เช็กลิสต์บิวตี้ มาเตรียมเป็นเจ้าสาวสุดเพอร์เฟกต์ภายในเวลา 1 ปีกันเถอะ

ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่กันด้วย เช็กลิสต์บิวตี้ เตรียมตัวเป็นเจ้าสาว ที่เคาน์ดาวน์กันยาวๆ ตั้งแต่ต้นปีเพื่อที่จะได้สวยเป๊ะปังให้ทันวันวิวาห์ ที่แพรว wedding จัดมาให้ครบทั้ง 12 เดือน เอาล่ะถ้าพร้อมแล้วกางสมุดโน้ตแล้วจดลงตารางไว้เลยว่าต้องทำอะไรบ้าง

เดือนที่ 1 : ฟิตหุ่นเตรียมใส่ชุดแต่งงาน

เอาล่ะคะสาวๆ การจะเป็นเจ้าสาวที่สวยได้ก็ต้องมีหุ่นที่เฟิร์มและสุขภาพดี แต่อย่าชะล่าใจไปกินยาลดความอ้วน หรืออาหารเสริมที่โฆษณาสรรพคุณเกินจริงเด็ดขาด! สุขภาพที่ดีและหุ่นที่เป๊ะต้องมาจากการออกกำลังกายอย่างถูกวิธี เพราะฉะนั้นคำแนะนำสำหรับเดือนแรกของการเป็นว่าที่เจ้าสาวก็คือ ไปฟิตเนส หาเทรนเนอร์ให้เขาช่วยดูแลโปรแกรมการออกกำลังกายให้ หรือถ้าใครไม่ถนัดการออกกำลังกายแบบหนักหน่วง ก็ลองมองหาคอร์สเล่นโยคะหรือพิลาทิสก็ได้เช่นกัน

เดือนที่ 2-3 : ดูแลสภาพผิวเพื่อเปล่งออร่า

ในเดือนนี้เราอยากให้คุณลองสังเกตผิวของตัวเองดูสิว่ามีลักษณะอย่างไร ทั้งผิวหน้าและผิวกาย ใครผิวมันให้หยุดใช้สบู่ธรรมดาทั่วไปล้างหน้า แล้วหันมาหาเจลล้างหน้า คลีนเซอร์ และผลิตภัณฑ์สำหรับผิวมันใช้ ส่วนใครที่ผิวแห้งก็ลองมองหามอยซ์เจอไรเซอร์และผลิตภัณฑ์สำหรับผิวแห้งมาใช้ให้เหมาะกับสภาพผิวตัวเอง แต่ถ้ามีปัญหาสิว ฝ้า กระ ก็ต้องรีบหาทางแก้ด้วยการนัดคุณหมอผิวหนังให้คุณหมอช่วยรักษาให้

เดือนที่ 3-4 : เริ่มกำจัดขนไม่พึงประสงค์อวดผิวสวย

ใครเป็นผู้หญิงขนเยอะ ไม่ว่าจะเป็นหนวด ขนรักแร้ ขนหน้าแข้ง หรือแม้แต่แนวบิกินี่ ตอนนี้ถึงเวลามองหาวิธีการที่จะช่วยคุณกำจัดขนอันกวนใจเหล่านั้นให้เกลี้ยง แต่ก่อนจะยอมเสียตังค์เพื่อความเกลี้ยงเกลา ขอแนะนำให้คุณทำการบ้านสักนิด ลองเสิร์ชกูเกิ้ลหาวิธีกำจัดขนที่มีให้เลือกหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเลเซอร์ บาซิลเลี่ยนแว็กซ์ รวมไปถึงคลินิกหรือร้านเสริมสวยที่มีบริการเหล่านี้ ศึกษาข้อดีข้อเสียและราคาของแต่ละวิธีให้ดี ชอบใจวิธีไหนก็ตัดสินใจทำโลด

เดือนที่ 5 : เลือกแบบทรงผมในวันงาน

เดือนนี้สาวๆ น่าจะมีความสุขกับการเลือกสไตล์และทรงผมสำหรับวันแต่งงาน แต่สิ่งสำคัญที่อยากจะย้ำให้ว่าที่เจ้าสาวจำเอาไว้ก็คือ อย่าเพิ่งคิดเองเออเองว่าทรงนี้สวย เหมาะกับฉัน และฉันจะทำทรงนี้ในวันแต่งงาน ทางที่ดีขอแนะนำให้คุณเก็บรูปทรงผมนั้นไว้แล้วมองหา Hair Stylist ที่คุณไว้ใจในฝีมือของเขา ลองปรึกษาว่าทรงไหนที่คุณทำแล้วจะสวยเหมาะกับรูปหน้าและสภาพเส้นผม ส่วนใครที่คิดจะเปลี่ยนสีผมแนะนำว่าให้เริ่มลองทำสีเสียตั้งแต่ตอนนี้ เพราะถ้าเกิดปัญหาก็ยังมีเวลาให้แก้ไขได้ทัน

เดือนที่ 6-7 : ตามหาช่างแต่งหน้าคู่ใจ

หลังจากตัดสินใจเรื่องผมได้แล้ว ถัดมาก็เป็นเรื่องหน้าและลุคเจ้าสาวในวันแต่งงาน อย่าลืมกำหนดงบประมาณสำหรับการจ้างช่างแต่งหน้าให้เรียบร้อยซะก่อน ถ้าคุณมีช่างแต่งหน้าในดวงใจก็สามารถติดต่อนัดคิวนัดวัน รวมถึงปรึกษาเรื่องโทนการแต่งหน้ากันให้เรียบร้อย ส่วนเจ้าสาวคนไหนที่เชื่อมือตัวเอง อยากแต่งหน้าเองในวันแต่งงาน สิ่งสำคัญที่คุณห้ามลืมก็คือ เครื่องสำอางสูตรกันน้ำ ไม่ว่าจะเป็น อายส์ไลนเนอร์ มาสคาร่า เพื่อป้องกันน้ำตาแห่งความดีใจมาทำให้ทุกอย่างไหลเยิ้มมากองรวมกันเป็นหมีแพนด้า รวมถึงสีลิปสติกก็ควรจะเป็นสีโทนแดงหรือชมพูจะดีกว่าสีนู้ด ป้องกันไม่ให้หน้าของคุณดูซีดเหมือนเป็นคนป่วยมาแต่งงาน

เดือนที่ 8-9 : เตรียมฟันขาวเพื่อยิ้มสวย

สาวๆ คนไหนที่เป็นสาวกไวน์แดง ชา กาแฟ และน้ำดื่มสีเข้มทั้งหลายที่ส่งผลให้ฟันเหลือง คราวนี้คงต้องงดเครื่องดื่มเหล่านี้กันแบบจริงจังแล้วนะคะ ใครที่พอมีงบสำหรับเรื่องนี้แนะนำให้เดินเข้าคลินิกทำฟันแล้วปรึกษาคุณหมอได้ทันทีเลยค่ะ ส่วนใครที่ไม่ได้เตรียมงบไว้สำหรับการฟอกสีฟันกับผู้เชี่ยวชาญ อาจลองมองหายาสีฟันที่ช่วยทำให้ฟันขาวหรือชุดฟอกสีฟันแบบทำเองได้ที่บ้านมาใช้ดู แต่คงต้องให้เวลาอย่างน้อย 6 สัปดาห์ถึงจะเริ่มเห็นว่าฟันขาวขึ้น

เดือนที่ 10 : เช็คสไตล์หน้าและผมให้เข้ากันกับชุดที่ใส่

ในเดือนนี้คุณจะได้เห็นแล้วว่าชุดเจ้าสาวที่จะใส่นั้นหน้าตาเป็นอย่างไร คราวนี้ก็ถึงเวลาซ้อมเป็นเจ้าสาวด้วยการใส่ชุด แต่งหน้า ทำผม ตามที่คิดและวางแผนไว้ จากนั้นลองดูสิว่าทั้งหมดนี้ดูเข้ากันดีหรือไม่ มีตรงไหนอยากจะปรับเปลี่ยนให้ดูดีกว่าเดิมบ้าง ส่วนใครที่มีเครื่องประดับผมหรือติดเวล ควรจะฝึกติดและถอดเวล (สอนเพื่อนเจ้าสาวด้วยจะดีมาก) ให้คล่องเพื่อที่ผมจะได้ไม่เสียทรง

เดือนที่ 11 : เช็คผมกันอีกที

ตอนนี้เป็นเวลาที่เราจะต้องเช็คความเป๊ะของผมกันอีกครั้ง ใครที่ทำสีผม แนะนำให้คุณไปเติมสีหรือย้ำสีผมอีกครั้ง ใครผมยาวเกินที่ตั้งใจไว้ อยากตัดอยากเล็มก็ควรทำเสียเลย

1 สัปดาห์ก่อนวันแต่ง : กำจัดขนครั้งสุดท้าย

ก่อนหน้านี้เราก็เริ่มกำจัดขนกันไปบ้างแล้ว ใครที่ใช้วิธีเลเซอร์กันไปก่อนหน้านี้ก็คงสบายใจไปเปลาะหนึ่ง แต่ใครที่ยังไม่ได้ฤกษ์หรือยังไม่มีงบจะไปทำเลเซอร์แพงๆ ตอนนี้ praewweddingขอแนะนำให้คุณพึ่งตัวช่วยอย่างการแว็กซ์ขนไปก่อน จะซื้อผลิตภัณฑ์แว็กซ์ขนมาทำเอง หรือจะเดินเข้าร้านแว็กซ์ก็ได้ อย่าชะล่าใจไปแว็กซ์ในวันสุดท้ายก่อนแต่งเด็ดขาด เพราะผิวหนังจะแดงเป็นจุดๆ จากการแว็กซ์แน่นอน

1 วันก่อนวันแต่ง : เช็กทุกอย่างครั้งสุดท้าย

วันสำคัญมาถึงแล้วนะคะสาวๆ วันนี้แนะนำให้คุณผ่อนคลายแล้วออกไปเสริมสวยเล็บมือเล็บเท้า หลีกเลี่ยงการประโคมเล็บด้วยกลิตเตอร์ หรือการเพ้นท์เล็บเว่อร์วังต่างๆ นานา เลือกสีทาเล็บโทนนู้ด เรียบๆ จะดูหรูหรามากกว่า ส่วนใครที่ใส่ชุดเจ้าสาวแล้วแอบตึงๆ แน่นๆ ก็ควรไปสปาแล้วทำ Body wrap ก็พอช่วยลดสัดส่วนได้บ้างเล็กน้อย

การที่สาวๆ มีเวลาเตรียมตัวสำหรับงานแต่งตั้ง 1 ปีถือว่าเป็นอะไรที่เริดมากเลยนะคะ เพราะคุณจะได้ดูแลตัวเองอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ต้องเร่งรีบ สุขภาพก็ดี เรียกได้ว่าสวยจากภายในสู่ภายนอก ใครที่กำลังมีแพลนจะแต่งงานช่วงปลายปี ตอนนี้ก็เริ่มทำตามเช็กลิสต์บิวตี้อันนี้ได้แล้วนะจ๊ะ

ดูเรื่องราวเกี่ยวกับความงามและสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

เรียบเรียงจาก : www.bridalguide.com
ภาพ : www.mattkemp.com, www.pinterest.com, www.goodfon.com, aboutskincenter.com,
www.allwomensites.com, www.mujerde10.com, www.rsf-fidh-iran.org

4 เทคนิคให้บ่าวสาวพิชิตชนะทุกหน่วยเพื่อจัดงานแต่งสวยๆ ในฝัน

ช่วงเตรียม จัดงานแต่ง งานเป็นช่วงที่บ่าวสาวเกิดอาการไฝว้กันได้ง่ายมากๆ โดยเฉพาะเรื่องความต้องการในรายละเอียดภายในงานที่อาจไม่ตรงกัน แล้วทีนี้จะทำยังไงเพื่อให้การไฝว้ของคุณบรรลุผลรอบด้านจนคุณมีงานแต่งสวยๆ อย่างใจฝันใช่ไหมล่ะ บอกเลยว่าไม่ยากเท่าไหร่ แค่คุณต้องเตรียมพร้อมสักนิดโดยมี 4 เทคนิคนี้เป็นที่ตั้ง

 

1. เตรียมข้อมูลความต้องการส่วนตัวให้พร้อม

เทคนิคแรกเริ่มที่ตัวคุณเองก่อนจะดีที่สุด ไม่ว่าคุณจะเป็นว่าที่เจ้าบ่าวหรือว่าที่เจ้าสาว ถ้าอยากให้ในงานแต่งมีอะไร หาข้อมูลในทุกสิ่งที่ต้องการเอาไว้ให้พร้อม สรุปมาเลยว่าชุดแบบนี้แหละที่ฝันไว้ ธีมงานแบบไหนที่ต้องการ หรือแม้แต่สถานที่จัดงานแต่งงานในฝันต้องมีคุณสมบัติประมาณไหน ฯลฯ คุณควรหาข้อมูลเอาไว้ให้พร้อมสรรพ จากนั้นเดินหน้าสู่เทคนิคข้อต่อไปค่ะ

2. หาข้อมูลมาเปรียบเทียบเสมอ

อย่ามัดมือชกอีกฝ่ายที่คุณจะนำความต้องการไปไฝว้กับเขาด้วยทางเลือกเดียวเท่านั้น กรุณาหาข้อมูลเปรียบเทียบไว้ด้วย เพื่อให้ฝ่ายนั้นยังรู้สึกดีที่ไม่ถูกบังคับและคุณไม่ได้เป็นคนที่เอาแต่ใจตัวเองสุดๆ อย่างเรื่องชุดที่คุณอาจมีแบบทั้งของคุณและอีกฝ่ายในใจเรียบร้อยแล้ว ก็ต้องหาแบบสำรองสักหน่อยว่าถ้าชุดแบบนี้ใส่จริงแล้วไม่รุ่งจะเป็นแบบไหนแทน รวมถึงร้านสำหรับตัดชุดด้วยนะคะ อย่าหาแค่ร้านเดียว แล้วสืบราคาเตรียมไว้ เพื่อเวลาที่นำเสนอความต้องการกับอีกฝ่าย (หรือคนที่ช่วยเป็นสปอนเซอร์ให้อย่างบุพการี) จะได้มีทางเลือกมาเทียบเคียง หรืออย่างเรื่องสถานที่ ก็ควรหาที่ๆ มีคุณสมบัติใกล้เคียงกันมานำเสนอ ซึ่งจะเสนอ 2 หรือ 3 ที่ก็ว่ากันไป โดยให้มีคุณสมบัติใกล้เคียงกันสักหน่อยทั้งกับที่คุณต้องการและกับความจริงตรงหน้า

3. แลดูงบประมาณรอบด้านเสมอ

ในระหว่างที่หาข้อมูลเปรียบเทียบต้องมีเรื่องราคาเข้ามาเอี่ยวเสมอ ดังนั้นในการตั้งงบประมาณสำหรับอะไรก็ตามที่เป็นความฝันของคุณ อย่าลืมหันไปดูงบประมาณกองกลางด้วยว่า สิ่งที่ต้องการอยู่ในงบที่ตั้งไหม และถ้าคุณแบ่งก้อนงบประมาณเป็นก้อนเล็กๆ ที่คุณอาจเป็นคนจ่ายเอง ก็ต้องมองดูด้วยว่า งบนั้นจับคู่กับสิ่งที่ต้องการได้อย่างลงตัวแน่นอนใช่ไหม ไม่ใช่คิดแต่ว่าเกินงบเล็กๆ ก็ไปดึงงบใหญ่มาโปะ แบบนั้นไม่ดีแน่นอนค่ะ

4. ตีกรอบขอบเขตที่ยอมได้

จริงอยู่ที่ความอยากได้งานแต่งงานในฝันสวยๆ ทำให้หลายคนฝันฟุ้งจนยากจะหยุดฝัน แต่ในบางครั้งก็ต้องยอมรับความจริงให้ได้ว่า แม้จะพยายามทำทั้ง 3 ข้อข้างต้นมาแล้ว บางทีฝันก็ไม่เป็นจริง ฉะนั้นเพื่อไม่ให้เสียใจมากเกินไปหรือเรียกแบบดูดีหน่อยก็คือ เผื่อความผิดหวังไว้บ้าง อย่าลืมตีกรอบความฝันไว้สักนิดว่าถ้าไม่ได้อย่างที่ตั้งใจ แล้วประมาณไหนล่ะที่คุณยังโอเคแบบว่ายอมให้มันเกิดขึ้นได้แบบที่คุณก็ยังแฮปปี้

ลองเตรียมความพร้อมตามทั้ง 4 ข้อที่ว่านี้ดูค่อยไฝว้กับอีกฝ่าย แล้วคุณจะรู้ว่า หากเตรียมความต้องการมาดี ข้อมูลมีพร้อมและเหตุผลนั้นใช่ คุณจะไฝว้กับใครเรื่องไหนๆ ในช่วงเตรียมงานแต่งก็ชนะแน่นอน

ดูไอเดียงานแต่งงานและคำแนะนำดีๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

เรื่อง : ดอกปีบ
ภาพ : maxpixel

จากใจเจ้าบ่าวถึงเจ้าสาว! 4 เรื่องนี้ผมขอ…อย่าบังคับใจให้ทำในงานแต่ง

เมื่อแพรว wedding ยิงคำถามไปยังว่าที่เจ้าบ่าวว่า มีอะไรบ้างไหมที่ไม่อยากโดนบังคับให้ทำใน งานแต่ง งานของตัวเอง ก็ได้คำตอบแบบไม่ลังเลรวม 4 ข้อต่อไปนี้ พร้อมพ่วงความในใจว่า ถ้ารักกันจริงอย่าบังคับใจได้ไหม แบบว่า ผมขอ!! (เสียงดังและจริงจังมากกกกก)

1. แสดงความรู้สึกผ่านการกระทำ

แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าในโมเม้นที่อยู่บนเวทีจะต้องมีนาทีที่พิธีกรหรือแขกต่างเชียร์เสียงดังว่าหอมแก้มๆๆ แต่ก็ใช่ว่าหนุ่มๆ จะยินดีทำกันทุกคนนะคะ เพราะบางคนถึงขนาดไม่อยากทำหนักจนต้องแอบกระซิบบอกพิธีกรไว้ล่วงหน้าว่า อย่าให้มีเด็ดขาด ไม่ใช่ว่าเขารังเกียจแก้มเนียนๆ ของคุณหรอกนะคะ แต่เพราะนิสัยส่วนตัวเขาไม่ชอบแสดงออกซึ่งความรักต่อหน้าธารกำนัลจริงๆ เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องหนึ่งที่เขาอยากขอว่า อย่าบังคับใจให้ทำเลยได้โปรด

2. กล่าวคำสัญญาสาบานต่อหน้าแขก (แบบไม่เตี๊ยม)

เรียกอีกอย่างว่าไฟล์บังคับแบบว่าไม่บอกกันก่อนว่าจะมีคำถามแก้มบังคับว่า อยากกล่าวคำสัญญาอะไรกับเจ้าสาวหรือครอบครัวเจ้าสาวไหมเอ่ย? ซึ่งบางทีคำถามนี้เกิดขึ้นมาเพราะเจ้าสาวกระซิบบอกกับพิธีกรว่า อยากได้ยินคำสัญญาโดยเขาไม่ได้ตั้งตัว ซึ่งเหตุผลที่เขาขอว่าอย่าบังคับคือบางทีไม่มีเวลาได้คิด แต่ต้องพูดออกไปทำให้กลายเป็นสิ่งมัดตัวเองและกดดันตัวเองในอนาคตฉะนั้นถ้าจะให้ดี บอกกันตรงๆ ว่าจะมีสคริปต์นี้บนเวที อย่างน้อยๆ จะได้คิดก่อนตอบไงคะ

3. แต่งตัวเว่อร์แต่งหน้าจัด

‘อยากสวยก็จัดเต็มไปเลยจ้ะ แต่อย่าบังคับให้ผมต้องแต่งเว่อร์ๆ แบบที่คุณต้องการ’เพราะเจ้าสาวส่วนใหญ่จะชอบให้ทุกอย่างเป็นไปตามธีมงาน ซึ่งบางคนหมายรวมมาถึงเรื่องเสื้อผ้าของหนุ่มๆ ที่เมื่อเธอเป็นเจ้าหญิง คุณก็ต้องเป็นเจ้าชาย หรือคุณคือสาวเปรี้ยว เขาก็ต้องเปรี้ยวตาม จึงมีการบังคับใจกันให้ใส่เสื้อผ้าที่ไม่ใช่แนวของเขา ไม่ว่าจะเป็นสูทสีเงิน สีทองหรือสีพาสเทล รวมถึงการที่ต้องแต่งหน้าหนาๆ เพียงเพราะกลัวว่าถ่ายรูปออกมาแล้วจะโดดกันไปคนละทิศคนละทาง

4. เปิดฟลอร์เฟิร์สแดนซ์

นับว่าเป็นเรื่องอันดับหนึ่งที่หนุ่มๆ หลายคนขอเถอะว่า ‘อย่าบังคับให้ผมทำได้ไหม ไม่ใช่เพราะฝึกแดนซ์ไม่ได้ แต่มันไม่ใช่ตัวผมเลยจริงๆซึ่งแน่นอนว่า เมื่อไม่ใช่ตัวของเขา ความรู้สึกเหมือนตัวเองจะเป็นตัวตลกจะฝังติดในใจของเขาอยู่ลึกๆ และยิ่งต้องไปทำท่าทางที่ไม่คุ้นเคยเลยยิ่งไม่มั่นใจและพลอยไม่อยากให้มีความรู้สึกกระดากในตัวเองผุดขึ้นมา

ทั้ง 4 ข้อที่ว่ามานี้ สำหรับสาวๆ อาจจะรู้สึกว่าเรื่องเล็กจะแย่ แค่นี้ทำให้ไม่ได้เชียวหรือ แต่สำหรับหนุ่มๆ บางคนเขาซีเรียสนะคะ ซึ่งถ้าคุณรักกันจริง อยากจะให้เขาทำอะไรในงานแต่งก็ถามไถ่ความสมัครใจกันสักหน่อย  จากนั้นปรึกษาเพื่อเจอกันตรงกลาง แล้วเชื่อเถอะค่ะว่า แค่ได้คุยกันตรงๆ ว่าอยากทำหรือไม่อยากทำ ก็จะไม่มีเรื่องเคืองใจหรือเสียงบ่นตามหลังอย่างแน่นอน

ดูไอเดียงานแต่งงานและคำแนะนำดีๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย! 

เรื่อง : ดอกปีบ
ภาพ : http://tailoredfitphotography.com

เทคนิคได้ภาพงานแต่งที่ทรงพลังเป็นไกด์ให้บ่าวสาวไปเลือกช่างภาพคู่ใจ

ภาพงานแต่ง คือเครื่องมือเก็บความทรงจำอันแสนพิเศษที่เสมือนเป็นไทม์แมชชีนพาคุณย้อนกลับไปสู่ช่วงเวลาแห่งความประทับใจในวันนั้นอีกครั้ง เพราะฉะนั้นการเลือก ช่างภาพ มาเป็นผู้เก็บห้วงเวลาอันแสนพิเศษนี้จึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะหากพลาดไปเพียงเสี้ยววินาทีก็คงไม่สามารถย้อนกลับไปทำสิ่งเดิมในความรู้สึกเดิมๆ ได้อีกแล้ว แพรว wedding จึงได้สรุปแนวคิดเกี่ยวกับการ ถ่ายภาพงานแต่ง มาให้บ่าวสาวไว้เป็นแนวทางในการเลือกช่างภาพคู่ใจในวันพิเศษของคุณ

ภาพงานแต่งในอุดมคติ 

ภาพงานแต่งที่สวยคือภาพที่เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก เห็นแว่บแรกแล้วรู้สึกได้ทันทีว่ามีความรักและความสุขเกิดขึ้น เป็นภาพที่สามารถถ่ายทอดเรื่องราวในวันนั้นได้ มีการผสานกันอย่างลงตัวระหว่างการใช้ศิลปะการถ่ายภาพและการจับจังหวะของอารมณ์

B&N-Wedding_0520

ถ่ายภาพงานแต่งอย่างไรให้ดู Real

เน้นไปที่การ Candid โดยไม่จำเป็นต้องจัดวางคนให้อยู่ในคอมโพส ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ เพื่อจับอารมณ์ของคน และแนะนำว่าไม่ควรปรับสีภาพมากเกินไป คงความเป็นธรรมชาติไว้ดีที่สุด

PP&Bank-myo_0928-

ช็อตที่ดีที่สุดคือ…

เพราะการถ่ายภาพงานแต่งเป็นการถ่ายจากสถานการณ์จริง ไม่สามารถเซ็ตได้อย่างการถ่ายภาพในสตูดิโอ ดังนั้นช่างภาพจึงต้องมีความตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาและคิดไว้เสมอว่าภาพที่ดีที่สุดจะเกิดขึ้นในวินาทีใดก็ได้ โดยทั่วไปช็อตสำคัญหลักๆ จะเป็นช็อตสวมแหวน ตัดเค้ก โยนดอกไม้ แต่ความจริงแล้วช็อตที่สำคัญและหายากกว่านั้นคือช็อตอารมณ์ที่เกิดขึ้นจริง เพราะช็อตแบบนี้เราสั่งให้บ่าวสาวทำใหม่ไม่ได้ สำหรับบางคนเป็นครั้งแรกในชีวิต เกิดขึ้นครั้งเดียวแล้วผ่านไป เรามีหน้าที่บันทึกทุกวินาทีแห่งความประทับใจเอาไว้ให้เขา

tang-1

เลือกช่างภาพคู่ใจอย่างไรให้เป๊ะ

อันดับแรกบ่าวสาวควรพิจารณาจากความชอบของตัวเองก่อนว่าชอบภาพสไตล์ไหน โดยเลือกดูจากผลงานของช่างภาพหลายๆ คน เปรียบเทียบเพื่อค้นหาช่างภาพที่มีผลงานตรงตามสไตล์ภาพตามที่ชื่นชอบ และหลังจากที่เลือกได้แล้วควรมีการนัดเจอเพื่อพูดคุยกับช่างภาพก่อน ทั้งนี้ก็เพื่อให้ว่าที่บ่าวสาวและช่างภาพมองเห็นความต้องการได้ตรงกัน อีกทั้งยังได้เห็นถึงบุคลิกวิธีการพูดจาและวิธีการทำงานคร่าวๆ ของช่างภาพที่คุณจะเลือกให้มาดูแลความทรงจำที่สำคัญที่สุดในชีวิต

ดูไอเดียงานแต่งงานและคำแนะนำดีๆ อีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย!

ดอกไม้งานแต่งงาน สุดฮิต! พร้อมทริคไม่เหี่ยวก่อนจบงาน

สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับงานแต่งงานรูปแบบสากลเห็นทีจะเป็น ดอกไม้งานแต่งงาน นานาชนิดที่นำมาประดับประดาสร้างบรรยากาศทั่วทุกมุมของงานแต่งงาน หรือแม้แต่เจ้าสาวก็ต้องมีช่อดอกไม้อยู่ในมือ โดยที่เห็นอยู่บ่อยครั้งจะมีดอกไม้ 5 ชนิดต่อไปนี้ที่เรานำมาฝาก พร้อมกับทริคการดูแลรักษาไม่ให้ดอกไม้เหี่ยวเฉาก่อนงานเลี้ยงเลิกลา ซึ่งจะมีอะไรบ้างตามมาดูกันได้เลยค่ะ

 

ดอกกุหลาบ

ดอกไม้งานแต่งงาน

เรียกได้ว่าเป็นดอกไม้สุดฮิตที่ต้องนำมาใช้เกือบทุกงานแต่ง เพราะเป็นดอกไม้ที่สื่อถึงความรักความโรแมนติกและเป็นสัญลักษณ์ของวันแห่งความรักอีกด้วย กุหลาบที่จะนำมาใช้ในงานกลีบดอกไม้ต้องมีสีไม่หมองคล้ำ และควรเป็นกุหลาบที่สด ซึ่งมีวิธีดูแลคือให้ลองบีบส่วนที่เป็นฐานรองดอกไม้ จากนั้นลองสังเกตดูว่าฐานนิ่มหรือแข็ง ถ้าคุณรู้สึกว่าฐานมันนิ่มแสดงว่ากุหลาบดอกนั้นเก่าไปแล้วค่ะ

 

ดอกคาเนชั่น

ดอกไม้งานแต่งงาน

เป็นดอกไม้ที่ต้องการความชื้นเป็นพิเศษ เมื่อต้องการนำไปตกแต่งปักกับโฟมหรือโอเอซิสให้ตัดก้านบริเวณเหนือข้อต่อขึ้นไป ก้านจะดูดน้ำได้ง่ายยิ่งขึ้น และหมั่นทำให้ฐานที่เรานำไปปักนั้นมีความชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา ดอกคาเนชั่นที่ส่วนใหญ่นิยมใช้ในงานแต่งงานจะเป็นสีชมพูและสีขาว แต่ความจริงแล้วดอกคาเนชั่นนั้นมีมากมายหลายสี และแต่ละสีจะมีความหมายที่แตกต่างกันออกไปอีกด้วย เช่น สีขาวถือเป็นการใช้แสดงความยินดีในพิธีต่างๆ หรือสีชมพูสื่อถึงการสารภาพความในใจ หากคุณได้รับแสดงว่าเขาคนนั้นกำลังสารภาพรักกับคุณอยู่น้า

 

ดอกลิลลี่

ดอกไม้งานแต่งงาน

ดอกไม้ราคาแพง มีขนาดใหญ่ดูสง่างามเหมือนกับเจ้าสาว จึงนิยมนำมาใช้ในงานแต่งงาน เช่น ใช้ประดับซุ้ม ใช้เป็นช่อดอกไม้ นอกจากนี้ยังเชื่อว่าเป็นดอกไม้ประจำราศีกุมภ์และราศีพฤษภ คู่บ่าวสาวคนไหนเกิดในสองราศีนี้อย่าลืมเอาดอกลิลลี่มาตกแต่งในงานนะคะ  ข้อแนะนำสำหรับการจัดตกแต่งสถานที่โดยใช้ดอกลิลลี่ควรเลือกให้ดอกลิลลี่อยู่บริเวณที่ร่ม อากาศโปร่ง ไม่นำไปใช้จัดตกแต่งบริเวณที่มีแสงแดดแรงเพราะจะทำให้เหี่ยวเร็วขึ้น

 

ดอกไฮเดรนเยีย

ดอกไม้งานแต่งงาน

ลักษณะมีกลีบดอกที่บาง สีสันสวยงามเป็นสีพาสเทลหวานๆ หลากหลายสีให้คุณได้เลือก นำมาทำเป็นช่อเดี่ยวๆ จะดูเป็นพุ่มเล็กๆ มีความน่ารักเหมาะกับเป็นดอกไม้ในมือเจ้าสาว เมื่อนำดอกไม้ชนิดนี้ตัดออกมาจากต้นเมื่อไหร่ให้รู้ไว้เลยว่าจะเหี่ยวเร็วมากกกกกก เป็นดอกไม้ที่มีความบอบบางต้องดูแลรักษาเป็นพิเศษ วิธีดูแลก็ง่ายนิดเดียวค่ะ เพียงใช้ผ้าชุบน้ำเย็นมาห่อปลายก้านไว้แล้วคอยดูแลให้ผ้าชุ่มอยู่เสมอ แค่นี้ดอกไฮเดรนเยียก็จะอยู่ได้นานขึ้นแล้วค่ะ

 

ดอกคัตเตอร์

ดอกไม้งานแต่งงาน

มีขนาดเล็กน่ารักมุ้งมิ้ง ส่วนใหญ่นำมาแซมกับดอกไม้อื่นๆ ให้ดูสวยงามมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญเห็นดอกเล็กๆ แบบนี้แต่อยู่ได้นานเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังถือว่าเป็นดอกไม้ที่มีความสำคัญมาก ถ้าเปรียบเป็นละครคงได้รับบทพระรอง เพราะเจ้าดอกคัตเตอร์นี้จะเป็นตัวช่วยเสริมให้ดอกไม้อื่นๆ ดูมีความโดดเด่นขึ้นมาในทันที จึงเข้ากับความหมายที่ว่า ‘แม้ฉันจะอยู่นอกสายตาของคุณ แต่ฉันจะยังมีเพียงคุณเสมอ’ อย่าเพิ่งซึ้งกันไปมากกว่านี้นะคะ ยังมีบทความ ดอกไม้มงคลสำหรับงานแต่งแบบไทย รอคุณอยู่!

ภาพจาก : news.vse42.ru, pinterest.com

3 สเต็ปที่บ่าวสาวควรรู้ เกี่ยวกับการจัดการสไตล์งานแต่งงานของตัวเอง

ถ้าจะถามว่าขั้นตอนไหนในการจัดงานแต่งงานที่ยากที่สุด ก็คงหนีไม่พ้น ขั้นตอนแรกอย่างการเลือกธีมงานนี่แหละ ว่าที่บ่าวสาวคนไหนที่รู้ความต้องการและสไตล์ของตัวเองแบบแน่ชัดก็ถือว่าโชคดีไป แต่คู่ไหนที่ไม่มีแบบในใจก็อาจจะยากหน่อย เพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจับต้นชนปลายยังไงดี แพรว wedding ก็เลยมี 3 สเต็ปง่ายๆ ที่จะช่วยให้ว่าที่บ่าวสาวค้นพบ สไตล์งานแต่งงาน ของตัวเองได้มาฝาก

1. ทุกอย่างเริ่มต้นด้วยบอร์ดแห่งแรงบันดาลใจ

พูดง่ายๆ ก็คือการหาภาพเรเฟอร์เรนซ์ของสิ่งต่างๆ ที่บ่าวสาวอยากได้และอยากให้มีในงานแต่งงานของตัวเอง แล้วนำทุกอย่างมารวมกันไว้ในบอร์ดเดียวกัน ซึ่งบอร์ดในที่นี่ บ่าวสาวอาจจะปริ้นต์ภาพแล้วนำมาติดไว้บนบอร์ดจริงๆ หรือจะเลือกวิธีการสร้างบอร์ดใหม่ใน Pinterest และเริ่มต้นปักทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณชอบและอยากที่จะให้เกิดขึ้นหรือมีอยู่ในงานแต่งงานของคุณลงไป แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่บ่าวสาวเลือกปักนั้นจะต้องอยู่บนพื้นฐานที่ว่า สิ่งนั้นต้องสะท้อนสไตล์ของบ่าวสาว หรือเรื่องราวที่คุณอยากจะสื่อสารในวันสำคัญด้วย

ซึ่งบอร์ดที่บ่าวสาวสร้างขึ้นนี้ อาจจะปรากฏธีมสีของงานแต่งขึ้นมา ทำให้บ่าวสาวเห็นอารมณ์ของภาพถ่ายว่า งานแต่งของคุณจะออกมาประมาณไหน หรืออาจจะมองเห็นรายละเอียดบางอย่างที่สอดคล้องกับสิ่งที่บ่าวสาวอยากได้ก็ได้

ที่สำคัญบ่าวสาวไม่จำเป็นต้องหาเรฟเฟอร์เรนซ์จากโลกของงานแต่งงานเท่านั้น เพราะบางครั้งแรงบันดาลใจหรือไอเดียดีๆ ต่างๆ อาจจะซ่อนอยู่ที่ ฟ้อนต์ตัวอักษรจากนิตยสาร, หรือเฉดสีของการอาคารต่างๆ เป็นต้น

เมื่อบ่าวสาวได้ภาพที่ต้องการและเหมาะสมกับธีมที่อยากได้ประมาณหนึ่ง ก็ลองกลับไปยังบอร์ด เพื่อคัดเลือกภาพที่คิดว่าตรงกับตัวเองที่สุด ภาพไหนที่ใช่และไม่ใช่มากที่สุด โดยบ่าวสาวอาจจะต้องถามตัวเองว่าภาพไหนที่ดูเป็นตัวเองและคนรักมากที่สุด พร้อมเหตุผลที่ว่าทำไมคุณถึงอยากได้มัน และตัดมันออกไปไม่ได้ หลังจากเลือกได้แล้วจึงปริ้นต์ภาพออมา

2. กำหนดธีมงานและรายละเอียด

เมื่อปริ้นต์ภาพออกมาแล้ว บ่าวสาวอาจจะเริ่มมองเห็นธีมงานที่มีความคล้ายคลึงกับภาพที่บ่าวสาวต้องการชัดเจนขึ้น จากนั้นอาจจะเริ่มจัดกรุ๊ปรูปภาพแต่ละรูปภาพที่เข้ากันไว้ด้วยกัน หลังจากนั้นลองดูอีกครั้งว่า กลุ่มไหนที่คุณชอบและสามารถทำให้เกิดขึ้นได้จริง ซึ่งสิ่งนั้นนั่นแหละที่จะกลายมาเป็นธีมงานแต่งงานของคุณ ซึ่งเมื่อธีมงานของบ่าวสาวชัดเจนแล้ว ก็จะทำให้คุณสามารถรู้ได้ว่าสถานที่แต่งงานของคุณนั้นจะต้องเป็นสถานที่แบบไหนด้วย

3. เริ่มดึงรายละเอียดต่างๆ ออกมา

เนื่องจากรายละเอียดเหล่านี้เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้น อันดับแรกอาจจะเริ่มจากการดึงสีหลักออกมาจากภาพก่อน เช่น อาจจะลองนำภาพไปเปรียบเทียบกับแพนโทน จากนั้นก็เริ่มดูอิลิเม้นต์อื่นๆ อย่าง พร็อพส์ รูปแบบการตกแต่ง และรูปแบบชุดแต่งงานของบ่าวสาว

สุดท้ายเก็บทุกภาพแล้วรวมเอาไว้ในโฟลเดอร์เดียวกัน จากนั้นก็เริ่มดำเนินการในการหาสิ่งต่างๆ เพื่อนำมาประกอบให้เป็นงานแต่งงานในฝันของบ่าวสาว เช่น หากว่าที่บ่าวสาวเลือกที่จะจัดงานแต่งงานเอง งานนี้บรรดาเพื่อนๆ ญาติสนิท ก็อาจจะต้องเข้ามามีส่วนร่วมกันเยอะหน่อย โดยการแจกจ่ายงานให้ตามความถนัด

แต่ถ้าหากว่าที่บ่าวสาวเลือกใช้บริการเวดดิ้งแพลนเนอร์ ก็เพียงแค่นำโฟลเดอร์ภาพนี้ไปเปิดให้แพลนเนอร์ดู เพื่อให้แพลนเนอร์เข้าใจรูปแบบของงานที่บ่าวสาวอยากได้ จากนั้นก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของมืออาชีพ

ซึ่งไม่ว่าจะเลือกจัดงานแต่งเอง หรือให้แพลนเนอร์จัดให้ สุดท้ายว่าที่บ่าวสาวก็เป็นเหมือนผู้ควบคุมงานและดูภาพรวมให้ออกมาเหมือนบอร์ดภาพที่คุณสร้างไว้ให้มากที่สุด สุดท้าย แพรว wedding ขอให้บ่าวสาวมีความสุขในการวางแผนการจัดงานแต่งงานนะคะ ^^

 

ติดตามไอเดียดีๆ เกี่ยวกับงานแต่งงานอีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ stocksnap.io, pinterest

เคล็ดลับก่อนตัดสินใจเลือกเรือนหอยังไงให้ถูกใจและถูกต้องอยู่ได้ยาวๆ

จะสร้างอนาคตร่วมกันทั้งทีทำเลดีๆ สำหรับสร้าง เรือนหอ เป็นสิ่งจำเป็นนะคะ โดยเฉพาะในยุคสมัยนี้ที่โครงการที่อยู่อาศัยผุดขึ้นมาราวกับดอกเห็ด แถมยังพ่วงมาพร้อมข้อดีและโปรโมชั่นเริดๆ ซึ่งสร้างความลำบากใจในการตัดสินใจให้กับคู่รักไม่น้อย แพรว wedding เลยอาสาไปถามกูรูเรื่องบ้านมาให้ว่า มีประเด็นไหนบ้างที่คู่รักควรนำไปคิดก่อนตัดสินใจเลือกซื้อเรือนหอ

1

 

ทำเลเหมาะสม

เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่งในการตัดสินใจซื้อเรือนหอเลยก็ว่าได้นะคะ คู่รักควรเลือกเรือนหอที่อยู่ในทำเลที่ตั้งที่สมาชิกในครอบครัวสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกที่สุด สำหรับเดินทางไปทำงานและใช้ชีวิตประจำวัน อยู่ในทำเลที่ใกล้แหล่งสาธารณูปโภค สาธารณูปการต่างๆ และ ถ้าอยู่ใกล้โรงเรียนด้วยจะเป็นทางเลือกที่ดีมากเพราะเมื่อเจ้าตัวน้อยที่จะมาเป็นสมาชิกใหม่ในอนาคตต้องหาที่เรียนก็จะได้ไม่ต้องมาปวดหัวทีหลัง เพราะต้องเดินทางไกลกว่าจะถึงโรงเรียน

2

เลือกบ้านที่คำนึงถึงพื้นที่การใช้สอย

ไม่ว่ารูปแบบเรือนหอในฝันของคุณจะเป็นแบบไหน สิ่งสำคัญคือควรเป็นเรือนหอที่มีพื้นที่ใช้สอยเพียงพอสำหรับทุกคน รวมถึงเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตในการต้อนรับเจ้าตัวเล็กที่กำลังเพิ่มขึ้นมา บ้านต้องมีฟังก์ชั่นภายในบ้านตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่สมบรูณ์ อาทิห้องนอนใหญ่พร้อมพื้นที่สำหรับ walk- in closet ห้องนอนเล็กรองรับเจ้าตัวน้อย หรือพื้นที่สีเขียวภายในบ้านให้ครอบครัวใช้ทำกิจกรรมร่วมกัน พื้นที่ออกแบบเป็นสัดส่วนสำหรับทุกคนในครอบครัวได้อย่างลงตัว เพิ่มสีสันตามสไตล์ตัวเองด้วยรูปแบบการตกแต่งบ้านไปตามยุคสมัยและความชอบที่ต่างกันได้

3

ราคาที่เหมาะสมสัมพันธ์กับงบประมาณและความสุข

เรือนหอสวยถูกใจแต่ราคาสูงเกินรับไหวแบบนั้นชีวิตลำบากแน่นอน ก่อนจะซื้อบ้านอย่าลืมคำนวณรายรับรายจ่ายที่มีอยู่ของคุณทั้งคู่แล้วช่วยกันตั้งงบประมาณร่วมกัน แม้จะเป็นการกู้เงินร่วมกันเพื่อเริ่มต้นรับผิดชอบเรือนหอหลังนี้ในฐานะคู่ชีวิต แต่ค่าใช้จ่ายทั้งหลายต้องเผื่อฉุกเฉินเสมอ ฉะนั้นทุกคู่รักจึงควรพิจารณาราคาตั้งต้น บวกดอกเบี้ยและระยะเวลาการอยู่อาศัยคู่กับความมั่นคงในหน้าที่การงานของคุณว่าสมดุลกันหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นแล้วแทนที่จะอยู่บ้านใหม่ด้วยความสุข อาจกลายเป็นทุกข์ไปได้โดยไม่รู้ตัว

4

ชื่อเสียงของบริษัทเจ้าของโครงการ

จริงอยู่ที่โครงการบ้านจัดสรรมีให้เลือกมากมาย แต่ชื่อเสียงและการยอมรับในแต่ละโครงการมีไม่เท่ากันนะคะ ก่อนตัดสินใจเลือกเรือนหอ ทุกคู่รักจึงควรสืบไปถึงการยอมรับในชื่อเสียงของโครงการนั้นๆ ประกอบการตัดสินใจเสมอ ซึ่งการยอมรับในชื่อเสียงที่ว่านี้ ไม่ได้มีแค่เรื่องแบบบ้านสวยหรือทำเลดี แต่เป็นบ้านที่ถูกออกแบบให้ลงตัวกับการใช้ชีวิต การใช้งานที่ลงตัว การดูแลลูกบ้านหลังการขาย ระบบความปลอดภัยต่างๆ เพราะนั่นหมายถึงความรับผิดชอบที่ทางโครงการมีต่อลูกบ้านอย่างรอบด้าน

สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามอีกอย่างหนึ่งคือ การพิจารณาบริษัทผู้เป็นเจ้าของโครงการว่ามีความน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน และได้รับการยอมรับในระดับใด อาจพิจารณาจากการได้รับความนิยมและยอมรับสูง จึงควรนำมาเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ในการตัดสินใจเลือกซื้อเป็นเรือนหอ

5-1

 

 

พื้นที่ส่วนกลางมีอะไรบ้าง

ส่วนกลางเป็นพื้นที่สำคัญที่ครอบครัวจะมาใช้เวลาทำกิจกรรมนอกบ้านร่วมกันเพื่อเติมเต็มความสุขให้ครอบครัว ความร่มรื่นของโครงการตั้งแต่ทางเข้าที่มีอุโมงค์ต้นไม้ขนาดใหญ่ เชื่อมต่อกับพื้นที่สวนส่วนกลางที่เน้นความเป็น Park สามารถใช้งานได้จริงทั้งพักผ่อนและทำกิจกรรมสันทนาการ จะปั่นจักรยานหรือ jogging ยามเช้า รับวิวสวนสวยก็ได้ พร้อมสระว่ายน้ำและฟิตเนส
เหล่านี้ถือว่าเป็นส่วนกลางที่คู่รักยุคนี้ควรให้ความสำคัญในการตัดสินใจซื้อเรือนหอนะคะเนื่องจากพื้นที่ส่วนนี้จะช่วยให้คุณได้เปลี่ยนบรรยากาศการอยู่ร่วมกัน ได้ใช้เวลาว่างร่วมกันนอกบ้านแบบที่ไม่ต้องเดินทางไปไหนไกล

7

เห็นไหมคะว่า ไม่ยากสักนิดที่จะซื้อเรือนหอสักหลังกับโครงการบ้านคุณภาพดี ที่คุณทั้งคู่ยังคงได้ร่วมกันออกแบบพื้นที่ให้เกิดประโยชน์ ใช้งานได้จริงทุกตารางเมตรและมีความลงตัวในทุกความต่าง

อ่านข้อมูลเกี่ยวกับการวางแผนจัดงานแต่งงานและดูไอเดียงานแต่งได้อีกเพียบที่นี่ คลิกเลย —  https://praewwedding.com/planning

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : โครงการคณาสิริ  WWW.SANSIRI.COM
ภาพเปิด : home.howstuffworks.com

จะอวดต้องเป๊ะ! 10 เคล็ดลับถ่ายเซลฟี่แหวนแต่งงานให้สวยเริ่ดและน่าอิจฉา

ถึงจะมีมือถือสุดล้ำที่มาคู่กล้องความละเอียดสูง แต่ถ้าใช้ไม่เป็นก็เท่านั้น ยิ่งจะเอามาถ่ายเซลฟี่ แหวนแต่งงาน ที่เขาเพิ่งสวมให้หมาดๆ อวดให้คนทั้งโลกออนไลน์ได้อิจฉา ต้องถ่ายให้สวยเป๊ะ ประกายเพชรต้องปิ๊งๆ ไม่ใช่ดูแล้วเหมือนจุดสีขาวๆ บนหน้าจอจริงไหมค่ะ ถ้าเห็นด้วยละก็ มาเตรียมตัวถ่ายเซลฟี่แหวนให้แจ่มกับแพรว wedding ไหมล่ะ

1. หามุมสวยและทำความรู้จักแหวนของคุณก่อน : ก่อนจะถ่ายเซลฟี่แหวนแต่งงาน ต้องศึกษาแหวนวงงามของคุณก่อนนะคะว่ามุมไหนสวย มุมไหนเด้ง และต้องไม่ลืมศึกษามุมสวยเมื่ออยู่บนมือเรียวของคุณด้วยนะคะ จะได้มีภาพที่น่าประทับใจที่สุดจากวงแหวนของคุณไงล่ะ

แหวนแต่งงาน

2. แสงธรรมชาติช่วยรูปสวยเสมอ : ถ้าคุณไม่ได้เซลฟี่แหวนของคุณนอกบ้านท่ามกลางแสงสว่างธรรมชาติ เดินไปริมหน้าต่างแล้วยื่นมือให้แสงแดดส่องมากระทบที่แหวน จากนั้นลองพลิกมือซ้ายขวาหามุมที่ประกายเพชรส่องพลังให้มากที่สุดค่อยถ่าย

3. โคมไฟ-ไฟฉายต้องใช้ : อาศัยการจัดแสงด้วยตัวเองค่ะ ถ้ามีโคมไฟตั้งโต๊ะก็เปิดซะแล้วยื่นมือที่สวมแหวนพร้อมเข้าไป พลิกมือซ้ายขวาให้ได้มุม แต่ถ้ามีลูกมือละก็ เปิดไฟฉายค่ะแล้วส่องที่แหวนบนมือค่อยกดโฟกัสหัวแหวนและถ่าย

แหวนแต่งงาน

4. ทำเล็บก่อนถ่ายด้วยสิ : จริงอยู่ที่จุดประสงค์คือการอวดแหวน แต่มือและเล็บคือองค์ประกอบสำคัญที่จะบอกว่าภาพนั้นสวยเป๊ะหรือเปล่า ยิ่งถ้าคุณเป็นสาวที่มีนิสัยชอบกัดเล็บด้วยแล้วละก็ ขอบังคับให้ไปทำเล็บค่อยถ่ายจะดีมากๆ

5.ฉากหลังสวยๆ คู่เทคนิคหน้าชัดหลังเบลอ : อีกหนึ่งสิ่งที่จะทำให้การเซลฟี่อวดแหวนแต่งงานของคุณได้รับการกดไลค์และเพิ่มความอิจฉาให้เพื่อนๆ ก็คือ การพาแหวนวงนั้นออกเดินทางไปยังสถานที่สวยๆ เพื่อให้สถานที่นั้นเป็นฉากหลัง เมื่อจะถ่ายก็ใช้เทคนิคหน้าชัดหลังเบลอ ซึ่งแน่นอนว่าหน้าที่ชัดคือหน้าแหวนแต่งงาน ส่วนหลังเบลอๆ ก็ฉากหลังไงคะ

6. จัดการขนออกไปก่อน : อย่าลืมนะว่า แหวนสวมลงนิ้ว และคุณจิ้มหน้าจอเพื่อโฟกัสแหวน แต่กล้องของคุณอาจเก็บเอารายละเอียดใกล้ๆ อย่างขนอ่อนๆ ที่อยู่บนนิ้วมาด้วย แบบนั้นน่ะทำให้รูปไม่งามเป๊ะแน่นอน

แหวนแต่งงาน

7. วางมือแบบไม่จงใจถ่าย : เคล็ดลับนี้อาจต้องมีพร้อพช่วย เพื่อให้ภาพการเซลฟี่อวดแหวนดูสมูทขึ้น และไม่โดนเม้าว่าขี้อวดเกินเหตุ ก็แค่หยิบคลัชใบเก๋มาถือ หรือแก้วน้ำงามๆ มาวางไว้ วางมือลงไปแล้วแชะๆ ก็ได้อารมณ์แบบว่า อุ้ยตาย! ไม่ได้อยากอวด แค่อยากโชว์ไลฟ์สไตล์

8. ใช้แอพฯ ช่วยให้ดูดี : เรื่องการเลือกแอพมาทำสวย แพรว wedding คงไม่ต้องแนะนำ ซึ่งนั่นแปลว่า แอพฯ ไหนช่วยทำให้ภาพคมสวมขึ้น ก็เลือกใช้ซะ แต่ครั้งนี้ใช้กับมือและแหวนที่อยากเซลฟี่ไงละ ไม่เห็นจะยาก

แหวนแต่งงาน

9. ใส่ฟิลเตอร์ซะเลย : ก่อนโพสต์ลง IG หรือ FB มักจะมีต้องเลือกฟิลเตอร์ขึ้นมานำเสนอให้คุณปรับความงามอีกขั้น ลองเลือกดูก่อนว่ามีฟิลเตอร์ไหนช่วยให้ภาพแหวนที่ตั้งใจถ่ายเพื่อเซลฟี่อวดครั้งนี้ดูดีขึ้นแบบบวกๆ

10. ไม่ลืม hashtag และ emojis : เพื่อความสมบูรณ์แบบของการเซลฟี่แหวนแต่งงาน การติด hashtag และ emojis เพื่อบ่งบอกความรู้สึก ณ จุดนั้นของคุณว่า กำลังแฮปปี้ดี๊ด๊าและเซอร์ไพร้ส์มากแค่ไหนคือสิ่งควรทำ แล้วรับรองค่ะว่า นอกจากภาพจะสวย ใครเห็นก็อิจฉาและตามมาด้วยคำยินดีแน่นอน

ดูแบบแหวนแต่งงานและเครื่องประดับอีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย — https://praewwedding.com/ring-accessories-library

เรื่อง : Hoyamemoria
ภาพ : theknot, wongsjewellers.co.uk

ที่นี่มีคำตอบ…ว่าแขกผู้ใหญ่คนไหนสามารถส่งตัวเข้าหอได้บ้าง

งานแต่งงานแบบไทยที่เต็มไปด้วยพิธีการและแขกผู้ใหญ่นั้น บางทีก็อาจจะสร้างความสับสนงุนงงให้กับว่าที่บ่าวสาวหลายคู่ ว่าควรที่จะให้เกียรติผู้ใหญ่ท่านไหนมาร่วมในช่วงพิธีใดบ้าง ไม่เว้นแม้กระทั่งในช่วงพิธี  ส่งตัวเข้าหอ ที่ทำให้บางบ้านถึงกับเถียงกันคอแทบแต่ ว่าใครคนไหนที่จะร่วมส่งตัวบ่าวสาวได้บ้าง แพรว wedding เลยขอเจาะประเด็นที่หลายคนสงสัยว่าคนสำคัญที่แท้จริงสำหรับในช่วงนี้มีใครบ้าง

1. พ่อและแม่ของเจ้าบ่าว-เจ้าสาว

คนสำคัญที่ขาดไม่ได้ในทุกขั้นตอนของวันแต่งงาน เพราะท่านทั้งสองถือว่าเป็นผู้มีพระคุณ ซึ่งท่านจะให้พรและให้โอวาทในการครองเรือน หลายคนอาจเกิดคำถามว่า ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีเพียงพ่อหรือแม่แค่คนเดียวแล้วจะยังสามารถเข้ามาส่งตัวเข้าหอได้หรือไม่ ตอบเลยค่ะว่าได้แน่นอน ไม่มีข้อยกเว้นสำหรับบุพการีในทุกกรณี แต่ท่านอาจจะทำหน้าที่ในการให้พรลูกๆ และไม่ได้เป็นผู้ปูที่นอนให้ เพราะการประกอบพิธีปูที่นอนนั้นยังคงต้องใช้ผู้ใหญ่ที่เป็นคู่เพื่อความเป็นสิริมงคลของบ่าวสาว

2. คู่ผู้ใหญ่ที่เชิญมาปูที่นอน

คู่ผู้ใหญ่ที่บ่าวสาวจะเชิญมาปูที่นอนจะต้องเป็นผู้ใหญ่ที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวเคารพ มีชีวิตคู่ที่ดี ราบรื่น ไม่เคยหย่าร้าง ครองเรือนกันมาจนแก่เฒ่า และมีลูกหลานสืบสกุล บางงานอาจให้พ่อแม่หรือปู่ย่าตายายของตนเองที่มีคุณสมบัติตรงตามที่แจ้งไปนี้ เป็นผู้ปูที่นอนให้ก็ได้ แล้วแต่ความสะดวกของเจ้าบ่าวเจ้าสาว

3. คู่ประธานในพิธี

ในกรณีนี้ ถ้าประธานในพีหรือเถ้าแก่มาเป็ฯคู่ก็สามารถเชิญให้ท่านเป็นผู้ใหญ่ในพิธีส่งตัวและพิธีปูที่นอนเลยก็ได้ แต่ถ้าท่านมาคนเดียวหรือมีธุระที่จะต้องรีบกลับบ่าวสาวอาจจะต้องหาคู่ผู้ใหญ่ที่เชิญมาปูที่นอน (ตามข้อ 2 ) หรือจะเป็นพ่อแม่ของตัวเองก็ทำได้เช่นกัน

สำหรับคู่ไหนที่อยากได้ความเป็นสิริมงคลแบบเต็มที่ อยากจะให้ทั้งพ่อแม่ คู่ผู้ใหญ่ที่เชิญมาปูที่นอน และคู่ประธานในพิธี มาร่วมส่งตัวในห้องหอด้วยก็สามารถทำได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคงต้องดูขนาดความกว้างของห้องหอด้วยว่าใหญ่พอที่จะบรรจุคนเหล่านี้ได้หรือไม่ อย่าให้แออัดเกินไปจนขยับตัวหรือทำอะไรลำบาก รวมถึงเหล่าเพื่อนของเจ้าบ่าวเจ้าสาวทั้งหลาย ที่อาจจะต้องอยู่แค่ภายนอก ไม่ได้เข้าไปร่วมส่งตัวด้วย เพราะเขาถือว่าพิธีนี้เป็นช่วงเวลาของคนในครอบครัวเท่านั้น

ภาพเปิด Smallmoon Photo

อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับพิธีแต่งงานไทยเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย — https://praewwedding.com/thai-wedding

เจ้าสาวจงฟัง! อยากเหนือและใหญ่กว่าคุณสามี…ความเชื่อนี้ที่ต้องทำ!

เคยได้ยินกันมาบ้างแล้วใช่ไหมล่ะ กับคำว่า เมียข่มผัว แม่ผัวกดขี่ลูกสะใภ้ ถ้าใครไม่อยากตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น ลองทำตามเคล็ดลับ ความเชื่อ ที่เรานำมาฝากกันดูแล้วคุณจะรู้ว่าใครก็ข่มคุณไม่ได้

2 ความเชื่อพึ่งปฏิบัติ ถ้าอยากให้สามีอยู่ในโอวาท วิธีแรกคือ เวลาตักบาตรในเช้าวันแต่งงาน ปล่อยให้เขาจับด้ามทัพพีก่อน จากนั้นสาวๆ จึงเอื้อมมือไปประกบด้านบน เพียงเท่านี้ก็สบายใจได้ว่าเขาจะกลายเป็นลูกไก่ในกำมือคุณอย่างแน่นอน ถ้าอยากให้ชัวร์อีกนิดจำไว้ว่าหลังจากรดน้ำสังข์เสร็จให้สาวๆ รีบลุกก่อน เพราะโบราณเชื่อว่าใครลุกก่อนใหญ่กว่าเสมอ

ส่วนเจ้าบ่าวก็อย่าเพิ่งขยาด ถ้าอยากเอาคืน ให้แสร้งยืนเท้าประตูแล้วหลอกล่อให้เธอลอดแขนคุณให้ได้ แค่นี้เธอก็จะเปลี่ยนมาเป็นลูกแมวตัวน้อยแล้วหล่ะ หากคุณยังหลอกล่อเธอไม่สำเร็จ ยังพอมีอีกโอกาสคือ ในขณะที่สวมแหวนให้เธอจะต้องสวมให้สุดนิ้ว ระวังอย่าทำร่วง ทำหล่นหรือให้เธอช่วยเด็ดขาด มิเช่นนั้นคุณนั่นแหละที่จะตกไปอยู่ใต้อำนาจเธอแทน

แต่หากคุณกลัวจะถูกแม่ผัวกดขี่ละก็ ลองสังเกตว่าในช่วงพิธีแต่งงานแม่ผัวคนดีมีท่าทีอยากเอามือกดหัวคุณหรือเปล่า ถ้ามีระวังให้ดีเพราะถ้าแม่เขาทำสำเร็จ โบราณท่านว่าคุณจะตกอยู่ใต้โอวาทของแม่ผัวแน่นอน แต่สาวๆ ก็อย่าไปกลัวจนระวังตัวแจเพราะถึงอย่างไรท่านก็เป็นแม่ของสามีเราเนาะ ยอมได้ก็ยอมนอบน้อมเข้าไว้ดีที่สุด

อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับพิธีแต่งงานไทยเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย — https://praewwedding.com/thai-wedding

ขอขอบคุณภาพจากงานแต่งงานของคุณนุ้กและคุณปลา จาก Smallroom Studio

คำถามยอดฮิต ชุดเพื่อนเจ้าสาว ใส่สีขาวจะได้ไหม? มาดูคำตอบกัน

ชุดเพื่อนเจ้าสาว ใส่สีขาวจะได้ไหมนะ? …

อันนี้น่าจะเป็นคำถามยอดฮิตของทั้งตัวเจ้าสาวเอง และแก๊งค์เพื่อนเจ้าสาว เพราะแน่นอนว่าเจ้าสาวส่วนใหญ่จะใส่ชุดแต่งงานสีขาวโดดเด่นเป็นสง่าในงานแต่งอยู่แล้ว แต่จะเป็นไอเดียที่ดีหรือไม่ หากมีสาวๆ กลุ่มใหญ่ใส่สีเดียวกัน แถมสาวๆ กลุ่มนั้นก็ดันเป็นแก๊งเพื่อนเจ้าสาวของเรานี่เอง แพรว wedding จึงมีคำตอบเรื่องนี้มาฝากกับคำถามที่คับอกที่ว่า ชุดเพื่อนเจ้าสาว สีขาวนั้นดีหรือไม่

คำตอบคือ … ชุดเพื่อนเจ้าสาว สามารถใส่สีขาวได้นะจ๊ะ แต่ต้องทำตามข้อแนะนำดังต่อไปนี้

ชุดเพื่อนเจ้าสาว1. เวลายืนถ่ายภาพ เว้นระยะให้ห่างกัน

แน่อนจ่ะ ข้อนี้เวลาถ่ายภาพ เจ้าสาวและเพื่อนๆ ควรยืนให้ห่างกัน โดยเว้นระยะให้เจ้าสาวอยู่ด้านหน้า และเพื่อนเจ้าสาวยืนประกอบเป็นฉากด้านหลังเนอะ จะได้ช่วยส่งให้เจ้าสาวโดดเด่นขึ้นมาค่ะ ก็แหม ชุดเพื่อนเจ้าสาว สีเหมือนเจ้าสาวขนาดนี้ หากยืนชิดกันเกินไปเดี๋ยวจะแยกไม่ออกนะคะว่าไหนเจ้าสาวไหนเพื่อน

2. เครื่องประดับช่วยชีวิต

เป็นเจ้าสาวที่เป็นนางเอกของงานขนาดนี้ ก็ต้องหาเครื่องประดับมาใส่ให้สมศักดิ์ศรีไปเลยจ่ะ ส่วนเพื่อนเจ้าสาวอาจจะใส่แค่ต่างหู หรือติดเครื่องประดับผมนิดหน่อยๆ พอให้แยกความแตกต่างออกนะจ๊ะ

ชุดเพื่อนเจ้าสาว

3. เลือกโทนสีให้แตกต่างกัน

สีขาวก็มีหลายเฉดนะจ๊ะ จะบอกให้รู้ไว้ เพราะฉะนั้นเพื่อนเจ้าสาวสามารถเลือกโทนสีให้แตกต่างกันได้ เช่น เจ้าสาวเลือกสีขาวออกมุก เพื่อนเจ้าสาวก็อาจจะเลือกชุดที่สีขาวหม่นลงมา เช่น สีไอวอรี่ เป็นต้น เท่านี้เจ้าสาวก็จะโดดเด่นที่สุดท่ามกลางเพื่อนเจ้าสาวที่ถึงแม้จะอยู่ในชุดสีขาวเหมือนกันแล้วค่ะ

4. หาพร็อพประกอบให้โดดเด่น

ไม่ว่าจะเป็น เวลเจ้าสาว ดอกไม้ประดับผม หรือมงกุฎดอกไม้ เป็นต้น เลือกมาประโคมใส่ให้โดดเด่นไปเลยค่ะ ซึ่งงานนี้เพื่อนเจ้าสาวก็ต้องยอมหลีกทางให้แต่โดยดี ไม่ใส่อะไรมาทับไลน์กันนะจ๊ะ เพราะอย่าลืมว่าวันนี้เป็นวันของเพื่อนสาวคนสำคัญของคุณ แล้วเพื่อนอย่างเราจะโดดเด่นเกินหน้าเกินตาได้่ยังไง จริงไหม

ชุดเพื่อนเจ้าสาว

5. รองเท้า

งงใช่ไหมล่ะว่ารองเท้ามีผลอย่างไร มีผลตรงความสูงนี่ล่ะค่ะ เพราะเจ้าสาวอาจจะต้องเลือกใส่รองเท้าส้นสูงมากกว่าเพื่อนเจ้าสาวสักหน่อย เพื่อที่เวลายืนอยู่ด้วยกันเจ้าสาวจะได้ดูโดดเด่นท่ามกลางเพื่อนสาวยังไงล่ะค่ะ เพราะฉะนั้นงานนี้สาวๆ อาจจะต้องนัดแนะกันให้ดีสักหน่อย หากวัดความสูงได้ก็ควรวัดให้เป๊ะจะได้ไม่มีใครสูงไปกว่าใคร หรือทางทีดีนัดเจอกันพร้อมรองเท้าคู่งามแล้วลองใส่ถ่ายภาพเล่นๆ กันดูก็ได้นะคะ จะได้รู้ว่าเพื่อนสาวคนสำคัญของเราเธอโดดเด่นมากที่สุดหรือเปล่านั่นเอง

เป็นยังไงกันบ้างคะ ไม่ยากเลยใช่ไหม ถ้าอยากให้ทั้งงานแต่งงานเป็นสีขาวเหมือนกันหมด และเพื่อความเข้ากันของแก๊ง เราก็มี กฏเลือกชุดเพื่อนเจ้าสาวให้ดูเข้ากัน มาฝากด้วย ลองอ่านกันนะจ๊ะ

8 สิ่งที่บ่าวสาวควรเลี่ยงและห้ามทำก่อนวันแต่งงาน 1 อาทิตย์

มาดูกันดีกว่าว่าอะไรบ้างที่บ่าวสาว ห้ามทำก่อนวันแต่งงาน เด็ดขาดภายในช่วง 1 อาทิตย์ก่อนถึงวันสำคัญ ถ้าไม่อยากให้เกิดฝันร้ายในงานแต่งของตัวเอง

1. เปลี่ยนสีผม

เป็นเรื่องที่เสี่ยงมากที่จะเปลี่ยนสีผมก่อนถึงวันแต่ง 1 อาทิตย์ เพราะคุณไมมีทางรู้เลยว่าสีผมที่เปลี่ยนใหม่จะไปได้ดีกับสีผิวคุณหรือเปล่า เกิดว่าย้อมแล้วพัง สิ่งที่จะเกิดขึ้นลำดับต่อมาหากเปลี่ยนสีผมอีกรอบก็คือผมพังไงคะ

2. ตัดผมทรงใหม่

ยังวนเวียนอยู่กับเส้นผม แต่งานนี้ถ้าพลาดชีวิตจะพังยิ่งกว่าข้างบน ชนิดที่ว่าถ้าตัดผมผิดทรงไม่รับกับหน้า หรือตัดสั้นไป ล่ะก็ คุณจะได้ทรงผมที่ไม่ปลื้มในงานแต่งตัวเองแบบหยิบรูปมาดูเมื่อไหร่ก็เซ็งเมื่อนั้น

3. ดื่มแอลกอฮอล์

การดื่มแอลกอฮอล์ ไม่เพียงแค่ทำให้คุณเมาจนอาจเมาค้างได้ แต่ยังทำให้สาวๆ ทั้งหลายตัวบวม แถมยังทำให้อาหารย่อยยากจนเกิดอาหารท้องอืด ท้องป่อง คราวนี้แทนที่หน้าท้องจะเรียบเนียนแขกในงานอาจคิดว่าคุณตั้งท้องอยู่ก็ได้

4. ออกกำลังกายท่าใหม่

ก็เข้าใจว่าอยากจะฟิตแอนด์เฟิร์มให้ถึงที่สุด เพื่อความสวยเป๊ะในงานแต่ง แต่อย่าทะลึ่งออกกำลังกายท่าใหม่ๆ นะ เพราะว่าไม่งั้นกล้ามเนื้อที่ปวดล้าได้ส่งผลให้เดินแปลกๆ แน่

5. เปลี่ยนเครื่องสำอางและสกินแคร์

อย่าได้ริทดลองสิ่งใหม่ๆ กับผิวหน้าและผิวตัวในช่วงอาทิตย์สุดท้ายของวันสำคัญเด็ดขาด เกิดผิดพลาดขึ้นมาผิวเกลี้ยงเกลาจะกลายเป็นรอยแดง ผื่นขึ้น บอกเลยว่า ฝันร้ายชัดๆ  อ้อ! และห้ามสครับหน้าด้วยนะ เพราะก็เสี่ยงหน้าพังไม่แพ้กัน

6. ผักผลไม้ โอนลี่

คุณจะทำเพื่อหุ่นสวยยังไงก็ได้ แต่ห้ามเด็ดขาดคือการกินแต่ผักผลไม้ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนวันแต่งงาน เพราะนอกจากจะทำให้ไม่มีแรงมาสู้รบปรบมือในวันแต่งงานแล้ว ยังอาจทำให้ท้องเสียจู๊ดๆ ได้ เพราะขับถ่ายคล่องเกินไป หรือที่ร้ายแรงกว่าคือ ไฟเบอร์ในท้องเยอะเกินไป ท้องอืด ท้องป่องเอานะคะ

7. โต้รุ่งกันเถอะ

ถ้าไม่อยากหน้าโทรมเป็นซอมบี้ในวันแต่งงานให้แขกคิดว่าคุณมีธีมงานเป็น Walking Death ละก็ อย่าได้โต้รุ่งเชียว เพราะนอกจากจะทำให้เหนื่อยง่ายแล้วการพักผ่อนไม่เพียงพอยังทำให้ตาคล้ำ ลึกโบ๋ แถมผิวยังโทรมแบบไร้การหยุดยั้ง ทางที่ดีพักผ่อนให้มากๆ นะคะ

8. อัพกาแฟเกินขนาด

 การอัพกาแฟไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้นเลย แถมยังไปกระตุ้นให้อารมณ์ที่ควรสงบ ให้พุ่งพล่านด้วยความกังวลใจอีกต่างหาก แถมข้อเสียขั้นร้ายแรงของการกินกาแฟก็คือผิวเหี่ยว! สิค่ะ แทนที่จะสดใสเต่งตึงได้กลายเป็นยายเหี่ยวกลางงานแต่ง มันจะดีหรอใช่ม่ะ

ทั้ง 8 ข้อเป็นอะไรที่ดูแล้วธรรมดาเบสิคสุดๆ แต่พอดูผลลัพธ์แล้ว บอกเลยว่าหายนะชัดๆ ถ้าสาวๆ ไม่อยากชีวิตพังกลางงานที่เตรียมมาแรมปีละก็ อย่าทำเด็ดขาด

ดูเรื่องราวเกี่ยวกับความงามและสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ขอบคุณข้อมูลจาก www.brides.com
ขอบคุณภาพ www.dnmweddingfilms.com.au

ปีใหม่นี้ไม่มีเหงากับ 9 สถานที่ขอพรเรื่องความรัก ไม่อยากนกห้ามพลาด

เข้าใจนะคะว่าการโสดมันเป็นปัญหาหนักอกหนักใจของหนุ่มสาวหลายคนในยุคนี้ ยิ่งปีใหม่แบบนี้ดีกรีความเหงาก็ยิ่งพุ่งปรี๊ด แพรวเวดดิ้ง จึงขอนำเสนอ 9 สถานที่เ ขอพรเรื่องความรัก ที่ใครต่อใครต่างการันตีว่าแม่นนักแม่นหนา ถ้าอยากมีคนรักต้องลองกราบนมัสการกันดู ส่วนใครที่กำลังอินเลิฟกันอยู่ก็เดินทางไปขอพรให้รักหนักแน่นได้เช่นกันนะคะ

 

1. เจ้าแม่เขาสามมุข จังหวัดชลบุรี

จากตำนานหนุ่มแสนกับสาวมุข คู่รักต่างฐานะที่ได้พบรักกันแต่กลับถูกผู้ใหญ่กีดกันจนไม่สามารถครองคู่กันได้กลายเป็นโศกนาฏกรรมแสนเศร้าและกลายเป็นศาลเจ้าแม่เขาสามมุข สถานที่กราบไหว้ขอพรเรื่องความรักของหนุ่มสาวทั้งหลาย จนมาถึงทุกวันนี้โดยเชื่อกันว่าหากคู่รักที่มีความมั่นคง และซื่อสัตย์ต่อกันนำว่าวมาเขียนชื่อตนเองและคนรัก มาถวายก็จะได้ครองรักกันยืนยาวตลอดไป

การบูชา : มะพร้าวอ่อน ขนมครกผลไม้ และพวงมาลัย ที่ขาดไม่ได้คือ “ว่าว” ซึ่งตามตำนานว่าวเป็นสื่อที่ทำให้แสนและมุขได้มาพบรักกันให้นำว่าวมาเป็นเครื่องบูชาโดยเขียนชื่อของตัวเองกับคนรักไว้บนนั้นแล้วนำไปแขวนไว้บริเวณศาลเจ้า

เวลาไหว้ : เขาสามมุขเป็นพื้นที่สาธารณะจึงผ่านไปชมได้ตลอดเวลาแต่กลางคืนค่อนข้างเปลี่ยว แนะนำให้ไปกราบไหว้ในเวลากลางวันถึง 18.00 น.

สถานที่ขอพรเรื่องความรัก,เจ้าแม่เขาสามมุข
เจ้าแม่เขาสามมุข จังหวัดชลบุรี

2. หลวงพ่อนาค วัดมัชฌิมาวาส จังหวัดอุดรธานี

วัดมัชฌิมาวาสหรือวัดเก่าเป็นสถานที่ ประดิษฐานพระพุทธรูปหินสีขาวปางนาคปรก “หลวงพ่อนาค” ที่ชาวบ้านเชื่อว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ด้านความรักไม่ว่าจะเป็นการขอพรในเรื่องของความรักของพ่อแม่ที่มีต่อบุตร ครูอาจารย์ที่มีต่อ ศิษย์ แต่ที่นิยมที่สุดคือความรักของหนุ่มสาว โดยมีเคล็ดลับในการไหว้คือถวายของเป็นคู่เช่น เชิงเทียนหนึ่งคู่ และอย่าลืมตักน้ำมนต์ในโอ่งที่อยู่ หน้าโบสถ์มาประพรมใส่คนที่รักเพื่อให้สมหวังด้วย

การบูชา : ธูป 3 ดอก เทียน 2 เล่ม และดอกไม้ตามศรัทธา

เวลาเปิด : ตั้งแต่เวลา 8.00 น. – 18.00 น.

สถานที่ขอพรความรัก,หลวงพ่อนาค
หลวงพ่อนาค วัดมัชฌิมาวาส จังหวัดอุดรธานี

3. พระแม่ลักษมี ดาดฟ้าชั้น 4 ศูนย์การค้าเกษร

ว่ากันว่าพระลักษมี เป็นที่รักยิ่งของพระวิษณุหรือพระนารายณ์ พระสวามีจึงทำให้ใครต่อใครที่อยากสมหวังในความรักและเป็นที่รักของคนรัก จึงเลือกมาไหว้พระลักษมี

การบูชา : ธูป 9 ดอก เทียน 1 คู่ และดอกบัว 3 ดอก (กรุณาเตรียมไปเองให้ครบ เพราะดาดฟ้าชั้น 4 ไม่มีร้านค้าจำหน่ายของไหว้)

เวลาไหว้ : ตามเวลาเปิด – ปิดของห้าง

สถานที่ขอพรความรัก,พระแม่ลักษ
พระแม่ลักษมี ดาดฟ้าชั้น 4 ศูนย์การค้าเกษร

4. พระกฤษณะ วัดเทพมณเฑียร เสาชิงช้า

เชื่อกันว่าพระกฤษณะสามารถประทานพรให้สมหวังในความรัก เนื่องจากตอนที่ท่านใช้ชีวิตบนโลกมนุษย์จะมีนางสนมถึง 10,000 คน แต่พระกฤษณะก็มีใจแค่กับนางราธาหญิงเลี้ยงวัวที่เป็นรักแรกที่ประทับใจ และยังอยู่ในใจของพระกฤษณะตลอดจนชั่วอายุขัย

การบูชา : ธูป เทียน และดอกไม้หรือ พวงมาลัย (กรุณาเตรียมไปเองให้ครบเพราะ ไม่มีร้านค้าจำหน่ายของไหว้)

เวลาเปิด : ตั้งแต่เวลา 6.00 น. – 19.00 น. ปิดช่วงเวลา 12.00 น. – 15.00 น. เพื่อประกอบพิธีภายในแนะนำให้ไปหลัง 15.00 น. จะได้เข้าร่วมบูชาไฟในเวลา 18.30 น

พระกฤษณะ,วัดเทพมณเฑียร,สถานที่ขอพรความรัก
พระกฤษณะ วัดเทพมณเฑียร เสาชิงช้า

5. พระนอน วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม

เชื่อกันว่าสาวๆ คนไหนอยากมีรัก ให้ไปขอพรกับพระนอนที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม โดยเฉพาะสาวที่อายุขึ้นเลข 3 จะยิ่งศักดิ์สิทธิ์ หากในช่วงอายุนั้นแล้วไปขอพรกับพระนอนก็มีสิทธิ์เจอเนื้อคู่และแต่งงานในที่สุด แต่จะต้องเป็นพระนอนที่วัดโพธิ์เท่านั้นจึงชัวร์

การบูชา : ควรไหว้วันอังคาร ด้วย ขนมจีน 3 จับกับน้ำยาปลา ธูป 8 ดอก เทียน 8 เล่ม ดอกบัว 8 ดอก และเงินอีก 8 บาท เมื่อไหว้แล้วให้รอธูปหมดแล้วลาขนมจีนมากิน เชื่อว่าเส้นขนมจีนยาวๆ นั้นเหมือนสายใยโยงไป ยังคู่ของตน

เวลาไหว้ : ตั้งแต่เวลา 8.00 น. – 16.00 น.

พระนอน วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม,สถานที่ขอพรความรัก
พระนอน วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม

6. พระธาตุศรีสองรัก อำเภอด้านซ้าย จังหวัดเลย

พระธาตุศรีสองรักเป็นพระธาตุก่ออิฐถือปูนสีขาว สร้างขึ้นด้วยศิลปะแบบล้านช้าง เพื่อเป็นสักขีพยานแห่งสัจจะ ไมตรีและเป็นเครื่องหมายแห่งมิตรภาพระหว่างอาณาจักรอยุธยาและกรุงศรีสัตนาคนหุตซึ่งตั้งสัตยาธิษฐานร่วมกันไว้ว่าจะช่วยเหลือเกื้อกูลและไม่ล่วงล้ำ ดินแดนซึ่งกันและกันตลอดไป พี่น้องชาวไทยและชาวลาวจึงมีความเชื่อว่าหากผู้ใดได้มากราบไหว้พระธาตุศรีสองรัก และขอพรในด้านที่เกี่ยวกับความรักและมิตรภาพ นั้นจะได้พบกับความสมหวังที่ยั่งยืน

การบูชา : ห้ามนำสิ่งของหรือดอกไม้ รวมถึงใส่ เสื้อผ้าและเครื่องประดับสีแดงเข้าไปบริเวณองค์พระธาตุ ศรีสองรัก เพราะสีแดงเปรียบได้กับเลือดที่เป็นผลของการทำสงคราม และหากใครมาบนแล้วได้ตามที่ขอให้นำต้นผึ้งมาถวาย

เวลาไหว้ : ตั้งแต่เวลา 8.30 น. – 17.00 น.

พระธาตุศรีสองรัก,สถานที่ขอพรความรัก
พระธาตุศรีสองรัก อำเภอด้านซ้าย จังหวัดเลย

7. ท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์

อย่างที่รู้กันอยู่แล้วว่าพระพรหมนั้นมีสี่หน้า การไหว้ขอพรจึงต้องแน่ใจว่าหน้าไหนไหว้สำหรับขอพรเรื่องใด โดยเริ่มจากพระพักตร์กลาง (คือพระพักตร์ที่อยู่ตรงกับประตูทางเข้า) เป็นพระพักตร์ที่หนึ่งแล้ว เดินวนไปตามเข็มนาฬิกาจนถึงพระพักตร์ที่สาม ซึ่งเป็นพระพักตร์ที่ไว้สำหรับขอความรักแต่ไหนๆ ก็ไปถึงที่แล้วก็ควรไหว้พระพรหม ให้ครบทั้งสี่หน้าเพื่อความเป็นสิริมงคลดีกว่า

การบูชา : ธูป 19 ดอก เทียน 9 เล่ม ดอกบัว 9 ดอก และ น้ำ 1 ขวด (รายการนี้ใช้สำหรับไหว้ขอพรเรื่องความรักเท่านั้น)

เวลาไหว้ : รั้วจะปิดตอนกลางคืน แต่สามารถสักการะอยู่นอก รั้วได้โดยมี ร.ป.ภ.คอยเฝ้าดูแล หรือสามารถยื่นดอกไม้ให้ ร.ป.ภ.นำไป ถวายแทนก็ได้

ท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์,สถานที่ขอพรความรัก
ท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์

8. ถ้ำพระยานคร อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

ต้นซุ้มรอดคู่หูหรือ Couple Marry Arbor ภายในเขตพระที่นั่งคูหาคฤหาสน์ ถ้ำพระยานคร อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด เป็นต้นไทรทรงประหลาดขนาด ไม้ใหญ่ที่มีรากอากาศงอกยาว ห้อยลงมาเป็นซุ้ม เชื่อกันว่า คู่รักคู่ไหนได้มาลอดซุ้มแห่งความรักนี้ด้วยกันจะรักกันนิรันดรส่วน ใครที่ยังโสดหากมาลอดซุ้มให้อธิษฐานขอพรแล้วจะสมหวัง

ถ้ำพระยานคร,อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด,สถานที่ขอพรความรัก
ถ้ำพระยานคร อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

9. ซุ้มประตูหินโค้ง(หรือซุ้ม ประตูรักนิรันดร์)เกาะไข่ อุทยานแห่งชาติตะรุเตา จังหวัดสตูล

เชื่อกันว่าถ้าคู่รักได้มา ลอดซุ้มประตูหินแห่งนี้แล้วกลับออกไปจะมีชีวิตรักที่สมหวังยืนยาว และครองคู่กันอย่างมีความสุข มี ลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง

ซุ้มประตูหินโค้ง,เกาะไข่,สถานที่ขอพรความรัก
ซุ้มประตูหินโค้ง (ซุ้มประตูรักนิรันดร์) เกาะไข่ อุทยานแห่งชาติตะรุเตา จังหวัดสตูล

เป็นไงกันบ้างจ๊ะ กับสถานที่ขอพรที่นำมาฝาก บอกเลยว่าเด็ดจริงอะไรจริง หนุ่มสาวคนไหนที่ยังไม่มีคนรู้ใจข้างๆ กาย ลองไปกราบไหว้ขอพรดูสิคะ จะได้เกิดความสบายใจและความเป็นสิริมงคลต่อตนเอง ไม่แน่เนื้อคู่อาจกำลังมาในเร็วๆ นี้ก็ได้น้า

cr : TAT, จิรศักดิ์

แหวนนพเก้า อัญมณีมงคล อีกหนึ่งแหวนหมั้นโบราณที่สวยไม่สร่าง

แพรวเวดดิ้ง จะขอพาบ่าวสาวมาทำความรู้จัก แหวนนพเก้า แหวนที่รวบรวมอัญมณีมงคล พร้อมเสริมบารมีให้คนใส่ ซึ่งถือเป็นแหวนหมั้นโบราณที่สวยไม่สร่างตลอดกาลจริงๆ

“เพชรยิ่งใหญ่ ไพรี ไม่มีกล้ำ ทับทิมนำ อายุยืน เพิ่มพูนผล

อุดมลาภ ยศศักดิ์ ประจักษ์ดล มรกต กันภัยพ้น ผองเล็บงา

บุษราคัม ฉาบเสน่ห์ ไม่เสแสร้ง โกเมนแจ้ง แคล้วพาลภัย ใจสุขา

ไพลินย้ำ ความร่ำรวย ช่วยนำพา มุกดาหาร เสน่หา น่าเมียงมอง

อันเพทาย ช่วยกันโทษ ที่โฉดเขลา ไพฑูรย์เล่า กันฟอนไฟ ภัยทั้งผอง

ดลบันดาล ให้เทวา มาคุ้มครอง สบสนองคุณค่าแจ้ง แห่งนพรัตน์”

โดยแหวนนพเก้านี้คนไทยได้รับความเชื่อมาจากประเทศอินเดีย ว่าอัญมณีแต่ละชนิดนั้นเป็นสัญลักษณ์แทนดาวนพเคราะห์ทั้ง 9 ดวงในระบบสุริยะ โดยสามารถป้องกันภัยอันตรายต่างๆ ได้ และหากผู้ใดมีไว้ในครอบครองก็เท่ากับมีมงคลติดตัวที่จะช่วยให้เจริญรุ่งเรือง และขึ้นชื่อว่า “นพ” ซึ่งมีความหมายคือ เลขเก้า หรือเก้าสิ่ง เพราะฉะนั้นคำว่า นพเก้า จึงหมายถึงอัญมณีมงคลจำนวน 9 ชนิด ดังต่อไปนี้

  1. เพชร – เป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่ มีชัยแก่ศัตรู ร่ำรวย
  2. บุษราคัม – มีเสน่ห์เป็นที่รัก
  3. ทับทิม – ความสำเร็จ ลาภยศ อายุยืน
  4. มรกต – ความศรัทธา กล้าหาญ ป้องกันภัยอันตรายทั้งปวง
  5. โกเมน – สุขภาพดี อายุยืนนาน
  6. ไพฑูรย์ – เทวดาคุ้มครอง ป้องกันฟืนไฟ
  7. เพทาย – ความร่ำรวย ชนะคดีความ
  8. มุกดาหาร – ความบริสุทธิ์ ร่มเย็น และชนะแก่ศัตรู
  9. ไพลิน – ความรัก ความเมตตากรุณา ความร่ำรวย

แหวนนพเก้า

 

แหวนนพเก้า

เพราะฉะนั้น เมื่อนำอัญมณีมงคลทั้ง 9 มารวมกันจึงทำให้แหวนวงนี้เป็นแหวนมงคล หรือเป็นยอดอัญมณีนำโชค ซึ่งในอดีตสมัยอยุธยาอัญมณีนพเก้านั้น เป็นสิ่งที่นำมาทำเครื่องทรงของกษัตริย์ เช่น แหวนนพเก้า นพเก้าสังวาลย์ เป็นต้น ต่อมาในสมัยรัตนโกสินทร์ ก็ยังเป็นของสูงที่พระมหากษัตริย์นำมาพระราชทานให้เป็นของกำนันแก่เหล่าขุนนางเวลาทำประโยชน์แก่บ้านเมือง แหวนนพเก้าจึงเป็นเครื่องประดับที่มีอายุมานับร้อยปี เป็นสิ่งมงคล มีค่า อีกทั้งยังช่วยขจัดสิ่งชั่วร้ายให้ออกจากคนที่สวมแหวนอีกด้วย

และด้วยดีไซน์ที่มีรูปทรงโบราณ บวกกับมีอัญมณีหลายประเภท ทำให้แหวนนพเก้ามีราคาสูง ตามขนาด และเกรดของอัญมณี แต่แหวนนพเก้าราคาหลักไม่ถึงหมื่นก็มีนะจ๊ะ เพราะฉะนั้นเจ้าบ่าวที่กำลังมองหาแหวนหมั้นสวยๆ รูปทรงไทยๆ มีความหมายที่ลึกซึ้ง ก็อย่าเพิ่งมองข้ามแหวนนพเก้าไปนะคะ

แหวนนพเก้า

Read More : พร้อมเสิร์ฟ 5 แบบแหวนหมั้นสไตล์คลาสสิก ใส่วนไปไม่มีตกยุค

ภาพจาก : PChomethai.com , jewelrybykhunobb.inwshop.com,goldmj.com

4 สเต็ปพิชิตความหล่อ ใส่ สูทเจ้าบ่าว ยังไงให้ดูเท่สมเป็นพระเอกของงาน

4 ทริคตะกายความหล่อ ใส่ สูทเจ้าบ่าว ให้หล่อกว่าใครในงาน

แน่นอนว่าเจ้าบ่าวนั้นมีทางเลือกสำหรับการแต่งตัวในวันสำคัญไม่มากเท่ากับเจ้าสาว เพราะ สูทเจ้าบ่าว ไม่ได้มีหลากแบบให้เลือก จะมีก็แค่สวมเป็นชุดทักซิโด สำหรับงานที่เน้นความเป็นทางการ หรือจะใส่สูทหรือแจ็กเกตสูทธรรมดาสำหรับงานที่ไม่เน้นความเป็นทางการมากนัก แต่ถึงแม้จะมีทางเลือกน้อยขนาดไหน พระเอกของงานอย่างเราก็ต้องหล่อกว่าใครจริงไหมคะ แพรวเวดดิ้งเลยมีเทคนิคปีนบันไดใส่สูทยังไงให้หล่อมาฝากคุณว่าที่เจ้าบ่าวกัน

1. ทรงผมต้องเนี้ยบ!

อุตสาห์ลงทุนตัดสูทมาตั้งแพง แต่ดันมาตกม้าตายตรงที่ผมเผ้ารกรุงรัง หนวดเคราดกเฟิ้ม แบบนี้เห็นทีสูทราคาเป็นหมื่นก็ช่วยขุดความหล่อของเจ้าบ่าวออกมาไม่ได้หรอกนะคะ อ๊ะๆ ช้าก่อนๆ ที่เราเกริ่นมาขนาดนี้เราไม่ได้ต้องการให้ว่าที่เจ้าบ่าวเข้าร้านแล้วตัดผมตัวเอง หรือไปขนผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมมาทั้งแผงเพื่อมาชโลมผมให้มันปลาบเหมือนตกถังน้ำมันมาหรอกนะคะ เพราะความ ‘เนี้ยบ’ ของเราในที่นี้ก็คือ ความเป็นธรรมชาติและความเป็นตัวคุณมากที่สุดต่างหาก ถึงแม้ผมจะยาวแต่ถ้าเจ้าบ่าวรวบไว้ให้ดีแบบนี้เราก็ถือว่าผ่าน หรือหนวดเคราก็อาจจะเล็มให้เป็นทรงขึ้นสักนิดแบบนี้ก็ยังถือว่ารอด อ่อ แล้วอย่าลืมกระซิบบอกแก๊งเพื่อนเจ้าบ่าวของคุณให้เตรียมหล่อกันมาดีๆ ด้วยนะคะ หรือถ้าจะนัดกันไปเป็นแก๊งเพื่อเข้าร้านเสริมหล่อเราว่าก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งปาร์ตี้สละโสดที่ฟีลกู๊ดไม่น้อยอยู่เหมือนกันน้า

2. สูทที่ดีต้องพอดีตัว

ความผิดมหันต์ของการเลือกสูทคือ การสวมสูทที่มีขนาดใหญ่เกินไป ซึ่งนั่นอาจจะเป็นเพราะว่า หนึ่ง. ว่าที่เจ้าบ่าวดันไปยืมสูทของคุณพ่อมาเพราะไม่อยากเสียเงินตัดใหม่ หรือสอง. ดันไปยืมเสื้อสูทของเพื่อนหรือเพื่อนเจ้าบ่าวรุ่นพี่มาเพราะเห็นว่าดีไซน์สวย แต่ๆๆ สูทที่ยืมมามันดันไม่ใช่ไซส์เจ้าบ่าวนี่สิคะ แล้วสูทที่ดีที่ว่าต้องพอดีตัวนี่เป็นยังไงหน่ะเหรอ มันก็เป็นเช่นนี้ไงคะ คือ ไหล่ต้องไม่ตก แขนเสื้อเชิ้ตต้องโผล่พ้นออกมาจากแขนเสื้อแจ็คเกตประมาณครึ่งนิ้วในขณะที่แขนทั้งสองข้างขนานกับลำตัว และความยาวของสูทต้องอยู่ประมาณบั้นท้าย

3. จำไว้ว่าคุณคือพระเอกของงานนี้!!

จงจำไว้ว่างานนี้คุณคือพระเอก ส่วนแก๊งเพื่อนเจ้าบ่าวหน่ะเหรอ..ก็แค่เพื่อนพระเอกเท่านั้น! เพราะฉะนั้นคุณจึงควรใส่ใจถึงรายละเอียดต่างๆ ที่อยู่บนร่างกายของคุณให้มากที่สุด ไม่ใช่ว่าหยิบจับอะไรมาใส่ก็ได้หรอกนะคะ ไม่ว่าจะเป็น เสื้อเชิ้ตตัวในที่ต้องใหม่และขาวสะอาด, โบไทหรือเนคไทสุดเนี้ยบเข้าธีม, และรองเท้าหนังขัดมันเงาวับ เป็นต้น และอีกหนึ่งอย่างที่เป็นแอคเซสซอรี่สำคัญที่เจ้าบ่าวควรจะพกติดตัวไว้ในวันงานก็คือ ผ้าเช็ดหน้าสักผืนเพื่อเอาไว้ใช้ในคราวที่จำเป็น อย่างเช่น ไว้ซับเหงื่อในกรณีที่จัดงานแต่งแบบเอ้าท์ดอร์ หรือไว้ซับน้ำตาแห่งความตื้นตันใจที่ไหลออกมาจากใบหน้าเจ้าสาวไงคะ

อ่านมาถึงตรงนี้เพื่อนเจ้าบ่าวก็อย่าเพิ่งน้อยใจ ว่าแล้วเราโดดเด่นกว่าแขกในงานได้อย่างไรล่ะที่นี่ ง่ายมากค่ะ เพราะแค่คุณและเจ้าบ่าวตกลงกันให้ดีแล้วอย่าใส่อะไรที่โดดเด่นหรือเหมือนกับคุณเจ้าบ่าวก็แค่นั้นเอง เช่น หากเจ้าบ่าวสวมโบไท เพื่อนชายอย่างเราก็อาจจะต้องเลี่ยง เป็นต้น แล้วหันไปเล่นกับดีไซน์กระดุมเสื้อสูทแทนก็ได้ เพราะมีมากมายหลากหลายแบบให้ว่าที่เจ้าบ่าวได้เลือกสวมใส่ ไม่ว่าจะเป็น สูทแบบกระดุมเม็ดเดียว หรือสูทแบบกระดุมสองแถว เป็นต้น

4. มั่นใจ = ชนะเลิศ

เคยสังเกตบ้างไหมคะว่า บางคนก็แต่งตัวธรรมดาแต่ทำไม่ถึงมีออร่าดูดีได้ขนาดนั้น? เราขอเฉลยว่า นั่นเพราะพลังแห่งความรู้สึกมั่นใจที่เกิดขึ้นจากภายในล้วนๆ ผสานกับการที่พวกเขาเลือกสูทได้ตรงกับสีผิว อีกทั้งยังรู้ว่าตัวเองเหมาะกับชุดสไตล์ไหนอีกด้วย เพราะฉะนั้นจงหาแนวทางของตัวเองให้เจอและท่องไว้ว่า ‘สไตล์คือสิ่งที่จะกำหนดตัวตนของคุณ สไตล์จะบ่งบอกได้ว่าคุณคือผู้ชายแบบไหน และสุดท้ายหากมั่นใจใส่อะไรก็ไม่ผิด’  หากคุณเข้าใจในข้อนี้ไม่ว่าจะสวมสูทแบบไหนก็หล่อได้จากภายในแน่นอนค่ะ

สุดท้ายอย่าลืมด้วย ดอกไม้ติดหน้าอก…เสริมหล่อให้เจ้าบ่าว กันด้วยนะจ๊ะ

CR. marthastewartweddings.com, pinterest

5 ทริคตั้งงบงานแต่งแสนง่าย เพื่อเป้าหมายคืองานแต่งงานในฝัน

เตรียม งบงานแต่ง ไม่ยากอย่างที่คิด เรามีเทคนิคดีๆ มาฝาก

หลังจากที่คุณคุกเข่าขอแต่งงานและเซย์เยสกันไปเรียบร้อยแล้ว ชีวิตก็ไม่ได้จบอยู่แค่นั้น เพราะเรื่องปวดหัวก่อนจะพบความสุขกำลังเริ่มเดินหน้าเข้ามาทีละอย่าง โดยเฉพาะคำถามแรกที่คุณต้องเจอกับตัวเองก็คือ “งานแต่งเราต้องใช้งบเท่าไหร่กันล่ะ?” วันนี้ใครที่กำลังคิดไม่ออกว่างานแต่งตัวเองจะต้องใช้เงินเท่าไหร่ แพรวเวดดิ้งมี 5 วิธีคิด งบงานแต่ง ง่ายๆ มานำเสนอ

1. งานแต่งแบบไหนที่คุณอยากได้?

 

คำถามแรกที่คุณจะต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนก็คือ “อยากจะจัดงานแต่งแบบไหน?” คิดง่ายๆ เลยก็ได้ว่า ธีมงานแต่งที่คุณชอบและอยากได้เป็นอย่างไร ต้องการจัดในสถานที่แบบไหน เช่น อยากได้งานหรูหราฟู่ฟ่าในห้องแกรนด์บอลรูมของโรงแรมดัง หรืออยากจะเป็นงานชิลๆ สบายๆ ในสวนหรือริมทะเล แบบนี้ก็จะช่วยให้คุณกะเกณฑ์งบประมาณส่วนใหญ่ที่ต้องใช้ในงานแต่งได้แล้ว

งบงานแต่ง

แถมอีกนิดเพื่อให้เข้ากับวัฒนธรรมการแต่งงานในบ้านเราคือ เรื่องสินสอดทองหมั้น คุณควรจะรู้ว่า ฝ่ายเจ้าสาวเรียกอะไรและเท่าไหร่บ้าง (จริงๆ คิดก่อนตั้งแต่แรกได้จะดีมาก) เพราะบางครั้งเงินส่วนนี้ก็รวมอยู่ในงบงานแต่งเหมือนกันนะ

2. จะเชิญแขกเท่าไหร่?

 

ถ้าให้พูดกันถึงค่าใช้จ่ายหลักๆ ในงานแต่ง นอกจากข้อ 1 ที่ว่าไปแล้ว เรื่องจำนวนแขกก็เป็นตัวชี้งบประมาณที่สำคัญเหมือนกันนะคะ ดังนั้นคุณควรจะคิดคำนวณไปเลยว่าแขกของทั้งสองครอบครัว (รวมแขกของพ่อแม่ด้วยนะ) มีเยอะหรือไม่ งานแต่งที่คุณจัดจะใหญ่โตเชิญแขกมากมายขนาดไหน จะเชิญสัก 1,000 คน หรือจะจัดเล็กๆ เชิญแขกแค่ 200 คนก็พอ เพราะแน่นอนว่าค่าใช้จ่ายจะแปรผันตามจำนวนแขกที่คุณเชิญมา ทั้งค่าการ์ด ค่าของชำร่วย ค่าอาหาร ค่าเครื่องดื่ม และอีกจิปาถะก็จะมากขึ้นตามจำนวนแขก (ซึ่งแน่นอนอีกเช่นกันว่าถ้าแขกเยอะคุณอาจจะได้กำไรจากซองที่แต่ละคนใส่มาก็ได้นะ อิอิ!)

3. ใช้ Wedding Tools ให้เป็นประโยชน์

เครื่องมืออำนวยความสะดวกสำหรับว่าที่บ่าวสาวในการจัดการงบประมาณที่ใช้เตรียมงานแต่ง ถ้าคุณมีเวดดิ้งทูลส์เจ๋งๆ ไว้ใช้สักอัน มันก็จะทำให้คุณเรียงลำดับความสำคัญของเงินที่คุณจะต้องจ่ายได้อย่างถูกต้อง อันไหนควรจ่ายก่อน อันไหนควรจ่ายหลัง อันไหนต้องจ่ายเมื่อไหร่ แบบนี้รับรองว่าไม่งงและเงินไม่หาย งบไม่บานแน่นอน

4. จะมีใครช่วยจ่ายมั้ยนะ?

 

อู้ยยยยย! คุณค่ะ สมัยนี้แต่งงานทั้งทีหมดเงินไม่ใช่น้อย ถ้าคุณเป็นลูกรักหลานรักของครอบครัว ก็ลองเกริ่นๆ กันในแวดวงพ่อแม่ลุงป้าน้าอาดูบ้างซิว่า “งานนี้จะมีใครช่วยเป็นสปอนเซอร์ไหมคะ/ครับ?” แหม…เราก็ไม่ได้หมายความว่าให้คุณเอาจากพวกท่านทุกบาททุกสตางค์นะคะ บางครั้งบางทีความใจดีอาจไม่ได้มาในรูปของเงินก็ได้ เช่น อาจจะมาในรูปแบบของชำร่วยหรืออาหาร เป็นต้น แบบนี้คุณก็จะสามารถกะเกณฑ์งบประมาณได้ง่ายขึ้นไปอีกนะ

5. ทำลิสต์สิ่งของที่จำเป็นต้องใช้

เราขอแนะนำให้คุณนั่งคิดนอนคิดก่อนนะคะว่างานแต่งของคุณจะต้องมีอะไรบ้าง เช่น แบ็กดรอปดอกไม้สีหวาน โซฟาหลุยส์สีทองใช้เป็นพร้อบส์เก๋ๆ หรือจะมีน้ำพุพุงปรี๊ดๆ หน้างาน แบบนี้เป็นต้น หลังจากมโนเสร็จก็เริ่มลิสต์ออกมาทีละอย่าง เรียงลำดับตามความจำเป็น ที่สำคัญต้องระบุลงไปด้วยว่าของแต่ละอย่างคุณจะยอมจ่ายมากสุดเท่าไหร่ เพราะเมื่อเวลาที่คุณไปหาซื้อของหรือติดต่อกับผู้ให้บริการ ไม่ว่าจะเป็นคนขายของหรือเวดดิ้งแพลนเนอร์ก็ตาม คุณจะมีราคาที่คุณรับได้ในใจและสามารถต่อรองราคากับพวกเขาได้ด้วย แต่ถ้าของชิ้นไหนแค่มีประดับให้สวยงามแต่ดูแล้วไม่จำเป็นต้องเสียเงินก็อย่าได้แคร์ ใช้ปากกาแดงกากบาททิ้งได้เลยจ้ะ

เรื่องงบประมาณงานแต่งถือเป็นเรื่องสำคัญและละเอียดอ่อนสุดๆ เนื่องจากทุกบาททุกสตางค์ที่คุณต้องจ่ายมันมีค่ามาก เพราะฉะนั้นตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่างานแต่งในแบบที่คุณอยากได้เป็นแบบไหนและต้องใช้เงินเท่าไหร่ แล้วเริ่มต้นทำตาม 5 ข้อข้างบน รับรองเลยว่าการตั้งงบประมาณงานแต่งจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

หรือจะลองทำตามนี้ จัดเงินให้เป๊ะก่อนจัดงานแต่ง…จัดได้ดีชีวิตนี้ไม่มีหนี้ ดูก็ได้นะคะ

เรียบเรียง : www.brides.com
ภาพ :venuelogicchicago.com, toptableplanner.com, Pinterest

มาเช็กดูสิว่า มีเรื่องไหนบ้างที่บ่าวสาวต้องบอกกล่าวแขกในงานแต่งให้ชัดเจน

มาดูกันดีกว่าว่า มีสิ่งใดบ้างที่บ่าวสาวควรคุยกับ แขกในงานแต่ง ให้ชัดเจนเพื่อให้งานออกมาเรียบร้อย ไร้ปัญหาใดๆ เพราะงานแต่งงานคืองานมงคลที่ผู้คนมาร่วมยินดี แต่ละคนก็จะมีพฤติกรรมมารยาทที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นควรชี้แจงให้ชัดก่อนวันงาน หรือจะระบุไปในการ์ดเชิญเลยก็ได้เหมือนกันนะ

แพรวเวดดิ้ง เลยขอนำ 5 สิ่งที่บ่าวสาวควรเตรียมตัวเพื่อบอกกล่าว แขกในงานแต่ง ที่จะมาร่วมงานให้รู้เรื่องและเข้าใจตรงกันก่อนวันงานจริงจะมาถึง มีเรื่องอะไรบ้างมาดูเลย

1. Dress code หรือธีมชุด

สำหรับบ่าวสาวคู่ไหนที่มีสีธีมงานอยู่แล้ว ต้องระบุลงไปในการ์ดเชิญ หรือควรบอกกับแขกตอนเอ่ยปากชวนมางานแต่งให้ชัดเจนไปเลยนะจ๊ะ เพราะน่าจะไม่ดีแน่ๆ หากทั้งงานเป็นสีชมพู แต่มีแขกบางคนบางกลุ่มใส่ชุดสีเขียว หรือสีส้มมาร่วมงาน ซึ่งนอกจากจะดูโดดเด่นกว่าใครในงานแล้ว อาจจะทำให้แขกคนนั้นรู้สึกเคอะเขินเก้ๆ กังๆ เมื่อต้องอยู่ร่วมในงานแต่งอีกด้วย

แขกในงานแต่ง

2. บอกรูปแบบของชุดที่ใส่

ระบุไปเลยค่ะว่าขอชุดต้องสุภาพเรียบร้อย (กรณีประกอบพิธีในโบสถ์ที่เคร่งเรื่องการแต่งกาย) ชุดราตรีแบบสั้น หรือจะจัดเต็มมาแบบชุดแฟนซีเตรียมเข้าสู่ช่วงอาฟเตอร์ปาร์ตี้ไปเลย เพราะการบอกแขกถึงรูปแบบเครื่องแต่งงานที่ชัดเจน และแจ้งล่วงหน้าเพื่อที่แขกจะได้ไปจัดการเครื่องแต่งกายของตัวเองถูก ว่าควรใส่มามากน้อยเพียงใด ไม่โป๊ะอยู่คนเดียวทั้งงาน แต่ที่สำคัญคนเป็นแขกก็ไม่ควรจัดชุดเซตใหญ่ไฟรกะพริบมาแย่งซีนบ่าวสาวนะคะ แบบนี้ไม่ถือว่าตามธีมจ้า

แขกในงานแต่ง

3. ระบุว่าช่วงใดคือช่วงพิธีการ

ข้อนี้เป็นข้อที่ควรคำนึงถึงมากๆ นะจ๊ะ และขอแนะนำให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวระบุ วันและเวลาสำหรับช่วงพิธีการต่างๆ ลงไปในการ์ดแต่งงานเลย เช่น หากเป็นการ์ดแต่งงานพิธีไทย อาจจะเริ่มตั้งแต่เวลาในการแห่ขบวนขันหมาก เป็นต้น หรือหากเป็นงานเย็นในช่วงฉลองมงคลสมรสก็อาจจะระบุเวลาช่วงเริ่มพิธีการไปเลย เพื่อที่แขกจะได้กะเวลาในการมาถึงงาน หรือเลือกมาร่วมเฉพาะพิธีการใดพิธีการหนึ่งได้ถูกต้อง นอกจากนี้หากพิธีการใดที่บ่าวสาวต้องการความเรียบร้อย งดใช้เสียง หรือลดถ่ายภาพ ก็สามารถทำ ** หมายเหตุระบุไว้ต่อหลังช่วงพิธีการไปเลยเพื่อที่แขกจะได้รู้ล่วงหน้าและไม่ทำพฤติกรรมที่ไม่สมควรในช่วงเวลานั้น เพราะข้อนี้แต่ล่ะคู่ก็อาจจะมีพิธีการที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะด้วยเชื้อชาติ หรือศาสนา จึงสำคัญที่จะต้องแจ้งให้แขกทราบจะได้ทำตัวให้เหมาะสมค่ะ

แขกในงานแต่ง

4. กำหนดโต๊ะที่นั่ง

ในกรณีที่บ่าวสาวจัดงานแบบซิตดาวน์ ดินเนอร์ แนะนำให้บ่าวสาวทำป้ายชื่อของแขกว่างไว้ตรงที่นั่งให้ชัดเจน หรืออาจจะมอบหมายให้คนใดคนหนึ่งคอยนำแขกไปที่ที่นั่งก็ได้ หรือจะทำผังบอกที่นั่งหน้างานไปเลยก็ช่วยให้สะดวกดีโดยในการจัดที่นั่งนั้นบ่าวสาวอาจจะต้องคำนึงถึงการจัดแขกที่นั่งติดกันให้มีความสนิทสนมกันหรือรู้จักกันมาก่อน เพื่อแขกจะได้ไม่รู้สึกอึดอัดหรือโดดเดี่ยวเกินไปที่ต้องนั่งกับใครที่ไม่คุ้นเคย

แต่ถ้าหากบ่าวสาวเลือกจัดแต่งแบบโต๊ะจีน ก็จะต้องมีการระบุไปเลยว่าแต่โต๊ะไหนเป็นของแขกกลุ่มใดเพื่อที่แขกจะได้ไม่นั่งกันสะเปะสะปะ และควรจัดสรรที่นั่งดีๆ หากมาจากกลุ่มสังคมเดียวกัน เช่น ญาติ เพื่อนสนิท เพื่อนร่วมงาน ควรจัดให้พวกเขาได้นั่งด้วยกัน แต่ถ้าหากโต๊ะไหนที่มีแขกนั่งไม่เต็ม บ่าวสาวอาจจะต้องเลือกจัดกรุ๊ปแขกโต๊ะนี้ให้ดีๆ นะคะ เพราะหากแขกไม่รู้จักกันมาก่อนแล้วมานั่งรวมกันอาจจะทำให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารอึดอัดได้ เพราะฉะนั้นวางผังที่นั่งกันดีๆ แล้วมอบหมายให้เพื่อนบ่าวสาวสัก 2-3 คนเป็นผู้ช่วยจัดการพาแขกไปนั่งที่โต๊ะตามผังที่บ่าวสาววางไว้ในวันแต่งงาน

แขกในงานแต่ง

นอกจากนี้เจ้าบ่าวเจ้าสาวควรวางตัวให้ดูดีเพื่อที่แขกจะได้ประทับใจด้วยนะคะ ทำได้ง่ายๆ ตามนี้เลย รู้ไว้จะได้ไม่โดนติกับ 8 มารยาทบ่าวสาวที่ควรทำในช่วงงานแต่ง

ภาพจาก : Pinterest.com

เปลี่ยนบรรยากาศพักผ่อนแบบมินิมูน ที่คุณและคนรักได้ไปแล้วจะต้องติดใจ

อะไรคือ มินิมูน หว่า?

เชื่อว่าหลายคนเลยที่ยังไม่รู้จักการพักผ่อนของคู่รักในรูปแบบ มินิมูน เพราะการพักผ่อนแบบมินิมูนนั้นยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของคนไทยเท่าไหร่นัก แต่กลับได้รับความนิยมในต่างประเทศซะมากกว่า อาจเป็นเพราะในต่างประเทศไม่ค่อยมีวันหยุดช่วงเทศกาลหลายวัน หรือหยุดกันแบบยาวๆ เหมือนกับประเทศไทย จึงทำให้มีเทรนด์การพักผ่อนแบบมินิมูนเกิดขึ้น เพื่อให้คู่รักได้ใช้เวลาพักผ่อนท่องเที่ยวร่วมกัน แต่ใช่ว่าคนไทยจะทำไม่ได้นะคะ เพราะการจัดทริปมินิมูนก็จะคล้ายๆ กับการไปฮันนีมูนนั่นแหละค่ะ แค่เพียงจะมีความต่างกันนิดหน่อยเท่านั้นเอง…

มินิมูน

มินิมูนคืออะไร?

Mini-Moon หรือ การพักผ่อนแบบมินิมูน เป็นการพักผ่อนที่เน้นความหรูหรา เหมาะกับคู่รักที่ต้องการไปพักผ่อนแบบชิลสุดๆ ไม่ต้องมีกิจกรรมอะไรเยอะแยะให้ต้องเหนื่อยกาย เรียกได้ว่าเป็นการซ้อมก่อนไปฮันนีมูนจริงของคู่รักที่หลังแต่งงานยังไม่มีโอกาสได้หยุดพักผ่อนหลายวัน ดังนั้นสถานที่ของการไปมินิมูนนั้นต้องไม่ไกลจากบ้านมากนัก ควรเป็นจังหวัดใกล้เคียง อย่างเช่น บ้านของคุณอยู่ในกรุงเทพฯ อาจจะเลือกสถานที่ไปมินิมูนกันที่พัทยา เพราะใช้เวลาเดินทางแปปเดียวเดี๋ยวก็ถึง แทนที่จะจัดทริปไปสวีทกับคนรักไกลๆ ถึงต่างแดน ที่ต้องเสียเวลาเดินทางโดยเครื่องบินหลายชั่วโมง แถมยังใช้งบเยอะไปอีก ที่สำคัญต้องใช้เวลาหลายวันในการท่องเที่ยว เพราะฉะนั้นหากคุณทั้งคู่ไม่ค่อยมีเวลาว่าง แต่ก็อยากจัดทริประยะสั้นให้ได้สานสัมพันธ์กันบ้าง มินิมูนก็เป็นหนึ่งทางเลือกที่ดีเลยล่ะค่ะ

การใช้ระยะเวลาของการไปมินิมูน

การเดินทางไปมินิมูนใช้เวลาเดินทางระยะสั้นเพียงไม่กี่กิโลก็ถึงที่หมาย ทำให้ไม่ต้องเหนื่อยจากการเดินทางหรือต้องเจ็ทแล็กปรับตัวอะไรมากนัก ระยะเวลาของการไปพักผ่อนจะอยู่ที่ประมาณ 3 วัน 2 คืน เป็นช่วงเวลาสั้นๆ ของการเดินทางไปพักผ่อนในจังหวัดใกล้เคียง  ที่สำคัญเลย คุณไม่ต้องลางานเป็นเวลาหลายวันให้ห่วงหน้าพะวงหลัง เพราะคุณทั้งคู่อาจใช้เวลาแค่การไปพักผ่อนตามโรงแรมที่มีบรรยากาศดีๆ เข้าสปาใช้บริการภายในโรงแรมเท่านั้นก็เรียกว่าเป็นการไปมินิมูนแล้วค่ะ

การวางแผนไปมินิมูน

คุณทั้งคูแทบไม่ต้องวางแผนอะไรเลยค่าาา ถ้าไม่ได้ต้องการท่องเที่ยวแบบจัดเต็ม คุณแค่เลือกเวลาช่วงวันหยุดสั้นๆ จองโรงแรมล่วงหน้าสักหนึ่งอาทิตย์ จากนั้นคุณก็อาจจะแพลนกิจกรรมในแต่ละวันนิดหน่อยว่า มื้อนี้จะไปดินเนอร์กันที่ไหนดี หรือแวะเที่ยวสถานที่ใกล้คียงกับที่พักดีไหม หรือหากจะนั่งชิลนอนชิลอยู่แต่ในโรงแรมจะทำอะไรบ้างให้ไม่เบื่อ อย่ากังวลไปเลยค่ะถ้าจะเลือกจัดทริปมินิมูน เพราะดูแล้วไม่มีอะไรให้คุณต้องคิดมากเลย นอกจากการเลือกสถานที่พักดีๆ สักแห่ง

มินิมูน

งบประมาณของการไปมินิมูน

ถ้าคุณอยากพักในโรงแรมระดับลักซ์ชัวรี่ 5 ดาว ก็จะมีค่าใช้จ่ายของค่าที่พักราคาสูงและการบริการต่างๆ ภายในโรงแรมที่มีราคาสูงเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะคู่ที่ต้องการพักผ่อนเพียงในโรงแรมเท่านั้น แต่เดี๋ยวก่อนนน! ลองมองกลับกันนะคะ ถ้าคุณจัดทริประดับไปฮันนีมูนบินไกลถึงต่างประเทศ ค่าใช้จ่ายก็จะสูงยิ่งกว่าอีกค่ะ เพราะมินิมูนจะมีงบประมาณค่าใช้จ่ายเรื่องการเดินทางที่ถูกกว่ามาก ไม่ต้องซื้อตั๋วเครื่องบิน ไม่ต้องเสียค่าโหลดกระเป๋า ไม่ต้องเสียค่าแพ็คเกจอินเทอร์เน็ต และก็จะกลายเป็นว่าค่าที่พักในทริปมินิมูนจะถูกกว่าค่าที่พักของทริปฮันนีมูนระยะยาวที่ไปหลายวันด้วยนะคะ

แล้วทำไมต้องไปแบบมินิมูน?

เพื่อเป็นการพรีวิวก่อนการไปฮันนีมูนจริง ซึ่งช่วยให้ชีวิตคู่สมรสของพวกคุณง่ายขึ้น สามารถป้องกันภาวะซึมเศร้าหลังแต่งงานได้ด้วยน้า คงสงสัยกันใช่ไหมเอ่ยแต่งงานแล้วจะเศร้าได้ยังไง อยากให้ลองนึกดูนะคะ การแต่งงานมีค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก ระหว่างการจัดเตรียมงานแต่งงานก็ทั้งเหนื่อย ทั้งเจอปัญหายุ่งวุ่นวายไปหมด โดยเฉพาะเจ้าสาวบางคนถึงกับนอยด์ไปเลย แบบว่าอยากไปฮันนีมูนหลังแต่งงานแบบหรูหราฟู่ฟ่าเหมือนคนอื่นเขา แต่ก็กลับกลายว่างานแต่งงานทำให้เกิดหนี้ก้อนโตซะงั้น ภาวะเครียดเริ่มเข้ามาแทรกแซง ทีนี้คุณอาจจะต้องการทริปสั้นๆ เพื่อพักกาย พักใจ แล้วค่อยกลับมาสู้กันต่อ ถึงแม้ว่าการพักผ่อนแบบมินิมูนจะอยู่ในช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็ช่วยให้คุณได้พักผ่อนอย่างเต็มที่มากกว่าการออกทริประยะยาวที่อัดแน่นไปด้วยตารางการท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ยิ่งคุณเป็นคู่แต่งงานใหม่คุณควรใช้เวลาเฉลิมฉลองให้กับความรัก เป็นโอกาสที่ดีที่พวกคุณจะได้พูดคุยถึงอนาคตการใช้ชีวิตคู่ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น…

จัดทริปมินิมูนกันไปเรียบร้อยแล้ว ทีนี้เรามาเปลี่ยนบรรยากาศไปฮันนีมูนที่ต่างประเทศกันบ้างดีกว่า จะมีที่ไหนน่าสนใจบ้างมาดูกันเลยค่า พาความรักหนีความร้อนไปฮันนีมูนสุดหนาว 5 ที่ในต่างแดน

Credit Story : insideweddings.com, today.line.me
Credit Photo : avante.biz, pinterest