เทคนิค จัดงานแต่งริมทะเล ให้เหมือนมืออาชีพมาจัดให้ไม่ยากอย่างที่คิด

จัดงานแต่งริมทะเล ถ้ารู้เทคนิคก็ทำได้ไม่ยากอย่างที่คิด

บ่าวสาวที่ฝันอยาก จัดงานแต่งริมทะเล เหมือนในหนังรักสุดโรแมนติก แต่ยังไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหน และไม่รู้ต้องเตรียมงานอย่างไร แพรวเวดดิ้งจะมาช่วยแนะนำให้คุณได้เตรียมงานอย่างมืออาชีพ ตามนี้เลย

  • ต้องเชิญแขกเท่าไหร่ถึงจะพอดี : จำนวนแขกที่เหมาะสมสำหรับงานแต่งริมทะลคือ 50-100 คน
  • ช่วงเดือนและเวลาที่เหมาะกับการจัดงานแต่งริมทะเล

เดือนที่เหมาะกับการจัดงานแต่งริมทะเลที่สุดได้แก่ มกราคม-กุมภาพันธ์ เพราะอากาศดี ไม่ร้อน ไม่มีฝน  และลมไม่แรงมาก ส่วนช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการจัดพิธีช่วงเช้าคือ 7.00 – 9.00 น. ช่วงเย็นคือ 15.00 – 17.00 น. ส่วนช่วงเวลาสุดโรแมนติกที่บ่าวสาวจะสามารถเก็บภาพประทับใจจากแสงธรรมชาติได้สวยที่สุดคือ 1 ชั่วโมงก่อนพระอาทิตย์ตกดิน เพราะจะได้ภาพแสงสีทองของดวงอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า โอย แค่คิดก็ฟินเว่อร์

  • จะตกแต่งบรรยากาศงานแต่งริมทะเลอย่างไรให้โดดเด่น

ข้อนี้ไม่ต้องคิดมากให้ปวดหัวเลยค่ะ เพราะงานแต่งงานริมทะเลนั้น บ่าวสาวได้กำไรจากธรรมชาติล้วนๆ โดยที่ไม่ต้องเพิ่มการตกแต่งใดๆ ให้มากมาย เพราะท้องฟ้า หาดทราย และผืนน้ำสีครามนั้น เปรียบเสมือนแบ็กดร็อปของงานที่สวยงามโดยไม่ต้องปรุงแต่งให้เปลืองแรง แต่ถ้าบ่าวสาวอยากเพิ่มสีสันให้กับงานแต่งมากกว่านี้ก็สามารถเพิ่มดีเทลอย่าง ม้านั่งดีไซน์เก๋ๆ เพิ่มเทียนเพื่อความโรแมนติกยามค่ำคืน แจกันดอกไม้เพื่อให้งานดูสดชื่นโดยอาจจะเน้นเป็นดอกกล้วยไม้ หรือดอกคาลล่าลิลี่ที่ทนอากาศร้อนของเมืองไทยได้เป็นอย่างดี พร้อมเติมริบบิ้นให้พลิ้วไปกับแรงลม แล้วเสริมการตกแต่งด้วยเปลือกหอยให้เข้ากับธีมงานสักนิดเป็นอันจบ

จัดงานแต่งริมทะเล

ส่วนโทนสีที่จะช่วยให้งานแต่งริมทะเลโดดเด่นก็คือ โทนสีส้มอมแดง (Coral) และสีเขียวมิ้นต์ แถมบ่าวสาวยังสามารถนำสีโทนนี้ไปแมตช์กับชุดเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวได้อีกด้วย

  • รูปแบบของอาหารและเครื่องดื่มภายในงาน

อาหารที่เสิร์ฟให้แขกในช่วงพิธีนอกจากซอฟต์ดริ้งค์แล้ว ก็ควรที่จะมีอาหารรองท้องเบาๆ สไตล์ Finger Food หรืออาหารที่ใช้นิ้วมือหยิบกินได้ ซึ่งก็ต้องเลือกให้แมตช์กับแขกส่วนใหญ่ที่บ่าวสาวเชิญมาด้วย

  • เรื่องไหนที่บ่าวสาวต้องให้ความสำคัญและระวังอย่าให้พลาด

– ก่อนอื่นบ่าวสาวต้องทำความเข้าใจก่อนนะคะว่า การจัดงานแต่งริมทะเลไม่เหมือนการจัดงานในห้องบอลรูม เพราะฉะนั้นควรจะจัดงานแบบหันหน้าออกไปทางหาดเพื่อจะได้เห็นความงามของหาดทราย สายลม และแสงแดดแบบพานอรามา

– ต้องระวังและห้ามพลาดก็คือเรื่อง ลม เพราะฉะนั้นต้องเช็กให้ชัวร์ว่าไมโครโฟนที่จะใช้ในงานนั้นสามารถจัดการกับเสียงลมและเสียงแทรกได้อย่างอยู่หมัดหรือไม่ ไม่ใช่ว่ากำลังพูดซึ้งอยู่แต่แขกดันฟังไม่รู้เรื่อง แบบนี้ก็หมดอารมณ์โรแมนติกนะคะ

– ชุดของเจ้าบ่าวเจ้าสาวก็ไม่ควรเลือกชุดที่เนื้อผ้ามีความหนาหรือหนัก โดยเฉพาะชุดของเจ้าสาวไม่ควรเลือกชุดที่ประดับลูกไม้เยอะเกินไป เลือกเป็นผ้าพลิ้วไหวให้รับกับแรงลมจะดีกว่า ส่วนทรงผมก็ควรเกล้าให้เรียบร้อยจะได้ไม่บดบังใบหน้าอันมีความสุขในช็อตสำคัญ

– หากบ่าวสาวมีงบเหลือประมาณหนึ่ง อาจจะเพิ่มแอร์เคลื่อนที่วางไว้ตามจุดต่างๆ รอบงาน เพราะอากาศเมืองไทยถึงแม้จะไม่ใช่หน้าร้อน แต่มันก็ร้อนอยู่ดีนะจ๊ะ

– เรื่อง แสง ก็สำคัญ เพราะงานฉลองมักล่วงเลยกินเวลาไปจนถึงช่วงค่ำ เพราะฉะนั้นการใช้โคมไฟหรือเทียนในโทนสีวอร์มมาตกแต่งตามทางเดิน ต้นไม้ และโต๊ะ ก็จะช่วยเพิ่มความโรแมนติกให้กับบรรยากาศงานได้เป็นอย่างดี

– สิ่งสุดท้ายที่ห้ามลืมและต้องคำนึงให้ดีคือ ที่พักสำหรับแขก เพราะแขกที่มาร่วมงานส่วนใหญ่อาจจะไม่สามารถขับรถไปเช้า-เย็นกลับได้ ในฐานะเจ้าภาพจึงควรที่จะจัดเตรียมที่พักไว้ให้พร้อม โดยเฉพาะสำหรับแขกผู้ใหญ่ เพราะฉะนั้นบ่าวสาวอาจจะคุยเรื่องข้อตกลง หรือโปรโมชั่นห้องพักกับทางโรงแรมให้ละเอียด เผื่อทางโรงแรมหรือสถานที่มีโปรโมชั่นดีๆ จะได้ไม่พลาดแถมจะได้ประหยัดงบด้วย

– เรื่องฟ้าฝนถึงแม้จะเช็กมาดีแค่ไหน แต่ก็อาจจะไม่เป็นใจในวันงาน! เพราะฉะนั้นแผนสำรองต้องมี บ่าวสาวอาจจะต้องรีเช็กสภาพอากาศตลอดเวลา และต้องคุยกับทางโรงแรมหรือสถานที่ว่าหากฝนตกจะมีการย้ายไปยังห้องจัดเลี้ยงอินดอร์ที่ใกล้ที่สุดแทนหรือไม่ ซึ่งในส่วนนี้ก็ต้องตกลงกันให้ดีก่อนเซ็นสัญญานะจ๊ะ

สามารถไปดูเทคนิคจัดงานแต่งริมทะเลให้ปังเพิ่มเติมได้ที่ 7 ข้อเท็จจริงที่ต้องรู้ถ้าคิดจะจัดงานแต่งริมทะเล

ภาพ pexels.com

Best of 2019 ที่สุดของ ชุดไทยแต่งงานประยุกต์ และเครื่องประดับเพชรที่เจ้าสาวคู่ควร

ว่าที่เจ้าสาวที่กำลังมองหาชุดแต่งงานไทยแบบที่มีความสวยงามไม่ซ้ำใครและเครื่องประดับเพชรสำหรับสวมใส่คู่กับชุดแต่งงานในยามค่ำคืน แพรวเวดดิ้งขอแนะนำ ชุดไทยแต่งงานประยุกต์ จากร้าน Vanus Couture ที่มีดีไซน์สวยงามดูดีมีเอกลักษณ์เหมาะสำหรับสวมใส่ในวันสำคัญของชีวิต และเครื่องประดับจากร้าน Vijittra’s Jewellery ที่เป็นเครื่องประดับสไตล์แฮนด์เมดที่จะช่วยเสริมลุคเจ้าสาวให้ดูสง่างามในวันวิวาห์

The Best Thai Wedding Dress

Vanus Couture

ชุดไทยแต่งงานประยุกต์
ชุดไทยแต่งงานประยุกต์ จากร้าน Vanus Couture

ชุดแต่งงานไทยชุดนี้ Vanus Couture เลือกผ้าไหมแพรวาเกรดดีที่สุด มาตัดเย็บโดยเป็นการผสมผสานรูปแบบชุดแต่งงานภาคต่างๆ ไว้ด้วยกัน ตัวเสื้อตัดเย็บจากผ้าลูกไม้ฝรั่งเศสอย่างดีตามอย่างเสื้อของภาคใต้ ส่วนผ้านุ่งเป็นผ้าไหมแพรวาจากภาคอีสาน จังหวัดกาฬสินธุ์ รวมถึงมีสไบของภาคกลาง จนได้เป็นชุดไทยรูปลักษณ์ใหม่ แต่ยังคงมีความสวยงามและเหมาะสมกับเจ้าสาวยุคใหม่ที่จะใช้สวมใส่ในวันแต่งงาน

ชุดแต่งงานไทยจากร้าน Vanus Couture ชุดนี้ เรียกได้ว่าทรงคุณค่าแก่การสวมใส่ในวันสำคัญที่สุด เพราะเป็นหนึ่งในชุดไทยไม่กี่ชุดและเป็นชุดแรกของร้านที่ใช้ผ้าไหมแพรวาซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น “ราชินีแห่ง ผ้าไหมไทย” ในการตัดเย็บทั้งหมด

ชุดไทยแต่งงานประยุกต์

ผ้าไหมแพรวาเป็นผ้าไหมที่มีเอกลักษณ์ชัดเจน โดดเด่นด้วยสีสันสดใสที่หลากหลาย มีเทคนิคการทอแบบพิเศษไม่ใช้อุปกรณ์เป็นตัวช่วย แต่จะใช้นิ้วก้อยจกเกาะเกี่ยวและสอดเส้นไหมสีซึ่งเป็นเส้นพุ่งพิเศษแล้วผูกเก็บปมเส้นด้ายด้านบนเพื่อให้เกิดเป็นลวดลาย ซึ่งคุณค่าของผ้าไหมแพรวาขึ้นอยู่กับสี หากใช้สีเยอะจะยิ่งมีมูลค่า โดยผ้าไหมเกรดดีที่สุดจะใช้ประมาณ 10 สี ที่สำคัญลายผ้าไหมแพรวาแต่ละผืนจะมีแค่หนึ่งเดียวเท่านั้นไม่สามารถทอลายเดิมใหม่ได้อีก เพราะลายบนผ้าเกิดจากจินตนาการของผู้ทอแต่ละคนที่แตกต่างกันออกไป

ต่างหูเจ้าสาวดีไซน์ร่วมสมัยผลิตจากกระดาษให้เป็นรูปทรงของ “กลีบดอกราชพฤกษ์” หมายถึงความเจริญรุ่งเรือง โดดเด่นด้วยกลิ่นหอมพิเศษจากการผสมกลิ่นดอกไม้ไทย 3 กลิ่นเข้าด้วยกัน ซึ่งเจ้าสาวสามารถเลือกกลิ่นเองได้จนได้เป็นกลิ่นหอมพิเศษเฉพาะตัวของเจ้าสาวเท่านั้น

Editor’s Note

“ผ้าไหมแพรวาที่ร้าน Vanus Couture นำมาตัดเย็บใช้เวลาในการทอประมาณ 7 เดือน โดยดีไซเนอร์ได้ออกแบบและตัดเย็บอย่างประณีต พิถีพิถัน ใช้ทุกเซนติเมตรของผ้าอย่างคุ้มค่ามากที่สุด จึงทำให้คุณค่าของผ้าไหมแพรวายังคงอยู่อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ถือได้ว่าชุดแต่งงานชุดนี้นอกจากจะมีรูปแบบที่สวยงามร่วมสมัยแล้ว ยังมีคุณค่าแก่การสวมใส่ในวันสำคัญ ซึ่งร้าน Vanus Couture ออกแบบและตัดเย็บออกมาได้สมศักดิ์ศรีของความเป็น Queen of Silk อย่างแท้จริง”

ชุดไทยแต่งงานประยุกต์

Reviews
สายป่าน – อภิญญา สกุลเจริญสุข

“ก่อนหน้านี้ป่านเคยถ่ายแบบชุดแต่งงานไทยแบบเต็มยศกับร้าน Vanus Couture มาก่อน รู้สึกประทับใจมากเพราะสามารถเปลี่ยนลุคป่านให้กลายเป็นแม่หญิงไทยไปเลย พอจะแต่งงานก็เลยนึกถึงร้านนี้ ซึ่งก็ได้แชร์ไอเดียกันว่าป่านอาจจะไม่เหมาะกับชุดไทยจ๋าขนาดนั้น โจทย์คือจะทำยังไงให้ชุดที่ออกมาเป็นป่านมากที่สุด และพิธีแต่งงานของป่านมีทั้งแบบไทยและจีนซึ่งป่านไม่อยากเปลี่ยนชุดเพราะลำดับขั้นตอนค่อนข้างเยอะอยู่แล้ว อยากให้ทุกอย่างง่ายและสบายที่สุด พี่สรรค์ (คุณสรรค์ สุดเกตุ) จึงออกแบบชุดที่สามารถใส่ได้ทั้งสองพิธีไว้ให้ในชุดเดียว โดยถอดแค่สไบออกก็สามารถเปลี่ยนลุคได้ และป่านเป็นคนไม่ชอบลายปักเยอะๆ จึงเลือกใช้ผ้าไหมปักธงชัยที่มีความสวยงามในตัวอยู่แล้วมาตัดเย็บ โดยชูผ้าให้เด่นขึ้นด้วยดีไซน์ของชุดเป็นหลัก

“ป่านชอบชุดตั้งแต่เป็นภาพสเก็ตช์แล้ว พอได้เห็นชุดจริงๆ เลยประทับใจมาก รู้สึกว่านี่แหละคือสิ่งที่เราอยากได้ ป่านชอบความครีเอตของเขาที่ทำให้เราเป็นเจ้าสาวที่ดูดีและดูเป็นตัวเองมากที่สุด ชอบที่เขาจับคาแร็กเตอร์เด่นๆ ของเราและฟังว่าเราอยากได้ประมาณไหน อีกอย่างที่ประทับใจคือการเปิดกว้างเรื่องดีไซน์ ร้านนี้จึงเหมาะสำหรับเจ้าสาวที่มีความยูนีคหรือเจ้าสาวที่ต้องการชุดแต่งงานที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งร้าน Vanus Couture สามารถทำตรงนี้ได้ดีทีเดียวค่ะ”

Vanus Couture
ร้านตั้งอยู่ปากซอยลาดพร้าว 50 
โทร. 0-2002-4895,0-2002-4896
เฟซบุ๊ก : Vanus Couture
ไอจี : @vanuscouture_official

 

The Best Bridal Jewelry

Vijittra’s Jewellery

Vijittra’s Jewellery เป็นร้านเพชรที่มีชื่อเสียงและ ได้รับการยอมรับจากลูกค้ามากที่สุดในเรื่องตัวเรือนที่ประณีตเรียบร้อยและอ่อนช้อยสวยงาม ซึ่งในการผลิตชิ้นงานทุกชิ้นยังคงใช้ฝีมือคนล้วนๆ หรือที่เรียกว่าการผลิตแบบแฮนด์เมดจากประสบการณ์กว่า 40 ปีของช่างผู้ชำนาญที่สร้างสรรค์ผลงานตัวเรือนให้เจ้าบ่าวและเจ้าสาวรู้สึกถึงความแตกต่างที่เหนือกว่าได้ทันที ที่สำคัญเพชรทุกเม็ดยังถูกคัดสรรให้ได้คุณภาพที่ดีที่สุดโดยนักอัญมณีศาสตร์สถาบัน GIA ด้วยความสวยงามและมีคุณภาพนี่เองจึงทำให้ร้าน Vijittra’s Jewellery ยังคงอยู่ในใจบ่าว-สาวมาอย่างยาวนาน

ความสวยงามและจุดเด่นของเครื่องประดับสไตล์แฮนด์เมดของ Vijittra’s Jewellery คือการที่ช่างจะวัดขนาดเพชรทีละเม็ดและขึ้นรูปตามแบบด้วยสองมือล้วนๆ ก่อนนำแต่ละชิ้นมาประกอบเข้ากันอย่างประณีต ซึ่งถือว่าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของที่ร้านทำให้ชิ้นงานมีความละเอียดอ่อน สวยงามอ่อนหวานเป็นธรรมชาติ และมีเสน่ห์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวจนเป็นที่ยอมรับในวงกว้างและตรงใจลูกค้าอยู่เสมอ เรียกได้ว่าเป็นเครื่องประดับชิ้นพิเศษระดับมาสเตอร์พีซที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลกก็ว่าได้

อย่างเช่น จี้เพชรดอกกล้วยไม้ผลงานศิลปะระดับมาสเตอร์พีซที่ร้าน Vijittra’s Jewellery ตั้งใจสร้างสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษ สามารถใช้เป็นจี้สวมคู่กับสร้อยเพชร หรือจะเปลี่ยนมาเป็นเข็มกลัดสำหรับวาระพิเศษอื่นๆ ก็ได้ โดยผลงานชิ้นนี้ใช้เวลาทำนานกว่า 2 เดือน โดยช่างขึ้นแบบจากดอกกล้วยไม้ของจริงจึงมีความอ่อนช้อยนุ่มนวลเป็นพิเศษหรูหราด้วยทับทิมพม่า 591 เม็ด พลอยสีเขียว Tsavorite Garnet 53 เม็ด และ เพชร E Color/VVS ทั้งหมด 123 เม็ดบนตัวเรือนทองคำขาวสุดหรูน้ำหนัก รวม 31.62 กะรัต

เพราะฉะนั้นคงไม่ผิดถ้า แพรว wedding จะบอกว่า Vijittra’s Jewellery ถือเป็นร้านเพชรท็อปลิสต์อันดับต้นๆ สำหรับว่าที่บ่าว-สาวที่กำลัง มองหาเครื่องประดับสไตล์แฮนด์เมด ทั้งแหวน สร้อยคอ ต่างหู และกำไล ที่ควรค่าสำหรับโอกาสสำคัญในชีวิตของเจ้าบ่าว-เจ้าสาว รวมไปถึงทุกคนที่รักในเครื่องประดับที่สวยทุกเหลี่ยมมุม อย่างแท้จริง

Editor’s Note

“ว่าที่บ่าว-สาวที่กำลังมองหาแหวนแต่งงานหรือเครื่องประดับแบบครบเซตสำหรับวันสำคัญ ร้านเพชร Vijittra’s Jewellery ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีร้านหนึ่ง เพราะเครื่องประดับทุกชิ้นได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน ใส่ใจทุกรายละเอียดตั้งแต่เรื่องความเหมาะสมของดีไซน์กับขนาดของเพชรและสไตล์ของผู้สวมใส่จึงทำให้เครื่องประดับแต่ละชิ้นมีสไตล์เป็นของตัวเอง มีเอกลักษณ์ที่ยากจะมีใครลอกเลียนแบบได้ พร้อม คุณภาพที่อัดแน่นจากฝีมือของช่างล้วนๆ ยิ่งทำให้เครื่องประดับชิ้นนั้นมีมูลค่าสำหรับผู้ได้รับมากยิ่งขึ้น”

Reviews
คุณโอม – ธนา ประดิพัทธ์นฤมล

“ผมไปเจอร้านเพชร Vijittra’s Jewellery ที่สาขาเดอะมอลล์ บางกะปิ ซึ่งตอนที่เข้าไปที่ร้านพนักงานบอกว่าสามารถชมดูก่อนได้ สอบถามว่าเราชอบแบบไหน ถ้าเราอยากให้ปรับตัวเรือนเป็นแบบไหน ตรงไหน เขาสามารถทำให้เหมาะกับเราได้มากที่สุด พนักงานไม่กดดันให้เราต้องตัดสินใจซื้อในครั้งแรก ให้ลองดูหลายๆ ร้านก่อนก็ได้ ซึ่งสุดท้ายก็ไม่มีร้านไหนที่ผมรู้สึกชอบเท่ากับร้านนี้เลยครับ

“ผมประทับใจในเรื่องการให้บริการของที่ร้านเพราะพนักงานให้คำแนะนำดีมากๆ ให้โอกาสเราเลือกให้มากที่สุด และเครื่องประดับก็มีดีไซน์ที่สวยงาม สวมใส่ได้ง่าย และมีราคาจับต้องได้โดยที่เรายังได้ของดีมีคุณภาพ ที่สำคัญเครื่องประดับที่ร้านนี้สวยงามสมกับชื่อร้าน ‘วิจิตรา’ จริงๆ ครับ”

Vijittra’s Jewellery
โทร. 06-1614-5096
ไลน์ : @Vijittra
ชั้น 3 เซ็นทรัล ลาดพร้าว โทร. 0-2103-4008
ชั้น 1 ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต โทร. 0-2958-0598
ชั้น 1 เจ.เจ.มอลล์ โทร. 0-2265-9618
ชั้น 1 เดอะมอลล์ บางกะปิ โทร. 0-2363-3044
ชั้น 1 เดอะมอลล์ บางแค โทร. 0-2454-9159
ชั้น 2 แฟชั่นไอส์แลนด์ โทร. 0-2116-4889Vijittra’s

ศรีริต้า เลือกชุดแต่งงานแบบ ดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ สไตล์มินิมอล เรียบแต่โก้!

ชุดเจ้าสาว สวยจับตา! ศรีริต้า เจนเซ่น เลือกชุดแบบเดียวกับ “เมแกน มาร์เคิล” ดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ เข้าพิธีหมั้นและมงคลสมรสตามประเพณีไทย ที่โรงแรมสยาม เคมปินสกี้

ถือฤกษ์ดีเมื่อวันที่ 4 ม.ค. 2563 จัดงานมงคลไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับนางเอกสาว ศรีริต้า เจนเซ่น เจ้าของฉายา เจ้าหญิงแห่งทุ่งลาเวนเดอร์ กับผู้บริหารกลุ่มเคพีเอ็น กรุ๊ป “กรณ์ ณรงค์เดช” ที่ได้เข้าพิธีหมั้นและมงคลสมรสตามประเพณีไทย ที่โรงแรมสยาม เคมปินสกี้ ถือฤกษ์ดี 08.09 น. โดยมีเพื่อนเจ้าสาวสวมใส่ชุดไทยสมัย ร.6 สีชมพูกลีบบัว นำโดย “ฮาน่า – ทัศนาวลัย จักรพงษ์”, “วิกกี้ – สุนิสา หิรัญยัษฐิติ”, “แคท – ซอนญ่า สิงหะ”, ” มรว.แม้นนฤมาส สวัสดิ์-ชูโต”, “แหวนแหวน – ปวริศา เพ็ญชาติ”, “กิ๊ฟท์ – สรัญทร เตชะไพบูลย์”, “มีมี่ – กิ่งกานต์ สลากรธนวัฒน์” และ “วริศรา สะสมทรัพย์” ที่มากั้นประตูเงินประตูทอง ทั้งหมด 12 ประตู

โดยบรรยากาศงานนั้นออกแบบมาในสไตล์สวนดอกไม้แบบยุโรป “ริต้า” สวยสง่าในชุดสีขาวของแบรนด์ “สเตลล่า แมคคาร์ทนี่ย์” (Stella McCartney) ดูเรียบโก้และคลาสสิก รองเท้าจากแบรนด์ “โรเฌร์ วิวีเยร์” (Roger Vivier) เครื่องประดับแบรนด์ “ศรัณญ” (SARRAN) ชิ้นงานพิเศษ ขณะที่เจ้าบ่าวสวมใส่ชุดสูทสีเทา สั่งตัดจากแบรนด์ “ทอม ฟอร์ด” (TomFord) จากนั้นเข้าสู่พิธีหมั้น มีฤกษ์สวมแหวนเจ้าสาวเวลา 09.29 น. สินสอดประกอบไปด้วย เงิน ทอง และแหวนเพชร เวลา 09.49 น. จดทะเบียนสมรส เวลา 10.29 น. พิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ และเวลา 14.39 น. พิธีส่งตัวเจ้าสาวเข้าหอ ทั้งนี้มีกำหนดจัดพิธีฉลองมงคลสมรสในวันเสาร์ที่ 29 กุมภาพันธ์ 2563

อย่างไรก็ตาม อย่างที่บอกไปข้างต้น “ริต้า” เลือกชุดเจ้าสาวจากแบรนด์ Stella McCartney ซึ่งเป็นแบรนด์และดีไซน์ของชุดมีความคล้ายกับที่ “เมแกน มาร์เคิล” ดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ ฉลองพระองค์ในงานเลี้ยงช่วงบ่ายของพิธีเสกสมรส โดยหลังจากพิธีดังกล่าว ชุดนี้ก็กลายเป็ชุดแต่งงานสไตล์มินิมอลยอดฮิตของปี 2018-2019 ที่เจ้าสาวหลายๆ คนเลือกเลยทีเดียว

ภาพจาก : Jakawin Photography

ดูแบบชุดแต่งงานได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย!

ส่องแหวนแทนใจสุดหรู นาตาลี – ฟลุค พร้อมที่มากว่าจะได้แหวนวงนี้นั้นไม่ธรรมดา!

นาตาลี เจียรวนนท์ และฟลุค – เกริกพล มัสยวาณิช เป็นอีกหนึ่งคู่ที่หลายคน (รวมแพรว wedding ด้วย) ช่วยลุ้นมาตลอดว่าเมื่อไรจะมีข่าวดี เพราะทั้งไลฟ์สไตล์ความชอบทุกอย่างช่างดูเหมาะสมลงตัวโดนใจกองเชียร์ที่สุด และนี่คือเรื่องราวของ แหวนแทนใจ ที่นาตาลีถึงกับบอกว่า ถึงจะมีอีกกี่วงเธอก็จะใส่วงนี้วงเดียวติดตัวไปตลอดเลยจ้า – เรื่อง  Minim, Mod / ภาพ ดวงพร

แหวนแทนใจ

Will you marry me?

นาตาลี เจียรวนนท์ เล่าถึงช่วงเวลาที่ถูกขอแต่งงานระหว่างไปทริปล่องเรือพักผ่อนที่ประเทศกรีซว่า “ทริปนั้นเราล่องเรือครูซไปเที่ยวกรีซ ซึ่งมี เพื่อนๆ ไปด้วยหลายคน ลีจึงไม่สงสัยหรือเอะใจว่าทริปนี้จะมีเซอร์ไพร้ส์หรืออะไรเลย แต่ด้วยความที่พี่ฟลุคเขาคงตื่นเต้นทำให้มีอะไรเล็กๆ น้อยๆ หลุดออกมาอยู่ตลอดจนลีเริ่มสงสัย (หัวเราะ) ต้องเล่าก่อนว่าพี่ฟลุคเขาบอกว่าตั้งใจไว้แล้วว่าถ้าไม่ขอทริปนี้ก็อาจจะครั้งต่อไป แต่ครั้งนี้เราล่องเรือกันเขารู้สึกว่าเป็นประเทศที่สวย บรรยากาศดี และเพื่อนๆ ไปด้วยเยอะ ทุกอย่างเป็นใจ เหลือแต่เพียงว่าไม่รู้จะขอที่บริเวณไหนบนเรือ เขาจึงไปปรึกษากับพี่สาวของลี (แลท-เลลาณี เจียรวนนท์) โดยตัดสินใจซื้อแหวนในทริปนี้เลย แต่ลีไม่รู้นะคะว่าเขาไปแอบซื้อตอนไหน แต่ที่เริ่มสงสัยเพราะว่าภายในเรือมีร้านขายของ ลีเดินไปดู แหวนบุลการี (Bvlgari) แล้วเจอวงที่สีสวยถูกใจก็หยิบขึ้นมาลอง แต่พี่สาวและเพื่อนรีบเข้ามาบอกว่าไม่สวย ไม่เข้ากับลี ใส่แล้วดูมือซีดมากเลย ไปดูอย่างอื่นเถอะ สร้อย จี้ หรือกำไลดี ลีก็งง เพราะปกติทุกคนไม่พร้อมใจกันค้านขนาดนี้ (หัวเราะ) แถมยังพยายามดึงเราให้ไปดูอย่างอื่น ทำให้ลีเริ่มสงสัยนิดๆ แต่ก็ยังไม่ได้คิดอะไรมาก

“ปกติเวลาไปล่องเรือเขาจะมี Dress Code ในแต่ละวัน ซึ่งชุดสีแดงที่ลีใส่ตอนสวมแหวนที่จริงเป็นชุดที่เตรียมไว้ใส่ในคืน Chic Night ซึ่งต้องใส่ชุดแบบ Formal Dress ในวันที่ 3 แต่พี่ฟลุคและทุกคนก็พูดชวนกันประมาณว่ามาใส่ชุดสำหรับ Chic Night ในวันที่ 2 กันเถอะ พยายามให้เหตุผลว่าพวกเราจะได้ไม่เหมือนคนอื่น ใส่ถ่ายรูปเล่นสวย  กันก่อน ลีงงหนักมากเพราะทุกคนไม่เคยใส่ใจเรื่องชุดขนาดนั้น แต่ก็โอเคตามไปคิดว่าเพื่อนๆ คงอยากถ่ายรูป ซึ่งก่อนหน้านั้นตอนที่เรากินข้าวเย็นช่วงพระอาทิตย์ตก (ประมาณสองทุ่ม) ฟ้าเป็นสีชมพูสวยมาก ลีบอกพี่ฟลุคว่าวิวตรงนั้นสวยดี เขาก็เลยบอกทุกคนให้แต่งตัวสวยแล้วมาเจอกันตรงจุดวิวสวยเวลาสองทุ่มเพื่อถ่ายรูปกัน ตอนนั้นลีสงสัยว่าจะใช่หรือเปล่านะ ซึ่งพอสงสัยมากๆ ก็เริ่มนอยด์ กังวล ตื่นเต้น (หัวเราะ) จนทุกคนบอกว่าหน้าลีตอนนั้นดูเครียดมากๆ (หัวเราะ) พอเวลาประมาณหกโมงกว่า ลีเริ่มเดินไปเดินมา ออกจากห้องมาเจอลมแรง ผมยุ่ง ยิ่งรู้สึกว่าไม่พร้อม คือใจกังวลไปหมดแล้ว ก็เลยกลับเข้าห้องไปทำผมใหม่ (หัวเราะ) แล้วชุดที่ใส่ก็เป็นเดรสยาว กลัวลมพัดแล้วกระโปรงเปิดอีก คือกังวลไปหมด ทุกอย่างจริงๆ จากนั้นพอถึงเวลารวมตัวกันตรงที่นัดสักพักพี่ฟลุคบอกให้ย้ายไปนั่งตรงหน้าจอโปรเจ็กเตอร์สำหรับฉายภาพเพื่อสั่งขนมกิน สักพักมีเพลงดังขึ้นแล้วจอก็ขึ้นรูปของเรา ลีน้ำตาคลอเลยค่ะ ความรู้สึกมันผสมกันไปหมด ทั้งกังวล ตื่นเต้น แต่ที่เซอร์ไพร้ส์มากๆ คือ บนจอมีทั้งรูปทำเป็นสไลด์และข้อความว่า Will you marry me? ทำให้รู้เลยว่า พี่ฟลุคเขาตั้งใจมากจริงๆ ตอนนั้นก็ Said Yes ปนน้ำตาเลยค่ะ ทั้งดีใจ ตื้นตัน จากนั้นแขกบนเรือก็มามุงดูเราเต็มเลย”

Promise Ring

“แหวนวงนี้พี่ฟลุคบอกว่ายังไม่ใช่แหวนหมั้น อยากให้เรียกว่าเป็น Promise Ring เขาจึงเลือกดีไซน์ที่ใส่ได้เรื่อยๆ ไม่หวือหวา และตั้งใจเลือก แบรนด์บุลการี เพราะมีสัญลักษณ์เป็นงู และพี่ฟลุคเกิดปีงูพอดี เขาบอกว่าจะได้ให้งูมารัดไว้ก่อน (ยิ้ม) มารู้ทีหลังว่าเขาซื้อแหวนตอนไปเที่ยวโรม ซึ่งพอคิดย้อนไปก็ขำมาก ความที่เขาไม่รู้จะหาเวลาปลีกตัวไปซื้อแหวนตอนไหนเพราะอยู่ด้วยกันตลอด วันนั้นก็เลยหาเรื่องทะเลาะกับลี ซึ่งปกติเราไม่ค่อยทะเลาะกัน อาจจะแค่เถียงๆ กัน แต่ไม่เคยทะเลาะแบบนั้น คืออยู่ดีๆ เขาก็งี่เง่ามากแล้วเดินแยกกันไปคนละทาง ตอนนั้นยอมรับว่าตกใจเหมือนกัน แต่ก็คิดว่าเขาคงแค่ไม่อยากรอเรากินไอศกรีม ซึ่งกว่าจะ รู้เรื่องจริงคือวันที่เขาให้สัมภาษณ์นักข่าวแล้ว (หัวเราะ) ส่วนแหวนหมั้นและแหวนแต่งงานก็คงเลือกตามความเหมาะสมอีกทีค่ะ ใจลีชอบแหวนแบบโอเวอร์ไซส์ที่ใส่วงเดียวให้เด่นจบเลย หรือไม่อย่างนั้นก็เรียบๆ คลาสสิก”

“แต่สำหรับ Promise Ring วงนี้จะเป็นแหวนที่ลีจะใส่ติดตัวตลอดไปค่ะ”

อ่านเรื่องราวความรักของคู่รักคนดังได้อีกเพียบที่นี่ คลิกเลย!

ไอเดียจัดงานแต่งตาม Pantone2020 สี Classic Blue ธีมงานแต่งงานสีกรมท่าสุดคลาสสิค

ว่าที่บ่าวสาวที่กำลังมองหาธีมงานแต่งงานกันอยู่ มาดูกันไวๆ เลย เพราะ แพรวเวดดิ้งขอนำ ธีมงานแต่งงานสีกรมท่า ที่อัพเดทตามสีของ Pantone 2020 ที่มาในสี Classic Blue ซึ่งเป็นสีที่ดูลึกลับน่าค้นหา ดูสุขุม นุ่มลึก และสุภาพสุดๆ อย่ารอช้า มาดูกันเลย

1. ชุดบ่าวสาว

มาเริ่มกันที่ชุดของบ่าวสาวในงานก่อนนะจ๊ะ เพราะเป็นเหมือนกับพระเอกและนางเอกในงานนั่นเอง เจ้าสาวสามารถเลือกใส่ได้ทั้’ชุดสีกรมท่า หรือสีขาวตามแบบฉบับเจ้าสาวที่หลายคนนิยมใส่กัน แต่ถ้าจะให้แนะนำเราว่าเจ้าสาวใส่ชุดสีขาวหน่ะดีอยู่แล้วค่ะ ปล่อยให้เจ้าบ่าวสวมสูทสีกรมแทน เพื่อที่เจ้าสาวจะได้สวยงามและโดดเด่นในชุดสีขาวบริสุทธิ์นั่นเอง ส่วนเจ้าบ่าวก็สวยหล่ออินเทรนด์ในชุดสีกรมท่าแน่นอน

ธีมงานแต่งงาน ธีมงานแต่งงาน ธีมงานแต่งงาน

2. การตกแต่ง

สีกรมท่า สามารถเข้าได้ดีกับสีขาว สีทอง สีเงิน ทางที่ดีควรใช้สีเหล่านี้ในการตัดกับสีกรมท่า เพราะจะตัดกันแบบลงตัวไม่โดด ให้ความรู้สึกดูหรูหราและแพงขึ้นมาก แต่ถ้าอยากเพิ่มสีสัน จะนำสีแดงตัดลงไปเพิ่มก็ได้นะจ๊ะ รับรองว่ายิ่งโดดเด่น เช่น โต๊ะอาหารสามารถปูผ้าสีกรมท่าได้ ส่วนรายละเอียดของตกแต่งบนโต๊ะลองหาจาน หรือภาชนะโลหะมาวางก็จะยิ่งเพิ่มเสน่ห์ให้กับงานได้ค่ะ

ธีมงานแต่งงาน ธีมงานแต่งงาน

3. ดอกไม้ในงาน

อย่างที่บอกไปว่าสีที่ตัดกับสีกรมที่ดีที่สุดคือ สีขาว สีเงิน สีทอง คุณสามารถเลือกใช้ดอกไม้เหล่านี้ในงานได้ ประเภทดอกไม้ก็คือ ดอกกุหลาบ ดอกลิลลี่ ดอกเยบีร่า ส่วนสีทองและสีเงิน แนะนำให้นำดอกไม้แห้งไปพ่นสีจะสวยกว่าค่ะ แต่ถ้าอยากจะลองเพิ่มความหวานละมุนลองใช้ดอกไฮเดนเยียร์สีฟ้า ไล่โทนไปหาสีน้ำเงินเข้ม รับรองเลยว่าสวยปัง ดูผู้ดี๊ผู้ดีสุดๆ

ธีมงานแต่งงาน

4. เครื่องประดับบ่าวสาว

เจ้าสาวสามารถใส่เครื่องประดับที่เข้ากับธีมงานแต่งงานได้ โดยเลือกเครื่องประดับอย่างเพชร หรือไพลิน เพราะอัญมณีสองสีนี้สามารถสวมใส่ได้ทั้งชุดสีขาวและชุดสีกรมท่า ส่วนเจ้าบ่าวสามารถประดับบูโทเนียร์ได้ทั้งสีขาว สีฟ้า หรือสีขาวแดงก็ได้ทั้งหมดเลยค่ะ

ธีมงานแต่งงาน ธีมงานแต่งงาน ธีมงานแต่งงาน

5. ชุดเพื่อนเจ้าสาว

แน่นอนว่าชุดเพื่อนเจ้าสาวควรเข้ากับธีมงานแต่งงาน และไม่ควรใส่สีขาวเพราะแขกในงานจะเข้าใจผิดว่านี่คือเจ้าสาวนั่นเอง เหล่าสาวๆ อาจลองใส่ชุดสีกรมท่าดูก็น่าดีที่สุด และสีนี้ไม่ว่าจะมีสีผิวแบบไหนก็ใส่รอดนะ แล้วแมตช์ด้วยเครื่องประดับอย่างต่างหู หรือสร้อยเส้นเล็กๆ ก็รอดแล้วค่ะ

ธีมงานแต่งงาน ธีมงานแต่งงาน

และนี่คือไอเดียธีมงานแต่งงานที่เราคัดมาให้แล้วว่าสวยงามปังสุดๆ ดูเรียบแต่หรู บ่าวสาวคู่ไหนยังไม่มีไอเดียในงานแต่งก็ลองนำประประกอบการตัดสินใจดูนะจ๊ะ แต่ถ้าคู่ของคุณเป็นคู่รักสายหวานไม่อิงตามแพนโทนล่ะก็ ไปดู ธีมงานแต่งสีบลัชพิ้งค์เทรนด์ใหม่เพิ่มความน่ารักมุ้งมิ้งให้กับงาน กันต่อเลย

ภาพจาก : Pinterest.com

พิธีแต่งงานชาวเหนือ อีกหนึ่งพิธีแต่งงานที่เต็มไปด้วยความเป็นสิริมงคล

ตามไปส่อง พิธีต่างๆ ของ พิธีแต่งงานชาวเหนือ กันเถอะเจ้า

เมื่อพูดถึง พิธีแต่งงานชาวเหนือ สิ่งที่หลายคนนึกถึงคงไม่พ้นความลุมุนนุ่มนวลของน้องนางหน้าขาวว่าที่เจ้าสาวกับความสวยงามสุดวิจิตรของบรรดาข้าวของเครื่องใช้ในพิธี แต่สิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กันได้แก่ รายละเอียดในพิธีที่โดดเด่นไม่ซ้ำใคร แถมยังบ่งบอกถึงอัตลักษณ์ชาวเหนือได้ดีไม่มีที่ติ

ซึ่งปัจจุบันพิธีแต่งงานแบบล้านนา ได้มีการประยุกต์ผสมผสานวัฒนธรรมการแต่งงานแบบภาคกลางเข้ามาร่วมด้วย โดยพิธีการแต่งงานจะนิยมจัดที่บ้านของฝ่ายหญิง เนื่องจากธรรมเนียมล้านนานิยมให้ผู้ชายไปอยู่กับผู้หญิงที่บ้านของพ่อแม่ฝ่ายหญิง ดังนั้นเมื่อรักใคร่ชอบพอกัน และมีการหมั้นหมายกันไว้แล้ว ฝ่ายชายจะหาฤกษ์งามยามดีเพื่อจัดพิธีแต่งงานต่อไป

พิธีขอเขย

แต่หากคุณคิดว่า พิธีที่ว่าจะเริ่มด้วยฝ่ายชายยกขบวนขันหมากมาที่บ้านฝ่ายหญิง เราขอให้คิดใหม่ เพราะหลักปฏิบัติของคู่รักล้านนาแต่เดิมนั้น ในเช้าวันแต่งงานเมื่อทุกอย่างเป็นไปตามกำหนด ผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงจะเดินทางไปยังบ้านฝ่ายชายพร้อมพานดอกไม้ธูปเทียนเพื่อทำการ “ขอเขย” ซึ่งก็คือการพูดเชิญผู้ใหญ่ฝ่ายชายให้นำตัวเจ้าบ่าวและญาติพี่น้องแห่ขันหมากมายังบ้านฝ่ายหญิงให้ทันตามฤกษ์ที่ได้ตกลงกันไว้ แล้วจึงดำเนินพิธีการต่อไป

ขบวนขันหมาก

เมื่อถึงวันแต่งงาน เจ้าบ่าวจะนำญาติพี่น้องพร้อมขบวนแห่บายศรีที่มีขันดอกไม้หรือ “ขันอัญเชิญ” พานใส่ขันหมากเอก พร้อมพานใส่ของกำนัลเล็กๆ น้อยๆ ที่เรียกว่า “ขันหมากรอง” ที่บรรจุหมาก ใบเงิน ใบทอง ใบนาก และถุงข้าวเปลือก ข้าว ถั่ว งา ส่วนเพื่อนๆ ในขบวนถือพานใส่เสื้อผ้า ถุง และดาบเพื่อแสดงฐานะของเจ้าบ่าว (ส่วนพานบานศรีนั้นอยู่ที่ว่าจะให้ใครเตรียม บางคู่ให้เจ้าบ่าวนำมาพร้อมขบวน บางบ้านเจ้าสาวจะเตรียมไว้ที่บ้านเจ้าสาวก็ไม่ผิด)

เมื่อขบวนมาถึงบ้านเจ้าสาว เจ้าบ่าวจะต้องต่ายค่าผ่านประตูให้กับขบวนกั้นประตูเงินประตูทองที่ญาติเจ้าสาวเตรียมมาต้อนรับ หลังจากผ่านด่านครบแล้ว เจ้าบ่าวจะเข้าไปมอบเงินค่าน้ำนมให้กับคุณแม่ของเจ้าสาวเพื่อถือเป็นการตอบแทนพระคุณครอบครัวที่ได้เลี้ยงดูเจ้าสาวมาเป็นอย่างดี จากนั้นจึงเข้าไปรับตัวเจ้าสาวที่รออยู่ในห้องเก็บตัว (บางบ้านจะให้เจ้าสาวออกมารอรับเจาบ่าวด้วยตั้งแต่แรก แต่จะให้เจ้าสาวยืนรออยู่หลังประตูสุดท้าย เมื่อผ่านประตูมาจนครบจึงสามารถเดินเคียงข้างกันเข้าสู่บริเวณที่ประกอบพิธี) จากนั้นบ่าวสาวจะเข้าสู่พิธีแต่งงานที่เรียกว่า พิธีเรียกขวัญ และผูกข้อมือบ่าวสาว

พิธีเรียกขวัญ

เมื่อเข้าสู่บริเวณประกอบพิธี เจ้าบ่าวจะนั่งทางขวา เจ้าสาวนั่งทางซ้าย จากนั้นผู้ประกอบพิธี (อาจเป็นอาจารย์ปู่ที่นับถือหรือผู้เฒ่าผู้แก่คนสำคัญในบ้าน หรือหมู่บ้านก็ได้) เพื่อเป็นผู้ทำ พิธีเรียกขวัญ ให้กับบ่าวสาว โดยจะเอ่ยเรียกขวัญด้วยภาษาล้านนาที่มีทำนองไพเราะอ่อนหวาน มีความหมายว่าให้ทั้งคู่รักกันยืนยาวชั่วชีวิต ขณะเดียวกันก็จะแทรกด้วยการเตือยสติบ่าวสาวว่า กำลังจะเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านของชีวิตจากหนุ่มสาววัยรุ่นสู่ความเป็นพ่อเรือนแม่เรือนที่จะต้องครองคู่กันอย่างมีสติ

ลำดับต่อไปคือ พิธีปัดเคราะห์ ซึ่งทำเพื่อเอาเคล็ดให้บ่าวสาวอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ปราศจากโรคภัย และอุปสรรคทั้งปวง ก่อนจะให้ญาติผู้ใหญ่และพ่อแม่เจ้าสาวผูกข้อมืออวยพรคู่บ่าวสาว ตามด้วยญาติผู้ใหญ่และพ่อแม่เจ้าบ่าว ปิดท้ายด้วยญาติสนิทมิตรสหายของทั้งสองฝ่าย

พิธีแต่งงานชาวเหนือ

พิธีผูกข้อมือ

การผูกข้อมือ จะใช้ฝ้ายดิบหรือฝ้ายไหมผูกที่ข้อมือของบ่าวสาว โดยเจ้าสาวผูกที่ข้อมือซ้าย เจ้าบ่าวผูกที่มือขวา ระหว่างที่ผูกข้อมือก็จะต้องกล่าวคำอวยพรให้แก่บ่าวสาว แล้วจึงมอบซองเงินให้กับคู่บ่าวสาวใส่ในขันสลุง หลังจากนั้นผู้ประกอบพิธีจะเป็นผู้ถอดฝ้ายมงคลออกให้ จึงถือเป็นอันเสร็จพิธี

บางคู่อาจทำ พิธีสืบชะตา เพิ่มเติมเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งการเริ่มต้นชีวิตคู่ ซึ่งในการประกอบพิธีจะมีเสาไม้ 3 ต้นค้ำกันไว้ เพื่อสื่อว่าให้ทั้งคู่ช่วยเหลือค้ำจุนกันไปตลอดชีวิต ขณะทำพิธีบ่าวสาวจะนั่งอยู่ใต้เสา 3 ต้นและนำสายสิญจน์ที่ผูกเสาทั้ง 3 ต้นมาสวมบนศีรษะและรับพรจากผู้ประกอบพิธี

ส่งตัวบ่าวสาว

ก่อนจะถึงการส่งตัวบ่าวสาวซึ่งเป็นพิธีการสุดท้าย จะต้องมีการมัดมือบ่าวสาวไว้ด้วยกันก่อน โดยมัดมือขวาของเจ้าสาวติดกับมือซ้ายของเจ้าบ่าว และให้พ่อแม่หรือบุคคลที่เคารพนับถือเป็นผู้จูงคู่บ่าวสาวเข้าห้อง โดยญาติฝ่ายเจ้าสาวจูงมือข้างที่เหลือของเจ้าสาว (มือข้างซ้าย) ส่วนญาติฝ่ายเจ้าบ่าวจูงมืออีกข้างของเจ้าบ่าว (มือข้างขวา) แล้วพาเข้าไปยังห้องหอ ซึ่งปูผ้าวางหมอนชุดใหม่พร้อมโปรยกลีบดอกไม้เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว และต้องไม่ลืมนำบายศรีและขันสลุงที่ใส่เงินทองที่ผู้มาร่วมงานได้มอบให้ตอนมัดมือบ่าวสาวเข้าไปวางเตรียมไว้ด้วย

ก่อนที่บ่าวสาวจะล้มตัวลงนอนบนเตียงในห้องหอ จะต้องให้พ่อแม่หรือผู้ใหญ่ที่แต่งงานครั้งเดียวและอยู่ด้วยกันอย่างยั่งยืนนอนเป็นตัวอย่างเพื่อเอาเคล็ดก่อน จากนั้นให้โอวาทในการครองเรือน แล้วจึงปล่อยให้คู่ข้าวใหม่ปลามันอยู่กันลำพังต่อไป

เรามีทิปส์ดีๆ มาฝากด้วย 6 เคล็ดลับการันตีเรื่องประหยัดค่าขันหมากในพิธีแต่งงานไทย

ภาพเปิด งานแต่งงานคุณไนซ์ & คุณแซนด์ ถ่ายโดย WIRUN KULTAN PHOTOGRAPHY
ภาพประกอบจาก Pinterest, sanook.com

30 ข้อผิดพลาดที่หนุ่มๆ พึงระวังเมื่อต้องอยู่ในสเตตัส “เจ้าบ่าว”

บอกกันมาก็เยอะแล้วถึงข้อผิดพลาดที่ทั้งเจ้าสาวและเพื่อนเจ้าสาวควรระวัง ครั้งนี้เป็นคำเตือนสำหรบหนุ่มๆ ที่กำลังจะกลายเป็นเจ้าบ่าวกันบ้าง ดูสิว่ามีอะไรบ้างที่คุณต้องระวังและห้ามทำพลาดเมื่ออยู่บนสถานะ “เจ้าบ่าว”

1. ละเลยเรื่องงบประมาณ

ตั้งสติก่อนที่คุณจะควักกระเป๋าจ่ายเงินสักนิด ลองคิดดูว่าสิ่งๆ นั้นเหมาะกับงานแต่งของเราไหม เปลืองงบประมาณของเราโดยใช่เหตุหรือเปล่า เอาเป็นว่าถ้าบวกลบคูณหารในใจแล้วยังมีเงินเหลือจากส่วนอื่นๆ และไม่ทำให้ขนหน้าแข้งร่วง ค่อยจ่ายเงินซื้อก็ได้นะ

2. ลืมโทรบอกข่าวดีกับคนอื่นๆ !

หลังจากที่หนุ่มๆ คุกเข่าขอแต่งงานสาวคนรักแล้ว บางคนก็มักจะตื่นเต้นจนลืมโทรบอกคนรู้จักจนพวกเขารู้เองจากเฟซบุ๊กหรือรูปภาพจากอินสตาแกรม แบบนี้ถือว่าใช่ไม่ได้เลยนะ! คุณควรจะต้องโทรบอกคนสำคัญทุกคนด้วยตัวคุณเอง เพราะเขาอยากจะได้ยินจากปากของคุณมากกว่ารู้เองจากโซเชียลเน็ตเวิร์ก

3. บอกแฟนเก่าว่าจะแต่งงาน

“จะบอกเพื่อ?” หรือจะเชิญมางาน บอกตรงนี้เลยว่าดีไม่ดีพวกหล่อนอาจจะรู้ข่าวด้วยความรวดเร็วก่อนคุณจะยกหูขึ้นมาซะอีก

4. ปล่อยให้ว่าที่เจ้าสาวจัดการกับรายชื่อแขก

อย่าทิ้งภาระนี้ให้กับว่าที่เจ้าสาวเด็ดขาด เพราะเธอคงไม่รู้หรอกว่าคนสำคัญสำหรับคุณนั้นมีใครบ้าง เพราะฉะนั้นแขกใครแขกมัน เตรียมรายชื่อกันเองก่อน แล้วมานั่งคุยกันว่า คนนั้นคนนี้คุณจะเชิญ เธอจะโอเคไหม คนล้นงานหรือเกินกว่าที่คิดหรือเปล่า

5. รีบเซ็นสัญญาหรือตอบตกลงกับผู้รับจ้าง

อย่ารีบเซ็นสัญญาหรือตอบตกลงใดๆ กับผู้ที่จะมาทำหน้าที่จัดงานแต่งงานให้คุณทุกหน่วยเพราะอยากรีบสรุปงาน ควรถามความเห็นจากว่าที่เจ้าสาวด้วยว่าเธอโอเคหรือเปล่า ลองเสิร์ชอ่านรีวิวของแต่ละเจ้า และที่สำคัญถ้ามีการเซ็นสัญญาว่าจ้างใดๆ ต้องอ่านรายละเอียดให้เรียบร้อย ติดใจหรือสงสัยข้อไหนก็ทำดอกจันไว้แล้วสอบถามให้รู้เรื่อง อย่าหลับหูหลับตาเซ็นเด็ดขาด

6. ไม่มาคุยหรือประชุมเรื่องรายละเอียด

เจ้าบ่าวบางคนมักจะชอบโดดประชุมรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับงานแต่ง แล้วปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพ่อแม่ และเจ้าสาวตัดสินใจ แต่! นี่มันก็งานแต่งงานของคุณเหมือนกันนะคะ คุณควรจะรับรู้และช่วยตัดสินใจเกี่ยวกับทุกรายละเอียดที่จะมีในงาน หรือถ้ามันยุ่งและมาไม่ได้จริงๆ แนะนำว่าให้คุณตามเรื่องราวกับว่าที่เจ้าสาวของคุณแทน แต่อย่าละเลยเด็ดขาด เกิดว่ามีอะไรไม่ถูกอกถูกใจคุณขึ้นมา จะมาโวยวายทีหลังไม่ได้แล้วนะ

7. ไม่สนใจไปเลือกของชำร่วย

อย่าคิดว่าเป็นของกระจุ๋มกระจิ๋มแล้วจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าสาวนะคะ คุณควรที่จะไปเลือกของชำร่วยที่จะใช้แทนคำขอบคุณด้วยกัน อย่าปล่อยให้เจ้าสาวไปตัดสินใจคนเองคนเดียวล่ะ

8. ปล่อยให้เจ้าสาวออกแบบงานแต่งคนเดียว

รูปแบบและธีมงานแต่งมักจะเป็นสิ่งที่แสดงออกถึงไลฟ์สไตล์หรือความชอบของเจ้าบ่าวเจ้าสาว เพราะฉะนั้นหากคุณปล่อยให้คนรักนั่งคิดและออกแบบงานแต่งเพียงคนเดียวก็คงจะไม่ดีเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นช่วยๆ กันคิด นำสไตล์ความชอบของทั้งคุณและเธอมาแมตช์กันก็คงจะดีไม่น้อย

9. เผลอพูดคำว่า “อะไรก็ได้” ออกมาบ่อยๆ

ว่าที่เจ้าบ่าวบางคนมักจะเกิดอาการ Groomchilla คือเป็นเจ้าบ่าวสุดชิลล์ให้ออกความคิดเห็นอะไรก็ไม่พูด ให้เลือกอะไรก็ไม่เลือก ให้ตัดสินใจอะไรก็ไม่ทำ โดยมีประโยคประจำใจว่า “อะไรก็ได้” แบบนี้ถือว่าผิด! ต้องรีบปรับปรุงตัวด่วนๆ คุณต้องออกความคิดเห็นบ้าง เลือกในสิ่งที่คุณต้องการบ้าง ไม่เช่นนั้นว่าที่เจ้าสาวและคนรอบข้างตัวคุณนั่นแหละที่จะออกอาการเบื่อหน่ายกับคำตอบของคุณ

10. รู้สึกตัวช้า

โอ๊ยยย! คุณคะ เจ้าบ่าวบางคนกว่าจะรู้สึกตัวว่าต้องมีส่วนร่วมในการเตรียมงานแต่งก็ปาเข้าไปอาทิตย์สุดท้ายก่อนวันงานแล้วเพิ่งจะอยากรู้ว่าเขาเตรียมงานกันไปถึงไหนแล้ว รูปแบบงานจะออกมาหน้าตาแบบไหน ซึ่งอันที่จริงคุณควรจะเป็นคนที่รู้ทุกอย่างตั้งแต่วันที่เริ่มวางแผนงานด้วยซ้ำ

11. ลืมเรื่องเพื่อนเจ้าบ่าว

การหาคนมาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวมันก็คงไม่ยากเท่าไหร่ แต่เรื่องชุดที่จะให้ใส่เข้ากันเนี่ย คุณเจ้าบ่าวจะต้องช่วยเลือกให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ที่สำคัญหลังเสร็จงานอย่าลืมหาของขวัญเล็กๆ น้อยๆ เป็นของตอบแทนน้ำใจให้เหล่าเพื่อนชายด้วยนะจ๊ะ

12. ทำเซอร์ไพร้ส์เจ้าสาวมากเกินไป

ในขณะที่เจ้าบ่าวบางคนละเลยไม่ใส่ใจการเตรียมงานแต่ง แต่ก็จะมีเจ้าบ่าวบางคนที่เป็นห่วงคนรัก กลัวว่าเธอจะเตรียมงานจนเหนื่อยล้า เลยพยายามสรรหาวิธีต่างๆ มาเซอร์ไพร้ส์ให้เธอดีใจอยู่เสมอ เรื่องแบบนี้ถ้าทำแบบพอดีๆ มันก็ดูน่ารักนะคะ แต่ถ้าคุณทำมากเกินไปมันจะเปลี่ยนจากความน่ารักกลายเป็นความน่ารำคาญแทน

13. ปาร์ตี้สละโสดจนเพลิน

อะแฮ่มๆ ก็เข้าใจนะคะว่าปาร์ตี้สละโสดสำหรับหนุ่มๆ มันเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไป ใครๆ ก็ทำกัน แต่! บางทีคุณก็ต้องตระหนักด้วยว่าคุณกำลังจะแต่งงานแล้วนะ เพราะฉะนั้นจะดื่มจะเที่ยวอะไรก็ต้องเกรงใจว่าที่ภรรยาบ้าง อย่าเลยเถิดจนเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นล่ะ เดี๋ยวจะไม่ได้แต่งงาน

14. ลืมนัดแนะคิวกับเพื่อนเจ้าบ่าว

งานแต่งงานของคนไทยมักจะใช้คนเยอะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงแห่ขันหมาก ทางที่ดีขอแนะนำว่าคุณควรจะนัดแนะกับเหล่าเพื่อนพ้องของคุณให้เรียบร้อยเลยว่า ใครมีหน้าที่ถือพานอะไรในขบวนขันหมากบ้าง ใครจะช่วยต่อรองช่วงเจรจาผ่านประตูบ้าง พอถึงวันจริงแล้วจะได้ไม่วุ่นวายนะ

15. ไม่ควบคุมอารมณ์ตัวเอง

ในช่วงเตรียมงานแต่งอาจจะมีปัจจัยหลายๆ อย่างที่ทำให้คุณและว่าที่เจ้าสาวเกิดอาการเครียด ขอเตือนไว้ว่า ถ้าคุณไม่รู้จักควบคุมอารมณ์ของตัวเอง การกระทบกระทั่งกันเพียงเล็กน้อย อาจลุกลามเป็นการทะเลาะใหญ่โตก็ได้

16. กลายร่างเป็น Groomzilla

ในข้อที่ 8 เราได้พูดถึง Groomchilla เจ้าบ่าวสุดชิลล์ไปแล้ว คราวนี้ก็มีอีกหนึ่งอาการคู่ตรงข้ามสำหรับเจ้าบ่าว คือ Groomzilla ที่เป็นอาการวิตกกังวลว่างานตัวเองจะไม่ออกมาเพอร์เฟ็กต์ คอยสังเกตทุกอย่างทุกรายละเอียดของงานแต่งงาน อะไรที่ไม่ได้ดั่งใจก็จะเริ่มโวยวาย แบบนี้ก็สุดโต่งเกินไป ระวังคนรอบกายจะออกอาการระอาใส่คุณล่ะกัน

17. เมามายในคืนวันก่อนแต่ง

นอกจากจะมีปาร์ตี้สละโสดแล้ว ว่าที่เจ้าบ่าวบางคนก็ถูกเพื่อนชวนสังสรรค์ในคืนก่อนวันแต่งงาน เราไม่ได้จะบอกว่าให้คุณปฏิเสธเพื่อนๆ นะคะ แต่คุณควรจะระมัดระวังอย่าเมามายจนหัวราน้ำเพราะว่ามันคงจะเป็นอะไรที่แย่มากๆ ถ้าเช้าวันแต่งงานจะต้องมีเจ้าบ่าวที่ตัวเหม็นคลุ้งไปด้วยกลิ่นเหล้า

18. วางแผนเวลาของตัวเองผิด

เจ้าบ่าวหลายคนก็วิ่งวุ่นอยู่กับการจัดงานจนไม่มีเวลาไปตัดผม โกนหนวด ดังนั้นใครที่กำลังคิดว่าเดี๋ยวค่อยไปตัดผมตอนเช้าวันแต่งก็ได้ บอกเลยว่า หยุดคิด! เพราะว่าคุณอาจจะมาเข้างานช้ากว่าเวลาที่กำหนดไว้ ถ้าจะให้ดีต้องไปตัดก่อนวันแต่งงาน 1 วัน จะได้ไม่เกิดปัญหาเจ้าบ่าวหายตัวในวันงานให้คนแตกตื่น

19. เลือกสีถุงเท้าพลาด

แม้จะเป็นเพียงแค่ถุงเท้า แต่เราก็ขอร้องให้คุณเจ้าบ่าวช่วยพิถีพิถันในการเลือกสีถุงเท้าสักนิด อย่าให้มันต้องแปลกแหวกแนวจนดูตลก ควรเลือกสีถุงเท้าให้มันเข้ากันกับชุดที่คุณใส่ด้วย เช่น ถ้าคุณใส่ชุดสูทหรือทักซิโด้สีดำ คุณก็ควรจะเลือกถุงเท้าสีดำ อย่าเลือกสีแดง ส้ม เหลืองให้มันดูพิลึกกึกกือเด็ดขาด อย่าลืมว่าทุกย่างก้าวที่ขยับขากางเกงจะลอยขึ้นมาไม่มากก็น้อย เรียกว่ายังไงก็เห็น ฉะนั้นเลือกให้ดีไว้ก่อนโอเคกว่านะ

20. ดื่มในคืนวันแต่งจนเพลิน

แน่นอนว่าในคืนวันแต่งงานจะต้องมีเหล่าเพื่อนพ้องน้องพี่ที่จะชวนคุณยกแก้วดื่มเพื่อเฉลิมให้กับวันสำคัญของคุณ แต่ขอเตือนว่า คุณควรจะจำกัดลิมิตการดื่มของตัวเองด้วยว่าควรจะดื่มแค่ไหนถึงจะสามารถครองสติอยู่ได้จนกระทั่งจบงานและส่งแขกกลับบ้าน มันคงไม่ดีแน่ถ้าเจ้าสาวจะต้องมาเห็นเจ้าบ่าวเมาไม่รู้เรื่องในงานแต่งของตัวเอง

21. เสื้อผ้าหลุดลุ่ยก่อนช่วงอาฟเตอร์ปาร์ตี้

งานนี้เจ้าบ่าวควรจะเช็กหน้าผมและความเป๊ะของเครื่องแต่งกายให้เรียบร้อย โบว์ไทด์อย่าให้เบี้ยว เสื้ออย่าให้หลุดลุ่ย เข็มขัดอย่าลืมใส่ กระดุมข้อมือก็อย่าลืมติดให้เรียบร้อย เพื่อที่ภาพถ่ายในวันสำคัญจะได้ออกมาดูดี หล่อแบบไร้ที่ติ จนกว่าจะเข้าสู่ช่วงอาฟเตอร์ปาร์ตี้ คราวนี้อยากถอด อยากเหวี่ยงชิ้นไหนออกก็ตามใจ ขออย่างเดียวอย่าถอดจนหมดก็แล้วกันนะ

22. ลืมให้กำลังใจเจ้าสาวของคุณก่อนจะต้องแยกกันในวันแต่ง

เตรียมงานด้วยกันมาตลอดเวลา พอถึงวันแต่งจริงที่คุณและว่าที่เจ้าสาวจะต้องแยกกันชั่วคราวในตอนเช้าเพื่อไปเตรียมตัวเข้าพิธี เจ้าสาวบางคนอาจตื่นเต้นมากจนตัวสั่น เพราะฉะนั้นคุณต้องจะให้กำลังใจเธอด้วยนะ ขอแนะนำให้คุณกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูแล้วพูดว่า “เดี๋ยวเจอกันนะครับที่รัก” แบบนี้หวานเว่อร์!!

23. ลืมกินข้าว!

ถ้าคุณไม่อยากเป็นเจ้าบ่าวหิวโซในงานแต่งของตัวเอง อย่าลืมรองท้องก่อนงานแต่งจะเริ่มนะคะ ไม่ต้องกลัวว่าจะลงพุงแล้วใส่สูทจะไม่หล่อหรอกนะ ถ้าไม่อยากทานอะไรหนักๆ ก็ลองเป็นขนมปัง นม หรือผลไม้สักเล็กน้อยก็ได้ แต่อย่าปล่อยให้ท้องว่าง ไม่งั้นเป็นลมกลางงานไม่รู้ด้วยนะ

24. ไม่เตรียมมาก่อนว่าจะพูดอะไรในงานแต่ง

เจ้าบ่าวหลายคนมักจะละเลยเรื่องการเตรียมคำพูดบนเวที และมักจะนึกว่าเดี๋ยวถึงเวลาก็คิดออกเอง แบบนี้ถือว่าผิดนะคะ! ทางที่ดีคุณควรจะนึกเสียก่อนว่าจะพูดอะไรบ้าง เช่น บอกความในใจกับเจ้าสาว หรือจะกล่าวขอบคุณใครในงานก็ควรจะเตรียมและซ้อมพูดไว้สักหน่อย จะได้ไม่ต้องไปยืนอ้ำๆ อึ้งๆ บนเวที

25. ลืมโพยที่จะพูด

ถึงแม้ว่าคุณจะเตรียมและซ้อมมาอย่างดีว่าจะพูดอะไรบ้างบนเวที แต่เพื่อความแน่นอนและความมั่นใจว่าคุณจะไม่อึกๆ อักๆ ตะกุกตะกักเพราะลืมสิ่งที่จะพูด ให้คุณจดโพยลงกระดาษแผ่นเล็กๆ แล้วใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ เผื่อว่าเกิดลืมขึ้นมาจริงๆ จะได้หยิบมาดูได้ทันเวลา

26. ไม่รู้จักเต้นเปิดฟลอร์

เดี๋ยวนี้งานแต่งบ้านเรามีอาฟเตอร์ปาร์ตี้กันเยอะนะคะ เพราะฉะนั้นคุณเจ้าบ่าว(รวมถึงเจ้าสาวด้วย) ควรจะต้องออกสเต็ปเล็กๆ น้อยๆ เพื่อเป็นการเปิดฟลอร์เต้นรำ ไม่ต้องถึงขนาดกับเริงลีลาศหรอกค่ะ เอาแค่โยกย้ายแบบเบาๆ ก็พอ

27. ลืมพกผ้าเช็ดหน้าติดตัว

ผ้าเช็ดหน้าถือเป็นไอเท็มสำคัญที่คุณจะบ่าวจะต้องมีติดกระเป๋าสูทไว้นะคะ เพราะในระหว่างพิธีแต่งงาน เจ้าสาวกว่า 90 % จะต้องมีอาการบ่อน้ำตาแตกแน่นอน คราวนี้คุณจะได้ถือโอกาสหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตาให้กับเจ้าสาว เป็นโมเมนต์หวานๆ ในงานแต่ง แถมยังได้ภาพสวยๆ อีกด้วย

28. ไม่ใส่ใจเรื่องฮันนีมูน

สำหรับผู้หญิงหลายคน การได้ไปฮันนีมูนกับสามีป้ายแดงถือเป็นความฝันอย่างหนึ่งเลยนะคะ (เราก็ฝันเหมือนกัน อิอิ!) ซึ่งคุณเจ้าบ่าวก็ควรจะช่วยออกความคิดเห็นสักนิดว่าจะไปทำอะไรที่ไหน แบบนี้ความหวานจากการดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์คงจะเพิ่มขึ้นไม่น้อย

29. คุยกับเพื่อนจนลืมเจ้าสาว

ในงานแต่งงานอาจจะมีเพื่อนพ้อง รุ่นพี่ รุ่นน้อง หรือใครอีกหลายคนเข้ามาชวนคุณคุยและดื่ม แต่ขอเตือนไว้ว่า อย่าคุยเพลินจนทิ้งให้เจ้าสาวหายไปจากข้างกายเด็ดขาดนะ เดี๋ยวจะโดนเธองอนเอา ข้อหาคุยโม้จนไม่สนใจคุณภรรยา

30. ตื่นเต้นจนลืมสนุก

เจ้าบ่าวบางคนก็ออกอาการตื่นเต้น ประหม่า เครียด กับวันแต่งงานของตัวเองจนทำอะไรไม่ถูก บางคนก็กลัวจะทำไอ้นั่นผิด ไอ้นี่พลาด เกร็งจนลืมสนุกสนานไปกับงาน ถ้าเป็นแบบนี้เราขอแนะนำว่าให้ทำตัวสบายๆ แบบ Let it go ค่ะ ปล่อยไปตามที่ใจต้องการแล้วสนุกไปกับวันสำคัญของคุณซะ

ครบแล้ว 30 ข้อสำหรับสิ่งที่ว่าที่เจ้าบ่าวมักจะทำผิดพลาดหรือหลงลืมละเลยกันอยู่บ่อยๆ เอาเป็นว่าใครที่กำลังเตรียมตัวจะเป็นเจ้าบ่าวก็อย่าลืมเช็กตัวเองด้วยว่ามีข้อไหนที่ตรงกับตัวเองบ้างหรือเปล่า ถ้ามีก็ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงได้แล้ว เดี๋ยวเจ้าสาวเขาจะงอนเอานะ อิอิ!

CR : www.brides.com

ไม่อยากตกเป็นรองต้องอ่าน! 6 ความเชื่อในวันแต่งงานที่บ่าวสาวต้องระวัง

ความเชื่อในวันแต่งงาน ที่ใครไม่อยากตกเป็นรองต้องอ่านด่วน!!

ในพิธีแต่งงาน ไม่ว่าจะเป็นแบบไทย แบบจีน หรือแบบฝรั่ง จะประกอบไปด้วย ความเชื่อในวันแต่งงาน ต่างๆ มากมาย ซึ่งแต่ละพิธีการนั้นล้วนแล้วแต่เป็นความเชื่อเพื่อเสริมสิริมงคลให้บ่าวสาวทั้งนั้น แต่รู้กันไหมคะว่า ในบางพิธีการก็แฝงด้วยความเชื่อที่บ่าวสาวควรต้องระวัง เพราะถ้าพลาดไปหรือรู้ไม่ทันอีกฝ่าย คุณจะกลายเป็นลูกไก่ในกำมือของอีกฝ่าย (รวมถึงครอบครัวของเขา) หลังแต่งงานทันที ความเชื่อที่ว่ามีอะไรบ้าง ไปไล่ดูกันเลยข้อต่อข้อ อ้อ…อ่านจบแล้วเตรียมตัวปฎิบัติด้วยล่ะ ถึงวันจริงจะได้ไม่พลาด (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละบุคคลนะคะ)

1. เริ่มกันที่พิธีการแรกของวันแต่งงานอย่างการตักบาตรที่เชื่อกันมายาวนานรุ่นสู่รุ่นว่า ถ้าฝ่ายไหนจับที่ยอดหรือคอทัพพี คนนั้นจะได้เป็นใหญ่เหนือกว่าอีกคน ซึ่งที่เราเคยเจอคือ อาการไฝว้กันหน้าโถข้าวแบบไม่มีใครยอมใคร ประมาณว่าเธอจับก่อนสิ เดี๋ยวชั้นประกบมือไง เลิกเถียงให้เสียฤกษ์แล้วเอาแบบนี้ดีไหมคะ ใช้วิธีผลัดกันจับที่คอทัพพีนะคะ แบบนี้รับรองว่าเสมอภาคเท่าเทียมกันแน่นอน

2. ในพิธีรดน้ำสังข์ ช่วงที่เราให้ตั้งใจมากๆ ไม่ใช่จังหวะการนั่งลงไปเพื่อรับน้ำสังข์ แต่เป็นช่วงหลังจากเสร็จสิ้นพิธีที่มีความเชื่อว่าหากฝ่ายใดลุกขึ้นยืนก่อน ฝ่ายนั้นจะได้เป็นผู้ที่อยู่เหนืออีกฝ่าย ได้ยินแบบนี้แล้วก็ไม่ต้องรีบแย่งกันลุกนะคะ ลุกขึ้นพร้อมๆ กันหรือช่วยประคองกันลุกขึ้นดีกว่า ดูน่ารักอบอุ่น แล้วยังเป็นวิธีการแก้เคล็ดไปในตัวอีกด้วย

3. ในพิธีแต่งงานตามธรรมเนียมฝรั่งมีความเชื่อว่า ในวันแต่งงานหากเจ้าสาวเห็นเจ้าบ่าวก่อน เธอจะมีอำนาจเหนือเจ้าบ่าวไปตลอดชีวิต แหม…รู้อย่างนี้เจ้าสาวก็สปีดแต่งหน้าทำผมแต่งตัวมายืนรอเจ้าบ่าวที่หน้าประตูเลยไหมล่ะ ส่วนเจ้าบ่าวคนไหนที่รู้ตัวว่าสายตาไม่ค่อยดี คงต้องรีบหาตัวช่วยมาบำรุงสายตา เพื่อรับมือกันหน่อยแล้วล่ะค่ะ ไม่อย่างนั้นเธอจะแอบมองคุณจนคุณตกเป็นรองเธอทั้งชีวิตนะ

4. ในพิธีสวมแหวน หากเจ้าบ่าวเผลอทำแหวนหล่น สวมแหวนให้เจ้าสาวไม่สุด หรือต้องให้เธอช่วยสวม มีความเชื่อว่าเจ้าบ่าวจะต้องตกอยู่ในอำนาจของเจ้าสาวตลอดชีวิตการแต่งงาน รู้อย่างนี้แล้วว่าที่เจ้าบ่าวทั้งหลายอย่าลืมซ้อมสวมแหวนให้เป๊ะก่อนถึงวันจริง อ้อ…แล้วอย่าสวมผิดมือซะละ เพราะสวมผิดต้องสวมใหม่ แบบนั้นก็นับว่าพลาดนะคะ

5. ในประเพณีแต่งงานจีนในสมัยก่อน ว่ากันว่าแม่สามีจะหาจังหวะดีๆ แอบเอามือกดหัวเจ้าสาว เพื่อให้เมื่อเข้ามาอยู่ร่วมชายคา ลูกสะใภ้จะอยู่ใต้อำนาจ ประมาณว่าไม่หือไม่อือไม่ว่าจะโดนโขกสับแค่ไหน ซึ่งแม้สมัยนี้จะไม่ปรากฎการกระทำนี้ชัดๆ แต่คุณว่าที่เจ้าสาวที่จะเข้าไปเป็นสะใภ้จีนก็ระวังไว้บ้างก็ดี  ถ้าไม่เจอก็ดีไป อย่าลืมว่าแม่สามีหัวเก่ายังมีอีกเพียบ เอาเป็นว่านอบน้อมให้เห็นแต่แรก ปลอดภัยกว่าเนอะ

6. ช่วงจังหวะที่เจ้าสาวจะเข้าบ้านฝ่ายชายจะมีธรรมเนียมจีนโบราณอยู่ว่า ให้เจ้าบ่าวเอามือเท้าประตู แล้วให้เจ้าสาวมุดเข้าไป เป็นเคล็ดว่าให้ภรรยาอยู่ใต้อำนาจสามี ซึ่งถ้าคุณรู้ก่อนแล้วไม่อยากเข้าข่ายการอยู่ใต้อำนาจตามความเชื่อนี้ละก็ จับตาดูกริยาของคุณเจ้าบ่าวให้ดี ถ้ายกแขนเท้าประตูเมื่อไหร่ อย่าได้เผลอเล่นลอดวงแขนเด็ดขาด แต่ให้ทำเนียนคว้าแขนมาคล้องไว้แล้วเดินเชิดๆ เข้าบ้านซะ

ปิดท้ายด้วยความเชื่อเพื่อความมงคลของเพื่อนเจ้าสาวกันสักหน่อย ซึ่งความเชื่อแต่โบร่ำโบราณบอกว่า ในพิธีรดน้ำสังข์ของไทยๆ ใครจะมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวต้องเป็นคนที่มีแผนจะแต่งงาน ถ้าเป็นสาวโสดละก็จะโสดไปตลอดชีวิต!! แต่ในความจริงแล้ว แค่อยากให้คนที่กำลังจะแต่งงานเป็นคนต่อไปได้เห็นงานแต่งอย่างใกล้ชิดมากกว่า

ขณะเดียวกันบางความเชื่อก็บอกว่า ถ้าเป็นสาวโสดแล้วมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวในพิธีนี้ถึง 2 ครั้ง นั่นแหละ ได้โสดเศร้าตลอดชีพแน่นอน ซึ่งก็ไปคล้องจองกับความเชื่อของฝรั่งที่ถือว่า ถ้าเป็นเพื่อนเจ้าสาวถึง 3 ครั้ง หมดหวังได้เป็นเจ้าสาวแน่นอน เอาละ จะเชื่อแบบไหนดี ก็แล้วแต่วิจารณญาณนะคะ

แถมให้อีกนิดสำหรับใครที่มีคู่รักสาย ฝ. 4 ข้อห้ามในงานแต่ง…ความเชื่ออินเตอร์ที่ฝรั่งเขาทำกัน

พิธีแต่งงานอีสาน อีกหนึ่งประเพณีงานแต่งงานที่น่าสืบสานไว้

ส่อง พิธีแต่งงานอีสาน แบบครบจบทุกกระบวนการที่น่าสืบสานเอาไว้ให้คงอยู่

งานแต่งงานของหนุ่มสาวอีสานยุคนี้มีการลดทอนประเพณีบางอย่างออกไปทำให้ดูไม่แตกต่างจากงานแต่งงานของภาคกลางมากนัก มีเพียงการ “สู่ขวัญ” แทนพิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์เท่านั้นที่ยังคงเป็นจุดต่างอย่างชัดเจน แต่ถึงอย่างนั้นงานแต่งงานของบ่าวสาวชาวอีสานบางคู่ก็ยังคงไว้ซึ่งอัตลักษณ์ที่น่าสนใจเอาไว้อยู่หลายอย่าง งั้นลองมาดูกันสิว่า พิธีแต่งงานอีสาน มีอะไรที่น่าสนใจ แตกต่าง หรือเหมือนกับประเพณีงานแต่งงานทั่วไปหรือไม่ (**ทั้งนี้ทั้งนั้นแต่ละพิธีการขึ้นอยู่กับความเชื่อ หรือประเพณีแต่ละท้องถิ่นที่ถือปฏิบัติแตกต่างกันไปด้วยนะคะ)

“การโอม” พิธีสู่ขอ

เมื่อตกลงปลงใจจะใช้ชีวิตคู่ร่วมกันแล้ว ฝ่ายชายต้องให้เจ้าโคตร (ผู้ใหญ่ที่มีอาวุโสที่สุดของตระกูล) ไปสู่ขอฝ่ายหญิงซึ่งเรียกว่า “การโอม” โดยเตรียมขันใส่หมากจีบพลูพันเงิน 3 บาท ถ้าพ่อแม่ฝ่ายหญิงไม่ขัดข้องก็จะรับไว้แล้วพูดคุยเรื่องสินสอด

“กินดอง” ประกาศข่าวดี

ในแต่ละพื้นที่อาจแตกต่างกัน แต่สำหรับทางอีสานใต้ การ “กินดอง” คือการที่ฝ่ายชายเตรียมของกินดอง (ข้าวสาร เหล้าขาว ผ้าโสร่ง กล้วย เงินตามเลขมงคล เช่น 3 บาท หรือ 9 บาท เป็นต้น) แล้วให้ผู้ใหญ่ฝ่ายชายนำไปให้ฝ่ายหญิง ส่วนฝ่ายหญิงก็จะต้องเตรียมของกินดองอีกชุดให้ฝ่ายชายด้วย โดยจะให้กลับในวันเดียวกันหรือนำไปให้ทีหลังก็ได้ ทั้งนี้เพื่อบอกกล่าวแก่กันว่าเร็วๆ นี้จะมีงานมงคลระหว่าง 2 บ้านเกิดขึ้น

“ช่วยงาน” ก่อนวันแต่ง

ก่อนวันแต่งงาน 1 วัน ทางบ้านเจ้าสาวและเจ้าบ่าว (บ้านใครบ้านมัน) จะต้องเตรียมเนื้อหมูสด เหล้า เบียร์ และกับข้าวมงคล 3-4 อย่าง เช่น ลาบ แกงหมูใส่บวบ ก้อย เพื่อเอาไว้เลี้ยงคนที่มา “ช่วยงาน” ซึ่งในที่นี้คือคนที่นำซองเงินมาให้นั่นเอง โดยเมื่อให้ซองแล้วผู้ให้จะบอกกล่าวว่าต้องการอะไรกลับไป ซึ่งเจ้าบ้านก็ต้องจัดให้อย่างเหมาะสมกับจำนวนเงิน

“พิธีสู่ขวัญ” แต่งงานแบบอีสาน

เมื่อฝ่ายชายแห่ขันหมากผ่านด่านประตูเงินประตูทองเข้ามา จะต้องมีญาติผู้น้องของเจ้าสาวไปจูงพี่เขยมากราบธรณีประตู เหยียบก้อนหิน (เพื่อให้หนักแน่น) แล้วทำพิธีล้างเท้าบนใบตอง ก่อนจะก้าวข้าวธรณีขึ้นมาบนเรือน หลักจากมอบสินสอดและตรวจนับเรียบร้อยแล้ว จะมีการประกาศจำนวนสินสอดพร้อมเรียกคนในหมู่บ้าน “มาโฮม (ผูกข้อมือ) รับขวัญลูก/ หลานเขย”

พิธีแต่งงานอีสาน

จากนั้นหมอสูตรจึงเริ่มทำพิธีสู่ขวัญ เมื่อจบพิธีญาติๆ จะโยนข้าวสารโรยดอกดาวเรืองใส่บ่าวสาวที่นั่งคุกเข่าจับพาขวัญ (พานบายศรี) ไขว้กันอยู่เพื่อความเป็นสิริมงคลและเจริญงอกงาม สุดท้ายหมอสูตรจะปอกเปลือกไข่ต้มในพานขวัญแล้วผ่ากลางเพื่อทำนายคู่บ่าวสาว เช่น อยู่ร่มเย็นเป็นสุข ร่ำรวย มีลูกชายหรือลูกสาว ฯลฯ แล้วจึงให้บ่าวสาวกินไข่คนละครึ่ง

ลำดับต่อมา พ่อแม่และญาติผู้ใหญ่จะนำฝ้ายจากพาขวัญมาผูกเงินแล้วไปผูกข้อมือบ่าวสาวอีกทีพร้อมกับอวยพรเพื่อรับขวัญ ส่วนทางบ่าวสาวก็ต้องเตรียมของมอบกลับให้ด้วย ซึ่งนิยมมอบเสื่อผูกติดกับหมอน หากญาติเยอะก็เตรียมไว้ให้เฉพาะญาติอาวุโส ส่วนญาติที่เหลือก็ไหว้ขอบคุณตามปกติ เมื่อเสร็จสิ้นแล้วจึงเป็นพิธีส่งตัวเข้าหอ และเลี้ยงอาหารรับรอง (ในวันนี้บางบ้านอาจนิมนต์พระมาทำบุญตักบาตรตอนเช้าก่อนด้วย)

“ผูกข้อมือ” รับขวัญสะใภ้

ธรรมเนียมของชาวอีสานใต้นั้น หลังเสร็จพิธีที่บ้านฝ่ายหญิงแล้ว ต้องไปทำพิธีผูกข้อมือรับขวัญสะใภ้ที่บ้านฝ่ายชายในวันเดียวกัน (เลี่ยงเวลาบ่ายโมงเพราะถือว่าเป็นเวลาผีออกป่า) เมื่อเดินทางใกล้ถึงบ้านเจ้าบ่าวจะตั้งขบวนเดินเข้าบ้าน ซึ่งเจ้าสาวต้องเตรียมซองไว้ให้คนกั้นประตูเงินประตูทองด้วย จากนั้นญาติผู้น้องของเจ้าบ่าวจะมาจูงนิ้วก้อยของเจ้าสาวไปทำพิธีล้างเท้าก่อนเข้าบ้าน ซึ่งพ่อแม่ของเจ้าบ่าวจะเตรียมโสร่งและผ้าซิ่นรอไว้นุ่งให้บ่าวสาวเพื่อเป็นการรับขวัญสะใภ้ ก่อนจะจบด้วยการอวยพรผูกข้อไม้ข้อมือพร้อมเงิน สำหรับบางคนที่ให้เงินกับมือ บ่าวสาวก็จะรับมาใส่ขันเงินที่เตรียมไว้แล้วมอบหมากพลูกลับไป เสร็จแล้วจึงนับเงินและประกาศว่าบ้านนี้รับขวัญสะใภ้เงินเท่าไหร่แล้วจึงเลี้ยงรับรอง (หากบ้านเจ้าบ่าวไกลมากอาจงดพิธีนี้ได้)

ทั้งนี้ในแต่ละพื้นที่หรือบางครอบครัวอาจมีธรรมเนียมปฏิบัติที่แตกต่างกันไป บทความนี้เป็นเพียงการสะท้อนภาพขนบธรรมเนียมของชาวอีสานในท้องถิ่นหนึ่งที่นับวันจะค่อยๆ จางหายไปตามกาลเวลา

อ่าน พิธีแต่งงานภาคเหนือ ได้ที่นี่เลย

ภาพเปิด งานแต่งคุณตุ๊กกี้-สุดารัตน์ บุตรพรหม และคุณบูบู้-กำธร โพธิ์น้ำคำ ถ่ายภาพโดย Photo Painter (HD e-lee studio)
ภาพประกอบ kapook.com

7 ท่าโยคะคลายเครียดช่วยปรับบุคลิกสำหรับเจ้าสาวโดยเฉพาะ

ปรับบุคลิกให้สวยสง่าในวันแต่งงาน ด้วย 7 ท่า โยคะ ที่เราคัดมาให้สำหรับว่าที่เจ้าสาวโดยเฉพาะ ทำเองที่บ้านก็ได้ง่ายจัง

โยคะ ถือเป็น การบริหารร่างกายสุดฮิตของสาวๆยุคนี้เลยว่ามั้ยคะ เพราะนอกจากจะไม่เหนื่อยมาก (เมื่อเทียบกับการออกกำลังกายแบบอื่นๆ) ยังสามารถช่วยฟื้นฟูร่างกายได้แบบองค์รวมเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการปรับบุคลิกท่าทาง แก้อาการปวดเมื่อย หรือแม้กระทั่งบริหารระบบภายในร่างกายหรือปรับสมดุลอารมณ์ก็ยังได้ เราเล็งเห็นว่าโยคะน่าจะให้ประโยชน์กับเหล่าว่าที่เจ้าสาวมากมายเลยทีเดียว ก็เลยรวบรวมเอา 7 ท่า โยคะที่เหมาะกับว่าที่เจ้าสาวมาให้ฝึกปฏิบัติกันค่ะ ซึ่งท่าโยคะเหล่านี้จะเน้นช่วยเรื่องการผ่อนคลาย ปรับสมดุลอารมณ์ ประบสมดุลระบบขับถ่ายให้พุงยุบ และช่วยปรับท่าทางให้ดูสง่าผ่าเผยสมเจ้าสาว มาเริ่มฝึกกันเลยค่ะ!

1. Butterfly Pose (ท่าผีเสื้อ)

ประโยชน์: ช่วยเปิดข้อต่อสะโพก ลดความปวดเมื่อยของเจ้าสาวพิธีไทยที่ต้องนั่งพับเพียบนานๆ

เริ่มด้วยท่านั่งขัดสมาธิ นั่งตัวตรงไม่โก่งหลัง เอาฝ่าเท้าทั้งสองด้านมาชนกันโดยใช้มือรวบเท้าทั้งสองข้างไว้ด้วยกัน จากนั้นให้ค่อยๆดึงข้อเท้าให้เข้ามาใกล้ตัวมากที่สุดจนรู้สึกตึง แล้วค่อยพยายามกดหัวเข่าให้ใกล้กับพื้นมากที่สุด ค้างไว้ 30-45 วินาที

Butterfly Pose

2. Pigeon Pose (ท่านกพิราบ)

ประโยชน์: เหมือนกับท่า Butterfly Pose ในข้อแรก แต่โฟกัสกล้ามเนื้อต้นขาและสะโพกส่วนที่ลึกขึ้น

นั่งตัวตรงโดยที่ขาด้านซ้ายเหยียดตรงชี้ไปข้างหลัง ส่วนขาด้านขวาพับหัวเข่าดึงส้นเท้าเข้าหาตัวโดยให้หัวเข่าชี้ออกประมาณ 45 องศาจากตัว สะโพกทั้งสองข้างขนานพื้นเท่าๆกัน อย่าให้สะโพกด้านใดด้านหนึ่งติดพื้นหรือลอยขึ้นเหนือพื้นมากกว่าอีกด้าน พยายามกดสะโพกข้างซ้ายให้ใกล้พื้นมากที่สุด จากนั้นค่อยๆ เลื่อนเท้าให้ออกห่างจากตัวทีละน้อยๆ โดยที่หัวเข่ายังทำมุมเดิม จนกระทั่งรู้สึกตึง ค้างไว้ 1 นาที แล้วสลับข้าง หากอยากยืดมากขึ้นกว่าเดิม พับตัวลงมาเหยียดแขนออกเหมือนการนอนคว่ำหน้า ให้หน้าผากใกล้พื้นมากที่สุดหรือจรดพื้น

Pigeon Pose

3. Warrior II Pose (ท่านักรบที่ 2)

ประโยชน์: สร้างความแข็งแรงให้ขาและส่วนกลางลำตัว ลดความปวดเมื่อยของเจ้าสาวที่ต้องยืนนานๆ

ยืนตรง เหยียดขาข้างหนึ่งออกไปด้านหลังโดยให้ฝ่าเท้าทำมุม 90 องศากับลำตัว ย่อเข่าข้างที่อยู่ด้านหน้าให้หน้าขาขนานกับพื้นให้มากที่สุด กางแขนออกทั้งสองข้างโดยให้แขนข้างที่ชี้มาด้านหน้าเป็นข้างเดียวกับขาที่อยู่ด้านหน้า  เปิดลำตัวขนานกับสะโพก ค้างไว้ 30-45 วินาที สลับข้าง

4. Downward-Facing Dog (ท่าสุนัขยืดลง)

ประโยชน์: กระตุ้นการไหลเวียนเลือดสู่ศรีษะให้ผิวหน้าเปล่งปลั่ง สร้างความแข็งแรงให้ช่วงแขน ช่วยให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้น

เริ่มจากท่า all four หรือนั่งคุกเข่ามือทั้งสองข้างยันพื้น แล้วค่อยๆ ดึงเท้าทั้งสองข้างออกไปด้านหลังจนขาตรง ส่งก้นและสะโพกขึ้นให้สูงที่สุด พยายามดึงส้นเท้าให้ติดพื้นมากที่สุดโดยที่ขาทั้งสองข้างเหยียดตรงตลอดเวลา แขนเหยียดตรงมือกางนิ้วทั้งห้าห่างจากกัน กดโคนนิ้วชี้ทั้งสองข้างให้แน่นเพื่อช่วยพยุงตัว  พยายามดันศีรษะไปด้านหลังให้ไหล่อยู่ใกล้หูมากที่สุด สายตามองลอดหว่างขา ค้างไว้ 30-45 วินาที โดยตอนแรกที่เข้าท่าสามารถย่อเข่าสลับซ้ายขวาเบาๆ 2-3 ครั้งเพื่อยืดเส้นให้เราสามารถค้างท่าได้นานขึ้น

5. Child’s Pose (ท่าเด็ก)

ประโยชน์: ช่วยยืดหลังแก้อาการหลังค่อม และยังช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย

นั่งพับเพียบทับส้นเท้า แล้วพับตัวลงเหมือนการนอนคว่ำหน้า เหยียดแขนทั้งสองข้างออกมาด้านหน้า โดยที่ก้นกับส้นเท้าต้องติดกัน สูดหายใจข้า และออกลึกๆ ยาวๆ โดยทุกครั้งที่หายใจออก พยายามยืดหลังให้ได้มากขึ้นโดยที่ก้นกับส้นเท้ายังคงติดกัน ค้างไว้ 1-2 นาที

Child Pose

6. Camel Pose (ท่าอูฐ)

ประโยชน์: เปิดไหล่ เปิดหน้าอก แก้อาการไหล่ห่อ หลังห่อ และแก้อาการปวดหลังจากการยืนหรือนั่งนานๆ

นั่งบนเข่าทั้งสองข้าง แยกหัวเข่าออกจากกันให้เท่าความกว้างของสะโพกให้หัวแม่เท้าจิกพื้นไว้ นำมือทั้งสองข้างรองหลังช่วงล่าง หายใจเข้า เกร็งหน้าท้อง แล้วค่อยๆ ดันหน้าท้องมาด้านหน้าพร้อมๆกับแอ่นลำตัวและหัวไหล่มาด้านหลัง ***ถ้ารู้สึกตึงแล้วแค่ช่วงนี้ให้ค้างไว้ที่เท่านี้**** แต่ถ้าไปต่อได้ แอ่นหน้าท้องมาด้านหน้าเพิ่มเติม ตลอดเวลานี้พยายามเกร็งต้นขาและหน้าท้องไว้ ค่อยๆ ปล่อยมือทั้งสองข้างจากหลังช่วงล่างมาจับที่ส้นเท้า สูดหายใจเข้า สูดหายใจออกแล้วค่อยๆ ทิ้งศรีษะลงมาด้านหลัง ค้างไว้ 30-45 วินาที

7. Forward Fold (ท่ายืดก้มตัว)

ประโยชน์: กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย แก้อาการนอนไม่หลับหรือปวดหัวเรื้อรัง

ยืนตัวตรง เท้าห่างกันเล็กน้อย ค่อยๆ พับตัวลงสู่ด้านล่างโดยพับจากข้อสะโพก ดันก้นไปด้านหลังได้เล็กน้อย ทิ้งศีรษะและคอให้สบายๆ ก้มตัวลงให้มากที่สุด ถ้าจับข้อเท้าได้ให้จับข้อเท้า แต่ถ้าจับไม่ถึง ให้จับที่น่องแทน แล้วดึงลำตัวให้ชิดขา

สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องหลัง ให้เริ่มเข้าท่านี้โดยย่อเข่าลงจนเราสามารถจับถึงข้อเท้าได้โดยไม่ต้องโก่งหลังลง ลำตัวชิดหน้าขาไว้ หายใจเข้า หายใจออก แล้วยืดขาให้ตรงมากที่สุดโดยที่ไม่ปล่อยมือจากข้อเท้า ค้างไว้ 30-45 วินาที

Forward Fold

เป็นยังไงบ้างคะท่า โยคะ สำหรับเจ้าสาวเพื่อสุขภาพแข็งแรงและปรับบุคลิกให้ดูสวยสง่าในวันแต่งงาน เราแนะนำให้หาคลิปประกอบการทำท่าโดยผู้เชี่ยวชาญประกอบไปด้วยเพื่อป้องกันการบาดเจ็บจากการที่เราทำท่าไม่ถูกต้องนะคะ

ชอบคอนเท้นต์นี้ของเรา? คลิกอ่าน วิธีการ ออกกำลังกาย ที่บ้านด้วยตนเอง แต่ได้ผลเหมือนไปฟิตเนส!

credit story: bridesloveyoga.com , bridalguide.com 

วิธีเลือก ช่างแต่งหน้าเจ้าสาว ที่ใช่ เพื่อลุคสวยปังที่สุดในวันแต่งงาน!

แต่งงานเพียงครั้งเดียวในชีวิต จะเลือก ช่างแต่งหน้าเจ้าสาว ที่ใช่ เลือกยังไงให้ชัวร์ว่าวันแต่งงานเราจะสวยปังที่สุดแน่นอน แพรวเวดดิ้งมีคำตอบค่ะ

บอกเลยว่านี่ถือเป็นปัญหาหนักอกหนักใจของว่าที่เจ้าสาว เพราะเดี๋ยวนี้มี ช่างแต่งหน้าเจ้าสาว ให้เหล่าว่าที่เจ้าสาวเลือกกันอย่างมากมาย คนนั้นก็ดี คนนี้ก็ใช่ เลือกยังไงดีนะ? แล้วถ้าเลือกเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราจะมีวิธีการคุยกับ ช่างแต่งหน้าของเราอย่างไร ให้แน่ใจว่าวันจริงนั้นช่างแต่งหน้าสามารถเนรมิตเมกอัพลุคและทรงผมให้ตรงกับใจของเราที่อยากได้จริงๆ? วันนี้ แพรวเวดดิ้ง นำเอาคำตอบมาบอกว่าที่เจ้าสาวแล้วค่ะ มาดูกันเลย

1. หาสไตล์ที่ใช่สำหรับเรา

ลุคเจ้าสาวแบบไหนที่จะทำให้เรามั่นใจที่สุด? ลุคหวาน ลุคเซ็กซี่ ลุคเปรี้ยวๆ หรือลุคเรียบร้อย? ลองสังเกตตัวเองในชีวิตประจำวันดูก็ได้ว่าเราชอบแต่งหน้า แต่งตัวสไตล์ไหน ถ้าปกติเป็นคนเรียบร้อย ไม่ค่อยแต่งหน้า ก็อาจจะเลือกลุคสไตล์หวานๆ แต่งหน้าน้อยๆ ดีกว่าการแหวกลุคให้ดูเปรี้ยวหรือเซ็กซี่แล้วทำให้เราขาดความมั่นใจ ทางที่ดียึดเอาสไตล์ประจำวันของตัวเองที่เรามั่นใจเป็นต้นแบบดีกว่าค่ะ

2.  หาลิสต์ช่างแต่งหน้าเจ้าสาวที่ใกล้เคียงกับสไตล์ที่เราต้องการ

ที่จริงแล้ว ช่างแต่งหน้าเจ้าสาวส่วนใหญ่สามารถครีเอทลุคได้หลากหลายแล้วแต่ความต้องการของตัวเจ้าสาวแต่ละคน แต่ถ้าเราสังเกตดีๆ จะพบว่า ช่างแต่งหน้าเจ้าสาวแต่ละคนจะมีสไตล์ที่เป็นซิกเนเจอร์ หรือสไตล์ที่ตัวช่างแต่งหน้าเองถนัด ลองศึกษาดูผลงานที่ผ่านมาของช่างแต่งหน้าแต่ละคน หรือใช้วิธีถามเอาจากเหล่าเจ้าสาวรุ่นพี่ที่สไตล์ใกล้เคียงกับเราก็ได้นะ 

(ถ้ายังไม่มีช่างแต่งหน้าเจ้าสาวในใจ ลองคลิกเข้าไปอ่านที่นี่สิ รวมลิสต์ช่างแต่งหน้าทำผมเจ้าสาวพร้อมอัพเดทราคา)

3. ถ้าเป็นไปได้ นัดคุยกับ ช่างแต่งหน้า ก่อนวันจริง

ซึ่งสิ่งนี้เป็นคนละอย่างกับการลองแต่งหน้าก่อนวันจริงที่จะมีค่าใช้จ่ายไม่น้อยเพิ่มเข้ามา ถ้าหากคุณว่าที่เจ้าสาวมีงบไม่เยอะ ลองนัดช่างแต่งหน้ามาคุยให้เห็นตัวเป็นๆกันก่อนวันจริง บอกสไตล์ที่เราชอบให้ช่างแต่งหน้าอย่างชัดเจน อย่าลืมเตรียมรูปเมกอัพลุคที่เราชอบ หรือแบบไหนที่เราไม่อยากได้ รวมทั้งปัญหาที่เรากังวลใจ หรือส่วนไหนของใบหน้าที่เราชอบ เพื่อให้ช่างแต่งหน้าสามารถครีเอทลุคที่โดนใจเรามากที่สุดค่ะ

4. อย่าลืมถาม ช่างแต่งหน้าเจ้าสาวด้วยว่าเราต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง

ข้อนี้เป็นประเด็นสำคัญที่ว่าที่เจ้าสาวหลายคนลืมโฟกัส นอกเหนือจากการดูแลผิวหน้าตัวเองให้ดี ดื่มน้ำและพักผ่อนเยอะๆแล้ว ว่าที่เจ้าสาวไม่ควรทำอะไรกับผิวหน้าในช่วงระยะเวลาใกล้ๆวันแต่งงานบ้าง เช่น แว็กซ์คิ้ว หรือทรีทเม้นต์ผิวหน้าบางประเภท สิ่งเหล่านี้ลองถามคำแนะนำจากช่างแต่งหน้าเจ้าสาวของคุณดูค่ะ

ช่างแต่งหน้าเจ้าสาว

5. “ฟังและเชื่อใจช่างแต่งหน้าที่เราเลือกแล้ว

ท้ายที่สุดเมื่อเราได้เลือกแล้ว ว่าที่เจ้าสาวควรเปิดใจฟังช่างแต่งหน้าของเราค่ะ เพราะแน่นอนว่าช่างแต่งหน้าเจ้าสาวนั้นมีประสบการณ์และเห็นปัญหาของเจ้าสาวมานับไม่ถ้วน อะไรบางอย่างที่เรากังวลใจหรือส่วนไหนของใบหน้าที่เราไม่อยากเน้น ช่างแต่งหน้าอาจจะมีวิธีที่ช่วยให้เราสามารถเปิดเผยส่วนนั้นได้อย่างสวยงามแทนที่จะพยายามปกปิดก็ได้นะคะ (แต่ถ้าไม่เซล์ฟจริงๆ เราแนะนำให้ยืนยันกับช่างแต่งหน้าค่ะ)

ทั้งนี้ว่าที่เจ้าสาวทั้งหลายอย่าลืมนะคะ ว่าสิ่งสำคัญที่สุดจริงๆ คือความมั่นใจและออร่าของเราในวันแต่งงาน ที่จะช่วยให้เราดูสวยโดดเด่นที่สุดไม่ว่าเราจะเลือกช่างแต่งหน้าคนไหนค่ะ

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก: #Alwaysflukecrew และ Pinterest
Credit Feature Photo:Coco Bella Bride

รวมของที่ต้องมีในภาพพรีเวดดิ้ง อยากให้ภาพสวยงามมีสตอรี่ต้องทำตาม

จะถ่าย ภาพพรีเวดดิ้ง ทั้งที ต้องให้สวยปังสิจริงไหม!! นอกจากช่างภาพฝีมือดีแล้ว บ่าวสาวต้องเตรียมอะไรอีกนะ เพื่อให้ภาพสวยงามมีสตอรี่

เพราะการถ่าย ภาพพรีเวดดิ้ง ไม่ใช่แค่มายืนยิ้มให้กล้อง โอบไป โอบมา แล้วภาพจะออกมาสวยเพอร์เฟกต์ถูกต้องไหมคะ เพราะบ่าวสาวต้องมีพร้อบประกอบด้วยถึงจะเริด จะรอให้ช่างภาพจัดท่าถ่ายภาพอย่างเดียวไม่ได้หรอกเนอะ ถ้ามีสิ่งของอะไรสวยๆ งามๆ ก็ต้องจัดมาให้เต็ม รวมไปถึงสิ่งของที่มีความหมายต่อคู่บ่าวสาวด้วย ลองหยิบมาเล่นกันดูค่ะ และสิ่งที่เราจะพูดถึงต่อไปนี้ เป็นสิ่งที่ต้องมีตอนถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง

1. เวลเจ้าสาว

เวลเจ้าสายคือสัญญลักษณ์ที่เมื่อสวมใส่แล้วทุกคนจะเข้าใจว่านี่คือเจ้าสาวนะ ถ้าจะออกไปถ่ายภาพพรีเวดดิ้งแบบง่ายๆ ไม่เน้นใส่ชุดเจ้าสาวแบบเล่นใหญ่จัดเต็ม ลองเลือกชุดลำลองสีขาวสวยๆ สักชุด แล้วสวมใส่เวลรับรองเลยว่า จะเพิ่มความน่ารัก และเป็นการเล่าเรื่องได้ดีที่สุด ว่าฉันกำลังถ่ายภาพพรีเวดดิ้งอยู่นะจ๊ะ

ภาพพรีเวดดิ้ง

2. แหวนหมั้น

ของที่สำคัญของการแต่งงานอีกหนึ่งอย่างก็คือ แหวนหมั้น ถูกต้องไหมคะ เพราะเป็นแหวนคล้องใจของบ่าวสาวทุกคู่อยู่แล้ว ไหนๆ เสียเงินซื้อแหวนเพชรมาทั้งทีควรนำมาถ่ายรูปให้คุ้ม เพราะฉะนั้นเวลาถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง ก็อย่าลืมสวมใส่แหวนด้วยนะ แต่!! หากงานนี้บ่าวสาวใช้แหวนเพชรจริงๆ หรือแหวนหมั้นที่จะต้องใช้ต่อในวันงาน ก็ต้องดูแลรักษาความปลอดภัยกันให้ดีด้วย เพราะถ้าหายไปล่ะก็งานนี้ปังของจริง…ปังพินาศแน่ค๊าาาา

ภาพพรีเวดดิ้ง

3. ของแทนใจ

บ่าวสาวทุกคู่จะมีของขวัญที่เคยมอบให้กันตั้งแต่ยังเป็นแฟน ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นคู่หมั้น ถูกต้องไหมคะ ลองหาสิ่งของเหล่านั้นมาเข้าเฟรมด้วย เช่น ตุ๊กตาหมีที่เจ้าบ่าวเลือกซื้อให้เจ้าสาวตั้งแต่จีบกันใหม่ๆ เป็นต้น หากนำมาถ่ายภาพด้วยแล้ว นอกจากจะน่ารักมุ้งมิ้ง ภาพถ่ายยังช่วยบันทึกเรื่องราวที่ผ่านมาได้ดีอีกด้วยน้า

ถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง

4. ดอกไม้

ดอกไม้คือพร้อบที่บ่าวสาวทุกๆ คู่จะนำมาใช้ถ่ายภาพพรีเวดดิ้งแน่นอนอยู่แล้ว เพราะว่าดอกไม้เป็นของที่สดใส สดชื่น และยังน่ารักน่าทะนุถนอม คล้ายกับความรักของคู่บ่าวสาว ทางที่ดีลองเลือกดอกไม้ความหมายดีๆ เข้ามาประกอบฉากจะดีมากๆ เลยล่ะค่ะ

ภาพพรีเวดดิ้ง

5. ชุด

แน่นอนว่าถ่ายภาพพรีเวดดิ้งทั้งทีต้องจัดใหญ่จัดเต็ม ดังนั้นบ่าวสาวควรวางแผนเลือกใช้ชุดดีๆ นะจ๊ะ ลองเลือกให้ชุดของทั้งคู่ไปในแนวทางเดียวกัน จะได้มีธีมที่แน่นอน ถ่ายภาพออกมาจะได้สวยงาม และดูไม่แปลกนั่นเองค่ะ

ถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง

6. รูปถ่าย

งงใช่ไหมคะว่ารูปถ่ายจะนำมาใช้ได้ยังไง…. ง่ายที่สุด ลองเลือกภาพถ่ายที่มีความทรงจำดีๆ ที่ผ่านมา มาจัดเรียงให้เป็นวอลเปเปอร์สวยๆ แล้วบ่าวสาวก็อยู่ด้านหน้าของรูปภาพเหล่านี้ดู รับรองว่าภาพที่ออกมาจะสวยงามไปอีกแบบ และน่ารักมากๆ ด้วย หรือจะนำมาปิดหน้าบ่าวสาวไว้ เพื่อเน้นให้เห็นรูปภาพชัดๆ ก็ได้น้าาา ลองครีเอทกันดูนะคะ

ถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง

7.  พร้อบอื่นๆ

เช่น แว่นตา หน้ากาก หนวด หมวก จัดมาให้เต็ม จะได้มีลูกเล่นอื่นๆ ให้บ่าวสาวได้เล่นกัน แต่ต้องไม่หลุดธีมของภาพถ่ายนะคะ ดังนั้นพิจารณาดีๆ ก่อนว่าต้องการให้ธีมภาพถ่ายออกมาเป็นแบบใด

ถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง

ไอเดียทั้งหมดนี้ว่าที่บ่าวสาวก็ลองเลือกนำไปทำตามกันดูนะ นับรองว่าจะได้ภาพถ่ายพรีเวดดิ้งแบบปังๆ มีเรื่องราวออกมาแน่นอน เพราะแต่งงานทั้งทีทุกอย่างควรออกมาเป๊ะปังถูกต้องไหมเอ่ย ได้พร้อบประกอบการถ่ายภาพกันไปแล้ว ก็อย่าลืมซ้อม แอคชั่นท่าถ่ายภาพพรีเวดดิ้งแบบนายแบบนางแบบมาเอง กันด้วยนะ

ภาพจาก : Pinterest.com

เจ้าสาววัย 40 อย่าได้แคร์! เพราะเรามีวิธีเลือก สกินแคร์ ให้คุณสวยออร่าไม่แพ้ใคร!

ยุคนี้อายุ 40 ชีวิตเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น! จะเป็นเจ้าสาวในวัยแตะเลขสี่ ต้องเลือกใช้ สกินแคร์ ยังไงให้ผิวดูสวยสมวัยในวันแต่งงาน มาดูกันเลย

เคยดูซีรี่ส์เรื่อง  Sex and the city กันไหมคะ? นางเอกของเรื่องอย่าง Carrie Bradshaw เพิ่งได้แต่งงานตอนอายุนำหน้าด้วยเลขสี่ แสดงให้เห็นว่ายุคสมัยนี้ อายุไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไป และผู้หญิงเราก็สามารถดูสวย เร่ิด ได้ในทุกอายุ รวมทั้งสามารถเลือกทางเดินชีวิตตัวเองให้เป็นแบบไหนก็ได้เช่นกัน เราถึงเห็นผู้หญิงที่เป็นว่าที่เจ้าสาวในวัยใกล้ๆแตะเลขสี่กันเยอะขึ้น แต่ไม่ใช่ว่าอายุมากขึ้น เราจะต้องทำตัวร่วงโรยหรือพยายามทำให้ตัวเองดูเด็กลงจนเกินอายุจริง ความสวยของสาววัยสี่สิบ คือความภูมิฐาน และความมั่นใจอย่างดูเป็นผู้ใหญ่ต่างหาก! วันนี้ แพรวเวดดิ้งเลยอยากมาแนะนำทิปส์การดูแลผิวและการเลือก สกินแคร์ ให้กับเหล่าว่าที่เจ้าสาวที่อายุแตะเลขสี่ มาดูกันเลยค่ะว่า อยากสวยสมวัย มีอะไรที่เราต้องทำบ้างนะ

  • เริ่มจริงจังกับการขจัดเซลล์ผิวเก่าบนใบหน้า

ช่วงที่เราอายุ 20-30 ปี เซลล์ผิวหน้าจะผลัดตามรอบของตัวมันเองอย่างอัตโนมัติและมักจะไม่มีปัญหาอะไร แต่เมื่อคุณอยู่ในวัย 40 การผลัดเซลล์ผิวจะเริ่มช้าลงอย่างเห็นได้ชัด ส่งผลให้ผิวหน้าเราหมองคล้ำง่ายขึ้น และดูไม่เรียบเนียนเหมือนเมื่อก่อน ลองมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมซึ่งช่วยผลัดเซลล์ผิวหน้าอย่างอ่อนโยน เช่น AHA หรือกรดแลคติก

  • เลือกใช้สกินแคร์กลุ่มเพิ่มความชุ่มชื่น

นอกเหนือจากเซลล์ผิวเก่าจะผลัดออกช้าแล้ว เกราะป้องกันผิวของสาววัย 40 ยังไม่แข็งแรงเหมือนเก่า ส่งผลให้ความชุ่มชื่นระเหยออกจากผิวได้ง่ายดายยิ่งขึ้น รวมทั้งสาววัย 40 ส่วนใหญ่จะมองข้ามความสำคัญของการเติมความชุ่มชื่นให้ผิวแต่กลับมองหากินแคร์กลุ่มลดเลือนริ้วรอยมากกว่า หารู้ไม่ว่าสกินแคร์กลุ่มเติมความชุ่มชื่นก็มีส่วนทำให้ริ้วรอยที่เกิดจากความแห้งกร้านลดลงได้เหมือนกันนะคะ!

  • มองหาครีมกันแดดและเดย์ครีมที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ (แอนตี้อ็อกซิแดนท์)

สาวๆหลายคนคงทราบดีอยู่แล้วว่าแสงแดดมีส่วนทำลายคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวเรามีริ้วรอย แต่ในวัย 40 นั้น นอกเหนือจากครีมกันแดดที่จะต้องใช้อย่างสม่ำเสมอเป็นประจำ อยากให้ลองเพิ่มเดย์ครีมหรือครีมบำรุงผิวสำหรับกลางวัน (ซึ่งหลายชิ้นจะมีกันแดดในตัวด้วย) เลือกชิ้นที่มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันการเกิดจุดด่างดำและช่วยชะลอริ้วรอยเพิ่มเติมจากครีมกันแดดด้วยจะยิ่งดีค่ะ

  • เลือกอายครีมชิ้นใหม่ที่เหมาะกับช่วงอายุ

เพราะวัย 40 เมื่อคอลลาเจนและอิลาสตินที่ช่วยให้ผิวยืดหยุ่นลดลง ปัญหาคือหนังตาจะเริ่มตกและหย่อนคล้อยทำให้ดวงตาดูไม่สดใส จึงควรมองหาอายครีมสำหรับวัย 40 โดยเฉพาะที่เน้นการสร้างคิลลาเจนควบคู่ไปกับอิลาสตินให้รอบดวงตาดูกระชับขึ้น ซึ่งอายครีมที่มีส่วนผสมของเรตินอลอ่อนๆ ก็สามารถช่วยได้เช่นกัน

  • ครีมบำรุงผิวเนื้อเข้มข้นก่อนนอนคือสิ่งจำเป็น

อย่างที่บอกข้างต้นว่าผิวของคุณสาวๆในวัย 40 จะแห้งกร้านกว่าเดิม ควรทาไนท์ครีมหรือครีมบำรุงผิวสำหรับกลางคืนเนื้อเข้มข้นทั่วใบหน้าก่อนนอน เพื่อช่วยกักเก็บความชุ่มชื่นใต้ชั้นผิว เพื่อให้เราตื่นนอนขึ้นมาด้วยผิวหน้าสดชื่นอิ่มน้ำ ลองเลือกชิ้นที่มีส่วนผสมของเซราไมด์หรือวิตามินและ เอสเซนเชียลออยล์ ซึ่งเป็นส่วนผสมที่ช่วยสร้างเกราะป้องกันผิวและกักเก็บความชุ่มชื่น

หวังว่าเหล่าว่าที่เจ้าสาวในวัย 40 จะได้ประโยชน์จากคำแนะนำในการเตรียมสกินแคร์ของเรากันอย่างมากมายนะคะ แต่สุดท้ายแล้วอย่าลืมว่า ความมั่นใจของเราเองจะทำให้เรากลายเป็นเจ้าสาวที่สวยสง่าสมวัยที่สุดในวันแต่งงานค่ะ

หากชอบคอนเท้นต์นี้ของเรา ลองคลิกอ่าน รวมของเด็ด! ทรีทเม้น ผิวเจ้าสาว EP. 2: รูปหน้าสวยด้วยโบท็อกซ์และฟิลเลอร์

credit story: allure.com 

รีวิวขนาดสั้นกับ 36 ชุดแต่งงานแบรนด์ดัง จากเจ้าสาวรุ่นพี่

เจ้าสาวรุ่นพี่เขามี ชุดแต่งงานแบรนด์ดัง ที่สวยปังมาบอก

สำหรับเจ้าสาวที่ยังไม่มีชุดแต่งงานในใจ ลองมาดูรีวิวขนาดสั้นพร้อมความรู้สึกของเจ้าสาวตัวจริงที่สวม ชุดแต่งงานแบรนด์ดัง และดีไซเนอร์ที่มีชื่อเสียงกันดีกว่า เผื่อว่าเจ้าสาวจะสามารถนำไปเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์หรือดัดแปลงชุดแต่งงานของตัวเองกันได้บ้าง

1. เจ้าสาวต้องการชุดที่ดูเรียบง่ายแบบเข้ารูปเหมือนชุดแต่งงานของ แคโรลิน เบสเซตต์-เคนเนดี (ภรรยาจอห์น เอฟ. เคนเนดี้ จูเนียร์) แต่หลังจากที่เธอได้ลองในสไตล์ที่ใกล้เคียงกันก็พบว่ามันไม่เข้ากับเธอเอาซะเลย ซึ่งต้องขอบคุณความคิดเห็นแม่ของเธอที่แนะนำให้เจ้าสาวลองใส่ชุดแต่งงานที่ไม่ใช่สีขาว “แม่บอกฉันว่าเธออยากให้ฉันใส่ชุดแต่งงานที่มีสี” เธอกล่าว และเธอก็ได้พบกับ ชุดแต่งงานแบรนด์ดัง อย่าง Naeem Khan ในเฉดสีบลัชและเมื่อได้ลองใส่มันก็พบว่า “มันตรงข้ามกับที่ฉันคิดไว้เลย เมื่อฉันใส่มัน ทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่ามันเข้ากับฉันมาก”

ภาพ : Cambria Grace

2. เจ้าสาวที่เดินหาชุดแต่งงานไปทั่วแต่สุดท้ายก็มาจบที่ลุคซึ่งดูแตกต่างอย่างชุดแต่งงานจากแบรนด์ Leanne Marshell ตัวชุดด้านบนทำจากผ้าลูกไม้ alençon ในเฉดสีแชมเปญจับคู่กับกระโปรงผ้าออแกนซ่าให้อารมณ์พลิ้วไหว “นี่แหละคือสิ่งที่ฉันต้องการจริงๆ ขณะที่อแมนด้าพยายามจะให้ฉันลองชุดทรงเมอร์เมดเพราะมันอาจจะเหมาะกับฉันมากกว่า” เอมิลี่กล่าว ส่วนอแมนด้าใส่ชุดเกาะอกซึ่งตัวชุดด้านบนเป็นแบบคอร์เซต ส่วนด้านหลังดีไซน์พิเศษให้เป็นแบบ T-strap จากแบรนด์ Hayley Paige “มันดูสวยงามและแตกต่าง และฉันอยากที่จะใส่มันตลอดเวลา”

ภาพ : Jay Lim Studio

3. เจ้าสาวมีอาชีพ interior stylist เพราะฉะนั้นแฟชั่นของเธอจึงต้องดูแตกต่างอย่างมีสไตล์ และเมื่อเธอได้เห็นรูปชุดแต่งงานแบบเปิดไหล่ของแบรนด์ Inbal Dror เธอก็รีบตรงไปที่ร้าน Mark Ingram (ร้านขายชุดแต่งงานที่ตั้งอยู่ที่นิวยอร์ก) ทันที

ภาพ : Two Twenty by Chi Chi

4. เจ้าสาวใส่ชุดจากแบรนด์ Jonathan Simkhai ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ขายทางออนไลน์ “ฉันรักมัน มันดูไม่เหมือนชุดแต่งงานแต่ก็เต็มไปด้วยดีไซน์และรายละเอียดที่พิเศษ” เจ้าสาวกล่าว

ภาพ : Callaway Gable Studios

5. เบคคา โทบิน นักแสดงจากซีรี่ส์เรื่อง Glee เกือบที่จะเลือกใส่ชุดแต่งงานของแม่เธอซะแล้ว แต่ด้วยสไตล์ของชุดที่เป็นแคชชวลแบบงานในสวนจึงดูไม่เหมาะกับแผนแต่งงานที่เธออยากจัดในช่วงหน้าหนาว “ฉันพยายามหาชุดตามร้านต่างๆ แต่ทุกอย่างที่ฉันพบมันก็ยังไม่มีที่ฉันต้องการ จนกระทั่งฉันมาพบชุดนี้ที่ร้าน LOHO” เธอกล่าว “คริสตี้ เจ้าของร้าน LOHO ถามว่าฉันอยากได้ชุดแต่งงานแบบไหน และจากนั้นฉันก็ทำงานร่วมกับเธอและสเตฟานี่ และเหล่าดีไซเนอร์ โดยเลือกสิ่งที่ฉันชอบในแต่ละชุดและนำสิ่งเหล่านั้นมาเป็นส่วนหนึ่งในชุดแต่งงานของฉัน”

ภาพ : Carrie Patterson

6. เมื่อแฟชั่นสไตลิสต์ที่มีความคิดว่าอยากจะใส่อะไรที่ดูแตกต่างในงานแต่งงานของตัวเอง “ฉันไม่เคยจินตนาการว่าจะใส่ชุดแต่งงานแบบนั้นเลย” เธอกล่าว “ฉันพินชุดแต่งงานที่เป็นทรงเมอร์เมดเอาไว้เพราะฉันคิดว่าฉันจะใส่ชุดแบบนี้ แต่เมื่อได้ไปลองจริงๆ ฉันถึงได้รู้ว่าสิ่งนี้มันหนักและไม่ถูกต้อง!” เธอจึงตัดสินใจว่าจะไม่ใส่ชุดแต่งงานที่มีรูปแบบ traditional เธอจึงโทรหา เวดเดล จอห์นสัน ช่างตัดเสื้อที่เธอทำงานร่วมด้วยบ่อยๆ เพื่อให้ช่วยออกแบบชุดแต่งงานที่ตรงกับสไตล์ของเธอที่เป็นคอเสื้อทรงสูง “หากคุณรู้จักฉัน คุณจะรู้ว่าชุดนี้แหละที่เป็นสไตล์ฉันจริงๆ” เจ้าสาวกล่าว

ภาพ : Jenny Fu

7. เจ้าสาวเลือกชุดแต่งงานที่เป็นผ้าคอตตอนจากแบรนด์ Rue de Seine ไม่ใช่เพราะเธออยากมีลุคที่เป็นเจ้าหญิงแต่เพราะมันสะท้อนตัวตนที่แท้จริงของเธอ “ฉันต้องการบางอย่างที่สุดยอด” เจ้าสาวกล่าว

ภาพ : Carlie Statsky

8. เจ้าสาวเลือกสวมชุดจัมพ์สูทแบบสองชิ้นจากแบรนด์ Lucia Rodriguez และสวมรองเท้าส้นสูงสีน้ำเงินจากแบรนด์ Manolo Blahnik (นี่คือ something blue ของเธอ) และเวลจากแบรนด์เดียวกับชุดแต่งงาน

9. เมื่อแฟชั่นสไตลิสต์ต้องแต่งงาน แน่นอนว่าชุดแต่งงานของเธอนั้นจะต้องดูดี และชุดแต่งงานของเธอก็เป็นชุดแต่งงานจากแบรนด์ Vera Wang ที่ประดับไข่มุกไว้อย่างสวยหรู

ภาพ : Polina Vinogradova

10. เจ้าสาวสายนักข่าวสวยจนน่าหลงใหลด้วยชุดแต่งงานแขนยาวจากแบรนด์ Pronovias “เมื่อคุณได้ลองสวมมันจริงๆ คุณถึงจะรู้!” เธอกล่าวถึงชุดแต่งงานผ้าเครปทรงเอ-ไลน์ของเธอที่ฉลุลวดลายดอกไม้เอาไว้อย่างสวยงามและหรูหราด้วยกระโปรงแบบลากยาว พร้อมฮิญาบประดับเฮดพีชที่ช่วยเพิ่มความหรูหราให้กับลุคนี้ได้เป็นอย่างดี

ภาพ : The Hendricks

11. เจ้าสาวสวมชุดแต่งงานคอวีจากแบรนด์ Stone Cold Fox ที่สวยงามด้วยผ้าลูกไม้และผ่าหน้าแบบเซ็กซี่ “ฉันรู้ว่าฉันต้องการชุดแต่งงานที่ให้กลิ่นอายแบบ traditional นิดๆ ซึ่งชุดนี้ก็ดูเรียบง่ายในสไตล์บีชชี่ซึ่งเป็นแบบชุดที่ฉันมองหา”

ภาพ : Jillian Mitchell

12. เจ้าสาวสวมชุดแต่งงานแบบ custom-made ทำจากผ้าลูกไม้ ผ้าทูลล์ และผ้าชีฟอง จากแบรนด์ของเธอเองที่ชื่อว่า Cushnie et Ochs “ฉันอยากให้ชุดแต่งงานดูโรแมนติกและมีความเฟมินีน ผสมผสานกับกลิ่นอายแบบเม็กซิโก” นั่นจึงเป็นที่มาของช่วงเนคไลน์ที่เป็นระบายสุดโรแมนติก

ภาพ : Fer Juaristi

5 วันกับ 6 พิธีแต่งงานแบบจีน ฉบับสมบูรณ์ครบถ้วนไม่มีพลาด

พิธีแต่งงานแบบจีน ที่ใครว่ายุ่งยาก เราย่อมาให้อ่านแบบเข้าใจง่ายๆ ให้แล้ว

พิธีแต่งงานแบบจีน ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอีกต่อไป เพราะหลังจากที่ เตรียมตัว เตรียมของ ไปหาฤกษ์แต่งงานกัน! เรียบร้อยแล้ว เราได้ช่วยคุณให้เตรียมพร้อมกับงานแต่งที่จะเกิดขึ้นด้วยบทสรุปสั้นๆ ที่อ่านแล้วเข้าใจง่ายๆ กับ 5 วัน 6 พิธี แต่งงานแบบจีนไม่มีพลาด ที่แค่จัดตามและทำตามก็เข้าสู่ครอบครัวใหม่ได้อย่างเต็มภาคภูมิ

1. วันสู่ขอ

วันแรกของการเตรียมตัวก้าวเข้าสู่ชีวิตคู่ของหนุ่มสาว โดยในวันนี้ฝ่ายชายจะพาพ่อ แม่ แม่สื่อ (ถ้ามี) และเถ้าแก่เดินทางไปที่บ้านฝ่ายหญิงเพื่อแจ้งกำหนดการพิธีแต่งงานต่างๆ ให้ทราบโดยทั่วกัน จากนั้นก็จะตกลงเรื่องความรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในวันพิธีต่างๆ เนื่องจากธรรมเนียมแต่งงานแบบจีนจัดกันหลายวัน ทางฝ่ายหญิงและฝ่ายชายจำเป็นต้องคุยกันให้เรียบร้อยว่าใครจะดูแลค่าใช้จ่ายในพิธีไหน วันใดบ้าง และเมื่อตกลงกันเสร็จเรียบร้อย ทั้งสองฝ่ายก็ต้องจัดเตรียมสิ่งของที่จะใช้ในวันพิธี ซึ่งทั้งสองฝ่ายก็มีสิ่งของที่ต้องเตรียมไม่เหมือนกัน ใครเป็นฝ่ายเจ้าสาวตามไปอ่านที่ เช็คลิสต์! ของแต่งงานจีนเจ้าสาวต้องเตรียม ได้เลยค่ะ ส่วนฝ่ายเจ้าบ่าวก็มีให้คุณได้อ่านเหมือนกันกับเช็คลิสต์! ของแต่งงานจีนเจ้าบ่าวต้องเตรียม

สิ่งสำคัญที่ขอย้ำกับฝ่ายชายก็คือ ในวันสู่ขอ “อย่าไปมือเปล่า” คุณควรมีของฝากติดไม้ติดมือไปมอบให้กับผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าสาวด้วย ไม่ว่าจะเป็นกระเช้าผลไม้ ตะกร้าขนม หรือเครื่องดื่มสุขภาพ เช่น รังนกหรือซุปไก่สกัดก็ได้เช่นกัน แบบนี้จะช่วยให้ผู้ใหญ่ท่านเอ็นดูได้มาก

002. วันพิธี

เมื่อถึงฤกษ์ยามตามที่ซินแสบอกมาแล้ว ให้เจ้าบ่าวเคลื่อนขบวนขันหมากตรงดิ่งไปที่บ้านเจ้าสาวได้เลย ถึงแล้วก็ให้นำเครื่องขันหมากที่ต่างฝ่ายต่างเตรียมไว้มามอบให้แก่กัน โดยฝ่ายเจ้าสาวจะต้องมอบเอี๊ยมแดงและส้มเช้ง ที่เตรียมไว้ พร้อมกับคืนขนมแต่งงานครึ่งหนึ่งกลับไปให้ฝ่ายเจ้าบ่าว ส่วนฝ่ายเจ้าบ่าวก็จะต้องมอบ ปิ่นทอง (ปิ่นยู่อี่) ไว้ให้เจ้าสาว เพื่อให้เธอได้ใช้ปักผมในวันพิธีรับตัวเจ้าสาว (วันส่งตัวเจ้าสาวนั่นแหละ)

พอมาถึงตอนนี้หลายคนอาจสงสัยว่าแล้วพิธีสวมแหวนหายไปไหน? ต้องขอบอกก่อนว่า ตามธรรมเนียมจีนขนานแท้แล้วจะไม่มีพิธีสวมแหวน พิธีหมั้น และการนับสินสอดค่ะ แต่ถ้าบ้านไหนอยากให้มีพิธีเหล่านี้ หรือฝ่ายได้ฝ่ายหนึ่งเป็นครอบครัวคนไทยที่ต้องมีพิธีข้างต้น ก็สามารถแทรกไว้ก่อนที่จะมอบเครื่องขันหมากตามประเพณีจีนได้เช่นกัน

Amy-Ken-006-Chinese-Tea-wedding-ceremony-boston-massachusetts-promessa-studios-karen-eng

เตรียมงานแต่งพิธีไทย ผ่านฉลุยได้แบบไม่ต้องพึ่งแพลนเนอร์

เช็กลิสต์โดยละเอียดแบบสเต็ป บาย สเต็ป กับการ เตรียมงานแต่งพิธีไทย ด้วยตัวเอง

ถ้าคุณคือคนหนึ่งที่ไม่มีเวดดิ้งแพลนเนอร์มาช่วยดูแลงานเช้า และต้อง เตรียมงานแต่งพิธีไทย ด้วยตัวเอง อย่าเพิ่งร้อนอกร้อนใจว่าจะจัดงานเองไม่ได้ แพรว wedding มีคำแนะนำเด็ดๆ ที่จะทำให้งานเช้าของคุณ “ผ่านฉลุย”

ลำดับที่ 1 จัดระเบียบความคิด

เลือกรูปแบบงาน : พูดคุยกันเองให้ชัดเจน รวมถึงครอบครัวของสองฝ่ายว่าจะจัดพิธีเช้าในรูปแบบไหน ไทยแท้ๆ ไทยประยุกต์ ไทยผสมจีน หรืองานไทยแบบมีกลิ่นอายท้องถิ่น ฯลฯ

ลำดับพิธี : เมื่อเลือกรูปแบบงานได้แล้วให้ย่อยลำดับพิธีต่างๆ ว่าจะมีขั้นตอนอะไรและอย่างไรบ้าง บางบ้านเคร่งหน่อยอาจจัดพิธีเต็มรูปแบบ บางบ้านสบายๆ ก็อาจลดทนบางอย่างได้ ไม่มีผิดถูก อยู่ที่ตกลงกัน แต่ที่สำคัญคือ จะเพิ่มหรือลดอะไรควรแจ้งให้ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายรับทราบก่อน และอย่าลืมสอบถามความเชื่อและธรรมเนียมของแต่ละบ้านด้วย

“2 ขั้นตอนนี้สำคัญมาก เพราะถ้าไม่ตกลงกันให้ดี อาจมีผู้ใหญ่บ้านใดบ้านหนึ่งเคืองใจได้ อย่าประมาทค่านิยมและคติความเชื่อของคนเชียว”

หาฤกษ์ : ทั้งฤกษ์แต่งงาน และฤกษ์ในแต่ละลำดับพิธี (ตามความเชื่อของแต่ละบ้าน) เช่น ฤกษ์เคลื่อนขบวนขันหมาก ฤกษ์สวมแหวนหมั้น ฤกษ์ส่งตัว เป็นต้น

เตรียมพิธีแต่งงานไทย

ตั้งงบประมาณ : หลังจากได้รูปแบบงานและลำดับพิธีแล้ว ให้คุยกันเรื่องงบประมาณ เพื่อคิดรายละเอียดต่างๆ ให้สอดคล้องกับงบ เช่น ธีมงาน เป็นต้น

การตกแต่ง : ชุดเจ้าบ่าว – ชุดเจ้าสาว ชุดเพื่อนเจ้าบ่าว-เจ้าสาว เดรสโค้ด (จะมีไหม) การ์ด อาหาร จำนวนแขกที่จะเชิญ

“แนะนำให้ตั้งงบประมาณต่อจากรูปแบบและลำดับพิธี เพราะงานไทยมีความเกี่ยวข้องกับขนบธรรมเนียมประเพณี ซึ่งสำหรับหลายครอบครัวถือเป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้น หากงบน้อย แต่ผู้ใหญ่เคร่งธรรมเนียม แนะนำให้ไปลดทอนส่วนอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวกับความเชื่อแทน เช่น การตกแต่ง ชุด หรือการจัดเลี้ยง เป็นต้น”

แนะนำ 5 นักวาดภาพประกอบ การ์ดแต่งงานสุดเจ๋ง! สำหรับภาพคู่บ่าวสาว

เป็นภาพพรีเวดดิ้งก็ปัง เป็น การ์ดแต่งงาน ก็เกร๋ หรือเป็นของขวัญให้คนรักก็ชิค เราเลยแนะนำ 5 นักวาดภาพประกอบ 5 สไตล์โดดเด่น ให้ว่าที่บ่าวสาวได้เลือกใช้กันเลย

การวาดภาพประกอบสไตล์เก๋ๆ ไว้ประดับภายในงานแต่งงาน แทนภาพพรีเวดดิ้ง หรือใช้เป็น การ์ดแต่งงาน เป็นอีกหนึ่งไอเดียที่แพรวเวดดิ้งอยากจะแนะนำ เราเลยแนะนำ 5 นักวาดภาพประกอบ รุ่นใหม่ไฟแรง แถมล้วนมีดีกรีเคยร่วมงานกับนิตยสารชื่อดังและเหล่าแบรนด์ดังอีกมากมาย แต่ละคนล้วนมีสไตล์ที่โดดเด่นแตกต่าง ชอบสไตล์ไหนเลือกกันได้เลย

1. ฮิม Him HP

นักวาดภาพประกอบหนุ่มที่งานของเขาไม่เพียงเปี่ยมด้วยสเน่ห์ความหรูหราจากลายเส้นสไตล์แฟชั่น แต่เขายังโดดเด่นเรื่องการเก็บดีเทลเล็กๆและการใช้โทนสีที่มีความเฉพาะตัวไม่มีใครเหมือน ใครที่ชอบงานละเอียด งานดีเทล งานที่มีกลิ่นอายความไฮแฟชั่น เราแนะนำเขาเลย!

ช่องทางติดต่อ

Facebook: www.facebook.com/Him-HP

2. ฝ้าย Freya Art

นักวาดภาพประกอบสาวสวยสุดแนว งานของเธอโดดเด่นด้วยลายเส้นแสนละเอียดและการผสมผสานแพทเทิร์นลวดลายที่ได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ รวมทั้งการใช้สีสันสดใสทำให้ภาพดูราวกับมีชีวิต แนะนำสำหรับคู่บ่าวสาวสุดฮิปที่ชื่นชอบงานภาพสไตล์ฟุ้งฝันที่เปี่ยมด้วยดีเทล

ช่องทางติดต่อ

www.freya.art

Instagram: @freya.arts

Facebook: www.facebook.com/freya.artss

Email: [email protected]

3. พริม PRIMIITA

อีกหนึ่งนักวาดภาพประกอบสาวชื่อดังที่งานของเธอเป็นที่ชื่นชอบในหมู่สาวๆ ด้วยความโดดเด่นในการวาดคาแรคเตอร์คนให้ดูน่ารักฟรุ้งฟริ้งกรุ่นกลิ่นอายการ์ตูนญี่ปุ่น การใช้สีสันของเธอยังมีความสดใสส่งให้ภาพวาดดูมีชีวิตชีวา บ่าวสาวคู่ไหนชอบงานแนวสดใส ซอฟท์ๆ เธอคนนี้เหมาะมาก

ช่องทางติดต่อ

Line: @PRIMIITA

Instagram: PRIMIITA

Facebook: www.facebook.com/Primiita

Email: [email protected]

4. หยก Yoky

นักวาดภาพประกอบหนุ่มมาแรง งานของเขาเป็นที่ชื่นชอบในหมู่เซเลบริตี้และแบรนด์ดังมากมาย ด้วยลายเส้นและการลงสีที่เป็นซิกเนเจอร์เห็นที่ไหนก็จำได้ สไตล์การวาดภาพพอร์เทรตของเขายังเรียกได้ว่าเรียบหรูดูแพง เหมาะกับคู่บ่าวสาวที่อยากได้งานสไตล์น้อยแต่มาก เรียบแต่โก้

ช่องทางติดต่อ

Facebook: www.facebook.com/yokyillustration

Instagram: yokykrittin

Email: [email protected]

5. ตูมตาม Toom Tam

อีกหนึ่งนักวาดภาพหนุ่มสุดแนวที่งานของเขาโดนใจเราอย่างมาก เขามีวิธีการวาดภาพบุคคลที่สามารถดึงเอาคาแรคเตอร์ของคนๆนั้นออกมาได้อย่างแท้จริง รวมทั้งสไตล์การลงสีที่ดูเหมือนจะเรียบง่ายแต่มีดีเทลแสนละเอียด แนะนำสำหรับคู่บ่าวสาวที่อยากได้งานแนวเหมือนจริงแต่เปี่ยมด้วยสไตล์

การ์ดแต่งงาน

Facebook: www.facebook.com/toomtampaha

Instagram: @toomtamgalaxy

Line: toomtam17

อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับการวางแผนจัดงานแต่งงาน และดูไอเดียงานแต่งดีๆ ได้อีกเพียบที่นี่ คลิกเลย!

5 ส่วนประกอบใน มาส์กหน้า สำหรับ 5 ปัญหาผิวที่เจ้าสาวพบบ่อย!

ว่าที่เจ้าสาวที่อยากหน้าใส ลดริ้วรอย ลดสิว หรือผิวกระชับ สวนผสมใดที่ควรมองหาเมื่อเลือกซื้อ มาส์กหน้า เราหาคำตอบมาให้แล้ว

มาส์กหน้า เป็นสกินแคร์ยอดฮิตในหมู่ว่าที่เจ้าสาวที่ไม่เคยตกเทรนด์เลยนะคะ เพราะเป็นสกินแคร์กลุ่ม Intensive หรือกลุ่มที่ช่วยฟื้นฟูผิวเร่งด่วน เหมาะกับว่าที่เจ้าสาวที่เวลาเตรียมตัวน้อย เพราะช่วยแก้ปัญหาผิวต่างๆเสริมขึ้นมาจากการใช้สกินแคร์ปกติทั่วไปในชีวิตประจำวันได้อีกขั้น เปรียบเสมือนการใส่ปุ๋ยให้ต้นไม้ยังไงยังงั้นเลยละค่ะ

แต่ว่า มาสก์หน้ารุ่นใหม่ๆ เดี๋ยวนี้มีออกมาวางจำหน่ายเยอะแยะไปหมด เลือกไม่ถูกเลยว่าจะลองชิ้นไหนดี หรือชิ้นไหนที่เหมาะกับปัญหาผิวที่เราเผชิญอยู่? เราเลยมาบอกเคล็ดลับในการเลือกมาส์กหน้าสำหรับว่าที่เจ้าสาว เพียงแค่คุณรู้ว่าส่วนประกอบใด ช่วยแก้ปัญหาผิวเรื่องอะไร แค่นี้ ก็จะได้ตัดช้อยส์มาส์กหน้าที่มีอยู่มากมายในท้องตลาด แล้วเลือกลองชิ้นที่เหมาะกับปัญหาผิวเราจริงๆ ได้แล้วละค่ะ ว่าแล้วก็มาดูกันเลย

1. อยากผิวกระจ่างใส ลดจุดด่างดำ

ลองมาส์กที่มีส่วนผสมของวิตมินซีที่ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวเก่า ช่วยให้จุดด่างดำลดเลือนลง และยังช่วยแก้ปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ ใบหน้าหมองคล้ำได้ด้วย นอกเหนือจากวิตามินซีแล้ว สารสกัดจากรากลิโคไรด์ (licorice root extract) หรือสารสกัดจากกรดผลไม้ชนิดอื่นๆ รวมถึงสารสกัดจากเบอร์รี่ต่างๆ ก็ช่วยได้เหมือนกันค่ะ

2. อยากลดริ้วรอยจากความแห้งกร้าน

บางที ริ้วรอยบนผิวหน้าของเรา ก็ไม่ได้เกิดจากอายุ แต่อาจจะเกิดจากผิวแห้งตึง ลองมาส์กหน้าที่มีส่วนผสมให้ความชุ่มชื่นอย่าง กรดไฮยาลูโรนิค กลีเซอรีน และ อะโล เวร่า หรือว่านหางจระเข้ ดูค่ะ

3. อยากลดการเกิดสิว

สาวผิวมัน หรือเป็นสิวง่าย ลองมองหามาส์กที่มีส่วนผสมของกรด ซาลิไซลิค ( salicylic acid) หรือ กรด แลคติค ( lactic acid) ดูค่ะ ส่วนผสมสองชนิดนี้ ช่วยลดการเกิดสิวจากการสะสมของเชื้อโรคและการอุดตันในรูขุมขนได้ และยังช่วยให้ผิวเราดูใสขึ้นด้วย แต่ขอเตือนนิดนึงว่าอาจจะไม่เหมาะกับผิวแพ้ง่ายนะคะ

4. อยากกระชับรูขุมขน

มาส์กที่มีส่วนผสมของชาร์โคล หรือถ่าน (ที่กำลังฮิตสุดๆตอนนี้!) มีคุณสมบัติช่วยดูดซับสิ่งสกปรกตกค้างในรูขุมขนได้ เมื่อสิ่งสกปรกถูกดูดออกไป รูขุมขนของเราก็จะดูเล็กลงและลดเลือนลงได้ และมาส์กกลุ่มนี้ยังช่วยลดการเกิดสิว และช่วยให้หน้าเราดูกระจ่างใสขึ้นได้ด้วยนะ

5. อยากให้ผิวหน้าดูอ่อนเยาวขึ้น

ไม่ว่าจะเป็นปัญหาริ้วรอยจากอายุ หรือผิวดูหย่อนคล้อย เดี๋ยวนี้มีมาส์กมากมายที่มีสารสกัดจากธรรมชาติที่สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวได้ รวมทั้งส่วนผสมอย่าง Coenzyme Q10 (โคเอนไซม์ คิว เท็น) ก็สามารถช่วยเข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเส้นใยอิลาสตินใต้ชั้นผิว ให้ผิวรู้สึกกระชับขึ้น และริ้วรอยลดเลือนลงได้ค่ะ

เป็นยังไงกันบ้างคะ? 5 ส่วนผสมหลักสำหรบแก้ปัญหาผิวทั้ง 5 ประการที่เราควรมองหาในมาส์กหน้า คราวนี้เวลาไปช้อปปิ้งจะได้ไม่งง เลือกไม่ถูกกันอีกต่อไป มาส์กหน้ากันแล้วก็อย่าลืมดูแลผิวพรรณให้ถูกต้องกันตั้งแต่พื้นฐานด้วยนะคะ หากยังไม่รู้ คลิกอ่าน เลย

อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับความงามเจ้าสาวเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย!

credit story: marthastewartweddings.com