เคล็ดลับก่อนตัดสินใจเลือกเรือนหอยังไงให้ถูกใจและถูกต้องอยู่ได้ยาวๆ

จะสร้างอนาคตร่วมกันทั้งทีทำเลดีๆ สำหรับสร้าง เรือนหอ เป็นสิ่งจำเป็นนะคะ โดยเฉพาะในยุคสมัยนี้ที่โครงการที่อยู่อาศัยผุดขึ้นมาราวกับดอกเห็ด แถมยังพ่วงมาพร้อมข้อดีและโปรโมชั่นเริดๆ ซึ่งสร้างความลำบากใจในการตัดสินใจให้กับคู่รักไม่น้อย แพรว wedding เลยอาสาไปถามกูรูเรื่องบ้านมาให้ว่า มีประเด็นไหนบ้างที่คู่รักควรนำไปคิดก่อนตัดสินใจเลือกซื้อเรือนหอ

1

 

ทำเลเหมาะสม

เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่งในการตัดสินใจซื้อเรือนหอเลยก็ว่าได้นะคะ คู่รักควรเลือกเรือนหอที่อยู่ในทำเลที่ตั้งที่สมาชิกในครอบครัวสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกที่สุด สำหรับเดินทางไปทำงานและใช้ชีวิตประจำวัน อยู่ในทำเลที่ใกล้แหล่งสาธารณูปโภค สาธารณูปการต่างๆ และ ถ้าอยู่ใกล้โรงเรียนด้วยจะเป็นทางเลือกที่ดีมากเพราะเมื่อเจ้าตัวน้อยที่จะมาเป็นสมาชิกใหม่ในอนาคตต้องหาที่เรียนก็จะได้ไม่ต้องมาปวดหัวทีหลัง เพราะต้องเดินทางไกลกว่าจะถึงโรงเรียน

2

เลือกบ้านที่คำนึงถึงพื้นที่การใช้สอย

ไม่ว่ารูปแบบเรือนหอในฝันของคุณจะเป็นแบบไหน สิ่งสำคัญคือควรเป็นเรือนหอที่มีพื้นที่ใช้สอยเพียงพอสำหรับทุกคน รวมถึงเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตในการต้อนรับเจ้าตัวเล็กที่กำลังเพิ่มขึ้นมา บ้านต้องมีฟังก์ชั่นภายในบ้านตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่สมบรูณ์ อาทิห้องนอนใหญ่พร้อมพื้นที่สำหรับ walk- in closet ห้องนอนเล็กรองรับเจ้าตัวน้อย หรือพื้นที่สีเขียวภายในบ้านให้ครอบครัวใช้ทำกิจกรรมร่วมกัน พื้นที่ออกแบบเป็นสัดส่วนสำหรับทุกคนในครอบครัวได้อย่างลงตัว เพิ่มสีสันตามสไตล์ตัวเองด้วยรูปแบบการตกแต่งบ้านไปตามยุคสมัยและความชอบที่ต่างกันได้

3

ราคาที่เหมาะสมสัมพันธ์กับงบประมาณและความสุข

เรือนหอสวยถูกใจแต่ราคาสูงเกินรับไหวแบบนั้นชีวิตลำบากแน่นอน ก่อนจะซื้อบ้านอย่าลืมคำนวณรายรับรายจ่ายที่มีอยู่ของคุณทั้งคู่แล้วช่วยกันตั้งงบประมาณร่วมกัน แม้จะเป็นการกู้เงินร่วมกันเพื่อเริ่มต้นรับผิดชอบเรือนหอหลังนี้ในฐานะคู่ชีวิต แต่ค่าใช้จ่ายทั้งหลายต้องเผื่อฉุกเฉินเสมอ ฉะนั้นทุกคู่รักจึงควรพิจารณาราคาตั้งต้น บวกดอกเบี้ยและระยะเวลาการอยู่อาศัยคู่กับความมั่นคงในหน้าที่การงานของคุณว่าสมดุลกันหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นแล้วแทนที่จะอยู่บ้านใหม่ด้วยความสุข อาจกลายเป็นทุกข์ไปได้โดยไม่รู้ตัว

4

ชื่อเสียงของบริษัทเจ้าของโครงการ

จริงอยู่ที่โครงการบ้านจัดสรรมีให้เลือกมากมาย แต่ชื่อเสียงและการยอมรับในแต่ละโครงการมีไม่เท่ากันนะคะ ก่อนตัดสินใจเลือกเรือนหอ ทุกคู่รักจึงควรสืบไปถึงการยอมรับในชื่อเสียงของโครงการนั้นๆ ประกอบการตัดสินใจเสมอ ซึ่งการยอมรับในชื่อเสียงที่ว่านี้ ไม่ได้มีแค่เรื่องแบบบ้านสวยหรือทำเลดี แต่เป็นบ้านที่ถูกออกแบบให้ลงตัวกับการใช้ชีวิต การใช้งานที่ลงตัว การดูแลลูกบ้านหลังการขาย ระบบความปลอดภัยต่างๆ เพราะนั่นหมายถึงความรับผิดชอบที่ทางโครงการมีต่อลูกบ้านอย่างรอบด้าน

สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามอีกอย่างหนึ่งคือ การพิจารณาบริษัทผู้เป็นเจ้าของโครงการว่ามีความน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน และได้รับการยอมรับในระดับใด อาจพิจารณาจากการได้รับความนิยมและยอมรับสูง จึงควรนำมาเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ในการตัดสินใจเลือกซื้อเป็นเรือนหอ

5-1

 

 

พื้นที่ส่วนกลางมีอะไรบ้าง

ส่วนกลางเป็นพื้นที่สำคัญที่ครอบครัวจะมาใช้เวลาทำกิจกรรมนอกบ้านร่วมกันเพื่อเติมเต็มความสุขให้ครอบครัว ความร่มรื่นของโครงการตั้งแต่ทางเข้าที่มีอุโมงค์ต้นไม้ขนาดใหญ่ เชื่อมต่อกับพื้นที่สวนส่วนกลางที่เน้นความเป็น Park สามารถใช้งานได้จริงทั้งพักผ่อนและทำกิจกรรมสันทนาการ จะปั่นจักรยานหรือ jogging ยามเช้า รับวิวสวนสวยก็ได้ พร้อมสระว่ายน้ำและฟิตเนส
เหล่านี้ถือว่าเป็นส่วนกลางที่คู่รักยุคนี้ควรให้ความสำคัญในการตัดสินใจซื้อเรือนหอนะคะเนื่องจากพื้นที่ส่วนนี้จะช่วยให้คุณได้เปลี่ยนบรรยากาศการอยู่ร่วมกัน ได้ใช้เวลาว่างร่วมกันนอกบ้านแบบที่ไม่ต้องเดินทางไปไหนไกล

7

เห็นไหมคะว่า ไม่ยากสักนิดที่จะซื้อเรือนหอสักหลังกับโครงการบ้านคุณภาพดี ที่คุณทั้งคู่ยังคงได้ร่วมกันออกแบบพื้นที่ให้เกิดประโยชน์ ใช้งานได้จริงทุกตารางเมตรและมีความลงตัวในทุกความต่าง

อ่านข้อมูลเกี่ยวกับการวางแผนจัดงานแต่งงานและดูไอเดียงานแต่งได้อีกเพียบที่นี่ คลิกเลย —  https://praewwedding.com/planning

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : โครงการคณาสิริ  WWW.SANSIRI.COM
ภาพเปิด : home.howstuffworks.com

3 สเต็ปที่บ่าวสาวควรรู้ เกี่ยวกับการจัดการสไตล์งานแต่งงานของตัวเอง

ถ้าจะถามว่าขั้นตอนไหนในการจัดงานแต่งงานที่ยากที่สุด ก็คงหนีไม่พ้น ขั้นตอนแรกอย่างการเลือกธีมงานนี่แหละ ว่าที่บ่าวสาวคนไหนที่รู้ความต้องการและสไตล์ของตัวเองแบบแน่ชัดก็ถือว่าโชคดีไป แต่คู่ไหนที่ไม่มีแบบในใจก็อาจจะยากหน่อย เพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจับต้นชนปลายยังไงดี แพรว wedding ก็เลยมี 3 สเต็ปง่ายๆ ที่จะช่วยให้ว่าที่บ่าวสาวค้นพบ สไตล์งานแต่งงาน ของตัวเองได้มาฝาก

1. ทุกอย่างเริ่มต้นด้วยบอร์ดแห่งแรงบันดาลใจ

พูดง่ายๆ ก็คือการหาภาพเรเฟอร์เรนซ์ของสิ่งต่างๆ ที่บ่าวสาวอยากได้และอยากให้มีในงานแต่งงานของตัวเอง แล้วนำทุกอย่างมารวมกันไว้ในบอร์ดเดียวกัน ซึ่งบอร์ดในที่นี่ บ่าวสาวอาจจะปริ้นต์ภาพแล้วนำมาติดไว้บนบอร์ดจริงๆ หรือจะเลือกวิธีการสร้างบอร์ดใหม่ใน Pinterest และเริ่มต้นปักทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณชอบและอยากที่จะให้เกิดขึ้นหรือมีอยู่ในงานแต่งงานของคุณลงไป แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่บ่าวสาวเลือกปักนั้นจะต้องอยู่บนพื้นฐานที่ว่า สิ่งนั้นต้องสะท้อนสไตล์ของบ่าวสาว หรือเรื่องราวที่คุณอยากจะสื่อสารในวันสำคัญด้วย

ซึ่งบอร์ดที่บ่าวสาวสร้างขึ้นนี้ อาจจะปรากฏธีมสีของงานแต่งขึ้นมา ทำให้บ่าวสาวเห็นอารมณ์ของภาพถ่ายว่า งานแต่งของคุณจะออกมาประมาณไหน หรืออาจจะมองเห็นรายละเอียดบางอย่างที่สอดคล้องกับสิ่งที่บ่าวสาวอยากได้ก็ได้

ที่สำคัญบ่าวสาวไม่จำเป็นต้องหาเรฟเฟอร์เรนซ์จากโลกของงานแต่งงานเท่านั้น เพราะบางครั้งแรงบันดาลใจหรือไอเดียดีๆ ต่างๆ อาจจะซ่อนอยู่ที่ ฟ้อนต์ตัวอักษรจากนิตยสาร, หรือเฉดสีของการอาคารต่างๆ เป็นต้น

เมื่อบ่าวสาวได้ภาพที่ต้องการและเหมาะสมกับธีมที่อยากได้ประมาณหนึ่ง ก็ลองกลับไปยังบอร์ด เพื่อคัดเลือกภาพที่คิดว่าตรงกับตัวเองที่สุด ภาพไหนที่ใช่และไม่ใช่มากที่สุด โดยบ่าวสาวอาจจะต้องถามตัวเองว่าภาพไหนที่ดูเป็นตัวเองและคนรักมากที่สุด พร้อมเหตุผลที่ว่าทำไมคุณถึงอยากได้มัน และตัดมันออกไปไม่ได้ หลังจากเลือกได้แล้วจึงปริ้นต์ภาพออมา

2. กำหนดธีมงานและรายละเอียด

เมื่อปริ้นต์ภาพออกมาแล้ว บ่าวสาวอาจจะเริ่มมองเห็นธีมงานที่มีความคล้ายคลึงกับภาพที่บ่าวสาวต้องการชัดเจนขึ้น จากนั้นอาจจะเริ่มจัดกรุ๊ปรูปภาพแต่ละรูปภาพที่เข้ากันไว้ด้วยกัน หลังจากนั้นลองดูอีกครั้งว่า กลุ่มไหนที่คุณชอบและสามารถทำให้เกิดขึ้นได้จริง ซึ่งสิ่งนั้นนั่นแหละที่จะกลายมาเป็นธีมงานแต่งงานของคุณ ซึ่งเมื่อธีมงานของบ่าวสาวชัดเจนแล้ว ก็จะทำให้คุณสามารถรู้ได้ว่าสถานที่แต่งงานของคุณนั้นจะต้องเป็นสถานที่แบบไหนด้วย

3. เริ่มดึงรายละเอียดต่างๆ ออกมา

เนื่องจากรายละเอียดเหล่านี้เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้น อันดับแรกอาจจะเริ่มจากการดึงสีหลักออกมาจากภาพก่อน เช่น อาจจะลองนำภาพไปเปรียบเทียบกับแพนโทน จากนั้นก็เริ่มดูอิลิเม้นต์อื่นๆ อย่าง พร็อพส์ รูปแบบการตกแต่ง และรูปแบบชุดแต่งงานของบ่าวสาว

สุดท้ายเก็บทุกภาพแล้วรวมเอาไว้ในโฟลเดอร์เดียวกัน จากนั้นก็เริ่มดำเนินการในการหาสิ่งต่างๆ เพื่อนำมาประกอบให้เป็นงานแต่งงานในฝันของบ่าวสาว เช่น หากว่าที่บ่าวสาวเลือกที่จะจัดงานแต่งงานเอง งานนี้บรรดาเพื่อนๆ ญาติสนิท ก็อาจจะต้องเข้ามามีส่วนร่วมกันเยอะหน่อย โดยการแจกจ่ายงานให้ตามความถนัด

แต่ถ้าหากว่าที่บ่าวสาวเลือกใช้บริการเวดดิ้งแพลนเนอร์ ก็เพียงแค่นำโฟลเดอร์ภาพนี้ไปเปิดให้แพลนเนอร์ดู เพื่อให้แพลนเนอร์เข้าใจรูปแบบของงานที่บ่าวสาวอยากได้ จากนั้นก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของมืออาชีพ

ซึ่งไม่ว่าจะเลือกจัดงานแต่งเอง หรือให้แพลนเนอร์จัดให้ สุดท้ายว่าที่บ่าวสาวก็เป็นเหมือนผู้ควบคุมงานและดูภาพรวมให้ออกมาเหมือนบอร์ดภาพที่คุณสร้างไว้ให้มากที่สุด สุดท้าย แพรว wedding ขอให้บ่าวสาวมีความสุขในการวางแผนการจัดงานแต่งงานนะคะ ^^

 

ติดตามไอเดียดีๆ เกี่ยวกับงานแต่งงานอีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ stocksnap.io, pinterest

ดอกไม้งานแต่งงาน สุดฮิต! พร้อมทริคไม่เหี่ยวก่อนจบงาน

สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับงานแต่งงานรูปแบบสากลเห็นทีจะเป็น ดอกไม้งานแต่งงาน นานาชนิดที่นำมาประดับประดาสร้างบรรยากาศทั่วทุกมุมของงานแต่งงาน หรือแม้แต่เจ้าสาวก็ต้องมีช่อดอกไม้อยู่ในมือ โดยที่เห็นอยู่บ่อยครั้งจะมีดอกไม้ 5 ชนิดต่อไปนี้ที่เรานำมาฝาก พร้อมกับทริคการดูแลรักษาไม่ให้ดอกไม้เหี่ยวเฉาก่อนงานเลี้ยงเลิกลา ซึ่งจะมีอะไรบ้างตามมาดูกันได้เลยค่ะ

 

ดอกกุหลาบ

ดอกไม้งานแต่งงาน

เรียกได้ว่าเป็นดอกไม้สุดฮิตที่ต้องนำมาใช้เกือบทุกงานแต่ง เพราะเป็นดอกไม้ที่สื่อถึงความรักความโรแมนติกและเป็นสัญลักษณ์ของวันแห่งความรักอีกด้วย กุหลาบที่จะนำมาใช้ในงานกลีบดอกไม้ต้องมีสีไม่หมองคล้ำ และควรเป็นกุหลาบที่สด ซึ่งมีวิธีดูแลคือให้ลองบีบส่วนที่เป็นฐานรองดอกไม้ จากนั้นลองสังเกตดูว่าฐานนิ่มหรือแข็ง ถ้าคุณรู้สึกว่าฐานมันนิ่มแสดงว่ากุหลาบดอกนั้นเก่าไปแล้วค่ะ

 

ดอกคาเนชั่น

ดอกไม้งานแต่งงาน

เป็นดอกไม้ที่ต้องการความชื้นเป็นพิเศษ เมื่อต้องการนำไปตกแต่งปักกับโฟมหรือโอเอซิสให้ตัดก้านบริเวณเหนือข้อต่อขึ้นไป ก้านจะดูดน้ำได้ง่ายยิ่งขึ้น และหมั่นทำให้ฐานที่เรานำไปปักนั้นมีความชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา ดอกคาเนชั่นที่ส่วนใหญ่นิยมใช้ในงานแต่งงานจะเป็นสีชมพูและสีขาว แต่ความจริงแล้วดอกคาเนชั่นนั้นมีมากมายหลายสี และแต่ละสีจะมีความหมายที่แตกต่างกันออกไปอีกด้วย เช่น สีขาวถือเป็นการใช้แสดงความยินดีในพิธีต่างๆ หรือสีชมพูสื่อถึงการสารภาพความในใจ หากคุณได้รับแสดงว่าเขาคนนั้นกำลังสารภาพรักกับคุณอยู่น้า

 

ดอกลิลลี่

ดอกไม้งานแต่งงาน

ดอกไม้ราคาแพง มีขนาดใหญ่ดูสง่างามเหมือนกับเจ้าสาว จึงนิยมนำมาใช้ในงานแต่งงาน เช่น ใช้ประดับซุ้ม ใช้เป็นช่อดอกไม้ นอกจากนี้ยังเชื่อว่าเป็นดอกไม้ประจำราศีกุมภ์และราศีพฤษภ คู่บ่าวสาวคนไหนเกิดในสองราศีนี้อย่าลืมเอาดอกลิลลี่มาตกแต่งในงานนะคะ  ข้อแนะนำสำหรับการจัดตกแต่งสถานที่โดยใช้ดอกลิลลี่ควรเลือกให้ดอกลิลลี่อยู่บริเวณที่ร่ม อากาศโปร่ง ไม่นำไปใช้จัดตกแต่งบริเวณที่มีแสงแดดแรงเพราะจะทำให้เหี่ยวเร็วขึ้น

 

ดอกไฮเดรนเยีย

ดอกไม้งานแต่งงาน

ลักษณะมีกลีบดอกที่บาง สีสันสวยงามเป็นสีพาสเทลหวานๆ หลากหลายสีให้คุณได้เลือก นำมาทำเป็นช่อเดี่ยวๆ จะดูเป็นพุ่มเล็กๆ มีความน่ารักเหมาะกับเป็นดอกไม้ในมือเจ้าสาว เมื่อนำดอกไม้ชนิดนี้ตัดออกมาจากต้นเมื่อไหร่ให้รู้ไว้เลยว่าจะเหี่ยวเร็วมากกกกกก เป็นดอกไม้ที่มีความบอบบางต้องดูแลรักษาเป็นพิเศษ วิธีดูแลก็ง่ายนิดเดียวค่ะ เพียงใช้ผ้าชุบน้ำเย็นมาห่อปลายก้านไว้แล้วคอยดูแลให้ผ้าชุ่มอยู่เสมอ แค่นี้ดอกไฮเดรนเยียก็จะอยู่ได้นานขึ้นแล้วค่ะ

 

ดอกคัตเตอร์

ดอกไม้งานแต่งงาน

มีขนาดเล็กน่ารักมุ้งมิ้ง ส่วนใหญ่นำมาแซมกับดอกไม้อื่นๆ ให้ดูสวยงามมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญเห็นดอกเล็กๆ แบบนี้แต่อยู่ได้นานเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังถือว่าเป็นดอกไม้ที่มีความสำคัญมาก ถ้าเปรียบเป็นละครคงได้รับบทพระรอง เพราะเจ้าดอกคัตเตอร์นี้จะเป็นตัวช่วยเสริมให้ดอกไม้อื่นๆ ดูมีความโดดเด่นขึ้นมาในทันที จึงเข้ากับความหมายที่ว่า ‘แม้ฉันจะอยู่นอกสายตาของคุณ แต่ฉันจะยังมีเพียงคุณเสมอ’ อย่าเพิ่งซึ้งกันไปมากกว่านี้นะคะ ยังมีบทความ ดอกไม้มงคลสำหรับงานแต่งแบบไทย รอคุณอยู่!

ภาพจาก : news.vse42.ru, pinterest.com

เทคนิคได้ภาพงานแต่งที่ทรงพลังเป็นไกด์ให้บ่าวสาวไปเลือกช่างภาพคู่ใจ

ภาพงานแต่ง คือเครื่องมือเก็บความทรงจำอันแสนพิเศษที่เสมือนเป็นไทม์แมชชีนพาคุณย้อนกลับไปสู่ช่วงเวลาแห่งความประทับใจในวันนั้นอีกครั้ง เพราะฉะนั้นการเลือก ช่างภาพ มาเป็นผู้เก็บห้วงเวลาอันแสนพิเศษนี้จึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะหากพลาดไปเพียงเสี้ยววินาทีก็คงไม่สามารถย้อนกลับไปทำสิ่งเดิมในความรู้สึกเดิมๆ ได้อีกแล้ว แพรว wedding จึงได้สรุปแนวคิดเกี่ยวกับการ ถ่ายภาพงานแต่ง มาให้บ่าวสาวไว้เป็นแนวทางในการเลือกช่างภาพคู่ใจในวันพิเศษของคุณ

ภาพงานแต่งในอุดมคติ 

ภาพงานแต่งที่สวยคือภาพที่เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก เห็นแว่บแรกแล้วรู้สึกได้ทันทีว่ามีความรักและความสุขเกิดขึ้น เป็นภาพที่สามารถถ่ายทอดเรื่องราวในวันนั้นได้ มีการผสานกันอย่างลงตัวระหว่างการใช้ศิลปะการถ่ายภาพและการจับจังหวะของอารมณ์

B&N-Wedding_0520

ถ่ายภาพงานแต่งอย่างไรให้ดู Real

เน้นไปที่การ Candid โดยไม่จำเป็นต้องจัดวางคนให้อยู่ในคอมโพส ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ เพื่อจับอารมณ์ของคน และแนะนำว่าไม่ควรปรับสีภาพมากเกินไป คงความเป็นธรรมชาติไว้ดีที่สุด

PP&Bank-myo_0928-

ช็อตที่ดีที่สุดคือ…

เพราะการถ่ายภาพงานแต่งเป็นการถ่ายจากสถานการณ์จริง ไม่สามารถเซ็ตได้อย่างการถ่ายภาพในสตูดิโอ ดังนั้นช่างภาพจึงต้องมีความตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาและคิดไว้เสมอว่าภาพที่ดีที่สุดจะเกิดขึ้นในวินาทีใดก็ได้ โดยทั่วไปช็อตสำคัญหลักๆ จะเป็นช็อตสวมแหวน ตัดเค้ก โยนดอกไม้ แต่ความจริงแล้วช็อตที่สำคัญและหายากกว่านั้นคือช็อตอารมณ์ที่เกิดขึ้นจริง เพราะช็อตแบบนี้เราสั่งให้บ่าวสาวทำใหม่ไม่ได้ สำหรับบางคนเป็นครั้งแรกในชีวิต เกิดขึ้นครั้งเดียวแล้วผ่านไป เรามีหน้าที่บันทึกทุกวินาทีแห่งความประทับใจเอาไว้ให้เขา

tang-1

เลือกช่างภาพคู่ใจอย่างไรให้เป๊ะ

อันดับแรกบ่าวสาวควรพิจารณาจากความชอบของตัวเองก่อนว่าชอบภาพสไตล์ไหน โดยเลือกดูจากผลงานของช่างภาพหลายๆ คน เปรียบเทียบเพื่อค้นหาช่างภาพที่มีผลงานตรงตามสไตล์ภาพตามที่ชื่นชอบ และหลังจากที่เลือกได้แล้วควรมีการนัดเจอเพื่อพูดคุยกับช่างภาพก่อน ทั้งนี้ก็เพื่อให้ว่าที่บ่าวสาวและช่างภาพมองเห็นความต้องการได้ตรงกัน อีกทั้งยังได้เห็นถึงบุคลิกวิธีการพูดจาและวิธีการทำงานคร่าวๆ ของช่างภาพที่คุณจะเลือกให้มาดูแลความทรงจำที่สำคัญที่สุดในชีวิต

ดูไอเดียงานแต่งงานและคำแนะนำดีๆ อีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย!

จากใจเจ้าบ่าวถึงเจ้าสาว! 4 เรื่องนี้ผมขอ…อย่าบังคับใจให้ทำในงานแต่ง

เมื่อแพรว wedding ยิงคำถามไปยังว่าที่เจ้าบ่าวว่า มีอะไรบ้างไหมที่ไม่อยากโดนบังคับให้ทำใน งานแต่ง งานของตัวเอง ก็ได้คำตอบแบบไม่ลังเลรวม 4 ข้อต่อไปนี้ พร้อมพ่วงความในใจว่า ถ้ารักกันจริงอย่าบังคับใจได้ไหม แบบว่า ผมขอ!! (เสียงดังและจริงจังมากกกกก)

1. แสดงความรู้สึกผ่านการกระทำ

แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าในโมเม้นที่อยู่บนเวทีจะต้องมีนาทีที่พิธีกรหรือแขกต่างเชียร์เสียงดังว่าหอมแก้มๆๆ แต่ก็ใช่ว่าหนุ่มๆ จะยินดีทำกันทุกคนนะคะ เพราะบางคนถึงขนาดไม่อยากทำหนักจนต้องแอบกระซิบบอกพิธีกรไว้ล่วงหน้าว่า อย่าให้มีเด็ดขาด ไม่ใช่ว่าเขารังเกียจแก้มเนียนๆ ของคุณหรอกนะคะ แต่เพราะนิสัยส่วนตัวเขาไม่ชอบแสดงออกซึ่งความรักต่อหน้าธารกำนัลจริงๆ เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องหนึ่งที่เขาอยากขอว่า อย่าบังคับใจให้ทำเลยได้โปรด

2. กล่าวคำสัญญาสาบานต่อหน้าแขก (แบบไม่เตี๊ยม)

เรียกอีกอย่างว่าไฟล์บังคับแบบว่าไม่บอกกันก่อนว่าจะมีคำถามแก้มบังคับว่า อยากกล่าวคำสัญญาอะไรกับเจ้าสาวหรือครอบครัวเจ้าสาวไหมเอ่ย? ซึ่งบางทีคำถามนี้เกิดขึ้นมาเพราะเจ้าสาวกระซิบบอกกับพิธีกรว่า อยากได้ยินคำสัญญาโดยเขาไม่ได้ตั้งตัว ซึ่งเหตุผลที่เขาขอว่าอย่าบังคับคือบางทีไม่มีเวลาได้คิด แต่ต้องพูดออกไปทำให้กลายเป็นสิ่งมัดตัวเองและกดดันตัวเองในอนาคตฉะนั้นถ้าจะให้ดี บอกกันตรงๆ ว่าจะมีสคริปต์นี้บนเวที อย่างน้อยๆ จะได้คิดก่อนตอบไงคะ

3. แต่งตัวเว่อร์แต่งหน้าจัด

‘อยากสวยก็จัดเต็มไปเลยจ้ะ แต่อย่าบังคับให้ผมต้องแต่งเว่อร์ๆ แบบที่คุณต้องการ’เพราะเจ้าสาวส่วนใหญ่จะชอบให้ทุกอย่างเป็นไปตามธีมงาน ซึ่งบางคนหมายรวมมาถึงเรื่องเสื้อผ้าของหนุ่มๆ ที่เมื่อเธอเป็นเจ้าหญิง คุณก็ต้องเป็นเจ้าชาย หรือคุณคือสาวเปรี้ยว เขาก็ต้องเปรี้ยวตาม จึงมีการบังคับใจกันให้ใส่เสื้อผ้าที่ไม่ใช่แนวของเขา ไม่ว่าจะเป็นสูทสีเงิน สีทองหรือสีพาสเทล รวมถึงการที่ต้องแต่งหน้าหนาๆ เพียงเพราะกลัวว่าถ่ายรูปออกมาแล้วจะโดดกันไปคนละทิศคนละทาง

4. เปิดฟลอร์เฟิร์สแดนซ์

นับว่าเป็นเรื่องอันดับหนึ่งที่หนุ่มๆ หลายคนขอเถอะว่า ‘อย่าบังคับให้ผมทำได้ไหม ไม่ใช่เพราะฝึกแดนซ์ไม่ได้ แต่มันไม่ใช่ตัวผมเลยจริงๆซึ่งแน่นอนว่า เมื่อไม่ใช่ตัวของเขา ความรู้สึกเหมือนตัวเองจะเป็นตัวตลกจะฝังติดในใจของเขาอยู่ลึกๆ และยิ่งต้องไปทำท่าทางที่ไม่คุ้นเคยเลยยิ่งไม่มั่นใจและพลอยไม่อยากให้มีความรู้สึกกระดากในตัวเองผุดขึ้นมา

ทั้ง 4 ข้อที่ว่ามานี้ สำหรับสาวๆ อาจจะรู้สึกว่าเรื่องเล็กจะแย่ แค่นี้ทำให้ไม่ได้เชียวหรือ แต่สำหรับหนุ่มๆ บางคนเขาซีเรียสนะคะ ซึ่งถ้าคุณรักกันจริง อยากจะให้เขาทำอะไรในงานแต่งก็ถามไถ่ความสมัครใจกันสักหน่อย  จากนั้นปรึกษาเพื่อเจอกันตรงกลาง แล้วเชื่อเถอะค่ะว่า แค่ได้คุยกันตรงๆ ว่าอยากทำหรือไม่อยากทำ ก็จะไม่มีเรื่องเคืองใจหรือเสียงบ่นตามหลังอย่างแน่นอน

ดูไอเดียงานแต่งงานและคำแนะนำดีๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย! 

เรื่อง : ดอกปีบ
ภาพ : http://tailoredfitphotography.com

4 เทคนิคให้บ่าวสาวพิชิตชนะทุกหน่วยเพื่อจัดงานแต่งสวยๆ ในฝัน

ช่วงเตรียม จัดงานแต่ง งานเป็นช่วงที่บ่าวสาวเกิดอาการไฝว้กันได้ง่ายมากๆ โดยเฉพาะเรื่องความต้องการในรายละเอียดภายในงานที่อาจไม่ตรงกัน แล้วทีนี้จะทำยังไงเพื่อให้การไฝว้ของคุณบรรลุผลรอบด้านจนคุณมีงานแต่งสวยๆ อย่างใจฝันใช่ไหมล่ะ บอกเลยว่าไม่ยากเท่าไหร่ แค่คุณต้องเตรียมพร้อมสักนิดโดยมี 4 เทคนิคนี้เป็นที่ตั้ง

 

1. เตรียมข้อมูลความต้องการส่วนตัวให้พร้อม

เทคนิคแรกเริ่มที่ตัวคุณเองก่อนจะดีที่สุด ไม่ว่าคุณจะเป็นว่าที่เจ้าบ่าวหรือว่าที่เจ้าสาว ถ้าอยากให้ในงานแต่งมีอะไร หาข้อมูลในทุกสิ่งที่ต้องการเอาไว้ให้พร้อม สรุปมาเลยว่าชุดแบบนี้แหละที่ฝันไว้ ธีมงานแบบไหนที่ต้องการ หรือแม้แต่สถานที่จัดงานแต่งงานในฝันต้องมีคุณสมบัติประมาณไหน ฯลฯ คุณควรหาข้อมูลเอาไว้ให้พร้อมสรรพ จากนั้นเดินหน้าสู่เทคนิคข้อต่อไปค่ะ

2. หาข้อมูลมาเปรียบเทียบเสมอ

อย่ามัดมือชกอีกฝ่ายที่คุณจะนำความต้องการไปไฝว้กับเขาด้วยทางเลือกเดียวเท่านั้น กรุณาหาข้อมูลเปรียบเทียบไว้ด้วย เพื่อให้ฝ่ายนั้นยังรู้สึกดีที่ไม่ถูกบังคับและคุณไม่ได้เป็นคนที่เอาแต่ใจตัวเองสุดๆ อย่างเรื่องชุดที่คุณอาจมีแบบทั้งของคุณและอีกฝ่ายในใจเรียบร้อยแล้ว ก็ต้องหาแบบสำรองสักหน่อยว่าถ้าชุดแบบนี้ใส่จริงแล้วไม่รุ่งจะเป็นแบบไหนแทน รวมถึงร้านสำหรับตัดชุดด้วยนะคะ อย่าหาแค่ร้านเดียว แล้วสืบราคาเตรียมไว้ เพื่อเวลาที่นำเสนอความต้องการกับอีกฝ่าย (หรือคนที่ช่วยเป็นสปอนเซอร์ให้อย่างบุพการี) จะได้มีทางเลือกมาเทียบเคียง หรืออย่างเรื่องสถานที่ ก็ควรหาที่ๆ มีคุณสมบัติใกล้เคียงกันมานำเสนอ ซึ่งจะเสนอ 2 หรือ 3 ที่ก็ว่ากันไป โดยให้มีคุณสมบัติใกล้เคียงกันสักหน่อยทั้งกับที่คุณต้องการและกับความจริงตรงหน้า

3. แลดูงบประมาณรอบด้านเสมอ

ในระหว่างที่หาข้อมูลเปรียบเทียบต้องมีเรื่องราคาเข้ามาเอี่ยวเสมอ ดังนั้นในการตั้งงบประมาณสำหรับอะไรก็ตามที่เป็นความฝันของคุณ อย่าลืมหันไปดูงบประมาณกองกลางด้วยว่า สิ่งที่ต้องการอยู่ในงบที่ตั้งไหม และถ้าคุณแบ่งก้อนงบประมาณเป็นก้อนเล็กๆ ที่คุณอาจเป็นคนจ่ายเอง ก็ต้องมองดูด้วยว่า งบนั้นจับคู่กับสิ่งที่ต้องการได้อย่างลงตัวแน่นอนใช่ไหม ไม่ใช่คิดแต่ว่าเกินงบเล็กๆ ก็ไปดึงงบใหญ่มาโปะ แบบนั้นไม่ดีแน่นอนค่ะ

4. ตีกรอบขอบเขตที่ยอมได้

จริงอยู่ที่ความอยากได้งานแต่งงานในฝันสวยๆ ทำให้หลายคนฝันฟุ้งจนยากจะหยุดฝัน แต่ในบางครั้งก็ต้องยอมรับความจริงให้ได้ว่า แม้จะพยายามทำทั้ง 3 ข้อข้างต้นมาแล้ว บางทีฝันก็ไม่เป็นจริง ฉะนั้นเพื่อไม่ให้เสียใจมากเกินไปหรือเรียกแบบดูดีหน่อยก็คือ เผื่อความผิดหวังไว้บ้าง อย่าลืมตีกรอบความฝันไว้สักนิดว่าถ้าไม่ได้อย่างที่ตั้งใจ แล้วประมาณไหนล่ะที่คุณยังโอเคแบบว่ายอมให้มันเกิดขึ้นได้แบบที่คุณก็ยังแฮปปี้

ลองเตรียมความพร้อมตามทั้ง 4 ข้อที่ว่านี้ดูค่อยไฝว้กับอีกฝ่าย แล้วคุณจะรู้ว่า หากเตรียมความต้องการมาดี ข้อมูลมีพร้อมและเหตุผลนั้นใช่ คุณจะไฝว้กับใครเรื่องไหนๆ ในช่วงเตรียมงานแต่งก็ชนะแน่นอน

ดูไอเดียงานแต่งงานและคำแนะนำดีๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

เรื่อง : ดอกปีบ
ภาพ : maxpixel

เช็กลิสต์บิวตี้ มาเตรียมเป็นเจ้าสาวสุดเพอร์เฟกต์ภายในเวลา 1 ปีกันเถอะ

ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่กันด้วย เช็กลิสต์บิวตี้ เตรียมตัวเป็นเจ้าสาว ที่เคาน์ดาวน์กันยาวๆ ตั้งแต่ต้นปีเพื่อที่จะได้สวยเป๊ะปังให้ทันวันวิวาห์ ที่แพรว wedding จัดมาให้ครบทั้ง 12 เดือน เอาล่ะถ้าพร้อมแล้วกางสมุดโน้ตแล้วจดลงตารางไว้เลยว่าต้องทำอะไรบ้าง

เดือนที่ 1 : ฟิตหุ่นเตรียมใส่ชุดแต่งงาน

เอาล่ะคะสาวๆ การจะเป็นเจ้าสาวที่สวยได้ก็ต้องมีหุ่นที่เฟิร์มและสุขภาพดี แต่อย่าชะล่าใจไปกินยาลดความอ้วน หรืออาหารเสริมที่โฆษณาสรรพคุณเกินจริงเด็ดขาด! สุขภาพที่ดีและหุ่นที่เป๊ะต้องมาจากการออกกำลังกายอย่างถูกวิธี เพราะฉะนั้นคำแนะนำสำหรับเดือนแรกของการเป็นว่าที่เจ้าสาวก็คือ ไปฟิตเนส หาเทรนเนอร์ให้เขาช่วยดูแลโปรแกรมการออกกำลังกายให้ หรือถ้าใครไม่ถนัดการออกกำลังกายแบบหนักหน่วง ก็ลองมองหาคอร์สเล่นโยคะหรือพิลาทิสก็ได้เช่นกัน

เดือนที่ 2-3 : ดูแลสภาพผิวเพื่อเปล่งออร่า

ในเดือนนี้เราอยากให้คุณลองสังเกตผิวของตัวเองดูสิว่ามีลักษณะอย่างไร ทั้งผิวหน้าและผิวกาย ใครผิวมันให้หยุดใช้สบู่ธรรมดาทั่วไปล้างหน้า แล้วหันมาหาเจลล้างหน้า คลีนเซอร์ และผลิตภัณฑ์สำหรับผิวมันใช้ ส่วนใครที่ผิวแห้งก็ลองมองหามอยซ์เจอไรเซอร์และผลิตภัณฑ์สำหรับผิวแห้งมาใช้ให้เหมาะกับสภาพผิวตัวเอง แต่ถ้ามีปัญหาสิว ฝ้า กระ ก็ต้องรีบหาทางแก้ด้วยการนัดคุณหมอผิวหนังให้คุณหมอช่วยรักษาให้

เดือนที่ 3-4 : เริ่มกำจัดขนไม่พึงประสงค์อวดผิวสวย

ใครเป็นผู้หญิงขนเยอะ ไม่ว่าจะเป็นหนวด ขนรักแร้ ขนหน้าแข้ง หรือแม้แต่แนวบิกินี่ ตอนนี้ถึงเวลามองหาวิธีการที่จะช่วยคุณกำจัดขนอันกวนใจเหล่านั้นให้เกลี้ยง แต่ก่อนจะยอมเสียตังค์เพื่อความเกลี้ยงเกลา ขอแนะนำให้คุณทำการบ้านสักนิด ลองเสิร์ชกูเกิ้ลหาวิธีกำจัดขนที่มีให้เลือกหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเลเซอร์ บาซิลเลี่ยนแว็กซ์ รวมไปถึงคลินิกหรือร้านเสริมสวยที่มีบริการเหล่านี้ ศึกษาข้อดีข้อเสียและราคาของแต่ละวิธีให้ดี ชอบใจวิธีไหนก็ตัดสินใจทำโลด

เดือนที่ 5 : เลือกแบบทรงผมในวันงาน

เดือนนี้สาวๆ น่าจะมีความสุขกับการเลือกสไตล์และทรงผมสำหรับวันแต่งงาน แต่สิ่งสำคัญที่อยากจะย้ำให้ว่าที่เจ้าสาวจำเอาไว้ก็คือ อย่าเพิ่งคิดเองเออเองว่าทรงนี้สวย เหมาะกับฉัน และฉันจะทำทรงนี้ในวันแต่งงาน ทางที่ดีขอแนะนำให้คุณเก็บรูปทรงผมนั้นไว้แล้วมองหา Hair Stylist ที่คุณไว้ใจในฝีมือของเขา ลองปรึกษาว่าทรงไหนที่คุณทำแล้วจะสวยเหมาะกับรูปหน้าและสภาพเส้นผม ส่วนใครที่คิดจะเปลี่ยนสีผมแนะนำว่าให้เริ่มลองทำสีเสียตั้งแต่ตอนนี้ เพราะถ้าเกิดปัญหาก็ยังมีเวลาให้แก้ไขได้ทัน

เดือนที่ 6-7 : ตามหาช่างแต่งหน้าคู่ใจ

หลังจากตัดสินใจเรื่องผมได้แล้ว ถัดมาก็เป็นเรื่องหน้าและลุคเจ้าสาวในวันแต่งงาน อย่าลืมกำหนดงบประมาณสำหรับการจ้างช่างแต่งหน้าให้เรียบร้อยซะก่อน ถ้าคุณมีช่างแต่งหน้าในดวงใจก็สามารถติดต่อนัดคิวนัดวัน รวมถึงปรึกษาเรื่องโทนการแต่งหน้ากันให้เรียบร้อย ส่วนเจ้าสาวคนไหนที่เชื่อมือตัวเอง อยากแต่งหน้าเองในวันแต่งงาน สิ่งสำคัญที่คุณห้ามลืมก็คือ เครื่องสำอางสูตรกันน้ำ ไม่ว่าจะเป็น อายส์ไลนเนอร์ มาสคาร่า เพื่อป้องกันน้ำตาแห่งความดีใจมาทำให้ทุกอย่างไหลเยิ้มมากองรวมกันเป็นหมีแพนด้า รวมถึงสีลิปสติกก็ควรจะเป็นสีโทนแดงหรือชมพูจะดีกว่าสีนู้ด ป้องกันไม่ให้หน้าของคุณดูซีดเหมือนเป็นคนป่วยมาแต่งงาน

เดือนที่ 8-9 : เตรียมฟันขาวเพื่อยิ้มสวย

สาวๆ คนไหนที่เป็นสาวกไวน์แดง ชา กาแฟ และน้ำดื่มสีเข้มทั้งหลายที่ส่งผลให้ฟันเหลือง คราวนี้คงต้องงดเครื่องดื่มเหล่านี้กันแบบจริงจังแล้วนะคะ ใครที่พอมีงบสำหรับเรื่องนี้แนะนำให้เดินเข้าคลินิกทำฟันแล้วปรึกษาคุณหมอได้ทันทีเลยค่ะ ส่วนใครที่ไม่ได้เตรียมงบไว้สำหรับการฟอกสีฟันกับผู้เชี่ยวชาญ อาจลองมองหายาสีฟันที่ช่วยทำให้ฟันขาวหรือชุดฟอกสีฟันแบบทำเองได้ที่บ้านมาใช้ดู แต่คงต้องให้เวลาอย่างน้อย 6 สัปดาห์ถึงจะเริ่มเห็นว่าฟันขาวขึ้น

เดือนที่ 10 : เช็คสไตล์หน้าและผมให้เข้ากันกับชุดที่ใส่

ในเดือนนี้คุณจะได้เห็นแล้วว่าชุดเจ้าสาวที่จะใส่นั้นหน้าตาเป็นอย่างไร คราวนี้ก็ถึงเวลาซ้อมเป็นเจ้าสาวด้วยการใส่ชุด แต่งหน้า ทำผม ตามที่คิดและวางแผนไว้ จากนั้นลองดูสิว่าทั้งหมดนี้ดูเข้ากันดีหรือไม่ มีตรงไหนอยากจะปรับเปลี่ยนให้ดูดีกว่าเดิมบ้าง ส่วนใครที่มีเครื่องประดับผมหรือติดเวล ควรจะฝึกติดและถอดเวล (สอนเพื่อนเจ้าสาวด้วยจะดีมาก) ให้คล่องเพื่อที่ผมจะได้ไม่เสียทรง

เดือนที่ 11 : เช็คผมกันอีกที

ตอนนี้เป็นเวลาที่เราจะต้องเช็คความเป๊ะของผมกันอีกครั้ง ใครที่ทำสีผม แนะนำให้คุณไปเติมสีหรือย้ำสีผมอีกครั้ง ใครผมยาวเกินที่ตั้งใจไว้ อยากตัดอยากเล็มก็ควรทำเสียเลย

1 สัปดาห์ก่อนวันแต่ง : กำจัดขนครั้งสุดท้าย

ก่อนหน้านี้เราก็เริ่มกำจัดขนกันไปบ้างแล้ว ใครที่ใช้วิธีเลเซอร์กันไปก่อนหน้านี้ก็คงสบายใจไปเปลาะหนึ่ง แต่ใครที่ยังไม่ได้ฤกษ์หรือยังไม่มีงบจะไปทำเลเซอร์แพงๆ ตอนนี้ praewweddingขอแนะนำให้คุณพึ่งตัวช่วยอย่างการแว็กซ์ขนไปก่อน จะซื้อผลิตภัณฑ์แว็กซ์ขนมาทำเอง หรือจะเดินเข้าร้านแว็กซ์ก็ได้ อย่าชะล่าใจไปแว็กซ์ในวันสุดท้ายก่อนแต่งเด็ดขาด เพราะผิวหนังจะแดงเป็นจุดๆ จากการแว็กซ์แน่นอน

1 วันก่อนวันแต่ง : เช็กทุกอย่างครั้งสุดท้าย

วันสำคัญมาถึงแล้วนะคะสาวๆ วันนี้แนะนำให้คุณผ่อนคลายแล้วออกไปเสริมสวยเล็บมือเล็บเท้า หลีกเลี่ยงการประโคมเล็บด้วยกลิตเตอร์ หรือการเพ้นท์เล็บเว่อร์วังต่างๆ นานา เลือกสีทาเล็บโทนนู้ด เรียบๆ จะดูหรูหรามากกว่า ส่วนใครที่ใส่ชุดเจ้าสาวแล้วแอบตึงๆ แน่นๆ ก็ควรไปสปาแล้วทำ Body wrap ก็พอช่วยลดสัดส่วนได้บ้างเล็กน้อย

การที่สาวๆ มีเวลาเตรียมตัวสำหรับงานแต่งตั้ง 1 ปีถือว่าเป็นอะไรที่เริดมากเลยนะคะ เพราะคุณจะได้ดูแลตัวเองอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ต้องเร่งรีบ สุขภาพก็ดี เรียกได้ว่าสวยจากภายในสู่ภายนอก ใครที่กำลังมีแพลนจะแต่งงานช่วงปลายปี ตอนนี้ก็เริ่มทำตามเช็กลิสต์บิวตี้อันนี้ได้แล้วนะจ๊ะ

ดูเรื่องราวเกี่ยวกับความงามและสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

เรียบเรียงจาก : www.bridalguide.com
ภาพ : www.mattkemp.com, www.pinterest.com, www.goodfon.com, aboutskincenter.com,
www.allwomensites.com, www.mujerde10.com, www.rsf-fidh-iran.org

7 ข้อคิดเตือนใจเตรียมความพร้อมไว้ก่อนไปร้านเลือกชุดแต่งงาน

สติมาปัญญาเกิด แต่ถ้าสติเตลิด เลือกชุดแต่งงาน ผิดคงไม่ดีแน่ มาเตรียมสติและจิตใจกันก่อนเดินเข้าร้านเลือกชุดแต่งงานดีกว่า กับ 7 ข้อคิดเตือนใจที่เราอยากฝากไว้ให้คุณเจ้าสาวได้ลองนำไปพิจารณา จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเปลี่ยนชุดไปมาให้เปลืองงบไงจ๊ะ

1. หาแบบชุดแต่งงาน ร้านชุดหรือดีไซเนอร์ ที่ชอบไว้ในใจ

การหาข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญ แนะนำให้เตรียมล่วงหน้าสัก 7-8 เดือนก่อนวันงานไปเลย จะได้มีเวลาเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆ ไม่ต้องมารีบเร่งเรื่องชุดแต่งงานในเวลาที่จวนตัว อีกอย่างจะได้ให้เวลากับดีไซเนอร์ในการสร้างสรรค์ชุดแต่งงานในฝันให้ออกมาเป็นภาพความจริงแบบเน้นงานละเอียดที่ไม่ต้องทำแข่งกับเวลา เพื่อที่เจ้าสาวจะได้ชุดแต่งงานที่ตรงใจเพอร์เฟกต์ไร้ที่ติ

2. ตั้งงบประมาณก่อนเข้าไปคุย

ตั้งงบประมาณในใจให้ชัดเจน รวมถึงดีเทลของชุดด้วยว่าอยากให้เป็นยังไง เช่น ลูกไม้ฝรั่งเศสทั้งตัวหรือผ้าชีฟองฟูฟ่อง 8 ชั้น แล้วเข้าไปคุยกับร้านด้วยงบที่วางไว้ ที่สำคัญจงหนักแน่นอย่าหวั่นไหวกับสิ่งล่อตาล่อใจอื่นๆ ไม่อย่างนั้นงบบานแน่นอน แนะนำให้ปรึกษาดีไซเนอร์ในการปรับแบบที่เจ้าสาวชอบให้เข้ากับงบที่มี เพราะอย่าลืมว่านอกจากค่าชุดแต่งงานแล้ว คุณอาจจะต้องมีค่าใช้จ่ายอื่นงอกมาอีก เช่น ชุดชั้นในตัวใหม่ที่เข้ากับชุด เครื่องประดับต่างๆ หรือรองเท้าคู่สวย

3. คนร่วมตัดสินใจไม่ต้องเยอะ

พาเพื่อนสนิทหรือคนที่เจ้าสาวรู้สึกไว้วางใจสักคนไปช่วยเลือกแบบ เพราะแห่กันไปเยอะเท่าไหร่ ความคิดก็แตกแยกมากเท่านั้น พาลจะปวดหัวและไม่เป็นตัวของตัวเองไปอีก ซึ่งคนๆ นั้นจะต้องเป็นคนที่รู้จักคุณดีที่สุด รู้ว่าสไตล์ของคุณเป็นยังไง ชอบหรือไม่ชอบอะไร และต้องเป็นคนที่ให้ความคิดเห็นที่ดีกับคุณได้ด้วย ถ้าแอบมีเซ้นต์ด้านสไตล์เบาๆ ด้วยล่ะก็ เพอร์เฟกต์ไปเลยจ้า

4. เปิดหูแล้วเปิดใจ

จงเปิดใจรับฟังความคิดเห็นจากมืออาชีพ เพราะเขาจะให้คำแนะนำว่าสิ่งไหนเหมาะหรือไม่เหมาะกับคุณ ซึ่งบางทีคำแนะนำนั้นอาจมาพร้อมสิ่งที่คุณคาดไม่ถึง (ในทางที่ดี) ก็ได้ ซึ่งทั้งหมดล้วนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณ บางทีการที่ดีไซเนอร์พยายามนำเสนอหลายๆ อย่างให้กับคุณก็เพื่อที่จะได้รู้ถึงตัวตน ความชอบ และมองหาสไตล์ของคุณอีกทางหนึ่ง จะได้ทำชุดแต่งงานให้ออกมาเป็นตัวคุณมากที่สุดยังไงล่ะคะ

5. ไว้ใจมืออาชีพ

อย่าลืมว่ามืออาชีพแต่งตัวให้เจ้าสาวทุกวันมาเป็นร้อยเป็นพันคนแล้ว เห็นชุดมามากมาย และรูปร่างร่างกายที่แตกต่างกันไปของเจ้าสาวแต่ละคน เพราะฉะนั้นเขาย่อมรู้ดีที่สุดว่าอะไรที่เหมาะหรือไม่เหมาะกับตัวคุณ

6. หลีกเลี่ยงการไปร้านชุดในช่วงวันหยุด

พยายามหาวันธรรมดาว่างๆ สักหนึ่งวันแล้วไปร้านชุดที่เล็งไว้ เพราะหากไปในวันหยุดบางร้านอาจจะยุ่งสุดๆ แบบมือเป็นระวิง และอาจให้คำแนะนำได้ไม่มากพอเพราะต้องดูแลลูกค้าอีกหลายราย แต่ถ้าไปวันธรรมดาคุณจะได้รับความสนใจจากร้านมากขึ้น และเขาก็สามารถให้เวลาในการให้คำปรึกษากับคุณได้อย่างเต็มที่ แต่ไม่ควรอัดแน่นในวันเดียวแล้วไปหลายๆ ร้าน เพราะในหนึ่งร้านใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมงแน่นอน เพราะฉะนั้นแค่ประมาณ 2 ร้านกำลังดี และอย่าลืมโทรนัดล่วงหน้าไว้ก่อนเลย จะได้ไปแบบไม่หวือดเจอแต่เด็กหน้าร้านที่ให้คำแนะนำไม่ได้นะจ๊ะ

7. จงเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเอง

สุดท้ายจงเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเองเสมอ ให้ลองจินตนการว่าคุณกำลังมองตัวเองเดินเข้างานในชุดแต่งงานชุดนี้ และหากคุณมั่นใจว่าชุดนี้แหละใช่ฉันเลย มันสวยมาก ถึงแม้จะมีบางคนบอกว่ามันไม่เหมาะกับคุณก็ตาม แต่จงเชื่อมั่นในตัวเอง เพราะไม่มีใครที่จะรู้ใจเราได้ดีเท่าตัวเองหรอก จำไว้ว่านี่เป็นงานแต่งของคุณ และเป็นชุดของคุณ มั่นใจซะอย่างอะไรก็ดูดี จริงไหมคะ

ดูไอเดียและคำแนะนำเกี่ยวกับชุดแต่งงานเพิ่มเติม คลิกเลย!

ภาพ : careertrend.com

ส่องสิ่งของใน พานธูปเทียนแพ พร้อมเหตุผลว่าทำไมเจ้าบ่าวต้องถือ?

พานธูปเทียนแพ คืออะไร? แล้วทำไมเจ้าบ่าวต้องถือ? มาหาคำตอบไปพร้อมกันค่ะ

ในขบวนขันหมากใช่ว่าเจ้าบ่าวจะเดินแต่งตัวหล่อๆ แล้วเข้าไปรับเจ้าสาวได้เลยนะคะ แต่เจ้าบ่าวต้องถือ พานธูปเทียนแพ ระหว่างเดินขบวนแห่ขันหมากเพื่อไปสู่ขอเจ้าสาวด้วย แถมจะให้ใครถือแทนก็ไม่ได้เด็ดขาด แพรว wedding เลยจะมาบอกให้หายงงเลิกสงสัยว่า ทำไมต้องเป็นเจ้าบ่าวเท่านั้นที่ถือ แล้วในพานนั้นประกอบไปด้วยอะไรบ้าง

มีอะไรอยู่บนพาน? 

ในพานธูปเทียนแพประกอบด้วย กระทงดอกไม้ครอบด้วยกรวยใบตอง ธูปแพไม้ระกำ 10 ดอก และเทียน 10 แท่ง วางอยู่บนพานซึ่งจะตกแต่งสวนงามอลังการยังไงก็ได้ แต่ห้ามวางธูปกับเทียนสลับกันเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจากงานแต่งสุดมงคลจะกลายเป็นงานอวมงคลไปทันที เพราะในงานอวมงคลอย่างงานศพ จะวางเทียนไว้ด้านบนตามด้วยธูป

ทำไมต้องเจ้าบ่าวถือ?

ธูปเทียนแพมีความหมายเป็นเครื่องแสดงความเคารพอย่างสูง และยังเป็นเครื่องขอขมาลาโทษต่อความผิดที่เคยกระทำมา และนี่เองก็เป็นเหตุผลที่ต้องบังคับเจาะจงว่า พานธูปเทียน นั้นเจ้าบ่าวต้องเป็นคนถือ ใครอื่นจะมาถือแทนไม่ได้ เพื่อเป็นการทำความเคารพ ขอโทษ ขอขมาว่าที่พ่อตาแม่ยาย และพ่อแม่ของตัวเองถึงสิ่งที่ได้ล่วงเกินทั้งกาย วาจา ใจ ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ รวมไปถึงสิ่งที่ได้ล่วงเกินลูกสาวของว่าที่พ่อตาแม่ยายด้วย

และทั้งหมดนี้ก็คือคำตอบที่ว่า ทำไมต้องเฉพาะเจาะจงเป็นคุณเจ้าบ่าวคนเดียวเท่านั้น จะได้ไม่พลาดไปฝากใครเขาถือนะคะ

แจกกันแบบสเต็ปบายสเต็ป กับขั้นตอนลำดับพิธีแต่งงานไทยฉบับสมบูรณ์ คลิกเลย!!

สั่งเค้กแต่งงานยังไงให้เวิร์ก กับ 5 ข้อที่บ่าวสาวควรรู้ก่อนสั่งจอง

อีกหนึ่งสิ่งที่เป็นไฮไลท์ในงานแต่งงานก็คือ เค้กแต่งงาน นั่นเอง แพรว wedding มาทำความรู้จัก เค้กแต่งงาน ก่อนสั่ง มีสิ่งใดบ้างที่ต้องศึกษาไว้ก่อน เพราะถึงแม้จะเป็นหนึ่งดีเทลในงานแต่ง แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ เพราะเวลาเดินเข้ามาในงานแต่งงาน ของที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางงานก็คือเค้ก นั้นเอง มีสิ่งใดบ้างที่ควรคำนึงถึงก่อนสั่งเค้ก มาอ่านกันเลย

เค้กแต่งงาน1. เลือกเค้กให้ตรงกับธีมงาน

ข้อนี้ง่ายมาก เพราะเพียงแค่เน้นให้เข้ากับธีมงานที่จัด เช่น จัดงานแบบหวานแหววในธีมชมพูจ๋า แต่เค้กกลับเป็นสีเข้มที่ดูไม่เข้ากับธีมงาน ก็คงจะดูขัดหูขัดตาอยู่ไม่น้อย เพราะฉะนั้นบ่าวสาวควรจะเลือกธีมงานให้ชัดเจนก่อนที่จะสั่งจองเค้กแต่งงาน เพื่อที่คุณจะได้ภาพรวมทั้งหมดของงานออกมาดูดีเป็นที่น่าประทับใจ

2. คุยกับร้านเค้กไว้ล่วงหน้า

ทุกอย่างควรมีการวางแผน เค้กแต่งงานก็เช่นกัน เพราะเค้กแต่งงานเป็นเค้กขนาดใหญ่ที่ไม่สามารถจะเนรมิตใส่เสร็จภายในวันหรือสองวันได้ และอีกอย่างทางร้านไม่ได้มีคุณเป็นลูกค้าแค่คู่เดียวหรอกนะจ๊ะ ยิ่งถ้าหากเป็นร้านดังแล้วด้วย เผลอๆ คิวอาจจะยาวเป็นหางว่าวเลยทีเดียว ยิ่งถ้าหากบ่าวสาวสั่งทำเค้กแบบพิเศษที่ made to order แล้วด้วย ทางร้านก็อาจจะต้องใช้เวลาในการเตรียมวัตถุดิบอุปกรณ์ ดังนั้นเมื่อบ่าวสาวได้แบบเค้กที่ต้องการแล้ว ก็ควรทำการสั่งจองเค้กล่วงหน้าอย่างน้อยไม่ควรต่ำกว่าหนึ่งเดือนนะคะ เพื่อที่จะได้ให้เวลาร้านได้เตรียมตัว และเคลียร์คิวไม่ให้ตารางทำเค้กชนกันนั้นเอง

เค้กแต่งงาน

3. รสชาติของเค้ก

อันนี้เป็นสิ่งที่บ่าวสาวควรปรึกษากัน และตกลงกันว่าอยากได้รสชาติแบบใด ไม่ว่าจะเป็น ช็อกโกแลต วานิลลา สตอรว์เบอร์รี่ หรืออื่นๆ โดยอาจคำนึงถึงความชอบ และแขกที่เข้าร่วมงานเป็นส่วนใหญ่ ถ้าเค้กรสชาติแปลกประหลาดมากเกินไปอาจจะเหลือทิ้งได้เพราะไม่มีใครกินนะคะ ซึ่งก็คงเป็นภาพที่ไม่น่าดูเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นก่อนทำการสั่งเค้ก บ่าวสาวอาจจะหาเวลาว่างสักนิดแล้วเดินทางไปชิมเค้กที่ร้านด้วยตัวเองว่าชอบรสชาติไหนมากที่สุด

4. ขนาดของเค้ก

ลองเอารายชื่อแขกที่จะมาร่วมงานมากางดู แล้วลองประเมินดูว่าขนาดเค้กที่สั่งน่าจะต้องใหญ่หรือเล็กขนาดไหน ถ้าแขกน้อย แต่อยากได้เค้กใหญ่ๆ อันนี้ก็ไม่ยากนะจ๊ะ เพราะสามารถทำเค้กโฟมขึ้นมาได้ โดยเลือกให้ชั้นล่างสุดเป็นเค้กจริงเท่านั้นเอง

เค้กแต่งงาน

5. ศึกษาชนิดของเนื้อเค้ก

สงสัยใช่ไหมคะว่าทำไมต้องศึกษาก่อน เพราะเค้กมีหลายเนื้อมากๆ ไม่ว่าจะเป็น เนื้อบัตเตอร์, เนื้อสปันจ์, เนื้อชิฟฟ่อน, เนื้อชีสเค้ก ซึ่งนอกจากจะต้องศึกษาแล้ว อาจจะต้องหาเวลาไปชิมด้วยตัวเองด้วยว่าเท็กซ์เจอร์แบบไหนที่บ่าวสาวต้องการ และอาจจะต้องปรึกษากับทางร้านเกี่ยวกับสถานที่จัดงานแต่งงานด้วยว่าเนื้อเค้กแบบไหนที่นำไปตั้งไว้แล้วเหมาะ เช่น หากบ่าวสาวจัดงานแต่งแบบเอ้าท์ดอร์ก็อาจจะต้องเลือกเนื้อเค้กที่แน่น ไม่ละลายง่าย เป็นต้น

ถึงแม้จะมีรายละเอียดเยอะ แต่ถ้าหาข้อมูลไว้ให้ดีก็ไม่น่าจะเวียนหัวสักเท่าไหร่ ดังนั้นบ่าวสาวลองศึกษาเรื่องเค้กก่อนจะสั่งนะจ๊ะ เพื่อที่จะได้เค้กสวยถูกใจ รสชาติอร่อยมาเสิร์ฟแขกในงานให้ได้ชื่นใจกันถ้วนหน้า

เค้กแต่งงาน

Read More 5 รสชาติเค้กแต่งงานแสนอร่อยประจำฤดูใบไม้ผลิปี 2018

ภาพจาพ : Pinterest.com

10 วิธีเลือกซื้อแหวนแต่งงานอย่างง่ายที่คู่รักต้องพกไปร้านเพชร

เพราะงานแต่งงานคือวันสำคัญสำหรับคู่รัก และแหวนแต่งงานก็ถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญในวันแสนพิเศษนี้ ว่าที่บ่าวสาวจึงไม่ควรพลาดที่จะเลือกแหวนแทนใจให้ดีที่สุด  “คุณมีวิธีเลือกซื้อ แหวนแต่งงาน ยังไง?” จึงเป็นคำถามที่ควรจะใส่ใจ ซึ่งสำหรับใครที่ไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหนดี วันนี้เราเลยมีเคล็ดลับดีๆ มาแนะนำกัน ให้รู้ว่าวิธีเลือกซื้อเพชรนั้น จริงๆ แล้วง่ายกว่าที่คิดมากๆ เลยล่ะค่ะ

1. รูปทรงของเพชร

หลายคนอาจจะมีรูปทรงของเพชรในใจก่อนมาที่ร้านกันอยู่แล้ว อันนี้ไม่มีผิด ไม่มีถูก เราสามารถเลือกทรงเพชรได้ตามความชอบของแต่ละคนได้เลย ส่วนเพชรทรงยอดนิยมที่ทางร้านเพชรแนะนำก็คือ เพชรทรงกลม เนื่องจากเพชรทรงกลมเวลาอยู่บนตัวเรือนจะสวยสง่ากว่าใคร เป็นทรงที่เจียระไนออกมาแล้วจะวิบวับแวววาวเล่นแสงได้มากที่สุด ถือเป็นทรงเพชรที่สวย สมมาตร และเป็นทรงเพชรที่สมบูรณ์ที่สุด

2. วัสดุที่ใช้ทำตัวแหวน

วัสดุที่ใช้ทำตัวเรือนของแหวนจะมีทั้งหมด 3 ประเภท ซึ่งจะมีทองผสมในสัดส่วนที่แตกต่างกันโดยประมาณ คือ ทองขาว (บางร้านก็เรียกทองคำขาว) ทอง และพิงก์โกลด์ โดยตัวเรือนที่นิยมใช้ในการทำแหวนเพชรมากที่สุดก็คือทองขาว เพราะการใช้ทองขาวเป็นตัวเรือนจะยิ่งขับเพชรให้ดูเด่นสง่า สะท้อนแสงได้แวววาว ไม่สะท้อนออกมาเป็นสีเหลือง รองมาก็เป็นสีทอง และสีพิงก์โกลด์ แต่อย่างไรก็ตามข้อนี้ไม่ได้มีกฎตายตัว เราสามารถเลือกตัวเรือนได้ตามความชอบเลยค่ะ

3. เลือกกระรัต

กะรัต คือหน่วยที่ใช้ชั่งน้ำหนักของเพชร หรือภาษาง่ายๆ ก็คือ การเลือกขนาดของเม็ดเพชรนั่นเอง หากเรากำหนดงบประมาณในใจมาแล้ว ก็จะสามารถเลือกกระรัตได้ง่ายขึ้น แต่สำหรับใครที่ไม่ควบคุมบัดเจท ก็สามารถเลือกกระรัตได้ตามความเหมาะสม และสวยงามได้เลยค่ะ โดยการเลือกขนาดของเม็ดเพชรนี้ จะส่งผลต่อราคามากที่สุด ยิ่งเพชรเม็ดใหญ่ขึ้นมากแค่ไหน ราคาก็สูงขึ้นตามไปด้วย

4. ขนาดของแหวน

เรื่องของขนาดแหวนนั้นแนะนำให้ไปเลือกแหวนกับคู่รักจะดีที่สุด อย่างน้อยก็จะได้มั่นใจว่าแหวนที่เราซื้อนั้นสามารถใส่ได้พอดีกับนิ้วของเรา กับคนรักได้พอดี ไม่หลวมหรือว่าคับไป

5. การแมทช์แหวนหมั้นและแหวนแต่งงาน

ปกติ “แหวนหมั้น” และ “แหวนแต่งงาน” ทั้งคนไทยและฝรั่ง จะใส่นิ้วนางข้างซ้าย แต่เมื่อสาวฝรั่งเข้าพิธีแต่งงาน มักย้ายแหวนหมั้นไปอยู่นิ้วนางข้างขวาก่อน และเมื่อเสร็จสิ้นพิธี จึงย้ายแหวนหมั้นกลับมานิ้วนางข้างซ้ายตามเดิม โดยสวมทับแหวนแต่งงานไปเลย ดังนั้น แหวนหมั้นและแหวนแต่งงาน จึงควรมีการออกแบบมาเป็นเซต ให้ใส่ด้วยกันแล้วสวยงามลงตัวค่ะ

6. แหวนควรมีใบรับประกัน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแหวนเพชรที่มีราคาแพง ในกรณีที่เกิดความชำรุดเสียหาย เพชรหลุด หรือมีรอยบิ่น ในกรณีที่เกิดจากความผิดพลาดของทางร้านหรือความประมาทของเรา ทางร้านจะสามารถซ่อมแซมให้ได้หรือไม่ และทั้งหมดนี้จะอยู่ในเงื่อนไขการรับประกันหรือเปล่า อีกทั้งยังควรจะต้องมีใบเซอร์รับรองเพชร เพื่อให้เรามั่นใจ ว่าเพชรที่เราได้มานั้นมีคุณภาพถูกต้องตามมาตรฐานสากล ถ้ามีใครตั้งคำถามถึงคุณภาพของเพชร สามารถอ้างอิงถึงใบรับประกันนี้ได้เลย

7. Certificate ของเพชร

เพชรแต่ละเม็ดจะมีการยิงเลเซอร์หมายเลขของเพชรสลักอยู่ เพื่อใช้ตรวจสอบว่าเป็นเพชรเม็ดเดียวกับที่ออกใบรับรอง (Certificate) ซึ่งแน่นอนว่าไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า วิธีการตรวจสอบคือการใช้กล้องส่องเข้าไปในเม็ดเพชร เพื่อตรวจสอบว่าหมายเลขที่เพชรนั้นเป็นเลขอะไร เพื่อนำมาเทียบกับใบรับรองว่าใช่หมายเลขเดียวกันหรือไม่ ควรตรวจสอบทั้งตอนเลือก และตอนมารับแหวนเพชร เพื่อให้มั่นใจได้ว่าเราได้เพชรเม็ดที่เลือกไว้ และตรงตามใบรับรองจริงๆ

8. ความสะอาดของเพชร

ความสะอาดในการเลือกเพชร หมายถึงตำหนิของเพชร เพชรที่สะอาดก็คือเพชรที่มีตำหนิน้อย ซึ่งตำหนิของเพชรนั้นเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ไม่สามารถลบออกได้ ดังนั้นเพชรยิ่งมีตำหนิน้อยมากเท่าไหร่ มูลค่าก็จะยิ่งสูงขึ้นมากเท่านั้น

9. กำหนด Budget แหวนในใจ

เพื่อให้สามารถควบคุมงบประมาณไม่ให้บานปลาย เลยเถิดไปไกล และยังง่ายต่อการเลือกแหวนเพชร เมื่อได้งบในใจแล้ว ก็แจ้งกับพนักงานขาย เพื่อให้พนักงานแนะนำแหวนเพชรที่อยู่ในงบมาให้เลือก แต่หากใครที่ไม่ซีเรียสเรื่องราคา ก็สามารถข้ามข้อนี้ไปได้เลยค่ะ

10. เลือกซื้อแหวนแต่งงานกับร้านที่เชื่อถือได้

ร้านขายแหวนที่น่าเชื่อถือมีประสบการณ์ ทำให้เรามั่นใจในส่วนนึงว่า เราจะได้แหวนแต่งงานที่มีคุณภาพ ทำมาจากวัสดุที่ดี ดีไซน์สวย และมีราคาสมเหตุสมผล รวมไปถึงมีแหวนรูปแบบต่างๆ มากมายให้เราได้เลือก และยังสามารถให้คำแนะนำดีๆ ในการเลือกซื้อแหวนแต่งงานที่ตรงใจเราด้วย

เรื่อง : ชวลิดา
Cr. brides.com
ภาพ : diamond-rings-and-wedding-bands.com

เหตุไฉนทำไมเจ้าสาวถึงต้องกราบเจ้าบ่าวในวันแต่งงาน? หาคำตอบได้ที่นี่!!

อีกหนึ่งช่วงที่สร้างรอยยิ้มเล็กๆ ได้ในพิธีงานแต่งไทยก็คือ ช่วงที่เจ้าสาวต้องก้ม กราบเจ้าบ่าว บนตักอย่างนอบน้อม (โดยเฉพาะฝ่ายเจ้าบ่าวนั้นออกอาการดีใจกว่าใครในงาน) แล้วเคยสงสัยกันไหมคะว่าทำไมต้องกราบ แพรว wedding เลยไปหาที่มาที่ไปของประเพณีการกราบสามีของไทยมาให้ว่าที่บ่าวสาวทั้งหลายได้รู้กัน ถ้ารู้กันแล้วหลังจากนี้ใครจะกลับไปไหว้สามีก่อนนอนทุกคืนก็ไม่ว่ากันนะจ๊ะ อิอิ

เคยสงสัยไหม ทำไมเจ้าสาวถึงต้อง กราบเจ้าบ่าว ในวันแต่งงาน??

ที่จริงแล้ว การกราบเจ้าบ่าวในวันแต่งงานเป็นความเชื่อที่มีมาแต่โบราณ แน่นอนว่าการกราบสามีก่อนนอนเป็นวัฒนธรรมที่ผู้หญิงไทยทำสืบต่อมาตั้งแต่สมัยก่อน อย่างที่เรารู้กันดีว่า หลังจากที่หญิงสาวออกเย้าออกเรือนไปกับผู้ชายแล้ว หญิงผู้นั้นก็จะต้องอยู่แต่ที่บ้าน เก็บกวาด ดูแลงานบ้านงานเรือนไม่ค่อยได้ออกไปไหน ในขณะที่สามีทำงานนอกบ้านเพื่อหาเลี้ยงและดูแลครอบครัว ดังนั้น การกราบสามีก่อนนอนก็เสมือนเป็นการแสดงความเคารพและการขอบคุณที่เขาเลี้ยงดูให้อยู่สุขสบาย

ในขณะเดียวกัน เมื่อสามีต้องออกไปทำงานนอกบ้านอยู่ทุกวี่วัน ก็เป็นโอกาสที่จะได้พบปะผู้คนมากมาย โดยเฉพาะหญิงสาวหน้าตาสะสวย การกราบสามีจึงถูกยกมาเป็นกุศโลบายใช้มัดใจสามี เพื่อให้สามีคิดว่า การที่ภรรยากราบตนเองถือเป็นการให้เกียรติตนเอง ดังนั้นเมื่ออยู่นอกบ้านจะทำอะไรก็ต้องเกรงใจภรรยาที่บ้านด้วย

อีกหนึ่งความเชื่อที่ทำให้ภรรยาต้องกราบสามีก็คือ คนโบราณเชื่อกันว่า ผู้ชายจะมีของติดตัวมาแต่เกิด หรือบางคนก็สักยันต์ แขวนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ติดตัวอยู่เสมอ ดังนั้น ภรรยาจึงควรกราบสามีก่อนนอนเพื่อเป็นการทำความเคารพ ซึ่งถือว่าเป็นการทำความเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นด้วย

กราบเจ้าบ่าว

นอกจากความเชื่อข้างต้นแล้ว การที่ผู้หญิงเราจะกราบสามีก่อนนอนก็มีผลมาจากการปลูกฝังของคนในครอบครัวด้วย ซึ่งผู้หญิงสมัยก่อนจะได้รับการอบรมสั่งสอนจากแม่ ป้า ย่า ยาย ว่าจะต้อง กราบสามีก่อนนอน เพื่อแสดงความเคารพ และจะเป็นการช่วยส่งเสริมให้ชีวิตครอบครัวมีความสุข มีความเจริญรุ่งเรือง

มองกลับมาในยุคสมัยปัจจุบัน ผู้หญิงเราก็ยังคงกราบสามีกันอยู่นะคะ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นการกราบแค่ครั้งหรือสองครั้งตอนแต่งงาน (ตอนสวมแหวนและส่งตัวเข้าหอ) เพื่อเป็นการขอฝากเนื้อฝากตัวให้เขาดูแล แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีผู้หญิงบางคนกราบสามีก่อนนอนทุกวัน นั่นก็เพราะอาจจะเป็นความเชื่อ การสั่งสอนจากผู้ใหญ่ หรือบางคนก็บอกว่าเห็นแม่กราบพ่อทุกวันจึงทำตาม ซึ่งก็คงเป็นเรื่องแปลกสำหรับสาวๆ สมัยนี้อยู่มาก เพราะในยุคนี้ปีนี้จะให้มากราบทุกวันก็คงไม่มีใครทำกันแล้ว แต่ก็เอาเถอะค่ะ จะกราบหรือไม่กราบมันก็อยู่ที่การทำตัวของเราและการทำตัวของสามี ถ้าสามีเป็นคนดี ดูแลเราให้อยู่สุขสบาย อยากจะกราบเพื่อแสดงความเคารพหรือขอบคุณเขา ถ้าทำแล้วสบายใจก็ทำเถอะค่ะ

ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับความเชื่อเรื่องงานแต่งงานเพิ่มเติม คลิกเลย!

ภาพเปิดถ่ายโดย Smallmoonphoto

ทาปากตามราศี ทาสีอะไรในวันแต่งงานช่วยเสริมเสน่ห์ เจ้าสาว ให้เลิศไร้ที่ติ!

งานนี้ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ เพราะสีเรียวปากของ เจ้าสาว แต่ละราศีมีส่วนช่วยเสริมดวงให้งานแต่งมีแต่เฮงกับเฮง! ราศีเราต้องทาสีไหนมาดูกัน

เรื่องนี้บอกเลยไม่ธรรมดา เพราะทางจิตวิทยานั้นการแต่งหน้าและสีลิปสติกส่งผลต่ออารมณ์ของเรา และอาจจะมีผลต่อการกระทำของเราด้วย! (เค้าถึงบอกว่าวันไหนรู้สึกแย่ให้หยิบลิปสติกสีแดงสดขึ้นมาทาไงล่ะ) เพราะฉะนั้นเราก็เลยอยากมาแนะนำสีลิปสติกเสริมดวงของแต่ละราศีสำหรับวันแต่งงานโดยเฉพาะ งานนี้ทำตามไม่ได้จริงจริ๊งง เราก็เข้าใจนะ (เหตุผลเช่น คุณแม่ไม่ไฟเขียวกับเรียวปากสีแดง เป็นต้น) แต่รู้ไว้ให้อุ่นใจอย่างน้อยก็ดี หรือเก็บไว้ทาในวันอื่นๆที่ไม่ใช่วันแต่งงานก็ยังได้ แล้วสาวราศีไหนคู่กับเรียวปากสีอะไรแล้วดวงจะปังเว่อร์ มาดูกัน

ราศีมังกร: สีแดงไวน์

สาวราศีมังกรผู้มีจิตใจดีและเป็นคนจริงจังกับชีวิต ดาวเสาร์คือดาวประจำราศีของคุณ และสีประจำดาวเสาร์คือสีม่วง ผสมผสานออกมาเป็นสีแดงไวน์หรือแดงอมม่วงเข้มที่จะช่วยขับเอาความเป็นตัวของคุณออกมาค่ะ

เจ้าสาว
Tarte Rain Forest Collection Lipstick สี Miami Vice Red

ราศีกุมภ์:  สีน้ำตาลคาราเมล

สาวราศีกุมภ์สายติสต์เหมาะกับเฉดสีเอิร์ธโทนที่มีลุกเล่นอย่างสีนู้ดน้ำตาลหรือนู้ดคาราเมล และยังเป็นสีของดวงดาวประจำราศีคุณซึ่งก็คือดาวยูเรนัสด้วยค่ะ

เจ้าสาว
Bronx Matte Lip Tint สี MLT10

5 ทริคเลือกและตัดสินใจเรื่องชุดเพื่อนเจ้าสาวยังไงให้มีความสุข

เจ้าสาวที่ต้องตัดสินใจเรื่องชุดแต่งงานว่ายากแล้ว แก๊งเพื่อนเจ้าสาวที่ต้องเลือกชุดสวยแบบยกแก๊งในวันงานนั้นกลับยากกว่า ซึ่งความยากกว่าในที่นี่หมายถึง ความคิดเห็นที่หลากหลายและความชอบที่มากมายของทุกคนในกลุ่ม แพรว wedding เลยขอทำหน้าที่มาห้ามทัพความคิดที่แตกแยกในครั้งนี้ด้วย 5 ทริคเลือก ชุดเพื่อนเจ้าสาว ให้ได้ดั่งใจและมีความสุขแบบยกแก๊งมาฝาก

 

คิดก่อนว่าต้องการอะไร

ส่วนมากชุดเพื่อนเจ้าสาวมักจะแมตช์กัน ถ้าไม่สไตล์เดียวกันก็จะมีสีที่เหมือนๆ กันเป็นส่วนใหญ่ แต่อย่าลืมนะคะว่าแต่ละคนมีรูปร่าง สรีระ สีผิว และความมั่นใจที่แตกต่างกันออกไป เพราะฉะนั้นเพื่อความยืดหยุ่นและสบายใจของแต่ละคนในการที่จะอยู่ในชุดเพื่อนเจ้าสาวตลอดทั้งคืนนั้น จะดีกว่าไหมหากให้แต่ละคนมีโอกาสได้สวมชุดในสไตล์หรือเฉดสีที่ตัวเองชื่นชอบ อย่างเช่น หากทุกคนในกลุ่มมีสีผิวที่ไม่ทิ้งห่างกัน ก็อาจจะเลือกชุดสีเหมือนกันแต่คนละแบบ หรือถ้าหากในกลุ่มมีสิวผิวที่ต่างกันเยอะ ก็อาจจะเลือกใส่ให้ต่างเฉดสีเข้มอ่อนคละกันไปเพื่อให้เข้ากับสีผิวของแต่ละคนเป็นต้น เพราะฉะนั้นก่อนที่สาวๆ จะออกไปหาซื้อผ้าหรือไปเลือกช้อปชุดตามร้านต่างๆ การแชร์ความคิดเห็น หาสไตล์ และแนวทางที่ลงตัวในกลุ่มจึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด

ชุดเพื่อนเจ้าสาว

หาแนวทางได้แล้วก็อย่าลืมหาแบบไว้ในใจ

ปัจจุบันชุดเพื่อนเจ้าสาวมีให้เลือกมากมายหลากหลายแบบไม่แพ้ชุดเจ้าสาว เพราะฉะนั้นงานนี้สาวๆ ต้องใช้ความพยายามและความรู้สึกในการเลือกรูปแบบของชุดที่ถูกใจมากที่สุดและอยากจะใส่จริงๆ เพราะฉะนั้นขั้นตอนการหาข้อมูลหรือออกตาหาชุดจึงสำคัญ ซึ่งอาจจะแยกย้ายกันไปหาหรือจะยกแก๊งกันไปลองให้ได้เห็นภาพสดๆ กันไปเลยก็ยังได้ จากนั้นก็นำชุดทั้งหมดที่ได้เห็นและได้ลองมาคัดเลือกกันอีกทีว่า ชุดแบบไหนหรือสีใดที่ชนะใจทุกคนในกลุ่มมากที่สุด และช่วงนี้นี่แหละค่ะที่สาวๆ จะได้พูดความในใจและแชร์ความคิดเห็นกันมากที่สุด แล้วอย่าลืมชวนว่าที่เจ้าสาวให้มาช่วยเป็นกรรมการตัดสินเกมในครั้งนี้ด้วยนะคะ ไม่แน่หรอกว่าสุดท้ายแล้วสาวๆ อาจจะต้องพึ่งความคิดเห็นจากเจ้าสาวเป็นหลักก็ได้

เปิดใจเรื่องงบประมาณ

ขั้นตอนนี้ว่าที่เจ้าสาวอาจจะมีเอี่ยวด้วยนิดๆ หากคุณใจดีให้บัดเจ็ตกับเพื่อนๆ ไปจัดการเรื่องชุดเพื่อนเจ้าสาว เช่น ในกรณีตัดชุดใหม่ ว่าที่เจ้าสาวอาจจะช่วยออกค่าผ้าให้ เป็นต้น หรือหากงานนี้เพื่อนเจ้าสาวจะขอรับผิดชอบเองแบบเต็มๆ การพูดคุยเรื่องเงินๆ ทองๆ กันในกลุ่มจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะฉะนั้นอย่าเหนียมอายที่จะบอกเพื่อนๆ ว่า คุณมีเงินพอจ่ายเท่าไหร่สำหรับชุดเพื่อนเจ้าสาวให้เพื่อนในกลุ่มได้รับทราบ เพื่อที่จะได้ช่วยกันควบคุมงบประมาณให้อยู่ในราคาที่ทุกคนสามารถจ่ายไหว

หาซื้อหรือสั่งตัดล่วงหน้าให้ทันในเวลาที่เหมาะสม

ในกรณีนี้ไม่ว่าคุณจะสั่งชุดสำเร็จรูปจากออนไลน์ หรือสั่งตัดชุดใหม่แบบพิเศษ ก็ล้วนที่จะต้องใช้เวลาในการตัดเย็บ ปรับแก้ และจัดส่งแทบทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นการเผื่อเวลาไว้ให้นานสักหน่อยจะเป็นผลดีกับสาวๆ มากที่สุด เพราะเชื่อเถอะว่ากว่าคุณจะมีเวลาตกลงเรื่องแบบ สไตล์ หรือสีกันได้ก็อาจจะใช้เวลาเป็นเดือนๆ แล้ว ทางที่ดีเราขอแนะนำให้มองหาไปพร้อมๆ กับที่ว่าที่เจ้าสาวกำลังมองหาชุดแต่งงานไปเลยนั่นแหละดีที่สุด

นัดหมายการไปลองชุดกับที่ร้าน

เจ้าสาวนั้นมีคนเดียว เวลาไปลองชุดก็ลองแค่คนเดียว แต่เพื่อนเจ้าสาวสิคะ มีกันเป็นแก๊ง บางแก๊งมีกันเป็น 10 ถ้าในหนึ่งวันยกโขยงกันไปสัก 3 แก๊งมีหวังได้ลองชุดกันเป็นวันแน่ เพราะฉะนั้นสาวๆ ควรที่จะนัดหมายกับทางร้านให้เรียบร้อยก่อนที่จะเข้าไปลองชุด พร้อมกับแจ้งจำนวนคนกับทางร้านไว้ด้วยว่าจะเข้าไปทั้งหมดกี่คน เพื่อที่ทางร้านจะได้เผื่อเวลาให้กับสาวๆ ได้ลองชุดกันอย่างสบายใจ และอาจจะแจ้งกับทางร้านไว้ด้วยว่าต้องการชุดแบบไหน สีอะไร และจำนวนเท่าไหร่ เพื่อที่ทางร้านจะได้จัดเตรียมไว้ล่วงหน้าก่อนที่สาวๆ จะเข้าไปลองในวันที่นัดหมาย เผื่อเกิดเหตุการณ์ชุดมีไม่พอหรือไม่มีสีที่ต้องการเพื่อนเจ้าสาวจะได้รีบหาทางแก้ไขได้ทันยังไงล่ะจ๊ะ

สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด เราอยากให้สาวๆ แค่สนุกไปกับการเลือกชุดก็พอ อย่าไปซีเรียสถึงสไตล์หรือรูปแบบอะไรมากนัก คิดเสียว่ากำลังเลือกชุดไปทริปสนุกๆ กับแก๊งเพื่อนสาว แล้วโฟกัสแค่ว่าคุณจะมีความสุขแค่ไหนในวันแต่งงานของเพื่อนสุดที่รักก็พอ

ดูไอเดียชุดเพื่อนเจ้าสาวและคำแนะนำเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

CR. www.theknot.com, www.pinterest.com

คนรับขันหมาก คือใครแล้วต้องทำหน้าที่อะไรบ้างไปส่องกัน

นงานแต่งงานตามประเพณีไทยคนมักจะให้ความสำคัญกับขบวนแห่หมากจนหลงลืมอีกหนึ่งหน้าที่ ที่สำคัญไม่แพ้ใครนั่นก็คือ คนรับขันหมาก เขาเป็นใคร ทำอะไร วันนี้เรามีคำตอบจากคุณบ๊อบบี้ จาก Jirayu The Wedding Planner  มาให้แล้วค่ะ

“คนรับขันหมาก”  มีด้วยกัน 2 กลุ่มนะคะ กลุ่มแรกรับบนเวที และกลุ่มที่ 2 โดยมากมักจะอยู่ข้างเวที เรามาดูหน้าที่ของกลุ่มแรกกันก่อนดีกว่าค่ะ คนรับขันหมากบนเวที ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นพ่อแม่หรือญาติผู้ใหญ่ของฝ่ายเจ้าสาว  นิยมเตรียมกันมา 1 คู่ ส่วนหน้าที่ก็ไม่มีอะไรมากมาย แค่รับพานแหวนหมั้น พานสินสอดทรัพย์สินมีค่าทั้งหลายที่ขึ้นมาบนเวทีนำมาวางลงบนโต๊ะที่จัดเตรียมไว้ แต่ขั้นตอนนี้ต้องระวังนะคะ ห้ามส่งต่อให้ใครเด็ดขาด เพราะถือเรื่องโชคลางกันว่าจะได้ไม่มีมือที่สามสี่ห้าในชีวิตคู่

ส่วนกลุ่มรับขันหมากหน่วยที่ 2 ที่บอกให้สแตนด์บายข้างเวที ส่วนใหญ่จะเป็นญาติผู้น้องของเจ้าสาวหรือเพื่อนเจ้าสาวค่ะ  จะคอยรับขันหมากที่ไม่ได้ขึ้นไปแสดงตัวบนเวที และคนรับขันหมากตรงนี้นอกจากจะรับขันหมากมาวางที่โต๊ะข้างเวทีแล้ว ยังมีอีกหนึ่งหน้าที่ก็คือถือซองเงินมอบให้กับขบวนขันหมาก ถือเป็นสินน้ำใจตอบแทนเล็กๆ น้อยๆ ด้วย

เนี่ยแหล่ะคะ “คนรับขันหมาก” ก็มีหน้าที่รับขันหมากตามชื่อเลยเนอะ และเป็นคนละคนกับ คนเชิญขันหมาก นะคะ ในเมื่อรู้หน้าที่ที่สำคัญนี้แล้วว่าใครจะทำ ก็มาเช็กการ จัดพานขันหมากให้ถูกหลักตามตำรับไทยแท้ กันต่อเลย

ขอบคุณข้อมูลจาก Jirayu The Wedding Planner  โทร. 08-6998-9339

เคล็ดลับการจัดดอกไม้งานแต่ง ไม่ว่าจะห้องเล็กห้องใหญ่ก็สวยเพอร์เฟกต์

ไม่ว่าห้องจัดเลี้ยงจะมีขนาดเท่าไหร่ งานแต่งก็สวยได้กับทริคการ จัดดอกไม้งานแต่ง ที่เรานำมาฝาก

การ จัดดอกไม้งานแต่ง นั้นสิ่งแรกที่บ่าวสาวควรคำนึงถึงในการตกแต่งดอกไม้ภายในห้องจัดเลี้ยงก็คือ ขนาดของห้องที่มีความแตกต่างกัน เช่น ห้องเล็ก ห้องใหญ่ หรือนอกอาคาร เพราะขนาดห้องของแต่ละสถานที่ไม่สามารถใช้ดอกไม้ที่มีขนาดเท่ากันหรือตกแต่งห้องด้วยดอกไม้ในรูปแบบเดียวกันได้

ห้องขนาดเล็กเป็นห้องแคบ มีพื้นที่น้อยควรหลีกเลี่ยงการวางสิ่งต่างๆ ไว้บนพื้น ควรตกแต่งดอกไม้โดยการแขวนจะดีกว่า และไม่ควรใช้ดอกไม้ที่มีขนาดใหญ่ เพราะจะทำให้ห้องมีขนาดเล็กลง
ห้องขนาดใหญ่ ควรใช้ดอกไม้ที่มีขนาดใหญ่กว่าดอกไม้ที่ใช้ตกแต่งในห้องขนาดเล็ก หรือจะใช้ดอกไม้ที่มีขนาดแตกต่างกันมาประดับก็ได้เพื่อให้แขกผู้มาร่วมงานสามารถมองเห็นความสวยงามของการตกแต่งดอกไม้ได้อย่างชัดเจน ถ้าคู่บ่าวสาวมีงบประมาณจำกัด ควรจัดดอกไม้แบบกระจาย เพื่อเวลาถ่ายภาพออกมาจะทำให้รู้สึกว่ามีดอกไม้มากมายอยู่รายรอบ
องค์ประกอบอื่นที่ควรคำนึงถึง เช่น ความสูงต่ำของเพดาน สีหรือพื้นห้องเป็นวัสดุใด ลวดลายในห้องเป็นแบบไหน
การจัดงานแต่งงานแบบเอ้าท์ดอร์ ควรเลือกการตกแต่งดอกไม้แบบมีจุดโฟกัสและต้องมีการดูแลดอกไม้ที่ใช้ภายในงานมากเป็นพิเศษ เพราะเป็นสถานที่ที่อยู่กลางแจ้ง จึงควรคำนึงถึงแดด ลม และฝน

จัดดอกไม้งานแต่ง
@acv2/ mariana acevedo

เลือกสีสันดอกไม้ให้เข้ากับห้องจัดเลี้ยง

ศึกษาการเลือกโทนสีดอกไม้ที่จะใช้ในงานแต่งงานเสียก่อน เช่น ถ้าตกแต่งด้วยดอกไม้ที่มีโทนสีออกแนวอ่อนหวาน ภาพของงานจะออกมาในแบบที่ดูอ่อนหวาน ส่งผลให้อารมณ์ของคู่บ่าวสาวมีความชื่นมื่นและอบอวลไปด้วยความสุข
สีของดอกไม้ควรเป็นสีที่คู่บ่าวสาวชอบหรือใช้โทนสีของดอกไม้ที่หาได้ง่ายเพื่อความสะดวกในการซื้อ หรืออาจเป็นสีที่มาจากคอนเซปต์ของงานก็ได้
สถานที่จัดงานแต่งงานเป็นส่วนสำคัญ เช่น ถ้าจัดงานแต่งงานเอ้าท์ดอร์ ดอกไม้ที่ใช้ตกแต่งควรเน้นสีอ่อนๆ และเพิ่มระบบแสงให้มากขึ้น
ถ้าเป็นการจัดงานริมทะเล คอนเซปต์จะเน้นบรรยากาศสบายๆ ริมชายหาด ฟรีสไตล์ไม่ต้องใส่รองเท้า การจัดดอกไม้ควรร้อยเป็นเส้นสายให้ดูสบายๆ ประดับเปลือกหอยและมีเทียนใส่ในโถแก้ว วางเป็นจุดสลับกับพร้อพส์ที่เป็นดอกไม้และเปลือกหอย ปะการัง เม็ดทราย ดอกไม้ควรเน้นที่เป็นสีขาวและสีฟ้า เช่น ดอกคาร์เนชั่น ดอกกุหลาบ ดอกลิลี่ ดอกไฮเดรนเยีย เพื่อให้ลิงค์กับผืนฟ้า ท้องทะเล
ถ้าธีมของงานเป็นแฟนตาซีแนวคัลเลอร์ฟูลดูสนุกสนาน สีของดอกไม้ควรเน้นสีสดๆ เช่น สีส้ม สีแดง ประดับด้วยริบบิ้นหลากหลายสี และอาจใช้คริสตัลต่างๆ ร้อยเป็นเส้นล้อกับดอกไม้ เวลาโดนแสงไฟจะสวยงามมากขึ้น

@kellysikkema

เทคนิคการเลือกดอกไม้
ควรเลือกดอกไม้ตามฤดูกาลและดอกไม้ที่ปลูกในประเทศไทย
เพราะจะได้ดอกไม้ที่สดใหม่ตลอดเวลา เหมาะกับสภาพอากาศของประเทศไทย และประหยัดงบประมาณ
ดอกไม้ที่มีราคาแพงที่สุดคือดอกไม้นำเข้าจากนิวซีแลนด์ เช่น คาลล่า (Calla) โพรเทีย (Protea) และดอกไม้แปลกๆ มักจะเป็นดอกไม้แอฟริกัน สีสันสวยคลาสสิค ไม่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปตามร้านดอกไม้ ต้องสั่งนำเข้าเท่านั้น หรือประเภทกล้วยไม้ฟาแลนอปซิส (Phalaenopsis) ที่มีราคาแพงเพราะปีหนึ่งจะเก็บดอกได้ไม่กี่ครั้ง

ข้อมูลที่บ่าวสาวควรบอกกับทีมจัดดอกไม้

– คอนเซปต์ ธีมงานทั้งหมดว่าเป็นแบบไหน
– คู่บ่าวสาวควรบอกไอเดียต่างๆ ที่ต้องการจัดและดอกไม้ที่ต้องการใช้ล่วงหน้า เพื่อความสะดวกในการจัดหาว่าดอกไม้ที่เลือกไว้มีตามฤดูกาลหรือเปล่า ถ้าหายากควรจะปรับเปลี่ยนเป็นดอกไม้อย่างอื่นแทน
– งบประมาณใช้จ่ายของการตกแต่งดอกไม้ในงานและระยะเวลาในการทำงานของทีมงาน
– มุมหรือจุดต่างๆ ของสถานที่จัดเลี้ยงที่อยากให้จัดดอกไม้

@shardayyy

ข้อควรระวังของการตกแต่งดอกไม้ในงานแต่งงาน

– ไม่ควรจัดเต็มทั้งงาน เพราะจะทำให้งานดูแคบ ควรจัดในปริมาณที่ไม่ต้องมากนัก แต่เน้นให้กระจายในหลายๆ จุด จะช่วยสร้างความต่อเนื่องและให้อารมณ์ในการมองได้มากกว่า
– การตกแต่งดอกไม้ในห้องจัดเลี้ยง ควรหลีกเลี่ยงการใช้ดอกไม้ที่ส่งกลิ่นรุนแรง เพราะกลิ่นของดอกไม้จะไปผสมกับกลิ่นของอาหารทำให้บรรยากาศภายในงานไม่ดี

รู้เคล็ดลับการจัดดอกไม้ให้เหมาะกับห้องจัดเลี้ยงไปแล้ว ก็มาเลือก 10 ดอกไม้งานแต่งความหมายดีๆ ช่วยเสริมรักนี้ให้ยาวนาน กันต่อเลย

ภาพ unsplash.com

T95 STUDIO ช่างภาพพรีเวดดิ้งที่มีสไตล์การจัดแสงและสร้างฟีลลิ่งที่เป็นธรรมชาติ พร้อมควบตำแหน่งสไตลิสต์ด้วย

ภาพถ่ายพรีเวดดิ้งแนว Portrait กำลังได้รับความนิยมจากบ่าวสาวมากขึ้น ด้วยสไตล์การถ่ายภาพในสตูดิโอที่เน้นความเรียบง่ายแต่ออกมาดูดี มีจุดเด่นอยู่ที่อารมณ์ของบ่าวสาวที่เป็นธรรมชาติ จีงเป็นภาพถ่ายที่ได้ลุคเรียบหรูดูแพง ซึ่งคุณต้น T95 STUDIO คือช่างภาพที่มีชื่อติดท็อปลิสต์อยู่เสมอ ที่นอกจากจะมีดีเรื่องฝีมือการถ่ายภาพแล้ว ยังมีจุดเด่นด้านการบริการที่ดูแลใส่ใจบ่าวสาวเหมือนเพื่อนคนหนึ่ง งานนี้แพรวเวดดิ้งเลยมีบ่าวสาวตัวจริงที่เคยใช้บริการกับคุณต้น T95 STUDIO มายืนยันถึงฝีมือการถ่ายภาพพร้อมการบริการที่ทำให้บ่าวสาวประทับใจตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้

คุณไอซ์ & คุณยศ บ่าวสาวที่ผิดหวังจากการถ่ายภาพพรีเวดดิ้งครั้งแรกเพราะภาพที่ได้ไม่เหมือนที่ต้องการ จนได้มาเจอกับคุณต้น T95 STUDIO จึงตัดสินใจลงทุนถ่ายภาพพรีเวดดิ้งใหม่อีกรอบ

“เราทั้งคู่คิดกันอยู่นานเป็นเดือนว่าจะถ่ายพรีเวดดิ้งใหม่อีกรอบดีไหมเพราะเราเสียเงินไปกับรอบที่แล้วค่อนข้างเยอะ จนเมื่อตกลงกันว่าจะถ่ายใหม่ก็เริ่มหาช่างภาพที่มีสไตล์การถ่ายภาพพรีเวดดิ้งในสตูดิโอแบบเรียบๆ อย่างที่เราต้องการ จนไปเจอท็อปลิสต์ช่างภาพแนวนี้ประมาณ 5-6 เจ้า ซึ่งคุณต้น T95 STUDIO เป็นหนึ่งในนั้น แต่ด้วยความกังวลกลัวว่าจะพลาดเหมือนครั้งที่แล้วอีก รอบนี้เราเลยใช้เวลาค่อนข้างนานมากในการตัดสินใจว่าจะเลือกใช้เจ้าไหนดี”

“ซึ่งเจ้าที่เราสนใจที่สุดคือ คุณต้น T95 STUDIO เพราะตรงกับสไตล์ภาพพรีเวดดิ้งที่เราอยากได้ ชอบแสงและการจัดไฟที่ดูเป็นธรรมชาติ แต่ก็ใช้เวลาคุยกับคุณต้นนานอยู่เป็นเดือนกว่าที่จะตอบตกลงซึ่งคุณต้นก็ให้คำแนะนำกับเราอย่างดี คอยซักถามพูดคุยส่งภาพเรฟเฟอเรนซ์มาให้ดูตลอด ตอบทุกคำถามที่เรากังวล จนทำให้เราเกิดความเชื่อมั่นในตัวเขา”

“ที่สำคัญคุณต้น T95 STUDIO มีความใส่ใจเรามากกว่าเจ้าอื่นๆ เวลาถามหรือต้องการอะไรเขาจะตอบกลับในสิ่งที่เราต้องการทันที พร้อมมีภาพประกอบให้เห็น ต่างกับเจ้าอื่นที่รอคำตอบค่อนข้างนาน พอได้คุยกันเยอะขึ้นความมั่นใจที่จะเลือกใช้เขาก็มากขึ้นด้วย จนรู้สึกว่าคนนี้แหละที่น่าจะดูแลเราได้”

“นอกจากนี้คุณต้นยังดูแลเรื่องเสื้อผ้าด้วยว่าต้องเลือกเสื้อผ้าแบบไหนถึงจะเข้ากัน ส่งภาพชุดมาให้ดูว่าต้องเป็นประมาณนี้นะถึงจะออกมาสวย แนะนำไปจนถึงเรื่องแต่งหน้าทำผมด้วยว่าต้องทำยังไง ทำให้เรายิ่งรับรู้ถึงความเอาใจใส่และความตั้งใจของเขามากๆ”

“จนมาถึงวันถ่ายจริงเราก็ยังมีความกังวลอยู่ แต่พอถ่ายไปได้ประมาณ 2-3 รูปก็โล่งใจ รู้เลยว่าไม่ต้องกังวลอะไรแล้ว สามารถโพสท่าในแบบของเราได้เต็มที่ เพราะภาพที่เห็นในจอคือดีมาก ตรงตามที่อยากได้ทุกอย่าง ที่สำคัญได้เห็นถึงความใส่ใจในการทำงานของคุณต้นที่คอยบอกว่าต้องโพสท่าไหนถึงจะดูดี จนเราแทบไม่ต้องคิดหรือกังวลเรื่องโพสท่าเลย ยิ่งพอได้เห็นภาพตัวเองในจอทุกภาพก็เริ่มมีความเชื่อมั่นมากขึ้นเรื่อยๆ จากตอนแรกที่กังวลมากแต่พอได้เห็นรูปเซตแรกทั้งหมดก็มั่นใจเลยว่ารูปต้องออกมาดีแน่นอน เพราะภาพที่เห็นคือสวยในระดับที่สามารถนำไปใช้ได้เลยโดยที่ยังไม่ต้องแต่งภาพเลยด้วยซ้ำ”

“เราทั้งคู่รู้สึกขอบคุณคุณต้น T95 STUDIO มากๆ เพราะก่อนหน้านี้เราเครียดกันอยู่หลายเดือนว่าจะถ่ายพรีเวดดิ้งใหม่ดีไหม จนได้มาเจอคุณต้น ตอนแรกก็ยอมรับว่ายังมีความกังวลอยู่ แต่พอได้เห็นภาพตัวเองก็ลดความกดดันและความกังวลทั้งหมดไปได้ รู้สึกว่าเราเลือกไม่ผิดจริงๆ ที่มาถ่ายพรีเวดดิ้งกับเขา ยิ่งพอได้มาทราบทีหลังว่าคุณต้นรับถ่ายภาพวันแต่งงานด้วยก็เสียดายมาก เพราะเราจองแพ็คเกจถ่ายภาพวันแต่งงานไปแล้ว ถ้าเป็นไปได้ก็อยากที่จะใช้คุณต้นในวันแต่งงานด้วย”

คุณอีฟ & คุณก้อง บ่าวสาวที่ประทับใจทั้งในฝีมือการถ่ายภาพและการบริการที่มีความเอาใจใส่ตั้งแต่วันแรกที่คุยกัน จึงตัดสินใจเลือกคุณต้น T95 STUDIO ให้ถ่ายทั้งภาพพรีเวดดิ้ง และเป็นช่างภาพในวันแต่งงานของทั้งคู่ด้วย

“เราอยากได้ภาพพรีเวดดิ้งสไตล์มินิมอลที่ถ่ายในสตูดิโอ และอยากใส่ชุดที่ดูเป็นสไตล์ตัวเองมากกว่า เลยเริ่มหาว่ามีช่างภาพเจ้าไหนที่มีสไตล์การถ่ายภาพแบบที่เราต้องการบ้าง จนไปเจอเว็บไซต์ที่เขาจัดอันดับช่างภาพแนวนี้เอาไว้จึงได้รู้จักกับคุณต้น T95 Studio ซึ่งภาพถ่ายของเขาตรงกับสไตล์ที่เราชอบพอดี”

“เหตุผลที่เราตัดสินใจเลือกคุณต้น T95 STUDIO เพราะเขาค่อนข้างต่างจากเจ้าอื่นๆ ในเรื่องของความใส่ใจ คอยสอบถามความต้องการของเราตลอดทั้งๆ ที่เรายังไม่ได้เลือกเขาด้วยซ้ำ ที่สำคัญเขาตอบคำถามเราทันทีที่ถามไป ติดต่อได้ตลอดไม่ว่าจะตอนไหน เนื่องจากอีฟทำงานเป็นแอร์โฮสเตสตารางการทำงานจึงไม่เป็นเวลาเหมือนคนอื่น บางทีเราว่างตอนตี 1 ตี 2 ลองทักไปแต่เขาก็ยังตอบ เลยรู้สึกว่าช่างภาพคนนี้ใส่ใจเราดีจัง น่าจะดูแลเราได้ดี ที่สำคัญเขาอนุญาตให้นำแมวไปถ่ายภาพได้ด้วย ซึ่งส่วนใหญ่สตูดิโอจะไม่ค่อยอนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงเข้าไป เราก็เลยไม่เสียเวลาไปหาที่อื่นแล้ว”

“ก่อนถึงวันถ่ายคุณต้นยังดูแลเรื่องชุดด้วยว่าต้องเตรียมชุดแบบไหนไปถ่าย พร้อมบอกร้านและพิกัดให้เราไปหาได้อย่างสะดวก ซึ่งวันที่เราไปเลือกซื้อชุดคุณต้นก็คุยกับเราตลอดเวลาเหมือนมาด้วยกัน ไลน์คุยกันตลอด ส่งรูปให้ดูว่าชุดนี้โอเคไหม คุยกันตั้งแต่เริ่มหาจนได้ชุดที่ต้องการเรียบร้อย”

“ในวันถ่ายจริงตอนแรกก็กังวลเพราะโพสท่าไม่เป็นเลยโดยเฉพาะเจ้าบ่าว แต่คุณต้นก็ช่วยดูแลเรื่องโพสให้ว่าต้องทำแบบไหน มีภาพเรฟเฟอเรนซ์ให้ดู ตอนแรกเจ้าบ่าวเกร็งมาก แต่คุณต้นก็สร้างบรรยากาศการถ่ายให้มีความผ่อนคลาย พยายามชวนคุย ปล่อยมุก จนทั้งเราทั้งเจ้าบ่าวเริ่มยิ้มเริ่มขำ ช่วยลดความเกร็งไปได้เยอะ ซึ่งปกติแล้วเจ้าบ่าวไม่ค่อยพูดกับใครแต่คุณต้นก็สามารถละลายพฤติกรรมตรงนั้นได้ ทำให้เราทั้งคู่รู้สึกเหมือนอยู่กับเพื่อน กล้าที่จะยิ้มกล้าที่จะหัวเราะ ทำให้ได้ภาพที่ดูเป็นธรรมชาติมากๆ”

“ตอนที่เห็นภาพตัวเองในจอก็คิดตรงกันว่านี่แหละคือภาพพรีเวดดิ้งที่เราต้องการ ขนาดเห็นภาพที่ยังไม่ได้รีทัชก็ชอบแล้ว ยิ่งพอได้เห็นภาพที่รีทัชแล้วยิ่งชอบมากขึ้นไปอีก”

“หลังถ่ายเสร็จได้รู้ว่าคุณต้นรับถ่ายภาพวันแต่งงานด้วย แต่ตอนนั้นเรามีช่างภาพวันงานที่จองไว้แล้ว แต่สุดท้ายเราก็ตัดสินใจยอมควักกระเป๋าเลือกใช้คุณต้นเป็นช่างภาพในวันแต่งงานเพิ่มทั้งงานเช้าและงานเย็น รวมถึงให้คุณต้นดูแลเรื่องวิดีโอภาพรวมงานทั้งหมดด้วย เหตุผลที่ยอมจ่ายเงินเพิ่มเพราะเรารู้สึกว่าคุณต้นเขารู้แล้วว่าเราชอบหรือไม่ชอบอะไร รู้ใจเราเหมือนเป็นเพื่อนกันไปแล้ว รู้มุมหน้าที่ถ่ายออกมาแล้วเราจะดูดี”

“เราประทับใจคุณต้นตั้งแต่วันแรกที่ได้คุยกัน เห็นถึงความใส่ใจและความพยายามให้คำแนะนำต่างๆ กับเราเหมือนเพื่อนคนหนึ่ง ขนาดวันนี้งานแต่งงานของเราผ่านไปแล้วคุณต้นก็ยังคอยถามตลอดว่าอยากจะแก้ไขอะไรในวิดีโออีกไหม ทำให้เรารับรู้ได้ถึงความใส่ใจในบริการที่เขามีต่อลูกค้าอย่างแท้จริง”

คุณต้น หรือ T95 STUDIO ช่างภาพสายแฟชั่นที่มีสไตล์การจัดแสง
และสร้างฟีลลิ่งที่เป็นธรรมชาติ พร้อมควบตำแหน่งสไตลิสต์

และนี่คือความประทับใจของบ่าวสาวที่ได้ใช้บริการกับคุณต้น T95 STUDIO ซึ่งนอกจากการถ่ายภาพพรีเวดดิ้งแล้ว คุณต้น T95 STUDIO ยังมีทีมภาพนิ่งและทีมวิดีโอสำหรับวันงาน รวมถึงบริการถ่ายทำวิดีโอพรีเซนเทชั่นในวันถ่ายพรีเวดดิ้งด้วย ที่สำคัญยังมีบริการชุดแต่งงานทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวหลากไซส์หลายแบบให้เลือก ไม่ว่าจะเป็น ชุดแต่งงานสไตล์เจ้าหญิงพองฟู ชุดแต่งงานสไตล์มินิมอล หรือชุดแต่งงานแนวลูกไม้ รวมไปถึงยังดูแลเรื่องชุดอื่นๆ ที่บ่าวสาวจะเลือกมาถ่ายพรีเวดดิ้งให้ด้วย

สำหรับว่าที่บ่าวสาวคู่ไหนที่กำลังมองหาช่างภาพสไตล์ Portrait แบบนี้อยู่และอยากได้รับประสบการณ์ดีๆ เหมือนบ่าวสาวสองคู่ด้านบนลองเข้าไปดูผลงานคุณต้น T95 STUDIO ได้ที่  Facebook Fanpage: T95studio หรือเว็บไซต์ www.t95studio.com หรือจะโทร. ไปสอบถามได้ที่เบอร์ 081-306-5383 หรือไลน์ : tonzaabkk (ตรวจสอบความถูกต้องก่อนพิมพ์กันให้ดีนะจ๊ะ) และอีเมล [email protected] ซึ่งจริงๆ แล้วคุณต้น T95 STUDIO สามารถถ่ายภาพได้หลากหลายแนวมากๆ พิสูจน์ได้จากผลงานภาพถ่ายของบ่าวสาวด้านล่างนี้กันได้เลย

4 ข้อมูลเบื้องต้นที่บ่าวสาวควรทราบหากจะเสิร์ฟไวน์ในงานแต่ง

เมื่อพูดถึงการเฉลิมฉลอง หรือช่วงปาร์ตี้ของงานแต่งงานในปัจจุบัน หลายคู่รักมักนิยมใช้ ไวน์ในงานแต่ง ซึ่งการใช้ไวน์เป็นเครื่องดื่มภายในงานนั้นสามารถช่วยสร้างความประทับใจให้กับแขกที่มาร่วมงานได้เป็นอย่างดี ด้วยภาพลักษณ์ของไวน์ที่ดูหรูหราและมีรสนิยม วันนี้ แพรว wedding จึงรวบรวม 4 คำแนะนำดีๆ ที่รับรองว่ามีประโยชน์สำหรับการตัดสินใจเลือกใช้ไวน์สำหรับงานฉลองของคุณอย่างแน่นอนค่ะ

 

การเลือกชนิดของไวน์

เราจะพูดถึงไวน์แดงและไวน์ขาวซึ่งเป็นชนิดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดกันเป็นหลักนะคะ ไวน์แดงและไวน์ขาวนั้นทั้งสีและรสชาติจะแตกต่างกันไปตามธรรมชาติของวัตถุดิบอยุ่แล้ว ไวน์แดงจะมีสีตั้งแต่สีแดงอ่อน ๆ จนถึงสีม่วงเข้ม ขึ้นอยู่กับประเภทขององุ่น ไวน์แดง นิยมรับประทานกับเนื้อสัตว์ที่มีกลิ่นค่อนข้างแรงถึงจะเข้ากัน

ส่วนไวน์ขาวนั้นจะมีระดับสีที่ต่างกันตั้งแต่สีเหลืองซีดจนถึงสีเหลืองทองสดใส รสชาติอ่อน และกลิ่นน้อย จึงนิยมดื่มกับอาหารที่มีกลิ่นไม่มาก เช่น ปลา อาหารทะเล เนื้อที่มีสีขาว หรืออาหารเรียกน้ำย่อย

ช่วงเวลา

ช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการดื่มไวน์มากที่สุด จะมี 2 ช่วง ช่วงเช้าจะอยู่ระหว่าง 10.00-12.00 น. และช่วงบ่ายจะอยู่ระหว่างเวลา 16.00-18.00 น. ในช่วงเวลานี้ เป็นช่วงเวลาที่คนดื่มจะรู้สึกหิวเล็กน้อย ความรู้สึกนี้จะช่วยการชิมไวน์มีประสิทธิภาพที่สุด เพราะประสาททุกส่วนในการรับรู้ กลิ่น รสและสี ทำงานได้เต็มที่

ไวน์ในงานแต่ง

ราคาและปริมาณ

การเลือกซื้อไวน์ที่จะนำมาใช้เป็นเครื่องดื่มภายในงานขึ้นอยู่กับจำนวนแขกและกำลังทรัพย์ของเจ้าภาพเอง โดยราคาไวน์ที่นิยมใช้กันทั่วไปและไม่โหดร้ายต่อกระเป๋าสตางค์มากนักจะอยู่ที่ประมาณ 400 – 1,200 บาทต่อขวด ซึ่งไวน์ 1 ขวด สามารถรินได้ประมาณ 6-8 แก้ว ลองคำนวณดูดีๆจะได้ไม่ขาดไม่เกินนะคะ

การเลือกร้านที่จัดจำหน่ายไวน์

บ่าวสาวควรดูความน่าเชื่อถือของร้านนั้นๆ และไม่ควรเลือกซื้อไวน์ที่มีราคาถูกมากเกินไปของราคาตลาดซึ่งมีความเสี่ยงที่จะได้ของที่ไม่มีคุณภาพหรือของปลอม และไม่ควรซื้อไวน์ที่ไม่ได้เสียภาษีอย่างถูกต้องซึ่งผลที่จะตามมาคือมีความผิดทางกฎหมายได้นะคะ

ดูไอเดียงานแต่งงานและคำแนะนำเพิ่มเติม คลิกเลย!

cr : wine-now.asia, cranville-live.storage.googleapis.com, blovedblog.com a