10 สิ่งห้ามทำเมื่อทะเลาะกับแฟน สติหลุดแค่ไหนต้องประคองให้อยู่

เคยไหมที่เวลาสติหลุดสมองกระเจิงจากการ ทะเลาะกับแฟน ไม่ว่าจะเรื่องงี่เง่าหรือเป็นสาระ คุณทั้งคู่ก็จะมีอารมณ์อยากเอาชนะกันเสมอ คำถามคือ อยากเลิกหรืออยากคืนดี ถ้าคำตอบคือคืนดี อ่านเลยแล้วเตือนตัวเองว่า อย่าทำ!!

1. ทะเลาะกันอย่าเที่ยวโพส

เคยได้ยินไหมว่าความในอย่านำออก ฉันใดก็ฉันนั้น ทะเลาะกันสองคนไม่จำเป็นต้องไปเที่ยวโพสต์ให้โลกรู้ เพราะนอกจากอาจเจอผู้ไม่หวังดีแล้ว ยังเป็นการไม่ให้เกียรติคนรักอีกด้วยนะ  อ่อๆ ที่สำคัญ แมวขโมยที่จ้องจะกินปลาของคุณ อาจฉวยโอกาสนี้ย่องมากินก็ได้

2. คำหยาบภาษาพ่อขุน

ส่วนหนึ่งของการทะเลาะที่รุนแรงทวีคือ ใครซักคนเริ่มพูดภาษาพ่อขุนขึ้นมา ทำให้จากที่มีปากเสียงอยู่แล้วยิ่งของขึ้นกันไปใหญ่ แถมจะทำให้ความดีที่คุณสั่งสมมาตั้งแต่ต้นดับสูญสลายไป ร้อยทั้งร้อยไม่มีใครชอบคนที่พูดจาไม่เพราะหรอกค่ะ

3. ขุดเรื่องอดีตครั้งที่ล้าน

ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วเป็นนักโบราณคดีจอมขุดหรือยังไง ถึงได้ชอบเอาเรื่องเก่าผ่านไปเป็นล้านปีมาพูดซ้ำๆ ย้ำ ฉะนั้นอย่าได้พูดเด็ดขาด อะไรผ่านแล้วก็แล้วกันไป ยิ่งขุดยิ่งขุ้ยจะยิ่งทำให้อีกฝ่ายเอือมระอาและ ความรักที่คุณเคยมีให้แก่กันก็มีแต่จะลดน้อยลงไปกว่าเดิม

divorce-argument

4. เปรียบเทียบ เปรียบเปรย

นี่ชีวิตคู่นะ ไม่ใช่ช้อปปิ้งออนไลน์จะมานั่งเปรียบเทียบของชิ้นนั้นชิ้นนี้ ยิ่งเปรียบเทียบแฟนเก่าแฟนใหม่นี่ไม่ควรเลยนะ เพราะตอนนี้เรื่องที่กำลังดำเนินคือเรื่องระหว่างคุณและเขา จะมาเทียบให้ช้ำใจกันไปอีกทำไม ที่สำคัญแต่ละคนก็ต่างกันไป ไม่มีใครเหมือนใคร แล้วคุณจะพูดเปรียบเทียบไปทำไม

5. เลี่ยงที่จะไม่คุย

หลายคู่ที่เวลาทะเลาะกันก็เดินหนีเดินหาย ถ้าเดินหายแบบว่าแค่แยกมุมไปสงบอารมณ์อันนี้โอเค แต่ถ้าเป็นแบบว่าหนีหายหน้าปิดเครื่องไม่มาเคลียร์อันนี้ไม่น่ารักเอาซะเลย เพราะเป็นการสะสมปัญหาแบบข้ามวันข้ามคืน ยิ่งจะทำให้ปัญหาบานปลายเข้าไปอีก

6. ปรึกษาเพื่อน

เพื่อนอาจจะเป็นที่ปรึกษาชั้นยอด แต่ก็ต้องเลือกพูดให้ถูกคนนะ เพราะเพื่อนบางคนอาจไม่ได้ชอบขี้หน้าแฟนคุณ แล้วมีหรือจะพูดเรื่องดีๆ ให้คุณแฮปปี้เอนดิ้งกัน แถมบางคนยังติดนิสัยขี้เม้า ก็เอาเรื่องของคุณไปขยายความต่อ ใส่สีตีไข่จนเรื่องเล็กนิดเดียวบานปลาย ดีไม่ดีถึงหุแฟนคุณแบบผิดๆ ทีนี้ละ ชีวิตเศร้าเลยนะ

7. ทำลายข้าวของ

นี่เรื่องจริงไม่ใช่มิวสิควีดีโอนะเธอ ที่จะเห็นของใกล้มือเป็นไม่ได้ต้องขว้างปา ไม่ว่าจะแก้วน้ำ จาน ชาม มันไม่ได้ทำให้เกิดผลดีเลย นอกจากจะเสียของแล้วยังจะเสียแฟนอีก คุณก็อาจจะเจ็บตัวด้วย

8. ท้าเลิก

โอ๊ย…พูดกันจังว่า “งั้นก็เลิกกันไปซิ” เคยคิดไหม ถ้าอีกฝ่ายบ้าจี้เลิกจริงๆ คุณจะเสียใจแค่ไหน เพราะการที่คุณคิดว่าบอกเลิกแต่เขาไม่เลิกหรอกเนี่ยพลาดมาเยอะแล้วนะ ฉะนั้นอย่าเผลอหลุดพูดเชียวละ ถ้าไม่คิดจะเลิกจริงๆ เพราะถ้าสุดท้ายคุณกลืนน้ำลายตัวเองขึ้นมาเนี่ย เสีย…เลยนะ

Quarrel between husband and the wife

9. ขอโทษไปงั้นๆ

คำขอโทษเป็นการแสดงความสำนึกผิดที่ออกมาจากใจจริงๆ แต่ถ้าจะพูดขอโทษเพื่อให้ปัญหาจบๆ ไปนั้นไม่ได้เป็นการแสดงความสำนึกผิดอย่างแท้จริง และมันอาจจะทำให้อีกฝ่ายยิ่งโกรธมากขึ้นกว่าเดิมอีกนะคะ

10. โกรธไม่พูด งอนให้เดาเอง

คนฟอร์มจัดเสียแฟนสุดที่รักไปนักต่อนักแล้วนะ สิ่งสุดท้ายที่เราขอเตือนคือ เมื่อไหร่คุณโกรธ พูดเลยว่าโกรธให้อีกฝ่ายรู้ อย่าคิดว่างอนอยู่เธอต้องรู้สิ เพราะเวลาอารมณ์ขึ้นไม่มีใครเดาทางใครได้หรอก รู้แต่วิธีรับมือเมื่อรู้ว่าโกรธว่างอนเท่านั้นแหละ ฉะนั้นทะเลาะกันแล้วห้ามปล่อยทิ้งไว้เด็ดขาดเพราะเดี๋ยวจะกลายเป็นเบื่อหน่ายและเลิกรากันในที่สุด

เป็นยังไงบ้างค่ะ กับ 10 สิ่งที่ไม่ควรทำเวลาทะเลาะกับแฟน ถ้า 10 ข้อนี้ตรงกับนิสัยของใครละก็ลดๆ ลงหน่อยนะจ๊ะ สมัยนี้หนุ่มๆ สาวๆ อารมณ์ร้อนกันซะด้วย แต่ยังไงก็คิดก่อนที่จะพูดจะทำอะไรนะค่ะ จะได้ไม่ต้องมาเสียใจกับการกระทำภายหลัง

>> อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับความรักและความสัมพันธ์เพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย << 

ภาพ : vincekotchian.com, 123rf.com

3 ข้อจำง่ายกับเทคนิคเลือกซื้อแหวนแต่งงานสำหรับมือใหม่หัดซื้อ

ก่อนที่จะไปถึงการวางแผนจัดงานแต่งงาน หนึ่งเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นก่อนก็คือการ เลือกซื้อแหวนแต่งงาน ที่ทำเอาว่าที่บ่าวสาวมือใหม่ที่ไม่เคยซื้อและไม่มีความรู้เรื่องเพชรเลยมึนตึ๊บ เริ่มต้นไม่ถูก เพราะไม่รู้ว่าต้องเลือกแบบไหน หรือเลือกแบบใดถึงจะดี แพรว wedding เลยมาสอนวิธีเลือกซื้อแหวนแต่งงานง่ายๆ ที่ไม่ต้องอาศัยเทคนิคอะไรเยอะ แต่รับรองว่าคุณและคู่รักจะได้แหวนแต่งงานที่ถูกใจแน่นอน

ดูหลายๆ ร้าน ลองหลายๆ แบบ

ว่าที่บ่าวสาวอาจจะมีแบบแหวนแต่งงานที่เห็นภาพจากอินเตอร์เน็ตแล้วอยากใส่ตาม หรือมีแบบแหวนที่ต้องการอยู่ในใจ แต่บางครั้งพอได้มาลองของจริงแล้วแบบแหวนแต่งงานในฝันอาจไม่เหมาะกับนิ้วมือคุณก็ได้ แต่อย่าเพิ่งถอดใจไปค่ะ เพราะนี่เป็นเพียงแค่การเริ่มต้น ถึงเวลาที่คุณและคนรักต้องออกตระเวนตามหาแหวนแต่งงานในฝันให้เจอ ด้วยการไปดูแบบแหวนแต่งงานหลายๆ ร้าน เพราะแต่ละร้านเขาก็จะมีสไตล์ เทคนิค หรือรูปแบบของแหวนแต่งงานที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งนอกจากบ่าวสาวจะได้เปรียบเทียบแบบแหวนแต่งงานที่แตกต่างกันของแต่ละร้านแล้ว อาจะมีผลต่อเรื่องบัตเจ็ตในการซื้อด้วย เพราะแต่ละร้านก็อาจจะมีข้อเสนอโปรโมชั่นพิเศษลดแลกแจกแถมไม่เหมือนกัน และที่สำคัญ อย่าปักใจลองแบบแหวนแต่งงานเพียงแค่แบบเดียว พยายามลองแหวนแต่งงานหลากหลายแบบเพื่อที่จะได้รู้ว่านิ้วมือของคุณนั้นเหมาะกับแหวนแต่งงานแบบไหนมากที่สุด

ถ้าหนุ่มๆ อยากจะเซอร์ไพร้ส์คนรักก็ต้องเช็คให้ชัวร์ว่าเธอชอบแบบไหน หรือจะหนีบคนสนิทของว่าที่เจ้าสาวที่รู้ใจเธอที่สุดไปช่วยเลือกด้วยสักคน

เลือกซื้อแหวนแต่งงาน

หาสีของเพชรและตัวเรือนที่ชอบ

หากบ่าวสาวชอบเพชรแบบยืนหนึ่งก็ตรงเข้าพุ่งชนได้เลยค่ะ หรือจะมองหาเพชรแฟนซีที่ไม่ใช่สีขาวก็ช่วยให้ผู้สวมใส่ดูสวยหรูแบบแตกต่าง แต่คู่ไหนที่ไม่อยากใส่เพชรจริงๆ อาจลองมองหาเป็นอัญมณีสีสันต่างๆ ที่นอกจากจะแตกต่างแล้วยังช่วยเสริมพลังชีวิตให้กับผู้สวมใส่ (สายมูเตลูไปอีก อิอิ) แถมเทรนด์อัญมณีกำลังเป็นที่นิยมของเจ้าสาวชาวต่างชาติยุคมิลเลเนียลอีกด้วย

และแหวนแต่งงานแบบเพชรแฟนซีหรือแบบประดับอัญมณีนี้ ยังช่วยให้บ่าวสาวมีทางเลือกเพื่อเลือกสิ่งที่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด

ต่อมาก็คือการเลือกตัวเรือนของแหวนแต่งงานที่มีหลายสีให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นแบบทองคำ ทองคำขาว หรือสีพิงค์โกลด์ แต่ถ้าไม่รู้ว่าจะเลือกแบบไหนดีขอแนะนำให้เลือกเป็นตัวเรือนแบบทองคำขาวหรือแบบแพลตินั่ม เพราะเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยเพราะเป็นสีที่สามารถสวมใส่ได้ง่ายในชีวิตประจำวัน และทุกสไตล์การแต่งตัว

ส่วนตัวเรือนสีพิงค์โกลด์เป็นสีที่มีทั้งข้อดีและข้อเสีย เพราะเป็นสีที่อาจได้รับความนิยมเพียงช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง แต่ถ้าบ่าวสาวไม่แคร์และอยากแตกต่าง แหวนแต่งงานตัวเรือนสีพิงค์โกลด์ก็เป็นอะไรที่ตอบโจทย์สุดๆ และตัวเรือนทองคำ เหมาะสำหรับคู่บ่าวสาวที่ต้องการความคลาสสิคแบบ timeless

เลือกซื้อแหวนแต่งงาน

ความรู้ขั้นพื้นฐาน 4Cs

ว่าที่บ่าวสาวที่ยังไง๊ยังไงก็เพชรนี่แหละที่จะเป็นแหวนแต่งงานของฉัน ถ้าเป็นอย่างนั้นอย่างน้อยคุณทั้งคู่ต้องมีความรู้ขั้นพื้นฐานเรื่อง 4Cs สักนิด โดยเฉพาะเรื่องสี (color) อย่างน้อยคุณก็ต้องแยกให้ออกว่าเพชรที่คุณเลือกนั้นมีสีแบบใด ซึ่งสีของเพชรจะแสดงสัญลักษณ์ตัว D – Z หรือแสดงตัวเลขเปอร์เซ็นต์ตั้งแต่ 100% ลงไปเรื่อยๆ โดยสีระดับ D – F คือ 100 – 98% ถือเป็นเกรดไร้สี (Colorless) และสีระดับ G – J คือ 97 – 94% ถือว่าเป็นเกรดเกือบไร้สี (Near Colorless) การบอกระดับสีเพชรบนป้ายอาจมีแค่ตัวอักษรภาษาอังกฤษอย่างเดียวหรือจะบอกคู่กับเปอร์เซ็นต์ก็ได้ แต่ส่วนใหญ่จะเลือกเขียนอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น ระบุแค่ D Color อย่างเดียวซึ่งก็หมายถึงน้ำ 100% เป็นต้น

(อ่านเพิ่มเติม >>> ถอดรหัส 4Cs อ่านป้ายบนแหวนแต่งงานให้เป็นไม่ถูกหลอก)

เลือกซื้อแหวนแต่งงาน
cr. https://www.pricescope.com

ซึ่งคุณสมบัติ 4Cs นี้จะเป็นตัวกำหนดราคาแหวนแต่งงานของบ่าวสาวด้วย โดยเฉพาะเรื่องจำนวนกะรัต (Carat) ที่สาวๆ ส่วนใหญ่มักจะคิดว่ายิ่งใหญ่ยิ่งดี แต่จริงๆ แล้วการจะใส่แหวนเพชรให้สวย ขนาดของเพชรหรือตัวกะรัตจะต้องเหมาะสมกับขนาดความยาวและความกว้างของนิ้วผู้สวมใส่ด้วย

นอกจากนี้ยังต้องดูไปถึงเรื่องการเจียระไน (Cut) และความบริสุทธิ์ของเพชร (Clarity) ที่จะส่งผลต่อการส่องประกายแววาวของเพชรและราคา อย่างเช่น เพชรที่มีน้ำหนักน้อยกว่าแต่มีความบริสุทธ์ของเพชรมากกว่า อาจจะมีราคาที่สูงกว่าเพชรที่มีน้ำหนักเยอะแต่มีความบริสุทธิ์ไม่เท่าเม็ดเล็กก็ได้

>> ดูแบบแหวนแต่งงานและเครื่องประดับเพิ่มเติม คลิกเลย <<

ภาพเปิด : stocksnap.io

9 ทริคเลือกชุดคุณแม่บ่าวสาว ให้สวยสมวัยดูดี แถมยังสวยเข้าธีม

ว่าที่บ่าวสาวหลายคู่มักจะยุ่งกับการเตรียมรายละเอียดอื่นๆ จนลืมคิดไปว่า เอ๊ะ! แล้วคุณแม่จะใส่ชุดแบบไหน ใส่ชุดอะไร ดังนั้นลูกๆ ทั้งหลายอย่าปล่อยให้คุณแม่ต้องหงอยเหงานั่งเลือกชุดเดียวดายนะคะ มาเอา 9 ทริคนี้ไปช่วยคุณแม่เลือก ชุดคุณแม่บ่าวสาว สวยๆ ใส่ในวันสำคัญของคุณกันเถอะ

1. คุณผู้หญิงในชุดผ้าลูกไม้

ชุดคุณแม่บ่าวสาว

ชุดผ้าลูกไม้สวยๆ สักชุดมักจะตอบโจทย์สตรีสูงวัยในหลายๆ โอกาส โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานวิวาห์ของลูกสาวลูกชายสุดที่รัก คุณแม่ทั้งหลายก็มักจะเลือกใส่เดรสผ้าลูกไม้ปักดิ้นเงินดิ้นทองแบบพองาม ไม่ว่าจะยาวกรอมพื้นหรือยาวระดับเข่า แขนยาว แขนสามส่วน หรือแขนสั้น ซึ่งผ้าลูกไม้จะช่วยเสริมให้คุณแม่ดูดี ดูสง่า มีฐานะและเหมาะสมกับวัยด้วยนะคะ

2. เพราะเป็นแม่ลูกจึงเหมือนกัน

ชุดคุณแม่บ่าวสาว

หากคุณแม่และคุณลูกคนไหนอยากได้กิมมิกเก๋ไก๋ที่ใครๆ เห็นแล้วต้องร้องอ๋อว่าเป็นแม่เจ้าสาวแน่นอน ลองเลือกชุดที่มีดีเทลคล้ายกับชุดของเจ้าสาว (แต่ก็ไม่ต้องเหมือนกันเป๊ะๆ นะ) เช่น เลือกชุดที่เนคไลน์หรือช่วงแขนสไตล์เดียวกันแต่เป็นสีอื่นที่ไม่ใช่สีขาว แบบนี้ก็เจ๋งดีนะคะ

3. ชุดไทยไปเลยค่ะคุณแม่

ชุดคุณแม่บ่าวสาว

ข้อนี้เลือกไม่ยากเลย ถ้าเป็นพิธีไทยคุณแม่จะเลือกใส่ชุดไทยในพิธีเช้าก็ได้ค่ะ ไม่ได้ดูแปลกหรือทับไลน์เจ้าสาวแต่อย่างใด คุณแม่คนไหนก็ใส่กัน เพราะนอกจากจะทำให้คุณแม่ดูสง่างามสมกับเป็นหญิงไทยแล้ว ยังเข้ากับบรรยากาศความเป็นไทยของพิธีแต่งงานในตอนเช้าด้วย

4. แต่งให้เข้ากันกับคุณพ่อ

4

ข้อนี้คงต้องขอความร่วมมือจากคุณพ่อด้วยนะคะ เพราะเรากำลังจะบอกให้คุณพ่อกับคุณแม่เป็นทีมเดียวกัน โดยเลือกชุดที่ดูเข้ากัน เช่น ถ้าคุณพ่อเลือกสูทโทนสีสว่างอย่างสีครีม สีขาว ชุดของคุณแม่ก็อาจจะเป็นสีเดียวกับสูทของคุณพ่อได้เลย แต่ถ้าคุณพ่อเลือกสูทดำ (ส่วนใหญ่จะเลือกแบบนี้) ขอแนะนำให้คุณแม่โฟกัสที่เสื้อเชิ้ตตัวในแทน แล้วไปเลือกสีให้เหมือนหรือใกล้เคียงกัน  แบบนี้เรียกได้ว่าครอบครัวสามัคคีค่ะ

5. ลุคคุณนายในชุดผ้าไหมมันวาว

5

ถ้าคุณแม่คนไหนไม่ชอบใจผ้าลูกไม้เพราะจะทำให้เกิดอาการคันยุบยิบทุกครั้งที่ใส่ ชุดผ้าไหมก็ตอบโจทย์ได้อย่างดีค่ะ อาจจะเสริมความสวยของชุดด้วยการปักเลื่อม คริสตัล หรือดิ้นเงินดิ้นทองลงไปบนชุดก็จะช่วยให้ชุดไม่เรียบจนเกินไปนัก (แต่อย่าปักเยอะจนรกเป็นคุณนายภูธรนะคะ)

6. คุณแม่หัวใจยังสาว

6

คุณแม่คนไหนที่ยังมีแรงและไม่ยอมร่วงโรยไปตามวัย จะลองเลือกเดรสสั้นที่มีลวดลายและสีสันสดใสก็ได้นะคะ บอกให้หลายๆ คนรู้ไปเลยว่า ถึงจะเป็นแม่แต่ก็ยังเปรี้ยวปรี๊ดได้อยู่นะจ๊ะเด็กๆ

7. ธีมสีของครอบครัว

7

ใครที่คิดว่าชุดสีเดียวกันต้องสงวนไว้ให้แก๊งเพื่อนเจ้าสาวเท่านั้น ขอบอกว่าคิดใหม่ได้แล้วค่ะ คราวนี้เราขอเสนอไอเดียสุดเก๋ “ธีมสีสำหรับครอบครัว” ดูบ้างเป็นไงคะ จะให้ทั้งสองครอบครัวใส่สีเดียวกันหมด หรือครอบครัวเจ้าสาวใส่สีหนึ่ง ครอบครัวเจ้าบ่าวใส่อีกสี กำหนดธีมแบบนี้คุณแม่ก็แค่หาชุดสีนั้นๆ ใส่ให้เข้ากันกับคนอื่น ดูเป็นครอบครัวสุขสันต์ดีออก

8. ชุดราตรีเริดๆ ตามฝันที่อยากใส่

หญิงสาวทุกคนมีชุดในฝันที่อยากใส่ทั้งนั้นแหละค่ะ ไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นเจ้าสาวคนเดียวเท่านั้นหรอกนะ เพราะฉะนั้นไม่ว่าคุณแม่จะอยากใส่ชุดราตรีที่ดูสวยหรูหราแค่ไหน เราอยากให้คุณแม่ได้ทำตามความฝันค่ะ จัดเต็มไปเลยเนอะ (ยังไงแขกก็แยกออกอยู่แล้วว่าคนไหนแม่คนไหนลูก)

9. เดรสทรงเอยาวระดับเข่า

คุณแม่คนไหนที่มั่นใจในเรียวขาและอยากโชว์รองเท้าสวยๆ ลองมองหาเดรสที่มีความยาวระดับเข่ามาใส่ดูนะคะ ไม่ยาวซ้ำจำเจกับแขกผู้ใหญ่คนอื่น แต่เราอยากเตือนด้วยความห่วงใยว่า ไม่ว่ารองเท้าคุณแม่จะสวยขนาดไหนก็อย่าได้เปรี้ยวเลือกส้นเข็มที่สูงปรี๊ดนัก ล้มในงานจะพาลลำบากเอานะ

ชุดสำหรับคุณแม่เจ้าสาวจริงๆ แล้วเลือกไม่อยากเลยค่ะ แค่คุณแม่ออร์เดอร์มาว่า อยากใส่ชุดแบบไหน ยังไง เดี๋ยวคุณลูกก็จะจัดหามาให้ คุณแม่นั่งรอนอนรอสบายๆ เฉิดฉายเป็นคุณแม่คนสวยช่วยต้อนรับแขกในงานแต่งแค่นั้นก็พอแล้ว

>> ดูไอเดียและคำแนะนำเรื่องชุดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย! <<

เรียบเรียง : www.marthastewartweddings.com
ภาพ : www.marthastewartweddings.com, www.pinterest.com

เช็กเลย 10 พฤติกรรมที่ทำให้เดทแรกของหนุ่มๆ สาวๆ แป้กไม่เป็นท่า

เดทแรก ผ่านไปแล้วเขาไม่ติดต่อมาอีกเลย ถ้าเป็นแบบนี้บ่อยๆ สาวๆ หนุ่มๆ คงต้องสังเกตตัวเองแล้วนะคะว่า เผลอทำ 10 พฤติกรรมที่ทำให้เดทแรกแป้กไม่เป็นท่าออกไปบ้างหรือเปล่า

เดทแรก ยังแป้ก! อาจเป็นเพราะ 10 เรื่องนี้ รีบเช็กแล้วปรับตัวด่วน!

Photo by Louis Hansel @shotsoflouis on Unsplash

มาสาย

เหนุ่มๆ หลายคนซีเรียสเรื่องความตรงต่อเวลามาก เพราะถือเป็นการให้เกียรติและให้ความสำคัญกัน อีกทั้งยังสะท้อนให้เห็นถึงความมีวินัยในการดำเนินชีวิตของคุณอีกด้วย ดังนั้นสาวๆ ที่กำลังจะออกเดท โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเดทแรก ควรรักษาเวลาให้ดีหรือไปก่อนเวลาสักนิด รับรองว่าพิชิตใจชายหนุ่มได้แน่นอน

ก้มหน้าก้มตาเล่นมือถือ

สาวๆ หลายคนมักแก้อาการเขินอายหรือประหม่าด้วยการเล่นโทรศัพท์มือถือ แต่เราขอเตือนเลยว่าอย่าทำอย่างนั้นดีกว่า เพราะหนุ่มๆ อาจมองว่าคุณติดโทรศัพท์หรือติดสังคมโซเชียลมากจนเกินไป อีกทั้งยังดูไม่ให้ความสนใจและไม่ให้ความสำคัญเขาซึ่งอยู่ตรงหน้าคุณอีกด้วย

กินน้อยหรือมากจนเกินงาม

เดทแรกส่วนใหญ่จะต้องมีการกินข้าวด้วยกัน สาวๆ จึงต้องระวังเรื่องนี้เป็นพิเศษ การกินน้อยเกินไปหรือไม่กินเลยอาจทำให้อีกฝ่ายรู้สึกกังวลหรือเกร็งว่าคุณเป็นอะไรหรือเปล่า ส่วนการกินมากจนเกินงามหรือกินอย่างตะกละตะกลามก็อาจทำให้หนุ่มๆ ตกใจได้ (บางรายอาจช็อกตอนเช็คบิล) ดังนั้นควรกินให้เป็นปกติ (แต่ถ้าเป็นสาวที่กินเยอะเป็นปกติอันนี้ก็ไม่ว่ากัน) และที่สำคัญอย่าลืมรักษามารยาทบนโต๊ะอาหารด้วย

Photo by Matt W Newman on Unsplash

คุยแต่เรื่องตัวเอง

การเป็นสาวช่างพูดช่างคุยเป็นสิ่งที่ดี เพราะทำให้บรรยากาศของเดทแรกไม่น่าเบื่อ แต่ต้องระวัง อย่าลืมตัวคุยแต่เรื่องของตัวเองเพียงคนเดียวจนดูเป็นสาวช่างเพ้อนะคะ สาวๆ ต้องรู้จักเป็นผู้ฟังที่ดีบ้าง หรือถามถึงเรื่องของเขาบ้าง เพื่อให้เขารู้สึกว่าคุณสนใจและให้ความสำคัญ อีกทั้งยังทำให้ได้เรียนรู้ตัวตนของกันและกันในเดทแรกทั้งสองฝ่ายอีกด้วย

ซักไซ้ละเอียดยิบ

สาวๆ ต้องอย่าลืมว่าคุณมาออกเดท ไม่ได้มาเป็นกรรมการสัมภาษณ์งานแต่อย่างใด ดังนั้นอย่ายิงคำถามใส่เขาเป็นชุด หรือซักไซ้เขาอย่างละเอียดเป็นอันขาด เพราะจะทำให้หนุ่มๆ อึดอัดใจ อีกทั้งเรื่องบางเรื่องก็ไม่จำเป็นหรือไม่ควรถามกันในเดทแรก เช่น ฐานะทางการเงิน เรื่องครอบครัว ความรักครั้งเก่า เรื่องเอ็กซ์คลูซีฟอย่างนี้เก็บไว้ถามกันในระยะยาวดีกว่านะคะ

ไม่ออกความคิดเห็นเลย

สาวๆ ประเภทที่ชอบตอบว่า “อะไรก็ได้” ต้องระวังให้ดี เพราะหนุ่มๆ หลายคนเขาอาจไม่ปลื้มกับพฤติกรรมนี้ สาวๆ อาจคิดว่าไม่ร้ายแรงอะไร แต่ความจริงแล้วกลับทำให้เขารู้สึกว่าคุณเป็นคนที่ขาดความมั่นใจ และไม่ช่วยกันคิดบ้างเลย อย่าลืมนะคะว่าเขากำลังหาเพื่อนคู่คิดอยู่ และเดี๋ยวนี้ก็หมดสมัยของการให้ผู้ชายเป็นช้างเท้าหน้าแล้วล่ะค่ะ

Photo by René Ranisch on Unsplash

ไม่เสนอตัวจ่ายบ้าง

ถ้ายังมีสาวๆ คนไหนที่คิดว่าเวลาออกเดทหนุ่มๆ ต้องเป็นคนจ่ายเสมอ ขอบอกเลยว่าหัวโบราณระเบิด หรือบางคนกลัวว่าจะเป็นการดูถูกฝ่ายชาย ข้อนี้ก็ไม่ต้องกังวลไปค่ะ เพราะการเสนอตัวเป็นคนจ่ายบ้างทำให้คุณดูดีแบบผู้หญิงสมัยใหม่ที่ไม่หวังพึ่งผู้ชายเพียงฝ่ายเดียว อีกทั้งยังทำให้คุณดูเป็นคนแฟร์ๆ สไตล์อเมริกันแชร์อีกด้วย สตรองขนาดนี้รับรองว่าประทับใจหนุ่มๆ แน่นอน

แสดงอาการเบื่อหน่าย

ถ้ายังอยากมีเดทครั้งต่อไปกับชายหนุ่มตรงหน้า อย่าทำพฤติกรรมดังต่อไปนี้เด็ดขาด นั่งหน้าหงอยบูดบึ้ง ถามคำตอบคำ เหม่อลอย ดูนาฬิกาตลอด สนใจสิ่งอื่นมากกว่า เพราะพฤติกรรมที่ว่ามานี้จะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าคุณกำลังเบื่อหน่ายเขาอยู่ อีกทั้งยังเป็นการทำลายบรรยากาศของเดทแรกให้หม่นหมองอีกด้วย

แต่งหน้าแต่งตัวจัดเต็ม

แน่นอนว่าผู้หญิงต้องอยากสวยที่สุดในการออกเดทครั้งแรกเพื่อให้เขาประทับใจ แต่ทั้งนี้ก็ต้องไม่ลืมความเป็นตัวของตัวเอง ประเภทที่แต่งหน้าจัดเว่อร์หรือแต่งตัวจัดเต็ม ขอบอกเลยว่าผู้ชายบางคนเขาก็ดูออก หรือถ้าดูไม่ออกแล้วคุณสวยอย่างนั้นไม่ได้ตลอด รับรองว่าเขาช็อกแน่

รีบติดต่อเขาทันทีหลังจากการเดท

ไม่ว่าคุณจะรู้สึกประทับใจเขามากแค่ไหนก็ไม่ควรติดต่อเขาในทันทีทันใดหลังจากเดทแรกเสร็จสิ้น ควรปล่อยระยะเวลาให้ผ่านไปสักระยะหนึ่งก่อนหรือรอให้เขาติดต่อมาเอง เพราะการรีบติดต่อไปเป็นการแสดงออกว่าคุณชอบเขาจนเกินงาม อีกทั้งยังดูจู่โจมจนเกินไปอีกด้วย หนุ่มๆ หลายคนแอบกลัวสาวประเภทนี้อยู่ไม่น้อย ดังนั้นควรสงวนท่าทีสักนิดเพื่อให้ดูมีค่าและน่าค้นหานะคะ

>> อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับความรักและความสัมพันธ์เพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย <<

ภาพ : Unsplash.com

6 สิ่งที่จะเปลี่ยนไปทันทีหลังจากสวมแหวนหมั้นที่ว่าที่บ่าวสาวต้องรับมือ

หลังจากคุกเข่าขอแต่งงานสวม แหวนหมั้น จับจองหัวใจกันอย่างเป็นทางการแล้ว นั่นก็แปลว่าอีเวนท์สำคัญในชีวิตกำลังจะเกิดขึ้น เราเลยจะกระซิบบอกคุณด้วยความหวังดีว่า ต่อจากนี้คุณจะเจอการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง ให้คุณเตรียมรับมือไว้ให้ดีนะจ๊ะ

1. มือซ้ายเป็นจุดสนใจมากขึ้น

หลังจากที่มีแหวนมาประดับนิ้วนางข้างซ้ายแล้วคุณจะต้องเจอกับสายตาซอกแซกของมวลหมู่มิตรที่พยายามสอดส่ายสายตามองหาแหวนเพชรประกายเปรี้ยงบนนิ้วคุณ ก็จงทำใจให้ดี เพราะมันเป็นเรื่องธรรมดา ส่วนหน้าที่ของคุณก็แค่ เตรียมมือสวยๆ ให้คนมองก็พอ

2. ร้อยพันคำถามที่เข้ามา

ญาติสนิทมิตรสหายจะถาโถมคำถามเข้าหาคุณว่า “จะแต่งเมื่อไหร่”  “แต่งที่ไหน” “เตรียมตัวไปถึงไหนแล้ว”  ก็อย่ารู้สึกรำคาญไป เขาถามเพราะอยากไปร่วมแสดงความยินดีด้วย ส่วนมนุษย์ขี้อิจฉาที่พูดจาไม่มงคลเท่าไหร่ก็ปล่อยๆ ไปอย่าใส่ใจ ให้คิดเสียว่าข่าวของคุณโด่งดังจนแม้แต่เขายังสนใจ

3. มี “คู่หมั้น” แล้ว

คุณมีคู่หมั้นแล้ว จงหาโอกาสเรียกบ่อยๆ นะ เพราะคำนี้จะอยู่ไม่นานหรอก เดี๋ยวก็เปลี่ยนเป็น คุณ “สามี”แล้ว

4. เก็บหอมรอมริบ

นับจากนี้จะเกิดมหกรรมใช้เงินครั้งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจัดเตรียมงานแต่งงาน และการเริ่มต้นครอบครัวใหม่ คุณจะต้องควบคุมการใช้เงินให้ดี และวางแผนออมเงินแบบรัดกุมสุดๆ

5. เวลาผ่านไปเร็วมาก

ช่วงเวลาหลังจากนี้จะผ่านไปเร็วมาก จงอย่าชะล่าใจเป็นอันขาดว่าเหลืออีกตั้งปี อะไรที่เตรียมได้ล่วงหน้าก็เริ่มทำซะตั้งแต่เนิ่นๆ อย่างการมองหาเวดดิ้งแพลนเนอร์ ยิ่งหาได้ไว ยิ่งดีต่องานของคุณเอง

6. หาโอกาสออกทริปกระชับมิตร

ถือเป็นช่วงเวลาที่ดี ที่จะให้ทั้งสองครอบครัวกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ก่อนจะผูกรวมเป็นทองแผ่นเดียวกัน

เห็นไหมคะว่าการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลานี้ไม่น่ากลัวเลย แต่สาวๆ ก็ต้องเตรียมรับมือให้ดี เพราะอย่างที่บอกว่าเวลาจะผ่านไปเร็วมาก ถ้าสับสน หรืองงอะไรในเรื่องการจัดงาน เราก็พร้อมให้คำปรึกษานะคะ

>> อ่านคำแนะนำและไอเดียดีๆ เกี่ยวกับงานแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย! <<

ทรงผมเจ้าสาวผมสั้นนี่แหละช่วยให้เจ้าสาวสวยชิคดูอ่อนวัย

ทรงผมเจ้าสาว ผมสั้น ให้ลุคเจ้าสาวดูทันสมัย ดูอ่อนวัย แถมเติมเครื่องประดับผมได้แบบอันลิมิตด้วย

“ผมสั้นทำอะไรได้น้อย” พูดเป็นเล่นไป!! ใครยังคิดแบบนี้อยู่อีก แฮร์สไตลิสต์ทั้งหลายต่างออกความเห็นกันว่า ทรงผมเจ้าสาว ผมสั้นนี่แหละสวยชิคดูอ่อนวัย แถมยังเปิดจินตนาการสำหรับเครื่องประดับผมได้อย่างไม่จำกัด เพราะเมื่อผมสั้นดูไม่เยอะแยะ จะประดับอะไรเข้าไปก็ไม่ดูใหญ่เกินเบอร์ ฉะนั้นเจ้าสาวผมสั้นไม่จำเป็นต้องคล้อยไปตามความเชื่อเดิมๆ แล้ววิ่งไปต่อผมเพื่อทำทรงเกล้า แค่เพื่อให้ดูเหมือนเจ้าสาวในอุดมคติ เป็นเจ้าสาวผมสั้นนี่แหละชิคสุด ๆ ไปเลย – เรื่อง  Padcha_Praewnista

TIPS & TRICKS
เจ้าสาวผมสั้นต้องใส่ใจเป็นพิเศษกับการเซตทรงให้ดูมีวอล่มุ เลือกทรงผมให้เหมาะกับความยาวของผมแบบไม่ต้องฝืนจะดูสวยง่ายกว่า เจ้าสาวผมสั้นมากแบบ Pixie Cut ต้องเน้นย้ำให้ช่างช่วยยกโคนผมให้หนามีวอลุ่มไม่ลีบแบน

ส่วนเจ้าสาวผมสั้นที่ยาวเลยหูนั้นมีช้อยส์ให้เลือกมากมาย ทั้งเครื่องประดับต่างๆ ที่คาดผมรูปเปียที่ช่วยให้ผมดูเยอะขึ้น หรือม้วนลอนได้ทั้งแบบเรโทรลอนเรียบเป็นคลื่นสวยเก๋ หรือลอนแบบ Messy ยุ่งนิดๆ ดูชิคและโมเดิร์น

เรื่องที่เจ้าสาวผมสั้นห้ามลืมคือ การเล็มปลายผมเล็กน้อยในช่วงก่อนวันสำคัญ เพราะผมที่สั้นอยู่แล้วจะโชว์ชัดมากหากมีเส้นที่อ่อนแอแตกปลาย ใครใคร่ใส่เครื่องประดับผมประเภทผ้าคลุม มงกุฎ ควรเลือกแบบที่ใช้ซี่หวีชนิดที่เป็นเหล็กซี่ถี่ ไม่แนะนำหวีพลาสติก เพราะไหลลื่นไม่เกาะผม จะอันตรายหลุดง่ายสำหรับเจ้าสาวผมสั้น

Perfect Pairing

Short Hair + Bang

ทรงผมเจ้าสาว

เจ้าสาวผมม้าเก๋จะตาย ดูอ่อนวัยและไม่ได้เห็นกันบ่อย เติมที่คาดผมเข้าไปนิดปิดจบสวยเลย

Short Hair + Flower

ทรงผมเจ้าสาว

ทรงผมเจ้าสาว

งานจัดในสวนหรือริมทะเลยิ่งเหมาะ เซตผมสั้นให้เป็นลอนยุ่งนิดๆ แล้วประดับด้วยมงกุฎหรือกิ๊บติดผมดอกไม้ กลายเป็นลุคเจ้าสาวแบบโบฮีเมียนสดใสเป็นธรรมชาติ

Short Hair + Bobby Pin

ทรงผมเจ้าสาว

ทรงผมเจ้าสาว

ม้วนผมลอนใหญ่สไตล์เรโทร แสกผมให้เอียงไปข้างถนัด แล้วติดกิ๊บสวยๆ เรียงเป็นแผงด้านข้าง ทำให้เจ้าสาวดูชิคมีสไตล์แบบแฟชั่นนิสต้า

Short Hair + Crown/ Headband

ทรงผมเจ้าสาว

ด้วยความเก๋คล่องตัวของผมสั้นนั้น จึงเป็นการเปิดโอกาสให้สามารถใส่ที่คาดผมหรือมงกุฎอันเบิ้มๆ ได้แบบไม่ต้องกลัวดูหวานจนเชย หรือกลัวจะดูย้อนยุคเกินไป

Bride in Focus

Audrey Hepburn

ภาพเก่าของเจ้าหญิงแห่งฮอลลีวู้ด ออเดรย์ เฮปเบิร์น ในวันแต่งงานเป็นเครื่องการันตีถึงความเก๋เหนือกาลเวลาของเจ้าสาวผมสั้น คุณแม่ออเดรย์ในผมสั้นสุดพลังกับหน้าม้าเต่อนิดๆ ซึ่งถือเป็นซิกเนเจอร์ จับคู่กับมงกุฎดอกไม้ที่ทำให้ผมสั้นสุดมั่นดูอ่อนหวานขึ้นทันตา มาดูตอนนี้ก็ยังคงเป็นเจ้าสาวที่เก๋ชิคไม่ซ้ำใคร

Hilary Duff

เจ้าสาวหน้าสวย ฮิลารี ดัฟฟ์ แต่งงานรอบสองอย่างเรียบง่ายในบรรยากาศแสนอบอุ่น กลายเป็นเจ้าสาวผมสั้นที่ครีเอตลุคออกมาได้ลงตัวสุดๆ ผมบ๊อบสั้นถูกแต่งทรงให้มีวอลุ่มสวย ด้านหน้าหวีเรียบแสกกลางโดดเด่นด้วยการเลือกใช้ที่คาดผมประดับมุกเข้ากันเป๊ะกับชุดเจ้าสาวสไตล์มินิมัลสีขาวเรียบไม่รุงรัง

STAR in FOCUS

สาวสวยแพงอย่าง ลิลี่ คอลลินส์ ถือเป็นสาวผมสั้นที่เล่นสนุกกับการสไตลิ่งทรงผมได้อย่างน่ามองไปเสียทุกช็อต สังเกตได้ว่าลิลี่ไม่ได้ชื่นชอบการประดับประดาผมด้วยเครื่องประดับสักเท่าไร แต่ก็สามารถทำให้ผมสั้นดูเปลี่ยนไปได้หลากหลาย ทั้งเซตคลื่นแบบเรโทร ดรายเหยียดตรงเก๋ๆ ยีฟูตีโป่งได้ฟีลย้อนยุค ไปจนถึงการเกล้าต่ำที่แนะนำให้สำหรับสาวผมสั้นที่ไม่ชอบเครื่องประดับฟรุ้งฟริ้งจำไปใช้ได้รับประกันว่าสวยเก๋ไม่รุงรัง

>> อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับความสวยความงามและสุขภาพเพิ่มเติม คลิกเลย <<

คำถามกวนใจหนุ่มสาวคนโสดในวันรวมญาติพร้อมคำตอบเอาตัวรอด

วันรวมญาติ ถือเป็นฝันร้ายของหนุ่มสาว คนโสด ทั้งหลาย เพราะนอกจากจะต้องปวดหัวกับการตอบคำถามเรื่องทั่วไปอย่างเรื่องการเรียน การงาน หรือการเงินแล้ว ยังมีคำถามจี๊ดใจอย่างเรื่องความรักที่ต้องตอบอีก ซึ่งบรรดาญาติๆ มักยิงคำถามอะไรกันบ้างและจะตอบยังไงให้รอด เราจะบอกให้รู้กันค่ะ

คนโสด ต้องรอด! ตอบคำถามแบบมั่นใจเวลาถูกถามย้ำๆ ว่าเมื่อไหร่จะมีแฟน!

คนโสด
Photo by www.redbubble.com

มีแฟนหรือยัง ?
คำถามฮอตฮิตที่ทำร้ายจิตใจคนโสดคงหนีไม่พ้นคำถามเกี่ยวกับเรื่องแฟน ไม่ว่าจะเป็นมีแฟนหรือยัง เมื่อไหร่จะมีแฟน ไม่พาแฟนมาด้วยหรอ แม้ใจจริงอยากจะตอบไปเหลือเกินว่า ถ้ามาก็คงเห็นแล้วล่ะ ก็ขอให้สะกดอารมณ์เอาไว้ หากอยากจบประเด็นนี้ไวๆ ก็อาจเลี่ยงด้วยการตอบไปเลยว่า มีแต่ไม่ได้มา แต่ถ้าไม่อยากโกหกและพร้อมจะตอบคำถามในข้อต่อไปที่ว่า ทำไมล่ะ ก็ตอบไปตรงๆ เลยว่าไม่มี พร้อมบอกเหตุผลเก๋ๆ สักข้อ เช่น ยังไม่เจอคนที่ใช่ อยากโฟกัสกับเรื่องงานมากกว่า ถ้ามีแล้วไม่ดีก็ขอไม่มีดีกว่า แค่นี้ก็รอดแล้วล่ะ

คนโสด
Photo by www.livingly.com

เมื่อไหร่จะแต่งงาน ?
ถ้าคนมีคู่โดนยิงคำถามนี้ก็คงไม่เจ็บนัก แต่สำหรับคนโสดแล้ว ขอบอกเลยว่าเจ็บจี๊ดแบบคูณสองเลยทีเดียว เพราะแค่แฟนยังไม่มีเป็นตัวเป็นตน จะให้คิดไกลไปถึงเรื่องแต่งงานได้ยังไง หากโดนคำถามนี้เข้าไป คงต้องใช้วิธีตอบแบบขำๆ กลบเกลื่อน แต่แอบบอกเป็นนัยให้รู้ว่ายังไม่มีแฟน เช่น เนื้อคู่ยังไม่เกิดเลย ช่วยหาแฟนให้หน่อยสิ แค่นี้ญาติก็คงเข้าใจแล้วว่าคุณยังโสดสนิท

คนโสด
Photo by www.someecards.com

เป็นเกย์/เลสเบี้ยนหรือเปล่า ?
สำหรับคนโสดสนิทที่ไม่เคยมีแฟนให้ญาติเห็นเลยอาจต้องเจอกับคำถามนี้ ซึ่งหากคำตอบของคุณคือไม่ใช่ ก็ขอให้มองเป็นเรื่องขำขันกันไป แล้วบอกเหตุผลว่าทำไมจึงไม่มีแฟนไปสักข้อ แค่นี้ก็จบ แต่หากคำตอบในใจของคุณคือใช่ ก็อาจใช้โอกาสนี้บอกให้เขารู้เลยก็ได้ (ถ้าคุณพร้อมและประเมินสถานการณ์แล้วว่าจะไม่ทำให้งานกร่อย) เรียกว่าถามมาก็ตอบไป แถมยังได้เปิดตัวอย่างสบายใจอีกด้วย

คนโสด
Photo by www.someecards.com

เมื่อไหร่จะมีลูก
แม้จะเป็นเปอร์เซ็นต์เพียงน้อยนิดที่คนโสดจะมีโอกาสโดนคำถามนี้ แต่ก็ต้องเตรียมคำตอบเอาไว้ให้ดี อย่าเผลอเหวี่ยงใส่ในความไม่รู้ของญาติ เพราะเขาอาจจะลืมก็ได้ว่าคุณยังโสด วิธีตอบเอาตัวรอดง่ายๆ เลยคือ บอกตามตรงเลยว่ายังไม่มีแฟน หรือตอบอ้อมๆ ว่าไว้รอถามหลังแต่งงานดีกว่านะ แค่นี้ญาติคุณก็หงายเงิบ และคิดได้ว่าช่างเป็นคำถามที่ไม่ควรเอ่ยออกไปเลยจริงๆ

ถ้าอ่านมาจนถึงตรงนี้แสดงว่าคุณยังโสด มาค่ะ แพรวเวดดิ้งมีเคล็ดลับให้เลิกโสด จะได้ไม่ต้องตอบคำถามแทงใจดำอีกต่อไป!

ภาพ : bamag.com

มาทำความรู้จักเพชร CZ ก่อนเลือกมาใช้เป็นแหวนแต่งงานกันก่อน

“ใช้ เพชรCZ ทำแหวนแต่งงานได้ไหม” คำถามนี้ มีหลายคนอยากรู้ค่ะ ถึงขนาดว่าตั้งเป็นกระทู้ถามกันก็มีแล้ว แต่ไม่มีใครตอบคุณได้หรอกค่ะ นอกจากตัวคุณเอง เพราะเงื่อนไขในการใช้ชีวิตของแต่ละต่างกัน ฉะนั้นจะใช้เพชร CZ ทำแหวนแต่งงานหรือไม่ อยู่ที่ความสบายใจของคุณค่ะ แต่สิ่งที่เราอยากให้คุณได้รู้ในวันนี้คือ การเลือกเพชร CZ มาใช้งาน ก็ต้องหาความรู้ไว้ไม่ต่างจากการหาความรู้เกี่ยวกับเพชรแท้นะคะ

เพชร CZ คือเพชรสังเคราะห์ที่มนุษย์สร้างสรรค์ขึ้นมา และไม่ได้เพิ่งจะมีนะคะ แต่ในช่วงแรกๆ อาจมองแล้วยังไม่ใกล้เคียงกับเพชรแท้เท่าไหร่ ประมาณว่ามองแล้วรู้เลยว่า อันไหนของจริงของปลอม แต่ปัจจุบัน เพชร CZ ได้รับการพัฒนาจนมีความสวยงามใกล้เคียงกับเพชรมากๆ ซึ่งแม้จะมีงบน้อยก็ซื้อมาใส่ได้  แถมยังมีหลายเกรดให้เลือกอีกด้วย

เพชรCZ

CZ (ซี – แซด) ย่อมาจากคำว่า Cubic Zirconia ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมันเป็นผู้ค้นพบผลึกทางธรรมชาติ (Cubic) ของแร่ Zirconium Oxideและนักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซียนำไปพัฒนาต่อ จนได้มาเป็นสารสังเคราะห์ที่มีความใกล้เคียงกับเพชร แต่ไม่มีทางเทียบเท่ากับเพชรได้หรอกนะคะ เพราะถ้านำมาเทียบกันแล้วจะพบว่า

  • เพชร CZ มีการกระจายแสงได้ก็จริง แต่น้อยว่าเพชรแท้ หากคาดหวังความวิบวับประมาณ D Color หรือเพชรน้ำ 100% เลย ไม่สามารถเทียบได้แน่นอน
  • ไม่มีใครล้มแชมป์ในเรื่องความแข็งของเพชรแท้ได้ เพราะเพชรแท้คือสสารที่แข็งที่สุดในโลก โดยมีหน่วยเป็น10Mohs ส่วนเพชรCZ มีความแข็งที่ 5 Mohs ซึ่งพอจะสู้ได้ก็กับพลอยเนื้อแข็งอย่างทับทิมเป็นต้น
  • เพชร CZ มีได้สารพัดสี นี่อาจจะเป็นจุดเด่นของเพชร CZ เลยก็ว่าได้ เพราะเมื่อเป็นสารสังเคราะห์ขึ้นมา จะทำให้เป็นเพชรไร้สีก็ได้หรือมีสีก็ได้ ส่วนเพชรแท้นั้นถ้าจะไร้สีแบบขาวใสสุดๆ ค่อนข้างหายากมากในปัจจุบัน จึงไม่แปลกที่เพชรเกรดสูงระดับ D-E color จะมีราคาแพง
  • น้ำหนักของเพชร CZ จะหนักมากกว่าเพชรถึง 1.7 เท่าดังนั้นในน้ำหนักที่เท่ากัน ขนาดของเพชร CZ จะมีขนาดใหญ่กว่าเพชรแท้
  • เมื่อใช้กล้องที่มีกำลังขยาย100 เท่า ส่องดู จะเห็นว่าเหลี่ยมของเพชรแท้คมกว่าเพชรCZ

ส่วนเรื่องของราคานั้น ไม่ต้องบอกก็คงเดากันได้ว่า ราคาเพชรCZ ย่อมถูกกว่าเพชรแท้อย่างแน่นอน คืออยู่ที่หลักร้อย-พัน (ไม่นับรวมตัวเรือนที่ทำให้มูลค่าเพิ่มขึ้นมาได้)เพชรแท้จึงเป็นสิ่งที่มีมูลค่าสูง และแม้จะเก็บไว้นานๆ มูลค่าก็ไม่ลด แต่ในทางกลับกันเพชร CZ ถึงจะมีราคาที่ย่อมเยาว์ แต่ก็ไม่มีมูลค่าแต่อย่างใด

เมื่อเพชรแท้มีเกรดได้ เพชร CZ ก็มีเหมือนกัน

เกรดของเพชร CZ  เริ่มจากคุณภาพต่ำที่ 1A >2A >3A >4A >5A >6A > Star > Heart &

Arrow และ Swiss ซึ่งเป็นเกรดที่มีคุณภาพสูง

เพชร CZ เกรด 1A นิยมนำมาใช้ในงานศิลปะแขนงต่างๆ โดยเฉพาะกระจกสีของหน้าต่างโบสถ์ต่างๆ เพราะมีความขุ่นมัวในผลึกเพชรมากแต่สามารถให้แสงผ่านได้

เพชร CZ  เกรด 2A นิยมนำไปแปรรูปเป็นเครื่องมือแพทย์หรือเครื่องมืออื่นๆเช่น ใบมีดผ่าตัดบางชนิด เครื่องเล่นแผ่นเสียง เครื่องตัดลายล้อเหล็กรถยนต์ โดยใช้ผลึกเพชรCZ ทำเป็นหัวใบมีด เพราะคุณสมบัติในเรื่องความหนาแน่นและความแข็งเหมือนเพชรนั่นเอง

เพชร CZ  เกรด 3A นำไปใช้กับเครื่องประดับราคาถูก ไม่ค่อยมีประกาย ดูคล้ายคริสตัล

เพชร CZ  เกรด 4A เริ่มนำไปใช้ได้กับเครื่องประดับที่ขยับราคาขึ้นมาอีกนิด โดยประดับที่หน้าปัดนาฬิกาข้อมือหรือ แหวนใส่ติดนิ้วสไตล์แฟชั่นทั่วไป

เพชร CZ  เกรด 5A เหมือนเพชรแท้มากๆ คือมีประกายแวววาว มองด้วยตาเปล่าแทบแยกไม่ออกเลยว่าอันไหนเป็นของแท้หรือของเทียม

เพชร CZ  เกรด 6A จัดอยู่ในเครื่องประดับราคาแพงมาก ส่วนมากพบในของตกแต่งเช่น มงกุฏ โคมไฟแชนเดอเรีย ไม่มีขายทั่วไป จะต้องสั่งผลิตจากโรงงานต่างประเทศเช่น รัสเซียหรือจีน

เพชร CZ  เกรด 7A – 9A (หรือ Swiss ซึ่งเป็นเกรดที่มีคุณภาพสูง) ในกลุ่มนี้จะเป็นเพชรสังเคราะห์ที่ผ่านการเจียระไนเหลี่ยมในระดับสูง โดยเฉพาะ 9A ที่เป็นการเจียระไนแบบ Hearts and Arrows จึงถูกจัดให้เป็นเพชร CZ เกรดที่ดีที่สุด มีสีขาว น้ำดี สวยเทียบเคียงได้กับเพชรแท้

อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว คงได้รู้จักกับ เพชร CZ กันมากขึ้นแล้วนะคะ ซึ่งหากอยากหยิบมาใช้งานไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับใส่เล่นใส่จริงในวาระโอกาสไหน อย่าลืมเลือกเกรดของเพชร  CZ ให้เหมาะกับการใช้งานเสมอนะคะ

>> อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับแหวนแต่งงานและเครื่องประดับเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย <<

ข้าวใหม่ปลามันต้องอ่าน! 5 ความเข้าใจผิดในปีแรกของชีวิตแต่งงาน

ในช่วงปีแรกของ ชีวิตแต่งงาน  คู่รักข้าวใหม่ปลามันอาจคิดว่า การปรับตัวจะเกิดขึ้นแน่นอนและตามมาด้วยความปรองดองจะเพิ่มทวี ที่เคยขัดใจกันบ้างก่อนแต่งานจะน้อยลงแน่นอน เราอยากให้คุณเตรียมใจไว้และพบกับความจริงที่เราหาข้อมูลมาให้แล้วว่า อะไรบ้างที่คุณเข้าใจผิดหรือที่คิดไปคลาดเคลื่อนจากชีวิตจริง

ฟังแบบนี้อย่าทำหน้าสยองเพราะเราแค่บอกไว้ให้รู้จากประสบการณ์จริงของคนแต่งงานมาแล้ว คุณจะได้เตรียมตัวเองให้พร้อมก่อนจะถึงวันนั้นไงละคะ

เข้าใจผิดว่า…คุณจะต้องใช้เวลาว่างทั้งหมดร่วมกัน…เหรอ?

ความเข้าใจผิดในข้อนี้อยู่บนความเชื่อที่ฝังหัวมาตลอดว่า แต่งงานแล้วคือคนๆ เดียวกันเป็นคู่รักปาท่องโก๋ที่ต้องทุ่มเททุกอย่างในชีวิตเพื่ออีกคน แต่ในความเป้นจริงไม่ต้องเปHนแบนั้นหรอกค่ะ เพราะกิจกรรมอะไรๆ ที่เคยทำในเวลาว่างก่อนคุณจะแต่งงานกันก็ไม่จำเป็นต้องเลิกไปเลยซะทีเดียวหรือต้องผูกติดกันไปทุกที่ คุณแค่ต้องปรับไปตามความเหมาะสม ที่เคยเมาหัวราน้ำกันทุกคืนวันศุกร์กับแก๊งเพื่อน ก็ลองเปลี่ยนเป็นนัดดินเนอร์กันในบรรยากาศดีๆแล้วดริ๊งค์กันพอหอมปากหอมคออะไรแบบนี้ก็ได้

เข้าใจผิดว่า…เซ็กส์จะกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อหน่าย…?

มันจะเป็นเรื่องน่าเบื่อก็เพราะคุณทำให้มันเป็นเรื่องน่าเบื่อซะเองนั่นแหละ เรายอมรับว่ามันอาจจะไม่หวือหวาหรือเร้าร้อนจนคุณต้องกระโจนเข้าหากันเหมือนช่วงคบหากันแรกๆ แต่ขอบอกคุณตรงนี้เลยว่าคุณสามารถเยียวยาเรื่องบนเตียงพวกนี้ได้แค่คุณเปิดใจคุยกันถึงความต้องการกันแบบตรงไปตรงมา ไหนๆ ก็แต่งงานกันแล้วนี่นา ลองเอาความเขินอายเก็บใส่ลิ้นชักไปก่อนก็ดีนะจ๊ะ แล้วความเชื่อที่เข้าใจไปเองว่าแต่งไปแล้วเซ็กส์จะไม่เหมือนเดิมจะต้องคิดใหม่

เข้าใจผิดว่า…เรื่องที่เคยไม่เข้าใจกัน ก็จะเข้าใจกันมากขึ้น…?

เดี๋ยวนะคะ ต้องมีการเข้าใจผิดอะไรกันแน่ๆ แหวนแต่งงานก็คือแหวนแต่งงานค่ะทุกคน ไม่ได้เคลือบมนตร์ใดๆ ไว้ทั้งสิ้น ดังนั้นดีที่สุดคือ ปรับความเข้าใจกันซะก่อนวันสำคัญจะมาถึง อย่ารอหรือปล่อยให้วันที่คุณรอคอยมาตลอดต้องหม่นหมอง เราอยากให้คุณทั้งคู่มีความสุขที่สุดในวันนั้น แล้วเริ่มต้นชีวิตบทใหม่ไปด้วยกันในบรรยากาศที่สดใส เริ่มต้นดีก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้วนะคะ ลองดูๆ

เข้าใจผิดว่า…ฉันรักแม่เธอเหมือนแม่ฉันเลยเนี่ย…?

เอาจริงดิ คุณสามารถรักได้ขนาดนั้นอย่างไวจริงอ่ะ?? จริงๆ แล้วเรื่องแบบนี้รักกันไว้ก็ไม่เสียหาย ถึงก่อนหน้านั้นจะแทบไม่มองหน้ากันก็เถอะ แต่ถ้าทำได้ยากเหลือเกินก็เฉยๆ ไว้ก็ได้ แค่อย่าถึงขั้นต้องแยกเขี้ยวหรือลับฝีปากกันตลอดทุกครั้งที่ได้เจอกัน อย่างน้อยก็รักษาความสงบกันไว้ก่อน แล้วเริ่มเปิดใจให้มากขึ้น คุณเป็นผู้ใหญ่พอ แถมยังแต่งงานแล้วนะคะ เราเชื่อว่าคุณทำได้ เริ่มต้นง่ายๆแค่ทำอาหารไปฝากท่านบ้าง อย่าหลีกเลี่ยงการไปเยี่ยมท่าน ลองเริ่มต้นใช้เวลาร่วมกันทีละเล็กทีละน้อย เรารับรองว่าอะไรๆ จะต้องดีขึ้น อย่างน้อยท่านต้องเห็นถึงความพยายามของคุณแน่นอนเลยค่ะ

เข้าใจผิดว่า…คุณต้องทำให้คู่ของคุณมีความสุข… ?

มันก็เป็นเรื่องจริงนะคะหากคุณเป็นคู่รักกัน แต่ถ้าจะมองว่านั่นคือหน้าที่หรือความรับผิดชอบอะไรเทือกนั้นมันก็ออกจะเกินไปซักหน่อย ทุกอย่างมันก็ขึ้นอยู่ที่ตัวบุคคล จะยิ้มให้กันหรือดึงหน้าใส่กันมันก็อยู่ที่คุณทั้งนั้น เพราะฉะนั้นแล้วล่ะก็ดูแลความรู้สึกกันให้มากเข้าไว้ จะลองนึกย้อนถึงวันวานดูก็ได้ว่าทำไมคุณสองคนถึงได้เลือกที่จะใช้ชีวิตร่วมกัน ก็คนบนโลกนี้มีมากมายตั้งเท่าไรใช่มั้ยล่ะ ทำไมต้องเป็นคนๆ นี้ด้วยเนอะ

>> อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับความรักและความสัมพันธ์เพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย <<

Cr. marthastewartweddings.com

5 คำถามที่ว่าที่บ่าวสาวตอบตัวเองให้ได้ก่อนจ้างช่างภาพงานแต่งงาน

อีกเรื่องหนึ่งที่ไม่ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนไปยังไง บ่าวสาวก็ยังต้องคิดแล้วคิดอีก นั่นคือการจ้างช่างภาพมาเก็บช่วงเวลาดีๆ ในวันสำคัญ ซึ่งการตัดสินใจใช้บริการ ช่างภาพงานแต่งงาน เจ้าไหนที่เคยรู้มา ก็มีทั้งเห็นดาราใช้เยอะ เห็นเพื่อนใช้แล้วบอกว่าดีเลยใช้ตามเลือกตามงบประมาณจัดไว้และไม่ได้เลือกแต่มีมาเสนอคือบางคนมีเพื่อนฝูงมาถ่ายให้ หรือได้แพ็กเกจถ่ายภาพเป็นของขวัญมาอะไรแบบนั้น

คิดให้ละเอียดว่าต้องการแบบไหนก่อนจ้าง ช่างภาพงานแต่งงาน 

Photo by NeONBRAND on Unsplash

แต่ไม่ว่าคุณจะเลือกช่างภาพด้วยเหตุผลอะไรไม่มีผิดไม่มีถูกค่ะ เพราะนั่นคือความพอใจของคุณ แต่สำหรับบ่าวสาวที่อยากเป็นตัวของตัวเอง อยากเลือกช่างภาพด้วยเหตุและผล เพื่อให้ได้ภาพวันแต่งงานที่ตรงใจรอบด้าน เรามีตัวช่วยเป็น 5 คำถามต่อไปนี้มาให้คุณตอบ ถ้าตอบแล้วเชื่อว่า การตัดสินใจเลือกช่างภาพวันแต่งงานจะง่ายขึ้นค่ะ

1. เน้นบ่าวสาวหรือเน้นแขก?

คุณอยากเปิดภาพมาดูแล้วเห็นภาพแบบบันทึกเหตุการณ์ครบ รวมถึงแขกทุกคนที่มาต้องปรากฏให้คุณเอาเก็บไปเช็คชื่อได้แบบนั้นหรือเปล่า หรือว่าอยากได้ภาพช่วงเวลาดีๆ ที่เน้นบ่าวสาว การแสดงอารมณ์ให้สมเป็นงานแต่งที่มีช่วงเวลาดีๆ ของคนที่รักก็พอ รวมถึงอยากได้ภาพนิ่งอย่างเดียว หรือภาพภาพเคลื่อนไหวลองคิดดู

2. ภาพสไตล์ไหนที่ชอบ?

ในที่นี้หมายถึง ถ่ายออกมาแล้วดูเหมือนภาพถ่ายแนวแฟชั่น แสงจัดๆ ภาพขาวดำดูอาร์ตๆ หรือแค่เก็บภาพรวมๆ แบบภาพถ่ายทีเผลอน่ารักๆ แบบมองกล้องน้อยๆ ลองนึกมู้ดแอนด์โทนอะไรแบบนี้สักหน่อย

Photo by Samsung Memory on Unsplash

3. ปริมาณภาพทั้งหมด?

จริงอยู่ที่ตอนนี้ไม่ใช่ยุคการใช้ฟิล์ม ช่างภาพกดชัตเตอร์รัวๆ สบายๆ แต่เคยคิดไหมคะ ตอนที่ดูรูปเนี่ย จะต้องดูมากมายแค่ไหน ถึงแม้ช่างภาพจะถ่ายเยอะเพราะถ่ายเผื่อก็เถอะ แต่ตอนคุณได้ภาพมาก็จะเนื้อๆ เน้นๆ ไม่เอาน้ำดีกว่าไหม บ่าวสาวหลายคนเคยแชร์ประสบการณ์กับแพรวเวดดิ้งว่า แต่งงานมาจะครบรอบปีแล้วยังดูภาพถ่ายงานแต่งตัวเองไม่หมดเลย ฉะนั้น เราจึงอยากให้คุณลองนึกปริมาณภาพไว้หน่อย เผื่อตอนคุยกับว่าที่ช่างภาพจะได้บอกความต้องการไปได้เวลาช่างภาพถ่ายและส่งงานมาจะไม่เข้าใจตรงกัน

4. มีช่างภาพในใจหรือเปล่า

จะง่ายขึ้นเยอะถ้าคุณมีช่างภาพในใจที่ชื่นชอบผลงานไว้อยู่แล้ว เพราะเขาเหล่านี้จะกลายมาเป็นตัวเลือกแรกให้กับคุณ นั่นเพราะถ้าคุณมีช่างภาพในใจ เราเชื่อว่านอกจากคุณจะตามผลงานของเขาจนมั่นใจได้ว่า เป็นภาพถ่ายที่ตอบคำตอบใน 3 ข้อก่อนหน้านี้ได้แล้ว คุณยังจะต้องแอบสืบราคาของเขามาบ้างใช่ไหมล่ะ ซึ่งนั่นก็จะทำให้คุณตอบคำถามข้อต่อไปของเราได้ค่ะ

5. มีเงินเท่าไหร่

งบประมาณคือตัวตัดสินค่ะ เพราะ 4 ข้อที่ผ่านมาสัมพันธ์กับการจ้างช่างภาพและออเดอร์รูปแบบภาพที่คุณจะได้ ซึ่งทีมช่างภาพจะคำนวณจำนวนทีมงาน อุปกรณ์ และงบประมาณมาให้คุณยังไงละคะ ถ้าได้ข้อสรุปของ 4 ข้อแรกได้แล้ว ตัวฟันธงการเลือกใช้งานช่างภาพคือเรื่อง เงิน ค่ะ กันไว้ในส่วนนี้แค่ไหน เกินงบไปหน่อยแต่ยังสู้ไหม ฯลฯ คุณคือผู้ตัดสินใจในเรื่องนี้

สิ่งที่เราอยากฝากไว้อีกสักนิดคือ เรื่องของความชอบและพึงพอใจที่จะใช้เงินในงานแต่งงาน บางครั้งก็ยากจะเข้าใจ และไม่จำเป็นที่ต้องคิดตรงกับใครต่อใคร ขอเพียงคุณมีความสุขจะเลือกแบบนั้นๆ ก็พอ เพราะนี่คืองานแต่งงานครั้งเดียวในชีวิตของคุณ จงเป็นตัวของตัวเอง เชื่อมั่นในสิ่งที่คิด แล้วภาพเหล่านี้ จะเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยย้อนช่วงเวลาแห่งความสุขของคุณให้กลับมาเสมอ และที่สำคัญ ภาพวันนี้จะถ่ายทอดเรื่องราวจากคุณไปยังลูกหลานได้ดีที่สุด

>> อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานและดูไอเดียงานแต่งเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย <<

5 คำถามที่คู่รักค้องเช็กความพร้อมกันให้ดีก่อนตัดสินใจวางแผนมีลูก

นอกจากการมีลูกจะทำให้ชีวิตคู่ต้องเปลี่ยนเป็นชีวิตคี่แล้ว ยังทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่างๆ อีกมากมาย ดังนั้นความพร้อมจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก หากไม่อยากตัดสินใจพลาด ลองเช็กความพร้อมก่อน วางแผนมีลูก ของคุณทั้งคู่ให้ชัวร์ด้วย  5 คำถามนี้ก่อนตัดสินใจมีลูกนะคะ

  • เป็นความต้องการของคุณทั้งคู่ใช่ไหม

ลูกเป็นสิ่งที่ช่วยเติมเต็มชีวิตคู่ ทำให้ครอบครัวสมบูรณ์ และเป็นความสุขของพ่อแม่ ดังนั้นคงไม่ดีแน่หากการมีลูกเป็นความต้องการของคนใดคนหนึ่งเพียงคนเดียว ควรถามใจกันก่อนว่าคุณอยากมีแล้วเขาอยากมีด้วยไหม อย่าบังคับขืนใจหรือเออออเพื่อตามใจกันเป็นเด็ดขาด เพราะความสุขที่ได้อาจกลายเป็นความสุขที่ไม่สุด หรืออาจกลายเป็นความทุกข์เพราะอีกคนเขาไม่สุขด้วยก็ได้

  • พร้อมแล้วหรือยังกับความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้น

ลองคิดดูคร่าวๆ กันก่อนว่าการมีลูกจะทำให้คุณต้องมีความรับผิดชอบอะไรเพิ่มขึ้นบ้าง อย่างแรกคือความรับผิดชอบต่อลูก เพราะแน่นอนว่าคุณต้องเลี้ยงดูเอาใจใส่เขาอย่างดี อย่างที่สองคือความรับผิดชอบต่อตัวเอง เพราะคุณต้องดูแลตัวเองให้ดีทั้งร่างกายและจิตใจเพื่อจะได้มีแรงเลี้ยงลูกต่อไป คำตอบอาจมีแค่สองข้อ แต่เป็นข้อสำคัญที่ครอบคลุมทุกอย่างไว้ทั้งหมด ดังนั้นคุณจึงต้องถามใจตัวเองให้ดีก่อนว่าพร้อมแล้วหรือยังกับความรับผิดชอบที่จะเพิ่มขึ้นนี้

  • จะรับมือกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นอย่างไร

แน่นอนว่าหนึ่งชีวิตที่เพิ่มขึ้นมาเท่ากับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นคุณทั้งคู่จึงต้องมั่นใจว่าจะสามารถรับมือกับค่าใช้จ่ายต่างๆ ไหว อีกทั้งยังต้องเตรียมใจว่าจะไม่ใช่แค่ระยะเวลาสั้นๆ ที่ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายดังกล่าว เพราะกว่าลูกจะเติบโตจนดูแลตัวเองได้นั้น โดยทั่วไปก็กว่า 20 ปีเลยทีเดียว แถมความหนักหนาสาหัสของค่าใช้จ่ายยังเพิ่มขึ้นตามวัยของลูก ด้วยเหตุนี้คุณทั้งคู่จึงต้องคิดให้ถ้วนถี่ว่าพร้อมจะเหนื่อยหาเงิน และจะมีวิธีการหาเงินอย่างไรให้รองรับกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นได้

  • อายุเท่านี้มีลูกดีไหม

หลายคนใช้อายุเป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจมีลูกด้วยเหตุผลหลายๆ อย่างแตกต่างกันไป บางคนก็กลัวว่าถ้าอายุมากเกินไปจะทำให้มีลูกยากหรือทำให้ลูกมีสุขภาพไม่แข็งแรง บางคนก็กลัวว่าถ้ามีลูกช้าจะทำให้อายุห่างกับลูกมากเกินไปแล้วจะทำให้คลิกกันยาก ซึ่งปัญหาเรื่องสุขภาพนั้นจัดการได้ไม่ยากแล้ว เพราะวิทยาการทางการแพทย์ก้าวไกลไปมาก คุณจะฝากไข่และสเปิร์มไว้ก่อนเพื่อรอความพร้อมด้านอื่นๆ ก็ไม่มีใครว่ากัน แต่สำหรับเรื่องวัยที่ห่างกัน ถ้าคุณรับไม่ได้ที่จะต้องถือไม้เท้าไปงานรับปริญญาลูกก็ลุยปั๊มลูกกันเลย

  • ใครพร้อมจะช่วยเหลือคุณบ้าง

แม้การเลี้ยงลูกจะเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ แต่หากมีใครที่พอจะช่วยแบ่งเบาในยามที่คุณทั้งคู่เหนื่อยล้าจากการเลี้ยงลูกได้บ้างก็คงจะดีไม่น้อย เช่น จำเป็นต้องฝากเพื่อนสนิทดูแลลูกเพราะมีธุระสำคัญ ฝากปู่ย่าเลี้ยงหลานในวันพิเศษที่อยากสวีทกันสองคน เชื่อว่าเหตุการณ์ทำนองนี้ต้องมีแน่ๆ ดังนั้นก่อนจะตัดสินใจมีลูกจึงควรมองหาคนรอบกายที่มั่นใจได้ว่าเขาพร้อมจะช่วยเหลือคุณเสมอ และมั่นใจได้ว่าเขาจะดูแลลูกของคุณได้ดีไม่น้อยไปกว่าคุณ

อ่านบทความเพิ่มเติม

https://praewwedding.com/love-and-relationships/sex-and-relationship/81207

6 สิ่งที่จะเปลี่ยนไปทันทีหลังจากสวมแหวนหมั้นที่ว่าที่บ่าวสาวต้องรับมือ

10 สิ่งห้ามทำเมื่อทะเลาะกับแฟน สติหลุดแค่ไหนต้องประคองให้อยู่

ภาพ : www.glamour.com

ไม่ต้องลังเลเพราะสิ่งดีงามเหล่านี้จะเกิดเมื่อบ่าวสาวจัดพิธีแต่งงานที่วัด

แพรวเวดดิ้งเคยแนะนำ 5 วัดที่อนุญาตให้จัดงานแต่งงานกันได้ไปแล้วใน “ปักหมุด 5 วัดดังที่อนุญาตให้ว่าที่บ่าวสาวจัดงานแต่งงานในวัดได้” มาครั้งนี้ถ้าคุณยังลังเลว่าจะจัดงานแต่งงานที่วัดดีไหมเรามีข้อดีมาฝากเป็นข้อคิดให้ดังนี้ รับรองว่าบ่าวสาวจะตัดสินใจ จัดพิธีแต่งงานที่วัด ได้แบบไม่ต้องลังเลแน่นอน

  • ไม่ต้องยุ่งยากเรื่องการรับส่งพระ

บ่าวสาวหลายคู่ที่จัดพิธีสงฆ์แต่มีปัญหาเรื่องต้องรับส่งพระเป็นรอบๆ เพราะพาหนะไม่พร้อม จะเช่ารถไปรับท่านก็มีงบจำกัด ครั้นให้ท่านมาเองก็กระไรอยู่ ถ้าจัดงานแต่งที่วัด จะไม่ต้องปวดหัวกับเรื่องนี้แน่นอน เพราะคุณไปฝ่ายเดินทางไปหาท่านเพื่อทำพิธีแทน

  • ของจำเป็นในพิธีมีครบ

เมื่อจะต้องทำพิธีสงฆ์ ข้าวของเครื่องใช้ก็ต้องเฉพาะทาง แม้จะจัดที่บ้าน แล้วมีเจ้าหน้าที่จัดแจงให้ก็อาจมีตกๆ หล่นๆ แต่ถ้าไปจัดงานแต่งที่วัดเลย เรื่องนี้หายห่วง เพราะวัดมีครบ คุณเตรียมไปก็เพียงของถวายพระและปัจจัยบำรุงวัดตามกำลังเท่านั้นเอง

  • จำกัดจำนวนแขกไปในตัว

แต่งงานในวัดเหมาะมากๆ กับบ่าวสาวที่ไม่อยากรบกวนแขกให้มาร่วมงานแต่เช้า รงมถึงอยากจำกัดจำนวนแขกอย่างไม่ให้เสียน้ำใจกัน เพราะส่วนใหญ่เมื่อแจ้งว่าจัดพิธีที่วัด จึงเหมือนเป็นการบอกกลายๆ ว่าจำนวนคนจึงต้องถูกจำกัดตามขนาดสถานที่นั่นเอง

  • ไม่เสี่ยงเรื่องการติดโรค

หากอยู่ในภาวะที่มีโรคระบาดใดๆ ก็ตาม การอยู่ในพื้นที่ชุมชนคือความเสี่ยง ดังนั้นการจัดงานแต่งงานที่วัด ซึ่งผู้ร่วมงานมีแต่คนในครอบครัว จะช่วยป้องกันการติดต่อของโรคได้ในทางหนึ่ง นอกจากนี้ เมื่อเป็นคนในครอบครัว เราย่อมสามารสอบถามไทม์ไลน์ชีวิตได้สะดวกใจกว่าคนนอกครอบครัว จริงไหม

  • ได้ความสงบและเป็นสมาธิในช่วงพิธีการอย่างแท้จริง

ปฏิเสธไม่ได้ใช่ไหมคะว่า วัดคือสถานที่มี่สงบ ในการทำพิธีที่วัดซึ่งล้อมรอบไปด้วยความเงียบ ไร้เสียงเพลงจากภายนอกมาป่วนสมาธิ ยิ่งช่วยทำให้บ่าวสาวสัมผัสได้ถึงความศักดิ์สิทธิ์ในพิธี สมาธิที่จะจดจ่อต่อทุกบทสวดและคำอวยพร ซึ่งดีกว่าการจัดงานในบ้านหรือโรงแรมที่มีเสียงแขกเหรื่อคุยกันเสียงดังนั่นเอง

  • ประหยัดค่าใช้จ่ายในเรื่องสถานที่

เพราะวัดคือศาสนสถานที่ไม่มีเรทการเก็บค่าเช่าใช้พื้นที่เหมือนโรงแรมหรือสถานที่จัดงานแต่งงานต่างๆ อยู่แล้ว คุณจึงประหยัดงบประมาณในส่วนนี้ไปได้สบายๆ ส่วนว่ามีกำลังจะถวายปัจจัยบำรุงวัดให้แค่ไหน พระท่านไม่มีบ่นอยู่แล้ว­­

>> อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับพิธีแต่งงานไทยเพิ่มเติม คลิกเลย <<

4 เรื่องพึงระวังชีวิตหลังแต่งงาน ถ้าคุณคือคู่แต่งงานข้าวใหม่ปลามัน

การแต่งงานไม่ใช่ตอนอวสานอย่างในละครหลังข่าว แต่เป็นการเริ่มต้นชีวิตคู่ที่ยังต้องเผชิญกับเรื่องราวต่างๆ อีกมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเปลี่ยนแปลงในช่วง ชีวิตหลังแต่งงาน ที่อาจสร้างความหนักอกหนักใจซึ่งจะมีเรื่องอะไรบ้าง เรานำมาบอกให้รู้กันแล้ว

  • ความคาดหวังในหน้าที่สามีภรรยา

นอกจากการแต่งงานจะเป็นการเปลี่ยนสถานะจากแฟนเป็นสามีภรรยาแล้ว สำหรับบางคนยังถือเป็นการบ่งชี้บทบาทหน้าที่ความเป็นสามีภรรยาที่ชัดเจนขึ้นด้วย ซึ่งนั่นทำให้เขามีความคาดหวังในตัวคุณสูงขึ้นตามไปด้วยเช่นกันดังนั้นอย่าวิตกไปหากหลังจากแต่งงานเขาจะขอให้คุณทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน หรือไม่เช่นนั้นก็เปิดใจคุยกันให้เคลียร์ก่อนแต่งงานเพื่อป้องกันปัญหานี้

  • การเผยตัวตนมากขึ้น

ก่อนตัดสินใจแต่งงานแน่นอนว่าคุณต้องเรียนรู้นิสัยใจกันดีพอในระดับหนึ่ง แต่การแต่งงานจะทำให้คุณได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมากขึ้น ซึ่งนั่นคือช่วงเวลาของการเผยตัวตนที่แท้จริง เพราะทุกคนต่างก็มีข้อเสียที่แอบซ่อนไว้ ดังนั้นอย่าแปลกใจหากเขาจะเผลอทำบางสิ่งที่คุณไม่ชอบใจออกมาบ้าง จงใช้ช่วงเวลานี้ในการเรียนรู้และปรับตัวเข้าหากัน

>> 15 นิสัยผู้ชายแบบนี้ที่ผู้หญิงทุกคนร้องยี้ไม่อยากแม้แต่จะอยู่ใกล้ <<

  • การใช้เงินที่แตกต่าง

ก่อนแต่งงานบางคู่อาจไม่เคยก้าวก่ายเรื่องการใช้เงินกันเลย แต่หลังแต่งงานเรื่องนี้อาจกลายเป็นประเด็นที่สร้างความขัดแย้งได้ ถึงแม้จะตกลงกันว่าจะใช้จ่ายแบบกระเป๋าใครกระเป๋ามันก็ตามที ทั้งนี้เพราะนิสัยการใช้เงินส่งผลต่อความมั่นคงในอนาคต และอย่าลืมว่าการแต่งงานก็คือการตกลงปลงใจที่จะสร้างอนาคตร่วมกันแล้ว

  • ความห่างเหินจากครอบครัวเดิม

ความรู้สึกห่างเหินจากครอบครัวเดิมเป็นอีกหนึ่งความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นหลังจากแต่งงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคู่ที่แยกตัวออกมาสร้างครอบครัวใหม่ เพราะแน่นอนว่าคุณจะโฟกัสไปที่ครอบครัวใหม่มากกว่า แต่อย่าเก็บเรื่องนี้มาคิดให้ว้าวุ่นใจจะดีกว่า เพราะเชื่อเถอะว่าครอบครัวเดิมของคุณต้องพร้อมที่จะเข้าใจอย่างแน่นอน

อ่านบทความเพิ่มเติม

6 สิ่งที่จะเปลี่ยนไปทันทีหลังจากสวมแหวนหมั้นที่ว่าที่บ่าวสาวต้องรับมือ

10 สิ่งห้ามทำเมื่อทะเลาะกับแฟน สติหลุดแค่ไหนต้องประคองให้อยู่

คิดจะแต่งงานกันทั้งที 5 เรื่องต่อไปนี้ต้องคุยกันให้ดีก่อนแต่งงาน

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก www.brides.com, www.relationshipsunscripted.com

มีลูก กันเถอะ! คำชวนทำเอาอีกฝ่ายอึดอัด คู่ไหนยังเคลียร์เรื่องนี้ไม่ได้ มาดูทางออกเรื่องนี้กัน

ต้องยอมรับว่าในปัจจุบันนี้คู่แต่งงานตัดสินใจ มีลูก ด้วยกันน้อยลง ถ้าคู่ไหนตกลงกันได้ว่าจะมี ลูกน้อย หรือไม่มีก็คงไม่เกิดปัญหาหนักใจ ใช้ชีวิตครอบครัวสุขสันต์กันไปตามปกติ แต่คู่ไหนที่ยังเคลียร์กันไม่ลงตัว แบบนี้คงต้องคุยกันยาว แต่จะคุยกันอย่างไรให้เข้าใจกันมากที่สุดว่า เรามีคำแนะนำมาฝาก

เคลียร์ปัญหาอยากคนหนึ่งอยาก มีลูก แต่อีกคนส่ายหน้า ทางแก้อยู่ตรงนี้

Photo by Helena Lopes from Pexels

1. บอกกันตามตรงว่าในอนาคตคุณต้องการมีลูก

เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งที่ควรจะปรึกษากันตั้งแต่ก่อนแต่งงาน คุณควรจะบอกคนรักไปตรงๆ ว่าหลังจากแต่งงานคุณต้องการมีเจ้าตัวน้อยไว้เป็นโซ่ทองคล้องใจ ถ้าเกิดความคิดเห็นของคุณทั้งคู่ไม่ตรงกัน ก็ยังพอมีเวลาให้ได้กลับไปทบทวนว่าจะสามารถแต่งงานและใช้ชีวิตร่วมกันได้โดยไม่มีเรื่องนี้มาคอยกวนใจและทำให้เกิดปากเสียงกันในอนาคตหรือไม่

2. อย่าสร้างความกดดันให้กันเด็ดขาด

เรื่องแบบนี้ เราขอเน้นคำว่า “เข้าใจกันและกัน” ตัวโตๆ เลยค่ะ เพราะแม้จะแนะนำให้คุยกันตรงๆ แต่หากว่าเผลอสร้างความกดดันพูดย้ำๆ เรื่องลูกใส่กันบ่อยๆ มันคงทำให้ความรักความสัมพันธ์ของคุณทั้งคู่ไปไม่สวยเท่าไหร่ ทางที่ดีควรจะเอาใจเขามาใส่ใจเรา เปิดใจรับฟังเหตุผลที่ทำให้เขาไม่อยากมีลูก บางทีเขาอาจจะมีความหลังฝังใจอย่างเช่น เพิ่งสูญเสียลูกคนที่แล้วไปและยังไม่อยากมีลูกคนใหม่ หรืออาจเป็นปัญหาการเงินที่ทำให้เขาคิดว่ายังไม่พร้อมจะดูแลชีวิตน้อยๆ อีกหนึ่งชีวิต ซึ่งปัญหาแบบนี้ต้องค่อยๆ พูด ค่อยๆ ปรึกษา อย่างไรก็อย่าไปเร่งรัดกันเลยนะ

Photo by Katie E from Pexels

3. ให้เวลาเขาหรือเธอได้คิดทบทวน

การพูดคุยเรื่องลูกบางครั้งอาจเกิดความไม่เข้าใจกันบ้าง หากคุณรู้สึกว่าต่างคนต่างเริ่มมีอารมณ์โมโห ก็ควรหยุดพักสักหน่อย เพราะถ้ายังคุยต่อไปคงไม่วายทะเลาะกันและคงไม่มีใครยอมฟังสิ่งที่อีกฝ่ายพูดแน่ๆ ในขณะเดียวกันหากคุณค่อยๆ พูดกันอย่างใจเย็นก็จะสามารถตกลงกันได้ง่ายขึ้น ลองโน้มน้าวให้เขาคิดตามว่าลูกจะไม่เป็นภาระและไม่ทำให้ความสัมพันธ์ของคุณทั้งคู่เปลี่ยนไป และเมื่ออายุมากขึ้นก็จะมีคนคอยดูแลและอยู่เคียงข้างยามแก่เฒ่าด้วย

4. ปัญหาเรื่องเงินต้องเปิดอกคุย

อีกหนึ่งเหตุผลสำคัญที่ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่อยากมีลูกก็คงเป็นเรื่องเงินๆ ทองๆ นี่แหละค่ะ เพราะว่าถ้าจะมีลูกสักคนฐานะการเงินก็ควรที่จะพร้อมดูแลเขาเป็นอย่างดี หากปรึกษากันแล้วว่าวันนี้ยังไม่พร้อมก็อย่าเพิ่งท้อใจหรือตัดใจค่ะ ค่อยๆ จัดการเรื่องการเงินไปทีละนิด เก็บหอมรอมริบ รวมถึงปลดภาระหนี้สินให้หมดก่อนแล้วค่อยวางแผนมีลูกก็คงไม่สายเกินไป ถึงแม้ว่าปีนี้จะยังไม่มีเจ้าตัวน้อยก็ไม่ได้หมายความว่าปีหน้าจะมีไม่ได้นี่คะ จริงไหม?

เรื่องลูกถือว่าเป็นเรื่องสำคัญสำหรับชีวิตครอบครัว ถ้าจะให้ดีควรปรึกษาและนั่งจับเข่าคุยกัน ตกลงกันให้ได้ตั้งแต่ก่อนแต่งงานจะดีกว่า ส่วนใครที่พร้อมในทุกๆ ด้านและพยายามมีเจ้าตัวน้อยอยู่ เราขอเอาใจช่วยให้เขามาอยู่ด้วยไวๆ นะคะ หรือจะมาเช็กกันให้ชัวร์อีกรอบก็ได้นะคะ ตามนี้เลย

อ่านบทความเพิ่มเติม

สารพัดเรื่องที่บุพการีและญาติผู้ใหญ่ควรรู้เมื่อลูกหลานจะแต่งงาน

5 คำถามที่คู่รักค้องเช็กความพร้อมกันให้ดีก่อนตัดสินใจวางแผนมีลูก

https://praewwedding.com/love-and-relationships/sex-and-relationship/64823

ข้อมูล : www.womanitely.com
ภาพ : www.getyourfittogether.org

แต่งงานที่บ้านจะใส่ชุดแต่งงานแบบไหนดี? ใช้ 5 แนวทางนี้ช่วยเลือกได้

เทรนด์การจัดงาน แต่งงานที่บ้าน มีเพิ่มมากขึ้นทุกวันค่ะ แต่สิ่งหนึ่งที่บ่าวสาว (โดยเฉพาะเจ้าสาว) ต้องคิดคือ ชุดที่จะใส่แต่งงาน เพราะด้วยข้อจำกัดของบ้านแต่ละหลังที่มีขนาดต่างกัน รูปแบบงาน ปริมาณแขก ฯลฯ ที่ไม่ได้เออำนวยเหมือนจัดงานแต่งในโรงแรม ทำให้การเลือกชุดแต่งงานต้องคิดมากขึ้นอีกหน่อย  แม้จะแต่งที่บ้านแต่จะแต่งชุดธรรมดาได้หรือ? จะเว่อร์วังไปจะเหมาะไหม? งั้นลองใช้ 5 แนวทางต่อไปนี้ไปประกอบการตัดสินใจค่ะ

  • ชุดอยู่บ้านใส่แต่งงานซะเลย…ดีไหม?

บางคนคิดว่าก็นี่บ้านตัวเอง แขกที่มาก็คนกันเอง ชุดอยู่บ้านก็ไม่น่าจะเป็นไร คุณจะคิดแบบนั้นก็ได้นะคะ แต่ชุดอยู่บ้านของคุณเป้นแบบไหนล่ะ ควรเลือกชุดที่ดูดีกว่าชุดอยู่บ้านในสภาวะวันปกติมาเป็นชุดแต่งงานนะคะ เพราะถือเป็นการให้เกียรติ์แขกที่มาในงานและให้เกียรติ์ครอบครัวอีกฝ่าย ที่สำคัญวันนี้วันพิเศษ แม้คุณจะอยากไม่พิเศษ แต่นิดนึงนะ อย่างน้อยนี่คือวันแห่งความทรงจำดีๆของคุณทั้งคู่

  • ใหญ่ไปก็ไม่ดี เล็กไปก็ไม่เหมาะ

ถ้าคุณอยากจัดงานแต่งที่บ้านโดยใส่ชุดแต่งานแนวเจ้าหญิง แต่ภายในบ้านมีพื้นที่จำกัด ชุดเจ้าหญิงของคุณอาจใหญ่คับบ้านเกินไปดูไม่เหมาะสม แต่ถ้าคุณมีบ้านหลังใหญ่ ถามว่าใส่ชุดเรียบๆ ได้ไหม ก็ได้นะ ไม่ขัดข้อง แต่อย่าลืมเพิ่มความโดดเด่นให้แขกมองแล้วรู้ว่านี่คือเจ้าสาว ไม่อย่างนั้นความเรียบง่ายอาจกลืนคุณไปกับแขกโดยไม่รู้ตัว

  • ใส่กางเกงก็ได้ แต่ไม่ใช่ 3-4 ส่วน

อยากดูสบายๆ แต่มีความพิเศษ ด้วยการเอาคำว่า ‘ใส่ขาสั้นอยู่บ้าน’ มาเป็นธีมงานแต่งได้นะ แต่ขาสั้นสำหรับบ่าวสาว ควรใส่สไตล์ลงไปหน่อย คุณจะใส่ขาสั้นกับเสื้อเบลเซอร์ก็ให้ลุคกึ่งทางการขึ้นมาหน่อย แถมยังดูโก้ดูเท่ห์ และเจ้าสาวยังแอบแฝงความเซ็กซี่เข้าไปด้วยการโชว์เนินอกก็ยังไง หรือคุณจะหยิบมาใส่กับกางเกงเข้ารูปห้าส่วนเจ็ดส่วนก็ยังไง แต่ขอเถอะนะ กางเกงสามส่วนสี่ส่วนที่ใส่ทำสวนอย่าใส่เด็ดขาด แบบนั้นไม่เหมาะ

  • กระโปรงบาน-หางยาว ตัดทิ้งซะ

ถึงคุณจะบอกว่า ชุดฟู่ฟ่องไม่ใส่ก็ได้ ขอชุดยาวๆ หรือบานๆ ได้ไหม คำตอบคือได้นะ แต่ไม่เหมาะและถ้าให้ดี เลี่ยงดีกว่า เพราะความที่เป็นบ้าน อาจมีเฟอร์นิเจอร์ของตกแต่งที่ชายกระโปรงอาจจะไปปัดชนล้มได้ รวมถึงพออยู่ที่บ้านพื้นที่ไม่ได้กว้างขวางขนาดโรงแรม มีโอกาสที่อาหารหรือเครื่องดื่มจะร่วงลงมาละเปรอะได้

  • ใส่ชุดทีมก็ดีนะ

เรียบง่ายและสามัคคี ดูเป็นทีมเดียวกันเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับเลือกใช้ชุดแต่งงานในบ้าน เพิ่มเติมคือ แม้จะทำเสื้อให้ทุกคนใส่เหมือนกันเพื่อแสดงความกลมเกลียวรักกัน แต่เจ้าบ่าวเจ้าสาวอย่าลืมใส่ความพิเศษลงไปสักนิด จะสกรีนเพิ่มเติมให้ดูแตกต่าง หรือเจ้าสาวจะใส่มงกุฏติดดอกไม้คู่ผ้าคลุมผมอะไรก็ว่าไป เวลาถ่ายรูปจะได้รู้ว่านี่งานใคร

>> ดูแบบชุดแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย <<

เปลี่ยนด่วน! 4 นิสัยเห็นแก่ตัว ที่คุณหรือคนรักอาจเผลอทำที่ส่อเค้าทำรักพังไม่รู้ตัว

แพรวเวดดิ้งอยากให้คุณสละเวลาสัก 5 นาที รีเช็คตัวเองกันสักหน่อยว่า คุณมี 4 นิสัยเห็นแก่ตัว นี้อยู่ในตัวหรือเปล่า เพราะทั้ง 4 นิสัยที่เรากำลังจะบอกคุณต่อไปนี้มีคนบ่นมานักต่อนักแล้วว่า มีผลอย่างแรงที่ทำให้รักพังไม่เป็นท่า เพราะเป็นนิสัยที่ส่อแววความเห็นแก่ตัวที่คนรักกันไม่ควรมีต่อกัน

  • พูดในมุมของตัวเอง แต่ลืมคิดในมุมของอีกฝ่าย

ลองสังเกตตัวเองดูนะคะว่า เวลาทะเลาะกันทีไร มีอาการขัดใจกับอีกฝ่ายเมื่อไหร่ หรือแม้แต่เมื่อมีการถกเถียงหาข้อสรุปอะไรก็ตาม คุณพยายามพูดถึงสิ่งที่คิดอย่างเต็มที่ โดยไม่เคยเว้นช่วงจังหวะหรือตั้งสติคิดเลยว่า อีกฝ่ายคิดยังไง ต้องการบอกอะไร เป็นการพูดแต่ในเรื่องของตัวเอง ในมุมของตัวเองอยู่อย่างเดียวเสมอ และหวังแต่เพียงให้คู่สนทนาเข้าใจกับสิ่งที่คุณคิดและเห็นใจในสิ่งที่คุณทำเสมอ และทุกครั้งเวลาที่พูดมักมีคำติดปากว่า เข้าใจกันบ้างสิ เชื่อฉันบ้างสิ หรือแม้แต่ประโยคเด็ดที่ว่า ทำไมไม่คิดถึงเราบ้างเลย อย่าลืมนะคะว่า อีกฝ่ายก็มีความรู้สึก การที่คุณพูดแบบนั้นเข้าข่ายการพูดแต่ในมุมของตัวเองตลอดๆ

  • ละเลยคำว่า ส่วนกลาง’

การอยู่ร่วมกันไม่ว่าจะในฐานะแฟนหรือสามีภรรยา คำว่า ‘ส่วนกลาง’ คือเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะการเริ่มปฏิสัมพันธ์กันเท่ากับคุณยอมรับที่จะมีอะไรบางอย่างเป็นสิ่งที่เรียกว่า ‘ส่วนกลาง’ คือการพร้อมจะแชร์บางสิ่งบางอย่างกับอีกฝ่าย ซึ่งคำว่าส่วนกลางในที่นี่ เราไม่ได้จำกัดความถึงแค่ในเรื่องเงินทองเท่านั้น เรารวมถึง ‘เวลา’ ที่พึงมีให้แก่กัน รวมถึงน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ที่ได้แบ่งปันให้กัน ฉะนั้นคุณต้องรีเช็คตัวเองซะหน่อยว่า คุณได้เฉลี่ยบางสิ่งบางอย่างของคุณมาให้อีกฝ่าย เพื่อให้เจ้าสิ่งนั้นอยู่นฐานะส่วนกลางของความสัมพันธ์หรือเปล่า

  • มุ่งมั่นในความฝันของตัวเอง แต่หลงลืมความฝันของเรา

ถ้าก่อนจะมีใครสักคน คุณมีความฝันของคุณคนเดียวเราก็ไม่ว่ากัน แต่ถ้าคุณมีคนรักแล้วละก็ คุณยังคงยึดมั่นอยู่ในความฝันของคุณเพียงคนเดียวหรือเปล่า แล้วยิ่งถ้าคุณแต่งงานด้วยแล้วละก็ คุณได้เคยหันไปคุยกับคนข้างๆ บ้างไหมง่า ต่างคนต่างมีความฝันอะไรร่วมกันบ้าง และนั่นคือฝันของเราสองคนใช่หรือเปล่า ซึ่งถ้าคุณมองเห็นแล้ว แต่ไม่โฟกัส ยังคงเอาแต่มุ่งมั่นแค่ฝันของคุณคนเดียว แบบนั้นสัญญาณไม่ดีนะคะ รีบเปลี่ยนทัศนคติและเข้ามาสู่จุดร่วมฝันของคุณทั้งคู่โดยเร็ว ก่อนที่อะไรๆ จะสายเกินแก้

  • อยู่แต่สังคมตัวเอง โดยไม่ย่างกรายไปยังสังคมของอีกฝ่าย

นิสัยประเภทเอาแต่เพื่อนตัวเอง ไม่เข้าไปสมาคมกับสังคมเพื่อนของอีกฝ่าย หวังเพียงให้เขาเข้าหาสังคมของคุณเท่านั้น แบบนั้นเข้าข่ายนิสัยเห็นแก่ตัวอย่างเต็มที่เชียวนะคะ เพราะเท่ากับว่าคุณเอาแต่ความคุ้นชิน ความสนุกสนานบันเทิงเริงใจของคุณ ไม่มีความคิดจะปรับตัวหรือลองเรียนรู้โลกของอีกฝ่าย และแย่สุดๆ คือ นิสัยนี้หมายถึงคุณไม่สนเลยว่าอีกฝ่ายต้องทำหน้าที่ปรับตัวมากน้อยแค่ไหน แบบนั้นเป็นนิสัยที่ไม่น่ารักเอาซะเลย และแพรว wedding ถือว่าเป็นนิสัยไม่ดีที่ส่อให้เห็นถึงความเห็นแก่ตัวในการใช้ชีวิตอย่างหนักที่คุณควรรีบเปลี่ยนโดยไว

ไม่ว่าคุณจะมีนิสัยเห็นแก่ตัวในข้อไหนใน 4 ข้อที่เราบอกไป ล้วนเป็นสัญญาณไม่ดีที่ถ้าคุณพบว่า คุณมีอยู่ในตัวละก็ ต้องรีบเปลี่ยนด่วนๆ นะคะ ก่อนที่รักของคุณจะพังโดยกู้คืนลำบาก แล้วเมื่อถึงเวลานั้น จะมานั่งเสียใจกลับตัวใหม่คงไม่ทัน

อ่านบทความเพิ่มเติม

คำถามกวนใจหนุ่มสาวคนโสดในวันรวมญาติพร้อมคำตอบเอาตัวรอด

ข้าวใหม่ปลามันต้องอ่าน! 5 ความเข้าใจผิดในปีแรกของชีวิตแต่งงาน

https://praewwedding.com/love-and-relationships/61743

ภาพ : huzband.wordpress.com

4 เคล็ดลับซ่อนพุงให้อยู่หมัดในชุดแต่งงานชุดเดียวอวบแค่ไหนก็รอด

สาวอวบสาวอ้วนหรือแม้แต่สาวตัวผอมแต่พุงป้องที่มีความต้องการอยากใส่ ชุดแต่งงาน ให้สวยซ่อนพุงให้มิดชิดไม่ใช่เรื่องยาก เคล็ดลับที่เรากำลังจะบอกคุณต่อไปนี้ รับรองได้ว่า คุณไม่ต้องลำบากมาลดน้ำหนักให้หน้าโทรม ไม่ต้องโหมออกกำลังกายทั้งที่ไม่เคยทำมา แถมยังกินอาหารอร่อยๆ ที่ชอบได้แบบไม่ต้องคอยเบรค

ใส่แล้วดูดี กับเคล็ดลับซ่อนพุงใน ชุดแต่งงาน

แพรวเวดดิ้งมี 4 เคล็ดลับช่วยพรางพุงให้กับเจ้าสาวที่ Enjoy Eating โดยไร้ความกังวลว่าใส่ชุดแต่งงานแล้วจะไม่สวย หน้าท้องน้อยๆ จะนูนออกมานิดหน่อยจนเสียความมั่นใจ ลองทำตาม 4 วิธีนี้ อาจไม่ช่วยให้พุงหายไป แต่รับรองว่าจะพรางสายตาให้คุณสวยและเฉิดฉายในวันสำคัญ

ชุดแต่งงาน

เคล็ดลับที่ 1

เลือกชุดเจ้าสาวที่มีเข็มขัดคาด เพื่อให้เข็มขัดนั้นช่วยทำให้คุณดูมีเอว มีความโค้งเว้าแม้จะไม่ถึงกับเป็นเอวเอสหรือคอดเล็กแบบเอวนาฬิกาทราย แต่คุณจะอวบอิ่มในแบบที่ยังเป็นคุณ แต่เพิ่มเติมคือรูปร่างอวบแบบสมส่วนและมีทรวดทรงขึ้นมาด้วยเข็มขัดเส้นเดียว ข้อควรระวังมีเพียงอย่างเดียวคือการเลือกขนาดความกว้างของเข็มขัด ต้องกำลังพอดีกับส่วนสูงของคุณ ไม่ใช่เส้นเล็กจิ๋วจนหายไปกับเอวหรือใหญ่หนาเกินไปจนเป็นคืบ และเมื่อคาดเข้าเอวเมื่อไหร่ ก็ต้องไม่คาดจนแน่นเกินเหตุ ประเดี๋ยวดูจงใจรัดเอวจนเกินจำเป็น

ชุดแต่งงาน

เคล็ดลับที่ 2

ถ้าอยากพรางพุงอย่าล่อเป้าด้วยชุดเจ้าสาวเข้ารูปอย่างชุดเมอร์เมดโดยเด็ดขาด ขอให้เลือกชุดเจ้าสาวพรางพุงแบบเนียนๆ นั่นคือทรงเอ็มไพร์ที่โดดเด่นที่การรัดใต้อกแล้วทิ้งช่วงล่างลงมาจรดข้อเท้า หรืออาจเลือกทรงเอไลน์ที่ทรงกระโปรงบานออกแต่ไม่บานเกินไปถึงขนาดทรงเจ้าหญิง และสองทรงนี้ยังช่วยทำให้คุณดูชลูด ไม่ออกข้าง เรียกได้ว่าปลอดภัยทั้งความกว้างและความยาวในภาพรวม

ชุดแต่งงาน

เคล็ดลับที่ 3

เลือกชุดที่มีขนาดพอดีกับรูปร่างจริงๆ เพราะบางคนคิดว่าคนอวบอ้วนมีพุงต้องใส่ชุดเล็กๆ จะได้ช่วยรัดเนื้อหนังมังสาให้ดูกระชับขึ้น หากเลือกชุดแบบพอดีตัวเกินไป สิ่งที่เกิดขึ้นคือความอึดอัด ไม่พอดีตัว จะขยับไปไหนก็ลำบาก ฉะนั้นอย่าให้ขนาดชุดเล็กๆ มาสร้างความไม่สบายตัวให้คุณในทุกย่างก้าวเด็ดขาด

ชุดแต่งงาน

เคล็ดลับที่ 4

หลีกเลี่ยงชุดแต่งงานที่ทำจากผ้าที่มีความหนาและมีความมันวาว ยิ่งมากับสีขาวสว่างตาสุดๆ ยิ่งต้องห้ามคิดถึงเด็ดขาด เพราะจะยิ่งทำให้ภาพรวมของคุณดูอวบขึ้นแบบบวกๆ โดยเฉพาะตรงพุงที่อยากซ่อนให้มิด จะกลายเป็นจุดเด่นโดดเด้งมาสะดุดตาได้ง่ายขึ้น ทางที่ดีใช้สีงาช้าง สีขาวนวลๆ เพื่อให้มิติสีช่วยพรางตาจะดีกว่า

ลองนำเคล็ดลับทั้ง 4 ข้อนี้ไปใช้ในการตัดสินใจเลือกชุดเจ้าสาวดูนะคะ รับรองได้ว่า คุณจะซ่อนพุงได้มิดโดยไม่ต้องเหนื่อยวางตารางออกกำลังจนท้อใจอย่างแน่อน

>> ดูแบบชุดแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย <<

รู้ก่อนแก้ก่อน 7 เหตุสร้างความปั่นป่วนปัญหาเรื่องเงินที่คู่รักต้องระวัง

หนึ่งในปัญหาสุดฮิตที่แทบทุกคู่รักต้องเผชิญคงหนีไม่พ้น ปัญหาเรื่องเงิน ต่อให้คุณจะตกลงกันว่าแต่งแล้วแยกกระเป๋าใครกระเป๋ามัน หรือรวมเงินไว้กองกลางก็ยังไม่วายเกิดปัญหาจนได้ แต่สาเหตุของปัญหาเรื่องเงินๆ ทองๆ จะมีอะไรบ้าง ตั้งสติแล้วเริ่มอ่านกันเลยค่ะ

1. เอาแต่ใช้ไม่เคยเก็บ

ถ้าเกิดคุณทั้งคู่เป็นคนที่มีเงินเท่าไหร่ก็ใช้หมดเรียบ แบบนี้จะไม่เกิดปัญหาได้อย่างไร หากมีเหตุฉุกเฉินจำเป็นต้องใช้เงิน แต่ไม่มีเงินเก็บไว้สำรองจ่ายแบบนี้แหละจะทำให้คู่ของคุณทะเลาะกัน

2. รูปแบบการใช้เงินที่ต่างกัน

รูปแบบการใช้เงินที่ต่างกันไม่ได้หมายความว่าคนหนึ่งสุรุ่ยสุร่ายและอีกคนขี้เหนียวมาก จะทะเลาะกันอย่างเดียว เพราะคู่รักบางคู่ที่เป็นมนุษย์ประหยัดก็มีสิทธิไม่ลงรอยได้เช่นกัน เนื่องจากคนหนึ่งประหยัดไปซะทุกอย่างสิบบาทยี่สิบบาทก็ประหยัด แต่อีกคนรู้จักประหยัดให้ถูกเรื่อง แค่นี้ถ้าคุณคุยกันไม่ลงตัวก็ทำให้มีปากเสียงกันได้

3. ยืมไปทั่วมั่วให้ยืม

การยืมเงินหรือการให้คนในครอบครัวยืมไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ พี่ น้อง ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ถ้ายืมแล้วไม่คืนตามที่ตกลงกันไว้ ความเดือดเนื้อร้อนใจจะย้อนกลับมาทำให้คุณทั้งคู่ทะเลาะกันเอง เพราะฉะนั้นก่อนที่จะให้ใครหยิบยืมเงินก็ต้องคิดให้รอบคอบว่ามันจะกระทบต่อความสัมพันธ์หรือไม่ และที่สำคัญต้องเจรจากันให้ชัดเจนจะได้ไม่ต้องทะเลาะกันทีหลัง

4. นิสัยชอบซุก ชอบหงุบหงิบ

ความซื่อสัตย์เป็นพื้นฐานที่สำคัญของชีวิตคู่ ถ้าแอบมีอะไรลับลมคมนัย แอบซื้อนุ้นซื้อนี่แล้วไม่บอกอีกฝ่าย หรือบางรายที่ร้ายกาจสุดๆ จะซื้ออะไรบอกทุกอย่างแต่ราคาเนี่ยคิดเอง บางคนตัดปัญหาด้วยการหงุบหงิบเงินไว้ซะเลย อยากซื้ออะไรหรือจะไปไหนไม่ต้องขอไม่ได้ต้องบอก แต่ !! ความลับไม่มีในโลกนะจ๊ะ ถ้าโดนจับได้ขึ้นมามีหวังโลกแตกแน่นอนค่ะ

5. เก็บงำปัญหา

ปัญหาไม่ได้มีไว้แบกคนเดียวนะ ไม่ว่าจะเป็นหมุนเงินไม่ทัน ครอบครัวจำเป็นต้องใช้เงิน ถ้าคุณไม่ปรึกษาคู่รักของคุณเพียงเพราะไม่อยากมีปัญหาไม่อยากทะเลาะและเลือกที่จะแก้ปัญหาด้วยโดยการกู้หนี้ยืมสิน นั่นเป็นวิธีที่ไม่ถูกต้องเลยค่ะ เพราะมันจะยิ่งทำให้เรื่องบานปลายและทำให้ทะเลาะกันหนักกว่าเดิม ทางที่ดีปรึกษาหาทางออกร่วมกันน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดนะคะ

6. หนี้พนัน

การมีหนี้สินนำมาซึ่งความเครียดโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากติดหนี้พนัน และไม่มีสามารถที่จะจ่ายหนี้นั้นๆ ได้ทำให้คู่รักหลายคู่ทะเลาะจนส่งผลให้เลิกรากันมานักต่อนัก แต่ถ้ามันเกิดขึ้นแล้วคนสองคนควรคุยกันปรึกษาและหาทางออกร่วมกัน ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดหนี้ ใครติดพนันให้เลิกขาด แต่ทางที่ดีไม่ยุ่งเกี่ยวกับการพนันจะดีกว่านะจ๊ะ

7. เงินสำคัญกว่าความรัก

ใครคิดว่าการใช้ชีวิตคู่จำเป็นต้องมีเงินเป็นตัวแปรหลัก ขอบอกเลยว่าคิดผิดนะจ๊ะ บางคู่ให้ความสำคัญกับเงินเกินไปจนเป็นเหตุให้ต้องเลิกราจากกัน หรือวันนี้คุณรักเขาเพราะเขามีเงิน แต่ถ้าวันใดเขาไม่มีเงินจุนเจือคุณจะโกรธและบอกเลิกเขาอย่างนั้นหรือ? แบบนี้ก็คงไม่ได้เรียกว่าความรัก แต่คงเป็นความเห็นแก่เงินเสียมากกว่า สุดท้ายก็ไปกันไม่รอดอยู่ดี

ตอนนี้เราก็รู้กันแล้วนะคะ ว่า 7 ประเด็นไหนบ้างที่ทำให้คู่รักทะเลาะกันเพราะเรื่องเงิน เราหวังว่าสิ่งเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นกับคู่ของคุณนะคะ หรือถ้าหากเกิดไปแล้วก็สามารถแก้ไขได้โดยการปรับมุมมองเกี่ยวกับการใช้เงินของคุณและคนรักให้อยู่ในทิศทางเดียวกัน แล้วเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ จะไม่กลายเป็นปัญหาระหว่างพวกคุณอีกต่อไป

อ่านบทความเพิ่มเติม

วางแผนให้เป๊ะตามนี้ พร้อมข้อควรรู้ก่อนคิดวางเงินเตรียมซื้อเรือนหอ

เปลี่ยนด่วน! 4 นิสัยเห็นแก่ตัว ที่คุณหรือคนรักอาจเผลอทำที่ส่อเค้าทำรักพังไม่รู้ตัว

https://praewwedding.com/love-and-relationships/sex-and-relationship/21397

ภาพจาก : mikeandsusandawson.com