ชุดแต่งงาน มีแค่ชุดเดียวก็ต้องรอบคอบด้วยเช็กลิสต์ชุดคำถามนี้ที่ต้องพกไปร้านชุด
เพราะแพรว wedding รู้ว่าบ่าวสาวหลายคู่มักเผชิญสถานการณ์ “ไม่รู้ว่าต้องถามอะไรบ้าง” เมื่อนั่งอยู่ต่อหน้าดีไซเนอร์หรือร้านชุดแต่งงาน เราเลยประมวล 10 คำถามเด็ดที่ขอบอกเลยว่าต้องเคลียร์ให้ชัดก่อนตัดสินใจเลือก ชุดแต่งงาน ไม่ว่าจะใช้ชุดจากเวดดิ้งสตูดิโอหรือร้านชุดเจ้าสาวแบรนด์ดัง บ่าวสาวผู้รอบคอบก็ควรเช็กเรื่องพวกนี้เอาไว้นะ
1. มีตัวอย่างงานให้ดูไหม
นอกจากทำให้ได้เห็นประสบการณ์การทำงานของดีไซเนอร์หรือร้านชุดแต่งงานแล้ว ยังได้เห็นว่าสไตล์งานที่ผ่านมาเป็นแบบไหน ตรงใจหรือใกล้เคียงกับสิ่งที่คุณต้องการหรือเปล่า แม้ทางนั้นจะบอกว่าสามารถสร้างสรรค์ผลงานได้ทุกแบบตามต้องการ แต่เชื่อเถอะว่าในเบื้องต้นผลงานที่ผ่านมาจะบอกได้ดีว่าดีไซเนอร์หรือร้านชุดแต่งงานเจ้านั้นเหมาะกับงานของคุณหรือเปล่า เช่น หากบ่าวสาวอยากได้งานปักลูกไม้แบบพิเศษ ก็อาจจะขอดูจากชุดจริง แทนที่จะดูแค่จากในภาพ เป็นต้น
2. แพ็คเกจที่นำเสนอมีอะไรบ้าง
การซื้องานแบบแพ็คเกจช่วยประหยัดทั้งเวลาและเงินได้ก็จริง แต่บ่าวสาวควรศึกษาในรายละเอียดให้ถี่ถ้วนว่า สิ่งที่รวมอยู่ในแพ็คเกจตรงตามความต้องการของคุณจริงหรือไม่ เพราะแน่นอนว่า คนคิดแพ็คเกจย่อมใช้เทคนิคตัดนี่นิด เพิ่มนี่หน่อย ถ้าพิจารณาไม่รอบคอบ บ่าวสาวอาจต้องจ่ายเงินก้อนโตเพื่อแพ็คเกจที่ไม่เป็นประโยชน์ แถมยังต้องซื้อบริการเพิ่มโดยไม่จำเป็นอีกด้วย
3. หลักเกณฑ์การเงินเป็นอย่างไร
เริ่มตั้งแต่ราคาทั้งหมดอยู่ที่เท่าไหร่ จ่ายทั้งหมดกี่งวด ต้องมีการวางมัดจำก่อนหรือไม่ กี่เปอร์เซ็นต์ งวดแรก งวดสุดท้ายจ่ายเมื่อไหร่ ทั้งนี้เพื่อความสะดวกในการจัดสรรงบประมาณและตรวจเช็กความคืบหน้าของงานไปพร้อมๆ กัน
4. หากเกิดการละเมิดสัญญาจะรับผิดชอบอย่างไร
ทั้งในกรณีที่จู่ๆ ก็ยกเลิกกะทันหัน งานไม่เสร็จ ผลงานที่ออกมาไม่ตรงตามที่ตกลง จะมีการดูแลความเสียหายและรับผิดชอบอย่างไรบ้าง (ในที่นี้ควรศึกษาสัญญากฎหมายการละเมิดสัญญาว่าจ้างไว้เป็นพื้นฐานด้วยยิ่งดี) เช่น ตกลงว่าจะส่งมอบชุดในวันนี้ แต่ไม่ตรงตามที่นัดกันไว้ เป็นต้น
5. ลองชุดได้ไหม
คำถามแบบนี้แทบจะต้องถามเป็นลำดับแรกๆ เพราะการได้ลองชุดจะทำให้คุณเห็นภาพจริง และนำไปประกอบการตัดสินใจเลือกรูปแบบชุดที่เหมาะกับคุณ ร้านไหนไม่ให้ลองหรือต้องเซ็นสัญญาก่อนจึงลองได้ หรือต้องมีการจ่ายเงินหรือไม่ก่อนที่จะได้ลองชุดแต่งงาน และได้ลองทั้งหมดกี่ชุด
6. หลังเซ็นสัญญากี่เดือนจึงจะได้เห็นชุดจริง รวมถึงจะได้ลองชุดทั้งหมดกี่ครั้ง และแก้ไขได้ถึงเมื่อไหร่
7. ได้เลือกและเห็นตัวอย่างผ้าก่อนหรือไม่ ในกรณีที่เจ้าสาวสั่งตัดชุดใหม่แบบ made-to-order
8. ในกรณีที่ชุดเช่าหรือเช่าตัดเสียหาย บ่าวสาวต้องเสียค่าปรับเท่าไหร่ ข้อนี้ควรระบุเอาไว้ให้ชัดเจนในสัญญาด้วยนะคะ เพราะแค่สัญญาปากเปล่านั้นไม่ดีแน่นอน
9. มีคนไปช่วยแต่งตัวให้บ่าวสาวในวันงานหรือไม่ ถ้าไม่มีจะมีอุปกรณ์ฉุกเฉินให้หรือเปล่า
10. รับและคืนชุดเมื่อไหร่ รวมถึงหากเป็นชุดเช่าจะมีการซักแห้งทำความสะอาดชุดให้ก่อนไหม
เลือกชุดที่เหมาะกับตัวเอง ก็อย่าลืมเลือกทรงผมให้เหมาะกับชุดด้วยนะ >>> แมตช์ทรงผมให้เข้ากับชุดแต่งงาน ทริคความงามที่เจ้าสาวต้องรู้
ภาพ StockSnap.io, Pinterest