน ทั้งชุดบรรจงปักปล้องเงินปล้องทองและคริสตัลระยิบระยับไว้อย่างประณีตโดดเด่นด้วยสังวาลประดับหงส์ ช่วยให้เจ้าสาวดูสง่างามมากยิ่งขึ้น – จากร้าน BOBO Studio

ชุดไทยศิวาลัยเฉดสีโรสโกลด์สุดหรู โดดเด่นด้วยงานปักเลื่อมอย่างละเอียดทั่วทั้งชุดจนถึงสไบ สร้างลุคนี้ให้เจ้าสาวดูทันสมัยขึ้นด้วยต่างหูดอกรักสไตล์งานไทยประยุกต์ ที่เข้ากับเครื่องประดับไทยแบบโบราณได้เป็นอย่างดี – จากร้าน Vanus Couture

ชุดไทยจักรพรรดิสีชมพูกะปิ ให้ลุคสวยละมุนเรียบร้อยอ่อนหวาน ผ้าสะพักปักลวดลายดอกไม้ไว้อย่างอ่อนช้อยห่มทับสไบสีชมพูแวววาวดูเข้ากัน พร้อมผ้านุ่งที่มีลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์และงานปักคริสตัลสุดประณีต – จากร้าน Vanus Couture

ชุดไทยจักรพรรดิสีขาวเงิน ผ้าสะพักบรรจงปักปล้องเงินและคริสตัลไว้อย่างงดงาม มีจุดเด่นอยู่ที่งานปักสุดวิจิตรตลอดชายผ้านุ่ง พร้อมเครื่องประดับเงินแบบไทยครบเซต ส่งให้เจ้าสาวได้ลุคเรียบหรูดูน่าหลงใหล – จากร้าน Vanus Couture

ชุดไทยศิวาลัยแบบประยุกต์ ผสมผสานงานแบบตะวันตกดูร่วมสมัย ใช้ผ้าลูกไม้ฝรั่งเศสอย่างดีมาตัดเย็บเป็นตัวเสื้อและสไบ โดดเด่นด้วยเสื้อคอตั้งและระบายที่ช่วงไหล่ พร้อมผ้านุ่งดีไซน์ทรงหางปลาที่เน้นสรีระเจ้าสาวให้ดูงดงาม – จากร้าน Vanus Couture

ชุดไทยจักรพรรดิโดดเด่นไม่เหมือนใครด้วยผ้าสะพักสีทองอร่าม สวยงามด้วยงานปักเลื่อมระยิบระยับเป็นรูปนกยูงทั่วทั้งผืน สไบสีน้ำาเงินด้านในผ้าสะพักเข้ากับผ้านุ่งสีน้ำาเงินสดได้เป็นอย่างดี ช่วยให้เจ้าสาวดูเลอค่าในวันวิวาห์ – จากร้าน เจ้านางเวดดิ้ง

เครติด : BOBO Studio จังหวัดภูเก็ต โทร. 08-9471-5069, 09-1158-6178, Coco Chic Wedding โทร. 0-2115-8500, 09-9635-8585, Deep Love Wedding โทร. 0-2398-5739, 0-2399-1693, 09-5789-9556, Keeratika Wedding Studio จังหวัดนครราชสีมา โทร. 06-2542-9165, Vanus Couture โทร. 0-2002-4895, 0-2002-4896, เจ้านางเวดดิ้ง โทร. 08-6363-6555, 08-8089-5999

แต่งหน้า : ทิวากร โสภาอัศวภรณ์
ทำผม : สมเจตน์ กล่อมน้อย
ช่างภาพ : ดวงพร ใบพลูทอง
ผู้ช่วยช่างภาพ : ชโนดม แต้ไพสิฐพงษ์, ประเมศฐ์ พิพิธชนินันท์
สไตลิสต์ : สลาลี สมบัติมี
ผู้ช่วยสไตลิสต์ : ภฤศภัค ช่อสกุล
สถานที่ : Nai Lert Park Heritage Home
พานขันหมาก : Dreamista Studio โทร. 08-3639-3546

ดูแบบชุดแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย!

เทคนิคง่ายๆ จัดงานแต่งในสวนให้สวยงามโรแมนติกแบบคุมโทน

ธีมงานแต่งปีหน้าที่มาแน่นอนคือ ธีมงานแต่งงานในสวน ที่เน้นความเป็นธรรมชาติในบรรยากาศแบบเอ้าท์ดอร์ และเต็มไปด้วยสีสันสวยๆ จากดอกไม้ แพรว wedding เลยมีไอเดียสนุกๆ และเทคนิคดีๆ ที่จะช่วยให้การ จัดงานแต่งในสวน ออกมาสวยงามเพอร์เฟกต์

งานแต่งงานในสวน เป็นงานแต่งงานที่คลาสสิค ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน งานแต่งสไตล์นี้ก็ยังเป็นธีมงานแต่งที่น่าสนใจและเข้ายุคเข้าสมัยอยู่เสมอ ด้วยความเขียวชอุ่ม ความสดชื่นของบรรยากาศ จึงทำให้ว่าที่บ่าวสาวสามารถสร้างสรรค์ธีมสีและการตกแต่งได้อย่างหลากหลาย และสามารถเพิ่มลูกเล่นให้งานดูน่าสนใจได้

ไม่เพียงแค่เทเบิ้ล รันเนอร์ หรือการจัดโต๊ะรับประทานอาหารให้สวยงามเท่านั้น แต่ยังสามารถสร้างบรรยากาศได้ด้วยการเลือกใช้ดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมเพื่อเพิ่มความพิเศษให้กับงาน

1. คำนึงถึงฤดูกาลเป็นหลัก

เมื่อนึกถึงงานแต่งในสวน ก็ต้องนึกถึงบรรยากาศของดอกไม้นานาชนิดที่แข่งกันเบ่งบาน เพราะฉะนั้นหากเป็นไปได้ว่าที่บ่าวสาวต้องพยายามวางแผนการแต่งงานให้อยู่ในช่วงเดือนที่ปราศจากลมฝนจากมรสุม ถ้าไม่จัดก่อนหน้าฝน ก็จัดหลังช่วงปลายฝนต้นหนาวไปเลย แถมยังเป็นช่วงเวลาที่ดอกไม้จะสวยงามที่สุดด้วย แล้วอย่าลืมเลือกใช้ดอกไม้ตามฤดูกาลนะ เพราะจะช่วยให้ว่าที่บ่าวสาวประหยัดไปได้เยอะเลย

2. ต้องชัดเจนในธีมสี

งานแต่งในสวนให้อารมณ์ที่สดใสดูมีชีวิตชีวา ดูอ่อนโยน และสนุกสนาน เพราะฉะนั้นบ่าวสาวจะต้องยึดสิ่งเหล่านี้เพื่อกำหนดธีมสีให้กับงานแต่ง ซึ่งเฉดสีบลัช ฟ้าพาสเทล เทาสว่าง หรือสีแชมเปญ เป็นเฉดสีที่ดีที่สุดสำหรับธีมงานแต่งในสวน เพราะตัดกับสีเขียวของสวนได้เป็นอย่างดี

แต่ถ้าบ่าวสาวอยากได้งานแต่งที่สดใสแบบคัลเลอร์ฟูล ขอแนะนำเป็นเฉดสีพีช, ส้มอมแดง, สีเหลืองพาสเทล หรือสีน้ำเงิน ก็เวิร์กและดูทันสมัยมากขึ้น

3. เน้นฟีลลิ่ง ไม่เน้นพิธีการ

แทนที่จะเป็นงานแต่งงานที่เป็นทางการมากเกินไป หรือการจัดงานตามงานแต่งงานของคู่อื่น ว่าที่บ่าวสาวอาจจะลองคิดธีมงานที่เป็นของคุณเองขึ้นมาแบบไม่ซ้ำใคร โดยเป็นธีมงานที่บ่งบอกความเป็นตัวตนของบ่าวสาว สะท้อนถึงเรื่องราวความรัก และเป็นรูปแบบธีมงานที่เข้ากับสถานที่ เพราะทั้งหมดนี้จะสะท้อนความเป็นตัวตนของบ่าวสาวได้ดีที่สุด และงานแต่งงานจะออกมาน่าประทับใจไม่เหมือนคู่ไหนแน่นอน

4. คำนึงเรื่องวัสดุที่จะใช้ให้เข้ากับสถานที่

การเลือกวัสดุหรือพร็อพส์ให้เข้ากับสถานที่จะช่วยทำให้ภาพงานแต่งของบ่าวสาวออกมาดูดีและมีความกลมกลืน และยังช่วยสร้างบรรยากาศให้กับงานแต่งงานได้ด้วย เช่น ชุดแต่งงาน ลองมองหาเป็นชุดแต่งงานที่ดีไซน์เรียบง่าย พลิ้วไหว เนื้อผ้าบางเบา เช่น ผ้าลูกไม้หรือผ้าชีฟอง ที่มีความสวยงามเมื่อโดนแสงแดด แถมยังมีน้ำหนักเบาทำให้เจ้าสาวเคลื่อนไหวได้อย่างสะดวกด้วย

ส่วนการจัดโต๊ะ แนะนำให้เลือกใช้เป็นผ้าลินิน เพราะลงตัวกับเท็กซ์เจอร์ของใบไม้และต้นไม้มากที่สุดแล้ว

5. วางแผนรายละเอียดปลีกย่อยให้ดี

งานแต่งในสวนจะดูดร็อปทันทีหากทางเข้างานไม่สวยงาม หรือบางครั้งความสวยนั้นอาจถูกแสงอาทิตย์ตกกระทบลงมาบดบังจนหมด เพราะฉะนั้นว่าที่บ่าวสาวจะต้องคำนวณทิศทางแดดร่มลมตกเพื่อจัดวางพร็อบส์และการตกแต่งให้พอดี รวมไปถึงต้องตวรจเช็คให้ดีว่าโดยรอบของงานนั้นปราศจากแมลงหรือสัตว์ร้ายที่อาจจะออกมารบกวนแขกหรือไม่ เพราะฉะนั้นก่อนถึงวันงานว่าที่บ่าวสาวอาจต้องแจ้งทางสถานที่ให้ดูแลเรื่องพวกนี้ให้ดี หรือฉีดสเปรย์ป้องกันแมลงไว้ล่วงหน้าสัก 1 วัน แล้วอย่าลืมหากิมมิคอย่างเช่น การแจกร่มหรือหมวกให้เป็นของชำร่วยกับแขกได้ใช้กันแดดด้วยนะ

ดอกไม้ที่เหมาะสำหรับงานแต่งงานในสวน

เลือกใช้ดอกไม้ที่มีความหลากหลายให้ลุคที่ดูอ่อนโยน หรือดอกไม้ที่กลีบทับซ้อนกันหลายเลเยอร์ในเฉดสีที่สวยงาม

Peonies – ดอกโบตั๋น
Ranunculus – ดอกบัทเทอร์คัพ
Poppies – ดอกป๊อปปี้
Rose – ดอกกุหลาบสายพันธุ์ต่างๆ ตามฤดูกาล

ส่วนเดือนไหนจะใช้ดอกไม้อะไรได้บ้างไปเช็คกันเลย >>> ดอกไม้ 12 เดือน เพื่อวันแต่งงาน 1 วันของคุณ

ภาพ stylemepretty.com, unsplash.com

แมตช์ทรงผมเจ้าสาวยังไงให้เข้ากับสไตล์และตัวตนของเจ้าสาว

อีกหนึ่งสิ่งที่สามารถบ่งบอกถึงสไตล์และตัวตนของเจ้าสาวได้เป็นอย่างดีก็คือ ทรงผมเจ้าสาว แพรว wedding เลยรวบรวมทรงผมหลากแบบสำหรับเจ้าสาวหลากสไตล์มาให้ แต่ถ้าคุณไม่ได้เป็นหนึ่งในเจ้าสาวหลากสไตล์เหล่านี้ และยังหาทรงผมเจ้าสาวที่เข้ากับตัวเองหรือชุดแต่งงานไม่ได้สักที เราเชื่อว่าหนึ่งในทรงผมเหล่านี้จะช่วยคุณได้แน่นอน 

1. เจ้าสาวเน้นความเป็นธรรมชาติ

ว่าที่เจ้าสาวที่อยากมีความงามแบบธรรมชาติ และเต็มเปี่ยมไปด้วยความมีชีวิตชีวาราวกับเด็กวัยใส ภายใต้ชุดแต่งงานที่เรียบง่ายทรงผมแบบปล่อยสบายๆ ให้อารมณ์แบบธรรมชาตินี่แหละเหมาะสมที่สุด แต่อาจจะเซตดัดลอนเพิ่มความอ่อนหวานสักนิด แต่ถ้าหากกลัวว่าจะดูสบายเกินไปไม่สมกับความเป็นเจ้าสาวก็อาจจะเพิ่มกิมมิกอย่างเปีย การทวิสต์ผม หรืออาจจะเสริมด้วยการประดับดอกไม้ หรือมงกุฎดอกไม้เก๋ๆ ก็ช่วยให้ลุคดูน่าสนใจมากขึ้น แต่ถ้าหากคุณเป็นเจ้าสาวสายรักความสบายที่แท้ทรูและไม่อยากปรุงแต่งความงามของคุณให้มากมายนัก ก็เลือกปล่อยผมสยายในวันงานไปเลยค่ะ อย่าได้แคร์


2
. เจ้าสาวนอกกรอบ

ยุค 20s ผมสไตล์ finger waves

สวยแบบปัจจุบันใครๆ ก็สวยได้ แต่ถ้าสวยแบบกาลเวลาฆ่าไม่ตายไม่ใช่ว่าใครก็ทำได้นะจ๊ะ เพราะฉะนั้นเจ้าสาวที่เบื่อกับกรอบเจ้าสาวแบบเดิมๆ การหลุดจากกรอบแล้วมาลอง ทรงผมเจ้าสาว ในสไตล์วินเทจก็เก๋ใช่เล่น ไม่ว่าจะเป็น ยุค 20s กับผมสไตล์ finger waves , ยุค 40s กับไสตล์ victory rolls หรือจะเป็นยุค 50s กับไสตล์ brushed out curls เพียงแค่เลือกให้ตรงกับสไตล์ที่เจ้าสาวชอบและมั่นใจ รับรองว่าลุคนี้จะเป็นลุคสุดประทับใจที่จะอวดใครตอนไหนก็ได้แบบไม่เชย

ยุค 40s สไตล์ victory rolls
50s สไตล์ brushed out curls


3
. เจ้าเพอร์เฟกต์ชั่นนิสสุดเป๊ะ

เจ้าสาวสไตล์นี้ต้องการความเป๊ะในทุกรายละเอียด เพราะฉะนั้นเราจึงขอนำเสนอ 2 ทรงผมเจ้าสาว ที่เข้ากั๊นเข้ากันกับเจ้าสาวสไตล์นี้ ลุคแรกคือทรงผมสไตล์ Old Hollywood ที่ช่วยให้เจ้าสาวสวยได้ในสไตล์แบบคลาสสิค แถมยังให้ลุคที่ดูนุ่มนวลอ่อนหวานและเข้ากับชุดแต่งงานได้หลากหลายแบบ หรือจะลองเป็นสไตล์แบบสลีคที่ให้ลุคเรียบหรูดูดี เช่น ทรงผมสไตล์ชิคนอน หรือชิคนอนแบบทวิสต์เพื่อเสริมลุคเจ้าสาวให้ดูโมเดิร์นขึ้นก็ได้ แถมทั้งสองนี้ยังช่วยเผยลุคเมคอัพสุดเป๊ะบนใบหน้าของเจ้าได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

6 ทริคแสนง่ายๆ ช่วยเสกงานแต่งเอาท์ดอร์ให้ดูสวยหรูสุดเริด!!

จัด งานแต่งเอาท์ดอร์ ใครว่าเป็นเรื่องยาก จริงๆ แล้วง่ายนิดเดียว เพียงแค่คุณรู้จักหยิบหรือเลือกของตกแต่งก็สามารถทำให้สถานที่นอกห้องสี่เหลี่ยมของโรงแรมสวยงามราวกับสวนสวรรค์ ไปดูกันดีกว่าว่ามีทริคอะไรบ้างที่จะช่วยให้งานแต่งแบบท้าลม ฟ้า อากาศของคุณเพอร์เฟ็กต์

1. สว่างไสวด้วยไฟราว

252024e7814eca0e60d49b0249925172

สิ่งของยอดนิยมของงานแต่งแบบเอาท์ดอร์ แต่จะเป็นแสงไฟสีขาวแบบไฟบ้านก็คงตลกไปนิดนึง ต้องเป็นไฟสีส้มเก๋ๆ ให้ความรู้สึกอบอุ่นและโรแมนติกอยู่ในที ยิ่งเมื่อแสงของไฟตกกระทบพื้นหญ้าสีเขียว หรือเครื่องดื่มในแก้วที่คุณถืออยู่ก็ยิ่งดูสวยงามสุดๆ

2. แชนเดอเลียหรูๆ สักอัน

9acaa6ed355dec1534600e3c70298d84

ใครว่าโคมไฟห้อยระย้าแบบคลาสสิกจะต้องอยู่แต่ในห้องบอลรูม ห้องทานข้าว หรือในตัวบ้านเท่านั้นคะ ไม่ว่าคุณจะจัดงานในสวนหรือริมทะเล ขอแนะนำให้ลองเลือกโคมไฟเริดๆ สักอันให้เข้ากับสถานที่ จะห้อยไว้ตรงซุ้มประตูทางเข้างานหรือโต๊ะจัดเลี้ยงก็ดูดีเช่นกัน

3. เต๊นท์สีขาวเข้ากับทุกสภาพอากาศ

c12e60d51a9048aab62a529bd2230590

งานแต่งในเต๊นท์ถือเป็นการจัดงานเอาท์ดอร์เจ๋งๆ อีกแบบนะคะ นอกจากจะให้บรรยากาศสไตล์ยุโรปแล้ว ยังช่วยรับมือกับสภาพอากาศบ้านเราที่อยู่ๆ ก็ร้อน อีกเดี๋ยวฝนตก ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงลมเย็นๆ ก็โชยมาอีก ขอแนะนำว่าให้เลือกเต็นท์สีขาวที่สามารถรองรับแขกในงานได้พอดีสักหลัง จะกางริมทะเลหรือในสวนก็ยังสวย ถ้าจะให้ดีเอาแชนเดอเลียที่บอกในข้อ 2 มาตกแต่งด้วยนะจ๊ะ

4. เฟอร์นิเจอร์วินเทจ เข้ากันกับงานเอาท์ดอร์

9f5972706edbe037382b3f3592cfbcee

สำหรับการเลือกเฟอร์นิเจอร์ในงานคงต้องแล้วแต่ธีมและความชอบของบ่าวสาว แต่เราขอแนะนำว่าเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งแนววินเทจย้อนยุคไม่เคยทำให้งานเอาท์ดอร์พังค่ะ เพราะของพวกนี้ถึงแม้จะดูเก่าแต่รับรองว่าถ้าอยู่ในงานท่ามกลางต้นไม้และแสงไฟจะสวยมาก

5. จัดโต๊ะด้วยผ้าสีสวยและของใช้ในบ้าน

2c4ecf2184ed328c323973c8aa43cd6f

โต๊ะวางสิ่งของต่างๆ ในงานอย่าปล่อยให้เป็นไม้เปลือยไร้สิ่งปกคลุมนะคะ อย่างน้อยๆ ควรเลือกผ้าสีขาว สีพาสเทล หรือสีที่เข้ากับธีมงานมาปูทับเสียหน่อย จะเป็นลายจุด ลายดอก หรือลายลูกไม้ก็แล้วแต่ความชอบของบ่าวสาว รวมถึงพร้อพส์ตกแต่งและอุปกรณ์ต่างๆ แพรว Wedding ขอแนะนำว่าลองเลือกเป็นของใช้ในบ้านดีไซน์เก๋ๆ ที่ใช้กันอยู่ประจำ เพียงเท่านี้งานแต่งนอกบ้านก็สามารถให้ความอบอุ่นได้เหมือนอยู่ในบ้าน แถมยังประหยัดค่าอุปกรณ์ตกแต่งงานได้ด้วย

6. ดอกไม้สร้างสีสัน

49d89ab2dc0bb0e5966f239ee90fc8a6

งานแต่งเอาท์ดอร์ถ้าเป็นในสวนก็มีแต่สีเขียวกับสีน้ำตาล หรือถ้าเป็นริมหาดก็มีแค่สีขาวกับสีฟ้า บรรยากาศคงจะดูจืดชืดน่าเบื่อแย่เลย เพราะฉะนั้นควรเลือกดอกไม้นานาชนิดเข้ามาแต่งแต้มสีสันให้กับสถานที่บ้าง งานนี้คุณเจ้าสาวเลือกดอกไม้พันธุ์ที่ชอบหรือสีที่ใช่ได้ตามสบายเลยจ้า

จัดงานแต่งเอาท์ดอร์คงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปแล้ว แค่บ่าวสาวรู้จักเลือกสิ่งของมาตกแต่งงาน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเรื่องสำคัญอีกเรื่องที่อยากเตือนให้ระวังกันก็คือ สภาพอากาศ อย่าลืมดูพยากรณ์อากาศในช่วงที่คุณจะจัดงานให้แน่นอนว่าวันนั้นอากาศจะเป็นอย่างไร แล้วเตรียมพื้นที่สำรองไว้รองรับแขกเผื่อเกิดเหตุการณ์ฝนเท พายุเข้าแบบไม่คาดคิดด้วยนะคะ

ติดตามไอเดียและคำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ภาพจาก : www.pinterest.com, www.unitedwithlove.com, http://darot.net/

5 อุปสรรคการเลือกชุดแต่งงานที่ว่าที่บ่าวสาวต้องก้าวผ่านให้ได้

หมดปัญหาการตัดสินใจเรื่อง ชุดแต่งงาน หากว่าที่บ่าวสาวขจัด 5 สิ่งเหล่านี้ออกไปได้

แพรว wedding ได้ประมวล 5 อุปสรรคที่สลักอยู่ในใจว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวเมื่อต้องเลือก ชุดแต่งงาน มาฝาก ซึ่งทั้ง 5 ข้อนี้เป็นปัญหาอมตะนิรันดร์กาลที่บ่าวสาวมักต้องเผชิญแทบทุกคู่ในช่วงการเฟ้นหาชุดแต่งงานโดนใจ และต่อไปนี้คือทางออกง่ายๆ ที่จะทำให้ปัญหาชวนปวดหัวนี้หมดไปแบบไร้กังวล

1. ตั้งงบไม่ถูก

ปัญหาสุดคลาสสิคด่านแรกของว่าที่บ่าวสาวก็ว่าได้ แต่ข้อนี้แก้ไม่ยากอย่างที่คิด เพียงแค่บ่าวสาวตัดสินใจให้ได้ก่อนว่าคุณต้องการเลือกชุดเจ้าสาวแบบไหน เช่าตัด หรือตัดซื้อ เพราะทั้งสองแบบนี้ต่างกันในเรื่องราคาอย่างแน่นอน ซึ่งหากเจ้าสาวเลือกที่จะเช่า ก็เพียงแค่เลือกชุดเจ้าสาวที่ชอบแล้วแก้ขนาดให้พอดีกับรูปร่าง เท่านี้ก็เป็นอันจบภารกิจ

แต่หากว่าที่เจ้าสาวเลือกชุดแบบเช่าตัดคุณก็จะได้เป็นมือวางอันดับหนึ่งในการสวมใส่ชุดนั้นเป็นคนแรก ก็คล้ายๆ กับว่าคุณสั่งตัดขึ้นมาเพื่อคุณเองโดยเฉพาะ แต่แค่เมื่อเสร็จงานชุดนี้จะกลับไปอยู่ที่ร้านแทนที่จะเป็นบ้านของคุณ ซึ่งชุดเช่าตัดนั้น ราคาจะถูกกว่าชุดตัดซื้อ แต่ชุดตัดซื้อนั้นว่าที่เจ้าสาวจะได้ทุกอย่างที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นงบประมาณ แบบชุด และที่สำคัญได้ชุดนั้นกลับบ้านเมื่อเสร็จงานอีกด้วย

เมื่อเลือกรูปแบบชุดได้แล้ว ก็มาดูว่างบประมาณที่เตรียมไว้สำหรับการจัดงานแต่งงานนั้นมีอยู่ทั้งหมดเท่าไหร่ จากนั้นก็ค่อยๆ เกลี่ยงบไปในส่วนต่างๆ มากน้อยตามลำดับความสำคัญ แล้วนำงบประมาณที่เตรียมไว้สำหรับเรื่องชุดแต่งงานนั้นเข้าไปคุยกับร้าน เพื่อให้ดีไซเนอร์ทำชุดในงบที่มีให้สวยที่สุด แต่ถ้าเจ้าสาวเกิดไปถูกใจความพิเศษต่างๆ ที่ทางร้านนำเสนอ เช่น ผ้าลูกไม้นำเข้า หรือเทคนิคการตัดเย็บเฉพาะตัว งานนี้ก็อาจจะต้องเจียดเงินจากส่วนอื่นๆ มาถมเอานะจ๊ะ

“แพงถูกไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะจะมีงบเท่าไหร่ก็มีชุดแต่งงานสวยๆ ได้เช่นกัน”


2. ไม่กล้าบอกเธอ

ปัญหานี้ตกอยู่ที่ว่าที่เจ้าบ่าวล้วนๆ เพราะเจ้าบ่าวบางนายก็อยากจะใส่ชุดแบบสลิมฟิตเท่ๆ สักครั้งในวันแต่งงาน หรืออาจจะอยากใส่ชุดทักซิโดสีขาวราวกับเทพบุตร แต่ก็ไม่กล้าบอกถึงความต้องการลึกๆ ให้ใครรู้ เลยกลายเป็นว่างานนี้ต้องไหลไปตาม เออออไปกับดีไซเนอร์และว่าที่เจ้าสาว หากหนุ่มๆ คนไหนเข้าข่ายพฤติกรรมแบบนี้ จงหยุด! แล้วบอกความในใจและความต้องการออกไปตรงๆ เพราะอย่าลืมนะว่าวันนี้เป็นวันสำคัญของคุณ ที่จะถูกบันทึกไว้ในภาพถ่ายที่จะอยู่กับคุณไปตลอดชีวิต เพราะฉะนั้นไม่ต้องเขินอายในสไตล์ของตัวเอง เพราะดีไซเนอร์จะสามารถช่วยดึงตัวตน และปรับแก้ทุกอย่างจนคุณเจ้าบ่าวออกมาดูดีได้อย่างแน่นอน

และอาการไม่กล้าบอกนี้จะเกิดขึ้นกับคุณว่าที่เจ้าบ่าวอีกครั้งในวันฟิตติ้ง เช่น เมื่อลองชุดแล้วติดๆ ขัดๆ รูปทรงยังไม่เป๊ะตามที่อยากได้ หรือดีเทลบางอย่างยังไม่ถูกใจ แต่ก็ไม่กล้าบอกเพราะกลัวจะโดนหาว่าเรื่องมาก เราขอให้คุณเจ้าบ่าวเปลี่ยนความคิดใหม่ซะนะคะ จงคิดไว้เสมอว่า เราต้องดูดีและได้สิ่งที่ดีที่สุดในวันสำคัญ

“ไม่ชอบคัตติ้งตรงไหน หรือแม้แต่อยากเปลี่ยนกระดุม ก็แมนๆ บอกไปเลย ดีกว่ายืนเสียเซลฟ์ในวันงานเพราะชุดไม่โดนใจ”

ชุดแต่งงาน


3. กลัวพังเพราะหุ่นไม่เป๊ะ

ปัญหาระดับชาติของว่าที่เจ้าสาวที่เมื่อเปิดดูชุดแต่งงานก็จินตนาการไปก่อนว่า ‘ฉันใส่คงไม่สวยเท่านางแบบหรอก’ โถ่ อย่าเพิ่งฝันสลายไปไกลขนาดนั้นนะคะสาวๆ เพราะดีไซเนอร์นั้นสามารถเนรมิตแบบชุดที่หลากหลายให้เข้ากับสรีระของว่าที่เจ้าสาวหลายไซส์ได้แบบไม่ยาก แต่อาจจะมีเงื่อนไขนิดๆ หน่อยๆ ตรงที่ว่า ชุดนั้นควรตัดเย็บจากการวัดตัวของเจ้าสาวตั้งแต่แรก เพราะดีไซเนอร์จะได้รู้ถึงจุดบกพร่องและช่วยแก้ไขจุดเพื่อให้ชุดในฝันให้เข้ากับสรีระของเจ้าสาวได้มากที่สุด


4. วางแผนเวลาผิด

ให้จำไว้เสมอว่า 5-6 เดือนเป็นระยะเวลาที่กำลังเหมาะ โดยเดือนแรกอาจจะเป็นช่วงสำรวจตัวเองว่าอยากได้ชุดแต่งงานแบบไหน เพื่อที่จะได้จัดงบและตามหาร้าน หรือดีไซเนอร์ได้ถูก ส่วนเดือนที่ 2 ถึงเดือนที่ 5 คือช่วงเวลาการลงกรรไกรเพื่อตัดเย็บชุดแต่งงานในฝัน และโดยเฉลี่ยแล้วว่าที่เจ้าสาวจะได้ลองชุดแต่งงานทั้งหมด 4 ครั้ง โดยมีไทม์ไลน์คร่าวๆ ดังนี้

เดือนที่ 2 – ลองชุดครั้งที่ 1 เป็นการลองโครงผ้าเพื่อฟิตติ้งไซส์ที่เหมาะสม
เดือนที่ 3 – ลองชุดครั้งที่ 2 เป็นการลองชุดจริงแต่ยังไม่ได้ตกแต่งใดๆ ให้สวยงาม
เดือนที่ 4 – ลองชุดครั้งที่ 3 เป็นการลองชุดที่ตกแต่งเรียบร้อยแล้ว
เดือนที่ 5 – ลองชุดครั้งสุดท้าย

สุดท้ายเดือนที่ 6 อาจจะเผื่อไว้สำหรับกรณีที่ต้องรอสั่งวัสดุที่หายากหรือนำเข้าจากเมืองนอก หรือต้องใช้เทคนิคเฉพาะตัวในการตัดเย็บที่ต้องใช้เวลามากกว่าปกติ

5. เจอชุดใหม่เลยเปลี่ยนใจกะทันหัน

ถ้าแค่เพิ่มรายละเอียดหรือเพิ่มการตกแต่งก็คงไม่เป็นปัญหา แต่ถ้าถึงขั้นเปลี่ยนทรงชุดอันนี้อาจจะต้องคุยกันยาวนะจ๊ะ เพราะชุดบางทรงอาจจะไม่เอื้อต่อการปรับเปลี่ยนโครงสร้างให้กลายเป็นแบบใหม่ได้ เช่น ถ้าเจ้าสาวเลือกตัดชุดทรงบอลกาวน์ แต่เกิดเปลี่ยนใจเพราะไม่อยากได้กระโปรงที่ใหญ่โตแล้ว แบบนี้ก็ยังพอที่จะแก้ไขกระโปรงให้มีขนาดเล็กลงมาได้ แต่ถ้าเกิดอยากเปลี่ยนเป็นทรงอื่นไปเลย อาจจะต้องคิดกันให้ดีอีกทีเพราะนอกจากจะเสียเวลาในการปรับเปลี่ยนแก้ไข หรือตัดเย็บใหม่แล้ว อาจจะต้องเสียทรัพย์เพิ่มอีกด้วยนะจ๊ะ

“เจ้าสาวควรฟันธงแบบชุดให้จบก่อนที่จะสั่งตัด และจงหนักแน่นเข้มแข็งเข้าไว้นะ”

หากเลือกชุดแต่งงานแบบสากลกันได้แล้ว ก็อย่าลืมใส่ใจกับขั้นตอนการเลือกชุดไทยให้ดูเข้ากันด้วยน้า นี่เลย…เรามีทิปส์ดีๆ จากกูรูมาบอกต่อ เทคนิคการเลือกชุดแต่งงานไทยของบ่าวสาวยังไงให้ดูเข้ากัน

ภาพ stocksnap.io, www.pinterest.com

เคล็ดลับถ่ายรูปพรีเวดดิ้งให้บ่าวสาวออกมาสวยดูดีเป็นธรรมชาติ

ไม่ใช่แค่เฉพาะสไตล์การจัดงานแต่งงาน หรือชุดแต่งงานเท่านั้นที่คู่รักมองหาจากอินเทอร์เน็ต แต่การ ถ่ายรูปพรีเวดดิ้ง ก็เป็นอีกเรื่องที่คู่รักมักหาเรฟเฟอร์เรนซ์จากอินเทอร์เน็ตเช่นกัน โดยเฉพาะจาก Pinterest หรือ Instagram ที่ช่างภาพมืออาชีพหรือคู่รักมักเข้ามาอวดภาพสวยๆ กันในโลกโซเชียล ที่ทั้งมุมภาพ แสง การโพส และอารมณ์ของคู่รักในภาพนั้นดูดีสุดๆ จนว่าที่บ่าวสาวอยากจะได้ภาพแบบนั้นกับเขาบ้าง และนี่คือเทคนิคที่จะทำให้ว่าที่บ่าวสาวได้ภาพถ่ายสวยๆ แบบในโลกโซเชียลเอาไว้อวดชาวโลกกับเขาบ้าง

1. ช่วงที่เตรียงานแต่งทุกอย่างเสร็จแล้วคือดีที่สุด

นู่นก็ยังไม่ได้คิด นี่ก็ยังไม่เสร็จ นั่นก็ยังไม่ได้คอนเฟิร์ม…คงไม่ดีแน่หากว่าที่บ่าวสาวไปถ่ายภาพงานแต่งด้วยอารมณ์แบบนี้ เพราะนั่นเท่ากับว่าคุณพกความกังวลไปถ่ายภาพสวยๆ ด้วย และคุณคงไม่อยากต้องรับโทรศัพท์หรือคุยงานในขณะถ่ายภาพแต่งงานหรอกจริงไหม ยิ่งถ้าหากเรื่องนั้นทำให้คุณไม่สบายใจด้วยแล้วล่ะก็ รับรองว่าทริปถ่ายภาพนี้มีแต่พังกับพังแน่นอน เพราะฉะนั้นเพื่อให้การถ่ายภาพเต็มไปด้วยความสุข เราขอแนะนำให้ว่าที่บ่าวสาวเคลียร์ทุกเรื่องให้เสร็จสิ้นก่อนที่จะถ่ายภาพพรีเวดดิ้งดีกว่า จะได้ไปแบบไม่สบายไร้ซึ่งความกังวลใดๆ จะได้ยิ้มกว้างได้อย่างเต็มที่กันไปเลย

2. ภาพที่ดีคือภาพที่บ่าวสาวผ่อนคลายที่สุด

ซึ่งการที่จะทำให้ว่าที่บ่าวสาวรู้สึกผ่อนคลายก็คือ ไม่มีเรื่องต้องกังวลใจ ไม่มีเวลาเป็นตัวบีบคั้น และที่สำคัญว่าที่บ่าวสาวได้แสดงออกถึงความเป็นตัวของตัวเอง แบบไม่เก้ๆ กังๆ หรือต้องฝืนใจทำอะไรที่ไม่ได้อยากทำหรือไม่เป็นตัวเอง เพราะฉะนั้นหากคุณเป็นว่าทีบ่าวสาวขี้เขิน ก็อาจจะให้เพื่อนสนิทที่มีฝีมือด้านการถ่ายภาพมาเป็นช่างภาพจำเป็นให้กับงานนี้ซะเลย เพราะการที่คุณอยู่กับเพื่อนสนิทจะช่วยเพิ่มความผ่อนคลาย ลดความอาย และสามารถเป็นตัวของตัวเองได้อย่างเต็มที่อีกด้วย

3. ภาพที่ดีคือภาพที่ไม่ได้เซต

บางครั้งช็อตเผลอๆ ของบ่าวสาวก็กลับเป็นภาพที่ดีที่สุดในเซตภาพถ่ายก็ได้ เพราะภาพนั้นแสดงออกถึงรอยยิ้มและแววตาที่เต็มไปด้วยความสุขและความรักอย่างแท้จริง เพราะฉะนั้นลองหนีบช่างภาพเพิ่มไปอีกสักคนเพิ่มเติมจากกล้องหลัก เพื่อให้เขาช่วยสแนปภาพอีกแรง รับรองว่าคุณจะได้ภาพถ่ายดีๆ จากกล้องนี้แน่นอน

ติดตามไอเดียดีๆ เกี่ยวกับงานแต่งงานอีกเพียบที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ unsplash.com, pinterest.com

How To เลือกเพลงในงานแต่งยังไงให้ถูกใจและน่าประทับใจที่สุด

ไม่ว่าใครเมื่อได้ยินเพลงรักก็มักเกิดอาการวิ้งๆ ยิ้มๆ และนึกถึงคนรักขึ้นมาแบบไม่รู้ตัว หรือบางครั้งภาพความทรงจำดีๆ ก็ผุดขึ้นมาเมื่อได้ยินเพลงที่โดนใจ เช่นเดียวกับว่าที่บ่าวสาวหลายคู่ที่อยากจะมีเพลย์ลิสต์เพลงรักของตัวเองเพื่อใช้บรรเลงในงานแต่ง ซึ่ง เพลงในงานแต่ง ที่จะเปิดนั้นก็ควรเป็นเพลงที่มีความพิเศษและเกี่ยวข้องกับเรื่องราวความรักของคุณทั้งคู่ด้วยนะ

แต่ว่าที่บ่าวสาวบางคนอาจจะยังตัดสินใจเลือกเพลย์ลิสต์ที่จะเปิดในงานแต่งไม่ได้ แพรว wedding เลยมีวิธีที่จะทำให้ขั้นตอนนี้ไม่ลำบากใจและไม่ยุ่งยาก แถมยังทำให้การเลือกเพลงสนุกมากขึ้นด้วย

และนี่คือคำแนะนำเล็กๆ น้อยๆ สำหรับว่าที่บ่าวสาวที่ยังเลือกเพลงในงานแต่งของตัวเองไม่ได้สักที

1. อย่ารับฟังความคิดเห็นที่มากเกินไป

โปรดจำไว้ว่าทุกคนมีรสนิยมในการฟังเพลงที่ต่างกัน เพราะฉะนั้นหากว่าที่บ่าวสาวขอคำแนะนำจากคนอื่นเมื่อไหร่ คุณอาจพบว่า คุณกำลังพยายามทำให้คนอื่นพอใจมากกว่าตัวคุณเองซะอีก ดังนั้นการพูดคุยและตกลงกันแค่เพียงสองคนระหว่างคุณและคนรักนั้นดีที่สุด โดยลงความเห็นว่าเพลงไหนที่ดูเป็นคู่ของคุณมากที่สุดก็ลิสต์ไว้เลย

2. ฟังเพลงก่อนค่อยเลือก

ด้วยจังหวะเพลงอาจทำให้บ่าวสาวโยกตัวตาม แต่เนื้อร้องอาจจะไม่ได้ตรงกับเรื่องราวที่บ่าวสาวอยากจะสื่อก็ได้ เพราะฉะนั้นก่อนที่จะเลือกเพลงใดเพลงหนึ่งมาใช้นอกจากเมโลดี้หรือโน้ตเพลงที่สวยงามแล้ว บ่าวสาวต้องฟังด้วยว่าเพลงๆ นั้นกำลังพูดถึงเรื่องอะไร มีความเกี่ยวข้องหรือมีความหมายต่อคู่ของคุณยังไงบ้าง เพราะจะช่วยให้บ่าวสาวตัดสินใจเลือกเพลงได้อย่างถูกต้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพลงสากลยิ่งต้องแปลให้ดีๆ เลยนะ

3. เพลย์ลิสต์เปิดรอก่อนงานเริ่ม

บ่าวสาวสามารถจัดเตรียมเพลย์ลิสต์สำหรับที่จะเปิดในช่วงก่อนที่พิธีจะเริ่มได้เพื่อช่วยสร้างบรรยากาศให้กับงานแต่งงานของคุณ หรือหากบ่าวสาวเลือกเป็นวงดนตรีสดหรือดีเจแทนการเปิดแผ่น ก็ต้องเตรียมรายการเพลงที่จะให้วงหรือดีเจเล่นด้วย โดยอาจจะต้องแจ้งล่วงหน้าเพื่อที่ทางวงและดีเจจะได้ทำการบ้านมาก่อน แถมบางวงหรือดีเจบางคนอาจมีการจำกัดจำนวนเพลง เพราะบางครั้งจำนวนเพลง หรือจำนวนเครื่องดนตรีก็มีผลต่อราคาด้วยนะ

4. เปิดใจให้กว้าง

ไม่ว่าคุณจะมีแนวเพลงที่ชอบเป็นพิเศษ หรือชอบฟังเพลงทุกประเภท ลองหาเวลาฟังเพลงต่างๆ ให้มากและหลากหลายขึ้น เพราะบางครั้งคุณอาจจะพบแนวเพลง หรือเพลงพิเศษที่ทำให้หัวใจเต้นแรงและแอบยิ้มตามได้ ถ้าจะให้ดีลองควงแขนคนรักเข้าร้านซีดี หรือไปนั่งดินเนอร์ฟังเพลง ก็เป็นอีกทางที่จะทำให้คุณได้พบเพลงใหม่ๆ ที่กระทบหูแล้วกระแทกใจได้ แถมยังได้ใช้เวลาหวานๆ ฟังเพลงซึ้งๆ ด้วยกันไปในตัว

5. ทำตามหัวใจ

ไม่ว่าคุณจะฟังเพลงมากแค่ไหน แต่เชื่อเถอะว่าจะมีเพียงไม่กี่เพลงหรอกที่พิเศษและมีความหมายลึกซึ้งต่อคุณมากกว่าเพลงอื่นๆ เพราะฉะนั้นบางครั้งการเชื่อในสัญชาตญาณและฟังเสียงหัวใจของตัวเอง ก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่จะทำให้คุณได้เพลย์ลิสต์ซึ้งๆ ไปเปิดในช่วงพิธีการที่สำคัญๆ ได้เหมือนกัน

แพรว wedding หวังว่าทิปส์ดีๆ ทั้ง 5 ข้อนี้จะช่วยให้ว่าที่บ่าวสาวเจอเพลย์ลิสต์ที่สมบูรณ์แบบสำหรับงานแต่งงานของคุณกันบ้างนะคะ หรือจะลองไปฟัง 5 เพลงในงานแต่งฮอตฮิตตลอดๆ ก่อนก็ได้นะ

ภาพ stocksnap.io, pinterest

ทานขนมอี๋แบบนี้ในงานแต่ง รับรองมีแต่เฮงเฮงเฮงแน่นอน!!

พิธีการสำคัญในประเพณีแต่งงานแบบจีนคือ การทาน ขนมอี๋ หรือ ขนมบัวลอยจีน ที่มักเกิดเป็นประเด็นถกเถียงกันเป็นประจำว่า ต้องทานให้หมด ต้องทานให้เหลือ หรือต้องเหลือไว้ครึ่งหนึ่งหรือเปล่า แพรว wedding เลยมีเคล็ดในการทานขนมอี๋เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่คู่บ่าวสาวมาฝาก แต่จะทานยังไงให้เป็นมงคล ไปดูกันเลย

“ขนมอี๋” หรือ “บัวลอยจีน” มีหน้าตาเป็นแป้งปั้นกลมๆ เล็กๆ สีชมพูเข้มไปจนถึงสีแดง และสีขาวคละกันไป ต้มในน้ำเชื่อมหรือบางบ้านก็จะใส่น้ำแดงเพื่อความหอมหวานและความอร่อย รวมถึงใส่ไข่ต้มสุกลงไปในถ้วยขนมอี๋ของบ่าวสาวด้วย ซึ่งลักษณะของขนมอี๋ที่เป็นแป้งเหนียวหนึบก็สื่อถึงความรักที่เหนียวแน่นของบ่าวสาว ความกลมเกลียวของคนในครอบครัว สีชมพูของขนมอี๋สื่อถึงความโชคดีตามความเชื่อของชาวจีน

การรับประทานขนมอี๋ให้ถูกต้องและเป็นสิริมงคลนั้น บ่าวสาวจะต้อง “ห้ามทานหมดถ้วย” เด็ดขาด และต้องทานให้เม็ดบัวลอยเหลือติดก้นถ้วยไว้สัก 4 หรือ 8 เม็ด ส่วนไข่ต้มก็ห้ามใช้ช้อนตัดแบ่งไข่ แต่จะต้อง “ทานทั้งฟอง” โดยเอาเข้าปากไปให้หมดในคำเดียว เพราะชาวจีนเชื่อกันว่า ถ้าทานทั้งฟองจะได้ลูกคนแรกเป็นลูกชาย (คนจีนชอบ) ส่วนใครที่คิดว่าไข่ไก่ทั้งฟองจะใหญ่เกินไปเอาเข้าปากไม่ไหว ก็สามารถใช้เป็นไข่นกกระทาลูกเล็กๆ ทานง่ายก็ได้ แบบนี้ก็ไม่ผิดธรรมเนียมเช่นกัน

สำหรับอาหมวยอาตี๋คนไหนที่บ่นว่าไม่อยากทานไข่ต้ม (ของคาว) ในขนมอี๋ (ของหวาน) แบบว่ามันไม่เข้ากันสุดๆ ทานแล้วอยากจะอ้วก! เราก็ขอแนะนำว่าให้กลั้นใจทานเข้าไปเถอะค่ะ แต่ให้เตรียมลูกอมรสชาติที่ตนเองชอบไว้ พอไข่หมดปากปุ๊บ จิบน้ำนิดหน่อยแล้วก็อมลูกอมโลด น่าจะพอช่วยบรรเทาอาการได้

บอกเสร็จสรรพครบถ้วนกันขนาดนี้แล้ว หวังว่าเจ้าบ่าวเจ้าสาวเชื้อสายจีนรวมถึงแขกที่ไปร่วมงานน่าจะหายสงสัยและทานขนมอี๋ได้อย่างถูกต้องตามประเพณีของชาวจีนกันแล้วนะคะ

รู้วิธีทานขนมอี๋แล้วก็มาไขความลับ เผยความลับที่ซ่อนอยู่ในถ้วยชาใบจิ๋วในพิธียกน้ำชาแบบจีน กันต่อเลย

ภาพเปิด : งานแต่งคุณเฟย์ & คุณติ ถ่ายโดย Jakawin Photography

วิธีการนวดเท้าแก้เมื่อย สำหรับเจ้าสาวช่วยคลายปวดเท้าในวันแต่งงาน

เด็ดสุดๆ กับวิธี นวดเท้าแก้เมื่อย เมื่อต้องยืนบนส้นสูงนานๆ

ในวันแต่งงาน วันสำคัญของเจ้าสาวหลายๆ คน แน่นอนว่าเป็นงานในฝันที่ผู้หญิงทุกคนทุ่มสุดตัว เพื่อให้งานออกมาเพอร์เฟกต์และสิ่งที่จะช่วยเสริมให้เจ้าสาวดูโดดเด่นก็คือ รองเท้าส้นสูง และถึงแม้ชุดแต่งงานจะยาวคลุมรองเท้าพอดี แต่การสวมใส่รองเท้าส้นสูงก็ช่วยเพิ่มความสูงให้เจ้าสาวดูสง่า และมั่นใจมากขึ้น แต่ปัญหาที่ตามมาหลักๆ ก็คือ อาการปวดเท้า นั่นเอง เพราะไม่ว่าจะใส่รองเท้าส้นสูงที่มีการซับพอร์ทเท้าดีแค่ไหน แต่ถ้าต้องใส่ยืนนานๆ ยังไงก็ปวดเท้าแน่นอน แพรว wedding เลยขอนำวิธีการ นวดเท้าแก้เมื่อย สำหรับเจ้าสาวเพื่อคลายปวดเท้าในวันแต่งงานมาฝาก จะนวดด้วยตนเองหรือให้คุณเจ้าบ่าวช่วยนวดก็ได้นะจ๊ะ

1. เมื่อถอดรองเท้าแล้ว วิธีที่เจ้าสาวสามารทำได้ง่ายที่สุดคือการ นอนเหยียดเท้า ให้สบายที่สุด โดยให้ขาและเท้าขนานไปกับพื้นที่เรานอน ลองขยับนิ้วเท้าเพื่อคลายเส้นก่อน ง่ายๆ ก็ได้ค่ะ

วันแต่งงาน

2. ลองดัดนิ้วเท้าขึ้นลง ขึ้นลงเรื่อยๆ ลักษณะคล้ายๆ กับการดัดนิ้วมือเวลาเรียนรำไทยค่ะ ทำไปเรื่อยๆ จะดัดด้วยตนเอง หรือให้คนอื่นช่วยดัดก็ได้ ซึ่งจะช่วยให้เท้าเกิดการผ่อนคลาย และจะเริ่มรู้สึกสบายเท้ามากขึ้น ทำไปสัก 5 นาทีค่ะ

วันแต่งงาน

3. ใช้นิ้วมือบริเวณนิ้วโป้งกดลงไปตรงกลางฝ่าเท้า ใช้เวลา 5-10 นาที จากนั้นมากดเท้าอีกข้าง สลับกัน วิธีการนี้จะช่วยเพิ่มความผ่อนคลาย และช่วยทำให้เจ้าสาวหลับสบายขึ้นด้วยน้า

วันแต่งงาน

4. นวดเบาๆ บริเวณนิ้วเท้าที่ปวด เพราะเวลาเราสวมใส่รองเท้าที่รัดเท้ามากๆ นิ้วเท้าจะโดนรัดไปด้วย ลองนวดเบาๆ อย่าแรงนะจ๊ะ เพราะนวดเพื่อแค่ให้ผ่อนคลายเท่านั้น ถ้าแรงไปจะยิ่งไปเพิ่มความปวดระบมให้กับเท้าได้

วันแต่งงาน

5. ทำมือเป็นกำปั้น แล้วกดจากบริเวณกลางเท้าลงไปยังส้นเท้า ค่อยๆ ทำไปเรื่อยๆ ทำแบบนี้ประมาณ 5-10 นาทีแล้วสลับไปทำที่เท้าอีกข้าง วิธีการนี้จะช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิตที่เท้าได้ดียิ่งขึ้นวันแต่งงาน

และขอบอกเลยว่าควรทำนะจ๊ะ เพราะถ้าไม่ทำผ่านพ้นวันไปจะปวดเท้ามากๆ แน่นอน … หรืออยากจะลองทำสปาเท้าด้วยตนเองก็ได้นะจ๊ะ มาดูกัน ชวนว่าที่เจ้าสาวมาทำสปาเท้าด้วยตัวเองที่บ้านแบบชิลล์ๆ

เรื่องและภาพจาก : Kapook.com

5 เรื่อง ห้ามทำใน อาทิตย์สุดท้ายก่อนแต่งงาน

ใกล้ถึงวันแต่งงานเข้ามาทุกที ไม่แปลกถ้าเจ้าสาวหลายคนจะตื่นเต้น จนต้องหาอะไรใหม่ๆ ทำเพื่อคลายความกังวล ซึ่งเจ้าสาวจะทำอะไรก็ได้ใน อาทิตย์สุดท้ายก่อนแต่งงาน แต่ห้ามทำ 5 เรื่องนี้เด็ดขาด!!

1. เปลี่ยนทรงผม

หลายคนบอกว่า การแต่งงานก็เหมือนการเริ่มต้นใหม่ การเปลี่ยนทรงผมก็เป็นการต้อนรับสิ่งใหม่ๆ แต่ต้องไม่ใช่ อาทิตย์สุดท้ายก่อนแต่งงาน เพราะการทำแบบนี้หากพลาด คนที่จะเสียใจก็ไม่ใช่ใคร คือตัวเจ้าสาวเอง แต่ถ้าไม่พลาดก็มีคนที่กรีดร้องอยู่ดี คนนั้นก็คือ ช่างทำผมไง รับรองว่าเขามีโกรธแน่ๆ

2. ฉลองหนัก ปาร์ตี้เยอะ

ช่วงอาทิตย์สุดท้ายไม่ว่าเพื่อนกลุ่นไหนก็อยากเจอว่าที่บ่าวสาวกันทั้งนั้น และการนัดเจอคงไม่ใช่ที่ร้านนมหน้าบ้านหรอก มันต้องปาร์ตี้สุดเหวี่ยง เราจะขอเตือนว่าขอให้ปฎิเสธนัดทั้งหมดไป หรือไม่ก็เจอกันก่อนหน้านั้น เก็บอาทิตย์สุดท้ายเอาไว้เพื่อการฟื้นฟูร่างกายให้สวยปิ๊ง  ผิวใส เพราะการดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงนี้ไม่เพียงทำให้ดูโทรมในวันแต่งงาน ยังทำให้ดูบวมฉุอีกด้วย

3. ออกกำลังกายท่าใหม่ๆ

เราเข้าใจว่าใครๆ ก็อยากฟิต อยากเฟิร์ม แต่ขอให้คงการออกกำลังกายท่าเดิมๆ ในกล้ามเนื้อมัดเดิมไปก่อน เพราะการออกกำลังกายท่าใหม่ๆ ในบริเวณใหม่ๆ จะทำให้เกิดอาการปวดเนื้อ ปวดตัว เคลื่อนไหวลำบาก ลุกก็โอ้ย ยืนก็อูย แล้วอย่างนี้วันแต่งงานรับรองว่าสาหัสแน่นอน ไว้รอฟิตหลังงานแต่งงานเนอะ

4. เปลี่ยนสกินแคร์

ว่ากันว่าสกินแคร์ควรเปลี่ยนทุก 3 เดือนเพื่อให้ผิวได้ปรับตัวกับสารบำรุงใหม่ๆ ไม่ด้านชาไปกับการบำรุงแบบเดิมๆ แต่! หากกำลังจะแต่งงาน ก็ควรต้องใช้ผลิตภัณฑ์เดิมไปก่อน อย่าได้ลองของใหม่ ของแปลกในช่วงนี้เด็ดขาด เพราะถ้าแพ้ขึ้นมาหมอไหนๆ ก็รักษาให้หน้ากลับมาปิ๊งแบบเดิมไม่ทันหรอก

5. กินอาหารแซ่บซี๊ด

สำหรับบ่าวสาวที่หลงใหลในอาหารรสแซ่บ ขอให้โบกมือทำใจห่างกันสักพักไปก่อน เพราะว่าการกินอาหารรสชาติจัดจ้าน ของแซ่บๆ ที่เสี่ยงกับการท้องเสีย มันเสี่ยงมากที่จะทำให้แต่งงานไม่เป็นสุข เพราะถ้าหายไม่ทันคุณจะต้องทรมานกับการวิ่งเข้าออกห้องน้ำในสภาพชุดแต่งงาน หรือถ้าทันอาการท้องเสียก็จะทิ้งร่องรอยความโทรมความอ่อนเพลียเอาไว้ให้เห็นอยู่ดี a a a a a  a a a a  a a a 

นี่ละ 5 คำเตือนจากใจจาก แพรว wedding ที่ส่งถึงว่าที่เจ้าสาว ว่าห้ามทำเด็ดขาด ส่วนใครที่อยากรู้เรื่องการวางแผนแต่งงาน หรืออยากดูงานแต่งงานของคู่อื่นๆ เรามีให้ดูเพียบ คลิกเลย

ภาพ unsplash.com