4 เรื่องที่คู่บ่าวสาวมักเข้าใจผิดเกี่ยวกับงานแต่งงาน

ว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวที่กำลังจะเตรียม จัดงานแต่งงาน ทุกๆ ท่านคะ หากคุณกำลังอ่านบทความนี้อยู่ ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ เพราะบทความนี้จะช่วยคุณในการเปิดเผยชี้แจง ถึง 4 เรื่องที่คู่บ่าวสาว ส่วนใหญ่มักจะเข้าใจผิด หรือหลงลืมละเลยไปเกี่ยวกับการจัดงานแต่งงาน ด้วยความที่เป็นมือใหม่กันทุกคน ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ค่ะ มาดูกันซิว่ามีอะไรบ้าง

 

  • พิธีกรนั้นเป็นสิ่งฟุ่มเฟือย ทำกันเองก็ได้

ความเป็นจริงแล้ว สำหรับงานเช้าที่เป็นพิธีการนั้นการจ้างพิธีกรหรือแม่งานที่มีประสบการณ์นั้นจะช่วยลดบรรยากาศความตึงเครียดที่มักจะเกิดขึ้นอยู่เป็นประจำในงานเช้าได้เป็นอย่างดีค่ะ บางคนอาจมองว่าไม่สำคัญแต่แท้จริงแล้ว สำคัญมากเลยล่ะค่ะ ลองนึกภาพดูนะคะว่า งานหมั้นที่เงียบๆไม่มีพิธีกร แขกเหรื่อที่อุตส่าเชิญมานั่งต้องคอยชะเง้อคอมองเพราะไม่รู้ว่าบริเวณเวทีหรือแท่นพิธีนั้นทำอะไรกันอยู่บ้าง ก็คงจะทำให้แขกเบื่อและงานกร่อยไปโดยปริยาย

  • ช่างภาพไม่ใช่สิ่งสำคัญ ไว้จองทีหลังก็ได้

นอกจากห้องจัดเลี้ยงแล้ว ช่างภาพและช่างวีดีโอแทบจะเป็นอย่างเดียวเลยค่ะ ที่แยกร่างไม่ได้ หมายความว่า ถ้าคุณชอบผลงานถ่ายภาพของเจ้าไหน แล้วอยากให้คนๆนั้น หรือทีมนั้นมาถ่ายภาพให้คุณ คุณควรรีบจองและวางมัดจำค่ะ เพราะช่างภาพเก่งๆ สมัยนี้ มักไม่ค่อย ใช้วิธีการ สร้างแบรนด์แล้วแยกทีมไปถ่าย เพื่อให้รับงานได้วันนึงหลายๆเจ้ากันแล้ว โดยมาก ช่างภาพ 1 ทีม ก็จะมีช่างภาพประจำซึ่ง แน่นอนว่า 1 คน จะสามารถรับได้แค่ 1 งานต่อช่วงเวลาเท่านั้น  เพราะฉะนั้น หากว่าคุณจองช้า คุณอาจจะไม่ได้คิวของช่างภาพที่คุณชอบ กลายเป็นว่าต้องจำใจไปเอาเจ้าอื่นที่แพงกว่าหรือไม่ได้ชอบมากนักไปโดยปริยาย

  • วันงานจะต้องทานให้น้อยที่สุด จะได้ดูผอมๆ

ด้วยความที่เจ้าสาวบางคนเลือกชุดแต่งงาน แบบเกาะอกทรง mermaid เข้ารูปโชว์สัดส่วนเต็มที่วันงานก็เลยมุ่งมั่นว่าจะไม่ทานอะไรนอกจากจิบน้ำเล็กน้อยขอบอกเลยค่ะว่า “อย่าเชียว” เพราะนอกจากจะเสี่ยงจากภาวะขาดน้ำ ปากแห้งทาลิปสติกไม่สวย แล้วยังอาจจะเป็นลมเพราะขาดอาหารและตื่นเต้นเพราะต้องขึ้นเวทีได้อีกด้วยค่ะ นอกจากนี้ อาการแรกที่จะเกิดก่อนใครเพื่อนนั่นคืออาการชุดหลวม ต้องคอยกระโดดดึงขึ้นอยู่ตลอดให้เสียบุคลิกค่ะ ดีไม่ดี เดินเข้างานแค่เหยียบชายกระโปรงตัวเองนิดเดียว ชุดหลุดลงมาถึงเอว คงดูไม่จืดแน่ๆค่ะ

หากอยากลดหุ่น ลดให้หุ่นคงที่ก่อนวันfitting ชุดครั้งสุดท้ายซัก 1 เดือน หลังจากนั้นพยายามอย่าลดและอย่าเพิ่มเพราะไม่อย่างนั้นปัญหาเรื่องชุดตามมาแน่นอนค่ะ วันงานก็ทานอาหารแต่พอหอมปากหอมคออย่ามากไป อย่าน้อยไปเอาพอมีแรงยิ้มสดใสๆ สวยๆวันงานนะคะ

  • เลือกอะไรก็แล้วแต่ให้เอาราคาเป็นตัวตั้ง อันไหนถูกกว่าเลือกอันนั้น

พูดกันตามตรง ของถูกและดีนั้นอาจมีอยู่จริงค่ะ แต่เชื่อเถอะว่าน้อยมาก ถ้าจะให้ดีลองเปลี่ยนวิธีการมองใหม่นะคะ ลองมองของที่เหมาะสมกับคุณค่าและราคานั้นคือดีที่สุดเลยค่ะ หากคุณเป็นคู่บ่าวสาวที่มีการหาข้อมูลมาพอสมควรคุณจะพอทราบว่า ในบรรดาสิ่งของและบริการที่เกี่ยวข้องกับ งานแต่งงานทั้งหมดนั้น มีอยู่มากมายหลายเรทราคา ตั้งแต่หลักไม่ถึงพันบาท ไปจนถึงหลักหลายล้านบาท การตัดสินใจซื้อบริการอะไรที่ถูกเข้าว่า เพราะมันสร้างหายนะมานักต่อนักแล้วนะคะ เข้าตำรา เสียน้อยเสียยากเสียมากเสียง่าย ทางที่ดี ใช้งบที่มีเป็นตัวตั้ง ยอมเสียเงินในราคาที่เหมาะสมกับงานและงบประมาณที่ตั้งไว้ อาจจะมากหน่อยแต่เป็นสิ่งที่มีคุณภาพ ไว้ใจได้ ที่เดียวให้จบดีกว่าค่ะ ดีกว่าเจ็บแล้วยังไม่จบ มันจะยิ่งช้ำใจไปกันใหญ่นะคะ

ดูไอเดียงานแต่งงานและคำแนะนำดีๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

cr : brides.com, huffingtonpost.com

5 สิ่งต้องเช็คก่อนตัดสินใจเลือกเช่าชุดแต่งงานมือสอง-สาม-สี่…

หนึ่งในทางเลือกของการหาชุดแต่งงานมาใช้ในวันแต่งงานคือการ เช่าชุดแต่งงาน ซึ่งว่าที่เจ้าสาวส่วนใหญ่รับได้ที่จะใช้ชุดเช่านั้นๆ ต่อจากเจ้าสาวคนก่อน ด้วยเหตุผลที่ว่าชุดนั้นสภาพยังดี ไม่ต้องเสียเวลารอนานและที่สำคัญราคาไม่แพง ยิ่งเป็นชุดเช่าต่อๆ กันมาหลายมือหรือเป็นแบบเก่าหลุดเทรนด์ไปแล้วยิ่งราคาประหยัด ฉะนั้นใครไม่ซีเรียสแต่คิดว่าชอบใจกับชุดนี้ก็มักเซย์เยสได้ไม่ยาก

แต่ไม่ว่าคุณจะเลือกชุดเช่าที่ว่านั้นง่ายแค่ไหนก็ตาม สิ่งที่คุณต้องระวังและไม่ลืมนำไปประกอบการตัดสินใจเช่าชุดคือ 5 เรื่องต่อไปนี้ค่ะ

 

  • สภาพของชุดยังโอเคอยู่ไหม

แน่นอนว่าชุดที่ผ่านการใช้งานมานักต่อนักมันจะเสื่อมสภาพหรือชำรุดไปตามการใช้งาน ฉะนั้นอย่าเพียงแค่มองเผินๆ ผ่านๆ แล้วรู้สึกว่าชุดนี้ยังโอเค พอใส่ได้แล้วคิดว่าถูกเงินก็เลือกมาใช้ เพราะความโทรมของชุดจะทำให้ราศีเจ้าสาวของคุณดร๊อปไปได้ง่ายๆ แถมดีไม่ดี แขกที่มองมายังรู้สึกได้ถึงความเก่าและไม่สวยงาม แถมถ้าผ้าสีขาวกลายเป็นผ้าสีหม่นด้วยแล้วละก็ จะสะท้อนออกมาในภาพถ่ายที่เปิดมาดูเมื่อไหร่ รับรองว่าถอนหายใจเฮ้ออออแน่นอน

  • ใช้ในงานเอาทดอร์หรือเปล่า

เรื่องว่าจะจัดงานแต่งงานอินดอร์หรือเอาทดอร์มีผลอยู่เหมือนกันนะคะ เพราะไม่ใช่ว่าชุดเช่าแค่เลือกมาให้เหมาะกับสไตล์งานแต่งก็เพียงพอซะที่ไหน ความเป็นชุดเช่าหมายถึงคุณยังคงต้องส่งชุดนั้นคืนไปยังร้านที่ปล่อยเช่า และยังต้องมีว่าที่เจ้าสาวคนอื่นๆ รอต่อคิวใช้อยู่ไงละคะ ฉะนั้นถ้าจะจัดงานแต่งเอาทดอร์ อย่าพยายามเลือกชุดเช่าที่หางลากยาวเสี่ยงจะเลอะเทอะและทำให้คุณต้องเสียค่าซักแห้งราคาแพงเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นราคารวมๆ ที่ต้องเสียไปกับชุดคนเท่ากับราคาสั่งตัดก็เป็นได้

  • เนื้อผ้าอำนวยในการแก้ไขให้เข้ากับรูปร่างไหม

ใช่ว่าจิ้มชุดที่ชอบมาแล้วจ่ายเงินค่าเช่าก็ใส่ได้เลยซะที่ไหน คุณต้องมีการแก้ไขชุดเช่าที่ว่านี้แน่นอน เว้นเสียแต่ว่าโชคดีมากที่รูปร่างของคุณกับเจ้าสาวคนก่อนใกล้เคียงกันจนไม่ต้องขยับขนาด แต่นั่นก็เกิดขึ้นยากมาก สิ่งที่ต้องพิจารณาคือ เนื้อผ้าของชุดเช่านั้นเปื่อยยุ่ยมากแค่ไหนแล้ว ผ่านการแก้ไขจนชุดช้ำมากถึงขั้นจับเบาๆ ผ้าก็ขาดเพราะมีรูเข็มเดิมคาอยู่หรือไม่ ถ้ารู้สึกว่าผ้านั้นบอบบางมากแล้ว ยอมเปลี่ยนแบบไปเอาชุดเช่าชุดอื่นที่เนื้อผ้ายังดีแทน แบบนั้นจะคุ้มค่าและสวยงามกว่านะคะ

  • ค่าประกันชุดและตำหนิ

อย่างที่บอกไปแล้วว่า ชุดเช่าคือชุดที่เมื่อใช้เสร็จแล้วคุณต้องทำการนำส่งคืนทางร้านเพื่อให้คนอื่นๆ ได้ใช้ต่อ ทางร้านส่วนใหญ่จึงตั้งกฎการทำประกันความเสียหายจากการใช้งาน คุณจึงควรศึกษาเงื่อนไขการรับผิดชอบหากชุดเสียหายเช่น เสียหายเท่านี้จ่ายเงินเท่าไหร่ แผลแบบไหนยอมความกันได้อะไรแบบนั้น นอกจากนี้เวลาที่ไปรับชุดอย่าลืมสำรวจตำหนิทั้งหลายบนชุดให้ละเอียดและแจ้งบอกกับทางร้านเสมอไม่ว่าจะเป็นตรงตะเข็บนี้ขาดนะ ต้องช่วงหลังด้ายรันหรืออะไรก็ตาม แล้วให้ทางร้านช่วยจัดการแก้ไขให้พร้อมใช้งานจึงนำชุดออกนอกร้าน และเมื่อส่งคืนก็อย่าลืมสำรวจให้ดีว่าเราได้ทำแผลใหม่ให้เกิดขึ้นกับชุดหรือเปล่า เพื่อจะได้แจ้งกับทางร้านแบบแฟร์ และรับผิดชอบกันไปตามความเสียหาย

  • เช็ควันรับและส่งชุดพร้อมรายละเอียดให้แม่นยำ

เมื่อตัดสินใจจะใช้ชุดที่ว่านี้แล้ว อย่าลืมเด็ดขาดที่จะนัดแนะวันรับชุดล่วงหน้าให้แม่นยำ เพราะถ้าชุดเดียวกันนี้มีคนใช้งานก่อนคุณ ต้องมั่นใจว่า ชุดที่จะมาถึงมือคุณนั้น ได้รับการแก้ไขขนาดเป็นตัวคุณเรียบร้อยแล้ว และรับชุดล่วงหน้าได้เมื่อไหร่ ชุดนี้ซักแห้งมาก่อนหรือยัง เมื่อจะส่งชุดเช่าคืน อย่าลืมถามทางร้านให้แน่ใจว่าสามารถส่งคืนได้ช้าสุดวันไหน และคุณเองต้องเข้มงวดในการส่งให้ตรงวันเพื่อว่าที่เจ้าสาวคนต่อไปจะได้ไม่มีปัญหาในการใช้งานเพราะคุณ

ภาพ : www.lightinthebox.com

4 ธรรมเนียมปฏิบัติที่ถูกต้องบ่าวสาวควรรู้ไว้ในพิธีรับไหว้

พิธีรับไหว้ จัดให้เป๊ะ ผู้ใหญ่ปลื้ม

พิธีรับไหว้ ถือเป็นอีกหนึ่งพิธีสำคัญในงานแต่งพิธีไทย เพราะเป็นการแสดงออกถึงการมีสัมมาคารวะและนอบน้อมต่อบิดามารดารวมถึงบรรดา ญาติผู้ใหญ่ของคู่บ่าวสาว หลายๆ คนคงรู้จักและเคยได้ร่วมในพิธีอันดีงามนี้กันมาบ้างแล้ว แต่น้อยคนนักที่จะรู้ธรรมเนียมปฏิบัติที่ถูกต้อง ด้วยเหตุนี้เราจึงนำ 4 ธรรมเนียมปฏิบัติควรรู้ในพิธีรับไหว้มาบอกเล่าไว้ ถึงคราวต้องรับหน้าที่บ่าวสาวเมื่อไหร่จะได้ปฏิบัติกันได้อย่างถูกต้องนะคะ

“การจัดที่นั่ง” ธรรมเนียมดั้งเดิมที่เปลี่ยนแปลงไป

พิธีรับไหว้ตามธรรมเนียมดั้งเดิมนั้น คู่บ่าวสาวจะต้องถือพานดอกไม้ธูปเทียนคลานเข้าไปไหว้ผู้ใหญ่ เพื่อเป็นการฝากเนื้อฝากตัวและแสดงถึงความเคารพนอบน้อม แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนเป็นการจัดสถานที่เตรียมไว้ อาจเป็นเก้าอี้หรือเสื่อให้ญาติผู้ใหญ่ได้นั่งต่อหน้าคู่บ่าวสาว ครั้นพอทำพิธีเสร็จจึงลุกออกไป ให้ญาติผู้ใหญ่ท่านอื่นได้เข้ามานั่งทำพิธีต่อ ทั้งนี้ก็เพื่อความสะดวกของคู่บ่าวสาวให้ดำเนินพิธีการได้อย่างราบรื่นไม่ ขลุกขลัก และได้มุมถ่ายภาพที่สวยงาม

“ลำดับไหว้ผู้ใหญ่” ใครก่อนใครหลัง

ลำดับการไหว้ผู้ใหญ่ในพิธีรับไหว้จะเริ่มต้นที่พ่อแม่ของคู่บ่าวสาวก่อน แล้วค่อยไล่เรียงญาติผู้ใหญ่ไปตามลำดับความอาวุโส เช่น ปู่ ย่า ตา ยาย ลุง ป้า น้า อา โดยส่วนใหญ่หากทำพิธีที่บ้านของเจ้าสาว ทางเจ้าบ้านก็จะให้เกียรติญาติผู้ใหญ่ของเจ้าบ่าวได้ทำพิธีรับไหว้ก่อน

“กราบใคร” อย่างไรไม่เหมือนกัน

การกราบผู้ใหญ่ในพิธีรับไหว้จะมีธรรมเนียมปฏิบัติที่แตกต่างจากการกราบ ผู้ใหญ่ในโอกาสปกติทั่วไป โดยถ้าเป็นพ่อแม่ปู่ย่าตายายของคู่บ่าวสาวจะต้องกราบ 3 ครั้ง ไม่ต้องแบมือ ส่วนญาติอื่นๆ ให้กราบเพียงครั้งเดียวไม่ต้องแบมือเช่นเดียวกัน

ปิดท้ายให้สวยด้วย “พิธีเพิ่มเงินทุน”

หลังจากทำพิธีรับไหว้เสร็จ บางครอบครัวจะจัดให้มีพิธีเพิ่มเงินทุนแก่คู่บ่าวสาว โดยให้พ่อแม่หรือญาติพี่น้องของคู่บ่าวสาว (ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ใหญ่) ได้ใส่เงินเพิ่มเข้าไปในพานที่ใส่เงินรับไหว้ จะมากน้อยอย่างไรก็ได้ตามความสะดวก หลังจากนั้นจึงนำถั่วงาและแป้งประพรมพร้อมอวยพรแล้วมอบให้แก่คู่บ่าวสาว

แจกกันแบบสเต็ปบายสเต็ป กับขั้นตอนลำดับพิธีแต่งงานไทยฉบับสมบูรณ์

เช็คลิสต์ฉบับเต็ม! ข้าวของอะไรที่ต้องใช้ในพิธีปูเตียงเรียงหมอน

พิธีปูเตียงเรียงหมอน ต้องเตรียมอะไรบ้าง เช็กเลย…

พิธีปูเตียงเรียงหมอน คือ พิธีจัดปูที่นอนในห้องหอคืนส่งตัว เพื่อช่วยเสริมมงคลให้กับชีวิตคู่ของบ่าวสาว โดยผู้ใหญ่ที่จะสามารถมาทำพิธีนี้ให้ได้จะต้องเป็นคู่สามีภรรยาที่ครองรักกันมายืนยาว เป็นครอบครัวที่อบอุ่นและสมบูรณ์แบบ เพื่อที่บ่าวสาวจะได้ครองเรือนและครองตนเช่นเดียวกับผู้ใหญ่ทั้งสองท่านนี้ เพราะฉะนั้นถ้าจะให้พิธีนี้เป๊ะแบบไม่ขาดตกบกพร่อง ข้าวของที่ต้องใช้ก็ต้องเช็กให้ครบ มีอะไรบ้างไปดูกันเลย

สิ่งที่ต้องมีในพิธี

  • หินบดยา  1 ก้อน หมายถึง จิตใจหนักแน่น เเต่เดิมใช้ก้อนเส้าหรือหินเตาไฟสำหรับหุงต้ม แต่เห็นว่ามีคราบเขม่าสีดำสกปรกง่าย จึงเปลี่ยนมาใช้หินบดยาแทน สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาและร้านขายอุปกรณ์ทางการแพทย์
  • แมวคราว (แมวตัวผู้ที่อายุมากแล้ว) 1 ตัว หมายถึง อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ในอดีตใช้เเมวตัวผู้เเบบมีชีวิตจริง เเต่ปัจจุบันสามารถใช้รูปปั้นหรือตุ๊กตาแทนก็ได้
  • ไก่ขาว 1 ตัว หมายถึง ขยันหมั่นเพียร สามารถใช้รูปปั้นหรือตุ๊กตาแทนก็ได้
  • ไม้เท้า 1 อัน  หมายถึง ครองรักกันจนแก่เฒ่า
  • ฟักเขียว 1 ผล  หมายถึง ให้อยู่กันอย่างร่มเย็นเป็นสุข
  • ถั่วและงา อย่างละ 1 ถุง หมายถึง ความเจริญงอกงาม
  • ภาชนะใส่น้ำ 1 ที่  หมายถึง ความสามัคคีกลมเกลียวเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
  • เครื่องนอนของเจ้าบ่าว เจ้าสาว สีตามความเหมาะสมอย่าง สีชมพู สีฟ้า หรือเลือกตามความชอบของคู่บ่าวสาว

ข้าวของเครื่องใช้ที่ได้กล่าวไปนี้ เป็นที่มาของคำอวยพรบ่าวสาวที่ว่า “ขอให้อยู่เป็นสุขเย็นเหมือนฟักแฟง จิตใจหนักแน่นเหมือนหินบดยา และให้อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนเหมือนแมวคราว” คู่รักที่ไม่สะดวกจัดเตรียมอุกปกรณ์ก็สามารถหาซื้อได้ตามร้านรับจัดขันหมากที่มีขายเป็นชุดรวดเร็วทันใจไม่ต้องวุ่นวายให้เสียเวลา

อ่านเพิ่มเติม เสริมความเป็นมงคลด้วยข้าวของ 4 อย่างที่ต้องมีในพิธีรดน้ำสังข์

ภาพเปิดถ่ายโดย OAT-CHAIYASITH’s Teama a a a a a a

Dad Bod รูปร่างผู้ชายไม่เพอร์เฟกต์แต่อบอุ่นกำลังดีแมตช์เสื้อผ้ายังไงให้ลงตัว

Dad Bod คืออะไร?? คือ รูปร่างผู้ชาย ประมาณไหน?? มาดูกัน

เวลาหนุ่มๆ มองตัวเองในกระจกแล้วรู้สึกภูมิใจกับรูปร่างตัวเองมากน้อยแค่ไหน ไม่จำเป็นว่าคุณจะต้องหุ่นดีฟิตเปรี๊ยะกล้ามปูเท่านั้นนะที่จะทำให้คุณรู้สึกชื่นชมในหุ่นตัวเอง เพราะความมั่นใจบวกกับการมีสุขภาพกายและใจที่ดี ยังคงมีความสุขกับการกินดื่มบ้างตามประสาผู้ชาย จะไม่ทำให้คุณมีความสุขมากกว่าเหรอ แพรว wedding เลยอยากนำเสนออีกหนึ่งแรงบันดาลใจที่จะทำให้หนุ่มๆ รู้สึกภูมิใจใน รูปร่างผู้ชาย สไตล์แบบตัวเอง

Dad Bod มาจากคำว่า Dad ที่แปลว่า พ่อ รวมกับคำว่า Bod ที่มาจากคำว่า Body ที่แปลว่ารูปร่าง รวมๆ แล้ว Dad  Bod จึงหมายถึงคนที่มีรูปร่างเหมือนพ่อ หรือผู้ชายที่มีรูปร่างปกติทั่วไป มีพุงเล็กน้อย ไม่ถึงกับอ้วนลงพุงจนน่าเกลียด แต่ก็ไม่ได้หุ่นเฟิร์มจนเห็นซิกซ์แพ็กเป็นมัดๆ Dad Bod จะรักษาสมดุลระหว่างการกิน การดื่ม และการออกกำลังกาย ผู้ชายที่มีหุ่นแบบนี้จะมีไลฟ์สไตล์ประมาณว่า เข้ายิมบ้างแต่ไม่บ่อย ชอบดื่มเบียร์หนักในวันหยุด และก็สนุกกับการกินแบบไม่กลัวอ้วน

แพรว wedding เลยนำการแต่งกายที่เหมาะสมสำหรับผู้ชายหุ่น Dad Bod มาให้ดูถึง 4 สไตล์เพื่อเป็นแนวทางสำหรับผู้ชายที่มีรูปร่างใหญ่แต่ไม่อ้วน

รูปร่างผู้ชาย

เสื้อยืดคอวีพอดีตัว อาจแมตช์เข้ากับกางเกงยีนสีน้ำเงินหรือกากี คาดด้วยเข็มขัดสาน จะทำให้คุณกลายเป็นหนุ่มที่แนวโดยไม่ต้องสไตลิ่งอะไรให้มากมาย แถมหากเอาชายเสื้อไว้ในกางเกงยังเป็นลุคสบายๆ ที่ใส่ไปงานแต่งแบบไม่เป็นทางการหรืองานปาร์ตี้ก็ได้นะ

รูปร่างผู้ชาย

จากลุคแรก ลองเพิ่มเสื้อเชิ้ตแขนสั้นพอดีตัว หรือจะเป็นเชิ้ตแขนยาวก็ได้ แนะนำให้พับแขนเสื้อขึ้นสักนิดเพื่อให้ลุคที่ดูผ่อนคลายไม่อึดอัด และหากไม่มั่นใจอยากปิดพุงน้อยๆ ก็อาจจะติดกระดุมพรางหุ่นสักนิด โดยติดจากกระดุมเม็ดล่างเพียงแค่ 3 เม็ด แต่ถ้ามั่นใจในหุ่นสุดอบอุ่นก็ปล่อยไปเลยตามสบาย จากนั้นก็เลือกเติมความเท่ด้วยสร้อย นาฬิกา และแหวนเงิน ก็จะทำให้ลุคของหนุ่มๆ ดูเป็นทางการมากขึ้น

รูปร่างผู้ชาย

ถ้าคุณจะใส่สูท ขอแนะนำให้เลือกแบบกระดุมเม็ดเดียว เพราะการใส่สูทกระดุมสองแถวจะเน้นรูปร่างมากเกินไปจนทำให้คุณดูอึดอัด ส่วนเรื่องสี คุณไม่จำเป็นต้องใส่สีเข้มเสมอไป เพราะสามารถใส่สีอ่อนๆ ได้ รวมถึงสีขาว แต่ที่ไม่แนะนำและห้ามเด็ดขาดเลยคือ สูทลายขวาง เพราะจะยิ่งทำให้รูปร่างดูขยายจนกลายเป็นคนอ้วน

หากเลือกสูทแบบที่เหมาะกับตัวเองได้แล้ว ก็เลือกแอคเซสซอรี่เสริมหล่ออีกนิดได้เลย >>> 5 สไตล์เนคไท & โบไท แมตช์ลุค ชุดเพื่อนเจ้าบ่าว สไตล์ Spring

ภาพ www.pinterest.com

มาฟังคำแนะนำ มาลัยบ่าวสาว ว่าเลือกแบบไหนที่ถูกต้องและอินเทรนด์

มาลัยบ่าวสาว เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่บ่าวสาวไม่ควรมองข้าม เพราะเป็นสิ่งของสำคัญไว้สำหรับคล้องคอบ่าวสาวทั้งในพิธีแต่งงานแบบไทยและในช่วงฉลองมงคลสมรส แพรว wedding จึงไปบุกถึงถิ่นดอกไม้เพื่อไปขอจับเข่าคุยกับคุณพิมพ์นิภา เดชกุล ผู้จักการร้าน Flower land ณ ปากคลองตลาด ที่จะมาให้แนะนำเราเกี่ยวกับมาลัยบ่าวสาวทั้งในเรื่องของสีดอกไม้ สีริบบิ้น รวมไปถึงลักษณะของดอกไม้ต่างๆ ที่นำมาทำมาลัยบ่าวสาวด้วย เพื่อที่ว่าที่ทั้งหลายจะได้มีความเข้าใจและเลือกมาลัยได้อย่างถูกต้อง 

มาลัยบ่าวสาวมาลัยบ่าวสาวในปัจจุบันมีกี่ลาย?

“ในปัจจุบันมาลัยมีหลายแบบหลายลายมาก ไม่ว่าจะเป็นมาลัยคชกริด มาลัยเกรียว มาลัยยกซีก ลายตราประชุม ลายข้าวหลามตัด มาลัยแบน อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะใช้เป็นลายอะไร โดยสามารถนำมาประยุกต์ให้เข้ากันได้ แต่ในปัจจุบันที่เราเห็นบ่อยจะเป็นมาลัยสองชายค่ะ”

ชนิดของดอกไม้มีผลให้มาลัยเหี่ยวไหม?

“จริงๆ ชนิดของดอกไม้มีผลต่อการเก็บรักษามาลัยมากๆ นะคะ เพราะว่าเรานำดอกไม้ที่เป็นดอกๆ มาแกะ มายำ ให้เป็นกลีบ จึงทำให้ดอกไม้ขาดน้ำ ขาดสารอาหาร ดังนั้นดอกไม้ที่เรานำมาใช้ก็จะเหี่ยวง่าย เช่น กุหลาบหรือดอกรัก เมื่อก่อนมีดอกบานบุรีที่นิยมนำมาใช้กันแต่ในปัจุบบันก็จะมีดอกกล้วยไม้ที่นิยมนำมาใช้เพราะไม่เหี่ยวเฉา แต่ดอกรัก ดอกพุดจะบวมน้ำง่าย แต่โดยส่วนมากแล้วดอกไม้ที่นิยนำมาใช้เป็นมาลัยคล้องคอในงานแต่งก็จะคำนึงถึงความหมายมากกว่า เช่นดอกรัก ดอกบานไม่รู้โรย ดอกกุหลาบ ที่จะหมายถึงความรักที่คงทน ไม่โรยรา ส่วนรูปแบบของมาลัยก็อาจจะทำเป็นรูปหัวใจ มาลัยโซ่ ให้เหมือนกับโซ่ทองคล้องใจ และเลือกใช้ริบบิ้นสีทองที่เป็นสีมงคล

สีของดอกไม้ที่นิยมในการทำมาลัยคือสีใด?

“ใช้ได้ตั้งแต่สีขาวเขียว ชมพู แดง แต่ในปัจจุบันจะนิยมเป็นสีอ่อนค่ะ เช่น สีชมพู แต่ในอดีตส่วนมากบ่าวสาวจะชอบใช้เป็นสีแดงเขียว ส่วนสีริบบิ้นจะเริ่มมาเปลี่ยนเทรนด์ตอนงานแต่งงานของคุณนุ่น – วรนุช ที่ใช้เป็นผ้าแก้วอ่อนๆ หรือเห็นได้ชัดจากงานคุณตุ๊กกี้ก็สวยงามเช่นกันค่ะ ซึ่งสายริบบิ้นก็เริ่มเปลี่ยนแปลงมาตั้งแต่ในตอนนั้น อาจจะเพราะด้วยสื่อโซเชียลมันแพร่หลาย จึงทำให้หลายคนเห็นแบบที่ดาราใช้กันมากขึ้นและอยากที่จะทำตาม เลยส่งผลให้ช่างทำมาลัยหลายคนเปลี่ยนแปลงแบบ และเปลี่ยนแปลงรูปแบบกันออกไปค่ะ เช่น จากที่เคยนิยมเป็นอุบะก็เปลี่ยนไปแล้ว”

มาลัยบ่าวสาว

สีริบบิ้นที่ห้ามใช้กับมาลัยคล้องคอบ่าวสาว

“สีดำค่ะ เพราะเป็นสีที่ใช้ในงานศพ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับบ่าวสาวด้วยว่าอยากได้สีไหน ถ้าบ่าวสาวบอกมาว่าขอสีดำ อันนี้ก็ไม่ว่ากันนะคะ แต่สีที่นิยมเลยก็คือสีทอง ซึ่งหลังๆ ก็เริ่มนำผ้าแก้วมาใช้มากขึ้น แต่ถ้าเบื่อก็สามารถใช้ดอกไม้ร้อยเป็นมาลัยทั้งสายเลยก็ได้ ก็จะเหมือนงานของอินเดีย ที่นำดอกไม้มาร้อยเป็นเส้นเดียวก็สามารถนำมาประยุกต์ได้เช่นกันค่ะ”

มาลัยบ่าวสาว

ราคามาลัยบ่าวสาวในปัจจุบันประมาณเท่าไหร่?

“ถ้าตามปากคลองตลาดทั่วไปก็ 600-800 หรือ 1,500 ค่ะ แต่ถ้าสั่งทำขึ้นมาใหม่ ดีไซน์ใหม่ ก็ 2,500 ขึ้นไป เพราะเป็นการร้อยขึ้นมาใหม่หมดเลย ไม่ได้นำมาประกอบ ก็ขึ้นอยู่กับลูกค้าว่าอยากได้แบบไหนค่ะ”

จะสั่งทำมาลัยบ่าวสาวใช้เวลานานมากน้อยแค่ไหน?

“ถ้าแบบนำมาประกอบก็ไม่นานค่ะ หรือมาหาซื้อแถวปากคลองตลาดก็มีแบบสำเร็จรูปขายเลย แต่ถ้าต้องการงานฝีมือ ควรคุยกับช่างร้อยมาลัยล่วงหน้า 1 อาทิตย์ เพื่อที่จะได้คุยและทำความเข้าใจกันว่าอยากได้แบบไหนเป็นพิเศษ และ ให้เวลาช่างในการทำค่ะ”

สุดท้ายอยากฝากอะไรถึงบ่าวสาวที่ต้องการหาซื้อมาลัยคล้องคอไหมคะ?

“ถ้าบ่าวสาวมั่นใจแล้วว่าอยากได้มาลัยแบบนี้ ก็อย่าไปต่อราคาช่างมาลัยเลยนะคะ เพราะมาลัยเป็นงานฝีมือ กว่าจะกรองได้แต่ละพวงใช้เวลานาน เป็นงานประณีต และควรให้เวลากับช่างสักหน่อยนะคะ เพราะแต่งงานทั้งทีใช้มาลัยเต็มที่ก็แค่ 2  คู่ในงานเช้ากับงานเย็น ดังนั้นก็ลงทุนไปเลย เพื่อจะได้มีมาลัยคล้องคอสวยๆ เป็นศิริมงคลในงานแต่งด้วยค่ะ”

ฟังคำแนะนำจากคุณพิมพ์นิภา ไปแล้วก็ได้ทราบถึงรายละเอียดมาลัยมากขึ้นแล้วใช่ไหมคะ ซึ่งบ่าวสาวสามารถลองดูแบบมาลัยก่อนได้ตามอินเทอร์เนต เพื่อที่จะได้มีแบบไว้ในใจไปให้ช่างมาลัยได้ดู จะได้มีมาลัยสวยๆ ไว้คล้องคอในงานแต่งงานไงคะ เพราะฉะนั้นบ่าวสาวลองปรึกษากันก่อนนะคะว่าชอบมาลัยแบบใด จากนั้นก็ควงแขนกันไปสั่งทำหรือหาซื้อได้เลย

Read More : มาลัยบ่าวสาว…มาลัยมงคลในวันแต่งงานที่ต้องคล้อง

ภาพจาก : Pinterest.com , Sanook.com

ทำตามนี้แล้วจะได้รองเท้าคู่เหมาะมาใส่แต่งงานแน่นอน

รองเท้าแต่งงาน ดีๆ ไม่ใช่จะได้มาง่ายๆ นะคะ และถ้าคุณกำลังคิดว่า ไม่ต้องเตรียมข้อมูลในเรื่องนี้ละก็ ขอบอกว่าคุณก็ชะล่าใจไปสักหน่อย ลองมาดูคำแนะนำที่แพรว wedding สรุปมาให้กันก่อน จะได้รู้ว่าอะไรควรทำและไม่ควรทำเมื่อจะหารองเท้ามาใส่ในงานแต่งนะคะ

 

  • หาชุดแต่งงานให้ได้ก่อน

ไม่ว่าจะเป็นชุดเจ้าสาวแบบไทยแท้-สากล หรือชุดเจ้าบ่าวสไตล์ไหน อย่างน้อยๆ คุณต้องได้ชุดที่จะใช้จริงมาก่อนที่จะซื้อรองเท้าเสมอนะคะ จะได้รู้ว่าชุดที่เลือกเข้ากันได้ดีกับรองเท้าไหม อย่าลืมว่าชุดมีเรื่องของสีเข้ามาเอี่ยว โดยเฉพาะชุดของคุณผู้ชาย ถ้าคุณเลือกไม่เข้ากัน แถมยังต้องไปยืนข้างเจ้าสาวในชุดขาวทั้งงาน ความต่างจะยิ่งเห็นชัดนะคะ

  • ทำความรู้จักพื้นของสถานที่จัดงานแต่ง

อ่านไม่ผิดหรอกค่ะ คุณต้องรู้ว่าพื้นห้องหรือพื้นสนามที่ใช้จัดงานแต่งเป็นแบบไหน เพราะเรื่องนี้สัมพันธ์กับประเภทของส้นรองเท้า ซึ่งถ้าคุณรู้ว่าพื้นเป็นแบบไหนจะได้ไม่พลาดเลือกรองเท้าที่ส้นไม่อำนวยมาใช้งาน เช่นพื้นสนามเททรายซะส่วนมากก็จะได้ไม่เลือกส้นเข้มที่แม้จะช่วยให้ดูเซ็กซี่แต่เดินย่ำกี่ก้าวก็จมทรายทุกที

  • ไม่ใช่แค่สวย แต่ต้องใส่สบายด้วย

หัวใจสำคัญของการซื้อรองเท้ามาใส่ในวันแต่งงานไม่ได้จบแค่ทุกอย่างสวยงาม วางคู่กับพร้อพต่างๆ แล้วได้ภาพสวย เพราะคุณต้องใส่รองเท้าคู่นั้นยาวนานอย่างต่ำๆ 3 ชั่วโมง ดังนั้น อย่ายึดติดว่าสวยจังและยอมทนที่บีบหน้าเท้า เพราะไม่คุ้มกับท่าเดินแปลกๆ ที่คุณไม่อยากให้เกิดอย่างแน่นอน

รองเท้าแต่งงาน

  • เทียบความสูงด้วยก็ดี

ไม่ใช่ความสูงเดิมกับตอนที่ต่อส้นสูงค่ะ แต่เป็นความสูงระหว่างเจ้าบ่าวและเจ้าสาว ต้องเลือกรองเท้าที่พอใส่แล้วความสูงกำลังเหมาะ ไม่ใช่เจ้าบ่าวตัวเล็กแต่เจ้าสาวก็เอาแต่จะใส่ส้นสูงสุดๆ เว้นเสียแต่ว่าคุณทั้งคู่ตกลงกันแล้วว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาก็โอเค

  • อย่าส่องแค่ร้านเดียวเด็ดขาด

จริงอยู่ที่คุณมีแบบรองเท้าที่ชอบและเข้ากับชุด แต่ไม่ได้หมายความว่าจะมีแค่ร้านเดียวที่จำหน่ายรองเท้าแบบนั้นนี่คะ ลองดูในหลายๆ ร้าน คุณจะพบทางเลือกและราคาอันหลากหลายค่ะ

  • อย่าคิดจะซื้อทางออนไลน์

เครื่องประดับเล็กๆ น้อยๆ ที่ใช้ในงานจะจะเปิดไอจีหรือเฟชบุ๊คแล้วช้อปไม่ว่ากัน แต่เรื่องรองเท้านี่อันตรายมากนะคะ ถ้าไม่ได้ลองอย่าได้คิดซื้อมาใส่เชียวล่ะ เพราะไหนจะการวัดขนาดเท้าที่อาจไม่ตรงกับขนาดรองเท้าของร้านนั้นๆ ไหนจะวัสดุที่ใช่ตัดเย็บไม่ได้สัมผัสของจริง แล้วแบบนี้ไม่เรียกว่าเสี่ยงก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วนะคะ

  • อย่ารอจนนาทีสุดท้าย

หลายคู่ที่ใจเย็นเพราะเห็นเป็นเรื่องเล็กๆ กับแค่รองเท้าก็เลยนอนใจใช้เวลาไม่กี่วันก่อนถึงวันจริงไปช้อปปิ้ง แต่แพรว wedding บอกเลยนะว่าคุณคิดผิด เพราะหลังจากซื้อมาแล้วคุณต้องใส่บ่อยๆ ให้ชินเท้า รวมถึงซ้ำใส่เพื่อความคล่องตัวยามเดินเหิน

นอกจากจะเลือกรองเท้าแต่งงานให้ดีและถี่ถ้วนตามคำแนะนำที่แพรว wedding บอกไปด้านบนแล้ว ขอทิ้งท้ายอีกสักนิดว่า แม้รองเท้าจะดีงามแค่ไหนก็ควรเตรียมรองเท้าสำรองไว้ด้วยนะคะ เพราะต่อให้คุณซื้อรองเท้าคู่นั้นมาในราคาเหยียบหมื่น แต่ไม่ได้การันตีว่าถ้าเดินสะดุดหรือส้นติดพื้นระแนงจะไม่หลุดหรือพัง นี่ยังไม่รวมจังหวะที่แขกเมาแล้วทำไวน์แดงหกรดใส่รองเท้าผ้าซาตินอีกนะ ฉะนั้นจึงเป็นเหตุผลที่ว่า คุณต้องเตรียมรองเท้าสำรองไว้ด้วย ซึ่งคุณสมบัติทั้งหลายก็ควรใกล้เคียงกับที่เราแนะนำไปจะดีมากค่ะ

ติดตามไอเดียและเคล็ดลับดีๆ ยังมีอีกเพียบ คลิกเลย!

เรื่อง : ดอกปีบ
ภาพ : pxhere

How To เลือก เพลงในงานแต่งยังไงให้บ่าวสาวอินและโดนใจแขก

เพลงในงานแต่ง จะเลือกยังไงดีน้าาา??

ไม่ว่าใครเมื่อได้ยินเพลงรักก็มักเกิดอาการวิ้งๆ ยิ้มๆ และนึกถึงคนรักขึ้นมาแบบไม่รู้ตัว หรือบางครั้งภาพความทรงจำดีๆ ระหว่างคุณและคนรักก็ผุดขึ้นมาเมื่อได้ยินเพลงโปรดโดนใจ ซึ่งเมื่อคุณได้ยินเพลงบางเพลง อาจทำให้คุณเกิดการเชื่อมโยงเหตุการณ์ หรือความสัมพันธ์ของคุณและคนรักเข้ากับเพลงๆ นั้น จึงทำให้หลายคู่มี “เพลงรักของตัวเอง” ในงานแต่ง เพราะเนื้อหามันช่างใกล้เคียงกับคู่เราซะเหลือเกิน เพราะฉะนั้นหากว่าที่บ่าวสาวจะเลือก เพลงในงานแต่ง เพื่อเปิดในช่วงพิเศษในงาน เพลงๆ นั้นก็ควรจะเป็นเพลงที่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องราวความรักของคุณทั้งคู่ด้วยนะถึงจะอิน

แต่ว่าที่บ่าวสาวบางคนก็อาจยังตัดสินใจเลือกเพลย์ลิสต์ที่จะเปิดในงานแต่งไม่ได้ หรือบางครั้งการเลือกเปิดเพียงแค่เพลงใดเพลงหนึ่งอาจเป็นเรื่องยากในการตัดสินใจ แพรว wedding เลยมีวิธีที่จะทำให้ขั้นตอนนี้ไม่ลำบากใจและไม่ยุ่งยาก แถมยังทำให้การเลือกเพลงสนุกมากขึ้นด้วย

และนี่คือคำแนะนำเล็กๆ น้อยๆ สำหรับว่าที่บ่าวสาวที่ยังเลือกเพลงเปิดในงานแต่งไม่ได้

1. อย่ารับฟังความคิดเห็นที่มากเกินไป

โปรดจำไว้ว่าทุกคนมีเทสต์หรือรสนิยมในการฟังเพลงที่ต่างกัน เพราะฉะนั้นหากว่าที่บ่าวสาวขอคำแนะนำจากคนอื่นเมื่อไหร่ คุณอาจพบว่ากำลังพยายามทำให้คนอื่นพอใจมากกว่าตัวคุณเอง ดังนั้นการพูดคุยและตกลงกันเพียงคุณและคนรักนั้นดีที่สุด โดยลงความเห็นว่าเพลงไหนที่ดูเป็นคู่ของเรามากที่สุดก็เข้าวินไปเลย

2. ฟังเพลงก่อนแล้วค่อยเลือก

แต่ละคนก็มีรสนิยมในการฟังเพลงต่างกันไป บางแค่ได้ยินทำนองก็ถึงขั้นขยับร่างกายเข้าจังหวะได้แบบตรงเป๊ะ หรือสำหรับบางคนเนื้อเพลงก็มีผลต่อหัวใจมากๆ เพราะฉะนั้นการฟังเพลงหนึ่งเพลงให้ลึกซึ้งแล้ววิเคราะห์ไปถึงขั้นว่า เมื่อได้ยินเพลงๆ นี้มันทำให้ภาพช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งของคุณกับคนรักลอยมาหรือเปล่า หรือเพลงๆ นี้สามารถอธิบายเรื่องราวความรักของคุณทั้งคู่ได้ดีไหม เพราะสิ่งนี้ก็เป็นเรื่องสำคัญในการตัดสินใจเลือกเพลงมาเปิดในงานแต่งเหมือนกัน รับรองว่าถ้าเลือกเพลงที่อินมากๆ โมเม้นต์เรียกน้ำตาต้องมาแน่นอน

3. เตรียมเพลย์ลิสต์ให้พร้อมตลอดช่วงพิธี

บ่าวสาวต้องจัดเตรียมเพลย์ลิสต์ไว้ให้พร้อมตลอดช่วงพิธีการ และนำเพลย์ลิสต์นี้ไปให้กับผู้ดูแลงาน ดีเจ หรือวงดนตรีในงาน รวมไปถึงการแจ้งด้วยว่าช่วงไหนบ่าวสาวอยากใช้เพลงอะไรในการสร้างบรรยากาศ และหากบ่าวสาวเลือกจ้างวงดนตรีมาเล่นภายในงานก็อย่าลืมส่งเพลย์ลิสต์รายชื่อเพลงให้วงได้ทราบล่วงหน้า เพื่อที่นักดนตรีและนักร้องเขาจะได้ไปซักซ้อมกันก่อน ที่สำคัญอย่าลืมก๊อปปี้เพลย์ลิสต์เหล่านี้ไว้สำรองด้วย เพราะหากเตรียมไว้แต่ไฟล์เดียวหรือซีดีแผ่นเดียวหากวันงานเกิดขัดข้องเล่นไม่ได้คราวนี้ล่ะงานกร่อยแน่ๆ

4. เปิดใจให้กว้างสักหน่อย

ไม่ว่าบ่าวสาวจะชอบแนวเพลงแบบใดแบบหนึ่งหรือสามารถฟังได้ทุกประเภท เราขอแนะนำให้คุณลองฟังแนวเพลงที่แตกต่างจากที่ชอบหรือเคยฟังดูบ้าง เพราะไม่แน่ว่าคุณอาจจะเจอกับเพลย์ลิสต์เพลงใหม่ที่กระแทกโดนใจทะลุเข้าไปในโซตประสาทจนทำให้หัวใจอบอุ่นได้ ว่าแล้วก็ลองชวนคนรักมาเปิดประสบการณ์แล้วท่องไปในโลกของเสียงเพลง แถมปัจจุบันแอปเพลงออนไลน์ต่างๆ เขาก็มีกรุ๊ปหมวดหมู่แนวเพลงมาให้ ทำให้ง่ายต่อการค้นหา ไม่แน่ว่าแนวเพลงบางแนวหรือเพลงบางเพลงที่คุณไม่เคยฟังมาก่อนอาจจะเป็นหนึ่งในเพลย์ลิสต์ที่ถูกเปิดในงานแต่งงาน หรือสามารถจุดประกายความคิดไอเดียบางอย่างให้กับบ่าวสาวก็ได้นะ

5. ทำตามหัวใจ

ข้อสุดท้ายนี่ง่ายมากๆ เพราะจากบทเพลงทั้งหมดเป็นสิบๆ เพลง บ่าวสาวก็แค่หาว่าเพลงไหนบ้างที่คุณชอบและอยากที่จะเปิดในวันสำคัญ เพียงแค่เชื่อในสัญชาตญาณและเพลงที่คุณรู้สึกว่ามีความหมายที่สุดสำหรับวันแต่งงานของคุณ

ดูไอเดียงานแต่งดีๆ และคำแนะนำเกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานเพิ่มเติม คลิกเลย!

ภาพ pexels.com

สร้อยคอสวยๆ จับคู่กับคอเสื้อเจ้าสาว แค่ใส่ตามนี้ก็สวยเพอร์เฟ็กต์

ปัญหาอย่างหนึ่งของว่าที่เจ้าสาวที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อนว่าทำเอาปวดหัวไม่แพ้เรื่องไหนคือการจับคู่สร้อยคอสวยๆ กับ คอเสื้อเจ้าสาว แต่ละแบบ เพราะเจ้าสาวแต่ละคนรูปร่างต่างกัน ความชอบก็ต่างกัน แต่ถ้าอยากสบายใจ ไม่ต้องคิดกังวลมากนัก แพรว wedding จับคู่มาให้แล้วค่ะ

สร้อยคอหลายเส้นกับชุดแต่งงานคอปาด

สำหรับสร้อยคอที่เหมาะกับชุดเจ้าสาวแบบคอปาดแบบนี้ แพรว wedding อยากบอกว่าไม่ได้จำกัดแค่ว่ามีเพียงเส้นเดียวเท่านั้น เพราะในความเป็นจริงหัวใจสำคัญก็คือ ความยาวของสร้อยคอต่างๆ ที่ควรยาวลงมาถึงประมาณเนินอกช่วงบนๆ ไม่ลงมาต่ำถึงหว่างอก และถ้าจะให้ดี ความมีความบางในเส้นสายสร้อยสักหน่อย จะได้ไม่ดูเป็นแผง

ย้ำความหวานให้คอเสื้อรูปหัวใจด้วยสร้อยคอช่วยนำสายตา

จุดเด่นของคอเสื้อเจ้าสาวแบบรูปหัวใจคือความเว้าที่กลางอกที่ส่งให้เจ้าสาวดูหวานขึ้นแบบบวกๆ และเพื่อเป้ฯการย้ำความหวานสร้อยคอที่เลือกอาจมีจี้หรือดีไซน์ที่มีลักษณะการนำสายตาให้ย้ำอีกนิดว่าชุดเจ้าสาวแสนหวานที่เลือกชุดนี้คือเกาะอกรูปหัวใจ

ชุดเจ้าสาวแบบไหล่เฉียงที่มีเพียงต่างหูก็พอ

เพราะชุดเจ้าสาวแบบไหล่เฉียงมีเนื้อผ้ามากองที่ด้านใดด้านหนึ่งอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องมีสร้อยคอมาทำให้คุณกลายเป็นเจ้าสาวที่ดูเยอะเกินไป ฉะนั้นแค่เลือกต่างหูสักคู่ที่ไม่เล็กจนจมหายไปกับใบหน้ามาเพิ่มความหรูหราก็พอ

เกาะอกแบบตัดตรงกับสร้อยคอแบบแผง

สร้อยคอที่มีความหนาหลายแบบ ทั้งที่มีเพชรพลอยประดับหรือจับมุกมาเรียงเป็นสร้อยคอก็ช่วยเติมเต็มความเป็นเจ้าสาวได้ดี นอกจากนี้หากคุณคือเจ้าสาวไหล่ใหญ่ การเลือกชุดเกาะอกคู่สร้อยคอแบบแผงจะช่วยทำให้พื้นที่ไหล่ดูแคบลงค่ะ

ชุดเจ้าสาวคอวีกับสร้อยคอเส้นบางพร้อมจี้

ความดีงามของชุดเจ้าสาวแบบคอวีคือช่วยทำให้ช่วงคอของคุณดูระหงส์มากขึ้น ยิ่งเพิ่มเติมด้วยสร้อยคอเส้นบางทีมาพร้อมจี้ ทิ้งตัวลงหว่างอกแบบนี้ สวยหรูแต่แอบเก๋นะคะ

6 สิ่งบ่าวสาวควรรู้ก่อนเขียนสคริปต์กล่าวขอบคุณแขกบนเวที

เพราะเรารู้ว่ากว่าจะพูดขอบคุณบนเวทีในวันแต่งงานได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แพรว wedding จึงจัด 6 เทคนิคเขียน สคริปต์กล่าวขอบคุณแขก บนเวทีมาฝากกัน ลองค่อยๆ อ่าน ทำตามเป็นขั้นตอน แล้วรับรองเลยค่ะว่าบทพูดขอบคุณแขกของคุณจะไหลลื่นสุดๆ 

1. ปรึกษากันสองคนงุ้งงิ้ง

แทนที่จะเอาเวลาไปคิดถึงบทพูดอื่นๆ ที่เคยได้ยินมาจากงานแต่งที่เคยไปด้วย ก็หันหน้ามาปรึกษากันเองดีกว่า จะพูดสั้นยาวแค่ไหน หรือเรื่องของเราจะเป็นเรื่องตลกหรือแนวซึ้งกินใจดี แต่ก็ไม่ต้องบอกกันทุกอย่างก็ได้นะจ๊ะ ถ้าหากคุณอยากเก็บบางส่วนของบทพูดขอบคุณเอาไว้เซอร์ไพรส์คนข้างๆ อิอิ

2. หาที่เงียบๆ รื้อลิ้นชักความทรงจำ

หาที่เงียบๆ อากาศโปร่งๆ ค่อยๆ รื้อฟื้นความทรงจำที่มีร่วมกันมา ว่าตอนนั้นเราเคยสัญญาอะไรกันไว้ ตอนนู้นเขาทำให้เราประทับใจอย่างไรบ้าง หรือว่าเราแพ้ใจเขาที่ตรงไหน แบบนี้จะทำให้เขียนอะไรออกมาได้อย่างพรั่งพรูแบบที่คาดไม่ถึงเลยทีเดียว

3. ลิสต์ไว้เป็นข้อๆ

ถ้านึกไม่ออกว่าจะเริ่มจากตรงไหน ให้ลองลิสต์สิ่งที่อยากพูดออกมาเป็นข้อๆ ตั้งแต่รักเขาเพราะอะไร ไปจนถึงแผนที่วางไว้ในอนาคตว่าอยากมีลูกสักสองโหล เป็นต้น ปิดท้ายด้วยคำสัญญาที่คุณจะทำให้กับเขา แค่นี้ก็ทำให้คนฟังซึ้งกินใจแล้ว

4. หาแนวทาง

ง่ายสุดๆ ถ้าคิดอะไรไม่ออกปรึกษาเพื่อนๆ ที่เคยผ่านประสบการณ์มาแล้ว ลองดูว่าที่ผ่านๆ มา มีคนพูดอะไรแบบไหน แล้วคุณรู้สึกว่าชอบจุงแบบเนี่ย ก็ลองเอามาปรับให้เป็นตัวคุณ เล่าเรื่องในแบบของคุณ เท่านี้ก็ทำให้ชีวิตง่ายขึ้นเยอะ

5. พักสมองสักนิด

ถ้าหาข้อมูลก็แล้ว ลิสต์ก็แล้ว เขียวรอบแรกก็แล้ว แต่ยังไม่โดนสักที ลองออกไปเดินเล่นทำอะไรอย่างอื่นสักพัก แล้วกลับมาเขียนอีกรอบ จะทำให้ความคิดลื่นไหลมากขึ้น เขียนง่ายมากขึ้น แถมระหว่างทางออกไปสวีทกันอาจจะได้อะไรกลับมาเขียนเพิ่มเติมก็ได้นะคะ

6. อย่าเขียนในนาทีสุดท้าย

อย่าคิดว่าเขียนเมื่อไหร่ก็ได้ แล้วมาทำเอานาทีสุดท้ายเด็ดขาด ถึงจะเป็นบทพูดสั้นๆ แต่เชื่อเถอะว่าเขียนไม่ง่ายขนาดที่ใช้เวลาแค่ชั่วโมงสองชั่วโมง เพราะกว่าคุณจะสรรหาคำที่ถูกใจ กว่าจะเขียนถึงสิ่งที่พูดทั้งหมดต้องใช้เวลานาน แถมบางทีเขียนไปซึ้งเองไปต้องหยุดร้องไห้อีก เพราะอย่างนั้นเผื่อเวลาสำหรับเขียนสักสองสามอาทิตย์กำลังดีค่ะ

นี่แหละค่ะ 6 เทคนิคให้บ่าวสาวเขียนคำขอบคุณบทเวทีได้ง่ายขึ้น แถมไม่พูดแบบตะกุกตะกักให้เสียอารมณ์ซึ้งอีกด้วย ลองทำตามกันดูนะคะ

สคริปต์งานไทย 2 ภาษาจัดเต็มทั้ง เจรจา สู่ขอ นับสินสอด และสวมแหวน

ขอบคุณข้อมูลจาก www.brides.com
ภาพจาก robynsrussell.com

เจ้าสาวต้องจำ! 8 สิ่งไม่ควรทำก่อนตระเวนหาชุดแต่งงาน

วันนี้เรามี 8 เรื่องที่อยากบอกกับคุณว่าที่เจ้าสาวที่กำลังจะออกตระเวนหา ชุดแต่งงาน ว่า อย่าทำ! อย่าทำ! และอย่าทำเด็ดขาด เพราะบางเรื่องถ้าทำไปจะเป็นผลร้ายมากกว่าดี บางเรื่องที่คิดว่าทำได้สิ แท้จริงแล้วเป็นสิ่งที่เรียกว่าคิดผิดมหันต์ จะมีเรื่องไหนบ้าง และคุณกำลังอยู่ในข่ายทำเรื่องไม่ควรหรือเปล่า ไปเช็คกันเลย

 

  • ไม่ตั้งงบประมาณ

เรื่องงบประมาณสำคัญที่สุดและคือสิ่งแรกที่พึงวางแผนเมื่อคิดจะแต่งงาน โดยการวางแผนงบประมาณที่ว่า คือวางทั้งงานว่ามีงบประมาณที่เท่าไหร่ จากนั้นจัดสรรงบประมาณในส่วนของชุดเจ้าสาวว่าจะตั้งไว้ที่เท่าไหร่จึงจะเรียกว่าพอดีและสมน้ำสมเนื้อ และขอบอกไว้ตรงนี้เลย อย่าได้คิดว่าแต่งครั้งเดียวเรื่องชุดแต่งงานต้องเต็มที่เสมอไป เพราะเรื่องแบบชุดกับราคาเป็นคนละเรื่องกันค่ะ

ถ้าเป็นในเรื่องสไตล์สวยงามอันนั้นอยากใส่สักครั้งในชีวิตและพิจารณาแล้วว่าเหมาะสม เรายอมให้คุณไฟเขียวกับสิ่งที่อยากได้ แต่ถ้าเรื่องราคาจะปล่อยผ่านแบบงบไม่จำกัดก็คงไม่ไหว เพราะข้อดีของการมีงบประมาณคุมไว้ก่อนจะช่วยให้คุณแตะเบรกความไม่จำเป็นได้ไปในตัว จะได้เก็บเงินไว้สานฝันวันแต่งงานด้านอื่นๆ ต่อไป (ยกเว้นว่าคุณมีเงินถุงเงินถังที่จะเอามาลงกับชุดเจ้าสาวที่ใส่เพียง 3 ชั่วโมงแล้วพับเก็บเข้ากรุ)

  • ไม่หาข้อมูลเตรียมไว้

เจ้าสาวหลายคนคิดแค่ว่าอยากใส่ชุดแต่งงานทรงไหนเพียงอย่างเดียว ขอบอกเลยว่าข้อมูลแค่นี้ยังไม่พอนะจ้ะ คุณควรจัดเตรียมข้อมูลอื่นๆ ไว้ด้วย โดยเฉพาะข้อมูลของร้านชุดแต่งงานที่จะพุ่งตัวไปว่าเล็งร้านไหนไว้บ้าง ร้านอยู่ตรงไหน ไกลหรือเปล่า มีชุดแต่งงานในแบบที่ชอบไหม แล้วร้านนี้ถนัดชุดไทยหรือสากล รวมถึงข้อมูลของดีไซเนอร์ที่ร้านหรือดีไซเนอร์คนไหนที่ฝีมือถูกจริต หรือแม้แต่เรื่องหน้าผมที่จะทำให้วันงานก็ต้องมีไว้ด้วน

  • มุ่งมั่นกับแบบชุดแค่แบบเดียว

การมุ่งมั่นอยู่กับชุดแต่งานแค่แบบเดียวคือการปิดกั้นตัวเองจากชุดอื่นๆ ที่อาจจะเหมาะกับตัวคุณมากกว่าแบบชุดที่ฝันไว้ การมีความชอบในชุดแบบไหน ถือว่าเป็นเรื่องดี แต่บางทีชุดที่คุณชอบเมื่อใส่ไปแล้วอาจไม่ใช่ชุดที่เกิดมาเพื่อคุณก็เป็นได้ ฉะนั้นเปิดใจให้กว้าง รับคำแนะนำจากทางร้านเพื่อเปิดโอกาสให้คุณได้เจอชุดที่นอกจากจะใช่แล้วยังเข้ากันได้ดีกับรูปร่างของคุณด้วย

  • ไม่นัดหมายล่วงหน้า

นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ขอเถอะว่าอย่าได้ทำ อย่าได้ประมาท เพราะคำว่าเสียเที่ยวจะเกิดขึ้นทันที การที่คุณมีร้านในใจ ไม่ได้แปลว่าจะมีคนที่รู้งานดูแลคุณเสมอไป เพราะมีถมไปที่พอไปถึงที่ร้านแล้ว มีแค่เด็กเฝ้าร้านที่มีความรู้เพียงว่า ชุดแต่ละแบบมีวิธีสวมแบบไหน แต่ไม่สามารถให้คำแนะนำที่ดีได้ หรือบางรายเมื่อเจอปัญหาหนักๆ จากสรีระที่ไม่สมบูรณ์แบบของว่าที่เจ้าสาวแล้วเกิดอาการมึนมาก ตอบไม่ได้ พูดเพียงว่าเดี๋ยวต้องเข้ามาอีกทีจะดีกว่าหรือรอพี่เจ้าของร้านมาก่อนไหมคะ แบบนั้นเสียเวลาและเสียอารมณ์มากจริงไหม

ชุดแต่งงาน

  • วางแผนกินซะพุงกาง

ประเด็นนี้เกิดขึ้นจริงๆ กับว่าที่เจ้าสาวที่คิดผิดว่ากินให้เต็มไว้ก่อน พุงจะได้ขยายแบบธรรมชาติๆ เวลาช่างวัดตัวตัดชุดก็จะได้รู้ว่า วันงานพ่อกินอิ่มแล้วพุงขยายประมาณนี้ใส่ชุดไปไม่อึดอัดชัวร์ ถ้าคุณกำลังคิดแบบนี้อยู่คิดใหม่นะคะ เพราะนอกจากชุดที่ตัดออกมาจะแลดูไม่สวยแล้ว เราอยากให้ลองคิดในมุมว่าถ้าช่วงก่อนวันงานน้ำหนักลงล่ะ ทีนี้ต้องแก้ชุดซ้ำไปมาวุ่นวายไปอีก

  • เมาปลิ้น นอนไม่พอในคืนก่อนเข้าร้านชุด

แม้รุ่งขึ้นจะยังไม่ใช่วันงานแต่งงานจริงๆ ก็ตาม แต่การไปพบร้านชุดแต่งงานในสภาพที่สมองไม่โปร่งโล่งจะทำให้การตัดสินใจเลือกชุดพลาดไปได้ง่ายๆ เพราะคุณอาจมึนมากจนขี้เกียจคิด หรืออาจกลายเป็นเลือกชุดผ่านๆ ส่งๆ ไปก่อน รวมถึงการที่ใบหน้าทรุดโทรม จะทำให้เวลาส่องกระจกมองตัวเองในชุดแต่งงานดูแย่ดูไม่สวยดูไม่สดใส ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วชุดที่เลือกอาจจะดูดีดูเหมาะมากอยู่แล้วก็เป็นได้

  • เชิญผู้ติดตามแก๊งใหญ่มาร่วมช้อป

เข้าใจค่ะว่า การเข้าร้านชุดแต่งงานของว่าที่เจ้าสาวมักต้องการผู้ช่วยที่จริงใจ ให้คอมเม้นท์ที่ตรงไปตรงมาและเป็นคนที่รู้จักตัวคุณไม่ต่างจากคุณรู้จักตัวเอง แต่การขนกันไปเป็นโขยงไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป เพราะอย่าลืมว่า 8 คน 8 คอมเม้นท์ แต่ชุดแต่งงานมีชุดเดียว แล้วทีนี้จะฟังใคร เกิดเชื่อคนนี้ ไม่เชื่อคนนั้น ทีนี้ก็เกิดวิวาทและมีอาการงอนกันแน่นอน ฉะนั้นถ้าคุณคือเจ้าสาวเพื่อนเยอะ เราขอแนะนำให้คัดเอาแบบเพื่อนคนที่เรียกว่าเป็นสุดยอดแห่งความรู้ใจ รู้จริงไปสักคนสองคนก็พอ แล้วรับรองว่าการช้อปชุดแต่งงานของคุณจะง่ายขึ้นเยอะ

  • อัดแน่นนัดสารพัดร้านในวันเดียว

เรื่องสุดท้ายที่ขอบอกว่า อย่าทำเด็ดขาดคือการอัดแน่นการนัดหมายร้านชุดแต่งงานในหนึ่งวันหลายๆ ร้าน เพราะรู้ไว้เลยนะคะว่าการเข้าไปที่ร้านชุดแต่งงานคุณจะต้องเวลาอย่างต่ำๆ เป็น 1-1.30 ชั่วโมง แน่นอน เริ่มตั้งแต่เข้าไปนั่งคุยบอกเล่าความต้องการให้ที่ร้านได้รับรู้ การพิจารณาราคาในเบื้องต้น ไหนจะเวลาลองชุดที่เหมาะ และกว่าจะเจอชุดที่น่าจะใช่ ซึ่งไม่ได้ลองแค่ชุดสองชุดจบแน่นอน ฉะนั้น การนัดหมายร้านชุดเจ้าสาวในหนึ่งวันเต็มที่ 2 ร้านก็เกินพอ เพื่อคุณจะได้ร้านที่เปี่ยมด้วยคุณภาพและตรงใจจริงๆ

ดูไอเดียและคำแนะนำเกี่ยวกับชุดแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

รวมสารพัดสิ่งของเครื่องแต่งกายสำรองที่ต้องมีในวันแต่งงาน

ว่ากันว่าเรื่องเครื่องแต่งกายของบ่าวสาวควรเตรียมล่วงหน้าอย่างน้อยที่ 3 เดือนก่อนถึงวันงาน แต่ในการเตรียมส่วนใหญ่ บ่าวสาวก็มักจะลืมว่าต้องเตรียม เครื่องแต่งกายสำรอง ไว้เผื่อเหตุฉุกเฉินด้วยนะคะ ซึ่งถ้าคุณอยากรู้ว่ามีอะไรบ้าง แพรว wedding ลิสต์มาให้แล้ว พร้อมแล้วก็เตรียมซะ

 

  • ต่างหูและแป้นต่างหูสำรอง

อ่านไม่ผิดหรอกค่ะ ต่างหูนี่แหละที่เราอยากให้เตรียมคู่ไปกับแป้นต่างหูสำรอง เพราะมีมาแล้วนะคะ ที่อยู่ๆ ต่างหูหลุดหล่นหายไป แต่ผมก็ทำเสร็จแล้ว ทีนี่ทำไงล่ะ ครั้นจะให้วิ่งไปเปิดกรุสมบัติเจ้าคุณแม่ที่บ้านคงไม่ทัน หรือจะหยิบยืมใครในงานคงไม่ได้ เพราะเดี๋ยวไม่เข้ากับชุดจะทำยังไง ถ้าอย่างนั้นก็แค่เตรียมเพิ่มเติมไว้แบบนั้นสบายใจกว่า

เครื่องแต่งกายสำรอง

  • รองเท้าสำรอง

สำหรับเจ้าสาวนั้น แพรว wedding อยากเตือนให้เตรียมทั้งแบบส้นสูงและส้นแบนค่ะ เพราะในยามที่ส้นหักแต่ยังคงต้องยืนสวยๆ ถ่ายรูปกับแขกก็ต้องใช้ ส่วนรองเท้าสำรองนั้นไม่ต้องพูดถึง เวลาเดินหาแขกหรือเมื่อยเท้าจะได้มีไว้พักเท้าไงค่ะ ส่วนคุณเจ้าบ่าวเองก็อย่าประมาท ถึงคุณจะไม่ได้ใส่ส้นสูงก็เถอะ มีติดไว้บ้างดีออกเนอะ

  • เนคไทสำรอง

ต่อให้ฟันธงมาแล้วว่าเนคไทอันนี้แหละที่เหมาะที่สุด แต่จะแปลกอะไรถ้าคุณจะเตรียมเอาไว้อีกชิ้นเผื่อสลับเปลี่ยนหรือบางทีแสงไฟที่จัดไว้อาจทำให้สีเนคไทเพี้ยนไปจากที่ตั้งใจ รวมถึงความด้านและขึ้นเงาของเนื้อผ้าก็อาจมีผลทำให้คุณหล่อขึ้นหรือลดลงนะคะ

  • คัฟลิ้งสำรอง

อันเล็กนิดเดียวมีสิทธิ์จะหล่นหายไปได้ไม่ต่างกับต่างหูเจ้าสาว ฉะนั้น ไม่น่าจะใช่เรื่องยากถ้าจะพกคัฟลิ้งเพิ่มอีกสักคู่จริงไหม

  • ชุดเดรสสีขาวหรือสีอ่อนสำรอง

อุบัติเหตุยามสนุกเกิดขึ้นได้ไม่จำกัดเวลานะคะ หลายๆ ครั้งที่แขกไม่ได้ตั้งใจหรือเด็กน้อยวิ่งมาชน จนทำให้น้ำสีๆ ทั้งหลายหกใส่ชุดสีขาวของเจ้าสาวได้โดยไม่ตั้งใจ แล้วทีนี้จะทำยังไงละ ชุดเจ้าสาวมีชุดเดียวนี่นา นี่จึงเป็นเหตุผลที่แพรว wedding อยากให้คุณเตรียมชุดเดรสสำรองเอาไงคะ

ดูไอเดียและคำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานได้ที่นี่ คลิกเลย!

เรื่อง : Hoyamemoria
ภาพ : pxhere, pexels

5 เรื่องเจ้าสาวควรคิดก่อนหยิบชุดแต่งงานแบบสั้นมาใส่ในวันแต่งงาน

แพรว wedding ไม่เคยบอกว่าชุดแต่งงานต้องยาวกร่อมพื้นหรือหางยาวเป็นเมตรเสมอไป ถ้าคุณคิดจะใส่ ชุดแต่งงานแบบสั้น ก็ไม่มีใครว่า ยิ่งถ้าเป็นสาวขาเรียวด้วยแล้วล่ะก็ ใส่เถอะค่ะ ถ้าสบายใจ เพราะนอกจากคุณจะได้โชว์เรียวขายังได้โชว์ความโมเดิร์นสุดมั่นโดยไม่รู้ตัวด้วยนะ เพียงแต่ว่าก่อนจะชัวร์ว่าจะสั้น เราอยากให้คุณคิดถึงเรื่องเหล่านี้ก่อน

  • อากาศเป็นไงบ้าง

คือถ้าอยู่ในช่วงฤดูร้อนจะเลือกชุดสั้นที่มาแบบแขนกุด สายเดี่ยว เกาะอก ก็ไม่ว่ากัน แต่ถ้าเมื่อไหร่รู้ว่าจะแต่งงานหน้าหนาวที่มีแนวโน้มว่าจะหนาวจริงๆ หรือขึ้นดอยไปแต่งงาน จะสั้นก็ไม่ว่าแต่ช่วงบนควรเลือกแบบที่ให้ความอบอุ่นซะหน่อย จะเป็นสไตล์ช่วงบนมีแขน ติดขนนกหรือถมเฟอร์เข้าไปก็ลองดู แต่เพื่อความอบอุ่นอย่าได้เลือกแบบว่าทั้งสั้นทั้งเปิด เพราะถ้าภูมิคุ้มกันไม่ดี หลังแต่งงานคุณจะมีสภาพเป็นคนป่วยน้ำมูกยืดอย่างแน่นอน

  • สถานที่ก็ต้องเช็ค

หัวข้อสถานที่ในที่นี่มีหลายประเด็นอยู่นะคะ อย่างแรกคือ จัดงานที่ไหน ถ้าคุณเป็นคู่รักเรียบง่ายจัดงานในวัดแบบว่าแค่เลี้ยงพระ ฟังเทศน์ พรมน้ำมนต์ จะมาเลือกชุดสั้นนี่ไม่น่าจะถูกต้อง แต่ถ้าเป็นจัดงานง่ายๆ ในบ้านอะไรแบบนั้นจะสั้นก็ทำเถอะ นอกจากนี้เรื่องสถานที่ๆ อยากให้ดูก็คือ เป็นงานกลางแจ้งหรือเปล่า เพราะถ้าเป็นกลางแจ้งแถมยังหน้าร้อนก็ควรเลือกผ้าที่บางเบาและถ่ายเทอากาศได้ดี ถ้าเกิดสั้นพอดีแต่อยู่ในหน้าหนาวก็เอาผ้าที่หนามาหน่อย อย่าได้ติดแค่ว่าผ้าอะไรก็ได้ขอให้ได้ดีและสวย เพราะนั่นน่ะ มันไม่เวิร์คเวลาใส่จริง

  • ชิ้นเดียวหรือสองชิ้นดี

การเลือกชุดแต่งานแบบสั้นที่ง่ายมากๆ อีกอย่างคือ การหาองค์ประกอบชุดชิ้นบนกับชิ้นล่างที่เข้ากัน แถมเสร็จงานยังเอาไปต่อยอดใช้ในวาระโอกาสอื่นๆ ได้ด้วย เพียงแต่สิ่งที่คุณต้องมั่นใจคือ คุณรู้จักการจับคู่บนล่างที่ลงตัวเข้ากันได้จริงๆ นะ

  • ชุดสั้นไม่ต้องสั้นรอบทิศก็ได้นะ

ชุดแต่งงานแบบกระโปรงหน้าสั้นหลังยาวก็ฮิตอยู่เรื่อยๆ นะคะ เพียงแต่ถ้าคุณเลือกแบบนี้เมื่อไหร่ต้องระวังสักหน่อยว่า ความสมดุลระหว่างความสั้นด้านหน้ากับความยาวด้านหลังมันต้องไปด้วยกันได้ ไม่ใช่ว่าข้างหน้าสั้นเกินข้างหลังยาวไป ระวังเถอะคนจะคิดว่าแบ่งเนื้อผ้าผิดแบบนั้นตลกมากนะ แถมน่าอายด้วย

  • ทรงกระโปรงช่วยกลบความไม่เป๊ะของขา

อ่านไม่ผิดหรอกค่ะ ถ้าคุณเลือกทรงกระโปรงเป็นก็ช่วยกลบข้อบกพร้อมของขาได้เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นความนูนโป้งของกล้ามเนื้อช่วงหน้าขาที่อาจมีมากเกินไป การเลือกทรงกระโปรงแบทรงเอ ไม่รัดรูปแบบกระโปรงทรงสอบคือการช่วยให้ไม่ต้องเน้นต้นขาอะไรแบบนั้นไงคะ

ไม่ว่าคุณจะเลือกกระโปรงสั้นแบบไหนก็ตาม เราอยากให้คุณใส่ใจในชนิดของผ้าก็ด้วยนะคะ คือเรียกว่าห้ามมองข้ามเด็ดขาด ถ้าจัดงานกลางแจ้งที่ลมแรงมากๆ ก็ควรเลือกเนื้อผ้าที่มีความทิ้งตัว ไม่ใช่บางเบาจนต้องคอยจับเพราะกลัวกระโปรงเปิดอยู่ตลอดเวลา ส่วนเรื่องของเครื่องประดับก็ควรต้องใส่ใจเลือกให้เข้ากันกับชุดสวยของคุณ นอกจากนี้เรื่องของระดับความยาวและความสั้นของกระโปรงก็สำคัญ ถ้าคุณคือสาวขายาวก็สบายไป จะระดับไหนก็มักใส่ออกมาสวย เพียงแค่ดูทรงไม่ให้ออกมาเหมือนใส่กระโปรงทำงาน สาวหรูอาจเลือกความยาวที่เลยเข่าลงไปเล็กน้อย ในขณะที่สาวตัวเล็กเราแนะนำให้คุณใส่เหนือเข่าเพื่อเพิ่มช่วงขาให้ดูยาวขึ้น

ดูไอเดียเกี่ยวกับชุดแต่งงานเพิ่มเติมอีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ : unsplash.com

DIY กล่องใส่แหวนแต่งงานแทนใจที่ประดิษฐ์ง่ายๆ แถมประหยัดงบ

บางครั้งก่องใส่ แหวนแต่งงาน แทนใจก็ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้กล่องที่มาพร้อมกับร้านที่ไปซื้อเสมอไป เพราะบ่าวสาวสามารถเพิ่มไอเดียสุดเก๋ให้กับกล่องใส่แหวนให้สนุกมากขึ้น อย่างเช่นที่เราได้นำไอเดีย DIY สุดพิเศษอย่างกล่องใส่แหวนรูปกระเป๋าเดินทางใบจิ๋วที่ทําได้ง่ายๆ ด้วยตัวเอง เพื่อให้ฮอลิเดย์นี้มีแต่กลิ่นอายความสุขและความประทับใจ

Untitled-2

วัสดุและอุปกรณ์ :
กล่องไม้ขีดไฟ กระดาษสี กาว กรรไกร ไม้บรรทัด คัตเตอร์

DIY-011-กล่อง

วิธีทำ :
แยกกล่องไม้ขีดไฟออกจากกัน จากนั้นนํากระดาษสีหุ้มกล่องไม้ขีดทั้งสองชิ้น เมื่อเรียบร้อยแล้ว ตัดกระดาษสีน้ําตาลเข้มเป็นสายคาดกระเป๋า มุมกระเป๋า และหูจับ แล้วติดลงไปบนกล่อง จากนั้นตกแต่งให้สวยงามด้วยกระดาษสีตามชอบ

ดูไอเดียงานแต่งงานและคำแนะนำดีๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

จัด งานแต่งแบบประหยัด ยังไงให้ถูกใจแขก…มาดูกันเลย

งานแต่งแบบประหยัด แต่ได้ใจแขก เป็นไปได้จริงเหรอ??

เราได้ยินมาบ่อยเหลือเกินว่า บ่าวสาวทั้งหลายมักกังวลว่า สิ่งที่เตรียมไว้ในงานแต่งจะไม่ถูกใจแขก อย่างบางคนกลัวว่าอาหารไม่พอ บางคนกลัวต้อนรับได้ไม่ดี สารพัดความกังวลที่เราขอบอกเลยว่าคุณไม่มีทางทำให้ทุกคนพอใจได้หมดหรอกค่ะ ลองมาผ่อนหนักให้เป็นเบากับเรา ด้วย 6 ความลับที่จะช่วยให้คุณว่าที่ทั้งหลายจัด งานแต่งแบบประหยัด แถมยังได้ใจแขกเป็นของแถมอีกด้วย

 

ความลับที่ 1 ได้ใจแขกด้วยการตั้งป้ายชื่อประจำที่นั่ง

วิธีนี้จะทำให้ได้ใจแขกตรงที่คุณใส่ใจในตัวแขกทุกคนที่มาในงาน ด้วยการหาที่นั่งให้กับทุกคน แต่มีข้อแม้ว่า งานเลี้ยงของคุณต้องเป็นงานแบบซิทดาวน์ดินเนอร์นะคะ ไม่อย่างนั้นแล้วคุณคงจะหาป้ายชื่อมาตั้งลำบาก แต่ถ้าถามว่างานโต๊ะจีนทำได้ไหม อันนี้คงต้องบอกว่า อาจปรับจากป้ายชื่อมาเป็นป้ายโต๊ะเพื่อระบุให้กลุ่มไหนนั่งตรงโต๊ะไหน

ความลับที่ 2 ประหยัดค่าเค้กได้แค่ไม่ต้องแจกครบทุกคน

หลังจากที่คุณลงดาบตัดเค้กก้อนโตแล้ว บ่าวสาวสมัยนี้จะมีคัพเค้กแจกคนในงาน ซึ่งสิ่งที่เราเห็นบ่อยๆ คือ เค้กที่สั่งมาแจกในวาระนี้เหลือบานค่ะ เราก็เลยขอแนะนำให้คุณสั่งเค้กที่ว่านี้ในปริมาณที่ไม่ต้องครบทุกคน โดยอาจสั่งอยู่ที่ 30-40 % ของแขกในงานก็พอ เพราะแขกไม่ได้ต้องการบริโภคเค้กแต่งงานทุกคนหรอกนะคะ แล้วแบบนี้คุณจะไปสั่งเค้กมากมายไปเพื่ออะไร


ความลับที่ 3 ได้ใจแขกด้วยการจัดโซนดูแลเด็กไว้โดยเฉพาะ

อย่าได้มองข้ามโซนเด็กน้อยและพี่เลี้ยงในงานแต่งงานอย่างเด็ดขาดนะคะ เพราะคุณเองก็ไม่สามารถออกกฎว่าห้ามพาลูกพาหลานมาร่วมงานแต่ง และก็ไม่สามารถไปบอกพ่อแม่เด็กว่าเก็บลูกไว้ที่บ้านห่างตัวสักคืนได้ไหม และแน่นอนว่า คุณเองก็ไม่อยากให้แขกคนอื่นรู้สึกรำคาญเสียงร้องของเด็กน้อย ฉะนั้นเราจึงขอแนะนำให้คุณใส่ใจเรื่องนี้สักนิด ด้วยการจัดหาห้องหรือเก็บมุมหนึ่งไว้เพื่อให้เด็กๆ ได้ร่าเริงในสายตาพ่อแม่ และยิ่งบ้านไหนมีพี่เลี้ยงมาดูแล แขกจะได้รู้ว่าพี่เลี้ยงพาลูกสุดที่รักของเขาอยู่เป็นที่เป็นทาง แบบนี้ดีกับแขกทุกคนใช่ไหมล่ะ


ความลับที่ 4 ได้ใจแขกด้วยการเริ่มงานไว มีเส้นตายให้ลำดับงาน

หลายครั้งที่แขกบ่นกันเหลือเกินว่าเมื่อไหร่งานจะเริ่มสักที พอถามไปถามมาก็ได้รับคำอธิบายมากมาย ไม่ว่าจะเป็นประธานยังไม่มา เจ้าสาวยังเติมหน้าอยู่ หรือแม้แต่เครื่องเสียงยังไม่พร้อม แบบนี้แขกในงานจะไม่ประทับใจเอานะคะ ลองคิดดูสิว่า ถ้าคุณจัดเลี้ยงแบบโต๊ะจีนแล้วต้องมีจังหวะการเบรกอาหารเพื่อให้พิธีการเริ่ม แขกต้องรอไปนานแค่ไหน รวมถึงหลังพิธีการเสร็จ แขกยังต้องฝ่ารถติดเพื่อกลับบ้าน ฉะนั้นถ้าไม่อยากโดนแขกเม้า จงมีเส้นตายให้กับลำดับพิธีการทั้งหลายในงาน และร่วมมือกับแพลนเนอร์ที่ดูแลงาน ปฏิบัติตามให้เป็นตามที่กำหนดไว้จะได้ใจแขกแน่นอน


ความลับที่ 5 ได้ใจแขกด้วยพิธีการที่ต้องกระชับ

ข้อนี้บอกเลยว่า เป็นความลับที่อาจไม่เรียกว่าลับ แต่กลายเป็นสิ่งที่หลายคนทำตามได้ยาก โดยเฉพาะการที่มีประธานในงานมากกว่าหนึ่งท่าน แถมแต่ละท่านยังพูดยาวเป็น 10 นาที ความลับให้รอดจากการเม้าในประเด็นนี้คือ เจาะจงไปเลยว่างานนี้จะมีประธานแค่ 1 หรือ 2 คน (จากฝ่ายละคน) ก็พอ จากนั้นเพิ่มความลับเด็ดอีกนิดคือ ต้องทำใจกล้าบอกคุณประธานเลยว่า ขอให้พูดสั้นกระชับ โดยอาจยกเหตุผลเรื่องฤกษ์ยามมาอ้าง แบบนี้ก็พอไปรอด


ความลับที่ 6 ประหยัดด้วยการแจ้งจำนวนแขกน้อยกว่าการ์ดเชิญ

ความลับนี้คุณอาจจะรู้สึกงงๆ เพราะคนส่วนใหญ่คิดว่าเหลือดีกว่าขาด แต่เราขอแนะนำในกรณีที่คุณคือบ่าวสาวที่ต้องการคุมงบประมาณและสามารถเดาพฤติกรรมแขกที่เชิญได้ ซึ่งความลับนี้บ่าวสาวหลายคนที่อยู่ในกรณีที่ว่านี้กระซิบบอกเรามาว่าทำแล้วช่วยประหยัดได้พอควร เนื่องจากการที่ร่อนการ์ดเชิญออกไป 500 ใบ ไม่ได้หมายความว่า แขกจะมาครบทั้ง 500 คน ฉะนั้นเขาหรือเธอเหล่านั้นจึงเลือกที่จะแนะนำเพื่อนๆ ให้แจ้งจำนวนแขกกับทางโรงแรมหรือร้านที่ดูแลเรื่องอาหารให้น้อยกว่าจำนวนเชิญจริง เพื่อประหยัดนั่นเอง แต่สำหรับบางคนที่ไม่มั่นใจว่าความลับนี้จะเวิร์คจริงไหม จะแจ้งจำนวนแขกให้พอดีเป๊ะๆ กับการ์ดเชิญก็ได้ แต่ก็ต้องไม่บ่นเรื่องอาหารเหลือนะคะ

แต่ละความลับอาจเหมาะหรือไม่เหมาะกับงานแต่ละงาน ฉะนั้นเลือกนำไปประยุกต์ใช้ได้เป็นข้อๆ นะคะ อันไหนดี ขอให้บอกต่อ แต่รับรองว่าทำแล้วดีแน่นอนค่ะ

แต่ถ้าอยากจัดงานแบบประหยัด และได้ใจแขก แถมให้งานออกมาปังด้วย ต้องนี่เลย >>> 6 แนวทางจัดงานแต่งแบบประหยัด สำหรับบ่าวสาวที่มีงบจำกัดแต่อยากให้งานปัง

9 สไตล์แหวนแต่งงานเลือกที่ใช่เพราะคุณต้องใส่ไปตลอดชีวิต

เพราะ แหวนแต่งงาน คือ สัญลักษณ์แสดงความรักอันเป็นนิรันดร์ ทั้งคำมั่นสัญญาและสักขีพยานในวันที่สวมใส่อีกเพียบ คุณเลือกแล้วว่าจะใส่แหวนวงนี้ไปตลอดชีวิตของคุณ ฟังดูเรื่องใหญ่ว่าไหมคะ โดยเฉพาะประโยคสุดท้ายที่ว่าคุณต้องใส่แหวนวงนั้นไปตลอดชีวิต เพราะฉะนั้นเรามีตัวช่วยให้คุณได้พบกับแหวนวงนั้น วงที่เป็นตัวคุณจริงๆ มาบอกต่อ 

1. หากคุณหลงใหลความงามที่อยู่เหนือกฎแห่งกาลเวลา แหวนเพชรเม็ดเดี่ยวบนตัวเรือนเกลี้ยงๆ คือความคลาสสิกที่คุณมองหา สไตล์ที่อยู่ยั้งยืนยงมายาวนานกว่า 100 ปีคือสุดยอดแห่งปรารถนาจากการรังสรรค์ของแบรนด์ระดับตำนาน อย่างทิฟฟานี่ แอนด์ โค ถึงคาเทียร์ และส่งต่อไปยังมือสาวๆทั่วทุกมุมโลก

2. ถ้าคุณชอบความเป็นเทรดดิชั่น แต่ก็อยากได้ความเก๋บางอย่างมาผสมเพราะคุณไม่ใช่สาวพิมพ์นิยมขนาดนั้น แหวนตัวเรือนเกลี้ยงประดับอัญมณีรูปลูกแพร์ แล้วออกแบบเซตติ้งเก๋ๆ เพิ่มลงไปที่ส่วนปลายของเพชรทรงลูกแพร์แบบอีรี่ เบซินก็ดูจะตอบโจทย์ได้ดี มีความเป็นเทรดิชันนัลิสต์แต่ก็แฝงความเป็นกบฏเล็กๆ ไว้

3. สาวที่มีความเกิร์ลลี่อยู่ในตัวสูงปรี๊ดดดดด เฟมินีนแสนหวานงานนี้ต้องไม่พลาดแหวนที่จะช่วยขับความเป็นตัวคุณเองออกมาให้มากขึ้นไปอีก ซึ่งงานนี้อัญมณีสีหวานต้องมา แล้วเซ็ตติ้งรูปดอกไม้หรือผีเสื้อที่น่ารักมากๆ ก็ดี๊ดี

4. สาวห้าวต้องมามุงให้ไว ถ้าคุณหลงรักกิจกรรมกลางแจ้งแถมสีชมพูยังเป็นสีต้องห้ามในชีวิตคุณไปอีก เอาล่ะ.. เรามีช้อยส์ของแหวนหมั้นที่เหมาะกับคุณสุดๆ อย่างแหวนเกลี้ยงกับเซ็ตติ้งอัญมณีแบบเบเซิลที่จะล้อมอัญมณีหัวแหวนของคุณไว้อย่างแน่นหนาสุดๆ รับรองว่าสาวขาลุยสามารถดำเนินชีวิตหัวหกก้นขวิดในสไตล์ของคุณได้แบบไร้กังวลแน่นอนค่า

5. จะทองหรือเงินดีนะ.. แล้วทำไมต้องเลือกอย่างใดอย่างนึงด้วยล่ะถ้าคุณชอบทั้งสองอย่าง เอามารวมกันก็ได้นะคะสาวๆ เราว่าสวยแปลกตาดีซะอีก ไม่เชื่อลองดูตัวอย่างแหวนผสมแมทีเรียลสวยๆ จากแมคเทก์ แอนด์ แมคเคนแลนด์ ฟลอร่า วงนี้เลยค่า

6. คุณเป็นสาวเทรดดิชันนัลลิสต์ แต่ขอเซย์โนกับหัวแหวนทรงกลม ถ้าอย่างนั้นก็ต้องทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าในสไตล์อาร์ท-เดโคเลยค่ะ เทรดดิชันนัลด้วย แถมไม่กลมอีกต่างหาก ลองดูจากนิ้วนางข้างซ้ายของเซเลบฝั่งตะวันตกหลายๆ นางเลยค่า เก๋กู้ดและมีไสตล์สุดๆ

7. ในส่วนของสาวนักผจญภัยที่เสพติดความตื่นเต้นในทุกรูปแบบนั้น แหวนเพชรทรงเผ็ดๆ อาจเป็นคำตอบสำหรับคุณ ลองเลือกเพชรเจียระไนหลายๆ ทรงมาประกอบร่างกันอย่างสนุกสนาน ให้เกิดเป็นเซ็ตติ้งแปลกใหม่ที่ให้ความรู้สึกน่าค้นหาทุกครั้งที่ได้จ้องมอง

 

8. ก็งบที่มีมันจำกัด แต่ยังไงชั้นก็ยังอยากได้เพชรตู้มๆ นี่นา.. ไม่ยากเลยค่ะสาวๆ เพราะแหวนเซ็ตติ้งสไตล์ฮาโลช่วยคุณได้ เซ็ตติ้งในสไตล์นี้จะมีแถบเพชรล้อมเพชรหัวแหวนอีกที เหมือนกับมายากลอย่างนึงที่จะช่วยพรางสายตาให้เพชรที่หัวแหวนดูตู้มแบบที่สาวๆ ปรารถนาเลยล่ะค่ะ

9. และสุดท้ายสำหรับสาวๆ สายโรแมนติก เราบอกแค่ว่าเพชรเจียระไนรูปหัวใจต้องมาค่ะงานนี้

ดูไอเดียและคำแนะนำเกี่ยวกับแหวนแต่งงานและเครื่องประดับเพิ่มเติม คลิกเลย!

ข้อผิดพลาดที่แขกในงานแต่งเผลอทำที่ควรจำและไม่ควรทำในงานแต่ง

เมื่อได้รับเชิญให้ไปเป็น แขกในงานแต่ง ไม่ใช่แค่ว่าจะแต่งตัวสวยๆ ไปถ่ายรูปกับบ่าวสาวเท่านั้นนะ เพราะอย่าลืมว่าเราเป็นคนสำคัญที่บ่าวสาวเขาอยากให้มาร่วมแสดงความยินดี ฉะนั้นก็ควรที่จะไปร่วมงานด้วยความเต็มใจ และที่สำคัญต้องพกมารยาทไปร่วมงานแต่งงานด้วย แพรว wedding เลยทำไกด์ไลน์มาให้เหล่าแขกได้เช็กกันว่า มีสิ่งไหนที่ไม่ควรทำที่เราอาจจะเผลอทำไปโดยไม่รู้ตัวบ้าง

1. มาร่วมงานช่วงอาฟเตอร์ปาร์ตี้ไปเลย

อย่างที่บอกว่าการที่บ่าวสาวเชิญให้คุณมาร่วมงานแต่งงานแสดงว่าคุณเป็นคนสำคัญในชีวิตของเขา เพราะฉะนั้นคุณก็ควรให้เกียรติความจริงใจนี้ด้วยการไปร่วมแสดงความยินดีในช่วงพิธีการ ซึ่งก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า อาฟเตอร์ปาร์ตี้ ไม่ใช่ช่วงพิธีการนะ

2. ดื่มหนักก่อนพิธีการจะเริ่ม

บาร์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีเพื่อให้แขกได้สนุกกับปาร์ตี้ไปยาวๆ เพราะฉะนั้นการที่บ่าวสาวจะเปิดบาร์ก่อนหรือหลังพิธีการเริ่มก็ไม่แปลก แต่แขกอย่างเราจะต้องจำกัดลิมิตการดื่มแอลกอฮอล์ของตัวเองให้ดีก่อนที่พิธีการจะเริ่ม แต่ถ้ารู้ตัวเองดีว่าแอลกอฮอล์เข้าปากเมื่อไหร่บุคลิกจะเปลี่ยนไปล่ะก็ อดใจรออีกนิดแล้วค่อยจัดเต็มในช่วงปาร์ตี้ไปเลยดีกว่า

3. ดื่มมากเกินไป

ปาร์ตี้ทั้งทีบ่าวสาวก็ต้องจัดหนักให้แขกได้สนุกแบบโนลิมิตอยู่แล้ว แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าตัวคุณเองจะดื่มแบบโนลิมิตไปด้วย และที่สำคัญ “เมาไม่ขับ” นะทุกคน

ภาพจาก today.com

4. รับช่อดอกไม้เหมือนแข่งโอลิมปิก

ช่วงเวลารับช่อดอกไม้ถือเป็นช่วงสนุกสนานและเต็มไปด้วยช่วงที่มีความหวังของบรรดาสาวโสด แต่ถึงอย่างนั้นสาวๆ ก็ไม่ต้องถึงขั้นแย่งกันแบบเอาเป็นเอาตายหรอกนะ บางคนถึงขั้นออกลีลาแขน ขา เข่า ศอก แบบจัดเต็มเพื่อคว้าช่อดอกไม้แห่งความหวังนี้ ถึงแม้จะมีความเชื่อที่ว่า ใครรับได้จะได้เป็นเจ้าสาวคนต่อไป แต่ถึงอย่างนั้นนี่ก็เป็นเพียงแค่ช่วงเวลาแห่งความสนุกและสีสันในงานแต่งงานเท่านั้นเนอะ

5. อย่าลืมระงับกลิ่นกายสักหน่อย

เป็นเรื่องสำคัญถ้าคุณได้รับเชิญให้ไปร่วมงานแต่งงานแบบเอ๊าต์ดอร์ โดยเฉพาะสำหรับอากาศเมืองไทยที่ร้อนถึงขั้นอ้าวจนทำให้เนื้อตัวชุ่มไปด้วยเหงื่อ ถ้าคุณเป็นคนที่ไม่มีกลิ่นกายก็ถือว่าโชคดีไป แต่สำหรับใครที่มีและกังวลเรื่องนี้ การฉีดสเปรย์ระงับกลิ่นกายเป็นเรื่องที่ควรทำและห้ามลืม (หรือจะพกไปด้วยเพื่อเติมระหว่างวันก็ได้) ทั้งนี้ก็เพื่อความมั่นใจของตัวคุณเอง

6. แต่งยีนส์ไปงานแต่ง

ถึงแม้ว่าในคำเชิญจะบอกว่าเป็นงานแต่งไม่เป็นทางการไม่ต้องแต่งสูทแบบจัดเต็มมาก็ได้ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าหนุ่มๆ หรือสาวๆ จะแต่งยีนส์ไปร่วมงานแต่งได้นะ นอกเสียจากว่าเดรสโค้ดจะระบุมาว่าเป็นธีม “ยีนส์” เท่านั้น

7. ขอของชำร่วยมากเกินไป

ส่วนมากจำนวนของชำร่วยในงานบ่าวสาวจะคำนวณจากจำนวนการ์ดแต่งงานที่แจกไป เพราะฉะนั้นจึงไม่ได้มีแจกแบบอันลิมิต และไม่ควรอย่างยิ่งที่จะขอเพิ่มจนมากเกินไปตอนที่คุณเพิ่งไปถึง เพราะอย่าลืมว่ายังมีแขกอีกหลายท่านที่กำลังเดินทางมา แนะนำให้คุณรอจนกระทั่งเสร็จสิ้นพิธีการก่อนแล้วค่อยไปขอเพิ่มที่โต๊ะลงทะเบียนด้านหน้าทีหลังจะดีกว่า

8. ไม่มีอังคอร์สำหรับอาฟเตอร์ปาร์ตี้

เมื่อสิ้นสุดเสียง “ขอบคุณ สวัสดี ขอให้กลับบ้านโดยสวัสดิภาพ” ถ้าได้ยินอย่างนี้ก็เตรียมตัวเก็บของแล้วโบกมือลาอาฟเตอร์ปาร์ตี้กันได้เลย ถึงแม้จะสนุกแค่ไหน แต่การต่อเวลาอาฟเตอร์ปาร์ตี้ เท่ากับว่าบ่าวสาวจะต้องเสียค่าล่วงเวลาที่เกินมาจากที่ตกลงกับทางสถานที่เอาไว้ คิดไปคิดมาก็ไม่ใช่เงินน้อยๆ เราในฐานะเพื่อนก็ต้องช่วยเขาเซฟเงินกันหน่อย

9. เปรียบเทียบ วิเคราะห์ วิจารณ์ดีเทลต่างๆ ในงาน

คู่รักที่ได้รับเชิญไปงานแต่งงาน และ/หรือกำลังจะเป็นว่าที่บ่าวสาวเช่นกัน เราเข้าใจค่ะว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่คุณจะได้ไปเก็บเกี่ยวรายละเอียดต่างๆ จากงานแต่งงานจริงๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าการเก็บเกี่ยวนี้จะรวมไปถึง การเปรียบเทียบหรือการวิจารณ์ในทางลบ เพราะบ่าวสาวเขาอยากเชิญให้คุณมาร่วมสนุกและแสดงความยินดี ไม่ได้เชิญให้มาเป็นคอมเมนเตเตอร์ เอาไว้มีอะไรอยากจะติชมก็ไปหลังไมค์คุยกันสองคนที่อื่นดูจะเป็นอะไรที่เหมาะสมกว่า

ดูไอเดียและคำแนะนำเกี่ยวกับงานแต่งงานอีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย!

ภาพเปิด insideweddings.com a

รวมช็อตเด็ดที่ต้องมีใน ภาพถ่ายงานแต่ง ลิสต์เตรียมไว้กันพลาด

ภาพถ่ายงานแต่ง เป็นภาพถ่ายที่สำคัญมาก เพราะงานแต่งงานเป็นงานสำคัญที่จัดขึ้นเพียงแค่ครั้งเดียวของบ่าวสาว และแน่นอน ไม่มีบ่าวสาวคู่ไหน อยากจะให้พลาดช็อตเด็ดในงานแต่งงานแน่นอน แต่ด้วยตนเองยังเป็นมือใหม่ในงานแต่งงานทั้งคู่ ก็เลยยังไม่รู้ใช่ไหมล่ะ ว่าช็อตเด็ดช็อตไหนที่ห้ามพลาดที่ต้องกระซิบบอกช่างภาพล่วงหน้าเอาไว้

แพรว wedding เลยขอนำช็อตเด็ดที่ต้องมีใน ภาพถ่ายงานแต่ง มาแนะนำกันค่ะ จะมีอะไรบ้างมาดูกัน ขอบอกก่อนว่าไม่ใช่แค่บ่าวสาวเท่านั้นที่สามารถอ่านได้ ช่างภาพจะเข้ามาดูไปเป็นไอเดียไว้แคปเจอร์โมเม้นต์สำคัญก็ได้น้า ไม่ว่ากันจ้าาาา 🙂

1. ช่วงเวลาที่บ่าวสาวกำลังแต่งตัว

ในขณะที่บ่าวสาวกำลังเตรียมสวยเตรียมหล่ออยู่นั้น เป็นช่วงเวลาที่ควรเก็บภาพไว้มากๆ เพราะกว่าจะได้หน้าสวยๆ ทรงผมสุดปัง และการแต่งตัวในชุดต่างๆ ไม่ได้ง่ายเลย ลองให้ช่างภาพถ่ายภาพขณะที่ช่างแต่งหน้า กำลังบรรจงแต่งหน้าให้กับเจ้าสาว หรือในขณะที่แต่งชุดไทยแล้วช่างกำลังช่วยกันบรรจงจับจีบสไบ และนุ่งผ้านุ่งผืนงามๆ ให้อย่างประณีต แต่ถ้าอยากได้โมเม้นต์มุ้งมิ้ง ก็ลองให้เจ้าสาวช่วยแต่งตัวให้เจ้าบ่าว ก็จะได้ภาพที่น่ารักและดูได้ไม่เบื่ออีกหนึ่งรูปนะจ๊ะ

ภาพถ่ายงานแต่ง

2. แหวนหมั้น

ไม่ใช่แค่ถ่ายไว้แค่วงใดวงหนึ่ง แต่ต้องถ่ายมาทั้งแหวนบ่าวสาวเลยนะ จะถ่ายเดี่ยวทีละวง หรือนำมารวมกันในเฟรมเดียวก็ได้ หรือจะถ่ายบนนิ้วของบ่าวสาวในขณะที่ทั้งคู่กำลังบรรจงสวมแหวนให้แก่กัน หรือจะนำมาจัดเรียงใหม่ให้สวยงามบนพานดอกไม้ หรือกล่องใส่แหวนก็ได้นะจ๊ะ ลงทุนซื้อแหวนเพชรเม็ดงามทั้งทีก็ต้องถ่ายรูปเก็บไว้เยอะๆ หน่อย 

แต่ๆๆๆ ถ้าอยากได้ภาพแหวนแต่งงานสวยๆ แบบจัดลงบนพร็อพสุดเก๋ หรือประดิษฐ์ประดอยจนได้มุมภาพเริดๆ เราขอแนะนำให้บ่าวสาวทำพิธีในงานแต่งทุกอย่างให้เสร็จสิ้น แล้วค่อยมาเก็บภาพเหล่านี้กันทีหลังจะดีกว่านะคะ เพราะหากว่าที่บ่าวสาวมัวแต่ถ่ายภาพแหวนก่อนพิธีจะเริ่ม อาจจะเกิดอาการตะกุกตะกักตามหาแหวนกันให้วุ่นว่าอยู่ไหน เพราะฉะนั้นให้พิธีการทุกอย่างเสร็จสิ้น ไร้ฤกษ์ยาม แล้วบ่าวสาวจะถ่ายกี่รูปเราว่าก็ไม่น่าจะเกิดปัญหาแน่นอน

ภาพถ่ายงานแต่ง

3. เจ้าสาวและเพื่อนเจ้าสาว

เป็นกลุ่มสาวๆ ที่ควรเก็บภาพเอาไว้เลยนะจ๊ะ เพราะเพื่อนเจ้าสาวมีส่วนช่วยเหลือเจ้าสาวในทุกๆ ด้าน เมื่อแต่งตัวสวยกันเสร็จแล้ว ลองมายืนโพสต์ท่าถ่ายรูปกันก่อน ไม่ว่าจะในห้องแต่งตัว หน้าแบ็กดร็อป หรือขณะตั้งแถวก็ได้ โดยเฉพาะช่วงเวลาที่สาวๆ กำลังยืนคุย ยิ้ม หัวเราะ จังหวะเหล่านี้แหละค่ะที่น่ากดชัดเตอร์มากที่สุด (รู้อย่างนี้แล้ว สาวๆ ก็ต้องมีสติสวยๆ กันตลอดเวลานะ อิอิ) ส่วนแก๊งเพื่อนเจ้าบ่าวไม่ต้องน้อยใจค่ะ เพราะช็อตเด็ดของหนุ่มๆ นั้นสามารถก๊อปปี้ช็อตของสาวๆ ไปใช้กับแก๊งตัวเองได้เลยจ้า

ภาพถ่ายงานแต่ง

4. ดีเทลต่างๆ ภายในงาน

ไม่ว่าจะเป็นเค้กแต่งงานก้อนโต การตกแต่งต่างๆ ภายในงานแต่ง ไล่ตั้งแต่ โต๊ะลงทะเบียเข้างาน อาหารที่ใช้เลี้ยงแขก ก็ควรที่จะเก็บภาพมาให้หมดนะจ๊ะ เพราะดีเทลในแต่ละงานก็เปรียบเสมือนซิกเนเจอร์งานแต่งงานของบ่าวสาวนั่นเอง และทางที่ดีควรให้ช่างภาพเก็บภาพก่อนที่แขกจะเริ่มเข้ามาในงานจะดีที่สุด เพราะคุณจะได้ภาพบรรยากาศงานแต่งสวยๆ ที่ไร้ผู้คนเดินกันให้วุ่น จะได้นำมาเก็บไว้ในอัลบั้มสวยๆ ไว้ดูในวันครอบรอบเพื่อระลึกความหลังยังไงล่ะคะ

ภาพถ่ายงานแต่ง

5. โมเม้นต์หวานระหว่างบ่าวสาว

ตัวเอกในงานแต่งก็คือบ่าวสาว ลองหามุมสวยๆ ภายในงานแต่งงานแล้วถ่ายภาพโมเม้นต์หวานๆ ของทั้งสองก่อนที่จะมีแขกมาจนล้นในงานดีกว่านะคะ ไม่ว่าจะกอด จะหอม หรือส่งสายตาหวานๆ ให้กัน ก็จะยิ่งฟินเข้าไปอีก หรือจะให้ช่างภาพโคลสอัพแค่อ้อมกอด สายตาหวานๆ หรือหน้าสวยหล่อของบ่าวสาว ก็เก๋ๆ ดีเหมือนกันนะคะ

ซึ่งที่เราอยากให้คุณเก็บภาพความหวานกันก่อนที่แขกจะมาหรืองานจะเริ่มนั้นก็เป็นเพราะว่า บ่าวสาวยังไม่เหนื่อยล้าจากการยืนถ่ายภาพที่แบ็กดร็อปกับแขกนับร้อย หรือต้องอยู่ในช่วงพิธีการบนเวทีเป็นชั่วโมง ทั้งเมื่อย ทั้งล้าจากแสงไฟ แล้วถ้าต้องมาถ่ายรูปซึ้งๆ หวานๆ กันอีก เราว่าสายตาที่น่าจะหวานหยดย้อย อาจจะกลายเป็นสายตาที่ร่วงโรยจากอาการเหนื่อยล้าแทน แบบนี้ไม่เวิร์กแน่นอนค่ะ

ภาพถ่ายงานแต่ง

งานแต่งงานเป็นงานสำคัญและเกิดขึ้นเพียงแค่ครั้งเดียว ดังนั้นถ่ายภาพให้เยอะเข้าไว้นะคะ 🙂 แต่ถ้ายังไม่รู้ว่าควรพูดกับช่างภาพอย่างไรให้ได้ภาพปัง ลองอ่านเพิ่มดูนะ  เตรียมไว้เลยเช็กลิสต์หัวข้อไว้ คุยกับช่างภาพก่อนงานแต่งงานจะมาถึง

ภาพ Pinterest