7 ผ้าลูกไม้ชุดแต่งงานยอดนิยมให้เจ้าสาวรู้ไว้ก่อนเลือกชุดแต่งงาน

หากให้พูดถึงผ้าสำหรับชุดแต่งงาน แน่นอนคำตอบแรกที่คิด ไม่มีใครไม่นึกถึงผ้าลูกไม้โดยเฉพาะ ผ้าลูกไม้ชุดแต่งงาน ที่สวยงามเป็นพิเศษ

“ลูกไม้” ผ้าที่มีประวัติยาวนานชิ้นไทม์เลสที่ไม่มีอะไรมาแย่งตำแหน่งตัวแทนแห่งความเฟมินีน โรแมนติก และคลาสสิกไปได้ จากเดิมเป็นงานฝีมือที่ใช้เทคนิคหลากหลายกว่าจะเป็นผ้าลูกไม้แบบต่างๆ อย่าง Chantilly Lace สร้างสรรค์จากการทอ ขณะที่ Guipure Lace คือลูกไม้จากงานปักประดับ จนถึงปัจจุบันแม้จะมีการใช้เครื่องจักรและเทคโนโลยีเข้ามาช่วยผลิต แต่ ผ้าลูกไม้ชุดแต่งงาน ก็ยังคงสวยมีเสน่ห์ที่แตกต่าง… – เรื่อง Lynlry

ก่อนไปจะถึงการเจาะลึกงานลูกไม้แต่ละประเภทว่ามีอะไรบ้าง เรามาพูดถึงหลักง่ายๆ ในการเลือกชุดลูกไม้ในแบบที่เป็นตัวคุณก่อน

  • สีของลูกไม้

มีตั้งแต่สีขาวไล่เฉดไปจนถึง สีเบจ สีชมพู หากอยากได้ลุคที่ดูโมเดิร์น แนะนำชุดลูกไม้สีขาวเป็นหลัก แต่ถ้าอยากได้ ฟีลลิ่งชิค ๆ ดูวินเทจ ลูกไม้สีไอวอรี่ สีงาช้าง สีเบจ คือตัวเลือกที่ดี ขณะที่โทนสีพาสเทลอื่น ๆ สีชมพูอ่อน สีพีชละมุน จะทำให้ลุคดูหวานขึ้น

  • ดีเทลที่เติมลงไปในลูกไม้

เช่น งานปัก ประดับคริสตัล มุก เลื่อม ลูกปัดต่าง ๆ จะช่วยเสริมให้ชุดดูหรูหราขึ้น ถ้าชอบสไตล์หรู เอลิเกนซ์ก็จัดงานปักประดับแบบเต็มเหนี่ยว ไปเลย แต่หากชอบความเรียบหรูโมเดิร์น ก็ไม่ จำเป็นที่จะใส่งานปักใด ๆ ลงไป

  • การเลือกผ้าลูกไม้หลัก ๆ ที่นิยมกันมีอยู่ 7 ประเภท

และแต่ละประเภทมีคาแร็กเตอร์ที่ต่างกัน หากชอบความยูนีคชุดดูมีมิติที่แตกต่าง ก็ต้อง Embroidered Lace (การปักลูกไม้ ลงบนผ้าให้มีเลเยอร์) ถ้าชอบความสวยแบบโอต์ กูตูร์ ต้อง Chantilly Lace ชอบลูกไม้ที่ เด่นชัดมีขนาดใหญ่ใส่แล้วเห็นลายเด่นมาแต่ไกล ก็เลือก Guipure Lace เป็นต้น

และนี่คือ 7 ประเภทผ้าลูกไม้ที่นิยมนำใช้กับชุดแต่งงาน

1. CHANTILLY LACE

ใช้กับชุดลูกไม้โอต์กูตูร์ เช่น ฉลองพระองค์ ชุดอภิเษกสมรสของเคท มิดเดิลตัน ดัชเชส แห่งเคมบริดจ์ โดยชื่อ Chantilly มาจากเมืองทางตอนเหนือของฝรั่งเศสที่ให้กำเนิดลูกไม้ชนิดนี้ในศตวรรษที่ 17 โดยคาเตอรีน เดอ โรอาน ดัชเชสแห่งลงกูวีลผู้เป็นเทรนด์เซตเตอร์ในสมัยนั้น ซึ่งกระแสความฮ็อตลามมาถึงในพระราชวังพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 เป็นผ้าลูกไม้ที่พระนางมารี อังตัวเน็ตต์ ทรงโปรดปราน พอศตวรรษที่ 18 จึงมีการนำ ไหมมาใช้สร้างสรรค์ผ้าลูกไม้และเป็นที่นิยมจนถึงปัจจุบัน ความโดดเด่นของลูกไม้ชนิดนี้อยู่ที่ลวดลายดอกไม้ที่มีอิสระแยกจากกันแต่ผสมผสานเข้ากันได้อย่างลงตัวบนเนื้อผ้าตาข่ายโปรงแสง

 

2. GUIPURE LACE

ในอีกชื่อหนึ่งคือ Venetian Lace คำว่า Guipure เป็นภาษาฝรั่งเศส แปลว่าเทป ซึ่งอธิบายถึงลูกไม้ที่สร้างจากด้ายที่มีความหนา แข็งแรง จุดสังเกตของลูกไม้ชนิดนี้คือมีความแน่นหนา เห็นลายเด่นชัดเจน ซึ่งลวดลายจะถูกเชื่อมต่อกันด้วยขอบหนาหรือเส้นเปีย จัดเป็นลูกไม้ที่มีเท็กซ์เจอร์เด่นชัด และมีความเอลิเกนซ์ไม่เป็นสองรองใคร ซึ่งนิยมนำมาตกแต่งที่ช่วงบนของชุดกระโปรงหรือชายกระโปรง

ภาพ : Mikaella S/S 2016-2017

ยังมีผ้าลูกไม้สวยๆ รออยู่หน้าต่อไป คลิกเลย >>>

10 วิธีลดอาการเมื่อยเท้าในงานแต่งให้น้อยลงจนแทบไม่รู้สึก

นอกจากความสุขเหมือนฝันในงานแต่งงานแล้ว อีกสิ่งที่เจ้าสาวต้องเจอก็คือความเมื่อยขั้นสุด ทรมานเท้าเหมือนเดินมา 8 ชั่วโมงต่อเนื่อง แต่เราก็มีวิธีที่ช่วยบรรเทาอาการ เมื่อยเท้าในงานแต่ง ให้น้อยลงได้ เหลือแค่ทรมานนิดๆ หน่อยๆ แต่สุขมากๆ มีวิธีอะไรบ้างมาดูกัน

1. เลือกรองเท้าหลวมๆ

วิธีนี้ให้เลือกรองเท้าที่เบอร์ใหญ่กว่าเท้าจริงสัก 1 เบอร์ จะทำให้รู้สึกใส่รองเท้าสบายมากขึ้น ไม่เมื่อยมากเกินไป และไม่ทำให้เท้าอึดอัดจนรู้สึกเหมือนโดนบีบอยู่ตลอดเวลา แถมยังป้องกันการโดนรองเท้ากัดได้ด้วยนะ

2. ใส่แผ่นรองเท้า

เดี๋ยวนี้มีแผ่นรองรองเท้าลดอาการเมื่อย แบบที่นิยมซื้อกันตอนไปเที่ยวต่างประเทศนั่นแหละ เราก็เปลี่ยนจากเอาแผ่นนี้ที่ใส่ในสนีกเกอร์มาใส่ในรองเท้าส้นสูงแทน จะทำให้เมื่อยน้อยลง เพราะแผ่นรองรองเท้าจะช่วยโอบรับอุ้งเท้าได้มากกว่า

3. เลือกรองเท้าเสริมแพลตฟอร์ม

สำหรับเจ้าสาวรูปร่างเล็กที่ต้องใส่รองเท้าสูงมากกว่า 3 นิ้ว ให้เลือกรองเท้าส้นสูงที่เสริมแพลตฟอร์มด้านหน้า จะทำให้รูปเท้าไม่ต้องตั้งชันมาก และเพิ่มพื้นที่รับน้ำหนักของเท้า ลดความเมื่อย และลดอาการปวดเท้าลงได้เยอะเลย

4. ซื้อรองเท้าตอนเย็น

เวลาที่แนะนำให้ไปเลือกซื้อรองเท้าก็คือช่วงเวลาเย็นๆ ซึ่งเป็นเวลาที่เท้าขยายตัวเต็มที่แล้ว ทำให้วันแต่งงานที่ต้องใส่รองเท้าทั้งวันจะได้ไม่อึดอัดในตอนที่เท้าเริ่มบวมจากการที่ต้องยืน และเดินมาทั้งวัน

5. เลือกรองเท้าที่รับกับฝ่าเท้า และรูปเท้า

ฝ่าเท้าและรูปเท้าของแต่ละคนมีรูปร่างแตกต่างกัน เพราะฉะนั้นเวลาเลือกรองเท้าจะต้องเลือกรองเท้าที่เข้ากับรูปทรงของเท้า อย่างเช่น รองเท้าหัวใหญ่สำหรับคนที่หน้าเท้าบาน และพื้นรองที่ต้องมีส่วนนูน ส่วนเว้าเข้ากับฝ่าเท้าด้วยเพื่อการรับน้ำหนักที่ดี

เมื่อยเท้าในงานแต่ง

6. เลือกรองเท้าที่มีส้นกับพื้นรองเท้าห่างกัน 3 เซนติเมตร

เวลาเลือกรองเท้าส้นสูงมากๆ ให้เลือกที่รองเท้ามีระยะห่างระหว่างส้นรองเท้า และพื้นรองเท้ามากกว่า 3 เซนติเมตรขึ้นไป จะทำให้ใส่รองเท้าได้สบายมากขึ้น เพราะไม่ต้องวางเท้าในลักษณะที่ชันเกินไป

7. ใส่ให้ชินก่อนวันงาน

รองเท้าเจ้าสาวเมื่อได้มาแล้ว ก็ใช่ว่าจะเก็บใส่กล่องแล้วมาเจอกันอีกทีวันแต่งงานนะคะ รับรองว่ามีเท้าระบมแน่นอน แต่ให้หยิบมาใส่วันละชั่วโมง สองชั่วโมง ก่อนถึงวันจริงสักเดือนจะทำให้เท้าชินกับรองเท้า และทำให้รองเท้าขยายไปตามรูปเท้าด้วย

8. เตรียมรองเท้ามาเปลี่ยน

สำหรับเจ้าสาวที่ใส่ชุดแต่งงานยาว จะเป็นเรื่องสบายเพราะแอบลักไก่เปลี่ยนรองเท้าช่วงที่ไม่ใช่พิธีการสำคัญๆ ได้ อย่าตอนที่ต้องเดินตระเวนพบปะแขกในงาน หรือเจ้าสาวบางคนก็อาจเปลี่ยนเป็นรองเท้าผ้าใบช่วงอาฟเตอร์ปาร์ตี้ ก็ทำให้ได้ผ่อนคลายเท้าไปได้เยอะ

9. นั่งบ้าง

เป็นเจ้าสาวถึงต้องยืนนานๆ  แต่ก็อย่าลืมหาเวลานั่งบ้าง ไม่เพียงแค่หายเมื่อย แต่ยังได้พักเท้าไปในตัว เอาให้ดีคือ หาเวลานั่งกินข้าวกินปลา แล้วแอบถอดรองเท้าด้วย จะทำให้ในงานแต่งงานไม่ทรมานเกินไปสำหรับเจ้าสาวคนสวย

10. ย่ำเท้าอยู่กับที่

ในช่วงที่ไม่สามารถหนีไปนั่ง หรือถอดรองเท้าได้ ถ้ายืนอยู่เฉยๆ แล้วรู้สึกเมื่อยเท้าเกินกว่าจะรับไหวให้ย่ำเท้าอยู่กับที่ จะช่วยลดอาการปวดเมื่อยลงได้บ้าง เพราะเท้าไม่ต้องรับน้ำหนักในรูปเดิมเป็นเวลานาน

เนี่ยแหละ 10 เทคนิค ที่จะทำให้ไม่เมื่อยเท้าในงานแต่ง (มากจนทนไม่ไหว) ส่วนเคล็ดลับอื่นๆ เรายังมีอีกเยอะ มาตามอ่านได้เลย

ภาพ unsplash.com

5 ลุคสุดชิคสไตล์เจ้าสาวผมสั้น บอกเลยว่าเริดทุกทรง มั่นใจได้แน่นอน

เพิ่มลุค So Hot So Cool กับ สไตล์ เจ้าสาวผมสั้น ที่เป็นตัวของคุณเองที่สุด

คุณกำลังจะเป็น เจ้าสาวผมสั้น หรือเปล่า? ตอนนี้ไม่ว่าจะในสื่อต่างๆ ในสังคม หรือตามทั่วไป เรามักจะเห็นผู้หญิงตัดผมสั้นกันมากขึ้นใช่ไหมคะ เพราะปัจจุบันผมสั้นกลายเป็นส่วนหนึ่งของเทรนด์ไปแล้ว เพราะผมสั้นนอกจากจะช่วยให้ทำอะไรและเคลื่อนไหวได้อย่างกระฉับกระเฉงแล้ว ยังให้ลุคที่ดูเป็นผู้หญิงทันสมัยด้วย

และเพื่อเอาใจเจ้าสาวผมสั้น แพรว wedding ได้คัดสรร 5 สไตล์ผมสั้นที่เมื่อเห็นแล้วจะต้องกรี๊ดเพราะถูกใจแน่ๆ และใครเห็นเป็นต้องอิจฉาในความร้อนแรงและความโดดเด่นของคุณแน่นอน! >< ซึ่งลุคที่เราเตรียมมานี้ ยังสามารถไดร์ ดัด เซทตามได้ใน Everyday look อีกด้วยนะ

1st Look : Shine your charm

เผยเสน่ห์อันเย้ายวนด้วยทรงผมดัดลอนเป็นคลื่นใหญ่ เน้นลอนผมให้มีเลเยอร์เท่ากัน เพื่อให้ผมดูมีน้ำหนัก ซึ่งสไตล์นี้อาจต้องอาศัยความชำนาญเพื่อให้ผมยังคงลอนได้ตลอดวัน แต่เป็นลุคที่ให้ความเป็นธรรมชาติสุดๆ บวกกับการแต่งหน้าแบบสโมคกี้อายนิดๆ จะช่วยให้คุณเจ้าสาวดูน่าดึงดูด จนคุณเจ้าบ่าวตกหลุมรักอีกรอบเลยล่ะ!

สไตล์ผมเจ้าสาวผมสั้น

2nd Look : So gorgeous

ลุคนี้อาจจะไม่เน้นลอนที่ชัดมาก แต่ม้วนให้เป็นคลื่นเบาๆ ทีละช่อ แล้วปล่อยให้ผมทิ้งตัวเป็นธรรมชาติ ให้ลุคที่ดูไม่เป็นทางการมากเกินไป ว่าที่เจ้าสาวอาจจะถักเปียเปิดด้านข้างสักด้าน โดยเลือกจากมุมหน้าที่มั่นใจ เพื่อไม่ให้ผมปิดหน้าเวลาถ่ายรูป หรือจะเลือกสวมเป็นมงกุฎดอกไม้ ก็ช่วยให้ลุคนี้ดูหวานขึ้นด้วย

สไตล์ผมเจ้าสาวผมสั้น

สไตล์ผมเจ้าสาวผมสั้น

3rd Look : Simple but forever

ใครบอกว่าการไดร์ผมตรงจะเป็นลุคที่ไม่รอดสำหรับเจ้าสาว เราบอกได้ว่า NO! เพราะถึงจะเป็นลุคเบสิกแต่ก็คลาสสิกสุดๆ พ้อยท์อยู่ที่การปล่อยผมตรงอย่างเป็นธรรมชาตินั้นจะช่วยให้คุณดูอ่อนเยาว์และน่ารัก แต่อย่าลืมชะโลมผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมสักนิดเพื่อให้ผมดูมีวอลลุ่มด้วยล่ะ XOXO

สไตล์ผมเจ้าสาวผมสั้น

4th Look : Like a princess

อ่อนหวานและอ่อนโยนในแบบฉบับเจ้าหญิง กับการม้วนผมให้เป็นลอนแล้วเก็บผมให้ดูมีวอลลุ่ม แนะนำให้เลือกสเปรย์แบบไม่แข็งตัว เพื่อไม่ให้เส้นผมดูแข็งกระด้างเกินไป แล้วอย่างลืมเติมเฮดพีชอย่าง ที่คาดผมประดับคริสตัล มงกุฎดอกไม้ หรือกิ๊บประดับเพชรหรือไข่มุกสุดหรูก็ช่วยอัพเกรดให้ลุคดูแพงด้วยนะ

สไตล์ผมเจ้าสาวผมสั้น

5th Look : Charisma and difference

สำหรับเจ้าสาวที่มีผมสั้นซอย เสริมลุคให้มีเสน่ห์ที่แตกต่างและน่าดึงดูดด้วยการเซทผมให้เป็นทรง แล้วเพิ่มความมีวอลลุ่มนิดๆ เพื่อให้ดูอ่อนหวานซ่อนเปรี้ยว เสริมด้วยกิ๊บติดผมด้านข้างขนาดใหญ่ประดับคริสตัลระยิบระยับ รับกับต่างหูเม็ดเล็กแบบหมุด หรือจะสวมมงกุฎดอกไม้ ก็ทำให้คุณสวยมั่นใจในผมสั้นได้แล้ว

สไตล์ผมเจ้าสาวผมสั้น

ตามไปอัพเดท เจ้าสาวผมสั้นต้องหวีดร้อง! กับ 6 แบบผมเจ้าสาวผมสั้น ดีต่อใจสวยได้ไม่ง้อผมยาว ตามไปเช็คกันได้เลย

ภาพจาก Zimbio/ Teen Vogue/ Pinterest

ดีไซน์ สร้อยคอเจ้าสาว น้อยแต่มาก เข้ากับชุดแต่งงานได้หลากสไตล์

เลือก สร้อยคอเจ้าสาว ให้สวยอย่างมีระดับ กับลุคมินิมัลที่ปังแน่นอน

สร้อยคอเจ้าสาว เครื่องประดับระยิบระยับที่ช่วยเสริมลุคให้เจ้าสาวดูดี ซึ่ง แพรว wedding จะมากระซิบบอกว่า ไม่ว่าเจ้าสาวจะทำทรงผมรวบเกล้า ปล่อยตรงยาว หรือดัดลอนก็เข้ากันแน่นอน เพราะแบบสร้อยคอที่เราเลือกมาวันนี้มาในสไตล์มินิมัล ที่รับรองว่าถูกใจเจ้าสาวยุคใหม่แน่นอน เพราะทั้งเรียบ เก๋ ดูดีมีระดับที่สุด!

สร้อยคอกับชุดแต่งงานเกาะอก

1. โดดเด่นด้วยความแวววาวของเพชรหรือคริสตัล

ชุดแต่งงานแบบเกาะอก ที่ช่วงบนมักดีไซน์มาแบบเรียบๆ แต่เต็มไปด้วยดีเทลในช่วงกระโปรงมากกว่า แนะนำให้สวมเป็นสร้อยที่เรียงร้อยด้วยเพชร หรือคริสตัลเม็ดขนาดกลางที่มีความแวววาว แบบที่สะท้อนแสงจนวิ๊งๆ หรือหากเจ้าสาวชื่นชอบอัญมณีที่เสริมพลังในด้านต่างๆ ก็สามารถเลือกสร้อยที่ประดับอัญมณีแบบสีก็ได้เหมือนกันนะ

สร้อยคอเจ้าสาว

2. ความเรียบของไข่มุกที่น่าดึงดูด

เรายังคงแนะนำสร้อยคอที่สามารถเห็นได้ชัด แต่คราวนี้เป็นสร้อยที่ร้อยเรียงด้วยมุกเป็นเส้นเล็กๆ ต่อกัน แม้จะไม่มีความแวววาวเหมือนเพชร แต่ก็ทำให้เจ้าสาวดูเลอค่าได้เหมือนกัน ทางที่ดีควรเลือกสร้อยคอไข่มุกที่เข้าคู่กับต่างหูด้วยนะ จับคู่แบบเรียบๆ แต่มาครบ จัดไปเลยค่ะเจ้าสาว

3. เพชรที่เรียงระย้าแบบจัดเต็มไปเลย

หรือหากเจ้าสาวอยากจะจัดเต็มกว่านี้ ก็เลือกสร้อยคอแบบระย้าที่เน้นการประดับเพชรและคริสตัล แบบนี้บอกเลยว่า แพงจริงๆ แต่ต้องระมัดระวังด้วยว่า ชุดแต่งงานของเจ้านั้นจะต้องเข้าคู่กับสร้อยคอเส้นนี้ได้ ซึ่งต้องเป็นชุดแต่งงานดีไซน์เรียบ ดีเทลไม่มาก และควรเป็นชุดแต่งงานที่ไม่ประดับลายลูกไม้ ไม่อย่างนั้นจะทำให้ลุคของเจ้าสาวดูเยอะไปหมด

สร้อยคอกับชุดแต่งงานมีแขน

1. เพียงแค่จี้เล็กๆ เรียบ แต่สง่ามาก

ไม่ว่าจะคริสตัล หรืออัญมณี ที่ตกแต่งบนจี้ของเจ้าสาว ประดับบนสร้อยเส้นบางแบบทองคำขาว ทอง หรือสีโรสโกลด์ ก็ช่วยเสริมชุดแต่งงานให้น่าดึงดูดมากยิ่งขึ้น และทำให้ช่วงคอดูเรียวและสง่างาม ขอแนะนำว่าการเลือกสีคริสตัล น่าจะใช้สีโทนสว่าง หรือสีแบบธรรมดาไม่ต้องเล่นสีสันเยอะ เพื่อลุคเจ้าสาวที่มีเสน่ห์ดูอ่อนโยน

สร้อยคอเจ้าสาว

2. เพิ่มความเรียงร้อยระย้าของเพชรและคริสตัล

เพราะชุดแต่งงานที่มีแขน ดีเทลของสร้อยจึงไม่ควรจะมีเส้นที่หนาหรือโดดเด่นเกินหน้าเกินตา จนทำให้ดูเยอะเกินไป แต่สามารถเพิ่มความระย้าในส่วนของจี้เพชร หรือคริสตัล บนสร้อยเส้นบางได้นะ

สร้อยคอเจ้าสาว

3. สร้อยฝังเพชรเบาๆ แต่มีคลาสที่สุด

ลุคนี้ขอบอกว่า เรียบๆ แต่เริ่ดมากค่ะ มาในสไตล์มินิมัลสุดๆ ไม่ว่าจะชุดแต่งงานดีไซน์เรียบ หรือชุดแต่งงานที่เต็มไปด้วยดีเทล หากเจ้าสาวอยากสวมสร้อยเป็นเครื่องประดับ เพียงแค่สร้อยฝังเพชรประมาณนี้ ก็สวยเบาๆ สวยจริงๆ ^^

สร้อยคอเจ้าสาว

จัดเต็มกันต่อกับเครื่องประดับที่จะทำให้คุณกรีดร้อง สร้อยหลัง สร้อยไหล่ เพิ่มความเก๋ไก๋ให้ชุดแต่งงานสวยปังไม่ซ้ำใคร

ภาพจาก Pinterest

9 ไอเดียจัด ดอกไม้บนโต๊ะอาหาร จัดแบบไหนให้เข้ากับธีมงานแต่ง

จัดวาง ดอกไม้บนโต๊ะอาหาร ยังไงให้สวยและเก๋ไก๋เหมาะกับงานแต่งกันดีนะ

ดอกไม้บนโต๊ะอาหาร ดีเทลสำคัญในการตกแต่งโต๊ะอาหารให้ดูดีเพื่อต้อนรับแขก เพราะสภาพแวดล้อมในการรับประทานอาหารมีความสำคัญต่อการลิ้มรสอาหารด้วย เราจึงได้เห็นว่ามีการครีเอทการจัดดอกไม้ต่างๆ ไม่ว่าจะชนิดดอกไม้ ใบไม้ สี แจกัน รวมไปถึงของประดับตกแต่งที่จะช่วยสร้างบรรยากาศให้ธีมงานแต่งของบ่าวสาว แพรว wedding เลยรวบรวมไอเดียการจัดดอกไม้บนโต๊ะอาหารมาให้บ่าวสาวได้เลือกไปใช้ในธีมงานแต่งของตัวเองกัน

1. จัดใส่กล่องไม้

การจัดดอกไม้ในกล่องไม้ เพื่อให้เข้ากับโต๊ะอาหารที่เป็นโต๊ะไม้ จะได้ดูกลมกลืนกันและเป็นธรรมชาติ ที่แขกเห็นแล้วสบายตา ส่วนดอกไม้นั้น เราแนะนำให้ใช้สีสดใส ฉูดฉาด เพื่อให้ตัดกับความเรียบง่ายของโต๊ะไม้ นอกจากนี้จะปูผ้าเป็นแนวยาวตลอดโต๊ะก็ได้นะจะช่วยดร็อปสีดอกไม้ลงได้ระดับนึง

ดอกไม้บนโต๊ะอาหาร

2. จัดใส่เครื่องแก้ว

เพราะความสวยงามของของเครื่องแก้ว หรือแจกันแก้ว สิ่งนี้จึงมักถูกนำมาใช้วางประดับบนโต๊ะอาหารในหลายๆ งานอยู่เสมอ ไม่ว่าจะสไตล์มินิมัลวางดอกไม้เพียงดอกเดียวก็เก๋ จัดรวมดอกไม้สีขาวโดดๆ ก็สวยเรียบหรู หรือจะจัดดอกไม้หลากสีใส่แจกันแบบมีสีสัน ก็ทำให้ดูแตกต่างและโดดเด่นได้นะ

3. จัดใส่เครื่องแก้วทรงสูง

เพียงแค่รูปทรงของเครื่องแก้วทรงสูง ก็ให้บรรยากาศของงานดูหรูและดูแพง โดยจะเลือกจัดรวมดอกไม้หลากพันธุ์ หรือแค่ใบไม้หลากหลายทรง แบบไหนก็ดูดีไม่แพ้กันเลย

4. จัดวางพร้อมเทียนสูง

เราแนะให้จัดดอกไม้ใส่แจกันทรงเตี้ยหรือแจกันทรงกลม เพื่อให้ได้ระยะที่ตัดกับความสูงของเทียน เมื่อมองภาพรวมก็จะทำให้ดูสมดุล แต่อย่าลืมคุมโทนบนโต๊ะอาหารด้วย ซึ่งเทคนิคในการเลือกสีเทียนก็ต้องเลือกโทนสีให้เข้ากับเฉดสีของดอกไม้ด้วยนะ จะได้ไม่ดูเยอะเกินไป การจัดโต๊ะสไตล์มักได้รับความนิยมจากบ่าวสาว และเหล่าเวดดิ้งแพลนเนอร์ก็นิยมจัดด้วยเช่นกัน เพราะช่วยให้บรรยากาศของงานดูหรู

5. จัดวางเรียงยาว

บอกได้เลยว่าการจัดดอกไม้เป็นแนวยาวขนานกับโต๊ะอาหารแบบนี้ กำลังได้รับความนิยมมากๆ เพราะให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติและดูเก๋ไก๋ และแน่นอนว่าการจัดแบบนี้ต้องอาศัยการออกแบบและดูแลความเรียบร้อยในการจัดเรียงดอกไม้เป็นอย่างมาก เพราะถ้าจัดไม่ดีอาจจะดูรกแทนที่จะดูสวย นักจัดดอกไม้จึงต้องอาศัยความใส่ใจและความเชี่ยวชาญในการจัดให้ออกมามีสไตล์แบบโมเดิร์น

6. จัดกระถางต้นไม้

หากคุณวางแผนที่จะจัดงานแต่งเอ๊าท์ดอร์ ในสวน หรือจัดเรียบง่ายที่บ้าน เราแนะนำให้คุณแตกต่างแต่ดูดีด้วยการวางกระถางดอกไม้ใบเล็กบนโต๊ะอาหาร แต่ช้าก่อน กระถางนั้นต้องได้รับการจัดตกแต่งเป็นอย่างดีด้วยนะ เพราะความสะอาดสำคัญที่สุด ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นกระถางใส่ดิน แต่เป็นการปักดอกไม้ใบไม้ลงไปในโอเอซิสแทนเพื่อความสะอาด แถมยังช่วยเก็บน้ำให้ดอกไม้สดใสตลอดงานไม่เฉาด้วย

ดอกไม้บนโต๊ะอาหาร

7. จัดใส่กรง

เข้ามากๆ กับงานแต่งริมทะเล หรืองานแต่งในสวน กับการจัดดอกไม้ใส่กรงเล็กๆ แนะนำให้ใช้ดอกไม้ดอกเล็กๆ ที่ดูน่ารัก หรือจะเป็นใบไม้กับพืชอวบน้ำก็สวยนะ เพราะสีเอิร์ธโทนของพืชอวบน้ำจะช่วยให้กรงดูดีเพิ่มมากขึ้น

ดอกไม้บนโต๊ะอาหาร

8. จัดพร้อมพร๊อบ

ในการจัดวางแบบนี้แจกันดอกไม้ต้องมีขนาดไม่ใหญ่มาก เพื่อที่บนโต๊ะจะได้มีพื้นที่ในการวางพร๊อบน่ารักๆ เก๋ๆ เสริมลุคให้กับธีมงานแต่งของคุณ เป็นการเพิ่มลูกเล่นให้บนโต๊ะอาหารได้ไม่น้อย อย่างเช่น ลูกโลก ลูกบอล ขนนก เป็นต้น เพียงแค่เลือกใช้พร๊อบให้เข้ากับธีมงานก็รอดแล้ว

9. จัดวางบนผ้า

เป็นอีกหนึ่งสไตล์ที่ได้รับความนิยมในงานแต่งกับการนำผ้ามาจัดเป็นคลื่น เรียงแนวยาวขนานกับโต๊ะ แล้วจึงวางแจกัน ของประดับตกแต่งต่างๆ การใช้ผ้าสีพาสเทลหรือสีที่เข้ากับธีมงานแต่งจะช่วยเสริมให้งานแต่งดูมีราศีมากยิ่งขึ้น

เราได้เห็นไอเดียการจัดดอกไม้ไปแล้ว แต่รู้หรือไม่ว่ามันมีดีเทลมากกว่านั้นกับ รวบตึง 5 รายละเอียดสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามใน การจัดโต๊ะอาหาร

ภาพจาก Unspalsh/ Pinterest

พิธีแต่งงานแบบไทย พร้อมไทม์ไลน์ของแต่ละพิธีแบบครบถ้วน

กำหนดการ ลำดับขั้นตอนต่างๆ ของ พิธีแต่งงานแบบไทย

ว่าที่บ่าวสาวมักรู้สึกกังวลกับการจัด พิธีแต่งงานแบบไทย เพราะรู้สึกว่ามีขันตอนเยอะ แพรว wedding ขอบอกเลยว่า งานแต่งแบบไทยนั้นไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิด ไม่เชื่อลองดูไทม์ไลน์ พร้อมพิธีการต่างๆ ที่เรานำมาฝาก รับรองว่างานแต่งผ่านฉลุยชัวร์!

หมายเหตุ : ในที่นี่ขอสมมติว่า ฤกษ์สวมแหวนหมั้นคือ 9.29 น. และฤกษ์ส่งตัว 13.29 น. มีแขกในงานราวๆ 100-120 คน เริ่มเคลื่อนขบวนขันหมาก 8.00 น. ซึ่งทั้งนี้ การกำหนดกรอบเวลาขึ้นอยู่กับฤกษ์ จำนวนแขก และการจัดการของแต่ละบ้านว่าสามารถดำเนินพิธีแต่ละช่วงไปได้อย่างราบรื่นและรวดเร็วเพียงใด

8.00 น. แห่ขันหมาก

ควรเรียกระดมพลก่อนเวลาประมาณ 15 นาที เพื่อจัดขบวนว่าจะให้ใครยืนอยู่ลำดับไหน ถือพานอะไร เมื่อเรียบร้อยก็เคลื่อนขบวนไปยังบ้านเจ้าสาว หรือจุดประกอบพิธี ซึ่งปัจจุบันขบวนขันหมากมักนิยมตั้งขบวนกันข้างรั้วบ้าน หรือหน้าห้องจัดงานของโรงแรมนั่นแหละ โห่ฮิ้วกันสัก 3 รอบก็ถึงแล้ว

งานฉลุยแน่ถ้า …
* นัดกับคนในขบวนขันหมากล่วงหน้าว่าให้มาถึงงานกี่โมง แต่งกายอย่างไร และมีหน้าที่ทำอะไร
* มีผู้รู้งานซึ่งถือผังขบวนขันหมากพร้อมรายชื่อคนถือพาน เพื่อจัดลำดับขบวนให้ถูกต้องและรวดเร็ว
* ฝ่ายเจ้าสาวเริ่มจัดแถวกั้นประตูเงินประตูทองในเวลาเดียวกันเพื่อความรวดเร็ว

8.10 เชิญขันหมาก

เมื่อถึงหน้าบ้านจะมีการเชิญขันหมากโดยให้เด็กหญิงหน้าตาน่ารักในชุดไทยถือพานเชิญขันหมากและรอรับพร้อมกับญาติผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าสาว ซึ่งจะเป็นผู้เจรจาต้อนรับขบวนขันหมากทำนองว่า “ขบวนคึกคักจังเลย จะไปไหนกันคะ” ทางฝ่ายเจ้าบ่าวก็จะตอบกลับมาว่า “จะมาขอลูกสาวบ้านนี้ ยินดีต้อนรับหรือไม่” ซึ่งแน่นอนว่าคำตอบจะเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจาก “ยินดีค่ะ เชิญเข้ามาเลยค่ะ” จากนั้นเด็กเชิญขันหมากจะส่งพานเชิญขันหมากให้เถ้าอก่ฝ่ายชายซึ่งก็แค่หยิบหมากพลูไปถือพอเป็นพิธี แล้ววางคืนพร้อมซองเงิน

พิธีแต่งงานแบบไทย

8.15 น. ฝ่าด่านประตูเงินประตูทอง

จากนั้นขบวนขันหมากจึงเคลื่อนสู่จุดประกอบพิธี แต่เดี๋ยวก่อน! ระหว่างทางสั้นๆ นี่แหละที่กินเวลานาน เพราะกว่าขบวนจะผ่านประตูเงินประตูทองได้แต่ละด่านบางทีเจ้าบ่าวถึงกับเหงื่อตก ปัญหาที่ แพรว wedding เคยเห็นเยอะที่สุดคือ ถูกรีด เอ๊ย เรียกหลายซองจนเจ้าบ่าวหมดตัว ต้องหยิบยืมกันให้วุ่น รองลงมาคือกิจกรรมวัดใจจำพวกวิดพื้น ตะโกนบอกรัก ร้องเพลง ฯลฯ ซึ่งบางทีผู้ใหญ่ในขบวนก็ไม่ได้สนุกด้วยนัก … เอาเป็นว่าสนุกกันพอหอมปากหอมคอก็พอเนอะ อย่าเล่นจนเสียฤกษ์ และนึกถึงใจคนถือพานผลไม้มงคลหือกล้วยอ้อยบ้าง!!

งานฉลุยแน่ถ้า…
* เจ้าบ่าวตกลงกับเพื่อนๆ และคนที่กั้นประตูเงินประตูทองไว้ก่อนว่าต้องปล่อยขบวนภายในระยะเวลาเท่าไหร่จึงจะไม่เสียฤกษ์

8.45 น. พิธีล้างเท้า (ถ้ามี)

บางบ้านอาจมีพิธีล้างเท้าก่อนเข้าบ้าน โดยให้เจ้าบ่าวถอดรองเท้ายืนบนหินล้างเท้ารองด้วยใบตอง แล้วญาติผู้น้องของฝ่ายเจ้าสาวตักน้ำล้างเท้าให้ ซึ่งสมัยนี้บางคนอาจแค่ประพรมไปบนรองเท้าพอเป็นพิธีจะได้ไม่ต้องถอดๆ ใส่ๆ รองเท้า เสร็จแล้วจึงให้ซองเงินเป็นรางวัล

รู้ไว้ก่อนสั่งตัดสูทงานแต่งแบบ Bespoke สูทพิเศษที่มีแค่ตัวเดียวในโลก!

รู้ไว้ก็ดี..กับการสั่งตัด สูทงานแต่ง แบบ Bespoke

ใครว่าเจ้าสาวจะเป็นฝ่ายคิดมากเรื่องชุดแต่งงานอยู่คนเดียว เพราะพระเอกของงานอย่างเจ้าบ่าวเขาก็ซีเรียสเรื่อง สูทงานแต่ง ไม่แพ้กัน ซึ่งปัจจุบันก็มีทั้งสูทสำเร็จ สูทเช่า หรือสูทสั่งตัดพิเศษให้เลือกมากมาย ช่างเป็นเรื่องน่าปวดหัวให้กับเจ้าบ่าวไม่น้อย แต่หากเจ้าบ่าวคนไหนที่อยากได้ลุคไม่ซ้ำใครและดูดีมีสไตล์เป็นของตัวเองสุดๆ สูทแต่งงานแบบ Bespoke หรือ Costum-Made แบบสั่งตัดแบบพิเศษนี่แหละที่จะตอบโจทย์ของคุณได้ดีที่สุด

ได้ความเป๊ะฟิตพอดีหุ่น

สูทที่สั่งตัดนั้นจะเป็นของคุณแค่คนเดียวและมีลักษณะที่ไม่เหมือนคนอื่น เพราะเสื้อผ้าที่ตัดขึ้นเพื่อคุณโดยเฉพาะจะเปรียบเสมือนเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายคุณเลยทีเดียว เพราะมันจะเข้าที่เข้าทางไปหมด และให้การขยับที่คล่องตัวและเคลื่อนไหวสบายแบบไม่มีติดขัด เช่น ถ้าช่างภาพบอกคุณว่านับ 1 2 3 แล้วให้กระโดดขึ้นไปในอากาศ ก็ไม่ต้องกังวลว่ากางเกงเป้าจะแตกหรือไม่อะไรประมาณนี้ เพราะฉะนั้นเจ้าบ่าวจึงสามารถมั่นใจได้ทุกท่วงท่าแบบเต็มร้อยในทุกการเคลื่อนไหวไปจนถึงทุกองศาที่คุณขยับตัว

ได้สไตล์ที่เป็นตัวเองที่สุด

แทนที่จะพยายามหาเช่าสูทหรือทักซิโดที่ตรงกับความต้องการหรือที่คุณเจ้าบ่าวอยากได้จริงๆ บางครั้งถึงขั้นต้องตามหากันแทบพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินเลยทีเดียว จะดีกว่าไหมถ้าคุณสร้างสิ่งนั้นขึ้นมาด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะทั้งกับ เนื้อผ้า ลายผ้า สีผ้า และรูปแบบที่คุณต้องการ หรืออาจจะสั่งตัดให้เข้ากับชุดแต่งงานของว่าที่เจ้าสาวของคุณด้วยเลยก็ได้ เช่น อาจสร้างกิมมิกเล็กน้อยร่วมกันอย่างสีหรือโลโก้ หรือจะสั่งตัดพิเศษเป็นสีของธีมงานไป เพราะฉะนั้นลองคิดดูว่าคุณอยากดูดีแบบไหนในวันสำคัญ แล้วนำไอเดียไปปรึกษากับช่างมืออาชีพ รับรองว่าคุณจะได้รับคำแนะนำและการตัดเย็บที่ดีกลับมาแน่นอน แถมยังจะได้สไตล์ที่เป็นตัวเองสุดๆ ในแบบฉบับที่คุณเจ้าบ่าวต้องการ

สูทงานแต่ง

คุณเป็นสายเปย์ที่แท้ทรู พร้อมที่จะลงทุน

ถึงแม้ว่าสูทที่สั่งตัดพิเศษนั้นจะเหมาะกับคุณมากกว่าการไปเช่าตามร้าน แต่เมื่อทราบถึงราคาใจชายหลายคนก็สู้ไม่ไหวต้องถอยทัพกลับมาซบอกชุดเช่ากันเหมือนเดิม แต่ถ้าลองคิดดูดีๆ บางครั้งค่าตัดสูทสุดพิเศษอาจจะมีราคาพอๆ กับการช้อปปิ้ง gadget ต่างๆ ของคุณผู้ชายเลยก็ได้ เผลอๆ บางอย่างคุณยอมทุ่มจ่ายเกินกว่าค่าตัดสูทไปซะอีก ซึ่งสาเหตุของราคาที่ค่อนข้างสูงสำหรับสูทสั่งตัดนั้นก็มาจากความพิถีพิถันในการตัดเย็บที่ต้องทำออกมาให้พอดีตัวและพอดีใจของเจ้าบ่าวให้มากที่สุด และเต็มไปด้วยขั้นตอนต่างๆ มากมาย เริ่มตั้งแต่การเลือกผ้า สั่งหรือผลิตผ้า วัดตัว จนถึงกระบวนการตัดเย็บอย่างละเอียด ซึ่งบางครั้งหากคุณต้องการความเนี้ยบมากๆ ก็อาจจะต้องลองแล้วลองอีก แก้แล้วแก้อีกจนกว่าจะฟิตเป๊ะพอดีหุ่น จนได้เป็นสูทที่ตรงกับสไตล์และรูปร่างของคุณมากที่สุด

ซึ่งราคานั้นก็มีตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่น ซึ่งถ้าหากเจ้าบ่าวเลือกที่จะตัดทั้งสูทและกางเกงแบบเข้าชุดราคาก็อาจจะอัพขึ้นมาอีกหน่อย โดยสูทที่สั่งตัดนั้นจะใช้เวลาในการทำประมาณ 10-14 วัน แต่ทางที่ดีเผื่อไว้หน่อยสัก 1 เดือนล่วงหน้าก่อนวันใช้งาน สำหรับการปรับแก้ในจุดต่างๆ โดยเฉพาะช่วงปลายปีแบบนี้บางร้านอาจมีคิวลูกค้าแน่นเอี๊ยด ทำให้ผ้าบางชนิดหรือบางสีที่เจ้าบ่าวอยากได้อาจขาดสต๊อกและต้องรอผลิตผ้าใหม่ซึ่งอาจใช้เวลานาน เพราะฉะนั้นทางที่ดีแนะนำให้เจ้าบ่าวเข้าไปเลือกผ้าและสั่งจองไว้ก่อนตั้งแต่เนิ่นๆ จะได้ไม่โดนปาดหน้าเค้ก และให้เลือกเข้าไปเป็นวันธรรมดา แทนที่จะเป็นวันเสาร์-อาทิตย์ เพราะวันหยุดใครๆ ก็ว่างคนอาจแน่นร้านทำให้ทางร้านไม่สามารถดูแลคุณได้อย่างเต็ม

สูทงานแต่ง

และไม่ต้องคิดเยอะนะคะว่าจบงานนี้แล้วจะได้ใส่อีกทีเมื่อไหร่ เพราะเราเชื่อว่าสูทที่สั่งตัดพิเศษที่เป็นของคุณโดยเฉพาะจะกลายเป็นสูทตัวเก่งของคุณไปโดยปริยายแน่นอน คอนเฟิร์ม!

แถมให้อีกนิดกับ ทิปส์เด็ดแต่งสูทเจ้าบ่าว หล่อได้ง่ายๆ แบบไม่ต้องพยายาม

ภาพ : www.pinterest.com, bespokeedge.com, www.zara.com

ช่างวิดีโองานแต่งงาน เลือกอย่างไรดีให้ปัง รวมถึงสิ่งที่ควรพิจารณาก่อนจะจ้าง

ช่างวิดีโองานแต่งงาน สำคัญไม่น้อยกว่าช่างภาพเลยนะจะบอกให้

เพราะอะไรหน่ะหรือ เพราะการที่เราจ้างช่างภาพก็คือการเก็บภาพนิ่งช่วงเวลาที่สำคัญ แต่ ช่างวิดีโองานแต่งงาน นั้น คือผู้ที่เก็บรวบรวมความทรงจำออกมาในรูปแบบภาพเคลื่อนไหว คล้ายๆ เป็นเหมือนหนังสั้นที่ควรค่าต่อการเก็บรักษานั่นเอง

เมื่อพูดถึง ช่างวิดีโองานแต่ง แล้วก็มีหลายราคาหลายคุณภาพงานให้บ่าวสาวต้องเลือกและตัดสินใจก่อนจะจ้าง แพรว wedding เลยจะมาแนะนำวิธีการเลือก ช่างวิดีโองานแต่ง ว่าเลือกอย่างไรให้ออกมาปัง และคุ้มค่ากับงานแต่งงานของคุณที่สุด

 

1. เลือกตามสไตล์ของคุณ

ก่อนที่จะจ้างช่างภาพ หรือช่างวิดีโองานแต่ง คุณควรดูผลงานของพวกเขาก่อนว่าสไตล์แบบนี้หรือไม่คือสิ่งที่คุณต้องการให้เขามาบันทึกภาพช่วงเวลาสุดพิเศษของคุณ ซึ่งการตัดสินใจเลือกตามความชอบของคู่บ่าวสาวก่อน คือสิ่งที่ถูกต้อง ถ้าเราต้องการให้ออกมาคล้ายๆ หนังสั้นที่ถ่ายทอดเรื่องราวความรัก ก็ควรหาช่างวิดีโองานแต่งที่เขาสามารถทำงานนั้นออกมาได้ดี หรือหากต้องการเพียงแค่การบันทึก ไม่เน้นตัดต่อใดๆ ราคาก็จะถูกลงมาค่ะ

 

2. เลือกช่างวิดีโอและช่างภาพที่เข้ากัน

พิจารณาจากผลงานที่ผ่านๆ มา และถ้าจะให้ดี ถ้าเป็นทีมงานเดียวกับช่างภาพก็จะดีมาก เพราะพวกเขาจะมีการทำงานแบบเป็นทีม แบ่งสรรปันส่วนกันได้อย่างลงตัว จะได้ไม่มีปัญหาเขม่นกันเพื่อแย่งมุมเด็ดในงานแต่งงานแน่นอน เพราะเห็นมาหลายงานที่ช่างภาพ และช่างวิดีโอที่มาจากคนละที่มักเกิดปัญหาเกาเหลากันภายในงาน เช่น บังมุมกันเอง เป็นต้น ซึ่งคนที่ได้รับผลกระทบเต็มๆ ก็คือบ่าวสาวนั่นเองค่ะ แต่ถ้าหาทีมเดียวกันไม่ได้จริงๆ ก่อนงานเริ่ม ลองเรียกพวกเขามาทำความเข้าใจในมุมการถ่ายกันก่อน เพื่อที่จะแยกโซนการถ่ายภาพได้อย่างชัดเจน

 

3. เลือกช่างวิดีโองานแต่งที่มีความเป็นมืออาชีพ

มืออาชีพในด้านอุปกรณ์ ทีมงาน การตัดต่อ หรือช่างวิดีโอที่รู้ขีดความสามารถของตนเอง สิ่งเหล่านี้พิจารณาได้จากเฟสบุคแฟนเพจ การรีวิวของลูกค้าคนเก่า ซึ่งมีความสำคัญมาก อย่ามองข้ามไปนะจ๊ะ อย่าเพิ่งเห็นแก่ราคาแพ็คเกจที่ถูกจนต้องร้องว้าว!!! ลองไปดูรีวิวจากบ่าวสาวรุ่นพี่กันก่อน ศึกษาเยอะๆ เพราะของถูกและดียังมีน้อยในโลกใบนี้นะจ๊ะ

 

4. เลือกช่างภาพจากบุคลิก

อย่าเพิ่งงงว่าช่างวิดีโองานแต่ง ทำไมต้องเลือกที่บุลคิกด้วย ก็แหม งานแต่งงานที่สำคัญของบ่าวสาวที่จัดขึ้นเพียงครั้งเดียว (บางคนอาจจะแต่งรอบสอง แต่ก็ไม่มีใครอยากจะจัดบ่อยๆ หรอกเนอะ ^^) เราก็ควรเลือกทุกอย่างให้ออกมาเพอร์เฟกต์นิดนึง ซึ่งบุคลิกที่ว่า บ่าวสาวสามารถดูได้จากตอนดิวงานกับช่างภาพ เราจะได้เห็นบุคลิกของเขา ก็ลองนำตรงนั้นมาตัดสินพิจารณาดู เช่น อาจจะเลือกช่างวิดีโอที่บุคลิกเป็นผู้ใหญ่ ไม่วอกแวก เพราะนั่นแสดงถึงสมาธิของเขา และงานแต่งงานคืองานรวมญาติ คงเป็นภาพที่ไม่ดีนัก หากช่างวิดีโองานแต่งของเราดูสนุกสนานเกิดเหตุ เกินหน้าเกินตาเจ้าบ่าวเจ้าสาวเนอะ

ลองทำตามนี้ดู รับรองว่าจะไม่พลาดอน่นอน ไหนๆ ก็คิดจะจ้างช่างวิดีโองานแต่งแล้วก็ควรใส่ใจรายละเอียดกันหน่อยเนอะ และที่สำคัญมาดู  คุยกับ ช่างวิดีโอในงานแต่ง อย่างไรให้งานออกมาเป๊ะ ไม่มีพลาด

ภาพจาก : Pinterest.com

6 ค่าใช้จ่ายในงานแต่ง ที่คาดไม่ถึง และไม่รู้ว่ามีอยู่จริง!

ตอนวางแผนจัดงานแต่งงาน บ่าวสาวต้องมานั่งกดเครื่องคิดเลขคำนวณ ค่าใช้จ่ายในงานแต่ง ว่าจัดงานแต่งครั้งนี้เราจะใช้เงินเท่าไหร่ดีนะ แต่เชื่อไหมว่า ในการจัดงาน นอกจากค่าอาหาร สถานที่ เวดดิ้งแพลนเนอร์แล้ว ก็ยังมีค่าใช้จ่ายซ่อนเร้นที่ทำให้งบบานไม่รู้ตัวอยู่อีกด้วย

1. ภาษีมูลค่าเพิ่ม

เดี๋ยวนี้ค่าใช้จ่ายหลายๆ รายการมักยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ทำให้เวลาจ่ายจริงต้องบวกภาษีเข้าไปด้วย  เวลาบ่าวสาวจะกดเครื่องคิดเลขคำนวณค่าใช้จ่ายก็อย่าลืมมองหาดอกจันตัวเล็กๆ เอาไว้ ว่าเขามีบวกเพิ่มอะไรอีกหรือเปล่า หรือจะถามคนที่ดูแลการขายไปเลยว่า “ราคานี้ net แล้วหรือยัง” ถ้ายัง มีค่าอะไรอีกแล้วราคาเท่าไหร่ เราจะได้เห็นค่าใช้จ่ายๆ จริงเผื่อเอาไปเปรียบเทียบกับรายอื่นๆ ด้วย

2. ค่าทดลองช่างหน้า ช่างผม

เทคนิคหนึ่งที่ทำให้ได้ช่างหน้า ช่างผมที่ถูกใจคือ เอาหน้าผมของตัวเราเอง พร้อมแบบที่อยากได้ไปให้ช่างแต่งจริง ทำจริง ก่อนที่เราจะปลงใจเลือกเขามาแต่งให้เราในวันแต่งงาน ซึ่งตรงนี้มีค่าใช้จ่ายอยู่บ้าง อาจจะอยู่ที่หลักพันต้นๆ หรือบางรายอาจคิดตามราคาจริง อันนี้เจ้าสาวตอนโทรติดต่อ ก็ต้องถามรายละเอียดมาให้ชัดว่า “คิดค่าลองแต่งเท่าไหร่คะ” ได้ราคามาก็ลอง คูณ 2 หรือ 3 เพราะน้อยรายมากที่จะได้ช่างถูกใจ ตั้งแต่ลองกับช่างคนแรก อ้อ! ถามเขาด้วยว่าหากแต่งหน้าญาติพี่น้องด้วยคิดราคาเท่าไหร่

3. ค่าห้องพัก

บางโรงแรมอาจไม่มีห้องพักบ่าวสาวทั้งคืนก่อนแต่ง และคืนวันแต่งงานเอาไว้ในแพ็คเกจ ซึ่งหลายคู่ก็อาจตัดส่วนนี้ออกไป แต่เราจะบอกว่า หากไม่มีห้องพักทั้งสองคืนนี้ลำบากนะคะ เหนื่อยมากๆ ด้วย ถ้ายังไงถามให้ครบถ้วนว่ารวมห้องพักสำหรับแต่งหน้าทำผมไว้ให้ด้วยแล้วหรือยัง แล้วถ้าไม่รวมพอจะมีส่วนลดพิเศษอะไรให้หรือเปล่า

ค่าใช้จ่ายในงานแต่ง

4. ค่าเตรียมสวย เตรียมหล่อ

ไม่ว่าจะเป็นค่าฟิตเนส สปา สกินแคร์ สารพัดคอร์สเพื่อความเป๊ะของทั้งบ่าวสาว บางคู่อาจจะบอกว่าไม่รวมไว้ในค่าใช้จ่ายงานแต่งหรอก แต่ความจริงแล้วควรรวมอยู่ด้วย เพราะนี่ก็คือค่าใช้จ่ายที่เกิดจากงานแต่ง และควรกันงบเอาไว้ด้วยว่าเท่าไหร่ดี เพื่อไม่ให้บานปลาย บางคู่จ่ายกับเรื่องนี้แบบไม่รู้ตัวก็หมดไปร่วมแสนเลยนะ แต่บางคู่ก็อาจใช้วิธีโฮมสปาดูแลตัวเองก็ได้ ไม่ว่ากัน

5. ค่าอาหารวงดนตรี

หากคุณมีวงดนตรีมาเล่นในงานด้วย ก็อย่าลืมเตรียมอาหารไว้ให้นักร้อง นักดนตรีทานด้วยนะ ซึ่งก็เป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องเพิ่มขึ้นมา หากอยากลดค่าใช้จ่ายในงานก็อาจเปลี่ยนจากวงใหญ่ๆ เป็นวงดูโอ้เล็กๆ สองสามคน หรือว่าจะเป็นดีเจเปิดเพลง เพราะแค่คนเดียวก็เอาอยู่

6. ค่าเพื่อนเจ้าสาว

เมื่อขอร้องเหล่าเพื่อนๆ ให้มาเป็นเพื่อนเจ้าสาว เราก็ควรต้องช่วยออกค่าใช้จ่ายบางส่วนให้กับเพื่อนๆ ด้วย อย่างเช่น ค่าตัดชุด ค่าแต่งหน้า ทำผม นอกจากนั้นก็ยังควรมีทั้งของขวัญตอนช่วยมาเป็นเพื่อนเจ้าสาว แล้วยังของขวัญขอบคุณที่เพื่อนๆ มาช่วยงาน แล้วยิ่งงานไหนมีเพื่อนเจ้าสาวเยอะ ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ก็ยิ่งเยอะเข้าไปอีก ทางที่ดีก็ควรมีเพื่อนเจ้าสาวอย่างพอเพียงดีกว่า

นี่คือ 6 ค่าใช้จ่ายที่ซ่อนตัวอยู่ แล้วบ่าวสาวมักไม่รู้ตัว มารู้อีกทีก็ยามที่ต้องจ่าย ซึ่งก็จะยิ่งทำให้งบบานปลายออกไปอีก แต่เมื่อรู้ตัวเลขยิบย่อยตรงนี้แล้ว หวังว่าจะช่วยให้บ่าวสาวที่กำลังจัดงานคุมค่าใช้จ่ายได้ง่ายขึ้น ส่วนในงานแต่งต้องเตรียมอะไรอีกบ้าง เรามีเตรียมไว้ให้ดูแล้ว คลิกเลย

ภาพ Pixabay

เช็กลิสต์งานแต่ง ฉบับย่อ เพื่อวันวิวาห์เพอร์เฟ็กต์ต้องเช็กให้พร้อม!

Step by Step กับ เช็กลิสต์งานแต่ง ที่บ่าวสาวต้องมี

เพื่อให้งานแต่งของว่าที่บ่าวสาวสมบูรณ์พร้อมไม่มีที่ติ แพรว wedding เลยจัด เช็กลิสต์งานแต่ง ที่มาพร้อมขั้นตอนการเตรียมงานแต่ง เพื่อเป็นตัวช่วยในการลดความยุ่งยากสำหรับการจัดงานให้บ่าวสาว แถมงานนี้เราแบ่งมาให้เป็นหมวดหมู่เพื่อที่บ่าวสาวจะได้นำไปใช้และทำตามได้ง่าย รับรองว่าเช็กตามนี้ไม่มีตกหล่นแน่นอน

 

Beauty & Hair

เช็กลิสต์งานแต่ง

  • หาข้อมูลช่างแต่งหน้าและช่างทำผมที่ชอบเพื่อเปรียบเทียบผลงาน
  • เลือกช่างแต่งหน้าและช่างทำผมในสไตล์ที่ชอบที่สุด
  • นัดหมายวัน เวลา และสถานที่สำหรับการซ้อมแต่งหน้าทำผม **หากไม่มีงบสำหรับการซ้อมแต่งหน้าทำผม อาจจะนัดช่างเพื่อมาคุยถึงเรฟเฟอร์เรนซ์ที่อยากได้ เพื่อที่วันงานจะได้ออกมาเป๊ะตรงใจมากที่สุด
  • ซ้อมแต่งหน้าทำผม **ในกรณีที่มีงบเหลือ
  • ใกล้วันงานโทร. คอนเฟิร์มช่างอีกครั้ง

Catering

เช็กลิสต์งานแต่ง

  • หาข้อมูลบริการรับจัดเลี้ยง
  • เมื่อเลือกได้แล้วติดต่อเพื่อคุยรายละเอียด
  • นัดทางร้านชิมอาหาร
  • ตกลงราคาอาหารและเครื่องดื่ม (แอลกอฮอล์ ซอฟต์ดริ้งค์)
  • เลือกเมนูอาหารที่จะใช้ในงาน
  • นัดวัน เวลา และสถานที่สำหรับการเตรียมงาน
  • เมื่อใกล้วันงานโทร. คอนเฟิร์มอีกครั้ง

** ในกรณีที่บ่าวสาวเลือกจัดงานในสถานที่ที่ไม่ใช่โรงแรม ซึ่งไม่มีบริการเรื่องอาหาร หรือหากเป็นร้านอาหารที่รับจัดเลี้ยงก็สามารถนัดเพื่อเข้าชิมอาหารได้เช่นกัน

 

Dress & Suit

เช็กลิสต์งานแต่ง

  • กำหนดงบประมาณเพื่อดูว่าจะเลือกชุดแบบเช่า เช่าตัด หรือตัด
  • หากเลือกที่จะเช่า ให้เข้าไปติดต่อกับทางร้านเพื่อขอดูแบบชุดและลอง อาจพาคุณแม่ เพื่อน หรือเจ้าบ่าวไปด้วย เพื่อช่วยดูความเหมาะสม และระหว่างลองควรยืน นั่ง ยกแขน เพื่อทดสอบดูว่าชุดมีปัญหาหรือไม่ และเจ้าสาวรู้สึกสบายตัวในชุดนั้นหรือเปล่า และนอกจากจะลองชุดที่ตัวเองชอบแล้ว ควรลองชุดที่ทางร้านแนะนำ เพราะประสบการณ์จากทางร้านอาจทำให้เจ้าสาวได้ชุดแต่งงานที่เหมาะสมกว่า
  • เมื่อได้ชุดที่เหมาะสมแล้วจึงวางเงินมัดจำ
  • นัดวันมาลองชุดหลังจากแก้ไซส์ครั้งแรก
  • ก่อนวันงานล่วงหน้า 1 สัปดาห์ต้องลองชุดอีกครั้งเพื่อเช็กว่าต้องปรับแก้หรือไม่ และควรเตรียมรองเท้าส้นสูง รวมถึงชุดชั้นในที่จะใส่ในวันงานไปลองด้วยเพื่อความสมบูรณ์แบบ เพราะหากผิดพลาดในส่วนไหนจะยังพอแก้ไขได้ทัน
  • นัดวันรับชุดพร้อมชำระเงิน
  • หากเลือกชุดที่เป็นแบบเช่าตัดและตัด ต้องแจ้งรายละเอียดกับทางร้านว่ามีงบประมาณเท่าไหร่ และมีเวลาก่อนวันงานเท่าไหร่ เพื่อให้ทางร้านคำนวณระยะเวลาในการทำงาน จากนั้นจึงนัดวันลอง ปรับแก้ไซส์ และรับชุดตามปกติ

เตรียมจัดงานแต่ง อย่างไรให้รอบคอบ และออกมาดี ไม่มีพลาด มาอ่านกัน

เมื่อพูดถึงการ เตรียมจัดงานแต่ง ก็มีหลายเรื่องที่บ่าวสาวต้องคำนึงถึง เพราะเป็นงานใหญ่และสำคัญในชีวิต จัดทั้งทีก็ไม่อยากให้มีสิ่งผิดพลาดเกิดขึ้น

และบ่าวสาวส่วนใหญ่ก็มักจะ เตรียมจัดงานแต่ง กันในเรื่องเบสิคก่อน เช่น เรื่องสถานที่ เสื้อผ้า การจัดเลี้ยงอาหารแขก รวมไปถึงดีเทลอื่นๆ แต่ก็ยังมีอีกหลายอย่างที่บ่าวสาวมักจะมองข้ามไป แต่สิ่งเหล่านั้นกลับเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่บ่าวสาวไม่ควรมองข้าม ถ้าอย่างนั้นลองมาดูกันสิว่ามีสิ่งใดที่บ่าวสาวต้องดูให้รอบคอบ เมื่อต้องวางแผนจัดงานแต่ง 

1. มีแผนรับมือกับสภาพอากาศ

เนื่องจากประเทศไทยมีสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อยมาก เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวฝนตก ดังนั้นหากบ่าวสาวที่เตรียมจัดงานแต่งงานกลางแจ้ง ควรดูพยากรณ์อากาศให้ดีๆ นอกเหนือจากนี้ลองดูวิธีเตรียมรับมือกับสภาพอากาศที่อาจแปรปรวนไว้ด้วย เช่น หาร่มเตรียมไว้ หรือมีที่กันฝนเตรียมไว้สำหรับแขก เพราะคงเป็นภาพที่ไม่สวยมากนัก หากกำลังจัดงานแต่งงานอยู่ดีๆ แล้วฝนเทลงมานะจ๊ะ

เตรียมจัดงานแต่ง2. วางแผนการเดินทางให้กับแขกที่มาร่วมงาน

บ่าวสาวหลายคู่อาจจะลืมมองส่วนนี้ไป แต่ก็เป็นอีกเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามนะคะ ซึ่งสิ่งแรกที่บ่าวสาวควรนึกถึงก่อนเลยคือ การเลือกสถานที่จัดงานแต่งให้แขกที่มาร่วมงานสามารถเดินทางมาได้อย่างสะดวก และควรทำแผนที่การเดินทางเตรียมไว้ให้กับแขกมาร่วมงานด้วย โดยอาจจะทำแนบไปกับการ์ดแต่งงาน หรือโพสลงในโซเชียลมีเดียเพื่อให้แขกได้เซฟเก็บไว้ในมือถือ เพราะถึงแม้โลกเราจะพัฒนาไปไกลมีแผนที่ในมือถือแล้ว แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ยังไม่ถนัดใช้แผนที่ทางโทรศัพท์นะคะ ดังนั้นการวาดแผนที่ยังไงก็ยังเป็นสิ่งที่จำเป็นอยู่ดี

เตรียมจัดงานแต่ง3. จัดเตรียมโต๊ะให้ดี

ถึงแม้บ่าวสาวจะระบุจำนวนแขกที่จะมาร่วมงานไว้แล้วอย่างดิบดี มียอดชัดเจนว่าแจกการ์ดงานแต่งไปกี่ใบ แต่เราอยากแนะนำให้บ่าวสาวจัดเตรียมโต๊ะหรือที่นั่งสำรองไว้ให้เกินจำนวนที่คาดไว้สักหน่อย เพราะถึงแม้จะมั่นใจว่ามีแขกเท่านี้ที่จะมางาน แต่เมื่อถึงเวลาจริงๆ อาจจะมีแขกคนอื่นๆ ที่เราไม่ได้แจกการ์ดมาร่วมงานด้วยก็ได้ หรือแม้กระทั่งคนที่จะติดตามมากับแขกที่เราเชิญมาด้วย เช่น คนรักของเขา หรือครอบครัว เป็นต้น ดังนั้นเกินไว้ดีกว่าขาดนะจ๊ะ

เตรียมจัดงานแต่ง

4. อย่าลืมโทรหาคนสำคัญก่อนวันจริงมาถึง

จริงอยู่ว่าเมื่อเราแจกการ์ดแต่งงานออกไปแล้ว แขกทุกคนจะทราบวัน เวลา และสถานที่ รวมไปถึงคำตอบที่ว่าจะสามารถมาร่วมงานได้หรือไม่ เพราะฉะนั้นขอแนะนำเสริมให้อีกนิดว่าเมื่อใกล้ถึงวันงาน บ่าวสาวลองลิสต์รายชื่อแขกคนสำคัญๆ ออกมา เช่น ประธาน หรือแขกผู้ใหญ่คนสำคัญ เป็นต้น แล้วโทรเชิญพวกเขาอีกรอบ เหมือนเป็นการคอนเฟิร์มไปในตัว เพราะถึงแม้จะแจกการ์ดไปแล้ว แต่บางคู่กว่าจะจัดงานแต่งงานก็นานพอสมควร จนอาจทำให้แขกที่จะมาร่วมงานหลงลืมไปได้ว่าใกล้ถึงวันที่จะไปร่วมงานแล้วนั่นเอง

เตรียมจัดงานแต่ง

5. จัดหาห้องพักให้แขกคนสำคัญ

กรณีนี้เหมาะสำหรับคู่บ่าวสาวที่จัดงานแต่งงานไกลๆ เช่น ต่างจังหวัด และแขกต้องเดินทางไกลเพื่อไปร่วมงาน ซึ่งตามมารยาทแล้ว ควรจัดหาห้องพักให้กับแขกที่มาร่วมงานด้วย เพื่อเป็นสิ่งตอบแทนที่พวกเขาเดินทางมาร่วมงานแต่งงานซึ่งเป็นวันสำคัญของพวกคุณ

เตรียมจัดงานแต่ง

6. ลิสต์รายชื่อสิ่งของที่ต้องสั่งทำไว้ล่วงหน้า

เช่น อาหาร เค้กแต่งงาน ดอกไม้ รวมไปถึงเครื่องดื่มที่จะนำมาเสิร์ฟในงานแต่งงาน เพราะสิ่งของเหล่านี้ต้องใช้เวลาในการเตรียม และไม่ควรทิ้งระยะเวลาไว้นานๆ แล้วค่อยมาสั่งทีหลัง ฉะนั้นบ่าวสาวควรลิสต์รายชื่อสิ่งของที่ต้องสั่งไว้ล่วงหน้า เพื่อที่จะได้เตรียมทัน และไม่หลงลืมนั่นเองค่ะ

เตรียมจัดงานแต่ง

7. หารายชื่อร้านต่างๆ สำรองเอาไว้

ถึงแม้จะเตรียมของทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว แต่อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ อย่างเช่น สั่งอาหารไปแล้วแต่ทางร้านเกิดปัญหาไม่สามารถมาบริการให้คู่บ่าวสาวในวันจริงได้ เราจึงอยากแนะนำให้ลองดูรายชื่อร้านและงานบริการต่างๆ สำรองเอาไว้ด้วย เพื่อที่หากเกิดเหตุสุดวิสัยจริงๆ บ่าวสาวจะได้มีแผนสำรองไว้เตรียมรับมือค่ะ

เตรียมจัดงานแต่ง

และนี่คือสิ่งที่ควรมีในการวางแผนจัดงานแต่ง เพราะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่ถ้าหากมองข้ามไป มันก็อาจจะส่งผลต่างๆ ตามมาได้แน่นอนค่ะ … นอกจากนี้ ถ้าบ่าวสาวกำลังวางแผนจัดงานแต่งกันอยู่ อย่าปล่อยให้ตัวเองเครียดไปนะคะ เรามาดู บ่าวสาวควรรู้ !!! มาดูวิธีทำให้ตัวเองสดชื่นเตรียมตัวก่อนแต่งงานกันดีกว่า

ภาพจาก : Pinterest.com

STOP!! สกัดจุดเจ้าสาวช่างฝัน เมื่อเงินแต่งงานมีจำกัดจะทำยังไง

เมื่อ เงินแต่งงาน มีจำกัด แล้วเจ้าสาวช่างฝันจะทำยังไงล่ะที่นี้!?

งานแต่งงานถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับเจ้าสาวทุกคน เพราะเธอเหล่านั้นใฝ่ฝันมาตลอดว่างานแต่งฉันต้องเป็นแบบนั้น ใส่ชุดแบบนี้ บรรยากาศต้องเริด และสารพัดความต้องการที่อยากจะได้ แต่พอลิสต์รายการออกมาแทบจะติดแฮชแท็กว่า #กระเป๋าสตางค์ฉีกหนักมาก เพราะสิ่งที่อยากได้ไม่สัมพันธ์กับ เงินแต่งงาน ที่มีเลยสักนิด  ใครที่เป็นเพื่อนกับเจ้าสาวช่างฝันแต่สตางค์จำกัด คงต้องรีบมาช่วยกันดึงนางออกจากโลกความฝันด้วยวิธีการเหล่านี้แล้วล่ะ

1. ถามนางดังๆ ว่า “เงินน่ะมีไหม?”

อุ๊ปส์! จั่วหัวอาจดูแรง แต่ว่าเรื่อง “งบประมาณ” สำหรับงานแต่งถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุดเลยนะจ๊ะ ลองเตือนสตินางด้วยคำถามตรงๆ ว่ามีเงินสำหรับจัดงานแต่งเท่าไหร่ ยอมจ่ายได้มากแค่ไหน ถ้าอยากได้งานหรูหราอลังการ แต่ทรัพย์ไม่บันดาลก็ต้องปรับเปลี่ยนให้พอดีกับเงินที่มี เช่น อยากจะเชิญแขกสัก 1,000 คน แต่งบมีพอเชิญได้แค่ 500 คน ก็ต้องลดลงมาจะได้ไม่ลำบากกระเป๋าสตางค์เนอะ

2. บอกให้นางจัดสิ่งที่อยากได้ไว้อันดับหนึ่ง

หลังจากตระหนักถึงงบประมาณที่มีแล้ว คราวนี้ก็มาดูกันว่า “สิ่งที่อยากให้มีในงานแต่งที่สุดคืออะไร?” อาจต้องคิดนานหน่อยเพราะดูเหมือนว่าเจ้าสาวช่างฝันจะอยากได้นั่นอยากได้นี่เยอะแยะไปหมด เอาเป็นว่าคิดให้ดีๆ ว่าอะไรที่เป็นสิ่งสำคัญและขาดไม่ได้สำหรับงานแต่ง และขอให้จัดสิ่งนั้นไว้ในลำดับต้นๆ แล้วค่อยไล่ความสำคัญลงมาเรื่อยๆ อันไหนคิดว่าไม่จำเป็นไม่มีก็ได้ให้ตัดออกซะ แบบนี้จะได้ไม่เปลืองงบประมาณ

3. ชวนนางจัดสรรปันงบตามสิ่งที่ชอบ

หลังจากที่ลิสต์แล้วว่าอะไรสำคัญที่สุดสำหรับในงาน ก็ถึงคราวที่ต้องมาเกลี่ยงบประมาณกันแล้ว ถ้าสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับงานคืออาหารจัดเลี้ยง ก็อาจจะแบ่งเงินไปลงในส่วนอาหารมากหน่อย หรือถ้าชอบให้งานออกมาดูดี บรรยากาศอลังการก็แบ่งไปใช้ตกแต่งงานเยอะหน่อย ทั้งนี้ต้องตัดงบประมาณจากส่วนอื่นมาใช้ในส่วนที่ตัวเองชอบด้วยนะ ไม่ใช่ไปหยิบยืมจากใครมาเพิ่ม อันนี้ไม่แนะนำให้ทำอย่างยิ่ง!

4. แนะให้นางเลือกของให้เข้ากับธีมก็ช่วยประหยัดงบได้

เริ่มต้นที่ถามนางก่อนว่าอยากได้งานเป็นธีมแบบไหน ลองหาจุดกลางความต้องการของว่าที่บ่าวสาวแล้วกำหนดออกมาเลยดีกว่า เพราะว่าการกำหนดธีมจะสามารถช่วยให้รู้ขอบเขตของการตกแต่งภายในงาน แล้วเลือกของประดับให้เหมาะสมเข้ากันกับธีมงานนั้นๆ เช่น ถ้าธีมเป็นแบบคันทรี่ แต่เจ้าสาวดันอยากได้โซฟาหลุยส์มาวางไว้สวยๆ อันนี้เจ้าสาวก็ต้องยอมพับโครงการไปนะจ๊ะ เพราะมันไม่เข้าธีมสุดๆ  การทำแบบนี้นอกจากจะช่วยให้ไม่หลุดคอนเซ็ปต์แล้ว ยังช่วยประหยัดเงินในส่วนที่ไม่จำเป็นได้อีกด้วย

5. ทุ่มหรือถอยกับชุดเจ้าสาวแสนสวย

เปลี่ยนจากเรื่องเงินมาเป็นเรื่องชุดกันกันบ้างเนาะ จะเลือกชุดเจ้าสาวทั้งทีก็ต้องเอาตามหุ่นตัวเจ้าสาวเองนะ ไม่ใช่หุ่นตั้งโชว์หน้าร้าน ที่ต้องบอกให้เอาตามหุ่นเพราะว่าเจ้าสาวหลายคนมักช่างฝันอยากใส่ชุดแบบที่ตัวเองชอบในวันวิวาห์ แต่หารู้ไม่ว่าไอ้ชุดที่เธอชอบน่ะมันไม่เข้ากับหุ่นเธอเลยแม้แต่นิด ลองใส่แล้วส่องกระจกดูสิ โอโห้ ทำไมมันตัน มันยาวลากพื้น มันดูไม่สวยเหมือนอยู่บนหุ่นโชว์เลย นั่นก็เพราะว่ามันไม่เข้ากับสรีระของเธอไงจ๊ะ อิอิ! เพราะฉะนั้นต้องเลือกแบบเลือกทรงให้มันเหมาะสมกับสภาพร่างกายและช่วยอำพรางส่วนที่มีปัญหาทำให้เธอไม่มั่นใจ จะได้สวยเป็นนางเอกของงานแบบไม่มีที่ติ

5 ข้อที่บอกมานี้ไม่ได้คิดจะดับฝันเจ้าสาวทั้งหลายเลยนะจ๊ะ เพียงแค่อยากให้เธอเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเองภายใต้งบประมาณที่มี ถ้ามีน้อยก็เลือกจัดแบบพอดีไม่ต้องไปหยิบยืมใครเขาจนต้องมาตามใช้หนี้กันทีหลัง ส่วนใครที่มีเงินเยอะ (เรียกง่ายๆ ว่ารวย) อยากจัดเต็มกับทุกรายละเอียดสำหรับวันสำคัญก็จัดโลด ไหนๆ ขนหน้าแข้งก็ไม่ร่วงอยู่แล้ว อยากทำอะไรก็ทำให้เต็มที่ไปเลยจ้า

แต่ถ้าอยากทำฝันให้เป็นจริงก็ลองนำทิปส์นี้ไปใช้กันดูนะ ทริคเด็ดเก็บเงินเตรียมแต่งงานให้บรรลุเป้าใน 10 เดือน

ภาพ : www.ellsewhere.com

SOS Wedding Day จะหาทางรอดจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันใน วันแต่งงาน ได้ยังไง?

SOS Wedding Day วันแต่งงาน ฉันต้องรอด!

จั่วหัวเรื่องแบบนี้ แพรว wedding ไม่ได้ตั้งใจขู่ขวัญว่าที่เจ้าบ่าว – เจ้าสาวแต่อย่างใด แค่อยากบอกว่าใน วันแต่งงาน มักมีปัญหาเฉพาะหน้าเกิดขึ้นอยู่เสมอ ดังเหตุการณ์ SOS ที่รวบรวมมาให้เป็นข้อมูล พร้อมวิธีป้องกันและแก้ไขแบบเอาอยู่! คู่ไหนไม่เจอเรื่องต่อไปนี้เลย แพรว wedding ก็ขอจุดพลุร่วมไชโยด้วยคนเรื่อง ปารัณ เจียมจิตต์ตรง

 

ส่งการ์ดไปกี่ใบแน่?

เรื่องจริงคือแขกในวันแต่งงานจะไม่ได้มีแค่ญาติและเพื่อนๆ ที่คุณรู้จักเท่านั้น แต่ยังมีแขกที่คุณพ่อคุณแม่ของบ่าว – สาวเชิญเป็นการส่วนตัวด้วย เพราะฉะนั้นถ้าไม่ทำเช็กลิสต์ดีๆ ว่าทั้งสองฝั่งแจกการ์ดเชิญไปกี่ใบ อาจมีเหตุเซอร์ไพรส์ว่ามีแขกมากกว่าจำนวนโต๊ะ หรืออาหารที่เตรียมเผื่อไว้แล้วก็ยังไม่พอรองรับเพราะฉะนั้นการป้องกันด้วยการทำเช็กลิสต์จึงดีกว่าการแก้ปัญหาแน่นอน

ถ้าทำทุกทางแล้วก็ไม่สามารถลดจำนวนแขกของทุกฝ่ายได้จริงๆ (และจ่ายเงินจองโรงแรมไปแล้ว) ก็ขอให้ตีซี้กัปตันหรือเจ้าหน้าที่ดูแลงานแต่งงานของคุณให้มากที่สุด เพราะเขาคือบุคคลสำคัญที่ช่วยแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าให้พายุเฮอร์ริเคนลดระดับลงเป็นพายุโซนร้อนได้

ตายแล้ว…เพื่อนเจ้าสาวแย่งซีน!

ถ้าไม่อยากให้เพื่อนๆ แฟชั่นนิสต้าของคุณจัดเต็มกันมาจนโดดเด่นแย่งซีนเกินหน้าเกินตา เกิดอาการกินใจกันจนจบไม่สวย ก็อย่าลืมบอกธีมสีชุดของแขกที่มาร่วมงานให้ชัดเจน แต่ถ้าระบุแล้วคุณเพื่อนยังตั้งใจขโมยความโดดเด่นไปอีกคุณก็คงต้องใช้วิจารณญาณสำหรับมาตรการขั้นเด็ดขาดแล้วละ!

คุณเจ้าบ่าวคะ แต่งหน้านิดๆ หน่อยๆ ไม่เสียลุคหรอก

สาวๆ ที่เจอปัญหาว่าชายหนุ่มของคุณไม่ยอมแต่งหน้าเพราะไม่คุ้นชิน และคิดว่าจะทำให้ตัวเองดูสาวเกินไป เอาละให้นางอ่านข้อความต่อไปนี้

นี่ปี 2019 แล้วเครื่องสำอางไม่ใช่อาวุธสำหรับคุณผู้หญิงเท่านั้น แต่เป็นเครื่องมือสำคัญให้คุณได้รูปภาพวันแต่งงานที่สมบูรณ์แบบขึ้น เพราะ เวลาคุณยืนอยู่ที่แบ็กดร็อปถ่ายรูปแสงแฟลชหรือไฟที่ช่างภาพเซตไว้จะทำให้หน้าของคุณดูจืดลงหลายระดับ ถ้าไม่แต่งหน้าบ้างคุณจะกลายเป็นเจ้าบ่าวหน้าซีด 2019 และถ้าเคราะห์กรรมได้ช่างภาพหรือคนจัดไฟไม่เก่ง คุณก็มีสิทธิ์ได้รูปภาพวันแต่งงานแบบทูโทน คือเจ้าสาวหน้าขาวผ่อง ส่วนเจ้าบ่าวหน้าเขียวปั้ด เอ้า! บอกขนาดนี้แล้วเลือกเองนะ

เชิญแฟนเก่ามางาน…คุยกันยัง!

แขกตัวจี๊ดที่บ่าว – สาวต้องคิดให้หนักคือแฟนเก่า ถ้าคุณมั่นใจว่าได้บอกว่าที่คู่ชีวิตเรื่องนี้แล้ว (ย้ำว่าคุยกันเข้าใจแล้วจริงๆ) ก็คงไม่มีปัญหา แต่ถ้าคิดเองเออเองว่า เชิญมาเถอะ เรื่องเก่าจบไปแล้ว อีกฝ่ายคงไม่คิดมาก แพรว wedding ขอเตือนว่า อดีตน่ะจบไปแล้วแน่ แต่คุณเสี่ยงนำพาปัจจุบันและอนาคตเข้าสู่มรสุมโดยไม่รู้ตัว

ข้อคิดของมือใหม่หัดโบท็อกซ์

สำหรับสาวๆ (รวมถึงหนุ่มๆ) ที่อยากหน้าเป๊ะ มีคางวีเชปแบบธรรมชาติในวันแต่งงาน ถ้าอยู่ในประเภทมือใหม่ไม่เคยโบ ขอแนะนำให้เผื่อเวลาพบคุณหมอก่อนวันงานสักหนึ่งเดือน เพราะถ้าฉีดโบล่วงหน้าแค่ 1 – 2 วัน หน้าอาจยึดจนยิ้มไม่ออก หรือถ้าเกิดความผิดพลาดพลั้งไปจะได้มี เวลาแก้ไขทัน

ช่างหน้ากับช่างผมมางานไม่ทัน วิกฤติระดับ 10 เต็ม 10!

อย่าคิดว่าเรื่องนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นกับฉัน เพราะมันเคยเกิดขึ้นมาแล้ว ไม่ว่าด้วยปัญหาการจราจรติดขัด เกิดเหตุฉุกเฉิน หรือช่างคิวฮ็อตของคุณแอบนัดคิวซ้อนจนมาไม่ทัน…ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม แนะนำให้คุณหาเพื่อนที่แต่งหน้าได้เริดสแตนด์บายไว้ใกล้ตัว พร้อมกระเป๋าเครื่องสำอาง 1 ชุดใหญ่ และหาทรงผมที่ทำแล้วรอดชัวร์ๆ ไว้ล่วงหน้า พร้อมไว้ก่อนไม่มีอะไรเสียหายนี่

คลิกหน้าต่อไป >> เพราะยังมีอีกหลายเรื่องที่บ่าวสาวต้องรอด!

วัดไซส์แหวนให้ชัวร์เป๊ะด้วย 5 วิธีง่ายๆ ก่อนซื้อไปเซอร์ไพรส์คุณแฟน

สาวๆ หนุ่มๆ ที่วางแผนกำลังจะเซอร์ไพรส์คนรักด้วยแหวน ถ้าไม่อยากหน้าแตกซื้อแหวนผิดขนาด ก็ต้อง วัดไซส์แหวน ไปให้แน่นอนก่อน แต่ครั้นจะวัดกันโจ่งแจ้ง แล้วจะเรียกเซอรไพรส์ได้ยังไง ของแบบนี้ต้องแอบวัด แอบทำสิ

 

ด้ายเส้นบาง

ด้าย เป็นอุปกรณ์สากลของการแอบ วัดไซส์แหวน เลย ไม่ว่าจะเป็นการหาโอกาสเนียนวัด หรือแอบวัดตอนหลับ วิธีก็ไม่ยาก แค่ใช้ ด้ายทาบไปรอบนิ้ว แล้วตัดเส้นไว้พอดี ก่อนนำความยาวด้ายนั้นไปวัดขนาดอีกที

วัดไซส์แหวน

แหวนดอกไม้

เป็นวิธีสุดโรแมนติค กับการควงคู่กันไปสวนสาธารณะ หามุมสบายๆ เด็ดก้านดอกหญ้าข้างตัวมาถักเป็นวงแหวน ใช้ดอกไม้เป็นหัวแหวนให้ใส่ ก่อนจะแอบเอาวงนั้นแหละมาวัดไซส์สำหรับแหวนที่จะซื้อให้อีกที

ปั้มแหวน

เป็นวิธีของช่างทำกุญแจ ที่จะเอากุญแจมาปั้มกับดินน้ำมัน คราวนี้เราก็เปลี่ยนจากกุญแจมาเป็นแหวน ปั๊มแหวนลงบนดินน้ำมัน แต่วิธีนี้ต้องอาศัยสกิลเนียน ในการแอบนำแหวนมาปั้มโดยไม่ให้เจ้าของรู้ตัวนะ

มือขี้ผึ้ง

เคยเห็นกันใช่ไหมที่เขาหล่อมือด้วยขี้ผึ้ง อันนั้นละ ที่เราจะหลอกล่อคนรักไปทำ แต่ตอนทำต้องขอให้โคนนิ้วที่จะใส่แหวนชัดเจนนะ ตอนไปแอบซื้อแหวนจะได้เอามือขี้ผึ้งอันนี้ไปลองแหวนได้เลย คราวนี้ละได้ขนาดเป๊ะๆ

แหวนกระดาษ

เป็นอีกวิธีที่มุ้งมิ้ง น่ารัก ด้วยการพับแหวนโอริกามิ ซึ่งมีวิธีการพับอยู่ในยูทูป หลังจากที่พับเสร็จแล้วก็เอามาสวมใส่ ถ้าไม่พอดีก็เอามาปรับไซส์จนได้ไซส์ แล้วอย่าเผลอทิ้งนะ เพราะแหวนวงนั้นเราเอามาวัดเส้นผ่าศูนย์กลางสำหรับแหวนวงจริงได้อีกด้วย

ได้ขนาดนิ้วแล้ว อย่าลืมอ่านวิธีหาไซส์แหวนที่หน้าถัดไปนะ

คำนวณอาหารในงานแต่งให้เป๊ะ แขกกินอิ่ม ของไม่เหลือทิ้ง

ในงานเลี้ยงแบบค็อกเทล บ่าวสาวจะต้อง คำนวณอาหารในงานแต่ง รวมถึงเลือกเมนูอาหารอย่างคร่าวๆ เพื่อจะได้คุยกับฝ่ายแคทเทอริ่ง ซึ่งการรู้ปริมาณคร่าวๆ มาก่อนจะช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ได้ มาถึงตรงนี้บ่าวสาวก็อย่าเพิ่งบ่นว่าแล้วจะคำนวณอย่างไร เพราะ แพรว Wedding หาวิธีมาให้แล้ว มาดูเลย

การคำนวณอาหารสิ่งที่ต้องรู้คือ จำนวนคน ระยะเวลางาน และช่วงเวลาที่จัด โดยเฉพาะเรื่องเวลาที่จัดงานและความยาวของงานมีผลอย่างมากต่อปริมาณอาหารที่ต้องเตรียม เพราะยิ่งความยาวของงานนานเท่าไหร่อาหารก็ยิ่งต้องเยอะเท่านั้น  และช่วงเวลาที่จัดงานก็มีผลต่อปริมาณอาหารที่แขกจะกินเหมือนกันนะ

 ปริมาณอาหารต่อคน ในแต่ละช่วงเวลา

– ในช่วงปกติ แต่มีอาหารหลักด้วย 3 – 4 ชิ้น

– ในช่วงเวลาปกติ 5-6 ชิ้น ต่อคน

– ช่วงคาบเกี่ยวมื้ออาหาร 8 – 10 ชิ้น ต่อคำ

เมื่อเรารู้จำนวนชิ้นต่อคนแล้ว คราวนี้ก็คำนวณปริมาณอาหารได้ง่ายๆ ด้วยการเอา จำนวนแขก ระยะเวลา และปริมาณอาหารต่อคนมาคูณกัน

ตัวอย่างที่ 1. จำนวนแขก 200 คน งานเริ่มตั้งแต่ 6 โมงเย็น จนถึง 3 ทุ่ม = 200 คน x 3 ชั่วโมง x 10 ชิ้น = 6,000 ชิ้น

เท่ากับว่า งานนี้ต้องการอาหาร 6,000 ชิ้น จะต้องคละๆ กันไป ตามประเภทอาหาร หรือหากเป็นอาหารชิ้นใหญ่ ก็สามารถลดจำนวนลงได้ด้วย แต่ก็ควรเผื่อให้พอสำหรับแขกทุกคนในงาน

ตัวอย่างที่ 2. พิธีเช้า แขก 100 คน งานเริ่ม 7 โมง จนถึง 10 โมง = 100 คน x 3 ชั่วโมง x 4 ชิ้น = 1,200

เท่ากับว่า งานนี้ต้องการอาหาร 1,200 ชิ้น แต่งานในพิธีเช้าก็อาจจะลดจำนวนลงกว่านี้ได้อีก หากว่ามีเครื่องดื่มร้อน และข้าวต้มสำหรับเสิร์ฟในงาน

คำนวนอาหารในงานแต่ง

เลือกอาหารให้หลากหลาย โดยใจแขกทุกคน

  1. ต้องมีอาหารให้ครบทั้งมีผัก และแบบเมนูที่ไม่มีผัก แต่หากว่ามีชาวมังสวิรัติก็ควรต้องเตรียมอาหารพิเศษไว้ให้ด้วย
  2. ซุปร้อนๆ คนไทยขาดไม่ได้หรอกสำหรับอาหารจำพวก แกงหรือซุป สำหรับซดให้คล่องคอ และควรต้องอุ่นให้ร้อนอยู่ตลอดเวลาเผื่ออากาศในที่จัดงานหนาว ก็มีพวกนี้ไว้คลายหนาวได้ด้วย
  3. เลือกเนื้อสัตว์ที่หลากหลาย สำหรับแขกหลายๆ คนที่มีเงื่อนไขพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นแพ้อาหารบางชนิด หรือไม่กินเนื้อบางอย่าง

ด้วยการจัดการเพียงเท่านี้ ก็ทำให้เป็นงานแต่งงานที่มีอาหารหลากหลายกินได้ทุกคน แถมยังควบคุมปริมาณอาหารไม่ให้เหลือเยอะเกินไป ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้อีกด้วย นอกจากนั้นเรายังมีเคล็ดลับการจัดงานแต่งให้คุ้มค่าได้งานสวยอีกเพียบ คลิกเลย

ข้อมูล thekitchn.com
ภาพ Pixabay

เคล็ดลับ ประหยัดงบงานแต่ง ให้บ่าวสาวมีเงินเหลือใช้ไม่ปวดหัว

จะ ประหยัดงบงานแต่ง ในส่วนไหนที่ช่วยให้งานยังออกมาดูดีได้นะ??

เมื่อถึงเวลาต้องจัดงานแต่งงาน ว่าที่บ่าวสาวที่มีงบน้อยหอยน้อยก็อาจจะเริ่มต้นไม่ถูกว่าจะควรจะลงทุนหรือจัดการงบประมาณการใช้เงินในส่วนต่างๆ อย่างไรได้บ้าง แพรว wedding เลยจะมาแนะนำเคล็ดลับการ ประหยัดงบงานแต่ง ในส่วนต่างๆ มาฝาก รับรองมีเงินเหลือใช้ไว้ปลูกเรือนหอแน่นอน

 

การตกแต่ง

ประหยัดงบงานแต่ง

– เช็กของตกแต่งที่ทางโรงแรมให้ก่อนว่ามีอะไรบ้าง จากนั้นปรับให้เข้ากับความต้องการ เช่น หากโรงแรมให้ดอกไม้มา 5 จุด อาจใช้จริงตามแพ็คเกจเพียง 2 จุด ส่วนดอกไม้ที่เหลือก็นำไปตกแต่งในส่วนอื่นตามธีมที่วางไว้

– ตกแต่งเฉพาะจุดใหญ่ๆ ให้โดดเด่นสะดุดตา เช่น ฉากถ่ายภาพ แกลเลอรี่ เวทีเค้ก ดีกว่าตกแต่งทั่วทุกจุด เพราะสุดท้ายแล้วจุดเล็กๆ ก็จะกลืนไปกับฝูงชนที่มาร่วมยินดี

– ไม่ใช้ดอกไม้สด 100 เปอร์เซ็นต์ แต่นำวัสดุอื่นมาผสมให้กลมกลืน เช่น ดอกไม้ผ้าหรือดอกไม้กระดาษ

– เช่าพร็อปส์สำเร็จมาตั้ง

–  ไม่จำเป็นต้องปริ้นต์ภาพถ่ายขนาดใหญ่เว่อร์ แต่ปริ้นต์แค่ขนาด 20-24 นิ้วก็พอ เพราะหลังจากโชว์ในงานแล้วยังนำไปวางตกแต่งไว้ที่บ้านต่อได้อีกด้วย

– ดอกไม้ตามฤดูกาลไม่ได้ประหยัดเสมอไป เพราะในช่วงที่คนนิยมแต่งงาน ไม่ว่าดอกไม้ชนิดใดก็แพงทั้งนั้น ถ้าไม่จำเป็นแนะนำให้เลี่ยงสีขาว ชมพู ฟ้า เพราะตัวเลือกน้อยทำให้ราคาแพงทุกฤดูกาล

– ใช้ใบไม้ปูพื้นแทนการปักดอกไม้สดแน่นๆ ทั้งผืน เช่น ใบยูคาลิปตัว ใบสน ใบปลง ใบเฟิร์น ใบพุด เป็นต้น

– ในกรณีที่เช่าห้องเปล่าๆ จัดงาน ให้หามุมสวยๆ ไว้เป็นมุมโชว์ ถ้าไม่มี แนะนำให้ใช้การจับผ้ามาสร้างจุดเด่นให้มุมที่ต้องการแล้วตกแต่งดอกไม้เพิ่มเติมอีกนิดหน่อย

– ดอกไม้ไทยประหยัดกว่าดอกไม้นอกครึ่งหนึ่ง แม้ดอกจะเล็กกว่า แต่หากใช้เป็นก็สวยได้

คลิกหน้าต่อไป >> เคล็ดลับประหยัดค่าการ์ดและของชำร่วย

เตรียมแต่งงานพิธีคริสต์คาทอลิกแบบถูกหลักเป๊ะๆ ที่บ่าวสาวต้องรู้

ใครที่เคยเห็นพิธีแต่งงานในโบสถ์สุดโรแมนติกตามภาพยนตร์ต่างๆ แล้วคิดว่าทำได้ง่ายๆ ขอบอกเลยคุณคิดผิดเต็มประตู ในความจริงแล้วคู่รักที่จะแต่งงาน พิธีคริสต์คาทอลิก ต้องเตรียมตัวมากมายหลายอย่างและมีวิธีปฏิบัติอย่างละเอียดถี่ถ้วน เพราะถือเป็นเรื่องสำคัญของชีวิต เรียกได้ว่า พิธีแต่งงานแบบไทยในบ้านเราที่ว่าละเอียดยิบแล้วยังต้องชิดซ้ายไปเลย

ศีลสมรส VS พิธีสมรส

อย่างแรกที่ทุกคู่รักจะต้องรู้และทำความเข้าใจเกี่ยวกับการแต่งงานแบบชาวคริสต์ คาทอลิกก็คือ พิธีแต่งงานจะมี 2 แบบ

แบบที่ 1คือ การแต่งงานระหว่าง คาทอลิก กับ คาทอลิก (ทั้งบ่าวสาวนับถือคริสต์ นิกายคาทอลิก) โดยจะเรียกว่า “ศีลสมรส” ซึ่งถือเป็นศีลศักดิ์สิทธิ์

แบบที่ 2 คือ การแต่งงานระหว่าง คาทอลิก กับ ผู้ที่มิใช่คาทอลิก (นับถือศาสนาต่างกัน) โดยจะเรียกว่า “พิธีสมรส” และไม่ถือว่าเป็นศีลศักดิ์สิทธิ์

อีกหนึ่งอย่างสำคัญที่คู่รักควรจะรู้จักไว้ก็คือ ข้อขัดขวาง หมายถึง การที่คู่รักคนใดคนหนึ่งเคยผ่านการแต่งงานมาก่อน ทั้งการแต่งงานที่ถูกต้องตามกฎหมาย หรืออยู่ด้วยกันฉันท์สามีภรรยากับผู้อื่นมาก่อน

ดังนั้นการแต่งงานในโบสถ์สวยๆ ตามที่คุณเห็นในหนัง จะทำได้ก็ต่อเมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องนับถือศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิก และทั้งคู่จะต้องไม่มีข้อขัดขวางใดๆ สำหรับการแต่งงานด้วย

สิ่งแรกที่ต้องทำหลังตัดสินใจแต่งงาน

หลังจากที่คุณและคนรักเซย์เยสตอบตกลงจะใช้ชีวิตร่วมกันแล้ว อย่างแรกที่ควรทำก็คือ ดูว่าจะจัดงานแต่งที่โบสถ์ไหน ซึ่งบ่าวสาวส่วนใหญ่มักจะเลือกโบสถ์ที่ตนเองไปประกอบศาสนกิจเป็นประจำ จากนั้นจึงโทรไปสอบถามรายละเอียดเบื้องต้นกับทางโบสถ์ว่า มีขั้นตอนในการจัดงานแต่งงานอย่างไรบ้าง สิ่งสำคัญก็คือ ฝ่ายที่เป็นคาทอลิกจะได้ได้รับศีลล้างบาป ศีลมหาสนิท และศีลกำลัง และปฏิบัติศาสนกิจอย่างต่อเนื่อง จึงจะสามารถแต่งงานได้

ติดต่อจองโบสถ์อย่างไร?

การติดต่อจองโบสถ์ ว่าที่บ่าวสาวควรไปที่สำนักงานวัด และเข้าติดต่อจองโบสถ์กับทางวัดด้วยตนเอง และควรติดต่อตั้งแต่เนิ่นๆ อย่างน้อย 3 เดือนก่อนวันแต่งงานจริง จากนั้นคุณพ่อเจ้าอาวาส, คุณพ่อผู้รับผิดชอบ หรือเจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจะสอบถามเกี่ยวกับข้อขัดขวาง หากพิจารณาแล้วว่าไม่มีข้อขัดขวางใดๆ ในการแต่งงาน ทางโบสถ์จะรับจัดพิธีแต่งงานและแจ้งกฎระเบียบให้ว่าที่บ่าวสาวรับทราบ

เข้าอบรมชีวิตสมรส

หลังจากติดต่อกับทางโบสถ์เรียบร้อยแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนการเข้ารับการอบรมเรื่องชีวิตสมรส โดยทางวัดจะแจ้งให้บ่าวสาวทราบและเข้าใจถึงความสำคัญของการแต่งในบริบทของคาทอลิก การวางแผนครอบครัว การทำหน้าที่ของสามีภรรยา บิดามารดา รวมถึงเรื่องทั่วไป เช่น กฎหมายพระศาสนจักรคาทอลิก, กฎหมายบ้านเมือง และศีลธรรม จริยธรรม ซึ่งแน่นอนว่าต้องเข้าอบรมทั้งว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาว ไม่ว่าคนใดคนหนึ่งจะเป็นคาทอลิกหรือไม่ก็ตาม ซึ่งขั้นตอนนี้ฮีบินขอแนะนำว่าให้ติดต่อกับทางวัดให้เรียบร้อยแล้วจึงค่อยเข้ารับการอบรมนะคะ

นี่แค่ช่วงเตรียมการแต่งงานและจองโบสถ์รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ก็แน่นเอี๊ยดขนาดนี้ ว่าที่บ่าวสาวอย่าเพิ่งโอดครวญนะคะ เพราะการแต่งงานถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับชีวิตจริงๆ ดีซะอีกที่เราจะได้ค่อยๆ เรียนรู้ทำความเข้าใจในหลักศาสนาและเข้าใจกันและกันได้มากขึ้น ส่วนคู่รักคู่ไหนที่ฝ่าด่านแรกของการเตรียมงานไปได้แล้ว ด่านหน้า “การเตรียมเอกสาร” สำหรับขออนุญาตการแต่งงานจากทางสังฆมณฑลก็เป็นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน ถ้าอยากรู้ว่าต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง ใช้เวลาการเตรียมนานแค่ไหน ก็รอติดตามได้เลยจ้า

ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับความเชื่อในพิธีแต่งงานต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : อาสนวิหารอัสสัมชัญ  Assumption Cathedral, หนังสือเกี่ยวกับ “การแต่งงานแบบคาทอลิก” (คุณพ่อวุฒิเลิศ แห่ล้อม), ระเบียบข้อปฏิบัติการแต่งงานของอาสนวิหารอัสสัมชัญ

เลือก เวลเจ้าสาว ให้สวยปัง ด้วย 5 เทคนิคลับที่เจ้าสาวต้องรู้ !

เวลเจ้าสาว กับเทคนิคการเลือกที่เจ้าสาวต้องรู้

เวลเจ้าสาว ไม่ใช่เพียงแค่ผ้าผืนบางใส่เพื่อความสวยงามเท่านั้น แต่เวลผืนนี้ ยังมีที่มา มีความหมาย และระดับความยาวที่แตกต่างกัน เรามาดูกันดีกว่าว่าแต่ละความยาวเหมาะกับงานแบบไหน

เวล เวล เวล ผ้าผืนนี้มีที่มา

เมื่อก่อน เวลเจ้าสาว ไม่ใช่แค่เครื่องประดับเพื่อความสวยงามอย่างสมัยนี้เท่านั้น แต่ยังว่ากันว่าเป็นเครื่องรางสำหรับปกป้องเจ้าสาวไม่ให้ถูกสิ่งชั่วร้ายมาเข้าใกล้

ส่วนเจ้าสาวที่แต่งงานในโบสถ์ทุกคนก็ต้องใส่เวล เพื่อเป็นเครื่องหมายของความอ่อนเยาว์ และความบริสุทธิ์ การที่เจ้าบ่าวเปิดเวลก็หมายถึง นับจากนี้ไปผู้ชายคนนี้จะรักและดูแล ปกป้อง เจ้าสาวตลอดไป…โรแมนติคดีเนอะ ว่าไหม?

ใส่เวลให้สวยปัง ไม่รุงรัง ต้องทำยังไง

  1. สีต้องเข้ากัน ถึงจะขาวเหมือนกัน แต่เวลและชุดควรเป็นสีขาวในเฉดหรือโทนเดียวกัน แม้ว่าเวลจะเป็นเพียงผ้าลูกไม้ผืนบางก็ตาม
  2. ตอนเลือกเวลควรใส่รองเท้าแต่งงานคู่จริง หรือความสูงเท่ากัน เพื่อดูความยาวของเวลให้พอดีกับระดับที่ต้องการ
  3. ลองใส่เวลคู่กับชุดแต่งงาน ว่าใส่ออกมาแล้วเข้ากันไหม และลายของชุดและลูกไม้บนเวลต้องไม่ตีกัน ทางที่ดี ควรลองใส่คู่กันจริงๆ ไปเลย
  4. ตอนคุยกับช่างผม และช่างแต่งหน้า ต้องบอกเขาด้วยว่า “เราใส่เวล” เพื่อที่ช่างจะได้ออกแบบหน้าผมให้รับกับการใส่เวล
  5. เลือกเครื่องประดับชิ้นที่ไม่ใหญ่มาก เพื่อไม่ให้ตีกันทั้งชุด และเวล

อ่านเรื่องความยาวของเวลได้ที่หน้าถัดไปเลย