30 ข้อผิดพลาดที่หนุ่มๆ พึงระวังเมื่อต้องอยู่ในสเตตัส “เจ้าบ่าว”

บอกกันมาก็เยอะแล้วถึงข้อผิดพลาดที่ทั้งเจ้าสาวและเพื่อนเจ้าสาวควรระวัง ครั้งนี้เป็นคำเตือนสำหรบหนุ่มๆ ที่กำลังจะกลายเป็นเจ้าบ่าวกันบ้าง ดูสิว่ามีอะไรบ้างที่คุณต้องระวังและห้ามทำพลาดเมื่ออยู่บนสถานะ “เจ้าบ่าว”

1. ละเลยเรื่องงบประมาณ

ตั้งสติก่อนที่คุณจะควักกระเป๋าจ่ายเงินสักนิด ลองคิดดูว่าสิ่งๆ นั้นเหมาะกับงานแต่งของเราไหม เปลืองงบประมาณของเราโดยใช่เหตุหรือเปล่า เอาเป็นว่าถ้าบวกลบคูณหารในใจแล้วยังมีเงินเหลือจากส่วนอื่นๆ และไม่ทำให้ขนหน้าแข้งร่วง ค่อยจ่ายเงินซื้อก็ได้นะ

2. ลืมโทรบอกข่าวดีกับคนอื่นๆ !

หลังจากที่หนุ่มๆ คุกเข่าขอแต่งงานสาวคนรักแล้ว บางคนก็มักจะตื่นเต้นจนลืมโทรบอกคนรู้จักจนพวกเขารู้เองจากเฟซบุ๊กหรือรูปภาพจากอินสตาแกรม แบบนี้ถือว่าใช่ไม่ได้เลยนะ! คุณควรจะต้องโทรบอกคนสำคัญทุกคนด้วยตัวคุณเอง เพราะเขาอยากจะได้ยินจากปากของคุณมากกว่ารู้เองจากโซเชียลเน็ตเวิร์ก

3. บอกแฟนเก่าว่าจะแต่งงาน

“จะบอกเพื่อ?” หรือจะเชิญมางาน บอกตรงนี้เลยว่าดีไม่ดีพวกหล่อนอาจจะรู้ข่าวด้วยความรวดเร็วก่อนคุณจะยกหูขึ้นมาซะอีก

4. ปล่อยให้ว่าที่เจ้าสาวจัดการกับรายชื่อแขก

อย่าทิ้งภาระนี้ให้กับว่าที่เจ้าสาวเด็ดขาด เพราะเธอคงไม่รู้หรอกว่าคนสำคัญสำหรับคุณนั้นมีใครบ้าง เพราะฉะนั้นแขกใครแขกมัน เตรียมรายชื่อกันเองก่อน แล้วมานั่งคุยกันว่า คนนั้นคนนี้คุณจะเชิญ เธอจะโอเคไหม คนล้นงานหรือเกินกว่าที่คิดหรือเปล่า

5. รีบเซ็นสัญญาหรือตอบตกลงกับผู้รับจ้าง

อย่ารีบเซ็นสัญญาหรือตอบตกลงใดๆ กับผู้ที่จะมาทำหน้าที่จัดงานแต่งงานให้คุณทุกหน่วยเพราะอยากรีบสรุปงาน ควรถามความเห็นจากว่าที่เจ้าสาวด้วยว่าเธอโอเคหรือเปล่า ลองเสิร์ชอ่านรีวิวของแต่ละเจ้า และที่สำคัญถ้ามีการเซ็นสัญญาว่าจ้างใดๆ ต้องอ่านรายละเอียดให้เรียบร้อย ติดใจหรือสงสัยข้อไหนก็ทำดอกจันไว้แล้วสอบถามให้รู้เรื่อง อย่าหลับหูหลับตาเซ็นเด็ดขาด

6. ไม่มาคุยหรือประชุมเรื่องรายละเอียด

เจ้าบ่าวบางคนมักจะชอบโดดประชุมรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับงานแต่ง แล้วปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพ่อแม่ และเจ้าสาวตัดสินใจ แต่! นี่มันก็งานแต่งงานของคุณเหมือนกันนะคะ คุณควรจะรับรู้และช่วยตัดสินใจเกี่ยวกับทุกรายละเอียดที่จะมีในงาน หรือถ้ามันยุ่งและมาไม่ได้จริงๆ แนะนำว่าให้คุณตามเรื่องราวกับว่าที่เจ้าสาวของคุณแทน แต่อย่าละเลยเด็ดขาด เกิดว่ามีอะไรไม่ถูกอกถูกใจคุณขึ้นมา จะมาโวยวายทีหลังไม่ได้แล้วนะ

7. ไม่สนใจไปเลือกของชำร่วย

อย่าคิดว่าเป็นของกระจุ๋มกระจิ๋มแล้วจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าสาวนะคะ คุณควรที่จะไปเลือกของชำร่วยที่จะใช้แทนคำขอบคุณด้วยกัน อย่าปล่อยให้เจ้าสาวไปตัดสินใจคนเองคนเดียวล่ะ

8. ปล่อยให้เจ้าสาวออกแบบงานแต่งคนเดียว

รูปแบบและธีมงานแต่งมักจะเป็นสิ่งที่แสดงออกถึงไลฟ์สไตล์หรือความชอบของเจ้าบ่าวเจ้าสาว เพราะฉะนั้นหากคุณปล่อยให้คนรักนั่งคิดและออกแบบงานแต่งเพียงคนเดียวก็คงจะไม่ดีเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นช่วยๆ กันคิด นำสไตล์ความชอบของทั้งคุณและเธอมาแมตช์กันก็คงจะดีไม่น้อย

9. เผลอพูดคำว่า “อะไรก็ได้” ออกมาบ่อยๆ

ว่าที่เจ้าบ่าวบางคนมักจะเกิดอาการ Groomchilla คือเป็นเจ้าบ่าวสุดชิลล์ให้ออกความคิดเห็นอะไรก็ไม่พูด ให้เลือกอะไรก็ไม่เลือก ให้ตัดสินใจอะไรก็ไม่ทำ โดยมีประโยคประจำใจว่า “อะไรก็ได้” แบบนี้ถือว่าผิด! ต้องรีบปรับปรุงตัวด่วนๆ คุณต้องออกความคิดเห็นบ้าง เลือกในสิ่งที่คุณต้องการบ้าง ไม่เช่นนั้นว่าที่เจ้าสาวและคนรอบข้างตัวคุณนั่นแหละที่จะออกอาการเบื่อหน่ายกับคำตอบของคุณ

10. รู้สึกตัวช้า

โอ๊ยยย! คุณคะ เจ้าบ่าวบางคนกว่าจะรู้สึกตัวว่าต้องมีส่วนร่วมในการเตรียมงานแต่งก็ปาเข้าไปอาทิตย์สุดท้ายก่อนวันงานแล้วเพิ่งจะอยากรู้ว่าเขาเตรียมงานกันไปถึงไหนแล้ว รูปแบบงานจะออกมาหน้าตาแบบไหน ซึ่งอันที่จริงคุณควรจะเป็นคนที่รู้ทุกอย่างตั้งแต่วันที่เริ่มวางแผนงานด้วยซ้ำ

11. ลืมเรื่องเพื่อนเจ้าบ่าว

การหาคนมาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวมันก็คงไม่ยากเท่าไหร่ แต่เรื่องชุดที่จะให้ใส่เข้ากันเนี่ย คุณเจ้าบ่าวจะต้องช่วยเลือกให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ที่สำคัญหลังเสร็จงานอย่าลืมหาของขวัญเล็กๆ น้อยๆ เป็นของตอบแทนน้ำใจให้เหล่าเพื่อนชายด้วยนะจ๊ะ

12. ทำเซอร์ไพร้ส์เจ้าสาวมากเกินไป

ในขณะที่เจ้าบ่าวบางคนละเลยไม่ใส่ใจการเตรียมงานแต่ง แต่ก็จะมีเจ้าบ่าวบางคนที่เป็นห่วงคนรัก กลัวว่าเธอจะเตรียมงานจนเหนื่อยล้า เลยพยายามสรรหาวิธีต่างๆ มาเซอร์ไพร้ส์ให้เธอดีใจอยู่เสมอ เรื่องแบบนี้ถ้าทำแบบพอดีๆ มันก็ดูน่ารักนะคะ แต่ถ้าคุณทำมากเกินไปมันจะเปลี่ยนจากความน่ารักกลายเป็นความน่ารำคาญแทน

13. ปาร์ตี้สละโสดจนเพลิน

อะแฮ่มๆ ก็เข้าใจนะคะว่าปาร์ตี้สละโสดสำหรับหนุ่มๆ มันเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไป ใครๆ ก็ทำกัน แต่! บางทีคุณก็ต้องตระหนักด้วยว่าคุณกำลังจะแต่งงานแล้วนะ เพราะฉะนั้นจะดื่มจะเที่ยวอะไรก็ต้องเกรงใจว่าที่ภรรยาบ้าง อย่าเลยเถิดจนเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นล่ะ เดี๋ยวจะไม่ได้แต่งงาน

14. ลืมนัดแนะคิวกับเพื่อนเจ้าบ่าว

งานแต่งงานของคนไทยมักจะใช้คนเยอะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงแห่ขันหมาก ทางที่ดีขอแนะนำว่าคุณควรจะนัดแนะกับเหล่าเพื่อนพ้องของคุณให้เรียบร้อยเลยว่า ใครมีหน้าที่ถือพานอะไรในขบวนขันหมากบ้าง ใครจะช่วยต่อรองช่วงเจรจาผ่านประตูบ้าง พอถึงวันจริงแล้วจะได้ไม่วุ่นวายนะ

15. ไม่ควบคุมอารมณ์ตัวเอง

ในช่วงเตรียมงานแต่งอาจจะมีปัจจัยหลายๆ อย่างที่ทำให้คุณและว่าที่เจ้าสาวเกิดอาการเครียด ขอเตือนไว้ว่า ถ้าคุณไม่รู้จักควบคุมอารมณ์ของตัวเอง การกระทบกระทั่งกันเพียงเล็กน้อย อาจลุกลามเป็นการทะเลาะใหญ่โตก็ได้

16. กลายร่างเป็น Groomzilla

ในข้อที่ 8 เราได้พูดถึง Groomchilla เจ้าบ่าวสุดชิลล์ไปแล้ว คราวนี้ก็มีอีกหนึ่งอาการคู่ตรงข้ามสำหรับเจ้าบ่าว คือ Groomzilla ที่เป็นอาการวิตกกังวลว่างานตัวเองจะไม่ออกมาเพอร์เฟ็กต์ คอยสังเกตทุกอย่างทุกรายละเอียดของงานแต่งงาน อะไรที่ไม่ได้ดั่งใจก็จะเริ่มโวยวาย แบบนี้ก็สุดโต่งเกินไป ระวังคนรอบกายจะออกอาการระอาใส่คุณล่ะกัน

17. เมามายในคืนวันก่อนแต่ง

นอกจากจะมีปาร์ตี้สละโสดแล้ว ว่าที่เจ้าบ่าวบางคนก็ถูกเพื่อนชวนสังสรรค์ในคืนก่อนวันแต่งงาน เราไม่ได้จะบอกว่าให้คุณปฏิเสธเพื่อนๆ นะคะ แต่คุณควรจะระมัดระวังอย่าเมามายจนหัวราน้ำเพราะว่ามันคงจะเป็นอะไรที่แย่มากๆ ถ้าเช้าวันแต่งงานจะต้องมีเจ้าบ่าวที่ตัวเหม็นคลุ้งไปด้วยกลิ่นเหล้า

18. วางแผนเวลาของตัวเองผิด

เจ้าบ่าวหลายคนก็วิ่งวุ่นอยู่กับการจัดงานจนไม่มีเวลาไปตัดผม โกนหนวด ดังนั้นใครที่กำลังคิดว่าเดี๋ยวค่อยไปตัดผมตอนเช้าวันแต่งก็ได้ บอกเลยว่า หยุดคิด! เพราะว่าคุณอาจจะมาเข้างานช้ากว่าเวลาที่กำหนดไว้ ถ้าจะให้ดีต้องไปตัดก่อนวันแต่งงาน 1 วัน จะได้ไม่เกิดปัญหาเจ้าบ่าวหายตัวในวันงานให้คนแตกตื่น

19. เลือกสีถุงเท้าพลาด

แม้จะเป็นเพียงแค่ถุงเท้า แต่เราก็ขอร้องให้คุณเจ้าบ่าวช่วยพิถีพิถันในการเลือกสีถุงเท้าสักนิด อย่าให้มันต้องแปลกแหวกแนวจนดูตลก ควรเลือกสีถุงเท้าให้มันเข้ากันกับชุดที่คุณใส่ด้วย เช่น ถ้าคุณใส่ชุดสูทหรือทักซิโด้สีดำ คุณก็ควรจะเลือกถุงเท้าสีดำ อย่าเลือกสีแดง ส้ม เหลืองให้มันดูพิลึกกึกกือเด็ดขาด อย่าลืมว่าทุกย่างก้าวที่ขยับขากางเกงจะลอยขึ้นมาไม่มากก็น้อย เรียกว่ายังไงก็เห็น ฉะนั้นเลือกให้ดีไว้ก่อนโอเคกว่านะ

20. ดื่มในคืนวันแต่งจนเพลิน

แน่นอนว่าในคืนวันแต่งงานจะต้องมีเหล่าเพื่อนพ้องน้องพี่ที่จะชวนคุณยกแก้วดื่มเพื่อเฉลิมให้กับวันสำคัญของคุณ แต่ขอเตือนว่า คุณควรจะจำกัดลิมิตการดื่มของตัวเองด้วยว่าควรจะดื่มแค่ไหนถึงจะสามารถครองสติอยู่ได้จนกระทั่งจบงานและส่งแขกกลับบ้าน มันคงไม่ดีแน่ถ้าเจ้าสาวจะต้องมาเห็นเจ้าบ่าวเมาไม่รู้เรื่องในงานแต่งของตัวเอง

21. เสื้อผ้าหลุดลุ่ยก่อนช่วงอาฟเตอร์ปาร์ตี้

งานนี้เจ้าบ่าวควรจะเช็กหน้าผมและความเป๊ะของเครื่องแต่งกายให้เรียบร้อย โบว์ไทด์อย่าให้เบี้ยว เสื้ออย่าให้หลุดลุ่ย เข็มขัดอย่าลืมใส่ กระดุมข้อมือก็อย่าลืมติดให้เรียบร้อย เพื่อที่ภาพถ่ายในวันสำคัญจะได้ออกมาดูดี หล่อแบบไร้ที่ติ จนกว่าจะเข้าสู่ช่วงอาฟเตอร์ปาร์ตี้ คราวนี้อยากถอด อยากเหวี่ยงชิ้นไหนออกก็ตามใจ ขออย่างเดียวอย่าถอดจนหมดก็แล้วกันนะ

22. ลืมให้กำลังใจเจ้าสาวของคุณก่อนจะต้องแยกกันในวันแต่ง

เตรียมงานด้วยกันมาตลอดเวลา พอถึงวันแต่งจริงที่คุณและว่าที่เจ้าสาวจะต้องแยกกันชั่วคราวในตอนเช้าเพื่อไปเตรียมตัวเข้าพิธี เจ้าสาวบางคนอาจตื่นเต้นมากจนตัวสั่น เพราะฉะนั้นคุณต้องจะให้กำลังใจเธอด้วยนะ ขอแนะนำให้คุณกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูแล้วพูดว่า “เดี๋ยวเจอกันนะครับที่รัก” แบบนี้หวานเว่อร์!!

23. ลืมกินข้าว!

ถ้าคุณไม่อยากเป็นเจ้าบ่าวหิวโซในงานแต่งของตัวเอง อย่าลืมรองท้องก่อนงานแต่งจะเริ่มนะคะ ไม่ต้องกลัวว่าจะลงพุงแล้วใส่สูทจะไม่หล่อหรอกนะ ถ้าไม่อยากทานอะไรหนักๆ ก็ลองเป็นขนมปัง นม หรือผลไม้สักเล็กน้อยก็ได้ แต่อย่าปล่อยให้ท้องว่าง ไม่งั้นเป็นลมกลางงานไม่รู้ด้วยนะ

24. ไม่เตรียมมาก่อนว่าจะพูดอะไรในงานแต่ง

เจ้าบ่าวหลายคนมักจะละเลยเรื่องการเตรียมคำพูดบนเวที และมักจะนึกว่าเดี๋ยวถึงเวลาก็คิดออกเอง แบบนี้ถือว่าผิดนะคะ! ทางที่ดีคุณควรจะนึกเสียก่อนว่าจะพูดอะไรบ้าง เช่น บอกความในใจกับเจ้าสาว หรือจะกล่าวขอบคุณใครในงานก็ควรจะเตรียมและซ้อมพูดไว้สักหน่อย จะได้ไม่ต้องไปยืนอ้ำๆ อึ้งๆ บนเวที

25. ลืมโพยที่จะพูด

ถึงแม้ว่าคุณจะเตรียมและซ้อมมาอย่างดีว่าจะพูดอะไรบ้างบนเวที แต่เพื่อความแน่นอนและความมั่นใจว่าคุณจะไม่อึกๆ อักๆ ตะกุกตะกักเพราะลืมสิ่งที่จะพูด ให้คุณจดโพยลงกระดาษแผ่นเล็กๆ แล้วใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ เผื่อว่าเกิดลืมขึ้นมาจริงๆ จะได้หยิบมาดูได้ทันเวลา

26. ไม่รู้จักเต้นเปิดฟลอร์

เดี๋ยวนี้งานแต่งบ้านเรามีอาฟเตอร์ปาร์ตี้กันเยอะนะคะ เพราะฉะนั้นคุณเจ้าบ่าว(รวมถึงเจ้าสาวด้วย) ควรจะต้องออกสเต็ปเล็กๆ น้อยๆ เพื่อเป็นการเปิดฟลอร์เต้นรำ ไม่ต้องถึงขนาดกับเริงลีลาศหรอกค่ะ เอาแค่โยกย้ายแบบเบาๆ ก็พอ

27. ลืมพกผ้าเช็ดหน้าติดตัว

ผ้าเช็ดหน้าถือเป็นไอเท็มสำคัญที่คุณจะบ่าวจะต้องมีติดกระเป๋าสูทไว้นะคะ เพราะในระหว่างพิธีแต่งงาน เจ้าสาวกว่า 90 % จะต้องมีอาการบ่อน้ำตาแตกแน่นอน คราวนี้คุณจะได้ถือโอกาสหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตาให้กับเจ้าสาว เป็นโมเมนต์หวานๆ ในงานแต่ง แถมยังได้ภาพสวยๆ อีกด้วย

28. ไม่ใส่ใจเรื่องฮันนีมูน

สำหรับผู้หญิงหลายคน การได้ไปฮันนีมูนกับสามีป้ายแดงถือเป็นความฝันอย่างหนึ่งเลยนะคะ (เราก็ฝันเหมือนกัน อิอิ!) ซึ่งคุณเจ้าบ่าวก็ควรจะช่วยออกความคิดเห็นสักนิดว่าจะไปทำอะไรที่ไหน แบบนี้ความหวานจากการดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์คงจะเพิ่มขึ้นไม่น้อย

29. คุยกับเพื่อนจนลืมเจ้าสาว

ในงานแต่งงานอาจจะมีเพื่อนพ้อง รุ่นพี่ รุ่นน้อง หรือใครอีกหลายคนเข้ามาชวนคุณคุยและดื่ม แต่ขอเตือนไว้ว่า อย่าคุยเพลินจนทิ้งให้เจ้าสาวหายไปจากข้างกายเด็ดขาดนะ เดี๋ยวจะโดนเธองอนเอา ข้อหาคุยโม้จนไม่สนใจคุณภรรยา

30. ตื่นเต้นจนลืมสนุก

เจ้าบ่าวบางคนก็ออกอาการตื่นเต้น ประหม่า เครียด กับวันแต่งงานของตัวเองจนทำอะไรไม่ถูก บางคนก็กลัวจะทำไอ้นั่นผิด ไอ้นี่พลาด เกร็งจนลืมสนุกสนานไปกับงาน ถ้าเป็นแบบนี้เราขอแนะนำว่าให้ทำตัวสบายๆ แบบ Let it go ค่ะ ปล่อยไปตามที่ใจต้องการแล้วสนุกไปกับวันสำคัญของคุณซะ

ครบแล้ว 30 ข้อสำหรับสิ่งที่ว่าที่เจ้าบ่าวมักจะทำผิดพลาดหรือหลงลืมละเลยกันอยู่บ่อยๆ เอาเป็นว่าใครที่กำลังเตรียมตัวจะเป็นเจ้าบ่าวก็อย่าลืมเช็กตัวเองด้วยว่ามีข้อไหนที่ตรงกับตัวเองบ้างหรือเปล่า ถ้ามีก็ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงได้แล้ว เดี๋ยวเจ้าสาวเขาจะงอนเอานะ อิอิ!

CR : www.brides.com

พิธีแต่งงานชาวเหนือ อีกหนึ่งพิธีแต่งงานที่เต็มไปด้วยความเป็นสิริมงคล

ตามไปส่อง พิธีต่างๆ ของ พิธีแต่งงานชาวเหนือ กันเถอะเจ้า

เมื่อพูดถึง พิธีแต่งงานชาวเหนือ สิ่งที่หลายคนนึกถึงคงไม่พ้นความลุมุนนุ่มนวลของน้องนางหน้าขาวว่าที่เจ้าสาวกับความสวยงามสุดวิจิตรของบรรดาข้าวของเครื่องใช้ในพิธี แต่สิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กันได้แก่ รายละเอียดในพิธีที่โดดเด่นไม่ซ้ำใคร แถมยังบ่งบอกถึงอัตลักษณ์ชาวเหนือได้ดีไม่มีที่ติ

ซึ่งปัจจุบันพิธีแต่งงานแบบล้านนา ได้มีการประยุกต์ผสมผสานวัฒนธรรมการแต่งงานแบบภาคกลางเข้ามาร่วมด้วย โดยพิธีการแต่งงานจะนิยมจัดที่บ้านของฝ่ายหญิง เนื่องจากธรรมเนียมล้านนานิยมให้ผู้ชายไปอยู่กับผู้หญิงที่บ้านของพ่อแม่ฝ่ายหญิง ดังนั้นเมื่อรักใคร่ชอบพอกัน และมีการหมั้นหมายกันไว้แล้ว ฝ่ายชายจะหาฤกษ์งามยามดีเพื่อจัดพิธีแต่งงานต่อไป

พิธีขอเขย

แต่หากคุณคิดว่า พิธีที่ว่าจะเริ่มด้วยฝ่ายชายยกขบวนขันหมากมาที่บ้านฝ่ายหญิง เราขอให้คิดใหม่ เพราะหลักปฏิบัติของคู่รักล้านนาแต่เดิมนั้น ในเช้าวันแต่งงานเมื่อทุกอย่างเป็นไปตามกำหนด ผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงจะเดินทางไปยังบ้านฝ่ายชายพร้อมพานดอกไม้ธูปเทียนเพื่อทำการ “ขอเขย” ซึ่งก็คือการพูดเชิญผู้ใหญ่ฝ่ายชายให้นำตัวเจ้าบ่าวและญาติพี่น้องแห่ขันหมากมายังบ้านฝ่ายหญิงให้ทันตามฤกษ์ที่ได้ตกลงกันไว้ แล้วจึงดำเนินพิธีการต่อไป

ขบวนขันหมาก

เมื่อถึงวันแต่งงาน เจ้าบ่าวจะนำญาติพี่น้องพร้อมขบวนแห่บายศรีที่มีขันดอกไม้หรือ “ขันอัญเชิญ” พานใส่ขันหมากเอก พร้อมพานใส่ของกำนัลเล็กๆ น้อยๆ ที่เรียกว่า “ขันหมากรอง” ที่บรรจุหมาก ใบเงิน ใบทอง ใบนาก และถุงข้าวเปลือก ข้าว ถั่ว งา ส่วนเพื่อนๆ ในขบวนถือพานใส่เสื้อผ้า ถุง และดาบเพื่อแสดงฐานะของเจ้าบ่าว (ส่วนพานบานศรีนั้นอยู่ที่ว่าจะให้ใครเตรียม บางคู่ให้เจ้าบ่าวนำมาพร้อมขบวน บางบ้านเจ้าสาวจะเตรียมไว้ที่บ้านเจ้าสาวก็ไม่ผิด)

เมื่อขบวนมาถึงบ้านเจ้าสาว เจ้าบ่าวจะต้องต่ายค่าผ่านประตูให้กับขบวนกั้นประตูเงินประตูทองที่ญาติเจ้าสาวเตรียมมาต้อนรับ หลังจากผ่านด่านครบแล้ว เจ้าบ่าวจะเข้าไปมอบเงินค่าน้ำนมให้กับคุณแม่ของเจ้าสาวเพื่อถือเป็นการตอบแทนพระคุณครอบครัวที่ได้เลี้ยงดูเจ้าสาวมาเป็นอย่างดี จากนั้นจึงเข้าไปรับตัวเจ้าสาวที่รออยู่ในห้องเก็บตัว (บางบ้านจะให้เจ้าสาวออกมารอรับเจาบ่าวด้วยตั้งแต่แรก แต่จะให้เจ้าสาวยืนรออยู่หลังประตูสุดท้าย เมื่อผ่านประตูมาจนครบจึงสามารถเดินเคียงข้างกันเข้าสู่บริเวณที่ประกอบพิธี) จากนั้นบ่าวสาวจะเข้าสู่พิธีแต่งงานที่เรียกว่า พิธีเรียกขวัญ และผูกข้อมือบ่าวสาว

พิธีเรียกขวัญ

เมื่อเข้าสู่บริเวณประกอบพิธี เจ้าบ่าวจะนั่งทางขวา เจ้าสาวนั่งทางซ้าย จากนั้นผู้ประกอบพิธี (อาจเป็นอาจารย์ปู่ที่นับถือหรือผู้เฒ่าผู้แก่คนสำคัญในบ้าน หรือหมู่บ้านก็ได้) เพื่อเป็นผู้ทำ พิธีเรียกขวัญ ให้กับบ่าวสาว โดยจะเอ่ยเรียกขวัญด้วยภาษาล้านนาที่มีทำนองไพเราะอ่อนหวาน มีความหมายว่าให้ทั้งคู่รักกันยืนยาวชั่วชีวิต ขณะเดียวกันก็จะแทรกด้วยการเตือยสติบ่าวสาวว่า กำลังจะเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านของชีวิตจากหนุ่มสาววัยรุ่นสู่ความเป็นพ่อเรือนแม่เรือนที่จะต้องครองคู่กันอย่างมีสติ

ลำดับต่อไปคือ พิธีปัดเคราะห์ ซึ่งทำเพื่อเอาเคล็ดให้บ่าวสาวอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ปราศจากโรคภัย และอุปสรรคทั้งปวง ก่อนจะให้ญาติผู้ใหญ่และพ่อแม่เจ้าสาวผูกข้อมืออวยพรคู่บ่าวสาว ตามด้วยญาติผู้ใหญ่และพ่อแม่เจ้าบ่าว ปิดท้ายด้วยญาติสนิทมิตรสหายของทั้งสองฝ่าย

พิธีแต่งงานชาวเหนือ

พิธีผูกข้อมือ

การผูกข้อมือ จะใช้ฝ้ายดิบหรือฝ้ายไหมผูกที่ข้อมือของบ่าวสาว โดยเจ้าสาวผูกที่ข้อมือซ้าย เจ้าบ่าวผูกที่มือขวา ระหว่างที่ผูกข้อมือก็จะต้องกล่าวคำอวยพรให้แก่บ่าวสาว แล้วจึงมอบซองเงินให้กับคู่บ่าวสาวใส่ในขันสลุง หลังจากนั้นผู้ประกอบพิธีจะเป็นผู้ถอดฝ้ายมงคลออกให้ จึงถือเป็นอันเสร็จพิธี

บางคู่อาจทำ พิธีสืบชะตา เพิ่มเติมเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งการเริ่มต้นชีวิตคู่ ซึ่งในการประกอบพิธีจะมีเสาไม้ 3 ต้นค้ำกันไว้ เพื่อสื่อว่าให้ทั้งคู่ช่วยเหลือค้ำจุนกันไปตลอดชีวิต ขณะทำพิธีบ่าวสาวจะนั่งอยู่ใต้เสา 3 ต้นและนำสายสิญจน์ที่ผูกเสาทั้ง 3 ต้นมาสวมบนศีรษะและรับพรจากผู้ประกอบพิธี

ส่งตัวบ่าวสาว

ก่อนจะถึงการส่งตัวบ่าวสาวซึ่งเป็นพิธีการสุดท้าย จะต้องมีการมัดมือบ่าวสาวไว้ด้วยกันก่อน โดยมัดมือขวาของเจ้าสาวติดกับมือซ้ายของเจ้าบ่าว และให้พ่อแม่หรือบุคคลที่เคารพนับถือเป็นผู้จูงคู่บ่าวสาวเข้าห้อง โดยญาติฝ่ายเจ้าสาวจูงมือข้างที่เหลือของเจ้าสาว (มือข้างซ้าย) ส่วนญาติฝ่ายเจ้าบ่าวจูงมืออีกข้างของเจ้าบ่าว (มือข้างขวา) แล้วพาเข้าไปยังห้องหอ ซึ่งปูผ้าวางหมอนชุดใหม่พร้อมโปรยกลีบดอกไม้เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว และต้องไม่ลืมนำบายศรีและขันสลุงที่ใส่เงินทองที่ผู้มาร่วมงานได้มอบให้ตอนมัดมือบ่าวสาวเข้าไปวางเตรียมไว้ด้วย

ก่อนที่บ่าวสาวจะล้มตัวลงนอนบนเตียงในห้องหอ จะต้องให้พ่อแม่หรือผู้ใหญ่ที่แต่งงานครั้งเดียวและอยู่ด้วยกันอย่างยั่งยืนนอนเป็นตัวอย่างเพื่อเอาเคล็ดก่อน จากนั้นให้โอวาทในการครองเรือน แล้วจึงปล่อยให้คู่ข้าวใหม่ปลามันอยู่กันลำพังต่อไป

เรามีทิปส์ดีๆ มาฝากด้วย 6 เคล็ดลับการันตีเรื่องประหยัดค่าขันหมากในพิธีแต่งงานไทย

ภาพเปิด งานแต่งงานคุณไนซ์ & คุณแซนด์ ถ่ายโดย WIRUN KULTAN PHOTOGRAPHY
ภาพประกอบจาก Pinterest, sanook.com

ไอเดียจัดงานแต่งตาม Pantone2020 สี Classic Blue ธีมงานแต่งงานสีกรมท่าสุดคลาสสิค

ว่าที่บ่าวสาวที่กำลังมองหาธีมงานแต่งงานกันอยู่ มาดูกันไวๆ เลย เพราะ แพรวเวดดิ้งขอนำ ธีมงานแต่งงานสีกรมท่า ที่อัพเดทตามสีของ Pantone 2020 ที่มาในสี Classic Blue ซึ่งเป็นสีที่ดูลึกลับน่าค้นหา ดูสุขุม นุ่มลึก และสุภาพสุดๆ อย่ารอช้า มาดูกันเลย

1. ชุดบ่าวสาว

มาเริ่มกันที่ชุดของบ่าวสาวในงานก่อนนะจ๊ะ เพราะเป็นเหมือนกับพระเอกและนางเอกในงานนั่นเอง เจ้าสาวสามารถเลือกใส่ได้ทั้’ชุดสีกรมท่า หรือสีขาวตามแบบฉบับเจ้าสาวที่หลายคนนิยมใส่กัน แต่ถ้าจะให้แนะนำเราว่าเจ้าสาวใส่ชุดสีขาวหน่ะดีอยู่แล้วค่ะ ปล่อยให้เจ้าบ่าวสวมสูทสีกรมแทน เพื่อที่เจ้าสาวจะได้สวยงามและโดดเด่นในชุดสีขาวบริสุทธิ์นั่นเอง ส่วนเจ้าบ่าวก็สวยหล่ออินเทรนด์ในชุดสีกรมท่าแน่นอน

ธีมงานแต่งงาน ธีมงานแต่งงาน ธีมงานแต่งงาน

2. การตกแต่ง

สีกรมท่า สามารถเข้าได้ดีกับสีขาว สีทอง สีเงิน ทางที่ดีควรใช้สีเหล่านี้ในการตัดกับสีกรมท่า เพราะจะตัดกันแบบลงตัวไม่โดด ให้ความรู้สึกดูหรูหราและแพงขึ้นมาก แต่ถ้าอยากเพิ่มสีสัน จะนำสีแดงตัดลงไปเพิ่มก็ได้นะจ๊ะ รับรองว่ายิ่งโดดเด่น เช่น โต๊ะอาหารสามารถปูผ้าสีกรมท่าได้ ส่วนรายละเอียดของตกแต่งบนโต๊ะลองหาจาน หรือภาชนะโลหะมาวางก็จะยิ่งเพิ่มเสน่ห์ให้กับงานได้ค่ะ

ธีมงานแต่งงาน ธีมงานแต่งงาน

3. ดอกไม้ในงาน

อย่างที่บอกไปว่าสีที่ตัดกับสีกรมที่ดีที่สุดคือ สีขาว สีเงิน สีทอง คุณสามารถเลือกใช้ดอกไม้เหล่านี้ในงานได้ ประเภทดอกไม้ก็คือ ดอกกุหลาบ ดอกลิลลี่ ดอกเยบีร่า ส่วนสีทองและสีเงิน แนะนำให้นำดอกไม้แห้งไปพ่นสีจะสวยกว่าค่ะ แต่ถ้าอยากจะลองเพิ่มความหวานละมุนลองใช้ดอกไฮเดนเยียร์สีฟ้า ไล่โทนไปหาสีน้ำเงินเข้ม รับรองเลยว่าสวยปัง ดูผู้ดี๊ผู้ดีสุดๆ

ธีมงานแต่งงาน

4. เครื่องประดับบ่าวสาว

เจ้าสาวสามารถใส่เครื่องประดับที่เข้ากับธีมงานแต่งงานได้ โดยเลือกเครื่องประดับอย่างเพชร หรือไพลิน เพราะอัญมณีสองสีนี้สามารถสวมใส่ได้ทั้งชุดสีขาวและชุดสีกรมท่า ส่วนเจ้าบ่าวสามารถประดับบูโทเนียร์ได้ทั้งสีขาว สีฟ้า หรือสีขาวแดงก็ได้ทั้งหมดเลยค่ะ

ธีมงานแต่งงาน ธีมงานแต่งงาน ธีมงานแต่งงาน

5. ชุดเพื่อนเจ้าสาว

แน่นอนว่าชุดเพื่อนเจ้าสาวควรเข้ากับธีมงานแต่งงาน และไม่ควรใส่สีขาวเพราะแขกในงานจะเข้าใจผิดว่านี่คือเจ้าสาวนั่นเอง เหล่าสาวๆ อาจลองใส่ชุดสีกรมท่าดูก็น่าดีที่สุด และสีนี้ไม่ว่าจะมีสีผิวแบบไหนก็ใส่รอดนะ แล้วแมตช์ด้วยเครื่องประดับอย่างต่างหู หรือสร้อยเส้นเล็กๆ ก็รอดแล้วค่ะ

ธีมงานแต่งงาน ธีมงานแต่งงาน

และนี่คือไอเดียธีมงานแต่งงานที่เราคัดมาให้แล้วว่าสวยงามปังสุดๆ ดูเรียบแต่หรู บ่าวสาวคู่ไหนยังไม่มีไอเดียในงานแต่งก็ลองนำประประกอบการตัดสินใจดูนะจ๊ะ แต่ถ้าคู่ของคุณเป็นคู่รักสายหวานไม่อิงตามแพนโทนล่ะก็ ไปดู ธีมงานแต่งสีบลัชพิ้งค์เทรนด์ใหม่เพิ่มความน่ารักมุ้งมิ้งให้กับงาน กันต่อเลย

ภาพจาก : Pinterest.com

ส่องแหวนแทนใจสุดหรู นาตาลี – ฟลุค พร้อมที่มากว่าจะได้แหวนวงนี้นั้นไม่ธรรมดา!

นาตาลี เจียรวนนท์ และฟลุค – เกริกพล มัสยวาณิช เป็นอีกหนึ่งคู่ที่หลายคน (รวมแพรว wedding ด้วย) ช่วยลุ้นมาตลอดว่าเมื่อไรจะมีข่าวดี เพราะทั้งไลฟ์สไตล์ความชอบทุกอย่างช่างดูเหมาะสมลงตัวโดนใจกองเชียร์ที่สุด และนี่คือเรื่องราวของ แหวนแทนใจ ที่นาตาลีถึงกับบอกว่า ถึงจะมีอีกกี่วงเธอก็จะใส่วงนี้วงเดียวติดตัวไปตลอดเลยจ้า – เรื่อง  Minim, Mod / ภาพ ดวงพร

แหวนแทนใจ

Will you marry me?

นาตาลี เจียรวนนท์ เล่าถึงช่วงเวลาที่ถูกขอแต่งงานระหว่างไปทริปล่องเรือพักผ่อนที่ประเทศกรีซว่า “ทริปนั้นเราล่องเรือครูซไปเที่ยวกรีซ ซึ่งมี เพื่อนๆ ไปด้วยหลายคน ลีจึงไม่สงสัยหรือเอะใจว่าทริปนี้จะมีเซอร์ไพร้ส์หรืออะไรเลย แต่ด้วยความที่พี่ฟลุคเขาคงตื่นเต้นทำให้มีอะไรเล็กๆ น้อยๆ หลุดออกมาอยู่ตลอดจนลีเริ่มสงสัย (หัวเราะ) ต้องเล่าก่อนว่าพี่ฟลุคเขาบอกว่าตั้งใจไว้แล้วว่าถ้าไม่ขอทริปนี้ก็อาจจะครั้งต่อไป แต่ครั้งนี้เราล่องเรือกันเขารู้สึกว่าเป็นประเทศที่สวย บรรยากาศดี และเพื่อนๆ ไปด้วยเยอะ ทุกอย่างเป็นใจ เหลือแต่เพียงว่าไม่รู้จะขอที่บริเวณไหนบนเรือ เขาจึงไปปรึกษากับพี่สาวของลี (แลท-เลลาณี เจียรวนนท์) โดยตัดสินใจซื้อแหวนในทริปนี้เลย แต่ลีไม่รู้นะคะว่าเขาไปแอบซื้อตอนไหน แต่ที่เริ่มสงสัยเพราะว่าภายในเรือมีร้านขายของ ลีเดินไปดู แหวนบุลการี (Bvlgari) แล้วเจอวงที่สีสวยถูกใจก็หยิบขึ้นมาลอง แต่พี่สาวและเพื่อนรีบเข้ามาบอกว่าไม่สวย ไม่เข้ากับลี ใส่แล้วดูมือซีดมากเลย ไปดูอย่างอื่นเถอะ สร้อย จี้ หรือกำไลดี ลีก็งง เพราะปกติทุกคนไม่พร้อมใจกันค้านขนาดนี้ (หัวเราะ) แถมยังพยายามดึงเราให้ไปดูอย่างอื่น ทำให้ลีเริ่มสงสัยนิดๆ แต่ก็ยังไม่ได้คิดอะไรมาก

“ปกติเวลาไปล่องเรือเขาจะมี Dress Code ในแต่ละวัน ซึ่งชุดสีแดงที่ลีใส่ตอนสวมแหวนที่จริงเป็นชุดที่เตรียมไว้ใส่ในคืน Chic Night ซึ่งต้องใส่ชุดแบบ Formal Dress ในวันที่ 3 แต่พี่ฟลุคและทุกคนก็พูดชวนกันประมาณว่ามาใส่ชุดสำหรับ Chic Night ในวันที่ 2 กันเถอะ พยายามให้เหตุผลว่าพวกเราจะได้ไม่เหมือนคนอื่น ใส่ถ่ายรูปเล่นสวย  กันก่อน ลีงงหนักมากเพราะทุกคนไม่เคยใส่ใจเรื่องชุดขนาดนั้น แต่ก็โอเคตามไปคิดว่าเพื่อนๆ คงอยากถ่ายรูป ซึ่งก่อนหน้านั้นตอนที่เรากินข้าวเย็นช่วงพระอาทิตย์ตก (ประมาณสองทุ่ม) ฟ้าเป็นสีชมพูสวยมาก ลีบอกพี่ฟลุคว่าวิวตรงนั้นสวยดี เขาก็เลยบอกทุกคนให้แต่งตัวสวยแล้วมาเจอกันตรงจุดวิวสวยเวลาสองทุ่มเพื่อถ่ายรูปกัน ตอนนั้นลีสงสัยว่าจะใช่หรือเปล่านะ ซึ่งพอสงสัยมากๆ ก็เริ่มนอยด์ กังวล ตื่นเต้น (หัวเราะ) จนทุกคนบอกว่าหน้าลีตอนนั้นดูเครียดมากๆ (หัวเราะ) พอเวลาประมาณหกโมงกว่า ลีเริ่มเดินไปเดินมา ออกจากห้องมาเจอลมแรง ผมยุ่ง ยิ่งรู้สึกว่าไม่พร้อม คือใจกังวลไปหมดแล้ว ก็เลยกลับเข้าห้องไปทำผมใหม่ (หัวเราะ) แล้วชุดที่ใส่ก็เป็นเดรสยาว กลัวลมพัดแล้วกระโปรงเปิดอีก คือกังวลไปหมด ทุกอย่างจริงๆ จากนั้นพอถึงเวลารวมตัวกันตรงที่นัดสักพักพี่ฟลุคบอกให้ย้ายไปนั่งตรงหน้าจอโปรเจ็กเตอร์สำหรับฉายภาพเพื่อสั่งขนมกิน สักพักมีเพลงดังขึ้นแล้วจอก็ขึ้นรูปของเรา ลีน้ำตาคลอเลยค่ะ ความรู้สึกมันผสมกันไปหมด ทั้งกังวล ตื่นเต้น แต่ที่เซอร์ไพร้ส์มากๆ คือ บนจอมีทั้งรูปทำเป็นสไลด์และข้อความว่า Will you marry me? ทำให้รู้เลยว่า พี่ฟลุคเขาตั้งใจมากจริงๆ ตอนนั้นก็ Said Yes ปนน้ำตาเลยค่ะ ทั้งดีใจ ตื้นตัน จากนั้นแขกบนเรือก็มามุงดูเราเต็มเลย”

Promise Ring

“แหวนวงนี้พี่ฟลุคบอกว่ายังไม่ใช่แหวนหมั้น อยากให้เรียกว่าเป็น Promise Ring เขาจึงเลือกดีไซน์ที่ใส่ได้เรื่อยๆ ไม่หวือหวา และตั้งใจเลือก แบรนด์บุลการี เพราะมีสัญลักษณ์เป็นงู และพี่ฟลุคเกิดปีงูพอดี เขาบอกว่าจะได้ให้งูมารัดไว้ก่อน (ยิ้ม) มารู้ทีหลังว่าเขาซื้อแหวนตอนไปเที่ยวโรม ซึ่งพอคิดย้อนไปก็ขำมาก ความที่เขาไม่รู้จะหาเวลาปลีกตัวไปซื้อแหวนตอนไหนเพราะอยู่ด้วยกันตลอด วันนั้นก็เลยหาเรื่องทะเลาะกับลี ซึ่งปกติเราไม่ค่อยทะเลาะกัน อาจจะแค่เถียงๆ กัน แต่ไม่เคยทะเลาะแบบนั้น คืออยู่ดีๆ เขาก็งี่เง่ามากแล้วเดินแยกกันไปคนละทาง ตอนนั้นยอมรับว่าตกใจเหมือนกัน แต่ก็คิดว่าเขาคงแค่ไม่อยากรอเรากินไอศกรีม ซึ่งกว่าจะ รู้เรื่องจริงคือวันที่เขาให้สัมภาษณ์นักข่าวแล้ว (หัวเราะ) ส่วนแหวนหมั้นและแหวนแต่งงานก็คงเลือกตามความเหมาะสมอีกทีค่ะ ใจลีชอบแหวนแบบโอเวอร์ไซส์ที่ใส่วงเดียวให้เด่นจบเลย หรือไม่อย่างนั้นก็เรียบๆ คลาสสิก”

“แต่สำหรับ Promise Ring วงนี้จะเป็นแหวนที่ลีจะใส่ติดตัวตลอดไปค่ะ”

อ่านเรื่องราวความรักของคู่รักคนดังได้อีกเพียบที่นี่ คลิกเลย!

ศรีริต้า เลือกชุดแต่งงานแบบ ดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ สไตล์มินิมอล เรียบแต่โก้!

ชุดเจ้าสาว สวยจับตา! ศรีริต้า เจนเซ่น เลือกชุดแบบเดียวกับ “เมแกน มาร์เคิล” ดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ เข้าพิธีหมั้นและมงคลสมรสตามประเพณีไทย ที่โรงแรมสยาม เคมปินสกี้

ถือฤกษ์ดีเมื่อวันที่ 4 ม.ค. 2563 จัดงานมงคลไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับนางเอกสาว ศรีริต้า เจนเซ่น เจ้าของฉายา เจ้าหญิงแห่งทุ่งลาเวนเดอร์ กับผู้บริหารกลุ่มเคพีเอ็น กรุ๊ป “กรณ์ ณรงค์เดช” ที่ได้เข้าพิธีหมั้นและมงคลสมรสตามประเพณีไทย ที่โรงแรมสยาม เคมปินสกี้ ถือฤกษ์ดี 08.09 น. โดยมีเพื่อนเจ้าสาวสวมใส่ชุดไทยสมัย ร.6 สีชมพูกลีบบัว นำโดย “ฮาน่า – ทัศนาวลัย จักรพงษ์”, “วิกกี้ – สุนิสา หิรัญยัษฐิติ”, “แคท – ซอนญ่า สิงหะ”, ” มรว.แม้นนฤมาส สวัสดิ์-ชูโต”, “แหวนแหวน – ปวริศา เพ็ญชาติ”, “กิ๊ฟท์ – สรัญทร เตชะไพบูลย์”, “มีมี่ – กิ่งกานต์ สลากรธนวัฒน์” และ “วริศรา สะสมทรัพย์” ที่มากั้นประตูเงินประตูทอง ทั้งหมด 12 ประตู

โดยบรรยากาศงานนั้นออกแบบมาในสไตล์สวนดอกไม้แบบยุโรป “ริต้า” สวยสง่าในชุดสีขาวของแบรนด์ “สเตลล่า แมคคาร์ทนี่ย์” (Stella McCartney) ดูเรียบโก้และคลาสสิก รองเท้าจากแบรนด์ “โรเฌร์ วิวีเยร์” (Roger Vivier) เครื่องประดับแบรนด์ “ศรัณญ” (SARRAN) ชิ้นงานพิเศษ ขณะที่เจ้าบ่าวสวมใส่ชุดสูทสีเทา สั่งตัดจากแบรนด์ “ทอม ฟอร์ด” (TomFord) จากนั้นเข้าสู่พิธีหมั้น มีฤกษ์สวมแหวนเจ้าสาวเวลา 09.29 น. สินสอดประกอบไปด้วย เงิน ทอง และแหวนเพชร เวลา 09.49 น. จดทะเบียนสมรส เวลา 10.29 น. พิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ และเวลา 14.39 น. พิธีส่งตัวเจ้าสาวเข้าหอ ทั้งนี้มีกำหนดจัดพิธีฉลองมงคลสมรสในวันเสาร์ที่ 29 กุมภาพันธ์ 2563

อย่างไรก็ตาม อย่างที่บอกไปข้างต้น “ริต้า” เลือกชุดเจ้าสาวจากแบรนด์ Stella McCartney ซึ่งเป็นแบรนด์และดีไซน์ของชุดมีความคล้ายกับที่ “เมแกน มาร์เคิล” ดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ ฉลองพระองค์ในงานเลี้ยงช่วงบ่ายของพิธีเสกสมรส โดยหลังจากพิธีดังกล่าว ชุดนี้ก็กลายเป็ชุดแต่งงานสไตล์มินิมอลยอดฮิตของปี 2018-2019 ที่เจ้าสาวหลายๆ คนเลือกเลยทีเดียว

ภาพจาก : Jakawin Photography

ดูแบบชุดแต่งงานได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย!

Best of 2019 ที่สุดของ ชุดไทยแต่งงานประยุกต์ และเครื่องประดับเพชรที่เจ้าสาวคู่ควร

ว่าที่เจ้าสาวที่กำลังมองหาชุดแต่งงานไทยแบบที่มีความสวยงามไม่ซ้ำใครและเครื่องประดับเพชรสำหรับสวมใส่คู่กับชุดแต่งงานในยามค่ำคืน แพรวเวดดิ้งขอแนะนำ ชุดไทยแต่งงานประยุกต์ จากร้าน Vanus Couture ที่มีดีไซน์สวยงามดูดีมีเอกลักษณ์เหมาะสำหรับสวมใส่ในวันสำคัญของชีวิต และเครื่องประดับจากร้าน Vijittra’s Jewellery ที่เป็นเครื่องประดับสไตล์แฮนด์เมดที่จะช่วยเสริมลุคเจ้าสาวให้ดูสง่างามในวันวิวาห์

The Best Thai Wedding Dress

Vanus Couture

ชุดไทยแต่งงานประยุกต์
ชุดไทยแต่งงานประยุกต์ จากร้าน Vanus Couture

ชุดแต่งงานไทยชุดนี้ Vanus Couture เลือกผ้าไหมแพรวาเกรดดีที่สุด มาตัดเย็บโดยเป็นการผสมผสานรูปแบบชุดแต่งงานภาคต่างๆ ไว้ด้วยกัน ตัวเสื้อตัดเย็บจากผ้าลูกไม้ฝรั่งเศสอย่างดีตามอย่างเสื้อของภาคใต้ ส่วนผ้านุ่งเป็นผ้าไหมแพรวาจากภาคอีสาน จังหวัดกาฬสินธุ์ รวมถึงมีสไบของภาคกลาง จนได้เป็นชุดไทยรูปลักษณ์ใหม่ แต่ยังคงมีความสวยงามและเหมาะสมกับเจ้าสาวยุคใหม่ที่จะใช้สวมใส่ในวันแต่งงาน

ชุดแต่งงานไทยจากร้าน Vanus Couture ชุดนี้ เรียกได้ว่าทรงคุณค่าแก่การสวมใส่ในวันสำคัญที่สุด เพราะเป็นหนึ่งในชุดไทยไม่กี่ชุดและเป็นชุดแรกของร้านที่ใช้ผ้าไหมแพรวาซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น “ราชินีแห่ง ผ้าไหมไทย” ในการตัดเย็บทั้งหมด

ชุดไทยแต่งงานประยุกต์

ผ้าไหมแพรวาเป็นผ้าไหมที่มีเอกลักษณ์ชัดเจน โดดเด่นด้วยสีสันสดใสที่หลากหลาย มีเทคนิคการทอแบบพิเศษไม่ใช้อุปกรณ์เป็นตัวช่วย แต่จะใช้นิ้วก้อยจกเกาะเกี่ยวและสอดเส้นไหมสีซึ่งเป็นเส้นพุ่งพิเศษแล้วผูกเก็บปมเส้นด้ายด้านบนเพื่อให้เกิดเป็นลวดลาย ซึ่งคุณค่าของผ้าไหมแพรวาขึ้นอยู่กับสี หากใช้สีเยอะจะยิ่งมีมูลค่า โดยผ้าไหมเกรดดีที่สุดจะใช้ประมาณ 10 สี ที่สำคัญลายผ้าไหมแพรวาแต่ละผืนจะมีแค่หนึ่งเดียวเท่านั้นไม่สามารถทอลายเดิมใหม่ได้อีก เพราะลายบนผ้าเกิดจากจินตนาการของผู้ทอแต่ละคนที่แตกต่างกันออกไป

ต่างหูเจ้าสาวดีไซน์ร่วมสมัยผลิตจากกระดาษให้เป็นรูปทรงของ “กลีบดอกราชพฤกษ์” หมายถึงความเจริญรุ่งเรือง โดดเด่นด้วยกลิ่นหอมพิเศษจากการผสมกลิ่นดอกไม้ไทย 3 กลิ่นเข้าด้วยกัน ซึ่งเจ้าสาวสามารถเลือกกลิ่นเองได้จนได้เป็นกลิ่นหอมพิเศษเฉพาะตัวของเจ้าสาวเท่านั้น

Editor’s Note

“ผ้าไหมแพรวาที่ร้าน Vanus Couture นำมาตัดเย็บใช้เวลาในการทอประมาณ 7 เดือน โดยดีไซเนอร์ได้ออกแบบและตัดเย็บอย่างประณีต พิถีพิถัน ใช้ทุกเซนติเมตรของผ้าอย่างคุ้มค่ามากที่สุด จึงทำให้คุณค่าของผ้าไหมแพรวายังคงอยู่อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ถือได้ว่าชุดแต่งงานชุดนี้นอกจากจะมีรูปแบบที่สวยงามร่วมสมัยแล้ว ยังมีคุณค่าแก่การสวมใส่ในวันสำคัญ ซึ่งร้าน Vanus Couture ออกแบบและตัดเย็บออกมาได้สมศักดิ์ศรีของความเป็น Queen of Silk อย่างแท้จริง”

ชุดไทยแต่งงานประยุกต์

Reviews
สายป่าน – อภิญญา สกุลเจริญสุข

“ก่อนหน้านี้ป่านเคยถ่ายแบบชุดแต่งงานไทยแบบเต็มยศกับร้าน Vanus Couture มาก่อน รู้สึกประทับใจมากเพราะสามารถเปลี่ยนลุคป่านให้กลายเป็นแม่หญิงไทยไปเลย พอจะแต่งงานก็เลยนึกถึงร้านนี้ ซึ่งก็ได้แชร์ไอเดียกันว่าป่านอาจจะไม่เหมาะกับชุดไทยจ๋าขนาดนั้น โจทย์คือจะทำยังไงให้ชุดที่ออกมาเป็นป่านมากที่สุด และพิธีแต่งงานของป่านมีทั้งแบบไทยและจีนซึ่งป่านไม่อยากเปลี่ยนชุดเพราะลำดับขั้นตอนค่อนข้างเยอะอยู่แล้ว อยากให้ทุกอย่างง่ายและสบายที่สุด พี่สรรค์ (คุณสรรค์ สุดเกตุ) จึงออกแบบชุดที่สามารถใส่ได้ทั้งสองพิธีไว้ให้ในชุดเดียว โดยถอดแค่สไบออกก็สามารถเปลี่ยนลุคได้ และป่านเป็นคนไม่ชอบลายปักเยอะๆ จึงเลือกใช้ผ้าไหมปักธงชัยที่มีความสวยงามในตัวอยู่แล้วมาตัดเย็บ โดยชูผ้าให้เด่นขึ้นด้วยดีไซน์ของชุดเป็นหลัก

“ป่านชอบชุดตั้งแต่เป็นภาพสเก็ตช์แล้ว พอได้เห็นชุดจริงๆ เลยประทับใจมาก รู้สึกว่านี่แหละคือสิ่งที่เราอยากได้ ป่านชอบความครีเอตของเขาที่ทำให้เราเป็นเจ้าสาวที่ดูดีและดูเป็นตัวเองมากที่สุด ชอบที่เขาจับคาแร็กเตอร์เด่นๆ ของเราและฟังว่าเราอยากได้ประมาณไหน อีกอย่างที่ประทับใจคือการเปิดกว้างเรื่องดีไซน์ ร้านนี้จึงเหมาะสำหรับเจ้าสาวที่มีความยูนีคหรือเจ้าสาวที่ต้องการชุดแต่งงานที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งร้าน Vanus Couture สามารถทำตรงนี้ได้ดีทีเดียวค่ะ”

Vanus Couture
ร้านตั้งอยู่ปากซอยลาดพร้าว 50 
โทร. 0-2002-4895,0-2002-4896
เฟซบุ๊ก : Vanus Couture
ไอจี : @vanuscouture_official

 

The Best Bridal Jewelry

Vijittra’s Jewellery

Vijittra’s Jewellery เป็นร้านเพชรที่มีชื่อเสียงและ ได้รับการยอมรับจากลูกค้ามากที่สุดในเรื่องตัวเรือนที่ประณีตเรียบร้อยและอ่อนช้อยสวยงาม ซึ่งในการผลิตชิ้นงานทุกชิ้นยังคงใช้ฝีมือคนล้วนๆ หรือที่เรียกว่าการผลิตแบบแฮนด์เมดจากประสบการณ์กว่า 40 ปีของช่างผู้ชำนาญที่สร้างสรรค์ผลงานตัวเรือนให้เจ้าบ่าวและเจ้าสาวรู้สึกถึงความแตกต่างที่เหนือกว่าได้ทันที ที่สำคัญเพชรทุกเม็ดยังถูกคัดสรรให้ได้คุณภาพที่ดีที่สุดโดยนักอัญมณีศาสตร์สถาบัน GIA ด้วยความสวยงามและมีคุณภาพนี่เองจึงทำให้ร้าน Vijittra’s Jewellery ยังคงอยู่ในใจบ่าว-สาวมาอย่างยาวนาน

ความสวยงามและจุดเด่นของเครื่องประดับสไตล์แฮนด์เมดของ Vijittra’s Jewellery คือการที่ช่างจะวัดขนาดเพชรทีละเม็ดและขึ้นรูปตามแบบด้วยสองมือล้วนๆ ก่อนนำแต่ละชิ้นมาประกอบเข้ากันอย่างประณีต ซึ่งถือว่าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของที่ร้านทำให้ชิ้นงานมีความละเอียดอ่อน สวยงามอ่อนหวานเป็นธรรมชาติ และมีเสน่ห์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวจนเป็นที่ยอมรับในวงกว้างและตรงใจลูกค้าอยู่เสมอ เรียกได้ว่าเป็นเครื่องประดับชิ้นพิเศษระดับมาสเตอร์พีซที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลกก็ว่าได้

อย่างเช่น จี้เพชรดอกกล้วยไม้ผลงานศิลปะระดับมาสเตอร์พีซที่ร้าน Vijittra’s Jewellery ตั้งใจสร้างสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษ สามารถใช้เป็นจี้สวมคู่กับสร้อยเพชร หรือจะเปลี่ยนมาเป็นเข็มกลัดสำหรับวาระพิเศษอื่นๆ ก็ได้ โดยผลงานชิ้นนี้ใช้เวลาทำนานกว่า 2 เดือน โดยช่างขึ้นแบบจากดอกกล้วยไม้ของจริงจึงมีความอ่อนช้อยนุ่มนวลเป็นพิเศษหรูหราด้วยทับทิมพม่า 591 เม็ด พลอยสีเขียว Tsavorite Garnet 53 เม็ด และ เพชร E Color/VVS ทั้งหมด 123 เม็ดบนตัวเรือนทองคำขาวสุดหรูน้ำหนัก รวม 31.62 กะรัต

เพราะฉะนั้นคงไม่ผิดถ้า แพรว wedding จะบอกว่า Vijittra’s Jewellery ถือเป็นร้านเพชรท็อปลิสต์อันดับต้นๆ สำหรับว่าที่บ่าว-สาวที่กำลัง มองหาเครื่องประดับสไตล์แฮนด์เมด ทั้งแหวน สร้อยคอ ต่างหู และกำไล ที่ควรค่าสำหรับโอกาสสำคัญในชีวิตของเจ้าบ่าว-เจ้าสาว รวมไปถึงทุกคนที่รักในเครื่องประดับที่สวยทุกเหลี่ยมมุม อย่างแท้จริง

Editor’s Note

“ว่าที่บ่าว-สาวที่กำลังมองหาแหวนแต่งงานหรือเครื่องประดับแบบครบเซตสำหรับวันสำคัญ ร้านเพชร Vijittra’s Jewellery ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีร้านหนึ่ง เพราะเครื่องประดับทุกชิ้นได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน ใส่ใจทุกรายละเอียดตั้งแต่เรื่องความเหมาะสมของดีไซน์กับขนาดของเพชรและสไตล์ของผู้สวมใส่จึงทำให้เครื่องประดับแต่ละชิ้นมีสไตล์เป็นของตัวเอง มีเอกลักษณ์ที่ยากจะมีใครลอกเลียนแบบได้ พร้อม คุณภาพที่อัดแน่นจากฝีมือของช่างล้วนๆ ยิ่งทำให้เครื่องประดับชิ้นนั้นมีมูลค่าสำหรับผู้ได้รับมากยิ่งขึ้น”

Reviews
คุณโอม – ธนา ประดิพัทธ์นฤมล

“ผมไปเจอร้านเพชร Vijittra’s Jewellery ที่สาขาเดอะมอลล์ บางกะปิ ซึ่งตอนที่เข้าไปที่ร้านพนักงานบอกว่าสามารถชมดูก่อนได้ สอบถามว่าเราชอบแบบไหน ถ้าเราอยากให้ปรับตัวเรือนเป็นแบบไหน ตรงไหน เขาสามารถทำให้เหมาะกับเราได้มากที่สุด พนักงานไม่กดดันให้เราต้องตัดสินใจซื้อในครั้งแรก ให้ลองดูหลายๆ ร้านก่อนก็ได้ ซึ่งสุดท้ายก็ไม่มีร้านไหนที่ผมรู้สึกชอบเท่ากับร้านนี้เลยครับ

“ผมประทับใจในเรื่องการให้บริการของที่ร้านเพราะพนักงานให้คำแนะนำดีมากๆ ให้โอกาสเราเลือกให้มากที่สุด และเครื่องประดับก็มีดีไซน์ที่สวยงาม สวมใส่ได้ง่าย และมีราคาจับต้องได้โดยที่เรายังได้ของดีมีคุณภาพ ที่สำคัญเครื่องประดับที่ร้านนี้สวยงามสมกับชื่อร้าน ‘วิจิตรา’ จริงๆ ครับ”

Vijittra’s Jewellery
โทร. 06-1614-5096
ไลน์ : @Vijittra
ชั้น 3 เซ็นทรัล ลาดพร้าว โทร. 0-2103-4008
ชั้น 1 ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต โทร. 0-2958-0598
ชั้น 1 เจ.เจ.มอลล์ โทร. 0-2265-9618
ชั้น 1 เดอะมอลล์ บางกะปิ โทร. 0-2363-3044
ชั้น 1 เดอะมอลล์ บางแค โทร. 0-2454-9159
ชั้น 2 แฟชั่นไอส์แลนด์ โทร. 0-2116-4889Vijittra’s

เทคนิค จัดงานแต่งริมทะเล ให้เหมือนมืออาชีพมาจัดให้ไม่ยากอย่างที่คิด

จัดงานแต่งริมทะเล ถ้ารู้เทคนิคก็ทำได้ไม่ยากอย่างที่คิด

บ่าวสาวที่ฝันอยาก จัดงานแต่งริมทะเล เหมือนในหนังรักสุดโรแมนติก แต่ยังไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหน และไม่รู้ต้องเตรียมงานอย่างไร แพรวเวดดิ้งจะมาช่วยแนะนำให้คุณได้เตรียมงานอย่างมืออาชีพ ตามนี้เลย

  • ต้องเชิญแขกเท่าไหร่ถึงจะพอดี : จำนวนแขกที่เหมาะสมสำหรับงานแต่งริมทะลคือ 50-100 คน
  • ช่วงเดือนและเวลาที่เหมาะกับการจัดงานแต่งริมทะเล

เดือนที่เหมาะกับการจัดงานแต่งริมทะเลที่สุดได้แก่ มกราคม-กุมภาพันธ์ เพราะอากาศดี ไม่ร้อน ไม่มีฝน  และลมไม่แรงมาก ส่วนช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการจัดพิธีช่วงเช้าคือ 7.00 – 9.00 น. ช่วงเย็นคือ 15.00 – 17.00 น. ส่วนช่วงเวลาสุดโรแมนติกที่บ่าวสาวจะสามารถเก็บภาพประทับใจจากแสงธรรมชาติได้สวยที่สุดคือ 1 ชั่วโมงก่อนพระอาทิตย์ตกดิน เพราะจะได้ภาพแสงสีทองของดวงอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า โอย แค่คิดก็ฟินเว่อร์

  • จะตกแต่งบรรยากาศงานแต่งริมทะเลอย่างไรให้โดดเด่น

ข้อนี้ไม่ต้องคิดมากให้ปวดหัวเลยค่ะ เพราะงานแต่งงานริมทะเลนั้น บ่าวสาวได้กำไรจากธรรมชาติล้วนๆ โดยที่ไม่ต้องเพิ่มการตกแต่งใดๆ ให้มากมาย เพราะท้องฟ้า หาดทราย และผืนน้ำสีครามนั้น เปรียบเสมือนแบ็กดร็อปของงานที่สวยงามโดยไม่ต้องปรุงแต่งให้เปลืองแรง แต่ถ้าบ่าวสาวอยากเพิ่มสีสันให้กับงานแต่งมากกว่านี้ก็สามารถเพิ่มดีเทลอย่าง ม้านั่งดีไซน์เก๋ๆ เพิ่มเทียนเพื่อความโรแมนติกยามค่ำคืน แจกันดอกไม้เพื่อให้งานดูสดชื่นโดยอาจจะเน้นเป็นดอกกล้วยไม้ หรือดอกคาลล่าลิลี่ที่ทนอากาศร้อนของเมืองไทยได้เป็นอย่างดี พร้อมเติมริบบิ้นให้พลิ้วไปกับแรงลม แล้วเสริมการตกแต่งด้วยเปลือกหอยให้เข้ากับธีมงานสักนิดเป็นอันจบ

จัดงานแต่งริมทะเล

ส่วนโทนสีที่จะช่วยให้งานแต่งริมทะเลโดดเด่นก็คือ โทนสีส้มอมแดง (Coral) และสีเขียวมิ้นต์ แถมบ่าวสาวยังสามารถนำสีโทนนี้ไปแมตช์กับชุดเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวได้อีกด้วย

  • รูปแบบของอาหารและเครื่องดื่มภายในงาน

อาหารที่เสิร์ฟให้แขกในช่วงพิธีนอกจากซอฟต์ดริ้งค์แล้ว ก็ควรที่จะมีอาหารรองท้องเบาๆ สไตล์ Finger Food หรืออาหารที่ใช้นิ้วมือหยิบกินได้ ซึ่งก็ต้องเลือกให้แมตช์กับแขกส่วนใหญ่ที่บ่าวสาวเชิญมาด้วย

  • เรื่องไหนที่บ่าวสาวต้องให้ความสำคัญและระวังอย่าให้พลาด

– ก่อนอื่นบ่าวสาวต้องทำความเข้าใจก่อนนะคะว่า การจัดงานแต่งริมทะเลไม่เหมือนการจัดงานในห้องบอลรูม เพราะฉะนั้นควรจะจัดงานแบบหันหน้าออกไปทางหาดเพื่อจะได้เห็นความงามของหาดทราย สายลม และแสงแดดแบบพานอรามา

– ต้องระวังและห้ามพลาดก็คือเรื่อง ลม เพราะฉะนั้นต้องเช็กให้ชัวร์ว่าไมโครโฟนที่จะใช้ในงานนั้นสามารถจัดการกับเสียงลมและเสียงแทรกได้อย่างอยู่หมัดหรือไม่ ไม่ใช่ว่ากำลังพูดซึ้งอยู่แต่แขกดันฟังไม่รู้เรื่อง แบบนี้ก็หมดอารมณ์โรแมนติกนะคะ

– ชุดของเจ้าบ่าวเจ้าสาวก็ไม่ควรเลือกชุดที่เนื้อผ้ามีความหนาหรือหนัก โดยเฉพาะชุดของเจ้าสาวไม่ควรเลือกชุดที่ประดับลูกไม้เยอะเกินไป เลือกเป็นผ้าพลิ้วไหวให้รับกับแรงลมจะดีกว่า ส่วนทรงผมก็ควรเกล้าให้เรียบร้อยจะได้ไม่บดบังใบหน้าอันมีความสุขในช็อตสำคัญ

– หากบ่าวสาวมีงบเหลือประมาณหนึ่ง อาจจะเพิ่มแอร์เคลื่อนที่วางไว้ตามจุดต่างๆ รอบงาน เพราะอากาศเมืองไทยถึงแม้จะไม่ใช่หน้าร้อน แต่มันก็ร้อนอยู่ดีนะจ๊ะ

– เรื่อง แสง ก็สำคัญ เพราะงานฉลองมักล่วงเลยกินเวลาไปจนถึงช่วงค่ำ เพราะฉะนั้นการใช้โคมไฟหรือเทียนในโทนสีวอร์มมาตกแต่งตามทางเดิน ต้นไม้ และโต๊ะ ก็จะช่วยเพิ่มความโรแมนติกให้กับบรรยากาศงานได้เป็นอย่างดี

– สิ่งสุดท้ายที่ห้ามลืมและต้องคำนึงให้ดีคือ ที่พักสำหรับแขก เพราะแขกที่มาร่วมงานส่วนใหญ่อาจจะไม่สามารถขับรถไปเช้า-เย็นกลับได้ ในฐานะเจ้าภาพจึงควรที่จะจัดเตรียมที่พักไว้ให้พร้อม โดยเฉพาะสำหรับแขกผู้ใหญ่ เพราะฉะนั้นบ่าวสาวอาจจะคุยเรื่องข้อตกลง หรือโปรโมชั่นห้องพักกับทางโรงแรมให้ละเอียด เผื่อทางโรงแรมหรือสถานที่มีโปรโมชั่นดีๆ จะได้ไม่พลาดแถมจะได้ประหยัดงบด้วย

– เรื่องฟ้าฝนถึงแม้จะเช็กมาดีแค่ไหน แต่ก็อาจจะไม่เป็นใจในวันงาน! เพราะฉะนั้นแผนสำรองต้องมี บ่าวสาวอาจจะต้องรีเช็กสภาพอากาศตลอดเวลา และต้องคุยกับทางโรงแรมหรือสถานที่ว่าหากฝนตกจะมีการย้ายไปยังห้องจัดเลี้ยงอินดอร์ที่ใกล้ที่สุดแทนหรือไม่ ซึ่งในส่วนนี้ก็ต้องตกลงกันให้ดีก่อนเซ็นสัญญานะจ๊ะ

สามารถไปดูเทคนิคจัดงานแต่งริมทะเลให้ปังเพิ่มเติมได้ที่ 7 ข้อเท็จจริงที่ต้องรู้ถ้าคิดจะจัดงานแต่งริมทะเล

ภาพ pexels.com

เปลี่ยนบรรยากาศพักผ่อนแบบมินิมูน ที่คุณและคนรักได้ไปแล้วจะต้องติดใจ

อะไรคือ มินิมูน หว่า?

เชื่อว่าหลายคนเลยที่ยังไม่รู้จักการพักผ่อนของคู่รักในรูปแบบ มินิมูน เพราะการพักผ่อนแบบมินิมูนนั้นยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของคนไทยเท่าไหร่นัก แต่กลับได้รับความนิยมในต่างประเทศซะมากกว่า อาจเป็นเพราะในต่างประเทศไม่ค่อยมีวันหยุดช่วงเทศกาลหลายวัน หรือหยุดกันแบบยาวๆ เหมือนกับประเทศไทย จึงทำให้มีเทรนด์การพักผ่อนแบบมินิมูนเกิดขึ้น เพื่อให้คู่รักได้ใช้เวลาพักผ่อนท่องเที่ยวร่วมกัน แต่ใช่ว่าคนไทยจะทำไม่ได้นะคะ เพราะการจัดทริปมินิมูนก็จะคล้ายๆ กับการไปฮันนีมูนนั่นแหละค่ะ แค่เพียงจะมีความต่างกันนิดหน่อยเท่านั้นเอง…

มินิมูน

มินิมูนคืออะไร?

Mini-Moon หรือ การพักผ่อนแบบมินิมูน เป็นการพักผ่อนที่เน้นความหรูหรา เหมาะกับคู่รักที่ต้องการไปพักผ่อนแบบชิลสุดๆ ไม่ต้องมีกิจกรรมอะไรเยอะแยะให้ต้องเหนื่อยกาย เรียกได้ว่าเป็นการซ้อมก่อนไปฮันนีมูนจริงของคู่รักที่หลังแต่งงานยังไม่มีโอกาสได้หยุดพักผ่อนหลายวัน ดังนั้นสถานที่ของการไปมินิมูนนั้นต้องไม่ไกลจากบ้านมากนัก ควรเป็นจังหวัดใกล้เคียง อย่างเช่น บ้านของคุณอยู่ในกรุงเทพฯ อาจจะเลือกสถานที่ไปมินิมูนกันที่พัทยา เพราะใช้เวลาเดินทางแปปเดียวเดี๋ยวก็ถึง แทนที่จะจัดทริปไปสวีทกับคนรักไกลๆ ถึงต่างแดน ที่ต้องเสียเวลาเดินทางโดยเครื่องบินหลายชั่วโมง แถมยังใช้งบเยอะไปอีก ที่สำคัญต้องใช้เวลาหลายวันในการท่องเที่ยว เพราะฉะนั้นหากคุณทั้งคู่ไม่ค่อยมีเวลาว่าง แต่ก็อยากจัดทริประยะสั้นให้ได้สานสัมพันธ์กันบ้าง มินิมูนก็เป็นหนึ่งทางเลือกที่ดีเลยล่ะค่ะ

การใช้ระยะเวลาของการไปมินิมูน

การเดินทางไปมินิมูนใช้เวลาเดินทางระยะสั้นเพียงไม่กี่กิโลก็ถึงที่หมาย ทำให้ไม่ต้องเหนื่อยจากการเดินทางหรือต้องเจ็ทแล็กปรับตัวอะไรมากนัก ระยะเวลาของการไปพักผ่อนจะอยู่ที่ประมาณ 3 วัน 2 คืน เป็นช่วงเวลาสั้นๆ ของการเดินทางไปพักผ่อนในจังหวัดใกล้เคียง  ที่สำคัญเลย คุณไม่ต้องลางานเป็นเวลาหลายวันให้ห่วงหน้าพะวงหลัง เพราะคุณทั้งคู่อาจใช้เวลาแค่การไปพักผ่อนตามโรงแรมที่มีบรรยากาศดีๆ เข้าสปาใช้บริการภายในโรงแรมเท่านั้นก็เรียกว่าเป็นการไปมินิมูนแล้วค่ะ

การวางแผนไปมินิมูน

คุณทั้งคูแทบไม่ต้องวางแผนอะไรเลยค่าาา ถ้าไม่ได้ต้องการท่องเที่ยวแบบจัดเต็ม คุณแค่เลือกเวลาช่วงวันหยุดสั้นๆ จองโรงแรมล่วงหน้าสักหนึ่งอาทิตย์ จากนั้นคุณก็อาจจะแพลนกิจกรรมในแต่ละวันนิดหน่อยว่า มื้อนี้จะไปดินเนอร์กันที่ไหนดี หรือแวะเที่ยวสถานที่ใกล้คียงกับที่พักดีไหม หรือหากจะนั่งชิลนอนชิลอยู่แต่ในโรงแรมจะทำอะไรบ้างให้ไม่เบื่อ อย่ากังวลไปเลยค่ะถ้าจะเลือกจัดทริปมินิมูน เพราะดูแล้วไม่มีอะไรให้คุณต้องคิดมากเลย นอกจากการเลือกสถานที่พักดีๆ สักแห่ง

มินิมูน

งบประมาณของการไปมินิมูน

ถ้าคุณอยากพักในโรงแรมระดับลักซ์ชัวรี่ 5 ดาว ก็จะมีค่าใช้จ่ายของค่าที่พักราคาสูงและการบริการต่างๆ ภายในโรงแรมที่มีราคาสูงเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะคู่ที่ต้องการพักผ่อนเพียงในโรงแรมเท่านั้น แต่เดี๋ยวก่อนนน! ลองมองกลับกันนะคะ ถ้าคุณจัดทริประดับไปฮันนีมูนบินไกลถึงต่างประเทศ ค่าใช้จ่ายก็จะสูงยิ่งกว่าอีกค่ะ เพราะมินิมูนจะมีงบประมาณค่าใช้จ่ายเรื่องการเดินทางที่ถูกกว่ามาก ไม่ต้องซื้อตั๋วเครื่องบิน ไม่ต้องเสียค่าโหลดกระเป๋า ไม่ต้องเสียค่าแพ็คเกจอินเทอร์เน็ต และก็จะกลายเป็นว่าค่าที่พักในทริปมินิมูนจะถูกกว่าค่าที่พักของทริปฮันนีมูนระยะยาวที่ไปหลายวันด้วยนะคะ

แล้วทำไมต้องไปแบบมินิมูน?

เพื่อเป็นการพรีวิวก่อนการไปฮันนีมูนจริง ซึ่งช่วยให้ชีวิตคู่สมรสของพวกคุณง่ายขึ้น สามารถป้องกันภาวะซึมเศร้าหลังแต่งงานได้ด้วยน้า คงสงสัยกันใช่ไหมเอ่ยแต่งงานแล้วจะเศร้าได้ยังไง อยากให้ลองนึกดูนะคะ การแต่งงานมีค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก ระหว่างการจัดเตรียมงานแต่งงานก็ทั้งเหนื่อย ทั้งเจอปัญหายุ่งวุ่นวายไปหมด โดยเฉพาะเจ้าสาวบางคนถึงกับนอยด์ไปเลย แบบว่าอยากไปฮันนีมูนหลังแต่งงานแบบหรูหราฟู่ฟ่าเหมือนคนอื่นเขา แต่ก็กลับกลายว่างานแต่งงานทำให้เกิดหนี้ก้อนโตซะงั้น ภาวะเครียดเริ่มเข้ามาแทรกแซง ทีนี้คุณอาจจะต้องการทริปสั้นๆ เพื่อพักกาย พักใจ แล้วค่อยกลับมาสู้กันต่อ ถึงแม้ว่าการพักผ่อนแบบมินิมูนจะอยู่ในช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็ช่วยให้คุณได้พักผ่อนอย่างเต็มที่มากกว่าการออกทริประยะยาวที่อัดแน่นไปด้วยตารางการท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ยิ่งคุณเป็นคู่แต่งงานใหม่คุณควรใช้เวลาเฉลิมฉลองให้กับความรัก เป็นโอกาสที่ดีที่พวกคุณจะได้พูดคุยถึงอนาคตการใช้ชีวิตคู่ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น…

จัดทริปมินิมูนกันไปเรียบร้อยแล้ว ทีนี้เรามาเปลี่ยนบรรยากาศไปฮันนีมูนที่ต่างประเทศกันบ้างดีกว่า จะมีที่ไหนน่าสนใจบ้างมาดูกันเลยค่า พาความรักหนีความร้อนไปฮันนีมูนสุดหนาว 5 ที่ในต่างแดน

Credit Story : insideweddings.com, today.line.me
Credit Photo : avante.biz, pinterest

มาเช็กดูสิว่า มีเรื่องไหนบ้างที่บ่าวสาวต้องบอกกล่าวแขกในงานแต่งให้ชัดเจน

มาดูกันดีกว่าว่า มีสิ่งใดบ้างที่บ่าวสาวควรคุยกับ แขกในงานแต่ง ให้ชัดเจนเพื่อให้งานออกมาเรียบร้อย ไร้ปัญหาใดๆ เพราะงานแต่งงานคืองานมงคลที่ผู้คนมาร่วมยินดี แต่ละคนก็จะมีพฤติกรรมมารยาทที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นควรชี้แจงให้ชัดก่อนวันงาน หรือจะระบุไปในการ์ดเชิญเลยก็ได้เหมือนกันนะ

แพรวเวดดิ้ง เลยขอนำ 5 สิ่งที่บ่าวสาวควรเตรียมตัวเพื่อบอกกล่าว แขกในงานแต่ง ที่จะมาร่วมงานให้รู้เรื่องและเข้าใจตรงกันก่อนวันงานจริงจะมาถึง มีเรื่องอะไรบ้างมาดูเลย

1. Dress code หรือธีมชุด

สำหรับบ่าวสาวคู่ไหนที่มีสีธีมงานอยู่แล้ว ต้องระบุลงไปในการ์ดเชิญ หรือควรบอกกับแขกตอนเอ่ยปากชวนมางานแต่งให้ชัดเจนไปเลยนะจ๊ะ เพราะน่าจะไม่ดีแน่ๆ หากทั้งงานเป็นสีชมพู แต่มีแขกบางคนบางกลุ่มใส่ชุดสีเขียว หรือสีส้มมาร่วมงาน ซึ่งนอกจากจะดูโดดเด่นกว่าใครในงานแล้ว อาจจะทำให้แขกคนนั้นรู้สึกเคอะเขินเก้ๆ กังๆ เมื่อต้องอยู่ร่วมในงานแต่งอีกด้วย

แขกในงานแต่ง

2. บอกรูปแบบของชุดที่ใส่

ระบุไปเลยค่ะว่าขอชุดต้องสุภาพเรียบร้อย (กรณีประกอบพิธีในโบสถ์ที่เคร่งเรื่องการแต่งกาย) ชุดราตรีแบบสั้น หรือจะจัดเต็มมาแบบชุดแฟนซีเตรียมเข้าสู่ช่วงอาฟเตอร์ปาร์ตี้ไปเลย เพราะการบอกแขกถึงรูปแบบเครื่องแต่งงานที่ชัดเจน และแจ้งล่วงหน้าเพื่อที่แขกจะได้ไปจัดการเครื่องแต่งกายของตัวเองถูก ว่าควรใส่มามากน้อยเพียงใด ไม่โป๊ะอยู่คนเดียวทั้งงาน แต่ที่สำคัญคนเป็นแขกก็ไม่ควรจัดชุดเซตใหญ่ไฟรกะพริบมาแย่งซีนบ่าวสาวนะคะ แบบนี้ไม่ถือว่าตามธีมจ้า

แขกในงานแต่ง

3. ระบุว่าช่วงใดคือช่วงพิธีการ

ข้อนี้เป็นข้อที่ควรคำนึงถึงมากๆ นะจ๊ะ และขอแนะนำให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวระบุ วันและเวลาสำหรับช่วงพิธีการต่างๆ ลงไปในการ์ดแต่งงานเลย เช่น หากเป็นการ์ดแต่งงานพิธีไทย อาจจะเริ่มตั้งแต่เวลาในการแห่ขบวนขันหมาก เป็นต้น หรือหากเป็นงานเย็นในช่วงฉลองมงคลสมรสก็อาจจะระบุเวลาช่วงเริ่มพิธีการไปเลย เพื่อที่แขกจะได้กะเวลาในการมาถึงงาน หรือเลือกมาร่วมเฉพาะพิธีการใดพิธีการหนึ่งได้ถูกต้อง นอกจากนี้หากพิธีการใดที่บ่าวสาวต้องการความเรียบร้อย งดใช้เสียง หรือลดถ่ายภาพ ก็สามารถทำ ** หมายเหตุระบุไว้ต่อหลังช่วงพิธีการไปเลยเพื่อที่แขกจะได้รู้ล่วงหน้าและไม่ทำพฤติกรรมที่ไม่สมควรในช่วงเวลานั้น เพราะข้อนี้แต่ล่ะคู่ก็อาจจะมีพิธีการที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะด้วยเชื้อชาติ หรือศาสนา จึงสำคัญที่จะต้องแจ้งให้แขกทราบจะได้ทำตัวให้เหมาะสมค่ะ

แขกในงานแต่ง

4. กำหนดโต๊ะที่นั่ง

ในกรณีที่บ่าวสาวจัดงานแบบซิตดาวน์ ดินเนอร์ แนะนำให้บ่าวสาวทำป้ายชื่อของแขกว่างไว้ตรงที่นั่งให้ชัดเจน หรืออาจจะมอบหมายให้คนใดคนหนึ่งคอยนำแขกไปที่ที่นั่งก็ได้ หรือจะทำผังบอกที่นั่งหน้างานไปเลยก็ช่วยให้สะดวกดีโดยในการจัดที่นั่งนั้นบ่าวสาวอาจจะต้องคำนึงถึงการจัดแขกที่นั่งติดกันให้มีความสนิทสนมกันหรือรู้จักกันมาก่อน เพื่อแขกจะได้ไม่รู้สึกอึดอัดหรือโดดเดี่ยวเกินไปที่ต้องนั่งกับใครที่ไม่คุ้นเคย

แต่ถ้าหากบ่าวสาวเลือกจัดแต่งแบบโต๊ะจีน ก็จะต้องมีการระบุไปเลยว่าแต่โต๊ะไหนเป็นของแขกกลุ่มใดเพื่อที่แขกจะได้ไม่นั่งกันสะเปะสะปะ และควรจัดสรรที่นั่งดีๆ หากมาจากกลุ่มสังคมเดียวกัน เช่น ญาติ เพื่อนสนิท เพื่อนร่วมงาน ควรจัดให้พวกเขาได้นั่งด้วยกัน แต่ถ้าหากโต๊ะไหนที่มีแขกนั่งไม่เต็ม บ่าวสาวอาจจะต้องเลือกจัดกรุ๊ปแขกโต๊ะนี้ให้ดีๆ นะคะ เพราะหากแขกไม่รู้จักกันมาก่อนแล้วมานั่งรวมกันอาจจะทำให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารอึดอัดได้ เพราะฉะนั้นวางผังที่นั่งกันดีๆ แล้วมอบหมายให้เพื่อนบ่าวสาวสัก 2-3 คนเป็นผู้ช่วยจัดการพาแขกไปนั่งที่โต๊ะตามผังที่บ่าวสาววางไว้ในวันแต่งงาน

แขกในงานแต่ง

นอกจากนี้เจ้าบ่าวเจ้าสาวควรวางตัวให้ดูดีเพื่อที่แขกจะได้ประทับใจด้วยนะคะ ทำได้ง่ายๆ ตามนี้เลย รู้ไว้จะได้ไม่โดนติกับ 8 มารยาทบ่าวสาวที่ควรทำในช่วงงานแต่ง

ภาพจาก : Pinterest.com

5 ทริคตั้งงบงานแต่งแสนง่าย เพื่อเป้าหมายคืองานแต่งงานในฝัน

เตรียม งบงานแต่ง ไม่ยากอย่างที่คิด เรามีเทคนิคดีๆ มาฝาก

หลังจากที่คุณคุกเข่าขอแต่งงานและเซย์เยสกันไปเรียบร้อยแล้ว ชีวิตก็ไม่ได้จบอยู่แค่นั้น เพราะเรื่องปวดหัวก่อนจะพบความสุขกำลังเริ่มเดินหน้าเข้ามาทีละอย่าง โดยเฉพาะคำถามแรกที่คุณต้องเจอกับตัวเองก็คือ “งานแต่งเราต้องใช้งบเท่าไหร่กันล่ะ?” วันนี้ใครที่กำลังคิดไม่ออกว่างานแต่งตัวเองจะต้องใช้เงินเท่าไหร่ แพรวเวดดิ้งมี 5 วิธีคิด งบงานแต่ง ง่ายๆ มานำเสนอ

1. งานแต่งแบบไหนที่คุณอยากได้?

 

คำถามแรกที่คุณจะต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนก็คือ “อยากจะจัดงานแต่งแบบไหน?” คิดง่ายๆ เลยก็ได้ว่า ธีมงานแต่งที่คุณชอบและอยากได้เป็นอย่างไร ต้องการจัดในสถานที่แบบไหน เช่น อยากได้งานหรูหราฟู่ฟ่าในห้องแกรนด์บอลรูมของโรงแรมดัง หรืออยากจะเป็นงานชิลๆ สบายๆ ในสวนหรือริมทะเล แบบนี้ก็จะช่วยให้คุณกะเกณฑ์งบประมาณส่วนใหญ่ที่ต้องใช้ในงานแต่งได้แล้ว

งบงานแต่ง

แถมอีกนิดเพื่อให้เข้ากับวัฒนธรรมการแต่งงานในบ้านเราคือ เรื่องสินสอดทองหมั้น คุณควรจะรู้ว่า ฝ่ายเจ้าสาวเรียกอะไรและเท่าไหร่บ้าง (จริงๆ คิดก่อนตั้งแต่แรกได้จะดีมาก) เพราะบางครั้งเงินส่วนนี้ก็รวมอยู่ในงบงานแต่งเหมือนกันนะ

2. จะเชิญแขกเท่าไหร่?

 

ถ้าให้พูดกันถึงค่าใช้จ่ายหลักๆ ในงานแต่ง นอกจากข้อ 1 ที่ว่าไปแล้ว เรื่องจำนวนแขกก็เป็นตัวชี้งบประมาณที่สำคัญเหมือนกันนะคะ ดังนั้นคุณควรจะคิดคำนวณไปเลยว่าแขกของทั้งสองครอบครัว (รวมแขกของพ่อแม่ด้วยนะ) มีเยอะหรือไม่ งานแต่งที่คุณจัดจะใหญ่โตเชิญแขกมากมายขนาดไหน จะเชิญสัก 1,000 คน หรือจะจัดเล็กๆ เชิญแขกแค่ 200 คนก็พอ เพราะแน่นอนว่าค่าใช้จ่ายจะแปรผันตามจำนวนแขกที่คุณเชิญมา ทั้งค่าการ์ด ค่าของชำร่วย ค่าอาหาร ค่าเครื่องดื่ม และอีกจิปาถะก็จะมากขึ้นตามจำนวนแขก (ซึ่งแน่นอนอีกเช่นกันว่าถ้าแขกเยอะคุณอาจจะได้กำไรจากซองที่แต่ละคนใส่มาก็ได้นะ อิอิ!)

3. ใช้ Wedding Tools ให้เป็นประโยชน์

เครื่องมืออำนวยความสะดวกสำหรับว่าที่บ่าวสาวในการจัดการงบประมาณที่ใช้เตรียมงานแต่ง ถ้าคุณมีเวดดิ้งทูลส์เจ๋งๆ ไว้ใช้สักอัน มันก็จะทำให้คุณเรียงลำดับความสำคัญของเงินที่คุณจะต้องจ่ายได้อย่างถูกต้อง อันไหนควรจ่ายก่อน อันไหนควรจ่ายหลัง อันไหนต้องจ่ายเมื่อไหร่ แบบนี้รับรองว่าไม่งงและเงินไม่หาย งบไม่บานแน่นอน

4. จะมีใครช่วยจ่ายมั้ยนะ?

 

อู้ยยยยย! คุณค่ะ สมัยนี้แต่งงานทั้งทีหมดเงินไม่ใช่น้อย ถ้าคุณเป็นลูกรักหลานรักของครอบครัว ก็ลองเกริ่นๆ กันในแวดวงพ่อแม่ลุงป้าน้าอาดูบ้างซิว่า “งานนี้จะมีใครช่วยเป็นสปอนเซอร์ไหมคะ/ครับ?” แหม…เราก็ไม่ได้หมายความว่าให้คุณเอาจากพวกท่านทุกบาททุกสตางค์นะคะ บางครั้งบางทีความใจดีอาจไม่ได้มาในรูปของเงินก็ได้ เช่น อาจจะมาในรูปแบบของชำร่วยหรืออาหาร เป็นต้น แบบนี้คุณก็จะสามารถกะเกณฑ์งบประมาณได้ง่ายขึ้นไปอีกนะ

5. ทำลิสต์สิ่งของที่จำเป็นต้องใช้

เราขอแนะนำให้คุณนั่งคิดนอนคิดก่อนนะคะว่างานแต่งของคุณจะต้องมีอะไรบ้าง เช่น แบ็กดรอปดอกไม้สีหวาน โซฟาหลุยส์สีทองใช้เป็นพร้อบส์เก๋ๆ หรือจะมีน้ำพุพุงปรี๊ดๆ หน้างาน แบบนี้เป็นต้น หลังจากมโนเสร็จก็เริ่มลิสต์ออกมาทีละอย่าง เรียงลำดับตามความจำเป็น ที่สำคัญต้องระบุลงไปด้วยว่าของแต่ละอย่างคุณจะยอมจ่ายมากสุดเท่าไหร่ เพราะเมื่อเวลาที่คุณไปหาซื้อของหรือติดต่อกับผู้ให้บริการ ไม่ว่าจะเป็นคนขายของหรือเวดดิ้งแพลนเนอร์ก็ตาม คุณจะมีราคาที่คุณรับได้ในใจและสามารถต่อรองราคากับพวกเขาได้ด้วย แต่ถ้าของชิ้นไหนแค่มีประดับให้สวยงามแต่ดูแล้วไม่จำเป็นต้องเสียเงินก็อย่าได้แคร์ ใช้ปากกาแดงกากบาททิ้งได้เลยจ้ะ

เรื่องงบประมาณงานแต่งถือเป็นเรื่องสำคัญและละเอียดอ่อนสุดๆ เนื่องจากทุกบาททุกสตางค์ที่คุณต้องจ่ายมันมีค่ามาก เพราะฉะนั้นตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่างานแต่งในแบบที่คุณอยากได้เป็นแบบไหนและต้องใช้เงินเท่าไหร่ แล้วเริ่มต้นทำตาม 5 ข้อข้างบน รับรองเลยว่าการตั้งงบประมาณงานแต่งจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

หรือจะลองทำตามนี้ จัดเงินให้เป๊ะก่อนจัดงานแต่ง…จัดได้ดีชีวิตนี้ไม่มีหนี้ ดูก็ได้นะคะ

เรียบเรียง : www.brides.com
ภาพ :venuelogicchicago.com, toptableplanner.com, Pinterest

4 สเต็ปพิชิตความหล่อ ใส่ สูทเจ้าบ่าว ยังไงให้ดูเท่สมเป็นพระเอกของงาน

4 ทริคตะกายความหล่อ ใส่ สูทเจ้าบ่าว ให้หล่อกว่าใครในงาน

แน่นอนว่าเจ้าบ่าวนั้นมีทางเลือกสำหรับการแต่งตัวในวันสำคัญไม่มากเท่ากับเจ้าสาว เพราะ สูทเจ้าบ่าว ไม่ได้มีหลากแบบให้เลือก จะมีก็แค่สวมเป็นชุดทักซิโด สำหรับงานที่เน้นความเป็นทางการ หรือจะใส่สูทหรือแจ็กเกตสูทธรรมดาสำหรับงานที่ไม่เน้นความเป็นทางการมากนัก แต่ถึงแม้จะมีทางเลือกน้อยขนาดไหน พระเอกของงานอย่างเราก็ต้องหล่อกว่าใครจริงไหมคะ แพรวเวดดิ้งเลยมีเทคนิคปีนบันไดใส่สูทยังไงให้หล่อมาฝากคุณว่าที่เจ้าบ่าวกัน

1. ทรงผมต้องเนี้ยบ!

อุตสาห์ลงทุนตัดสูทมาตั้งแพง แต่ดันมาตกม้าตายตรงที่ผมเผ้ารกรุงรัง หนวดเคราดกเฟิ้ม แบบนี้เห็นทีสูทราคาเป็นหมื่นก็ช่วยขุดความหล่อของเจ้าบ่าวออกมาไม่ได้หรอกนะคะ อ๊ะๆ ช้าก่อนๆ ที่เราเกริ่นมาขนาดนี้เราไม่ได้ต้องการให้ว่าที่เจ้าบ่าวเข้าร้านแล้วตัดผมตัวเอง หรือไปขนผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมมาทั้งแผงเพื่อมาชโลมผมให้มันปลาบเหมือนตกถังน้ำมันมาหรอกนะคะ เพราะความ ‘เนี้ยบ’ ของเราในที่นี้ก็คือ ความเป็นธรรมชาติและความเป็นตัวคุณมากที่สุดต่างหาก ถึงแม้ผมจะยาวแต่ถ้าเจ้าบ่าวรวบไว้ให้ดีแบบนี้เราก็ถือว่าผ่าน หรือหนวดเคราก็อาจจะเล็มให้เป็นทรงขึ้นสักนิดแบบนี้ก็ยังถือว่ารอด อ่อ แล้วอย่าลืมกระซิบบอกแก๊งเพื่อนเจ้าบ่าวของคุณให้เตรียมหล่อกันมาดีๆ ด้วยนะคะ หรือถ้าจะนัดกันไปเป็นแก๊งเพื่อเข้าร้านเสริมหล่อเราว่าก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งปาร์ตี้สละโสดที่ฟีลกู๊ดไม่น้อยอยู่เหมือนกันน้า

2. สูทที่ดีต้องพอดีตัว

ความผิดมหันต์ของการเลือกสูทคือ การสวมสูทที่มีขนาดใหญ่เกินไป ซึ่งนั่นอาจจะเป็นเพราะว่า หนึ่ง. ว่าที่เจ้าบ่าวดันไปยืมสูทของคุณพ่อมาเพราะไม่อยากเสียเงินตัดใหม่ หรือสอง. ดันไปยืมเสื้อสูทของเพื่อนหรือเพื่อนเจ้าบ่าวรุ่นพี่มาเพราะเห็นว่าดีไซน์สวย แต่ๆๆ สูทที่ยืมมามันดันไม่ใช่ไซส์เจ้าบ่าวนี่สิคะ แล้วสูทที่ดีที่ว่าต้องพอดีตัวนี่เป็นยังไงหน่ะเหรอ มันก็เป็นเช่นนี้ไงคะ คือ ไหล่ต้องไม่ตก แขนเสื้อเชิ้ตต้องโผล่พ้นออกมาจากแขนเสื้อแจ็คเกตประมาณครึ่งนิ้วในขณะที่แขนทั้งสองข้างขนานกับลำตัว และความยาวของสูทต้องอยู่ประมาณบั้นท้าย

3. จำไว้ว่าคุณคือพระเอกของงานนี้!!

จงจำไว้ว่างานนี้คุณคือพระเอก ส่วนแก๊งเพื่อนเจ้าบ่าวหน่ะเหรอ..ก็แค่เพื่อนพระเอกเท่านั้น! เพราะฉะนั้นคุณจึงควรใส่ใจถึงรายละเอียดต่างๆ ที่อยู่บนร่างกายของคุณให้มากที่สุด ไม่ใช่ว่าหยิบจับอะไรมาใส่ก็ได้หรอกนะคะ ไม่ว่าจะเป็น เสื้อเชิ้ตตัวในที่ต้องใหม่และขาวสะอาด, โบไทหรือเนคไทสุดเนี้ยบเข้าธีม, และรองเท้าหนังขัดมันเงาวับ เป็นต้น และอีกหนึ่งอย่างที่เป็นแอคเซสซอรี่สำคัญที่เจ้าบ่าวควรจะพกติดตัวไว้ในวันงานก็คือ ผ้าเช็ดหน้าสักผืนเพื่อเอาไว้ใช้ในคราวที่จำเป็น อย่างเช่น ไว้ซับเหงื่อในกรณีที่จัดงานแต่งแบบเอ้าท์ดอร์ หรือไว้ซับน้ำตาแห่งความตื้นตันใจที่ไหลออกมาจากใบหน้าเจ้าสาวไงคะ

อ่านมาถึงตรงนี้เพื่อนเจ้าบ่าวก็อย่าเพิ่งน้อยใจ ว่าแล้วเราโดดเด่นกว่าแขกในงานได้อย่างไรล่ะที่นี่ ง่ายมากค่ะ เพราะแค่คุณและเจ้าบ่าวตกลงกันให้ดีแล้วอย่าใส่อะไรที่โดดเด่นหรือเหมือนกับคุณเจ้าบ่าวก็แค่นั้นเอง เช่น หากเจ้าบ่าวสวมโบไท เพื่อนชายอย่างเราก็อาจจะต้องเลี่ยง เป็นต้น แล้วหันไปเล่นกับดีไซน์กระดุมเสื้อสูทแทนก็ได้ เพราะมีมากมายหลากหลายแบบให้ว่าที่เจ้าบ่าวได้เลือกสวมใส่ ไม่ว่าจะเป็น สูทแบบกระดุมเม็ดเดียว หรือสูทแบบกระดุมสองแถว เป็นต้น

4. มั่นใจ = ชนะเลิศ

เคยสังเกตบ้างไหมคะว่า บางคนก็แต่งตัวธรรมดาแต่ทำไม่ถึงมีออร่าดูดีได้ขนาดนั้น? เราขอเฉลยว่า นั่นเพราะพลังแห่งความรู้สึกมั่นใจที่เกิดขึ้นจากภายในล้วนๆ ผสานกับการที่พวกเขาเลือกสูทได้ตรงกับสีผิว อีกทั้งยังรู้ว่าตัวเองเหมาะกับชุดสไตล์ไหนอีกด้วย เพราะฉะนั้นจงหาแนวทางของตัวเองให้เจอและท่องไว้ว่า ‘สไตล์คือสิ่งที่จะกำหนดตัวตนของคุณ สไตล์จะบ่งบอกได้ว่าคุณคือผู้ชายแบบไหน และสุดท้ายหากมั่นใจใส่อะไรก็ไม่ผิด’  หากคุณเข้าใจในข้อนี้ไม่ว่าจะสวมสูทแบบไหนก็หล่อได้จากภายในแน่นอนค่ะ

สุดท้ายอย่าลืมด้วย ดอกไม้ติดหน้าอก…เสริมหล่อให้เจ้าบ่าว กันด้วยนะจ๊ะ

CR. marthastewartweddings.com, pinterest

แหวนนพเก้า อัญมณีมงคล อีกหนึ่งแหวนหมั้นโบราณที่สวยไม่สร่าง

แพรวเวดดิ้ง จะขอพาบ่าวสาวมาทำความรู้จัก แหวนนพเก้า แหวนที่รวบรวมอัญมณีมงคล พร้อมเสริมบารมีให้คนใส่ ซึ่งถือเป็นแหวนหมั้นโบราณที่สวยไม่สร่างตลอดกาลจริงๆ

“เพชรยิ่งใหญ่ ไพรี ไม่มีกล้ำ ทับทิมนำ อายุยืน เพิ่มพูนผล

อุดมลาภ ยศศักดิ์ ประจักษ์ดล มรกต กันภัยพ้น ผองเล็บงา

บุษราคัม ฉาบเสน่ห์ ไม่เสแสร้ง โกเมนแจ้ง แคล้วพาลภัย ใจสุขา

ไพลินย้ำ ความร่ำรวย ช่วยนำพา มุกดาหาร เสน่หา น่าเมียงมอง

อันเพทาย ช่วยกันโทษ ที่โฉดเขลา ไพฑูรย์เล่า กันฟอนไฟ ภัยทั้งผอง

ดลบันดาล ให้เทวา มาคุ้มครอง สบสนองคุณค่าแจ้ง แห่งนพรัตน์”

โดยแหวนนพเก้านี้คนไทยได้รับความเชื่อมาจากประเทศอินเดีย ว่าอัญมณีแต่ละชนิดนั้นเป็นสัญลักษณ์แทนดาวนพเคราะห์ทั้ง 9 ดวงในระบบสุริยะ โดยสามารถป้องกันภัยอันตรายต่างๆ ได้ และหากผู้ใดมีไว้ในครอบครองก็เท่ากับมีมงคลติดตัวที่จะช่วยให้เจริญรุ่งเรือง และขึ้นชื่อว่า “นพ” ซึ่งมีความหมายคือ เลขเก้า หรือเก้าสิ่ง เพราะฉะนั้นคำว่า นพเก้า จึงหมายถึงอัญมณีมงคลจำนวน 9 ชนิด ดังต่อไปนี้

  1. เพชร – เป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่ มีชัยแก่ศัตรู ร่ำรวย
  2. บุษราคัม – มีเสน่ห์เป็นที่รัก
  3. ทับทิม – ความสำเร็จ ลาภยศ อายุยืน
  4. มรกต – ความศรัทธา กล้าหาญ ป้องกันภัยอันตรายทั้งปวง
  5. โกเมน – สุขภาพดี อายุยืนนาน
  6. ไพฑูรย์ – เทวดาคุ้มครอง ป้องกันฟืนไฟ
  7. เพทาย – ความร่ำรวย ชนะคดีความ
  8. มุกดาหาร – ความบริสุทธิ์ ร่มเย็น และชนะแก่ศัตรู
  9. ไพลิน – ความรัก ความเมตตากรุณา ความร่ำรวย

แหวนนพเก้า

 

แหวนนพเก้า

เพราะฉะนั้น เมื่อนำอัญมณีมงคลทั้ง 9 มารวมกันจึงทำให้แหวนวงนี้เป็นแหวนมงคล หรือเป็นยอดอัญมณีนำโชค ซึ่งในอดีตสมัยอยุธยาอัญมณีนพเก้านั้น เป็นสิ่งที่นำมาทำเครื่องทรงของกษัตริย์ เช่น แหวนนพเก้า นพเก้าสังวาลย์ เป็นต้น ต่อมาในสมัยรัตนโกสินทร์ ก็ยังเป็นของสูงที่พระมหากษัตริย์นำมาพระราชทานให้เป็นของกำนันแก่เหล่าขุนนางเวลาทำประโยชน์แก่บ้านเมือง แหวนนพเก้าจึงเป็นเครื่องประดับที่มีอายุมานับร้อยปี เป็นสิ่งมงคล มีค่า อีกทั้งยังช่วยขจัดสิ่งชั่วร้ายให้ออกจากคนที่สวมแหวนอีกด้วย

และด้วยดีไซน์ที่มีรูปทรงโบราณ บวกกับมีอัญมณีหลายประเภท ทำให้แหวนนพเก้ามีราคาสูง ตามขนาด และเกรดของอัญมณี แต่แหวนนพเก้าราคาหลักไม่ถึงหมื่นก็มีนะจ๊ะ เพราะฉะนั้นเจ้าบ่าวที่กำลังมองหาแหวนหมั้นสวยๆ รูปทรงไทยๆ มีความหมายที่ลึกซึ้ง ก็อย่าเพิ่งมองข้ามแหวนนพเก้าไปนะคะ

แหวนนพเก้า

Read More : พร้อมเสิร์ฟ 5 แบบแหวนหมั้นสไตล์คลาสสิก ใส่วนไปไม่มีตกยุค

ภาพจาก : PChomethai.com , jewelrybykhunobb.inwshop.com,goldmj.com

ปีใหม่นี้ไม่มีเหงากับ 9 สถานที่ขอพรเรื่องความรัก ไม่อยากนกห้ามพลาด

เข้าใจนะคะว่าการโสดมันเป็นปัญหาหนักอกหนักใจของหนุ่มสาวหลายคนในยุคนี้ ยิ่งปีใหม่แบบนี้ดีกรีความเหงาก็ยิ่งพุ่งปรี๊ด แพรวเวดดิ้ง จึงขอนำเสนอ 9 สถานที่เ ขอพรเรื่องความรัก ที่ใครต่อใครต่างการันตีว่าแม่นนักแม่นหนา ถ้าอยากมีคนรักต้องลองกราบนมัสการกันดู ส่วนใครที่กำลังอินเลิฟกันอยู่ก็เดินทางไปขอพรให้รักหนักแน่นได้เช่นกันนะคะ

 

1. เจ้าแม่เขาสามมุข จังหวัดชลบุรี

จากตำนานหนุ่มแสนกับสาวมุข คู่รักต่างฐานะที่ได้พบรักกันแต่กลับถูกผู้ใหญ่กีดกันจนไม่สามารถครองคู่กันได้กลายเป็นโศกนาฏกรรมแสนเศร้าและกลายเป็นศาลเจ้าแม่เขาสามมุข สถานที่กราบไหว้ขอพรเรื่องความรักของหนุ่มสาวทั้งหลาย จนมาถึงทุกวันนี้โดยเชื่อกันว่าหากคู่รักที่มีความมั่นคง และซื่อสัตย์ต่อกันนำว่าวมาเขียนชื่อตนเองและคนรัก มาถวายก็จะได้ครองรักกันยืนยาวตลอดไป

การบูชา : มะพร้าวอ่อน ขนมครกผลไม้ และพวงมาลัย ที่ขาดไม่ได้คือ “ว่าว” ซึ่งตามตำนานว่าวเป็นสื่อที่ทำให้แสนและมุขได้มาพบรักกันให้นำว่าวมาเป็นเครื่องบูชาโดยเขียนชื่อของตัวเองกับคนรักไว้บนนั้นแล้วนำไปแขวนไว้บริเวณศาลเจ้า

เวลาไหว้ : เขาสามมุขเป็นพื้นที่สาธารณะจึงผ่านไปชมได้ตลอดเวลาแต่กลางคืนค่อนข้างเปลี่ยว แนะนำให้ไปกราบไหว้ในเวลากลางวันถึง 18.00 น.

สถานที่ขอพรเรื่องความรัก,เจ้าแม่เขาสามมุข
เจ้าแม่เขาสามมุข จังหวัดชลบุรี

2. หลวงพ่อนาค วัดมัชฌิมาวาส จังหวัดอุดรธานี

วัดมัชฌิมาวาสหรือวัดเก่าเป็นสถานที่ ประดิษฐานพระพุทธรูปหินสีขาวปางนาคปรก “หลวงพ่อนาค” ที่ชาวบ้านเชื่อว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ด้านความรักไม่ว่าจะเป็นการขอพรในเรื่องของความรักของพ่อแม่ที่มีต่อบุตร ครูอาจารย์ที่มีต่อ ศิษย์ แต่ที่นิยมที่สุดคือความรักของหนุ่มสาว โดยมีเคล็ดลับในการไหว้คือถวายของเป็นคู่เช่น เชิงเทียนหนึ่งคู่ และอย่าลืมตักน้ำมนต์ในโอ่งที่อยู่ หน้าโบสถ์มาประพรมใส่คนที่รักเพื่อให้สมหวังด้วย

การบูชา : ธูป 3 ดอก เทียน 2 เล่ม และดอกไม้ตามศรัทธา

เวลาเปิด : ตั้งแต่เวลา 8.00 น. – 18.00 น.

สถานที่ขอพรความรัก,หลวงพ่อนาค
หลวงพ่อนาค วัดมัชฌิมาวาส จังหวัดอุดรธานี

3. พระแม่ลักษมี ดาดฟ้าชั้น 4 ศูนย์การค้าเกษร

ว่ากันว่าพระลักษมี เป็นที่รักยิ่งของพระวิษณุหรือพระนารายณ์ พระสวามีจึงทำให้ใครต่อใครที่อยากสมหวังในความรักและเป็นที่รักของคนรัก จึงเลือกมาไหว้พระลักษมี

การบูชา : ธูป 9 ดอก เทียน 1 คู่ และดอกบัว 3 ดอก (กรุณาเตรียมไปเองให้ครบ เพราะดาดฟ้าชั้น 4 ไม่มีร้านค้าจำหน่ายของไหว้)

เวลาไหว้ : ตามเวลาเปิด – ปิดของห้าง

สถานที่ขอพรความรัก,พระแม่ลักษ
พระแม่ลักษมี ดาดฟ้าชั้น 4 ศูนย์การค้าเกษร

4. พระกฤษณะ วัดเทพมณเฑียร เสาชิงช้า

เชื่อกันว่าพระกฤษณะสามารถประทานพรให้สมหวังในความรัก เนื่องจากตอนที่ท่านใช้ชีวิตบนโลกมนุษย์จะมีนางสนมถึง 10,000 คน แต่พระกฤษณะก็มีใจแค่กับนางราธาหญิงเลี้ยงวัวที่เป็นรักแรกที่ประทับใจ และยังอยู่ในใจของพระกฤษณะตลอดจนชั่วอายุขัย

การบูชา : ธูป เทียน และดอกไม้หรือ พวงมาลัย (กรุณาเตรียมไปเองให้ครบเพราะ ไม่มีร้านค้าจำหน่ายของไหว้)

เวลาเปิด : ตั้งแต่เวลา 6.00 น. – 19.00 น. ปิดช่วงเวลา 12.00 น. – 15.00 น. เพื่อประกอบพิธีภายในแนะนำให้ไปหลัง 15.00 น. จะได้เข้าร่วมบูชาไฟในเวลา 18.30 น

พระกฤษณะ,วัดเทพมณเฑียร,สถานที่ขอพรความรัก
พระกฤษณะ วัดเทพมณเฑียร เสาชิงช้า

5. พระนอน วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม

เชื่อกันว่าสาวๆ คนไหนอยากมีรัก ให้ไปขอพรกับพระนอนที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม โดยเฉพาะสาวที่อายุขึ้นเลข 3 จะยิ่งศักดิ์สิทธิ์ หากในช่วงอายุนั้นแล้วไปขอพรกับพระนอนก็มีสิทธิ์เจอเนื้อคู่และแต่งงานในที่สุด แต่จะต้องเป็นพระนอนที่วัดโพธิ์เท่านั้นจึงชัวร์

การบูชา : ควรไหว้วันอังคาร ด้วย ขนมจีน 3 จับกับน้ำยาปลา ธูป 8 ดอก เทียน 8 เล่ม ดอกบัว 8 ดอก และเงินอีก 8 บาท เมื่อไหว้แล้วให้รอธูปหมดแล้วลาขนมจีนมากิน เชื่อว่าเส้นขนมจีนยาวๆ นั้นเหมือนสายใยโยงไป ยังคู่ของตน

เวลาไหว้ : ตั้งแต่เวลา 8.00 น. – 16.00 น.

พระนอน วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม,สถานที่ขอพรความรัก
พระนอน วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม

6. พระธาตุศรีสองรัก อำเภอด้านซ้าย จังหวัดเลย

พระธาตุศรีสองรักเป็นพระธาตุก่ออิฐถือปูนสีขาว สร้างขึ้นด้วยศิลปะแบบล้านช้าง เพื่อเป็นสักขีพยานแห่งสัจจะ ไมตรีและเป็นเครื่องหมายแห่งมิตรภาพระหว่างอาณาจักรอยุธยาและกรุงศรีสัตนาคนหุตซึ่งตั้งสัตยาธิษฐานร่วมกันไว้ว่าจะช่วยเหลือเกื้อกูลและไม่ล่วงล้ำ ดินแดนซึ่งกันและกันตลอดไป พี่น้องชาวไทยและชาวลาวจึงมีความเชื่อว่าหากผู้ใดได้มากราบไหว้พระธาตุศรีสองรัก และขอพรในด้านที่เกี่ยวกับความรักและมิตรภาพ นั้นจะได้พบกับความสมหวังที่ยั่งยืน

การบูชา : ห้ามนำสิ่งของหรือดอกไม้ รวมถึงใส่ เสื้อผ้าและเครื่องประดับสีแดงเข้าไปบริเวณองค์พระธาตุ ศรีสองรัก เพราะสีแดงเปรียบได้กับเลือดที่เป็นผลของการทำสงคราม และหากใครมาบนแล้วได้ตามที่ขอให้นำต้นผึ้งมาถวาย

เวลาไหว้ : ตั้งแต่เวลา 8.30 น. – 17.00 น.

พระธาตุศรีสองรัก,สถานที่ขอพรความรัก
พระธาตุศรีสองรัก อำเภอด้านซ้าย จังหวัดเลย

7. ท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์

อย่างที่รู้กันอยู่แล้วว่าพระพรหมนั้นมีสี่หน้า การไหว้ขอพรจึงต้องแน่ใจว่าหน้าไหนไหว้สำหรับขอพรเรื่องใด โดยเริ่มจากพระพักตร์กลาง (คือพระพักตร์ที่อยู่ตรงกับประตูทางเข้า) เป็นพระพักตร์ที่หนึ่งแล้ว เดินวนไปตามเข็มนาฬิกาจนถึงพระพักตร์ที่สาม ซึ่งเป็นพระพักตร์ที่ไว้สำหรับขอความรักแต่ไหนๆ ก็ไปถึงที่แล้วก็ควรไหว้พระพรหม ให้ครบทั้งสี่หน้าเพื่อความเป็นสิริมงคลดีกว่า

การบูชา : ธูป 19 ดอก เทียน 9 เล่ม ดอกบัว 9 ดอก และ น้ำ 1 ขวด (รายการนี้ใช้สำหรับไหว้ขอพรเรื่องความรักเท่านั้น)

เวลาไหว้ : รั้วจะปิดตอนกลางคืน แต่สามารถสักการะอยู่นอก รั้วได้โดยมี ร.ป.ภ.คอยเฝ้าดูแล หรือสามารถยื่นดอกไม้ให้ ร.ป.ภ.นำไป ถวายแทนก็ได้

ท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์,สถานที่ขอพรความรัก
ท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์

8. ถ้ำพระยานคร อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

ต้นซุ้มรอดคู่หูหรือ Couple Marry Arbor ภายในเขตพระที่นั่งคูหาคฤหาสน์ ถ้ำพระยานคร อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด เป็นต้นไทรทรงประหลาดขนาด ไม้ใหญ่ที่มีรากอากาศงอกยาว ห้อยลงมาเป็นซุ้ม เชื่อกันว่า คู่รักคู่ไหนได้มาลอดซุ้มแห่งความรักนี้ด้วยกันจะรักกันนิรันดรส่วน ใครที่ยังโสดหากมาลอดซุ้มให้อธิษฐานขอพรแล้วจะสมหวัง

ถ้ำพระยานคร,อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด,สถานที่ขอพรความรัก
ถ้ำพระยานคร อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

9. ซุ้มประตูหินโค้ง(หรือซุ้ม ประตูรักนิรันดร์)เกาะไข่ อุทยานแห่งชาติตะรุเตา จังหวัดสตูล

เชื่อกันว่าถ้าคู่รักได้มา ลอดซุ้มประตูหินแห่งนี้แล้วกลับออกไปจะมีชีวิตรักที่สมหวังยืนยาว และครองคู่กันอย่างมีความสุข มี ลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง

ซุ้มประตูหินโค้ง,เกาะไข่,สถานที่ขอพรความรัก
ซุ้มประตูหินโค้ง (ซุ้มประตูรักนิรันดร์) เกาะไข่ อุทยานแห่งชาติตะรุเตา จังหวัดสตูล

เป็นไงกันบ้างจ๊ะ กับสถานที่ขอพรที่นำมาฝาก บอกเลยว่าเด็ดจริงอะไรจริง หนุ่มสาวคนไหนที่ยังไม่มีคนรู้ใจข้างๆ กาย ลองไปกราบไหว้ขอพรดูสิคะ จะได้เกิดความสบายใจและความเป็นสิริมงคลต่อตนเอง ไม่แน่เนื้อคู่อาจกำลังมาในเร็วๆ นี้ก็ได้น้า

cr : TAT, จิรศักดิ์

8 สิ่งที่บ่าวสาวควรเลี่ยงและห้ามทำก่อนวันแต่งงาน 1 อาทิตย์

มาดูกันดีกว่าว่าอะไรบ้างที่บ่าวสาว ห้ามทำก่อนวันแต่งงาน เด็ดขาดภายในช่วง 1 อาทิตย์ก่อนถึงวันสำคัญ ถ้าไม่อยากให้เกิดฝันร้ายในงานแต่งของตัวเอง

1. เปลี่ยนสีผม

เป็นเรื่องที่เสี่ยงมากที่จะเปลี่ยนสีผมก่อนถึงวันแต่ง 1 อาทิตย์ เพราะคุณไมมีทางรู้เลยว่าสีผมที่เปลี่ยนใหม่จะไปได้ดีกับสีผิวคุณหรือเปล่า เกิดว่าย้อมแล้วพัง สิ่งที่จะเกิดขึ้นลำดับต่อมาหากเปลี่ยนสีผมอีกรอบก็คือผมพังไงคะ

2. ตัดผมทรงใหม่

ยังวนเวียนอยู่กับเส้นผม แต่งานนี้ถ้าพลาดชีวิตจะพังยิ่งกว่าข้างบน ชนิดที่ว่าถ้าตัดผมผิดทรงไม่รับกับหน้า หรือตัดสั้นไป ล่ะก็ คุณจะได้ทรงผมที่ไม่ปลื้มในงานแต่งตัวเองแบบหยิบรูปมาดูเมื่อไหร่ก็เซ็งเมื่อนั้น

3. ดื่มแอลกอฮอล์

การดื่มแอลกอฮอล์ ไม่เพียงแค่ทำให้คุณเมาจนอาจเมาค้างได้ แต่ยังทำให้สาวๆ ทั้งหลายตัวบวม แถมยังทำให้อาหารย่อยยากจนเกิดอาหารท้องอืด ท้องป่อง คราวนี้แทนที่หน้าท้องจะเรียบเนียนแขกในงานอาจคิดว่าคุณตั้งท้องอยู่ก็ได้

4. ออกกำลังกายท่าใหม่

ก็เข้าใจว่าอยากจะฟิตแอนด์เฟิร์มให้ถึงที่สุด เพื่อความสวยเป๊ะในงานแต่ง แต่อย่าทะลึ่งออกกำลังกายท่าใหม่ๆ นะ เพราะว่าไม่งั้นกล้ามเนื้อที่ปวดล้าได้ส่งผลให้เดินแปลกๆ แน่

5. เปลี่ยนเครื่องสำอางและสกินแคร์

อย่าได้ริทดลองสิ่งใหม่ๆ กับผิวหน้าและผิวตัวในช่วงอาทิตย์สุดท้ายของวันสำคัญเด็ดขาด เกิดผิดพลาดขึ้นมาผิวเกลี้ยงเกลาจะกลายเป็นรอยแดง ผื่นขึ้น บอกเลยว่า ฝันร้ายชัดๆ  อ้อ! และห้ามสครับหน้าด้วยนะ เพราะก็เสี่ยงหน้าพังไม่แพ้กัน

6. ผักผลไม้ โอนลี่

คุณจะทำเพื่อหุ่นสวยยังไงก็ได้ แต่ห้ามเด็ดขาดคือการกินแต่ผักผลไม้ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนวันแต่งงาน เพราะนอกจากจะทำให้ไม่มีแรงมาสู้รบปรบมือในวันแต่งงานแล้ว ยังอาจทำให้ท้องเสียจู๊ดๆ ได้ เพราะขับถ่ายคล่องเกินไป หรือที่ร้ายแรงกว่าคือ ไฟเบอร์ในท้องเยอะเกินไป ท้องอืด ท้องป่องเอานะคะ

7. โต้รุ่งกันเถอะ

ถ้าไม่อยากหน้าโทรมเป็นซอมบี้ในวันแต่งงานให้แขกคิดว่าคุณมีธีมงานเป็น Walking Death ละก็ อย่าได้โต้รุ่งเชียว เพราะนอกจากจะทำให้เหนื่อยง่ายแล้วการพักผ่อนไม่เพียงพอยังทำให้ตาคล้ำ ลึกโบ๋ แถมผิวยังโทรมแบบไร้การหยุดยั้ง ทางที่ดีพักผ่อนให้มากๆ นะคะ

8. อัพกาแฟเกินขนาด

 การอัพกาแฟไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้นเลย แถมยังไปกระตุ้นให้อารมณ์ที่ควรสงบ ให้พุ่งพล่านด้วยความกังวลใจอีกต่างหาก แถมข้อเสียขั้นร้ายแรงของการกินกาแฟก็คือผิวเหี่ยว! สิค่ะ แทนที่จะสดใสเต่งตึงได้กลายเป็นยายเหี่ยวกลางงานแต่ง มันจะดีหรอใช่ม่ะ

ทั้ง 8 ข้อเป็นอะไรที่ดูแล้วธรรมดาเบสิคสุดๆ แต่พอดูผลลัพธ์แล้ว บอกเลยว่าหายนะชัดๆ ถ้าสาวๆ ไม่อยากชีวิตพังกลางงานที่เตรียมมาแรมปีละก็ อย่าทำเด็ดขาด

ดูเรื่องราวเกี่ยวกับความงามและสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ขอบคุณข้อมูลจาก www.brides.com
ขอบคุณภาพ www.dnmweddingfilms.com.au

คำถามยอดฮิต ชุดเพื่อนเจ้าสาว ใส่สีขาวจะได้ไหม? มาดูคำตอบกัน

ชุดเพื่อนเจ้าสาว ใส่สีขาวจะได้ไหมนะ? …

อันนี้น่าจะเป็นคำถามยอดฮิตของทั้งตัวเจ้าสาวเอง และแก๊งค์เพื่อนเจ้าสาว เพราะแน่นอนว่าเจ้าสาวส่วนใหญ่จะใส่ชุดแต่งงานสีขาวโดดเด่นเป็นสง่าในงานแต่งอยู่แล้ว แต่จะเป็นไอเดียที่ดีหรือไม่ หากมีสาวๆ กลุ่มใหญ่ใส่สีเดียวกัน แถมสาวๆ กลุ่มนั้นก็ดันเป็นแก๊งเพื่อนเจ้าสาวของเรานี่เอง แพรว wedding จึงมีคำตอบเรื่องนี้มาฝากกับคำถามที่คับอกที่ว่า ชุดเพื่อนเจ้าสาว สีขาวนั้นดีหรือไม่

คำตอบคือ … ชุดเพื่อนเจ้าสาว สามารถใส่สีขาวได้นะจ๊ะ แต่ต้องทำตามข้อแนะนำดังต่อไปนี้

ชุดเพื่อนเจ้าสาว1. เวลายืนถ่ายภาพ เว้นระยะให้ห่างกัน

แน่อนจ่ะ ข้อนี้เวลาถ่ายภาพ เจ้าสาวและเพื่อนๆ ควรยืนให้ห่างกัน โดยเว้นระยะให้เจ้าสาวอยู่ด้านหน้า และเพื่อนเจ้าสาวยืนประกอบเป็นฉากด้านหลังเนอะ จะได้ช่วยส่งให้เจ้าสาวโดดเด่นขึ้นมาค่ะ ก็แหม ชุดเพื่อนเจ้าสาว สีเหมือนเจ้าสาวขนาดนี้ หากยืนชิดกันเกินไปเดี๋ยวจะแยกไม่ออกนะคะว่าไหนเจ้าสาวไหนเพื่อน

2. เครื่องประดับช่วยชีวิต

เป็นเจ้าสาวที่เป็นนางเอกของงานขนาดนี้ ก็ต้องหาเครื่องประดับมาใส่ให้สมศักดิ์ศรีไปเลยจ่ะ ส่วนเพื่อนเจ้าสาวอาจจะใส่แค่ต่างหู หรือติดเครื่องประดับผมนิดหน่อยๆ พอให้แยกความแตกต่างออกนะจ๊ะ

ชุดเพื่อนเจ้าสาว

3. เลือกโทนสีให้แตกต่างกัน

สีขาวก็มีหลายเฉดนะจ๊ะ จะบอกให้รู้ไว้ เพราะฉะนั้นเพื่อนเจ้าสาวสามารถเลือกโทนสีให้แตกต่างกันได้ เช่น เจ้าสาวเลือกสีขาวออกมุก เพื่อนเจ้าสาวก็อาจจะเลือกชุดที่สีขาวหม่นลงมา เช่น สีไอวอรี่ เป็นต้น เท่านี้เจ้าสาวก็จะโดดเด่นที่สุดท่ามกลางเพื่อนเจ้าสาวที่ถึงแม้จะอยู่ในชุดสีขาวเหมือนกันแล้วค่ะ

4. หาพร็อพประกอบให้โดดเด่น

ไม่ว่าจะเป็น เวลเจ้าสาว ดอกไม้ประดับผม หรือมงกุฎดอกไม้ เป็นต้น เลือกมาประโคมใส่ให้โดดเด่นไปเลยค่ะ ซึ่งงานนี้เพื่อนเจ้าสาวก็ต้องยอมหลีกทางให้แต่โดยดี ไม่ใส่อะไรมาทับไลน์กันนะจ๊ะ เพราะอย่าลืมว่าวันนี้เป็นวันของเพื่อนสาวคนสำคัญของคุณ แล้วเพื่อนอย่างเราจะโดดเด่นเกินหน้าเกินตาได้่ยังไง จริงไหม

ชุดเพื่อนเจ้าสาว

5. รองเท้า

งงใช่ไหมล่ะว่ารองเท้ามีผลอย่างไร มีผลตรงความสูงนี่ล่ะค่ะ เพราะเจ้าสาวอาจจะต้องเลือกใส่รองเท้าส้นสูงมากกว่าเพื่อนเจ้าสาวสักหน่อย เพื่อที่เวลายืนอยู่ด้วยกันเจ้าสาวจะได้ดูโดดเด่นท่ามกลางเพื่อนสาวยังไงล่ะค่ะ เพราะฉะนั้นงานนี้สาวๆ อาจจะต้องนัดแนะกันให้ดีสักหน่อย หากวัดความสูงได้ก็ควรวัดให้เป๊ะจะได้ไม่มีใครสูงไปกว่าใคร หรือทางทีดีนัดเจอกันพร้อมรองเท้าคู่งามแล้วลองใส่ถ่ายภาพเล่นๆ กันดูก็ได้นะคะ จะได้รู้ว่าเพื่อนสาวคนสำคัญของเราเธอโดดเด่นมากที่สุดหรือเปล่านั่นเอง

เป็นยังไงกันบ้างคะ ไม่ยากเลยใช่ไหม ถ้าอยากให้ทั้งงานแต่งงานเป็นสีขาวเหมือนกันหมด และเพื่อความเข้ากันของแก๊ง เราก็มี กฏเลือกชุดเพื่อนเจ้าสาวให้ดูเข้ากัน มาฝากด้วย ลองอ่านกันนะจ๊ะ

เจ้าสาวจงฟัง! อยากเหนือและใหญ่กว่าคุณสามี…ความเชื่อนี้ที่ต้องทำ!

เคยได้ยินกันมาบ้างแล้วใช่ไหมล่ะ กับคำว่า เมียข่มผัว แม่ผัวกดขี่ลูกสะใภ้ ถ้าใครไม่อยากตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น ลองทำตามเคล็ดลับ ความเชื่อ ที่เรานำมาฝากกันดูแล้วคุณจะรู้ว่าใครก็ข่มคุณไม่ได้

2 ความเชื่อพึ่งปฏิบัติ ถ้าอยากให้สามีอยู่ในโอวาท วิธีแรกคือ เวลาตักบาตรในเช้าวันแต่งงาน ปล่อยให้เขาจับด้ามทัพพีก่อน จากนั้นสาวๆ จึงเอื้อมมือไปประกบด้านบน เพียงเท่านี้ก็สบายใจได้ว่าเขาจะกลายเป็นลูกไก่ในกำมือคุณอย่างแน่นอน ถ้าอยากให้ชัวร์อีกนิดจำไว้ว่าหลังจากรดน้ำสังข์เสร็จให้สาวๆ รีบลุกก่อน เพราะโบราณเชื่อว่าใครลุกก่อนใหญ่กว่าเสมอ

ส่วนเจ้าบ่าวก็อย่าเพิ่งขยาด ถ้าอยากเอาคืน ให้แสร้งยืนเท้าประตูแล้วหลอกล่อให้เธอลอดแขนคุณให้ได้ แค่นี้เธอก็จะเปลี่ยนมาเป็นลูกแมวตัวน้อยแล้วหล่ะ หากคุณยังหลอกล่อเธอไม่สำเร็จ ยังพอมีอีกโอกาสคือ ในขณะที่สวมแหวนให้เธอจะต้องสวมให้สุดนิ้ว ระวังอย่าทำร่วง ทำหล่นหรือให้เธอช่วยเด็ดขาด มิเช่นนั้นคุณนั่นแหละที่จะตกไปอยู่ใต้อำนาจเธอแทน

แต่หากคุณกลัวจะถูกแม่ผัวกดขี่ละก็ ลองสังเกตว่าในช่วงพิธีแต่งงานแม่ผัวคนดีมีท่าทีอยากเอามือกดหัวคุณหรือเปล่า ถ้ามีระวังให้ดีเพราะถ้าแม่เขาทำสำเร็จ โบราณท่านว่าคุณจะตกอยู่ใต้โอวาทของแม่ผัวแน่นอน แต่สาวๆ ก็อย่าไปกลัวจนระวังตัวแจเพราะถึงอย่างไรท่านก็เป็นแม่ของสามีเราเนาะ ยอมได้ก็ยอมนอบน้อมเข้าไว้ดีที่สุด

อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับพิธีแต่งงานไทยเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย — https://praewwedding.com/thai-wedding

ขอขอบคุณภาพจากงานแต่งงานของคุณนุ้กและคุณปลา จาก Smallroom Studio

ที่นี่มีคำตอบ…ว่าแขกผู้ใหญ่คนไหนสามารถส่งตัวเข้าหอได้บ้าง

งานแต่งงานแบบไทยที่เต็มไปด้วยพิธีการและแขกผู้ใหญ่นั้น บางทีก็อาจจะสร้างความสับสนงุนงงให้กับว่าที่บ่าวสาวหลายคู่ ว่าควรที่จะให้เกียรติผู้ใหญ่ท่านไหนมาร่วมในช่วงพิธีใดบ้าง ไม่เว้นแม้กระทั่งในช่วงพิธี  ส่งตัวเข้าหอ ที่ทำให้บางบ้านถึงกับเถียงกันคอแทบแต่ ว่าใครคนไหนที่จะร่วมส่งตัวบ่าวสาวได้บ้าง แพรว wedding เลยขอเจาะประเด็นที่หลายคนสงสัยว่าคนสำคัญที่แท้จริงสำหรับในช่วงนี้มีใครบ้าง

1. พ่อและแม่ของเจ้าบ่าว-เจ้าสาว

คนสำคัญที่ขาดไม่ได้ในทุกขั้นตอนของวันแต่งงาน เพราะท่านทั้งสองถือว่าเป็นผู้มีพระคุณ ซึ่งท่านจะให้พรและให้โอวาทในการครองเรือน หลายคนอาจเกิดคำถามว่า ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีเพียงพ่อหรือแม่แค่คนเดียวแล้วจะยังสามารถเข้ามาส่งตัวเข้าหอได้หรือไม่ ตอบเลยค่ะว่าได้แน่นอน ไม่มีข้อยกเว้นสำหรับบุพการีในทุกกรณี แต่ท่านอาจจะทำหน้าที่ในการให้พรลูกๆ และไม่ได้เป็นผู้ปูที่นอนให้ เพราะการประกอบพิธีปูที่นอนนั้นยังคงต้องใช้ผู้ใหญ่ที่เป็นคู่เพื่อความเป็นสิริมงคลของบ่าวสาว

2. คู่ผู้ใหญ่ที่เชิญมาปูที่นอน

คู่ผู้ใหญ่ที่บ่าวสาวจะเชิญมาปูที่นอนจะต้องเป็นผู้ใหญ่ที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวเคารพ มีชีวิตคู่ที่ดี ราบรื่น ไม่เคยหย่าร้าง ครองเรือนกันมาจนแก่เฒ่า และมีลูกหลานสืบสกุล บางงานอาจให้พ่อแม่หรือปู่ย่าตายายของตนเองที่มีคุณสมบัติตรงตามที่แจ้งไปนี้ เป็นผู้ปูที่นอนให้ก็ได้ แล้วแต่ความสะดวกของเจ้าบ่าวเจ้าสาว

3. คู่ประธานในพิธี

ในกรณีนี้ ถ้าประธานในพีหรือเถ้าแก่มาเป็ฯคู่ก็สามารถเชิญให้ท่านเป็นผู้ใหญ่ในพิธีส่งตัวและพิธีปูที่นอนเลยก็ได้ แต่ถ้าท่านมาคนเดียวหรือมีธุระที่จะต้องรีบกลับบ่าวสาวอาจจะต้องหาคู่ผู้ใหญ่ที่เชิญมาปูที่นอน (ตามข้อ 2 ) หรือจะเป็นพ่อแม่ของตัวเองก็ทำได้เช่นกัน

สำหรับคู่ไหนที่อยากได้ความเป็นสิริมงคลแบบเต็มที่ อยากจะให้ทั้งพ่อแม่ คู่ผู้ใหญ่ที่เชิญมาปูที่นอน และคู่ประธานในพิธี มาร่วมส่งตัวในห้องหอด้วยก็สามารถทำได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคงต้องดูขนาดความกว้างของห้องหอด้วยว่าใหญ่พอที่จะบรรจุคนเหล่านี้ได้หรือไม่ อย่าให้แออัดเกินไปจนขยับตัวหรือทำอะไรลำบาก รวมถึงเหล่าเพื่อนของเจ้าบ่าวเจ้าสาวทั้งหลาย ที่อาจจะต้องอยู่แค่ภายนอก ไม่ได้เข้าไปร่วมส่งตัวด้วย เพราะเขาถือว่าพิธีนี้เป็นช่วงเวลาของคนในครอบครัวเท่านั้น

ภาพเปิด Smallmoon Photo

อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับพิธีแต่งงานไทยเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย — https://praewwedding.com/thai-wedding

จะอวดต้องเป๊ะ! 10 เคล็ดลับถ่ายเซลฟี่แหวนแต่งงานให้สวยเริ่ดและน่าอิจฉา

ถึงจะมีมือถือสุดล้ำที่มาคู่กล้องความละเอียดสูง แต่ถ้าใช้ไม่เป็นก็เท่านั้น ยิ่งจะเอามาถ่ายเซลฟี่ แหวนแต่งงาน ที่เขาเพิ่งสวมให้หมาดๆ อวดให้คนทั้งโลกออนไลน์ได้อิจฉา ต้องถ่ายให้สวยเป๊ะ ประกายเพชรต้องปิ๊งๆ ไม่ใช่ดูแล้วเหมือนจุดสีขาวๆ บนหน้าจอจริงไหมค่ะ ถ้าเห็นด้วยละก็ มาเตรียมตัวถ่ายเซลฟี่แหวนให้แจ่มกับแพรว wedding ไหมล่ะ

1. หามุมสวยและทำความรู้จักแหวนของคุณก่อน : ก่อนจะถ่ายเซลฟี่แหวนแต่งงาน ต้องศึกษาแหวนวงงามของคุณก่อนนะคะว่ามุมไหนสวย มุมไหนเด้ง และต้องไม่ลืมศึกษามุมสวยเมื่ออยู่บนมือเรียวของคุณด้วยนะคะ จะได้มีภาพที่น่าประทับใจที่สุดจากวงแหวนของคุณไงล่ะ

แหวนแต่งงาน

2. แสงธรรมชาติช่วยรูปสวยเสมอ : ถ้าคุณไม่ได้เซลฟี่แหวนของคุณนอกบ้านท่ามกลางแสงสว่างธรรมชาติ เดินไปริมหน้าต่างแล้วยื่นมือให้แสงแดดส่องมากระทบที่แหวน จากนั้นลองพลิกมือซ้ายขวาหามุมที่ประกายเพชรส่องพลังให้มากที่สุดค่อยถ่าย

3. โคมไฟ-ไฟฉายต้องใช้ : อาศัยการจัดแสงด้วยตัวเองค่ะ ถ้ามีโคมไฟตั้งโต๊ะก็เปิดซะแล้วยื่นมือที่สวมแหวนพร้อมเข้าไป พลิกมือซ้ายขวาให้ได้มุม แต่ถ้ามีลูกมือละก็ เปิดไฟฉายค่ะแล้วส่องที่แหวนบนมือค่อยกดโฟกัสหัวแหวนและถ่าย

แหวนแต่งงาน

4. ทำเล็บก่อนถ่ายด้วยสิ : จริงอยู่ที่จุดประสงค์คือการอวดแหวน แต่มือและเล็บคือองค์ประกอบสำคัญที่จะบอกว่าภาพนั้นสวยเป๊ะหรือเปล่า ยิ่งถ้าคุณเป็นสาวที่มีนิสัยชอบกัดเล็บด้วยแล้วละก็ ขอบังคับให้ไปทำเล็บค่อยถ่ายจะดีมากๆ

5.ฉากหลังสวยๆ คู่เทคนิคหน้าชัดหลังเบลอ : อีกหนึ่งสิ่งที่จะทำให้การเซลฟี่อวดแหวนแต่งงานของคุณได้รับการกดไลค์และเพิ่มความอิจฉาให้เพื่อนๆ ก็คือ การพาแหวนวงนั้นออกเดินทางไปยังสถานที่สวยๆ เพื่อให้สถานที่นั้นเป็นฉากหลัง เมื่อจะถ่ายก็ใช้เทคนิคหน้าชัดหลังเบลอ ซึ่งแน่นอนว่าหน้าที่ชัดคือหน้าแหวนแต่งงาน ส่วนหลังเบลอๆ ก็ฉากหลังไงคะ

6. จัดการขนออกไปก่อน : อย่าลืมนะว่า แหวนสวมลงนิ้ว และคุณจิ้มหน้าจอเพื่อโฟกัสแหวน แต่กล้องของคุณอาจเก็บเอารายละเอียดใกล้ๆ อย่างขนอ่อนๆ ที่อยู่บนนิ้วมาด้วย แบบนั้นน่ะทำให้รูปไม่งามเป๊ะแน่นอน

แหวนแต่งงาน

7. วางมือแบบไม่จงใจถ่าย : เคล็ดลับนี้อาจต้องมีพร้อพช่วย เพื่อให้ภาพการเซลฟี่อวดแหวนดูสมูทขึ้น และไม่โดนเม้าว่าขี้อวดเกินเหตุ ก็แค่หยิบคลัชใบเก๋มาถือ หรือแก้วน้ำงามๆ มาวางไว้ วางมือลงไปแล้วแชะๆ ก็ได้อารมณ์แบบว่า อุ้ยตาย! ไม่ได้อยากอวด แค่อยากโชว์ไลฟ์สไตล์

8. ใช้แอพฯ ช่วยให้ดูดี : เรื่องการเลือกแอพมาทำสวย แพรว wedding คงไม่ต้องแนะนำ ซึ่งนั่นแปลว่า แอพฯ ไหนช่วยทำให้ภาพคมสวมขึ้น ก็เลือกใช้ซะ แต่ครั้งนี้ใช้กับมือและแหวนที่อยากเซลฟี่ไงละ ไม่เห็นจะยาก

แหวนแต่งงาน

9. ใส่ฟิลเตอร์ซะเลย : ก่อนโพสต์ลง IG หรือ FB มักจะมีต้องเลือกฟิลเตอร์ขึ้นมานำเสนอให้คุณปรับความงามอีกขั้น ลองเลือกดูก่อนว่ามีฟิลเตอร์ไหนช่วยให้ภาพแหวนที่ตั้งใจถ่ายเพื่อเซลฟี่อวดครั้งนี้ดูดีขึ้นแบบบวกๆ

10. ไม่ลืม hashtag และ emojis : เพื่อความสมบูรณ์แบบของการเซลฟี่แหวนแต่งงาน การติด hashtag และ emojis เพื่อบ่งบอกความรู้สึก ณ จุดนั้นของคุณว่า กำลังแฮปปี้ดี๊ด๊าและเซอร์ไพร้ส์มากแค่ไหนคือสิ่งควรทำ แล้วรับรองค่ะว่า นอกจากภาพจะสวย ใครเห็นก็อิจฉาและตามมาด้วยคำยินดีแน่นอน

ดูแบบแหวนแต่งงานและเครื่องประดับอีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย — https://praewwedding.com/ring-accessories-library

เรื่อง : Hoyamemoria
ภาพ : theknot, wongsjewellers.co.uk