รู้ไว้ก่อนสั่งตัดสูทงานแต่งแบบ Bespoke สูทพิเศษที่มีแค่ตัวเดียวในโลก!

รู้ไว้ก็ดี..กับการสั่งตัด สูทงานแต่ง แบบ Bespoke

ใครว่าเจ้าสาวจะเป็นฝ่ายคิดมากเรื่องชุดแต่งงานอยู่คนเดียว เพราะพระเอกของงานอย่างเจ้าบ่าวเขาก็ซีเรียสเรื่อง สูทงานแต่ง ไม่แพ้กัน ซึ่งปัจจุบันก็มีทั้งสูทสำเร็จ สูทเช่า หรือสูทสั่งตัดพิเศษให้เลือกมากมาย ช่างเป็นเรื่องน่าปวดหัวให้กับเจ้าบ่าวไม่น้อย แต่หากเจ้าบ่าวคนไหนที่อยากได้ลุคไม่ซ้ำใครและดูดีมีสไตล์เป็นของตัวเองสุดๆ สูทแต่งงานแบบ Bespoke หรือ Costum-Made แบบสั่งตัดแบบพิเศษนี่แหละที่จะตอบโจทย์ของคุณได้ดีที่สุด

ได้ความเป๊ะฟิตพอดีหุ่น

สูทที่สั่งตัดนั้นจะเป็นของคุณแค่คนเดียวและมีลักษณะที่ไม่เหมือนคนอื่น เพราะเสื้อผ้าที่ตัดขึ้นเพื่อคุณโดยเฉพาะจะเปรียบเสมือนเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายคุณเลยทีเดียว เพราะมันจะเข้าที่เข้าทางไปหมด และให้การขยับที่คล่องตัวและเคลื่อนไหวสบายแบบไม่มีติดขัด เช่น ถ้าช่างภาพบอกคุณว่านับ 1 2 3 แล้วให้กระโดดขึ้นไปในอากาศ ก็ไม่ต้องกังวลว่ากางเกงเป้าจะแตกหรือไม่อะไรประมาณนี้ เพราะฉะนั้นเจ้าบ่าวจึงสามารถมั่นใจได้ทุกท่วงท่าแบบเต็มร้อยในทุกการเคลื่อนไหวไปจนถึงทุกองศาที่คุณขยับตัว

ได้สไตล์ที่เป็นตัวเองที่สุด

แทนที่จะพยายามหาเช่าสูทหรือทักซิโดที่ตรงกับความต้องการหรือที่คุณเจ้าบ่าวอยากได้จริงๆ บางครั้งถึงขั้นต้องตามหากันแทบพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินเลยทีเดียว จะดีกว่าไหมถ้าคุณสร้างสิ่งนั้นขึ้นมาด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะทั้งกับ เนื้อผ้า ลายผ้า สีผ้า และรูปแบบที่คุณต้องการ หรืออาจจะสั่งตัดให้เข้ากับชุดแต่งงานของว่าที่เจ้าสาวของคุณด้วยเลยก็ได้ เช่น อาจสร้างกิมมิกเล็กน้อยร่วมกันอย่างสีหรือโลโก้ หรือจะสั่งตัดพิเศษเป็นสีของธีมงานไป เพราะฉะนั้นลองคิดดูว่าคุณอยากดูดีแบบไหนในวันสำคัญ แล้วนำไอเดียไปปรึกษากับช่างมืออาชีพ รับรองว่าคุณจะได้รับคำแนะนำและการตัดเย็บที่ดีกลับมาแน่นอน แถมยังจะได้สไตล์ที่เป็นตัวเองสุดๆ ในแบบฉบับที่คุณเจ้าบ่าวต้องการ

สูทงานแต่ง

คุณเป็นสายเปย์ที่แท้ทรู พร้อมที่จะลงทุน

ถึงแม้ว่าสูทที่สั่งตัดพิเศษนั้นจะเหมาะกับคุณมากกว่าการไปเช่าตามร้าน แต่เมื่อทราบถึงราคาใจชายหลายคนก็สู้ไม่ไหวต้องถอยทัพกลับมาซบอกชุดเช่ากันเหมือนเดิม แต่ถ้าลองคิดดูดีๆ บางครั้งค่าตัดสูทสุดพิเศษอาจจะมีราคาพอๆ กับการช้อปปิ้ง gadget ต่างๆ ของคุณผู้ชายเลยก็ได้ เผลอๆ บางอย่างคุณยอมทุ่มจ่ายเกินกว่าค่าตัดสูทไปซะอีก ซึ่งสาเหตุของราคาที่ค่อนข้างสูงสำหรับสูทสั่งตัดนั้นก็มาจากความพิถีพิถันในการตัดเย็บที่ต้องทำออกมาให้พอดีตัวและพอดีใจของเจ้าบ่าวให้มากที่สุด และเต็มไปด้วยขั้นตอนต่างๆ มากมาย เริ่มตั้งแต่การเลือกผ้า สั่งหรือผลิตผ้า วัดตัว จนถึงกระบวนการตัดเย็บอย่างละเอียด ซึ่งบางครั้งหากคุณต้องการความเนี้ยบมากๆ ก็อาจจะต้องลองแล้วลองอีก แก้แล้วแก้อีกจนกว่าจะฟิตเป๊ะพอดีหุ่น จนได้เป็นสูทที่ตรงกับสไตล์และรูปร่างของคุณมากที่สุด

ซึ่งราคานั้นก็มีตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่น ซึ่งถ้าหากเจ้าบ่าวเลือกที่จะตัดทั้งสูทและกางเกงแบบเข้าชุดราคาก็อาจจะอัพขึ้นมาอีกหน่อย โดยสูทที่สั่งตัดนั้นจะใช้เวลาในการทำประมาณ 10-14 วัน แต่ทางที่ดีเผื่อไว้หน่อยสัก 1 เดือนล่วงหน้าก่อนวันใช้งาน สำหรับการปรับแก้ในจุดต่างๆ โดยเฉพาะช่วงปลายปีแบบนี้บางร้านอาจมีคิวลูกค้าแน่นเอี๊ยด ทำให้ผ้าบางชนิดหรือบางสีที่เจ้าบ่าวอยากได้อาจขาดสต๊อกและต้องรอผลิตผ้าใหม่ซึ่งอาจใช้เวลานาน เพราะฉะนั้นทางที่ดีแนะนำให้เจ้าบ่าวเข้าไปเลือกผ้าและสั่งจองไว้ก่อนตั้งแต่เนิ่นๆ จะได้ไม่โดนปาดหน้าเค้ก และให้เลือกเข้าไปเป็นวันธรรมดา แทนที่จะเป็นวันเสาร์-อาทิตย์ เพราะวันหยุดใครๆ ก็ว่างคนอาจแน่นร้านทำให้ทางร้านไม่สามารถดูแลคุณได้อย่างเต็ม

สูทงานแต่ง

และไม่ต้องคิดเยอะนะคะว่าจบงานนี้แล้วจะได้ใส่อีกทีเมื่อไหร่ เพราะเราเชื่อว่าสูทที่สั่งตัดพิเศษที่เป็นของคุณโดยเฉพาะจะกลายเป็นสูทตัวเก่งของคุณไปโดยปริยายแน่นอน คอนเฟิร์ม!

แถมให้อีกนิดกับ ทิปส์เด็ดแต่งสูทเจ้าบ่าว หล่อได้ง่ายๆ แบบไม่ต้องพยายาม

ภาพ : www.pinterest.com, bespokeedge.com, www.zara.com

พิธีแต่งงานแบบไทย พร้อมไทม์ไลน์ของแต่ละพิธีแบบครบถ้วน

กำหนดการ ลำดับขั้นตอนต่างๆ ของ พิธีแต่งงานแบบไทย

ว่าที่บ่าวสาวมักรู้สึกกังวลกับการจัด พิธีแต่งงานแบบไทย เพราะรู้สึกว่ามีขันตอนเยอะ แพรว wedding ขอบอกเลยว่า งานแต่งแบบไทยนั้นไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิด ไม่เชื่อลองดูไทม์ไลน์ พร้อมพิธีการต่างๆ ที่เรานำมาฝาก รับรองว่างานแต่งผ่านฉลุยชัวร์!

หมายเหตุ : ในที่นี่ขอสมมติว่า ฤกษ์สวมแหวนหมั้นคือ 9.29 น. และฤกษ์ส่งตัว 13.29 น. มีแขกในงานราวๆ 100-120 คน เริ่มเคลื่อนขบวนขันหมาก 8.00 น. ซึ่งทั้งนี้ การกำหนดกรอบเวลาขึ้นอยู่กับฤกษ์ จำนวนแขก และการจัดการของแต่ละบ้านว่าสามารถดำเนินพิธีแต่ละช่วงไปได้อย่างราบรื่นและรวดเร็วเพียงใด

8.00 น. แห่ขันหมาก

ควรเรียกระดมพลก่อนเวลาประมาณ 15 นาที เพื่อจัดขบวนว่าจะให้ใครยืนอยู่ลำดับไหน ถือพานอะไร เมื่อเรียบร้อยก็เคลื่อนขบวนไปยังบ้านเจ้าสาว หรือจุดประกอบพิธี ซึ่งปัจจุบันขบวนขันหมากมักนิยมตั้งขบวนกันข้างรั้วบ้าน หรือหน้าห้องจัดงานของโรงแรมนั่นแหละ โห่ฮิ้วกันสัก 3 รอบก็ถึงแล้ว

งานฉลุยแน่ถ้า …
* นัดกับคนในขบวนขันหมากล่วงหน้าว่าให้มาถึงงานกี่โมง แต่งกายอย่างไร และมีหน้าที่ทำอะไร
* มีผู้รู้งานซึ่งถือผังขบวนขันหมากพร้อมรายชื่อคนถือพาน เพื่อจัดลำดับขบวนให้ถูกต้องและรวดเร็ว
* ฝ่ายเจ้าสาวเริ่มจัดแถวกั้นประตูเงินประตูทองในเวลาเดียวกันเพื่อความรวดเร็ว

8.10 เชิญขันหมาก

เมื่อถึงหน้าบ้านจะมีการเชิญขันหมากโดยให้เด็กหญิงหน้าตาน่ารักในชุดไทยถือพานเชิญขันหมากและรอรับพร้อมกับญาติผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าสาว ซึ่งจะเป็นผู้เจรจาต้อนรับขบวนขันหมากทำนองว่า “ขบวนคึกคักจังเลย จะไปไหนกันคะ” ทางฝ่ายเจ้าบ่าวก็จะตอบกลับมาว่า “จะมาขอลูกสาวบ้านนี้ ยินดีต้อนรับหรือไม่” ซึ่งแน่นอนว่าคำตอบจะเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจาก “ยินดีค่ะ เชิญเข้ามาเลยค่ะ” จากนั้นเด็กเชิญขันหมากจะส่งพานเชิญขันหมากให้เถ้าอก่ฝ่ายชายซึ่งก็แค่หยิบหมากพลูไปถือพอเป็นพิธี แล้ววางคืนพร้อมซองเงิน

พิธีแต่งงานแบบไทย

8.15 น. ฝ่าด่านประตูเงินประตูทอง

จากนั้นขบวนขันหมากจึงเคลื่อนสู่จุดประกอบพิธี แต่เดี๋ยวก่อน! ระหว่างทางสั้นๆ นี่แหละที่กินเวลานาน เพราะกว่าขบวนจะผ่านประตูเงินประตูทองได้แต่ละด่านบางทีเจ้าบ่าวถึงกับเหงื่อตก ปัญหาที่ แพรว wedding เคยเห็นเยอะที่สุดคือ ถูกรีด เอ๊ย เรียกหลายซองจนเจ้าบ่าวหมดตัว ต้องหยิบยืมกันให้วุ่น รองลงมาคือกิจกรรมวัดใจจำพวกวิดพื้น ตะโกนบอกรัก ร้องเพลง ฯลฯ ซึ่งบางทีผู้ใหญ่ในขบวนก็ไม่ได้สนุกด้วยนัก … เอาเป็นว่าสนุกกันพอหอมปากหอมคอก็พอเนอะ อย่าเล่นจนเสียฤกษ์ และนึกถึงใจคนถือพานผลไม้มงคลหือกล้วยอ้อยบ้าง!!

งานฉลุยแน่ถ้า…
* เจ้าบ่าวตกลงกับเพื่อนๆ และคนที่กั้นประตูเงินประตูทองไว้ก่อนว่าต้องปล่อยขบวนภายในระยะเวลาเท่าไหร่จึงจะไม่เสียฤกษ์

8.45 น. พิธีล้างเท้า (ถ้ามี)

บางบ้านอาจมีพิธีล้างเท้าก่อนเข้าบ้าน โดยให้เจ้าบ่าวถอดรองเท้ายืนบนหินล้างเท้ารองด้วยใบตอง แล้วญาติผู้น้องของฝ่ายเจ้าสาวตักน้ำล้างเท้าให้ ซึ่งสมัยนี้บางคนอาจแค่ประพรมไปบนรองเท้าพอเป็นพิธีจะได้ไม่ต้องถอดๆ ใส่ๆ รองเท้า เสร็จแล้วจึงให้ซองเงินเป็นรางวัล

9 ไอเดียจัด ดอกไม้บนโต๊ะอาหาร จัดแบบไหนให้เข้ากับธีมงานแต่ง

จัดวาง ดอกไม้บนโต๊ะอาหาร ยังไงให้สวยและเก๋ไก๋เหมาะกับงานแต่งกันดีนะ

ดอกไม้บนโต๊ะอาหาร ดีเทลสำคัญในการตกแต่งโต๊ะอาหารให้ดูดีเพื่อต้อนรับแขก เพราะสภาพแวดล้อมในการรับประทานอาหารมีความสำคัญต่อการลิ้มรสอาหารด้วย เราจึงได้เห็นว่ามีการครีเอทการจัดดอกไม้ต่างๆ ไม่ว่าจะชนิดดอกไม้ ใบไม้ สี แจกัน รวมไปถึงของประดับตกแต่งที่จะช่วยสร้างบรรยากาศให้ธีมงานแต่งของบ่าวสาว แพรว wedding เลยรวบรวมไอเดียการจัดดอกไม้บนโต๊ะอาหารมาให้บ่าวสาวได้เลือกไปใช้ในธีมงานแต่งของตัวเองกัน

1. จัดใส่กล่องไม้

การจัดดอกไม้ในกล่องไม้ เพื่อให้เข้ากับโต๊ะอาหารที่เป็นโต๊ะไม้ จะได้ดูกลมกลืนกันและเป็นธรรมชาติ ที่แขกเห็นแล้วสบายตา ส่วนดอกไม้นั้น เราแนะนำให้ใช้สีสดใส ฉูดฉาด เพื่อให้ตัดกับความเรียบง่ายของโต๊ะไม้ นอกจากนี้จะปูผ้าเป็นแนวยาวตลอดโต๊ะก็ได้นะจะช่วยดร็อปสีดอกไม้ลงได้ระดับนึง

ดอกไม้บนโต๊ะอาหาร

2. จัดใส่เครื่องแก้ว

เพราะความสวยงามของของเครื่องแก้ว หรือแจกันแก้ว สิ่งนี้จึงมักถูกนำมาใช้วางประดับบนโต๊ะอาหารในหลายๆ งานอยู่เสมอ ไม่ว่าจะสไตล์มินิมัลวางดอกไม้เพียงดอกเดียวก็เก๋ จัดรวมดอกไม้สีขาวโดดๆ ก็สวยเรียบหรู หรือจะจัดดอกไม้หลากสีใส่แจกันแบบมีสีสัน ก็ทำให้ดูแตกต่างและโดดเด่นได้นะ

3. จัดใส่เครื่องแก้วทรงสูง

เพียงแค่รูปทรงของเครื่องแก้วทรงสูง ก็ให้บรรยากาศของงานดูหรูและดูแพง โดยจะเลือกจัดรวมดอกไม้หลากพันธุ์ หรือแค่ใบไม้หลากหลายทรง แบบไหนก็ดูดีไม่แพ้กันเลย

4. จัดวางพร้อมเทียนสูง

เราแนะให้จัดดอกไม้ใส่แจกันทรงเตี้ยหรือแจกันทรงกลม เพื่อให้ได้ระยะที่ตัดกับความสูงของเทียน เมื่อมองภาพรวมก็จะทำให้ดูสมดุล แต่อย่าลืมคุมโทนบนโต๊ะอาหารด้วย ซึ่งเทคนิคในการเลือกสีเทียนก็ต้องเลือกโทนสีให้เข้ากับเฉดสีของดอกไม้ด้วยนะ จะได้ไม่ดูเยอะเกินไป การจัดโต๊ะสไตล์มักได้รับความนิยมจากบ่าวสาว และเหล่าเวดดิ้งแพลนเนอร์ก็นิยมจัดด้วยเช่นกัน เพราะช่วยให้บรรยากาศของงานดูหรู

5. จัดวางเรียงยาว

บอกได้เลยว่าการจัดดอกไม้เป็นแนวยาวขนานกับโต๊ะอาหารแบบนี้ กำลังได้รับความนิยมมากๆ เพราะให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติและดูเก๋ไก๋ และแน่นอนว่าการจัดแบบนี้ต้องอาศัยการออกแบบและดูแลความเรียบร้อยในการจัดเรียงดอกไม้เป็นอย่างมาก เพราะถ้าจัดไม่ดีอาจจะดูรกแทนที่จะดูสวย นักจัดดอกไม้จึงต้องอาศัยความใส่ใจและความเชี่ยวชาญในการจัดให้ออกมามีสไตล์แบบโมเดิร์น

6. จัดกระถางต้นไม้

หากคุณวางแผนที่จะจัดงานแต่งเอ๊าท์ดอร์ ในสวน หรือจัดเรียบง่ายที่บ้าน เราแนะนำให้คุณแตกต่างแต่ดูดีด้วยการวางกระถางดอกไม้ใบเล็กบนโต๊ะอาหาร แต่ช้าก่อน กระถางนั้นต้องได้รับการจัดตกแต่งเป็นอย่างดีด้วยนะ เพราะความสะอาดสำคัญที่สุด ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นกระถางใส่ดิน แต่เป็นการปักดอกไม้ใบไม้ลงไปในโอเอซิสแทนเพื่อความสะอาด แถมยังช่วยเก็บน้ำให้ดอกไม้สดใสตลอดงานไม่เฉาด้วย

ดอกไม้บนโต๊ะอาหาร

7. จัดใส่กรง

เข้ามากๆ กับงานแต่งริมทะเล หรืองานแต่งในสวน กับการจัดดอกไม้ใส่กรงเล็กๆ แนะนำให้ใช้ดอกไม้ดอกเล็กๆ ที่ดูน่ารัก หรือจะเป็นใบไม้กับพืชอวบน้ำก็สวยนะ เพราะสีเอิร์ธโทนของพืชอวบน้ำจะช่วยให้กรงดูดีเพิ่มมากขึ้น

ดอกไม้บนโต๊ะอาหาร

8. จัดพร้อมพร๊อบ

ในการจัดวางแบบนี้แจกันดอกไม้ต้องมีขนาดไม่ใหญ่มาก เพื่อที่บนโต๊ะจะได้มีพื้นที่ในการวางพร๊อบน่ารักๆ เก๋ๆ เสริมลุคให้กับธีมงานแต่งของคุณ เป็นการเพิ่มลูกเล่นให้บนโต๊ะอาหารได้ไม่น้อย อย่างเช่น ลูกโลก ลูกบอล ขนนก เป็นต้น เพียงแค่เลือกใช้พร๊อบให้เข้ากับธีมงานก็รอดแล้ว

9. จัดวางบนผ้า

เป็นอีกหนึ่งสไตล์ที่ได้รับความนิยมในงานแต่งกับการนำผ้ามาจัดเป็นคลื่น เรียงแนวยาวขนานกับโต๊ะ แล้วจึงวางแจกัน ของประดับตกแต่งต่างๆ การใช้ผ้าสีพาสเทลหรือสีที่เข้ากับธีมงานแต่งจะช่วยเสริมให้งานแต่งดูมีราศีมากยิ่งขึ้น

เราได้เห็นไอเดียการจัดดอกไม้ไปแล้ว แต่รู้หรือไม่ว่ามันมีดีเทลมากกว่านั้นกับ รวบตึง 5 รายละเอียดสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามใน การจัดโต๊ะอาหาร

ภาพจาก Unspalsh/ Pinterest

ดีไซน์ สร้อยคอเจ้าสาว น้อยแต่มาก เข้ากับชุดแต่งงานได้หลากสไตล์

เลือก สร้อยคอเจ้าสาว ให้สวยอย่างมีระดับ กับลุคมินิมัลที่ปังแน่นอน

สร้อยคอเจ้าสาว เครื่องประดับระยิบระยับที่ช่วยเสริมลุคให้เจ้าสาวดูดี ซึ่ง แพรว wedding จะมากระซิบบอกว่า ไม่ว่าเจ้าสาวจะทำทรงผมรวบเกล้า ปล่อยตรงยาว หรือดัดลอนก็เข้ากันแน่นอน เพราะแบบสร้อยคอที่เราเลือกมาวันนี้มาในสไตล์มินิมัล ที่รับรองว่าถูกใจเจ้าสาวยุคใหม่แน่นอน เพราะทั้งเรียบ เก๋ ดูดีมีระดับที่สุด!

สร้อยคอกับชุดแต่งงานเกาะอก

1. โดดเด่นด้วยความแวววาวของเพชรหรือคริสตัล

ชุดแต่งงานแบบเกาะอก ที่ช่วงบนมักดีไซน์มาแบบเรียบๆ แต่เต็มไปด้วยดีเทลในช่วงกระโปรงมากกว่า แนะนำให้สวมเป็นสร้อยที่เรียงร้อยด้วยเพชร หรือคริสตัลเม็ดขนาดกลางที่มีความแวววาว แบบที่สะท้อนแสงจนวิ๊งๆ หรือหากเจ้าสาวชื่นชอบอัญมณีที่เสริมพลังในด้านต่างๆ ก็สามารถเลือกสร้อยที่ประดับอัญมณีแบบสีก็ได้เหมือนกันนะ

สร้อยคอเจ้าสาว

2. ความเรียบของไข่มุกที่น่าดึงดูด

เรายังคงแนะนำสร้อยคอที่สามารถเห็นได้ชัด แต่คราวนี้เป็นสร้อยที่ร้อยเรียงด้วยมุกเป็นเส้นเล็กๆ ต่อกัน แม้จะไม่มีความแวววาวเหมือนเพชร แต่ก็ทำให้เจ้าสาวดูเลอค่าได้เหมือนกัน ทางที่ดีควรเลือกสร้อยคอไข่มุกที่เข้าคู่กับต่างหูด้วยนะ จับคู่แบบเรียบๆ แต่มาครบ จัดไปเลยค่ะเจ้าสาว

3. เพชรที่เรียงระย้าแบบจัดเต็มไปเลย

หรือหากเจ้าสาวอยากจะจัดเต็มกว่านี้ ก็เลือกสร้อยคอแบบระย้าที่เน้นการประดับเพชรและคริสตัล แบบนี้บอกเลยว่า แพงจริงๆ แต่ต้องระมัดระวังด้วยว่า ชุดแต่งงานของเจ้านั้นจะต้องเข้าคู่กับสร้อยคอเส้นนี้ได้ ซึ่งต้องเป็นชุดแต่งงานดีไซน์เรียบ ดีเทลไม่มาก และควรเป็นชุดแต่งงานที่ไม่ประดับลายลูกไม้ ไม่อย่างนั้นจะทำให้ลุคของเจ้าสาวดูเยอะไปหมด

สร้อยคอกับชุดแต่งงานมีแขน

1. เพียงแค่จี้เล็กๆ เรียบ แต่สง่ามาก

ไม่ว่าจะคริสตัล หรืออัญมณี ที่ตกแต่งบนจี้ของเจ้าสาว ประดับบนสร้อยเส้นบางแบบทองคำขาว ทอง หรือสีโรสโกลด์ ก็ช่วยเสริมชุดแต่งงานให้น่าดึงดูดมากยิ่งขึ้น และทำให้ช่วงคอดูเรียวและสง่างาม ขอแนะนำว่าการเลือกสีคริสตัล น่าจะใช้สีโทนสว่าง หรือสีแบบธรรมดาไม่ต้องเล่นสีสันเยอะ เพื่อลุคเจ้าสาวที่มีเสน่ห์ดูอ่อนโยน

สร้อยคอเจ้าสาว

2. เพิ่มความเรียงร้อยระย้าของเพชรและคริสตัล

เพราะชุดแต่งงานที่มีแขน ดีเทลของสร้อยจึงไม่ควรจะมีเส้นที่หนาหรือโดดเด่นเกินหน้าเกินตา จนทำให้ดูเยอะเกินไป แต่สามารถเพิ่มความระย้าในส่วนของจี้เพชร หรือคริสตัล บนสร้อยเส้นบางได้นะ

สร้อยคอเจ้าสาว

3. สร้อยฝังเพชรเบาๆ แต่มีคลาสที่สุด

ลุคนี้ขอบอกว่า เรียบๆ แต่เริ่ดมากค่ะ มาในสไตล์มินิมัลสุดๆ ไม่ว่าจะชุดแต่งงานดีไซน์เรียบ หรือชุดแต่งงานที่เต็มไปด้วยดีเทล หากเจ้าสาวอยากสวมสร้อยเป็นเครื่องประดับ เพียงแค่สร้อยฝังเพชรประมาณนี้ ก็สวยเบาๆ สวยจริงๆ ^^

สร้อยคอเจ้าสาว

จัดเต็มกันต่อกับเครื่องประดับที่จะทำให้คุณกรีดร้อง สร้อยหลัง สร้อยไหล่ เพิ่มความเก๋ไก๋ให้ชุดแต่งงานสวยปังไม่ซ้ำใคร

ภาพจาก Pinterest

5 ลุคสุดชิคสไตล์เจ้าสาวผมสั้น บอกเลยว่าเริดทุกทรง มั่นใจได้แน่นอน

เพิ่มลุค So Hot So Cool กับ สไตล์ เจ้าสาวผมสั้น ที่เป็นตัวของคุณเองที่สุด

คุณกำลังจะเป็น เจ้าสาวผมสั้น หรือเปล่า? ตอนนี้ไม่ว่าจะในสื่อต่างๆ ในสังคม หรือตามทั่วไป เรามักจะเห็นผู้หญิงตัดผมสั้นกันมากขึ้นใช่ไหมคะ เพราะปัจจุบันผมสั้นกลายเป็นส่วนหนึ่งของเทรนด์ไปแล้ว เพราะผมสั้นนอกจากจะช่วยให้ทำอะไรและเคลื่อนไหวได้อย่างกระฉับกระเฉงแล้ว ยังให้ลุคที่ดูเป็นผู้หญิงทันสมัยด้วย

และเพื่อเอาใจเจ้าสาวผมสั้น แพรว wedding ได้คัดสรร 5 สไตล์ผมสั้นที่เมื่อเห็นแล้วจะต้องกรี๊ดเพราะถูกใจแน่ๆ และใครเห็นเป็นต้องอิจฉาในความร้อนแรงและความโดดเด่นของคุณแน่นอน! >< ซึ่งลุคที่เราเตรียมมานี้ ยังสามารถไดร์ ดัด เซทตามได้ใน Everyday look อีกด้วยนะ

1st Look : Shine your charm

เผยเสน่ห์อันเย้ายวนด้วยทรงผมดัดลอนเป็นคลื่นใหญ่ เน้นลอนผมให้มีเลเยอร์เท่ากัน เพื่อให้ผมดูมีน้ำหนัก ซึ่งสไตล์นี้อาจต้องอาศัยความชำนาญเพื่อให้ผมยังคงลอนได้ตลอดวัน แต่เป็นลุคที่ให้ความเป็นธรรมชาติสุดๆ บวกกับการแต่งหน้าแบบสโมคกี้อายนิดๆ จะช่วยให้คุณเจ้าสาวดูน่าดึงดูด จนคุณเจ้าบ่าวตกหลุมรักอีกรอบเลยล่ะ!

สไตล์ผมเจ้าสาวผมสั้น

2nd Look : So gorgeous

ลุคนี้อาจจะไม่เน้นลอนที่ชัดมาก แต่ม้วนให้เป็นคลื่นเบาๆ ทีละช่อ แล้วปล่อยให้ผมทิ้งตัวเป็นธรรมชาติ ให้ลุคที่ดูไม่เป็นทางการมากเกินไป ว่าที่เจ้าสาวอาจจะถักเปียเปิดด้านข้างสักด้าน โดยเลือกจากมุมหน้าที่มั่นใจ เพื่อไม่ให้ผมปิดหน้าเวลาถ่ายรูป หรือจะเลือกสวมเป็นมงกุฎดอกไม้ ก็ช่วยให้ลุคนี้ดูหวานขึ้นด้วย

สไตล์ผมเจ้าสาวผมสั้น

สไตล์ผมเจ้าสาวผมสั้น

3rd Look : Simple but forever

ใครบอกว่าการไดร์ผมตรงจะเป็นลุคที่ไม่รอดสำหรับเจ้าสาว เราบอกได้ว่า NO! เพราะถึงจะเป็นลุคเบสิกแต่ก็คลาสสิกสุดๆ พ้อยท์อยู่ที่การปล่อยผมตรงอย่างเป็นธรรมชาตินั้นจะช่วยให้คุณดูอ่อนเยาว์และน่ารัก แต่อย่าลืมชะโลมผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมสักนิดเพื่อให้ผมดูมีวอลลุ่มด้วยล่ะ XOXO

สไตล์ผมเจ้าสาวผมสั้น

4th Look : Like a princess

อ่อนหวานและอ่อนโยนในแบบฉบับเจ้าหญิง กับการม้วนผมให้เป็นลอนแล้วเก็บผมให้ดูมีวอลลุ่ม แนะนำให้เลือกสเปรย์แบบไม่แข็งตัว เพื่อไม่ให้เส้นผมดูแข็งกระด้างเกินไป แล้วอย่างลืมเติมเฮดพีชอย่าง ที่คาดผมประดับคริสตัล มงกุฎดอกไม้ หรือกิ๊บประดับเพชรหรือไข่มุกสุดหรูก็ช่วยอัพเกรดให้ลุคดูแพงด้วยนะ

สไตล์ผมเจ้าสาวผมสั้น

5th Look : Charisma and difference

สำหรับเจ้าสาวที่มีผมสั้นซอย เสริมลุคให้มีเสน่ห์ที่แตกต่างและน่าดึงดูดด้วยการเซทผมให้เป็นทรง แล้วเพิ่มความมีวอลลุ่มนิดๆ เพื่อให้ดูอ่อนหวานซ่อนเปรี้ยว เสริมด้วยกิ๊บติดผมด้านข้างขนาดใหญ่ประดับคริสตัลระยิบระยับ รับกับต่างหูเม็ดเล็กแบบหมุด หรือจะสวมมงกุฎดอกไม้ ก็ทำให้คุณสวยมั่นใจในผมสั้นได้แล้ว

สไตล์ผมเจ้าสาวผมสั้น

ตามไปอัพเดท เจ้าสาวผมสั้นต้องหวีดร้อง! กับ 6 แบบผมเจ้าสาวผมสั้น ดีต่อใจสวยได้ไม่ง้อผมยาว ตามไปเช็คกันได้เลย

ภาพจาก Zimbio/ Teen Vogue/ Pinterest

10 วิธีลดอาการเมื่อยเท้าในงานแต่งให้น้อยลงจนแทบไม่รู้สึก

นอกจากความสุขเหมือนฝันในงานแต่งงานแล้ว อีกสิ่งที่เจ้าสาวต้องเจอก็คือความเมื่อยขั้นสุด ทรมานเท้าเหมือนเดินมา 8 ชั่วโมงต่อเนื่อง แต่เราก็มีวิธีที่ช่วยบรรเทาอาการ เมื่อยเท้าในงานแต่ง ให้น้อยลงได้ เหลือแค่ทรมานนิดๆ หน่อยๆ แต่สุขมากๆ มีวิธีอะไรบ้างมาดูกัน

1. เลือกรองเท้าหลวมๆ

วิธีนี้ให้เลือกรองเท้าที่เบอร์ใหญ่กว่าเท้าจริงสัก 1 เบอร์ จะทำให้รู้สึกใส่รองเท้าสบายมากขึ้น ไม่เมื่อยมากเกินไป และไม่ทำให้เท้าอึดอัดจนรู้สึกเหมือนโดนบีบอยู่ตลอดเวลา แถมยังป้องกันการโดนรองเท้ากัดได้ด้วยนะ

2. ใส่แผ่นรองเท้า

เดี๋ยวนี้มีแผ่นรองรองเท้าลดอาการเมื่อย แบบที่นิยมซื้อกันตอนไปเที่ยวต่างประเทศนั่นแหละ เราก็เปลี่ยนจากเอาแผ่นนี้ที่ใส่ในสนีกเกอร์มาใส่ในรองเท้าส้นสูงแทน จะทำให้เมื่อยน้อยลง เพราะแผ่นรองรองเท้าจะช่วยโอบรับอุ้งเท้าได้มากกว่า

3. เลือกรองเท้าเสริมแพลตฟอร์ม

สำหรับเจ้าสาวรูปร่างเล็กที่ต้องใส่รองเท้าสูงมากกว่า 3 นิ้ว ให้เลือกรองเท้าส้นสูงที่เสริมแพลตฟอร์มด้านหน้า จะทำให้รูปเท้าไม่ต้องตั้งชันมาก และเพิ่มพื้นที่รับน้ำหนักของเท้า ลดความเมื่อย และลดอาการปวดเท้าลงได้เยอะเลย

4. ซื้อรองเท้าตอนเย็น

เวลาที่แนะนำให้ไปเลือกซื้อรองเท้าก็คือช่วงเวลาเย็นๆ ซึ่งเป็นเวลาที่เท้าขยายตัวเต็มที่แล้ว ทำให้วันแต่งงานที่ต้องใส่รองเท้าทั้งวันจะได้ไม่อึดอัดในตอนที่เท้าเริ่มบวมจากการที่ต้องยืน และเดินมาทั้งวัน

5. เลือกรองเท้าที่รับกับฝ่าเท้า และรูปเท้า

ฝ่าเท้าและรูปเท้าของแต่ละคนมีรูปร่างแตกต่างกัน เพราะฉะนั้นเวลาเลือกรองเท้าจะต้องเลือกรองเท้าที่เข้ากับรูปทรงของเท้า อย่างเช่น รองเท้าหัวใหญ่สำหรับคนที่หน้าเท้าบาน และพื้นรองที่ต้องมีส่วนนูน ส่วนเว้าเข้ากับฝ่าเท้าด้วยเพื่อการรับน้ำหนักที่ดี

เมื่อยเท้าในงานแต่ง

6. เลือกรองเท้าที่มีส้นกับพื้นรองเท้าห่างกัน 3 เซนติเมตร

เวลาเลือกรองเท้าส้นสูงมากๆ ให้เลือกที่รองเท้ามีระยะห่างระหว่างส้นรองเท้า และพื้นรองเท้ามากกว่า 3 เซนติเมตรขึ้นไป จะทำให้ใส่รองเท้าได้สบายมากขึ้น เพราะไม่ต้องวางเท้าในลักษณะที่ชันเกินไป

7. ใส่ให้ชินก่อนวันงาน

รองเท้าเจ้าสาวเมื่อได้มาแล้ว ก็ใช่ว่าจะเก็บใส่กล่องแล้วมาเจอกันอีกทีวันแต่งงานนะคะ รับรองว่ามีเท้าระบมแน่นอน แต่ให้หยิบมาใส่วันละชั่วโมง สองชั่วโมง ก่อนถึงวันจริงสักเดือนจะทำให้เท้าชินกับรองเท้า และทำให้รองเท้าขยายไปตามรูปเท้าด้วย

8. เตรียมรองเท้ามาเปลี่ยน

สำหรับเจ้าสาวที่ใส่ชุดแต่งงานยาว จะเป็นเรื่องสบายเพราะแอบลักไก่เปลี่ยนรองเท้าช่วงที่ไม่ใช่พิธีการสำคัญๆ ได้ อย่าตอนที่ต้องเดินตระเวนพบปะแขกในงาน หรือเจ้าสาวบางคนก็อาจเปลี่ยนเป็นรองเท้าผ้าใบช่วงอาฟเตอร์ปาร์ตี้ ก็ทำให้ได้ผ่อนคลายเท้าไปได้เยอะ

9. นั่งบ้าง

เป็นเจ้าสาวถึงต้องยืนนานๆ  แต่ก็อย่าลืมหาเวลานั่งบ้าง ไม่เพียงแค่หายเมื่อย แต่ยังได้พักเท้าไปในตัว เอาให้ดีคือ หาเวลานั่งกินข้าวกินปลา แล้วแอบถอดรองเท้าด้วย จะทำให้ในงานแต่งงานไม่ทรมานเกินไปสำหรับเจ้าสาวคนสวย

10. ย่ำเท้าอยู่กับที่

ในช่วงที่ไม่สามารถหนีไปนั่ง หรือถอดรองเท้าได้ ถ้ายืนอยู่เฉยๆ แล้วรู้สึกเมื่อยเท้าเกินกว่าจะรับไหวให้ย่ำเท้าอยู่กับที่ จะช่วยลดอาการปวดเมื่อยลงได้บ้าง เพราะเท้าไม่ต้องรับน้ำหนักในรูปเดิมเป็นเวลานาน

เนี่ยแหละ 10 เทคนิค ที่จะทำให้ไม่เมื่อยเท้าในงานแต่ง (มากจนทนไม่ไหว) ส่วนเคล็ดลับอื่นๆ เรายังมีอีกเยอะ มาตามอ่านได้เลย

ภาพ unsplash.com

7 ผ้าลูกไม้ชุดแต่งงานยอดนิยมให้เจ้าสาวรู้ไว้ก่อนเลือกชุดแต่งงาน

หากให้พูดถึงผ้าสำหรับชุดแต่งงาน แน่นอนคำตอบแรกที่คิด ไม่มีใครไม่นึกถึงผ้าลูกไม้โดยเฉพาะ ผ้าลูกไม้ชุดแต่งงาน ที่สวยงามเป็นพิเศษ

“ลูกไม้” ผ้าที่มีประวัติยาวนานชิ้นไทม์เลสที่ไม่มีอะไรมาแย่งตำแหน่งตัวแทนแห่งความเฟมินีน โรแมนติก และคลาสสิกไปได้ จากเดิมเป็นงานฝีมือที่ใช้เทคนิคหลากหลายกว่าจะเป็นผ้าลูกไม้แบบต่างๆ อย่าง Chantilly Lace สร้างสรรค์จากการทอ ขณะที่ Guipure Lace คือลูกไม้จากงานปักประดับ จนถึงปัจจุบันแม้จะมีการใช้เครื่องจักรและเทคโนโลยีเข้ามาช่วยผลิต แต่ ผ้าลูกไม้ชุดแต่งงาน ก็ยังคงสวยมีเสน่ห์ที่แตกต่าง… – เรื่อง Lynlry

ก่อนไปจะถึงการเจาะลึกงานลูกไม้แต่ละประเภทว่ามีอะไรบ้าง เรามาพูดถึงหลักง่ายๆ ในการเลือกชุดลูกไม้ในแบบที่เป็นตัวคุณก่อน

  • สีของลูกไม้

มีตั้งแต่สีขาวไล่เฉดไปจนถึง สีเบจ สีชมพู หากอยากได้ลุคที่ดูโมเดิร์น แนะนำชุดลูกไม้สีขาวเป็นหลัก แต่ถ้าอยากได้ ฟีลลิ่งชิค ๆ ดูวินเทจ ลูกไม้สีไอวอรี่ สีงาช้าง สีเบจ คือตัวเลือกที่ดี ขณะที่โทนสีพาสเทลอื่น ๆ สีชมพูอ่อน สีพีชละมุน จะทำให้ลุคดูหวานขึ้น

  • ดีเทลที่เติมลงไปในลูกไม้

เช่น งานปัก ประดับคริสตัล มุก เลื่อม ลูกปัดต่าง ๆ จะช่วยเสริมให้ชุดดูหรูหราขึ้น ถ้าชอบสไตล์หรู เอลิเกนซ์ก็จัดงานปักประดับแบบเต็มเหนี่ยว ไปเลย แต่หากชอบความเรียบหรูโมเดิร์น ก็ไม่ จำเป็นที่จะใส่งานปักใด ๆ ลงไป

  • การเลือกผ้าลูกไม้หลัก ๆ ที่นิยมกันมีอยู่ 7 ประเภท

และแต่ละประเภทมีคาแร็กเตอร์ที่ต่างกัน หากชอบความยูนีคชุดดูมีมิติที่แตกต่าง ก็ต้อง Embroidered Lace (การปักลูกไม้ ลงบนผ้าให้มีเลเยอร์) ถ้าชอบความสวยแบบโอต์ กูตูร์ ต้อง Chantilly Lace ชอบลูกไม้ที่ เด่นชัดมีขนาดใหญ่ใส่แล้วเห็นลายเด่นมาแต่ไกล ก็เลือก Guipure Lace เป็นต้น

และนี่คือ 7 ประเภทผ้าลูกไม้ที่นิยมนำใช้กับชุดแต่งงาน

1. CHANTILLY LACE

ใช้กับชุดลูกไม้โอต์กูตูร์ เช่น ฉลองพระองค์ ชุดอภิเษกสมรสของเคท มิดเดิลตัน ดัชเชส แห่งเคมบริดจ์ โดยชื่อ Chantilly มาจากเมืองทางตอนเหนือของฝรั่งเศสที่ให้กำเนิดลูกไม้ชนิดนี้ในศตวรรษที่ 17 โดยคาเตอรีน เดอ โรอาน ดัชเชสแห่งลงกูวีลผู้เป็นเทรนด์เซตเตอร์ในสมัยนั้น ซึ่งกระแสความฮ็อตลามมาถึงในพระราชวังพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 เป็นผ้าลูกไม้ที่พระนางมารี อังตัวเน็ตต์ ทรงโปรดปราน พอศตวรรษที่ 18 จึงมีการนำ ไหมมาใช้สร้างสรรค์ผ้าลูกไม้และเป็นที่นิยมจนถึงปัจจุบัน ความโดดเด่นของลูกไม้ชนิดนี้อยู่ที่ลวดลายดอกไม้ที่มีอิสระแยกจากกันแต่ผสมผสานเข้ากันได้อย่างลงตัวบนเนื้อผ้าตาข่ายโปรงแสง

 

2. GUIPURE LACE

ในอีกชื่อหนึ่งคือ Venetian Lace คำว่า Guipure เป็นภาษาฝรั่งเศส แปลว่าเทป ซึ่งอธิบายถึงลูกไม้ที่สร้างจากด้ายที่มีความหนา แข็งแรง จุดสังเกตของลูกไม้ชนิดนี้คือมีความแน่นหนา เห็นลายเด่นชัดเจน ซึ่งลวดลายจะถูกเชื่อมต่อกันด้วยขอบหนาหรือเส้นเปีย จัดเป็นลูกไม้ที่มีเท็กซ์เจอร์เด่นชัด และมีความเอลิเกนซ์ไม่เป็นสองรองใคร ซึ่งนิยมนำมาตกแต่งที่ช่วงบนของชุดกระโปรงหรือชายกระโปรง

ภาพ : Mikaella S/S 2016-2017

ยังมีผ้าลูกไม้สวยๆ รออยู่หน้าต่อไป คลิกเลย >>>

รวบตึงมาให้กับพิธีรับตัวเจ้าสาว จีน-ไทย อ่านง่ายเข้าใจทุกขั้นตอน

พิธีรับตัวเจ้าสาว ถึงแม้จะเป็นเวลาสั้นๆ แต่ก็ถือว่าเป็นช่วงสำคัญที่คู่รักจะได้เจอกันในฐานะเจ้าบ่าวเจ้าสาวเป็นครั้งแรก และไม่ว่าจะเป็นงานแต่งแบบไทยหรือแบบจีนก็มีพิธีรับตัวเจ้าสาวทั้งนั้น อาจจะต่างกันเล็กน้อยในเรื่องของการเตรียมตัวและลำดับพิธีการ แพรว wedding เลยขอชวนว่าที่บ่าวสาวมาเจาะลึกพิธีรับตัวเจ้าสาวทั้งแบบทั้งแบบจีนและแบบไทยกันค่ะ

พิธีรับตัวเจ้าสาวแบบจีน

GBE-1026
ภาพจาก : Vin Buddy’s Wedding

พิธีรับตัวเจ้าสาวแบบจีน

การรับตัวเจ้าสาวตามประเพณีจีนค่อนข้างจะมีพิธีรีตองเยอะกว่าของไทย โดยเจ้าสาวจะต้องเตรียมตัวตั้งแต่คืนก่อนวันงานด้วยการอาบน้ำผสมทับทิม ใบเชียงเช่า และดอกไม้มงคลเพื่อชำระสิ่งชั่วร้ายให้หายไป

ในเช้าวันงาน เจ้าสาวจะต้องแต่งกายสวยงาม (อันนี้รู้ๆ กันอยู่เนอะ) ประดับผมด้วยปิ่นยู่อี่ที่ฝั่งเจ้าบ่าวส่งมาให้ และแซมผมด้วยใบทับทิมเพื่อให้เจ้าสาวเป็นที่รักและเอ็นดูของญาติผู้ใหญ่ อีกทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงความบริสุทธิ์ บางครอบครัวอาจให้เจ้าสาวถือพัดสีแดงด้วยก็ได้

เสร็จจากการแต่งกายแล้ว เจ้าสาวจะต้องลงมาทานอาหารที่มีส่วนประกอบของอาหารมงคล 10 อย่างกับคนในครอบครัว โดยให้พ่อแม่ของเจ้าสาวช่วยกันป้อนอาหารมงคลพร้อมกล่าวความหมายมงคลของอาหารแต่ละอย่าง ซึ่งเปรียบเสมือนการอวยพรให้กับเจ้าสาวไปในตัว โดยอาหารมงคลทั้ง 10 อย่างได้แก่ วุ้นเส้น เส้นหมี่ หรือบะหมี่, เห็ดหอม, ผักกุ่ยช่าย, ผักเกาฮะไฉ่, หัวใจหมู, ไส้หมู-กระเพาะหมู, ตับ, ปลา, ปู และไก่

roamingcuriosity
ภาพจาก : roamingcuriosity.com

ข้ามกลับมาทางฝั่งเจ้าบ่าวกันบ้าง รถที่เตรียมไปรับเจ้าสาวนั้นต้องผูกโบว์สีชมพูหน้ารถ ญาติที่จะร่วมขบวนไปด้วยต้องมีแต่ผู้ชาย (พ่อแม่เจ้าบ่าวให้รออยู่ที่บ้าน) พร้อมทั้งช่อดอกไม้ให้เจ้าบ่าวเตรียมไว้สำหรับมอบให้เจ้าสาว และเมื่อถึงบ้านเจ้าสาวแล้ว ฝ่ายเจ้าบ่าวจะต้องให้ “เล่าตั๊ว” (พี่เลี้ยงหรือเถ้าแก่) คอยแจกอั่งเปาให้กับญาติเจ้าสาวที่ยืนกั้นประตู

W-0023-1
ภาพจาก : Artyphoto

เมื่อเจ้าบ่าวผ่านด่านประตูมาเรียบร้อย ก็ถึงเวลาที่จะได้เจอหน้าเจ้าสาวแล้ว โดยให้นำช่อดอกไม้ที่เตรียมมาไปรับตัวเจ้าสาวที่นั่งถือพัดแดงรออยู่ แล้วพากันออกมาไหว้ฟ้าดิน เทพเจ้าเตาไฟ บรรพบุรุษ พร้อมกับยกน้ำชาให้กับญาติผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าสาว หลังจากนั้นบ่าวสาวจะต้องทานขนมอี๊สีชมพูเพื่อความกลมเกลียวในชีวิตคู่ แล้วจึงจุดเทียนแดงและเตรียมตั้งขบวนเดินทางไปบ้านเจ้าบ่าว

MO2-0054
ภาพจาก : Sitphotography

การพาเจ้าสาวขึ้นรถที่เจ้าบ่าวเตรียมมารับนั้น ตามประเพณีจีนฝ่ายเจ้าบ่าวจะเชิญเจ้าสัวฐานะดี 4 คน โดยให้เจ้าสัวคนที่หนึ่งเป็นผู้จูงมือเจ้าสาวไปขึ้นรถ คนที่สองเป็นผู้เปิดประตูรถ คนที่สามเอ่ยคำอวยพรเพื่อความมงคล คนที่สี่ใช้กิ่งทับทิมพรมน้ำมนต์ที่รถแต่งงาน

ในขบวนรถแต่งงานจะต้องมีของติดตัวเจ้าสาวไปเพื่อไปอยู่ที่บ้านเจ้าบ่าวด้วย เช่น เสื้อผ้าและของใช้ สิ่งสำคัญก็คือ กระเป๋าสีแดง หรือ เซฟแดง บรรจุทรัพย์สิน เงินทอง และของมีค่าที่พ่อแม่เจ้าสาวให้ไว้เพื่อเริ่มต้นชีวิตคู่ พร้อมทั้งกาน้ำชา ชุดยกน้ำชา และเชิงเทียนสีแดง นอกจากนี้จะต้องมีญาติฝ่ายเจ้าสาวที่เป็นผู้ชายถือตะเกียงนำหน้ารถขบวนไปด้วย (ถ้ารถคันเดียวกันให้นั่งหน้าข้างคนขับ) เพื่อเป็นเคล็ดให้ทั้งคู่มีลูกชายสืบสกุล จากนั้นจึงเคลื่อนขบวนไปสู่บ้านเจ้าบ่าว

อ่าน พิธีรับตัวเจ้าสาวแบบไทย ที่หน้าถัดไป >>> 

ฟันธง!! ชุดแต่งงานตามราศี ที่ทั้งดีและโดนใจบ่งบอกสไตล์ในชุดเดียวกัน

จะเลือกชุดแต่งงานทั้งทีบางครั้งก็ยากเย็นเข็ญใจเสียเหลือเกิน ก็แหม มีแบบให้เลือกเป็นร้อยๆ ชุดแล้วใครจะไปเลือกไหวจริงไหมล่ะคะ แต่ว่าที่เจ้าสาวรู้หรือไม่ว่า สุดท้ายแล้วตัวตนของคุณเองนั่นแหละที่จะนำพาคุณไปให้เจอกับชุดแต่งงานที่ควรค่าแก่การใส่ในวันแต่งงาน ถ้าไม่เชื่อลองไปเช็กกับ ชุดแต่งงานตามราศี ที่เรานำมาฝาก ว่าจะตรงกับที่ใจของเจ้าสาวคิดไว้หรือไม่ ถ้าตรงและใช่จะรออะไรรีบไปคว้ามาไว้บนตัวได้เลย

ชุดแต่งงานตามราศี

ราศีกุมภ์

ดวงดาวประจำราศีนี้ได้แก่ ดาวยูเรนัส ดวงดาวที่หมุนแปลกและแหวกแนวกว่าดาวดวงอื่นๆ ในระบบสุริยะ (หมุนในแนวตะแคงข้าง) ส่งผลให้ว่าที่เจ้าสาวราศีนี้มีลักษณะที่ต่างจากสาวราศีอื่นๆ อยู่มาก และออกจะเป็นคนที่มีความดื้อรั้นและพร้อมรับความเสี่ยงอยู่ทุกเมื่อ เธอจะไม่กลัวว่าชุดเจ้าสาวที่เธอเลือกใส่จะแปลกประหลาดในสายตาใครหรือไม่ เรียกได้ว่าเป็นสาวมั่นที่พร้อมจะพูดคำว่า I don’t care! เพราะฉะนั้น ชุดแต่งงานตามราศี ที่เธอเลือกจึงมักจะยูนีคไม่เหมือนใคร พร้อมกับต้องมีประกายออร่าแบบวิ้งวับ และคุณสมบัติพิเศษของสาวราศีนี้คือ เธอสามารถนำเอาความแตกต่างทั้งในด้านรูปทรง วัฒนธรรม สไตล์ และความไม่สมดุลต่างๆ ให้มารวมอยู่ในชุดๆ เดียวได้แถมสวยด้วย เรียกว่าแตกต่างอย่างลงตัวอย่างแท้ทรู อย่างเช่น ชุดแต่งงานสไตล์วินเทจหรือชุดมินิเดรส ที่สามารถตอบโจทย์ชุดแต่งงานของสาวราศีนี้ได้ดีที่สุด

ราศีมีน

สาวราศีนี้เราต้องบอกเลยว่าเธอทั้ง สวย ใจดี มหัศจรรย์ และโรแมนติก ทั้งสี่อย่างนี้อยู่ในบุคลิกของสาวราศีมีนหมดเลย แถมเธอยังเป็นสาวเก่งที่มีจินตนการและพลังแห่งการสร้างสรรค์ที่สูงมาก และบ่อยครั้งที่มักจะเป็นสาวช่างฝัน จินตนาการตัวเองอยู่ในโลกแห่งความสวยงามอันมหัศจรรย์อีกด้วย นี่แหละนะ เจ้าสาวสายโรแมนติกตัวจริง เพราะฉะนั้นชุดแต่งงานที่เหมาะกับเจ้าสาวราศีนี้เห็นทีจะหนีไม่พ้นชุดที่มีรายละเอียดของความสวยงาม อย่างเช่น ชุดเจ้าสาวที่ดูเรียบหรูพอประมาณ เนื้อผ้าบางเบา จับเดรปซ้อนชั้นกันแบบหลวมๆ ให้พอพลิ้วไหว ใส่สบายและเดินเหินคล่องตัว อาจเพิ่มความโรแมนติกด้วยการประดับประดาด้วยลายดอกไม้สุดหวาน หรือชุดแต่งงานสไตล์เปิดไหล่ที่ให้ลุคดูหวานชวนฝัน เป็นต้น

ราศีเมษ

สาวๆ ราศีเมษทั้งหลายมักจะเป็นคนที่ชอบอะไรเรียบๆ ง่ายๆ คุณเป็นเจ้าสาวสุดกล้าหาญและมั่นใจในตัวเองสุดๆ และคุณมักจะต้องการเป็นคนแรกในทุกสิ่งเสมอ ไม่เว้นแม้กระทั่งการหาชุดแต่งงานที่สมบูรณ์แบบ แถมคุณยังเป็นเจ้าสาวที่ต้องการความโก้หรูหน่อยๆ ให้กับลุคของชุดแต่งงาน ดังนั้นชุดที่เหมาะกับเจ้าสาวในราศีนี้ก็คือ ชุดแต่งงานที่เน้นความเรียบง่ายแต่สะดุดตา อย่างเช่น ชุดแต่งงานทรงตรงที่เน้นทรวดทรงและรูปร่างของเจ้าสาว พร้อมดีเทลของการประดับลูกไม้อีกนิดหน่อยเท่านี้ก็สวยเพอร์เฟกต์สำหรับสาวราศีเมษแล้ว

ราศีพฤษภ

คุณเป็นเจ้าสาวที่อยู่กับความจริง เป็นนักอนุรักษ์นิยม และเป็นคนมีความรับผิดชอบ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่ต้องการความหรูหราหรือความแฟนตาซี ดังนั้นคุณจึงมักจะมองหาชุดแต่งงานที่หรูหราในสไตล์ที่เป็นอมตะอย่างชุดแต่งงานทรงบอลกาวน์ และจุดเด่นของสาวๆ ราศีพฤษภคือ เป็นคนที่มีช่วงไหล่สวย เพราะฉะนั้นแนะนำให้เลือกชุดที่โชว์ไหล่ได้เต็มที่ เช่น ชุดเกาะอก เกาะไหล่ แต่ถ้ากลัวมันจะเกาะไม่อยู่ก็สามารถเลือกชุดสายเดี่ยวเส้นเล็กๆ แบบสายสปาเก็ตตี้ก็ได้นะ

ราศีเมถุน

ว่าที่เจ้าสาวราศีเมถุนเป็นคนที่มีความชิคความเท่อยู่ในตัวไม่น้อย อีกทั้งยังเป็นสาวรักสนุก ชอบใส่ชุดที่พลิ้วไหว บางเบา ใส่สบาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งชุดเจ้าสาวที่จับผ้าซ้อนชั้นลดหลั่นกันลงมายิ่งถูกใจ อาจแต่งแต้มด้วยลวดลายเก๋ๆ และพู่ระบายเริดๆ ลงบนชุดเจ้าสาว จนบางคนอาจมองว่าเยอะเกินไปรึเปล่าเธอ! แต่เชื่อมือสาวอินดี้ราศีนี้เถอะค่ะว่า เธอได้คัดสรรและแมทช์กันอย่างลงตัวไว้แล้วเรียบร้อย ไม่ต้องแปลกใจถ้าหากว่าชุดเจ้าสาวของเธอจะมีดีเทลโดดเด่นล่อหูล่อตา เพราะว่ามันเป็นสไตล์ของสาวราศีเมถุนที่ไม่ชื่นชอบชุดที่ดูเรียบกลืนกันไปทั้งตัวเพราะมันดูธรรมดาเกินไป! ฉะนั้นชุดแต่งงานที่เหมาะกับเจ้าสาวราศีนี้ก็อาจจะเป็น ชุดแต่งงานที่ต่างไปจากชุดแต่งงานแบบเดิมๆ ที่หลายคนอาจจะคาดไม่ถึง อย่างชุดแต่งงานสไตล์จัมพ์สูท ที่ให้ทั้งลุคสวยหวานและสนุกสนานในชุดเดียวกัน

ราศีกรกฎ

เจ้าสาวราศีนี้เป็นคนที่รักความสะดวกสบายและความปลอดภัยค่อนข้างสูง  แต่ในใจลึกๆ ก็พร้อมที่จะออกไปผจญภัยอันน่าตื่นเต้น และในขณะเดียวกันเธอก็มีความลึกลับน่าค้นหาซ่อนอยู่ในตัวเองอีกด้วย แถมเธอยังชอบที่จะให้คนอื่นชมเชย (พอๆ กับที่ชอบให้คนมากดไลค์ในอินสตาแกรม) เพราะฉะนั้นชุดที่เหมาะกับเจ้าสาวราศีนี้ต้องเป็นชุดที่สะท้อนถึงตัวตนของเจ้าสาวได้ดีที่สุด อย่างเช่น ชุดแต่งงานที่เน้นเค้าโครงของชุดที่น่าค้นหาในสไตล์สุดโรแมนติกอย่างการประดับดอกไม้แบบ 3D ทั่วทั้งชุด ที่ลุคโดยรวมดูแล้วโรแมนติกน่าค้นหาพร้อมมีกลิ่นอายความเซ็กซี่นิดๆ ปนอยู่ รับรองว่าใส่ชุดสไตล์นี้เจ้าสาวราศีนี้จะได้รับคำชื่นชมสมกับที่เธอหวังแน่นอน

5 สูตร มาส์คหน้า สำหรับ 5 ปัญหาผิวเจ้าสาว ฉบับทำเองได้ที่บ้าน!

ใครว่าของดีต้องซื้อแพง? เรามาบอก 5 สูตร มาส์คหน้า ที่ทำเองได้ด้วยของกินในครัวนี่แหละ ประหยัดแถมไม่แพ้ชัวร์เพราะวัตถุดิบจากธรรมชาติล้วนๆ แถมเป็น 5 สูตร สำหรับ 5 ปัญหาผิวที่ต่างกันที่เหล่าว่าที่เจ้าสาวต้องพบเจอไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง มาดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง

 

มาส์คหน้าทำเอง1. กากกาแฟ + โยเกิร์ต = ลดเลือนริ้วรอยและเซลลูไลท์

รู้ไหมคะว่าคาเฟอีนในกาแฟสามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยเล็กๆได้ เพราะช่วยให้หลอดเลือดหดตัวและยังช่วยให้ผิวหนังกระชับขึ้น เหล่าสกินแคร์มากมายที่ช่วยลดเลือนริ้วรอยและกระชับผิวจึงมีสารคาเฟอีนใส่ลงไปด้วย

บ้านใครมีเครื่องชงกาแฟแบบเอสเพรสโซ (หรือถ้าไม่มี ขอกากกาแฟจากร้านกาแฟใกล้บ้านก็ได้) เก็บกากกาแฟใช้ผสมกับโยเกิร์ตรสธรรมชาติพอเหนียวๆ มาส์กทิ้งไว้บนผิวหน้าหรือผิวกายประมาณ 15 นาที แล้วสครับวนๆให้ทั่ว จึงค่อยล้างออก ทำประมาณสัปดาห์ละครั้ง ช่วยให้ผิวคุณรู้สึกกระชับเรียบเนียนขึ้นได้ค่ะ

มาส์คหน้าทำเอง2. กล้วยบด + โยเกิร์ต + น้ำผึ้ง = รักษาสิว

ในน้ำผึ้งมีสารต้านแบคทีเรีย รู้ไหมคะว่าคนสมัยก่อนใช้น้ำผึ้งทาแผลเพื่อป้องกันแผลติดเชื้อ ส่วนกล้วยและโยเกิร์ตเปี่ยมด้วยแร่ธาตุและจุลินทรีย์ที่ช่วยปรับสมดุลผิว ไม่ให้ผิวรู้สึกแห้งกร้าน ใช้หลังส้อมบดกล้วยหอม 1 ผลให้ละเอียด ผสมกับโยเกิร์ต 1/2 ถ้วย และน้ำผึ้งประมาณ 1  ช้อนชา ผสมให้เข้ากัน มาส์กหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออก ทำประมาณสัปดาห์ละ 2-3 ครั้งค่ะ

เมนูอาหารมงคล สำหรับถวายพระและเลี้ยงแขกในงานแต่ง

ในงานแต่งงานตามประเพณีไทยคงจะข้ามช่วงสำคัญอย่างการใส่บาตรหรือจัดอาหารเพื่อเลี้ยงแขกไม่ได้เด็ดขาด ซึ่งอาหารที่นำมาใส่บาตรก็ต้องเป็น เมนูอาหารมงคล เท่านั้น แต่เรื่องนี้ก็กลายเป็นปัญหาหนักอกให้กับว่าที่บ่าวสาวหลายคู่ เพราะไม่รู้ว่าอาหารเมนูใดที่จะเหมาะแก่การนำมาอยู่ในงานแต่ง

อาหารมงคล เหมาะนำมาใส่บาตรอย่างยิ่ง

มงคล1

สำหรับคนที่ยังคิดไม่ออกว่าจะนำอาหารอะไรมาใส่บาตร ลองไปดู 6 เมนูตัวอย่าง ที่เรานำมาฝากเพื่อความเป็นสิริมงคลกันนะคะ

  • ขนมจีนน้ำยา อาหารเก่าแก่ที่นิยมนำมาตักบาตรในงานแต่ง เพราะมีความเชื่อว่าจะทำให้ความรักของบ่าว-สาว ยืนยาวเหมือนกับเส้นขนมจีน
  • ถั่วงอก กินขนมจีนทั้งทีต้องมีเครื่องเคียงอย่างถั่วงอกสิจ๊ะถึงจะอร่อย ที่สำคัญถั่วงอกยังมีความหมายว่า จะทำให้บ่าว-สาวทั้งคู่เจริญงอกงาม เหมือนกับถั่วงอกเลยคะ หรือคุณอาจนำถั่วงอกมาผัดเป็นเมนูใหม่ก็ไม่ว่ากันคะ
  • ห่อหมก ถึงจะดูเป็นอาหารบ้านๆ แต่บอกเลยว่าเป็นอาหารเชื่อมรักนะจ๊ะ เพราะห่อหมกจะทำให้บ่าว-สาว เออออห่อหมกกันไปทุกเรื่อง ไม่มีปัญหาขัดแย้งใดๆ เกิดขึ้น
  • ลาบ แซ่บหลายกันกับอาหารอีสาน ที่มีรสชาติแซ่บซี๊ดถึงใจ เมื่อออกเสียงจะคล้ายกับคำว่า ลาภ ที่แปลว่าโชคลาภ หรือเงินทอง เป็นอาหารมงคลอีกชนิดหนึ่งที่คนไทยนิยม
  • ขนมจีบ พูดถึงขนมจีบ ก็อย่าลืมนึกถึงตอนที่จีบกันใหม่ๆ นะจ๊ะ เพราะขนมจีบเป็นอาหารมงคลที่ชอบนำมาใส่บาตร เพื่อให้นึกถึงวันวานในช่วงที่จีบกันใหม่ๆ ยิ่งเฉพาะคู่รักที่แต่งงานมาหลายปีแล้วถ้ารับประทานขนมจีบถือว่าเป็นการแก้เคล็ดได้เลยนะคะ
  • ต้มจืด ได้ยินชื่อดูเหมือนว่าจะจืดชืด แต่ป่าวเลย เพราะคนสมัยก่อนถือว่า การกินต้มจืดร้อนๆ จะทำให้ชีวิตราบรื่น ไม่มีอุปสรรคมาขัดขวางนะจ๊ะ เอ๊ะ ! สงสัยเป็นเพราะซดต้มจืดแล้วคล่องคอหรือเปล่าเลยสื่อถึงความไหลลื่นอย่างว่า

ขนมหวานสุดมงคลต้องมี 9 อย่าง

13664768_753357994807328_1267732197_n

อาหารคาวผ่านไป ต่อกันที่ขนมหวานมงคล ที่บ่าวสาวไม่ควรพลาดนำมาใส่บาตรนะคะ

  • ทองหยิบ จะหยิบจะจับอะไรก็เป็นมงคล เป็นเรื่องที่ดี แม้แต่จะหยิบการหยิบงานก็ร่ำรวย มั่งคั่ง มีเงินมีทองตลอดไม่ขาดสายกันเลยจ้า
  • ทองหยอด มีความหมายลึกซึ้งคือ ร่ำรวย มีเงินมีทอง แบบที่ว่าใช้จ่ายไม่มีวันหมดสิ้นกันเลย
  • ฝอยทอง ขนมหวานเส้นยาว ที่จะทำให้บ่าว-สาวครองรักและใช้ชีวิตคู่ด้วยกันไปอย่างยืนยาวเหมือนเส้นขนมฝอยทองไงจ๊ะ
  • เม็ดขนุน หมายถึง การมีคนคอยช่วยสนับสนุน ค้ำจุน เวลามีเรื่องลำบาก
  • ขนมเสน่ห์จันทร์ แค่ชื่อก็มีเสน่ห์แล้ว ความก็ตามชื่อเลยค่ะ ช่วยให้มีเสน่ห์ ใครเห็นก็รักก็หลงแน่นอน (โดยเฉพาะสามีอันเป็นที่รัก)
  • ขนมทองเอก เป็นทองเอกแล้ว ก็ต้องเป็นเมียเอกด้วยนะจ๊ะ เพราะขนมนี้หมายถึง การเป็นที่หนึ่ง หรือเป็นที่สุดนั่นเองจ้า (ห้ามลืมเด็ดขาด)
  • ขนมจ่ามงกุฎ จากชื่อที่ดูยิ่งใหญ่มาก ความหมายก็เช่นกัน คือการมีเกียรติยศสูงส่ง มีความเจริญก้าวหน้ายิ่งๆ ขึ้นไป
  • ขนมถ้วยฟู ให้ความหมายถึง ชีวิตในอนาคตที่จะเจริญรุ่ง เฟื่องฟู เหมือนกับขนมที่ชื่อว่าถ้วยฟูยังไงละจ๊ะ
  • ขนมชั้น หมายถึงการ เลื่อนชั้น เลื่อนหน้าที่การงาน บรรดายศศักดิ์ ให้สูงยิ่งๆ ขึ้นไป

อาหารพวกนี้ห้ามมีเด็ดขาด!

เมนูอาหารมงคล

ปิดท้ายกันที่อาหารไม่เป็นเป็นมงคล ไม่ควรนำมาใส่บาตรอย่างยิ่ง ท่องจำและสกัดคัดออกจากลิสต์เมนูด่วนๆ

  • หมี่กรอบ ด้วยความเป็นชิ้นที่แตกๆ หักๆ โบราณเลยถือว่าจะทำให้ความรักไม่ยั่งยืน มีอันแตกหักก็เป็นได้
  • ต้มยำต่างๆ บ่าวสาวที่ชอบอาหารรสแซ่บซี๊ดคงต้องเว้นไว้วันหนึ่งนะจ๊ะ เพราะมีความเชื่อว่าจะทำให้ชีวิตคู่เผ็ดร้อน มีปากมีเสียงจนทำให้ทะเลาะกันได้
  • ตีนไก่ แค่ชื่อก็ดูไม่เป็นมงคลแล้ว ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะมีให้งานแต่ง เพราะจะทำให้บ่าวสาวทะเลาะกันรุนแรงถึงขั้นเลือดตกยางออกได้
  • หอยขม แค่ชื่อยังขม ก็จะพาให้ความรักขมขื่นไม่รื่นรมย์ด้วยนะจ๊ะ
  • ข้าวต้ม เพราะที่เห็นๆ กันคือในงานศพเท่านั้นนะจ๊ะ นอกจากนี้ยังมีอาหารจำพวก ปลาร้า ปลาแจ่ว เพราะเชื่อความเป็นอาหารที่มีกลิ่นเหม็น อาจทำให้บ่าวสาวเบื่อขี้หน้ากันได้นะจ๊ะ

แต่อย่างไรแล้ว ยุคสมัยก็เปลี่ยนไปตามวันเวลา บางคนอาจเลือกอาหารที่ตนเองชอบมาใส่บาตร แต่อย่าลืมว่าอาหารนั่นก็ควรเป็นมงคล ให้สมกับเป็นการทำบุญครั้งใหญ่ในวันแต่งงานนะจ๊ะ

อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับพิธีแต่งงานไทยเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย!

ขอขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก Jirayu The Wedding Planner

ภาพ : www.healthandcuisine.com

ภาพเปิด : Doglookplane

เช็คลิสต์ 5 ข้อก่อนเลือกเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่ใช่เพื่อวันสำคัญของคุณ!

เพราะเรื่องที่ว่าจริงๆ แล้วใครเหมาะจะเป็น เพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาว และเพื่อนเจ้าบ่าวนั้นดูจะเป็นเรื่องตัดสินใจยาก หลายคู่ที่ไม่รู้จึงอาจเริ่มคิดเรื่องนี้ช้าไป ทำให้มีเวลาและหลักในการตัดสินใจเพียงน้อยนิด ก่อนจะมารู้ทีหลังว่าญาติคนสนิทหรือเพื่อนสุดที่รักดันกลายเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวยอดแย่ ดังนั้นก่อนตัดสินใจเลือกจึงควรมีคำถามที่ถามตัวเองให้แน่ใจเสียก่อน วันนี้ แพรว wedding จึงรวบรวม 5 คำถามที่ว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวควรถามตัวเองก่อนตัดสินใจเลือกใครก็แล้วแต่มาทำหน้าที่เพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาว ลองไปเช็คกันดู เพื่อที่คุณจะได้คนที่ใช่ที่สุดสำหรับวันที่สำคัญที่สุดนะคะ 😉

1. ขนาดของงานแต่งงาน

ถ้าวางแผนที่จะจัดงานแต่งงานแบบเล็กและดูใกล้ชิด ควรจะมีเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวประมาณ 2-3 คน แต่ก่อนที่จะเริ่มถามเพื่อนหรือสมาชิกในครอบครัวสำหรับการเป็นส่วนหนึ่งของวันอันแสนพิเศษ ลองนั่งลงคุยกันระหว่างเจ้าสาวกับเจ้าบ่าวถึงสิ่งที่ต้องการให้ปรากฏในวันแต่งงานให้แน่ชัดเสียก่อน

2. พวกเขาสนับสนุนความสัมพันธ์ของคุณไหม

เพื่อนของทั้งฝ่ายเจ้าบ่าวเจ้าสาวดีกับคู่รักอีกฝ่ายหรือเพื่อนของอีกฝ่ายหรือไม่ พวกเขาสนับสนุนความรักของคู่บ่าวสาวมากน้อยแค่ไหน ถ้าหากไม่ เพื่อนคนนั้นอาจไม่เหมาะกับการเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวสำหรับงานแต่งงานที่จะเกิดขึ้น

เพื่อนเจ้าสาว

3. พวกเขาสามารถช่วยคุณเตรียมงานได้หรือไม่

ถ้าหากมีเพื่อนผู้ที่ไม่เคยช่วยเหลือในเรื่องใดที่แสดงถึงน้ำใจเลย มันเป็นไปได้ที่เพื่อนคนนั้นจะไม่ให้ความสนใจในการช่วยเหลือเจ้าบ่าวเจ้าสาวในการจัดการรายละเอียดต่างๆ ของงานแต่งงาน ทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาวต้องการใครสักคนที่จะสามารถช่วยคลายความเครียดของสำหรับการเตรียมงานแต่งงาน ไม่ใช่แค่โผล่มาร่วมงามด้วยชุดที่สวยงามและพร้อมสำหรับงานเลี้ยงเท่านั้นนะคะ

4. คนเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งในอนาคตของคุณหรือไม่

คิดถึงชีวิตที่จะมีเพื่อนคนนั้นคนนี้ในชีวิตอีก 5 ปี หรือ 20 ปีข้างหน้า คิดถึงเพื่อนที่คบกันมายาวนานอย่างสนิทสนมก่อนที่จะมาเจอคนที่ใช่ คิดถึงเพื่อนที่เจอเมื่อเรียนอยู่ต่างประเทศและตอนนี้ยังอยู่ห่างไกลกันแต่ยังติดต่อกันอย่างสม่ำเสมอ คิดถึงว่าพวกเพื่อนเหล่านี้ยังอยู่ใกล้ชิดกันอีกไหมหลังจากมีลูก ถ้าไม่แน่ใจถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นควรเชิญเพื่อนเหล่านี้มาในงานแต่งงานแบบแขกมากกว่าเป็นส่วนหนึ่งของเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาว

5. อย่าขอให้เป็นแค่เพราะไม่อยากทำลายความรู้สึก

เพราะเพื่อนย่อมไม่อยากทำร้ายจิตใจเพื่อนด้วยกันเอง แต่การเชิญใครสักคนมาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวเพราะห่วงความรู้สึกอาจเป็นความคิดที่ผิด เพราะมันอาจกลายเป็นตัวทำร้ายเจ้าบ่าวเจ้าสาวเองในอนาคต ถ้าหากเพื่อนคนนั้นไม่คิดจะช่วยเหลืออะไรเลยหรือกลายเป็นตัวสร้างภาระให้ในอนาคตนะคะ

ดูไอเดียงานแต่งงานและคำแนะนำดีๆ ได้อีกเพียบที่นี่ คลิกเลย!

cr : brides.com, shefinds.com, weddingpartyapp.com

ผิวจ๋าขนลาก่อน… กำจัดขน ยังไงให้ผิวไม่พัง!!

เคยเป็นไหม กำจัดขน เองทีไรผิวเกิดการระคายเคืองทุกที ไม่เป็นแผลก็รอยแดงบ้างล่ะ เลยต้องใส่แขนยาวขายาวเพื่อปกปิด แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นใกล้กับวันแต่งงานล่ะจะทำยังไง!! เพราะฉะนั้นมาหาทางป้องกันก่อนดีกว่า กับวิธีการกำจัดขนที่ไร้ซึ่งการบาดเจ็บ ระคายเคือง รอยแดง หรืออาการคัน และนี่คือวิธีที่จะจัดการปัญหาที่คุณกำลังกังวล

1. เปิดผิวด้วยน้ำร้อนหรือน้ำอุ่น

การเตรียมผิวก่อนกำจัดขนด้วยน้ำร้อนหรือน้ำอุ่นเป็นอีกหนึ่งวิธีที่มีประสิทธิภาพและอ่อนโยนต่อผิวกับเส้นขน และยังเป็นการเปิดรูขุมขนให้สิ่งสกปรกที่อุดตันหลุดออกมาได้โดยง่าย โดยใช้ผ้าชุบน้ำร้อนหรือน้ำอุ่นให้พอหมาดแล้ววางไว้บริเวณที่ต้องการกำจัดขนประมาณ 30 วินาที และอย่าลืมเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนกับผิวเพื่อลดการระคายเคือง

2. ขจัดขนคุดด้วยการขัดผิว

นอกจากจะเป็นการกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว การขัดผิวยังช่วยป้องกันไม่ให้เกิดขนคุดหลังการโกนอีกด้วย โดยสามารถขัดผิวได้ง่ายๆ ขณะอาบน้ำ โดยใช้ตัวช่วยอย่างผลิตภัณฑ์ขัดผิว ร่วมด้วยใยบวมหรือแปรงสำหรับขัดผิว และหากเป็นการขัดผิวใต้วงแขนหรือหน้าขาแนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์แบบ Sugar Scrub แต่ถ้าเป็นบริเวณแขนและขาให้ใช้ Sugar Scrub ร่วมกับเครื่องมืออย่างใยบวบหรือแปรงสำหรับขัดผิว

กำจัดขน

3. ลดแรงเสียดทานจากการโกนขน

เมื่อเคลื่อนมีดโกนลงไปบนผิวหนัง สิ่งสำคัญที่ต้องระวังคือการลดแรงเสียดทาน เพราะฉะนั้นจึงต้องใช้ควบคู่ไปกับผลิตภัณฑ์กำจัดขนที่เป็นโฟมหรือครีม แต่ถ้าหากคุณเลือกการกำจัดขนด้วยการแว็กซ์, สครับ หรือใช้เครื่องมือไฟฟ้าแนะนำให้ทาแป้งข้าวโพดลงบนผิวก่อนการทำเพื่อลดการระคายเคือง

4. ทำอย่างถูกวิธีไม่เจ็บตัว และลดการระคายเคือง

หากคุณใช้ใบมีดโกนเพื่อการกำจัดขน ต้องแน่ใจก่อนว่าใบมีดนั้นคมพอและสะอาด เพื่อป้องกันการเกิดบาดแผลและลดการติดเชื้อจากอุปกรณ์ที่สกปรก จากนั้นให้กำจัดขนไปในทิศทางเดียวกับเส้นขน อย่าโกนย้อนขนนะจ๊ะสาวๆ และต้องเติมความชุ่มชื้นเสมอหลังการกำจัดขนเสร็จเพื่อช่วยลดอาการระคายเคือง

5. จะทำอย่างไรหากเกิดตุ่มหลังการกำจัดขน!!

อาจเกิดจากการที่รูขุมขนของคุณติดเชื้อ หรือผิวของคุณมีความชุ่มชื้นไม่เพียงพอ ให้ใช้สำลีจุ่มลงผลิตภัณฑ์ที่มีสารสกัดจากต้นวิทซ์ฮาเซล (มีสารแทนนินทำให้เซลล์ผิวผลัดตัวได้ดีขึ้น) แล้วทาลงบนผิวที่เกิดการระคายเคือง หลังจากแห้งดี ให้ดรอปน้ำมันอาร์แกนบริสุทธิ์ลงไปบนผิวอีกครั้ง เพราะน้ำมันอาร์แกนนั้นอุดมไปด้วยกรดโอเลอิกและเป็นมอยส์เจอไรเซอร์อย่างดีให้กับผิว และยังมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้ออีกด้วย

ดูไอเดียเกี่ยวกับความงามและเรื่องสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ : bowood.org, huffingtonpost.com, singaporesoap.com

หล่อยกแก๊ง!! กับ 4 เทคนิคอัพเกรดชุดสูทเจ้าบ่าวและแก๊งเพื่อน

งานนี้เราจะไม่ปล่อยให้สาวๆ เขาสวยกันอยู่แก๊งเดียวหรอกจริงไหมคะ เพราะวันแต่งงานก็เป็นวันสำคัญที่หนุ่มๆ โดยเฉพาะเจ้าบ่าวเขาก็อยากจะเก็บโมเม้นต์สำคัญเอาไว้ไม่แพ้สาวๆ เหมือนกัน โดยเฉพาะการเก็บช่วงเวลาสำคัญเอาไว้ในภาพถ่าย เพราะฉะนั้น สูทเจ้าบ่าว ตัวเก่งเลยต้องดูดีกันหน่อย แต่วันนี้แพรว wedding ไม่ได้แค่อยากให้เจ้าบ่าวดูดีคนเดียวนะคะ เพราะเรามีทริคเล็กๆ น้อยๆ ให้เพื่อนเจ้าบ่าวดูดีเช่นกัน มีอะไรบ้างไปดูกันเลย

 

เนื้อผ้ากับสถานที่ต้องเข้ากัน

สูทเจ้าบ่าว

เรื่องเวลาการจัดงาน สถานที่ และบรรยากาศของงานแต่งงานนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่หนุ่มๆ ต้องให้ความสำคัญในการนำไปเลือกสูทเช่นกันนะคะ เพราะฉะนั้นหนุ่มๆ ต้องใส่ใจคัดสรรเครื่องแต่งกายให้เข้ากับลุคทั้งหมดของงานแต่งงานด้วย เช่น หากงานแต่งงานเป็นทางการมากๆ แน่นอนว่าหนุ่มๆ ต้องไม่พลาดการใส่สูท แต่ถ้าหากเป็นงานเอ้าท์ดอร์ขึ้นมาเมื่อไหร่ หนุ่มๆ อาจจะต้องใส่ใจเรื่องเนื้อผ้าและสีสันเพิ่มกันอีกสักนิด ซึ่งเคล็ดลับในการสวมสูทในบรรยากาศงานแต่งงานแบบเอ้าท์ดอร์ก็คือ การเลือกสีสันให้สดใส เน้นเฉดสีอ่อนๆ นุ่มละมุนเข้าไว้ รับรองว่าหล่อเท่แบบโอปป้าทั้งแก๊งแน่นอน

เลือกให้เข้ากับสไตล์ตัวเอง

สิ่งที่จะทำให้แก๊งหนุ่มๆ ของคุณดูดีและมีความสุขก็คือ ความสะดวกสบายในเสื้อผ้าและชุดนั้นจะต้องตอบโจทย์สไตล์ของหนุ่มๆ แต่ละคนด้วย เพราะความชอบแต่ละคนไม่เหมือนกัน และความมั่นใจก็ยังแตกต่างกันออกไป ฉะนั้นการเลือกลุคในแบบหลากหลายเนื้อผ้าและต่างเฉดสี อาจจะตอบโจทย์ตรงนี้ได้ดีกับแก๊งเพื่อนเจ้าบ่าวบางกลุ่ม แต่ถ้าหนุ่มๆ เลือกแล้วว่าเราแก๊งเราไม่จำเป็นต้องเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว การตกลงกันให้ดีก่อนเป็นเรื่องสำคัญ โดยต้องพยายามหาตรงกลางของสไตล์ที่สามารถเข้ากับทุกคนในกลุ่มได้เป็นอย่างดี และไหนๆ ก็จะลงทุนตัดชุดใหม่ทั้งทีก็อาจจะออกแบบสูทตัวเก่งของคุณให้สามารถนำกลับมาใส่ได้อีกครั้ง ไม่ว่าจะใส่ในงานแต่งงานของตัวเองสำหรับเพื่อนเจ้าบ่าวที่จะสละโสด หรือสามารถนำไปใส่งานอื่น หรือใส่ไปทำงานได้ด้วย งานนี้ยิงปืนนัดเดียวต้องให้ได้นกหลายๆ ตัวกันหน่อย

แตกต่างได้ แต่ต้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

แน่นอนว่าเจ้าบ่าวคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะใส่สูท แต่ก็ไม่ใช่ว่าแก๊งเพื่อนเจ้าบ่าวจะใส่สูทเหมือนกันไม่ได้นะจ๊ะ โดยอาจจะต้องเลือกรูปแบบหรือสีสันให้แตกต่างจากเจ้าบ่าวสักหน่อย เช่น หากเจ้าบ่าวใส่สูทสีดำ เพื่อนๆ ก็อาจจะหลีกไปใส่สีอื่นอย่างสีเทา, สีน้ำเงิน หรือสีฟ้าอ่อน เป็นต้น นอกจากจะแตกต่างในเรื่องสีแล้ว ก็ยังสามารถต่างกันได้ด้วยแอคเซสซอรี่อีกด้วย เช่น เจ้าบ่าวอาจจะสวมเนคไท หรือโบไทให้ดูโดดเด่นจากแก๊งเพื่อนเจ้าบ่าว เป็นต้น

บอกลารองเท้าหนังสีน้ำตาล!!

รองเท้าสีน้ำตาลอ่อนหรือน้ำตาลสว่าง ถึงแม้จะเป็นรองเท้าหนัง แต่ก็ยังไม่เป็นทางการมากพอที่จะสวมคู่กับสูทสีดำสุดเท่ได้ เพราะฉะนั้นหากเจ้าบ่าวอยากจะดูดีแบบคุมโทนมากที่สุด เราขอแนะนำให้คุณเก็บรองเท้าหนังสีน้ำตาลอ่อนไว้ใส่ในการงานอื่นเถอะค่ะ อย่ามาตกม้าตายเพียงเพราะแค่เลือกเฉดสีรองเท้าผิดเลย แต่!! ไม่ใช่ว่าจะสวมรองเท้าหนังสีน้ำตาลไม่ได้นะคะ สามารถสวมได้ค่ะแต่ต้องเป็นรองเท้าหนังสีน้ำตาลเข้มนะคะถึงจะคูล!!

แถมให้อีกนิดกับ 16 ลุคมิกซ์แอนด์แมตช์สูทเจ้าบ่าวให้โดดเด่นกว่าใครในงาน

CR. pinterest.com, midway-media.com

8 เรื่องนี้บ่าวสาวต้องเช็คก่อนตัดสินใจเลือกแคทเทอริ่งงานแต่ง

หลายคนมักคิดว่าถ้าเป็นเรื่องอาหารก็ต้องเน้นกันที่รสชาติอร่อยถูกปากคนกิน เราก็ไม่เถียงนะคะว่านั่นก็ถูกต้อง แต่คุณก็ควรจะรู้ไว้ด้วยว่า นอกจากอาหารจะต้องอร่อยแล้ว เรื่องอื่นๆ อย่างเช่น ความหลากหลายของเมนูอาหาร การตกแต่ง และการบริการก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะฉะนั้นก่อนจะตัดสินใจเลือก แคทเทอริ่งงานแต่ง และเมนูอาหารต่างๆ ควรจะพิจารณาตามนี้กันซะก่อน

1. ความหลากหลายของเมนูอาหาร

bridebox

จัดงานแต่งหนึ่งครั้งจะให้แขกกินแต่ข้าวผัด ต้มยำ แตงโม สัปปะรด แบบนี้ก็คงผิด! เพราะฉะนั้นไม่ว่าคุณจะเลือกจัดโต๊ะจีน บุฟเฟต์ ค็อกเทล หรือซิทดาวน์ดินเนอร์ ควรจะสอบถามและดูให้ดีๆ ว่าแคทเธอริ่งนั้นๆ มีเมนูอาหารให้เลือกหลากหลายหรือไม่ ถ้าเป็นแพ็กเกจก็ลองคิดคำนวณดูซิว่าแพ็กเกจที่คุณต้องการนั้นพอดีกับงบที่คุณวางไว้หรือเปล่า  ขณะเดียวกันในหนึ่งแพ็กเกจมีอาหารกี่ประเภท มีของหวานอะไรบ้าง มีซุ้มอาหารให้ด้วยหรือไม่ ซุ้มอาหารประเภทไหน และมีกี่ซุ้ม ซึ่งแน่นอนว่าถ้ามีอาหารให้เลือกหลากหลายประเภทก็จะทำให้แขกรู้สึกประทับใจและไม่จำเจกับอาหารแบบเดิมๆ

2. หน้าตาอาหารและการตกแต่ง

topinspired

นอกจากความหลากหลายของเมนูอาหารแล้ว เรื่องรูปลักษณ์หน้าตาอาหารก็เป็นสิ่งสำคัญนะคะ ลองดูว่าหน้าตาอาหารเป็นอย่างไร จัดเรียง ตกแต่ง และสีสันของอาหารน่าทานหรือไม่ เพราะเรื่องเหล่านี้จะเป็นเฟิร์สอิมเพรสชั่นที่แขกจะได้เห็น ถ้าอาหารดูดีก็จะทำให้แขกอยากทาน

3. เช็คเรื่องเครื่องดื่มให้เคลียร์

brit

โดยปกติแล้วเครื่องดื่มสำหรับงานแต่งจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ซอฟท์ดริ้งค์จำพวก น้ำเปล่า น้ำอัดลม ส่วนอีกประเภทคือ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์จำพวก เบียร์ เหล้า ไวน์ ซึ่งคุณจะต้องถามให้ละเอียดว่า ในแพ็กเกจอาหารที่คุณเลือกมานั้น รวมการบริการเครื่องดื่มแบบใดบ้าง บางครั้งแพ็กเกจอาหารอาจจะรวมเครื่องดื่มแบบซอมฟท์ดริ้งค์และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้ว บางครั้งก็มีให้บริการเพียงแค่ซอฟท์ดริ้งค์ ทางเจ้าภาพจะต้องจัดหาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาเอง หรือเพิ่มเงินขึ้นมาอีกเพื่อให้ทางแคทเธอริ่งจัดการให้แบบเสร็จสรรพ ดังนั้นคุณควรจะเช็คเรื่องเครื่องดื่มให้เคลียร์ก่อนตกลงปลงใจจ้างแคทเธอริ่ง

4. ปริมาณของพนักงานบริการ

rhodeshouseoxford

ไม่ว่าจะเป็นการจัดเลี้ยงแบบโต๊ะจีน ซิทดาวน์ดินเนอร์ ค็อกเทล หรือบุฟเฟต์ ทางเจ้าภาพก็คงไม่ได้ปล่อยให้แขกเดินตักเองทุกอย่างเสมอไป รวมถึงการเดินเสิร์ฟเครื่องดื่มและการจัดอาหารประจำซุ้มด้วย เพราะฉะนั้นควรจะสอบถามเรื่องพนักงานบริการให้ชัดเจนว่ามีให้กี่คน และจะต้องให้พอดีกับจำนวนแขกด้วย

5. ความสะอาดของอุปกรณ์ ภาชนะ เครื่องใช้

forbes

จะเลี้ยงอาหารงานใหญ่ทั้งที ถ้วย ชาม ราม ไห ช้อน ซ้อม และอีกสารพัดเครื่องใช้ที่ต้องใส่อาหารให้กับแขกรับประทานจะต้องดูสะอาดสะอ้านและเพียงพอต่อการใช้งาน พนักงานที่ยืนให้บริการตักอาหารประจำซุ้มก็ต้องแต่งตัว สวมหมวก ถุงมือให้ดูเรียบร้อยด้วย

6. ความคุ้มค่าของอาหารและราคา

weddingomania

จัดเลี้ยงงานแต่งครั้งหนึ่งก็เสียเงินไม่ใช่น้อย เพราะฉะนั้นเรื่องความคุ้มค่าก็ต้องสำคัญไม่เป็นรองเรื่องอื่นๆ หลังจากที่คุณได้เห็นเมนูอาหารแต่ละอย่างแล้ว เราอยากให้คุณคิดอีกสักนิดว่า อาหารแบบนี้คุ้มค่ากับราคาหรือไม่ วัตถุดิบที่ใช้ทำอาหารมีคุณภาพอย่างไร เหมาะสมกับราคาหรือเปล่า เพราะแน่นอนว่าถ้าราคาแพง อาหารที่ได้ก็ต้องไม่ดูไก่กาอาราเล่จนเกินไปนัก

7. โปรไฟล์และรีวิวของแต่ละแคทเธอริ่ง

simplydeliciousllc

ก่อนที่คุณจะตัดสินใจเลือกแคทเธอริ่งเจ้าใดเจ้าหนึ่ง คุณควรจะหาข้อมูลและการรีวิวจากผู้ที่เคยใช้บริการแคทเธอริ่งนั้นๆ ด้วย จากนั้นจึงค่อยๆ ดูฟี๊ดแบ็กว่าดีหรือไม่ เหมาะกับรูปแบบงานแต่งของคุณหรือเปล่า รสชาติอาหารเป็นอย่างไร รวมถึงอัธยาสัยของแคทเธอริ่งว่าให้บริการดีไหม การพูดจากับลูกค้าเป็นอย่างไร ซึ่งแน่นอนว่าถ้าคุณได้อ่านรีวิวก่อน จะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกแคทเธอริ่งได้ง่ายขึ้น

8. ของประดับตกแต่งงาน

mazelmomentsสมัยนี้งานแต่งงานมักจะกำหนดธีมงานธีมสีตามที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวต้องการ ดังนั้นก่อนที่คุณจะตัดสินใจเลือกแคทเธอริ่ง คุณควรจะบอกเขาเรื่องธีมงานและการตกแต่งโดยรวมของสถานที่ แล้วสอบถามกับแคทเธอริ่งว่ามีของตกแต่งที่เข้ากับธีมงานที่คุณวางไว้หรือไม่ เช่น ของตกแต่งโต๊ะอาหารและซุ้มอาหารเป็นต้น ทางที่ดีคุณอาจจะให้ทางแคทเธอริ่งปรึกษากับทางเวดดิ้งแพลนเนอร์ของคุณด้วยก็ได้นะ งานจะได้ออกมาเวิร์กทั้งสถานที่และการจัดเลี้ยง

อย่าลืมนะคะว่าอาหารสำหรับการจัดเลี้ยงแขกในงานแต่งเป็นเรื่องสำคัญมาก! หลังจากที่คุณรู้จำนวนแขกที่ชัดเจนและรู้ว่าจะจัดที่ไหนแล้วก็ควรปรึกษากันและตัดสินใจว่าจะเลือกจัดเลี้ยงแบบใด โต๊ะจีน ค็อกเทล บุฟเฟต์ หรือซิทดาวน์ดินเนอร์ จากนั้นจึงเริ่มมองหาแคทเธอริ่งที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณ และอย่าลืมเช็ค 8 ข้อข้างต้นก่อนตัดสินใจด้วยนะจ๊ะ

ดูไอเดียงานแต่งงานและคำแนะนำดีๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ : www.bridebox.com, www.brit.com, www.forbes.com, www.mazelmoments.com, www.rhodeshouseoxford.com, www.simplydeliciousllc.com, www.toastsamui.com, www.topinspired.com, www.weddingomania.com

เมื่อวันฤกษ์ดีบ่าวสาวดันไม่ว่าง ก็หาฤกษ์แต่งงานด้วยตัวเองก็ได้

คู่รักหลายคู่พอตัดสินใจตกล่องปล่องชิ้นกันแล้ว สิ่งแรกที่จะทำก็คือ ไปบอกคุณพ่อคุณแม่ของทั้งสองฝ่ายว่าจะแต่งกันแล้วนะ แน่นอนว่าปฏิกิริยาแรกของผู้ใหญ่สไตล์ไทยบ้านเราก็ต้องพูดขึ้นว่า “ไปดูฤกษ์หรือยัง” เอ้า! ผู้ใหญ่ว่าไงเด็กก็ว่าตามกันถ้าอย่างนั้นก็ต้องไปจัดการ หาฤกษ์แต่งงาน สินะ

แต่เรื่องมันมาโป๊ะก็ตรงที่ว่า ฤกษ์ที่ได้มามันช่างไม่สะดวกและติดขัดไปเสียทั้งหมด ทั้งตรงกับวันธรรมดา แขกมาไม่ได้ ติดงาน ติดประชุม และอื่นๆ อีกมากมาย เอาน่า! อย่าเพิ่งท้อใจไป ปีหนึ่งมี 365 วัน มันต้องมีวันที่แต่งได้บ้างแหละ และถ้าครอบครัวของคุณเปิดไฟเขียว เรามีทางเลือกในการ หาฤกษ์แต่งงาน ให้ตัวเองมาฝากกัน

1. เอาเลข 9 เป็นหลัก

เราก็ไม่อยากจะขัดความเชื่อแบบไทยๆ นะคะ เพราะฉะนั้นก็ลองเอาใจผู้ใหญ่ด้วยการเลือกเลข 9 แล้วก็ปลอบใจตัวเองว่า “ครอบครัวของเราจะได้ก้าวหน้า” แบบนี้เขาก็ฮิตทำกันนะ ทีนี้มาลองคิดูสิว่า 1 ปี มี 12 เดือน และในแต่ละเดือนก็มีวันที่ลงท้ายด้วยเลข 9 จำนวน 3 วัน เพราะฉะนั้นใน 1 ปีมีวันเลข 9 ที่คุณจะเลือกจัดงานได้ถึง 36 วันเชียวนะ

สำหรับใครที่ดูแล้วดูอีกว่าวันเลข 9 ที่บอกไปยังไม่ตรงกับใจที่อยากได้ เพราะส่วนใหญ่เป็นวันธรรมดา ไม่มีแขกมาแน่ๆ ก็ลองใช้ทักษะทางคณิตศาสตร์ดูว่าวันไหนที่บวกกันแล้วได้เลข 9 บ้าง อย่างนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ใช้แก้ปัญหาได้เหมือนกัน รวมถึงฤกษ์เวลาในวันงานด้วยนะ เช่น 9 โมง 9 นาที  , 9 โมง 36 นาที , 9 โมง 45 นาที แบบนี้คนเขาก็ฮิตแต่งกัน

2. ฤกษ์สะดวก

ฤกษ์นี้แหละค่ะที่บ่าวสาวยุคใหม่เขาชอบกัน ด้วยถือความสะดวกของตัวเอง คนในครอบครัว และเพื่อนพ้องน้องพี่ทั้งหลายที่จะสามารถมารวมแสดงความยินดีกันได้อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วฤกษ์สะดวกก็จะเป็นช่วงวันหยุดทั้งหลาย เช่น เสาร์ อาทิตย์ หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ต่างๆ บางคนก็อาจจะเลือกวันที่ตัวเองสะดวก บวกกับการกำหนดเวลาแบบลงท้ายด้วยเลข 9 ซึ่งก็มีคู่ชีวิตหลายคู่ออกมาการันตีกันแล้วว่า แต่งงานกันโดยเลือกฤกษ์สะดวก ชีวิตรักก็แข็งแรงดี ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด

พระพุทธองค์ท่านเคยตรัสไว้ว่า “ประโยชน์ล่วงเลยคนเขลาผู้มัวถือฤกษ์อยู่ ประโยชน์เป็นฤกษ์ของประโยชน์ ดาวทั้งหลายจะทำอะไรได้” เพราะฉะนั้นหากคุณคิดจะทำงานมงคล ทำความดี ทำสิ่งดีให้กับชีวิต ไม่ว่าจะทำเวลาใดก็ให้เห็นแก่ประโยชน์นั้นไว้ หากว่าฤกษ์ดีตามที่หมอดูหมอเดาบอกทำให้คุณต้องลำบาก เสียงานเสียการ ญาติพี่น้องเพื่อนฝูงไม่สามารถมายินดีกับงานมงคลได้ ก็จงเลือกวันที่คุณสะดวกและเกิดประโยชน์แก่ชีวิตจะดีกว่า

ดูเรื่องราวความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องงานแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ : prweb.com

7 ไอเท็มเด็ดช่วยเนรมิต งานแต่งสีพาสเทล ให้กิ๊บเก๋ยิ่งขึ้น

งานแต่งสีพาสเทล ไม่ว่าจะปีไหนธีมนี้ก็ไม่เคยตกเทรนด์ แถมยังดูทันสมัยให้อารมณ์อ่อนหวานเข้ากับงานแต่งงานเป็นที่สุด แถมยังทำให้การจัดตกแต่งสถานที่เป็นเรื่องไม่ยากอย่างที่คิดด้วยโทนสีที่อ่อนหวานหาได้ง่าย และช่วยให้บ่าวสาวได้จุดประกายไอเดียด้วยการเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ได้อย่างมากมาย แต่จะมีชิ้นไหนเด็ดๆ ให้บ่าวสาวได้เลือกหยิบมาใช้ได้บ้างนั้นต้องตามมาดูกันค่ะ

งานแต่งสีพาสเทล

ลูกโป่ง 

ไม่ว่างานฉลองไหนๆ ลูกโป่งถือเป็นไอเทมสำคัญที่จะช่วยให้งานฉลองดูน่ารักกุ๊กกิ๊กและดูไม่เป็นทางการจนเกินไป อย่างเช่น การนำลูกโป่งอัดก๊าซมามัดรวมกันหลายๆ ลูกแล้วนำไปวางตามจุดต่างๆ หรือถ้าสถานที่เป็นห้องที่มีเพดานไม่สูงมากการปล่อยลูกโป่งให้ลอยติดเพดานก็เก๋ไปอีกแบบ

ผ้า

ไม่ว่าจะเป็นผ้าปูโต๊ะ ผ้าคลุมเก้าอีก ผ้าม่าน ผ้ารองจาน หากนำมาใช้ตัดกับเฟอร์นิเจอร์สีขาวภายในงานก็ทำให้ดูมีลูกเล่นขึ้นมาในทันที

งานแต่งสีพาสเทล

เค้ก

ฉีกกฎเค้กแต่งงานแบบเดิมๆ แล้วมาเพิ่มสีสันของงานแต่งงานของบ่าวสาวให้ดูโดดเด่นด้วยเค้กสีพาสเทลที่ยิ่งดูยิ่งหวานแถมน่ารักซะจนไม่กล้ากิน จะเค้กก้อนโต เค้กกอนเล็ก หรือจะเป็นคัพเค้กน่ารักๆ ก็ช่วยสร้างสีสันให้กับงานแต่งได้เหมือนกัน

งานแต่งสีพาสเทล

โคมไฟ  

หรือที่ครอบหลอดไฟรูปทรงกลมหลายขนาดทั้งเล็กใหญ่รวมกัน แล้วนำมาประดับแทนหลอดไฟธรรมดาเท่านี้ก็ทำให้งานดูมีสีสันมากขึ้นแล้ว

งานแต่งสีพาสเทล

ริบบิ้น

เป็นได้มากกว่าเครื่องประดับที่ผูกข้อมือแก๊งเพื่อนเจ้าสาว เพราะสามารถนำมาทำซุ้มทางเข้างานให้ออกมาในสไตล์วินเทจ หรือจะจับคู่ใช้เป็นพร็อพผูกตกแต่งเก้าอี้ในงานก็ยังได้

งานแต่งสีพาสเทล

เทียนหอม

กลิ่นของเทียนหอมเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อ ควรเลือกกลิ่นอ่อนๆ ที่เข้ากับบรรยากาศและควรมีเพียงกลิ่นเดียว โดยสามารถเลือกนำมาวางตกแต่งไว้ในแก้วรูปทรงต่างๆ ตะเกียง หรือขวดโหลประดับกับดอกไม้ก็ช่วยให้งานสดชื่นไม่น้อย

งานแต่งสีพาสเทล

ดอกไม้

สิ่งที่ขาดไม่ได้ในงานแต่งงานเห็นทีคงจะเป็นดอกไม้นี่แหละค่ะ และสีเบสิคที่นิยมใช้กันคือสีขาวและสีชมพู แต่ปัจจุบันนั้นดอกไม้สีพาสเทลก็เป็นที่นิยมเช่นกัน เพราะมีสีสันเข้ากับบรรยากาศของงานแต่งงานถึงแม้ว่าจะมีราคาแพงก็ตาม เพราะฉะนั้นหากบ่าวสาวอยากให้งานแต่งงานสวยหวานก็อย่าลืมเผื่องบประมาณส่วนนี้เอาไว้ด้วยนะคะ

ดูไอเดียงานแต่งงานและคำแนะนำดีๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย!

ภาพ : winecountryfloral.com, thepartyballooncompany.com, bridalmusings.com,
prettywittycakes.co.uk, southboundbride.com, brit.co, pinterest.com, arabiaweddings.com

4 กฎเป๊ะเวอร์ให้สาวๆ เลือกชุดเพื่อนเจ้าสาวให้สวยว้าวแบบเข้ากัน

พูดถึงชุดเจ้าสาวมาก็เยอะ วันนี้ขอเอาใจแก๊งเพื่อนเจ้าสาวกันบ้าง เพราะปัญหาส่วนใหญ่ที่เราได้ประสบพบเจอมาก็คือ ชุดเพื่อนเจ้าสาว ที่บางคนสั้น บางคนยาว สีเดียวกันแต่ดันเป็นคนละเฉด สรุปคือดูไม่เข้ากันสักอย่าง ก็เข้าใจนะคะว่าไม่อยากใส่ชุดแบบเดียวกันให้มันดูเชย ถ้าอย่างนั้นลองมาดูเคล็ดลับการเลือกชุดสำหรับเพื่อนเจ้าสาวที่ไม่จำเป็นต้องเหมือนกันเป๊ะ แต่รับรองว่ามาเป็นเพื่อนเจ้าสาวงานเดียวกันแน่นอน

1. “ยาว” หรือ “สั้น” เลือกให้เหมือนกันหน่อย

ก่อนที่จะไปกำหนดดีเทลอื่นๆ ขอให้ตัดสินใจให้ได้ก่อนว่าจะใส่ชุดยาวหรือชุดสั้น แล้วความยาวต้องอยู่ระดับไหน จะเหนือเข่า คลุมเข่า หรือยาวลากพื้นก็แล้วแต่สาวๆ จะเลือก เพราะเวลายืนเรียงหน้ากระดานถ่ายรูปจะได้ไม่ดูเป็น “ผ้า” สลับ “ขา” แบบนี้มันตลกนะจะบอกให้!

2. เลือก “สี” ให้เข้ากัน

ต่อมาเป็นเรื่องโทนสีของชุดสำหรับแก๊งเพื่อนเจ้าสาว ถ้าจะให้ง่ายก็ควรเลือกให้เข้ากับธีมของงาน เจ้าสาวอาจเป็นคนกำหนดก็ได้ว่าอยากจะให้เหล่าเพื่อนรักใส่ชุดสีอะไร เวลาเลือกผ้าควรจะเป็นช่วงกลางวันเพื่อที่สีจะได้ไม่เพี้ยน และที่สำคัญ “ต้องไปเลือกด้วยกัน” (กาดอกจันไว้แรงๆ ) อย่าปล่อยให้ต่างคนต่างเลือกเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นคุณอาจจะได้ชุดสีน้ำเงิน แต่เป็นคนหนึ่งสีน้ำเงินเข้ม อีกคนสีน้ำเงินกรมท่า ส่วนอีกคนสีน้ำเงินอ่อน เรียกได้ว่ามาทุกเฉด แถมอีกนิดว่าถ้าใช้ผ้าม้วนเดียวกันได้ยิ่งดี ปัญหาชุดเพื่อนเจ้าสาวไล่สีจะได้ไม่มีในงานแต่งของคุณ

3. แตกต่างได้แต่อย่าเยอะ!

เข้าใจค่ะว่ามากคนก็มากความ คนนั้นไม่ใส่เกาะอก คนนี้ไม่เอาแขนกุด ส่วนอีกคนใส่สีนี้ไม่เข้ากับผิว โอ๊ย! เรื่องเยอะไม่มีวันจบ เอาเป็นว่าใครอยากใส่ชุดแบบไหนก็จัดไปค่ะ จะคอวี คอปาด เกาะอก หรือเกาะไหล่ก็ย่อมได้ ขอให้สีเหมือนกันเป็นพอ ส่วนใครที่ตัดสินใจใส่ชุดคนละสี ก็ขอให้แบบชุดใกล้เคียงกันเข้าไว้ และอย่าลืมเลือกความยาวให้เท่ากันด้วย (อันนี้สำคัญ) จะได้ไม่สับสนว่าคุณเป็นเพื่อนเจ้าสาวหรือว่าเป็นแค่แขกที่มารวมงานกันแน่!

4. เจ้าสาวต้องมาคุม

เข้าใจนะคะว่าเจ้าสาวหลายๆ คนอยากให้แก๊งเพื่อนรักมีความสุขกับการเลือกชุดเพื่อนเจ้าสาว แต่อย่าลืมว่านี่คืองานแต่งของคุณ เพราะฉะนั้นแนะนำให้คุณเป็นผู้ควบคุมสถานการณ์ อย่าปล่อยให้พวกหล่อนต้องตัดสินใจกันเอง บอกไปเลยว่างานแต่งคุณมีธีมอย่างไร อยากให้ชุดเพื่อนเจ้าสาวเป็นสีอะไร ส่วนเรื่องชุดจะเป็นแบบไหนก็ให้อิสระพวกเขาตัดสินใจกันเอง โดยที่คุณต้องคอยดูแลไม่ให้มันหลุดคอนเซ็ปต์หรือต่างกันจนเกินไปด้วยนะ

สุดท้ายนี้ก็ขอฝากไปถึงเจ้าสาวและเหล่าเพื่อนเจ้าสาวทุกคนให้จำไว้ว่า เลือกสี เลือกไซส์ เลือกสไตล์ที่คุณชอบ (ต้องเข้ากับธีมงานด้วยนะ) และที่สำคัญเพื่อความเป็นหนึ่งเดียวกันไม่มีใครแปลกแยกแตกต่าง ควรท่องไว้ในใจเสมอว่า “WE ARE TEAM” ขอให้มีความสุขกับการเลือกชุดเพื่อนเจ้าสาวนะจ๊ะทุกคน

ดูไอเดียและคำแนะนำเกี่ยวกับชุดเพื่อนเจ้าสาวเพิ่มเติม คลิกเลย!

ข้อมูล : www.brides.com
ภาพ : Box’s Wedding