มาดูแบบ เล็บเจ้าสาว ตามราศี เสริมดวงให้เจ้าสาวในวันแต่งงาน!

บุคลิกที่แตกต่างกันของสาวทั้ง 12 ราศี นำมาซึ่งแบบเรียว เล็บเจ้าสาว ทั้ง 12 แบบที่ไม่ซ้ำกัน มาดูกันค่ะว่าบุคลิกแบบราศีเรา เหมาะกับเล็บเจ้าสาวสไตล์ไหนกันนะ

ในวันแต่งงานทั้งที ถ้าจะมีอะไรเสริมดวงได้ก็ต้องลองกันหน่อยละค่ะ! และเชื่อหรือไม่ว่า เล็บเจ้าสาว ก็สามารถเป็นตัวช่วยเสริมดวงเราในวันแต่งงานได้เหมือนกันนะ และทั้งนี้ก็ไม่ได้จำเป็นว่าเจ้าสาวจะต้องยอมเปลี่ยนสีเล็บให้จี้ดจ้าดหรือแปลกประหลาดจนหลุดความเป็นเจ้าสาว เพราะสีเล็บเสริมดวงสำหรับเจ้าสาวโดยเฉพาะเหล่านี้เป็นสีที่เจ้าสาวทาได้ไม่หลุดชัวร์

ราศีเมษ

สาวราศีเมษอาจจะไม่ใช่สาวหว๊านหวาน ทว่าความคล่องแคล่วว่องไว และความสามารถในการ multi-tasking หรือทำหลายๆอย่างพร้อมกันนั้นชนะเลิศสาวราศีอื่นๆค่ะ สีเรียวเล็บเจ้าสาวที่เหมาะกับสาวราศีเมษคือสีแดงคลาสสิกสไตล์วินเทจนิดๆ หรือจะเปลือยเล็บตามธรรมชาติแล้วแค่เคลือบท็อปโค้ดแวววาวก็ได้อีกเหมือนกัน

เล็บเจ้าสาว

เลือก ชุดแต่งงาน ที่ทั้งสวย คุ้มค่า และเป็นชุดในฝันที่อยากใส่ ทำได้ยังไง มาดูเลย

3 คีย์หลักเลือก ชุดแต่งงาน คุ้มค่า ไม่เกินงบ เป็นชุดที่อยากใส่

“ผู้หญิงอยากสวยที่สุดในวันสําคัญ” นี่คือเหตุผลที่ทําให้ ชุดแต่งงาน กลายเป็นเรื่องสําคัญอันดับต้นๆ ของว่าที่เจ้าสาว แต่จะ เลือกอย่างไรให้ฉลาด คุ้มค่า และเติมเต็มหัวใจของตัวเองได้ด้วย

การตั้งงบประมาณสําหรับชุดเจ้าสาว 

ควรจัดงบประมาณตามลำดับความสําคัญ ซึ่งการให้คุณค่าของแต่ละคนก็แตกต่างกันไป บางคนบรรยากาศงานต้องเหมือนสรวงสวรรค์ บางคนอาหารต้องอร่อย หรือบางคนคือการที่ฉันต้องสวยที่สุดในชีวิต ซึ่งถ้าเป็นเช่นนี้งบของชดุก็ต้องพิเศษหน่อย วิธีนี้จะทําให้เจ้าสาวรู้ว่าถ้าต้องประหยัดควรจะต้องไปตัดงบส่วนไหน แน่นอนว่าต้องตัดจากลําดับท้ายขึ้นมาไม่ใช่ตัดทั้งหมด

ชุดเจ้าสาวที่คุ้มค่าคือ?

ชุดที่ตอบโจทย์และเติมเต็มความสุขของเจ้าสาว เรื่องที่อยากแนะนําคือการคิดถึงเรื่องความคุ้มค่า อย่ามองแค่ต่ัวเงิน แต่ให้มองในแง่ที่ชุดเจ้าสาวจะอยู่กับเราไปตลอดชีวิตทั้งในภาพถ่าย (ทั้งของตัวเอง และของเพื่อน) และความทรงจํา อย่าเลือกอะไรที่จะต้องมานั่งเสียดายทีหลังว่า “รู้อย่างนี้น่าจะเลือกชุดนั้น” เช่น เจอชุดที่ใช่แต่เกินงบมาประมาณ 20,000 บาท ถ้าชั่งใจแล้วว่าไม่เหลือบ่ากว่าแรง จากวันที่ลองจนถึงวันงานก็อีกหลายเดือน อาจงดมื้อหรู แล้วหยอดกระปุกเดือนละ 2,000 กว่าบาท ก็จะมาเติมตรงนี้ได้โดยไม่กระทบงบโดยรวมแล้ว

ชุดแต่งงานแบบ 2 in 1

ชุดสไตล์ 2 in 1 เหมาะกับว่าที่เจ้าสาวที่เกิดอาการรักพี่เสียดายน้อง แบบนี้ก็อยากได้ แบบนั้นก็อยากโดน ก็อาจจะนําเอาสิ่งที่อยากได้ต่างๆ มามัดรวมกันไปซะเลย คือแทนที่จะตัด 2-3 ชุดสําหรับงานเช้า งานเย็น อาฟเตอร์ปาร์ตี้ ก็ตัดเพียงชุดเดียวแล้วปรับเปลี่ยนลูกเล่นเพื่อให้ใช้ได้กับทุกพิธี แถมชุดสไตล์นี้ยังเหมาะกับเจ้าสาวที่มีเวลาเปลี่ยนชุดน้อย เช่น หมั้นเช้าแล้วต่อด้วย กินเลี้ยงตอนเที่ยง ซึ่งบางคนอาจมีเวลาแค่ 5-10 นาทีเท่านั้น หรือพิธีฉลองตอนเย็นแล้วต่อด้วยอาฟเตอร์ปาร์ตี้ที่มีเวลาให้มันได้เต็มที่แค่ 1-2 ชั่วโมง (เพราะอย่าลืมว่า สถานที่จํากัดเวลาในการใช้พื้นที่นะจ๊ะ) เจ้าสาวบางคนจึงอยากร่นระยะเวลาการแต่งตัวเพื่อมาสนุกกับเพื่อนๆ ได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นชุดที่ดีไซน์มาให้สวมใส่ง่าย หรือชุดที่ออกแบบให้มีแค่การสวมเพิ่มหรือถอดบางชิ้นออกเพื่อเปลี่ยนเป็นอีกลุคได้ในเวลาอันรวดเร็วจึงตอบโจทย์สําหรับเจ้าสาวมากที่สุดอีกด้วย

เรียกว่าตอบโจทย์ทั้งความสวยงาม ความสร้างสรรค์ และความคุ้มค่าได้อย่างครบครันจริงๆ แล้วอย่าลืม เลือกชุดแต่งงานในฝันให้เข้ากับรูปร่าง กันด้วยน้า

เจ้าพิธี คือใคร? มีบทบาทในงานแต่งไทยอย่างไร? มาดูกัน

เจ้าพิธี เหมือนหรือต่างกับพิธีกรไหม? มาหาคำตอบไปพร้อมกัน

อีกหนึ่งบุคคลที่หลายงานแต่งไทยมักจะใช้บริการก็คือ เจ้าพิธี ซึ่งคำนี้อาจจะไม่เป็นที่คุ้นหูของบ่าวสาวยุคใหม่มากนัก แพรว wedding เลยจะขอพาว่าที่บ่าวสาวไปทำความรู้จักกับ เจ้าพิธี ว่าหน้าที่คืออะไร แล้วต้องทำอะไรในงานแต่งบ้าง

เจ้าพิธีคือใคร

“เจ้าพิธี” คือคนนำบ่าว – สาวทำพิธีในงานแต่งงาน ซึ่งทำหน้าที่ไม่ต่างอะไรกับพิธีกรในงาน แต่ต้องมีคุณสมบัติที่มากกว่าแค่การพูดคุยสร้างบรรยากาศหรือแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า นั่นคือต้องรู้ทุกรายละเอียดในประเพณีแต่งงานตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ว่าจะเป็นควรมีหรือไม่ควรมีอะไรบ้างในงานแต่ง รวมไปถึงเข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในสิ่งของเครื่องใช้และลำดับพิธีทุกขั้นตอน

คุณสมบัติพิเศษที่พึงมี

นอกจากคุณสมบัติข้างต้นที่กล่าวไปแล้ว เจ้าพิธีที่ดีต้องสามารถบอกความสำคัญของงานเพื่อความภาคภูมิใจของเจ้าภาพและผู้ร่วมพิธีได้ รวมถึงสามารถตอบข้อสงสัยในรายละเอียดของสิ่งของและพิธีการได้อย่างชัดเจน สิ่งสำคัญคือ ควรมีวาทศิลป์ในการพูดแนะนำสิ่งต่างๆ ให้เจ้าภาพหมดกังวล รวมถึงมีความสามารถในการคุมบรรยากาศงานให้ราบรื่น เพื่อความเป็นมงคล และก่อให้เกิดความรู้สึกศักดิ์สิทธิ์อันจะมีผลต่อความรู้สึกของบ่าว – สาวนั่นเอง นอกจากนี้ เจ้าพิธีที่ดีควรมีส่วนร่วมในการกำหนดลำดับพิธีร่วมกับเจ้าภาพด้วยโดยยังคงอยู่บนพื้นฐานความถูกต้องของประเพณีที่ปฏิบัติสืบต่อกันมา

ใครเป็นเจ้าพิธีได้บ้าง

ปัจจุบันมีอาชีพรับจ้างเป็นเจ้าพิธีโดยเฉพาะ สนนราคาตลาดตั้งแต่หลักพันถึงหลักหมื่น อยู่ที่ประสบการณ์และชื่อเสียงของเจ้าพิธีท่านนั้นๆ รวมถึงลักษณะการจ้างงานด้วย เพราะบางคู่จะจ้างเจ้าพิธีเพื่อทำหน้าที่นำพิธีให้บ่าว – สาวทำตามเพียงอย่างเดียว ในขณะที่บางคู่ก็เลือกจ้างเจ้าพิธีที่สามารถเป็นพิธีกรได้ในคนเดียวกัน ส่วนญาติพี่น้องเพื่อนฝูง คนรู้จักก็สามารถมาเป็นเจ้าพิธีได้เช่นกันแต่ควรมีคุณสมบัติดังกล่าวไว้จะดีที่สุด

จำเป็นต้องมีเจ้าพิธีหรือไม่           

ถ้าอยากให้งานเป๊ะถูกต้องทุกสิ่งอย่างและดำเนินพิธีไปอย่างมั่นใจ เจ้าพิธีคือสิ่งที่ควรลงทุน เพราะจะทำให้งานสมบูรณ์ไหลลื่นและเรียบร้อยยิ่งถ้าได้เจ้าพิธีที่มีสามารถจะยิ่งทำให้งานแต่งของคุณเป็นไปตามที่ต้องการและนำมาซึ่งความเป็นสิริมงคลแก่บ่าวสาวอย่างแน่นอน

มาถึงจุดนี้บ่าวสาวคงได้คำตอบแล้วว่างานแต่งแบบไทยควรมี “เจ้าพิธี” หรือไม่และควรเลือกคนแบบไหนมานำพิธีอันศักดิ์สิทธิ์เพื่อความเป็นสิริมงคลของชีวิตคู่ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น

อ่านเพิ่มเติม ลำดับพิธีสงฆ์ในงานแต่งแบบไทยจัดมาให้แบบเป๊ะทุกขั้นตอน

ขอบคุณข้อมูลจาก “ร้อยโท วิชัย เมืองนก” เจ้าพิธีมืออาชีพ

เคล็ดลับเพิ่มเสน่ห์ให้การ์ดงานแต่งไทย เลือกยังไงไม่ให้เชย

การ์ดงานแต่งไทย ไม่จำเป็นต้องเชยเสมอไปนะ

การ์ดงานแต่ง ถือเป็นสิ่งแรกที่แขกจะได้เห็นกัน นอกจากหน้าที่หลักในการบอกให้ทราบว่าเป็นงานแต่งของใคร วันเวลาอะไร และสถานที่ไหนแล้ว ยังสามารถบอกถึงธีมงานได้อีกด้วยนะคะ แล้วถ้าหากเป็นงานแต่งไทยล่ะ จะใส่ไอเดียลงใน การ์ดงานแต่งไทย อย่างไรให้แขกเห็นปุ๊บแล้วรู้ปั๊บ เรามีเทคนิคมาฝากกันค่ะ

ลวดลายไทย

www.chanidapacardตกแต่งการ์ดเชิญด้วยลวดลายไทย รับรองว่าความอ่อนช้อยงดงามของศิลปะไทยจะทำให้การ์ดเชิญสวยโดดเด่นอย่างมีเอกลักษณ์ และเข้ากับธีมงานแต่งไทยได้เป็นอย่างดี

สัญลักษณ์สื่อถึงความเป็นไทย

2ใส่กิมมิกให้การ์ดงานแต่งไทยด้วยสัญลักษณ์ที่สื่อถึงความเป็นไทย ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้ไทยๆ เช่น ดอกบัว ดอกรัก ดอกมะลิ ดอกจำปี หรือสัตว์ เช่น ช้าง นกยูง สัตว์ในวรรณคดี

ตัวอักษรไทย

IMG_5308การ์ดก็ต้องใช้ตัวอักษรไทยสิคะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับโลโก้ชื่อย่อบ่าวสาวที่เราขอแนะนำเลยว่าให้ใช้อักษรไทย เพราะจะช่วยบอกให้แขกเหรื่อทราบว่าเป็นงานแต่งไทยได้เป็นอย่างดีเลยล่ะค่ะ

สีสันแบบไทย

Kevin-Yenเลือกใช้สีสันที่ให้อารมณ์ความรู้สึกแบบไทยๆ อย่างสีทอง โดยอาจใช้เป็นสีของตัวการ์ดหรือสีของตัวอักษรก็ได้ บอกเลยว่านอกจากจะดูเป็นการ์ดงานแต่งไทยแล้วยังดูโก้หรูอีกด้วยนะคะ

กลิ่นหอมสไตล์ไทย

ของชำร่วยการ์ดเชิญส่วนใหญ่นิยมทำให้มีกลิ่นหอม ดังนั้นอาจเติมเสน่ห์ง่ายๆ ด้วยการเลือกใช้กลิ่นหอมแบบไทยๆ เช่น กลิ่นดอกมะลิ  กลิ่นดอกจำปี กลิ่นน้ำอบไทย เป็นต้น

เลือกการ์ดสไตล์ไทยได้แล้ว ก็มาเลือกเพลงไทยเพื่อเพิ่มบรรยากาศกันต่อเลย >>> ลิสต์เพลงไทยไพเราะจับใจช่วยสร้างบรรยากาศได้ในงานแต่ง

ขอบคุณภาพจาก : etsy.com, redmarigold.com, bollywoodShaadis.com, chanidapacard.com, Kevin Yen, www.expertise.com

เลือกแคทเทอริ่งงานแต่งอย่างไรให้ “ใช่” สำหรับงานคุณ

หากว่าที่บ่าวสาวกำลังจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าจะจัดเลี้ยงงานแต่งอย่างไร วันนี้ แพรว wedding มาพร้อมกับคำแนะนำดีๆ ที่จะช่วยเสกสรรให้งานแต่งของบ่าวสาวเพอร์เฟกต์ได้อีก อย่ารอช้ารีบไปดูเคล็ดลับการเลือก แคทเทอริ่งงานแต่ง กันเลย

 

รูปแบบการจัดเลี้ยง

ในการจัดแคทเทอริ่งนั้นปัญหาอันดับแรกคือ คู่บ่าวสาวไม่รู้ความต้องการของตัวเองว่าต้องการเลี้ยงอาหารและเครื่องดื่มแบบไหน รวมทั้งไม่รู้ว่าแขกที่จะมาร่วมงานชอบรับประทานอะไร ดังนั้นอันดับแรกจึงต้องเลือกก่อนว่าจะจัดเลี้ยงแบบใด  ซึ่งในงานแต่งงานมี การจัดเลี้ยงประมาณ 5 แบบคือ ค็อกเทล ซิตดาวน์ดินเนอร์ บุฟเฟต์ โต๊ะจีน และฟู้ดสเตชั่น (Food Station)

จำนวนแขก

เมื่อบ่าวสาวเลือกสไตล์การจัดเลี้ยงได้แล้ว สิ่งที่ต้องคำนึงถึงอันดับต่อมาคือ จำนวนแขก คู่บ่าวสาวควรทราบจำนวนแขกที่ค่อนข้างแน่นอน เพื่อจะได้จัดเตรียมปริมาณอาหารและเครื่องดื่มให้เพียงพอ อีกหนึ่งเคล็ดลับของการเตรียมงานในส่วนนี้คือ ให้บ่าวสาวถือคติที่ว่าเหลือดีกว่าขาด เพราะอย่าลืมว่าแขกที่คุณเชิญมาอาจมีผู้ติดตามเพิ่มเติมมาด้วยก็ได้ (แถมบางคนอาจจะพ่วงมาถึง 2)

วัยของแขก

เรื่องต่อมาที่ควรคำนึงถึงคือ วัยของแขก หากแขกที่มาร่วมงานส่วนใหญ่มีอายุประมาณ 25-35 ปี สิ่งที่ควรเตรียมเผื่อไว้คือ ของหวานและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลากชนิดเพื่อรองรับแขกกลุ่มนี้ที่ชอบปาร์ตี้สังสรรค์ หรือหากแขกที่เชิญมาส่วนใหญ่เป็นผู้ใหญ่ คุณอาจไม่จำเป็นต้องเตรียมของหวานมากนัก เป็นต้น

ความชื่นชอบส่วนใหญ่

เรื่องต่อมาคือ ความชอบ คู่บ่าวสาวควรจัดเตรียมอาหารที่เป็นที่นิยมในปริมาณมากกว่าอาหารชนิดอื่นๆ เพื่อใหแขกที่มาถึงทีหลังได้รับประทานด้วย เช่น ซุ้มอาหารญี่ปุ่นที่มักจะหมดเป็นซุ้มแรกๆ ในงาน หรือซุ้มของหวานแบบฝรั่งอย่างฟองดูที่ได้รับความนิยมสูง เป็นต้น

จำนวนผู้ให้บริการ

เรื่องสุดท้ายที่คู่บ่าวสาวหลายคู่อาจไม่ได้ให้ความสำคัญคือ จำนวนผู้ให้บริการ หากมีแขกมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก คู่บ่าวสาวต้องอย่าลืมดูว่าจำนวนผู้ให้บริการอย่างพนักงานเสิร์ฟหรือพนักงานตักอาหารสอดคล้องกับจำนวนแขกที่มาร่วมงานหรือไม่

“ฟู้ดสเตชั่น” สไตล์แคทเทอริ่งที่น่าลอง

สำหรับการจัดแคทเทอริ่งที่มีหลากหลายรูปแบบ ฟู้ดสเตชั่น นับเป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมสูงสุด ซึ่งจุดเด่นของการจัดเลี้ยงแบบฟู้ดสเตชั่น หรืองานที่มีฟู้ดสเตชั่นประกอบคือ แขกได้รับประทานอาหารแบบร้อนๆ หลังปรุงเสร็จทันที และไม่ค่อยเกิดปัญหาอาหารเหลือทิ้งเมื่อเปรียบเทียบกับการจัดแคทเทอริ่งแบบอื่นๆ เช่น ค็อกเทล หรือบุฟเฟต์ เป็นต้น

บทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลือกแคทเทอริ่ง >>> บ่าวสาวต้องใส่ใจสั่ง แคทเทอริ่ง อย่างไรให้โดนใจแขกร่วมงาน!

ภาพ unsplash.com, pinterest

ไอเดียตกแต่งงาน ด้วยการจับเดรปผ้างานดีมีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใครชัวร์!!

การจับเดรปผ้า งานฝีมือสุดปราณีต ไอเดียตกแต่งงาน ที่แบบนี้มีงานคุณแค่งานเดียวเท่านั้น

งานผ้า แม้ไม่ใช่ดาวเด่นของงานแต่ง แต่การตกแต่งด้วยผ้าก็สามารถช่วยให้งานของคุณดูหรูอลังการเวอร์วังอย่างลงตัว ตามมาดูคำแนะนำดีๆ ที่แพรว wedding นำมาฝากว่าที่บ่าวสาวกันกับ ไอเดียตกแต่งงาน สุดเริดที่จะช่วยสร้างเอกลักษณ์ให้กับงานแต่งของคุณไม่ซ้ำใครแน่นอน

งานจับเดรปผ้ากับงานแต่ง

สมัยก่อนงานผ้ามักใช้ตกแต่งตามงานรื่นเริงหรืองานประเพณีต่างๆ ทำให้คนทั่วไปคิดว่างานผ้าไม่สวยและล้าสมัย แต่งานผ้าก็มีจุดเด่นที่การตกแต่งด้วยวัสดุอื่นทำไม่ได้นั่นก็คือ สามารถสร้างความนุ่มนวลจากความพลิ้วไหวของจีบและเนื้อผ้า รวมทั้งทำให้งานดูมีระดับขึ้นได้ เพียงแต่ต้องรู้จักดีไซน์ให้ดูหรูหราและเข้ากับงาน

ไอเดียตกแต่งงาน

ผ้าแบบไหนใช่สำหรับงานคุณ

ผ้าเนื้อนิ่ม : ให้อารมณ์นุ่มนวล อ่อนหวาน เมื่อนำมาจับเดรปจะดูละเมียดละไมอ่อนช้อยยิ่งขึ้น

ผ้าเนื้อแข็ง : ด้วยเท็กซ์เจอร์ที่ค่อนข้างแข็ง จะช่วยให้งานของคุณดูมีน้ำหนัก และดูเต็ม

ผ้ากำมะหยี่ : เท็กซ์เจอร์ที่มันวาวของผ้ากำมะหยี่จะทำให้งานดูหรูหราขึ้น

ข้อดีของงานผ้าในงานแต่งที่คุณอาจไม่รู้

งานที่ตกแต่งด้วยดอกไม้เป็นหลัก เมื่อเสริมด้วยงานผ้าจะทำให้สถานที่โดยรวมดูเต็มไม่โหรงเหรง จึงดูอลังการและสวยงามมากขึ้น เช่น ในห้องจัดเลี้ยงที่มีขนาดใหญ่มาก หากใช้ดอกไม้สดอย่างเดียวอาจดูไม่ตระการตา ก็ต้องใช้งานเดรปผ้าเสริมเข้าไป หรือใช้งานผ้าซ้อนกันเป็นชั้นๆ ตกแต่งเพิ่มเติมเพื่อให้งานดูมีมิติขึ้น เป็นต้น

สำหรับคู่บ่าวสาวที่มีงบจำกัดก็สามารถเป็นเจ้าของงานแต่งที่ดูสวยหรูได้โดยเติมงานผ้าเข้าไป ริ้วลาย และการจับจีบผ้าจะช่วยให้งานของคุณดูงดงามอ่อนช้อย อีกทั้งยังทำให้งานดูหรูโดยไม่จำเป็นต้องทุ่มงบไปกับดอกไม้สดจำนวนมาก เช่น ใช้อุโมงค์ผ้าตกแต่งบริเวณทางเข้างานแทนการใช้ดอกไม้ ใช้ผ้าตกแต่งบริเวณแบ็กดร็อปและเวทีโดยไม่จำเป็นต้องใช้ดอกไม้ หรือใช้เพียงเล็กน้อย เป็นต้น

อีกหนึ่งจุดเด่นของการเดรปผ้าในงานแต่งคือ เป็นการสร้างสรรค์ที่เกิดขึ้นเฉพาะงาน ทำให้งานของคุณไม่เหมือนใคร นักจับเดรปผ้าต้องดูภาพรวมหน้างานในวันจริงและออกแบบทันที อีกทั้งหากมีการเปลี่ยนแปลงด้านการตกแต่งใดๆ ที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า จะต้องดีไซน์ให้งานผ้าออกมาสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงนั้นด้วย

นักจับเดรปผ้าต้องสามารถดัดแปลงงานผ้าให้เข้ากับงานแต่งงานได้ทุกธีม และนำมาตกแต่งได้แทบทุกบริเวณของงาน ไม่ว่าจะเป็น แบ็กดร็อป ทางเดินเข้างาน เวที และมุมดิสเพลย์ต่างๆ เพียงแค่เลือกสีและชนิดของผ้า ดีไซน์ รูปแบบ และจับจีบผ้าให้เข้ากับธีมงาน ก็สามารถทำให้คู่บ่าวสาวเป็นเจ้าของงานแต่งที่สวยงามได้ไม่ว่าจะมีงบประมาณมากหรือน้อยก็ตาม

ไอเดียตกแต่งงานแต่งเพิ่มเติม >>> รวม 11 ไอเดียตกแต่งงานแต่ง ตั้งแต่พื้นจรดเพดาน

ภาพ tanisjevents.com, pinterest

มาดูการเตรียมตัวเพื่อ ความงามเจ้าสาว โค้งสุดท้าย! 1 เดือนก่อนแต่งงาน

ว่าด้วย ความงามเจ้าสาว ในโค้งสุดท้าย 1 เดือนก่อนแต่งงาน ต้องเตรียมตัวยังไงบ้างให้สวยปังไม่มีหลุด!

และแล้วก็ใกล้วันสำคัญเข้าไปทุกทีแล้วสินะ! โค้งสุดท้าย 1 เดือนก่อนวันงานของเรานี่แหละสำคัญมาก! ว่าที่เจ้าสาวควรเช็คลิสต์การเตรียมตัวเพื่อ ความงามเจ้าสาว ให้ดีแบบไม่มีหลุด ส่วนว่าที่เจ้าสาวคนไหนที่ยังไม่ได้ใกล้วันสำคัญขนาดนั้น เรามี ลิสต์การเตรียมตัวช่วง 1 ปี – 6 เดือน และ 5 เดือน – 2 เดือน มาให้อ่านด้วยนะ จะได้เช็คตัวเองได้ครบถ้วนไม่มีหลุด ถ้าทำอะไรช้าไปหรือเร็วไปละก็ นอกจากจะเสียเงินฟรีอาจจะไม่ทันการเอา มาดูกันดีกว่าโค้งสุดท้ายก่อนแต่งงาน มีอะไรที่ว่าที่เจ้าสาวต้องเตรียมการบ้าง!

ความงามเจ้าสาว

1. นัดพบทันตแพทย์เพื่อขูกหินปูนและฟอกฟันขาว ในกรณีที่สุขภาพฟันของคุณไม่ได้มีอะไรต้องรักษาเป็นพิเศษ ช่วงเวลาหนึ่งเดือนก่อนแต่งงานคุณสามารถเข้าไปพบทันตแพทย์เพื่อขูดหินปูนและฟอกฟันขาว โดยการฟอกฟันขาวทำได้ทั้งแบบที่ซื้อเซทฟอกฟันขาวจากคลินิกไปทำเองที่บ้าน (ซึ่งราคาถูกกว่า) วิธีนี้จะใช้เวลามากกว่าการฟอกฟันขาวที่คลินิกเลย บางคนทำเพียงแค่ 2 อาทิตย์ติดต่อกันฟันก็ขาวเป็นที่พอใจแล้ว แต่ทางที่ดีเผื่อเวลาไว้ประมาณ 1 เดือนดีกว่า เช่นกันสำหรับการฟอกฟันขาวที่คลินิก ไม่ควรฟอกใกล้กับวันแต่งงานมากเกินไปเพราะสีฟันจะยังไม่เข้าที่ แถมอาจจะทำให้เกิดอาการเสียวฟันในวันสำคัญได้ด้วยค่ะ

ความงามเจ้าสาว

2. สองอาทิตย์ก่อนแต่งงาน ย้อมสีผม สำหรับใครที่ทำสีผมและอาจจะไม่ได้ทำอย่างต่อเนื่องจนสีผมงอกใหม่กลายเป็นคนละสีกับสีผมที่ทำมา เวลานี้เป็นเวลาที่สมควรที่คุณจะเดินเข้าซาลอนเพื่อให้ช่างย้อมสีผมให้เท่ากันทั้งศีรษะ เราแนะนำว่าเลือกโทนสีสุภาพอย่างน้ำตาลมะฮอกกานี น้ำตาลช็อคโกแลต หรือน้ำตาลเข้มอมทอง ไว้ก่อนดีกว่า เป็นโทนสีที่ทำแล้วรอดทุกสีผิวค่ะ เชื่อเรา

3. ประมาณสามวันก่อนวันงาน กำจัดขน ในทีนี้ไม่ได้หมายถึงเลเซอร์ขนตามคลินิกนะคะ แต่ในกรณีที่คุณต้องการกำจัดขนด้วยตัวเองโดยการใช้ครีมกำจัดขนหรือแว็กซ์ชนิดทำเองที่บ้าน สามารถทำได้ในช่วงเวลาประมาณนี้ แต่ทั้งนี้ต้องแน่ใจว่าเราไม่แพ้ครีมกำจัดขนหรือแว็กซ์ยี่ห้อที่จะใช้นะคะ (เราแนะนำให้ซื้อมาทดลองตั้งแต่ก่อนแต่งงานเนิ่นๆ) อ่อกำจัดเฉพาะขนแขนหรือขนขา (ในกรณีใส่เดรสสั้นโชว์เรียวขา) ไม่แนะนำให้กำจัดขนหน้าและแว็กซ์คิ้วนะคะ! เพราะในวันแต่งงานจริงช่างแต่งหน้าจะจัดการให้เราอยู่แล้ว และการแว็กซ์คิ้วเองอาจจะทำให้ไม่ได้รูปทรงสวยงามเหมือนช่างทำ ซึ่งมีผลต่อการแต่งหน้าได้ค่ะ

ความงามเจ้าสาว

4. หนึ่งวันก่อนวันแต่งงาน ไปทำเล็บ อย่าลืมโทรนัดซาลอนทำเล็บของคุณแต่เนิ่นๆ ป้องกันการฉุกละหุกหากทางร้านไม่มีคิว เราจะลงเอยด้วยการวิ่งหาร้านในนาทีสุดท้ายกันให้วุ่นค่ะ (รวมทั้งอาจจะไม่ได้ร้านที่ถูกใจด้วย) อย่าลืมหาแบบสีเล็บที่เราชอบ เป็นเรฟเฟอร์เร้นต์ให้ช่างทำเล็บดูละคะ หากไม่แน่ใจก็ให้ลองสีที่ชอบจนกว่าจะได้สีที่ถูกใจ บอกช่างไปตรงๆ ว่าทำเล็บแต่งงานค่ะ รับรองว่าช่างทำเล็บร้อยทั้งร้อยจะทุ่มสุดฝีมือให้คุณเลยล่ะ

5. คืนก่อนวันแต่งงาน สระผมโดยไม่ต้องลงครีมนวดผม เพื่อไม่ให้ผมลื่นเกินไปจนเกล้าไม่อยู่ อย่าลืมมาส์กหน้าด้วยมาส์กชิ้นเด็ดที่เราชอบ สครัปผิวปากและมาส์กปากด้วยลิปบาล์มชิ้นโปรดของเรา (แนะนำสูตรสครับผิวปากแบบบ้านๆ ใช้น้ำมะนาว 2-3  หยด และไวน์ขาว 2-3 หยด ผสมน้ำตาลทรายแดงเนื้อละเอียด 1 ช้อนชา ผสมกันให้เหนียวแล้วสครับปากได้เลย!) ทาแฮนด์ครีมให้ผิวมือชุ่มชื่น ทำใจให้สบาย ปล่อยวางทุกสิ่ง แล้วเข้านอนแต่หัวค่ำ เตรียมพร้อมสำหรับวันสำคัญของเราวันรุ่งขึ้นค่ะ

สุดท้ายแล้ว หวังว่าซีรี่ส์การเตรียมตัวเจ้าสาวตั้งแต่  1 ปี จนถึงคืนก่อนวันแต่งงานของเรา จะช่วยให้เหล่าว่าที่เจ้าสาว สวยออร่า และแฮ้ปปี้ที่สุดในวันสำคัญของคุณนะคะ

credit story: brides.com

10 เรื่องที่ว่าที่เจ้าสาวต้องถามก่อนฟันธงเลือกชุดแต่งงาน

ชุดแต่งงาน มีแค่ชุดเดียวก็ต้องรอบคอบด้วยเช็กลิสต์ชุดคำถามนี้ที่ต้องพกไปร้านชุด

เพราะแพรว wedding รู้ว่าบ่าวสาวหลายคู่มักเผชิญสถานการณ์ “ไม่รู้ว่าต้องถามอะไรบ้าง” เมื่อนั่งอยู่ต่อหน้าดีไซเนอร์หรือร้านชุดแต่งงาน เราเลยประมวล 10 คำถามเด็ดที่ขอบอกเลยว่าต้องเคลียร์ให้ชัดก่อนตัดสินใจเลือก ชุดแต่งงาน ไม่ว่าจะใช้ชุดจากเวดดิ้งสตูดิโอหรือร้านชุดเจ้าสาวแบรนด์ดัง บ่าวสาวผู้รอบคอบก็ควรเช็กเรื่องพวกนี้เอาไว้นะ

1. มีตัวอย่างงานให้ดูไหม

นอกจากทำให้ได้เห็นประสบการณ์การทำงานของดีไซเนอร์หรือร้านชุดแต่งงานแล้ว ยังได้เห็นว่าสไตล์งานที่ผ่านมาเป็นแบบไหน ตรงใจหรือใกล้เคียงกับสิ่งที่คุณต้องการหรือเปล่า แม้ทางนั้นจะบอกว่าสามารถสร้างสรรค์ผลงานได้ทุกแบบตามต้องการ แต่เชื่อเถอะว่าในเบื้องต้นผลงานที่ผ่านมาจะบอกได้ดีว่าดีไซเนอร์หรือร้านชุดแต่งงานเจ้านั้นเหมาะกับงานของคุณหรือเปล่า เช่น หากบ่าวสาวอยากได้งานปักลูกไม้แบบพิเศษ ก็อาจจะขอดูจากชุดจริง แทนที่จะดูแค่จากในภาพ เป็นต้น

2. แพ็คเกจที่นำเสนอมีอะไรบ้าง

การซื้องานแบบแพ็คเกจช่วยประหยัดทั้งเวลาและเงินได้ก็จริง แต่บ่าวสาวควรศึกษาในรายละเอียดให้ถี่ถ้วนว่า สิ่งที่รวมอยู่ในแพ็คเกจตรงตามความต้องการของคุณจริงหรือไม่ เพราะแน่นอนว่า คนคิดแพ็คเกจย่อมใช้เทคนิคตัดนี่นิด เพิ่มนี่หน่อย ถ้าพิจารณาไม่รอบคอบ บ่าวสาวอาจต้องจ่ายเงินก้อนโตเพื่อแพ็คเกจที่ไม่เป็นประโยชน์ แถมยังต้องซื้อบริการเพิ่มโดยไม่จำเป็นอีกด้วย

3. หลักเกณฑ์การเงินเป็นอย่างไร

เริ่มตั้งแต่ราคาทั้งหมดอยู่ที่เท่าไหร่ จ่ายทั้งหมดกี่งวด ต้องมีการวางมัดจำก่อนหรือไม่ กี่เปอร์เซ็นต์ งวดแรก งวดสุดท้ายจ่ายเมื่อไหร่ ทั้งนี้เพื่อความสะดวกในการจัดสรรงบประมาณและตรวจเช็กความคืบหน้าของงานไปพร้อมๆ กัน

4. หากเกิดการละเมิดสัญญาจะรับผิดชอบอย่างไร

ทั้งในกรณีที่จู่ๆ ก็ยกเลิกกะทันหัน งานไม่เสร็จ ผลงานที่ออกมาไม่ตรงตามที่ตกลง จะมีการดูแลความเสียหายและรับผิดชอบอย่างไรบ้าง (ในที่นี้ควรศึกษาสัญญากฎหมายการละเมิดสัญญาว่าจ้างไว้เป็นพื้นฐานด้วยยิ่งดี) เช่น ตกลงว่าจะส่งมอบชุดในวันนี้ แต่ไม่ตรงตามที่นัดกันไว้ เป็นต้น

5. ลองชุดได้ไหม

คำถามแบบนี้แทบจะต้องถามเป็นลำดับแรกๆ เพราะการได้ลองชุดจะทำให้คุณเห็นภาพจริง และนำไปประกอบการตัดสินใจเลือกรูปแบบชุดที่เหมาะกับคุณ ร้านไหนไม่ให้ลองหรือต้องเซ็นสัญญาก่อนจึงลองได้ หรือต้องมีการจ่ายเงินหรือไม่ก่อนที่จะได้ลองชุดแต่งงาน และได้ลองทั้งหมดกี่ชุด

6. หลังเซ็นสัญญากี่เดือนจึงจะได้เห็นชุดจริง รวมถึงจะได้ลองชุดทั้งหมดกี่ครั้ง และแก้ไขได้ถึงเมื่อไหร่

7. ได้เลือกและเห็นตัวอย่างผ้าก่อนหรือไม่ ในกรณีที่เจ้าสาวสั่งตัดชุดใหม่แบบ made-to-order

8. ในกรณีที่ชุดเช่าหรือเช่าตัดเสียหาย บ่าวสาวต้องเสียค่าปรับเท่าไหร่ ข้อนี้ควรระบุเอาไว้ให้ชัดเจนในสัญญาด้วยนะคะ เพราะแค่สัญญาปากเปล่านั้นไม่ดีแน่นอน

9. มีคนไปช่วยแต่งตัวให้บ่าวสาวในวันงานหรือไม่ ถ้าไม่มีจะมีอุปกรณ์ฉุกเฉินให้หรือเปล่า

10. รับและคืนชุดเมื่อไหร่ รวมถึงหากเป็นชุดเช่าจะมีการซักแห้งทำความสะอาดชุดให้ก่อนไหม

เลือกชุดที่เหมาะกับตัวเอง ก็อย่าลืมเลือกทรงผมให้เหมาะกับชุดด้วยนะ >>> แมตช์ทรงผมให้เข้ากับชุดแต่งงาน ทริคความงามที่เจ้าสาวต้องรู้

ภาพ StockSnap.io, Pinterest

เคล็ดลับการเลือก เล็บเจ้าสาว โทนสีนู้ดสำหรับผิวทุกเฉดสีมาแล้วจ้า

จะผิวขาว ผิวสีน้ำผึ้ง หรือผิวอมเหลือง อมชมพู ทา เล็บเจ้าสาว สีนู้ด โทนไหนดีถึงจะส่งให้ผิวมือดูละมุนนีเลอค่า ไม่ต้องหาที่อื่นไกล เรารวมคำตอบมาให้แล้ว

เพราะไม่ว่ากี่ยุคผ่านไป เทรนด์ เล็บเจ้าสาว สไตล์นู้ดเรียบหรูก็ยังไม่หายไปไหน แต่เรื่องยากสำหรับการทาเล็บสันู้ดของเจ้าสาว (อันที่จริงก็ของผู้หญิงทุกคนแหละ) คือการเลือกเฉดสียังไงจากเป็นร้อยเป็นพันเฉดให้เหมาะกับสีผิวของเรา เลือกไม่ดี นอกจากจะดูเฟคแล้วมือยังดูกระดำกระด่างยังไงชอบกล ไม่ต้องห่วงค่ะ แพรว เวดดิ้ง หาคำตอบมาให้แล้วว่า สีผิวแบบเรา ต้องเลือกเล็บเจ้าสาวเฉดสีนู้ดแบบไหนถึงจะเป๊ะปังเลอค่า ส่งให้มือดูแพงแถมแหวนเจ้าสาวดูวิ๊งวาวสุดๆ!เล็บเจ้าสาว

ผิวขาวอมชมพู (เส้นเลือดใต้ผิวออกสีน้ำเงินมากกว่าเขียว)

คิดว่าผิวขาวจะทาสีไหนก็ได้ใช่ไหมละ? ผิดค่ะ! เพราะสำหรับสาวผิวขาว ถ้าทาเล็บสีนู้โทนชมพูมากๆ จะยิ่งทำให้ผิวมือเราดูเฟคไม่เป็นธรรมชาติ สีที่เหมาะกับผิวของคุณคือสีนู้ดน้ำตาลอมเทา และพยายามเลือกสีทึบแสง (เนื้อสีไม่ใสมาก) จะช่วยให้ผิวมือของคุณโดดเด่นและสว่างขึ้นค่ะ

เล็บเจ้าสาว
Jin Soon Nail Polish สี Nostalgia

เล็บเจ้าสาว

4 ธีมสีกับ 1 สไตล์ ชุดเพื่อนเจ้าสาว ใส่ตอนไหนก็ได้รับรองไม่มีเอ้าท์

อยากสวยแบบไม่เอ้าท์ สาวๆ ต้องไม่พลาด 4 ธีมสี ชุดเพื่อนเจ้าสาว ต่อไปนี้

เมื่อใกล้ถึงวันวิวาห์ของเพื่อนสาวคนสนิท ดูเหมือนว่าสาวๆ อย่างเราดูจะตื่นเต้นมากกว่าเจ้าสาวไปซะอีก ยิ่งหากเป็นงานแรกของกลุ่มด้วยแล้ว บอกเลยว่าความตื่นเต้นนั้นคูณร้อยไปเลยค่า ไหนจะเลือกแบบ เรื่องสี ที่ต้องตัดสินใจจนหัวแทบแตก แพรว wedding เลยขอกระโดดมารักษาอาการนี้ กับ 3 ธีมสี และ 1 สไตล์ ชุดเพื่อนเจ้าสาว ที่เราหวังว่าจะช่วยให้แก๊งเพื่อนสาวของคุณตัดสินใจกันได้ง่ายขึ้น 

Sweet Plus

ชุดเพื่อนเจ้าสาว

เจ้าสาวส่วนใหญ่มักมีความฝันว่าอยากเป็นเจ้าหญิงสักครั้งในชีวิต ธีมงานหวานๆ แนวเจ้าหญิงมุ้งมิ้งที่ใช้สีชมพู ครีม และพีช จึงเป็นธีมสีสุดฮ็อตที่เพื่อนเจ้าสาวทั้งหลายต้องตระเวนหาชุดมาซัพพอร์ตความฝันของนาง แต่ถ้าไม่อยากหวานจนเลี่ยน อาจแทรกด้วยสีเขียวอ่อนๆ อย่างเขียวมิ้นต์ ก็ช่วยเบรกความหวานลงได้ แถมยังคงเป็นลุคอมตะนิรันดร์กาลที่ไม่มีวันหายไปจากความเป็นเวดดิ้งอีกด้วย

ไอเดียดอกไม้งานแต่ง ที่ไม่ต้องถมให้เต็มงานก็เพิ่มความงามได้

9 ไอเดียดอกไม้งานแต่ง ที่ไม่ต้องมีแบบตู้มต้ามก็งามได้

บ่าวสาวบางคู่อาจจะไม่ได้มีงบถึงขนาดจะถมดอกไม้ให้เต็มงานได้จริงไหมคะ แต่ครั้นทั้งงานจะไม่มีดอกไม้ให้เห็นเลยก็อาจจะทำให้งานดูเหี่ยวเฉาไปนิด แพรว wedding เลยนำ ไอเดียดอกไม้งานแต่ง ที่ไม่ต้องถมให้เต็มงานก็ช่วยสร้างความสดชื่นให้กับงานได้ ว่าแล้วก็ไปดูกันค่ะว่าทั้ง 9 ไอเดียนี้มีไอเดียไหนที่จะถูกใจคุณว่าที่บ่าวสาวกันบ้าง

ไอเดียดอกไม้งานแต่ง

ตกแต่งพิธีเช้าด้วยเครื่องแขวน เพื่อให้งานของคุณมีกลิ่นอายความเป็นไทยชัดเจนขึ้น เคล็ดลับในการรักษาดอกไม้ที่ค่อนข้างบอบบางและเหี่ยวง่ายให้ดูสดเสมอแม้อยู่ในสภาพอาการร้อนหรือเย็นจัดคือ การใช้ผ้าขาวบางชุบน้ำมาคลุมดอกไม้ก่อนนำมาจัดตกแต่ง

ลองแซมใบไม้เข้าไปกับการตกแต่งเพื่อให้บรรยากาศดูเป็นธรรมชาติและสมจริงขึ้น

หากต้องการกลิ่นอายเวสเทิร์นแท้ๆ คุณไม่จำเป็นต้องถมทั้งงานด้วยดอกไม้นำเข้า แค่นำดอกไม้ยุโรปจัดใส่แจกันแก้วสวยๆ ก็ดูเรียบหรูและคลาสสิคอย่างมีระดับแล้ว

ออกแบบบูโทเนียร์สำหรับแขกผู้ใหญ่ให้เข้ากับธีมงานจะช่วยเพิ่มความเป๊ะ เช่น บูโทเนียร์สีตามธีมห้อยอุบะดอกพุดสำหรับงานธีมไทย

คอร์สาจหรือดอกไม้ติดข้อมือสีสวยในธีมเดียวกันช่วยเพิ่มสีสันให้ทีมเพื่อนเจ้าสาว

จัดดอกไม้ห้อยลงมาจากด้านบนประหนึ่งแชนเดอเลียร์รับรองสวยหรูไม่ซ้ำใคร

ลองใช้เอเลเม้นต์อื่นๆ ร่วมกับงานดอกไม้ เช่น ริบบิ้น กระดาษ คริสตัล เพื่อเพิ่มความน่าสนใจ

ออกแบบบูเกต์เจ้าสาวและบูโทเนียร์ติดหน้าอกเจ้าบ่าวให้สอดคล้องกันเพื่อสร้างกิมมิกคู่รัก…รับรองหวานซะไม่มี

เลือกดอกไม้ที่จะใช้เป็นไฮไลต์มาประกอบในทุกจุด เช่น ทางเดินเข้างาน เวที หรือโต๊ะอาหารเพื่อสร้างความกลมกลืน

แต่ถ้าอยากตกแต่งงานด้วยดอกไม้แบบธีมสี ต้องตามไปส่อง >>> 24 ดอกไม้งานแต่ง กับ 4 ธีมสีที่ช่วยสร้างบรรยากาศงานให้มีเอกลักษณ์

ภาพ pinterest.com, unsplash.com, brides.com

บอกหมาก อีกหนึ่งประเพณีแบบไทยในพิธีแต่งงานที่ถูกลืม

บอกหมาก คืออะไร แล้วต้องบอกใคร? มาหาคำตอบไปพร้อมกัน

บอกหมาก ถ้ามีใครถามขึ้นมาว่าหมายถึงอะไร คนสมัยนี้คงทำหน้างงพร้อมส่ายหัวกันเป็นแถว เพราะไม่รู้ว่าคืออะไร แล้วเกี่ยวข้องกับพิธีแต่งงานตรงไหน เราจะย้อนความเล่าให้ฟัง

หากย้อนกลับไปเมื่อสมัยที่ปู่ย่าตายายของเรายังเป็นวัยรุ่น (นานไปมั้ย) ในตอนนั้นประเทศไทยยังยังไม่มีเครื่องพิมพ์การ์ดเชิญ และไม่ได้มีการคมนาคมที่สะดวกสบายเหมือนดั่งเช่นในปัจจุบัน ทำให้ต้องใช้วิธีการเดินทางไปเชื้อเชิญด้วยตัวเอง ซึ่งวิธีนี้เรียกว่า “การบอกหมาก”

เริ่มจากการเตรียมพานหมากพลูอันประกอบด้วยหมาก พลู และปูนแดง หรืออาจจะใส่ยาสูบหรือยาเส้นด้วยก็ได้ จัดไว้ในพานโดยการจีบหรือพันตามแนวยาวของใบ หรือจะห่อเป็นสามเหลี่ยมเล็กก็ดีเมื่อเตรียมของทุกอย่างเสร็จสับแล้วก็เดินทางไปเชิญแขกให้มาร่วมพิธี โดยนิยมเชิญจำนวนไม่มาก เพราะบอกได้เฉพาะผู้ที่อยู่ใกล้ๆ เฉพาะญาติสนิทมิตรสหายและบุคคลที่นับถือจริงๆและส่วนใหญ่แล้วผู้ที่เดินทางไปบอกจะเป็นพ่อแม่ หรือตัวแทนคู่บ่าวสาว

ปัจจุบันประเพณีบอกหมากนี้แทบไม่มีใครทำกันแล้ว อาจมีเหลือบ้างแถวชนบทที่ยังคงนับถือประเพณีนี้กันอยู่ เพื่อเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมของไทยให้คงอยู่ไปถึงชั่วลูกชั่วหลาน จะนำประเพณีนี้ไปบอกเล่าญาติสนิทมิตรสหาย จะได้ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการทำการ์ด แถมยังสามารถลดการใช้กระดาษด้วยอีกทางหนึ่งเลยนะคะ

อีกหนึ่งความเชื่อเกี่ยวกับงานแต่งงานของไทย >>> มงคลแฝดและพวงมาลัยแฝด ใน พิธีแต่งงานแบบไทย เสร็จงานแล้วห้ามทิ้ง!

เรียบเรียงข้อมูลจาก: kapook.com, wow88studio-organizer.com

จำเป็นไหมที่ต้องจ้าง เวดดิ้งแพลนเนอร์ ? คำถามคาใจของบ่าวสาวมือใหม่หลายคน

เวดดิ้งแพลนเนอร์ คือใคร? มีหน้าที่ทำอะไร? แล้วจำเป็นไหมที่ต้องจ้าง? สารพัดคำถามที่เราพร้อมตอบแล้ว

กลายเป็นคำถามแรกๆ ที่ผุดขึ้นมาในใจของว่าที่คู่แต่งงานในยุคนี้ ปัญหาสำคัญคือหลายคู่ไม่รู้ว่า เวดดิ้งแพลนเนอร์ ทำอะไรบ้าง แพรว wedding เลยขออาสามาไขความกระจ่างนี้ให้

รู้จักเวดดิ้งแพลนเนอร์

เรื่องแรกที่บ่าวสาวสับสนกันมากคือ “เวดดิ้งแพลนเนอร์” และ “เวดดิ้งออร์แกไนเซอร์” มีหน้าที่เหมือนหรือต่างกันอย่างไร คำตอบคือ ออร์แกไนเซอร์จะทำงานเฉพาะในวันงาน เหมือนเป็นแม่งานที่คอยตรวจดูความเรียบร้อยและควบคุมลำดับพิธีให้ดำเนินไปตามแผนงาน แต่แพลนเนอร์จะมีขอบเขตการทำงานที่กว้างกว่า มีหน้าที่วางแผนการทำงานทั้งหมดให้งานแต่งหนึ่งงานจบลงอย่างสมบูรณ์แบบตามที่บ่าวสาวต้องการ ไม่ใช่แค่เสนอแบบการตกแต่ง แต่เสนอทุกเรื่องที่เกี่ยวข้อง ไม่เว้นแม้แต่ชุดชั้นใน แต่จะมีข้อยกเว้นอยู่ 2 ข้อคือ ไม่เข้าไปยุ่งกับการดูแลทรัพย์สินมีค่า ไม่ว่าจะเป็น การหาคนมานั่งเฝ้ากล่องรับซอง หรือดูแลสินสอด รวมถึงการเชิญแขก

เวดดิ้งแพลนเนอร์

ส่งแบบล่าช้า ราคาเพิ่งมา จำใจยอมจ้าง

หลายคู่เจอกรณีนี้เพราะไม่ได้ตกลงกันให้ชัดเจนตั้งแต่แรก ว่าจะมีการส่งแบบให้ดูเมื่อไร รายละเอียดการทำงานเป็นอย่างไร สุดท้ายก็ต้องใช้งานเพราะหนีไปทางไหนไม่ทันแล้ว ทางออกคือควรชัดเจนตั้งแต่ตอนแรก ทั้งเรื่องรูปแบบงานและกระบวนการทำงาน มีเงื่อนไขอะไรแจงมาให้หมด เพราะแพลนเนอร์เองก็อยากได้ลูกค้า ส่วนบ่าวสาวก็ต้องการคนทำงานที่จริงใจ ฉะนั้นวินๆ คือบ่าวสาวต้องร้องขอรายละเอียดเหล่านั้นทันทีที่ตกลงว่าจ้างงาน อ่านรายละเอียดก่อนเซ็นสัญญา แล้วค่อยเดินตามแผนงานทั้งหมดที่วางร่วมกัน

วิธีคุยกับพ่อแม่ให้ยอมรับเวดดิ้งแพลนเนอร์

เนื่องจากคุณพ่อคุณแม่อยู่ในยุคที่ยังไม่มีอาชีพนี้เกิดขึ้น วิธีที่จะทำให้ท่านยอมรับคือ พาท่านมานั่งคุยกับแพลนเนอร์เพื่อให้เห็นภาพว่าการทำงานมีมากกว่าการตกแต่งและบ่าวสาวจะได้รับบริการมากกว่าให้โรงแรมจัดงานเพียงฝ่ายเดียว บางบ้านอาจคิดว่าให้ญาติพี่น้องเพื่อนสนิทช่วยก็ได้ แต่การที่ไม่ได้ใช้เงินจ้างจะกลายเป็นบุญคุณและใช้งานไหว้วานกันได้ไม่เต็มปาก จึงมีเปอร์เซ็นต์สูงที่จะทำให้งานไม่ไหลลื่น สิ่งเหล่านี้คือประเด็นสำคัญที่จะช่วยโน้มน้าวใจคุณพ่อคุณแม่ เพราะความสะดวกสบายและสิ่งที่เกิดขึ้นในงานเป็นการดูแลโดยมืออาชีพที่คุณพ่อคุณแม่และญาติๆ ไม่ต้องเหนื่อยเลย แค่แต่งตัวสวยๆ ยิ้มรับแขกก็พอ

ถ้าตัดสินใจจะจ้างเวดดิ้งแพลนเนอร์ ก็ต้องมาต่อกันที่ขั้นตอนนี้เลย >>> 3 สเต็ปพิชิตงานแต่งงานในฝันก่อนไปหาเวดดิ้งแพลนเนอร์

ภาพ krakow.wytworniaslubow.pl, eachotherweddingsandevents.com

ช่างภาพงานแต่ง เลือกยังไงให้เป๊ะไม่ให้พลาดสักช็อตในวันสำคัญ

ถ้าอยากได้ภาพถ่ายงานแต่งที่ดี ก็ต้องเลือก ช่างภาพงานแต่ง ให้ดีก่อนนะ

ภาพถ่าย คือเครื่องมือเก็บความทรงจำชั้นเลิศที่จะพาคุณกลับไปสู่ช่วงเวลาแห่งความประทับใจ ดังนั้น ช่างภาพงานแต่ง จึงถือเป็นผู้ช่วยที่จะทำหน้าที่เก็บบันทึกทุกความทรงจำใยวันสำคัญที่สุดของชีวิตไว้ให้คุณ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ แพรว wedding ขอพาไปเจาะลึกถึงแนวคิดเกี่ยวกับการถ่ายภาพงานแต่งงาน เพื่อฝากไว้เป็นแนวทางในการเลือกช่างภาพคู่ใจในวันพิเศษ

ภาพงานแต่งในอุดมคติ

ภาพงานแต่งที่สวยคือ ภาพที่เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก เห็นแวบแรกแล้วรู้สึกได้ทันทีว่ามีความรักและความสุขเกิดขึ้น เป็นภาพที่สามารถถ่ายทอดเรื่องราวในวันนั้นได้ มีการผสานกันอย่างลงตัวระหว่างการใช้ศิลปะการถ่ายภาพกับการจับจังหวะอารมณ์

ถ่ายภาพงานแต่งอย่างไรให้ดูเรียล

เน้นไปที่การแคนดิดโดยไม่จำเป็นต้องจัดวางคนให้อยู่ในคอมโพส ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติเพื่อจับอารมณ์ของคน และแนะนำว่าไม่ควรปรับสีภาพมากเกินไป คงความเป็นธรรมชาติไว้จะดีที่สุด

ช่างภาพงานแต่ง

ช็อตที่ดีที่สุดคือ…

เพราะการถ่ายภาพงานแต่งเป็นการถ่ายจากสถานการณ์จริง ไม่สามารถเซตได้อย่างการถ่ายภาพในสูติโอ ดังนั้นช่างภาพจึงต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา และคิดไว้เสมอว่าภาพที่ดีที่สุดอาจเกิดขึ้นวินาทีใดก็ได้ โดยทั่วไปช็อตหลักๆ จะเป็นช็อตสวมแหวน ตัดเค้ก โยนดอกไม้ แต่ความจริงแล้วช็อตที่สำคัญและหายากกว่านั้นคือ ช็อตอารมณ์ที่เกิดขึ้นจริง เพราะช็อตแบบนี้เราสั่งให้บ่าวสาวทำใหม่ไม่ได้ สำหรับบางคนเป็นครั้งแรกในชีวิต เกิดขึ้นครั้งเดียวแล้วผ่านไป เรามีหน้าที่บันทึกทุกวินาทีแห่งความประทับใจเอาไว้ให้เขา

เลือกช่างภาพคู่ใจอย่างไรให้เป๊ะ

อันดับแรก บ่าวสาวควรพิจารณาจากความชอบของตัวเองก่อนว่าชอบภาพสไตล์ไหน โดยเลือกจากผลงานของช่างภาพหลายๆ คนเปรียบเทียบเพื่อค้นหาช่างภาพที่มีผลงานตรงตามสไตล์ภาพที่ชื่นชอบ และหลังจากที่เลือกได้แล้วควรมีการนัดเจอเพื่อพูดคุยกับช่างภาพก่อน ทั้งนี้ก็เพื่อให้ว่าที่บ่าวสาวและช่างภาพมองเห็นความต้องการได้ตรงกัน อีกทั้งยังได้เห็นถึงบุคลิก วิธีการพูดจาก และวิธีการทำงานคร่าวๆ ของช่างภาพที่คุณจะเลือกให้มาดูแลความทรงจำที่สำคัญที่สุดในชีวิตด้วย

รู้วิธีเลือกช่างภาพคู่ใจแล้ว ก็มาดูเรื่องค่าใช้จ่ายกันต่อเลย >>> เซฟค่าใช้จ่ายช่างภาพงานแต่งอย่างไรได้บ้าง … มาอ่านกัน

ภาพ stocksnap.io, pinterest.com

แมตช์ชุดกับสร้อยไข่มุกอย่างไรให้สวย เริด เป๊ะ ไม่แก่!

สร้อยไข่มุก เครื่องประดับเรียบหรู กับเทคนิคใส่ยังไงไม่ให้แก่!!

หากคุณคือสาวน้อยผู้โชคดีที่ต้องจิกรองเท้าส้นสูงและสวมชุดสุดเก๋ไปร่วมงานแต่งงาน ไม่ว่าจะในฐานะเพื่อนเจ้าสาวหรือแขกร่วมงาน แต่มีปัญหาอยู่ว่าจะเลือกเครื่องประดับอย่างไรให้เข้ากับชุดสวยตัวนั้น ครั้นจะเลือกเครื่องเพชรแต่เห็นราคาก็แทบลมจับ วันนี้ แพรว wedding ขอแนะนำให้ลองเลือก สร้อยไข่มุก มาใส่สักเส้น อย่าเพิ่งคิดว่าใส่แล้วจะดูแก่หรือไม่เข้าชุด เพราะเราจะมาแนะนำวิธีเลือกสร้อยไข่มุกที่รับรองว่าใส่แล้วไม่แก่เป็นแม่ ป้า ย่า ยายแน่นอน

ก่อนอื่นเราขอแนะนำให้สาวๆ เลือกมุกที่มีขนาดเล็กอย่างมุกอะโกย่าเพราะเมื่อใส่แล้วจะทำให้ดูน่ารัก ทันสมัยขึ้น โดยให้ความยาวของสร้อยเหมาะกับชุดที่จะใส่ด้วยนะจ๊ะ ว่าแล้วก็มาดูตัวอย่างความยาวของสร้อยไข่มุกที่ได้รับความนิยมมากที่สุดมา 3 ระดับ มาดูกันดีกว่าว่าความยาวระดับไหนเหมาะกับสาวๆ กันบ้าง

1.    สร้อยมุกทรงโชกเกอร์

สร้อยไข่มุกสร้อยมุกทรงโชกเกอร์ความยาว 14-16 นิ้วนิยมใส่ติดคอหรือพันรอบคอ สร้อยชนิดนี้เหมาะกับสาวๆ ที่มีช่วงลำคอระหงส์ จะทำให้คุณเป็นสาวเปรี้ยว ดูโดดเด่นสง่างาม นิยมนำมาแมทช์กับชุดที่โชว์ตั้งแต่ช่วงหัวไหล่ขึ้นไปไม่ว่าจะเป็นเสื้อคอวี เสื้อเปิดไหล่ หรือชุดเกาะอก แต่ขอบอกว่าสร้อยทรงนี้ไม่เหมาะกับสาวช่วงคอสั้นอย่างแรงเพราะจะทำให้คุณดูตันเป็นถังแก๊สเชียวล่ะ

2.    สร้อยมุกทรงปริ๊นเซส

สร้อยไข่มุกด้วยความที่สร้อยยาว 17-19 นิ้ว จึงทำให้สร้อยประเภทนี้ดูคลาสสิกและเป็นที่นิยมตลอดกาล เหมาะกับสาวๆ ทุกคนไม่ว่าจะคอสั้นหรือคอยาว เพราะสามารถนำมาใส่ได้กับชุดแทบจะทุกประเภท ทั้งคอสูง คอเต่า คอบัว หรือแม้กระทั่งชุดเปิดไหล่ หากสาวๆ คนไหนที่ยังลังเลว่าจะเลือกสร้อยทรงไหนลองหยิบสร้อยทรงปริ้นเซสมาสวม รับรองว่าเกิดทุกคนจ้า

3.    สร้อยมุกทรงโรพ

สร้อยไข่มุกสำหรับสาวๆ ที่หลงใหลในการแต่งกายหลากหลายแนว ไม่ควรพลาดกับสร้อยทรงโรพ ด้วยตัวสร้อยมีความยาวตั้งแต่ 37 นิ้วขึ้นไป จึงทำให้คุณสามารถเปลี่ยนแปลงวิธีสวมใส่ได้ไม่รู้เบื่อ ทั้งการนำมาพันเป็นทรงโชกเกอร์ติดคอแสนเก๋ หรือจะปรับลุคด้วยการพันเป็นสร้อยไล่ระดับสัก 3 ชั้นก็ทำให้คุณดูดีมีราศีสุดๆ ส่วนสาวๆ คนไหนที่อยากจะเปลี่ยนแนวให้ดูแซ่บยิ่งขึ้นเลดี้ขอให้เลือกชุดราตรีเปิดหลัง รวบผมขึ้นสูง แล้วปล่อยให้ปลายสร้อยมุกอยู่กลางแผ่นหลังเพียงเท่านี้ก็ทำให้สาวๆ เปลี่ยนจากสาวหวานมาเป็นสาวเซ็กซี่ในทันที คอนเฟิร์ม!!!

ทั้งหมดนี้คือวิธีเลือกชุดให้เข้ากับสร้อยมุกแบบง่ายๆ ที่เรานำมาฝาก หวังว่าคุณสาวๆ จะเลิกกังวลเกี่ยวกับการใส่มุกและยังสามารถนำไปประยุกต์ใส่ได้ในทุกโอกาส แถมยังไม่หนักคอจนเกินไปอีกด้วย แล้วพบกับทริคเด็ดๆ ที่เราจะนำมาฝากกันอีกนะจ๊ะ  บ๊ายบาย

เรียบเรียงข้อมูลจาก : www.shopnumber88.com, jcbysiri.blogspot.comภาพ : www.glamour.com, 19twentythree.com, carillonweddings.com, www.vintagedancer.com, assets4.capitalfm.com, www.pinterest.com

Read More : เครื่องประดับไข่มุก เลือกแมตช์กับช่วงอายุยังไงให้ดูไม่แก่

10 คำถามเตรียมไว้ล่วงหน้าเมื่อต้องไปหาสถานที่รับจัดงานแต่งงาน

รอบคอบไว้ดีกว่ามาตามแก้ทีหลัง กับ 10 คำถามที่ สถานที่รับจัดงานแต่งงาน ต้องตอบ

ไม่ว่าคุณจะใช้บริการห้องเปล่าหรือห้องพร้อมการตกแต่ง โรงแรมทุกระดับ รวมถึง สถานที่รับจัดงานแต่งงาน ก็ต้องตอบคำถามด้านล่างนี้ให้คุณหายสงสัยให้จงได้

1. มีตัวอย่างงานให้ดูไหม

นอกจากทำให้ได้เห็นประสบการณ์การทำงานของสถานที่แล้ว ยังได้เห็นว่าสไตล์งานที่ผ่านมาเป็นแบบไหน ตรงใจหรือใกล้เคียงกับสิ่งที่คุณต้องการหรือเปล่า แม้ทางนั้นจะบอกว่าสามารถสร้างสรรค์ผลงานได้ทุกแบบตามต้องการ แต่เชื่อเถอะว่าในเบื้องต้นผลงานที่ผ่านมาจะบอกได้ดีว่าสถานที่เจ้านั้นเหมาะกับงานของคุณหรือเปล่า

2. แพ็คเกจที่นำเสนอมีอะไรบ้าง

การซื้องานแบบแพ็คเกจช่วยประหยัดทั้งเวลาและเงินได้ก็จริง แต่บ่าวสาวควรศึกษาในรายละเอียดให้ถี่ถ้วนว่า สิ่งที่รวมอยู่ในแพ็คเกจตรงตามความต้องการของคุณจริงหรือไม่ เพราะแน่นอนว่า คนคิดแพ็คเกจย่อมใช้เทคนิคตัดนี่นิด เพิ่มนี่หน่อย ถ้าพิจารณาไม่รอบคอบ บ่าวสาวอาจต้องจ่ายเงินก้อนโตเพื่อแพ็คเกจที่ไม่เป็นประโยชน์ แถมยังต้องซื้อบริการเพิ่มโดยไม่จำเป็นอีกด้วย

3. หลักเกณฑ์การเงินเป็นอย่างไร

เริ่มตั้งแต่ราคาทั้งหมดอยู่ที่เท่าไหร่ จ่ายทั้งหมดกี่งวด ต้องมีการวางมัดจำก่อนหรือไม่ กี่เปอร์เซ็นต์ งวดแรก งวดสุดท้ายจ่ายเมื่อไหร่ ทั้งนี้เพื่อความสะดวกในการจัดสรรงบประมาณและตรวจเช็กความคืบหน้าของงานไปพร้อมๆ กัน

4. หากเกิดการละเมิดสัญญาจะรับผิดชอบอย่างไร

ทั้งในกรณีที่จู่ๆ ก็ยกเลิกกะทันหัน งานไม่เสร็จ ผลงานที่ออกมาไม่ตรงตามที่ตกลง จะมีการดูแลความเสียหายและรับผิดชอบอย่างไรบ้าง ในที่นี้ควรศึกษาสัญญากฎหมายการละเมิดสัญญาว่าจ้างไว้เป็นพื้นฐานด้วยยิ่งดี

สถานที่รับจัดงานแต่งงาน

5. มีพื้นที่จัดเลี้ยงให้เลือกกี่แบบทั้งอินดอร์และเอ้าท์ดอร์ และอย่าลืมถามว่าแต่ละห้องจุคนได้เท่าไหร่เพื่อเทียบกับจำนวนแขกที่จะเชิญ

6. จอดรถได้กี่คัน ถ้าจอดได้น้อยไม่ครอบคลุมจำนวนแขก มีพื้นที่จอดรถสำรองตรงไหนอีกบ้าง มีค่าจอดเพิ่มเติมหรือไม่ คิดราคาเท่าไหร่ รวมถึงอย่าลืมสอบถามเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยของการดูแลรถในพื้นที่จอดส่วนนี้ด้วย และในกรณีที่ที่จอดรถไกลจากบริเวณจัดงานมีบริการรถกอล์ฟหรือไม่

7. ช่วงเวลาในการใช้ห้องจัดเลี้ยง เริ่มตั้งแต่ที่ทีมงานสามารถเข้าไปเซตอัพตกแต่ง กระทั่งงานเริ่ม ไปจนถึงเก็บงานเสร็จ รวมทั้งหมดกี่ชั่วโมง หากระบุเวลาได้ชัดเจนควรระบุเวลามาเลย หากเกินเวลาต้องเสียค่าใช้จ่ายหรือไม่อย่างไร

8. เงื่อนไขการตกแต่งห้องจัดเลี้ยง เช่น สามารถตอก ตรึง เจาะผนังหรือเสาได้หรือไม่ และอย่าลืมเช็กค่าปรับเผื่อไว้ในกรณีเกิดความเสียหายที่เลี่ยงไม่ได้ ส่วนใครจะจ่าย ขึ้นอยู่กับการตกลงระหว่างคุณกับซัพพลายเออร์

9. ค่าใช้จ่ายนำเข้าอาหารและสิ่งอื่นๆ ที่ต้องการสั่งจากข้างนอกเข้ามา นอกเหนือจากแพ็คเกจ

10. จำนวนบริกรที่จะมาบริการ รวมถึงต้องจ่ายค่าแรงเพิ่มไหมในกรณีที่ต้องการคนมากกว่าที่ทางโรงแรมจัดไว้

บทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องสถานที่จัดงานแต่ง
8 อย่างขอให้เช็คและเห็นกับตาเมื่อออนทัวร์สถานที่จัดงานแต่งงานในฝัน

ภาพ longwoodvenues.com, brides.com

1 เดือนก่อนวันแต่ง กับ 7 สิ่งที่ห้ามทำก่อนแต่งงานบนผิวหน้าของคุณ

1 เดือนก่อนแต่งงาน ถือเป็นโค้งสุดท้ายของการเตรียมตัว มาดูกันค่ะว่ามีอะไรบ้างที่ ห้ามทำก่อนแต่งงาน กับผิวหน้าของเราเด็ดขาดถ้าไม่อยากหน้าเยินช่วงใกล้วันงาน!

1 เดือนก่อน แต่งงาน ถือเป็นโค้งสุดท้ายของการเตรียมตัว เหล่าว่าที่เจ้าสาวทั้งหลายคงเตรียมพร้อมกันไปเกือบๆ 80-90% แล้วใช่ไหมคะ? (เช็คดูซิ ว่าสิ่งเหล่านี้เราเตรียมไปหรือยัง?) นอกเหนือจากสิ่งต่างๆที่เจ้าสาวควรทำเพื่อเตรียมความสวยให้ตัวเองแล้ว เรายังต้องรู้ด้วยนะคะว่ามีอะไรบ้างที่ไม่ควรทำกับผิวหน้าของเรา เพราะถ้าพลาดขึ้นมาช่วงใกล้วันงานมากๆ คุณหมอก็แก้ให้ไม่ทันนะคะ! มาดูกันดีกว่าว่า 7 สิ่งที่เราแนะนำว่า อย่าทำกับผิวหน้า ช่วง 1 เดือนก่อน แต่งงาน มีอะไรบ้างค่ะ

แต่งงาน ความงามเจ้าสาว1. เริ่มรักษาสิว เพราะขั้นตอนการรักษาสิวในช่วง  1-2 เดือนแรกนั้น อาจจะมีอาการสิวเห่อมากกว่าปกติในกรณีที่คุณหมอต้องการขับสิวใต้ผิวหนังออกมา รวมทั้งยารักษาสิวบางประเภทที่ทำให้ผิวหน้าแห้งลอกเป็นขุย ถ้าหากคุณว่าที่เจ้าสาวมีปัญหาสิวเรื้อรังอยู่แล้ว ควรรีบไปหาคุณหมอผิวหนังเพื่อรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ ดีกว่าช่วงใกล้วันแต่งงานค่ะ (แต่ในกรณีที่เกิดเป็นสิวอักเสบขึ้นมาช่วงใกล้วันงานมากๆ อันนี้เราแนะนำให้ไปหาคุณหมอนะคะ!)

2. Peeling หรือลอกผิวหน้า การลอกผิวหน้าด้วยสกินแคร์หรือสิ่งที่มีสารเคมีเพื่อผลัดเซลล์ผิวใหม่ ไม่ว่าจะเป็นสกินแคร์ที่ดูไว้ใจได้แค่ไหนก็ไม่ควรทำในช่วง 1 เดือนก่อนแต่งงานค่ะ เพราะการสร้างเซลล์ผิวใหม่ของคนเราใช้เวลาประมาณ 1 เดือนพอดี แต่ช่วงระหว่างการผลัดเปลี่ยนเซลล์ชุดใหม่นี้ ผิวของเราจะอ่อนแอกว่าปกติ และถ้าหากเจอแสงแดด อาจจะทำให้เกิดจุดด่างดำหรือผิวไหม้มากกว่าเดิมได้ค่ะ

แต่งงาน ความงามเจ้าสาว

3. ลองสกินแคร์ใหม่ ช่วงนี้ควรยึดติดกับสิ่งที่ใช้อยู่แล้วจะดีกว่าค่ะ เพราะถ้าหากเกิดอาการแพ้กับกินแคร์ตัวใหม่ขึ้นมาจะไม่คุ้มกัน แต่ทั้งนี้ถ้าคุณว่าที่เจ้าสาวอยากลองสกินแคร์ตัวใหม่ ลองได้ แต่ควรลองตั้งแต่ก่อนแต่งงานเนิ่นๆ เช่น 1 ปี ถึง 6 เดือนก่อนแต่งงานดีกว่าค่ะ

4. ออกแดดจัด ช่วง  1 เดือนก่อนแต่งงาน งดไปเที่ยวทะเล ออกรอบตีกอล์ฟ หรือเล่นกีฬากลางแดดจ้าไปก่อนนะคะ เพราะถึงแม้ว่าเราจะทาครีมกันแดดดีแค่ไหน ผิวของเราก็อาจจะคล้ำลงกว่าปกติได้ และการฟื้นฟูสีผิวให้กลับมาดูกระจ่างใสเหมือนปกตินั้นใช้เวลานานกว่า 1 เดือนแน่ๆค่ะ

แต่งงาน ความงามเจ้าสาว

5. กัดสีผม เข้าใจว่าคุณว่าที่เจ้าสาวอาจจะอยากได้สีผมที่สว่างขึ้น แต่ถ้าคุณไม่ได้แน่ใจจริงๆว่านี่คือสีผมที่ใช่ที่สุดในสามโลก ให้ทำสีผมใหม่โดยเลี่ยงการกัดสีผมออกไปก่อน เพราะถ้าหากสีผมได้ถูกกัดออกไปแล้ว แล้วเราไม่ชอบสีผมที่ทำมาใหม่ การใส่สีเข้มลงไปเพื่อให้สีผมกลับมาดูเป็นธรรมชาติเหมือนในตอนแรกนั้นอาจจะช่วยได้แค่ชั่วคราว แต่เมื่อเราสระผมไปเรื่อยๆ สีเข้มก็จะค่อยๆหลุดออก กลายเป็นสีผมที่ถูกกัดค่อยๆเผยออกมาเหมือนเดิมค่ะ

6. ทำทรีตเม้นต์บางประเภท เช่น เลเซอร์อี เมทริกซ์ หรือทรีทเม้นต์ประเภทที่ทิ้งร่องรอยบนผิวหน้า เพราะร่องรอยเหล่านี้อาจจะจะใช้เวลาถึง 5-7 วันกว่าจะหายดี ทางที่ดีหากอยากทำอะไรในช่วงนี้ บอกคุณหมอให้ชัดเจนว่าเราแต่งงานวันที่เท่าไร และเราสามารถทำได้หรือไม่ จะมีผลกระทบอะไรหรือไม่ จะดีกว่าค่ะ

7. บีบสิวเอง ใครที่เครียดจัดเรื่องการเตรียมงานจนสิวอักเสบขึ้นมาละก็ อย่าได้มันส์มือบีบสิวเองเชียวละคะ! เพราะนอกจากจะทิ้งรอยแดง รอยดำ ไว้ให้ช่างแต่งหน้าเจ้าสาวกุมขมับ หากมือเราไม่สะอาด แผลจากการบีบสิวอาจจะติดเชื้อและลุกลามไปเป็นสิวเม็ดที่สองและสามไปเรื่อยๆอีกได้

สุดท้ายแล้วนอกเหนือจาก 7 สิ่งต้องห้ามเหล่านี้ ว่าที่เจ้าสาวก็อย่าลืมทำใจให้สบาย หาวิธีคลายเครียดที่เหมาะกับตัวเองด้วยนะคะ เพราะสุขภาพจิตใจของว่าที่เจ้าสาวก็ส่งผลต่อผิวพรรณเช่นกันค่ะ

credit: lovecrear.com, fabmood.com

สีผมเจ้าสาว ที่เหมาะสำหรับเจ้าสาวแต่ละสีผิว เราเลือกมาให้แล้ว!

อย่าคิดว่าสีผมวันแต่งงานจะเป็นเรื่องเล็ก เพราะ สีผมเจ้าสาว ที่พัง ก็สามารถพาให้เมกอัพสวยๆ และลุครวมของเราพังไปด้วยได้เหมือนกันนะ!

สีผมเจ้าสาว เป็นเรื่องที่เหมือนจะเล็กแต่จริงๆแล้วเป็นเรื่องใหญ่ เจ้าสาวหลายคนอาจจะคิดว่า วันแต่งงานเราก็เกล้าผม ไม่น่าจะเห็นดีเทลสีผมเท่าไร แต่ที่จริงแล้วสีผม(แม้แค่บริเวณกรอบหน้า)นั้นมีส่วนทำให้หน้าของเราดูสว่างขึ้นหรือดูมืดเหมือนโดนของ และยังสามารถส่งให้การแต่งหน้าของเราให้ยิ่งดูสวย หรือดูไปคนละทิศละทางก็ได้ เพราะฉะนั้นเราก็เลยมาแนะนำสีผมแนวสุภาพ กลางๆ ที่เข้ากับโทนสีผิวของสาวไทยและสาวเอเชีย ไม่ว่าคุณเจ้าสาวจะใส่ชุดไทย เดรสสั้น กี่เพ้า หรือชุดเจ้าสาวเต็มยศ รับรองว่าเข้าได้ทุกลุคค่ะ

สีผมเจ้าสาว

Dark Brown/ Chocolate Brown – สีน้ำตาลเข้ม เหมาะกับเจ้าสาวผิวสีน้ำผึ้ง สามารถผสมประกายทองเพื่อเพิ่มความสว่างให้ใบหน้าได้ค่ะ

สีผมเจ้าสาว

Medium Brown – สีน้ำตาลที่ดร็อปความเข้มลงเล็กน้อย ออกสีเหมือนน้ำอัดลม เหมาะกับทุกสีผิว แต่ถ้าเจ้าสาวผิวขาวมากๆ อาจจะดูดุไปได้ค่ะ

สีผมเจ้าสาว

Light Brown –สีน้ำตาลอ่อน เหมาะกับเจ้าสาวทุกเฉดสีผิว

สีผมเจ้าสาว

Mahogany Brown/ Copper Brown  สีน้ำตาลอมแดง เหมาะกับเจ้าสาวผิวขาว หรือเจ้าสาวผิวออกเหลือง

สีผมเจ้าสาว

Golden Brown – สีน้ำตาลอ่อนประกายทอง เหมาะกับเจ้าสาวทุกเฉดสีผิว

สีผมเจ้าสาว

Cool Brown / Ash Brown – สีน้ำตาลประกายเทา เหมาะกับเจ้าสาวผิวขาว หรือผิวโทนเหลือง

อย่าลืมละคะว่าคุณควรทำสีผมก่อนวันแต่งงานจริงประมาณ 2 อาทิตย์ ถึง หนึ่งเดือน เพราะว่าจะเป็นช่วงเวลาที่สีผมเข้าที่พอดี หากทำใกล้วันงานมากกว่านี้ นอกจากผมจะยังมีกลิ่นน้ำยาติดอยู่ สีผมที่ได้มักจะเข้มกว่าที่เราอยากได้จริง เพราะช่างทำสีผมส่วนใหญ่จะลงสีผมให้เข้มเกินกว่าที่เราอยากได้จริง เพราะสีบางส่วนจะหลุดออกเวลาเราสระผม ทำให้พอเวลาผ่านไปสักพัก สีผมจะค่อยๆอ่อนลงจนเป็นสีที่เราอยากได้พอดีค่ะ (อยากรู้ว่าการเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวในโค้งสุดท้ายก่อนวันสำคัญมีอะไรอีกบ้าง คลิกอ่านเลย )

Credit Photo: stylecaster.com, himisspuff.com, fabmood.com, elegantweddinginvites.com Instagram: @hairandmakeupbysteph