10 วิธีเลือกซื้อแหวนแต่งงานอย่างง่ายที่คู่รักต้องพกไปร้านเพชร

เพราะงานแต่งงานคือวันสำคัญสำหรับคู่รัก และแหวนแต่งงานก็ถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญในวันแสนพิเศษนี้ ว่าที่บ่าวสาวจึงไม่ควรพลาดที่จะเลือกแหวนแทนใจให้ดีที่สุด  “คุณมีวิธีเลือกซื้อ แหวนแต่งงาน ยังไง?” จึงเป็นคำถามที่ควรจะใส่ใจ ซึ่งสำหรับใครที่ไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหนดี วันนี้เราเลยมีเคล็ดลับดีๆ มาแนะนำกัน ให้รู้ว่าวิธีเลือกซื้อเพชรนั้น จริงๆ แล้วง่ายกว่าที่คิดมากๆ เลยล่ะค่ะ

1. รูปทรงของเพชร

หลายคนอาจจะมีรูปทรงของเพชรในใจก่อนมาที่ร้านกันอยู่แล้ว อันนี้ไม่มีผิด ไม่มีถูก เราสามารถเลือกทรงเพชรได้ตามความชอบของแต่ละคนได้เลย ส่วนเพชรทรงยอดนิยมที่ทางร้านเพชรแนะนำก็คือ เพชรทรงกลม เนื่องจากเพชรทรงกลมเวลาอยู่บนตัวเรือนจะสวยสง่ากว่าใคร เป็นทรงที่เจียระไนออกมาแล้วจะวิบวับแวววาวเล่นแสงได้มากที่สุด ถือเป็นทรงเพชรที่สวย สมมาตร และเป็นทรงเพชรที่สมบูรณ์ที่สุด

2. วัสดุที่ใช้ทำตัวแหวน

วัสดุที่ใช้ทำตัวเรือนของแหวนจะมีทั้งหมด 3 ประเภท ซึ่งจะมีทองผสมในสัดส่วนที่แตกต่างกันโดยประมาณ คือ ทองขาว (บางร้านก็เรียกทองคำขาว) ทอง และพิงก์โกลด์ โดยตัวเรือนที่นิยมใช้ในการทำแหวนเพชรมากที่สุดก็คือทองขาว เพราะการใช้ทองขาวเป็นตัวเรือนจะยิ่งขับเพชรให้ดูเด่นสง่า สะท้อนแสงได้แวววาว ไม่สะท้อนออกมาเป็นสีเหลือง รองมาก็เป็นสีทอง และสีพิงก์โกลด์ แต่อย่างไรก็ตามข้อนี้ไม่ได้มีกฎตายตัว เราสามารถเลือกตัวเรือนได้ตามความชอบเลยค่ะ

3. เลือกกระรัต

กะรัต คือหน่วยที่ใช้ชั่งน้ำหนักของเพชร หรือภาษาง่ายๆ ก็คือ การเลือกขนาดของเม็ดเพชรนั่นเอง หากเรากำหนดงบประมาณในใจมาแล้ว ก็จะสามารถเลือกกระรัตได้ง่ายขึ้น แต่สำหรับใครที่ไม่ควบคุมบัดเจท ก็สามารถเลือกกระรัตได้ตามความเหมาะสม และสวยงามได้เลยค่ะ โดยการเลือกขนาดของเม็ดเพชรนี้ จะส่งผลต่อราคามากที่สุด ยิ่งเพชรเม็ดใหญ่ขึ้นมากแค่ไหน ราคาก็สูงขึ้นตามไปด้วย

4. ขนาดของแหวน

เรื่องของขนาดแหวนนั้นแนะนำให้ไปเลือกแหวนกับคู่รักจะดีที่สุด อย่างน้อยก็จะได้มั่นใจว่าแหวนที่เราซื้อนั้นสามารถใส่ได้พอดีกับนิ้วของเรา กับคนรักได้พอดี ไม่หลวมหรือว่าคับไป

5. การแมทช์แหวนหมั้นและแหวนแต่งงาน

ปกติ “แหวนหมั้น” และ “แหวนแต่งงาน” ทั้งคนไทยและฝรั่ง จะใส่นิ้วนางข้างซ้าย แต่เมื่อสาวฝรั่งเข้าพิธีแต่งงาน มักย้ายแหวนหมั้นไปอยู่นิ้วนางข้างขวาก่อน และเมื่อเสร็จสิ้นพิธี จึงย้ายแหวนหมั้นกลับมานิ้วนางข้างซ้ายตามเดิม โดยสวมทับแหวนแต่งงานไปเลย ดังนั้น แหวนหมั้นและแหวนแต่งงาน จึงควรมีการออกแบบมาเป็นเซต ให้ใส่ด้วยกันแล้วสวยงามลงตัวค่ะ

6. แหวนควรมีใบรับประกัน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแหวนเพชรที่มีราคาแพง ในกรณีที่เกิดความชำรุดเสียหาย เพชรหลุด หรือมีรอยบิ่น ในกรณีที่เกิดจากความผิดพลาดของทางร้านหรือความประมาทของเรา ทางร้านจะสามารถซ่อมแซมให้ได้หรือไม่ และทั้งหมดนี้จะอยู่ในเงื่อนไขการรับประกันหรือเปล่า อีกทั้งยังควรจะต้องมีใบเซอร์รับรองเพชร เพื่อให้เรามั่นใจ ว่าเพชรที่เราได้มานั้นมีคุณภาพถูกต้องตามมาตรฐานสากล ถ้ามีใครตั้งคำถามถึงคุณภาพของเพชร สามารถอ้างอิงถึงใบรับประกันนี้ได้เลย

7. Certificate ของเพชร

เพชรแต่ละเม็ดจะมีการยิงเลเซอร์หมายเลขของเพชรสลักอยู่ เพื่อใช้ตรวจสอบว่าเป็นเพชรเม็ดเดียวกับที่ออกใบรับรอง (Certificate) ซึ่งแน่นอนว่าไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า วิธีการตรวจสอบคือการใช้กล้องส่องเข้าไปในเม็ดเพชร เพื่อตรวจสอบว่าหมายเลขที่เพชรนั้นเป็นเลขอะไร เพื่อนำมาเทียบกับใบรับรองว่าใช่หมายเลขเดียวกันหรือไม่ ควรตรวจสอบทั้งตอนเลือก และตอนมารับแหวนเพชร เพื่อให้มั่นใจได้ว่าเราได้เพชรเม็ดที่เลือกไว้ และตรงตามใบรับรองจริงๆ

8. ความสะอาดของเพชร

ความสะอาดในการเลือกเพชร หมายถึงตำหนิของเพชร เพชรที่สะอาดก็คือเพชรที่มีตำหนิน้อย ซึ่งตำหนิของเพชรนั้นเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ไม่สามารถลบออกได้ ดังนั้นเพชรยิ่งมีตำหนิน้อยมากเท่าไหร่ มูลค่าก็จะยิ่งสูงขึ้นมากเท่านั้น

9. กำหนด Budget แหวนในใจ

เพื่อให้สามารถควบคุมงบประมาณไม่ให้บานปลาย เลยเถิดไปไกล และยังง่ายต่อการเลือกแหวนเพชร เมื่อได้งบในใจแล้ว ก็แจ้งกับพนักงานขาย เพื่อให้พนักงานแนะนำแหวนเพชรที่อยู่ในงบมาให้เลือก แต่หากใครที่ไม่ซีเรียสเรื่องราคา ก็สามารถข้ามข้อนี้ไปได้เลยค่ะ

10. เลือกซื้อแหวนแต่งงานกับร้านที่เชื่อถือได้

ร้านขายแหวนที่น่าเชื่อถือมีประสบการณ์ ทำให้เรามั่นใจในส่วนนึงว่า เราจะได้แหวนแต่งงานที่มีคุณภาพ ทำมาจากวัสดุที่ดี ดีไซน์สวย และมีราคาสมเหตุสมผล รวมไปถึงมีแหวนรูปแบบต่างๆ มากมายให้เราได้เลือก และยังสามารถให้คำแนะนำดีๆ ในการเลือกซื้อแหวนแต่งงานที่ตรงใจเราด้วย

เรื่อง : ชวลิดา
Cr. brides.com
ภาพ : diamond-rings-and-wedding-bands.com

Recommended