เทคนิคง่ายๆ ให้บ่าว-สาวรับมือกับงานแต่งฤดูฝนได้อย่างสบายหายห่วง

ใครว่า งานแต่งฤดูฝน จะเกิดขึ้นไม่ได้คะ

….ลบความคิดนี้ไปได้เลย ฤกษ์งามยามดีของคู่แต่งงานไม่ได้มีกันง่ายๆ แล้วบางคู่ดันได้ฤกษ์ตรงกับช่วงฤดูฝนพอดีเป๊ะ แถมมีฤกษ์อยู่วันเดียวในปีนี้ด้วย แบบนี้ยังไงก็ต้องแต่งแล้วล่ะค่ะ แต่ก็ต้องเตรียมวิธีรับมือกันซะหน่อย สำหรับคู่บ่าว-สาวที่จ้างเวดดิ้งแพลนเนอร์คงไม่ต้องเป็นกังวลอะไรมาก ส่วนคู่ที่ไม่ได้จ้างทีมเวดดิ้งแพลนเนอร์ไว้ก็อย่าเพิ่งนอยด์ไปค่ะ เพราะแพรว wedding ได้ไปล้วงเทคนิคจากเวดดิ้งแพลนเนอร์ผู้มากประสบการณ์ในการจัด งานแต่งฤดูฝน บอกเลยว่า Jirayu The Wedding Planner ผ่านมาหมดแล้ว ซึ่งจะมีคำแนะนำอะไรดีๆ มาฝากชาวแพรว wedding บ้างนั้นตามมาอ่านกันได้เลยยยย

งานแต่งฤดูฝน

หากคุณยังไม่ได้เลือกสถานที่จัดงานแต่งงาน….

ถ้าคุณยังไม่ได้ตัดสินใจเลือกสถานที่จัดงานแต่งงาน แต่ได้ฤกษ์วันงานมาแล้วอยู่ในช่วงหน้าฝนพอดิบพอดี สถานที่แรกที่คุณควรนึกถึงที่สุดคือเป็นสถานที่ในร่มเลยค่ะ รับรองปลอดภัยหายห่วงแน่นอน สถานที่อินดอร์ส่วนใหญ่ก็จะเป็นห้องบอลรูมของทางโรงแรม งานแต่งงานก็จะได้บรรยากาศที่ดูหรูหราโอ่อ่าและดูมีความเป็นทางการนิดนึง สำหรับบ่าว-สาวที่ยุคใหม่เดี๋ยวนี้ก็มักจะเลือกสถานที่จัดงานแบบเอ้าท์ดอร์เสียมากกว่า เพราะบรรยากาศงานจะดูอบอุ่น พื้นที่ก็จะดูปลอดโปร่ง และได้บรรยากาศของความเป็นธรรมชาติ ซึ่งในช่วงหน้าฝนนี้หากคุณต้องการจัดงานแต่งงานเอ้าท์ดอร์ก็สามารถทำได้เหมือนกันนะคะ

งานแต่งฤดูฝน

หากคุณต้องการจัดงานแต่งงานแบบเอ้าดอร์….

1. เช็คพยากรณ์อากาศ ยิ่งช่วงใกล้ถึงวันจัดงานต้องคอยดูพยากรณ์อากาศกันดีๆ เลยค่ะ ถือเป็นช่วงเฝ้าระวังก็ว่าได้ เพื่อเตรียมรับมือกับฝนที่กำลังจะมา และจัดสรรสถานที่รองรับในกรณีที่ฝนตกเอาไว้และต้องเคลื่อนย้ายได้อย่างทันถ่วงทีด้วยนะคะ

2. ควรหาสถานที่สำรองในร่ม เช่น กรณีที่คุณเลือกจัดงานแต่งในสวน ก็ควรเลือกสถานที่ที่มีโซนในร่มรองรับและไม่ควรอยู่ไกลกับสวนบริเวณสถานที่จัดงานหลักมากจนเกินไป เพราะการขนย้ายของเข้าข้างในอาจทำได้แค่บางส่วนเท่านั้นนะคะ ทางที่ดีควรจัดทีมงานสำรองเอาไว้ในการขนย้ายของเข้าไปตกแต่งทางด้านใน โดยเฉพาะโต๊ะอาหารที่เรียกได้ว่าสำคัญที่สุดเลยก็ว่าได้ค่ะ ควรจัดเตรียมโต๊ะอาหารสำหรับแขกผู้ใหญ่ไว้ในโซนที่สำรองไว้ด้านในด้วย เพราะผู้ใหญ่อาจจะไม่สะดวกในการยืนนานๆ หรือวิ่งหนีฝนแบบวัยที่พลังเหลือล้นอย่างพวกเรา อิอิ

3. จัดเต้นท์ที่ดูทันสมัย อีกวิธีการรับมือกับฝนคือการจัดเต้นท์ที่เข้ากับธีมของงานแต่งงาน ซึ่งเดี๋ยวนี้ที่ฮิตกันก็จะเป็นเต้นท์กระโจมสีขาวที่ดูทันสมัยและสามารถเข้ากับธีมงานได้ง่าย สำหรับการใช้เต้นท์จะเหมาะอย่างยิ่งกับงานแต่งงานที่เลือกจัดแบบโต๊ะจีน เมื่อฝนตกคุณแทบไม่ต้องคิดที่จะขนย้ายโต๊ะเข้าไปยังโซนในร่มเลยเพราะทำได้ยากมากค่า ทางที่ดีควรกางเต้นท์บริเวณเอ้าดอร์เลยแหละไม่ต้องขนย้ายไปไหน ฝนตกก็ยังคงนั่งรับประทานอาหารกันได้ต่ออย่างสบายๆ

งานแต่งฤดูฝน

ทริคเสริมเล็กๆ น้อยๆ

1. จัดแบ็คดรอปถ่ายรูปไว้สองจุด ในงานจะมีแบ็คดรอป 2 ฉากด้วยกันคือ จัดไว้ตรงส่วนที่เป็นเอ้าท์ดอร์หรือสถานที่จัดงานหลัก อีกจุดคือสำรองยามฝนตกก็จะสามารถขนย้ายแขกของคุณเข้ามาถ่ายรูปบริเวณด้านในได้ด้วยเช่นกันค่ะ รับรองงานนี้ต่อให้พายุเข้า พวกคุณก็จะมีรูปถ่ายสวยๆ เก็บไว้เป็นความทรงจำแน่นอนค่ะ

2. เลือกร่มเป็นของชำร่วย สร้างกิมมิคเล็กๆ น้อยๆ ให้กับงานแต่งงานของคุณด้วยการเลือกร่มคันเล็กน่ารักเป็นของชำร่วย นอกจากเป็นสัญลักษณ์ที่เข้ากับบรรยากาศของงานแล้ว แขกที่มาร่วมงานยังสามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้อีกด้วยนะคะ

หลังจากคุณทั้งคู่ได้จัดงานแต่งงานในช่วงฤดูฝนกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทีนี้คิวต่อไปถึงเวลาไปฮันนีมูนกันแล้วแหละค่ะ แม้จะเป็นหน้าฝน แต่ในประเทศไทยก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะกับฤดูนี้อยู่หลายแห่งเหมือนกันน้า สถานที่ฮันนีมูน รับฤดูฝน สุดฟิน บรรยากาศแสนโรแมนติก  และแต่ละที่บอกเลยว่าสวยมาก ถึงจะเข้าหน้าฝนก็ฮันนีมูนได้อย่าไปกลัว

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Jirayu The Wedding Planner
ภาพจาก : pinterest.com

คอเสื้อชุดแต่งงาน กับเคล็ดลับการเลือกให้เหมาะกับรูปร่างและช่วงอก

นอกจากทรงของชุดเจ้าสาวที่จะช่วยพรางตาให้เจ้าสาวดูดีได้แล้ว คอเสื้อชุดแต่งงาน แบบต่างๆ ก็มีส่วนสำคัญไม่แพ้กัน แพรว wedding จึงขอแนะนำวิธีการเลือกท่อนบนชุดแต่งงานของเจ้าสาว 15 แบบ เพื่อให้เหมาะกับขนาดของหน้าอกและรูปร่างส่วนบนของเจ้าสาว จะได้สวยเป๊ะทุกมุม ตามนี้เลย

เกาะอกรูปหัวใจ (Sweetheart)

คอเสื้อชุดแต่งงาน

ที่เรียกว่าเกาะอกรูปหัวใจก็เพราะตรงกลางช่วงอกจะเว้าลงคล้ายกับด้านบนของรูปหัวใจ ช่วยทำให้คอและลำตัวดูยาวขึ้น เน้นกระดูกไหปลาร้าอก และทรวดทรงองค์เองให้เด่นชัดขึ้น เหมาะกับเจ้าสาวที่มีรูปร่างเล็ก ช่วงไหล่แคบ มีคอและคางสั้น

เกาะอก (Straight Across)      

        

เกาะอกแบบธรรมดาที่ผู้หญิงทุกคนสามารถใส่ได้ แต่ถ้าคุณเป็นเจ้าสาวที่มีไหล่กว้างมากๆ ขอให้เลี่ยงเกาะอกประเภทนี้ เพราะจะยิ่งเผยให้เห็นช่วงไหล่มากขึ้น ควรเลือกใส่แบบคอวีหรือ คอยูจะช่วยพรางไหล่ได้ดีกว่า

เกาะอกรูปครึ่งหัวใจ (Semi-Sweetheart)  

เกาะอกรูปครึ่งหัวใจคล้ายกับเกาะอกรูปหัวใจ ต่างกันเพียงแค่ตรงกลางช่วงอกจะเว้าลงไปน้อยกว่าเกาะอกรูปหัวใจ แต่ยังคงช่วยให้คอและลำตัวดูยาวขึ้น และเน้นที่กระดูกไหปลาร้า หน้าอก และรูปร่างเหมือนกัน เหมาะกับเจ้าสาวที่ไม่อยากให้เว้าจนเห็นร่องอกเยอะเกินไป รวมถึงเจ้าสาวร่างเล็ก ช่วงไหล่ไม่กว้างมาก คอและคางค่อนข้างสั้น ก็ขอแนะนำาให้เลือกชุดแบบนี้เช่นกัน

คอวี (V-Neck)    

ชื่อก็บอกอยู่แล้วชัดเจนว่าช่วงคอจะเป็นลักษณะตัววี ใส่ได้ทั้งเจ้าสาวที่อกเล็กไปจนกระทั่งเจ้าสาวที่มีอกใหญ่แล้วมีร่องหน้าอก- หน้าใจอยากจะอวด ส่วนเจ้าสาวคนไหนที่โครงหน้ายาวอาจต้องเลี่ยง เพราะมันจะทำให้คุณดูหน้ายาวขึ้นไปอีก แต่สำหรับ เจ้าสาวที่มีคอสั้นนั้นคือเหมาะที่สุด

ไหล่เดี่ยว (Asymmetric/One-Shoulder)  

ชุดแบบไหล่เดี่ยวจะซ้ายหรือขวาก็ได้ช่วยเน้นให้หัวไหล่ดูโดดเด่น เหมาะกับเจ้าสาวที่มีช่วงไหล่แคบ แนะนำว่าถ้าเลือกให้ชุดช่วงบนเป็นแบบไหล่เดี่ยวแล้ว ช่วงล่างตั้งแต่เอวลงไปไม่ควรจะมีดีเทลเยอะมากนัก ขอบอกว่าชุดแบบนี้เหมาะกับเจ้าสาวที่หน้าอกเล็ก  ไม่มั่นใจว่าหน้าอกที่มีอยู่จะพอให้เกาะ รวมถึงคนที่พอจะมีหน้าอกแต่ก็กลัวจะเกาะไม่อยู่ด้วย

9 ไอเดีย เค้กแต่งงานเก๋ๆ สุดว้าว น่ารักปุ๊กปิ๊กจนบ่าวสาวไม่กล้าตัด

เค้กแต่งงานสวยๆ มักมีราคาแพง แพรว wedding จึงขอเสนอไอเดีย เค้กแต่งงานเก๋ๆ ที่ยังคงสวย อร่อย แถมหน้าตาดูดีมีสกุล แต่ที่จริงแล้ว คุ้มค่า คุ้มราคาที่สุด จะมีแบบไหน ถูกจริต ตรงกับธีมงานในฝันของคุณหรือเปล่า ลองดูกันนะคะ

cake-flowers-0731-d111712_vert_resize

เค้กหน้าตาสะสวยประดุจดอกไม้เริงร่า แต่ละชั้นเค้กทำจากเนื้อที่แตกต่างกัน มีทั้งเนื้อเค้กปกติ ชั้นที่มีเนื้อเป็นเมอร์แลงค์ และแน่นอนว่าดอกไม้ที่ประดับบนเค้กก็กินได้ด้วยนะ  เรียกได้ว่าเค้กก้อนเดียวให้รสชาติที่หลากหลาย แถมยังสวยอีกด้วย

MSL

ในงานแต่งไม่ใช่มีแค่เค้กหลายชั้นเท่านั้นที่สวยงาม เค้กชั้นเดียวแต่เลือกที่วางสวยๆ ก็เกิดได้เหมือนกัน อย่างเค้กก้อนนี้ ที่แค่เห็นหน้าตาก็ชวนให้คิดว่าราคาคงแพงลิบลิ่วด้วยทั้งโทนสีและการจัดวาง  แต่เปล่าเลยความจริงนางคือเค้กช็อคโกแล็ตที่ใช้ช็อคโกแล็ตและคาราเมลผสมให้ข้ากันจนเกิดเป็นสีแบบนี้เท่านั้น

cakes05h-sum11mwd107083_vert_resize

เค้กสีขาวที่มีเท็กเจอร์สวยๆ กับผลเชอ์รี่แดงสด มันช่างดูสวยงามอ่อนหวานเหมือนเจ้าหญิงน้อยๆ งานนี้ก็ทำเองได้ไม่ยาก แค่ใช้น้ำตาลทรายกับไข่ขาวตีจนขึ้นยอดก่อนนำมาโปะที่เนื้อเค้กแล้วปล่อยให้แห้ง แล้วค่อยโปรยเชอร์รี่ลงไปอย่างใจนึก เห็นไหม ง่ายนิดเดียวเอง

cakes02k-sum11mwd107083_vert_resize

เค้กก้อนยักษ์กับดอกไม้ช่อมหึมา ใครจะคิดว่าจริงๆ แล้วราคาจิดเดียว ความลับก็คือว่าส่วนที่กินได้มีแค่ตัวเค้ก ส่วนดอกไม้ดอกยักษ์ทำมาจากกระดาษทิชชู่

เค้กแต่งงานเก๋

เค้กสีขาวธรรมดาดูมีราคาขึ้นมาได้ ก็เพราะการดีไซน์ ที่จับเอากระดาษสีเงินและขนนกมาประดับประดา งานนี้บอกเลยว่าไม่ยาก บ่าวสาวเองก็ลงมือแต่งแต้มเองได้

Sprinkled glitter dust cakes

บัตเตอร์เค้กธรรมดาๆ ก็ดูพิเศษขึ้นมาได้ แค่ใช้น้ำตาลผสมสีละเลงลวดลายง่ายๆ อย่างลายทาง หรือลายเรขาคณิต แค่นี้ก็สวยเกิดถูกใจคนที่ได้ชิมแล้ว

cakes01a-sum11mwd107083_vert_resize

เค้กสี่เหลี่ยมโล้นๆ ก็ดูธรรมดาราคาไม่น่าจะแพง งานนี้แก้ไม่ยากแค่จับริบบิ้นหลายขนาดมาเรียงร้อยรอบทั้งสี่ด้าน แล้วทำโบว์สวยๆ เป็นท็อปเปอร์ที่ยอดบน งานนี้สวยวิ้งๆ

cakes04r-v2-sum11mwd107083_vert_resize

หากว่าเป็นเค้กทรงกลมเกลี้ยงๆ แล้วดูไม่น่าทานลองจับมาแต่งตัวด้วยแฟชั่นแบบชาวเกาะ กระโปรงพู่รอบตัวดูสิ งานนี้เปลี่ยนเค้กก้อนน่าเบื่อให้กลายเป็นเค้กแห่งสีสันเลย

เค้กแต่งงาน

งานนี้ถ้านึกไม่ออกว่าจะตกแต่งยังไง เม็ดช็อคโกแล็ตเคลือบน้ำตาลหลายสีสันช่วยท่านได้ ไม่เชื่อก็ดูเค้กก้อนนี้สิ มันช่างแจ่มว้าวจริงๆ

เค้กทั้ง 9 ก้อนที่นำมาเสนอ บอกเลยว่าเป็นเค้กธรรมดาราคาไม่ได้สูงมาก แต่อยู่ที่การครีเอทของคุณบ่าวสาวแล้วว่าจะออกแบบให้มาเป็นยังไง แต่ถ้าอยากได้เค้กแต่งงานแบบมินิมอลลองดูที่บทความ 10 แบบเค้กแต่งงานสไตล์มินิมอลสวยหรูดูแพง สิคะ

วิวาห์ฟ้าแล่บ เตรียมงานแต่งยังไงให้ทันใน 1 เดือน

บางทีความรักก็เล่นตลก พุ่งเข้าชนแบบไม่ทันให้ตั้งตัว และเมื่อแน่ใจว่าคนนี้คือคนที่ใช่ ก็ไม่รู้จะรอเวลาให้ยืดยาวไปทำไม สู้จัด วิวาห์ฟ้าแล่บ เพื่อให้อยู่ด้วยกันไวๆ ดีกว่า แต่ปัญหามันจะเกิดก็ตรงเตรียมการยังไงให้ทันภายใน 1 เดือน แต่แพรวเวดดิ้งเสียอย่าง เรามีวิธีมาบอกกัน

1. จองสถานที่ทันที

ทันทีที่ตกลงปลงใจกันเรื่องวันได้แล้ว สิ่งแรกที่บ่าวสาวต้องวิ่งไปจองก่อนก็คือ สถานที่จัดงานแต่งงาน ซึ่งในระยะเวลากระชั้นชิดแบบนี้ ห้องตามโรงแรมอาจไม่ค่อยวาง แต่ก็ยังมีทางเลือกเป็นหอประชุมขนาดใหญ่ที่ให้เช่าจัดงานแต่งงาน หรือสตูดิโอถ่ายภาพ ซึ่งทางเลือกที่สองนี้ มีข้อดีคือมักตกแต่งมาแล้วอย่างสวยงาม ทำให้บ่าวสาวลดทอนเรื่องการตกแต่งสถานที่ไปได้ หรือบางทีอาจไม่ต้องยุ่งเรื่องการตกแต่งอีกเลย นอกจากประดับดอกไม้เพิ่มเติมเล็กๆ น้อยๆ

2. เลือกอะไรที่เป็นไปได้จริง

ในเรื่องของธีมงานแต่งเอย ธีมสี รวมไปถึงดีเทลเล็กๆ น้อยๆ อย่างเรื่องเสื้อผ้า หน้าผม จะมีข้อจำกัดด้านเวลา ทางที่ดีจึงไม่ควรให้ความคิดฟุ้งกระจายไปไกล เอะอะทำใหม่แบบนั้นอาจไม่ทันกาล ควรเลือกใช้ของที่มีอยู่แล้ว สามารถเช่าได้ไม่ว่าเรื่องของการตกแต่ง ของใช้ในงาน รวมไปถึงเรื่องชุดแต่งงานด้วย

3. ลิสต์สิ่งที่ต้องมีในงานแต่ง

ถ้ารีบเบอร์นี้ ความต้องการส่วนตัวอาจเป็นเรื่องรองชนิดที่ว่ามีเวลาค่อยทำเพิ่มเติม เพราะฉะนั้นตัวช่วยที่จะทำให้ได้ทุกสิ่งอย่างครบถ้วนตามประสงค์ก็คือ เช็คลิสต์ ที่จะช่วยไกด์ว่าคุณเจ้าบ่าว เจ้าสาวต้องจัดเตรียมอะไรบ้าง แล้วรีบทำตามอย่างด่วนๆ พร้อมกับตั้งสติกับจำนวนคนที่ต้องติดต่อ ซึ่งอาจจะต้องหาผู้ช่วยเป็นแพลนเนอร์หรือเพื่อนบ่าวสาวเองนั่นละ

วิวาห์ฟ้าแล่บ

4. จัดประเภทรายชื่อแขก

ในเรื่องของรายชื่อแขก บางคู่อาจใช้เวลานานเป็นเดือนกว่าจะสรุปได้ว่าจะมีใครมางานบ้าง แต่ในเมื่อเราไม่มีเวลามากมายขนาดนั้น การจัดประเภทแขกจะทำให้เรื่องทั้งหมดง่ายขึ้น โดยต่างแยกย้านกันคิดในส่วนของตัวเองว่าจะเชิญแขกคนไหนมาบ้าง โดยแบ่งเป็น 5 กลุ่มหลักๆ  คือ

– แขกเจ้าสาว

– แขกเจ้าบ่าว

– แขกที่รู้จักคนทั้งคู่

– แขกพ่อแม่เจ้าสาว

– แขกพ่อแม่เจ้าบ่าว

5. การ์ดเชิญออนไลน์

สำหรับญาติผู้ใหญ่และบุคคลสำคัญในชีวิตการไปส่งการ์ดเชิญด้วยตัวเองยังคงเป็นเรื่องจำเป็นที่บ่าวสาวต้องทำ แต่สำหรับคนอื่นๆ การส่งการ์ดเชิญออนไลน คือตัวช่วยที่จะทำให้คุณสามารถส่งการ์ไปถึงทุกคนได้ทันเวลา ซึ่งก่อนส่งอาจมีการยกหูโทรไปบอก พร้อมขอโทษที่ไม่สามารถไปเชิญได้ด้วยตัวเอง และในขณะเดียวกัน บ่าวสาวก็ควรมีการ์ดแต่งงานพกติดตัว เผื่อไปเจอใครที่อยู่ในลิสต์แขกจะได้ส่งให้ตัวเองได้เลย

เนี่ย เห็นไหมว่าการจัด วิวาห์ฟ้าแล่บ ก็ไม่ได้ยากสักเท่าไหร่ ถึงจะมีเวลาจัดอันน้อยนิด ก็สามารถเสกงานแต่งให้ออกมาอย่างที่ตั้งใจได้ แม้ว่าจะฉุกละหุกไปนิดก็ตาม ส่วนใครที่ยังมีเวลาเหลือๆ สำหรับจัดงานแต่งเราก็มีขั้นตอนมาให้อ่านเหมือนกันนะ ตามมาอ่านเลย

ภาพ unsplash.com a a a a  a a a  a a a  a a a  a a

บ่าวสาวห้ามลืม 10 เรื่องต้องทำในโค้งสุดท้ายก่อนวันแต่งจริงมาถึง

แม้จะมีการเตรียมงานมาเป็นเดือนๆ แล้วก็ตาม แต่ยังมีอีก 10 เรื่องที่ แพรว wedding ขอย้ำกับบ่าวสาวทุกคู่ว่าห้ามลืมทำเด็ดขาด ก่อนวันแต่ง จริงจะมาถึง ส่วนจะมีเรื่องไหนบ้าง ปากกากระดาษพร้อมแล้วก็เช็คตามกันไปข้อต่อข้อได้เลยค่ะ

 

ก่อนวันแต่ง

1. ลิสต์รายชื่อเพลงในงานแต่ง : เชื่อว่าไม่มีบ่าวสาวคู่ไหนให้วงดนตรีเล่นเพลงไปตามอำเภอใจตลอดทั้งงาน รวมถึงไม่มีคู่ไหนไม่เตรียมเพลงไว้เปิดในงาน ซึ่งไม่ว่าจะเป็นกรณีไหน เพื่อความบันเทิงและบรรยากาศที่จะเป็นไปได้ดั่งใจฝัน บ่าวสาวทั้งหลายจงสละเวลาสักนิด นั่งลิสต์รายชื่อเพลงที่อยากให้ดังในงานแต่งสักหน่อย ส่วนจะลิสต์แล้วส่งต่อให้ใครรวบรวมเพลงมาไว้ในซีดีหรือส่งต่อห้วงดนตรีก็ตามแต่ถนัดเลยจ้ะ

2. แบ่งหน้าที่คนช่วยงาน : ก่อนหน้านี้คุณอาจแค่ทำการทาบทามเพื่อนฝูงหรือญาติสนิทมาช่วยงานแต่ง แต่ยังไม่ได้ระบุหน้าที่ชัดเจนลงไป แต่ตอนนี้ถึงเวลาแล้วว่าคุณต้องฟันธงแล้วล่ะว่าจะให้ใคร ทำอะไรในงานของคุณ

3. เตรียมซองค่าใช้จ่าย : แบ่งซองค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้เป็นสัดส่วนไว้เลยค่ะ หลังงานเลิกจะได้เคลียร์ค่าใช้จ่ายให้ครบถ้วน โดยบ่าวสาวอาจทำแค่เตรียมไว้แล้วมอบหมายต่อให้ญาติหรือเพื่อนช่วยจัดการดูแลแทน แต่อย่าลืมว่าคนๆ นั้นต้องไว้ใจได้นะคะ ไม่ใช่ถือซองแล้วลอยตัวออกจากงานไปเลยแบบนั้นมีกรี๊ดแน่นอน

4. เตรียมซองเปล่า : เรื่องนี้ติดท๊อปฮิตที่บ่าวสาวลืมในอันดับต้นๆ เชียวล่ะ นั่นคือซองเปล่าที่แขกมักถามหา โดยเฉพาะในพิธีการช่วงเช้าที่อยู่ๆ แขกผู้ใหญ่ก็อยากรับไหว้หลานขึ้นมา ก็จะเรียกหาซองเปล่าเสมอหรือแม้แต่งานฉลองสมรสที่เพื่อนฝูงลืมเอาซองมาก็ร้องหา เห็นไหมละว่าซองเปล่าสำคัญขนาดไหน

5. เช็คของชำร่วย ของรับไหว้ และของขวัญให้ประธาน : แพรว wedding มั่นใจค่ะว่าคุณซื้อของเหล่านี้เตรียมไว้แล้วแน่นอน แต่เรื่องจำนวนนี่สิ ช่วงใกล้วันงานอาจมีความคลาดเคลื่อนในลักษณะที่จำนวนเพิ่มขึ้นมาก็เป็นได้ ดังนั้นเช็คให้ชัวร์แล้วลองดูว่าจ้องซื้อมาเพิ่มไหม จะได้ไม่ต้องใช้ของขวัญเวียนมาถ่ายรูป

ก่อนวันแต่ง

6. ลองชุดครั้งสุดท้าย : ต่อให้คุณทั้งคู่เคยลองชุดแต่งงานมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ในแต่ช่วงเวลาสุดท้ายก่อนถึงวัน จริงสัก 3-4 วันก็ควรลองอีกครั้งว่าตรงไหนหลวมตรงไหนฟิต และเช็คความเรียบร้อยให้ดีทุกจุด เพราะใครจรู้ว่าคุณอาจตื่นเต้นมากจนน้ำหนักลงหรือแฮปปี้มากจนน้ำหนักขึ้น ชุดที่เตรียมไว้ยังพอมีเวลาแก้ไขไงคะ

7. เตรียมคำพูดบนเวที : ขอร้องเถอะถ้าคุณไม่ได้เป็นนักพูดมืออาชีพหรือเจนเวทีมาเป็นสิบๆ งาน ช่วยร่างสิ่งที่อยากพูดในงานใส่กระดาษแล้วซ้อมพูดสักหน่อย ดีกว่าไปตื่นเต้นจนลืมว่าคิดจะพูดอะไร แบบนั้นเดตแอร์มากๆ

8. รีเช็คลำดับพิธีการทั้งหมด : เอาลำดับพิธีการทั้งหมดมาดูกันอีกสักครั้งเพื่อความแน่ใจว่าจะไม่มีการขยับลำดับพิธีแล้วแน่ๆ และคอนเฟิร์มกับทีมงานที่เกี่ยวข้องว่านี่คือดราฟสุดท้ายไฟนอลแล้วนะ เพื่อความเข้าใจของทุกฝ่ายและคุณจะได้รู้ด้วยว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นก่อนหลังในงานแบบไม่ต้องวิ่งถามใคร

9. คอนเฟิร์มนัดทุกหน่วย : ไม่ว่าจะเป็นช่างแต่งหน้า ช่างทำผม ประธานในพิธีหรือแม้แต่คนส่งเค้ก มีหน่วยไหนที่ต้องมาเจอกันในวันแต่งงานยกหูคอนเฟิร์มให้ครบอย่าได้ขาด โดยในการคอนเฟิร์มต้องไม่ลืมแจ้งรายละเอียดงานเสมอ ถึงจะเรียกว่าเข้าใจตรงกันจริงๆ นะ

10. เช็คเครื่องประดับและรองเท้า : เรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างเครื่องประดับเจ้าสาว หรือเครื่องประดับเจ้าบ่าวรวมถึงรองเท้าต้องเช็คให้ดีว่ามีพร้อมและเก็บไว้ตรงไหน ใส่ยังไง เพื่อวันจริงจะได้ไม่ต้องวิ่งวุ่นตามหารวมถึงกรีดร้องว่าใส่ไม่เป็นใส่ไม่ได้

ติดตามไอเดียและคำแนะนำดีๆ เพิ่มเติมเกี่ยวกับงานแต่งงานได้ที่นี่ คลิกเลย!

เรื่อง : Hoyamemoria
ภาพ : PxHere

7 น้ำมหัศจรรย์ สูตรหน้าใส สวยหล่อทันใจวันวิวาห์

แน่นอนว่าเป็นเจ้าสาวทั้งทีงานผิวต้องมา นอกจากสารพัดครีมบำรุงผิว และคอร์สเสริมความงามที่อัดแน่นแล้ว การบำรุงจากภายในก็สำคัญไม่แพ้กันนะจ๊ะคุณเจ้าสาว แพรว wedding เลยนำ สูตรหน้าใส ผิวสวยมาฝาก กับเมนูน้ำผักผลไม้แบบ 7 สูตร 7 วันไม่ซ้ำซากจำเจ ที่ทำง่าย ดื่มสะดวก รสชาติดี แถมผิวพรรณยังดีสวยใสสายธรรมชาติแน่นอน

 

วันที่ 1 : ล้างสารพิษ
เริ่มวันแรกเพื่อสุขภาพที่ดีงามด้วยการดีท็อกซ์ภายในร่างกายจากผักผลไม้สีเขียวที่อุดมไปด้วยโพแทสเซียมกรดโฟลิก แมกนีเซียม เหล็ก ฟอสฟอรัสและกรดอะมิโนจำเป็น ซึ่งมีส่วนช่วยในการล้างสารพิษในลำไส้และร่างกาย ส่วนผสมมีดังนี้ คื่นช่าย 1 กำมือ, ใบคะน้า 4-5 ใบ, แอปเปิ้ลเขียว 1 ลูก, ผักชีฝรั่ง 1 กำมือ, น้ำมะนาว 1 ลูก, ขิงสด 1 ท่อน ส่วนวิธีการก็คือนำส่วนผสมทั้งหมดใส่ลงไปในเครื่องแยกกาก เมื่อสกัดได้นำแล้วก็ดื่มทันที เพื่อวิตามินในผักผลไม้จะได้ไม่สลายตัวเร็วนะจ้ะ

1

วันที่ 2 : หุ่นดีได้พร้อมผ่อนคลาย
สดชื่นด้วยผลไม้นานาชนิดที่อุดมไปด้วยเอ็นไซม์ที่มีส่วนในการช่วยย่อยและการขับถ่าย การันตีว่าดื่มแล้วระบบทางเดินอาหารดีขึ้นแน่นอน นอกจากนี้ยังได้ความสดชื่นยามเช้า ช่วยผ่อนคลายเบาๆ ก่อนไปทำงาน สูตรเด็ดที่ว่ามีส่วนผสมดังนี้ มะละกอสุกครึ่งลูก, สับปะรด 1 ชิ้น, ขิงสด 1 ท่อน, กีวี่สด 1 ลูก, น้ำมะพร้าวอ่อน 1 ถ้วย วิธีทำแสนง่ายเพียงนำส่วนผสมทั้งหมดลงเครื่องแยกกากก่อน เมื่อสกัดน้ำได้แล้วให้เทลงในแก้วที่ใส่น้ำแข็งสัก ¾ เสร็จแล้วดื่มได้เลยจ้า แบบนี้สดชื่นสุดๆ หรือถ้าอยากกินเพียวแบบเย็นๆ ก็นำผลไม้ไปแช่ตู็เย็นก่อนจึงนำมาสกัดค่ะ

2

วันที่ 3 : สูตรหน้าใส ผิวขาว กระจ่างใส
เอาใจบ่าวสาวที่อยากมีผิวขาว กระจ่างใส ดูอ่อนเยาว์ ด้วยผักผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินดั่งยาอายุวัฒนะกับผลไม้บ้านๆ อย่างมะม่วงที่เต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระช่วยลดปัญหาผิวคล้ำและริ้วรอย นอกจากนี้ในมะม่วงยังมีวิตามินเอที่ทำหน้าที่เป็นสารฟอกผิวขาวแบบธรรมชาติช่วยผิวพรรณสดใสเปล่งปลั่ง เครื่องดื่มเพื่อผิวสวยสูตรนี้มีส่วนผสมไม่มากมาย ได้แก่ มะม่วง 1 ถ้วย, แตงกวา 1 ลูก, ผักโขม 1 กำมือ โดยให้คุณนำส่วนผสมทั้งหมดใส่เครื่องปั่น เติมน้ำแข็งเล็กน้อย จากนั้นปั่นให้ความเร็วปานกลางให้พอมีเกล็ดน้ำแข็งกรุบๆ ดื่มไปเคี้ยวน้ำแข็งไปอร่อยเว่อร์ ขอบอก!!

3

วันที่ 4 : ผิวนุ่มชุ่มชื่น
สำหรับบ่าวสาวที่อยากมีผิวเนียนนุ่มน่าสัมผัส ต้องทานสูตรนี้เลยคะ เพราะอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและเบต้าแคโรทีให้ความชุ่มชื้นอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยในการรักษาความยืดหยุ่นของผิวให้อ่อนเยาว์ นอกจากนี้ยังมีกรดโฟลิกในแคนตาลูปที่ช่วยฟื้นฟูผิว จับคู่กับวิตามินซีที่ช่วยผลิตคอลลาเจนซึ่งมีประโยชน์ต่อต้านริ้วรอยบนผิวหนัง และแก้ไขสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ โดยสูตรนี้มีส่วนผสมไม่มากแค่แคนตาลูป 3-4 ชิ้น, แครอท 3 ชิ้น, ก้านคื่นช่าย 2 ก้าน เมื่อเตรียมครบแล้วให้นำส่วนผสมทั้งหมดใส่ลงเครื่องแยกกาก เมื่อสกัดเสร็จแล้วจะดื่มเพียวๆ เลยก็ไม่ว่ากัน หรือถ้าอยากสดชื่นบวกๆ ก็เติมน้ำแข็งเล็กน้อย รับรองว่าสดชื่นแบบสุดๆ ไปเลย

4

วันที่ 5 : หมดปัญหาสารพัดสิว
จบปัญหาหน้าสิวๆ ไปได้เลย ด้วยสูตรแตงกวา 3 ลูก, ผักกาดหอมหัวเล็ก 1 หัว, ใบมินท์ 1 กำมือ, น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ โดยน้ำผักสีเขียวที่ว่านี้อุดมไปด้วยอาหารผิว ตั้งแต่ผักกาดหอมที่มีวิตามินช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิว เพิ่มการไหลเวียนของออกซิเจนในผิว ใบมิ้นท์ทำหน้าที่เป็นน้ำยาทำความสะอาดผิวที่ช่วยลดการเกิดสิวได้ดี วิธีการคือนำส่วนผสมทั้งหมดใส่ลงเครื่องแยกกาก นำออกมาเติมน้ำแข็งหรือนำไปปั่น แค่นี้ก็สวยใสแถมอร่อยอีกต่างหาก

5

วันที่ 6 : ลดริ้วรอย ก่อนวัยอันควร
สูตรนี้เอาใจหนุ่มสาว ที่อยากแก้ปัญหาริ้วรอยบนใบหน้าด้วยคะน้า เนื่องจากเป็นผักที่อุดมไปด้วยวิตามิน A และ K ที่ป้องกันไม่ให้ผิวแห้งและเป็นขุย ซึ่งเป็นสาเหตุหลักในการเกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควร ส่วนผสมมีดังนี้แอปเปิ้ล 1 ลูก, สตอเบอรรี่ 2 ถ้วย, คะน้า 6 ใบ นำส่วนผสมทั้งหมดใส่ลงเครื่องแยกกาก นำออกมาเติมน้ำแข็งเล็กน้อย แล้วดื่มทันที สดชื่นแถมยังได้รับวิตามินแบบเต็มๆ

6

วันที่ 7 : บำรุงสายตา ให้สดใส
ปิดท้ายสัปดาห์ด้วยการเอาใจหนุ่มสาวที่อยากมีดวงตา สดใส ด้วยบลูเบอร์รี่สมูทตี้ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากเต็มเปี่ยมไปด้วยสารที่เรียกว่า Anti-Oxidant วิตามิน C และ วิตามิน E ถ้าทานเป็นประจำจะช่วยบำรุงสายตาและบำรุงจอรับภาพได้เป็นอย่างดี ส่วนผสมมีดังนี้ กล้วยหอมสุก 1 ลูก, บลูเบอร์รี่ 1 ถ้วย, น้ำมันมะพร้าว 1 ช้อนโต๊ะ, ข้าวโอ๊ต 1 ช้อนโต๊ะ ให้คุณนำส่วนผสมทั้งหมดนี้ใส่ลงในเครื่องปั่น เติมน้ำแข็งเล็กน้อย เพียงเท่านี้ก็สวยปิ๊งๆ แถมยังสดชื่นยามบ่ายได้ด้วย

7

เป็นไงบ้างคะ น่าทานใช่ไหมละ อ่านจบแล้วก็อย่ารอช้า รีบไปหาซื้อวัตถุดิบมาทำกันได้ง่ายๆ ที่บ้าน เพียงเท่านี้ก็จะทำให้คุณสวยดูดีแบบธรรมชาติ จากภายนอกสู่ภายใน ที่สำคัญควรพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่นะจ๊ะ

อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับความงามและสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย — https://praewwedding.com/planning/beauty-and-wellness

เรียบเรียงข้อมูลจาก : miescaparate.com.mx , www.huffingtonpost.com , www.wowhdwallpapers.com , women.kapook.com , mag.beautistas.com , social.tnews.co.th , makeup.saloni.pk , www.laprensa.com.ni
ภาพ : http://blog.goaktive.com

เหตุไฉน? ทำไมต้องมีการหมั้นหมายกันไว้ก่อนแต่ง ไปหาคำตอบกันดีกว่า

คำว่า “หมั้น” หมายถึง การมอบสิ่งของให้ฝ่ายหญิงเพื่อแสดงความมั่นใจว่าจะแต่งงานด้วย ส่วนคำว่า “หมาย” หมายถึง มุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ สองคำนี้รวมกันเป็น หมั้นหมาย ซึ่งหมายถึง มุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ว่าจะแต่งงานกับฝ่ายหญิงด้วยความจริงใจ

การหมั้นเปรียบเสมือนการตีตราจอง หรือการจับจองกันและกันเอาไว้ก่อน เป็นการแสดงความจริงใจของฝ่ายชายต่อฝ่ายหญิง วัตถุประสงค์อีกอย่างเหมือนเป็นการเปิดโอกาสให้หนุ่มสาวได้ศึกษาอุปนิสัยใจคอกัน รู้จักเรียนรู้กันและกัน ทำให้การปรับตัวเข้าหากันเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น โดยไม่ให้เป็นที่ติฉินนินทาของคนทั่วไป ถือเป็นผลดีต่อชีวิตคู่ในอนาคต ฝ่ายหญิงที่ถูกหมั้นหมายแล้วจะชอบพอใครไม่ได้อีก หรือผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงจะยกให้ใครอีกไม่ได้เช่นกัน และคนทั่วไปก็จะได้รู้ว่าคนนี้มีเจ้าของหัวใจแล้ว

รู้หรือไม่ว่าการหมั้นของไทยกับฝรั่งนั้นแตกต่างกัน คนไทยมักหมั้นก่อนหรือภายในวันแต่งงานโดยนิยมทำพิธีสวมแหวนต่อหน้าญาติพี่น้องเพื่อนสนิทเพื่อเป็นสักขีพยาน แตกต่างกับของฝรั่งตรงที่ฝ่ายชายจะแอบซื้อแหวนโดยไม่บอกให้อีกฝ่ายรู้เรื่อง การหมั้นของฝรั่งจะให้แหวนกับฝ่ายหญิงไว้เป็นการสัญญาว่าฉันจะแต่งงานกับเธอเพียงคนเดียวไม่จำเป็นต้องมีสักขีพยาน ไม่มีพิธีรีตองเหมือนประเพณีการหมั้นของไทย

หนุ่มคนไหนตีตราจองสาวไว้แล้ว ก็อย่าลืมดูแลหัวใจของอีกฝ่ายให้สมกับที่คุณปรารถนาในตัวเขา ชิลเกินจนโดนถอนหมั้น อย่าหาว่าไม่เตือนนะคะ

ครบสูตรทุกขั้นตอนกับ พิธีแต่งงานไทย แบบสเต็ปบายสเต็ป

เรียบเรียงข้อมูลจาก : kapook, baanmaha.com, teerak-studio.com, benmanhirefashion.com
ภาพจาก : thairath.co.th

งานแต่งบรรยากาศเรียบหรูของ เติม เติมตระกูล & ซี หทัยภัทร @ โรงแรม วอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ

“สัญญาว่าจะรักตลอดไป! รักที่เรียบง่าย ไม่จำเป็นต้องมีดอกไม้ แค่ทำทุกวันให้ดีก็เพียงพอ” นิยามความรักของ เติม เติมตระกูล กมลวิศิษฐ์  และ ซี หทัยภัทร สมรรถวิทยาเวช จนเกิดเป็น ธีมงานแต่งงาน เรียบหรู

ด้วยความที่ทั้งคู่รู้จักเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ยังเด็ก จนได้พัฒนาความสัมพันธ์เป็นคนรัก และผ่านอะไรหลายอย่างมาด้วยกัน รวมถึงมีความรักแบบ long distance มาเป็นเครื่องพิสูจน์ เพราะคุณเติมต้องไปเรียนต่อที่ออสเตรเลีย แต่สุดท้ายแล้วรักแท้ 9 ปีของทั้งคู่ก็ไม่แพ้ระยะทาง เมื่อฝ่ายชายคุกเข่าขอฝ่ายหญิงแต่งงาน พร้อมแผนการขอแต่งงานที่หนุ่มเติมบอกว่าวางแผนล่วงหน้าไว้ถึง 5 เดือน และเกิดเป็น ธีมงานแต่งงาน เรียบหรูขึ้นเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ที่โรงแรม วอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ

“ผมรู้ว่าซีเป็นคนที่ใช่ตั้งแต่แรกพบ ยิ่งพอเริ่มคุยกันก็ยิ่งใช่ เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ผมก็เลยขอซีแต่งงาน”

ก่อนที่จะเริ่มคิดธีมงาน คุณซีได้เจอกับชุดแต่งงานที่ถูกใจและชอบชุดนี้มากๆ ทางคุณน้ำ – ไข่แดงดีไซน์ ผู้จัดงานจึงได้คิดธีมงานแต่งขึ้นมาจากชุดของเจ้าสาวเป็นหลัก โดยเน้นให้รูปแบบงานออกแนวหวานๆ แต่มีความเรียบโก้และคลาสสิคอยู่ในตัว เน้นการตกแต่งในโทนสีทองและสีคอปเปอร์ให้ดูหรูหรา บวกกับได้มาเจอกับสถานที่จัดงานแต่งงานที่ ห้องแมกโนเลีย บอลรูม ของโรงแรม วอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ ที่มีความเรียบโก้อยู่ในตัว พร้อมมีการตกแต่งที่หรูหราทันสมัยเข้ากับธีมมากๆ และยังเป็นโรงแรมที่เพิ่งเปิดใหม่ จึงตอบโจทย์และตรงใจของบ่าวสาวมาก

ส่วนแพลนเนอร์บ่าวสาวเลือกคุณเก่ง wedding is me ให้มาทำหน้าที่จัดการดูแลงานแต่งงานให้ โดยใช้เวลาเตรียมงานกันอยู่ประมาณ 7 เดือน โดยทางทีม wedding is me ได้ทำงานร่วมกับทีมไข่แดงดีไซน์เพื่อสร้างสรรค์รูปแบบงานแต่งงานให้ออกมาตรงใจบ่าวสาวให้มากที่สุด รวมไปถึงยังได้ทีมจัดเลี้ยงของโรงแรม วอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ ที่คอยให้ความช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกในเรื่องต่างๆ เป็นอย่างดี จนทำให้งานแต่งงานออกมาสมบูรณ์แบบอย่างที่บ่าวสาวคิดไว้

และงานนี้ยังได้รับเกียรติจาก พลเอก อภิรัชต์ คงสมพงศ์ ผู้บัญชาการทหารบก มาเป็นประธานในพิธี รวมไปถึงผู้ใหญ่อีกหลายๆ ท่านที่ให้เกียรติมาร่วมงาน รวมไปถึงยังได้พิธีกรมากความสามารถอย่าง แบม – ปีติภัทร คูตระกูล มาทำหน้าที่พิธีกรให้ทำให้บรรยากาศภายในงานลื่นไหลและเป็นไปด้วยความสนุกสนาน

The Details

Venue : ห้องแมกโนเลีย บอลรูม โรงแรม วอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ โทร. 02-846-8888 เว็บไซต์ http://waldorfastoria3.hilton.com
Wedding Dress :  ELIE SAAB Bridal
Groom Suit :  P.MITH (มีแฟลกชิปสโตร์ @ สยามเซ็นเตอร์)
Make-up & Hair :  lindsaymagic (ไอจี @lindsay_magic)
Photo : sixtysix, narakornphotography, thesixthfloor, tachpasit

ไขข้อข้องใจพร้อมคายความลับ 3 จุดบนหน้าผากบ่าวสาว คืออะไรไปดูกัน

หลายครั้งเวลาไปร่วมงานแต่งงานพิธีไทยเรามักจะเห็นจุดสีขาว 3 จุดแต้มอยู่บนหน้าผากของบ่าวสาวเสมอ แล้วเคยสงสัยกันไหมคะว่า 3 จุดบนหน้าผากบ่าวสาว นั้นหมายถึงอะไรและแต้มไปเพื่ออะไร วันนี้เรามีคำตอบมาให้ค่ะ

1. เจิมเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็น “สิริมงคล”

เรื่องความเป็นสิริมงคลนั้นเป็นความเชื่อทั้งทางคติพุทธและพราหมณ์ค่ะ ซึ่งจุด 3 จุดบนหน้าผากนั้นมีความหมายคล้ายคลึงกัน ต่างกันบ้างเล็กน้อยดังนี้

คติพราหมณ์ : จุด 3 จุดในคติพราหมณ์นั้นเปรียบเสมือนพระเจ้าสามพระองค์ หรือที่เรียกว่า “พระตรีมูรติ” เทพเจ้าแห่งความรักตามความเชื่อแบบพราหมณ์ เมื่อมาเจิมอยู่บนหน้าผากของคู่บ่าวสาวแล้วจึงเปรียบได้กับความเป็นสิริมงคลของพระเจ้าได้อยู่กับคู่บ่าวสาวนั้น และจะช่วยดลบันดาลให้ชีวิตคู่ราบรื่นด้วยดี

คติพุทธ : ในความเชื่อแบบชาวพุทธเราถือว่าจุด 3 จุด เป็นเครื่องหมายแทนแก้ว 3 ประการ อันได้แก่ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เพื่อสร้างความเป็นสิริมงคลให้กับคู่บ่าวสาวนั่นเอง

2. เจิมเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ

คติความเชื่อนี้คนไทยรับมาจากอินเดียค่ะ โดยมักจะใช้สีแดงเจิมหน้าผากสตรีอินเดียในวันวิวาห์ เรียกอีกว่าว่า ติกะ (Tika) หรือ บินดิ (Bindi) เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าหญิงผู้นั้นได้แต่งงานมีเจ้าของและมีพันธะในด้านการครองเรือนแล้ว

3. เจิมเพื่อเป็นเครื่องหมายแห่งการเริ่มต้น

การแต่งงานถือว่าเป็นการเริ่มต้นชีวิตคู่ของชายหญิงที่ตกลงปลงใจจะใช้ชีวิตร่วมกัน ดังนั้นในพิธีแต่งงานจึงมักจะนิยมให้ผู้หลักผู้ใหญ่ที่เป็นตัวอย่างของการใช้ชีวิตคู่ที่ดี มีการปฏิบัดีติตนที่ดี มาเป็นผู้เจิมหน้าผากให้กับคู่บ่าวสาว เพื่อให้เป็นตัวอย่างในใช้ชีวิตร่วมกัน

การเจิมหน้าผากนั้นมักจะเริ่มจากจุดตรงกลาง ส่วนจุดต่อไปจะเป็นซ้ายหรือขวาก็แล้วแต่ความถนัดของแต่ละคน แต่เพียงจุด 3 จุดคงจะช่วยให้ชีวิตรักและชีวิตครอบครัวราบรื่นไม่ได้ หากปราศจากความรักและความเข้าใจในกันและกัน

อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับพิธีแต่งงานไทยเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย — https://praewwedding.com/thai-wedding

ข้อมูล : www.oknation.net

คุยกับ ช่างวิดีโอในงานแต่ง อย่างไรให้งานออกมาเป๊ะ ไม่มีพลาด

ช่างวิดีโอในงานแต่ง เมื่อเราจ้างเขามาแล้ว แน่นอนว่าเราอยากได้วิดีโอที่บันทึกช่วงเวลาสำคัญๆ เอาไว้ได้อย่างครบถ้วน และสมบูรณ์แบบที่สุด

แต่บ่าวสาวคงสงสัยใช่ไหมว่า แล้วเราต้องคุยกับ ช่างวิดีโอในงานแต่ง อย่างไรดี เพื่อให้งานออกดีและสมบูรณ์แบบ ขอบอกเลยว่าไม่ยากค่ะ เพียงแค่อ่าน 5 ข้อต่อไปนี้

1. ใช้กล้องกี่ตัว

กล้องที่ใช้ในการถ่ายวิดีโอมีส่วนทำให้งานออกมาดีนะคะ การที่มีหลายมุมมอง จะช่วยกันเก็บบันทึกช่วงเวลาสำคัญๆ ได้ดียิ่งขึ้น หรือถ้าหากโดนบัง หรือวุ่นวายก็จะมีอีกกล้องสำรอง แต่ขึ้นอยู่กับราคาที่จ่ายไปด้วยนะจ๊ะ ถ้าจ่ายไปนิดเดียวแต่ขอกล้องสองสามตัว อันนี้น่าจะยากหน่อย

ช่างวีดีโอในงานแต่ง

2. การตั้งค่าเสียง

จำเป็นต้องมีไมค์เสียบบนหัวกล้องไหม หรือใช้ไมค์แยก หรือไมค์โครโฟนไร้สา ที่ติดกับตัวพิธีกร หรือบ่าวสาว เพื่อช่วยเก็บบันทึกเสียงให้มีคุณภาพดียิ่งขึ้น ลองวางแผนแล้วคุยกับช่างวิดีโอดูนะจ๊ะ

ช่างวีดีโอในงานแต่ง

3. โทนสีที่อยากได้

ลองสังเกตวิดีโองานแต่งดีๆ จะมีหลายโทนสี ขึ้นอยู่กับความถนัด และความต้องการของบ่าวสาว ซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถมาปรับแก้ไขในคอมพิวเตอร์ได้ เพียงแค่บ่าวสาวต้องคุยกับช่างวิดีโอให้เข้าใจก่อนเท่านั้นเองค่ะ จะได้เห็น mood & tone ภาพที่ตรงกัน

4. ไฟในงาน

ช่างวิดีโอบางคนจะมีไฟที่ช่วยเพิ่มแสงสว่างภายในงานอยู่แล้ว โดยจะพกมาเองแล้วคิดค่าใช้จ่ายรวมกับราคาวิดีโอไปเลย แต่ถ้าช่างวิดีโอที่บ่าวสาวจ้างมาไม่มีไฟมาด้วยแล้วล่ะก็ อันนี้ก็เป็นหน้าที่ของบ่าวสาวแล้วนะจ๊ะ ที่ต้องสอบถาม และเตรียมเอาไว้ เพื่อไม่ให้เวลาถ่ายวิดีโออกมาแล้วมืดตึ้บ กลายเป็นงานแต่งงานแนวดาร์คๆ ไปซะได้

5. ทำมุมไว้ให้ช่างวิดีโอบันทึกภาพ

เรียกได้ว่าเป็นเรื่องปวดหัวของทั้งช่างภาพและช่างวิดีโอเลยล่ะจ่ะ เพราะพอถึงช่วงโมเม้นต์สำคัญๆ กำลังจะกดชัตเตอร์ หรือกดบันทึกวิดีโอจะมีกลุ่มเพื่อน หรือกลุ่มญาติบ่าวสาว ยกกล้องมือถือมาบดบังกล้องหลักกันให้พรึ่บ หรือไม่ก็ไลฟ์สดลงโซเชียลประหนึ่งว่าตนเองเป็นนักข่าวอยู่ ซึ่งจริงๆ ก็ไม่ผิดหรอกนะคะ แต่มันดันผิดตรงช่างภาพหลักไม่ได้ภาพเนี่ยล่ะค่ะ ดังนั้นบ่าวสาวควรกันไว้ดีกว่ามานั่งเซ็งทีหลัง ว่าภาพตอนตัดเค้กแต่กลายเป็นมีมือถือมาบังอยู่กลางหน้าของบ่าวสาว เพราะฉะนั้นจึงควรจัดพื้นที่ให้ช่างภาพ หรือช่างวิดีโอยืนไปเลย และกันไม่ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องไปวุ่นวายจะดีที่สุดนะจ๊ะ

ช่างวีดีโอในงานแต่ง

รับรองว่าถ้าทำตามนี้ยังไงบ่าวสาวก็จะได้วิดีโอแบบเป๊ะปังแน่นอน … นอกจากนี้ ลองมาดูกันว่าต้องคุยอะไรกับช่างภาพบ้างน้า เตรียมไว้เลยเช็กลิสต์หัวข้อไว้ คุยกับช่างภาพก่อนงานแต่งงานจะมาถึง

โบราณเขาบอกไว้ว่า…ทำแบบนี้ใน งานแต่ง ชีวิตคู่จะยืนยาวนะคุณขา

ชีวิตคู่ที่ยืนยาวเป็นสิ่งที่ทุกคู่รักปรารถนา ถ้าเช่นนั้นลองมาดูความเชื่อ ความเชื่อในชีวิตคู่ ที่จะส่งเสริมให้อยู่ด้วยกันยืดยาวดีไหม เริ่มกันตั้งแต่เช้ากับการคัดเลือกคนมาช่วยแห่ขันหมากใน งานแต่ง กันเลย

ในขบวนขันหมากเจ้าบ่าวควรเชิญผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือและมีคุณสมบัติทุกด้านดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นมีครอบครัวที่ดี มีคู่แต่งงานที่อยู่กันยืดยาว มีหน้าที่การงานใหญ่โต และมีชีวิตสมบูรณ์พูนทรัพย์ มาเป็นคนนำขบวน เชื่อกันว่าจะทำให้บ่าวสาวมีชีวิตคู่ที่ดีเหมือนกับท่านนั่นเอง และจงจำไว้ว่าหากสาวๆ ไม่อยากให้พ่อแม่ของเราไม่ลงรอยกับเจ้าบ่าวก็อย่าให้ท่านไปเผชิญหน้ากับขบวนขันหมากเด็ดขาด แต่ให้ส่งผู้ใหญ่ท่านอื่นมาเป็นผู้รับขบวนขันหมากก่อนแล้วเจอกันที่บริเวณทำพิธี

หากคุณเป็นลูกหลานชาวจีน ต้องไม่ลืมเช็คคนเกิดปีชงกับบ่าวสาวด้วย เพราะคนจีนเชื่อว่าในพิธีรับเจ้าสาวห้ามให้คนที่มีราศีเป็นกาลกิณีกับบ่าวสาวเข้ามาในพิธีเป็นอันขาด เพราะจะทำให้ชีวิตของทั้งคู่ไม่เป็นสุขนั่นเอง (แต่ในเมื่อเราเช็คแขกเป็นร้อยๆ ไม่ได้ ให้เช็คแค่ญาติสนิทก็พอ)

สำหรับพิธีส่งตัวเข้าหอ ถ้าอยากให้ชีวิตครอบครัวยั่งยืน มีลูกหลานที่ดี ต้องให้ผู้เฒ่าที่ครองคู่กันยาวนาน มีครอบครัวลูกหลานที่ดีเป็นคนมาปูที่นอนให้เท่านั้นนะ

Read More : ทริคเด็ดพูดให้ผ่านประตูเงินประตูทองแบบฉลุย!

ปัญหาโลกแตก! จัดเลี้ยงแบบไหนที่ใช่สำหรับงานแต่งงานของคุณ?

ปัญหาหลักสำหรับอาหารในงานแต่งงาน นั่นก็คือคนส่วนใหญ่มักจะไม่รู้ว่า จัดเลี้ยง อาหารแบบไหนเข้ากับงานแต่งงานของตัวเองมากที่สุด โดยปกติแล้วอาหารงานแต่งจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆด้วยกัน ได้แก่ บุฟเฟต์ ค็อกเทล และโต๊ะจีน เอาล่ะค่ะ ถึงจะมีแค่ 3 รูปแบบการจัดเลี้ยงหลักๆก็เถอะ แต่เราจะใช้อะไรมาเป็นตัวตัดสินว่าใช้แบบไหนจะเหมาะกับงานของเรากันล่ะ คิดๆ แล้วก็ปวดหัวขึ้นมาเลยใช่ไหมล่ะคะ เพราะว่ารูปแบบการจัดเลี้ยงนั้นไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลย วันนี้แพรว wedding จึงได้รวบรวมปัจจัยหลัก 2 ข้อที่เราควรรู้ก่อนตัดสินใจเลือกรูปแบบการจัดเลี้ยงมาฝากกันค่ะ รู้ไว้ไม่มีพลาดแน่นอนค่ะ 😉

งบประมาณ

อย่างแรกที่สุดนั้น จำเป็นจะต้องดูปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการจัดงานแต่งงาน นั่นก็คืองบประมาณของคุณลูกค้า เนื่องจากอาหารแต่ละอย่างนั้นจะมีราคาไม่เท่ากัน ดังนั้นเมื่อรู้งบประมาณสำหรับค่าอาหารที่แน่ชัดแล้ว จะสามารถตัดสินใจได้อย่างแน่นอนว่าควรเลือกอาหารประเภทไหน

จำนวน / เพศ และวัยของแขก

สิ่งต่อมาที่ควรทำคือ การนับจำนวนแขกให้แน่ชัด และศึกษาเกี่ยวกับอายุของแขกส่วนใหญ่ในงาน เนื่องจากคนที่มีอายุต่างกัน ย่อมมีการใช้ชีวิต หรือความชอบต่างๆที่ไม่เหมือนกัน

ผู้สูงอายุ และผู้ใหญ่จะชอบนั่งสบายๆ อยู่ที่โต๊ะอาหาร เพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในระหว่างที่กำลังรออาหารมาเสิร์ฟ มากกว่าที่เดินไปเดินมา ยืนอยู่กับที่เพื่อรับประทานอาหาร หรือการหยิบอาหารด้วยตัวเอง ดังนั้นถ้างานแต่งงานมีผู้สูงอายุเยอะ จึงควรจัดงานเลี้ยงในแบบโต๊ะจีน

สำหรับวัยรุ่น จะชอบงานเลี้ยงแบบค็อกเทล หรือบุฟเฟต์ มากกว่าโต๊ะจีน เพราะว่าพวกเขาไม่ชอบความรู้สึกเหมือนโดนบังคับให้กิน ในทางกลับกัน สำหรับงานเลี้ยงแบบค็อกเทลหรือบุฟเฟต์นั้น จะสามารถเดินไปไหนมาไหนรอบงานก็ได้ อยากรับประทานอะไรก็เลือกสรรได้ตามใจชอบ คุยกับคนโน้นคนนี้โดยไม่ต้องนั่งเหงาอยู่ที่โต๊ะ อย่างไรก็ตามอาหารแบบค็อกเทลจะมีบริการที่นั่งเล็กๆตามมุมต่างๆของงาน หรือโต๊ะยืนไว้สำหรับวางอาหารเพื่อรับประทานร่วมกันเป็นกลุ่ม

อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานและดูไอเดียงานแต่งเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย — https://praewwedding.com/planning

cr : theknot.com

การลิสต์รายชื่อแขก ปัญหาโลกแตกสำหรับคู่บ่าวสาว!

สิ่งหนึ่งที่บ่าวสาว มักจะเป็นกังวลและต้องทำการบ้านอย่างมากในการเตรียมงานแต่งงาน คือ การลิสต์รายชื่อแขก จนบางครั้งอาจกลายเป็นเรื่องตัดสินใจยาก ทำให้เกิดความเครียดหรือขัดใจกันเอง ซึ่งส่วนใหญ่ก็ล้วนแล้วแต่มีปัจจัยในเรื่องของงบประมาณ และความจุของสถานที่มาเกี่ยวข้อง และการตัดรายชื่อแขกออกก็เป็นอีกพาร์ทในการเตรียมงานที่ยากแสนยาก โอ๊ยยย..เกร็งไปหมด ดังนั้น แพรว wedding จะมาแนะนำเทคนิคการเคลียร์รายชื่อแขกร่วมงานแบบมีเหตุมีผล ให้คุณไม่ต้องกังวลกับดราม่าที่จะตามมาอีกด้วยค่ะ

 

งบแค่ไหน ที่เราจ่ายได้

ก่อนอื่นคุณจะต้องคำนึงถึงเรื่องงบประมาณ เพราะคุณเป็นฝ่ายที่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้กับแขกทั้งหมด ดังนั้นหากไม่สามารถรองรับแขกครบทุกคนได้ ก็ควรจะจำกัดจำนวนแขกเท่าที่พอรับไหวดีกว่า จากนั้นจึงเลือกประเภทแพ็กเกจการจัดเลี้ยง และเมนูอาหาร ค่าเครื่องดื่ม แล้วนำมาคำนวณงบเพื่อสรุปค่าใช้จ่ายต่อหัวว่าสามารถสอดคล้องไปกับงบประมาณหลักได้หรือไม่ ซึ่งตัวเลขนี้จะทำให้คุณได้รู้ว่าคุณจะเชิญแขกได้กี่คนนั่นเอง

พิจารณาความสัมพันธ์

ถ้าหากมีเพื่อนหรือคนรู้จักที่ไม่ได้คุยกันมานานเป็นปี นั่นหมายถึงเพื่อนเก่า และญาติที่ห่างเหินมานานมาก คนกลุ่มนี้ก็อาจจะตัดออกจากรายชื่อแขกของคุณได้ หรือแม้แต่เพื่อนใน Facebook ที่เข้ามาเม้นต์หรือโพสต์แม้อาจบ่อยครั้งก็สามารถตัดออกจากรายชื่อแขกได้เช่นกัน กระทั่งเพื่อนของพ่อแม่ที่คุณเองไม่เคยได้ยินชื่อก็สามารถตัดออกได้ตามความเหมาะสม

แบ่งลิสต์รายชื่อ A, B และ C

รายชื่อ A จะประกอบไปด้วยชื่อของครอบครัว และญาติสนิท รายชื่อ B จะเป็นบรรดาเพื่อนสนิท ซึ่งสองกลุ่มนี้จะได้รับคำเชิญอย่างแน่นอน ส่วนกลุ่มคนที่คุณอาจจะอยากเชิญแต่ไม่แน่ใจว่าพวกเขาจะมางานได้หรือไม่ ทั้งเพื่อนที่ไม่สนิทมาก หรือคนรู้จักต่างๆ ให้ใส่รายชื่อไว้ในกลุ่ม C ที่คุณจะตัดออกได้ง่ายที่สุดนั่นเอง

เพื่อนร่วมงาน

อาจเป็นมารยาทที่เราต้องเชิญเพื่อนร่วมงานในทีมเดียวกันไปด้วยทุกคน แม้กระทั่งหัวหน้าและเจ้านายของคุณ ส่วนเขาจะไปหรือไม่นั้นก็ต้องว่ากันอีกที ถ้ามีเพื่อนร่วมงานทีมอื่นด้วย ก็ต้องดูที่ระดับความใกล้ชิด คนไหนที่คุณพูดคุยแล้วสบายใจก็เชิญมา แต่ถ้าคนไหนไม่สนิทจริงๆ ก็ไม่ต้องฝืน ตัดออกจากรายชื่อแขกของคุณไปได้เลย

พลัสวัน

ลองนึกดูว่าแขกท่านใดที่มีคู่อยู่แล้วบ้าง เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะควงกันออกงาน แต่ก็ต้องนึกถึงว่ากลุ่มคนเหล่านั้นคบกันนานรึยัง ถ้าพวกเขาแต่งงานแล้ว หรือคบกันมานาน แถมเราสะดวกใจกับทั้งคู่ ก็สามารถชวนคู่ของพวกเขามาได้ แต่สำหรับคู่รักที่ยังคบหากันได้ไม่นานนั้น ก็คงไม่น่าเกลียดนักหากคุณจะตัดออกจากลิสต์ของคุณ

อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับการวางแผนจัดงานแต่งงานและดูไอเดียงานแต่งอีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย!

cr : marthastewartweddings.com

เจ้าสาวที่อยากผมยาว เรามีคำตอบเรื่อง ต่อผม เจ้าสาว จากช่างผมมืออาชีพมาให้!

เป็นเจ้าสาวผมสั้น หรือผมบาง ที่กลัวว่าผมจะยาวไม่ทันวันงานแน่ๆ แล้วจะ ต่อผม ดีไหมนะ? หรือช่างผมจะแก้ไขยังไงให้เราได้บ้าง ไม่ต้องนั่งมโนเอง เพราะเราหาคำตอบมาให้แล้ว!

เป็นอีกหนึ่งปัญหาของเจ้าสาวหลายคน เพราะไม่ใช่เจ้าสาวทุกคนที่จะมีผมยาวสลวยดกหนาประหนึ่งนางเอกโฆษณาแชมพูใช่มั้ยละคะ! ว่าที่เจ้าสาวที่มีผมสั้น หรือผมบาง แต่อยากได้ผมยาวสลวยแบบเจ้าหญิงในวันแต่งงานจะทำยังไงดี? จะต่อผมไปเองเลยจะดีไหมนะ? หรือจะใส่วิก? หรือช่างผมเจ้าสาวจะมีทางแก้ปัญหาอะไรให้เราได้บ้างนะ? ไม่ต้องมโนคำตอบไปเอง เพราะ แพรวเวดดิ้ง หาคำตอบมาให้แล้วจากการโทรสายตรงสัมภาษณ์ คุณ รัชนี รัศมี ช่างผมเจ้าสาวมืออาชีพผู้คร่ำหวอดในวงการผมเจ้าสาวและโฆษณามากว่า 10 ปี!

ต่อผม
bride.com

ปัญหาของเจ้าสาวผมสั้นหรือผมบางในการทำผมเจ้าสาวในวันแต่งงาน…

“ขึ้นอยู่กับทรงผมที่เจ้าสาวต้องการ ถ้าหากผมสั้น หรือผมบาง แต่อยากทำทรงเกล้ามวยเล็กๆ ไม่อลังการมาก ก็สามารถทำได้เลยโดยที่ไม่ต้องต่อผม แต่ถ้าอยากทำทรงหางม้ายาว ทรงปล่อยผมยาวสยาย อันนี้จะต้องใช้การต่อผมเข้ามาช่วยค่ะ”

การต่อผมเจ้าสาว ณ วันจริง ช่างผมจะใช้เทคนิคอะไรคะ?

“ส่วนใหญ่ที่นิยมกันคือ แฮร์พีซที่เป็นคลิป เพราะใช้งานสะดวกและช่วยให้ทรงผมออกมาดูธรรมชาติที่สุด โดยช่างผมจะใช้เทคนิคการติดแฮร์พีซซ่อนในช่อผมเป็นช่อๆ แล้วใช้ผมจริงของลูกค้าช่วยในการเบลนด์ให้ทรงผมโดยรวมดูเป็นธรรมชาติเหมือนผมจริงของลูกค้ามากที่สุด แต่ทั้งนี้ช่างก็จะดูความสั้นและความบางของเนื้อผมจริงลูกค้าด้วย ถ้าบางคนผมบางมาก จะติดแฮร์พีซหลายชั้น ลูกค้าก็อาจจะเจ็บได้เพราะน้ำหนักของแฮร์พีซจะถ่วงลงมาเยอะ อาจจะต้องคุยกันเรื่องการปรับเปลี่ยนทรงผมค่ะ”

ต่อผม
himisspuff.com

แล้วถ้าเจ้าสาวต่อผมมาเองแล้ว จะได้ไหมคะ?

“ได้ค่ะ แต่ทั้งนี้อยากให้คุยกับช่างผมก่อน ว่าเจ้าสาวจะมีการต่อผมเข้ามานะ ช่างจะได้เตรียมตัว เพราะช่างอาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนเทคนิคหน้างาน เพื่อให้ได้ทรงผมที่ดูเป็นธรรมชาติที่สุด”

แล้วถ้าเจ้าสาวอยากใส่วิกผม ได้ไหม? แล้วต้องทำยังไงบ้างคะ?

“ได้เหมือนกันค่ะ เคยมีเหมือนกันที่เจ้าสาวซื้อวิกผมเข้ามาเอง แล้วให้ช่างผมใส่ให้ แต่วิกผมจะมีหลายประเภทแล้วหลายราคา บางทีวิกผมราคาถูกที่ทำจากผมสังเคราะห์อาจจะมีปัญหาว่าดูไม่เป็นธรรมชาติเหมือนผมจริง รวมทั้งใช้งานได้ครั้งเดียวแล้วก็ต้องทิ้งเลย เจ้าสาวที่อยากใส่วิกผม สามารถลองปรึกษากับช่างผมเจ้าสาวเรื่องการเลือกวิกผมก่อนได้ก็จะดีมากค่ะ”

ต่อผม
weddingone.date

สรุปแล้ว มีอะไรที่เจ้าสาวควรบอกช่างผมก่อนเจอกันในวันแต่งงานจริงบ้างคะ?

“เซฟรูปทรงผมที่อยากได้ และอาจจะบอกช่างว่าตอนนี้ผมเราเป็นยังไง สั้นยาวแค่ไหน ถ้าอยากทำอะไรมาก่อน เช่น อยากต่อผมมาเอง อยากซื้อวิกผมมาเอง ก็สามารถบอกช่างก่อนเพื่อปรึกษากันก่อนได้ค่ะ”

คำแนะนำในการเตรียมเส้นผมของเจ้าสาว เพื่อให้ช่างผมทำงานง่าย

“จริงๆแล้ว ช่วงใกล้วันงานมากๆ ไม่ควรทำอะไรกับผมเยอะ เพราะยิ่งทำมากผมก็จะยิ่งลื่น ทำให้การจับช่อผมหรือม้วนลอนจะยากค่ะ ถ้าเป็นคนผมแห้ง แค่สระผมคืนก่อนวันแต่งงานแบบไม่ต้องลงครีมนวดผม ส่วนเจ้าสาวที่ผมมัน สระผมเช้าวันแต่งงานเลยก็ได้ ไม่ต้องลงครีมนวดผมเหมือนกัน

ไม่แนะนำให้ทำสีผมหลังช่วง 1 อาทิตย์ ก่อนแต่งงาน เพราะบางทีกลิ่นน้ำยาทำสีผมจะยังอยู่ และสีผมก็ยังไม่เข้าที่ด้วยค่ะ”

ต่อผม
moncheribridals.com

ว่าที่เจ้าสาวผมสั้น หรือผมบาง ได้ยินแบบนี้คงเบาใจขึ้นเยอะเลยใช่ไหมคะ? อย่าลืมเตรียมตัวกันตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อลุคสวยสุดเพอร์เฟคในวันแต่งงานกันนะ

ชอบคอนเท้นต์นี้ของเรา? คลิกอ่าน ทิปส์การเลือกผมเจ้าสาวที่เหมาะกับตัวเองจากช่างผมมืออาชีพ ที่นี่เลย

มาดูวิธีเลือกชุดเพื่อนเจ้าสาว สำหรับสาวพลัสไซส์ทริคง่ายๆ ไม่ต้องกังวล

กำลังมองหา ชุดเพื่อนเจ้าสาว กันอยู่หรือเปล่าจ๊ะ แน่นอนว่าหาได้ไม่ยาก แต่อาจจะยากหน่อยหากคุณเป็นสาวพลัสไซส์ (สาวอวบ)

แต่เอาเป็นว่าสาวๆ พลัสไซส์ไม่ต้องกังวลไปกันนะ ว่าจะหา ชุดเพื่อนเจ้าสาว สวยๆ ใส่ไม่ได้ หรือต้องไปหาแบบไหนกันดี เพราะแพรว wedding นำเคล็ดลับดีๆ มาบอกต่อ แถมทำตามกันได้ง่ายๆ ไม่ต้องมามัวเขินสรีระกันแล้วนะ

ชุดเพื่อนเจ้าสาว1. เลือกชุดสีเข้ม

คนอวบใส่ชุดสีดำแล้วจะผอมนั้นเป็นเรื่องจริง แต่ในงานแต่งงานใครเขาจะใส่สีดำไปกันล่ะ เราสามารถเปลี่ยนสีชุดจากสีดำ มาเป็นชุดสีเข้มๆ ได้ เพื่อจะได้ช่วยอำพรางหุ่นของเรา เช่น สีแดงเข้ม สีน้ำเงิน สีน้ำตาล เป็นต้น แต่ทั้งนี้ก็ต้องเลือกสีให้เข้ากับผิวเราด้วยนะจ๊ะ ถ้าผิวเข้มแต่ใส่สีน้ำตาล ถึงแม้จะดูเพรียวบาง แต่แยกไม่ออกเลยว่าอันไหนชุด อันไหนคนก็ลำบากหน่อย

ชุดเพื่อนเจ้าสาว

2. เลือกชุดราตรียาว

ชุดราตรียาวเหมาะกับสาวพลัสไซส์เพราะจะช่วยอำพรางสัดส่วนได้ดี ทางที่ดีควรเลือกชุดราตรีที่ปล่อยชายกระโปรงตั้งแต่เอวลงมา จะช่วยซ่อนพุงได้ดีเลยล่ะ และที่สำคัญคนใส่จะดูผอมเพรียวอย่างมาก ด้วยการใส่รองเท้าส้นสูง เพราะหากลากส้นแบนเข้างานเมื่อไหร่ ก็คงไม่พ้นสาวอวบแถมตัวดูตันแน่นอน

ชุดเพื่อนเจ้าสาว

3. เลือกชุดปิดไหล่

สาวพลัสไซต์ส่วนใหญ่แขนจะใหญ่ ดังนั้นลองเลือกชุดเพื่อนเจ้าสาวที่ปิดไหล่ หรือแขนยาวดู ถ้าเลือกใส่เป็นสายเดี่ยว หรือเกาะอกจะยิ่งไปเพิ่มความเด่นให้กับไหล่นะจ๊ะ แต่ถ้าไม่ได้ซีเรียสเรื่องแขนก็สามารถใส่สายเดี่ยว หรือเกาะอกได้ ถ้าหากเป็นชุดแขนยาว ก็อย่าเลือกชุดที่รัดแขนมากเกินไป ลองเลือกผ้าลูกไม้ดู จะได้ดูโปร่งๆ ไม่แน่นเกิน เราจะได้สวมใส่สบายและมั่นใจมากยิ่งขึ้นค่ะ

4. เสื้อปาดคอ

สำหรับสาวๆ ที่หน้าอกใหญ่แล้วไม่มั่นใจถ้าหากจะใส่เกาะอก เพราะจะยิ่งเน้นทรวงทรงบริเวณนั้นให้ตู้มต้ามขึ้นไปอีก อาจจะลองเลือกเป็นชุดแบบคอปาดดูก็ได้นะคะ หรือจะเลือกแบบมีสายพาดบ่าก็ดูสวยเก๋ แต่ถ้าหากอยากเลือกชุดที่เป็นเสื้อแขนยาว ลองออกแบบให้บริเวณช่วงคอนั้นลึกลงมาหน่อย จะได้ช่วยให้ช่วงคอดูสง่า และไม่ตันนั่นเอง

5. เลือกผ้าที่ไม่หนามาก

สำหรับสาวพลัสไซส์ที่กำลังมองหาชุดเพื่อนเจ้าสาวอยู่ อยากให้ลองโฟกัสที่ผ้าด้วยนะจ๊ะ ไม่ควรเลือกผ้าที่หนาจนเกินไป เพราะแน่นอนจะยิ่งเพิ่มความหนาให้กับตัวเรา ทางที่ดีเลือกผ้าโปร่งๆ ผ้าลูกไม้ หรือผ้าที่มีความมันวาว ก็จะช่วยอำพรางหุ่นได้ดีค่ะ

เพียงเท่านี้ก็ไม่ต้องเครียดกันแล้วนะ ว่าสาวๆ พลัสไซส์จะหาชุดเพื่อนเจ้าสาวแบบไหนให้เข้ากับตัวเอง และสามารถสวมใส่ได้อย่างมั่นใจ ถ้าได้แบบที่ถูกใจแล้ว ลองมาดูร้านชุดเพื่อนเจ้าสาวราคาไม่แรงกันบ้างดีกว่า รวมร้านเช่าชุดเพื่อนเจ้าสาวสวยงามอลังการ ราคาแค่หลักร้อยถึงหลักพัน

ภาพจาก : Pinterest.com

วิธีเซฟ ทรงผม และ เมกอัพเจ้าสาว จากสายฝนและอากาศเปลี่ยนแปลง!

ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย จะเซฟ ทรงผม และ เมกอัพเจ้าสาว ให้สวยตลอดงานแต่งที่อาจจะเต็มไปด้วยแรงลม สายฝน หรือแสงแดดร้อนได้อย่างไร? มาดูกัน

ฤดูกาลที่อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยอย่างช่วงนี้ คาดการณ์อะไรแน่นอนไม่ได้เลยนะคะ พยากรณ์อากาศอาจจะบอกว่าวันวิวาห์ของคุณเป็นวันท้องฟ้าแจ่มใส แต่พอถึงวันนั้นจริงๆ ฝนอาจจะตก ลมแรง หรืออากาศร้อนอบอ้าวขึ้นมาเฉยๆ ถ้าหากจัดงานในบอลรูมโรงแรมอาจจะรอดอยู่ แต่บ่าวสาวยุคใหม่ที่ชอบจัดงานในร้านอาหารหรือสเปซกึ่งเปิดกึ่งปิด อาจจะต้องพยายามหาแผนสองเพื่อป้องกันความไม่แน่นอนของสภาพอากาศ เช่นเดียวกันกับสิ่งสำคัญอย่างทรงผมและ เมกอัพเจ้าสาว ที่จะต้องอยู่กับเจ้าสาวตลอดทั้งวันทั้งคืน มาดูกันว่าวิธีการเซฟเมกอัพและทรงผมเจ้าสาวจากสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงให้เราเป็นเจ้าสาวที่สวยปิ๊งตลอดเวลา มีอะไรบ้าง

เมกอัพเจ้าสาว

เลือกทรงผมที่เหมาะกับสภาพอากาศ

ช่างผมมืออาชีพต่างก็ไม่แนะนำให้เจ้าสาวที่แต่งงานกลางแจ้งหรือริมทะเลปล่อยผมสยาย แม้ผมทรงนี้จะดูสวยในภาพถ่ายแฟชั่น แต่ความจริงนั้นผมคุณจะดูยุ่งเหยิงด้วยแรงลมหรือไม่ก็ลีบแบนด้วยความชื้นในอากาศ เพราะฉะนั้นเลือกทรงผมเกล้ามวย หรือถักเปียเก็บลูกผมจะเซฟมากกว่าค่ะ

อุปกรณ์เสริมสวยฉุกเฉินที่ต้องให้เพื่อนเจ้าสาวพกไว้!

  • กระดาษทิชชู รู้หรือไม่คะ ว่ากระดาษทิชชูเนื้อละเอียดนั้นซับความมันออกจากผิวหน้าได้ดีกว่ากระดาษซับมัน! ถ้าหากเจ้าสาวต้องอยู่ท่ามกลางอากาศที่ค่อนข้างอบอ้าว หรือชื้นจนเหงื่อออกหรือความมันออกบนใบหน้า ให้เพื่อนเจ้าสาวพกกระดาษทิชชูไว้ซับผิวหน้าเบาๆ ตลอดเวลา ช่วยได้ดีกว่ากระดาษซับมันค่ะ
  • กิ๊บติดผมสีเดียวกับผมของคุณ เผื่อว่าแรงลมทำให้ปอยผมหลุดออกมา เราจะได้ใช้เจ้ากิ๊บนี้ติดกลับเข้าไปได้อย่างทันท่วงที ทิปส์จากช่างผมมืออาชีพคือ ติดปอยผมส่วนปลายเข้ากับกิ๊บ หมุนๆปอยผมให้พันรอบกิ๊บ แล้วค่อยเหน็บเก็บเข้าไปค่ะ

เมกอัพเจ้าสาว

อย่าใช้เมกอัพเนื้อครีมหรือกลอส

หลังจากที่ช่างแต่งหน้าเรากลับไป แน่นอนว่าเจ้าสาวก็จะต้องเติมเมกอัพด้วยตัวเองบ้างใช่ไหมคะ แต่เราแนะนำให้หลีกเลี่ยงลิปกลอส บลัชเนื้อครีม หรือลิปสติกเนื้อครีมที่เสี่ยงทำให้ปอยผมเราไปปลิวไปติดกับใบหน้าและริมฝีปากเราได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณเป็นเจ้าสาวที่แต่งงานริมทะเลค่ะ

Less is more

เมกอัพสวยธรรมชาติที่ไม่ต้องเยอะมากจะยิ่งช่วยเซฟลุคเจ้าสาวให้ดูสวยได้ยาวนานค่ะ ระวังการติดขนตาปลอมที่เยอะเกินไปจะเสี่ยงต่อขนตาปลอมปลิวหลุดหรือหลุดร่วงเพราะความชื้นและแรงลม ลิปสติกสีจัดจ้านก็อาจจะเสี่ยงต่อการเลอะเลือนมานอกริมฝีปากถ้าอากาศร้อนหรือชื้นมากเช่นกัน

เมกอัพเจ้าสาว

ได้ทิปส์สำหรับเซฟลุคสวยท่ามกลาสภาพอากาศที่ไม่แน่นอนในงานแต่งงานของเราแล้ว มาอ่านทิปส์อื่นๆ ที่เราเคยรวบรวมไว้เพื่อให้เมกอัพและทรงผมเจ้าสาวยังคงสวยตลอดงานกันต่อ ที่นี่เลย

credit story: marthastewartwedding.com

ศึกแห่ง วงดนตรีในงานแต่ง ระหว่างดนตรีสด vs. เปิดแผ่น แบบไหนเวิร์กกว่ากัน

วงดนตรีในงานแต่ง อีกหนึ่งปัญหาโลกแตกของว่าที่บ่าวสาว

ถือเป็นปัญหาโลกแต่ไม่ใช่น้อยกับคำถามที่ว่า “ในงานแต่งของเราควรใช้ วงดนตรีในงานแต่ง แบบไหนดี ระหว่างดนตรีสด หรือว่าเปิดจากแผ่น แบบไหนจะดีกว่ากันนะ” แพรว wedding เลยจะนำขอเปรียบเทียบศึกแห่งเสียงเพลงนี้ให้ว่าที่บ่าวสาวได้ดูว่า เลือกแบบไหนถึงจะเหมาะกับงานแต่งงานของคุณ

ดนตรีสด

– ความสดทำให้งานดูมีชีวิตชีวา และวงดนตรีระดับมืออาชีพก็สามารถสร้างการปฏิสัมพันธ์ระหว่างแขกกับวงดนตรีได้เป็นอย่างดีอีกด้วย เช่น การขอเพลง การร่วมร้องเพลง จึงทำให้งานดูมีสีสัน และแขกสามารถสนุกและรู้สึกมีส่วนร่วมกับงานได้อย่างเต็มที่

– ต้องจัดหาพื้นที่และอุปกรณ์สำหรับวงดนตรี ไม่ว่าจะเป็น ขนาดของเวทีนั้นเหมาะสมและเพียงพอสำหรับวงดนตรีที่หามาหรือไม่ หรือบ่าวสาวจะต้องจัดหาห้องพักให้กับนักดนตรีเพื่อเก็บตัวก่อนงานเริ่มหรือเปล่า แม้กระทั่งเครื่องดนตรีที่ใช้เล่นนั้นบ่าวสาวจะต้องเป็นผู้จัดหาหรือทางวงดนตรีจะเตรียมมาเองก็เป็นสิ่งที่ต้องพูดคุยกันให้เรียบร้อย

– ใช้แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้กรณีเกิดเหตุสุวิสัย เช่น ประธานมาช้า เป็นต้น ซึ่งวงดนตรีระดับมืออาชีพจะสามารถช่วยเอนเตอร์เทนและสร้างบรรยากาศให้แขกไม่รู้สึกว่างานกำลังเลท

– ยิ่งดังยิ่งคิวแน่น ต้องแย่งชิงกับคู่อื่น แถมถ้าไม่คอนเฟิร์มให้เป๊ะอาจเสี่ยงต่อการถูกเบี้ยวเอาดื้อ ถึงตอนนั้นมาเตรียมแผ่นไปเปิดก็คงไม่ทันการเสียแล้ว

– เล่นไม่ได้ทุกเพลง ดังนั้นบ่าวสาวจึงควรให้รายชื่อเพลงที่ต้องการให้วงดนตรีเล่นในงานกับนักดนตรีไปก่อนล่วงหน้า

– อาจมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้นได้ เช่น อุปกรณ์พัง นักร้องมาสาย ลำโพงแตก เป็นต้น เพราะฉะนั้นบ่าวสาวจะต้องมีแผนสำรองหากเกิดกรณีฉุกเฉินเหล่านี้ขึ้น

วงดนตรีในงานแต่ง

เปิดจากแผ่น

– ทางเลือกนี้เหมาะกับบ่าวสาวที่ต้องการเน้นการขับคลอของเสียงเพลงเพื่อสร้างบรรยากาศมากกว่า และอาจจะต้องทำใจนิดนึงว่าการเปิดแผ่นอาจไม่ดึงดูดความสนใจได้เท่ากับวงดนตรีสด

– ไม่ต้องจัดหาพื้นที่และใช้อุปกรณ์น้อย เพราะบ่าวสาวเพียงแค่เตรียมซีดี หรือเตรียมไฟล์ไว้ก็สามารถเปิดได้เลยทันที

– หากเกิดเหตุสุดวิสัย เช่น ประธานมาช้า อาจดึงดูดความสนใจคนได้ไม่มากพอ

– ไม่มีข้อจำกัดเรื่องเวลาและค่าใช้จ่าย บ่าวสาวสามารถเตรียมเพลงมาได้แบบไม่อั้น แถมยังไม่ต้องเสียสตางค์ไปจ้างใครอีกด้วย อีกทั้งยังสามารถเป็นผู้ควบคุมเสียงเพลงได้ด้วยตัวเองว่าจะให้เล่นหรือหยุดเล่นตอนไหนก็ได้

– ชอบเพลงไหนเตรียมเองได้เลย เตรียมเซตเพลงที่ชอบไว้ได้เต็มที่ โดยไม่ต้องห่วงว่านักดนตรีจะเล่นได้หรือไม่

– เสี่ยงต่อเหตุฉุกเฉินน้อย เพราะบ่าวสาวสามารถรับมือได้ เช่น เตรียมแผ่นสำรองไว้ โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าเครื่องดนตรีจะเสีย หรือลำโพงจะพัง หรือนักดนตรีจะสาย เป็นต้น

จะเห็นได้ว่าไม่มีทางไหนเพอร์เฟกต์ เพราะทั้ง 2 ทางเลือกก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียในตัวเอง ดังนั้นบ่าวสาวต้องไม่ลืมกฎของความจริงที่ว่า คนเรามักจะชอบจำอยู่สองอย่าง คือจำสิ่งที่ดีที่สุด กับจำสิ่งที่แย่ที่สุด ดังนั้นบ่าวสาวอยากให้งานแต่งของคุณครั้งนี้ถูกบันทึกไว้ในความทรงจำในด้านไหน คุณสามารถกำหนดได้ด้วยตัวเองนะคะ

หากเลือกได้แล้วว่าการสร้างเสียงเพลงแบบไหนที่ใช่งานคุณ ลองมาระวังเรื่องต่อไปนี้กันด้วยกับ อย่าปล่อยให้ดนตรีในงานแต่งมาทำให้งานของคุณพังมาดูวิธีรับมือกันดีกว่า

ภาพ www.pexels.com

ส่วนผสมในสกินแคร์ที่ เจ้าสาว ผิวแพ้ง่าย ควรหลีกเลี่ยง!

เป็นเจ้าสาว ผิวแพ้ง่าย ต้องระวังในการเลือกสกินแคร์มากเป็นสองเท่า! ส่วนผสมอะไรบ้างที่ไม่ควรมี เราหาคำตอบมาให้แล้วค่ะ

จะเตรียมผิวเจ้าสาวก่อนแต่งงานว่ายากแล้ว เป็นสาวผิวแพ้ง่ายที่กำลังจะเป็นเจ้าสาวนี่ยากขึ้นเป็นสองเท่านะคะ! เพราะอยากอัพเกรดการดูแลผิวหน้าให้ยิ่งสวยเด้งก็ทำไม่ได้ จะลองนั่นลองนี่ที่ใครเค้าว่าดีก็กลัวจะแพ้ไปหมด แต่จะอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไรเลย ก็กลัวว่าวันแต่งงานผิวจะไม่โลกว์สวยออร่าดังใจ ฮืออออ….อย่าร้องไห้ไปค่ะ เรารู้ใจเหล่าว่าที่เจ้าสาวผิวแพ้ง่าย เลยรวบรวมความรู้มาให้แล้วว่า ส่วนผสมไหนในสกินแคร์ที่ ไม่ควรมี! เหล่าว่าที่เจ้าสาวผิวแพ้ง่ายจะได้มีไอเดียเวลาเลือกซื้อสกินแคร์ที่ใช่แบบไม่ต้องกลัวแพ้ค่ะ

 

น้ำหอม & สีสังเคราะห์

ข้อนี้ชัวร์ค่ะ เพราะส่วนผสมทั้งสองอย่างนี้คือส่วนผสมจากสารสังเคราะห์ นอกจากนั้น กลิ่นหอมของสกินแคร์หนึ่งชิ้นอาจจะประกอบขึ้นมาจากหัวน้ำหอมนับร้อยๆกลิ่นมาผสมกัน มีโอกาสสูงมากๆที่ผิวของเราจะแพ้อย่างใดอย่างหนึ่งในเหล่าส่วนผสมนับร้อยนี้

แอลกอฮอล์

เพราะว่าแอลกอฮอล์มีฤทธิ์ทำลายเกราะป้องกันผิวชั้นบน และยังทำลายจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยให้ผิวเราสมดุลอีกด้วย

Retinol

ถึงแม้ว่ากรดวิตามินเอ หรือ เรตินอล จะสามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยได้ แต่ไม่เหมาะกับการใช้บนผิวแพ้ง่ายอย่างยิ่ง เพราะผลข้างเคียงของสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของเรตินอลคือการทำให้ผิวแห้งตึงกว่าปกติ อาจจะยิ่งทำให้ผิวแพ้ง่ายเกิดอาการระคายเคืองจนลุกลามกลายเป็นอาการแพ้ได้ค่ะ

เอสเซนเชียล ออยล์

เรามักจะได้ยินบ่อยๆ ว่าเอสเซนเชียลออยล์คือส่วนผสมจากธรรมชาติ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ทำให้เกิดอาการแพ้ เพราะสารสกัดออยล์บางประเภท เช่น ซิตรัส มิ้นต์ ยูคาลิปตัส สามารถทำให้เกิดอาการแพ้ในบางคนได้ เพราะฉะนั้นสำหรับสาวผิวแพ้ง่ายทางที่ดีหลีกเลี่ยงเลยดีกว่าค่ะ

ซัลเฟต

ส่วนผสมที่เขียนบนฉลากว่า sodium laureth sulfate หรือ sodium laurel sulfate ก็คือซัลเฟต ที่มีคุณสมบัติดึงเอาความมันออกจากพื้นผิว (ก่อนหน้านี้จึงนิยมใช้กับแชมพูเพื่อให้ช่วยดึงเอาความมันบนหนังศีรษะออกไป แต่ปัจจุบันไม่นิยมแล้ว) การใช้ซัลเฟตจึงเป็นการดึงน้ำมันตามธรรมชาติที่เคลือบปกป้องผิวชั้นนอกอยู่ออกไป เพราะฉะนั้นกับผิวแพ้ง่ายที่บอบบางอยู่แล้ว แน่นอนว่าจะยิ่งทำให้ผิวของคุณแย่ลงค่ะ

สารกันเสีย & พาราเบน

สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของน้ำจะใช้สารกันเสีย เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำทำปฏิกริยาจนส่วนผสมอื่นๆเสียไปด้วย สารกันเสียที่นิยมใช้กันมากคือ พาราเบน ซึ่งที่จริงแล้วไม่มีอันตราย แต่สามารถกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้กับผิวของบางคนได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผิวที่เคยเป็นโรคสะเก็ดเงิน หรือลมพิษ ซึ่งโครงสร้างเกราะป้องกันผิวไม่แข็งแรง อีกหนึ่งส่วนผสมที่ไม่ควรมีในสกินแคร์คือ methylisothiazolinone ซึ่งสามารถก่อให้เกิดอาการแพ้และยังอันตรายต่อผิวอีกด้วย

เอาละค่ะ! รู้แล้วว่าส่วนผสมไหนที่ควรหลีกเลี่ยงให้ดี สำหรับเหล่าว่าที่เจ้าสาวผิวแพ้ง่าย ก็อย่าลืมดูกันดีๆ เวลาไปช้อปสกินแคร์ใหม่รอบหน้านะคะ แต่ทั้งนี้ ถ้าไม่ชัวร์จริงๆ เราแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญชัวร์สุดค่ะ หรือจะคลิกอ่าน ลิสต์สกินแคร์สำหรับเจ้าสาวผิวแพ้ง่าย ที่เราเคยนำเสนอไว้ก็ได้นะ 🙂

Credit Story: self.com
Credit Cover Photo: home.bt.com