5 สิ่งที่บ่าวสาวต้องคิดให้รอบคอบหากต้องจัดดอกไม้ในงานแต่ง

เช็กด่วนกันพลาด! เพราะนี่คือเคล็ดลับเกี่ยวกับสิ่งที่บ่าวสาวต้องหลีกเลี่ยง และสิ่งที่ต้องคำนึงถึงเมื่อต้องจัด ดอกไม้ในงานแต่ง

ปัจจุบันมีข้อมูลต่างๆ มากมายเกี่ยวกับเรื่อง ดอกไม้ในงานแต่ง หรือชนิดของดอกไม้ที่บ่าวสาวจะเลือกมาไว้ในงาน รวมไปถึงแรงบันดาลใจต่างๆ เกี่ยวกับเซ็นเตอร์พีช ช่อดอกไม้เจ้าสาว หรือทางเข้างาน เป็นต้น เพราะฉะนั้นการพูดคุยกับนักจัดดอกไม้จึงเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อที่บ่าวสาวจะได้ทราบว่า สิ่งที่คิดกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นจริงนั้น จะไปด้วยกันได้หรือไม่ ซึ่ง Victoria Ahn นักจัดดอกไม้ผู้เชี่ยวชาญแห่ง Designs by Ahn บริษัทรับจัดดอกไม้ชื่อดังแห่งนิวยอร์ก จะมาแชร์ให้เราได้รู้กัน และนี่คือ 5 เคล็ดลับเกี่ยวกับสิ่งที่บ่าวสาวต้องคิดเมื่อต้องเลือกดอกไม้ในงานแต่ง

1. ตัวอย่างการจัดดอกไม้ที่บ่าวสาวชอบหรือต้องการ

ตัวอย่างไอเดียการจัดดอกไม้ในงานแต่ง สิ่งนี้จะเป็นประโยชน์กับบ่าวสาวเป็นอย่างมาก เพราะจะทำให้บ่าวสาวได้เห็นภาพรวมของงานว่าจะออกมาเป็นในแนวทางไหน เพื่อที่จะนำไปให้นักจัดดอกไม้อีกทีหนึ่ง แต่ถ้าตัวอย่างของบ่าวสาวคละสีกันมาไม่มีสีหลัก หรือมีหลายสไตล์มากเกินไป ก็อาจทำให้นักจัดดอกไม้สับสนและเข้าใจได้ยากว่าบ่าวสาวต้องการสไตล์ดอกไม้แบบไหนในงานแต่งงานกันแน่ เพราะฉะนั้นอย่างน้อยบ่าวสาวควรจะมีธีมที่ชัดเจน อย่างเช่น สี หรือชนิดของดอกไม้ แล้วนำไปปรึกษากับนักจัดดอกไม้อีกที เพื่อให้พวกเขาชี้แนะแนวทางที่ถูกต้อง

2. จงทำใจหากต้องมีการปรับแก้ไขบางอย่าง

หากบ่าวสาวรู้ถึงสิ่งที่ต้องการอย่างชัดเจน นั่นถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ในทางกลับกันบางครั้งภาพที่บ่าวสาวคิด กับสิ่งที่สามารถจะเกิดขึ้นได้จริงอาจสวนทางกัน เพราะอาจถูกจำกัดด้วย งบประมาณ สถานที่ หรือฤดูกาลของดอกไม้ จึงทำให้ต้องมีการปรับเปลี่ยนแก้ไขจากสิ่งที่บ่าวสาวต้องการ แต่เชื่อเถอะด้วยความเป็นมืออาชีพของนักจัดดอกไม้ที่บ่าวสาวเลือกแล้ว พวกเขาจะต้องแก้ไขปรับปรุงให้งานแต่งงานของบ่าวสาวสมบูรณ์ให้จงได้ เพราะฉะนั้นการรู้จักยืดหยุ่นบางอย่างก็อาจจะทำให้งานออกมาสวยงามเพอร์เฟกต์ได้เช่นกัน

3. อย่าเพิ่งเชื่อทุกสิ่งที่เห็นในโลกออนไลน์

บางครั้งภาพก็อาจทำให้เราเข้าใจผิดได้ เพราะบางทีภาพที่เราเห็นว่าสวยๆ ในออนไลน์นั้นอาจจะได้รับการแก้ไขปรับแต่งใส่ฟิลเตอร์มาประมาณร้อยชั้นเพื่อให้สวยงาม ซึ่งการแก้ไขและปรับแต่งนั้นอาจทำให้คุณไม่ได้เห็นเฉดสีที่เป็นสีธรรมชาติที่แท้จริงของดอกไม้ เรียกง่ายๆ ว่าเหมือนโดนภาพปกหลอกนั่นแหละคะ เพราะฉะนั้นบ่าวสาวอย่าเพิ่งตกลงปลงใจไปกับแบบหรือเฉดสีของดอกไม้ที่เห็นเพียงแค่จากหน้าจอ หรือภาพถ่ายโดยที่คุณยังไม่เคยเห็นของจริงมาก่อน ทางทีดีลองนำภาพนั้นไปปรึกษากับนักจัดดอกไม้ก่อน เพราะบางครั้งของจริงอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดก็ได้

นักจัดดอกไม้

4. อย่าด่วนตัดสินใจเลือกเร็วเกินไป

ถึงแม้ว่าการรอจนวินาทีสุดท้ายก็ไม่ได้เป็นความคิดที่ดี แต่เชื่อหรือไม่ว่า การเริ่มต้นที่เร็วเกินไปก็ไม่ได้เป็นความคิดที่ดีเหมือนกัน เพราะก่อนที่บ่าวสาวจะนำแบบไปปรึกษากับนักจัดดอกไม้นั้น บ่าวสาวจะต้องมีข้อมูลอย่างเช่น วันที่จัดงาน สถานที่จัดงาน และจำนวนแขกโดยประมาณ เพราะถ้าหากไม่มี 3 สิ่งนี้ การสนทนากับนักจัดดอกไม้ก็จะไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย เพราะบ่าวสาวยังไร้ซึ่งข้อมูลใดๆ เพื่อให้พวกเขานำไปใช้ในการออกแบบ นี่ยังไม่นับรวมถึงเทรนด์ของดอกไม้ที่มาไวไปไวอีก เพราะฉะนั้นหากบ่าวสาวตัดสินใจเร็วเกินไป เมื่อเทรนด์ดอกไม้เกิดเปลี่ยนขึ้นมา บ่าวสาวก็อาจลังเลใจในแบบหรือสไตล์ที่มีอยู่ จนอาจถึงขั้นต้องมาวางแผนนับหนึ่งใหม่ตั้งแต่ต้นก็ได้

5. มองหานักจัดดอกไม้ให้หลายๆ เจ้า

ในขณะที่นักจัดดอกไม้หลายคนสามารถที่จะออกแบบหรือจัดดอกไม้ได้หลายสไตล์ แต่นักจัดดอกไม้แต่ละเจ้าก็จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว หรือซิกเนเจอร์ที่ต่างกันออกไปด้วย เพราะฉะนั้นบ่าวสาวต้องตัดสินใจให้ดีว่านักจัดดอกไม้เจ้าที่เลือกมานั้นแมตช์กับลุคที่คุณต้องการหรือมองหาอยู่หรือไม่ ซึ่งการศึกษางานที่ผ่านๆ มาของนักจัดดอกไม้จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้บ่าวสาวตัดสินใจได้ง่ายขึ้นเพื่อให้งานของคุณออกมาสมบูรณ์แบบมากที่สุด เราขอแนะนำให้เลือกนักจัดดอกไม้ที่สามารถสะท้อนสไตล์ของบ่าวสาวได้นั้นแหละดีที่สุด

 

ติดตามไอเดียดีๆ เกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

 

เรียบเรียงข้อมูลจาก Brides.com
ภาพ stocksnap.io, www.iamflower.co

เรื่องพื้นฐานที่บ่าวสาวควรรู้ก่อนเดินเข้าร้านเพชร จะได้ไม่โดนหลอก

ก่อนที่จะจูงมือกันเดินเข้า ร้านเพชร เราอยากให้ว่าที่บ่าวสาวมาทำความเข้าใจกับเรื่องพื้นฐานเหล่านี้กันก่อนนะคะ

อย่ามองข้ามเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก่อนที่คุณจะย่างเท้าเข้า ร้านเพชร เพราะนั่นหมายถึง การได้เพชรที่ไม่ควรค่าแก่การเก็บรักษาไว้ตลอดชีวิต และนี่คือสิ่งที่คุณควรรู้ก่อนควักเงินจ่ายเพื่อให้ได้เพชรที่ทรงคุณค่าและไม่ต้องมาเสียความรู้สึกในภายหลัง

เข้าใจคุณสมบัติ 4Cs ของเพชร
 • C – Carat (กะรัต) หรือน้ำหนักเพชร มีตัวย่อว่า ct. เป็น C แรกที่แม้แต่คนที่รู้เรื่องเพชรน้อยที่สุดก็ต้องนึกถึงเมื่อพูดถึงเพชร หน่วยวัดน้ำหนักเพชรในภาษาไทยคือ “สตางค์” ซึ่งเพชร 1 กะรัตหนักเท่ากับ 100 สตางค์ ขนาดของเพชรถือเป็นสิ่งที่เห็นความแตกต่างได้ชัดเจนที่สุดด้วยตา ยิ่งเพชรมีขนาดใหญ่จะยิ่งหายาก มูลค่าจึงยิ่งสูงตามไปด้วย แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของ C อื่น ๆ ประกอบด้วย

 • C – Cut (การเจียระไน) เป็นปัจจัยที่บ่งบอกถึงความสวยงามของเพชรโดยดูจากการสะท้อนแสงไฟ ประกาย และความระยิบระยับ หากอยากรู้ว่าเพชรเม็ดไหนเจียระไนได้ดี ให้สังเกตในใบรับรองจากสถาบันตรวจสอบคุณภาพเพชร หากในหัวข้อ Cut Grade (ที่มีคุณสมบัติ Excellent, Very Good, Good, Fair หรือ Poor) เป็นคำว่า Excellent จงรีบตะครุบไว้เลย ทั้งนี้เกรดการเจียระไนเพชรไม่ได้มีมาตรฐานเดียว แต่แบ่งเกรดตามรูปทรงของเพชรด้วย หากเพชรในมือคุณเป็นเพชรกลมจะแบ่งเกรดการเจียระไนเป็น 3 ส่วน คือ เจียระไนโดยรวม (Cut Grade) การขัดเงา (Polish) และความสมมาตรของเพชร (Symmetry) แต่หากเป็นเพชรรูปทรงอื่น ๆ (Fancy Shape) การจัดเกรดจะเหลือเพียงการขัดเงาและความสมมาตรของเพชรเท่านั้น

ร้านเพชร

• C – Color (สี) หรือที่คนไทยเรียกว่า น้ำยิ่งสีขาวใสมากเท่าไรยิ่งมีราคาแพง ตามมาตรฐานสากลจะแบ่งโดยใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษตั้งแต่ D ไปถึง Z แต่พี่ไทยมักเทียบเป็นตัวเลขเปอร์เซ็นต์จาก 100% ลงไปเรื่อยๆ ซึ่งหากถามว่าซื้อเพชรสีไหนคุ้มที่สุด คือ น้ำ 100% หรือ D Color เท่านั้น

• C – Clarity (ความบริสุทธิ์หรือความสะอาด) ดูว่าเพชรเม็ดนั้นๆ มีตำหนิไหม มีมากแค่ไหนและบริเวณใด เพชรไร้ตำหนิคือเพชรที่ไม่มีสิ่งกีดขวางมาบดบังทางเดินของแสงที่จะสะท้อนกลับสู่สายตา เป็นเพชรที่ค่อนข้างหายากแล้วในปัจจุบัน
ในรายละเอียดของใบรับรองคุณภาพเพชรจะระบุการวัดความสะอาดเพชรไว้ 11 ระดับ ดังนี้

    • FL (Flawless) ไร้ตำหนิทั้งภายนอกและภายใน
    • IF (Internal Flawless) ไร้ตำหนิภายใน แต่อาจมีตำหนิภายนอกเล็กน้อย
    • VVS1-VVS2 (Very Very Slightly Included 1 – 2) ตำหนิขนาดเล็กมาก ๆ มองเห็นได้ยากมากด้วยกล้องส่องเพชรมาตรฐานกำลังขยาย 10 เท่า และไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าในทุกกรณี
    • VS1-VS2 (Very Slightly Included 1 – 2) ตำหนิขนาดเล็กมาก มองเห็นได้ยากด้วยกล้องกำลังขยาย 10 เท่า และไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าในทุกกรณี
    • SI1-SI2 (Slightly Included 1 – 2) ตำหนิขนาดเล็ก มองเห็นได้ง่ายด้วยกล้องกำลังขยาย 10 เท่า โดยไม่จำเป็นต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญส่องดูและสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าในบางกรณี
    • I1 – I2 – I3 (Imperfect 1 – 2 – 3) มีตำหนิ ซึ่งมองเห็นได้ทันทีด้วยกล้องกำลังขยาย 10เท่า โดยไม่จำเป็นต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญ และสามารถมองเห็นได้ง่ายด้วยตาเปล่า

หมายเหตุ : ตัวเลข 1 – 2 – 3 ไม่ได้หมายถึงจำนวนตำหนิที่มี แต่หมายถึงระดับของตำหนิในเม็ดเพชร เช่น เลข 1 ระดับตำหนิน้อยและมีราคาสูงกว่าเลข 2 เป็นต้น

5 สไตล์การจัดเลี้ยงงานแต่งเลือกแบบไหนให้เหมาะกับคู่ของคุณมากที่สุด

จะจัดงานแต่งแบบไหนดีนะ?? นี่คงเป็นคำถามเบสิคที่เกิดขึ้นกับบ่าวสาวหลายคู่ไม่น้อย เพราะรูปแบบการ จัดเลี้ยงงานแต่ง นั้นอาจจะส่งผลถึงธีมงานได้เหมือนกันว่าจะออกมาปังหรือร่วง เพราะฉะนั้นเรื่องรูปแบบการจัดเลี้ยงอาจจะเป็นเรื่องแรกๆ ที่บ่าวสาวต้องตัดสินใจให้ดี แพรว wedding เลยไปรวบรวมคำแนะนำจากเหล่ามืออาชีพที่มีทิปส์เด็ดๆ เพื่อช่วยในการตัดสินใจเรื่องนี้มาฝาก แต่ก่อนอื่นสิ่งแรกที่บ่าวสาวต้องทราบก่อนเลือกรูปแบบการจัดเลี้ยงก็คือ 1. แขกส่วนใหญ่เป็นแขกของบ่าวสาวหรือเป็นแขกของผู้ใหญ่ 2. จำนวนแขกมากน้อยเท่าไหร่ หากรู้ชัดในสองเรื่องนี้แล้ว ก็ไปเลือกรูปแบบการจัดเลี้ยงต่อกันได้เลย

 

  • โต๊ะจีน

– เหมาะกับงานที่มีแขกผู้ใหญ่เยอะ เพราะมีที่นั่งสำหรับทุกท่านและมีบริการเสิร์ฟอาหารให้ถึงโต๊ะ

– เป็นรูปแบบการจัดเลี้ยงที่ใช้พื้นที่มาก ถ้าจัดโต๊ะเต็มพื้นที่แล้วแขกมาเกินกว่าที่กำหนดจะไม่มีพื้นที่ให้จัดโต๊ะเพิ่ม และเนื่องจากการจัดเลี้ยงแบบโต๊ะจีนมีราคาสูง ทางโรงแรมจะเผื่อให้ลูกค้าประมาณ 1-2 โต๊ะ เพราะฉะนั้นบ่าวสาวจึงจำเป็นต้องรู้จำนวนแขกที่ค่อนข้างแน่นอน ซึ่งหากในกรณีที่รู้ตั้งแต่แรกว่าแขกเยอะเกินกว่าห้องจัดเลี้ยงจะรับรองแขกได้ ก็ต้องเปลี่ยนสถานที่นะจ๊ะ

– หากเลือกการจัดเลี้ยงแบบนี้ บ่าวสาวต้องทำใจไว้ก่อนเลยว่าอาจจะปวดหัวกับการจัดผังที่นั่ง เช่น แขกกลุ่มนี้มี 12 คน แล้วอีก 2 คนที่เกินมาจะไปนั่งรวมกับใครล่ะ? นี่แหละค่ะความปวดหัวที่ว่า เพราะจะต้องหาโต๊ะที่ดีที่แขก 2 ท่านนี้จะสามารถไปนั่งรวมอยู่ได้

  • บุฟเฟ่ต์

– มีเมนูอาหารให้เลือกเยอะและหลากหลาย เพราะฉะนั้นแขกจะสามารถเลือกทานได้ตามชอบ

– แขกมีที่นั่งทุกท่าน แต่แขกผู้ใหญ่บางท่านอาจไม่สะดวกลุกไปตักอาหารเอง เพราะฉะนั้นบางโรงแรมอาจมีบริการเสิร์ฟเฉพาะโต๊ะที่มีแขกผู้ใหญ่ บ่าวสาวจึงต้องนับและจัดผังที่นั่งของแขกให้เหมาะสมนะคะ เพื่อให้ง่ายต่อการเสิร์ฟและการลุกไปตักอาหารของแขกด้วย

จัดเลี้ยงงานแต่ง

  • ค็อกเทล

– เป็นรูปแบบการจัดเลี้ยงที่ได้รับความนิยมจากบ่าวสาวมากที่สุด เพราะรองรับปริมาณแขกได้เยอะ ซึ่งหากจัดเลี้ยงแบบนี้บ่าวสาวอาจต้องจัดเตรียมที่นั่งไว้สำหรับแขกวีไอพีหรือแขกผู้ใหญ่ด้วย เพราะให้ท่านยืนรอนานๆ หรือยืนไปตลอดจนจบพิธีคงไม่ดีแน่นอน

– การจัดเลี้ยงแบบนี้มีเมนูอาหารให้เลือกมากมาย แถมบ่าวสาวยังสามารถจัดหาซุ้มอาหารที่ชอบมาเพิ่มได้ด้วย ซึ่งถ้าบ่าวสาวหาซุ้มอาหารมาเพิ่มก็อย่าลืมแจ้งเวดดิ้งแพลนเนอร์ และทางโรงแรมด้วยนะคะ เพื่อที่แพลนเนอร์และโรงแรมจะได้จัดที่ทางไว้ได้อย่างเหมาะสม

– ทั้งการจัดเลี้ยงแบบบุฟเฟ่ต์และค็อกเทล ส่วนใหญ่ทางโรงแรมจะเผื่ออาหารให้ลูกค้าประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว ซึ่งถ้าแขกมาเกินจากจำนวนที่ตั้งไว้ไม่เยอะเท่าไหร่ ก็รับรองเลยว่าอาหารพอแน่นอน

– สำหรับซุ้มอาหาร ถ้าเป็นงานกลางวันแนะนำให้คำนวณปริมาณโดยนับแขก 1 ท่านต่อ 3 เสิร์ฟ เช่น แขก 300 ท่าน ตักอาหาร 3 อย่าง เท่ากับ 900 เสิร์ฟ บ่าวสาวอาจจะสั่งอาหาร 3 ซุ้ม ซุ้มละ 300 เสิร์ฟ ส่วนงานกลางคืนให้นับแขก 1 ท่านต่อ 4 เสิร์ฟ เพราะเป็นมื้อดินเนอร์ที่แขกอาจจะตักอาหารมากกว่าในมื้อกลางวัน

  • ซิตดาวน์ดินเนอร์

เป็นรูปแบบการจัดเลี้ยงที่หรูหราและเป็นทางการ ซึ่งที่นั่งจะตกแต่งไว้อย่างสวยงามตามธีมงานแต่งงานของบ่าวสาว ส่วนอาหารก็จะมีความน่ารับประทานและเน้นการทำแบบสดใหม่พร้อมเสิร์ฟทันที ซึ่งงานเลี้ยงลักษณะนี้เหมาะกับงานที่มีลำดับขั้นตอนพิธีการต่างๆ ที่อยากให้แขกได้มีส่วนร่วมกับเจ้าภาพตลอดทั้งงาน เพราะแขกไม่ต้องเดินไปตักอาหารเองจึงทำให้ภาพรวมของงานดูเป็นระเบียบเรียบร้อย และเป็นงานที่เหมาะกับจำนวนแขกที่ไม่เกิน 600 ท่าน เพราะอาจมีข้อจำกัดในเรื่องของ Menu Choice รวมไปถึงค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงสำหรับการจัดเลี้ยงในรูปแบบดังกล่าว

  • อาฟเตอร์ปาร์ตี้

ปัจจุบันงานแต่งเกือบทุกงานมักจะจบด้วยอาฟเตอร์ปาร์ตี้เสมอ ซึ่งสิ่งที่บ่าวสาวควรคำนึงมีดังต่อไปนี้

– หากจัดปาร์ตี้ริมสระน้ำ สิ่งที่ต้องระวังมากที่สุดก็คือ แขกเมาแล้วตกน้ำ!! หรือแม้กระทั่งเศษอาหารหรือสิ่งไม่พึงประสงค์ต่างๆ ที่อาจจะเทกระจาดลงไปในสระน้ำได้ ซึ่งบอกเลยนะคะว่าค่าทำความสะอาดสระน้ำของโรงแรมนั้นสูงใช่เล่น หรือแม้กระทั่งการทะเลาะวิวาทที่เกิดจากความมึนเมา จนอาจทำข้าวของจานชามแตกหักเสียหายได้

– บ่าวสาวสามารถคำนวณค่าใช้จ่ายคร่าวๆ ได้โดยการคาดคะเนจากจำนวนแขกที่เชิญมางานเลี้ยงในช่วงเย็น ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วแขกประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์จากจำนวนที่เชิญมาจะอยู่ร่วมงานอาฟเตอร์ปาร์ตี้ ซึ่งจำนวนก็ขึ้นอยู่กับว่างานของบ่าวสาวมีจำนวนแขกผู้ใหญ่มากน้อยแค่ไหนด้วย เพราะแขกผู้ใหญ่เมื่องานพิธีจบก็มักจะเดินทางกลับเลย ซึ่งงานนี้อาจจะต้องคะเนกันให้ดีหน่อยนะคะ เพราะจะได้นำไปคำนวณราคาแอลกอฮอล์ได้ถูก

– ระหว่างงานเลี้ยงตอนเย็น หากบ่าวสาวเห็นว่าแขกมาเกินจากที่ตั้งไว้ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ ควรรีบแจ้งกับทางโรงแรมเพื่อให้ทางโรงแรมจัดเตรียมอาหารและเครื่องดื่มไว้ให้เพียงพอต่อแขกที่เกินมา ซึ่งการสั่งอาหารเพิ่มก็ตามมาด้วยค่าใช้จ่ายที่บ่าวสาวต้องจ่ายเพิ่มด้วยเช่นกัน ซึ่งโดยมากแล้วราคาจะขึ้นอยู่กับเมนูที่สั่ง หรือถ้าอยากลดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ก็อาจจะเลือกสั่งเป็นของกินเล่นเพิ่มเป็นเซตก็น่าจะดีกว่า

อ่านบทความน่าสนใจเพิ่มเติม
โต๊ะจีน vs. ซิทดาวน์ดินเนอร์ จัดเลี้ยงงานแต่งแบบไหนแขกปลื้มไม่โดนเม้า

ภาพ www.insideweddings.com, pinterest

ไกด์มาให้ 7 คำถามจากเพื่อนเจ้าสาวที่ถามปุ๊ป เจ้าสาวต้องตอบได้ปั๊ป

ว่าที่เจ้าสาวทั้งหลายฟังทางนี้ หลังจากที่คุณได้รับแหวนแทนใจมาสวมที่นิ้วนางข้างซ้ายแล้ว หลากหลายคำถามจะถาโถมมาที่คุณอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะ คำถามจากเพื่อนเจ้าสาว ที่คุณต้องหาคำตอบให้กับพวกนาง แต่จะมีคำถามอะไรบ้าง และจะตอบแบบไหนดี แพรว wedding มีคำแนะนำค่ะ

1. ใครจะได้เป็นเพื่อนเจ้าสาว?

เป็นเรื่องปกติที่เพื่อนสาวหลายคนต่างก็สงสัยว่า ว่าที่เจ้าสาวป้ายแดงจะเลือกใครมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวในวันสำคัญ เพราะฉะนั้นคุณควรจะค่อยๆ คิดให้ถี่ถ้วนว่าจะเลือกใคร แต่ถ้าจะให้แนะนำอีกนิด คุณควรคิดให้ดีก่อนประกาศให้เพื่อนรู้ว่าจะแต่งงาน จะได้แจ้งข่าวดี 2 เด้ง จากนั้นแล้วก็เตรียมเฉลยให้เพื่อนผู้โชคดีรู้

2. ทำไมถึงไม่เลือกฉันล่ะ?

อยากรู้ว่าใครจะได้เป็นอย่างเดียวไม่พอ เพื่อนสาวผู้โชคดีอาจแสดงอาการดีใจและรู้สึกเป็นเกียรติ พร้อมกับคำถามที่ตามมาว่า “ทำไมถึงเลือกฉันล่ะ?” เพราะฉะนั้นคิดเหตุผลไว้เตรียมตอบคำถามให้เพื่อนของคุณด้วย แต่จุดพีคสุดๆ ก็คือ เพื่อนบางคนที่อาจเกิดอาการงงว่า “ทำไมถึงไม่ใช่ฉัน?” นี่ก็เป็นอีกคำถามที่คุณอาจเจอ อย่าลืมหาเหตุผลดีๆ มาตอบปลอบใจเพื่อนด้วยนะ

3. ฉันต้องใส่ชุดแบบไหน อะไร ยังไง?

ว่าที่เจ้าสาวควรวางแผน คิดธีมงาน ธีมสีมาเรียบร้อยแล้ว และแจ้งความต้องการให้เพื่อนเจ้าสาวทุกคนแต่งให้เหมือนและเข้ากันตามที่คุณคิด คุณสามารถบอกพวกเธอได้เลยว่าต้องเป็นชุดแบบใด สไตล์ไหน แต่ถ้าไม่ได้มีอะไรที่ต้องเป๊ะมาก และอยากให้อิสระกับเพื่อนเจ้าสาวได้ใส่ตามที่ชอบ ก็อย่าลืมบอกกันตั้งแต่เนิ่นๆ พวกนางจะได้ครีเอตชุดสวยๆ ได้ทันวันงาน

4. ใครจ่ายค่าชุดเพื่อนเจ้าสาว?

คุณควรจะแจ้งไปเลยว่าชุดเพื่อนเจ้าสาว รวมถึงหน้าผม คุณเตรียมงบไว้สำหรับพวกเธอหรือไม่ จะจ่ายให้ทั้งหมด จ่ายแค่ส่วนหนึ่ง หรือขอให้พวกนางจัดการกันเอง แบบนี้พวกนางจะได้ตระเตรียมงบประมาณในส่วนของตัวเองกันถูก

5. อยากให้ช่วยอะไรรึเปล่า?

ข้อนี้ถือเป็นคำถามจากความมีน้ำใจและความหวังดีของเพื่อนเจ้าสาวนะคะ ถ้ามีอะไรให้เธอช่วยเตรียมงาน เตรียมสิ่งของ หรือช่วยไปลองชุดเป็นเพื่อน แบบนี้ต้องรีบแจ้งให้พวกนางทราบ แต่ละคนจะได้จัดสรรเวลาของตัวเองมาช่วยงานคุณได้

6. จัดปาร์ตี้สละโสดไหม?

เดี๋ยวนี้ปาร์ตี้สละโสดสำหรับสาวไทยได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น เพราะมันจะเป็นคืนที่สนุกสนานสุดๆ ในขณะที่คุณยังอยู่สถานะโสด เพื่อนสาวหลายนางอาจถามคุณว่า “อยากจัดปาร์ตี้สละโสดไหม” ซึ่งเรื่องนี้มักจะเป็นหน้าที่ของเหล่าผองเพื่อน ถ้าคุณอยากได้ก็รีบบอกพวกนางเลย นางจะได้เตรียมจัดปาร์ตี้แบบสุดเหวี่ยงให้คุณ

7. ฉันต้องจองโรงแรมเองรึเปล่า?

ปัจจุบันนี้หลายคู่รักนิยมเลือกจัดงานแต่งในโรงแรม โดยจะให้คนสำคัญที่เกี่ยวข้องกับงานเข้าไปเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆ และขอให้ค้างคืนที่โรงแรมด้วยกัน เพื่อที่ว่าตอนเช้าวันงานจะได้ไม่วุ่นวายมาก หรือถ้าเกิดอาการเมามายหลังงานเลี้ยงเลิกจะได้ขึ้นห้องทิ้งตัวลงเตียงได้ทันที ดังนั้นคุณควรบอกเหล่าเพื่อนเจ้าสาวว่า คุณสามารถอำนวยความสะดวกให้พวกนางได้แค่ไหน จะจองห้องให้หรือว่าเพื่อนต้องจองเอง รวมถึงค่าใช้จ่ายด้วยนะจ๊ะ เรื่องนี้จะสำคัญมากกับคนที่จัดงานแต่งงานตามต่างจังหวัด และเพื่อนๆ จะต้องเดินทางไปค้างคืน ดังนั้นเรื่องที่หลับที่นอนอย่าให้พลาดเด็ดขาด

ว่าที่เจ้าสาวคนไหนที่เจอคำถามเหล่านี้อย่าเพิ่งเบ้หน้าแล้วหาว่าเพื่อนเจ้าสาวจู้จี้ เพราะจริงๆ แล้วนางอาจแค่ต้องการทราบรายละเอียดเพื่อที่จะได้เตรียมตัวได้ถูกต้องสำหรับวันสำคัญของเพื่อนรัก เพราะฉะนั้นเตรียมตัวและเตรียมคำตอบไว้ให้ดีแล้วกันนะจ๊ะ

ติดตามไอเดียและคำแนะนำดีๆ อีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย!

เรียบเรียง : weddingandweddingflowers.co.uk
ภาพ : girlywedding.com

งานแต่งงานไทย-จีนควรมีผลไม้มงคล 5 อย่างเสริมดวงคู่บ่าวสาว

ว่ากันว่าถ้ามีการเริ่มต้นที่ดีในทุกๆ เรื่องชีวิตก็จะมีเรื่องดีๆ ตามมา นอกจากฤกษ์งามยามดีแล้วพิธีงานแต่งงานอันเป็นมงคลมักนำของที่มีความหมายดีเป็นมงคลมาใช้ในงานแต่งงานด้วย เช่น ดอกไม้ที่ใช้ประดับตกแต่ง ของชำร่วย อาหาร ขนม รวมไปถึงผลไม้ที่มีชื่อเป็นมงคลความหมายดี ถือเป็นความเชื่อส่วนบุคคลที่ช่วยสร้างขวัญกำลังใจในการใช้ชีวิตคู่ของบ่าวสาวในอนาคต แล้วการใช้ผลไม้มงคลก็เป็นสิ่งที่หาได้ง่ายในประเทศไทย แถมมีรสชาติอร่อยด้วย จึงได้รับความนิยมแทบทุกงานเลยก็ว่าได้ค่ะ แต่บางคนก็อาจจะยังไม่ทราบว่า ผลไม้มงคลงานแต่ง สำหรับงานแต่งงานนั้นมีอะไรบ้าง งั้นก็อย่ารอช้าเรามาดูกันเลยดีกว่าค่ะ

ผลไม้มงคล

กล้วย

คุณประโยชน์ : อุดมไปด้วยวิตมินและแร่ธาตุต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของสมอง เช่น มีสารช่วยให้สมองตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ตื่นตัวแบบมีสติและสมาธินะคะ ช่วยควบคุมอุณหภูมิในร่างกายให้เป็นปกติ และที่สำคัญกินนิดเดียวก็อิ่มท้องไปได้สักพักละค่ะ แถมยังใช้ในการลดความอ้วนรักษาหุ่นให้ใส่ชุดเจ้าสาวได้สวยๆ เป็นอย่างดีเลย

ผลไม้มงคล : นอกจากต้นกล้วยจะถูกใช้ในขบวนขันหมากแล้ว ผลกล้วยที่เป็นผลไม้ยังนิยมนำมาทำขนมไทยใช้จัดเลี้ยงแขกที่มาร่วมงานมงคลสมรสหรือนำไปถวายพระ เชื่อกันว่ากล้วยใน 1 หวีมีจำนวนมากมายหลายลูก การกินกล้วยจึงทำให้มีลูกสืบสกุลหลายคน มีบริวารพวกพ้องที่ดี และบางตำรายังเชื่อว่าหากเจ้าสาวได้กินกล้วยก็จะทำให้ได้ลูกแฝดอีกด้วยค่ะ

ผลไม้มงคล

ทับทิม

คุณประโยชน์ : เป็นผลไม้ที่เหมาะกับคุณผู้หญิงหรือเจ้าสาวควรรับประทานอย่างยิ่งเลยค่ะ เพราะทับทิมจะช่วยเรื่องผิวพรรณเป็นหลัก มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ทำให้ผิวไม่เหี่ยวก่อนวัยอันควร และบันทึกทางการแพทย์โบราณของอียิปต์ในคัมภีร์ไบเบิล หรือในตำรายาจีน กรีก และเปอร์เซียในอดีตต่างบอกเป็นเสียงเดียวว่าสามารถช่วยปรับฮอร์โมนในคนวัยทองให้เป็นปกติ ผิวพรรณเต่งตึงดูสดใส และป้องกันการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ งานนี้ไม่ได้สงวนไว้ให้สาวๆ กินอย่างเดียวนะคะ เพราะคุณเจ้าบ่าวก็สามารถรับประทานได้เหมือนกัน

ผลไม้มงคล : ส่วนใหญ่นิยมใช้ในงานแต่งงานของคนจีน เพราะสีที่แดงสวยงามคือสีที่เป็นมงคลของคนจีน จึงมักนิยมใช้ผลไม้ที่มีสีแดงในงาน และยังมีความเชื่อว่าการใช้ทับทิบมาประกอบพิธีงานมงคลสมรสจะช่วยให้ครอบครัวบ่าวสาวอบอุ่น ไม่มีเรื่องขัดแย้งทะเลาะวิวาทกัน ทั้งสองจะรักใคร่กลมเกลียวกันไปตลอดกาล

ผลไม้มงคล

ลูกพลับ

คุณประโยชน์ : ผลไม้อีกหนึ่งชนิดที่เหมาะกับเจ้าสาวที่ต้องการลดน้ำหนักก่อนวันแต่งงาน ซึ่งมีแคลอรี่และไขมันต่ำ แต่ให้พลังงานเยอะไม้แพ้กล้วยเลยนะคะ อีกทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่หลายชนิดที่จะช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยของผิวพรรณ หากเจ้าสาวคนไหนทานลูกพลับบ่อยๆ ช่วงใกล้วันแต่งงาน รับรองต้องสวยเป๊ะแน่ๆ เลยค่ะ

ผลไม้มงคล : อาจจะไม่ค่อยได้เห็นลูกพลับในงานแต่งงานมากนัก เพราะค่อนข้างมีความหายากในบางฤดู แต่ก็ยังคงมีความเชื่อว่าถ้าบ่าวสาวใช้ลูกพลับในงานแต่งงานชีวิตคู่จะสวยงาม รักกันหว๊านนหวานจนใครๆ ต้องอิจฉา เปรียบได้กับการมีความรักที่หอมหวานเหมือนกับลูกพลับที่มีกลิ่นหอม รสชาติหวานนั่นเองค่ะ นอกจากนี้ยังช่วยเสริมความหนักแน่น มั่นคงให้กับความรักของทั้งคู่ หากมีอุปสรรคก็จะสามารถผ่านพ้นไปได้อย่างราบรื่นเลย

ผลไม้มงคล

ลิ้นจี่

คุณประโยชน์ : มีรสชาติที่ถูกปากใครหลายคน ทานแล้วหวานฉ่ำชื่นใจคลายร้อนได้ สำหรับบ่าวสาวที่เหนื่อยจากการเตรียมงานแต่งงานควรทานลิ้นจี่เลยค่ะ เพราะช่วยเพิ่มพลังให้กับร่างกาย บรรเทาอาการปวดเมื่อย เหนื่อยล้าจากการทำงานหนัก ลดอาการบวมตามร่างกาย (แต่ถ้าบวมจากการกินเยอะก็ไม่เกี่ยวกันน้า ) อ้อ! อย่ากินมากไปนะคะอาจทำให้เกิดแผลร้อนในในช่องปากได้ไม่รู้ตัว เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน!

ผลไม้มงคล : ลิ้นจี่เป็นผลไม้ชั้นสูงของคนจีน ซึ่งเล่าต่อๆ กันมาว่า ในยุคสมัยหนึ่งประเทศจีนมีฮ่องเต้พระองค์หนึ่งให้ทหารประจำพระองค์จัดหาลิ้นจี่ที่สวยงาม โดยต้องมีผิวสวย สีแดงสด นำไปถวายพระมารดาและพระมเหสีของพระองค์เป็นประจำ ทำให้ลิ้นจี่แพร่หลายในขุนนางชั้นสูงเป็นอย่างมาก จึงนิยมนำมาใช้ในงานมงคลโดยเฉพาะงานแต่งงาน เชื่อว่าสีแดงสดของลิ้นจี่จะช่วยเสริมความเป็นสิริมงคลให้กับชีวิตคู่ค่ะ

ผลไม้มงคล

ลำไย

คุณประโยชน์ : ทางการแพทย์ค้นพบแล้วว่าสารสกัดจากลำไยช่วยต้านอนุมูลอิสระได้ดีกว่าสารเคมีที่ใช้ในยาและเครื่องสำอางบางชนิด จึงช่วยลดปริมาณสารพิษในร่างกายที่คุณต้องรับเข้ามาทุกวันๆ อย่างเลี่ยงไม่ได้ ส่งผลไปถึงเรื่องอารมณ์ที่การทานลำไยจะทำให้รู้สึกผ่อนคลาย นอนหลับได้อย่างสนิท และยังช่วยลดอาการตื่นเต้นของคนที่กำลังจะกลายเป็นเจ้าบ่าวเจ้าสาวได้ด้วยน้า

ผลไม้มงคล :  คนจีนบางกลุ่มนำไปใช้ร่วมกับพิธีการสู่ขอหญิงสาว เพราะเชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์ของความหวานชื่น ซึ่งในภาษาจีนลำไยหมายถึง มังกรที่เป็นสัญลักษณ์ของฮ่องเต้ ดังนั้นจึงถูกมองว่าเป็นผลไม้ตัวแทนของความรักที่มาจากรสชาติที่หวานฉ่ำ ความเป็นผู้นำครอบครัวที่มีในตัวเจ้าบ่าว และอำนาจวาสนาที่ทำให้คนทั้งสองคนได้มาใช้ชีวิตคู่ร่วมกันค่ะ ถือเป็นผลไม้ที่เต็มไปด้วยความหมายเลยนะคะเนี่ย

ยังไงก็อย่าลืมนะคะว่าความเชื่อต้องมาคู่กับหลักการและเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ แม้มีผลไม้ 5 ชนิดนี้ในงานแต่งงานก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้ชีวิตคู่ไร้อุปสรรคเสมอไป เรื่องแบบนี้ขึ้นอยู่กับความเชื่อส่วนบุคคล อย่างน้อยก็ทำให้บ่าวสาวสบายใจขึ้นก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีจริงไหมคะ? แต่ที่แน่ๆ การทานผลไม้นั้นมีประโยชน์มากมายซึ่งดีกับตัวคุณทั้งคู่เลย เอาล่ะ! เมื่อทานผลไม้มงคลกันไปแล้วเราลองมาดูทางด้านขนมบ้างว่าจะมีขนมอะไรความหมายดีเป็นมงคล ตามมาชิมกันต่อได้ที่ ขนมมงคลงานแต่งความหมายดี 9 อย่างที่ต้องมีในงานแต่ง

เรียบเรียงข้อมูลจาก : kapook.com, liekr.com, blocmeofficial.com,                           
sukkaphap-d.com, krabinakharin.co.th
ภาพจาก : pinterest.com

เลือกต่างหูให้เหมาะกับรูปหน้า อีกหนึ่งเคล็ดลับสร้างความงามให้ใบหน้าเจ้าสาว

นอกจากเรื่องแบบชุดแต่งงาน และแหวนแต่งงานแล้ว อีกหนึ่งเรื่องที่เหล่าเจ้าสาวให้ความสำคัญคือ การเลือกเครื่องประดับในวันแต่งงาน ไม่ว่าจะ สร้อยคอ สร้อยข้อมือ กำไล หรือต่างหู ต้องจัดมาแบบครบเซต แต่สิ่งที่แพรว wedding อยากจะให้เจ้าสาวให้ความสำคัญมาเป็นพิเศษคือการ เลือกต่างหูให้เหมาะกับรูปหน้า เพราะเชฟของเพชรมีผลต่อกรอบหน้าเจ้าสาวมากๆ ถ้าเลือกให้เหมาะก็จะช่วยพรางจุดบกพร่อง และเสริมจุดเด่นบนใบหน้าของเจ้าสาวได้ด้วย

คุณอัญรัตน์ พรประกฤต กูรูด้านดีไซน์และ CEO แห่ง Jubilee เลยมีเคล็ดลับการเลือกต่างหูให้เหมาะกับรูปหน้ามาฝากว่าที่เจ้าสาว ตามนี้เลย

 

เจ้าสาวใบหน้ากลม

ปัญหาหลักของผู้หญิงรูปหน้าทรงกลมคือ ใบหน้าค่อนข้างสั้น จึงควรเลือกต่างหูทรงรีหรือเป็นพู่ห้อยระย้ายาวลงมา อาจเลือก เพชรทรงหยดน้ำ (Pear Shaped) หรือเพชรวงรีรูปไข่ (Oval Cut) เพื่อให้คอและใบหน้าดูเรียวยาวขึ้น หรือเลือก เพชรรูปทรงสี่เหลี่ยม (Princess Cut) แต่ถ้าอยากใส่ชุดเจ้าสาวให้ออกมาดูหวานอาจเลือกใส่ต่างหูตุ้งติ้ง ถ้าเป็นเจ้าสาวโมเดิร์นมีความมั่นใจ อยากใช้ต่างหูในวาระโอกาสอื่นๆ นอกจากวันแต่งงานอาจเลือกต่างหูเพชรทรงสี่เหลี่ยมแบบติดหูจะช่วยให้รูปหน้าดูยาวขึ้น

เจ้าสาวใบหน้าเหลี่ยม

ปัญหาหลักของผู้หญิงรูปหน้าทรงเหลี่ยม คือด้านข้างกรอบหน้าเห็นสันกรามชัดเจน จึงควรเลือก เพชรรูปไข่ (Oval Cut) เพชรหยดน้ำ (Pear Shaped) เพชรกลม (Round Brilliant Cut) เพื่อให้หน้าดูซอฟต์ขึ้นช่วยลดเหลี่ยมมุมโดยเฉพาะบริเวณกราม หลีกเลี่ยงการใส่ต่างหูรูปทรงเรขาคณิตเพราะจะยิ่งทำให้เห็นทรงเหลี่ยมของหน้ามากขึ้น

เจ้าสาวใบหน้ายาว

ปัญหาหลักของผู้หญิงรูปหน้ายาวคือ มีช่วงคางยาวจึงควรเลือกต่างหูที่ตัวเรือนมีดีเทลและดีไซน์บ้าง ไม่ควรเลือกแบบเรียบๆ ขนาดของต่างหูควรค่อนข้างกว้าง เช่น เป็นทรงกลม ทรงเหลี่ยม เพื่อพรางความยาวของใบหน้าให้ดูสมส่วนขึ้น แนะนำให้เลือก เพชรทรงกลม (Round Brilliant Cut) เพชรสี่เหลี่ยม (Princess Cut) เพชรสี่เหลี่ยมขอบมน (Cushion Cut) เพชรเรเดียน (Radiant Cut) เป็นเพชรทรงสี่เหลี่ยมตัดมุมแต่เจียระไนแบบทรงกลม ให้ประกายวิบวับ ดูมีรสนิยม และคลาสสิก ถ้าอยากใส่ต่างหูห่วงก็ได้ แต่ต้องไม่เป็นห่วงทรงรี จะใส่แบบติดหู หรือต่างหูดีไซน์ตุ้งติ้งแบบสั้นๆ ก็ได้ ห้ามใส่ต่างหูตุ้งติ้งยาวๆ หรือต่างหูเพชรเป็นเส้นหรือเป็นแท่งตรงๆ เพราะจะยิ่งทำให้หน้าดูยาวไปอีก

เจ้าสาวใบหน้ารูปหัวใจ

ปัญหาหลักของผู้หญิงรูปหน้าหัวใจคือ ใบหน้าช่วงบนกลม ส่วนคางยาว จึงควรเลือกต่างหูทรงสามเหลี่ยมฐานคว่ำหรือทรงรูปพัดจะช่วยให้คางที่ดูแคบได้สมดุลมากขึ้น อาจเลือกใช้เพชรเจียระไน สามเหลี่ยม (Trillion Cut) หรือถ้าชอบต่างหูชนิดติดหูควรเลือกดีไซน์ที่มีขนาดใหญ่เล็กน้อยเพื่อช่วยปรับสมดุลใบหน้าให้สวยละมุน

เจ้าสาวใบหน้ารูปไข่

เรียกได้ว่าเป็นความโชคดีที่สุดเพราะจะเลือกต่างหูแบบไหน ทรงอะไรก็เข้ากับหน้าได้หมด จะเลือกเพชรรูปทรงแฟนซี เช่น เพชรวงรีรูปไข่ (Oval Cut) เพชรรูปหัวใจ (Heart Shaped) หรือ เพชรเรเดียน (Radiant Cut) เพื่อสร้างความแปลกใหม่และให้ลุคที่สวยแปลกตากว่าเดิมก็จัดเลย

เรื่องโดย – ดั่มดั๊มพ์
ภาพ pinteresrt

รูป-แสง-เสียง 3 สิ่งนี้ที่ควรมีอยู่ในลิสต์งบประมาณงานแต่งด้วย

หากว่าที่บ่าวสาววาง งบประมาณงานแต่ง เอาไว้แล้ว อย่าลืมรวม 3 สิ่งนี้เข้าไปด้วยนะ

หลังจากที่บ่าวสาวได้ตั้ง งบประมาณงานแต่ง ไว้คร่าวๆ สำหรับการจัดงานแต่งแล้ว บางคู่ที่มีงบเหลืออาจจะเพิ่มเติมบางสิ่งที่พิเศษเข้าไปอีกเล็กๆ น้อยๆ ในงานแต่งงานของพวกเขา แต่สำหรับคู่ไหนที่มีงบจำกัดก็ไม่ได้หมายความว่างานแต่งของคุณจะเหี่ยวเฉาหรือจืดชืดนะคะ วันนี้ แพรว wedding มาพร้อมกับ 3 สิ่งที่แค่เติมลงไปในงานแต่งปุ๊บก็ช่วยสร้างบรรยากาศให้ดูดีปั๊บมาฝาก

 

รูป – ดอกไม้

งบประมาณงานแต่ง

ดอกไม้ อาจจะไม่สามารถอยู่รอดคงทนความสดใสสดชื่นได้หลังจากวันแต่งงาน จึงทำให้บ่าวสาวบางคู่ลังเลที่จะทุ่มเงินไปกับการจัดดอกไม้ แต่ดอกไม้ในงานแต่งเป็นสิ่งที่จะช่วยให้บรรยากาศของงานดูดูสดชื่น และทำให้แขกสามารถจดจำงานแต่งงานของบ่าวสาวได้อีกด้วย เพราะ ดอกไม้ เป็นสิ่งที่แขกจะสามารถมองเห็นได้เป็นอย่างแรกเมื่อเข้าสู่งานหรือห้องจัดเลี้ยง และเป็นจุดที่แขกมักจะใช้เป็นมุมถ่ายภาพลงโซเชียลอยู่เสมอ เพราะฉะนั้นหากบ่าวสาวจะต้องเพิ่มเงินอีกเล็กน้อย ลองพยายามเพิ่มการตกแต่งดอกไม้ให้กับบรรยากาศงานแต่งงานของคุณสักหน่อย อย่างน้อยก็อาจจะจัดไว้ที่แบ็กดร็อปถ่ายภาพ หรือบริเวณทางเข้างานก็ยังดี เพื่อให้แขกได้พบกับความสดชื่นก่อนเดินเข้าสู่บรรยากาศภายใน

 

แสง – แสงสี

งบประมาณงานแต่ง

แสงสี เป็นสิ่งที่จะช่วยอัพเกรดให้บรรยากาศงานแต่งแบบเอ้าท์ดอร์ดูน่าสนใจมากขึ้น และยังช่วยดึงดูดความสนใจหรือเป็นจุดนำสายตาไปยังรายละเอียดที่สำคัญต่างๆ ในงานได้ด้วย ซึ่งแสงสีในที่นี้ก็อย่างเช่น ไฟราว ไฟหิ่งห้อย หรือโคมไฟกระดาษ (paper lanterns) หรือ Fairy Lights ดวงไฟเล็กๆ น่ารักหลายรูปแบบ ซึ่งสามารถช่วยสร้างบรรยากาศและการตกแต่งต่างๆ ในงานแต่งสไตล์เอ้าท์ดอร์ให้ดูสมบูรณ์แบบมากขึ้น ซึ่งถ้าหากสถานที่แต่งงานที่บ่าวสาวเลือกนั้นมีไฟไม่เพียงพอ หรือไม่มีไฟแบบที่บ่าวสาวต้องการ สิ่งนี้ก็ดูเป็นอะไรที่คุ้มค่ากับการลงทุน เพราะนอกจากจะช่วยเพิ่มบรรยากาศแล้ว ยังมีแสงสว่างที่เพียงพอให้ช่างภาพได้ถ่ายภาพ และแขกสามารถเห็นดีเทลต่างๆ ในงานได้อย่างสะดวก ซึ่งการเพิ่มงบในส่วนนี้อาจทำให้บ่าวสาวต้องลดทอนส่วนอื่นๆ ในงานลงไปบ้างหากเกินงบประมาณที่คุณวางไว้

 

เสียง – ดนตรี

งบประมาณงานแต่ง

เป็นงานรื่นเริงทั้งทีจะปล่อยให้งานเงียบเชียบหรือเต็มไปด้วยเสียงคุยกันของแขกก็คงไม่ดีใช่ไหมคะ เพราะฉะนั้นเพื่อสร้างบรรยากาศในวันสำคัญให้เพอร์เฟกต์ เสียงเพลง ดูจะเป็นอะไรที่เหมาะสมที่ต้องมี ไม่ว่าจะเปิดคลอไว้ในช่วงที่งานยังไม่เริ่ม หรือบรรเลงประกอบในช่วงต่างๆ ของพิธีการ ก็ล้วนช่วยสร้างอารมณ์ร่วมให้กับบ่าวสาวและแขกในงานได้เป็นอย่างดี ซึ่งในที่นี่ก็ต้องเลือกเพลงที่ดีที่ให้ความรู้สึกดีๆ ด้วย ซึ่งหลังจากที่บ่าวสาวได้ลิสต์รายชื่อเพลงที่จะใช้ทั้งหมดในงานออกมาแล้ว ถึงตอนนี้ก็จะช่วยให้ว่าที่บ่าวสาวตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่า คุณจะเลือกใช้วงดนตรี ดีเจ หรือเปิดแผ่น เพื่อช่วยให้ทั้งคุณและแขกทุกคนสามารถสนุกสนานได้ตลอดทั้งค่ำคืนในวันสำคัญ ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับงบประมาณที่คุณจะสามารถจ่ายไหวด้วยนะจ๊ะ

“TIPS”

3 ขั้นตอนวางแผน งบงานแต่งงาน เรื่องสำคัญเพื่อวันวิวาห์

1. วางคอนเซ็ปต์งานให้ชัดเจน

บ่าวสาวหลายคู่ประสบปัญหางบประมาณบานปลาย เพราะไม่มีจุดยืนในการจัดงานแต่งงานของตัวเอง ทำให้เผลอใจตอบรับข้อเสนอต่างๆ ที่ไม่จำเป็นและเสียเงินเพิ่มโดยใช้เหตุ

2. ลำดับความสำคัญ

คู่บ่าวสาวควรลำดับความสำคัญของการจัดงานในส่วนต่างๆ เพื่อแบ่งงบประมาณอย่างเหมาะสม

3. จัดทำบัญชี

ข้อดีของการจัดทำบัญชีงบประมาณและบันทึกค่าใช้จ่ายคือ บ่าวสาวจะได้เห็นยอดรายจ่ายจริง ทำให้ระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น

อย่าลืมนำไปทำตามกันนะคะ ^^

 

ภาพ www.lightinganddesignbyscott.com, pinterest

 

ติดตามเทคนิคและไอเดียดีๆ เกี่ยวกับงานแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

7 เนื้อผ้าบางเบาเหมาะสำหรับตัดเย็บชุดเจ้าสาวในช่วงซัมเมอร์

หากคุณเป็นว่าที่เจ้าสาวที่ดันได้ฤกษ์แต่งงานในช่วงซัมเมอร์ แถมยังเลือกสถานที่แต่งงานแบบเอ้าท์ดอร์ไปอีก เพราะฉะนั้นสิ่งที่สาวๆ ต้องคำนึงถึงมากเป็นพิเศษนอกจากการป้องกันเมคอัพไม่ให้ละลายแล้ว เรื่องชุดแต่งงาน หรือแม้กระทั่งชุดเพื่อนเจ้าสาวก็มีความสำคัญไม่แพ้กันนะคะ โดยเฉพาะการเลือกเนื้อผ้าที่ต้องเป็น เนื้อผ้าบางเบา ที่ช่วยระบายความร้อน และช่วยให้สาวๆ เคลื่อนไหวได้อย่างสะดวกสบาย เพราะคงไม่มีสาวๆ คนไหนที่อยากเหงื่อโทรมทั่วร่างกายในวันสำคัญหรอกจริงไหมคะ แพรว wedding เลยไปเดินสำรวจเนื้อผ้าที่เหมาะกับการตัดชุดแต่งงานและชุดเพื่อนเจ้าสาวในช่วงซัมเมอร์มาฝาก

 

ผ้าชาร์มัวส์ (Charmeuse)

เป็นเนื้อผ้าที่มีลักษณะโดดเด่นเรื่องความมันวาวและเรียบลื่น จึงช่วยให้ผู้สวมใส่เคลื่อนไหวได้อย่างสะดวกสบายภายใต้เนื้อผ้าลักษณะนี้ และด้วยความเงาวาวของเนื้อผ้าก็ช่วยทำให้สาวๆ ดูเซ็กซี่น่าค้นหาในชุดแบบนี้อีกต่างหาก โดยเฉพาะกับว่าที่เจ้าสาวที่เปิดตัวเข้าสู่ช่วงพิธีการในชุดแต่งงานผ้าชาร์มัวส์ ก็จะช่วยให้ลุคของคุณดูน่าทึ่งได้ท่ามกลางบรรยากาศงานแต่งงานแบบเอ้าท์ดอร์ หรือแม้กระทั่งงานแต่งงานที่เป็นทางการมากๆ เจ้าสาวก็ยังรอดในชุดแต่งงานเนื้อผ้ามันวาวนี้อยู่ดี

เนื้อผ้าบางเบา

ผ้าชีฟอง (Chiffon)

เป็นผ้าโปร่งที่มีน้ำหนักเบา จึงทำให้เนื้อผ้าลักษณะนี้ถูกนำมาใช้ซ้อนกันเป็นเลเยอร์ให้ฟูฟ่องสำหรับชุดแต่งงานหลากหลายแบบ ซึ่งความบางเบาและความฟุ้งของเนื้อผ้าช่วยให้ชุดที่ตัดเย็บออกมานั้นดูสวยและสง่างาม และถ้าหากเจ้าสาวจัดงานแต่งงานแบบออน เดอะ บีช ชุดแต่งงานที่เป็นผ้าชีฟองนั้นเหมาะอย่างแรงส์ อ่ะ ลองนึกภาพตามนะคะ ว่าคุณอยู่ในชุดแต่งงานผ้าชีฟองสุดบางเบาพร้อมความฟูฟ่องของกระโปรง ที่มีฉากหลังเป็นท้องฟ้าสีสดใสและท้องทะเลสีคราม โอย แค่คิดก็สวยจนขนลุกแล้ว จริงไหมคะ

ผ้าเครป (Crepe)

เป็นอีกหนึ่งเนื้อผ้าที่ได้รับความนิยมในชุดแต่งงาน เพราะด้วยลักษณะเนื้อผ้าที่บางเบา น้ำหนักน้อย เหมาะกับการใส่ในช่วงซัมเมอร์สุดๆ และยังให้ลุคที่สวยงามเมื่อนำมาตัดเป็นชุดแต่งงานอีกด้วย อีกทั้งเนื้อผ้ายังมีเท็กซ์เจอร์แบบเรียบหรูดูดีเหมาะกับการนำมาตัดชุดที่ไม่ต้องการความซับซ้อนของดีไซน์มากนัก เพราะด้วยเนื้อผ้าที่มีความสวยงามอยู่ในตัวอยู่แล้วก็จะช่วยให้ทั้งลุคและทั้งชุดออกมาดูดีแน่นอน

ผ้าฝ้ายหรือผ้าคอตตอนลายจุด (Swiss Dot)

จัดงานแต่งในช่วงซัมเมอร์ทั้งที ลุคของสาวๆ ก็ต้องเน้นความสนุกสดใสให้เข้ากับบรรยากาศสักหน่อย เพราะฉะนั้นเนื้อผ้าที่มีดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ชนิดนี้จึงเหมาะกับสาวๆ ที่ต้องการความแตกต่างเป็นที่สุด เพราะด้วยเนื้อผ้าที่มีลายจุดแบบเฉพาะตัว แถมยังให้ความบางเบามากกก จึงการันตีได้ว่าเจ้าสาวจะสบายคลายร้อนอยู่ในชุดนี้ได้เป็นวันแบบไร้ความหงุดหงิด แต่ด้วยเนื้อผ้าที่มีลูกเล่นค่อนข้างเฉพาะตัว จึงอาจจะเหมาะกับเจ้าสาวที่จัดงานแต่งงานแบบไม่เป็นทางการมากนัก เพราะด้วยเนื้อผ้าที่มีความโดดเด่นขี้เล่นนี้ หากใส่ในงานแต่งที่ทางการจ๋ามากๆ แขกอาจจะตกใจได้ว่า เอ๊ะ เจ้าสาวมาผิดงานหรือเปล่าก็ได้!!

ผ้ามุ้ง หรือผ้าโปร่ง

เนื้อผ้าลักษณะนี้นิยมนำมาใช้เสริมเป็นดีเทลในชุดแต่งงานอยู่เป็นประจำสม่ำเสมอ เรียกได้ว่าเห็นจนชินตาก็ว่าได้ โดยเฉพาะในดีเทลของช่วงแขน ช่วงเนคไลน์ หรือด้านหลังของชุดแต่งงาน ที่มักจะนิยมนำมาตัดเย็บเสริมเพื่อให้ชุดแต่งงานเกิดความสวยงามและมีเอกลัษณ์เฉพาะตัว แถมเนื้อผ้าลักษณะนี้ยังเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับเจ้าสาวที่ต้องการเผยผิวเพิ่มความเซ็กซี่นิดๆ แบบไม่ติดโป๊ แถมยังให้ลุคคลาสสิคแฝงความโมเดิร์นอีกด้วย

ผ้าออร์แกนซ่า (Organza)

หากสาวๆ กำลังมองหาบางอย่างที่มอบความสวยงามให้กับลุคภายใต้ชุดที่มีเนื้อผ้าบางเบา เนื้อผ้าออร์แกนซ่าก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีที่เราอยากแนะนำ แถมเนื้อผ้าชนิดนี้ยังมีประกายแวววาวที่ช่วยให้ลุคของเจ้าสาวดูโรแมนติกมากขึ้น ซึ่งโดยส่วนมากแล้วเนื้อผ้าลักษณะนี้จะนิยมนำมาใช้สำหรับตัดเย็บเป็นกระโปรงฟูฟ่องอย่างกระโปรงทรงบอลกาวน์ หรือชุดแต่งงานที่ลากยาวมากๆ เพื่อช่วยให้ลุคโดยรวมของชุดดูน่าสนใจ

ผ้าทูลล์ (Tulle)

เป็นอีกหนึ่งรูปแบบของผ้าโปร่งเนื้อบางเบา น้ำหนักน้อยที่ให้อารมณ์โรแมนติกสุดๆ และนิยมนำมาใช้ตัดเย็บเป็นกระโปรงทูทู่เพื่อให้ฟูฟ่องดูมีวอลลุ่มได้ลุคสวยงามชวนฝัน อีกทั้งผ้าชนิดนี้ยังสามารถนำไปสร้างสรรค์เป็นลุคต่างๆ ได้ตามสไตล์ของสาวๆ แต่ละคนอีกด้วย โดยเฉพาะในชุดแต่งงานทรงบอลกาวน์ที่เน้นความมีวอลลุ่มของกระโปรง ซึ่งเราคอนเฟิร์มเลยว่าให้ความสวยงามราวกับเจ้าหญิงเมื่อยามที่เจ้าสาวย่างกรายเข้าสู่งานแน่นอน

เลือกเนื้อผ้ากันได้แล้ว ก็ยังมีเรื่องที่เจ้าสาวต้องรู้อีกนะคะหากจะจัดงานแต่งงานหน้าร้อนกับ 5 เรื่องเจ้าสาวต้องรู้เมื่อถึงเวลาเลือกชุดแต่งงานริมทะเล!

ภาพ zingermanscornmanfarms.com, pinterest.com

สคริปต์งานแต่งจีน ครบถ้วนแบบม้วนเดียวจบไม่มีตกหล่นแน่นอน

เราขอเอาใจบ่าวสาวสายอาตี๋อาหมวยที่กำลังจะเข้าสู่ประตูวิวาห์ด้วย สคริปต์งานแต่งจีน แบบจัดเต็มไม่มีกั๊ก ที่เรียงลำดับงานก่อนหลังมาให้ตั้งแต่เริ่มจนจบ พร้อมบทเจรจาของผู้ใหญ่ที่สามารถจะนำไปซักซ้อมก่อนได้ที่จะถึงวันจริง ถ้าจะให้ดีขอแนะนำให้ปริ้นต์แจกกันไปเลยจ้า ถึงวันจริงจะได้เป๊ะทุกพิธีไม่มีตกหล่น

สู่ขอ

เริ่มด้วย “พิธีสู่ขอ” ซึ่งเป็นพิธีแรกเริ่มของงานมงคลทั้งหมด โดยหลังจากที่พิธีกรเชิญคุณพ่อคุณแม่และเถ้าแก่ทั้งสองฝ่ายขึ้นนั่งประจำที่บนเวทีเรียบร้อยแล้ว ก็จะเริ่มต้นด้วยการเชิญเถ้าแก่ฝ่ายชายกล่าวสู่ขอว่าที่เจ้าสาวจากเถ้าแก่ฝ่ายหญิง

เถ้าแก่ฝ่ายชาย : ก่อนอื่นขอกล่าวสวัสดีแขกทั้งสองฝ่ายทุกท่านนะครับ/ ค่ะ วันนี้กระผม/ ดิฉันได้รับเกียรติและความไว้วางใจจากครอบครัวของฝ่ายชาย (หรืออาจจะใส่เป็นชื่อเจ้าบ่าวก็ได้ตามถนัด) ให้เป็นผู้ใหญ่ทำหน้าที่สู่ขอ ว่าที่เจ้าสาว คุณ… (ชื่อว่าที่เจ้าสาว) ซึ่งจากที่ทราบกันดี ว่าทั้งคู่ได้คบหาดูใจกันมาและมีความเหมาะสมกันเป็นอย่างมาก โอกาสนี้กระผม/ ดิฉันจึงเรียนขอกล่าวทาบทามสู่ขอจากฝ่ายหญิง เพื่อให้ทั้งคู่ได้หมั้นหมายกัน ไม่ทราบว่าทางฝ่ายหญิงจะเห็นควรมิควรอย่างไรบ้างครับ/ คะ

เถ้าแก่ฝ่ายหญิง : ทางฝ่ายหญิงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง และไม่มีอะไรขัดข้องแต่อย่างใด เพราะเห็นดีแล้วว่าทั้งคู่รักและเหมาะสมกันมาก

จากนั้นนำเข้าสู่ “พิธีแต่งงาน” โดยในตอนนี้สินสอดที่เตรียมมาได้ถูกจัดวางไว้ที่โต๊ะเบื้องหน้าของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายแล้ว ก็ถึงเวลาที่เถ้าแก่ฝ่ายชายต้องกล่าวอีกครั้ง

เถ้าแก่ฝ่ายชาย : สินสอดทั้งหมดนี้ ทางฝ่ายชายได้เตรียมมาเพื่อเป็นหลักประกันให้ฝ่ายหญิงได้มั่นใจว่า ฝ่ายชายจะสามารถดูแลฝ่ายหญิงได้ ขอให้ทางฝ่ายหญิงตรวจสอบได้เลยนะครับ/ ค่ะ

เถ้าแก่ฝ่ายหญิง : ด้วยความยินดีครับ/ ค่ะ ทางเราก็เชื่อมั่นเช่นนั้นเช่นกัน และขอให้ดูแลรัก (ชื่อเจ้าสาว) เหมือนลูกหลานของท่าน หลังจากนี้ทางครอบครัวฝ่ายหญิงก็ขอฝาก (ชื่อเจ้าสาว) ด้วยนะครับ/ คะ

หลังจากนั้นก็ให้ทั้งคู่สวมแหวนแต่งงานกันได้เลย หรือทางเถ้าแก่ฝ่ายหญิงอาจจะเป็นผู้กล่าวทิ้งท้ายว่า “ขอเชิญฝ่ายชายสวมแหวนให้กับฝ่ายหญิงให้เลย ทางครอบครัวของเรายินดีเป็นอย่างยิ่ง” แบบนี้ก็ได้ เพื่อเป็นสัญญาณให้เข้าสู่การสวมแหวนต่อไปได้อย่างไหลลื่น

รับตัว

สำหรับใน “พิธีรับตัวเจ้าสาว” นั้น เมื่อเจ้าบ่าวจะมาถึงที่บ้านเจ้าสาว เจ้าพิธีหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นตัวแทนทำพิธีจะเป็นผู้เริ่มกล่าว

เจ้าพิธี : ตอนนี้ก็ได้เวลารับตัวเจ้าสาวแล้วนะครับ/ ค่ะ ขอเชิญคุณพ่อคุณแม่เจ้าสาวและเจ้าสาวเข้าสู่ภายในห้องเจ้าสาว สำหรับเพื่อนๆ ญาติๆ ฝ่ายเจ้าสาวก็กั้นประตูดักเจ้าบ่าวกันตามอัธยาศัยเลยนะครับ

ภายในห้องเจ้าสาวที่มีพ่อแม่อยู่ด้วย พ่อแม่เสียบกิ่งทับทิมและปิ่นให้กับเจ้าสาว พร้อมอวยพรให้ลูกสาวของตนเป็นหญิงสาวที่โชคดี มีความสุข มีความมั่งมี มีชีวิตคู่ที่สมบูรณ์เมื่อเจ้าบ่าวผ่านกั้นประตูมา อย่าลืมไหว้ทำความเคารพพ่อแม่ และมอบช่อดอกไม้ให้เจ้าสาว

สคริปต์งานแต่งจีน

จากนั้นก็ทานอาหารมงคล 10 อย่าง (บางบ้านอาจกินอาหารมงคล 10 อย่างนี้แค่ในครอบครัวเจ้าสาวก็ได้) โดยมีผู้ใหญ่หรือเจ้าพิธีค่อยอธิบายความหมายมงคลให้ฟังดังนี้

ตามธรรมเนียมจีนการกินอาหารมงคล 10 อย่างถือเป็นเคล็ดให้คู่บ่าวสาวมีความสุข อาหารทั้ง 10 อย่างที่รับประทานรวมกันนั้นประกอบไปด้วย

  • วุ้นเส้นหรือเส้นหมี่ หมายถึง ให้รักกันนานๆ และมีอายุยืนยาว
  • เห็ดหอม หมายถึง ให้ชีวิตคู่มีแต่ความหอมหวาน
  • ผักกุ๋ยช่าย หมายถึง ให้รักกันยั่งยืนนาน
  • ผักเกาฮะไฉ่ มีนัยสื่อถึง “ฮัวฮะ” ซึ่งเป็นเซียนคู่ที่รักกันมาก “ฮัวฮะ”” จึงมีความหมายให้รักใคร่ปรองดองกัน
  • หัวใจหมู หมายถึง ให้รักกันเป็นใจเดียว
  • ไส้หมู และกระเพาะหมู ซึ่งไส้หมูคือ ตึ๊ง กระเพาะหมูคือ โต้ว รวมกันเป็นภาษามงคลว่า”อั่วตึ๊งอั่วโต้ว” หมายความว่าให้เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นหมายถึงการปรับตัวเข้าหากัน นิสัยใดที่ไม่ดีก็ให้เปลี่ยนเป็นนิสัยที่ดีเพื่อให้คู่ครองได้มีความสุขและรักกันยืนยาว
  • ตับหมู เป็นนัยสื่อถึงความก้าวหน้ารุ่งเรือง
  • ปลา แปลว่าให้มีเหลือกินเหลือใช้ คือมีมากมาย ร่ำรวยจนกินใช้ไม่หมดนั่นเอง
  • ปู เมื่อต้มแล้วเป็นสีแดงมงคล และตัวปูเดินเร็ววิ่งเร็วเป็นการอวยพรคู่บ่าวสาวให้ทำอะไรได้คล่องแคล่วว่องไว ขยันทำมาหากินทำงาน

สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี”

หลังกินอาหารมงคล 10 อย่างเสร็จแล้วก็ตั้งขบวนเพื่อส่งตัวเจ้าสาว

สคริปต์งานแต่งจีน

เมื่อไปถึงบ้านเจ้าบ่าว ทั้งคู่จะเข้าสู่ “พิธีไหว้บรรพบุรุษ” ซึ่งญาติผู้ใหญ่ผู้เป็นเจ้าพิธีหรือนำพิธีจะกล่าวบอกบ่าวสาวว่า “การไหว้ฟ้าดิน ไหว้เจ้าที่ในบ้าน ไหว้บรรพบุรุษ ไหว้พ่อแม่ เพื่อเป็นการบอกกล่าวว่าทั้งคู่ได้แต่งงานกันแล้ว บ่าวสาวจงตั้งใจบอกกล่าว และฝากเนื้อฝากตัวกับท่านนะครับ/ คะ”

จากนั้นต่อด้วยพิธียกน้ำชา โดยผู้ใหญ่ผู้ประกอบพิธีจะอธิบายถึงจุดประสงค์ของการยกน้ำชา หรือ “ขั่งเต๊” ว่า “เป็นการแสดงความเคารพกับพ่อแม่และญาติผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าบ่าว ขอให้ทั้งสองคุกเข่าลง พร้อมกับรินน้ำชาใส่ถ้วยวางลงบนถาดแล้วส่งให้ผู้ใหญ่ (ผู้ใหญ่จะรับถ้วยชามาดื่มแล้วให้ศีลให้พร และเงินทองเพื่อเป็นทุนตั้งตัว)

เห็นไหมคะว่าไม่ได้มีบทพูดเจรจามากมายให้ปวดหัว แต่ทุกคำล้วนให้ความเป็นมงคลและตรงตามพิธีทุกอย่าง ใครกำลังมองหาสคริปต์พิธีจีนก้อปปี้ไปใช้ได้เลยค่ะ

อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับพิธีงานแต่งงานอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ภาพเปิด : hdmphotography.co.uk
ขอบคุณภาพประกอบจาก my.inlovephoto.com, commons.wikimedia.org, Vin Buddy

ส่องสถานที่จัดงานแต่งริมเจ้าพระยา @ อวานี พลัส ริเวอร์ไซด์ & อนันตรา ริเวอร์ไซด์ รีสอร์ท

อวานี พลัส ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ และ อนันตรา ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ รีสอร์ท 2 โรงแรมหรูระดับห้าดาวริมโค้งน้ำเจ้าพระยา สถานที่จัดงานแต่ง ในฝันของคู่บ่าวสาว ร่วมมือครั้งสำคัญจัดมหกรรมสานฝันวันวิวาห์ครั้งยิ่งใหญ่กับ “ริเวอร์ไซด์ เวดดิ้ง เฟสติวัล” ประจำปี 2562 เพื่อเนรมิตพื้นที่ต่างๆ ของโรงแรมฯ ทั้งสองแห่งในรูปแบบของการจัดงานแต่งงานเสมือนจริงให้แก่คู่บ่าวสาวที่กำลังมองหาสถานที่จัดงานฉลองมงคลสมรสที่หรูหรา หรืองานเลี้ยงเฉพาะคนสนิทท่ามกลางบรรยากาศสบายๆ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา หรือเคียงคู่ความงามละลานตาของวิวสวยระฟ้าสุดโรแมนติก

ริเวอร์ไซด์ เวดดิ้ง เฟสติวัล จัดขึ้นภายใต้ธีม “Now & Forever – Your Riverside Wedding” โดยภายในงานได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของการจัดงานแต่งงานในรูปแบบต่างๆ การจัดแสดงสินค้าชั้นนำจากบูทพันธมิตรธุรกิจด้านการจัดงานแต่งงาน พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษที่ทีมงานฝ่ายขายมืออาชีพพร้อมดูแลและให้คำแนะนำ เพื่อให้การจัดงานของทุกคู่รักออกมาสวยงามคุ้มค่าคุ้มราคาที่สุด

โรงแรมอนันตรา ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ รีสอร์ท และ อวานี พลัส ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ เป็นอีกสองสถานที่ที่มีราคาสมเหตุสมผล มีพื้นที่การจัดงานแต่งงานที่เหมาะสำหรับทุกความต้องการ ทั้งฝั่งของโรงแรมอวานี พลัส ริเวอร์ไซด์ ที่มีห้องให้เลือกหลากหลายขนาด ไล่ไปตั้งแต่ ห้องแกรนด์ ริเวอร์ไซด์ บอลรูม ที่มีขนาดใหญ่พิเศษ เพดานสูงโปร่ง สามารถรองรับแขกได้มากถึง 1,200 ท่าน ไปจนถึงห้องไซส์กระทัดรัดสำหรับจัดงาน After Party เลยทีเดียว

และที่พิเศษเลยสำหรับอวานี พลัส คือ ความสวยงามของวิวที่สามารถมองเห็นโค้งน้ำเจ้าพระยาจากมุมสูงได้อย่างชัดเจน ในส่วนของอนันตรา ริเวอร์ไซด์ ก็มีพื้นที่สวนเขียวขจีที่สวยงามร่มรื่นติดริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งหาได้ยากในกรุงเทพฯ คู่บ่าวสาวสามารถเลือกจัดงานได้ทั้งในแบบอินดอร์และเอาท์ดอร์ ตัวอาคารและบรรยากาศโดยรอบได้รับการออกแบบให้มีความสวยงามอย่างมีเอกลักษณ์ โดดเด่นด้วยการตกแต่งแบบไทยร่วมสมัย มีมุมที่เหมาะสำหรับการถ่ายภาพมากมาย ซึ่งคู่บ่าวสาวสามารถเลือกใช้เป็นสถานที่ถ่ายภาพพรีเวดดิ้งได้อย่างสะดวกสบาย

ข้อดีอีกประการของที่นี่คือ มีความยืดหยุ่นที่ลูกค้าสามารถเลือกจัดงานไม่ว่าจะเป็นพิธีการใดก็ได้ในทั้ง 2 โรงแรม เพราะมีพื้นที่ที่สามารถรองรับได้ทั้งหมด เช่น พิธีสงฆ์ช่วงเช้าที่อนันตรา แล้วมาเลี้ยงฉลองที่อวานี พลัส หรือจะจัดพิธียกน้ำชาที่ อวานี พลัส แล้วย้ายมาจัดงานเลี้ยงฉลองที่อนันตราก็ย่อมได้

เทรเดอร์ วิคส์ การ์เด้นท์ (อนันตรา ริเวอร์ไซด์) พื้นที่สวนสวยริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เหมาะสำหรับจัดพิธีในช่วงเช้า ทั้งพิธีสงฆ์ พิธีสวมแหวน และพิธีรดน้ำสังข์ สามารถรองรับแขกได้ 200 ท่าน

ห้องเจริญนคร (อนันตรา ริเวอร์ไซด์) ห้องจัดเลี้ยงขนาดกลาง เหมาะสำหรับจัดพิธียกน้ำชา หรืองานแต่งงานขนาดกลาง เน้นความอบอุ่นเฉพาะครอบครัวหรือเพื่อนสนิท สามารถรองรับแขกได้ 100 ท่าน

เจ้าพระยา บอลรูม (อนันตรา ริเวอร์ไซด์) ห้องจัดเลี้ยงที่มีขนาดใหญ่ที่มีความสวยงาม เพดานสูง ตกแต่งในสไตล์ไทยร่วมสมัย เหมาะสำหรับจัดงานเลี้ยงขนาดใหญ่ หรูหรา สามารถรองรับแขกได้ 600 ท่าน

แกรนด์ ริเวอร์ไซด์ บอลรูม (อวานี พลัส) ห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่พิเศษบนชั้น 10 ริมแม่น้ำเจ้าพระยา      มีเพดานสูงโปร่งถึง 11 เมตร เหมาะสำหรับจัดงานเลี้ยงขนาดใหญ่ สามารถรองรับแขกได้ 1,200 ท่าน

สกาย รูม (อวานี พลัส) ห้องจัดเลี้ยงขนาดกลาง ที่วันนี้เราเนรมิตให้กลายเป็นห้องตัวอย่างสไตล์          After Party สามารถรองรับแขกได้ 80 ท่าน

ในด้านอาหารและเครื่องดื่ม ทั้งสองโรงแรมมีทีมเชฟฝีมือระดับห้าดาวคอยดูแลให้อย่างพิถีพิถันทั้งในเรื่องรสชาติและคุณภาพของอาหาร คู่รักคู่ไหนที่พลาดมาร่วมชมงานไม่ต้องเสียใจ เพราะทั้งสองโรงแรมยังมีแพ็กเกจดีๆ ราคาพิเศษสำหรับทุกท่านที่ต้องการจัดงานแต่งงานที่นี่ สามารถโทรเข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่เบอร์ 02-431-9100, 02-476-0022 หรืออีเมล์  [email protected], [email protected]

ดูสถานที่แต่งงานอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

เทคนิคการเลือกใช้เต็นท์งานแต่งสำหรับบ่าวสาวที่คิดจะจัดงานกลางแจ้ง

งานแต่งงาน เราควบคุมงบและควบคุมรายละเอียดต่างๆ ได้ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เราควบคุมไม่ได้นั่นก็คือ สภาพดินฟ้าอากาศ  ถ้าคุณคิดจะจัดงานกลางแจ้งแล้วล่ะก็ เต็นท์งานแต่ง มีความสำคัญอย่างมาก ยังไงซะ จ่ายเงินเช่าเต็นท์ ยังดีกว่ามานั่งเสียน้ำตาเพราะโดนฝนถล่มงานหรือโดนแสงแดดแผดเผาจนตัวไหม้เกรียมอีกนะ

แพรว wedding เลยมีเทคนิคการเลือก เต็นท์งานแต่ง สำหรับงานแต่งงานมาฝากบ่าวสาวกัน ดังนี้

เต็นท์

1. เมื่อไหร่ที่ควรเช่าเต็นท์สำหรับงานแต่ง?

หากคุณตัดสินใจเลือกสถานที่จัดงานกลางแจ้ง นั่นคือคุณต้องยอมรับว่ามีโอกาสที่จะเกิดสภาพอากาศแปรปรวนในวันแต่งงานได้ ดังนั้นการเช่าเต็นท์ควรจะรวมอยู่ในลิสต์ “จองสถานที่” ด้วย เพื่อใช้คำนวณค่าใช้จ่าย

2. ขนาดของเต็นท์สำหรับงานแต่งที่เราต้องการเป็นอย่างไร?

หากคุณกำลังวางแผนในขั้นต้น คุณอาจยังไม่ได้กำหนดขนาดที่แน่นอน คุณต้องเช็คราคาจากร้านค้า หรือออแกไนเซอร์ เพื่อใช้เป็นข้อมูลเบื้องต้นในการตัดสินใจเลือกว่าจะใช้เต็นท์แบบไหน ตามปกติแล้ว จะต้องเลือกเต็นท์ที่กว้างที่สุดที่เหมาะสมกับสถานที่ ซึ่งเต็นท์รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าจะมีเพดานสูงกว่า ที่ทำให้บรรยากาศงานดูดีและมีการถ่ายเทอากาศให้เย็นสบาย

3. กำหนดประเภทของเต็นท์ที่คุณต้องการ

มีเต็นท์ให้เช่าหลากหลายรูปแบบ แต่แบบที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ เต็นท์เฟรม (Frame Tent) และเต็นท์เสา (Pole Tent) โดยใช้หลักการพิจารณา 3 ข้อที่ควรคำนึงถึง ได้แก่ พื้นที่ในการจัดงาน ความสวยงาม และงบประมาณ

เต็นท์เสา (Pole Tent)

เต็นท์

  • ข้อดี

– เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะมีดีไซน์ที่สวยงามจากความโดดเด่นของหลังคาโค้งเว้าและสูงโปร่ง

– ราคาไม่แพง

– ไม่มีกรอบในการคลุมรอบๆ

– ใช้เวลาในการประกอบไม่นาน

  • ข้อเสีย

– ต้องมีขั้วกลางในการยึด อาจทำให้กีดขวางในการตกแต่งจัดวาง

– ต้องตอกตัวยึดกับพื้นดิน

– ต้องใช้พื้นที่ทุกด้านในการยึดเชือก

 

เต็นท์เฟรม (Frame Tent)

เต็นท์

  • ข้อดี

– สามารถจัดวางบนพื้นผิวใดก็ได้

– สามารถยึดติดกันระหว่างเสาภายในเต็นท์ได้ ทำให้มีพื้นที่ใช้สอยเพิ่มมากขึ้น

– ไม่มีจุดยึดตรงกลาง ทำให้ไม่มีสิ่งกีดขวาง

– สามารถตั้งทิ้งไว้ได้เป็นเวลานาน

  • ข้อเสีย

– มีราคาที่แพงกว่า

– สามารถมองเห็นเสาได้จากภายใน ทำให้หลายคนไม่ชอบรูปลักษณ์ของเต็นท์แบบนี้ ซึ่งต้องแก้ไขด้วยการซื้อซับที่มีราคาแพงมาปกปิด

– ใช้เวลาในการประกอบนาน

4. อุปกรณ์เพิ่มเติมสำหรับเต็นท์งานแต่ง

ซึ่งอาจทำให้ราคารวมของเต็นท์เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เต็นท์ที่สูงด้านบนปลอดโปร่งอย่างเต็นท์สีขาว เป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมและไม่มีค่าใช้จ่ายมากนัก แต่จำไว้ว่า ถ้าการจัดงานในช่วงกลางวัน แสงจากดวงอาทิตย์สามารถเปลี่ยนเต็นท์เป็นกระจกดูดความร้อนขนาดใหญ่ได้เลย จึงมีอุปกรณ์เสริมสำหรับเต็นท์เพิ่มขึ้นมาอย่างเช่น

ผ้าคลุมซับใน หากต้องการซับในคลุมด้านบนของเต็นท์ ควรแจ้งร้านค้า หรือออแกไนเซอร์ล่วงหน้า เพราะอาจจะมีราคาแพงกว่าเต็นท์ปกติอยู่มาก และถ้าต้องการผ้าซับในที่มีสีสัน ก็ยิ่งต้องจ่ายเพิ่มขึ้นอีกเช่นกัน

เต็นท์

กำแพง หลักๆ แล้ว ประเภทของกำแพงต้องคงทน ใส มีช่องหน้าต่างและผ้า แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิเฉลี่ยของวันแต่งงานด้วย ถ้าวันแต่งงานของคุณอยู่ในช่วงอากาศอบอุ่น ก็ไม่ควรใช้ เพราะเหมาะกับการใช้ในช่วงอากาศเย็นมากกว่า หรือวันที่ฝนตกโปรยปราย กำแพงจะช่วยป้องกันสายฝนได้ (การใช้ผ้ามากั้นเป็นกำแพงไม่สามารถช่วยอะไรได้เลยทั้งอากาศเย็นและฝนตก เพราะมันเป็นเพียงการตกแต่งให้สวยงามเท่านั้น)

เต็นท์

ปูพื้น การปูพื้นดินเป็นกระบวนการที่ใช้งบประมาณมาก มีค่าใช้จ่ายสูง และมีข้อเสียคือ หากในวันที่จัดงานแต่งมีฝนตกจะทำให้พื้นบริเวณงานเปียกและลื้นได้ หากจะวางเต็นท์บนพื้นที่ลาดเอียง หรือไม่สม่ำเสมอ ต้องพิจารณาถึงการปรับระดับให้พื้นเท่ากัน ซึ่งก็จะมีค่าใช้จ่ายตามมา แต่ก็ไม่มากจนน่ากังวล

เต็นท์

แสง ถ้าคุณจัดงานแต่งเวลากลางคืน จำเป็นต้องเตรียมหลอดไฟเพื่อให้แสงสว่างในเต็นท์อย่างทั่วถึง ซึ่งมีหลอดไฟมากมายเป็นตัวเลือกให้คุณใช้ในการตกแต่ง และการจัดแสงยังสามารถช่วยสร้างบรรยากาศภายในงานได้

เต็นท์

เครื่องปรับอากาศ หากสภาพอากาศร้อน คุณต้องลงทุนกับการใช้เครื่องปรับอากาศให้ความเย็นภายในงาน ซึ่งพัดลมก็เป็นตัวเลือกที่ดี เต็นท์ที่ไม่มีผ้าคลุมปิดล้อมรอบ จะต้องใช้เครื่องปรับอากาศจำนวนมากเพื่อให้ความเย็น พัดลมจึงเป็นตัวเลือกของคนส่วนใหญ่ที่มักจะประหยัดค่าเช่าและยังหมุนเวียนอากาศให้ถ่ายเทได้ดีอีกด้วย

เมื่อได้ไอเดียในสิ่งที่ต้องการแล้ว คุณก็สามารถติดต่อบริษัท/ร้านค้า เพื่อเช่าและประเมินราคา แล้วคุณจะตามหาบริษัท/ร้านค้าให้เช่าอย่างไร ลองดูตามลิ้งก์ รวม 8 ร้านเช่าเต็นท์ ที่บ่าวสาวจัดงานกลางแจ้งควรดูไว้  นี้ดูสิ เรารวมมาให้แล้ว

ห้ามลืมเด็ดขาด!

1. ควรถามบริษัท/ร้านค้าให้เช่าว่า ต้องใช้เวลานานแค่ไหนในการติดตั้ง ซึ่งจะต้องเตรียมพร้อมและติดตั้งเสร็จล่วงหน้าก่อนวันงาน เพื่อที่คุณจะได้มีเวลาตกแต่งสถานที่ไปพร้อมๆ กัน

2. ตรวจสอบให้เข้าใจตรงกันกับบริษัท/ร้านค้าให้เช่าว่า เต็นท์นั้นสำหรับงานแต่งงาน เพราะดีไซน์ของเต็นท์ในแต่ละงานแตกต่างกัน

 

ประสานงาน : พัฒน์นรี ศิริคำ
เครดิตภาพ : pinterest

ติดตามไอเดียและเทคนิคต่างๆเกี่ยวกับงานแต่งงานได้ที่ praewwedding

10 เรื่องฮิตที่ แขกบ่นในงานแต่ง บ่าวสาวรู้ไว้รับมือได้ไม่ยาก

จากประสบการณ์ที่ แพรว wedding ไปงานแต่งมามากมาย ได้ยินเสียงบ่นในงานแต่งมาเป็นร้อยๆ เรื่อง  แต่มีอยู่ 10 เรื่องที่เป็นท็อปเทน แขกบ่นในงานแต่ง กันเยอะที่สุด มีเรื่องอะไรบ้างที่บ่าวสาวมือใหม่ต้องระวังยามจัดงานแต่ง เรามาดูกัน

 

ร้อน

ปัญหายอดนิยมของคนไทย กับอากาศร้อนๆ แล้วยิ่งไปงานแต่ง แขกแต่ละคนก็แต่งตัวจัดเต็ม ผู้ชายใส่สูท ผู้หญิงแต่งหน้าแน่น ถ้ามาเจออากาศร้อนๆ ให้เหงื่อออกจักกะแร้เปียก เมคอัพไหลเยิ้ม รับรองว่ามีแต่อารมณ์หงุดหงิด ทางที่ดีบ่าวสาวควรเลือกห้องจัดงานที่แอร์เย็น หรือไม่เชิญแขกมากเกินกว่าที่ห้องจะรองรับได้

ไกล

เรื่องนี้ยากมาก เพราะแต่ละคนก็มากันคนละทิศ คนละทาง ทางที่ดีคือเอาที่บ่าวสาวสะดวก แต่ก็ต้องเดินทางไปมาสะดวกเช่นกัน เข้าถึงง่าย มีบริการขนส่งสาธารณะอย่างพวกรถไฟฟ้า และที่สำคัญก็ควรมีที่จอดรถฟรีเพียงพอต่อจำนวนแขกด้วย เพียงเท่านี้แม้จะจัดไกลแค่ไหน แต่ก็ลดเสียงบ่นลงไปได้เยอะ

แคบ แออัด

งานแต่งงานบางงานมีคนเป็นลม เพราะคนเยอะเกินไป บ่าวสาวจึงไม่ควรเชิญแขกเกินจากจำนวนที่สถานที่จัดงานรองรับได้ หรืออาจจะถามผู้ให้เช่าสถานที่ก่อนก็ได้ว่า หากเชิญแขกเต็มพิกัด คนจะแน่น จะแออัดประมาณไหน อ้อ! แล้วอย่าลืมเผื่อที่สำหรับการตกแต่งด้วยนะ ทางที่ดี ก็อย่าเชิญแขกมาเต็มพิกัดห้อง ควรกะสักประมาณ 80 -90% เพื่อไม่ให้งานแออัดจนเกินไป

ธีมงานแปลกประหลาด

บ่าวสาวบางทีก็ช่างครีเอทเกินไป คิดค้นธีมแปลกประหลาด หรือสีที่หาใส่ได้ยาก จนทำให้แขกที่มางานรู้สึกว่าหาชุดลำบากจัง ทางที่ดีก็เลือกธีมจัดงานที่ไม่ต้องหวือหวามากนัก หรือเป็นธีมสีที่หาเสื้อผ้าใส่ไม่ยากนัก

เริ่มงานช้า

นี่เป็นเรื่องที่เราแอบได้ยินคนบ่นบ่อยมาก หากว่าเลยสักทุ่ม หรือทุ่มครึ่งไปแล้วแต่บ่าวสาวยังไม่เปิดตัว ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลที่ว่ามีแขกมารอถ่ายรูปเป็นจำนวนมาก หรือความไม่พร้อมต่างๆ เอาเป็นว่าหากงานเริ่มช้าจากที่ตั้งใจไว้ บ่าวสาวก็ควรส่งตัวแทนออกมาก่อน เพื่อไม่ให้แขกทั้งหลายหงุดหงิดนะจ๊ะ

พิธีการเยอะ ใช้เวลานาน

ปกติแล้วในแต่ละช่วงเวลาไม่ควรใช้เวลานานเกินไป เบ็ดเสร็จพิธีการตั้งแต่เปิดตัวบ่าว – สาว ไปจนถึงโยนช่อดอกไม้ไม่ควรเกิน 2 ชั่วโมง เพราะนานกว่านั้นแขกทั้งหลายที่ไม่อยากอยู่ร่วมอาฟเตอร์ปาร์ตี้ต่อก็ชักจะโมโหบ่นกันงึมงำเป็นหมีกินผึ้งแล้ว

เสียงดังเกินไป

ช่วงก่อนที่บ่าวสาวยังไม้เปิดตัว และในช่วงพิธีการต่างๆ ที่ต้องมีเสียงเพลง หรือเสียงของพิธีกร หากว่าเสียงดังเกินไปก็ทำให้แขกหลายคนหงุดหงิดได้ ทางที่ดีควรเปิดดังแต่พอเหมาะ ไม่อย่างนั้นแขกอาจจะแอบบ่นกันงุ้งงิ้งลับหลัง เพลงก็ดัง ลำโพงก็แตก อายเขาแย่เลย

ที่นั่งไม่พอ

แม้ว่าจะจัดงานแบบค็อทเทล หรือซุ้มอาหารที่สามารถยืนกินได้เลย แต่ก็ควรหาสถานที่หากว่าแขกจะเมื่อยเท้าอยากได้ที่นั่ง อาจจัดเตรียมเอาไว้ในงานบริเวณมุมๆ ห้องจัดเลี้ยงส่วนหนึ่ง และอีกส่วนอยู่รอบๆ งานเลี้ยง

อาหารไม่พอ

โอ้ยย อันนี้ไม่ใช่แค่แขกบ่น แต่แขกถึงขั้นอารมณ์เสีย เราเคยเจอที่แขกหน้าหงิกหน้างอ แถมนินทาบ่าวสาวด้วยว่า งก! จัดอาหารมาน้อย ทางที่ดีบ่าวสาวควรคำนวณอาหารให้พอเพียงกับจำนวนแขกที่มาร่วมงาน และควรเตรียมเกินกว่าจำนวนแขกเอาไว้ด้วย เผื่อแขกจะพาผู้ติดตามมามากกว่าที่บอกไว้

เด็กวิ่งไปมา

อูวหู้ว อย่าว่าแต่แค่แขกบ่นเลย แม้แต่เราเองยังปวดหัว บ่าวสาวที่รู้แน่ๆ ว่างานนี้มีแขกตัวน้อยมาในงานหลายคน เราแนะนำว่าให้ทำมุมเด็กเอาไว้ด้วย จัดเลยสารพัดของเล่นเด็ก ทั้งสมุดวาดรูประบายสี เอาใจแขกตัวน้อยเป็นพิเศษ เพื่อให้พวกเขาไม่ออกมาวิ่งเล่นให้เกะกะแขกคนอื่น

เนี่ยละ คือ ท็อปเท็นที่แขกชอบบ่นในงานแต่ง รู้อย่างนี้แล้ว บ่าวสาวจะได้ระวังเรื่องการจัดงานให้เป๊ะ มีแต่รอยยิ้มของทั้งคนจัดงาน และแขกที่ได้รับเชิญ ส่วนใครที่ยังไม่แน่ใจว่าจะจัดงานแต่งต้องเตรียมตัวอะไรอีกบ้างเรามีมาบอกให้แล้วอย่างครบถ้วน อ่านสิ

ภาพ pixabay

“เข้าใจและอภัยในทุกเรื่อง” นิยามความรัก บี มาติกา – กร กรกฤช ที่ใช้ฝ่าทุกปัญหาจนมีวันนี้

กำลังจะเข้าพิธีวิวาห์อีกคู่หนึ่งแล้วสำหรับนักแสดงสาว บี มาติกา อรรถกรศิริโพธิ์ กับทายาทแสนล้านอาณาจักรซัมมิท กรุ๊ป กร กรกฤช จุฬางกูร ที่คบหาดูใจกันมานานถึง 9 ปี โดยเมื่อปีที่แล้วหนุ่มกรจัดเซอร์ไพร้ส์ชุดใหญ่คุกเข่าขอบีแต่งงานในวันครบรอบท่ามกลางเพื่อนพ้องของทั้งสองฝ่าย และปลายปีนี้ทั้งคู่ได้ฤกษ์ดีเตรียมพร้อมจูงมือเข้าสู่ประตูวิวาห์เป็นที่เรียบร้อย ก่อนที่เราจะได้เห็นบรรยากาศงานแต่งงานของทั้งคู่ แพรว wedding ขอไปแง้มความลับในใจหนุ่มกร ว่าที่เจ้าบ่าวที่มีต่อว่าที่เจ้าสาวสักหน่อย พร้อมที่มาแผนการเซอร์ไพร้ส์ที่หนุ่มกรไม่เคยพูดที่ไหนมาก่อน และอัพเดทธุรกิจใหม่ของว่าที่เจ้าสาวที่บอกเลยว่างานนี้สาวบีหน่ะอินสุดๆ

 

PART 1 – ความบังเอิญที่เป็นเหมือนพรหมลิขิต

กร : วันนั้นผมไปทานข้าว ส่วนบีไปงานวันเกิดเพื่อนเขาที่ร้านนั้นพอดี แล้วบังเอิญรุ่นน้องผมที่ไปด้วยกันเป็นเพื่อนของบีด้วย พอได้เจอกันเขาก็เลยแนะนำให้รู้จักครับ

บี : มันเป็นเรื่องบังเอิญมากที่เราเจอกัน วันนั้นเป็นวันเกิดเพื่อนบีพอดี แล้วก็ดันไปเจอรุ่นน้องที่เรารู้จัก ซึ่งเขาเป็นรุ่นน้องที่สนิทกับพี่กรด้วย แล้วเราไม่ได้เจอรุ่นน้องคนนี้นานมากก็เลยเข้าไปทักถามสารทุกข์สุขดิบกัน

กร : ซึ่งบังเอิญว่าน้องคนนี้เขานั่งอยู่ที่โต๊ะผม (ยิ้ม)

บี : ใช่ คือบังเอิญมาก ถ้าเราคลาดกันแค่วันนั้นวันเดียวก็อาจจะไม่ได้เจอกันเลย

กร :  หลังจากที่เจอกันผมก็ถามรุ่นน้องว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร ทำไมน่ารักจัง จากนั้นก็เลยได้คุยกันมาเรื่อยๆ ครับ ซึ่งช่วงนั้นเรายังใช้บีบีกันอยู่เลย

บี : คือวันนั้นรุ่นน้องบอกว่าโทรศัพท์เขาแบตหมด ขอบีบีเราหน่อยเดี๋ยวจะแอดพินไป แต่พอขึ้นมาก็ปรากฏว่ามีพินบีบีของพี่กรอยู่ด้วย

เราคบกันมาปีนี้เป็นปีที่ 9 มันเป็นความรักที่มั่นคง ไม่หวือหวาอะไรมากมาย สิ่งที่เราประทับใจในตัวเขาตลอดเวลาที่คบกันมาคือ พี่กรเป็นคนมีน้ำใจ ให้ความช่วยเหลือทุกคนที่อยู่รอบตัวบี ที่สำคัญตอนเราเจอเหตุการณ์ที่แย่ที่สุดในชีวิตหันไปก็ยังมีเขา

PART 2 – 9 ปีที่โตมาด้วยกัน เดินไปพร้อมกัน

กร : เราคบกันมา 8 ปีเข้าปีที่ 9 ทะเลาะกันน้อยมาก นับครั้งได้เลย เพราะว่าผมไม่ชอบทะเลาะ เสียสุขภาพจิต งานก็เหนื่อยแล้ว ซึ่งเราไม่เคยทะเลาะแบบขอเลิกหรือไม่คุยกันเป็นอาทิตย์ ส่วนใหญ่จะเคลียร์ตอนนั้นหรือวันรุ่งขึ้น เอาจริงๆ ย้อนกลับไปก็ยังนึกไม่ออกว่าเคยทะเลาะกันเรื่องอะไรบ้าง

บี : บีมองว่าอาจเพราะเราโตขึ้นด้วย ได้เห็นการดำเนินชีวิตของเขาว่าเป็นยังไง เริ่มเข้าใจอะไรต่างๆ มากขึ้น ไม่มีใครต้องการเอาชนะใคร เรื่องไหนที่แต่ละคนยอมได้ก็จะยอม จะมีก็แบบงุ้งงิ้งๆ พี่กรบ่นบ้าง เราก็แบบเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา (หัวเราะ)

กร :  ส่วนใหญ่บ่นเรื่องทั่วไป เรื่องใจร้อน เรื่องการทำงาน อย่างการทำงานในรูปแบบบริษัทที่ต้องติดต่อเรื่องต่างๆ เขาอาจต้องเจอคำพูดที่ไม่เข้าหูบ้าง โดนเอาเปรียบบ้าง เจอคนพูดกลับไปกลับมาบ้าง ผมก็จะคอยบอกเขาว่าถ้าเราเป็นนักธุรกิจที่ดีต้องค่อยๆ ทำความเข้าใจแล้วแก้ไขปัญหา ซึ่งส่วนมากก็สอนเรื่องทั่วไปที่ใช้ดำเนินชีวิต ในการทำงานประมาณนี้มากกว่า

บี : ตั้งแต่เด็กจนโตส่วนใหญ่บีใช้ชีวิตอยู่ในกองถ่าย มีการทำงานอยู่แค่นั้น พอต้องมาทำธุรกิจพี่กรจะสอนให้เรียนรู้ในเรื่องการติดต่อประสานงาน การดีลกับลูกน้อง การจัดการกับอุปสรรคที่มันยากกว่าที่เราเคยเจอ แต่เขาจะไม่เข้ามาก้าวก่ายแต่คอยชี้แนะมากกว่า

กร :  ผมมองว่าถ้าคนจะโตได้เราบอกเขาทุกอย่างไม่ได้หรอก ต้องให้เขาเจอเองบ้าง แต่เขาแค่ต้องรักษาระดับอารมณ์ของเขาให้ได้เท่านั้นเอง

อ่าน >>> PART 3 – Will You Mary Me? >>> หน้าถัดไป คลิกเลย!

รวมเทรนด์ เค้กแต่งงาน ในปี 2019 ทั้งสวยงามแถมอร่อยด้วยนะ

เค้กแต่งงาน สุดอินเทรนด์ สวยด้วยอร่อยด้วยในก้อนเดียว

เค้กแต่งงาน เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้ในงานแต่ง บ่าวสาวหลายคู่อาจจะยังไม่มีไอเดียในการเลือกเค้กแต่งงานก็ไม่แปลกค่ะ เพราะเค้กแต่งงานไม่ใช่สิ่งที่จะสั่งกันบ่อยๆ ในทุกๆ เทศกาลนี่หน่า เพราะฉะนั้นแพรว wedding เลยได้รวบรวมเทรนด์เค้กแต่งงานที่กำลังได้รับความนิยมในตอนนี้มาฝาก ที่ไม่ว่าจะด้วยรูปลักษณ์ที่สวยงาม บวกกับรสชาติที่อร่อย จึงเป็นไอเดียที่เก๋กู๊ดที่บ่าวสาวจะปฎิเสธไม่ลงเลยล่ะจ่ะ

1. เค้กเมทัลลิค

กระแสเมทัลลิคกำลังมาแรงแซงโค้งไม่ว่าจะอะไรที่ใช้สีเมทัลลิคก็จะดูดีไปเสียหมด ไม่ว่าจะเสื้อผ้า หน้าผม รวมไปถึงเค้กแต่งงาน!!!  ไม่ว่าจะสีเงิน สีทอง สีนาค เมื่อจับคู่กับรูปทรงเรขาคณิตของตัวเนื้อเค้กแล้ว ยิ่งเพิ่มความแพงให้กับตัวเค้ก และขอบอกเลยว่าไม่ว่าจะตกแต่งคู่กับดอกไม้หรือจับคู่กับอะไรก็สวยและปังแน่นอนค่ะ

เค้กแต่งงาน เค้กแต่งงาน

2. Naked Cake (หรือเค้กเปลือยเปล่า)

คุ้นตากันหรือไม่จ๊ะ กับเค้กที่เห็นเนื้อเค้กอย่างชัดเจน ปาดด้วยครีมบางๆ และตกแต่งด้วยดอกไม้หรือผลไม้สด เค้กแบบเปลือยเปล่ากำลังมาแรงเลยล่ะขอบอก แถมยังตอบโจทย์เจ้าสาวสายเฮลตี้ที่ต้องการให้เค้กมีครีมน้อยที่สุด เก๋ไก๋ด้วยการดีไซน์ที่เหมือนจะยังปาดครีมไม่เสร็จดี ก็ยิ่งเพิ่มความสวยแปลกแตกต่างให้กับตัวเค้กด้วย นอกจากนี้ยังสามารถหาผลไม้รสชาติเปรี้ยวๆ มาตกแต่งเพื่อเพิ่มรสชาติที่อร่อยให้กับตัวเค้กได้ด้วยนะจ๊ะ

เค้กแต่งงาน เค้กแต่งงาน

3. เค้กเพ้นท์ลาย

เบื่อกับการนำพร๊อพส์มาตกแต่งเค้กหรือยังเอ่ย ถ้าเบื่อ งั้นมาลองดูเป็นเค้กเพ้นท์ลายกัน บ่าวสาวสามารถบอกร้านเค้กได้ว่าอยากจะให้เพ้นท์เค้กเป็นลวดลายอะไร มีตั้งแต่ลายดอกไม้ ลายแพทเทิร์น ลายหินอ่อน หรือจะเป็นรูปอื่นๆ ก็ได้ตามแต่ความสะดวก บอกเลยว่าไม่ซ้ำใครแน่นอน แต่อาจจะต้องหาร้านเค้กที่มีช่างทำเค้กฝีมือดีๆ นะจ๊ะ

เค้กแต่งงาน เค้กแต่งงาน

4. เค้กสีขาวล้วน

เค้กแต่งงานสีขาวล้วนยังไงก็ฆ่าไม่ตาย ด้วยสีที่ดูเรียบหรู เข้ากับทุกธีมงาน ไม่ว่าจะตกแต่งคู่กับดอกไม้สีขาวหรือตัดกับสีอื่นๆ ยังไงก็รอด แต่ถ้าอยากได้แบบเรียบๆ แต่สวยงาม สามารถบอกทางร้านให้ปั้นน้ำตาลเป็นรูปทรงดอกไม้ ใบไม้ หรืออื่นๆ ให้เป็นเท็กซ์เจอร์ขึ้นมา เพื่อที่เค้กจะได้ไม่ดูแบนราบไปนั่นเองค่ะ

เค้กแต่งงาน เค้กแต่งงาน

5. เค้กลายลูกไม้

ชุดที่เจ้าสาวนิยมใส่ในวันแต่งงานร้อยทั้งร้อยจะต้องมีลูกไม้ประดับ ซึ่งก็คงไม่แปลกที่จะมีเค้กลายลูกไม้ถูกไหมจ๊ะ … เค้กลายลูกไม้ ก็คือการตกแต่งหน้าเค้กให้เป็นลายๆ คล้ายกับลายผ้าลูกไม้ของเจ้าสาวนั่นแหล่ะ ด้วยตัวเค้กจะมีสีที่แตกต่างกับตัวลูกไม้ เพื่อให้มีความโดดเด่นแยกออกจากกัน แต่ทางที่ดีก็ควรคุมโทนไม่ให้สีตัดกันฉึบฉับมากจนเกินไปนะจ๊ะ หรือจะเลือกเป็นเนื้อเค้กสีชมพูอ่อนที่ตัดกับสีลูกไม้สีขาวก็สวยปังพาสเทลไปอีก

เค้กแต่งงาน เค้กแต่งงาน

 

แต่ล่ะแบบสวยๆ ทั้งนั้นเลยใช่ไหมคะ เราหวังว่าบ่าวสาวน่าจะพอมีแบบอยู่ในใจกันแล้วแน่ๆ ถ้าได้แบบที่ต้องการแล้ว อย่ารอช้าค่ะไปลองติดต่อร้านเค้กกันไว้ได้เลย เพื่อที่จะทำได้ทันในวันสำคัญนั่นเองกับ ร้านเค้กแต่งงาน ที่อยากบอกต่อ คัดมาให้แล้วรับประกันความอร่อย

ภาพจาก : Pinterest.com

มาดูแบบ ผมเจ้าสาว หน้าม้า หลากหลายลุค จัดหนักตั้งแต่คิ้วท์ๆจนถึงแกลมสุด!

ว่าที่เจ้าสาวผมหน้าม้ามามุงเร็วค่ะ เราจัดแบบ ผมเจ้าสาว สำหรับสาวๆที่ไว้หน้าม้าโดยเฉพาะ รวมทุกลุคตั้งแต่สไตล์น่ารักไปจนถึงหรูหราเลอค่า มาดูกันเลยค่ะว่าลุคแบบไหน ทำผมเจ้าสาวคู่กับผมหน้าม้าทรงไหนเพอร์เฟ็คสุด

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ยุคนี้ ผมหน้าม้า กลายมาเป็นทรงผมฮิตติดลมบนของสาวๆหลายคน หลายช่วงอายุเลยว่ามั้ยคะ นอกจากจะเป็นทรงผมที่ช่วยให้หน้าดูเด็กลงแล้ว ผมหน้าม้ายังเป็นทรงผมที่สามารถช่วยปรับลุคของตัวเจ้าของได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นลุคแบ๊วๆ แนวสาวเกาหลีน่ากอด ลุดเปรี้ยวแบบสาวมั่น หรือจะปรับให้ดูหรูหราขึ้นมาก็ยังได้ ทำให้ยุคนี้เราได้เห็น ผมเจ้าสาว หลายคนเป็นผมหน้าม้าในวันแต่งงานกันมากขึ้น ว่าที่เจ้าสาวคนไหนที่ตอนนี้ยังไว้ผมหน้าม้าและตัดสินใจแล้วว่าเราจะเป็นอีกหนึ่งเจ้าสาวคนสวยที่ไว้ผมหน้าม้าในวันแต่งงาน มาดูกันเลยค่ะว่าเราจะแมทช์ผมหน้าม้าของเรากับทรงผมเจ้าสาวยังไงให้เรากลายเป็นเจ้าสาวในลุคสวยแบบที่เราต้องการ!

ผมหน้าม้าหนาแน่นตัดตรงแบบสาวมั่น

สาวๆที่ไว้ผมหน้าม้าทรงนี้มักจะมีลุคมั่นใจปนความน่ารักขี้เล่นในตัว ลองแมทช์ผมหน้าม้าทรงนี้เข้ากับผมเกล้ามวยสูง ประดับด้วยแอ็คเซศเซอรี่ขนาดกำลังดีเพิ่มความชัดเจนในสไตล์ของคุณ หรือดอกไม้สดสีสันสดใสก็ได้เหมือนกันค่ะ

ผมเจ้าสาว ผมเจ้าสาว

ผมเจ้าสาว
Source: Bridal Musings Wedding Blog

(คลิกอ่านหน้าต่อไปเลย)

9 ไอเดียให้บ่าวสาวจัดงานแต่งงานไม่มากไม่น้อย แต่ดูแล้วสุดหรูหรา

คนแต่งตัวดีไม่จำเป็นต้องประโคมของแบรนด์เนมแพงๆ ตั้งแต่หัวจรดเท้าแต่ขึ้นอยู่กับว่าจะเลือกให้ความสำคัญกับของชิ้นไหนบ้าง งานแต่งงานโก้หรูดูดีก็ไม่จำเป็นต้องเยอะไปซะทุกอย่าง ถ้าบ่าวสาวกำลังงงกับคำบอกเล่าที่ว่านี้ แพรว wedding ได้ไปไถ่คุณนัท – จิรายุ นิ่มคง เวดดิ้งแพลนเนอร์มือเก๋าถึงไอเดียและเทคนิคในการ จัดงานแต่งงาน ให้ออกมาเรียบหรู ไม่มากและไม่น้อยเกินไป

1. โทนสี 

งานหรูส่วนใหญ่มักใช้สีน้อยๆ เช่น คู่สีน้ำเงิน – เงิน และน้ำตาล – ทอง ซึ่งเป็นสีที่ดูหรูหราและยังช่วยขับกัน สัดส่วนของสีที่ใช้ก็สำคัญ ถ้าสีหลักเป็นโทนขรึม สีรองที่จับมาคู่กันก็ควรเป็นโทนที่ช่วยขับสีหลักให้เด่นขึ้น เคล็ดลับสำคัญของการจัดงานให้หรูโดยใช้สีน้อยๆ คือ ต้องอิงจากสีของสถานที่จัดงานเป็นหลัก ไม่เน้นการเปลี่ยนรูปลักษณ์ของสถานที่นั้นมากนัก

คุณนัทเสริมว่า เราต้องแยกความหรูหรากับความอลังการออกจากกันเสียก่อน หากต้องการ เน้นความอลังการ เราจะโฟกัสไปที่การเปลี่ยนลุคของสถานที่นั้น แต่กับงานเรียบหรูโก้จะต้องคำนึงถึงสีเดิมของสถานที่ เช่น ห้องฉัตราบอลรูม โรงแรมสยาม เคมปินสกี้ เป็นโทนม่วง – ทอง – ชมพู ขณะที่ห้องแกรนด์ฮอลล์ โรงแรมพลาซ่า แอทธินีเป็นโทนสีน้ำตาล – ครีม – ทอง การเลือกใช้สีที่เข้ากับสถานที่เดิมทำให้งานดูเรียบหรูได้ง่าย เพราะไม่ต้องแตกไปใช้สีโทนอื่นให้กระจัดกระจาย ทั้งยังประหยัดงบประมาณ (ไม่ต้องทุ่มงบไปกับการปรับแต่งอะไรมาก) เน้นโชว์ความสวยงามของโครงสร้างเดิม ซึ่งโรงแรมห้าดาวส่วนใหญ่ตกแต่งได้หรูหราอยู่แล้ว

2. ตัวอักษรหรือฟ้อนต์ 

เลือกลักษณะฟ้อนต์ให้เหมาะสมกับพื้นหลัง ถ้าพื้นหลังมีลวดลายเยอะ ฟ้อนต์ก็ควรจะดูน้อย แต่หากชอบฟ้อนต์สุดวิจิตร พื้นหลังก็ไม่ควรเล่นอะไรเยอะ อย่างไรก็ตาม เราสามารถใช้ฟ้อนต์วิจิตรบนพื้นหลังเยอะได้เช่นกัน แต่สไตล์เยอะบวกเยอะต้องคำนึงว่า ใช้กับวัสดุประเภทไหนเป็นหลัก เช่น การ์ดแต่งงานที่ทั้งฟ้อนต์และลายดูเยอะ ก็ต้องอย่าพิมพ์ลายด้วยวัสดุหรือสีที่จะยิ่งขับให้ลวดลายดูเด่นแข่งกับตัวอักษร หลักสำคัญคือ ต้องเลือกวัสดุหรือวิธีการพิมพ์ที่ทำให้ทั้งสององค์ประกอบนี้ไม่แย่งความเด่นกันเอง

3. การ์ด 

แม้ไม่ได้มีส่วนกับการตกแต่งในวันงาน แต่การ์ดคือด่านแรกที่แขกได้เห็นงานของคุณ ช่วงหลังบ่าว – สาวนิยมใช้การ์ดแผ่นเดียว (Single Page) สไตล์เรียบโก้กันมาก แต่เพราะความนิยมที่มากขึ้น ทำให้แต่ละคู่ต้องเพิ่มลูกเล่นเข้าไปเพื่อไม่ให้เหมือนคนอื่น เช่น ปรับไซส์ให้ใหญ่ขึ้นกว่าปกติ ปรับเป็นแนวนอน ปรับความหนาความบางของวัสดุ เช่น ใช้ไม้วีเนียร์ แผ่นอะคริลิก หรือกระดาษแปลก ๆ มาทำเป็นการ์ด เป็นต้น

4. โลโก้

งานเรียบหรูมักไม่แตกดีไซน์ออกไปไกล แต่ใช้ประโยชน์จากโลโก้ที่ออกแบบมาแล้ว พูดง่าย ๆ ก็คือ ใช้ประโยชน์จากตัวการ์ดให้มากที่สุด ดึงดีไซน์จากการ์ดมาใช้กับกล่องใส่ซอง แบ็กดร็อปและเวทีใหญ่ ไม่จำเป็นต้องแตกไอเดียออกไปให้วุ่นวาย แค่รู้จักปรับและต่อยอดจากสิ่งที่มีอยู่แล้ว

5. ตกแต่งแบบ Oversized

การเลือกให้ความสำคัญกับจุดดึงดูดสายตาบางจุดและทำจุดนั้นให้ใหญ่กว่าปกติ เป็นการดึงความสนใจจากแขกที่ง่ายที่สุด

6. ความวิ้งวับ 

จิลเวลรี่และคริสตัลต่าง ๆ ช่วยให้งานดูดีขึ้นได้ แต่ท่องไว้ว่า อย่าประโคมเยอะ ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นงานเกิน ๆ ได้

7. ดนตรี 

ส่วนใหญ่ต้องการเสียงดนตรีคลอเบา ๆ คุณนัทแนะนำว่า ใช้แค่วงทริโอ (เครื่องดนตรีสามชิ้น) ก็เพียงพอ โดยเน้นที่เครื่องสายและเครื่องเป่า เพราะจะช่วยให้บรรยากาศหรูดูมีรสนิยมมากขึ้น

8. แสงสี 

ช่วงพิธีการไม่ควรย้อมสีไฟ แสงไฟแชนเดอเลียร์ปกติก็ทำให้งานหรูดูสวยอยู่แล้ว แต่หลังพิธีการจะเล่นสีอะไรบ้างก็ตามใจชอบ

9. สีดอกไม้ 

งานหรูส่วนใหญ่ใช้สีดอกไม้ไม่เยอะ มักเน้นสีเดียวและนิยมดอกไม้สีขาว แต่เลือกใช้หลายชนิดเพื่อให้มีเท็กซ์เจอร์ที่หลากหลาย เช่น ไฮเดรนเยียขาว กุหลาบขาว ไลเซียนทัสขาว พีโอนีขาว อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับข้อด้อยที่ว่า แม้ดอกไม้ขาวจะทำให้งานดูหรูและสะอาดตาแต่เมื่อถ่ายภาพออกมาอาจไม่โดดเด่นเท่างานที่เน้นสีสัน

คุณนักดนตรีช่วยขยายความว่า แจ๊ซดูน่าจะเหมาะสมที่สุด เพราะจังหวะดนตรีให้ความรู้สึกอบอุ่นจากเสียงอะคูสติกของดับเบิลเบส แต่ก็ยังฟังสนุก ท่วงทำนองไม่เบาและไม่ดังเกินไป หากต้องการดนตรีที่หรูหรามาก ๆ แน่นอนว่าควรใช้เครื่องดนตรีที่ดูมีราคาอย่างแกรนด์เปียโน หรือลดความอลังการลงมาหน่อยด้วยการเลือกเป็นอัพไรต์เปียโน และอีกสองชิ้นแนะนำให้เลือกเป็นกลองชุดกับดับเบิลเบส หากเปียโนดูยุ่งยากไปจะเปลี่ยนเป็นกีตาร์หรือเลือกแซ็กโซโฟนแทนกลองชุดก็ได้เช่นกัน (ดับเบิลเบสแนะนำว่าน่าจะคงไว้) สรุปง่ายๆ คือ เราเลือกแมตช์เครื่องดนตรีสามชิ้นเพื่อสร้างเสียงดนตรีที่ให้บรรยากาศหรูหราได้หลายทางเลือกดังนี้ เปียโน หรือกีตาร์ / กลองชุดหรือแซ็กโซโฟนหรือไวโอลิน / ดับเบิลเบส

ดูไอเดียงานแต่งงานและคำแนะนำดีๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย!

ขอบคุณ : จิรายุ นิ่มคง Jirayu The Wedding Planner โทร.08-6998-9339

เทคนิค ยืดอายุดอกไม้ ขั้นเทพ ช่วยเซฟความสดใสให้อยู่ได้นานในงานแต่ง

บางครั้งการจัดเตรียมตกแต่งสถานที่งานแต่งก็ต้องจัดกันล่วงหน้าก่อนงานเริ่มหลายชั่วโมง แถมงานแต่งส่วนใหญ่ก็ใช้เวลาลากยาวไปอีกเฉลี่ยประมาณ 3 ชั่วโมง จึงทำให้บ่าวสาวหลายคู่กังวลใจว่า เหล่ามวลผกานานาพันธุ์ที่นำมาตกแต่งไว้ที่งานนั้นจะเหี่ยวเฉาร่วงโรยลงไปหรือไม่ สบายใจได้เลยค่ะ เพราะแค่ทำตามวิธีต่อไปนี้ก็จะช่วย ยืดอายุดอกไม้ ได้ รับรองว่าดอกไม้อยู่ทนเหมือนรักของคุณที่ยืนยาวแน่นอน…ฮิ้วววว

1. สำหรับดอกไม้ที่ต้องการน้ำมากและมีความบอบบางสูงอย่างไฮเดรนเยีย มีเทคนิคการดูแลก่อนใช้งานง่ายๆ คือ ตัดก้านให้สั้น หลังจากนั้น มัดถุงน้ำหรือต่อหลอดน้ำเตรียมไว้ก่อน แล้วค่อยนำมาปักตกแต่งเป็นอย่างสุดท้าย

2. วิธีหนึ่งที่ทำให้ดอกไม้สวยสดเปล่งปลั่งคือเลี้ยงให้อิ่มน้ำมากๆ ก่อนใช้งานและไม่วางแบบตากแดด-ตากลม

3. ไม่ควรฉีดน้ำบริเวณตัวดอกยิปโซ เนื่องจากดอกยิปโซดูดน้ำได้ง่าย จึงอาจทำให้ตัวดอกช้ำน้ำและดำเร็ว หากต้องการฉีดให้มีหยดน้ำเกาะเพื่อเพิ่มความสวยงาม ต้องมั่นใจว่าอากาศบริเวณดังกล่าวถ่ายเทได้ดี

4. ดอกกล้วยไม้ไวต่อก๊าซเอทิลีน ซึ่งเป็นสารเร่งการสุกของผลไม้ (พบได้ในผลไม้สุกทุกชนิด) จึงไม่ควรวางดอกกล้วยไม้ไว้ใกล้ๆ หรือบริเวณเดียวกันกับผลไม้สุกเพราะจะทำให้ดอกเหี่ยวเร็ว

5. ดอกบัวเป็นไม้น้ำ ก่อนใช้งานต้องแช่ก้านไว้ในน้ำเย็นผสมน้ำแข็งประมาณ 30 นาที จากนั้นคลุมพลาสติกไว้อย่างมิดชิดเพื่อป้องกันลมที่ส่งผลให้น้ำในดอกบัวระเหยจนทำให้ดอกดำเร็ว

6. ควรเด็ดใบเฉพาะบริเวณก้านที่จุ่มลงไปในน้ำ เพราะแบคทีเรียที่แฝงตัวในน้ำจะส่งผลให้ดอกไม้และใบที่พ้นน้ำเฉาและเน่าตามได้

เห็นไหมคะว่าง่ายนิดเดียว แต่ในวันงานเราขอแนะนำว่าบ่าวสาวไม่ต้องลงมาจัดการสิ่งเหล่านี้ด้วยตัวเองหรอกนะคะ แค่ไหว้วานคนสนิทให้ช่วยเหลือก็พอ

ดูไอเดียงานแต่งงานและคำแนะนำดีๆ อีกเพียบเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ : modwedding.com

สำหรับคู่รักที่คิดว่าจะแต่งงานกัน “การตรวจสุขภาพ” คือเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม

ปัจจุบันมีโรคภัยไข้เจ็บมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโรคติดต่อ หรือโรคที่เกิดจากกรรมพันธุ์ซึ่งอาจจะมากจากฝ่ายว่าที่เจ้าบ่าว หรือว่าที่เจ้าสาว ดังนั้น การตรวจสุขภาพ ทำให้เรามั่นใจได้ว่าคนที่เราจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันจะไม่ทำให้เราต้องเป็นโรคติดต่อ หรืออาจเกิดปัญหาในระยะยาวในตอนมีลูก ถือเป็นการวางแผนครอบครัวไปด้วยในตัว

 

การตรวจสุขภาพเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนแต่งงาน โดยทั่วไปคุณหมอก็จะถามประวัติครอบครัว และตรวจร่างกาย ตรวจปัสสาวะ ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด

ตรวจหาโรคเลือดทางพันธุกรรม เช่น

  • โรคธาลัสซีเมีย เป็นโรคที่มีการถ่ายทอดทางพันธุกรรมมากที่สุดในประเทศไทย สาเหตุของการเกิดโรคมากจากการที่เกิดจากความผิดปกติของยีนในการควบคุมการสร้างฮีโมโกลบินซึ่งเป็นสารสำคัญในเม็ดเลือดแดง ผู้ที่เป็นโรคนี้จะมีอาการตัวซีด ตับม้ามโต หากมีอาการรุนแรงอาจทำให้เสียชีวิตได้ หากคู่แต่งงานที่วางแผนมีบุตรเลยจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องตรวจ
  • โรคฮีโมฟิเลีย เป็นโรคที่เลือดออกแล้วหยุดยาก สาเหตุจากความผิดปกติของหลอดเลือด เกร็ดเลือด หรือระบบการแข็งตัวของเลือด เป็นโรคที่สามารถถ่ายทองทางกรรมพันธุ์ซึ่งมีแต่ผู้ชายเท่านั้นที่เป็นโรคนี้ แต่ผู้หญิงจะมีความผิดปกติทางกรรมพันธุ์ ซึ่งไม่แสดงออกแต่สามารถถ่ายทอดไปให้ลูกหลานได้ ผู้หญิงส่วนน้อยมากที่อาจมีอาการของโรคนี้ ซึ่งจะต้องมีทั้งพ่อและแม่ที่มีกรรมพันธุ์ของโรคนี้ทั้งคู่
  • ภาวะพร่อง G 6 PD การขาดเอนไซม์ G 6 PD ในเม็ดเลือดแดงทำให้เม็ดเลือดแดงแตกง่าย ซึ่งเกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรม ส่วนใหญ่พบในเพศชาย ผู้ที่เป็นโรคจะมีอาการตัวเหลือง ซีด เพลีย ปัสสาวะคล้ายสีโคล่า ไม่มีการรักษาให้หายขาดได้ ผู้เป็นโรคไม่ควรใช้ลูกเหม็น และไม่ควรรับประทานถั่วปากอ้า เพราะเม็ดเลือดแดงอาจแตกง่าย

ตรวจโรคติดต่อต่างๆ เช่น

  • โรคเอดส์ ซึ่งเป็นโรคที่ติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์ และติดต่อทางเลือด และยังติดต่อจากแม่สู่ลูกได้ด้วย
  • เชื้อซิฟิลิส หรือกามโรค ติดต่องทางเพศสัมพันธ์เช่นกัน และสามารถติดต่อจากแม่สู่ลูกได้

ตรวจหาภูมิคุ้มกัน และการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี และสำหรับว่าที่เจ้าสาวต้องตรวจหาภูมิคุ้มกันหัดเยอรมันด้วย

นอกจากตรวจเลือดเพื่อหาโรคอันตรายต่างๆ ข้างต้นแล้วยังต้องตรวจกรุ๊ปเลือดเพื่อบันทึกไว้ในกรณีฉุกเฉินจะได้หาเลือดได้

จะเห็นว่าโรคที่ว่ามาข้างต้นน่ากลัว และอันตราย ส่งผลต่อชีวิตในระยะยาว บางรายก่อนแต่งงานมีสุขภาพดี สมบูรณ์ แต่หลังแต่งงานงานแล้วต้องติดโรคจากสามี หรือภรรยา ทำให้ส่งผลเสียในชีวิตการแต่งงาน หรือบางรายอาจส่งผลเสียต่อลูกน้อยที่เกิดมา

“ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ” คำกล่าวนี้เห็นจะจริง ดังนั้นการตรวจสุขภาพก่อนแต่งงานเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งในปัจจุบัน เพราะเป็นการป้องกันตัวเองจากโรคติดต่อ ทั้งคู่สามี-ภรรยา และลูกน้อยจะได้มีสุขภาพที่ดี

ดูเรื่องราวความงามและสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

cr : si.mahidol.ac.th, conceiveplease.com