รู้ให้จริงก่อนโยนดอกไม้ พร้อมวิธีส่งต่อความสุขให้ถึงมือคนโสด

โยนดอกไม้…ทำไมต้องโยน? แล้วจะโยนช่อดอกไม้ให้เพื่อนสาวได้ยังไงบ้าง เราพร้อมตอบทุกข้อสงสัยแล้ว

หลายคนคงจะสงสัยกันใช่ไหมล่ะว่าทำไมในตอนท้ายของงานฉลองมงคลสมรสจะต้องมีการ โยนดอกไม้ ด้วย ไม่โยนไม่ได้เหรอ แล้วทำไมเวลาโยนทีไร สาวโสดทั้งหลายจะต้องแย่งกันออกไปรับรับทุกที วันนี้เราจะมาไขปริศนาให้หนุ่มๆ สาวๆ หายสงสัยพร้อมแนะวิธีโยนดอกไม้ถึงมือสาวโสดคนต่อไป

ทำไมถึงโยนช่อดอกไม้?

ต้องบอกก่อนว่าในอดีตดอกไม้ที่เราเห็นกันว่าเจ้าสาวถือนั้น เพียงแค่ถือประดับไว้เพื่อความสวยงามในวันแต่งงาน ไม่ได้นำมาโยนแต่อย่างใด โดยเจ้าสาวบางคนจะถือช่อสมุนไพรแทนช่อดอกไม้ก็มีเช่น พวงกระเทียม, ช่อเครื่องเทศ เนื่องจากเชื่อกันว่าในวันแต่งงานมักจะมีปีศาจขี้อิจฉาแฝงตัว เข้ามาทำลายความสุขของบ่าวสาวในวันแต่งงาน เพราะเครื่องเทศมีกลิ่นแรงเหล่านี้จะช่วยขับไล่ทำให้พวกปีศาจ วิญญาณร้าย หรือสิ่งชั่วร้ายไม่ให้เข้าใกล้เจ้าบ่าวเจ้าสาวได้ แต่พอมาในยุคสมัยกรีกโรมันก็ได้เริ่มดัดแปลงจากช่อดอกไม้หรือช่อสมุนไพรมาเป็นมงกุฎแทน แต่ยังคงเป็นมงกุฎดอกไม้ที่ประดับไปเครื่องเทศสมุนไพรเช่นเดิม

พอมาถึงคริสต์ศตวรรษที่ 14 ในยุโรป เริ่มเกิดความเชื่อที่ว่าถ้าได้ชิ้นส่วนจากชุดเจ้าสาวไปเป็นที่ระลึกจะทำให้พบเนื้อคู่และมีโอกาสได้แต่งงานในเร็วๆนี้ซึ่งชิ้นส่วนที่สาวๆ ทั้งหลายต้องการคือ สายรัดใส่ถุงน่อง (Garter) ด้วยความเชื่อที่ว่าอยู่ใกล้อวัยวะเพศหญิงจึงเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ ทำวันแต่งงานเกิดความวุ่นวาย เจ้าสาวโดนชุดกระชากลากตัวเพื่อที่จะเอาชิ้นส่วนของชุดหรือสายรัดถุงน่องให้ได้ ทำให้ประเพณีนี้อยู่ได้ไม่นาน จนในที่สุดก็เปลี่ยนมาเป็นการโยนช่อดอกไม้จนถึงปัจจุบัน

ดอกไม้อะไรที่นิยม ?

ดอกไม้ที่ได้รับความนิยมคงจะหนีไม่พ้น กุหลาบ เยอบีร่า ลิลลี่ เพียวโอนี่ สแตติส และยิปซียิปโซ นอกจากเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักแล้ว ยังไม่เหี่ยวเฉาง่ายด้วยนะ หรือถ้าจะใช้ดอกอื่นๆ ตามความชอบหรือเลือกดอกที่เข้ากับธีมงานก็ไม่ว่ากัน แต่แนะนำว่าควรเลือกดอกไม้ที่อยู่ได้นานโดยไม่ต้องพึ่งน้ำมากหนัก เพราะกว่าจะเจ้าสาวจะโยนก็ช่วงค่ำ ถ้าช่อดอกไม้เหี่ยวช้ำ ไม่สดขึ้นมา แล้วจะหาว่าไม่เตือนนะจ๊ะ

ทีนี้มาดูวิธีการโยนดอกไม่กันบ้าง เท่าที่เราเห็นส่วนใหญ่คือ เจ้าสาวหันหลังโยนหรือไม่ก็หันหน้าโยน หันข้างบ้างละ ซึ่งรู้ไหมว่าไม่มีกฎข้อไหนบังคับไว้ว่าห้ามโยนแบบอื่นนะ เพราะยังมีวิธีแจกดอกไม้ที่เก๋ไก๋กว่านั้น ไปดูเลย

YO_1577-myo050515

  1. หันหลังโยน และหันหน้าโยน

เป็นวิธีเบสิคทั่วโลกที่นิยมใช้กันมาอย่างนมนาน ถ้าเจ้าสาวคนไหนชอบความคลาสสิกละก็ ใช้วิธีนี้ได้เลย แต่เวลาโยนโยนให้สุดแรงเลยนะจ๊ะภาพจะได้ออกมาสาวๆ ถ้าหันหลังโยนละก็อย่าลืมมองเพดาน หรือแชนเดอร์เลียร์ด้วยนะ โยนแรงทำของเข้าเสียหายงานเข้าแน่นอน แต่ถ้าจะหันหน้าโยนเล็งเลยจ้าอยากโดนหาใครมุมไหนเอาตามต้องการได้เลย

2. ดึงริบบิ้น

เป็นอีกวิธีที่ครีเอทไม่เบา สำหรับการดึงริบบิ้นแล้วได้ช่อดอกไม้ไปเลย แต่แนะนำว่าต้องดูปริมาณของเพื่อนเจ้าสาวและปริมาณริบบิ้นด้วยนะจ๊ะ อย่าลืมผูกริบบิ้นกับช่อดอกไม้แค่เส้นเดียวนะจ๊ะ ไม่งั้นเพื้อนเจ้าสาวดึงแย่งกันตายเลย และวิธีนี้ต้องจัดการให้ดีละ ถ้าพันกันขึ้นมานี่งานเข้าเลยนะ

03_Peninsula
3. การเล่นเกม

ถึงจะดูเหมือนเป็นวิธีธรรมดา แต่ก็สามารถสร้างความสนุกแต่เสียงหัวเราะภายในงานได้ บ่าวสาวอาจเลือกเกมที่ตนเองชอบมาเล่น เช่น ตอบคำถาม เก้าอี้ดนตรี แข่งกินอาหาร เสี่ยงเซียมซี ใครเป็นที่สุดก็รับช่อดอกไม้ไปเลย

4. ตั้งใจให้เป็นพิเศษ

ในกรณีที่บ่าวสาวมีคนที่อยากให้ช่อดอกไม้อยู่ในใจแล้ว ก็สามารถเลือกเฉพาะเจาะจงได้เลยเช่น พ่อสื่อหรือแม่สื่อที่ทำให้ทั้งคู่เจอกัน หรือเรียกเพื่อนเจ้าสาวทั้งหมดมารับเลยก็ได้ แต่ถ้าอย่าบอกก่อนล่วงหน้าละ ให้เจ้าตัวเซอร์ไพร้ส์ในวันงานเลย

ส่วนเจ้าบ่าวก็อย่าพึ่งน้อยใจไปเลย สาวๆ เขาแจกช่อดอกไม้กันไปแล้ว เจ้าบ่าวก็แจกได้เช่นกันนะจ๊ะ โดยส่วนใหญ่ที่นิยมคือโยนตุ๊กตา ลูกฟุตบอลเล็กๆ หรือโยนของที่เตรียมมาเป็นพิเศษ ให้กับเพื่อนเจ้าบ่าวใครได้ก็รับรางวัลไปเลย

JOB_1008

เป็นไงกันบ้างจ๊ะสาวๆ อ่านจบแล้วพอจะได้ไอเดียในการโยนดอกไม้กันบ้างไหม แต่อย่างไรแล้วกิจกรรมสนุกๆ แบบนี้ก็ขึ้นอยู่ที่ความชอบของบ่าวสาวและธีมงานเลยคะ ส่วนหนุ่มสาวที่พึ่งได้รับดอกไม้ไปก็อย่าพึ่งคิดว่าตนจะได้แต่งงานแน่นอน ตามคำพูดที่ใครๆ เขาบอก ที่สุดแล้วต้องให้คุณทั้งคู่เป็นคนตัดสินใจเองนะ ส่วนใครที่รับดอกไม้มาเป็นสิบๆ ช่อแล้วยังไม่มีแฟน ก็รอต่อไปนะ คิดซะว่าเนื้อคู่กำลังเดินทางมาจ้า

รู้อย่างนี้แล้วก็ไปเลือกช่อดอกไม้เจ้าสาวสวยๆ รอไว้เลย >>> 30 ช่อดอกไม้เจ้าสาว กับสีสุดฮิตไม่ว่าจะเป็นงานแต่งสไตล์ไหนก็คุมโทน

ภาพเปิด :เรือนประกายเพชร อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี

ปกสูทเจ้าบ่าว 3 ประเภทและฟังก์ชั่นการใช้งานที่เจ้าบ่าวต้องรู้

ถึงแม้จะเป็นแค่ สูทเจ้าบ่าว ธรรมดาแต่ต้องใส่ใจและรู้เรื่องนี้ไว้นะ

แน่นอนว่าถึงแม้จะเป็นแค่ สูทเจ้าบ่าว ธรรมดา แต่ก็ไม่ใช่ว่าสูททุกตัวจะเหมือนกันหมดนะ เพราะสูทนั้นก็มีหลากแบบหลายสไตล์เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น สูท ทักซิโด หรือแจ็คเกตสูท แต่แพรว wedding ขอเจาะลึกมากไปกว่านั้น กับการแยกประเภทของปกเสื้อสูท 3 แบบ 3 สไตล์มาฝาก งานนี้หนุ่มๆ ที่เป็นเจ้าบ่าว หรือแก๊งเพื่อนเจ้าบ่าว หรือหนุ่มๆ ที่ได้รับการ์ดเชิญไปเป็นแขก ก็จะได้เลือกรูปแบบสูทให้ถูกต้องและเหมาะกับตัวเอง รวมไปถึงการแมตช์แอคเซสซอรี่ให้เหมาะกับสูทแต่ละแบบด้วย

 

Shawl Lapel

เป็นปกที่มีความโค้งมนเป็นชิ้นเดียวกันโดยที่ไม่มีปกทั้งด้านบนและด้านล่าง เป็นสูทกระดุมสองแถว (Double Breasted) เท่านั้น เหมาะกับการออกงานกลางคือ เช่น การไปดินเนอร์สุดหรู การเดินพรมแดงของเหล่าดาราฮอลลีวู้ด หรือลุคเจ้าบ่าวที่หล่อเนี้ยบ แต่ข้อจำกัดของปกสูทประเภทนี้คือ  ไม่เหมาะกับชายหนุ่มที่มีรูปหน้ากลม เพราะความโค้งมนของปกสูทจะรับกับรูปหน้าและยิ่งเน้นให้เห็นรูปหน้าที่กลมอย่างเด่นชัด และไม่เหมาะกับคนเจ้าเนื้อที่รูปร่างไม่สูงโปร่งเท่าไรนัก ปกสูทชนิดนี้จำเป็นต้องใส่โบไทเสมอ ห้ามใส่กับเนคไทเด็ดขาด แต่อาจเพิ่มลูกเล่นด้วยการเหน็บบูโทเนียร์หรือพ็อคเกตสแควร์ โดยส่วนตัวขอแนะนำให้ซื้อสูท Shawl Lapel สีดำที่เพิ่มลูกเล่นบริเวณปกโดยทริมขอบสีให้แตกต่างกันกับตัวเสื้อก็ได้ และถ้าปกเสื้อทำมาจากวัสดุประเภทอื่นที่ไม่ใช่แบบเดียวกันกับตัวเสื้อ เช่น หนังหรือผ้าสักหลาด มันจะเปลี่ยนเป็นทักซิโดทันที สูทประเภทนี้ต้องอาศัยการลองด้วยตัวเอง หรือตัดใหม่ให้เข้ากับรูปร่าง เพราะควรเป็นทรงที่เข้ากับรูปร่างของคุณ รวมทั้งตำแหน่งกระเป๋า รังดุม ที่ต้องอาศัยการวัดจุดต่อจุด ดังนั้น หากใครสนใจสูทที่มีปกประเภทนี้แนะนำให้ไปร้านเทเลอร์เพื่อลอง หรือดีที่สุดคือวัดตัวตัดใหม่เพื่อให้เข้ากับรูปร่างของคุณ

สูทเจ้าบ่าว

การใส่สูทประเภทนี้ คุณต้องสวมเสื้อเชิ้ตคอวิงเท่านั้นเพื่อให้รับกับโบไท และคุณอาจจะสไตลิ่งตัวเองเพิ่มเติมด้วยหมวกทรงสูงหรือไม้เท้า แต่อยากให้เลือกคุมโทนสีเพื่อให้ดูคลาสสิคที่สุด โดยอาจจะเลือกลุคนี้ถ่ายภาพที่แบ็กดร็อป หรือถ่ายพรีเวดดิ้งก็ดูเก๋มีสไตล์ดีนะคะ

“สำหรับไซส์ที่แน่นอนจะอยู่ระหว่าง 14-20 นิ้ว การผูกโบไทต้องไม่หลวมหรือแน่นจนหายใจไม่ออก วิธีวัดก็คือ คุณควรสามารถเอานิ้วชี้สอดเข้าไประหว่างคอและสายโบไทได้”

ถ้าหากสี ชุดแต่งงานสวยๆ ไม่ใช่สีขาวล่ะ จะเป็นสีไหนได้บ้างน้า?

เบื่อไหม กับชุดแต่งงานสีขาว แล้ว ชุดแต่งงานสวยๆ ที่ไม่ใช่สีขาว จะเป็นสีอะไรได้บ้างนะ?

เฉดสี ชุดแต่งงานสวยๆ ของเจ้าสาวสมัยใหม่ในยุคเจเนอเรชั่นวายในปัจจุบันนี้มีความเป็นตัวเองสุดๆ เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ จึงทำในสิ่งที่ชอบ สิ่งที่รัก และกล้าแสดงออกทางความคิดกันมากขึ้น เพราะฉะนั้นเมื่อถึงช่วงเวลาเตรียมตัวสำหรับวันแต่งงาน จึงไม่พลาดที่จะทุ่มเทและดีไซน์ให้งานแต่งที่สำคัญเป็นที่น่าจดจำ โดยเฉพาะสีของชุดแต่งงานที่ต้องแตกต่างและโดดเด่นจากขนบธรรมเนียมเดิม ผสมผสานความเป็นสากล และแฝงไปด้วยเอกลักษณ์ของเจ้าสาว

แพรว wedding เลยจะมาแนะนำสีชุดแต่งงานเจ้าสาวสมัยใหม่ที่ไม่ใช่สีขาวดั้งเดิมแบบทั่วไป แต่เป็นโทนสีที่คงความอ่อนหวานและบริสุทธิ์ไม่แพ้กับชุดแต่งงานสีขาวเลยทีเดียว แต่สุดท้ายแล้วไม่ว่าชุดแต่งงานของคุณจะเป็นสีอะไร เพียงแค่เลือกให้เหมาะกับสิ่งที่ชอบและสื่อถึงไลฟ์สไตล์ของว่าที่เจ้าสาวก็พอแล้ว

Glittery Gold Color

เป็นสีที่โดดเด่นจากสีทองปกติ เพราะเพิ่มความแวววาวให้เดรสดูเปล่งประกาย ขับเน้นให้เจ้าสาวมีออร่าและหรูหรา รับรองได้ว่าคุณจะโดดเด่นที่สุดในงานเลยล่ะ

ชุดแต่งงานสวยๆ


Glittery and White Color

เป็นเดรสที่แบ่งท่อนบนและท่อนล่างออกจากกัน โดนท่อนบนเป็นเสื้อแขนล้ำสีเทาประดับด้วยกลิตเตอร์ระยิบระยับ และกระโปรงสีขาวชายลากยาวแบบหางปลา ด้วยสีและเนื้อผ้าทั้งสองที่ตัดกันนี้จึงทำให้เจ้าสาวมีลุคที่เซ็กซี่และดูแพง

ชุดแต่งงานสวยๆ


Silver Color

ลุคนี้ก็ไม่ใช่เดรสเช่นกัน กับชุดแต่งงานแบบสองชิ้น ด้านบนเป็นเสื้อแขนสั้นเอวลอยประดับลูกไม้ในเฉดสีเทา-เงิน ส่วนกระโปรงดีไซน์แบบเอวสูงเพื่อให้รับกับตัวเสื้อ พร้อมเพิ่มกิมมิกอย่างเช่นกระเป๋าที่ตัวกระโปรงอีกด้วย แถมชุดนี้ยังเป็นการเลือกแมตช์เฉดสีเทา-เงินในสองเฉดสีไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัวระหว่างช่วงบนและช่วงล่าง เป็นอีกหนึ่งลุคที่จะทำให้เจ้าสาวมีลุคสุดลุคที่ชิค

สีชุดแต่งงานเจ้าสาวสมัยใหม่


Gray Color

การผสมผสานระหว่างสีเทาที่แม้จะดูหม่นหมอง แต่การเลือกใช้เฉดสีเทาอ่อนกับดีไซน์ของชุดแต่งงานเกาะอกทรงบอลกาวน์ ก็ช่วยให้ลุคนี้ของเจ้าสาวดูนุ่มนวลขึ้น เหมาะกับว่าที่เจ้าสาวที่อยากได้ลุคสวยสง่าเรียบหรูดั่งเช่นเจ้าหญิงในเทพนิยาย

สีชุดแต่งงานเจ้าสาวสมัยใหม่

Gold Color

เมื่อพูดถึงสีทอง เราก็จะคิดถึงความแพงและความหรูหรา และให้ความรู้สึกที่ดูวินเทจนิดๆ ในสไตล์อารมณ์แบบชุดจากยุคแกตส์บี้ อย่างเช่นชุดแต่งงานชุดนี้ที่ประดับเลื่อมและกลิตเตอร์ระยิบระยับ กับดีไซน์ชุดแต่งงานแบบคอกลม ช่วงอกเป็นซีทรูเผยความเซ็กซี่ พร้อมตัวแขนเสื้อแบบสี่ส่วนสุดทันสมัย

สีชุดแต่งงานเจ้าสาวสมัยใหม่


Milky White Color

เป็นโทนสีขาวนมที่นุ่มนวล แล้วเพิ่มความอ่อนหวานด้วยลวดลายของดอกไม้สีแดงและส้ม รวมทั้งลายพฤกษาทั่วทั้งชุด ทำให้ลุคนี้ของเจ้าสาวเต็มไปด้วยความอ่อนหวาน โรแมนติก และพร้อมดึงดูดทุกสายตาให้กับความแตกต่างที่โดดเด่นและลงตัวของชุดแต่งงานแบบสองชิ้น ด้านในเป็นเดรสสายเดี่ยว คลุมทับด้วยเสื้อคลุมซีทรูพร้อมดอกไม้ในลวดลายเดียวกัน

สีชุดแต่งงานเจ้าสาวสมัยใหม่


Light Blue Color

ชุดเดรสสีฟ้าอ่อน ซ้อนทับด้วยผ้าโปร่งประดับด้วยลูกไม้สีขาว มาพร้อมดีไซน์แบบคอกลมและแขนกุดสุดเรียบง่าย เสริมลุคนี้ให้ดูหรูด้วยเวลลากยาวเฉดสีครีมที่เข้ากับสีฟ้าของชุดได้เป็นอย่างดี รับกับผมเปียสุดน่ารัก ทำให้เจ้าสาวงดงามดั่งเช่นเทพธิดากรีกเลยทีเดียว

สีชุดแต่งงานเจ้าสาวสมัยใหม่


Nude Color

สีนู้ดเป็นอีกสีทางเลือกของว่าที่เจ้าสาวที่ไม่ต้องการชุดแต่งงานสีขาวแบบเดิมๆ แถมยังเป็นเฉดสีที่ให้ลุคเป็นธรรมชาติและดูอบอุ่น แต่เราอยากแนะนำให้ชุดเจ้าสาวนั้นดูแตกต่างมากกว่าเดิม ด้วยการสวมเสื้อท่อนบนสีขาวประดับลูกไม้แบบแขนสามส่วน แมตช์กับกระโปรงทรงเอไลน์ที่เป็นทรงที่เจ้าสาวนิยมใส่กันมากที่สุด ก็จะได้ลุคเรียบง่ายและน่ารักในชุดเดียวกัน แถมถ้าเลือกตัดแบบแยกชิ้น ยังสามารถนำไปใส่ได้ในโอกาสอื่นๆ อีกด้วย

สีชุดแต่งงานเจ้าสาวสมัยใหม่

สีชุดแต่งงานเจ้าสาวสมัยใหม่ที่เราคัดมาเพื่อให้เจ้าสาวดูโดดเด่นนี้ คงจะเป็นทางเลือกที่ดีให้กับว่าที่เจ้าสาวกันนะคะ นอกจากนี้เรายังมี 5 สีชุดแต่งงานไม่ขาวแต่เจิด ตามไปดูและเลือกให้เข้ากับสไตล์นะ >//<

ภาพจาก Pinterest

6 ทิปส์วางแผนเลือก ชุดเพื่อนเจ้าสาว ให้สวยทันวันวิวาห์พอดี

ชุดเพื่อนเจ้าสาว ความไม่ลงตัวที่หลายกลุ่มปวดหัวเพราะเลือกไม่ถูก … มาฟังทิปส์ดีๆ จากเรากันค่ะ

เมื่อถึงเวลาที่สาวๆ จะต้องเลือก ชุดเพื่อนเจ้าสาว นี่ก็ปวดหัวพอๆ กับที่เจ้าสาวเลือกชุดแต่งงานเลยนะ เพราะแต่ละคนก็มีข้อจำกัดของตัวเองที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงบประมาณ ลักษณะรูปร่าง รวมไปถึงสไตล์และความชอบที่ไม่เหมือนกันของแต่ละคน ช่วงเวลานี้จึงเหมือนเป็นช่วงเวลาที่ท้าทายว่าจะตัดสินใจเลือกกันอย่างไร จนทำให้หลายแก๊งถึงขั้นกุมขมับเพราะความเครียดไปตามๆ กัน แพรว wedding เลยอาสามาไกล่เกลี่ยพร้อมยุติข้อโต้เถียงในวงสนทนาด้วยเทคนิคการเลือกชุดเพื่อนเจ้าสาวแบบมืออาชีพให้แฮปปี้กันทั้งกลุ่มมาฝาก

ท่องโลกออนไลน์

ก่อนอื่นสำรวจรูปร่างของตัวเองก่อนว่า คุณมีหุ่นแบบไหน เช่น หุ่นตรง หุ่นลูกแพร์ หรือหุ่นแบบนาฬิกาทราย จากนั้นลองหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตว่ารูปร่างแบบคุณนั้นเหมาะกับการใส่ชุดแบบไหนมากที่สุด เพื่อให้ง่ายต่อการจำกัดรูปแบบของชุดที่คุณจะเลือก ซึ่งขั้นตอนนี้อาจจะนัดวันที่สาวๆ ในแก๊งว่างตรงกันแล้วชวนกันไปท่องโลกอินเทอร์เน็ตพร้อมกันเลยก็ได้ เพราะนอกจากจะประหยัดเวลาในการเลือกรูปแบบชุดแล้ว ยังประหยัดเวลาในการส่งข้อความหากันอีกด้วย

เปิดกระเป๋าตังค์คุยถึงงบประมาณที่มี

ถึงแม้ว่าจะเป็นงานแต่งงานของเพื่อน แต่สิ่งนี้ก็เหมือนจรวดมิดไซน์ชั้นดีที่พร้อมจะระเบิดกระเป๋าตังค์เพื่อนเจ้าสาว และแน่นอนว่าเรื่องเงินๆ ทองๆ ไม่เข้าใครออกใคร และอาจเป็นเรื่องยากที่จะเปิดเผยต่อสาวๆ คนอื่นในแก๊งว่า ‘แกๆ ฉันมีงบอยู่เท่านี้เอง’ ก็แหม ฟังจากที่เพื่อนแต่ละคนพูดก็ดูจะใช้งบมหาศาลอยู่ในการสร้างลุค แต่ครั้นจะโพล่งประโยคนั้นออกไปก็กลัวว่าจะทำให้เสียบรรยากาศ แต่อย่าเพิ่งท้อแท้ใจว่าฉันจะต้องถึงขั้นไปกู้หนี้ยืมสินเพื่อมาแต่งตัวเป็นเพื่อนเจ้าสาวหรือเปล่า ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ เพราะเพียงแค่คุณยอมเอ่ยปากบอกเพื่อนสาวตรงๆ ถึงงบที่มี เราเชื่อว่าเพื่อนที่ดีย่อมต้องเข้าใจเพื่อนจริงไหมคะ แถมปัจจุบันสาวๆ ก็มีทางเลือกมากมาย เพราะมีร้านชุดหรือแบรนด์ต่างๆ ที่มีชุดราตรีสำเร็จรูปพร้อมใส่ดีไซน์เก๋ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ดให้ได้เลือกกัน แถมถ้าทำการบ้านดีๆ งานนี้อาจจะได้เสื้อผ้าดีๆ ในราคาไม่แพงด้วย

อย่าลืมคิดถึงค่าใช้จ่ายสำรองในกรณีมีการเปลี่ยนแปลงชุด

งบการเปลี่ยนแปลงชุดในที่นี้ก็ได้แก่ ซื้อชุดใหม่มาแต่ต้องนำไปแก้ทรงให้พอดีกับรูปร่างหรือความสูง ซึ่งกรณีอาจจะเกิดขึ้นในกรณีที่คุณซื้อชุดจากทางร้าน หรือสั่งชุดผ่านทางออนไลน์ เพราะฉะนั้นก็อย่าลืมปันงบในส่วนนี้กันไว้ด้วยนะ และอีกหนึ่งอย่างที่เราอยากฝากถึงสาวๆ ก็คือ หากได้ชุดหรือไปลองชุดกันแล้วก็อย่าลืมใส่รองเท้าส้นสูงที่จะใส่ในวันงาน หรือที่มีความสูงเท่ากับคู่ที่จะใส่ในวันนั้นด้วย เผื่อที่จะได้ทราบว่าความยาวของชุดกับความสูงของรองเท้านั้นสมดุลพอดีกันหรือไม่ ส่วนใครที่อยากจะใส่แอคเซสซอรี่เพิ่มเติมก็ติดไปวันลองชุดด้วยเลยจะได้รู้ว่าเวิร์กหรือเปล่า

ชุดเพื่อนเจ้าสาว

เลือกชุดไว้ล่วงหน้าก่อนวันงานให้นานสักหน่อย

ชุดเพื่อนเจ้าสาวก็มีกฎคล้ายๆ กับการเลือกชุดเจ้าสาวนั่นแหละ ซึ่งก็คือการมองหาและเตรียมการไว้ล่วงหน้าก่อนที่งานจะมาถึงตั้งแต่เนิ่นๆ ยิ่งถ้าหากแก๊งคุณใช้บริการตัดชุดใหม่ด้วยแล้ว ยิ่งต้องเผื่อเวลาให้ดี เพราะการตัดชุดใหม่นี้จะเต็มไปด้วยดีเทลและขั้นตอนต่างๆ เริ่มตั้งแต่ การเลือกแบบ เลือกเนื้อผ้า เลือกช่างหรือร้าน นัดวัดตัว ปรับแก้ทรง 1-2 ครั้ง และนัดรับชุด หรือหากในกรณีที่สั่งชุดผ่านทางออนไลน์ ก็ต้องรีเช็กกับทางร้านให้ดีว่า มีไซส์พอสำหรับทุกคนในกลุ่มหรือไม่ และหากออเดอร์ไปแล้วจะได้รับชุดวันไหน ซึ่งตรงนี้อย่าลืมคิดเผื่อกันด้วยนะ ในกรณีที่ได้ชุดมาแล้วอาจจะไม่พอดีกับรูปร่าง เพราะนั่นหมายความว่าคุณจะต้องวิ่งหาร้านหรือช่างเพื่อแก้ไขทรงกันอีก

เลือกสไตล์ชุดให้เกียรติเจ้าสาวด้วย

แน่นอนว่าวันสำคัญของเพื่อนใครๆ ก็อยากสวยเพราะต้องถ่ายภาพด้วยกันเป็นที่ระลึก แต่เราว่าสวยแต่พองาม ทำแต่พอดีน่าจะเวิร์กกว่านะคะ เพราะนี่ไม่ใช่งานแต่งงานของคุณ เพราะคนที่ต้องสวยและโดดเด่นที่สุดในงานคือ เจ้าสาว ดังนั้นทางที่ดีสาวๆ ควรเปิดใจรับฟังไอเดียจากเจ้าสาวด้วย เช่น เจ้าสาวอยากให้เพื่อนๆ แต่ตัวด้วยสีนี้ เนื้อผ้าแบบนี้ จากนั้นเพื่อนๆ ก็แค่รับโจทย์มาแล้วนำไปปรับให้เป็นสไตล์ที่เหมาะสมกับทุกคนในแก๊ง แบบนี้แฮปปี้ทั้งสองฝ่าย

ชุดชั้นในต้องแมตช์กับชุดที่ใส่ด้วย

ชุดสวยแต่ต้องมาพังเพราะชุดชั้นในที่ไม่เข้ากันก็เป็นอันจบ! เพราะฉะนั้นสาวๆ อย่าลืมเตรียมชุดชั้นในที่จะใส่กับชุดในวันงานไปลองชุดกันด้วยนะ เช่น ชุดชั้นในแบบเกาะอก หรืออันเดอร์แวร์แบบไร้ขอบ เป็นต้น เพราะชุดชั้นในเหล่านี้จะเป็นสิ่งที่ช่วยซัพพอร์ตรูปทรง สี และเนคไลน์ของชุดได้ และยังช่วยให้สาวๆ เห็นภาพรวมของตัวเองได้มากที่สุด ซึ่งเฉดสีที่เหมาะสมที่สุดคือสีนู้ดแบบเรียบๆ เพราะสามารถพรางไปกับทุกสีได้เป็นอย่างดีจ้า

รวมร้านเช่าชุดเพื่อนเจ้าสาวสวยงามอลังการ ราคาแค่หลักร้อยถึงหลักพัน

ภาพ brides, pinterest

มาดูวิธี เตรียมตัวเจ้าบ่าว เสริมหล่อให้เจ้าบ่าวเท่เว่อร์สมกับเจ้าสาวกันเถอะ

เจ้าสาวเตรียมสวยมาเยอะแล้ว อย่าลืม เตรียมตัวเจ้าบ่าว ให้หล่อเท่สมกันด้วยละคะ เรามาบอกสิ่งที่เจ้าบ่าวต้องทำเพื่อเสริมความหล่อตั้งแต่หัวจรดเท้าให้ทันวันสำคัญกันแล้ว

มา เตรียมตัวเจ้าบ่าว ของเราให้หล่อที่สุดในงานกันเถอะ! เพราะใครๆก็พูดถึงแต่การเตรียมตัวเจ้าสาว แต่พอหันมามองเจ้าบ่าวของเราละ? เจ้าบ่าวหลายคนมัวแต่ยุ่งวุ่นวายกับการเตรียมงานไม่แพ้เจ้าสาว แถมเป็นผู้ชายก็เลยอาจจะไม่ได้ใส่ใจจะดูแลตัวเองเท่าเจ้าสาว แต่ถ้าในวันงานเจ้าสาวสวยเจิด แต่เจ้าบ่าวดูโทรมก็ไม่เข้ากันนะคะ เรามาบอกขั้นตอนการเสริมหล่อของเจ้าบ่าวให้หล่อเท่ห์ที่สุดในงานสมกับความสวยเป๊ะปังของเจ้าสาว มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง

1. ประมาณหกเดือนก่อนวันงาน ออกกำลังกาย เพราะว่าผู้ชายมีฮอร์โมนที่ช่วยสร้างกล้ามเนื้อและลดน้ำหนักง่ายกว่าผู้หญิง ผู้ชายก็เลยสามารถใช้เวลาสั้นกว่าเพื่อสร้างหุ่นที่ดูฟิตเฟิร์มได้ แต่คุณเจ้าบ่าวก็ต้องมีวินัยไม่แพ้กันนะคะ

2. ประมาณ 9-6 เดือนก่อนวันงาน ทำทรีตเม้นต์ดูแลผิวหน้า อย่าลืมนะคะว่าในวันจริงนั้นเจ้าบ่าวไม่สามารถพึ่งพาการปกปิดผิวหน้าด้วยเมกอัพได้มากเท่าเจ้าสาว เพราะฉะนั้นการทำทรีตเม้นต์ผิวหน้าเพื่อแก้ปัญหาอย่างผิวไม่เรียบเนียนหรือหน้าไม่กระชับ ก็น่าสนใจนะคะ โดยคุณเจ้าบ่าวสามารถจูงมือกับคุณเจ้าสาวเข้าไปปรึกษาคุณหมอแบบแพ็คคู่เลยก็ได้ค่ะ

3. ประมาณ 4-5 เดือนก่อนงาน เลเซอร์กำจัดขน ถ้าหากคุณว่าที่เจ้าบ่าวอยากกำจัดขนบนใบหน้าด้วยวิธีเลเซอร์ ควรทำก่อนวันงานประมาณ 4-5 เดือนอย่างช้า เพราะทรีตเม้นต์เหล่านี้ต้องทิ้งห่างระยะเวลาต่อครั้ง และต้องทำอย่างต่ำ 3 ครั้งกว่าจะเห็นผลที่ชัดเจนค่ะ

4. ใส่ใจกับการใช้สกินแคร์บำรุงผิวหน้า  ว่าที่เจ้าบ่าวคนไหนที่ดูแตัวเองอยู่แล้ว ข้อนี้อาจจะไม่ต้องห่วง แต่ถ้าใครที่ไม่เคยได้ดูแลตัวเองเล๊ยยย ช่วงนี้คุณอาจจะต้องเริ่มบ้างแล้ว ลองให้คุณว่าที่เจ้าสาวหาสกินแคร์ดีๆ สักชิ้น มาลองใช้สิคะ และอย่าลืมทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านทุกเช้า ใครที่เคยล้างหน้าผ่านๆ ก็ลองใส่ใจกับการทำความสะอาดผิวหน้ามากขึ้น แค่นี้คุณก็จะรู้สึกได้เลยว่าผิวดีขึ้นจริงๆค่ะ

5. ประมาณ 1 เดือนก่อนวันงาน ขูดหินปูนและฟอกฟันขาว ถ้าหากคุณซื้อเซทฟอกฟันขาวแบบเอากลับมาทำเองที่บ้าน อาจจะใช้เวลาประมาณ 2 อาทิตย์ ถึง 1 เดือนกว่าจะได้ฟันขาวสมใจ แต่ถ้าคุณใช้บริการฟอกฟันขาวที่คลินิก ก็สามารถทำแค่ครั้งเดียวเห็นผล (แต่แน่นอนว่าราคาก็แพงกว่า) ควรทำก่อนวันแต่งงานประมาณเดือนนึงเช่นกันค่ะ

6.  ประมาณ 3 วัน ก่อนวันงาน เข้าซาลอนกรูมมิ่งผมและหนวด เดี๋ยวนี้มีซาลอนสำหรับผู้ชายโดยเฉพาะมากมาย ว่าที่เจ้าบ่าวทั้งหลายก็สามารถเข้าไปใช้บริการ ตัดผม โกนหนวด กันจอน และจัดการกับขนบริเวณใบหน้าได้เสร็จสรรพ ถ้าหากไม่มีสไตล์ชัดเจนที่ต้องการ ลองปรึกษาว่าที่เจ้าสาว หรือช่างตัดผมของคุณก็ได้ค่ะ

7. หนึ่งวันก่อนวันงาน ทำเล็บมือ อย่าคิดว่าเล็บมือเจ้าบ่าวไม่สำคัญนะคะ เพราะช็อตเจ้าสาวสวมแหวนให้เจ้าบ่าวหากเล็บยาวซอกเล็บไม่สะอาดก็ดูพังได้ จูงมือกันกับเจ้าสาวของเรานี่แหละค่ะ เข้าซาลอนทำเล็บไปพร้อมๆกันเลย อย่าได้อาย เดี๋ยวนี้ผู้ชายทำเล็บเยอะแยะไปค่ะ

ได้เคล็ดลับเพื่อเสริมหล่อกันไปเยอะแล้ว ขอให้คุณว่าที่เจ้าบ่าวหล่อเท่ห์ที่สุดในวันงานสำคัญนะคะ และถ้าหากคุณว่าที่เจ้าสาวเป็นผู้เจอบทความนี้แล้วรู้สึกโดนใจ๊ โดนใจ อย่าลืมแชร์แล้วแท็คว่าที่เจ้าบ่าวของเราให้รู้ตัวด้วยล่ะ อิอิ

ป.ล. ว่าที่เจ้าสาวทั้งหลายที่อยากรู้บ้างว่าต้องเตรียมตัวสวยยังไง คลิกอ่านที่นี่เลยค่ะ 

Credit Photo: moncheribridals.com, whimsicalwonderlandweddings.com, weddingsparrow.com

9 เทคนิคจัดงานแต่งงานให้ได้ดั่งใจ บ่าวสาวมีเวลาแค่ไหนก็รอด

เทคนิคจัดงานแต่งงาน ที่มีเวลาน้อยแค่ไหนก็จัดการได้แน่นอน

การเตรียมจัดงานแต่งงานถือว่าเป็นงานใหญ่งานช้างของว่าที่บ่าวสาวก็ว่าได้ บางคู่เตรียมงานกันล่วงหน้าเป็นปี เพราะอยากให้งานแต่งงานนั้นออกมาดูดีสมบูรณ์ไร้ที่ติให้มากที่สุด แต่ก็มีบางคู่ที่จะต้องรีบตบแต่งในเวลาอันรวดเร็ว เนื่องจากฤกษ์ดีภายในปีนี้ดันต้องแต่งในวันนี้เท่านั้น หรือบางคู่ก็อาจจะมีเหตุผลส่วนตัวที่ต้องแข่งกับเวลา แต่อย่าเพิ่งเสียอกเสียใจว่าเร็วขนาดนี้แล้วจะจัดงานแต่งยังไงให้ออกมาดูดี  เพราะแพรว wedding มี เทคนิคจัดงานแต่งงาน ดีๆ ที่ไม่ว่าเวลาจะน้อยแค่ไหนก็สามารถจัดงานแต่งงานออกมาได้ดั่งใจแน่นอน

1. ให้เวดดิ้งแพลนเนอร์เป็นผู้ช่วยคนสำคัญ

สิ่งแรกและสิ่งสำคัญที่บ่าวสาวต้องรีบทำและตัดสินใจคือ ตกลงกันว่าจะเลือกใช้เวดดิ้งแพลนเนอร์หรือไม่ เพราะการเลือกใช้เวดดิ้งแพลนเนอร์จะช่วยให้ว่าที่บ่าวสาวประหยัดเวลาและประหยัดงบประมาณได้ เนื่องจากแพลนเนอร์จะทำหน้าที่ในการหาซัพพลายเออร์ส่วนต่างๆ มาให้ รวมถึงงานโครงสร้างและการตกแต่งต่างๆ ภายในงาน  โดยสามารถทำให้อยู่ภายใต้งบประมาณที่บ่าวสาวมีได้

2. กำหนดงบประมาณให้ชัดเจน

งบประมาณเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยกำหนดทิศทางงานแต่งงานของบ่าวสาวได้ ว่างานแต่งนั้นจะออกมารูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร ซึ่งหากคู่ไหนงบเยอะอยากจะถมดอกไม้ หรือฟูลไปด้วยพร๊อพก็ย่อมได้ แต่ถ้าคู่ไหนที่ดันได้ฤกษ์เร็วยังไม่พอ งบที่มีดันครึ่งๆ กลางๆ ไม่รู้ว่างานจะออกมาได้อย่างที่ใจคิดหรือไม่ ไม่เป็นไรค่ะ อย่ากังวลใจไป ลองมาเช็กลิสต์กันทีละหัวข้อเลยว่า สิ่งไหนจำเป็นที่จะต้องมีในงาน และสิ่งไหนไม่จำเป็น แบบว่าไม่ต้องมีก็ได้ แล้วกำหนดงบไปให้ชัดเจนเลยว่า ‘ฉันจะจัดงานแต่งงานด้วยงบจำนวนนี้’ จากนั้นนำงบที่มีไปปรึกษากับเวดดิ้งแพลนเนอร์โลด

3. รีบจบลิสต์รายชื่อแขก

ลิสต์รายชื่อแขกจะเป็นตัวกำหนดสถานที่ให้กับบ่าวสาวได้เป็นอย่างดี และถ้าหากว่าที่บ่าวสาวมีสถานที่จัดงานแต่งในใจอยู่แล้ว และสถานที่นั้นจำกัดจำนวนแขก บ่าวสาวอาจจะต้องตัดใจเลือกเชิญแขกเฉพาะสมาชิกในครอบครัว ญาติ และเพื่อนสนิท รวมถึงคนที่มีความใกล้ชิดกับคุณมากๆ เท่านั้น

แต่ถ้าสถานที่นั้นไม่ได้จำกัดจำนวนคน บ่าวสาวก็อาจจะต้องมาประเมินว่างบประมาณที่วางไว้นั้นจะสามารถดูแลและรองรับแขกได้จำนวนกี่ท่าน ซึ่งถ้าหากงบที่มีไม่สามารถดูแลแขกทั้งหมดในลิสต์รายชื่อได้ ก็อาจจะต้องเลือกเชิญจากแขกที่มีความสำคัญมากที่สุดก่อน

4. ตัดสินใจเรื่องสถานที่

เร็วขนาดนี้สถานที่ไหนยังจะเหลือพอให้คู่เราพอจะจัดงานแต่งได้บ้างนะ!! ถ้าเป็นสถานที่ฮอตฮิตเราบอกเลยว่าอาจจะไม่เหลือ เพราะฉะนั้นว่าที่บ่าวสาวอาจจะมองหาสถานที่แต่งงานทางเลือกอย่างเช่น ร้านอาหาร หรือสโมสรต่างๆ ที่อาจจะไม่ได้ฮอตฮิตเท่าโรงแรมหรูระดับ 5 ดาว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องเลือกให้เข้ากับงบประมาณ และแขกที่จะเชิญมางานด้วยนะ รวมถึงบริการและบรรยากาศของสถานที่ก็ต้องดูดีด้วย เพราะถึงแม้จะมีเวลาเตรียมงานกระชั้นชิดแค่ไหน แต่งานสำคัญที่มีแค่ครั้งเดียวก็ต้องใส่ใจเลือกสิ่งที่ดีที่สุดในตัวเลือกที่จำกัดให้ได้จริงไหมคะ

5. รีบกระจายข่าว

รีบแจ้งรายละเอียดสำคัญ เช่น วัน เวลา และสถานที่ให้กับแขกที่จะมาร่วมงาน ซึ่งในที่นี้บ่าวสาวอาจจะต้องเผื่อใจไว้สักนิดว่า ด้วยเวลาที่กระชั้นชิดอาจจะทำให้แขกบางท่านไม่สามารถมาร่วมงานแต่งได้ ด้วยอาจจะติดธุระที่นัดไว้ก่อนหน้าแล้ว เพราะฉะนั้นเมื่อได้วันมาแล้ว โดยที่อาจจะยังไม่ได้สถานที่ก็ได้ บ่าวสาวควรจะรีบวันให้กับแขกได้ทราบก่อน เพื่อที่จะได้รู้ว่าแขกท่านใดที่สะดวกมาร่วมงานตามวันฤกษ์ดีของบ่าวสาวได้บ้าง ซึ่งจะช่วยให้บ่าวสาวประเมินจำแขกคร่าวๆ และง่ายต่อการเลือกสถานที่อีกด้วย

6. รีบจองช่างภาพและช่างวิดีโอ

งานสำคัญในชีวิตทั้งทีจะไม่มีภาพความประทับใจบันทึกไว้ได้ยังไงจริงไหมคะ เพราะฉะนั้นช่างภาพ กับช่างวิดีโอจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่บ่าวสาวจะต้องมองหาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เช่นกัน หากได้วันที่แน่นอนแล้วรีบจองคิวไว้เลยก็ดี และอย่าลืมมองหาช่างมืออาชีพด้วยนะ จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจว่าเลือกพลาด … เพราะย้อนเวลากลับมาแต่งใหม่ไม่ได้แล้วน้า

7. สรุปงานกับทีมงานต่างๆ

หากว่าที่บ่าวสาวไม่ได้เลือกใช้บริการเวดดิ้งแพลนเนอร์ก็อาจจะต้องหัวหมุนกันสักนิด เพราะคุณจะต้องเป็นผู้จัดการเรื่องต่างๆ ตั้งแต่หาข้อมูล จองคิว และคอนเฟิร์ม เช่น อาหาร, แคเทอริ่ง, ทีมดอกไม้ รวมไปถึงช่างแต่งหน้า-ทำผม เพราะฉะนั้นบ่าวสาวอาจจะต้องทำลิสต์รายการดีๆ ว่าอยากให้มีสิ่งไหนในงานแต่งบ้าง โดยเลือกทำจากสิ่งที่มีความสำคัญเป็นลำดับแรกก่อน

8. ความบันเทิงในงานแต่ง

งานแต่งงานที่ขาดความบันเทิงก็เหมือนจะดูไร้สีสันไปสักนิด เพราะฉะนั้นเสียงเพลง จึงดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ช่วยสร้างบรรยากาศให้งานแต่งดูครึกครื้นขึ้นมาได้ ไม่ว่าจะเป็น การเปิดแผ่น การจ้างวงดนตรี หรือจะหาดีเจมาเล่นในช่วงอาฟเตอร์ปาร์ตี้ก็ตาม แต่ถ้าหากงานแต่งของบ่าวสาวกระชั้นชิด และคุณต้องวุ่นวายกับการเตรียมงานในส่วนอื่นมากมาย เราขอแนะนำให้คุณลิสต์เพลงไว้แล้วไรท์ลงแผ่นซีดีเพื่อใช้เปิดในวันงานจะเป็นอะไรที่สะดวกสำหรับว่าที่บ่าวสาวที่สุดค่า

9. ช็อปปิ้ง!!

สุดท้าย…ได้เวลาช็อปปิ้งแล้วจ้า!! ซึ่งข้อนี้ดูเหมือนว่าจะน่าสนใจที่สุด เพราะเกี่ยวกับความสวยหล่อของว่าที่บ่าวสาวล้วน ไม่ว่าจะเป็น ชุดแต่งงาน ชุดสูท หรือแอคเซสซอรี่ต่างๆ จากนั้นก็แค่ทำใจให้ปลอดโปร่งแล้ว enjoy ไปกับวันที่แสนพิเศษของคุณ

เป็นไงบ้างคะกับ 9 เทคนิคที่เรานำมาฝาก คราวนี้ไม่ว่าคุณจะมีเวลากระชั้นชิดแค่ไหน เพียงแค่ไล่ทำตามทีละสเต็ปก็สามารถเนรมิตงานแต่งงานให้ออกมาได้ดั่งใจได้แล้ว แต่ถ้าบ่าวสาวกลัวว่าทั้ง 9 ข้อนี้ยังไม่พอ เรายังมีเทคนิคเด็ดๆ รอคุณว่าที่อยู่อีก ตามนี้เลย >>> 20 เทคนิคจัดงานแต่งงานให้ดูดี และน่าจดจำไปชั่วนิรันดร์ฟอร์เอเวอร์

ภาพ unsplash.com, pinterest

รู้ให้ลึก เนื้อผ้าชุดแต่งงานแบบไหนที่ใช่สำหรับชุดเจ้าสาวของคุณ

มาทำความรู้จัก เนื้อผ้าชุดแต่งงาน สิ่งสำคัญช่วยเสริมให้ลุคเจ้าสาวดูดีกัน

ชุดแต่งงานที่สมบูรณ์แบบต้องประกอบด้วยวัสดุและฝีมือการออกแบบตัดเย็บที่ลงตัวกับเจ้าสาวที่สุด เพราะ เนื้อผ้าชุดแต่งงาน แต่ละชนิดมีคุณสมบัติ สัมผัส และความรู้สึกที่ต่างกัน ชุดแบบเดียวกันแต่ต่างเนื้อผ้า ก็อาจทำให้อารมณ์ของชุดต่างกัน

เจ้าสาวสมัยนี้นับว่าโชคดีที่มีเนื้อผ้าหลากหลายชนิดให้เลือก แต่เชื่อเถอะว่าส่วนใหญ่ยังสับสน แพรว wedding จึงขอรวบรวมเนื้อผ้าตัดชุดเจ้าสาวยอดนิยมมาให้คุณว่าที่เจ้าสาวทั้งหลายได้รู้จัก เวลาสั่งตัดชุดจะได้เลือกผ้าให้เหมาะกับสไตล์และรูปร่าง หรือถ้าใช้บริการเวดดิ้งสตูดิโออย่างน้อยก็จะได้เข้าใจเวลาที่ดีไซเนอร์ให้คำแนะนำ

แม้จะมีหลากหลายชนิด แต่หลักๆ แล้วผ้าสำหรับตัดชุดแต่งงานแบ่งได้ 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ Structured Bridal Fabric เป็นผ้าที่ใช้ตัดเย็บโครงเสื้อหรือกระโปรง และ Soft Bridal Fabric เป็นผ้าที่ใช้เพิ่มอารมณ์พลิ้วไหวโรแมนติกให้ชุดเจ้าสาว แต่ปัจจุบันนี้ชุดเจ้าสาวส่วนใหญ่ตัดเย็บจากผ้าหลายชนิดและไม่มีข้อกำหนดตายตัว บางชุดอาจทำจากผ้าเนื้อนุ่มบางเบาทั้งตัวก็ได้ และในทางกลับกันบางชุดอาจตัดจากผ้าเนื้อหนาทั้งตัว ทั้งนี้เจ้าสาวควรเลือกให้เข้ากับลักษณะพิธีการ รสนิยม และสวมใส่สบาย ผ้าที่นิยมใช้ตัดชุดเจ้าสาวจะมีอะไรบ้างนั้น มาดูกันค่ะ

เนื้อผ้าชุดแต่งงาน

ซิลค์ซาติน

นิยมใช้ตัดเป็นชุดแต่งงานมากเป็นอันดับต้นๆ นอกจากนี้ยังแยกย่อยเป็นดัชเชสซาตินที่มีเนื้อหนาและอยู่ตัว เหมาะกับชุดแต่งงานทุกทรง จะใช้เดี่ยวๆ ก็สวย ตกแต่งลูกไม้ก็เลิศ

ซิลค์ทาฟต้า

เช่นเดียวกับผ้าตระกูลซาติน ซิลค์ทาฟต้ามีความสวยหรูและอเนกประสงค์ มีหลายเนื้อ หลายน้ำหนัก บางชนิดอาจเงาเกินไป ทำให้ถ่ายรูปยาก หรือบางชนิดอาจมีเสียงเวลาเดิน เจ้าสาวขี้รำคาญควรหลีกเลี่ยง

เนื้อผ้าชุดแต่งงาน

ซิลค์ออร์แกนซา

เป็นเนื้อผ้าที่อยู่ตรงกลางระหว่างความหนักและซิลค์ซาตินและความเบาของซิลค์ทาฟต้า จึงเป็นผ้าที่ใช้ได้หลากหลายวัตถุประสงค์ ทั้งยังดูสะอาดตาร่วมสมัยเมื่อใช้เดี่ยวๆ และดูคลาสสิคเยาว์วัย เมื่อปักลูกปัดหรือปักประดับ แถมยังจับคู่กับผ้าชนิดอื่นๆ หรือผ้าลูกไม้ได้หลายสไตล์

ซิลค์จอร์เจีย

มักใช้จับเดรปช่วงกระโปรง และด้วยเนื้อผ้าที่บางเบาจึงใช้ทำกระโปรงระบายเป็นชั้นๆ หรือกระโปรงบานแบบเรียบที่เน้นใช้เนื้อผ้าสวยๆ

เนื้อผ้าชุดแต่งงาน

ซิลค์ชีฟอง

เป็นเนื้อผ้าบางเบา นิยมใช้ทำกระโปรงระบายเป็นชั้น มักใช้ตัดชุดแต่งงานช่วงเย็นมากกว่าช่วงพิธีการ เพราะเป็นผ้าซีทรู

ผ้าลูกไม้

นอกจากจะใช้ตกแต่งเพื่อความงดงามอ่อนหวานแล้ว สมัยนี้ยังนิยมใช้ผ้าลูกไม้ตัดทั้งชุดด้วย เช่น ลูกไม้ Venise Lace เป็นลูกไม้ลอยตัวที่ไม่มีผ้าตาข่ายเป็นพื้นหลัง

เนื้อผ้าชุดแต่งงาน

ผ้าที่นิยมใช้ในการตัดชุดแต่งงานหลักๆ เลยคือ ผ้าซิลค์ ซิลค์ทาฟต้า ผ้าลูกไม้ และผ้าทูล แต่นอกเหนือจากนี้ก็ยังมีการใช้วัสดุคุณภาพอื่นๆ มาเสริมเพื่อให้ชุดมีความพิเศษและดูแตกต่างด้วย ผ้าไหมอิตาลี นั้นมีคุณสมบัติที่ให้ฟอร์มและสร้างวอลลุ่มให้รูปร่างดีขึ้น คือ ช่วยสร้างเชปให้คนที่มีส่วนบกพร่องหรือรูปร่างผอมดูสมส่วนขึ้น ส่วนคนที่มีรูปร่างดีอยู่แล้วจะยิ่งดูเป๊ะ

ส่วน ซิลค์จำพวกชิฟฟอนหรือจอร์เจีย มีความทิ้งตัวและพลิ้วไหว ให้ความรู้สึกเป็นเฟมินีน เหมาะสำหรับผู้หญิงที่มีรูปร่างอวบขึ้นไป โดยสามารถใช้เทคนิคการจับเดรปเพื่อช่วยพรางจุดบกพร่องได้

และ ผ้าอิตาเลียนซิลค์ทาฟต้าหรือซิลค์ออร์แกนซ่า เป็นผ้าซึ่งเป็นที่นิยมตลอดกาลสำหรับชุดแต่งงาน หรือ ผ้าซิลค์เครปเนื้อหนา แบบที่แบรนด์ดังๆ อย่าง Lanvin ใช้เมื่อตัดเย็บออกมาก็มีทรงเสื้อที่ดูเป็นธรรมชาติ สวยงามแบบเบาๆ

ตามไปส่องชุดแต่งงานสวยๆ กันต่อเลย >>> 4 ลุคกับ 28 ชุดแต่งงานสวยๆ ที่เห็นแล้วอยากจะแต่งพรุ่งนี้เลย

ภาพ unsplash.com, pinterest.com

จะวางแผนอย่างไรหาก แขกงานแต่ง เป็นกลุ่มใหญ่และเยอะมาก!

แขกงานแต่ง เยอะแค่ไหนก็ไม่หวั่น เพราะเรามีทิปส์ดีๆ ซะอย่าง

หากคุณและคนรักเป็นครอบครัวใหญ่ มีเพื่อนเยอะ ก็อาจเป็นไปได้ว่า แขกงานแต่ง ของคุณอาจมีมากกว่า 200 คนหรือเปล่า?! หากใช่ แพรว wedding มีเคล็ดลับดีๆ ที่จะช่วยจัดการกับแขกกลุ่มใหญ่นี้ของบ่าวสาวให้มีความสะดวกสบายมากที่สุด กับทิปส์เด็ดที่จะช่วยให้คุณไม่พลาดลิสต์แขกคนสำคัญ สามารถควบคุมแขกจำนวนมากได้ และแถมยังอยู่ในงบประมาณที่ไม่บานปลายอีกด้วย 

1. ต้องมั่นใจก่อนว่าสถานที่แต่งงานสามารถรองรับจำนวนแขกได้

ซึ่งทางที่ดีที่สุดที่คู่บ่าวสาวจะมั่นใจได้ว่าสถานที่นั้นใหญ่พอรองรับแขกจำนวนมากกว่า 200 คนได้หรือไม่ คือการไปดูสถานที่จริงให้เห็นกับตาตัวเอง เพื่อที่คุณจะได้มองเห็นภาพและประเมินได้ว่าแขกทั้งหมดของคุณจะเดิน ยืน หรือนั่งได้อย่างสะดวกสบายภายในงานหรือไม่ นอกจากนี้บ่าวสาวยังจะได้มองภาพรวมของงานออกด้วยว่า แบ็กดร็อปถ่ายภาพควรอยู่ตรงไหน ขนาดเท่าไหร่ โต๊ะวีไอพีสำหรับแขกผู้ใหญ่ต้องใช้กี่โต๊ะ เป็นต้น ซึ่งสิ่งนี้ก็จะส่งผลมาถึงการออกแบบและตกแต่งงานแต่งงานอีกด้วย

และสิ่งที่จำเป็นอีกอย่างสำหรับงานที่มีแขกมางานค่อนข้างเยอะ คือเรื่องของพื้นที่ว่าง ระบบระบายอากาศ และแอร์คอนดิชั่นเนอร์ว่ามีความโฟลว์หรือไหลเวียนมากน้อยแค่ไหน เพราะอย่าลืมว่าภายในงานคุณจะต้องมีซุ้มอาหารที่ปรุงสุกมาแล้ว หรือแบบปรุงสดใหม่พร้อมทาน ที่จะมีทั้งกลิ่นและความร้อนมาพร้อมๆ กัน เพราะฉะนั้นระบบการถ่ายเทอากาศจึงเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณจัดงานแต่งงานภายในห้องบอลรูม

2. บ่าวสาวจะต้อง (พยายาม) เห็นและเจอทุกคนในงาน

เพราะแขกทุกคนที่มางานแต่งนั้นก็ล้วนตั้งใจที่จะได้มาเห็นบ่าวสาวและร่วมเฉลิมฉลองไปกับคุณ แต่ด้วยความที่แขกของคุณมากล้นเกินจำนวน 200 คน นั่นจึงทำให้บ่าวสาวต้องท้าทายกับโจทย์สุดหินด้วยการใช้เวลา ทักทาย พูดคุย หรือสวัสดีแขกจำนวนนี้ให้ครบ! ซึ่งช่วงเวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมงของพิธีฉลองมงคลสมรสนั้น เป็นเวลาที่ยากลำบากที่บ่าวสาวจะเดินไปทักทายบรรดาแขกที่มาอย่างแน่นขนัด หรือใช้เวลากับแขกคนใดคนหนึ่ง เพราะฉะนั้นาหากบ่าวสาวอยากเทคแคร์ดูแลแขกที่มางานให้ทั่วถึง ก็อาจจะนัดเวลาช่างแต่งหน้าทำผมให้มาเร็วขึ้นหน่อยเพื่อที่คุณจะได้ลงมายังแบ็กดร็อปได้ก่อนเวลา หรือคุณอาจจะเผื่อเวลาไว้สำหรับเดินทักทายแขกในงานก่อนที่พิธีจะเริ่ม และแน่นอนว่าหลังจบงานจะเป็นช่วงเวลาที่บ่าวสาวจะสามารถเดินทักทายแขกได้แบบยาวๆ ไปเลย

3. หากิจกรรมให้แขกได้ทำภายในงาน

“ฉันชอบที่จะคิดว่าการรับจัดงานแต่งงานเป็นวิธีที่จะสร้างปาร์ตี้เล็กๆ ภายในห้องเพื่อให้แขกจำนวนมากได้เข้าร่วม” ไดแอนน์ วาเลนไทน์ เวดดิ้งแพลนเนอร์สายเซเลบริตี้ชื่อดังกล่าว เธอคือผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการจัดงานที่มีขนาดใหญ่ “พวกเรารู้ว่ากิจกรรมสุดฮิตที่แขกในงานมักจะทำก็อย่างเช่น การถ่ายภาพที่โฟโต้บูท แต่ฉันก็อยากที่จะมองไกลไปกว่านั้น ฉันชอบเมื่อได้เห็นแขกทำกิจกรรมที่มีการสื่อสารหรือโต้ตอบกัน เช่น การมิกซ์เครื่องดื่มในสูตรของตัวเอง หรือการ DIY สิ่งของบางอย่างด้วยตัวเอง ซึ่งเมื่อจบงานแขกก็สามารถนำสิ่งของเหล่านั้นเก็บเป็นของที่ระลึกกลับบ้านหรือใช้เป็นของชำร่วยแทนไปเลยก็ยังได้ แถมแขกยังจะได้ภูมิใจเพราะเป็นฝีมือที่เขาตั้งใจทำด้วยตัวเอง”

“ซึ่งการที่ภายในงานมีกิจกรรมต่างๆ ให้แขกได้ทำนั้น ก็เพื่อที่จะทำให้แขกได้เคลื่อนที่ไปยังจุดต่างๆ ของงาน ไม่ประจำอยู่ที่ใดที่หนึ่ง เพื่อทำให้ภายในงานดูโฟลว์มากขึ้น แถมยังเป็นการประหยัดค่าอาหารไปได้ในตัว เพราะจะมีแขกบางส่วนที่เพลิดเพลินไปกับกิจกรรมต่างๆ ภายในงานอยู่นั่นเอง

4. มอบของขวัญสุดพิเศษให้กับแขกในงาน

“ของขวัญเป็นสิ่งที่มีความหมาย และทำให้ผู้รับซาบซึ้งใจได้เสมอ เช่นเดียวกัน หากบ่าวสาวได้รับของขวัญสักชิ้นจากแขกที่มีชื่อหรือวันที่แต่งงานของคุณปรากฏอยู่ นั่นก็ทำให้คุณซาบซึ้งใจจริงไหม?” วาเลนไทน์กล่าว “เพราะฉะนั้น บ่าวสาวก็อาจจะต้องทำในสิ่งเดียวกันนี้ให้กับแขกด้วย ซึ่งแทนที่คุณจะเสียเงินไปกับการซื้อของขวัญให้แขกที่มากกว่า 200 คน บ่าวสาวอาจจะนำงบในส่วนนี้มาสร้างประสบการณ์แปลกใหม่ให้กับแขกได้พบเจอในงานแต่งของคุณแทน”

แต่สิ่งหนึ่งที่บ่าวสาวต้องคำนึงถึงก็คือ เรื่องของงบประมาณ ว่าคุณทั้งคู่นั้นมีงบในส่วนนี้หรือไม่ เพราะค่าใช้จ่ายในเรื่องอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น สถานที่ ชุดแต่งงาน ค่าช่างภาพ ฯลฯ ก็ล้วนมีราคาตายตัวที่กำหนดไว้อยู่แล้ว ฉะนั้นหากว่าที่บ่าวสาวอยากมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้กับแขกภายในงานจริงๆ ก็อาจจะต้องลองตัดงบในส่วนอื่นที่คิดว่าไม่จำเป็นออก เพื่อนำงบมาใช้ในเรื่องนี้แทน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการตกลงระหว่างเจ้าสาวและเจ้าบ่าวนะจ๊ะ

5. ใช้กฎ 5 ปีหรือ 5 นาที

อีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้คุณจัดการกับจำนวนแขกที่จะมาในงานแต่งงานของคุณก็คือใช้ ‘กฎ 5 ปีหรือ 5 นาที’ ก่อนที่จะแจ้งข่าวงานแต่งหรือแจกการ์ดแต่งงาน “ถ้าคุณไม่ได้พูดคุยกับคนๆ นั้นมานานกว่า 5 ปี คนๆ นั้นก็ไม่ควรที่จะอยู่ในลิสต์รายชื่อแขกของคุณ” วาเลนไทน์กล่าว และเช่นเดียวกันกับสำหรับกฎ 5 นาทีก็คือ หากคุณไม่สามารถที่จะยืนพูดคุยหรือตอบคำถามกับบุคคลคนนั้นได้นานกว่า 5 นาที ก็แสดงว่าคนๆ นั้นไม่ควรจะติดอยู่ในลิสต์รายชื่อแขกของคุณเช่นกัน

ซึ่งคนกลุ่มหนึ่งที่มักติดอยู่ในลิสต์รายชื่อ และมีรายชื่อค่อนข้างเยอะก็คือ เพื่อนร่วมงาน และเพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์นี้ คุณก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเชิญให้ครบทุกคน หรือพยายามเชิญมาให้เยอะที่สุดเพราะเกรงใจ “เมื่อบ่าวสาวต้องเชิญเพื่อนร่วมงานจากที่ทำงาน คุณอาจจะต้องถามตัวเองก่อนว่า เป็นแผนกเดียวกันหรือไม่? เป็นเพื่อนร่วมงานที่สนิทกันหรือเปล่า? หรือเป็นเพื่อนร่วมงานที่ต่างสาขากัน แต่ก็มีการโทรศัพท์คุยกันบ่อยๆ ที่คุณรู้สึกว่าคุณต้องเชิญเขา?” วาเลนไทน์กล่าว

6. การตกแต่งสถานที่ให้มีพื้นที่ใช้สอย

การวางแผนในเรื่องตกแต่งสถานที่นั้นอาจเน้นให้มีจุดวางจานอยู่ทั่วงานโดยทำให้กลมกลืนไปกับพร็อปส์ประกอบ ซึ่งนอกจากจะใช้วางจานได้แล้วยังเป็นจุดให้ได้แขกยืนพักรับประทานอาหารได้อีกด้วย

7. การดูแลแขกให้ได้รับความสะดวกสบายเป็นสิ่งสำคัญ

อาจเตรียมห้องพร้อมของว่าง เครื่องดื่ม และที่นั่งไว้สำหรับรองรับแขกผู้ใหญ่ที่มักจะมาถึงก่อนงานเริ่ม ซึ่งช่วงเวลาที่ยุ่งยากที่สุดในการดูแลแขกคือ ช่วงจัดคิวถ่ายภาพกับบ่าวสาว และช่วงเซ็นสมุดอวยพร ซึ่งจัดการโดย

– ช่วงจัดคิวถ่ายภาพ ใช้เทคนิคให้มีทีมงานผู้หญิงเป็นคนคอยดูแลและจัดคิวในการถ่ายภาพ พร้อมช่วยเตือนแขกให้ยืนเข้าแถวเป็นระเบียบ เนื่องจากเวลาพูดจาผู้หญิงจะมีบุคลิกที่ดูนุ่มนวลมากกว่าผู้ชาย ทำให้แขกผู้ใหญ่เกิดความเอ็นดูและจัดให้มีบริกรเสิร์ฟน้ำบริเวณนั้นด้วย

– ช่วงเซ็นสมุดอวยพร เนื่องจากแขกเยอะจึงอาจทำให้แถวเซ็นอวยพรหน้าโต๊ะลงทะเบียนค่อนข้างยาว บ่าวสาวอาจให้มีจัดโต๊ะลงทะเบียนเพิ่ม โดยให้แต่ละแถวมีคิวประมาณไม่เกิน 5 คน เพื่อไม้ให้แขกล้นออกไปถึงหน้างานได้

และการดูแลแขกที่ดีของทีมงานโรงแรม ทีมงานเวดดิ้งแพลนเนอร์ หรือทีมงานของบ่าวสาว ถือเป็นสิ่งจำเป็นที่ไม่ควรมองข้าม และหากบ่าวสาวเชิญแขกไปจำนวนเท่าไหร่ จะต้องคิดเผื่อไว้ว่าแขกอาจจะมาเกินจากจำนวนที่ตั้งไว้อีกก็ได้

เทคนิคการจัดงานที่มีแขกเยอะ

– ต้องคำนวณจำนวนแขกให้ค่อนข้างแน่นอน จากนั้นหาโรงแรมให้เหมาะสม โดยควรมีพื้นที่ค่อนข้างกว้างและมีเพดานห้องสูง เพราะจะทำให้ดูโปร่งโล่งสบาย และควรคิดไว้ล่วงหน้าว่าจะจัดงานแบบไหน หากแขกมีจำนวนมากควรจัดงานแบบค็อกเทลซึ่งประหยัดพื้นที่ที่สุด

– โต๊ะวีไอพีต้องมีจำนวนไม่เยอะเกินไป (ประมาณ 6-8 โต๊ะกำลังดี) เพื่อเผื่อพื้นที่ให้แขกที่เหลือยืนสะดวกด้วย

– ควรมีชื่อแขกวีไอพีแปะไว้ที่โต๊ะให้ชัดเจน เพื่อกันไม่ให้แขกคนอื่นไปนั่ง

– นำซุ้มอาหารบางส่วนไว้นอกห้องจัดเลี้ยง เพื่อให้แขกได้หมุนเวียนเข้าออก ช่วยให้ภายในห้องไม่แน่นเกินไป

– เพิ่มบริกรในการเสิร์ฟอาหารให้เพียงพอกับจำนวนแขก และโต๊ะวีไอพีควรมีบริกรประจำโต๊ะละ 1 คน

– ควรให้บริกรเก็บจานบ่อยขึ้น

– เตรียของชำร่วยให้เกินจากจำนวนที่ตั้งไว้ เพราะแขกบางคนอาจขอมากกว่า 1 ชิ้น และควรมีแค่สีเดียวหรือ 2 สีเพื่อไม่ให้เกิดข้อเปรียบเทียบและการเลือกเยอะจนทำให้แขกด้านหลังรอนานขึ้นไปอีก

– อาจตัดการตกแต่งบางส่วนออกเพื่อนำซุ้มอาหารเข้ามาแทนที่ให้เพียงพอกับปริมาณแขก เพราะซุ้มอาหารถือเป็นจุดสำคัญของงานเช่นกัน

อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับการวางแผนจัดงานแต่งงาน และดูไอเดียเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย!

ภาพ jovanniphotography.com, pinterest.com

ตกแต่งงานแต่งไทยให้สวยด้วย เครื่องแขวนงานไทยสวยงามสุดวิจิตร

เครื่องแขวนงานไทย ของตกแต่งที่ช่วยเสริมให้บรรยากาศงานแต่งไทยดูสวยงาม

ความงามของมวลหมู่ดอกไม้มงคลไม่ได้จบเพียงแค่การนำมาร้อยมาลัยสวยๆ หรือม่านดอกไม้กลิ่นหอมเท่านั้นนะคะ แต่ยังมีอีกหนึ่งเครื่องตกแต่งที่สวยงามอลังการอย่าง เครื่องแขวนงานไทย ที่นิยมนำมาใช้ประดับสถานที่จัดงานแต่งพิธีไทย ให้ดูสวยงามเพิ่มความเป็นไทยได้อีกมาก วันนี้ฮีบินจะพาไปดูกันว่าเครื่องแขวนไทยชนิดใดที่นิยมนำมาใช้ในงานแต่งบ้าง

เครื่องแขวนไทยมีอะไรบ้าง?

เครื่องแขวนไทยเป็นภูมิปัญญาการประดิษฐ์ประดอยสิ่งของสวยงามของไทยที่มีมาเนิ่นนาน นิยมใช้กันทุกงานประเพณี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหยิบจับมาใส่ในงานแต่งไทยแล้ว ก็ยิ่งสวยและเพิ่มบรรยากาศไทยๆ ให้มากขึ้นไปอีก โดยเครื่องแขวนแต่ละชนิดก็มีลวดลายและชื่อเรียกเพราะๆ แตกต่างกันไป เช่น บันไดแก้ว บันไดเงิน บันไดทอง กลิ่นจีนดอกรัก วิมานพระอินทร์ วิมานแท่น พวงชมพู พวงแก้ว และอีกมากมาย (ตามดูรูปได้ข้างล่างจ้ะ) ซึ่งแต่ละแบบแต่ละชนิดก็ร้อยเรียงมาจากดอกไม้มงคลอย่าง ดอกรัก ดอกพุด ดอกมะลิ ดอกบานไม่รู้โรย ดอกกุหลาบ ดอกจำปี ดอกจำปา และหากว่าใช้ดอกไม้สดในการทำ เมื่อนำไปแขวนในสถานที่จัดพิธีก็จะโชยกลิ่นหอมรื่นจมูก

เอาไปแขวนที่ไหนดี?

ชื่อก็บอกอยู่ว่าเป็นเครื่องแขวนไทย ก็ไม่วายจะมีถามว่า แขวนที่ไหนดีล่ะ? ข้อนี้ตอบไม่ยากค่ะ เพราะส่วนใหญ่มักจะนำไปแขวนตามทางเข้างาน หน้าต่าง ประตู ฝาผนัง ตามฉาก ตามมุมต่างๆ ของสถานที่ บางครั้งก็ห้อยระย้าลงมาจากเพดานสวยๆ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่ความกว้างใหญ่และลักษณะของสถานที่ที่ใช้จัดงานว่าจะสามารถแขวนตรงไหนได้บ้าง แขวนแล้วจะสวยงามหรือไม่ ซึ่งว่าที่บ่าวสาวอาจต้องใช้ศิลปะในการจัดวางองค์ประกอบกันสักนิด

ขนาดของเครื่องแขวนแต่ละประเภทก็สำคัญกับการเลือกนำไปใช้เช่นกัน โดยเครื่องแขวนจะมีหลายขนาด ตั้งแต่เล็กไปจนถึงใหญ่มาก วัดขนาดกันเป็นนิ้ว เพราะฉะนั้นถ้าจะให้ดีว่าที่บ่าวสาวอาจต้องทำการบ้านว่า บริเวณที่ต้องการจะแขวนมีความกว้างยาวเท่าไหร่ เครื่องเขวนที่จะนำมาใช้จะได้ไม่ใหญ่ไป เล็กไป และสวยงามพอดีกัน

การสั่งทำ

เนื่องจากเครื่องแขวนไทยมีมากมายหลายขนาด สิ่งสำคัญของการสั่งทำคือ งบประมาณ ว่าที่บ่าวสาวต้องดูว่าอยากได้แบบไหน ราคาเท่าไหร่ แน่นอนว่าถ้าเป็นอันใหญ่ๆ ใช้วัสดุและดอกไม้เยอะก็มีราคาแพง แต่ถ้าเป็นอันเล็กๆ ใช้ดอกไม้ไม่มากราคาก็ถูกลงมา รวมถึงว่าที่บ่าวสาวควรสั่งทำกับทางร้านตั้งแต่เนิ่นๆ และแจ้งวันที่จะใช้งานจริงให้ชัดเจน เพราะเครื่องแขวนบางแบบจะต้องใช้เวลาในการขึ้นโครงก่อนที่จะลงดอกไม้จริง

การใช้เครื่องแขวนไทยเข้ามาประดับตกแต่งสถานที่จัดงานแต่งพิธีไทยก็เป็นอีก หนึ่งไอเดียเก๋ๆ ที่จะช่วยเพิ่มบรรยากาศและความสวยงามแบบไทยๆ ให้กับงานแต่ง ว่าที่บ่าวสาวหัวใจรักไทยคนไหนชอบเครื่องแขวนแบบใดก็สามารถเซฟรูปเครื่องแขวนแบบต่างๆ ด้านล่างนี้แล้วนำไปให้ร้านดูได้เลยจ้า

ร้านแนะนำ

1. บ้านดอกไม้ไทย ฐาวรีย์ กรุ๊ป โทร. 08-1929-9642

2. บ้านมาลัย โทร. 08-4466-4442 Facebook : Baan Malai

3. เครื่องแขวนไทย โทร. 08-5223-9637 Facebook :  เครื่องแขวนไทย

 

4. In My Mind โทร. 08-9104-9846 Facebook : https://www.facebook.com/innmymind/info/?tab=page_info

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : บ้านดอกไม้ไทย ฐาวรีย์ กรุ๊ป โทร. 08-1929-9642
ภาพจาก : www.be2hand.com, www.oknation.net, www.manochsuwan.blogspot.com, www.rainforest.com, www.thai2hand.blogspot.com, www.board.palungjit.org

รู้ไว้จะได้เลี่ยงกับ 6 พฤติกรรมทำร้ายผิวใสให้กลายเป็นผิวเสีย!!

ผิวสวยใสใครๆ ก็อยากได้ แต่เคยไหมที่หาสาเหตุปัญหาผิวของตัวเองไม่เจอสักที ทั้งๆ ที่ก็ใช้ผลิตภัณฑ์แบบฟูลออปชั่นเต็มโต๊ะเครื่องแป้งซะขนาดนี้ หากคุณเป็นคนๆ นั้นและกำลังจะเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวด้วยล่ะก็ มารีเช็กกันดีกว่าคุณมี 6 พฤติกรรมดังต่อไปนี้หรือไม่ หากมีก็จงหยุดเสียโดยด่วน เพราะไม่อย่างนั้นจาก ผิวใส จะกลายเป็นผิวเสีย ผิวไม่เป๊ะหน้าไม่ปังแล้วจะหาว่าเราไม่เตือน

1. นอนหลับทั้งที่ยังไม่ลบเมคอัพ

การเมคอัพคือหนึ่งในการนำสิ่งต่างๆ ไปอุดตันบนผิว เพราะฉะนั้นการไม่ล้างเครื่องสำอางให้สะอาดหมดจดก่อนนอนจึงทำให้ผิวไม่สามารถที่จะฟื้นฟูตัวเองได้ เนื่องจากมีเมคอัพอุดตันการหายใจของผิวอยู่ พอผิวหายใจไม่ได้ก็ตายในที่สุด เพราะเวลากลางคืนเป็นช่วงเวลาที่เซลล์ผิวฟื้นตัวเองจากการถูกมลภาวะต่างๆ ทำร้ายมาตลอดวัน โดยใช้เวลาในการซ่อมแซมตัวเองตลอดการพักผ่อนทั้ง 8 ชั่วโมงของคุณ แถมพฤติกรรมนี้ยังเป็นสาเหตุของการเกิดสิวอีกด้วย ยิ่งถ้าคุณเป็นสาวผิวบอบบางแพ้ง่ายอยู่แล้ว นั่นก็เท่ากับเป็นการฆ่าผิวใสของคุณโดยแท้ทรูชัดๆ

ผิวใส

2. ละเลยการทาครีมกันแดด

ครีมกันแดดจะสามารถคงประสิทธิภาพเอาไว้ได้ประมาณ 2 ชั่วโมงเท่านั้น แต่รังสียูวีอยู่ได้นานและกล้าแกร่งมากกว่านั้น นั่นจึงเป็นที่มาของการที่เราต้องเติมครีมกันแดดระหว่างวันก่อนออกไปเผชิญกิจกรรมท้าแดดข้างนอก แต่ถ้าคุณไม่อยากทาครีมกันแดดทับเมคอัพที่อุตส่าห์แต่งมาสวยเช้ง ก็ลองใช้เป็นแป้งหรือคุชชั่นที่ผสมสารกันแดดแล้วตบเบาๆ ลงไปบนผิวหน้าก็สามารถกันแดดได้เหมือนกัน

3. ไม่ขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วอย่างสม่ำเสมอ

ผิวของคุณมีอายุเพิ่มมากขึ้นไปตามอายุ จึงทำให้เซลล์ผิวที่ตายแล้วยิ่งสะสมบนผิวหน้าของคุณได้เยอะขึ้นตามไปด้วย  เพราะฉะนั้นสาวๆ  ต้องพยายามขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วอย่างสม่ำเสมอโดยใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนกับผิวหน้าสักประมาณสัปดาห์ละ 2 ครั้ง และเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดอาจใช้อุปกรณ์เสริมสำหรับช่วยสครับใบหน้าก็ได้เพื่อความสะดวกสบายมากขึ้น

ผิวใส

4. ทำกิจกรรมต่างๆ ถึงดึกดื่น จนเลยเวลานอน

หากคุณเป็นคนที่ทำงานหรือนอนดูซีรี่ส์ลากยาวรู้ตัวอีกทีก็เกือบจะเช้าแล้ว นั่นไม่เพียงแต่เป็นการเสียระบบการบูตพลังงานหรือชาร์ตแบตให้กับร่างกาย แต่เป็นการทำร้ายผิวด้วยเช่นกัน เพราะเซลล์ต่างๆ ได้ทำงานมาเป็นเวลานานในช่วงเวลากลางวัน ทั้งการต่อสู้กับรังสีอัลตร้าไวโอเล็ต มลภาวะต่างๆ รวมไปถึงความสกปรกที่เข้ามาปะทะกับผิวหน้า เพราะฉะนั้นผิวจึงต้องการการฟื้นฟูและรีบูตตัวเองในเวลากลางคืน ลองคิดว่าผิวก็เป็นเหมือนคนๆ หนึ่งที่ต้องทำงานในตอนกลางวัน และพักผ่อนในตอนกลางคืนดูสิ เพราะฉะนั้นหากคุณพลาดการซ่อมแซมตัวเองของผิวในยามค่ำคืน ก็เท่ากับว่าได้พลาดโอกาสทองในการฟื้นฟูผิวไปโดยปริยาย และยังเป็นที่มาของใบหน้าหมองคล้ำอีกด้วย

5. ล้างแปรงแต่งหน้า แหล่งสะสมของแบคทีเรีย

แปรงแต่งหน้า อีกหนึ่งสาเหตที่ทำให้ผิวระคายเคืองหรืออุดตัน เพราะฉะนั้นอย่าลืมหาเวลาทำความสะอาดแปรงแต่งหน้าของคุณอย่างสม่ำเสมอ เพราะทุกครั้งที่แปรงแต่งหน้าสัมผัสกับใบหน้าของคุณ มันได้นำเอาแบคทีเรียที่อาศัยและเติบโตอยู่ในแปรงแต่งหน้ามาสู่ใบหน้าด้วย เพราะฉะนั้นควรทำความสะอาดแปรงแต่งหน้าทุกอันประมาณสัปดาห์ละ 1 ครั้งเพื่อผิวสะอาดใสไร้แบคทีเรีย

6. ลดของหวานเลี่ยงการเกิดสิว

จากผลการวิจัยพบว่าอาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลสูงจำพวกคาร์โบไฮเดรต อย่างเช่น ขนมปังฟอกสีหรือของหวานประเภทต่างๆ เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิว ขณะที่อาหารน้ำตาลน้อย อย่างเช่นผลไม้หรือถั่วต่างๆ นั้นดีต่อผิวมากกว่า แต่เดี๋ยวก่อน เราไม่ได้บอกว่าห้ามกินช็อคโกแลตหรือของหวานประเภทต่างๆ เลยโดยเด็ดขาด แต่แค่พยายามลดให้เหลือสัปดาห์ละหนึ่งครั้งจะได้จัดการปัญหาสิวได้อยู่หมัด แถมยังเป็นการบอกลาความอ้วนได้อีกด้วย

ผิวใส

 

ภาพ : www.goodhousekeeping.com, www.goodhousekeeping.com, www.allure.com, www.today.com

อ่านบทความเกี่ยวกับความสวยงามความ และสุขภาพเพิ่มเติม คลิกเลย!

ไอเดียงานแต่งปี 2020 จัดตามแพนโทนสี Classic Blue สวยจัดเต็มคลาสสิคสมชื่อ

ธีมสีในงานแต่งเป็นเรื่องที่บ่าวสาวยังคงให้ความสำคัญอยู่ บางคนก็เลือกจัดธีมสีที่ทั้งคู่ชื่นชอบ หรือบางคู่อาจจะเลือกจัดตามธีมสีมงคล แต่สำหรับบ่าวสาวคู่ไหนที่ยังไม่มีไอเดียว่าจะจัดงานแต่งงานธีมสีอะไรดี แพรวเวดดิ้งขอแนะนำให้จัดตามสีแพนโทนของปี 2020 ไปเลยจ้า ซึ่งปีนี้เป็นสีสุดคลาสสิคอย่างสี Classic Blue ที่ให้ความรู้สึกสงบ ให้ความรู้สึกสันติ  มีความมั่นคง และเข้าถึงง่าย ที่สำคัญสีคลาสสิค บลูสีนี้ยังเป็นสีที่เวิร์กสำหรับงานแต่งงานสุดๆ และยังเป็นสีที่ได้รับความนิยมอยู่เสมอในงานแต่งงาน เพราะเป็นสีที่มีความสวยงาม หรูหรา และเรียบง่ายในเวลาเดียวกัน และนี่คือ ไอเดียงานแต่ง ปี 2020 ที่มีดีเทลของสี Classic Blue สีแพนโทนที่ให้ความสวยงามแบบคลาสสิคสมชื่อสุดๆ ไปเลย

 

แหวนหมั้น แหวนแต่งงาน

หากคุณเป็นเจ้าสาวที่ไม่นิยมใส่เพชรอยู่แล้วก็เข้าทาง เพราะแหวนแต่งงานประอัญมณีสีน้ำเงินเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่เก๋ไม่หยอก สำหรับไอเดียแหวนหมั้นหรือแหวนแต่งงาน อย่างเช่น แหวนประดับไพลิน ซึ่งเป็นแร่สีน้ำเงินเข้ม และเป็นอัญมณีที่สามารถนำมาทำแหวนแต่งงานได้หลากหลายทรง ซึ่งหากเจ้าสาวคนไหนอยากได้อัญมณีสีนี้มาทำเป็นแหวนแล้วล่ะก็ แพรวเวดดิ้งขอแนะนำให้ประดับเข้ากับตัวเรือนทองคำขาว เพราะจะช่วยดึงสีน้ำเงินออกมาให้ดูแจ่มว้าวยิ่งขึ้น และสำหรับเจ้าสาวสายมูบอกเลยว่าต้องโดนเพราะไพลินเป็นอัญมณีประจำราศีกันต์ และยังเป็นอัญมณีประจำตัวผู้ที่เกิดวันศุกร์ด้วย นอกจากนี้ไพลินยังเป็นอัญมณีที่สื่อถึงความเมตตากรุณา และความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ด้วยนะจ๊ะ

ซึ่งคนดังที่ใส่แหวนประดับไพลินก็อย่างเช่น เคต มิดเดิลตัน ที่สวมแหวนประดับไพลินทรงไข่ น้ำหนัก 18 กะรัต ล้อมรอบด้วยเพชรอีก 14 เม็ด ซึ่งแหวนวงนี้เป็นวงเดียวกับที่เจ้าหญิงไดอาน่าทรงสวมเมื่อครั้งเธอหมั้นกับเจ้าชายชาร์ลี

 

การ์ดแต่งงาน

ถ้าบ่าวสาวคิดว่าการ์ดแต่งงานสีน้ำเงินสีเดียวจะดูเรียบเกินไปหรือเปล่า แพรวเวดดิ้งขอแนะนำให้เพิ่มเกล็ดดาวประกายเข้าไปอีกนิดที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ใต้หมู่ดาว โดยเลือกใช้เป็นสีทองเพื่อให้ดูหรูหราขึ้น ซึ่งสีทองกับสีน้ำเงินบอกเลยว่าเข้ากันเว่อร์

 

รองเท้าเจ้าสาว

ถ้าอยากตามเทรนด์ก็อย่าได้แคร์ค่ะว่ารองเท้าเจ้าสาวจะต้องเป็นสีขาวเท่านั้น เพราะชุดแต่งงานสีขาวก็ดูเข้ากับรองเท้าเจ้าสาวสีน้ำเงินอยู่ไม่น้อย แถมยังได้ลุคคูลๆ ดูเก๋ไปอีก แต่ถ้าไปหาทั้งตลาดแล้วยังไม่ได้แบบที่ถูกใจจะสั่งตัดใหม่ล่ะก็ อย่าลืมเลือกดีไซน์ที่สวมใส่สบาย และความสูงไม่ควรเกิน 4 นิ้ว เพราะถ้าสูงมากไปอาจทำให้เจ้าสาวเกิดอาการเจ็บเท้าหรือเท้าระบมได้ และในวันแต่งงานเจ้าสาวอย่าลืมหาแผ่นรองพื้นรองเท้ามาติดไว้ด้วยเพราะจะช่วยซับแรงกระแทกที่ด้านใน ช่วยให้เท้าได้รับสัมผัสที่นุ่มนวลขึ้น เพราะพื้นรองเท้าจะได้มีระนาบไปตามความโค้งของรูปเท้า ไม่แบนราบเรียบเกินไปจนเกิดอาการเท้าล้าได้หากต้องใส่รองเท้าส้นสูงนานๆ

 

ชุดเจ้าสาว & ชุดเจ้าบ่าว

ไอเดียนี้ว่าที่เจ้าบ่าวคงยิ้มแป้นเพราะสูทสีน้ำเงินเป็นอะไรที่ดูเท่และดูทันสมัยสุดๆ และเป็นสีที่ไม่เคยเอ๊าท์สำหรับลุคของเจ้าบ่าวเลย แถมสีน้ำเงินยังช่วยพรางรูปร่างของเจ้าบ่าวได้ และยังเข้ากันได้ดีกับทุกสีผิวและทุกสีผม และหากคุณเลือกจัดงานในช่วงเช้าลากยาวไปถึงกลางวัน แถมพิธีแต่งงานก็ไม่ได้เน้นความเป็นไทยจ๋ามากสามารถใส่สูทได้ ว่าที่เจ้าบ่าวก็สามารถแต่งสูทสีน้ำเงินได้เลย สำคัญไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปีหากคุณเจ้าบ่าวได้หยิบรูปขึ้นมาดูอีกทีก็ยังคงดูดีในเฉดสีเหล่านี้เสมอแน่นอน

ส่วนไอเดียชุดแต่งงานสำหรับเจ้าสาวนั้น งานนี้อาจจะต้องอาศัยความกล้าและธีมงานเข้าช่วย เช่น อาจจะเลือกเป็นธีมงานยีนส์ไปเลย หรือจะเลือกเป็นชุดแต่งงานสีฟ้าอ่อนๆ ที่ไม่แรงมากแต่ก็ยังพอเกาะตามธีมแพนโทนได้อยู่

 

ชุดเพื่อนเจ้าสาว & ชุดเพื่อนเจ้าบ่าว

หากว่าที่บ่าวสาวเขาจัดงานแต่งงานธีมสี Classic Blue ล่ะก็ แก๊งเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวก็จัดชุดในธีมสีน้ำเงินกันโลด ซึ่งสีน้ำเงินสีนี้บอกเลยว่าเหมาะกับสาวๆ และหนุ่มๆ ผิวสีแทนไปจนถึงผิวคล้ำเป็นที่สุด เพราะดูกลมกลืนกับสีผิวและช่วยให้ผิวดูเนียนขึ้นอีกด้วย

 

ช่อดอกไม้เจ้าสาว & ดอกไม้ติดหน้าอก

อีกหนึ่งไอเดียเล็กๆ แต่น่ารักอย่างช่อดอกไม้เจ้าสาวสีน้ำเงินสดใสที่ถึงแม้จะมีสีเข้มโดดเด่นแต่รับรองว่าไม่แย่งซีนเจ้าสาวหรือชุดแต่งงานแน่นอน หรือแม้กระทั่งดอกไม้ติดหน้าอกสำหรับเจ้าบ่าว หรือผู้ใหญ่ก็ดูดีไม่แพ้กัน ที่สำคัญขอแนะนำให้เลือกใช้เป็นดอกไม้จริงดีกว่าดอกไม้ย้อมสีนะคะ เพื่อความเรียลและความสวยงามค่ะ ซึ่งดอกไม้ในเฉดสีน้ำเงินไปจนถึงสีฟ้าก็มีให้เลือกมากมาย ไม้ว่าจะเป็น ดอกฟอร์เก็ตมีน็อต, ดอกไฮเดรนเยีย หรือดอกป๊อปปี้สีฟ้า เป็นต้น ซึ่งนอกจากจะเป็นดอกไม้สำหรับเจ้าบ่าวเจ้าสาวแล้ว ยังสามารถนำมาตกแต่งเป็นเซ็นเตอร์พีชสวยๆ ได้อีกด้วย

 

ของตกแต่ง & แสงสี

 หากว่าที่บ่าวสาวจัดงานแต่งงานธีมสี Classic Blue แล้วล่ะก็ เตรียมหาพร็อพส์สีน้ำเงินสุดคลาสสิครอไว้ได้เลย รวมไปถึงอาจจะสร้างบรรยากาศงานด้วยแสงสีน้ำเงินในช่วงอาฟเตอร์ปาร์ตี้ดูก็ได้ อย่างเช่น งานแต่งงานธีมอวกาศแบบนี้ก็ดูดีไม่น้อยเลยน้า

 

เค้กแต่งงาน

สุดท้ายกับพร็อพส์ที่อยู่คู่กับงานแต่งอย่าง เค้กแต่งงาน ที่บ่าวสาวสามารถครีเอทความเป็นตัวเองใส่ลงไปในเค้กก้อนโตได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น เค้ก 3 ชั้น 7 ชั้นสุดอลังการ หรือจะเป็นแนวมินิมอลดูไม่ใหญ่โตอย่างเค้กปอนด์ หรือคัพเค้กก็ดูน่ารัก เอาเป็นว่าแค่เลือกให้เหมาะสมกับธีมงานและสถานที่เท่านั้นเป็นพอ

อ่านเพิ่มเติม เทรนด์แหวนแต่งงานปี 2020 <<< คลิกเลย!

เคล็ดลับดูแลผิวหน้าผู้ชาย ทำตามได้ง่ายๆ ขั้นตอนไม่ยุ่งยากสักนิด

หนุ่มๆ ที่กำลังจะเป็นว่าที่เจ้าบ่าวต้องหันมา ดูแลผิวหน้าผู้ชาย อย่างเราๆ เป็นพิเศษนะ งานนี้อย่าปล่อยให้ว่าที่เจ้าสาวเขามีออน่าอยู่คนเดียว

เคล็ดลับการ ดูแลผิวหน้าผู้ชาย และการปรนนิบัติผิวอย่างง่ายเพื่อเพิ่มและเติมเต็มเสน่ห์ให้ผู้ชายที่ใช้เวลาไม่ถึง 15 นาที แพรว wedding อยากให้หนุ่มๆ ได้ลองกับตัวเอง เพื่อเปลี่ยนคุณให้เป็นคนใหม่ที่พร้อมรับมือกับมลพิษของสังคมเมือง และปล่อยความหล่อปังมีพลังออร่าในวันวิวาห์ด้วย

ความต่างระหว่าง สบู่ vs. คลีนเซอร์

เราเชื่อว่ามีผู้ชายบางกลุ่มบางคนที่ล้างหน้าด้วยสบู่ก้อนเดียวกับที่ใช้ชำระล้างร่างกาย เพราะคิดว่าใช้สำหรับผิวหนังเหมือนกัน แต่หารู้ไม่ว่าสบู่สำหรับผิวกายมีฤทธิ์เป็นด่างที่ขจัดไขมันสูงกว่าโฟมล้างหน้า จึงทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นและเกราะป้องกัน ในขณะที่ผิวหน้าต้องสัมผัสกับสภาพแวดล้อมภายนอกมากกว่าผิวกาย จึงจำเป็นต้องมีน้ำหล่อเลี้ยงผิวมากกว่า ดังนั้นจึงควรใช้โฟมล้างหน้าจะดีกว่า

เซรั่ม / ครีม / โลชั่น คืออะไร? ใช้อย่างไร?

ความแตกต่างและวิธีการใช้ก่อน-หลังระหว่างเซรั่ม ครีม และโลชั่น เราเชื่อมั่นว่าผู้ชายส่วนใหญ่ไม่ทราบและไม่ให้ความสำคัญ เราจึงจะมาบอกถึงประโยชน์และวิธีการใช้อย่างง่าย ตามนี้

เซรั่ม มีขนาดโมเลกุลที่เล็ก อุดมไปด้วยสารอาหารมากกว่าครีม แต่เนื้อบางเบากว่า ดังนั้นควรทาหลังจากการล้างหน้าเป็นขั้นตอนแรก

ครีมและโลชั่น ครีมมีเนื้อที่หนัก ดังนั้นครีมจึงเหมาะกับคนผิวแห้ง ส่วนโลชั่นเหมาะกับคนผิวมัน

ครีมกันแดดก็สำคัญ

มะเร็งผิวหนังเป็นโรคที่มีอัตราการป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเพศชาย เพราะผู้ชายมักมีกิจกรรมกลางแดด ลองพกครีมกันแดดสูตรน้ำไว้สักขวด แค่นี้ความเสี่ยงโรคมะเร็งผิวหนังก็จะน้อยลง

ดูแลผิวหน้าผู้ชาย

TIPS : ขั้นตอนง่ายๆ สำหรับการทาครีมบำรุงผิวของคุณผู้ชาย ตักครีมประมาณเมล็ดถั่วเหลือง ป้าย 5 จุดบนใบหน้า ได้แก่ หน้าผาก จมูก แก้มซ้าย-ขวา และคาง ถ้าผิวมันบริเวณทีโซนให้ลดปริมาณการทาครีมบริเวณหน้าผาก จมูก และคาง ใช้นิ้วนางซ้ายทาครีมขึ้นสวนทางกับแรงโน้มถ่วงให้เนียนสม่ำเสมอ

ดื่มนมอย่างน้อยวันละ 1 แก้ว

ประโยชน์ของนมไม่เพียงแค่ให้แคลเซียมและวิตามินที่ช่วยทำให้กระดูกแข็งแรง แต่ยังมีส่วนกระตุ้นลำไส้ในการสร้างเอนไซม์แล็กโทส ทำให้ไม่เสี่ยงกับภาวะท้องผูก แถมยังมีประโยชน์ทางอ้อม เพราะถ้าเรามีระบบขับถ่ายที่ดี จะทำให้ระบบหมุนเวียนโลหิตของเราดีขึ้น ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง สุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอก แนะนำให้คุณผู้ชายชวนคนที่คุณรักมาดื่มนมวันละแก้วเพื่อสุขภาพผิวที่ดี

สุดท้าย อย่าลืมสร้างกลิ่นกายให้ทรงเสน่ห์

น้ำหอมเป็นเสมือนสารฟีโรโมนที่สามารถทำให้เพศตรงข้ามหันมาสนใจในตัวคุณได้อย่างฉับพลัน คุณผู้ชายควรมีน้ำหอมสักขวดติดกระเป๋า เราแนะนำให้เลือกกลิ่นแนวซิตรัส เพื่อควาสดชื่น กลิ่นไม่รุนแรง แถมยังเพื่อความกระปรี้กระเปร่าระหว่างวันได้อีกด้วย

ตามไปส่องน้ำหอมเพิ่มเสน่ห์กันได้ที่ลิงค์ด้านล่างเลย

บ่าวสาวแต่งงานหน้าฝน มาดู น้ำหอม ใหม่ ที่เหมาะกับอากาศช่วงนี้ฝุดๆ

10 น้ำหอม สำหรับเจ้าบ่าว ให้เจ้าบ่าวทั้งหล่อและหอมเพอร์เฟ็คในวันแต่งงาน

 

ภาพ knowitallnancy.com, blog.ijugaad.com, pinterest.com

ตั้งเป้าหมายแล้วไปให้ถึง เคล็ดลับฟิตหุ่นสวยของ หมอเอิง-พญ.อังศ์วรา ธีระตันติกานนท์

ตั้งเป้าหมายแล้วทำให้เป็นกิจวัตร ทริคง่าย ๆ ในการ ฟิตหุ่นสวย ของคุณหมอสายสตรอง

หมอเอิง – พญ.อังศ์วรา ธีระตันติกานนท์ พิธีกรสาวสวยคุณแม่ลูกหนึ่งที่หุ่นยังเซียะจนน่าอิจฉากับการออกกำลังกายและการรับประทานอาหารในแบบฉบับเวิร์คกิ้งวูแมนที่เธอบอกว่าทำไม่ยากแค่ตั้งเป้าหมายตั้งใจแล้วไปให้ถึง และนี่คือเคล็ดลับ ฟิตหุ่นสวย ที่เธอจะมาแชร์ให้เหล่าว่าที่เจ้าสาวได้นำไปทำตาม

 

จัดเวลาออกกำลังกายลงในตารางประจำวัน

“เอิงใส่การออกกำลังกายลงในตารางทำงานเลย เพราะตารางเอิง ค่อนข้างชัดเจนว่าในหนึ่งวันหรือสัปดาห์นั้นต้องทำอะไร ที่ไหน ทำให้รู้ว่า สามารถแทรกการออกกำลังกายลงไปตรงไหนในตารางได้บ้าง ซึ่งปกติ ในหนึ่งสัปดาห์เอิงจะยกน้ำหนัก 2 ครั้ง เต้นซุมบ้า 1 – 2 วัน วิ่งที่สวนลุมฯ ตอนเช้าหรือเย็นอีก 1 วัน เพราะฉะนั้นในหนึ่งสัปดาห์เอิงจะออกกำลังกาย ประมาณ 4 – 5 วัน ซึ่งหากคุณสามารถจัดการเวลาได้ก็อยากให้ลองเริ่มต้น ทำดู เอิงคิดว่าหากเรามีแผนไว้ ถึงแม้จะผิดพลาดนิดหน่อยก็ไม่เป็นไร เช่น แพลนไว้ 100 เปอร์เซ็นต์ ทำได้ 70 เปอร์เซ็นต์ ก็ถือว่าโอเคแล้วค่ะ”

 

วิธีการออกกำลังกายที่เห็นผลของคุณทำอย่างไร

“เมื่อก่อนเอิงจะออกแต่คาร์ดิโอ เวลาคาร์ดิโอหนัก ๆ น้ำหนักจะลง แต่ถ้าเผลอกินเยอะสักสองวันน้ำหนักก็ขึ้นมาอีก และรูปร่างก็ไม่ได้เปลี่ยน ไปมาก แต่พอได้เห็นคนที่เป็นอินฟลูเอนเซอร์ด้านการออกกำลังกาย บอกว่าต้องยกเวตสร้างกล้ามเนื้อก่อน ก็เลยลองทำคู่กับคาร์ดิโอ กลายเป็น เห็นผลชัดเลย รูปร่างเปลี่ยนในขณะที่น้ำหนักเท่าเดิม

เพราะฉะนั้นการยกน้ำหนัก คาร์ดิโอ และคุมอาหาร ทั้งหมดนี้ เป็นปัจจัยที่ส่งเสริมซึ่งกันและกัน ถ้าคาร์ดิโออย่างเดียว สิ่งที่เราเสียไปคือ กล้ามเนื้อ เพราะมันถูกเบิร์นไปตอนคาร์ดิโอ ทำให้กล้ามเนื้อไม่กระชับ จึงต้องยกน้ำหนักไปพร้อมกับคาร์ดิโอด้วย เพราะจะได้ทั้งการเบิร์นไขมัน และทำให้กล้ามเนื้อกระชับ ร่างกายจะค่อย ๆ แน่นและลีนขึ้น แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้นก็ต้องเปลี่ยนเรื่องอาหารการกินด้วย ไม่ใช่กินทุกอย่างเหมือนเดิม เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณยังกินแฟตและคาร์บเยอะ มันก็คือพลังงาน ส่วนเกินที่ทำให้ไม่เฟิร์มสักที เพราะฉะนั้นจึงต้องทำทุกอย่างควบคู่กันไป”

คำแนะนำสำหรับการรับประทานอาหาร

“เราสามารถมีความสุขในการรับประทานในขอบเขตที่พอดี กิน ทุกอย่างเหมือนเดิมได้แต่ให้มีพอร์ชั่นเล็กลง และอยากแนะนำให้กิน โปรตีนที่ดีให้เยอะขึ้น อย่างเช่นไข่ขาวที่ช่วยสร้างโปรตีนและมีไขมันน้อย ถ้าเกิดหิว แทนที่จะกินขนม ก็เปลี่ยนมากินไข่ขาวสัก 2 ฟองก็อยู่ท้องแล้ว ซึ่งให้แคลอรีแค่ 80 กิโลแคลอรี น้อยกว่าขนมกรุบกรอบซองเล็กมาก ๆ”

 

ฝากถึงว่าที่บ่าว – สาวที่กำลังจะเข้าสู่ประตูวิวาห์

“ทุกอย่างเราสามารถทำได้ แค่ตั้งเป้าหมายให้กับตัวเอง ถามตัวเอง ก่อนว่าเราจะอยู่ในร่างนี้ไปตลอดระยะเวลาชีวิตที่เหลืออยู่ หรือจะเริ่มต้น หันมาทำทุกอย่างให้ดีขึ้น ฉะนั้นอยากให้เริ่มจากการตั้งเป้าหมายว่า เราอยากเป็นอย่างไร บางคนอาจจะไม่สน ก็ฉันมีความสุขกับการกินแต่ถ้าลองคิดว่า ในชีวิตหนึ่งคุณจะมีรูปร่างที่เข้าที่ที่สุดในอายุช่วงไหน ที่ไม่ใช่ 60 แล้วเพิ่งอยากจะมี ซึ่งก็คงไม่มีแรงแล้ว

“สำหรับเอิงเป้าหมาย ที่ต้องการคือรูปร่างและสุขภาพที่ดีในบั้นปลายชีวิต และเอิงคิดว่า ว่าที่บ่าว – สาวก็คงไม่ได้อยากดูดีแค่วันเดียวแล้วหลังจากนั้นกลับมาพังเหมือนเดิม หรอก ซึ่งมันไม่ควรจะเป็นอย่างนั้นด้วย แต่เราควรจะรักษาและทำมัน ให้เป็นกิจวัตร ถ้าอยากสวยอยากหล่อ อยากมีสุขภาพดีหุ่นดีก็ต้องลงมือทำ เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่สามารถมีได้หากไม่ออกกำลังกายและปรับเปลี่ยนการ รับประทานอาหาร และไม่แนะนำให้ทำทุกอย่างแบบ short course เพราะ มันยาก การที่เราจะเปลี่ยนสิ่งที่เป็นไลฟ์สไตล์ของเรามันต้องใช้เวลา เอิงว่า ค่อย ๆ ทำไปเรื่อย ๆ แล้วจะค่อย ๆ เห็นผล อยากให้มองระยะยาวมากกว่า ถ้าเราแข็งแรง เราก็จะมีแรงดูแลคนข้าง ๆ เราได้ด้วยเช่นกัน”

 

ภาพประกอบ pinterest

ส่อง แหวนแต่งงาน “น้ำชา – ชีรณัฐ” ที่สั่งทำขึ้นใหม่ส่งตรงจากแบรนด์ดังของนิวยอร์ก

กำลังจะมีข่าวดีในเดือนมกราคมนี้แล้วสำหรับคู่น้ำชา – ชีรณัฐ ยูสานนท์ กับดร.วาว – ดิลกะ ลัทธพิพัฒน์ แม้อายุจะห่างกันถึง 14 ปี แต่ความรักความหวานไม่แพ้คู่ไหน และนี่คือเรื่องราวของ แหวนแต่งงาน และแผนการขอแต่งงานที่กว่าจะได้โมเมนต์สวีตแบบนี้
เจ้าบ่าวบอกว่าวางแผนกับแก๊งเพื่อนกว่า 3 เดือนเลยทีเดียว – เรื่อง ปาจรีย์ / ภาพ : วรสันต์, ชวรินทร์

Will you marry me?

ดร.วาวเล่าถึงแผนการขอแต่งงานสุดโรแมนติก ที่เกาะยาวน้อย จังหวัดภูเก็ต “ผมเลือกภูเก็ตเพราะ ผมกับน้ำชาไปเที่ยวที่นั่นด้วยกันบ่อยๆ โดยเฉพาะที่เกาะยาวน้อยเรามีความทรงจำดีๆ ด้วยกันเยอะ ที่สำคัญสวยมากด้วย พอตัดสินใจได้ผมก็วางแผนกับเพื่อนของน้ำชาซึ่งเป็น Wedding Planner โดยผมออกไอเดียแล้วขอให้เขาช่วยเตรียมเรือยอช์ต ตกแต่งสถานที่ รวมทั้งทำตัวอักษร Marry Me ไซส์ใหญ่ตั้งริมหาด เขาก็จัดการให้ได้เรียบร้อยทั้งหมด” แพรว wedding ถามน้ำชาว่า รู้ตัวมาก่อนไหม (หัวเราะ) “ชาคิดอยู่แล้วค่ะ เพราะพอไปถึงภูเก็ตเขาชอบเดินออกไปคุยโทรศัพท์ตลอด ได้ยินบทสนทนาลอดมาบ้างว่า ‘เตรียมมาหรือเปล่า’ ‘ออกมาแล้วยัง’ ซึ่งไม่เนียนเลย แต่ก็เอ็นดูนะคะ ตลกดี ความจริงชาเตรียมตัวมาสักพักละค่ะว่าจะต้องโดนขอแต่งงาน เพราะก่อนหน้านั้นเราไปเที่ยวมัลดีฟส์กัน จู่ๆ ก่อน ดินทางเขาก็ถามขึ้นมาว่า ‘จะแต่งปีนี้หรือปีหน้า’ ตอนนั้นคิดว่าเขาคงขอแต่งงานที่มัลดีฟส์แน่ๆ ที่สุดตัดสินใจลองถามเขาตรงๆ ว่า จะขอแต่งงานที่มัลดีฟส์หรือเปล่า ปรากฏว่าเขาตอบทันทีว่า ‘ไม่ๆ จะขอที่ภูเก็ต’ คือเซ็งมาก บอกทำไมเนี่ย ไม่เซอร์ไพร้ส์เลย” (หัวเราะ) ดร.วาวหัวเราะชอบใจในวีรกรรมของตัวเอง “คือตอนนั้นผมหลุดน่ะครับ ผมไม่ถนัดการเซอร์ไพร้ส์ เรียกว่าไม่เคยทำมาก่อนในชีวิต อย่างตอนขอจริงๆ ที่ภูเก็ต ผมว่าชาเขาก็รู้นะ แต่พยายามทำเป็นไม่รู้” (ยิ้ม)

น้ำชาเลยเฉลยต่อ “ทริปภูเก็ตคราวนั้นชาขนเสื้อผ้าไปเยอะมาก ใช้เวลาแต่งหน้าประมาณ 3 ชั่วโมง ซึ่งสิ่งที่ประทับใจที่สุดคือเพื่อนๆ บินตามมา ชาไม่คิดว่าเพื่อนจะลงทุนมาหา เพราะเกาะยาวน้อยเดินทางค่อนข้างยาก ลงเครื่องบินแล้วต้องต่อเรืออีก เพื่อนมีความพยายามมาก อาจเป็นเพราะชาเคยบอกพี่วาวว่าถ้าโดนขอแต่งงานอยากอยู่กับคนที่เรารักหลายๆ คน เขาจึงชวนเพื่อนมากันเยอะ พอเพื่อนเอาผ้ามาผูกตาให้เท่านั้นแหละ น้ำตาคลอแล้ว เรารู้ว่าเขากำลังจะขอแต่งงาน เป็นช่วงเวลาที่พิเศษมาก ก่อนหน้านี้ชาเคยเห็นคนที่โดนขอแต่งงานร้องไห้แล้วไม่เข้าใจว่า ร้องทำไม พอมาเจอกับตัวเองถึงได้พบคำตอบว่ามันเป็นความตื้นตันใจ ตอนพี่วาวคุกเข่าสวมแหวนหมั้นให้เขาพูดประโยคที่ชาชอบมากที่สุดคือ เราผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะ คบกันมา 3 ปี มีขึ้นมีลง มีทะเลาะ เลิกกันบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องปกติของคู่รักทั่วไป แล้วสุดท้ายคือเรากลับมาเข้าใจกัน พร้อมจะเดินต่อข้ามผ่านทุกๆ อย่างไปด้วยกัน” (ยิ้ม)

แหวนหมั้นแทนรัก

ดร.วาวเล่าถึงแหวนหมั้นวงพิเศษ “ผมคุยกับคุณแม่ตั้งแต่เริ่มแพลนถึงชีวิตคู่ว่าอยากขอชาแต่งงาน คิดจะหาแหวนสักวง เคยตระเวนดูแล้วโดยให้เพื่อนชาช่วยดูด้วย แต่ยังไม่ถูกใจ หลังจากคุยกับคุณแม่เสร็จ อีกวันท่านโทร.มาบอกให้ผมเข้าไปหา แล้วมอบแหวนเก่าแก่ของท่านมาให้ เป็นเพชรทรงสี่เหลี่ยมที่ท่านชอบมาก” น้ำชายิ้ม “ชารู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้แหวนเก่าแก่ของคุณแม่มา ซึ่งมีความหมายทางจิตใจมากมากกว่าซื้อแหวนใหม่อีก” แหวนหมั้นยังมีเรื่องราวความพิเศษขนาดนี้แหวนแต่งงานก็ไม่แพ้กัน “แหวนแต่งงานผมเลือกเพชรทรงกลม 5.48 กะรัตจาก Design Classic เป็นร้านเพชรวินเทจเก่าแก่ที่นิวยอร์ก อย่างวงนี้เราต้องสั่งเขาทำใหม่ทั้งหมด เพราะไปดูดวงมาหมอดูบอกว่าคู่เราต้องใช้แหวนเพชรทรงกลม ชีวิตคู่จะได้กลมเกลียว ไม่เจอเส้นทางขรุขระ แล้วคำนวณมาให้เลยว่าต้องใช้แหวนกี่กะรัต เหมาะกับเลขอะไร ซึ่งเลขของเราคือ 5.48 กะรัต เป็นเลขที่จะช่วยเติมเต็มชีวิตคู่ ซึ่งหายากมากทางร้านไม่มี เราต้องรอเขาเจียระไนใหม่แล้วส่งกลับมา”

น้ำชาก็มีแหวนวงพิเศษที่จะมอบให้เจ้าบ่าว “ชาเลือกแหวนจากร้านเดียวกันค่ะ แบบเรียบๆ แต่มีความหมายในตัวเอง แหวนแต่งงานเป็นเครื่องหมายแสดงถึงความรักระหว่างเราสองคน เวลาสวมแหวนทุกครั้งที่มองก็จะนึกถึงกัน เหมือนมีอีกคนอยู่ติดตัว ราตลอดเวลา”

รักเหมือนเดิมทุกวัน

ดร.วาวยิ้มหวานเมื่อ แพรว wedding ถามถึงช่องว่าง 14 ปี “ผมว่าช่องว่างเป็นเรื่องที่ดี อย่างช่วงแรกชาใช้อารมณ์เยอะ ผิดกับผมที่เลยจุดนั้นมาแล้ว เมื่อผ่านการพูดคุยปรับตัว วันนี้เขาจึงเปลี่ยนไปมากที่ชัดเจนคือมีความเกรงใจผมมากขึ้น ใจเย็นขึ้น” น้ำชาพยักหน้า “ใช่ค่ะ คือด้วยความที่พี่วาวใจเย็น มีหลักการและไม่ค่อยพูด เพราะฉะนั้นพอเขาพูดแต่ละคำออกมาจึงมีความหมาย และเราก็ตั้งใจฟัง ชาว่าหลังจากที่เราแต่งงานกันแล้วคงไม่มีอะไรต่างไปจากเดิมเท่าไร เพราะทุกวันนี้เราก็อยู่ด้วยกันตลอด การแต่งงานจึงเป็นเหมือนการที่เราตกลงร่วมกันที่จะประกาศต่อหน้าทุกคนว่าเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป เป็นคำสัญญาที่ทำให้ความรักของเรามั่นคงขึ้น ชาเชื่อมั่นในความเสมอต้นเสมอปลายของเขาและความมั่นคงของชา”

“ความรักของเราจะเป็นเหมือนเดิมอย่างนี้ไปทุกๆ วันค่ะ”

อ่านเรื่องราวความรักของคู่รักคนดังได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย!

“นาว – ทิสานาฏ” กับแฟชั่นชุดแต่งงาน 2 สไตล์กับคอลเล็กชั่นใหม่จาก Love Concerto

“นาว – ทิสานาฏ” กับแฟชั่น ชุดแต่งงาน 2 สไตล์ทั้งสวยหวานราวเจ้าหญิง และสวยหรูดูมินิมอล กับคอลเล็กชั่นใหม่จาก Love Concerto

“นาว – ทิสานาฏ ศรศึก” นางเอกสาวหน้าหวานที่ไม่ว่าจะเล่นละครเรื่องไหน รับบทคาแรคเตอร์อย่างไรก็ตีบทแตก เข้าถึงอกถึงใจผู้ชมอยู่ตลอด แพรวเวดดิ้งเลยขอให้เธอมารับอีกหนึ่งบทบาทกับการถ่ายแฟชั่นชุดแต่งงานที่มีสไตล์อันหลากหลายไม่แพ้กับบทบาทที่เธอเคยได้รับ ซึ่งสุดท้ายแล้วก็เป็นไปตามคาดเพราะเธอสามารถโพสท่าได้เป๊ะปังทุกชุดเข้าได้กับทุกลุคของชุดแต่งงานจริงๆ 

โดยชุดแต่งงานสวยๆ ที่นาว ทิสานาฏ สวมใส่เป็นชุดแต่งงานจากร้าน Love Concerto กับคอลเล็กชั้นใหม่รับปี 2020 ที่อัพเดตเทรนด์ชุดแต่งงานมาให้ว่าที่เจ้าสาวต้องตาลุกวาวกันอีกครั้ง ซึ่งในคอลเล็กชั่นนี้มีทั้งชุดแต่งงานสไตล์เจ้าหญิงที่ให้ลุคดูหวานเว่อร์ ไม่ว่าจะเป็นดีเทลของกระโปรงทรงบอลกาวน์ งานลูกไม้อ่อนหวาน หรือความพลิ้วไหวของผ้าชีฟอง ไปจนถึงชุดแต่งงานแนวเรียบหรูดูมินิมอล ที่เน้นงานคัตติ้งสุดเนี้ยบ ช่วยให้สรีระของเจ้าสาวดูมีส่วนเว้าส่วนโค้งดูน่าหลงใหล ซึ่งชุดแต่งงานทั้ง 2 สไตล์บอกเลยว่าพร้อมตอบโจทย์ว่าที่เจ้าสาวยุคใหม่ปี 2020 มากๆ

Love Concerto เป็นร้านที่ให้บริการเรื่องชุดแต่งงานและสตูดิโอถ่ายภาพแต่งงานที่ประสบความสำเร็จและได้รับความไว้วางใจจากคู่บ่าวสาวมายาวนานนับ 10 ปี โดยที่ร้านมีทั้งชุดแต่งงานสากลและชุดไทยหลากหลายรูปแบบให้ว่าที่บ่าวสาวได้เลือกสวมใส่ให้เข้ากับสไตล์ของตัวเอง

จุดเด่นของร้าน Love Concerto คือจำนวนชุดแต่งงานทั้งชุดสากล ชุดไทย และชุดสูทที่มีให้เลือกหลายร้อยชุด เรียงรายอยู่ภายในร้านทั้งหมด 4 ชั้นให้บ่าวสาวได้เลือกกันอย่างจุใจ ไม่ว่าจะเป็นชุดสำหรับสวมใส่ในวันแต่งงานหรือชุดสำหรับถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง โดยทางร้านได้ออกแบบตัดเย็บชุดแต่งงานและชุดไทยชุดใหม่ๆ อยู่เสมอ เพื่อรองรับกับความต้องการของคู่บ่าวสาวทุกสไตล์ให้มากที่สุด ซึ่งชุดแต่งงานที่ Love Concerto มีราคาหลากหลายระดับให้บ่าวสาวเลือก โดยราคาจะขึ้นอยู่กับแบบชุดและวัสดุที่นำมาตัดเย็บ ซึ่งทุกชุดทางร้านได้เลือกใช้วัสดุอย่างดีในการตัดเย็บ รวมไปถึงการออกแบบที่พิถีพิถันในทุกขั้นตอน

สำหรับคู่บ่าวสาวที่เลือกใช้บริการที่ Love Concerto ทางร้านพร้อมให้บริการอย่างดีที่สุดโดยคำนึงถึงความสบายใจของคู่บ่าวสาวเป็นหลัก ผ่านการพูดคุยในบรรยากาศแบบสบายๆ เป็นกันเอง พร้อมทั้งให้เวลาบ่าวสาวได้เดินเลือกชมชุดแต่งงานทั้งหมดที่อยู่ภายในร้าน โดยมีพนักงานผู้มีความเชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำจนกว่าบ่าวสาวจะได้เจอชุดแต่งงานที่ถูกใจ และได้ลองสวมใส่ชุดแต่งงานที่ชอบจริงๆ

และสำหรับว่าที่เจ้าสาวที่ยังไม่มีแบบชุดแต่งงานในใจ ลองมาดูแฟชั่นสวยๆ ของ นาว – ทิสานาฏ กับชุดแต่งงานคอลเล็กชั่นใหม่ของ Love Concerto เซตนี้ดูรับรองว่า 1 ในชุดสวยๆ เหล่านี้จะต้องถูกใจว่าที่เจ้าสาวจนอยากจะใส่ให้ครบทุกชุดแน่นอน

ชุดแต่งงาน
ชุดแต่งงาน ร้าน Love Concerto

ชุดแต่งงาน

ชุดแต่งงาน

ชุดแต่งงาน

ชุดแต่งงาน

ชุดแต่งงาน

ชุดแต่งงาน

ชุดแต่งงาน

ชุดแต่งงาน

ชุดแต่งงาน

ดูแฟชั่นชุดแต่งงานสวยๆ จากร้าน Love Concerto เพิ่มเติม คลิกเลย!

เครดิต : ร้าน Love Concerto
โทร. 09-7963-9988, 09-2417-9994
ไลน์ : @loveconcerto
เฟซบุ๊ก : facebook.com/loveconcerto/
ไอจี : love_concerto_
เว็บไซต์ : www.loveconcerto.net

7 ไอเดีย ข้อความบนแหวนหมั้นแทนใจ ชอบแบบไหนจัดได้เลย

สร้างความพิเศษให้ แหวนหมั้น มีมูลค่าทางใจมากกว่าเดิม

แหวนหมั้น และแหวนแต่งงานเป็นสิ่งที่บ่าวสาวทุกคู่ล้วนให้ความสำคัญ และต้องการสร้างความพิเศษลงไปให้กับแหวนคู่ของตัวเองด้วยกันทั้งนั้น นอกจากจะเลือกแบบแหวนที่ชอบและใช่สำหรับคู่ของตัวเองแล้ว การสลักข้อความลงไปบนแหวนก็เป็นอะไรที่ขาดไม่ได้เลยจริงๆ

แหวนหมั้นและแหวนแต่งงาน ของคู่บ่าวสาวคู่ไหนที่ยังคิดไม่ตก ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะสลักข้อความอะไรลงไปดี แพรว wedding มี 7 ไอเดียดีๆ มาฝาก

1. วันที่จัดงานหมั้นหรืองานแต่งงาน

แหวนหมั้น

การสลักวันที่ลงไปบนแหวน ถือว่าเป็นเบสิคสำหรับแหวนหมั้นและแหวนแต่งงาน ที่คู่บ่าวสาวนิยมทำกันเป็นอย่างมาก เพื่อเป็นการย้ำเตือนให้ระลึกถึงวันแห่งความทรงจำนี้เสมอ ส่วนรูปแบบวันที่จะใช้แบบไหน ยังไงดีก็อยู่ที่คู่ของเราเลือกเลย

2. คำบอกรัก

                       แหวนหมั้น 

ใส่คำว่ารักลงไป ทำให้รู้สึกดีทุกครั้งเมื่อได้อ่าน คำว่ารักนี้ไม่จำเป็นต้องใช้คำว่า I Love You เสมอไป เพราะคำรักภาษาอื่นๆก็ฮอตไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็น Je t’aime (ภาษาฝรั่งเศส), Ti amo (ภาษาอิตาลี), Te quiero (ภาษาสเปน), Wo ai ni (ภาษาจีน) ก็ล้วนสื่อความหมายว่ารักด้วยกันทั้งนั้นลองเลือกใช้ภาษาที่คู่ของเราอินที่สุดดูสิ

3. ชื่อบ่าวสาว

           แหวนหมั้นแหวนหมั้น

                                     แหวนหมั้น

คงปฏิเสธไม่ได้ว่า เวลามีชื่อของเราอยู่บนสิ่งของชิ้นไหนก็ตาม จะส่งผลให้ความรู้สึกถึงการเป็นเจ้าของสิ่งของนั้นๆได้เป็นอย่างดี และยิ่งเป็นแหวนด้วยแล้วยิ่งเพิ่มความพิเศษขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว เราจึงมักเห็นบ่าวสาวหลายคู่เลือกที่จะสลักชื่อลงไปบนแหวน ไม่ว่าจะใส่ชื่อเต็มๆ ชื่อเล่น ตัวอักษรย่อ ก็ใส่ลงไปได้ทั้งนั้น เลือกเอาแล้วแต่ความชอบกันได้เลย

4. ข้อความที่แสดงถึงความเป็น “คู่”

     แหวนแต่งงาน

แหวนแต่งงาน

ข้อความที่แสดงสถานะว่าเราทั้งสองนั้นคู่กัน ก็เป็นข้อความที่ฮิตอยู่เสมอ ให้ความรู้สึกถึงความอบอุ่นน่ารัก

5. คำหวานๆ แสดงความในใจ

แหวนหมั้น แหวนหมั้น

บางคำพูดก็อายที่จะบอกออกไป สลักไว้บนแหวนแทนใจนี่แหละเวิร์ค สลักไว้เพื่อเซอร์ไพรส์กันยิ่งน่ารักสุดๆ ลองเลือกคำที่อยากสื่อออกไปให้คู่ของคุณกันดูนะ

6. จิ๊กซอว์

                                         แหวนหมั้น

ตัวอักษรข้อความที่ต้องนำแหวนทั้งสองวงมาต่อกันถึงจะอ่านเป็นข้อความได้ นับเป็นสิ่งเก๋ๆ เพิ่มลูกเล่นให้กับแหวนแทนใจได้เป็นอย่างดี

7. ข้อความสนทนา

                                    แหวนหมั้น

การสลักแหวนด้วยข้อความสนทนา ก็เก๋ดีนะ ชอบประโยคไหน คำพูดไหนก็ลองปรึกษาคู่ของคุณดู

จาก 7 ไอเดียนี้ ถ้าตัดสินใจเลือกไม่ถูก เกิดอาการอยากใส่ทุกอย่างลงไปบนแหวนทั้งหมดเลยก็สามารถทำได้ แต่ทั้งนี้ย่อมขึ้นอยู่กับตำแหน่ง และพื้นที่บนแหวนด้วยว่า สามารถจะใส่ข้อความได้สั้นยาวขนาดไหน แล้วสิ่งสำคัญอีกอย่างนึงก็คือแบบตัวอักษร ซึ่งแต่ละแบบก็มีขนาดความยาวความหนาที่ต่างกัน และพึงคิดไว้เสมอว่าควรเลือกแบบที่ชอบจริงๆเท่านั้น เพราะถ้าสลักข้อความลงไปแล้ว จะมาเปลี่ยนใจทีหลัง ก็จะเกิดความเสียหายขึ้นได้  ยังไงลองนำไอเดียไปปรับใช้ให้เหมาะกับคู่ของคุณกันดูนะ

ภาพ : pinterest

ติดตามไอเดียและเทคนิคต่างๆเกี่ยวกับงานแต่งงานได้ที่ praewwedding

4 ขั้นตอนจัดการวางแผน งบงานแต่งงาน จุดเริ่มต้นสำคัญเพื่อวันวิวาห์

งบงานแต่งงาน เป็นเรื่องสำคัญเรื่องแรกเลยที่บ่าวสาวจะต้องคิดและจัดการให้เรียบร้อย เพราะเป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง ที่จะทำให้งานแต่งงาน 1 งานนั้นเกิดขึ้นได้ ซึ่งแน่นอน ไม่เคยแต่งมาก่อนแล้วจะรู้ได้ไง ว่าต้องเริ่มยังไง ทำอะไรบ้าง นี่เลยค่ะ แพรว wedding จัดสเต็ปการวางแผนมาให้แล้ว ทำตามนี้ ปรีกษากันให้ดี งานแต่งในฝันเกิดขึ้นได้แน่นอน 

1. วางคอนเซ็ปต์งานให้ชัดเจน

บ่าวสาวหลายคู่ประสบปัญหางบประมาณบานปลาย เพราะไม่มีจุดยืนในการจัดงานแต่งงานของตัวเอง ทำให้เผลอใจตอบรับข้อเสนอต่างๆ ที่ไม่จำเป็นและเสียเงินเพิ่มโดยใช้เหตุ เพราะฉะนั้นคำถามแรกที่คุณจะต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนก็คือ “อยากจะจัดงานแต่งแบบไหน?” คิดง่ายๆ เลยก็ได้ว่า ธีมงานแต่งที่คุณชอบและอยากได้เป็นอย่างไร ต้องการจัดในสถานที่แบบไหน เช่น อยากได้งานหรูหราฟู่ฟ่าในห้องแกรนด์บอลรูมของโรงแรมดัง หรืออยากจะเป็นงานชิลๆ สบายๆ ในสวนหรือริมทะเล แบบนี้ก็จะช่วยให้คุณกะเกณฑ์งบประมาณส่วนใหญ่ที่ต้องใช้ในงานแต่งได้แล้ว

2. ลำดับความสำคัญ

คู่บ่าวสาวควรลำดับความสำคัญของการจัดงานในส่วนต่างๆ เพื่อแบ่งงบประมาณอย่างเหมาะสม เราขอแนะนำให้คุณนั่งคิดนอนคิดก่อนว่างานแต่งของคุณจะต้องมีอะไรบ้าง เช่น แบ็กดรอปดอกไม้สีหวาน โซฟาหลุยส์สีทองใช้เป็นพร้อบส์เก๋ๆ หรือจะมีน้ำพุพุงปรี๊ดๆ หน้างาน แบบนี้เป็นต้น หลังจากมโนเสร็จก็เริ่มลิสต์ออกมาทีละอย่าง เรียงลำดับตามความจำเป็น ที่สำคัญต้องระบุลงไปด้วยว่าของแต่ละอย่างคุณจะยอมจ่ายมากสุดเท่าไหร่ เพราะเมื่อเวลาที่คุณไปหาซื้อของหรือติดต่อกับผู้ให้บริการ ไม่ว่าจะเป็นคนขายของหรือเวดดิ้งแพลนเนอร์ก็ตาม คุณจะมีราคาที่คุณรับได้ในใจและสามารถต่อรองราคากับพวกเขาได้ด้วย แต่ถ้าของชิ้นไหนแค่มีประดับให้สวยงามแต่ดูแล้วไม่จำเป็นต้องเสียเงินก็อย่าได้แคร์ ใช้ปากกาแดงกากบาททิ้งได้เลยจ้า

งบงานแต่งงาน

3. จัดทำบัญชี

ข้อดีของการจัดทำบัญชีงบประมาณและบันทึกค่าใช้จ่ายคือ บ่าวสาวจะได้เห็นยอดรายจ่ายจริงทั้งหมด ทำให้ระมัดระวังการใช้จ่ายได้มากขึ้น

4. จัดสรรงบประมาณสำหรับองค์ประกอบต่างๆ

โดยกำหนดว่าต้องเตรียมบัดเจ็ตเท่าไร สำหรับอะไรบ้าง และไม่ใช่จ่ายเกินงบที่ตั้งไว้

– ในกรณีที่เกินงบให้ตัดองค์ประกอบที่ไม่จำเป็นออก

– จดบันทึกทุกค่าใช้จ่ายอย่างละเอียดและสม่ำเสมอเพื่อคุมงบไม่ให้บานปลาย

– เลือกเช่าข้าวของที่นำไปใช้ประโยชน์ต่อไม่ได้ เช่น ชุดเจ้าสาว พานขันหมาก พร็อปส์ตกแต่ง

– ควงแขนกันไปงานเวดดิ้งแฟร์ หรืองานอีเว้นต์ต่างๆ เพื่อมองหาโปรโมชั่นดีๆ

– จำไว้ว่าการจัดงานใหญ่เกินตัว และเชิญแขกแบบทั่วสารทิศจะทำให้ได้ไม่คุ้มเสีย

ติดตามไอเดียดีๆ พร้อมเคล็ดลับเด็ดๆ ในการจัดงานแต่งงานอีกเพียบที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ unsplash.com

เบื่อแล้วสูทขาวดำ! มาดู ไอเดียชุดเจ้าบ่าว ที่แตกต่างและไม่น่าเบื่อ

เมื่อนึกถึงงานแต่งงานสิ่งแรกที่ทุกคนคิดถึงก็คงหนีไม่พ้น ชุดเจ้าสาวและดอกไม้ในงานแต่ง แล้วทำไมชุดเจ้าบ่าวถึงได้ไม่น่าตื่นเต้นและคาดเดาได้ง่ายว่ายังไง็ยังไงก็คงไม่พ้นสูทสีดำ อย่าตีกรอบให้ตัวเองแค่นั้นนะคะหนุ่มๆ เพราะเราเป็นถึงพระเอกของงาน และยุคสมัยก็เปลี่ยนไป ความคิด และโลกของแฟชั่นเปิดกว้างมากขึ้น ถึงคราวแล้วที่ชุดเจ้าบ่าวก็สามารถเป็นสีสันในงานแต่งได้เหมือนกัน แพรว wedding เลยรวบรวม ไอเดียชุดเจ้าบ่าว แบบไม่ซ้ำใครมาให้ไว้ในนี้แล้ว แล้วคุณจะรู้ว่าชุดเจ้าบ่าวก็สามารถแสดงตัวตนและน่าสนใจได้ไม่แพ้เจ้าสาวในงานแต่งเลยนะจ๊ะ

 

กางเกงขาสั้น

ไอเดียชุดเจ้าบ่าว

ลองเปลี่ยนลุคมาสวมเป็นกางเกงขาสั้นเข้าชุดที่ดูสุภาพ แมตช์กับสูทและเสื้อเชิ้ตสบายๆ ที่เข้ากัน ให้ลุคที่ดูเป็นกันเอง สนุกสนาน เหมาะกับงานแต่งริมทะเล หรือเจ้าบ่าวสายชิว ที่จัดงานแต่งงานแบบไม่เป็นทางการมากนัก และที่สำคัญเจ้าสาวและครอบครัวต้องให้ผ่านด้วยน้า

 

เพิ่มลูกเล่นด้วยดีเทลและลวดลาย

บางทีสูทขาวดำของเดิมก็แตกต่างออกไปเมื่อลองเพิ่มงานปักและแพทเทิร์นสวยๆ ที่ใส่ความสนุกสนานและความเป็นตัวเองได้เต็มที่ อาจจะเป็นลายผ้าที่ชอบ เส้ยสายกราฟฟิกเท่ๆ ที่บอกความเป็นตัวคุณ หรือจะเลือกเป็นลายผ้าที่เป็นลายเดียวกับชุดเจ้าสาวไปเลย นี่สินะที่เขาเรียกกันว่าเสื้อคู่ของจริง

 

ถ้าขาวดำมันจำเจก็ลองเปลี่ยนสีดู

แค่เปลี่ยนสีทุกอย่างก็ดูใหม่ไม่เหมือนใคร เจ้าบ่าวคนไหนกล้าหน่อยอาจจะลองสีแดง เขียว หรือชมพูไปเลย หรือใจจริงก็อยากเปลี่ยนสีแต่ก็ยังอยากให้ดูสุภาพเป็นทางการ ก็อาจจะเลือกไปทางสีทอง หรือสีกรม ก็ได้ รับรองเลยว่าแค่เปลี่ยนสีสูทก็ทำให้ธีมงานดูน่าสนใจขึ้นได้แน่นอน

ติดตามไอเดียดีๆ และทิปส์เด็ดๆ เกี่ยวกับเจ้าบ่าวอีกเพียบที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ pinterest