9 เทคนิคช้อปปิ้งชุดแต่งงานให้ได้ดั่งใจไม่ยากอย่างที่คิด

การที่จะต้องเลือกอะไรแค่เพียง 1 อย่างก็ว่ายากแล้ว แล้วนี่ต้องมาเลือก ชุดแต่งงาน ที่ในชีวิตจะมีโอกาสใส่ได้แค่ครั้งเดียว แถมบางคนยังใส่ได้แค่ชุดเดียวอีกด้วย (ในกรณีที่เจ้าสาวมีงบจำกัด) เพราะฉะนั้นสติและความรอบคอบจึงสำคัญมาก แพรว wedding เลยขอกระโดดมาเป็นที่ปรึกษาให้กับคุณว่าที่ทั้งหลาย โดยวันนี้เรามาพร้อมกับ 9 เทคนิคดีๆ ที่จะช่วยให้เจ้าสาวได้ชุดแต่งงานดั่งใจไปใส่ในวันสำคัญ

1. วางแผนล่วงหน้า

วางแผนล่วงหน้าสักประมาณ 9 เดือนถึง 1 ปีไปเลยค่ะ หากเจ้าสาวมีเวลาเตรียมตัว หรือเอาเป็นว่าพอฝ่ายชายคุกเข่าขอแต่งงานเมื่อไหร่ ว่าที่เจ้าสาวก็คิดเรื่องชุดแต่งงานไว้ได้เลย เพราะอย่าลืมว่ากว่าคุณจะตกผลึกในสิ่งที่ชอบได้ก็อาจจะกินเวลานานหลายเดือน นี่ยังไม่รวมระยะเวลาการเลือกร้านอีก ยิ่งพอเข้าไปในร้านได้เห็นชุดแต่งงานแขวนเรียงราย ประกอบกับได้รับคำแนะนำจากดีไซเนอร์ก็อาจจะทำให้เจ้าสาวเกิดเปลี่ยนความคิดแรกที่ตั้งใจไว้ได้ ฉะนั้นการเตรียมการไว้ล่วงหน้าเผื่อมีการปรับเปลี่ยนจะช่วยให้เจ้าสาวได้ชุดแต่งงานตรงใจได้มากที่สุด หรือหากเจ้าสาวไม่เปลี่ยนใจในแบบที่คิดไว้แน่นอน แต่รายละเอียดบนชุดมีความละเอียดยุ่งยากที่ต้องใช้เวลาทำนาน เช่น การปักคริสตัลหรือไข่มุกด้วยมือทั้งหมด หรือเลือกใช้ผ้าลูกไม้ชนิดพิเศษที่ต้องสั่งจากเมืองนอก หรือสีของชุดที่สั่งต้องผลิตขึ้นเป็นพิเศษ ก็อาจต้องเผื่อเวลาตรงนี้ไปอีกประมาณ 4- 6 เดือน

2. ทำการบ้าน หารูปแบบชุดแต่งงานที่ชอบ

เจ้าสาวจะต้องทำการบ้านด้วยการหาแบบชุดที่ชอบหรือร้านชุดแต่งงานที่ปลื้ม ซึ่งถ้าหากมีเวลาก็อาจจะเจาะลึกไปอีกว่าร้านชุดแต่งงานที่เจ้าสาวสนใจนั้นมีความถนัดทางด้านชุดสไตล์ไหนเป็นพิเศษ และสามารถที่จะดีไซน์หรือทำชุดที่เราชอบได้หรือไม่ จากนั้นอาจจะลองนำชุดที่ชอบเข้าไปปรึกษากับทางร้านหรือดีไซเนอร์

3. จงหนักแน่นกับงบประมาณที่ตั้งไว้อย่าไขว้เขว้

เรื่องงบประมาณสำคัญมาก หากเจ้าสาวยอมทุ่มงบไม่อั้นให้กับชุดแต่งงานอันนี้ก็ไม่น่าหนักใจ แต่สำหรับเจ้าสาวที่มีงบประมาณในใจอยู่แล้วและตั้งใจไว้ว่ายังไงก็ห้ามเกินจากนี้ สำคัญมากที่เจ้าสาวจะต้องแจ้งกับทางร้านให้ชัดเจนถึงงบประมาณที่มี เพื่อที่ทางร้านจะได้ทราบข้อจำกัดและนำชุดที่ตรงกับงบมาให้คุณเลือก หรือออกแบบตามงบที่คุณแจ้งไว้ เพราะไม่อย่างนั้นหากร้านชุดโกยชุดแต่งงานมา 10 ชุดโดยที่ไม่รู้ว่าคุณมีงบเท่าไหร่ หากคุณใจแข็งไม่พอรับรองว่างบบานแน่นอน

4. เคลียร์คิวตัวเองให้ดี

แน่นอนว่าไม่ได้มีแค่คุณคนเดียวที่แต่งงานในปีนั้น เพราะฉะนั้นร้านชุดแต่งงานจึงมีเหล่าว่าที่เจ้าสาวรอต่อคิวอยู่เพียบ และมีการนัดหมายเกือบจะแน่นเอี๊ยดในปฏิทิน การทำชุดแต่งงาน 1 ชุดมักจะใช้เวลาค่อนข้างนาน ยิ่งถ้าชุดที่เจ้าสาวออเดอร์นั้นต้องมีการออกแบบเพื่อให้เข้ากับสไตล์ของเจ้าสาวแต่ละคนเป็นพิเศษก็อาจจะต้องให้เวลากับทางร้านด้วย เพราะฉะนั้นเจ้าสาวต้องโทรนัดหมายล่วงหน้ากับร้านที่คุณถูกใจว่าจะเข้าไปดูชุดหรือเข้าไปขอคำปรึกษา เพราะหากมีการนัดหมายไว้ล่วงหน้าทางร้านจะสามารถดูแลและให้คำปรึกษากับเจ้าสาวได้อย่างเต็มที่ ซึ่งการันตีได้ว่าเจ้าสาวจะได้รับประโยชน์มากถึงมากที่สุด

5. จงไปพร้อมกับใจที่เปิดกว้าง

แน่นอนว่าเจ้าสาวต้องมีชุดแต่งงานในใจและเดินเข้าร้านชุดไปพร้อมชุดแต่งงานในฝัน แต่บางครั้งชุดในฝันก็อาจจะไม่เหมาะกับความเป็นจริง อาจจะด้วยสรีระหรือข้อจำกัดบางอย่าง ฉะนั้นจงเปิดใจรับฟังคำแนะนำจากดีไซเนอร์ เพราะอย่าลืมว่าเขาคือบุคคลผู้เชี่ยวชาญและผ่านการทำชุดแต่งงานมาเป็นพันๆ ชุด เขาจะรู้ว่าบุคลิก สไตล์ หรือสรีระของคุณใส่ชุดแบบไหนแล้วจะรอด หรือบางครั้งการได้ไปลองหรือเข้าไปปรึกษากับช่าง เจ้าสาวอาจจะได้แบบชุดแต่งงานชุดใหม่ที่คาดไม่ถึงเลยก็ได้ ฉะนั้นจงเชื่อใจว่าดีไซเนอร์จะต้องเนรมิตคุณให้ออกมาเพอร์เฟกต์ในชุดแต่งงานได้แน่นอน

6. 3 ชุดคือจำนวนชุดที่เจ้าสาวจะต้องลอง

หากเจ้าสาวได้มีโอกาสไปลองชุดแต่งงาน จำนวนชุดสำหรับการลองที่พอดีไม่มากไม่น้อยอยู่ที่ประมาณ 3 ชุด และไม่ควรเกินจากนี้ และจำไว้ว่าหากคุณสวมชุดไหนแล้วรู้สึก “ว้าววววว” จงคิดไว้เลยว่า นี่แหละคือชุดแต่งงานที่คุณจะใส่ในวันสำคัญ เพราะคำว่า ว้าว นั้นคือความมั่นใจที่คุณสัมผัสได้จากจิตใจส่วนลึก

ชุดแต่งงาน

7. มองหาแบบหน้า-ผมไว้ด้วย

เราขอแนะนำให้เจ้าสาวคิดภาพลุคแต่งหน้าและทำผมไว้ด้วย ซึ่งถ้าคิดได้ก่อนคิดภาพชุดแต่งงานก็จะสามารถเป็นตัวกำหนดทิศทางชุดแต่งงานของเจ้าสาวได้ด้วย แล้วอย่าลืมนำลุคหน้าผมที่คิดไว้ไปปรึกษากับดีไซเนอร์ร้านชุดด้วยนะคะ เพื่อที่คุณและดีไซเนอร์จะได้เลือกชุดให้แมตช์กันทั้งหมด จนได้เป็นลุคที่สวยงามสมบูรณ์แบบในวันสำคัญ

8. อย่าตกใจกับคำว่าเซลล์!!

เป็นเรื่องธรรมดาของผู้หญิงที่เมื่อเห็นคำว่า “เซลล์” แล้วจะเกิดอาการร้อนๆ หนาวๆ แต่จงระวังหากคุณเกิดอาการนี้กับชุดแต่งงาน จงตั้งสติและคิดให้ถี่ถ้วนว่าในบรรดาชุดแต่งงานที่เซลล์ทั้งหมดนั้นมีแบบที่เราชอบจริงๆ หรือเปล่า หรือหากไซส์ไม่พอดีจะสามารถแก้ไขรูปทรงได้หรือไม่ และต้องเสียเงินเพิ่มอีกเยอะแค่ไหนสำหรับการปรับแต่ง เพราะดีไม่ดีซื้อชุดแต่งงานเซลล์มา แต่ค่าปรับแต่งแก้ไขชุดอาจจะเยอะกว่าที่คุณซื้อชุดเซลล์ก็ได้นะคะ

9. ชวนคนที่สนิทจริงๆ ไปลองชุดแต่งงาน

เรื่องนี้อาจจะดูเหมือนไม่สำคัญ แต่จริงๆ แล้วสำคัญมาก เพราะ 10 คนความคิดไม่เหมือนกันแน่นอน แล้วยิ่งเป็นเรื่องสวยๆ งามๆ อย่างชุดแต่งงานด้วยแล้ว 10 คนก็อาจจะมี 10 รสนิยมที่ชอบต่างกันไป ซึ่งความคิดเห็นที่แตกต่างกันมากเกินไปอาจจะทำให้เจ้าสาวปวดหัวและสับสนได้ เพราะการที่จะเลือกอะไรแค่อย่างเดียวนั้นเป็นเรื่องที่ยากและต้องใช้การตัดสินใจที่ดีและรอบคอบ เราจึงขอแนะนำให้เจ้าสาวกระซิบบอกคนที่สนิทที่สุดให้ไปเป็นเพื่อนสัก 1-2 คนก็พอ และคนๆ นั้นจะต้องเป็นคนที่เจ้าสาวไว้ใจและเชื่อถือได้ในสไตล์และรสนิยม และสามารถให้คำปรึกษากับเจ้าสาวได้ด้วย ส่วนเพื่อนเจ้าสาวที่ไปด้วยกันกับคุณในวันนั้นก็ต้องเตรียมใจไว้เลยว่า เขาจะต้องเป็นผู้ช่วยมือขวาในเรื่องชุดให้กับเจ้าสาวในวันงานด้วย เพราะเพื่อนคนนี้จะต้องเรียนรู้วิธีการใส่ วิธีการถอด รวมไปถึงอาจจะต้องเรียนรู้วิธีการช่วยเหลือหากเจ้าสาวจะเข้าห้องน้ำด้วย เพราะฉะนั้นไม่สนิทจริงๆ ทำไม่ได้นะจ๊ะ

ติดตามไอเดียเกี่ยวกับชุดแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

cr. margoandme.com, easyweddings.com.au, brides.com

Recommended