6 วิธี ลด ค่าใช้จ่ายงานแต่ง ให้สบายกระเป๋า  

จะจัดงานแต่งงานทั้งทีใครๆ ก็รู้ว่าค่าใช้จ่ายมากมายเหลือเกิน ไม่ว่าจะรายจ่ายใหญ่ๆ หรือรายจ่ายยิบย่อย เราจึงมี 6 วิธี ลด ค่าใช้จ่ายงานแต่ง มานำเสนอ ซึ่งเป็นวิธีที่ทำได้จริง แถมไม่ทำให้งานออกมาดูน่าเกลียดอีกต่างหาก

1. ลดจำนวนแขกลง

แม้คุณจะรู้จักคนมากมายกี่สิบ กี่ร้อยคนก็ตาม แต่ในงานแต่งงานของคุณขอมีเพียงแค่คนที่คุณรัก และรักคุณเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว ส่วนเพื่อนของเพื่อน คนข้างบ้าน คนที่รู้จักกันได้ 3 วัน ไม่จำเป็นต้องเชิญเขาเหล่านั้นมาก็ได้ เพราะไม่ใช่เพียงแค่จะลดค่าใช้จ่ายลงไปได้เท่านั้นนะ แต่บางทีคนที่ได้การ์ดเชิญก็งงด้วยว่า เอ๊ะ เขาก็ได้รับเชิญด้วยหรือ แล้วจะไปงานดีไหมนะ

เทคนิคที่ทำให้เชิญแขกได้น้อยแบบไม่มีข้อกังขาก็คือ หาสถานที่แต่งงานเล็กๆ ที่รองรับคนไม่ได้มาก หลังงานแต่งเมื่อมีคนถามก็โทษให้เป็นความผิดของสถานที่ไปละกันเนอะ

2. แต่งช่วง Low Season

การท่องเที่ยวยังมีฤดูกาล งานแต่งงานก็เช่นกัน หากว่าไม่สนใจเรื่องฤกษ์ยามอะไรมากมายนัก การจัดงานแต่งงานช่วงโลว์ซีซั่นก็ทำให้ได้สถานที่จัดงานในราคาที่ถูกลง บางครั้งอาจถูกลงไป 50% เชียวนะ ซึ่งโลว์ซีซั่นของงานแต่งงานก็จะอยู่ในช่วงกลางปี แต่พอถึงสักเดือน 10 – เดือน 2 นั่นละ งานแต่งจะพีคมาก ราคาค่าสถานที่ไม่เพียงพุ่งแบบพรวดๆ แต่ยังหายากอีกด้วย

3. งานเช้า งานเย็น ที่เดียวจบ

การจัดงานเช้าและงานเย็นในสถานที่เดียวกันช่วยลดค่าใช้จ่ายได้มากทีเดียว เพราะเดี๋ยวนี้หลายๆ ที่นิยมจัดแพคเกจเช้าค่ำ ทำให้ราคาถูกลง รวมไปถึงการจัดการต่างๆ ของบ่าวสาวก็แสนง่าย ไม่ลำบากยุ่งยากเหมือนการเช้าที่ เย็นอีกที่ แต่ในกรณีที่งานเช้าจัดที่บ้านของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็เป็นอีกเรื่องนะ เพราะแบบนั้นยังไงก็เซฟกว่าอยู่แล้ว

4. ลำดับความสำคัญเพื่อการจ่ายเงิน

ในการจัดแบ่งงบประมาณสำหรับเรื่องต่างๆ บ่าวสาวควรจัดลำดับความสำคัญว่าอยากให้กับเรื่องอะไรเป็นสิ่งแรกๆ แล้วจัดเตรียมงบก้อนใหญ่สำหรับสิ่งนั้น แล้วลดหลั่นกันลงมาสำหรับลำดับต่อๆ ไป อย่างบางคู่ให้ความสำคัญกับเรื่องอาหารและสถานที่ ก็อาจวางเงินก้อนใหญ่จัดเต็มเรื่องอาหาร และสถานที่ ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็ใช้เงินน้อยหน่อยว่ากันไป แต่หากให้ความสำคัญกับภาพ ก็จ้างช่างภาพชื่อดังซึ่งแน่นอนว่าราคาไม่ถูก ส่วนเรื่องอาหารก็อาจจะเตรียมเงินไว้น้อยกว่า อย่างนี้เป็นต้น ก็จะทำให้ไม่ต้องเสียเงินมากกับทุกเรื่องโดยเฉพาะกับเรื่องที่คุณไม่ได้ให้ความสำคัญ

5. ขอความช่วยเหลือจากคนใกล้ตัว

หลายๆ อย่างอาจขอความช่วยเหลือจากคนรู้จักได้ อย่างเรื่องของอาหารหากมีคนใกล้ๆ เป็นพ่อครัว แม่ครัว ก็อาจให้เขาเหล่านั้นทำให้ แต่ต้องจ่ายเงินให้ด้วยนะ เพราถึงแม้ต้องจ่ายเงินแต่ยังไงก็ไม่เท่ากับที่ต้องจ่ายให้กับร้าน หรือโรงแรมหรอก

6. D.I.Y

ถึงเวลาที่บ่าวสาวต้องโชว์สกิลงานฝีมือกันบ้าง หลายๆ อย่างสามารถทำเองได้ หรือช่วยๆ กันทำ อย่างเช่นของตกแต่งในงานแต่งที่พอจะดีไอวายได้ ของชำร่วยอย่างพวกน้ำผึ้งที่บ่าวสาวสามารถซื้อเยอะๆ มาแบ่งใส่บรรจุภัณฑ์น่ารักๆ เองได้ หรือถ้าเจ้าสาวมีฝีมือด้านการจัดดอกไม้ก็อาจจะจัดช่อดอกไม้และช่อบูโทเนียร์เล็กๆ สำหรับงานแต่งตัวเอง หรือถ้าจะเอาให้สุด จำงานแต่งของ โย่ง – อาร์มแชร์ และ ก้อย – แซทเทอร์เดย์เซย์โกะ ได้ไหม ที่เจ้าบ่าวตัดชุดให้เจ้าสาว เห็นไหมโรแมนติคดีออก อิอิ

เรายังมีวิธีอีกเพียบที่จะช่วยคุณบ่าวสาวควบคุมค่าใช้จ่ายงานแต่ง คลิกเลย

ภาพ pixabay, pinteresr

19 โต๊ะทานอาหารงานแต่งงาน ที่แต่งตามได้ด้วยตัวเองง่ายๆ

โต๊ะทานอาหารงานแต่งงาน เป็นสิ่งที่ใกล้ชิดกับแขกผู้มาร่วมงานมากที่สุด คงจะดีไม่น้อยถ้าจะได้ยินเสียงร้องว้าว! ออกมา จากไอเดียของเรา ถ้าอย่างนั้น เรามาจัดให้โต๊ะทานอาหารของเราเป็นที่ประทับใจผู้ร่วมงานกันดีกว่า

แพรว wedding รวบรวม 19 ไอเดีย การจัด โต๊ะทานอาหารงานแต่งงาน ที่สามารถแต่งตามได้มาฝากกัน แบบไหนโดนใจ จัดตามได้เลย

การจัดโต๊ะอาหาร สวยๆจะช่วยเสริมให้เมนูที่เตรียมเสิร์ฟดูพิเศษยิ่งขึ้น แค่ประยุกต์แต่งเติม มิกซ์แอนด์แมตช์นิดๆหน่อยๆ ก็สามารถจัดโต๊ะให้สวยปิ๊งได้ และสิ่งที่ควรคำนึงถึงก็คือ

1. เลือกโต๊ะและจัดเก้าอี้ให้เพียงพอ

เริ่มจากจัดโต๊ะเก้าอี้ให้เพียงพอกับจำนวนผู้ใช้ หากรูปแบบเก้าอี้ที่เข้าชุดมีจำนวนไม่พอดีอาจนำเก้าอี้อื่นๆ มาใช้ร่วมกันได้ ก็จะให้ความรู้สึกเป็นกันเอง ถ้าโต๊ะและเก้าอี้ดูไม่สวยงามลองหาผ้าสีเรียบๆมาคลุมทับหรือตกแต่งเพิ่มเติมด้วยผ้าสวยๆ ริบบิ้นเก๋ๆ หรือช่อดอกไม้เล็กๆ ก็จะได้โต๊ะรับประทานอาหารในรูปแบบใหม่ไม่จำเจ

2. เลือกโทนสีข้าวของเครื่องใช้

เช่น จานชามดอกไม้ ของประดับตกแต่ง ผ้าปูโต๊ะ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ขึ้นอยู่กับธีมงานความชอบหรือรสนิยมของแต่ละคนซึ่งในแต่ละโทนของแต่ละสีก็ให้อารมณ์ความรู้สึกแตกต่างกันดังนี้

  • โทนสีหวานๆ เช่น ชมพู ฟ้า ม่วง ครีม หรือสีพาสเทลให้ความรู้สึกนุ่มนวลสดใสสบายตาและโรแมนติก
  • โทนสีร้อนแรง เช่น แดง ส้ม เหลือง ให้ความรู้สึกอบอุ่นตื่นเต้นเร้าใจและในทางจิตวิทยาเชื่อว่าเป็นโทนสีที่กระตุ้นให้เจริญอาหาร
  • โทนสีเคร่งขรึม เช่น น้ำเงิน น้ำตาล เทา และดำ สร้างบรรยากาศให้ดูเรียบหรูน่าค้นหาและมีเสน่ห์เหมาะจะใช้จัดโต๊ะอาหารสำหรับงานเลี้ยงที่มีแขกรับเชิญเป็นผู้ใหญ่
  • โทนสีเปล่งประกาย เช่น ทอง เงิน โรสโกลด์ และคอปเปอร์ให้ความรู้สึกเจิดจรัสหรูหราอลังการทำให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารของเราดูเป็นภัตตาคารสุดหรูระดับโรงแรมห้าดาว

อย่างไรก็ตามการ จัดโต๊ะอาหาร ไม่จำเป็นต้องเลือกใช้เพียงโทนสีเดียว อาจนำสีอื่นๆ เข้ามาช่วยเสริมบรรยากาศก็ได้อย่างสีขาวก็จับคู่ได้กับทุกโทนสี หรือนำสีต่างๆ มาแมตช์กันตามความสะดวกหรือตามของที่มี เช่น สีทองจากของตกแต่งบนโต๊ะอาหารวางผสมผสานกับสีพาสเทลของผ้าปูโต๊ะก็สร้างบรรยากาศหรูหรา ขณะเดียวกันก็ดูสวยหวานและได้อารมณ์โรแมนติกอีกด้วย

3. ลวดลาย

บนโต๊ะอาหารมักมีลวดลายจากจาน ชาม แก้วน้ำ ผ้ารองจาน และผ้าปูโต๊ะ เราอาจแบ่งหมวดหมู่ของลวดลายได้ดังนี้คือ ลายธรรมชาติ ลายกราฟิก และลายตัวอักษรเทคนิคง่ายๆ ในการเลือกใช้ลวดลายต่างๆ ก็เช่น

  • หากต้องการใช้ผ้าปูโต๊ะ 2 ผืนที่มีลายต่างกัน ผ้าผืนแรกควรมีลวดลายขนาดเล็กส่วนผืนที่สองเลือกใช้ลายขนาดใหญ่เพื่อจะได้เห็นความแตกต่างไม่ลายตาจนเกินไป
  • จาน ชาม แก้วน้ำ ถ้ามีลวดลายสวยแบบจัดเต็มอยู่แล้วก็ควรเลี่ยงการใช้ผ้ารองจานที่มีลวดลายมาก เช่น ควรใช้ผ้าที่มีลายน้อยเล็กๆ พองามหรือใช้ผ้าลูกไม้ก็ดูลงตัว
  • ผ้าลายกราฟิกเท่ๆ กับผ้าลายดอกไม้แสนหวาน หากรู้จักเลือกจับคู่โทนสีให้แมตช์กัน เช่น ผ้าลายกราฟิกสีขาว – น้ำเงิน ปูทับบนผ้าลายดอกไม้สีขาว – ฟ้าด้วยโทนของคู่สีก็ทำให้ทั้งสองลายนี้ใช้ร่วมกันได้อย่างสวยงาม

4. รูปทรง

เลือกใช้ภาชนะต่างๆ บนโต๊ะอาหารได้หลากหลายรูปทรง เช่น กระบอกกลมรี สี่เหลี่ยมผืนผ้า สี่เหลี่ยมจัตุรัส ฯลฯ เมื่อนำมาจัดรวมกันควรเลือกขนาดให้เหมาะสมลงตัวเพื่อไม่ให้โต๊ะอาหารดูแน่นและอึดอัดจนเกินไป

5. สร้างจุดเด่น

ควรมีจุดสวยเด่นมากเป็นพิเศษเพียงจุดเดียว เพื่อเป็นจุดนำสายตาหรือเป็นพระเอกของงานเลยก็ว่าได้ เช่น เชิงเทียนที่จัดไว้กลางโต๊ะ เมนูอาหารสุดพิเศษที่ประดับประดาอย่างสวยงาม หรือแจกันดอกไม้สุดอลังการ ส่วนของตกแต่งเล็กๆ น้อยๆ ก็ต้องสวยงามเช่นกัน แต่ให้ความสำคัญรองลงมาแล้วนำองค์ประกอบต่างๆ มาจัดรวมกันให้กลายเป็นโต๊ะรับประทานอาหารที่ดูสวยสมบูรณ์แบบ

เครดิตภาพ : pinterest
ข้อมูล : baanlaesuan

ติดตามไอเดียและเทคนิคต่างๆเกี่ยวกับงานแต่งงานได้ที่ praewwedding

จัดงานแต่งริมทะเล อย่าลืมเช็ค 6 เรื่องนี้ให้ดีก่อน

เจ้าสาวคนไหนที่อยาก จัดงานแต่งริมทะเล ต้องมั่นใจและเช็คให้ชัวร์ โดยเฉพาะ 6 เรื่องนี้ ห้ามพลาด! ห้ามหลุด! ไม่อย่างนั้นงานแต่งในฝันอาจกลายเป็นฝันร้ายที่คอยหลอนไปตลอดชีวิตก็ได้

1. สถานที่แต่งงานกับจำนวนแขก

แม้ว่าชายหาดจะเป็นสถานที่เปิดโล่งและกว้างขวาง แต่ก็ไม่เหมาะกับการจัดงานที่มีแขกจำนวนมาก เพราะการดูแลแขกให้ทั่วถึงเป็นเรื่องยาก เราจึงมักจะได้เห็นงานแบบนี้เป็นงานแต่งเล็กๆ ฉลองกันแบบส่วนตัวมากกว่า ซึ่งโดยส่วนมากแล้วโรงแรมมักจะจำกัดแขกอยู่ที่ประมาณ 100-200 คน a a a a  a  a  a  a  a a aa aa a a aa a a a  a

2. การเดินทาง

งานริมทะเลมักเป็นงานแต่งที่จัดขึ้นในต่างจังหวัด ทำให้การเดินทางอาจไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่นัก ยิ่งโดยเฉพาะการจัดงานที่ชายหาดส่วนตัวที่การเดินทางก็จะยิ่งเป็นเรื่องยากมากขึ้น เพราะฉะนั้น บ่าวสาวที่คิดจะจัดงานแต่งงานริมทะเลจึงต้องคิดเรื่องการเดินทางให้ดี ว่าจะต้องจัดรถรับส่งด้วยหรือเปล่า

จัดงานแต่งริมทะเล3. ที่พัก

ส่วนใหญ่แล้วแขกจำนวนหนึ่งรวมถึงครอบครัวของบ่าวสาวมักจะต้องค้างคืน อาจจะต้องมีการเปิดห้องพักเพิ่ม ซึ่งนั่นก็หมายถึงค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน แต่โรงแรมริมทะเลก็มักจะจัดแพ็คเกจแต่งงานพร้อมห้องพักจำนวนหนึ่งเอาไว้แล้ว ว่าที่เจ้าบ่าว เจ้าสาวก็อาจจะต้องเลือกแพ็คเกจให้ดีเพื่อความคุ้มค่ามากที่สุด

4. ฝนฟ้าอากาศ

การจัดงานริมทะเลมักจะเป็นการจัดงานกลางแจ้ง เพราะฉะนั้นการเลือกวันนอกจากจะต้องดูฤกษ์มงคลแล้ว พยากรณ์อากาศก็เป็นเรื่องสำคัญ ว่าวันนั้น ฝนจะตก แดดจะออกมากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะช่วงหน้าฝนถ้าเลี่ยงได้ ก็เลี่ยงเถอะค่ะ จะได้ไม่ต้องมานั่งลุ้นตลอดเวลา ช่วงที่น่าสนใจจะจัดงานคือช่วงหน้าหนาวที่อากาศกำลังสบายๆ แถมปราศจากพายุด้วย แต่ก็อย่าลืมเตรียมแผนสำรองเอาไว้หากว่าเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้ย้ายงานเข้าไปจัดในร่มได้อย่างทันท่วงที

5. แสงไฟ

หากว่าเป็นงานกลางวันก็ไม่เท่าไหร่ แต่ถ้า จัดงานแต่งริมทะเล ตอนกลางคืนเรื่องแสงไฟเป็นเรื่องที่ห้ามมองข้ามเด็ดขาด ซึ่งหากจัดสวยๆ แสงไฟก็เป็นอีกจุดที่ทำให้งานสวยขึ้นมาได้ คราวนี้ก็ขึ้นกับคู่บ่าวสาวแล้วว่าอยากได้แสงไฟแบบไหน ไม่ว่าจะเป็น ไฟราว ไฟหยด หรือจะเป็นแสงเทียนในขวดแก้วก็สวยโรแมนติคดีทีเดียว

6. เสียง

การจัดงานริมทะเลเป็นงานที่ต้องสู้กับเสียงธรรมชาติ ดังนั้นเรื่องเครื่องเสียงก็เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องเตรียมเอาไว้ให้พร้อม ถ้าไม่อยากตะโกนกันทั้งงานจนเสียงแหบ เสียงแห้ง แล้วอาจจะพลอยทำให้แขกหงุดหงิดอีกด้วย

นี่คือ 6 เรื่องสำคัญที่บ่าวสาวที่อยากจัดงานแบบนี้ต้องคิดให้ถี่ถ้วน แต่ถ้าตรองมาแล้วว่ารับมือได้สบายมาก ก็จัดงานแต่งในฝันไปเลยคร้า

ดูขั้นตอนการจัดงานแต่งงานได้อีกนะ คลิกเลย

ภาพ pixabay, pinterest

สารพัดไอเดียจัดงานแต่งงานเล็กๆ กับเทคนิคที่จัดตามได้แบบไม่ยาก

บ่าวสาวหลายคู่อยากจะมี งานแต่งงานเล็กๆ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง เพราะคิดแล้วคิดอีกยังไงแขกก็หลักร้อย กลายเป็นงานใหญ่ระดับช้าง เราจึงมี 5 เทคนิคดีๆ กับวิธีจำกัดแขกให้เหมาะกับงานแต่งงานเล็กๆ ในฝันมาฝาก

งานแต่งงานเล็ก

หาสถานที่ที่รองรับคนได้จำนวนน้อย เพราจะเป็นการบีบให้คุณบ่าวสาวสามารถจำกัดจำนวนแขกได้แบบเด็ดขาด ไม่ต้องเชิญแบบสะเปะสะปะ เพราะพื้นที่มีน้อย ต้องใช้สอยอย่างประหยัดและให้คุ้มค่าที่สุด

งานแต่งงานเล็กๆ

มีจำนวนแขกไว้ในใจ การตั้งตัวเลขจำนวนแขกในใจควรเป็นจำนวนที่น้อยกว่าจำนวนสูงสุดที่พื้นที่จัดงานสามารถรองรับคนได้ จะยิ่งทำให้จำนวนคนน้อยลง งานจะได้เล็กสมใจ

งานแต่งเล็กๆ

เชิญเฉพาะคนสนิทที่คุณรักจริงๆ เท่านั้น

จัดงานแบบ Sit-Down Dinner คือล็อคที่นั่งเอาไว้ให้เลย พร้อมบอกไว้ในการ์ดด้วยว่า เชิญแขกจำกัดเท่านั้น ห้ามนำผู้ติดตามมานะจ๊ะ แขกจะได้ไม่งอกเพิ่มแบบไม่รู้ตัว

ไม่ต้องจ้างวงดนตรีใหญ่โต แค่มีเพลย์ลิสต์เพลงซึ้งๆ ที่ชอบ เปิดกับเครื่องเสียงดีๆ ก็ได้บรรยากาศโรแมนติคแล้ว หรืออาจจะขอแรงเพื่อนสักคนมาช่วยคุมเปิดเพลงในจังหวะพิเศษ อย่างตอนเต้นรำก็ได้

ส่วนด้านล่างคือ ไอเดียตกแต่งงานแต่งงานขนาดเล็ก ให้มีบรรยากาศน่ารัก อบอุ่น

เพียงเท่านี้ก็ได้ งานแต่งงานเล็กๆ ที่แสนอบอุ่นสมใจแล้ว ส่วนการตกแต่งงานแต่งงานนั้นก็จัดได้เลยตามสบายแบบที่คุณทั้งสองชื่นชอบ

ภาพ pinterest

ยังมีไอเดียจัดงานแต่งสวยๆ อีกเพียบ คลิก 

สวยแบบ 360 องศากับการแมตช์ลุคเจ้าสาวให้เข้ากับสถานที่แต่งงาน

รวมไอเดีย ลุคเจ้าสาว ในวันสำคัญให้เข้ากับสถานที่แต่งงาน

หลังจากได้ธีมงานที่ชัดเจนแน่นอน ตามมาด้วยชุดเจ้าสาวที่ใช่ ก็ถึงเวลาหา ลุคเจ้าสาว ทั้งการแต่งหน้าและทรงผมที่จะช่วยส่งให้ภาพรวมของเจ้าสาวดูเป็นบุคคลสำคัญที่สุดของงานให้ดูสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ แน่นอนว่าต้องไม่เพียงแค่ดูไปด้วยกันกับทุกสิ่งทุกอย่างภายในงาน แต่ต้องมีความถูกต้องเหมาะสม เพื่อช่วยให้เจ้าสาวรู้สึกสะดวกสบายที่สุด แพรว wedding เลยหยิบเอา 5 ธีมงานเด่นมาเป็นตัวอย่างในการผสมผสานแบบของชุดเจ้าสาวให้เข้ากับทรงผมและลุคของเมคอัพในวันสำคัญ ช่วยให้คุณไม่เพียงแค่เป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุด แต่ยังมีความสุขอย่างเต็มที่ที่สุดอีกด้วย

In The Garden

งานแต่งในสวนสวยกำลังเป็นเทรนด์ในปีนี้ และเมื่อนึกถึงชุดเจ้าสาวที่จะไปด้วยกันกับธีมงานแบบนี้คงจะต้องเป็นชุดเจ้าสาวทรงไอ (I) ทรงเอ็มไพร์ (Empire) หรือทรงเชท (Sheath) ที่มีลักษณะชายกระโปรงไม่แผ่กว้างจนเกินไป เหมาะกับการเดินบนพื้นหญ้าหรือพื้นกรวดในสวน รวมทั้งช่วยส่งให้ช่วงตัวเจ้าสาวดูสูงโปร่งโดยไม่ต้องพึ่งส้นสูงอีกด้วย

สำหรับงานกลางแจ้ง สิ่งที่ต้องระวังเป็นพิเศษคือ เมคอัพของเจ้าสาว เพราะแสงแดดตามธรรมชาติจะไม่ได้ช่วยอำพรางหรือทำให้ผิวพรรณดูนวลเนียนเหมือนแสงในสตูดิโอ เมคอัพลุคของเจ้าสาวจึงควรเน้นการแต่งผิวให้ดูเป็นธรรมชาติที่สุด เมคอัพลุคที่เหมาะกับเจ้าสาวในสวนสวยคือ ลุคสีธรรมชาติ ไม่เน้นดวงตาหรือสีปากจัดจ้าน อาจเน้นพวงแก้มด้วยบลัชออนหรือไฮไลเตอร์ที่มีส่วนผสมของชิมเมอร์เนื้อละเอียด เมื่อแสงแดดตามธรรมชาติตกกระทบผิวหน้าจะได้ช่วยให้ผิวดูเปล่งประกายสวยงาม ตบท้ายด้วยความเพอร์เฟกต์ของลุคเจ้าสาวด้วยทรงผมฟุ้งเบาประดับดอกไม้ที่มีสีสันเข้ากับธีมงานของคุณ

ลุคเจ้าสาว

 

ติดตามลุคเจ้าสาวสำหรับ Luxury Ballroom Wedding ได้ที่หน้าต่อไป >>

ย้อนรอยไปดูพิธีรดน้ำสังข์ พิธีไทยในงานแต่งงานแบบไทยในอดีต

เมื่อถึง พิธี รดน้ำสังข์ ซึ่งในอดีต อาจแยกจัดวันอื่นก็ได้ตามฤกษ์ เป็นเวลาที่เพื่อนเจ้าบ่าวและเพื่อนเจ้าสาวจะได้ทำหน้าที่ ถ้าตามธรรมเนียมเก่า เพื่อนเจ้าบ่าวกับเพื่อนเจ้าสาวจะมีกี่คนก็ได้ แต่ต้องเป็นจำนวนคู่และต้องแต่งงานแล้ว หรือนิยมให้เป็นเพื่อนชายหญิงที่กำลังวางแผนจะแต่งงาน เพื่อจะได้เรียนรู้งานไปด้วย ไม่นิยมให้เป็นหนุ่มสาวที่ยังโสด เพราะเชื่อว่าจะทำให้หนุ่มสาวคนนั้นๆ ไม่ได้แต่งงาน

คนที่อาวุโสที่สุดในกลุ่มเพื่อนเจ้าบ่าว จะต้องทำหน้าที่อาราธนาศีลตอนพระสวดมนต์ โดยที่เจ้าบ่าวเจ้าสาว และเพื่อนบ่าวสาวคนอื่นๆ ต้องร่วมนั่งฟังพระสวด และในพิธีนี้ จะมีการทำน้ำพระพุทธมนต์เพื่อไว้ใช้ตอนรดน้ำสังข์ด้วย

หลังฟังพระสวดพระพุทธมนต์ ถวายจตุปัจจัยไทยธรรมเรียบร้อย เมื่อได้ฤกษ์รดน้ำบ่าวสาวจะขึ้นไปนั่งบนแท่นรดน้ำที่มีหมอนสำหรับรองมือและพานรองน้ำสังข์ โดยเจ้าบ่าวอยู่ด้านขวา และเพื่อนเจ้าบ่าวและเจ้าสาวยืนอยู่ด้านหลัง จากนั้น ให้ประธานในพิธีทำการเจิมและสวมมงคลแฝดให้บ่าวสาว (หรือจะสวมมงคลก่อนเจิมก็ได้) หากพระสงฆ์เป็นผู้เจิม ท่านจะเจิมเจ้าบ่าวก่อน แล้วค่อยจับมือเจ้าบ่าวเพื่อเจิมหน้าผากให้เจ้าสาวแทน เพราะพระสงฆ์ไม่สามารถถูกเนื้อต้องตัวฝ่ายหญิงได้ มงคลแฝดจะถูกโยงห่างจากกันประมาณ 2 ศอกเศษ เพื่อให้สะดวกแก่คนทั้งคู่ ส่วนด้านปลายของมงคล ให้โยงมาพันที่บาตรน้ำมนต์ และด้านหางสายสิญจน์ พระสงฆ์ทุกรูปจะถือโยงไว้โดยนำปลายสายสิญจน์ใส่ไว้ในพานและสวดชยันโตตลอดพิธี

รดน้ำสังข์
ข้าวของเครื่องใช้ใน พิธี รดน้ำสังข์

เมื่อเริ่มพิธีจะมีคนคอยตักน้ำพระพุทธมนต์เติมในสังข์เพื่อส่งให้ญาติผู้ใหญ่ที่ทยอยมารดน้ำสังข์ และมักจะกล่าวอวยพรให้ครองรักกันอย่างมีความสุข “ถือไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชร” หรือ “มีลูกเต็มบ้าน มีหลายเต็มเมือง” เมื่อรดน้ำและอวยพรเรียบร้อย แขกจะได้รับของชำร่วยเป็นที่ระลึก

หลังเสร็จสิ้นพิธีรดน้ำจะมีการปลดมงคลออกจากศีรษะ โดยญาติผู้ใหญ่ที่นับถือและดึงให้มงคลออกจากกัน ก่อนส่งให้เจ้าบ่าวและเจ้าสาวคนละวงเพื่อนำไปพันข้อมือไว้ เมื่อเข้าหอแล้ว ให้นำด้ายผูกข้อมือจากมงคลแฝดยัดใส่ที่นอน ซึ่งในอดีต เจ้าสาวจะเป็นคนเย็บเองและจะเย็บค้างไว้เพื่อการนี้ และเมื่อใส่ด้ายมงคลแฝดเข้าไปแล้ว คู่สามีภรรยาจะช่วยกันเย็บปิดช่องที่นอนให้เรียบร้อย

และเพราะมีความเชื่อเรื่องเคล็ดกันว่า หากฝ่ายใดลุกขึ้นจากแท่นรดน้ำก่อน จะเป็นฝ่ายที่ได้อยู่เหนือคู่ครองของตน คือถ้าฝ่ายหญิงลุกก่อน สามีมักจะกลัวเกรง ภายหลังจึงมีการเชิญให้ผู้ใหญ่กล่าวให้ทั้งสองลุกขึ้นพร้อมกัน โดยที่เจ้าบ่าวจะช่วยประคองเจ้าสาวขึ้นมาแทน และหลังพิธี รดน้ำสังข์ มักมีการเลี้ยงฉลองกันต่อในตอนกลางคืน

ภาพเปิดจากงานแต่งงานคุณเจน & คุณตั๋ง ถ่ายโดย Sixtysix Visual

ติดตามเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับพิธีงานแต่งไทยอีกเพียบที่นี่ คลิกเลย!

วางแผนจัดงานแต่ง นับถอยหลัง 1 ปี บ่าวสาวต้องทำอะไรบ้าง

HOW TO วางแผนจัดงานแต่ง ล่วงหน้า 1 ปีง่ายๆ

จะจัดงานแต่งงานสักงาน บ่าวสาวต้อง วางแผนจัดงานแต่ง ล่วงหน้าเป็นปี บางคู่อาจจะปีกว่าด้วยซ้ำไป ฟังดูแบบนี้แล้วรู้สึกว่าเตรียมการนานจัง ในแต่ละเดือนทำอะไรกัน เราจะมาเคาท์ดาวน์ให้ดูกันแบบ 1 ปี จนถึงคืนก่อนแต่งงานเลยทีเดียว

1 ปีก่อนถึงวันแต่งงาน

วางงบประมาณ เรื่องเงินเป็นเรื่องสำคัญ “จะเปย์เท่าไหร่ไปกับงานแต่ง ?” คือสิ่งแรกที่คุณบ่าวสาวต้องปรึกษากัน ก่อนจะเริ่มลงมือวางแผนจัดงานในขั้นตอนต่อไป หรือจะจูงมือกันไปปรึกษาเวดดิ้งแพลนเนอร์เพื่อช่วยให้ วางแผนจัดงานแต่ง เป็นเรื่องง่ายขึ้นก็ได้

ลิสต์รายชื่อแขก เมื่อจำนวนเงินมาแล้ว อันดับต่อมาคือเรื่องแขก ว่างบเท่านี้ของเรา ควรจะเชิญแขกมาเท่าไหร่ดีนะ อ้อ! อย่าลืมเผื่อสำหรับแขกของคุณพ่อ คุณแม่ด้วย

เลือกธีมงานแต่ง ก่อนจะเริ่มคิดตกแต่งและหาสถานที่ เรื่องธีมและคอนเซปต์ของงานเป็นเรื่องสำคัญมว๊าก ที่จะช่วยให้การจัดงานเป็นเรื่องง่าย การเข้ามาดูไอเดียใน แพรว wedding ก็ช่วยให้ได้ไอเดียดีๆ นะ

10 เดือน ก่อนถึงวันแต่งงาน

– หาเวดดิ้งแพลนเนอร์ เมื่อมีครบทั้งเงิน ทั้งธีมแล้ว จึงเริ่มมองหาเวดดิ้งแพลนเนอร์ โดยบ่าวสาวสามารถเลือกแพลนเนอร์ได้จากการพูดคุย ดูจากผลงานที่ผ่านมา ซึ่งแต่ละเจ้าก็มีแนวงานที่ถนัดแตกต่างกัน ลองเอามาเปรียบเทียบกับธีมงานของเรา แล้วค่อยตัดสินใจเลือกก็ได้

– จองสถานที่ เมื่อได้ธีมหรือคอนเซปต์ของงานแล้ว บ่าวสาวจะรู้ว่าต้องการสถานที่แบบไหน งานกลางแจ้ง หรืองานในโรงแรม เมื่อตกลงปลงใจเรื่องสถานที่แล้ว ก็อย่ารอช้ารีบไปจองสถานที่เลย เพราะถ้าช้าอาจทำให้ผิดหวังได้ โดยเฉพาะช่วงพีคของงานแต่งอย่างช่วงต้นปี-ปลายปี เป็นต้น

– มองหาชุดแต่งงาน เป็นช่วงที่บ่าวสาวเริ่มต้องมองหาชุดแต่งงานที่ถูกใจแล้ว บางคนอาจจะคิดว่าอีกตั้ง 10 เดือน จะรีบไปทำไม แต่อย่าชะล่าใจไป เพราะเชื่อสิว่ากว่าจะได้ชุดที่ถูกใจต้องตระเวนหาอีกหลายร้านจนเหนื่อยเลยล่ะ

8 เดือน ก่อนถึงวันแต่งงาน

– จองช่างภาพ หากอยากได้ช่างภาพชื่อดัง ยิ่งต้องจองแต่เนิ่นๆ เพราะบางทีคิวของช่างภาพก็ยาวข้ามปี ส่วนวิธีเลือกช่างภาพก็เหมือนหาแพลนเนอร์ คือดูผลงานที่ผ่านมา อ่านรีวิวต่างๆ และอย่าลืมตกลงกับคุณช่างภาพเรื่องไฟล์ภาพ รูปภาพ และการรีทัชภาพให้เรียบร้อย

– เลือกเค้กแต่งงาน อย่าสงสัยว่าทำไมเลือกล่วงหน้านานจัง เพราะการทำเค้กสักก้อนต้องใช้เวลานาน ทำให้ร้านเค้กชื่อดังที่คิวแน่นๆ ก็คิวเต็มเร็ว หรือถ้ายิ่งอยากได้เค้กวิจิตรพิศดารก็ต้องใช้เวลาทำนานไปอีก การสั่งล่วงหน้าจึงเหมือนเป็นการเพิ่มโอกาสให้ได้เค้กจากร้านที่ชอบ

6 เดือน ก่อนถึงวันแต่งงาน

– ซื้อแหวนแต่งงาน แหวนแต่งงานนะ ไม่ใช่แหวนหมั้น ถึงจะเป็นแหวนเรียบๆ แต่ถ้ามีดีเทลพิเศษก็ยิ่งต้องเฟ้นหา และก็เหมือนชุดแต่งงานนั่นแหละ เพราะมีโอกาสน้อยมากที่บ่าวสาวจะได้แหวนแต่งงานที่ถูกใจตั้งแต่ร้านแรกที่เข้าไปดู

วางแผนฮันนีมูน เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการคุยกันว่าคู่เราจะไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ที่ไหนดี แล้วยิ่งไปต่างประเทศ การจองตั๋ว ทำวีซ่า เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องวางแผนกันดีๆ นะ อ้อ! อย่าลืมมองหาโรงแรมที่เป็นส่วนตัวด้วย อิอิ

สั่งตัดชุดเพื่อนเจ้าสาว ชุดเพื่อนเจ้าสาวนั้นยุ่งมาก ยิ่งถ้าเพื่อนเยอะ ความวุ่นวายก็ยิ่งมาก ไหนจะเรื่องผ้าที่เอามาตัดชุด ไหนจะแบบของคุณเพื่อนแต่ละคนที่แตกต่างกัน ไม่นับรวมระยะเวลาที่ใช้ในการตัดอีก บางคู่อาจแก้ปัญหาด้วยการ ให้ผ้าสาวๆ ไปตัดกันเองก็จะช่วยลดระยะเวลาลงได้มากเหมือนกัน แต่ปัจจุบันร้านเช่าชุดแบบสำเร็จรูปก็มีแบบและสีให้เลือกเยอะมาก ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ช่วยลดความปวดหัวและย่นระยะเวลาลงไปได้อีกอึดใจหนึ่ง

4 เดือน ก่อนถึงวันแต่งงาน

เลือกชุดเพื่อนเจ้าบ่าว ชุดเพื่อนเจ้าบ่าวมีความยุ่งยากน้อยกว่าชุดของสาวๆ แต่!…ถ้าตัดชุดสูทแบบทางการระยะเวลา 4 เดือนเนี่ย ถือว่าปกติเลยนะ เพราะความละเอียดของชุดเอย งานคัดติ้งเอย แล้วไหนจะคิวช่างอีก แต่ถ้าจะเปลี่ยนจากชุดทางการเป็นชุดลำลองสบายๆ ก็ช่วยลดความยุ่งยากและระยะเวลาได้ แต่อาจจะต้องตกลงเรื่องสไตล์และธีมสีกันให้ดีๆ นะ

– มองหาช่างหน้า ช่างผม เราอยากจะบอกว่าหากต้องการช่างหน้า ช่างผมตัวท็อปนี่อาจเป็นเวลาที่ช้าเกินไปด้วยซ้ำ เพราะว่าเหล่าตัวท็อปคิวแน่นกันข้ามปี แต่ถ้าไม่แคร์เรื่องนี้ก็ไม่เป็นไร ซึ่งขั้นตอนการเลือกก็ไม่ยากเท่าไหร่ ดูจากผลงานที่ผ่านมา หรือดูจากรีวิวเจ้าสาวรุ่นพี่ แต่ถ้าคุณมีงบเยอะหน่อยและต้องการสร้างความมั่นใจ ก็อาจไปให้ช่างลองแต่ง ลองทำผมดู ถ้าถูกใจก็ตกลงราคากันให้เรียบร้อย ว่าราคานี้ รวมแต่งเพิ่มช่วงระหว่างงานด้วยไหม ถ้าแต่งญาติเจ้าสาวด้วยจะคิดเพิ่มเท่าไหร่

– เลือกเมนูอาหาร หากเป็นอาหารของโรงแรมหรือสถานที่จัดงานเรื่องก็ง่ายหน่อย เพราะส่วนใหญ่มาเป็นแพคเกจอยู่แล้ว แต่ถ้าอยากหาจากข้างนอกมาเอง ก็ต้องติดต่อกันล่วงหน้าแต่เนิ่นๆ เตรียมรายละเอียดเรื่องจำนวนแขกเอาไว้คุยกับทางร้านให้เรียบร้อย และที่สำคัญอย่าลืมแจ้งโรงแรมหรือสถานที่จัดงานด้วยนะ เพราะอาจมีการเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมตามมาได้

– เลือกของตกแต่งงาน สำหรับบ่าวสาวที่มอบหมายให้เวดดิ้งแพลนเนอร์ดูแล ขั้นตอนนี้คุณก็แค่ตัดสินใจว่าชอบหรือไม่ชอบ มีดีเทลอะไรที่อยากได้เป็นพิเศษไหม แต่ถ้าเป็นคู่ที่จัดงานเองก็อาจถึงเวลาลงพื้นที่ถิ่นผู้ผลิตงานต่างๆ หรือจะไปช้อปปิ้งที่จตุจักรก็สนุกนะ

 

2 เดือน ก่อนถึงวันแต่งงาน

– ส่งการ์ดเชิญ สองเดือนก่อนแต่งงานเป็นช่วงเวลาที่บ่าวสาวต้องตระเวนรอบเมือง เพื่อส่งการ์ดเชิญให้กับแขกผู้ใหญ่ ผู้มีเกียรติต่างๆ รวมไปถึงแก๊งเพื่อน หรือถ้าเป็นบุคคลที่สนิทๆ มากอาจใช้วิธีเชิญทาง Facebook หรืออีเมล์ก็ได้ แต่อย่าใช้วิธีนี้กับผู้ใหญ่เด็ดขาด!

– จัดลำดับพิธีในงาน เป็นช่วงที่แต่ละอย่างเริ่มชัดเจนมองเห็นเป็นรูปร่างแล้ว ก็มาถึงการจัดลำดับว่าในงานจะเกิดอะไรขึ้น มีขั้นตอนอย่างไร ลองรันพิธีดูจะทำให้เห็นว่าติดขัดตรงไหนจะได้แก้ไขได้ทัน

– ลองชุดเป็นครั้ง(รอง)สุดท้าย นี่เป็นการลองชุด(เกือบ)ครั้งสุดท้าย หากไม่มีอะไรปรับแก้ทุกอย่างผ่านฉลุยก็จะเป็นเรื่องราวดีๆ แต่หากยังแก้ไม่จบ เรายังเหลือเวลาสำหรับความเป๊ะนี้อีกครั้ง

1 เดือน ก่อนถึงวันแต่งงาน

– จดทะเบียนสมรส เป็นช่วงเวลาที่บ่าวสาวไม่ยุ่งมาก สามารถปลีกตัวไปจดทะเบียนสมรสกันได้ (ในกรณีที่ไม่ได้วางแผนจดทะเบียนกันในงานแต่งงานนะ) สำหรับบ่าวสาวรุ่นใหม่ที่อยากทำสัญญาก่อนแต่งงานก็สามารถร่างขึ้นได้ในช่วงนี้เลย โดยอาจจะต้องปรึกษาคุณทนายให้เข้ามาช่วยในการร่างสัญญาครั้งนี้

– งานเลี้ยงสละโสด ถึงเวลาแล้วที่จะสนุกสุดเหวี่ยงไปกับงานเลี้ยงสละโสดแล้ว

2 อาทิตย์ ก่อนถึงวันแต่งงาน

– ลองชุดครั้งสุดท้าย นี่คือโอกาสสุดท้ายแล้วสำหรับการลองชุดแต่งงาน หลังจากนี้ชุดควรจะต้องพร้อมใส่ 100 % ไม่ควรปรับแก้อะไรอีกแล้ว

– คุยกับช่างภาพ บอกลำดับพิธีการของงานแต่งงานว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง รวมไปถึงว่าคุณอยากได้รูปภาพช็อตไหนเป็นพิเศษ ซีนไหนที่ต้องมีรูป ลิสต์มาให้ช่างภาพเขารู้เลยทีเดียว

– เลือกเพลงในงานแต่ง บอกตรงๆ นี้เป็นเรื่องที่ยากมากจริงๆ กับเรื่องเพลงมาเปิดในงานแต่ง ให้ลิสต์ออกมาว่าช่วงไหนของงานบ้างที่ต้องมีเพลงเปิด แล้วแต่ละช่วงต้องการเพลงแบบไหน จะทำให้การเลือกเพลงเป็นเรื่องง่ายขึ้น

2 วัน ก่อนถึงวันแต่งงาน

– ผ่อนคลายทุกอย่าง เป็นช่วงเวลาที่บ่าวสาวต้องผ่อนคลาย อย่าเครียดอย่ากังวล อะไรอีกแล้ว

– ทำเล็บ คุณเจ้าสาวที่วางแผนจะไปทำเล็บไม่ว่าจะแค่ตัดเล็บ ไปจนถึงต่อเล็บ ก็ควรทำวันนี้ เพราะไม่เร็วเกินไปจนเล็บยาวโคนเล็บโผล่ และช้าเกินไปจนไม่มีเวลาสร้างความคุ้นเคยกับเล็บใหม่

– คอนเฟิร์มทุกสิ่ง คอนเฟิร์มทุกอย่างให้เรียบร้อย แล้วปล่อยใจให้สบาย

1 วัน ก่อนถึงวันแต่งงาน

– พักผ่อนให้มากๆ เป็นวันที่บ่าวสาวไม่ควรทำอะไรแล้ว นอกจากพักผ่อนให้มากๆ ปล่อยตัว ปล่อยใจให้สบาย เข้านอนแต่หัวค่ำ แล้วรอรับความสุขในวันพรุ่งนี้

เห็นไหมว่าช่วงเวลา 1 ปี ไม่นานเกินไปเลยสำหรับการ วางแผนจัดงานแต่ง และถึงแม้จะมีขั้นตอนอะไรมากมาย แต่ถ้าบ่าวสาวช่วยกันคิด ช่วยกันทำ ทุกอย่างก็เป็นเรื่องง่ายแน่นอน

ภาพ pixabay

เบื่อแล้วสูทขาวดำ! มาดู ไอเดียชุดเจ้าบ่าว ที่แตกต่างและไม่น่าเบื่อ

เมื่อนึกถึงงานแต่งงานสิ่งแรกที่ทุกคนคิดถึงก็คงหนีไม่พ้น ชุดเจ้าสาวและดอกไม้ในงานแต่ง แล้วทำไมชุดเจ้าบ่าวถึงได้ไม่น่าตื่นเต้นและคาดเดาได้ง่ายว่ายังไง็ยังไงก็คงไม่พ้นสูทสีดำ อย่าตีกรอบให้ตัวเองแค่นั้นนะคะหนุ่มๆ เพราะเราเป็นถึงพระเอกของงาน และยุคสมัยก็เปลี่ยนไป ความคิด และโลกของแฟชั่นเปิดกว้างมากขึ้น ถึงคราวแล้วที่ชุดเจ้าบ่าวก็สามารถเป็นสีสันในงานแต่งได้เหมือนกัน แพรว wedding เลยรวบรวม ไอเดียชุดเจ้าบ่าว แบบไม่ซ้ำใครมาให้ไว้ในนี้แล้ว แล้วคุณจะรู้ว่าชุดเจ้าบ่าวก็สามารถแสดงตัวตนและน่าสนใจได้ไม่แพ้เจ้าสาวในงานแต่งเลยนะจ๊ะ

 

กางเกงขาสั้น

ไอเดียชุดเจ้าบ่าว

ลองเปลี่ยนลุคมาสวมเป็นกางเกงขาสั้นเข้าชุดที่ดูสุภาพ แมตช์กับสูทและเสื้อเชิ้ตสบายๆ ที่เข้ากัน ให้ลุคที่ดูเป็นกันเอง สนุกสนาน เหมาะกับงานแต่งริมทะเล หรือเจ้าบ่าวสายชิว ที่จัดงานแต่งงานแบบไม่เป็นทางการมากนัก และที่สำคัญเจ้าสาวและครอบครัวต้องให้ผ่านด้วยน้า

 

เพิ่มลูกเล่นด้วยดีเทลและลวดลาย

บางทีสูทขาวดำของเดิมก็แตกต่างออกไปเมื่อลองเพิ่มงานปักและแพทเทิร์นสวยๆ ที่ใส่ความสนุกสนานและความเป็นตัวเองได้เต็มที่ อาจจะเป็นลายผ้าที่ชอบ เส้ยสายกราฟฟิกเท่ๆ ที่บอกความเป็นตัวคุณ หรือจะเลือกเป็นลายผ้าที่เป็นลายเดียวกับชุดเจ้าสาวไปเลย นี่สินะที่เขาเรียกกันว่าเสื้อคู่ของจริง

 

ถ้าขาวดำมันจำเจก็ลองเปลี่ยนสีดู

แค่เปลี่ยนสีทุกอย่างก็ดูใหม่ไม่เหมือนใคร เจ้าบ่าวคนไหนกล้าหน่อยอาจจะลองสีแดง เขียว หรือชมพูไปเลย หรือใจจริงก็อยากเปลี่ยนสีแต่ก็ยังอยากให้ดูสุภาพเป็นทางการ ก็อาจจะเลือกไปทางสีทอง หรือสีกรม ก็ได้ รับรองเลยว่าแค่เปลี่ยนสีสูทก็ทำให้ธีมงานดูน่าสนใจขึ้นได้แน่นอน

ติดตามไอเดียดีๆ และทิปส์เด็ดๆ เกี่ยวกับเจ้าบ่าวอีกเพียบที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ pinterest

4 ขั้นตอนจัดการวางแผน งบงานแต่งงาน จุดเริ่มต้นสำคัญเพื่อวันวิวาห์

งบงานแต่งงาน เป็นเรื่องสำคัญเรื่องแรกเลยที่บ่าวสาวจะต้องคิดและจัดการให้เรียบร้อย เพราะเป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง ที่จะทำให้งานแต่งงาน 1 งานนั้นเกิดขึ้นได้ ซึ่งแน่นอน ไม่เคยแต่งมาก่อนแล้วจะรู้ได้ไง ว่าต้องเริ่มยังไง ทำอะไรบ้าง นี่เลยค่ะ แพรว wedding จัดสเต็ปการวางแผนมาให้แล้ว ทำตามนี้ ปรีกษากันให้ดี งานแต่งในฝันเกิดขึ้นได้แน่นอน 

1. วางคอนเซ็ปต์งานให้ชัดเจน

บ่าวสาวหลายคู่ประสบปัญหางบประมาณบานปลาย เพราะไม่มีจุดยืนในการจัดงานแต่งงานของตัวเอง ทำให้เผลอใจตอบรับข้อเสนอต่างๆ ที่ไม่จำเป็นและเสียเงินเพิ่มโดยใช้เหตุ เพราะฉะนั้นคำถามแรกที่คุณจะต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนก็คือ “อยากจะจัดงานแต่งแบบไหน?” คิดง่ายๆ เลยก็ได้ว่า ธีมงานแต่งที่คุณชอบและอยากได้เป็นอย่างไร ต้องการจัดในสถานที่แบบไหน เช่น อยากได้งานหรูหราฟู่ฟ่าในห้องแกรนด์บอลรูมของโรงแรมดัง หรืออยากจะเป็นงานชิลๆ สบายๆ ในสวนหรือริมทะเล แบบนี้ก็จะช่วยให้คุณกะเกณฑ์งบประมาณส่วนใหญ่ที่ต้องใช้ในงานแต่งได้แล้ว

2. ลำดับความสำคัญ

คู่บ่าวสาวควรลำดับความสำคัญของการจัดงานในส่วนต่างๆ เพื่อแบ่งงบประมาณอย่างเหมาะสม เราขอแนะนำให้คุณนั่งคิดนอนคิดก่อนว่างานแต่งของคุณจะต้องมีอะไรบ้าง เช่น แบ็กดรอปดอกไม้สีหวาน โซฟาหลุยส์สีทองใช้เป็นพร้อบส์เก๋ๆ หรือจะมีน้ำพุพุงปรี๊ดๆ หน้างาน แบบนี้เป็นต้น หลังจากมโนเสร็จก็เริ่มลิสต์ออกมาทีละอย่าง เรียงลำดับตามความจำเป็น ที่สำคัญต้องระบุลงไปด้วยว่าของแต่ละอย่างคุณจะยอมจ่ายมากสุดเท่าไหร่ เพราะเมื่อเวลาที่คุณไปหาซื้อของหรือติดต่อกับผู้ให้บริการ ไม่ว่าจะเป็นคนขายของหรือเวดดิ้งแพลนเนอร์ก็ตาม คุณจะมีราคาที่คุณรับได้ในใจและสามารถต่อรองราคากับพวกเขาได้ด้วย แต่ถ้าของชิ้นไหนแค่มีประดับให้สวยงามแต่ดูแล้วไม่จำเป็นต้องเสียเงินก็อย่าได้แคร์ ใช้ปากกาแดงกากบาททิ้งได้เลยจ้า

งบงานแต่งงาน

3. จัดทำบัญชี

ข้อดีของการจัดทำบัญชีงบประมาณและบันทึกค่าใช้จ่ายคือ บ่าวสาวจะได้เห็นยอดรายจ่ายจริงทั้งหมด ทำให้ระมัดระวังการใช้จ่ายได้มากขึ้น

4. จัดสรรงบประมาณสำหรับองค์ประกอบต่างๆ

โดยกำหนดว่าต้องเตรียมบัดเจ็ตเท่าไร สำหรับอะไรบ้าง และไม่ใช่จ่ายเกินงบที่ตั้งไว้

– ในกรณีที่เกินงบให้ตัดองค์ประกอบที่ไม่จำเป็นออก

– จดบันทึกทุกค่าใช้จ่ายอย่างละเอียดและสม่ำเสมอเพื่อคุมงบไม่ให้บานปลาย

– เลือกเช่าข้าวของที่นำไปใช้ประโยชน์ต่อไม่ได้ เช่น ชุดเจ้าสาว พานขันหมาก พร็อปส์ตกแต่ง

– ควงแขนกันไปงานเวดดิ้งแฟร์ หรืองานอีเว้นต์ต่างๆ เพื่อมองหาโปรโมชั่นดีๆ

– จำไว้ว่าการจัดงานใหญ่เกินตัว และเชิญแขกแบบทั่วสารทิศจะทำให้ได้ไม่คุ้มเสีย

ติดตามไอเดียดีๆ พร้อมเคล็ดลับเด็ดๆ ในการจัดงานแต่งงานอีกเพียบที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ unsplash.com

7 ไอเดีย ข้อความบนแหวนหมั้นแทนใจ ชอบแบบไหนจัดได้เลย

สร้างความพิเศษให้ แหวนหมั้น มีมูลค่าทางใจมากกว่าเดิม

แหวนหมั้น และแหวนแต่งงานเป็นสิ่งที่บ่าวสาวทุกคู่ล้วนให้ความสำคัญ และต้องการสร้างความพิเศษลงไปให้กับแหวนคู่ของตัวเองด้วยกันทั้งนั้น นอกจากจะเลือกแบบแหวนที่ชอบและใช่สำหรับคู่ของตัวเองแล้ว การสลักข้อความลงไปบนแหวนก็เป็นอะไรที่ขาดไม่ได้เลยจริงๆ

แหวนหมั้นและแหวนแต่งงาน ของคู่บ่าวสาวคู่ไหนที่ยังคิดไม่ตก ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะสลักข้อความอะไรลงไปดี แพรว wedding มี 7 ไอเดียดีๆ มาฝาก

1. วันที่จัดงานหมั้นหรืองานแต่งงาน

แหวนหมั้น

การสลักวันที่ลงไปบนแหวน ถือว่าเป็นเบสิคสำหรับแหวนหมั้นและแหวนแต่งงาน ที่คู่บ่าวสาวนิยมทำกันเป็นอย่างมาก เพื่อเป็นการย้ำเตือนให้ระลึกถึงวันแห่งความทรงจำนี้เสมอ ส่วนรูปแบบวันที่จะใช้แบบไหน ยังไงดีก็อยู่ที่คู่ของเราเลือกเลย

2. คำบอกรัก

                       แหวนหมั้น 

ใส่คำว่ารักลงไป ทำให้รู้สึกดีทุกครั้งเมื่อได้อ่าน คำว่ารักนี้ไม่จำเป็นต้องใช้คำว่า I Love You เสมอไป เพราะคำรักภาษาอื่นๆก็ฮอตไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็น Je t’aime (ภาษาฝรั่งเศส), Ti amo (ภาษาอิตาลี), Te quiero (ภาษาสเปน), Wo ai ni (ภาษาจีน) ก็ล้วนสื่อความหมายว่ารักด้วยกันทั้งนั้นลองเลือกใช้ภาษาที่คู่ของเราอินที่สุดดูสิ

3. ชื่อบ่าวสาว

           แหวนหมั้นแหวนหมั้น

                                     แหวนหมั้น

คงปฏิเสธไม่ได้ว่า เวลามีชื่อของเราอยู่บนสิ่งของชิ้นไหนก็ตาม จะส่งผลให้ความรู้สึกถึงการเป็นเจ้าของสิ่งของนั้นๆได้เป็นอย่างดี และยิ่งเป็นแหวนด้วยแล้วยิ่งเพิ่มความพิเศษขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว เราจึงมักเห็นบ่าวสาวหลายคู่เลือกที่จะสลักชื่อลงไปบนแหวน ไม่ว่าจะใส่ชื่อเต็มๆ ชื่อเล่น ตัวอักษรย่อ ก็ใส่ลงไปได้ทั้งนั้น เลือกเอาแล้วแต่ความชอบกันได้เลย

4. ข้อความที่แสดงถึงความเป็น “คู่”

     แหวนแต่งงาน

แหวนแต่งงาน

ข้อความที่แสดงสถานะว่าเราทั้งสองนั้นคู่กัน ก็เป็นข้อความที่ฮิตอยู่เสมอ ให้ความรู้สึกถึงความอบอุ่นน่ารัก

5. คำหวานๆ แสดงความในใจ

แหวนหมั้น แหวนหมั้น

บางคำพูดก็อายที่จะบอกออกไป สลักไว้บนแหวนแทนใจนี่แหละเวิร์ค สลักไว้เพื่อเซอร์ไพรส์กันยิ่งน่ารักสุดๆ ลองเลือกคำที่อยากสื่อออกไปให้คู่ของคุณกันดูนะ

6. จิ๊กซอว์

                                         แหวนหมั้น

ตัวอักษรข้อความที่ต้องนำแหวนทั้งสองวงมาต่อกันถึงจะอ่านเป็นข้อความได้ นับเป็นสิ่งเก๋ๆ เพิ่มลูกเล่นให้กับแหวนแทนใจได้เป็นอย่างดี

7. ข้อความสนทนา

                                    แหวนหมั้น

การสลักแหวนด้วยข้อความสนทนา ก็เก๋ดีนะ ชอบประโยคไหน คำพูดไหนก็ลองปรึกษาคู่ของคุณดู

จาก 7 ไอเดียนี้ ถ้าตัดสินใจเลือกไม่ถูก เกิดอาการอยากใส่ทุกอย่างลงไปบนแหวนทั้งหมดเลยก็สามารถทำได้ แต่ทั้งนี้ย่อมขึ้นอยู่กับตำแหน่ง และพื้นที่บนแหวนด้วยว่า สามารถจะใส่ข้อความได้สั้นยาวขนาดไหน แล้วสิ่งสำคัญอีกอย่างนึงก็คือแบบตัวอักษร ซึ่งแต่ละแบบก็มีขนาดความยาวความหนาที่ต่างกัน และพึงคิดไว้เสมอว่าควรเลือกแบบที่ชอบจริงๆเท่านั้น เพราะถ้าสลักข้อความลงไปแล้ว จะมาเปลี่ยนใจทีหลัง ก็จะเกิดความเสียหายขึ้นได้  ยังไงลองนำไอเดียไปปรับใช้ให้เหมาะกับคู่ของคุณกันดูนะ

ภาพ : pinterest

ติดตามไอเดียและเทคนิคต่างๆเกี่ยวกับงานแต่งงานได้ที่ praewwedding

“นาว – ทิสานาฏ” กับแฟชั่นชุดแต่งงาน 2 สไตล์กับคอลเล็กชั่นใหม่จาก Love Concerto

“นาว – ทิสานาฏ” กับแฟชั่น ชุดแต่งงาน 2 สไตล์ทั้งสวยหวานราวเจ้าหญิง และสวยหรูดูมินิมอล กับคอลเล็กชั่นใหม่จาก Love Concerto

“นาว – ทิสานาฏ ศรศึก” นางเอกสาวหน้าหวานที่ไม่ว่าจะเล่นละครเรื่องไหน รับบทคาแรคเตอร์อย่างไรก็ตีบทแตก เข้าถึงอกถึงใจผู้ชมอยู่ตลอด แพรวเวดดิ้งเลยขอให้เธอมารับอีกหนึ่งบทบาทกับการถ่ายแฟชั่นชุดแต่งงานที่มีสไตล์อันหลากหลายไม่แพ้กับบทบาทที่เธอเคยได้รับ ซึ่งสุดท้ายแล้วก็เป็นไปตามคาดเพราะเธอสามารถโพสท่าได้เป๊ะปังทุกชุดเข้าได้กับทุกลุคของชุดแต่งงานจริงๆ 

โดยชุดแต่งงานสวยๆ ที่นาว ทิสานาฏ สวมใส่เป็นชุดแต่งงานจากร้าน Love Concerto กับคอลเล็กชั้นใหม่รับปี 2020 ที่อัพเดตเทรนด์ชุดแต่งงานมาให้ว่าที่เจ้าสาวต้องตาลุกวาวกันอีกครั้ง ซึ่งในคอลเล็กชั่นนี้มีทั้งชุดแต่งงานสไตล์เจ้าหญิงที่ให้ลุคดูหวานเว่อร์ ไม่ว่าจะเป็นดีเทลของกระโปรงทรงบอลกาวน์ งานลูกไม้อ่อนหวาน หรือความพลิ้วไหวของผ้าชีฟอง ไปจนถึงชุดแต่งงานแนวเรียบหรูดูมินิมอล ที่เน้นงานคัตติ้งสุดเนี้ยบ ช่วยให้สรีระของเจ้าสาวดูมีส่วนเว้าส่วนโค้งดูน่าหลงใหล ซึ่งชุดแต่งงานทั้ง 2 สไตล์บอกเลยว่าพร้อมตอบโจทย์ว่าที่เจ้าสาวยุคใหม่ปี 2020 มากๆ

Love Concerto เป็นร้านที่ให้บริการเรื่องชุดแต่งงานและสตูดิโอถ่ายภาพแต่งงานที่ประสบความสำเร็จและได้รับความไว้วางใจจากคู่บ่าวสาวมายาวนานนับ 10 ปี โดยที่ร้านมีทั้งชุดแต่งงานสากลและชุดไทยหลากหลายรูปแบบให้ว่าที่บ่าวสาวได้เลือกสวมใส่ให้เข้ากับสไตล์ของตัวเอง

จุดเด่นของร้าน Love Concerto คือจำนวนชุดแต่งงานทั้งชุดสากล ชุดไทย และชุดสูทที่มีให้เลือกหลายร้อยชุด เรียงรายอยู่ภายในร้านทั้งหมด 4 ชั้นให้บ่าวสาวได้เลือกกันอย่างจุใจ ไม่ว่าจะเป็นชุดสำหรับสวมใส่ในวันแต่งงานหรือชุดสำหรับถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง โดยทางร้านได้ออกแบบตัดเย็บชุดแต่งงานและชุดไทยชุดใหม่ๆ อยู่เสมอ เพื่อรองรับกับความต้องการของคู่บ่าวสาวทุกสไตล์ให้มากที่สุด ซึ่งชุดแต่งงานที่ Love Concerto มีราคาหลากหลายระดับให้บ่าวสาวเลือก โดยราคาจะขึ้นอยู่กับแบบชุดและวัสดุที่นำมาตัดเย็บ ซึ่งทุกชุดทางร้านได้เลือกใช้วัสดุอย่างดีในการตัดเย็บ รวมไปถึงการออกแบบที่พิถีพิถันในทุกขั้นตอน

สำหรับคู่บ่าวสาวที่เลือกใช้บริการที่ Love Concerto ทางร้านพร้อมให้บริการอย่างดีที่สุดโดยคำนึงถึงความสบายใจของคู่บ่าวสาวเป็นหลัก ผ่านการพูดคุยในบรรยากาศแบบสบายๆ เป็นกันเอง พร้อมทั้งให้เวลาบ่าวสาวได้เดินเลือกชมชุดแต่งงานทั้งหมดที่อยู่ภายในร้าน โดยมีพนักงานผู้มีความเชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำจนกว่าบ่าวสาวจะได้เจอชุดแต่งงานที่ถูกใจ และได้ลองสวมใส่ชุดแต่งงานที่ชอบจริงๆ

และสำหรับว่าที่เจ้าสาวที่ยังไม่มีแบบชุดแต่งงานในใจ ลองมาดูแฟชั่นสวยๆ ของ นาว – ทิสานาฏ กับชุดแต่งงานคอลเล็กชั่นใหม่ของ Love Concerto เซตนี้ดูรับรองว่า 1 ในชุดสวยๆ เหล่านี้จะต้องถูกใจว่าที่เจ้าสาวจนอยากจะใส่ให้ครบทุกชุดแน่นอน

ชุดแต่งงาน
ชุดแต่งงาน ร้าน Love Concerto

ชุดแต่งงาน

ชุดแต่งงาน

ชุดแต่งงาน

ชุดแต่งงาน

ชุดแต่งงาน

ชุดแต่งงาน

ชุดแต่งงาน

ชุดแต่งงาน

ชุดแต่งงาน

ดูแฟชั่นชุดแต่งงานสวยๆ จากร้าน Love Concerto เพิ่มเติม คลิกเลย!

เครดิต : ร้าน Love Concerto
โทร. 09-7963-9988, 09-2417-9994
ไลน์ : @loveconcerto
เฟซบุ๊ก : facebook.com/loveconcerto/
ไอจี : love_concerto_
เว็บไซต์ : www.loveconcerto.net

ส่อง แหวนแต่งงาน “น้ำชา – ชีรณัฐ” ที่สั่งทำขึ้นใหม่ส่งตรงจากแบรนด์ดังของนิวยอร์ก

กำลังจะมีข่าวดีในเดือนมกราคมนี้แล้วสำหรับคู่น้ำชา – ชีรณัฐ ยูสานนท์ กับดร.วาว – ดิลกะ ลัทธพิพัฒน์ แม้อายุจะห่างกันถึง 14 ปี แต่ความรักความหวานไม่แพ้คู่ไหน และนี่คือเรื่องราวของ แหวนแต่งงาน และแผนการขอแต่งงานที่กว่าจะได้โมเมนต์สวีตแบบนี้
เจ้าบ่าวบอกว่าวางแผนกับแก๊งเพื่อนกว่า 3 เดือนเลยทีเดียว – เรื่อง ปาจรีย์ / ภาพ : วรสันต์, ชวรินทร์

Will you marry me?

ดร.วาวเล่าถึงแผนการขอแต่งงานสุดโรแมนติก ที่เกาะยาวน้อย จังหวัดภูเก็ต “ผมเลือกภูเก็ตเพราะ ผมกับน้ำชาไปเที่ยวที่นั่นด้วยกันบ่อยๆ โดยเฉพาะที่เกาะยาวน้อยเรามีความทรงจำดีๆ ด้วยกันเยอะ ที่สำคัญสวยมากด้วย พอตัดสินใจได้ผมก็วางแผนกับเพื่อนของน้ำชาซึ่งเป็น Wedding Planner โดยผมออกไอเดียแล้วขอให้เขาช่วยเตรียมเรือยอช์ต ตกแต่งสถานที่ รวมทั้งทำตัวอักษร Marry Me ไซส์ใหญ่ตั้งริมหาด เขาก็จัดการให้ได้เรียบร้อยทั้งหมด” แพรว wedding ถามน้ำชาว่า รู้ตัวมาก่อนไหม (หัวเราะ) “ชาคิดอยู่แล้วค่ะ เพราะพอไปถึงภูเก็ตเขาชอบเดินออกไปคุยโทรศัพท์ตลอด ได้ยินบทสนทนาลอดมาบ้างว่า ‘เตรียมมาหรือเปล่า’ ‘ออกมาแล้วยัง’ ซึ่งไม่เนียนเลย แต่ก็เอ็นดูนะคะ ตลกดี ความจริงชาเตรียมตัวมาสักพักละค่ะว่าจะต้องโดนขอแต่งงาน เพราะก่อนหน้านั้นเราไปเที่ยวมัลดีฟส์กัน จู่ๆ ก่อน ดินทางเขาก็ถามขึ้นมาว่า ‘จะแต่งปีนี้หรือปีหน้า’ ตอนนั้นคิดว่าเขาคงขอแต่งงานที่มัลดีฟส์แน่ๆ ที่สุดตัดสินใจลองถามเขาตรงๆ ว่า จะขอแต่งงานที่มัลดีฟส์หรือเปล่า ปรากฏว่าเขาตอบทันทีว่า ‘ไม่ๆ จะขอที่ภูเก็ต’ คือเซ็งมาก บอกทำไมเนี่ย ไม่เซอร์ไพร้ส์เลย” (หัวเราะ) ดร.วาวหัวเราะชอบใจในวีรกรรมของตัวเอง “คือตอนนั้นผมหลุดน่ะครับ ผมไม่ถนัดการเซอร์ไพร้ส์ เรียกว่าไม่เคยทำมาก่อนในชีวิต อย่างตอนขอจริงๆ ที่ภูเก็ต ผมว่าชาเขาก็รู้นะ แต่พยายามทำเป็นไม่รู้” (ยิ้ม)

น้ำชาเลยเฉลยต่อ “ทริปภูเก็ตคราวนั้นชาขนเสื้อผ้าไปเยอะมาก ใช้เวลาแต่งหน้าประมาณ 3 ชั่วโมง ซึ่งสิ่งที่ประทับใจที่สุดคือเพื่อนๆ บินตามมา ชาไม่คิดว่าเพื่อนจะลงทุนมาหา เพราะเกาะยาวน้อยเดินทางค่อนข้างยาก ลงเครื่องบินแล้วต้องต่อเรืออีก เพื่อนมีความพยายามมาก อาจเป็นเพราะชาเคยบอกพี่วาวว่าถ้าโดนขอแต่งงานอยากอยู่กับคนที่เรารักหลายๆ คน เขาจึงชวนเพื่อนมากันเยอะ พอเพื่อนเอาผ้ามาผูกตาให้เท่านั้นแหละ น้ำตาคลอแล้ว เรารู้ว่าเขากำลังจะขอแต่งงาน เป็นช่วงเวลาที่พิเศษมาก ก่อนหน้านี้ชาเคยเห็นคนที่โดนขอแต่งงานร้องไห้แล้วไม่เข้าใจว่า ร้องทำไม พอมาเจอกับตัวเองถึงได้พบคำตอบว่ามันเป็นความตื้นตันใจ ตอนพี่วาวคุกเข่าสวมแหวนหมั้นให้เขาพูดประโยคที่ชาชอบมากที่สุดคือ เราผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะ คบกันมา 3 ปี มีขึ้นมีลง มีทะเลาะ เลิกกันบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องปกติของคู่รักทั่วไป แล้วสุดท้ายคือเรากลับมาเข้าใจกัน พร้อมจะเดินต่อข้ามผ่านทุกๆ อย่างไปด้วยกัน” (ยิ้ม)

แหวนหมั้นแทนรัก

ดร.วาวเล่าถึงแหวนหมั้นวงพิเศษ “ผมคุยกับคุณแม่ตั้งแต่เริ่มแพลนถึงชีวิตคู่ว่าอยากขอชาแต่งงาน คิดจะหาแหวนสักวง เคยตระเวนดูแล้วโดยให้เพื่อนชาช่วยดูด้วย แต่ยังไม่ถูกใจ หลังจากคุยกับคุณแม่เสร็จ อีกวันท่านโทร.มาบอกให้ผมเข้าไปหา แล้วมอบแหวนเก่าแก่ของท่านมาให้ เป็นเพชรทรงสี่เหลี่ยมที่ท่านชอบมาก” น้ำชายิ้ม “ชารู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้แหวนเก่าแก่ของคุณแม่มา ซึ่งมีความหมายทางจิตใจมากมากกว่าซื้อแหวนใหม่อีก” แหวนหมั้นยังมีเรื่องราวความพิเศษขนาดนี้แหวนแต่งงานก็ไม่แพ้กัน “แหวนแต่งงานผมเลือกเพชรทรงกลม 5.48 กะรัตจาก Design Classic เป็นร้านเพชรวินเทจเก่าแก่ที่นิวยอร์ก อย่างวงนี้เราต้องสั่งเขาทำใหม่ทั้งหมด เพราะไปดูดวงมาหมอดูบอกว่าคู่เราต้องใช้แหวนเพชรทรงกลม ชีวิตคู่จะได้กลมเกลียว ไม่เจอเส้นทางขรุขระ แล้วคำนวณมาให้เลยว่าต้องใช้แหวนกี่กะรัต เหมาะกับเลขอะไร ซึ่งเลขของเราคือ 5.48 กะรัต เป็นเลขที่จะช่วยเติมเต็มชีวิตคู่ ซึ่งหายากมากทางร้านไม่มี เราต้องรอเขาเจียระไนใหม่แล้วส่งกลับมา”

น้ำชาก็มีแหวนวงพิเศษที่จะมอบให้เจ้าบ่าว “ชาเลือกแหวนจากร้านเดียวกันค่ะ แบบเรียบๆ แต่มีความหมายในตัวเอง แหวนแต่งงานเป็นเครื่องหมายแสดงถึงความรักระหว่างเราสองคน เวลาสวมแหวนทุกครั้งที่มองก็จะนึกถึงกัน เหมือนมีอีกคนอยู่ติดตัว ราตลอดเวลา”

รักเหมือนเดิมทุกวัน

ดร.วาวยิ้มหวานเมื่อ แพรว wedding ถามถึงช่องว่าง 14 ปี “ผมว่าช่องว่างเป็นเรื่องที่ดี อย่างช่วงแรกชาใช้อารมณ์เยอะ ผิดกับผมที่เลยจุดนั้นมาแล้ว เมื่อผ่านการพูดคุยปรับตัว วันนี้เขาจึงเปลี่ยนไปมากที่ชัดเจนคือมีความเกรงใจผมมากขึ้น ใจเย็นขึ้น” น้ำชาพยักหน้า “ใช่ค่ะ คือด้วยความที่พี่วาวใจเย็น มีหลักการและไม่ค่อยพูด เพราะฉะนั้นพอเขาพูดแต่ละคำออกมาจึงมีความหมาย และเราก็ตั้งใจฟัง ชาว่าหลังจากที่เราแต่งงานกันแล้วคงไม่มีอะไรต่างไปจากเดิมเท่าไร เพราะทุกวันนี้เราก็อยู่ด้วยกันตลอด การแต่งงานจึงเป็นเหมือนการที่เราตกลงร่วมกันที่จะประกาศต่อหน้าทุกคนว่าเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป เป็นคำสัญญาที่ทำให้ความรักของเรามั่นคงขึ้น ชาเชื่อมั่นในความเสมอต้นเสมอปลายของเขาและความมั่นคงของชา”

“ความรักของเราจะเป็นเหมือนเดิมอย่างนี้ไปทุกๆ วันค่ะ”

อ่านเรื่องราวความรักของคู่รักคนดังได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย!

ตั้งเป้าหมายแล้วไปให้ถึง เคล็ดลับฟิตหุ่นสวยของ หมอเอิง-พญ.อังศ์วรา ธีระตันติกานนท์

ตั้งเป้าหมายแล้วทำให้เป็นกิจวัตร ทริคง่าย ๆ ในการ ฟิตหุ่นสวย ของคุณหมอสายสตรอง

หมอเอิง – พญ.อังศ์วรา ธีระตันติกานนท์ พิธีกรสาวสวยคุณแม่ลูกหนึ่งที่หุ่นยังเซียะจนน่าอิจฉากับการออกกำลังกายและการรับประทานอาหารในแบบฉบับเวิร์คกิ้งวูแมนที่เธอบอกว่าทำไม่ยากแค่ตั้งเป้าหมายตั้งใจแล้วไปให้ถึง และนี่คือเคล็ดลับ ฟิตหุ่นสวย ที่เธอจะมาแชร์ให้เหล่าว่าที่เจ้าสาวได้นำไปทำตาม

 

จัดเวลาออกกำลังกายลงในตารางประจำวัน

“เอิงใส่การออกกำลังกายลงในตารางทำงานเลย เพราะตารางเอิง ค่อนข้างชัดเจนว่าในหนึ่งวันหรือสัปดาห์นั้นต้องทำอะไร ที่ไหน ทำให้รู้ว่า สามารถแทรกการออกกำลังกายลงไปตรงไหนในตารางได้บ้าง ซึ่งปกติ ในหนึ่งสัปดาห์เอิงจะยกน้ำหนัก 2 ครั้ง เต้นซุมบ้า 1 – 2 วัน วิ่งที่สวนลุมฯ ตอนเช้าหรือเย็นอีก 1 วัน เพราะฉะนั้นในหนึ่งสัปดาห์เอิงจะออกกำลังกาย ประมาณ 4 – 5 วัน ซึ่งหากคุณสามารถจัดการเวลาได้ก็อยากให้ลองเริ่มต้น ทำดู เอิงคิดว่าหากเรามีแผนไว้ ถึงแม้จะผิดพลาดนิดหน่อยก็ไม่เป็นไร เช่น แพลนไว้ 100 เปอร์เซ็นต์ ทำได้ 70 เปอร์เซ็นต์ ก็ถือว่าโอเคแล้วค่ะ”

 

วิธีการออกกำลังกายที่เห็นผลของคุณทำอย่างไร

“เมื่อก่อนเอิงจะออกแต่คาร์ดิโอ เวลาคาร์ดิโอหนัก ๆ น้ำหนักจะลง แต่ถ้าเผลอกินเยอะสักสองวันน้ำหนักก็ขึ้นมาอีก และรูปร่างก็ไม่ได้เปลี่ยน ไปมาก แต่พอได้เห็นคนที่เป็นอินฟลูเอนเซอร์ด้านการออกกำลังกาย บอกว่าต้องยกเวตสร้างกล้ามเนื้อก่อน ก็เลยลองทำคู่กับคาร์ดิโอ กลายเป็น เห็นผลชัดเลย รูปร่างเปลี่ยนในขณะที่น้ำหนักเท่าเดิม

เพราะฉะนั้นการยกน้ำหนัก คาร์ดิโอ และคุมอาหาร ทั้งหมดนี้ เป็นปัจจัยที่ส่งเสริมซึ่งกันและกัน ถ้าคาร์ดิโออย่างเดียว สิ่งที่เราเสียไปคือ กล้ามเนื้อ เพราะมันถูกเบิร์นไปตอนคาร์ดิโอ ทำให้กล้ามเนื้อไม่กระชับ จึงต้องยกน้ำหนักไปพร้อมกับคาร์ดิโอด้วย เพราะจะได้ทั้งการเบิร์นไขมัน และทำให้กล้ามเนื้อกระชับ ร่างกายจะค่อย ๆ แน่นและลีนขึ้น แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้นก็ต้องเปลี่ยนเรื่องอาหารการกินด้วย ไม่ใช่กินทุกอย่างเหมือนเดิม เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณยังกินแฟตและคาร์บเยอะ มันก็คือพลังงาน ส่วนเกินที่ทำให้ไม่เฟิร์มสักที เพราะฉะนั้นจึงต้องทำทุกอย่างควบคู่กันไป”

คำแนะนำสำหรับการรับประทานอาหาร

“เราสามารถมีความสุขในการรับประทานในขอบเขตที่พอดี กิน ทุกอย่างเหมือนเดิมได้แต่ให้มีพอร์ชั่นเล็กลง และอยากแนะนำให้กิน โปรตีนที่ดีให้เยอะขึ้น อย่างเช่นไข่ขาวที่ช่วยสร้างโปรตีนและมีไขมันน้อย ถ้าเกิดหิว แทนที่จะกินขนม ก็เปลี่ยนมากินไข่ขาวสัก 2 ฟองก็อยู่ท้องแล้ว ซึ่งให้แคลอรีแค่ 80 กิโลแคลอรี น้อยกว่าขนมกรุบกรอบซองเล็กมาก ๆ”

 

ฝากถึงว่าที่บ่าว – สาวที่กำลังจะเข้าสู่ประตูวิวาห์

“ทุกอย่างเราสามารถทำได้ แค่ตั้งเป้าหมายให้กับตัวเอง ถามตัวเอง ก่อนว่าเราจะอยู่ในร่างนี้ไปตลอดระยะเวลาชีวิตที่เหลืออยู่ หรือจะเริ่มต้น หันมาทำทุกอย่างให้ดีขึ้น ฉะนั้นอยากให้เริ่มจากการตั้งเป้าหมายว่า เราอยากเป็นอย่างไร บางคนอาจจะไม่สน ก็ฉันมีความสุขกับการกินแต่ถ้าลองคิดว่า ในชีวิตหนึ่งคุณจะมีรูปร่างที่เข้าที่ที่สุดในอายุช่วงไหน ที่ไม่ใช่ 60 แล้วเพิ่งอยากจะมี ซึ่งก็คงไม่มีแรงแล้ว

“สำหรับเอิงเป้าหมาย ที่ต้องการคือรูปร่างและสุขภาพที่ดีในบั้นปลายชีวิต และเอิงคิดว่า ว่าที่บ่าว – สาวก็คงไม่ได้อยากดูดีแค่วันเดียวแล้วหลังจากนั้นกลับมาพังเหมือนเดิม หรอก ซึ่งมันไม่ควรจะเป็นอย่างนั้นด้วย แต่เราควรจะรักษาและทำมัน ให้เป็นกิจวัตร ถ้าอยากสวยอยากหล่อ อยากมีสุขภาพดีหุ่นดีก็ต้องลงมือทำ เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่สามารถมีได้หากไม่ออกกำลังกายและปรับเปลี่ยนการ รับประทานอาหาร และไม่แนะนำให้ทำทุกอย่างแบบ short course เพราะ มันยาก การที่เราจะเปลี่ยนสิ่งที่เป็นไลฟ์สไตล์ของเรามันต้องใช้เวลา เอิงว่า ค่อย ๆ ทำไปเรื่อย ๆ แล้วจะค่อย ๆ เห็นผล อยากให้มองระยะยาวมากกว่า ถ้าเราแข็งแรง เราก็จะมีแรงดูแลคนข้าง ๆ เราได้ด้วยเช่นกัน”

 

ภาพประกอบ pinterest

เคล็ดลับดูแลผิวหน้าผู้ชาย ทำตามได้ง่ายๆ ขั้นตอนไม่ยุ่งยากสักนิด

หนุ่มๆ ที่กำลังจะเป็นว่าที่เจ้าบ่าวต้องหันมา ดูแลผิวหน้าผู้ชาย อย่างเราๆ เป็นพิเศษนะ งานนี้อย่าปล่อยให้ว่าที่เจ้าสาวเขามีออน่าอยู่คนเดียว

เคล็ดลับการ ดูแลผิวหน้าผู้ชาย และการปรนนิบัติผิวอย่างง่ายเพื่อเพิ่มและเติมเต็มเสน่ห์ให้ผู้ชายที่ใช้เวลาไม่ถึง 15 นาที แพรว wedding อยากให้หนุ่มๆ ได้ลองกับตัวเอง เพื่อเปลี่ยนคุณให้เป็นคนใหม่ที่พร้อมรับมือกับมลพิษของสังคมเมือง และปล่อยความหล่อปังมีพลังออร่าในวันวิวาห์ด้วย

ความต่างระหว่าง สบู่ vs. คลีนเซอร์

เราเชื่อว่ามีผู้ชายบางกลุ่มบางคนที่ล้างหน้าด้วยสบู่ก้อนเดียวกับที่ใช้ชำระล้างร่างกาย เพราะคิดว่าใช้สำหรับผิวหนังเหมือนกัน แต่หารู้ไม่ว่าสบู่สำหรับผิวกายมีฤทธิ์เป็นด่างที่ขจัดไขมันสูงกว่าโฟมล้างหน้า จึงทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นและเกราะป้องกัน ในขณะที่ผิวหน้าต้องสัมผัสกับสภาพแวดล้อมภายนอกมากกว่าผิวกาย จึงจำเป็นต้องมีน้ำหล่อเลี้ยงผิวมากกว่า ดังนั้นจึงควรใช้โฟมล้างหน้าจะดีกว่า

เซรั่ม / ครีม / โลชั่น คืออะไร? ใช้อย่างไร?

ความแตกต่างและวิธีการใช้ก่อน-หลังระหว่างเซรั่ม ครีม และโลชั่น เราเชื่อมั่นว่าผู้ชายส่วนใหญ่ไม่ทราบและไม่ให้ความสำคัญ เราจึงจะมาบอกถึงประโยชน์และวิธีการใช้อย่างง่าย ตามนี้

เซรั่ม มีขนาดโมเลกุลที่เล็ก อุดมไปด้วยสารอาหารมากกว่าครีม แต่เนื้อบางเบากว่า ดังนั้นควรทาหลังจากการล้างหน้าเป็นขั้นตอนแรก

ครีมและโลชั่น ครีมมีเนื้อที่หนัก ดังนั้นครีมจึงเหมาะกับคนผิวแห้ง ส่วนโลชั่นเหมาะกับคนผิวมัน

ครีมกันแดดก็สำคัญ

มะเร็งผิวหนังเป็นโรคที่มีอัตราการป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเพศชาย เพราะผู้ชายมักมีกิจกรรมกลางแดด ลองพกครีมกันแดดสูตรน้ำไว้สักขวด แค่นี้ความเสี่ยงโรคมะเร็งผิวหนังก็จะน้อยลง

ดูแลผิวหน้าผู้ชาย

TIPS : ขั้นตอนง่ายๆ สำหรับการทาครีมบำรุงผิวของคุณผู้ชาย ตักครีมประมาณเมล็ดถั่วเหลือง ป้าย 5 จุดบนใบหน้า ได้แก่ หน้าผาก จมูก แก้มซ้าย-ขวา และคาง ถ้าผิวมันบริเวณทีโซนให้ลดปริมาณการทาครีมบริเวณหน้าผาก จมูก และคาง ใช้นิ้วนางซ้ายทาครีมขึ้นสวนทางกับแรงโน้มถ่วงให้เนียนสม่ำเสมอ

ดื่มนมอย่างน้อยวันละ 1 แก้ว

ประโยชน์ของนมไม่เพียงแค่ให้แคลเซียมและวิตามินที่ช่วยทำให้กระดูกแข็งแรง แต่ยังมีส่วนกระตุ้นลำไส้ในการสร้างเอนไซม์แล็กโทส ทำให้ไม่เสี่ยงกับภาวะท้องผูก แถมยังมีประโยชน์ทางอ้อม เพราะถ้าเรามีระบบขับถ่ายที่ดี จะทำให้ระบบหมุนเวียนโลหิตของเราดีขึ้น ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง สุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอก แนะนำให้คุณผู้ชายชวนคนที่คุณรักมาดื่มนมวันละแก้วเพื่อสุขภาพผิวที่ดี

สุดท้าย อย่าลืมสร้างกลิ่นกายให้ทรงเสน่ห์

น้ำหอมเป็นเสมือนสารฟีโรโมนที่สามารถทำให้เพศตรงข้ามหันมาสนใจในตัวคุณได้อย่างฉับพลัน คุณผู้ชายควรมีน้ำหอมสักขวดติดกระเป๋า เราแนะนำให้เลือกกลิ่นแนวซิตรัส เพื่อควาสดชื่น กลิ่นไม่รุนแรง แถมยังเพื่อความกระปรี้กระเปร่าระหว่างวันได้อีกด้วย

ตามไปส่องน้ำหอมเพิ่มเสน่ห์กันได้ที่ลิงค์ด้านล่างเลย

บ่าวสาวแต่งงานหน้าฝน มาดู น้ำหอม ใหม่ ที่เหมาะกับอากาศช่วงนี้ฝุดๆ

10 น้ำหอม สำหรับเจ้าบ่าว ให้เจ้าบ่าวทั้งหล่อและหอมเพอร์เฟ็คในวันแต่งงาน

 

ภาพ knowitallnancy.com, blog.ijugaad.com, pinterest.com

ไอเดียงานแต่งปี 2020 จัดตามแพนโทนสี Classic Blue สวยจัดเต็มคลาสสิคสมชื่อ

ธีมสีในงานแต่งเป็นเรื่องที่บ่าวสาวยังคงให้ความสำคัญอยู่ บางคนก็เลือกจัดธีมสีที่ทั้งคู่ชื่นชอบ หรือบางคู่อาจจะเลือกจัดตามธีมสีมงคล แต่สำหรับบ่าวสาวคู่ไหนที่ยังไม่มีไอเดียว่าจะจัดงานแต่งงานธีมสีอะไรดี แพรวเวดดิ้งขอแนะนำให้จัดตามสีแพนโทนของปี 2020 ไปเลยจ้า ซึ่งปีนี้เป็นสีสุดคลาสสิคอย่างสี Classic Blue ที่ให้ความรู้สึกสงบ ให้ความรู้สึกสันติ  มีความมั่นคง และเข้าถึงง่าย ที่สำคัญสีคลาสสิค บลูสีนี้ยังเป็นสีที่เวิร์กสำหรับงานแต่งงานสุดๆ และยังเป็นสีที่ได้รับความนิยมอยู่เสมอในงานแต่งงาน เพราะเป็นสีที่มีความสวยงาม หรูหรา และเรียบง่ายในเวลาเดียวกัน และนี่คือ ไอเดียงานแต่ง ปี 2020 ที่มีดีเทลของสี Classic Blue สีแพนโทนที่ให้ความสวยงามแบบคลาสสิคสมชื่อสุดๆ ไปเลย

 

แหวนหมั้น แหวนแต่งงาน

หากคุณเป็นเจ้าสาวที่ไม่นิยมใส่เพชรอยู่แล้วก็เข้าทาง เพราะแหวนแต่งงานประอัญมณีสีน้ำเงินเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่เก๋ไม่หยอก สำหรับไอเดียแหวนหมั้นหรือแหวนแต่งงาน อย่างเช่น แหวนประดับไพลิน ซึ่งเป็นแร่สีน้ำเงินเข้ม และเป็นอัญมณีที่สามารถนำมาทำแหวนแต่งงานได้หลากหลายทรง ซึ่งหากเจ้าสาวคนไหนอยากได้อัญมณีสีนี้มาทำเป็นแหวนแล้วล่ะก็ แพรวเวดดิ้งขอแนะนำให้ประดับเข้ากับตัวเรือนทองคำขาว เพราะจะช่วยดึงสีน้ำเงินออกมาให้ดูแจ่มว้าวยิ่งขึ้น และสำหรับเจ้าสาวสายมูบอกเลยว่าต้องโดนเพราะไพลินเป็นอัญมณีประจำราศีกันต์ และยังเป็นอัญมณีประจำตัวผู้ที่เกิดวันศุกร์ด้วย นอกจากนี้ไพลินยังเป็นอัญมณีที่สื่อถึงความเมตตากรุณา และความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ด้วยนะจ๊ะ

ซึ่งคนดังที่ใส่แหวนประดับไพลินก็อย่างเช่น เคต มิดเดิลตัน ที่สวมแหวนประดับไพลินทรงไข่ น้ำหนัก 18 กะรัต ล้อมรอบด้วยเพชรอีก 14 เม็ด ซึ่งแหวนวงนี้เป็นวงเดียวกับที่เจ้าหญิงไดอาน่าทรงสวมเมื่อครั้งเธอหมั้นกับเจ้าชายชาร์ลี

 

การ์ดแต่งงาน

ถ้าบ่าวสาวคิดว่าการ์ดแต่งงานสีน้ำเงินสีเดียวจะดูเรียบเกินไปหรือเปล่า แพรวเวดดิ้งขอแนะนำให้เพิ่มเกล็ดดาวประกายเข้าไปอีกนิดที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ใต้หมู่ดาว โดยเลือกใช้เป็นสีทองเพื่อให้ดูหรูหราขึ้น ซึ่งสีทองกับสีน้ำเงินบอกเลยว่าเข้ากันเว่อร์

 

รองเท้าเจ้าสาว

ถ้าอยากตามเทรนด์ก็อย่าได้แคร์ค่ะว่ารองเท้าเจ้าสาวจะต้องเป็นสีขาวเท่านั้น เพราะชุดแต่งงานสีขาวก็ดูเข้ากับรองเท้าเจ้าสาวสีน้ำเงินอยู่ไม่น้อย แถมยังได้ลุคคูลๆ ดูเก๋ไปอีก แต่ถ้าไปหาทั้งตลาดแล้วยังไม่ได้แบบที่ถูกใจจะสั่งตัดใหม่ล่ะก็ อย่าลืมเลือกดีไซน์ที่สวมใส่สบาย และความสูงไม่ควรเกิน 4 นิ้ว เพราะถ้าสูงมากไปอาจทำให้เจ้าสาวเกิดอาการเจ็บเท้าหรือเท้าระบมได้ และในวันแต่งงานเจ้าสาวอย่าลืมหาแผ่นรองพื้นรองเท้ามาติดไว้ด้วยเพราะจะช่วยซับแรงกระแทกที่ด้านใน ช่วยให้เท้าได้รับสัมผัสที่นุ่มนวลขึ้น เพราะพื้นรองเท้าจะได้มีระนาบไปตามความโค้งของรูปเท้า ไม่แบนราบเรียบเกินไปจนเกิดอาการเท้าล้าได้หากต้องใส่รองเท้าส้นสูงนานๆ

 

ชุดเจ้าสาว & ชุดเจ้าบ่าว

ไอเดียนี้ว่าที่เจ้าบ่าวคงยิ้มแป้นเพราะสูทสีน้ำเงินเป็นอะไรที่ดูเท่และดูทันสมัยสุดๆ และเป็นสีที่ไม่เคยเอ๊าท์สำหรับลุคของเจ้าบ่าวเลย แถมสีน้ำเงินยังช่วยพรางรูปร่างของเจ้าบ่าวได้ และยังเข้ากันได้ดีกับทุกสีผิวและทุกสีผม และหากคุณเลือกจัดงานในช่วงเช้าลากยาวไปถึงกลางวัน แถมพิธีแต่งงานก็ไม่ได้เน้นความเป็นไทยจ๋ามากสามารถใส่สูทได้ ว่าที่เจ้าบ่าวก็สามารถแต่งสูทสีน้ำเงินได้เลย สำคัญไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปีหากคุณเจ้าบ่าวได้หยิบรูปขึ้นมาดูอีกทีก็ยังคงดูดีในเฉดสีเหล่านี้เสมอแน่นอน

ส่วนไอเดียชุดแต่งงานสำหรับเจ้าสาวนั้น งานนี้อาจจะต้องอาศัยความกล้าและธีมงานเข้าช่วย เช่น อาจจะเลือกเป็นธีมงานยีนส์ไปเลย หรือจะเลือกเป็นชุดแต่งงานสีฟ้าอ่อนๆ ที่ไม่แรงมากแต่ก็ยังพอเกาะตามธีมแพนโทนได้อยู่

 

ชุดเพื่อนเจ้าสาว & ชุดเพื่อนเจ้าบ่าว

หากว่าที่บ่าวสาวเขาจัดงานแต่งงานธีมสี Classic Blue ล่ะก็ แก๊งเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวก็จัดชุดในธีมสีน้ำเงินกันโลด ซึ่งสีน้ำเงินสีนี้บอกเลยว่าเหมาะกับสาวๆ และหนุ่มๆ ผิวสีแทนไปจนถึงผิวคล้ำเป็นที่สุด เพราะดูกลมกลืนกับสีผิวและช่วยให้ผิวดูเนียนขึ้นอีกด้วย

 

ช่อดอกไม้เจ้าสาว & ดอกไม้ติดหน้าอก

อีกหนึ่งไอเดียเล็กๆ แต่น่ารักอย่างช่อดอกไม้เจ้าสาวสีน้ำเงินสดใสที่ถึงแม้จะมีสีเข้มโดดเด่นแต่รับรองว่าไม่แย่งซีนเจ้าสาวหรือชุดแต่งงานแน่นอน หรือแม้กระทั่งดอกไม้ติดหน้าอกสำหรับเจ้าบ่าว หรือผู้ใหญ่ก็ดูดีไม่แพ้กัน ที่สำคัญขอแนะนำให้เลือกใช้เป็นดอกไม้จริงดีกว่าดอกไม้ย้อมสีนะคะ เพื่อความเรียลและความสวยงามค่ะ ซึ่งดอกไม้ในเฉดสีน้ำเงินไปจนถึงสีฟ้าก็มีให้เลือกมากมาย ไม้ว่าจะเป็น ดอกฟอร์เก็ตมีน็อต, ดอกไฮเดรนเยีย หรือดอกป๊อปปี้สีฟ้า เป็นต้น ซึ่งนอกจากจะเป็นดอกไม้สำหรับเจ้าบ่าวเจ้าสาวแล้ว ยังสามารถนำมาตกแต่งเป็นเซ็นเตอร์พีชสวยๆ ได้อีกด้วย

 

ของตกแต่ง & แสงสี

 หากว่าที่บ่าวสาวจัดงานแต่งงานธีมสี Classic Blue แล้วล่ะก็ เตรียมหาพร็อพส์สีน้ำเงินสุดคลาสสิครอไว้ได้เลย รวมไปถึงอาจจะสร้างบรรยากาศงานด้วยแสงสีน้ำเงินในช่วงอาฟเตอร์ปาร์ตี้ดูก็ได้ อย่างเช่น งานแต่งงานธีมอวกาศแบบนี้ก็ดูดีไม่น้อยเลยน้า

 

เค้กแต่งงาน

สุดท้ายกับพร็อพส์ที่อยู่คู่กับงานแต่งอย่าง เค้กแต่งงาน ที่บ่าวสาวสามารถครีเอทความเป็นตัวเองใส่ลงไปในเค้กก้อนโตได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น เค้ก 3 ชั้น 7 ชั้นสุดอลังการ หรือจะเป็นแนวมินิมอลดูไม่ใหญ่โตอย่างเค้กปอนด์ หรือคัพเค้กก็ดูน่ารัก เอาเป็นว่าแค่เลือกให้เหมาะสมกับธีมงานและสถานที่เท่านั้นเป็นพอ

อ่านเพิ่มเติม เทรนด์แหวนแต่งงานปี 2020 <<< คลิกเลย!

รู้ไว้จะได้เลี่ยงกับ 6 พฤติกรรมทำร้ายผิวใสให้กลายเป็นผิวเสีย!!

ผิวสวยใสใครๆ ก็อยากได้ แต่เคยไหมที่หาสาเหตุปัญหาผิวของตัวเองไม่เจอสักที ทั้งๆ ที่ก็ใช้ผลิตภัณฑ์แบบฟูลออปชั่นเต็มโต๊ะเครื่องแป้งซะขนาดนี้ หากคุณเป็นคนๆ นั้นและกำลังจะเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวด้วยล่ะก็ มารีเช็กกันดีกว่าคุณมี 6 พฤติกรรมดังต่อไปนี้หรือไม่ หากมีก็จงหยุดเสียโดยด่วน เพราะไม่อย่างนั้นจาก ผิวใส จะกลายเป็นผิวเสีย ผิวไม่เป๊ะหน้าไม่ปังแล้วจะหาว่าเราไม่เตือน

1. นอนหลับทั้งที่ยังไม่ลบเมคอัพ

การเมคอัพคือหนึ่งในการนำสิ่งต่างๆ ไปอุดตันบนผิว เพราะฉะนั้นการไม่ล้างเครื่องสำอางให้สะอาดหมดจดก่อนนอนจึงทำให้ผิวไม่สามารถที่จะฟื้นฟูตัวเองได้ เนื่องจากมีเมคอัพอุดตันการหายใจของผิวอยู่ พอผิวหายใจไม่ได้ก็ตายในที่สุด เพราะเวลากลางคืนเป็นช่วงเวลาที่เซลล์ผิวฟื้นตัวเองจากการถูกมลภาวะต่างๆ ทำร้ายมาตลอดวัน โดยใช้เวลาในการซ่อมแซมตัวเองตลอดการพักผ่อนทั้ง 8 ชั่วโมงของคุณ แถมพฤติกรรมนี้ยังเป็นสาเหตุของการเกิดสิวอีกด้วย ยิ่งถ้าคุณเป็นสาวผิวบอบบางแพ้ง่ายอยู่แล้ว นั่นก็เท่ากับเป็นการฆ่าผิวใสของคุณโดยแท้ทรูชัดๆ

ผิวใส

2. ละเลยการทาครีมกันแดด

ครีมกันแดดจะสามารถคงประสิทธิภาพเอาไว้ได้ประมาณ 2 ชั่วโมงเท่านั้น แต่รังสียูวีอยู่ได้นานและกล้าแกร่งมากกว่านั้น นั่นจึงเป็นที่มาของการที่เราต้องเติมครีมกันแดดระหว่างวันก่อนออกไปเผชิญกิจกรรมท้าแดดข้างนอก แต่ถ้าคุณไม่อยากทาครีมกันแดดทับเมคอัพที่อุตส่าห์แต่งมาสวยเช้ง ก็ลองใช้เป็นแป้งหรือคุชชั่นที่ผสมสารกันแดดแล้วตบเบาๆ ลงไปบนผิวหน้าก็สามารถกันแดดได้เหมือนกัน

3. ไม่ขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วอย่างสม่ำเสมอ

ผิวของคุณมีอายุเพิ่มมากขึ้นไปตามอายุ จึงทำให้เซลล์ผิวที่ตายแล้วยิ่งสะสมบนผิวหน้าของคุณได้เยอะขึ้นตามไปด้วย  เพราะฉะนั้นสาวๆ  ต้องพยายามขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วอย่างสม่ำเสมอโดยใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนกับผิวหน้าสักประมาณสัปดาห์ละ 2 ครั้ง และเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดอาจใช้อุปกรณ์เสริมสำหรับช่วยสครับใบหน้าก็ได้เพื่อความสะดวกสบายมากขึ้น

ผิวใส

4. ทำกิจกรรมต่างๆ ถึงดึกดื่น จนเลยเวลานอน

หากคุณเป็นคนที่ทำงานหรือนอนดูซีรี่ส์ลากยาวรู้ตัวอีกทีก็เกือบจะเช้าแล้ว นั่นไม่เพียงแต่เป็นการเสียระบบการบูตพลังงานหรือชาร์ตแบตให้กับร่างกาย แต่เป็นการทำร้ายผิวด้วยเช่นกัน เพราะเซลล์ต่างๆ ได้ทำงานมาเป็นเวลานานในช่วงเวลากลางวัน ทั้งการต่อสู้กับรังสีอัลตร้าไวโอเล็ต มลภาวะต่างๆ รวมไปถึงความสกปรกที่เข้ามาปะทะกับผิวหน้า เพราะฉะนั้นผิวจึงต้องการการฟื้นฟูและรีบูตตัวเองในเวลากลางคืน ลองคิดว่าผิวก็เป็นเหมือนคนๆ หนึ่งที่ต้องทำงานในตอนกลางวัน และพักผ่อนในตอนกลางคืนดูสิ เพราะฉะนั้นหากคุณพลาดการซ่อมแซมตัวเองของผิวในยามค่ำคืน ก็เท่ากับว่าได้พลาดโอกาสทองในการฟื้นฟูผิวไปโดยปริยาย และยังเป็นที่มาของใบหน้าหมองคล้ำอีกด้วย

5. ล้างแปรงแต่งหน้า แหล่งสะสมของแบคทีเรีย

แปรงแต่งหน้า อีกหนึ่งสาเหตที่ทำให้ผิวระคายเคืองหรืออุดตัน เพราะฉะนั้นอย่าลืมหาเวลาทำความสะอาดแปรงแต่งหน้าของคุณอย่างสม่ำเสมอ เพราะทุกครั้งที่แปรงแต่งหน้าสัมผัสกับใบหน้าของคุณ มันได้นำเอาแบคทีเรียที่อาศัยและเติบโตอยู่ในแปรงแต่งหน้ามาสู่ใบหน้าด้วย เพราะฉะนั้นควรทำความสะอาดแปรงแต่งหน้าทุกอันประมาณสัปดาห์ละ 1 ครั้งเพื่อผิวสะอาดใสไร้แบคทีเรีย

6. ลดของหวานเลี่ยงการเกิดสิว

จากผลการวิจัยพบว่าอาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลสูงจำพวกคาร์โบไฮเดรต อย่างเช่น ขนมปังฟอกสีหรือของหวานประเภทต่างๆ เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิว ขณะที่อาหารน้ำตาลน้อย อย่างเช่นผลไม้หรือถั่วต่างๆ นั้นดีต่อผิวมากกว่า แต่เดี๋ยวก่อน เราไม่ได้บอกว่าห้ามกินช็อคโกแลตหรือของหวานประเภทต่างๆ เลยโดยเด็ดขาด แต่แค่พยายามลดให้เหลือสัปดาห์ละหนึ่งครั้งจะได้จัดการปัญหาสิวได้อยู่หมัด แถมยังเป็นการบอกลาความอ้วนได้อีกด้วย

ผิวใส

 

ภาพ : www.goodhousekeeping.com, www.goodhousekeeping.com, www.allure.com, www.today.com

อ่านบทความเกี่ยวกับความสวยงามความ และสุขภาพเพิ่มเติม คลิกเลย!

ตกแต่งงานแต่งไทยให้สวยด้วย เครื่องแขวนงานไทยสวยงามสุดวิจิตร

เครื่องแขวนงานไทย ของตกแต่งที่ช่วยเสริมให้บรรยากาศงานแต่งไทยดูสวยงาม

ความงามของมวลหมู่ดอกไม้มงคลไม่ได้จบเพียงแค่การนำมาร้อยมาลัยสวยๆ หรือม่านดอกไม้กลิ่นหอมเท่านั้นนะคะ แต่ยังมีอีกหนึ่งเครื่องตกแต่งที่สวยงามอลังการอย่าง เครื่องแขวนงานไทย ที่นิยมนำมาใช้ประดับสถานที่จัดงานแต่งพิธีไทย ให้ดูสวยงามเพิ่มความเป็นไทยได้อีกมาก วันนี้ฮีบินจะพาไปดูกันว่าเครื่องแขวนไทยชนิดใดที่นิยมนำมาใช้ในงานแต่งบ้าง

เครื่องแขวนไทยมีอะไรบ้าง?

เครื่องแขวนไทยเป็นภูมิปัญญาการประดิษฐ์ประดอยสิ่งของสวยงามของไทยที่มีมาเนิ่นนาน นิยมใช้กันทุกงานประเพณี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหยิบจับมาใส่ในงานแต่งไทยแล้ว ก็ยิ่งสวยและเพิ่มบรรยากาศไทยๆ ให้มากขึ้นไปอีก โดยเครื่องแขวนแต่ละชนิดก็มีลวดลายและชื่อเรียกเพราะๆ แตกต่างกันไป เช่น บันไดแก้ว บันไดเงิน บันไดทอง กลิ่นจีนดอกรัก วิมานพระอินทร์ วิมานแท่น พวงชมพู พวงแก้ว และอีกมากมาย (ตามดูรูปได้ข้างล่างจ้ะ) ซึ่งแต่ละแบบแต่ละชนิดก็ร้อยเรียงมาจากดอกไม้มงคลอย่าง ดอกรัก ดอกพุด ดอกมะลิ ดอกบานไม่รู้โรย ดอกกุหลาบ ดอกจำปี ดอกจำปา และหากว่าใช้ดอกไม้สดในการทำ เมื่อนำไปแขวนในสถานที่จัดพิธีก็จะโชยกลิ่นหอมรื่นจมูก

เอาไปแขวนที่ไหนดี?

ชื่อก็บอกอยู่ว่าเป็นเครื่องแขวนไทย ก็ไม่วายจะมีถามว่า แขวนที่ไหนดีล่ะ? ข้อนี้ตอบไม่ยากค่ะ เพราะส่วนใหญ่มักจะนำไปแขวนตามทางเข้างาน หน้าต่าง ประตู ฝาผนัง ตามฉาก ตามมุมต่างๆ ของสถานที่ บางครั้งก็ห้อยระย้าลงมาจากเพดานสวยๆ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่ความกว้างใหญ่และลักษณะของสถานที่ที่ใช้จัดงานว่าจะสามารถแขวนตรงไหนได้บ้าง แขวนแล้วจะสวยงามหรือไม่ ซึ่งว่าที่บ่าวสาวอาจต้องใช้ศิลปะในการจัดวางองค์ประกอบกันสักนิด

ขนาดของเครื่องแขวนแต่ละประเภทก็สำคัญกับการเลือกนำไปใช้เช่นกัน โดยเครื่องแขวนจะมีหลายขนาด ตั้งแต่เล็กไปจนถึงใหญ่มาก วัดขนาดกันเป็นนิ้ว เพราะฉะนั้นถ้าจะให้ดีว่าที่บ่าวสาวอาจต้องทำการบ้านว่า บริเวณที่ต้องการจะแขวนมีความกว้างยาวเท่าไหร่ เครื่องเขวนที่จะนำมาใช้จะได้ไม่ใหญ่ไป เล็กไป และสวยงามพอดีกัน

การสั่งทำ

เนื่องจากเครื่องแขวนไทยมีมากมายหลายขนาด สิ่งสำคัญของการสั่งทำคือ งบประมาณ ว่าที่บ่าวสาวต้องดูว่าอยากได้แบบไหน ราคาเท่าไหร่ แน่นอนว่าถ้าเป็นอันใหญ่ๆ ใช้วัสดุและดอกไม้เยอะก็มีราคาแพง แต่ถ้าเป็นอันเล็กๆ ใช้ดอกไม้ไม่มากราคาก็ถูกลงมา รวมถึงว่าที่บ่าวสาวควรสั่งทำกับทางร้านตั้งแต่เนิ่นๆ และแจ้งวันที่จะใช้งานจริงให้ชัดเจน เพราะเครื่องแขวนบางแบบจะต้องใช้เวลาในการขึ้นโครงก่อนที่จะลงดอกไม้จริง

การใช้เครื่องแขวนไทยเข้ามาประดับตกแต่งสถานที่จัดงานแต่งพิธีไทยก็เป็นอีก หนึ่งไอเดียเก๋ๆ ที่จะช่วยเพิ่มบรรยากาศและความสวยงามแบบไทยๆ ให้กับงานแต่ง ว่าที่บ่าวสาวหัวใจรักไทยคนไหนชอบเครื่องแขวนแบบใดก็สามารถเซฟรูปเครื่องแขวนแบบต่างๆ ด้านล่างนี้แล้วนำไปให้ร้านดูได้เลยจ้า

ร้านแนะนำ

1. บ้านดอกไม้ไทย ฐาวรีย์ กรุ๊ป โทร. 08-1929-9642

2. บ้านมาลัย โทร. 08-4466-4442 Facebook : Baan Malai

3. เครื่องแขวนไทย โทร. 08-5223-9637 Facebook :  เครื่องแขวนไทย

 

4. In My Mind โทร. 08-9104-9846 Facebook : https://www.facebook.com/innmymind/info/?tab=page_info

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : บ้านดอกไม้ไทย ฐาวรีย์ กรุ๊ป โทร. 08-1929-9642
ภาพจาก : www.be2hand.com, www.oknation.net, www.manochsuwan.blogspot.com, www.rainforest.com, www.thai2hand.blogspot.com, www.board.palungjit.org

จะวางแผนอย่างไรหาก แขกงานแต่ง เป็นกลุ่มใหญ่และเยอะมาก!

แขกงานแต่ง เยอะแค่ไหนก็ไม่หวั่น เพราะเรามีทิปส์ดีๆ ซะอย่าง

หากคุณและคนรักเป็นครอบครัวใหญ่ มีเพื่อนเยอะ ก็อาจเป็นไปได้ว่า แขกงานแต่ง ของคุณอาจมีมากกว่า 200 คนหรือเปล่า?! หากใช่ แพรว wedding มีเคล็ดลับดีๆ ที่จะช่วยจัดการกับแขกกลุ่มใหญ่นี้ของบ่าวสาวให้มีความสะดวกสบายมากที่สุด กับทิปส์เด็ดที่จะช่วยให้คุณไม่พลาดลิสต์แขกคนสำคัญ สามารถควบคุมแขกจำนวนมากได้ และแถมยังอยู่ในงบประมาณที่ไม่บานปลายอีกด้วย 

1. ต้องมั่นใจก่อนว่าสถานที่แต่งงานสามารถรองรับจำนวนแขกได้

ซึ่งทางที่ดีที่สุดที่คู่บ่าวสาวจะมั่นใจได้ว่าสถานที่นั้นใหญ่พอรองรับแขกจำนวนมากกว่า 200 คนได้หรือไม่ คือการไปดูสถานที่จริงให้เห็นกับตาตัวเอง เพื่อที่คุณจะได้มองเห็นภาพและประเมินได้ว่าแขกทั้งหมดของคุณจะเดิน ยืน หรือนั่งได้อย่างสะดวกสบายภายในงานหรือไม่ นอกจากนี้บ่าวสาวยังจะได้มองภาพรวมของงานออกด้วยว่า แบ็กดร็อปถ่ายภาพควรอยู่ตรงไหน ขนาดเท่าไหร่ โต๊ะวีไอพีสำหรับแขกผู้ใหญ่ต้องใช้กี่โต๊ะ เป็นต้น ซึ่งสิ่งนี้ก็จะส่งผลมาถึงการออกแบบและตกแต่งงานแต่งงานอีกด้วย

และสิ่งที่จำเป็นอีกอย่างสำหรับงานที่มีแขกมางานค่อนข้างเยอะ คือเรื่องของพื้นที่ว่าง ระบบระบายอากาศ และแอร์คอนดิชั่นเนอร์ว่ามีความโฟลว์หรือไหลเวียนมากน้อยแค่ไหน เพราะอย่าลืมว่าภายในงานคุณจะต้องมีซุ้มอาหารที่ปรุงสุกมาแล้ว หรือแบบปรุงสดใหม่พร้อมทาน ที่จะมีทั้งกลิ่นและความร้อนมาพร้อมๆ กัน เพราะฉะนั้นระบบการถ่ายเทอากาศจึงเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณจัดงานแต่งงานภายในห้องบอลรูม

2. บ่าวสาวจะต้อง (พยายาม) เห็นและเจอทุกคนในงาน

เพราะแขกทุกคนที่มางานแต่งนั้นก็ล้วนตั้งใจที่จะได้มาเห็นบ่าวสาวและร่วมเฉลิมฉลองไปกับคุณ แต่ด้วยความที่แขกของคุณมากล้นเกินจำนวน 200 คน นั่นจึงทำให้บ่าวสาวต้องท้าทายกับโจทย์สุดหินด้วยการใช้เวลา ทักทาย พูดคุย หรือสวัสดีแขกจำนวนนี้ให้ครบ! ซึ่งช่วงเวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมงของพิธีฉลองมงคลสมรสนั้น เป็นเวลาที่ยากลำบากที่บ่าวสาวจะเดินไปทักทายบรรดาแขกที่มาอย่างแน่นขนัด หรือใช้เวลากับแขกคนใดคนหนึ่ง เพราะฉะนั้นาหากบ่าวสาวอยากเทคแคร์ดูแลแขกที่มางานให้ทั่วถึง ก็อาจจะนัดเวลาช่างแต่งหน้าทำผมให้มาเร็วขึ้นหน่อยเพื่อที่คุณจะได้ลงมายังแบ็กดร็อปได้ก่อนเวลา หรือคุณอาจจะเผื่อเวลาไว้สำหรับเดินทักทายแขกในงานก่อนที่พิธีจะเริ่ม และแน่นอนว่าหลังจบงานจะเป็นช่วงเวลาที่บ่าวสาวจะสามารถเดินทักทายแขกได้แบบยาวๆ ไปเลย

3. หากิจกรรมให้แขกได้ทำภายในงาน

“ฉันชอบที่จะคิดว่าการรับจัดงานแต่งงานเป็นวิธีที่จะสร้างปาร์ตี้เล็กๆ ภายในห้องเพื่อให้แขกจำนวนมากได้เข้าร่วม” ไดแอนน์ วาเลนไทน์ เวดดิ้งแพลนเนอร์สายเซเลบริตี้ชื่อดังกล่าว เธอคือผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการจัดงานที่มีขนาดใหญ่ “พวกเรารู้ว่ากิจกรรมสุดฮิตที่แขกในงานมักจะทำก็อย่างเช่น การถ่ายภาพที่โฟโต้บูท แต่ฉันก็อยากที่จะมองไกลไปกว่านั้น ฉันชอบเมื่อได้เห็นแขกทำกิจกรรมที่มีการสื่อสารหรือโต้ตอบกัน เช่น การมิกซ์เครื่องดื่มในสูตรของตัวเอง หรือการ DIY สิ่งของบางอย่างด้วยตัวเอง ซึ่งเมื่อจบงานแขกก็สามารถนำสิ่งของเหล่านั้นเก็บเป็นของที่ระลึกกลับบ้านหรือใช้เป็นของชำร่วยแทนไปเลยก็ยังได้ แถมแขกยังจะได้ภูมิใจเพราะเป็นฝีมือที่เขาตั้งใจทำด้วยตัวเอง”

“ซึ่งการที่ภายในงานมีกิจกรรมต่างๆ ให้แขกได้ทำนั้น ก็เพื่อที่จะทำให้แขกได้เคลื่อนที่ไปยังจุดต่างๆ ของงาน ไม่ประจำอยู่ที่ใดที่หนึ่ง เพื่อทำให้ภายในงานดูโฟลว์มากขึ้น แถมยังเป็นการประหยัดค่าอาหารไปได้ในตัว เพราะจะมีแขกบางส่วนที่เพลิดเพลินไปกับกิจกรรมต่างๆ ภายในงานอยู่นั่นเอง

4. มอบของขวัญสุดพิเศษให้กับแขกในงาน

“ของขวัญเป็นสิ่งที่มีความหมาย และทำให้ผู้รับซาบซึ้งใจได้เสมอ เช่นเดียวกัน หากบ่าวสาวได้รับของขวัญสักชิ้นจากแขกที่มีชื่อหรือวันที่แต่งงานของคุณปรากฏอยู่ นั่นก็ทำให้คุณซาบซึ้งใจจริงไหม?” วาเลนไทน์กล่าว “เพราะฉะนั้น บ่าวสาวก็อาจจะต้องทำในสิ่งเดียวกันนี้ให้กับแขกด้วย ซึ่งแทนที่คุณจะเสียเงินไปกับการซื้อของขวัญให้แขกที่มากกว่า 200 คน บ่าวสาวอาจจะนำงบในส่วนนี้มาสร้างประสบการณ์แปลกใหม่ให้กับแขกได้พบเจอในงานแต่งของคุณแทน”

แต่สิ่งหนึ่งที่บ่าวสาวต้องคำนึงถึงก็คือ เรื่องของงบประมาณ ว่าคุณทั้งคู่นั้นมีงบในส่วนนี้หรือไม่ เพราะค่าใช้จ่ายในเรื่องอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น สถานที่ ชุดแต่งงาน ค่าช่างภาพ ฯลฯ ก็ล้วนมีราคาตายตัวที่กำหนดไว้อยู่แล้ว ฉะนั้นหากว่าที่บ่าวสาวอยากมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้กับแขกภายในงานจริงๆ ก็อาจจะต้องลองตัดงบในส่วนอื่นที่คิดว่าไม่จำเป็นออก เพื่อนำงบมาใช้ในเรื่องนี้แทน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการตกลงระหว่างเจ้าสาวและเจ้าบ่าวนะจ๊ะ

5. ใช้กฎ 5 ปีหรือ 5 นาที

อีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้คุณจัดการกับจำนวนแขกที่จะมาในงานแต่งงานของคุณก็คือใช้ ‘กฎ 5 ปีหรือ 5 นาที’ ก่อนที่จะแจ้งข่าวงานแต่งหรือแจกการ์ดแต่งงาน “ถ้าคุณไม่ได้พูดคุยกับคนๆ นั้นมานานกว่า 5 ปี คนๆ นั้นก็ไม่ควรที่จะอยู่ในลิสต์รายชื่อแขกของคุณ” วาเลนไทน์กล่าว และเช่นเดียวกันกับสำหรับกฎ 5 นาทีก็คือ หากคุณไม่สามารถที่จะยืนพูดคุยหรือตอบคำถามกับบุคคลคนนั้นได้นานกว่า 5 นาที ก็แสดงว่าคนๆ นั้นไม่ควรจะติดอยู่ในลิสต์รายชื่อแขกของคุณเช่นกัน

ซึ่งคนกลุ่มหนึ่งที่มักติดอยู่ในลิสต์รายชื่อ และมีรายชื่อค่อนข้างเยอะก็คือ เพื่อนร่วมงาน และเพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์นี้ คุณก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเชิญให้ครบทุกคน หรือพยายามเชิญมาให้เยอะที่สุดเพราะเกรงใจ “เมื่อบ่าวสาวต้องเชิญเพื่อนร่วมงานจากที่ทำงาน คุณอาจจะต้องถามตัวเองก่อนว่า เป็นแผนกเดียวกันหรือไม่? เป็นเพื่อนร่วมงานที่สนิทกันหรือเปล่า? หรือเป็นเพื่อนร่วมงานที่ต่างสาขากัน แต่ก็มีการโทรศัพท์คุยกันบ่อยๆ ที่คุณรู้สึกว่าคุณต้องเชิญเขา?” วาเลนไทน์กล่าว

6. การตกแต่งสถานที่ให้มีพื้นที่ใช้สอย

การวางแผนในเรื่องตกแต่งสถานที่นั้นอาจเน้นให้มีจุดวางจานอยู่ทั่วงานโดยทำให้กลมกลืนไปกับพร็อปส์ประกอบ ซึ่งนอกจากจะใช้วางจานได้แล้วยังเป็นจุดให้ได้แขกยืนพักรับประทานอาหารได้อีกด้วย

7. การดูแลแขกให้ได้รับความสะดวกสบายเป็นสิ่งสำคัญ

อาจเตรียมห้องพร้อมของว่าง เครื่องดื่ม และที่นั่งไว้สำหรับรองรับแขกผู้ใหญ่ที่มักจะมาถึงก่อนงานเริ่ม ซึ่งช่วงเวลาที่ยุ่งยากที่สุดในการดูแลแขกคือ ช่วงจัดคิวถ่ายภาพกับบ่าวสาว และช่วงเซ็นสมุดอวยพร ซึ่งจัดการโดย

– ช่วงจัดคิวถ่ายภาพ ใช้เทคนิคให้มีทีมงานผู้หญิงเป็นคนคอยดูแลและจัดคิวในการถ่ายภาพ พร้อมช่วยเตือนแขกให้ยืนเข้าแถวเป็นระเบียบ เนื่องจากเวลาพูดจาผู้หญิงจะมีบุคลิกที่ดูนุ่มนวลมากกว่าผู้ชาย ทำให้แขกผู้ใหญ่เกิดความเอ็นดูและจัดให้มีบริกรเสิร์ฟน้ำบริเวณนั้นด้วย

– ช่วงเซ็นสมุดอวยพร เนื่องจากแขกเยอะจึงอาจทำให้แถวเซ็นอวยพรหน้าโต๊ะลงทะเบียนค่อนข้างยาว บ่าวสาวอาจให้มีจัดโต๊ะลงทะเบียนเพิ่ม โดยให้แต่ละแถวมีคิวประมาณไม่เกิน 5 คน เพื่อไม้ให้แขกล้นออกไปถึงหน้างานได้

และการดูแลแขกที่ดีของทีมงานโรงแรม ทีมงานเวดดิ้งแพลนเนอร์ หรือทีมงานของบ่าวสาว ถือเป็นสิ่งจำเป็นที่ไม่ควรมองข้าม และหากบ่าวสาวเชิญแขกไปจำนวนเท่าไหร่ จะต้องคิดเผื่อไว้ว่าแขกอาจจะมาเกินจากจำนวนที่ตั้งไว้อีกก็ได้

เทคนิคการจัดงานที่มีแขกเยอะ

– ต้องคำนวณจำนวนแขกให้ค่อนข้างแน่นอน จากนั้นหาโรงแรมให้เหมาะสม โดยควรมีพื้นที่ค่อนข้างกว้างและมีเพดานห้องสูง เพราะจะทำให้ดูโปร่งโล่งสบาย และควรคิดไว้ล่วงหน้าว่าจะจัดงานแบบไหน หากแขกมีจำนวนมากควรจัดงานแบบค็อกเทลซึ่งประหยัดพื้นที่ที่สุด

– โต๊ะวีไอพีต้องมีจำนวนไม่เยอะเกินไป (ประมาณ 6-8 โต๊ะกำลังดี) เพื่อเผื่อพื้นที่ให้แขกที่เหลือยืนสะดวกด้วย

– ควรมีชื่อแขกวีไอพีแปะไว้ที่โต๊ะให้ชัดเจน เพื่อกันไม่ให้แขกคนอื่นไปนั่ง

– นำซุ้มอาหารบางส่วนไว้นอกห้องจัดเลี้ยง เพื่อให้แขกได้หมุนเวียนเข้าออก ช่วยให้ภายในห้องไม่แน่นเกินไป

– เพิ่มบริกรในการเสิร์ฟอาหารให้เพียงพอกับจำนวนแขก และโต๊ะวีไอพีควรมีบริกรประจำโต๊ะละ 1 คน

– ควรให้บริกรเก็บจานบ่อยขึ้น

– เตรียของชำร่วยให้เกินจากจำนวนที่ตั้งไว้ เพราะแขกบางคนอาจขอมากกว่า 1 ชิ้น และควรมีแค่สีเดียวหรือ 2 สีเพื่อไม่ให้เกิดข้อเปรียบเทียบและการเลือกเยอะจนทำให้แขกด้านหลังรอนานขึ้นไปอีก

– อาจตัดการตกแต่งบางส่วนออกเพื่อนำซุ้มอาหารเข้ามาแทนที่ให้เพียงพอกับปริมาณแขก เพราะซุ้มอาหารถือเป็นจุดสำคัญของงานเช่นกัน

อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับการวางแผนจัดงานแต่งงาน และดูไอเดียเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย!

ภาพ jovanniphotography.com, pinterest.com