เช็คเลย ทรงผมเจ้าสาวแบบไหนที่เหมาะสำหรับเจ้าสาวแต่ละราศี

ทรงผมเจ้าสาว เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เจ้าสาวให้ความสำคัญและมักจะมีทรงที่อยากทำอยู่ในใจ ซึ่งเจ้าสาวจะต้องพิถีพิถันในการเลือกเพื่อให้ลุคของเราออกมาดูดี ที่สำคัญคุณคงไม่อยากรู้สึกขำตัวเองเมื่อเวลาผ่านไปสักสิบปีแล้วเอารูปถ่ายในวันแต่งงานมาดู แต่พอได้หาแบบทรงผมที่มีอยู่มากมายบางครั้งก็ทำให้ว่าที่เจ้าสาวไขว้เขว้ไม่รู้จะเลือกทรงไหนดี จะปล่อยยาว จะมวยแบบหลวมๆ หรือจะทำทรงที่สลับซับซ้อนขึ้นมาหน่อยจะได้ดูไม่เหมือนใคร แต่ถ้ายังตัดสินใจไม่ได้ลองให้ราศีของว่าที่เจ้าสาวเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยตัดสินใจในการตัดสินใจดีไหมคะ

ราศีเมษ

บุคลิกของสาวราศีเมษคือนักผจญภัย เพราะฉะนั้นจึงมักมีสไตล์ที่ไม่ต้องการความเป็นทางการมาก อย่างเช่น ทรงผมแบบสลีกที่ดูทะมัดทะแมง หรือถ้าหากกลัวว่าจะไม่หวานสมเป็นเจ้าสาวก็อาจเลือกประดับกิ๊บหรือเครื่องประดับเพชรให้เข้ากับทรงผมก็ได้เช่นกัน

ราศีพฤษภ

สาวๆ ราศีนี้ชอบความหรูหราที่ดูเย้ายวน แต่ขณะเดียวกันก็ชอบอะไรที่ดูสบายๆ ด้วย เพราะฉะนั้นทรงผมสำหรับสาวราศีนี้จะต้องดูสวยงามแบบหลวมๆ ไม่ต้องเกล้าให้เรียบเป๊ะแต่ต้องไม่ยุ่งเหยิงจนเกินไป แนะนำให้เพิ่มดอกไม้หรือกิ๊บติดผมดีไซน์เก๋ๆ สักอัน

ราศีเมถุน

สาวๆ ราศีนี้ชอบสีสันและรักความสนุกสนาน เป็นคนที่เป็นกันเองมากๆ เพราะฉะนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจหากเห็นเจ้าสาวราศีนี้เดินพูดคุยกับแขกอย่างเป็นกันเองทั่วทั้งงาน และด้วยสัญลักษณ์คนคู่ที่ดูเหมือนว่าคุณเป็นคนมีสองบุคลิกหรือมีสองด้านในตัว นั่นจึงทำให้สาวๆ ราศีนี้สามารถทำผมได้หลากหลายทรง ไม่ว่าจะผมบ๊อบสั้น, ผมยาว หรือทรงผมสลีกสุดเท่

ราศีกรกฎ

สาวๆ ที่ยึดขนบธรรมเนียมประเพณี มีความเป็นผู้หญิงในตัวสูงมาก และเป็นคนโรแมนติก จึงเหมาะกับสไตล์ที่มีความย้อนยุควินเทจ อย่างเช่น ทรงผมคลาสสิคสไตล์โอลด์-ฮอลลีวู้ด ซึ่งเป็นสไตล์ที่อมตะและคลาสสิคเหลือเกิน

ราศีสิงห์

สาวๆ ราศีนี้เป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง และกล้าหาญทำทุกอย่างสุดๆ เรียกได้ว่าเหมือนมีวิญญาณของเจ้าป่าสิงอยู่ก็ว่าได้ เพราะฉะนั้นทรงผมของสาวราศีนี้จึงต้องมีความอลังการ เช่น การดัดผมลอนแบบเปิดหน้าที่ช่วยเผยเสน่ห์และความมั่นใจของคุณออกมาได้แบบสุดๆ

ราศีกันต์

สาวเพอร์เฟกต์ชั่นนิสตัวแม่ แต่ถึงอย่างนั้นก็รักความสมบูรณ์แบบที่มีความเรียบง่าย และมีความพิถีพิถันในเรื่องรูปร่างหน้าตา เพราะฉะนั้นทรงผมที่เหมาะสำหรับสาวๆ ราศีนี้คือความเป๊ะ อาจเป็นทรงผมหางม้าแบบมัดสูงเรียบเป๊ะไปเลย

9 เคล็ดลับให้ว่าที่เจ้าสาวได้ชุดเจ้าสาวดั่งใจในวันแต่งงานไม่ใช่เรื่องยาก

หลังจากที่สาวๆ โดนเซอร์ไพร้ส์คุกเข่าขอแต่งงาน แพรว wedding เชื่อว่าสิ่งแรกที่หลายคนนึกถึงคือชุดเจ้าสาวสีขาวสวยๆ คิดได้แค่นั้นแล้วก็ไปต่อไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร ซื้อ ชุดเจ้าสาว จากไหน ต้องเตรียมตัวเตรียมใจ และที่สำคัญคือ ต้องเตรียมเงินเท่าไหร่ มีอะไรที่ว่าที่เจ้าสาวจะต้องรู้ก่อนเดินเข้าร้านชุดเจ้าสาวบ้าง เดี๋ยววันนี้ได้รู้กัน

1. กำหนดงบสำหรับชุดเจ้าสาว

ขอเตือนไว้ก่อนเลยว่าให้ “กำหนดงบ” ที่คุณจะใช้ไปกับชุดเจ้าสาวเสียแต่เนิ่นๆ โดยดูจากงบประมาณงานแต่งทั้งหมดที่คุณมี แนะนำว่างบประมาณสำหรับซื้อชุดเจ้าสาวควรจะสัก 10% ของจำนวนเงินทั้งหมด แต่ถ้าใครคิดว่า 10% อาจไม่พอ อยากสวยเริดอลังการเพราะเป็นงานครั้งหนึ่งในชีวิต ก็ลองแบ่งสรรปันเงินจากงบส่วนอื่นๆ มาโป๊ะก็ได้ การทำแบบนี้จะช่วยให้งบประมาณสำหรับชุดเจ้าสาวและงานแต่งของคุณไม่บานปลายนะจ๊ะ

2. เตรียมตัวเสียแต่เนิ่นๆ

ทันทีที่แฟนหนุ่มคุกเข่าสวมแหวนเข้านิ้วนางข้างซ้าย ขอแนะนำว่าให้รีบหาฤกษ์หายามอย่างเร็วที่สุด แล้วดูซิว่าคุณเหลือเวลาสำหรับเตรียมตัวเท่าไหร่ ซึ่งช่วงเวลาที่เหมาะสมและคุณจะสามารถเตรียมตัวได้อย่างสบายๆ ไม่เร่งรีบจนเกินไปก็ควรจะเป็น 6 เดือนถึง 1 ปี เพราะดีไซเนอร์ส่วนใหญ่ต้องใช้เวลาประมาณ 4-5 เดือนในการเสกชุดเจ้าสาวให้สวยตามที่คุณต้องการ แถมตัวคุณเองก็ต้องจัดตารางเวลาสำหรับไปลองชุดอย่างน้อยๆ 3 ครั้ง เพื่อความเป๊ะปังของตัวคุณเอง เพราะฉะนั้นจัดสรรเวลาให้ดีๆ นะคะ

3. หาแบบ หาร้าน อ่านรีวิว

ก่อนที่คุณจะออกไปเดินต๊อกแต๊กหาร้านชุดเจ้าสาว ถ้าไม่อยากเหนื่อยแบบไร้ประโยชน์ แนะนำว่าท่องโลกอินเตอร์เน็ต เปิดเว็บไซต์เพื่อดูแบบชุดเจ้าสาวที่คุณชอบและอยากจะใส่เสียก่อน ถูกใจชุดสไตล์ไหนก็เซฟรูปเก็บไว้เป็นตัวอย่าง จากนั้นก็มองหาร้านชุดเจ้าสาวและอ่านรีวิวก่อนตัดสินใจเลือกร้านด้วย ถ้าขยันขึ้นมาอีกนิดแนะนำว่าให้หาความรู้เกี่ยวกับผ้าที่ใช้ตัดชุดเจ้าสาวสักนิดว่าผ้าแต่ละแบบให้ผิวสัมผัสอย่างไร เอาไว้เป็นความรู้ติดตัวตอนไปคุยกับดีไซเนอร์ อ่อ! ที่สำคัญอย่าลืมหาแบบหน้าและทรงผม รวมถึงช่างหน้าช่างผมไว้ด้วย

4. จัดการนัดหมายกับร้านชุดที่คุณต้องการ

หลังจากที่ตัดสินใจได้แล้วว่าจะเลือกซื้อชุดเจ้าสาวจากร้านไหน ต่อไปก็เป็นการนัดแนะกับทางร้าน สิ่งสำคัญที่ฮีบินอยากเตือนก็คือ อย่าเดินดุ่มๆ เข้าร้านไปเลย  ควรหาเบอร์ของร้านนั้นๆ และ โทรนัดหมายกับทางร้านไว้ก่อน ว่าคุณสะดวกเมื่อไหร่และดีไซเนอร์ว่างตรงกันกับคุณหรือไม่ อย่างน้อยก็ควรจะโทรไปนัดกับทางร้านล่วงหน้าสัก 2 อาทิตย์ อย่าลืมเช็คเวลาให้บริการของร้านด้วยว่าเปิดกี่โมงปิดกี่โมง ไม่ใช่อยู่ๆ โทรไปตอน 3-4 ทุ่ม แบบนี้เสียมารยาท!

5. ไม่ต้องพาคนไปด้วยเยอะ

วลีที่ว่า “มากคนก็มากความ” เป็นความจริงเสมอค่ะ อยากจะบอกว่าพาไปเฉพาะคนที่สำคัญจริงๆ สัก 1-2 คน ขอร้องว่าอย่าเกิน 3 ถ้าคุณไม่อยากปวดหัว คนที่จะพาไปด้วยอาจเป็นว่าที่เจ้าบ่าว คุณแม่ หรือเพื่อนเจ้าสาวสักคนก็ได้ จำไว้ว่าให้เขาไปช่วยดู ช่วยออกความเห็น แต่อย่าให้เขาครอบงำความคิดคุณจนคุณไม่ได้ชุดที่ต้องการ

6. สวย ไม่สวย ต้องลองก่อน

ว่าที่เจ้าสาวบางคนตัดสินว่าชุดๆ นั้นไม่สวยและดูเหมือนถุงกระดาษเพียงเพราะแค่เห็นมันอยู่บนไม้แขวน หยุดค่ะ! อย่าคิดแบบนั้นจนกว่าคุณจะได้ลองมันบนเรือนร่างของคุณ เพราะบางทีมันอาจจะเป็นชุดที่คุณใส่แล้วสวยที่สุดก็ได้ แต่ในทางกลับกันถ้าดีไซเนอร์หรือใครก็ตามบอกว่าชุดนี้สวย เหมาะกับคุณสุดๆ แต่คุณใส่แล้วไม่ชอบ ใส่แล้วไม่มั่นใจก็อย่าฝืนทำตามคำพูดเหล่านั้น คุณสามารถปฏิเสธชุดนั้นได้เช่นกัน

7. อ่านราคาและรายละเอียดการจองให้ดี

สิ่งสำคัญอีกเรื่องที่ว่าที่เจ้าสาวจะต้องโฟกัสก็คือ รายละเอียดราคาชุดและการจอง ดูให้แน่ใจว่าราคาชุดตรงตามที่ตกลงกันหรือไม่ สี ไซส์ สไตล์ใช่แบบที่ได้คุยกันหรือเปล่า และอย่าลืมเรื่องของค่ามัดจำด้วยว่าคุณจะต้องจ่ายมัดจำเท่าไหร่ เรื่องเงินๆ ทองๆ แบบนี้ต้องให้เคลียร์อย่าคลุมเครือนะคะ เดี๋ยวจะเป็นปัญหาทีหลัง

8. ตอนลองชุดต้องขยับเยอะๆ

เวลาที่คุณลองชุดเจ้าสาวแนะนำว่าอย่ายืนนิ่งๆ เป็นหินแกรนิตหน้ากระจกนะคะ จงหมุนซ้าย หมุนขวา เดินหน้า ถอยหลัง เดินรอบร้าน (แต่อย่าเดินออกจากร้านนะ) จนกว่าคุณจะมั่นใจว่าชุดเจ้าสาวที่คุณใส่มันพอดีกับคุณจริงๆ ไม่อึดอัด ไม่รัดแน่นจนเกินไป และที่สำคัญคือ เดินไปไหนมาไหนได้สะดวก ลุกนั่งสบาย เพราะในวันแต่งงานคุณจะไม่ได้ยืนอยู่เฉยๆ แน่นอน

9. จะใส่ชุดกระชับสัดส่วนหรือเปล่า?

ว่าที่เจ้าสาวหลายคนอาจไม่ได้มีรูปร่างเป๊ะปังกระชับตึงไปทั้งหมด ดังนั้นจึงมักหาตัวช่วยเป็นชุดกระชับสัดส่วนมาใส่ให้ตัวเองดูเฟิร์มและมีส่วนเว้าส่วนโค้งชัดเจน และเมื่อคุณใส่ชุดกระชับสัดส่วนขนาดของร่างกายคุณจะเล็กกว่าตอนที่ไม่ได้ใส่หลายนิ้ว เพราะฉะนั้นถ้าคุณตัดสินใจว่าจะใส่ชุดกระชับสัดส่วนในวันแต่งงาน คุณจะต้องใส่มันทุกครั้งที่ลองชุดเจ้าสาว อย่ามาใส่แบบทันทีทันใดในวันแต่งจริงเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นชุดหลวมกว่าตอนซ้อมจะแก้ไขกันลำบาก เสียเวลาต้องมาเย็บเข้าแบบสดๆ กันอีก

เห็นกันแล้วใช่ไหมคะว่าการเลือกซื้อชุดเจ้าสาวไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ยากอย่างที่คิด ว่าที่เจ้าสาวคนไหนที่ยังกังวลและไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร สามารถนำ 9 ข้อนี้ไปใช้กันได้เลยจ้า

ดูไอเดียและคำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับชุดเจ้าสาวเพิ่มเติมอีกเพียบ คลิกเลย!

ข้อมูล : www.marthastewartweddings.com
ภาพ : www.druggarmemes.com, www.marthastewartweddings.com

ทำไงดี เมื่อลิสต์แขกยาวเป็นหางว่าวแต่งบประมาณเท่าหางอึ่ง!

สิ่งที่น่าปวดหัวไม่ใช่น้อยสำหรับการเตรียมงานแต่งก็คงไม่พ้นเรื่องรายชื่อแขกที่จะเชิญ ไหนจะญาติเจ้าสาว ญาติเจ้าบ่าว เพื่อนเจ้าสาว เพื่อนเจ้าบ่าว บางทีขยายวงกว้างไปถึงเพื่อนของพ่อ เพื่อนของแม่ และอีกมากมายหลายคนจนแทบกุมขมับ งานนี้ถ้าเงินหนาปัญหาก็คงแก้ไม่ยาก แต่สำหรับว่าที่บ่าวสาวที่มี งบประมาณ และสถานที่จำกัด เรามี 5 ข้อง่ายๆ มาเป็นตัวช่วยในการคัดกรองรายชื่อแขกว่าใครที่คุณควรจะส่งการ์ดเชิญ และใครที่อาจจะต้องนั่งดูรูปผ่านเฟซบุ๊กเท่านั้น

ข้อที่ 1 : ลิสต์รายชื่อแขกที่ต้องเชิญ

อันดับแรกคุณควรลิสต์รายชื่อแขกที่จำเป็นต้องเชิญมาก่อน อาจจะเป็นแขกผู้ใหญ่คนสำคัญและคนสนิทใกล้ชิด จากนั้นค่อยขยับวงกว้างออกไป ซึ่งวิธีการนี้จะทำให้คุณรู้จำนวนแขกที่แน่นอน แต่อย่าลืมคำนึงถึงงบประมาณและพื้นที่ของสถานที่จัดงานด้วยว่าสามารถรองรับแขกได้เต็มที่กี่คน อย่างเช่น ถ้าสถานที่สามารถรองรับได้ 120 คน ก็คงไม่มีประโยชน์อะไรที่คุณจะลิสต์รายชื่อแขกจนถึง 150 คน จริงไหม?

ข้อที่ 2 : เราเจอกันครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่นะ?

ถ้ารายชื่อแขกเกินจำนวนที่สามารถรองรับได้ ลองถามคำถามนี้กับตัวคุณเองซิว่า “คุณและเขาได้เจอกันครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่?” ไม่นับรวมการพบเห็นผ่านทางโซเชียลเน็ตเวิร์กอย่างเฟซบุ๊กหรือทวิตเตอร์นะ หากว่าไม่ใช่คนสนิทชิดเชื้อกันจริงๆ อีกทั้งยังห่างหายจากวงโคจรของคุณไปนานกว่า 6 เดือน คุณสามารถตัดรายชื่อพวกเขาเหล่านั้นออกไปได้เลย

ข้อที่ 3 : คู่ของคุณรู้จักคนนั้นหรือไม่?

หากว่าบางรายชื่อที่คุณเองก็ยังลังเลว่าจะเชิญดีไหม เช่น เพื่อนจากที่ทำงานเก่า หรือเพื่อนเก่าที่เรียนด้วยกันสมัยมหาวิทยาลัย คุณลองหันไปถามคนข้างๆ สักนิดว่า “เธอรู้จักคนนี้ไหม?” หรือ “เธอสนิทกับคนนั้นหรือเปล่า?” ถ้าคำตอบออกมาเป็นการส่ายหน้าซ้ายขวาแล้วล่ะก็ คัดชื่อคนเหล่านั้นออกจากการ์ดเชิญไปเลยเถอะ

ข้อที่ 4 : แขกคนนั้นเขารู้จักกับใครบ้าง

ลำพังให้เรารู้จักเขา เขารู้จักเราอย่างเดียวคงไม่พอ งานนี้ถ้าปล่อยให้มาเดี่ยวๆ คนเดียวแบบไม่รู้จักใครเลย เขาอาจเกิดอาการเบื่อๆ เหงาๆ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ตัดรายชื่อเขาออกเถอะค่ะ อย่าให้เขาต้องมารู้สึกโดดเดี่ยวภายในงานเลย

ข้อที่ 5 : มองมุมกลับ ปรับมุมมอง

ข้อสุดท้ายถือเป็นข้อสำคัญเชียวนะคะ ลองคิดดูสิว่าถ้าในอนาคตแขกคนนั้นแต่งงาน คุณจะเป็นหนึ่งในรายชื่อที่เขาจะเชิญไปร่วมยินดีในงานมงคลหรือไม่ ถ้าคิดแล้วว่าอาจไม่ได้เทียบเชิญจากเขา จะตัดรายชื่อเขาออกก็คงไม่เป็นปัญหาอะไร ฟังดูแล้วอาจเหมือนเป็นคนใจแคบ แต่นี่ก็เป็นตัววัดและเป็นตัวช่วยตัดสินใจที่ดีทีเดียว

อ่าน 5 ข้อนี้แล้วก็ได้แต่หวังว่าบ่าวสาวที่กำลังหนักใจกับรายชื่อแขกที่ยาวเป็นหางว่าว จะสามารถตัดสินใจได้ว่า “ใครจะได้เข้ารอบ” และ “ใครจะต้องตกรอบ” ในงานวิวาห์ของคุณครั้งนี้ ฟังดูแล้วเหมือนเรียลลิตี้โชว์เลยเนอะ อิอิ!

ดูไอเดียและคำแนะนำเกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ข้อมูล : www.weddingandweddingflowers.co.uk
ภาพ : www. Eliteweddinglooks.com

“น้ำตาล – พิจักขณา” สวยหวานในแฟชั่นชุดแต่งงานคอลเล็กชั่นใหม่จาก Love Concerto

ช่วงนี้แพรวเวดดิ้งเห็นว่านางเอกสาวตาโต น้ำตาล – พิจักขณา วงศารัตนศิลป์ กำลังอยู่ในโลกสีชมพูกับแฟนหนุ่ม ไผ่ – พาทิศ พิสิฐกุล เพราะขยันโพสรูปอวดความหวานในโซเชียลกันถี่ยิบ เห็นอย่างนี้ก็เลยอดใจไม่ได้ที่จะชวนสาวน้ำตาลมาถ่ายแฟชั่น ชุดแต่งงาน คอลเล็กชั่นใหม่ล่าสุดจากร้าน Love Concerto กับชุดแต่งงานหลากสไตล์ที่ทั้งสวยหวาน หรูหรา และเรียบง่ายสไตลิมินิมอล

Love Concerto เป็นร้านที่ให้บริการเรื่องชุดแต่งงานและสตูดิโอถ่ายภาพแต่งงานที่ประสบความสำเร็จและได้รับความไว้วางใจจากคู่บ่าวสาวมายาวนานนับ 10 ปี โดยที่ร้านมีทั้งชุดแต่งงานสากลและชุดไทยหลากหลายรูปแบบให้ว่าที่บ่าวสาวได้เลือกสวมใส่ให้เข้ากับสไตล์ของตัวเอง

จุดเด่นของร้าน Love Concerto คือจำนวนชุดแต่งงานทั้งชุดสากล ชุดไทย และชุดสูทที่มีให้เลือกหลายร้อยชุด เรียงรายอยู่ภายในร้านทั้งหมด 4 ชั้นให้บ่าวสาวได้เลือกกันอย่างจุใจ ไม่ว่าจะเป็นชุดสำหรับสวมใส่ในวันแต่งงานหรือชุดสำหรับถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง โดยทางร้านได้ออกแบบตัดเย็บชุดแต่งงานและชุดไทยชุดใหม่ๆ อยู่เสมอ เพื่อรองรับกับความต้องการของคู่บ่าวสาวทุกสไตล์ให้มากที่สุด ซึ่งชุดแต่งงานที่ Love Concerto มีราคาหลากหลายระดับให้บ่าวสาวเลือก โดยราคาจะขึ้นอยู่กับแบบชุดและวัสดุที่นำมาตัดเย็บ ซึ่งทุกชุดทางร้านได้เลือกใช้วัสดุอย่างดีในการตัดเย็บ รวมไปถึงการออกแบบที่พิถีพิถันในทุกขั้นตอน

สำหรับคู่บ่าวสาวที่เลือกใช้บริการที่ Love Concerto ทางร้านพร้อมให้บริการอย่างดีที่สุดโดยคำนึงถึงความสบายใจของคู่บ่าวสาวเป็นหลัก ผ่านการพูดคุยในบรรยากาศแบบสบายๆ เป็นกันเอง พร้อมทั้งให้เวลาบ่าวสาวได้เดินเลือกชมชุดแต่งงานทั้งหมดที่อยู่ภายในร้าน โดยมีพนักงานผู้มีความเชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำจนกว่าบ่าวสาวจะได้เจอชุดแต่งงานที่ถูกใจ และได้ลองสวมใส่ชุดแต่งงานที่ชอบจริงๆ

และสำหรับว่าที่เจ้าสาวที่ยังไม่มีแบบชุดแต่งงานในใจ ลองมาดูแฟชั่นสวยๆ ของ น้ำตาล – พิจักขณา กับชุดแต่งงานคอลเล็กชั่นใหม่ของ Love Concerto เซตนี้ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเจ้าสาวที่ต้องการดูเป็นตัวของตัวเอง สดใส และเปล่งประกายในวันแต่งงาน โดยเน้นดีไซน์ชุดที่มีรูปทรงอันสวยงามเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นชุดแต่งงานสไตล์มินิมอลที่สวยหวานมีดีเทลเฉพาะตัว หรือชุดอื่นๆ ที่มีดีเทลของเนื้อผ้าและลูกไม้แลดูหรูหราเพื่อสร้างออร่าให้เจ้าสาวดูเฉิดฉายมากขึ้นในวันสำคัญ รับรองว่าไม่ว่าจะใส่ชุดไหนเจ้าสาวก็สวยว้าวทุกชุดแน่นอน

ชุดแต่งงาน
ชุดแต่งงาน ร้าน Love Concerto
ชุดแต่งงาน
ชุดแต่งงาน ร้าน Love Concerto
ชุดแต่งงาน
ชุดแต่งงาน ร้าน Love Concerto
ชุดแต่งงาน
ชุดแต่งงาน ร้าน Love Concerto
ชุดแต่งงาน
ชุดแต่งงาน ร้าน Love Concerto
ชุดแต่งงาน
ชุดแต่งงาน ร้าน Love Concerto
ชุดแต่งงาน
ชุดแต่งงาน ร้าน Love Concerto
ชุดแต่งงาน
ชุดแต่งงาน ร้าน Love Concerto
ชุดแต่งงาน
ชุดแต่งงาน ร้าน Love Concerto
ชุดแต่งงาน
ชุดแต่งงาน ร้าน Love Concerto

ดูแฟชั่นชุดแต่งงานสวยๆ จากร้าน Love Concerto เพิ่มเติม คลิกเลย!

เครดิต : ร้าน Love Concerto
โทร. 09-7963-9988, 09-2417-9994
ไลน์ : @loveconcerto
เฟซบุ๊ก : facebook.com/loveconcerto/
ไอจี : love_concerto_
เว็บไซต์ : www.loveconcerto.net

ทิปส์จัดงานแต่งงานแบบมีเหล่าสัตว์มาร่วมสร้างสีสันในงานแต่ง

สำหรับคู่บ่าวสาวที่รักสัตว์และอยากจะ จัดงานแต่งงาน แบบมีเพื่อนซี้ขนปุยมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในงานแต่งงานด้วย ไม่ว่าจะนำมาถ่ายภาพด้วยกันหน้าแบ็คดร็อป หรือจะให้เจ้าสี่ขานำขบวนเข้างานไปเลย หรือบางคู่รักอาจจะอยากสร้างความประทับใจที่ไม่เหมือนใครด้วยการขี่ม้าเข้ามาในงานแต่ง หรือยกฟาร์มแกะมาไว้ในงาน หากคุณเป็นคนรักสัตว์ที่กำลังมีความคิดเหล่านี้อยู่แล้วล่ะก็ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์เล็กหรือสัตว์ใหญ่จำนวนมากเท่าไหร่ก็ตาม มีสิ่งที่บ่าวสาวจะต้องคิดและพิจารณาให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจ

และนี่คือ 7 เคล็ดลับจัดงานแต่งงานที่มีสัตว์ในงานแต่ง ที่จะช่วยให้บ่าวสาวได้วางแผนว่าต้องทำอย่างไรบ้างหากจะนำเหล่าสัตว์เลี้ยงเข้ามาร่วมในงานแต่งงานของคุณ

 

  • สถานที่แต่งงานอนุญาตให้นำสัตว์เข้าไปได้

ข้อนี้ขึ้นอยู่กับสถานที่แต่งงานของบ่าวสาวล้วนๆ ว่าอนุญาตให้นำสัตว์เข้าไปในสถานที่นั้นๆ ได้หรือไม่ บางสถานที่อาจจะอนุญาตให้นำเข้ามาได้แค่บริเวณภายนอกตัวอาคาร แต่ไม่สามารถนำเข้ามาภายในโรงแรมหรือห้องบอลรูม แต่ถ้าหากบ่าวสาวดันได้สถานที่ที่เป็นใจอนุญาตให้นำสัตว์เข้าไปไดด้ ก็ไม่ใช่ว่าจะสบายได้เลยนะ เพราะยังมีสิ่งที่บ่าวสาวต้องคำนึงอีกมาก ไม่ว่าจะเป็น การเคลื่อนย้ายสัตว์, เสียงร้องที่อาจจะรบกวนแขกของโรงแรมท่านอื่น, กลิ่นของสัตว์ชนิดต่างๆ, และสิ่งปฏิกูลที่เราไม่สามารถควบคุมได เพราะฉะนั้นบ่าวสาวจะต้องสอบถามเรื่องเหล่านี้กับสถานที่ให้ดีว่า การนำสัตว์เลี้ยงเข้าไปต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหรือไม่ และใครจะเป็นผู้คอยดูแลสัตว์เหล่านี้

  • พื้นที่ภายในงานเพียงพอสำหรับสัตว์ด้วยหรือไม่

เรื่องนี้สำคัญมากที่บ่าวสาวจะต้องคิดให้ดี หากคุณจะให้แขกที่มางานสามารถพาสัตว์เลี้ยงของพวกเขามาได้ด้วย หรือคุณจะมีม้าแคระ ฟาร์มแกะ หรือกระต่ายตัวน้อย สิ่งที่บ่าวสาวจะต้องพิจารณาก็คือ มีพื้นที่เพียงพอที่จะรองรับพวกเขาหรือไม่ ซึ่งถ้าหากบ่าวสาวเชิญแขกเยอะ และสถานที่แต่งงานก็ค่อนข้างจำกัด ไม่กว้างขวางพอที่จะรองรับพวกสัตว์ทั้งหลาย แบบนี้ก็คงต้องตัดใจไปก่อนเนอะ

  • ผู้ดูแลสัตว์เป็นสิ่งจำเป็น

หากสัตว์ที่บ่าวสาวจะนำมาไว้ในงานแต่งไม่ใช่สัตว์เลี้ยงหรือสัตว์บ้าน แต่เป็นสัตว์ใหญ่อย่าง ม้า ม้าแคระ ลา หรือแกะ สัตว์เหล่านี้ไม่ใช่ว่าจะลงจากรถแล้วมาอยู่ในงานแต่งคุณได้เลยนะ แต่พวกเขาจะต้องมาพร้อมกับผู้ดูแลที่มีความเชี่ยวชาญด้านสัตว์นั้นๆ โดยเฉพาะ เช่น รู้อารมณ์และการควบคุมสัตว์ไม่ให้ตื่นคน เป็นต้น

หรือแม้แต่ในกรณีที่บ่าวสาวจะนำสัตว์เลี้ยงแสนรักของตัวเองมาร่วมงานแต่ง คุณเองก็ต้องจัดหาผู้ดูแลมาดูแลสัตว์เลี้ยงของคุณเช่นกัน เพราะในวันนั้นไม่ใช่วันที่บ่าวสาวจะต้องมาคอยวุ่นวายดูแลหรือไล่จับเจ้าสัตว์เลี้ยงแสนซนหรอกนะ ฉะนั้นบ่าวสาวจะต้องจัดหาคนที่คุ้นชินและสัตว์เลี้ยงของคุณไว้ใจ (และบ่าวสาวก็ไว้ใจเขาด้วย) มาช่วยดูแล ไม่ว่าจะให้อาหารหรือพาไปเดินถ้าจำเป็น

  • เรียนรู้พฤติกรรมของสัตว์ที่จะนำเข้ามา

สัตว์ที่ไม่ใช่สัตว์เลี้ยง อย่างสัตว์ใหญ่ที่คุณจะนำมาใช้งานหรือโชว์นั้น บ่าวสาวจะต้องมั่นใจว่าสัตว์เหล่านั้นได้ผ่านการฝึกอบรมมาเป็นอย่างดี และไม่ตื่นคน เพราะฉะนั้นจึงจำเป็นมากที่บ่าวสาวจะต้องแจ้งให้กับผู้ดูแลสัตว์ได้ทราบว่า สัตว์เหล่านั้นจะต้องมาทำอะไรในงานแต่งบ้าง เพื่อที่ผู้ดูแลจะได้ฝึกซ้อมสัตว์ของพวกเขาก่อนที่จะนำมาในงานแต่งงานของคุณ

หรือถ้าหากสัตว์เลี้ยงของของคุณไม่เป็นมิตรหรือเข้ากับบุคคลแปลกหน้าได้ยากเราขอแนะนำว่า ให้คุณปล่อยพวกเขาให้นอนเล่นอยู่ที่บ้านอย่างสบายใจ ดีกว่าจะมานั่งกังวลว่าสัตว์เลี้ยงของคุณจะเป็นอย่างไรในงาน หรือไปทำร้ายแขกหรือเปล่าเนอะ

  • แจ้งแขกที่จะมางานให้ทราบล่วงหน้า

การแจ้งให้แขกที่จะมางานแต่งงานได้ทราบล่วงหน้าเป็นสิ่งจำเป็น เพราะแขกบางคนอาจจะนำหรือไม่นำสัตว์มาร่วมในงานแต่ง หรือหากคุณจะมีการแสดงหรือมีฟาร์มสัตว์เล็กๆ ในงานก็ต้องแจ้งให้แขกได้ทราบล่วงหน้าเช่นกัน ถึงแม้ว่าสิ่งนั้นจะเป็นสิ่งที่บ่าวสาวอยากจะเซอร์ไพร้ซ์แขกก็ตาม เพราะหากแขกมาเจอเอาหน้างานบางทีอาจจะเซอร์ไพร้ซ์มากกว่า เพราะกลัวหรือมีความทรงจำที่ไม่ดีกับสัตว์เหล่านั้น ฉะนั้นไม่ว่าจะแจ้งทางการ์ดแต่งงาน, อีการ์ด, หรือใช้บอกให้เพื่อนหรือครอบครัวไปบอกต่อ ก็เป็นสิ่งจำเป็นที่บ่าวสาวห้ามลืมทำเด็ดขาดนะ

  • ครอบครัวหรือแขกในงานมีอาการภูมิแพ้หรือไม่

หากสัตว์ที่คุณนำเข้ามาในงานไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ใดๆ ก็ถือว่าปลอดภัย แต่ถึงอย่างนั้นบ่าวสาวก็ไม่ควรที่จะนิ่งนอนใจ ทันทีที่บ่าวสาวกระจายข่าวว่าจะมีสัตว์ในงานแต่ง และได้ฟีดแบ็คกลับมาว่าแขกคนใดคนหนึ่งมีอาการแพ้แล้วล่ะก็ บ่าวสาวต้องรีบหาวิธีแก้ไขโดยด่วน เช่น จัดพื้นที่สำหรับสัตว์แยกไว้ที่ด้านนอก หรือมียาสำหรับแก้แพ้หรือผดผื่นสำรองเอาไว้ด้วย เป็นต้น ที่สำคัญอย่าลืมรักษาความสะอาด อาบน้ำ กำจัดเห็บหมัดเหล่าสัตว์มาให้เรียบร้อยก่อนงานแต่งด้วยนะ

  • แจ้งทุกหน่วยงานในงานแต่งงานให้ทราบ

เช่นเดียวกับการแจ้งธีมงานและจำนวนแขกของคุณให้สถานที่จัดงานแต่งงาน และเวดดิ้งแพลเนอร์ได้ทราบ ว่าคุณจะมีสัตว์มาอยู่ในงานแต่งงานของคุณด้วย โดยแจ้งให้ละเอียดว่า มีสัตว์ประเภทไหนบ้าง จำนวนเท่าไหร่ และจะอยู่บริเวณไหนของงาน เพื่อให้ผู้จัดงานได้วางแผนภาพรวมของงานแต่ง และเตรียมแผนการที่จำเป็นเพื่อรองรับเหล่าสัตว์เหล่านั้น เช่น อุปกรณ์สำหรับกำจัดกลิ่นและสิ่งปฏิกูล หรืออาหาร เป็นต้น และอย่าลืมแจ้งช่างภาพงานและช่างวิดีโอในงานแต่งให้ทราบด้วย เพื่อที่พวกเขาจะได้จัดเตรียมความพร้อมและอุปกรณ์ต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม

สุดท้ายสิ่งที่บ่าวสาวจะต้องระวังก็คือ สัตว์เหล่านั้นที่อยู่ในงานจะไม่ไปทำลายการตกแต่งสวยงามใดๆ ในงานแต่งงานของคุณเอานะ

ดูไอเดียและคำแนะนำเกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานเพิ่มเติมอีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ popsugar.com, pinterest

รวมสารพัดเรื่องสุดน่าเบื่อในงานแต่งงานที่บ่าวสาวรู้แล้วอย่าได้ทำ

โดยปกติแล้ว งานแต่งงาน เป็นงานที่เราจะได้เห็นรอยยิ้มเยอะที่สุด แต่คุณจะมั่นใจได้อย่างไรว่ารอยยิ้มนั้นจะอยู่ตลอดทั้งงาน มาดูกันดีกว่าว่าอะไรบ้างที่ทำให้รอยยิ้มของแขกในงานแต่งเหือดหายและกลายเป็นความรู้สึกว่างานแต่งน่าเบื่อ!!

1. บ่าวสาวพูดยาวเกินไป

“สั้น กระชับ นับเฉพาะคนสำคัญ” ดีที่สุด เพราะจากการท่องโลกวิวาห์ของเราที่ผ่านมา มักพบว่าเมื่อไหร่ที่บ่าวสาวกล่าวขอบคุณแบบยาวเวิ่นเว้อ ไล่ตั้งแต่อาเหล่ากงเหล่าม่า ตา ยาย พ่อ แม่ เพื่อน ม.ปลาย เพื่อนมหา’ลัย ไปยันคุณป้าข้างบ้าน แขกในงานจะเริ่มเบื่อและไม่สนใจสิ่งที่คุณพูดบนเวที ทางที่ดีคุณควรคิดเสียแต่เนิ่นๆ ว่าจะขอบคุณใครบ้าง เลือกมาเฉพาะคนสำคัญ หากมีมากกว่า 5 คน แนะนำว่าให้พูดขอบคุณนอกรอบกันตัวต่อตัวจะดีกว่าเนอะ

2. รอประธานนานเกิน

กรุงเทพฯ ขึ้นชื่อว่ารถติดมากมายมหาศาล จึงไม่แปลกที่ประธานอาจมาถึงช้ากว่าเวลาที่นัดหมายไว้ คุณอาจมีประธานไม้สองไว้รองรับกรณีฉุกเฉินหรือมีอะไรมาฆ่าว่าเวลารอสักหน่อย แขกจะได้ไม่รู้สึกว่าต้องรอนานจนกว่างานจะเริ่ม

3. ประธานมีหลายคน

ยังคงวนเวียนอยู่ในเรื่องของประธานค่ะ เพราะนี่คืออีกเหตุผลที่ทำให้แขกโคตรเบื่อเลย ยิ่งบางงานมีประธานมากกว่า 2 คน ไม่พอยังพูดหลายภาษาอีก โอ๊ย…ฟังไม่ออกแถมต้องรอนาน ไม่เบื่อก็แปลกแล้ว!

4. คิวรออาหารแสนยาว

สำหรับงานไหนที่จัดเลี้ยงแบบบุฟเฟต์หรือค็อกเทลที่มีซุ้มอาหารให้แขกไปต่อแถวรอทาน คุณจะต้องมั่นใจได้ว่าจะมีอาหารบริการเพียงพอกับแขกทุกคน และพนักงานจะไม่ตักอาหารช้าจนแขกต้องยืนรอแล้วรออีก ถ้าเป็นแบบนี้คงได้ยินคำถามจากแขกว่า “งานเลิกแล้วจะได้กินไหมเนี่ย” อารมณ์บูดเพราะความหิวกันไปอีก

5. ต้องใส่สีนี้เท่านั้น

สมัยนี้ฮิตกำหนดธีมสีเสื้อผ้า หรือที่เรียกว่า Dress Code ให้กับแขกที่จะมางานแต่งเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศงานที่บ่าวสาวเตรียมไว้ แต่ก็อย่างว่าล่ะค่ะ แขกมากมาย ร้อยพ่อพันแม่จะมาแต่งสีเดียวกันเป๊ะๆ ไม่เพี้ยนเฉดก็คงจะลำบาก เพราะฉะนั้นก็ปล่อยๆ ไปบ้าง ไม่ต้องเป็นสีเดียวกับที่คุณกำหนดตั้งแต่หัวจรดเท้าหรอก

6. ซีเคว้นท์ยืดเยื้อ

เข้าใจค่ะว่าวันนี้เป็นวันพิเศษ แต่ถ้าจะใส่ซีเคว้นท์มากมายลงไปแขกก็เบื่อได้นะคะ บางงานที่ไปเจอ เดี๋ยวก็เซอร์ไพร้ส์ เอะอะก็เปิดพรีเซนฯ ดูกันไปหาวกันไปไม่จบไม่สิ้น กว่าจะเลิกแขกเบื่อหนีกลับบ้านพอดี คำแนะนำคือ มีเซอร์ไพร้ส์ได้ค่ะ แต่เอาแบบพอดีๆ แล้วแต่ละเซอร์ไพร้ส์ควรสั้น กระชับ เอาแบบเนื้อๆ จะดีงามที่สุด

รู้อย่างนี้แล้วว่าที่บ่าวสาวก็รีบเช็คตัวเองกันนะคะว่างานแต่งที่คุณกำลังจะจัดเข้าข่าย 8 ข้อนี้หรือเปล่า ถ้าใช่ก็รีบเปลี่ยนซะ คุณจะได้ไม่ถูกนินทาลับหลังว่างานของคุณน่าเบื่อที่สุด!

ดูไอเดียและคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานอีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย!

ข้อมูล : brides.com
ภาพ : easywedding.co.uk

ระดับความยาว กระโปรงเจ้าสาว ที่คนเป็นว่าที่เจ้าสาวต้องรู้ไว้

ชุดเจ้าสาว เป็นชุดที่เต็มไปด้วยดีเทลและรายละเอียดต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ทรงชุด เนื้อผ้า ลูกไม้ เนคไลน์ หรือแม้กระทั่งระดับความยาวของ กระโปรงเจ้าสาว ก็มีมากมายให้ได้เลือกกันตามความชอบและความเหมาะสม ซึ่งรูปแบบกระโปรงและความยาวก็มีผลต่อความงามโดยรวมของลุคเจ้าสาวขณะเดินเข้างานเหมือนกันนะ เพราะฉะนั้นก่อนที่สาวๆ จะตัดสินใจเลือกชุดแต่งงานที่มีระดับความยาวของกระโปรงที่หลากหลาย แพรว wedding เลยนำเรื่องที่คนจะเป็นเจ้าสาวควรจะรู้มาฝาก เพื่อที่จะได้มีข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ ไปคุยกับร้านหรืออย่างน้อยก็ช่วยในเรื่องการหาเรฟเฟอร์เรนซ์ชุดแต่งงานได้นะ

Watteau

ชุดแต่งงานลักษณะนี้มีความพิเศษตรงที่จะมีชายผ้าลากยาวมาจากช่วงไหล่คล้ายชุดเจ้าสาวแบบมีเคป ซึ่งมีความยาวให้เลือกหลากหลายทั้งยาวเสมอชายกระโปรง หรือยาวกว่าชายกระโปรงชุดแต่งงานออกไป เรียกได้ว่าเป็นลุคที่ช่วยเพิ่มลูกเล่นให้กับชุดแต่งงานของสาวๆ ได้เป็นอย่างดี โดยอาจดีไซน์ให้เป็นส่วนหนึ่งของชุด หรือจะดีไซน์แยกให้ถอดได้ก็เป็นไอเดียที่ดี

Sweep

missstypes.com

หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า brush เป็นกระโปรงที่มีความยาวไม่มาก ส่วนมากความยาวของกระโปรงเมื่อวัดจากชายผ้าที่ตกกระทบพื้นจะยาวเกินออกมาประมาณ 1 ฟุตหรือน้อยกว่านั้น (ประมาณ 1 ไม้บรรทัด) เหมาะกับว่าที่เจ้าสาวที่อยากได้ลุคชุดแต่งงานที่ดูอ่อนโยนบอบบาง และโรแมนติก

Court

luulla.com

ความยาวของกระโปรงสไตล์นี้เมื่อวัดจากผ้าที่ตกกระทบพื้นจะมีความยาวเกินออกมาประมาณ 2 ฟุต (ประมาณ 2 ไม้บรรทัดหรือ 60 เซนติเมตร) ซึ่งยาวกว่าสไตล์ sweep เล็กน้อยแต่ก็ยังสามารถเดินได้อย่างสะดวกสบาย

Chapel

kleinfeldbridal.com

เป็นระดับความยาวที่ได้รับความนิยมในหมู่เจ้าสาวมากที่สุด เป็นระดับความยาว 3-4 ½ ฟุต (ประมาณ 1 – 1.30 เมตร) เมื่อวัดจากรอบเอว

Cathedral

เป็นความยาวของชุดแต่งงานที่เป็นทางการ เมื่อวัดจากขอบเอวจะมีความยาวประมาณ 6-7 ½ ฟุต (ประมาณ 2 เมตร) จึงเป็นลุคที่ช่วยให้ผู้สวมใส่ดูสง่างาม

Monarch

dhgate.com

หรือมักเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า royal เป็นระดับความยาวที่ยาวที่สุดคือ เมื่อวัดจากขอบเอวจะมีความยาวประมาณ 12 ฟุต (ประมาณ 3.50 เมตร) หรือมากกว่านี้

ไม่ว่าระดับความยาวจะแค่ไหน แต่สุดท้ายเจ้าสาวก็ต้องเลือกให้เหมาะสมกับรูปแบบชุด ธีมงาน และที่สำคัญเจ้าสาวต้องเดินได้อย่างสะดวกในความยาวระดับที่เลือกด้วยนะ

ดูไอเดียเกี่ยวกับชุดแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ภาพเปิด https://unsplash.com

จัดไป แหวนหมั้นประจำ 12 ราศีที่มาพร้อม 12 เฉดอัญมณีสีสวย

คุณผู้ชายคนไหนที่กำลังมองหา แหวนหมั้น สวยๆ มาเซอร์ไพรส์แฟน พอเห็นราคาแหวนเพชรเม็ดงามก็แทบถอดใจ เราขอแนะนำให้ลองเปลี่ยนจากแหวนเพชรมาเป็นอัญมณีประจำราศีก็ดูคูลไม่เบา แต่หากคุณยังไม่รู้ว่าราศีของคนรู้ใจต้องซื้ออัญมณีชนิดไหนให้ เรามาดูกันได้เลยจ้า

1โกเมน (Garnet) : อัญมณีประจำราศีมังกร (14 ม.ค.-13 ก.พ.)

อัญมณีสีแดงเลือดนกประจำราศีมังกร มีความโดดเด่นอยู่ที่สีแดงสดหลายเฉด นำจับคู่กับเพชรสีขาวบริสุทธิ์ก็เริ่ดไม่หยอก อีกทั้งช่วยส่งเสริมให้ดวงมีความเข้มแข็งมากขึ้น ช่วยปรับสมดุลด้านความรู้สึก และยังช่วยเพิ่มบารมีให้มีความสุขอีกด้วย

2อเมทีสต์ (Amethyst) : อัญมณีประจำราศีกุมภ์ (14 ก.พ.-13 มี.ค.)

พลอยสีม่วงใส หากนำมาคู่กับตัวเรือนสีเงินจะทำให้พลอยดูโดดเด่นที่สุด แต่ถ้าอยากให้ดูดีมีราคาสามารถนำเพชรเม็ดเล็กๆ มาเรียงประดับรอบตัวพลอยได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่าจะทำให้ปราดเปรื่อง มีความคิดสร้างสรรค์ และช่วยคุ้มครองให้พ้นจากอบายมุขที่เข้ามายั่วยุ

3อความารีน (Aquamarine) : อัญมณีประจำราศีมีน (14 มี.ค.-13 เม.ย.)

อัญมณีแห่งสายน้ำที่โดดเด่นด้วยสีฟ้าน้ำทะเลสดใส ที่สามารถเข้าคู่ได้เป็นอย่างดีกับตัวเรือนทองคำขาว และหากนำมาจับคู่กับเพชรน้ำงามด้วยแล้ว บอกได้เลยว่าดูสวยสุดๆ

4เพชร (Diamond) : อัญมณีประจำราศีเมษ (14 เม.ย.-13 พ.ค.)

นอกจากจะมีราคาที่โดดเด่นแล้ว แต่ด้วยสีที่ใสสะอาดและมีความแข็งแรงสูงจึงทำให้สาวๆ ทั่วโลกต่างใฝ่ฝันที่จะมีในครอบครอง นอกจากนี้ยังเหมาะกับนักริเริ่ม นักบุกเบิกที่แข็งแกร่งอย่างชาวราศีเมษ สำหรับคุณหนุ่มๆ ที่มีกำลังซื้อน้อยอาจเลือกเป็นเพชรแฟนซีที่มีราคาถูกกว่าเพชรจริงแแต่ก็ดูสวยไม่แพ้กันจ้า

5มรกต (Emerald) : อัญมณีประจำราศีพฤษภ (14 พ.ค.-13 มิ.ย.)

รัตนชาติสีเขียวอันเป็นเอกลักษณ์ที่มีโทนสีให้เลือกตั้งแต่สีอ่อนไปจนถึงสีเข้ม ซึ่งเหมาะที่จะนำมาทำเป็นแหวนทรงเหลี่ยมมากที่สุด โดยคุณสามารถเลือกได้ทั้งแบบโชว์มรกตเม็ดเดี่ยวหรือล้อมด้วยเพชรก็สวยไม่แพ้กัน นอกจากนี้ยังมีความเชื่อกันอีกว่าพลอยสีเขียวจะทำให้ผู้สวมใส่เกิดความศรัทธาที่มั่นคงและกล้าหาญอีกด้วย

6มุกดาหาร (Moonstone) : อัญมณีประจำราศีเมถุน (14 มิ.ย.-13 ก.ค.)

แร่สีหมอกมัวอย่างมุกดาหารที่แสดงถึงความบริสุทธิ์ ความสดชื่น อายุยืนยาวสามารถจับเข้าตัวเรือนได้ทั้งสีทองและสีเงินก็ทำให้ดูเริ่ดทั้งคู่ ที่สำคัญควรเลือกแบบที่เป็นแหวนเม็ดเดี่ยวเพราะจะทำให้ได้โชว์มุกดาหารอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ยังเหมาะกับคนราศีเมถุนเป็นพิเศษเพราะจะช่วยส่งเสริมดวงให้ชัดเจน สดใส และช่วยลดอารมณ์ที่ชอบแปรปรวนให้หมดสิ้น

7ทับทิม (Ruby) : อัญมณีประจำราศีกรกฎ (14 ก.ค.-13 ส.ค.)

ทับทิมเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักและความกล้าแสดงออกโดดเด่นด้วยสีแดงกล่ำ ที่สามารถนำมาเข้าได้ทั้งตัวเรือนทองคำขาวและทองชมพูก็ทำให้ดูโดดเด้งทั้งคู่ และถ้าอยากเพิ่มมูลค่าก็ลองเลือกเพชรนำงามขนาดเล็กกว่ามาประดับ ก็จะทำให้ทับทิมดูน่าสวมใส่มากยิ่งขึ้น

8เพอริโดต์ (Peridot) : อัญมณีประจำราศีสิงห์ (14 ส.ค.-13 ก.ย.)

หากใครที่ไม่ชอบแร่สีเขียวจัดอาจเลือกเป็นอัญมณีเนื้ออ่อนสีเขียวใสอย่างเพอริไดต์ก็ดูเด้งไม่แพ้กัน เพราะสามารถนำมาจับคู่ได้ทั้งกับตัวเรือนสีทองและสีขาวก็สวยทั้งคู่ และถ้าหาเพชรเม็ดเล็กๆ มาประดับรอบๆ ตัวแร่ก็จะช่วยดึงให้สีดูเด่น ใสมากขึ้น นอกจากนี้ยังเชื่อว่าสามารถขับไล่วิญญาณของภูติผีปีศาจได้ และที่สำคัญต้องดูแลทะนุถนอมและระมัดระวังมากเป็นพิเศษ เพราะเป็นพลอยที่มีความไม่แข็งมากจึงเกิดรอยขีดขวดได้ง่าย

9ไพลิน (Sapphire) : อัญมณีประจำราศีกันย์ (14 ก.ย.-13 ต.ค.)

แร่สีน้ำเงินเข้มอย่างไพลินหรือนิลกาฬ เป็นอัญมณีที่สามารถนำมาทำแหวนได้หลากหลายทรงที่สามารถเข้ากับตัวเรือนทองคำขาวมากที่สุด เพราะจะช่วยดึงสีนำเงินออกมาทำให้ดูแจ่มยิ่งขึ้น ทั้งนี้ไพลินยังเป็นอัญมณีที่สื่อถึงความเมตตากรุณา และความเอื้อเฟื่อเผื่อแผ่

10ทัวร์มาลีน (Tourmaline): อัญมณีประจำราศีตุลย์ (14 ต.ค.-13 พ.ย.)

เป็นอัญมณีที่มีหลายสีโดดเด่นไม่แพ้ใคร สามารถพบได้ตั้งแต่สีเขียว ดำ และชมพู หรืออาจเป็นแบบสีผสมก็ได้ ซึ่งทั้งสีเขียวและดำเหมาะกับตัวเรือนสีดำเป็นอย่างยิ่ง และสีชมพูควรคู่กับตัวเรือนสีพิ้งโกลด์เป็นที่สุด อีกทั้งทัวร์มาลีนยังสามารถสร้างพลังบวกและทำลายพลังงานลบ กระตุ้นการสื่อความเข้าใจและให้ความร่วมมือระหว่างขั้วที่แตกต่างกันได้

11บุษราคัม (Topaz) : อัญมณีประจำราศีพิจิก (14 พ.ย.-13 ธ.ค.)

เป็นพลอยที่มีให้เลือกตั้งแต่โทนสีเหลืออ่อนไปจนถึงโทนสีเข้ม เหมาะกับตัวเรือนสีทองเป็นพิเศษและสามารถเพิ่มมูลค่าได้ด้วยการประเพชรลงไป อีกยังมีความเชื่อกันว่าบุษราคัมเป็นอัญมณีที่สื่อถึงความรอบคอบ การปกป้องจากความทุกข์เข็ญ ช่วยเพิ่มความกระปรี้กระเป่า ความกล้าหาญ และที่สำคัญยังช่วยรักษาความสมดุลแห่งอารมณ์ทางเพศได้อีกด้วย

12เทอร์คอยส์ (Turquoise) : อัญมณีประจำราศีธนู (14 ธ.ค.-13 ม.ค.)

เทอร์คอยส์หรือหินมูลนกการเวก โดดเด่นด้วยสีโทนสีเขียวอมฟ้า หากนำมาจับคู่กับตัวเรือนทองคำขาวก็จะช่วยขับสีของเทอร์คอยส์ให้ดูสวยน่าสวมใส่ยิ่งขึ้นไปอีก สามารถทำเป็นแหวนได้ทั้งแบบโชว์เม็ดเดี่ยวและแบบล้อมเพชรก็ดูสวยงามทั้งคู่ ทั้งนี้เทอร์คอยส์ยังมีพลังอำนาจเสริมดวงทำให้สวมใส่แล้วมีความสุขุมเยือกเย็นยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ประสบความสำเร็จและช่วยเสริมบารมีชีวิตให้ก้าวไกลยิ่งขึ้น

นี้คือการเลือกแหวนอัญมณีและความหมายของอัญมณีประจำราศีที่รวบรวมมาฝากกันจ้า ทั้งนี้นอกจากคนรู้ใจของคุณจะได้แหวนสวยๆ แล้ว เผลอๆ บางทีคุณหนุ่มๆ อาจจะได้เซอร์ไพรส์ที่คาดไม่ถึงกลับมาก็ได้นะจ๊ะ

ดูแบบแหวนแต่งงานและเครื่องประดับเพิ่มเติม คลิกเลย!

ภาพ : pinterest.com, cmpdenver.com, buggzodiac.com

รวมจุดเสี่ยงปริ! ขาด! แคว๊ก!! บน ชุดเจ้าสาว ที่ต้องระวังเป็นพิเศษ

เพราะรักเลยมาเตือนกับจุดเสี่ยงทำ ชุดเจ้าสาว พัง!!

แม้ว่าร้านชุดแต่งงานที่คุณเลือกจะตัดเย็บ ชุดเจ้าสาว ของคุณมาอย่างดี แต่ก็มีใช่ไหมละคะที่เมื่อคุณนำมาใส่แล้วต้องขยับตัวไปมาในอิริยาบถต่างๆ อาจทำให้ชุดสวยปริ ขาดและส่งเสียงแคว๊กต่อหน้าธารกำนัลจนได้อาย ฉะนั้นเพื่อความชัวร์ทุกการเคลื่อนไหว มาเช็คไปพร้อมกับเราจุดต่อจุดดีกว่าว่าจุดไหนบ้างมีความเสี่ยงทำเสียหน้าในงานแต่ง

  • คอเสื้อ

สำหรับบ่าวสาวที่มีช่วงคอใหญ่แล้วยังปักใจเลือกใช้ชุดแต่งงานแบบคอปีนคอปิดต้องระวัง เพราะช่วงจังหวะการก้มคอไหว้มีความเสี่ยงสูงเหลือเกินที่นอกจากความแน่นจะทำให้อึดอัดแล้ว ยังส่งผลให้เกิดอาการดึงรั้งของรังดุมที่ด้านหลัง ซึ่งถ้าโชคร้ายตัดเย็บมาไม่ดีละก็ จุดตรงนี้ทำพิษให้รังดุมขาดได้ ซึ่งถ้ารักจะเลือกคอเสื้อแบบนี้ อย่าลืมซ้อมก้มไหว้และให้ช่างขยายช่วงคอไว้เผื่อๆ ก็ดีนะคะ

  • ตะเข็บแขนเสื้อใต้รักแร้

โอ๊ยยยยยยย อันนี้เจอมาเยอะเจ็บมาแยะเลยค่ะ เพราะตอนที่ลองชุดก็เอาแต่โพสต์ท่ายกมือไหว้ไม่ก็กุมมือประสานท่าทางเรียบร้อย แต่ลืมนึกไปไว้จังหวะการโยนดอกไม้ที่ต้องยกแขนขึ้นสุดมือไว้ด้านบนทำให้เกิดอาการรั้งใต้รักแร้ ทีนี้ก็แคว๊กสิคะสาวๆ

ชุดเจ้าสาว

  • ซิปติดซิปแตกคาแผ่นหลังและบั้นท้าย

เหตุการณ์นี้น่ากลัวสุดๆ และมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นได้ง่ายด้วยนะคะ แต่ปัญหาไม่ได้มาจากร้านชุดแต่งงานที่คุณเลือกเท่านั้น เพราะอาจมาจาก 2 กรณีนี้ คือ..

1. ลักษณะการรูดซิปที่ผู้ช่วยในการแต่งตัวของคุณไม่เคยรูดซิปยาวๆ แบบนี้มาก่อนจึงไม่รู้ว่า ต้องค่อยๆ รูดขึ้นอย่างช้าๆ และระวังว่าตัวซิปจะไปกินเนื้อผ้า แต่กลับออกแรงรูดซิปรวดเดียว ทีนี้ละพอเกิดอาการซิปติดขึ้นมาก็ฝืนดึงๆๆ จนซิปที่ติดนิดๆ ยิ่งติดมากขึ้น เลยเถิดไปว่าซิปไม่ลงล็อกก็แตกสิคะงานนี้

2. คือว่าที่เจ้าสาวที่รับชุดมาก่อนแล้วไม่ระวังตัว กินอาหารเข้าไปแบบลืมตัวจนลำตัวหนาขึ้นมา ชุดที่เคยพอดีตัวก็แน่นซะงั้น ทีนี้พอใส่ๆ ไปขยับท่านั้นท่านี้ก็ส่งผลให้ซิปมีอาการต้านความแน่นของเนื้อไม่ไหว สุดท้ายก็จบลงด้วยอาการซิปแตกคาหลังไงคะ

  • ด้ายรันตามรอยต่อ

จุดเสี่ยงที่ว่านี้อาจเกิดขึ้นได้ยาก แต่ไม่ใช่วาจะไม่เกิดเลย เพราะถ้าคุณโชคไม่ดี เจอร้านที่ไม่ประณีตในการตัดเย็บชุดให้ก็มีแววจะเกิดอาการด้ายรันตามรอยต่อของเนื้อผ้าหรือแม้แต่ลูกไม้ที่นำมาประดับไว้บนชุด ซึ่งถ้าใครไม่รู้ไปดึงด้ายนั้นทิ้ง บางทีชิ้นส่วนที่นำมาต่อกันก็อาจโบกมือลาจากกันได้ง่ายๆ ซึ่งแน่นอนว่า สิ่งที่คุณทำได้มีแค่ 2 ทางคือ ทิ้งชิ้นส่วนนั้นไปแล้วคิดซะว่านี่คือดีไซน์ใหม่ หรืออีกทางคือหาเข็มด้ายมาเย็บเอง ซึ่งจะเย็บได้ส่วนแบบเดิมไหม ก็ลุ้นกันเองนะคะ

ไม่อยากให้เกิดเหตุไม่ดีไม่งามแบบที่เราบอกไปทั้งหมดนี้ อย่าลืมเช็คทุกจุดบนชุดเจ้าสาวให้ดี เพราะไม่ว่าคุณจะเลือกชุดราคาแพงสุดๆ หรือถูกเหลือเชื่อ ก็ล้วนมีความเสี่ยงไม่ต่างกัน ลองสวมแล้วขยับ โดยจำลองเหตุการณ์ทั้งหมดที่จะเกิดขึ้นในวันแต่งงาน แล้วเชื่อเถอะว่าเปอร์เซ็นต์ความเสี่ยงจะลดลงจนแตะศูนย์ค่ะ

แต่ถ้าจะเคลื่อนย้านชุดแต่งงานโดยเครื่องบินก็ทำตามเคล็ดลับนี้ได้เลย >> ขนชุดเจ้าสาวขึ้นเครื่องบินยังไงให้รอดปลอดภัยไม่เสียหายแน่นอน

เรื่อง : ดอกปีบ
ภาพ : femalemag.com.my/,www.joelnisleitphotography.coma a

7 ข้อผิดพลาดที่จะทำให้ธีมสีงานแต่งของว่าที่บ่าวสาวพังไม่เป็นท่า!

เดี๋ยวนี้จะจัดงานแต่งงานทั้งทีนอกจากธีมงานก็ต้องมี ธีมสีงานแต่ง ตามมาด้วย กลายเป็นข้อหนักใจสำหรับว่าที่เจ้าสาวหลายๆ คนที่มักจะรับหน้าที่เลือกธีมสีงานแต่ง สีไหนดี สีไหนสวย สีไหนจะทำให้งานดูเก๋ไก๋อลังการล้านแปด แต่ระวังนะคะ ยิ่งคิด ยิ่งงง ยิ่งสับสนจนเลือกไม่ถูก คิดมากก็มึนมากจนเผลอทำพฤติกรรมพลาดๆ เหล่านี้จนธีมสีงานแต่งเละเทะไปหมด

1. คิดว่างานแต่งจะต้องมีธีมสีเก๋ๆ เสมอ

ภาพจาก : www.onewed.com
ภาพจาก : www.onewed.com

เชื่อเถอะค่ะว่าคนที่กำลังจะเป็นเจ้าสาวหลายคนมักจะถามกับตัวเองอยู่เสมอว่า “งานแต่งฉันจะเป็นธีมสีอะไรดี?” ใครมีสีที่ชอบไว้ในใจอยู่แล้วก็ดีไป ส่วนใครที่ไม่ได้ชื่นชอบสีใดเป็นพิเศษก็ไม่ต้องเสียเวลาคิดให้มากมาย สีพื้นๆ อย่างสีขาว สีครีม ก็ใช้ได้และเวิร์กสำหรับทุกงาน เติมสีสันเพียงเล็กน้อยด้วยดอกไม้งามๆ ไม่ให้ดูจืดชืดจนเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งใครที่คิดจะจัดงานแต่งในสวน สีพื้นๆ นี่แหละค่ะจะทำให้งานแต่งคุณออกมาเพอร์เฟ็กต์สุดๆ

2. เลือกสีตามเทรนด์ ไม่ได้เลือกตามที่ตัวเองชอบ

ภาพจาก : coral.org

ขอเตือนไว้ก่อนเลยว่าเทรนด์มาได้มันก็ไปได้เช่นกันนะ ปีหน้าเทรนด์สีใหม่ก็จะมาอีก สีนี้จึงจะไม่จีรังยั่งยืนตลอดไปหรอก เพราะฉะนั้นว่าที่เจ้าสาวคนไหนที่คิดว่าจะเลือกธีมสีงานแต่งแล้วให้เหตุผลว่าสีนี้กำลังมาแรง ขอบอกเลยนะคะว่า ผิดอย่างแรง!!!

ในความเป็นจริงแล้วคุณควรจะเลือกสีที่ตัวเองชอบ อย่าไปตามเทรนด์มากนัก ลองคิดดูว่าถ้าเวลาผ่านไปสักสิบปีแล้วกลับมาดูรูปงานแต่งอีกที คุณก็คงจะได้แต่คิดว่าสีอะไรเนี่ยเช้ยเชยๆ ขอให้จำไว้ว่า “Trends come and go” ท่องไว้ๆ

3. เลือกสีแปลกๆ หาของแมตช์ยาก

ภาพจาก : www.pinterest.com
ภาพจาก : www.pinterest.com

ว่าที่บ่าวสาวบางคู่ก็อยากให้งานตัวเองออกมาไม่เหมือนคนอื่น ก็เลยเลือกสีแปลกๆ มาเป็นธีมสีหลักของงาน อยากแปลก อยากแหวกแนวก็ได้ค่ะแล้วแต่ความชอบของแต่ละคน แต่ขอให้คิดสักนิดนึงว่าคุณจะสามารถหาอุปกรณ์และของตกแต่งอย่างอื่นที่แมตช์เข้ากันกับธีมสีที่คุณเลือกได้หรือไม่ ถ้าธีมสีหลักไปทาง สีของตกแต่งและองค์ประกอบงานไปอีกทาง บอกได้เลยว่านอกจากจะเละเทะแล้วยังแปลกทั้งงานสมใจอยากของจริง!

4. เลือกสีมากเกินไป

ภาพจาก : www.styleinhome.com
ภาพจาก : www.styleinhome.com

การเลือกโทนสีงานแต่งนั้น ถ้าจะให้ดีควรเลือกไม่เกิน 3 สี (เพิ่มสีแนวเมทัลลิกได้อีกสีนะ) เพื่อให้สีโดยรวมของงานดูไม่มากไม่น้อยจนเกินไป สองสีแรกอาจเลือกเป็นสีคนละขั้วก็ได้ สีหนึ่งโทนร้อน อีกสีหนึ่งโทนเย็น แล้วลองใช้สีขาว สีเทา หรือสีเบจเป็นสีที่สามเพื่อช่วยให้ทุกอย่างดูสมูทและกลมกลืน แต่ถ้าใครตั้งใจจะให้งานแต่งออกมาในสไตล์เทศกาลงานวัดก็จัดสีสันคัลเลอร์ฟูลได้เต็มที่ อันนี้ไม่ว่ากันเนอะ

5. ตีกรอบสีสันให้ตัวเองจนเกินไป

ภาพจาก : www.robesbysilkandmore.com
ภาพจาก : www.robesbysilkandmore.com

ว่าที่เจ้าสาวหลายคนมักชอบคิดว่าสีโทนร้อนต้องคู่กับสีโทนร้อน สีโทนเย็นต้องคู่กับสีโทนเย็น ทุกอย่างจะได้ดูกลมกลืนและสวยงาม เราอยากบอกว่า อย่าจำกัดจินตนาการตัวเองอยู่แค่นั้นเลยค่ะ ถ้าคุณจะลองคิดนอกกรอบจับสีโทนเย็นมาคู่กับโทนร้อนเสียบ้างมันก็คงจะดูสวยงามไม่น้อย อย่างเช่น สีพีชคู่กับสีมรกต สีส้มคู่กับสีน้ำเงินเข้ม หรือจะเอาสีมิ้นท์คู่กับสีม่วงก็ดูจะเข้าท่าดีเหมือนกัน ขอเพียงแค่ว่าลองนำสีคู่ตรงข้ามเหล่านั้นมาลองแปะทาบดูก่อนว่าสวยหรือไม่ ถ้าใช่ถ้าชอบก็จัดเลยสิคะ จะรออะไรอยู่!

6. ลืมคิดไปว่าโลกนี้ยังมีสีขาว

ภาพจาก : www.stacyesser.wordpress.com
ภาพจาก : www.stacyesser.wordpress.com

หลายๆ ครั้งที่ว่าที่เจ้าสาวเอาแต่จมดิ่งอยู่กับการเลือกสีอื่นๆ ที่จะมาใช้ในงานแต่งตัวเอง สีนั้นไม่เข้ากับสีนี้ สีนู้นก็เชยไป สีโน้นก็ไม่อยากได้ จนบางทีก็ลืมสีอรรถประโยชน์อย่าง “สีขาว” ไปเสียสนิท ขอบอกเลยว่าเมื่อไหร่ที่คุณเริ่มสงสัยและตัดสินใจเรื่องสีไม่ได้ แนะนำให้เลือกสีขาวมาไว้ก่อนเพราะมันจะช่วยให้สีอื่นๆ ที่คุณอยากเลือกดูละมุนนุ่มนวลมากขึ้น ผสมลงไปในสีอะไรก็สวยหวานพาสเทล แถมยังเข้ากันกับทุกสถานที่ ไม่ว่าจะเป็นงานแต่งในสวน ริมทะเล หรือในโรงแรม อีกทั้งสีขาวก็ยังมีอีกตั้งหลายเฉด อยากได้สีขาวแบบไหนก็ลองเสิร์ช 50 Shades of White ในกูเกิ้ลดูก็ได้จ้า

7. ลืมดูสีของสถานที่จัดงาน

ภาพจาก : www.pinterest.com
ภาพจาก : www.pinterest.com

สีของสถานที่จัดงานก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญสำหรับการกำหนดธีมสีงานแต่งเหมือนกันนะคะ เพราะฉะนั้นเราอยากให้คุณคิดไว้ก่อนเลยว่าธีมสีงานแต่งจะเป็นสีอะไร แล้วตอนไปเลือกดูสถานที่จัดงานก็ควรดูด้วยว่าองค์ประกอบต่างๆ ในห้องนั้นเป็นสีที่เข้ากันกับสีที่คุณคิดไว้หรือไม่ เพราะถ้าคุณเลือกสถานที่ที่การตกแต่งเดิมมีสีตรงใจอยู่แล้ว คุณก็ไม่จำเป็นต้องเปลืองงบประมาณในการตกแต่งเพิ่มเติมมากมาย หรือบางทีก็สามารถใช้สิ่งที่มีอยู่แล้วด้วยก็ได้ (ประหยัดงบประมาณได้อีก) หรือถ้าสถานที่ที่คุณเลือกยังมีองค์ประกอบที่ไม่เข้ากันกับธีมสีที่คุณวางแผนไว้ คุณก็อาจพยายามปกปิดหรือปรับให้สีของทุกอย่างกลืนไปด้วยกัน ไม่ให้มีอะไรโดดเด่นจนดูแปลกตา

การเลือกธีมสีงานแต่งไม่ใช่เรื่องยากเลยนะคะ ไม่จำเป็นจบจิตรกรรมหรือศิลปกรรมศาสตร์หรอกนะ ขอเพียงแค่ว่าเลือกสีตามที่ใจชอบบวกกับจินตนาการเล็กๆ น้อยตามที่คุณอยากได้ก็พอแล้ว ถ้าขืนมัวแต่คิดเยอะแยะมากมายระวังงานแต่งจะกลายเป็นงานวัดนะจ๊ะ

ดูไอเดียงานแต่งงานเพิ่มเติมได้อีกเพียบที่นี่ คลิกเลย!

เรียบเรียง : brides.com

ว่าที่เจ้าบ่าวเตรียมไว้ แหวนแต่งงานผู้ชาย พร้อมเทคนิคเลือกยังไงให้เหมาะ

แหวนแต่งงานผู้ชาย ที่อาจจะไม่ได้มีดีไซน์ที่ซับซ้อนเหมือนแหวนแต่งงานของผู้หญิง แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องเลือกให้ดีนะคะ เพราะแหวนวงนี้จะอยู่ติดนิ้วของคุณไปตลอดชีวิตเชียวน้า ^^ แพรว wedding เลยมีเทคนิคดีๆ ที่จะช่วยเสริมให้ลุคของเจ้าบ่าวดูเท่ขึ้นไปอีกมาฝาก

ก่อนที่จะเลือกดีไซน์แบบแหวนที่ถูกใจ ต้อง เลือกให้เข้ากับลักษณะงานที่ทำก่อน เช่น หากการทำงานของคุณต้องใช้มือตลอดเวลาก็ควรเลือกแหวนแต่งงานแบบเรียบๆ เลือกวัสดุที่มีความทนทานสูง ไม่ประดับเพชรหรือพลอย เนื่องจากหากสวมใส่แบบไม่ระมัดระวังอาจทำให้เพชรหรือพลอยได้รับการกระทบกระแทกจนเกิดความเสียหายหรือสูญหายได้ แต่ถ้าหากคุณภรรยาอนุญาตว่าไม่ต้องสวมใส่แหวนแต่งงานทุกวันก็ได้ อนุโลมให้สวมใส่เฉพาะเวลาไปออกงานสำคัญๆ ก็อาจจะเลือกดีไซน์ที่ประดับเพชรหรือพลอยได้ตามสะดวกเลยค่า

ต่อมาต้องคำนึงถึง ความสะดวกสบายในการสวมใส่ เพราะคุณต้องสวมแหวนวงนี้ติดนิ้วไว้ทุกขณะของลมหายใจเชียวนะ แนะนำให้เลือกแหวนแบบ comfort fit ที่ด้านในของตัวแหวนมีความโค้งมน ไม่บาดนิ้ว ทำให้สวมใส่ได้สบายในทุกอิริยาบถ ซึ่งหน้ากว้างมาตรฐานและนิยมจะอยู่ที่ประมาณ 5-7 มิลลิเมตร

แต่ถ้าหากคุณอยากมีแหวนคู่แบบที่ดูเข้ากัน งานนี้ไม่จำเป็นว่าต้องใส่แหวนที่เหมือนกันทุกกระเบียดนิ้วนะจ๊ะ เอาแค่ให้ดูคล้ายๆ กันหรือมีบางอย่างที่ลิงค์กันก็พอ เช่น ขนาดต่างกัน สีต่างกัน เป็นต้น หรือหากเจ้าสาวอยากได้แหวนทอง แต่เจ้าบ่าวอยากได้ทองคำขาว แหวนแต่งงานแบบสองกษัตริย์ ที่ทั้งทองและทองคำขาวอยู่ในวงเดียวกันก็ดูจะตอบโจทย์มากที่สุด โดยอาจจะเลือกเป็นแบบเกลี้ยงธรรมดาไม่ต้องประดับเพชรก็ได้ แต่ที่สำคัญที่สุดคือต้องเลือกให้เหมาะกับบุคลิกและสะท้อนถึงตัวตนของคุณเจ้าบ่าวด้วยนะ

หรือถ้าหนุ่มๆ โดนไฟล์ทบังคับว่าต้องเป็นแหวนแต่งงานแบบประดับเพชรหรือพลอยเท่านั้นล่ะก็ แนะนำให้เลือกเป็นเพชรหรือพลอยเม็ดเล็กๆ โดยอาจจะเลือกเป็นแบบสี่เหลี่ยมเพื่อช่วยให้ดูแมนขึ้น และอาจเลือกการฝั่งแบบหุ้ม หรือแบบ channel  เพื่อไม่ให้ตัวเพชรหรือพลอยยื่นออกมา จะได้ไม่ไปเกี่ยวกับอะไรทำให้อัญมณีอันมีค่าชำรุดหลุดหายได้ ซึ่งถ้าหากจะฝังพลอย แนะนำให้ฝังเป็นพลอยเนื้อแข็งที่มีความทนทานอย่าง ไพลิน บุษราคัม ทับทิม และหลีกเลี่ยงพลอยเนื้ออ่อนประเภท โอปอล มรกต หรืออเมทิส

และสุดท้ายเรื่องสรีระของนิ้วก็สำคัญไม่ใช่น้อย เพราะหากคุณมีนิ้วสั้นอ้วนป้อม ก็ไม่เหมาะอย่างแรงที่จะสวมแหวนวงใหญ่ เพราะจะยิ่งเน้นลักษณะนิ้วให้สั้นป้อมเข้าไปอีก

ดูแบบแหวนแต่งงานและเครื่องประดับเพิ่มเติม คลิกเลย!

ภาพ pexels.com

โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ ฉลองส่งท้ายปีเก่าในธีม Golden Eye พร้อมการแสดงดอกไม้ไฟ

โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ ร่วมเฉลิมฉลองค่ำคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ พ.ศ. 2563 ในธีม “GoldenEyeสีทองสุดหรู พร้อมตื่นตาไปกับการแสดงดอกไม้ไฟอันวิจิตรเหนือลำน้ำเจ้าพระยา

อีกหนึ่งช่วงเวลาอันแสนพิเศษที่สุดของปีกำลังจะมาบรรจบครบรอบอีกครั้ง กับเทศกาลแห่งความสุขและความรื่นเริงในช่วงวันหยุดที่จะนำพาความสุขสำราญและความสนุกสนานมายังคุณและครอบครัวที่คุณรัก ด้วยการเฉลิมฉลองอันแสนอบอุ่น ณ โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ

โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ ขอเชิญคุณพร้อมครอบครัวและคนที่คุณรัก มาร่วมเฉลิมฉลองค่ำคืนส่งท้ายปีเก่าเพื่อต้อนรับปีใหม่ พร้อมรับชมการแสดงดอกไม้ไฟอันวิจิตรตระการตาเหนือลำน้ำเจ้าพระยา ร่วมกันนับถอยหลังเพื่อส่งท้ายปีเก่า และต้อนรับปีใหม่ในค่ำคืนวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2562 เข้าสู่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2563 แบบมีสไตล์ ทุกท่านจะได้เพลิดเพลินไปกับปาร์ตี้ธีม “GoldenEye” ภาคหนึ่งของนวนิยายและภาพยนตร์เรื่องเจมส์บอนด์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังตลอดกาล ณ บริเวณริมสระน้ำ ร่วมแต่งกายสไตล์หรูในแบบฉบับเจมส์ บอนด์ พร้อมสนุกสนานไปกับปาร์ตี้ในบรรยากาศการตกแต่งด้วยสีทองสุดหรู มีความสุขไปกับความบันเทิงมากมาย พร้อมอิ่มอร่อยไปกับเมนูอาหารนานาชาติเลิศรสที่คัดสรรมาเป็นอย่างดีเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความสุขนี้โดยเฉพาะ

เริ่มเฉลิมฉลองกันตั้งแต่ค่ำคืนวันคริสมาสต์ อีฟ และเพลิดเพลินไปกับบั้นซ์เลิศรสมื้อสายในวันคริสต์มาส ในวันที่ 24 -25 ธันวาคม พ.ศ. 2562

  • เน็กซ์ทู ค่าเฟ่
    ในวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2562 พร้อมนำเสนอเมนูอาหารนานาชาติเลิศรสจากทั่วทุกมุมโลกเพื่อให้สมาชิกในครอบครัวได้อิ่มอร่อยในช่วงเวลาแห่งความอบอุ่นในค่ำคืนวันคริสต์มาสอีฟ พร้อมสูดอากาศบริสุทธิ์ และชมวิวทิวทัศน์อันสวยงามยามค่ำคืนของเม่น้ำเจ้าพระยา
    ราคา: ผู้ใหญ่ ในราคา 4,400 บาทถ้วน เด็ก ในราคา 2,200 บาทถ้วน*ส่วนในวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2562เฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความสุขกันต่อด้วยการรับประทานบุฟเฟ่ต์มื้อสายแสนอร่อยในวันคริสมาสต์ อิ่มหนำไปกับหลากหลายเมนูบุฟเฟ่ต์นานาชาติชั้นเลิศที่รังสรรค์จากทีมเชฟมากพรสวรรค์ ไม่ว่าจะเป็น กุ้งล็อบสเตอร์สดใหม่ตัวโตนำเข้าจากประเทศแคนาดา, คาร์ฟวิงสเตชั่นยอดนิยม ไปจนถึงเมนูขนมหวานรสเลิศนานาชนิด พร้อมร่วมสนุกไปกับคุณลุงซานต้าที่จะมากับพร้อมถุงบรรจุของขวัญใบใหญ่ที่เตรียมมามอบให้กับทุกท่านที่มาร่วมรับประทานอาหาร พร้อมเพลิดเพลินไปกับเสียงเพลงอันไพเราะจากการขับร้องเพลงคริสต์มาสแครอล
    ราคา: ผู้ใหญ่ในราคา 4,200 บาทถ้วน เด็กในราคา 2,100 บาทถ้วน* (*ราคาดังกล่าวสำหรับเด็กอายุเด็กอายุตั้งแต่ 4 – 11 ปี)
    **ข้อเสนอพิเศษ: รับส่วนลดทันที 15% เมื่อสำรองที่นั่งและชำระเงินล่วงหน้า ภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 นี้ สำหรับสมาชิกโกลเด้นเซอร์เคิล รับส่วนลด ตั้งแต่วันนี้ จนถึง วันที่สิ้นสุดโปรโมชั่น
  • เรือฮอไรซัน
    ในวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2562 คุณและคนที่คุณรักจะได้ใช้เวลาแห่งการเฉลิมฉลองในค่ำคืนวันคริสมาสต์ อีฟ ร่วมกันบนเรือพร้อมรับประทานอาหารบุฟเฟ่ต์นานาชาติมื้อค่ำเลิศรสท่ามกลางบรรยากาศแสนอบอุ่นใจกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ที่จะนำคุณล่องเรือผ่านสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์อันงดงามของกรุงเทพมหานครมากมายที่ตั้งอยู่สองริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยายามค่ำคืน
    ราคา: ผู้ใหญ่ ในราคา 4,400 บาทถ้วน เด็กในราคา 2,200 บาทถ้วน*

  • ศาลาทิพย์
    ในวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2562 อิ่มเอมไปกับอาหารไทยรสชาติต้นตำรับในรูปแบบคลาสสิกภายใต้บรรยากาศอันร่มรื่นที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายของความเป็นไทย ด้วยศาลาเรือนไทยไม้สักทองที่ได้รับการตกแต่งในแบบสง่างามเรียบหรูร่วมสมัยท่ามกลางสวนสวยริมแม่น้ำเจ้าพระยา เพลิดเพลินไปกับการแสดงรำไทย พร้อมชุดอาหารไทยรสชาติดั้งเดิมที่รังสรรค์โดยทีมเชฟอาหารไทยมืออาชีพ ที่จะมอบประสบการณ์การรับประทานอาหารมื้อค่ำสุดหรูให้กับทุกท่านในค่ำคืนวันคริสมาสต์ อีฟ
    ราคา: ผู้ใหญ่ในราคา 3,800 บาทถ้วน เด็กในราคา 1,900 บาทถ้วน*

  • โวลติ เรสเตอรองต์ แอนด์ บาร์
    ในวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2562 มาร่วมเปิดประสบการณ์การรับประทานอาหารอิตาเลียนจานโปรดในสไตล์ “ตราตโตเรีย” ที่ปรุงรสและนำเสนอผ่านความคิดสร้างสรรค์ของเอ็กเซ็คคิวทีฟซูเชฟ “เดวิด ไพวา” ด้วยหลากหลายเมนูอะลาคาร์ทใหม่เลิศรสสำหรับเฉลิมฉลองค่ำคืนวันคริสมาสต์ อีฟ ให้ทุกท่านได้ลิ้มลองความอร่อย

เฉลิมฉลองค่ำคืนวันส่งท้ายปีเก่า พร้อมต้อนรับปีใหม่แห่งความสุข ในวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2562 กับ กาล่าดินเนอร์สุดหรู ณ ริมสระว่ายน้ำ ในธีม “GoldenEye” สีทองสุดหรู

เชิญคุณและคนที่คุณรักมาร่วมดื่มด่ำไปกับช่วงเวลาแห่งความสุขในค่ำคืนวันส่งท้ายปีเก่าเพื่อต้อนรับปีใหม่แบบมีสไตล์ ณ โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ พร้อมแต่งกายด้วยชุดทักซิโด้สำหรับท่านสุภาพบุรุษและชุดราตรีสำหรับท่านสุภาพสตรีในแบบฉบับ เจมส์ บอนด์ และ บอนด์ เกิร์ล ร่วมงานกาล่าดินเนอร์หรูในธีม “GoldenEye” สีทองสุดหรู ณ ริมสระว่ายน้ำ อิ่มเอมไปกับอลังการอาหารบุฟเฟ่ต์นานาชาติมื้อค่ำเลิศรสจากทั่วทุกมุมโลก พร้อมเพลิดเพลินไปกับความบันเทิงมากมาย อาทิ หลากหลายการแสดงอันสนุกสนาน, ลุ้นรับรางวัลจากการจับฉลาก อีกทั้งเต้นตามจังหวะบทเพลงยอดนิยมที่ได้รับการคัดสรรมาเป็นอย่างดีจากดีเจมืออาชีพ ปิดท้ายด้วยการรับชมการแสดงชุดดอกไม้ไฟอันเป็นเอกลักษณ์เหนือลำน้ำเจ้าพระยาอันวิจิตรตระการตา
ราคา: ผู้ใหญ่ในราคา 15,000 บาทถ้วน เด็กในราคา 7,500 บาทถ้วน*

  • เรือฮอไรซัน
    ร่วมสนุกสนานไปกับประสบการณ์การนั่งเรือฮอไรซันหรูในธีม “Casino Royale” ที่จะนำพาทุกท่านล่องเรือไปตามลำน้ำเจ้าพระยาเพื่อรับชมวิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนของทั้งสองริมฝั่งน้ำ ทุกท่านจะได้เพลิดเพลินไปกับอาหารทานเล่นเลิศรสหลากเมนูพร้อมจิบมาร์ตินีให้เย็นใจ จากนั้นอิ่มอร่อยไปกับอาหารบุฟเฟ่ต์นานาชาติ   มื้อค่ำรสเลิศจากทั่วทุกมุมโลก ในขณะรับชมการแสดงชุดดอกไม้ไฟอันแสนวิจิตรเหนือลำน้ำเจ้าพระยาเพื่อเตรียมตัวต้อนรับวันปีใหม่ พ.ศ. 2563 ที่กำลังจะมาถึง
    ราคา: ผู้ใหญ่ในราคา 14,000 บาทถ้วน เด็กในราคา 7,000 บาทถ้วน*

  • เน็กซ์ทู คาเฟ่
    เชิญคุณพร้อมครอบครัวที่คุณรักมาร่วมเฉลิมฉลองค่ำคืนวันส่งท้ายปีเก่า พ.ศ. 2019 กันอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยการรับชมการแสดงชุดดอกไม้ไฟอันสุดแสนอลังการที่มีความยาวตลอดโค้งน้ำของแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมอิ่มหนำไปกับอาหารบุฟเฟ่ต์นานาชาติมื้อค่ำคุณภาพรสเลิศนำเข้าจากทั่วทุกมุมโลก อาทิ กุ้งล็อบสเตอร์หวานฉ่ำนำเข้าจากประเทศแคนาดา ปิดท้ายความอร่อยของอาหารมื้อค่ำมื้อพิเศษนี้ด้วยเมนูขนมหวานแสนอร่อยนานาชนิด ในขณะชื่นชมวิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนของสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา หรือจะเลือกรับชมความบันเทิงต่างๆ ผ่านหน้าจอแอลอีดีขนาดยักษ์
    ราคา: บริเวณเน็กซ์ทู เทอเรซ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ผู้ใหญ่ในราคา 12,000 บาทถ้วน และเด็กในราคา 6,000 บาทถ้วน*
    หากเป็นบริเวณภายในห้องอาหาร ผู้ใหญ่ในราคา 8,500 บาทถ้วน และเด็กในราคา 4,250 บาทถ้วน*

  • ศาลาทิพย์
    มีความสุขไปกับค่ำคืนแห่งการเฉลิมฉลองค่ำคืนวันส่งท้ายปีเก่าในสไตล์ไทยๆ ไปกับการรับประทานอาหารมื้อค่ำอันแสนโรแมนติกท่ามกลางมนต์ขลังของห้องอาหารไทยภายในศาลาเรือนไทยไม้สักทองที่ได้รับการตกแต่งในแบบสง่างามเรียบหรูร่วมสมัยที่แวดล้อมไปด้วยสวนสวยริมแม่น้ำเจ้าพระยา คุณและคนที่คุณรักจะได้อิ่มเอมไปกับชุดอาหารไทยมื้อค่ำสุดหรูรสชาติต้นตำรับที่นำเสนอในรูปแบบคลาสสิก รังสรรค์โดย เชฟ ญาณวิทย์ ธีรสมบูรณ์กุล
    ราคา: ผู้ใหญ่ในราคา 8,500 บาทถ้วน เด็กในราคา 4,250 บาทถ้วน*

  • โวลติ เรสเตอรองต์ แอนด์ บาร์
    เอ็กเซ็คคิวทีฟซูเชฟ “เดวิด ไพวา” นำทีมเชฟมืออาชีพแห่งมาสร้างสรรค์เซ็ตเมนูอาหารอิตาเลียนเลิศรสขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อร่วมเฉลิมฉลองศักราชใหม่ที่กำลังจะมาถึงโดยเฉพาะ ให้ทุกท่านได้อร่อยกันแบบเต็มอิ่ม พร้อมรับชมการแสดงดอกไม้ไฟอันแสนงดงามตระการตา ณ บริเวณริมสระว่ายน้ำอีกด้วย
    ราคา: ผู้ใหญ่ในราคา 7,000 บาทถ้วน เด็กในราคา 3,500 บาทถ้วน*

  • ล็อบบี้ เลาจน์และลานริมน้ำอาคารกรุงเทพวิง
    สถานที่ที่สมบูรณ์แบบสำหรับการรับชมการแสดงดอกไม้ไฟอันวิจิตรตระการตาเหนือลำน้ำเจ้าพระยาในค่ำคืนวันส่งท้ายปีเก่า คุณและคนที่คุณรักจะได้เพลิดเพลินไปกับการจิบเมนูค็อกเทลแก้วโปรด พร้อมชื่นชมแสงไฟระยิบระยับจากหมู่เรือที่แล่นผ่าน ณ บริเวณลานริมน้ำอาคารกรุงเทพวิง ยามค่ำคืนในวันสุดท้ายของปี
    ราคา: 2,500 บาทถ้วน รวมเครื่องดื่มตามที่กำหนดจำนวน 2 แก้ว ตั้งแต่เวลา 22.30 น. ถึงเวลา  24.00 น.

มีความสุขต้อนรับวันปีใหม่ พร้อมอิ่มหนำไปกับซันเดย์บรั้นซ์ ณ เน็กซ์ทู คาเฟ่ ในวันที่ 1 มกราคม 2563

เริ่มต้นศักราชใหม่ไปกับครอบครัวที่คุณรักด้วยอาหารบุฟเฟ่ต์นานาชาติคุณภาพเยี่ยมรสเลิศที่ได้รับการคัดสรรมาเป็นอย่างดีจากทั่วทุกมุมโลก อีกทั้งเมนูของหวานแสนอร่อยนานาชนิด ที่รังสรรค์โดยทีมพ่อครัวมืออาชีพที่พร้อมให้ได้เลือกรับประทานอย่างเต็มอิ่มกันทั้งครอบครัว อีกทั้งเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศอันแสนร่มรื่น ณ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา
ผู้ใหญ่ในราคา 3,200 บาทถ้วน เด็กในราคา 1,600 บาทถ้วน*
*ราคาดังกล่าวสำหรับเด็กอายุเด็กอายุตั้งแต่ 4 – 11 ปี
**ข้อเสนอพิเศษ: รับส่วนลดทันที 15% เมื่อสำรองที่นั่งและชำระเงินล่วงหน้า ภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน  พ.ศ. 2562 นี้ สำหรับสมาชิกโกลเด้นเซอร์เคิล รับส่วนลด ตั้งแต่วันนี้ จนถึง วันที่สิ้นสุดโปรโมชั่น

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และสำรองที่นั่งได้ที่ ฝ่ายสำรองที่นั่งห้องอาหารของโรงแรมฯ โทร. 0 2236 9952 หรือ 0 22367777 หรือ อีเมล [email protected] หรือ สำรองที่นั่งได้ที่ เว็บไซต์ https://www.shangri-la.com/bangkok/shangrila/dining/restaurants/next2/book-a-table/

ซิทดาวน์ดินเนอร์-บุฟเฟ่ต์-เมนูซุ้ม อาหารงานแต่ง แบบไหนที่ใช่สำหรับงานคุณ

สำหรับบ่าวสาวที่กำลังเตรียมการเรื่อง อาหารงานแต่ง ว่าแบบไหนถึงจะเหมาะกับธีมและแขกในงาน เพราะแต่ละแบบก็ดูไม่ค่อยจะต่างกันเท่าไหร่ แพรว wedding เลยจัด 3 ประเภทการจัดเลี้ยงอาหารในงานแต่งมาให้ เพื่อที่บ่าวสาวจะได้ใช้เป็นแนวทางในการเลือกให้เข้ากับงานแต่งของตัวเอง

ชิทดาวน์ ดินเนอร์

sit

เหมาะสำหรับบ่าวสาวที่อยากจะจัดในแบบทางการกึ่งหรูหรา ด้วยการให้แขกนั่งประจำที่แล้วมีพนักงานคอยบริการเสิร์ฟถึงโต๊ะ แถมยังคุมค่าใช้จ่ายได้ง่ายกว่าการจัดอาหารแบบอื่นๆ ด้วย เพราะเรารู้คุมจำนวนแขกได้ จึงจัดการปริมาณอาหารได้แบบพอดีไม่ต้องเผื่อเหลือเผื่อขาด ให้เปลืองเงิน แต่ก็ควรสอบถามแขกในงานด้วยว่าใครมีข้อจำกัดทางอาหารอะไรพิเศษหรือเปล่า อย่างทานมังสวิรัติเท่านั้น หรือไม่กินหมู และไก่ เป็นต้น

คำแนะนำ : เขียนรายชื่อแขกติดที่นั่งแต่ละตัว เพื่อที่แขกมาถึงจะได้เชิญไปนั่งที่โต๊ะได้เลย อ้อ…ก่อนวันงานสัก 1 เดือน อย่าลืมรีเช็คกับแขกว่ามาแน่ และบอกด้วยว่าจะได้ล็อคเก้าอี้ไว้ให้ เป็นการบอกแบบเนียนๆ ว่า ห้ามเอาคนอื่นมาเพิ่มนะ

บุฟเฟ่ต์

buffet_ilker_ilco

วางอาหารเป็นแถวเรียงยาว มีจานตั้งอยู่สำหรับให้แขกหยิบไปตักใส่อาหาร แขกอยากกินอะไรเมื่อไหร่ก็มาตักได้เองตามสะดวก แต่ถ้าเป็นงานใหญ่ อาจมีไลน์อาหารมากกว่า 1 ไลน์เพื่อความสะดวกและให้ปริมาณพอกับแขกที่มางาน แต่ส่วนใหญ่ก็หมดลงอย่างรวดเร็วก่อนงานเริ่มอยู่ดี

คำแนะนำ : ควรมีป้ายเล็กๆ ตั้งอยู่หน้าอาหารแต่ละเมนูว่ามีส่วนประกอบของอะไรบ้างเพื่อป้องกันแขกที่อาจแพ้อะไรบางอย่างจะได้ระมัดระวังได้

เมนูซุ้ม

อาหารงานแต่ง

เป็นรูปแบบการจัดอาหารที่กำลังได้รับความนิยมโดยมักจัดเป็นอาหารค็อทเทลแล้วเสริมด้วยซุ้มอาหารเพื่อความหลากหลายและความอิ่มท้องของแขกในงาน แถมยังทำให้จัดงานได้สวยกว่าจัดอาหารแบบบุฟเฟ่ต์ด้วย โดยจะจัดอาหารเป็นซุ้มๆ แยกกันตามแต่ละประเภทอาหาร ใครอยากกินอะไรก็เดินพุ่งเข้าไปได้เลย ไม่ต้องไปต่อแถวเพื่อตักอะไรในไลน์บุฟเฟ่ต์ ที่สำคัญคือเมนูซุ้มส่วนใหญ่เป็นอาหารสดใหม่มีเชฟประจำซุ้มจึงทำให้อาหารอร่อยกว่าอาหารที่ตั้งค้างในไลน์บุฟเฟ่ต์อีกด้วย ซึ่งเราได้จัดซุ้มอาหารสุดประทับใจในงานแต่งมาให้แล้ว

คำแนะนำ : ถึงแม้ว่าจะไม่ต้องการจำนวนแขกที่แน่นอนแบบซิทดาวน์ดินเนอร์ แต่เช็คจำนวนแขกให้ชัวร์ไว้ก่อนก็ดีนะ จะได้จัดการอาหารให้พอดี ไม่เหลือมากเกินไป หรือน้อยเกินไปจนแขกไม่มีอะไรกิน

การจัดการอาหารแบบต่างๆ ก็มีความเหมาะสมที่แตกต่างกัน คุณว่าทั้งหลาย ลองดูว่างานตัวเองแบบไหน แล้วเลือกให้เหมาะสม จะทำให้ลดค่าใช้จ่ายเรื่องอาหารไปได้เยอะเลยนะ

ดูไอเดียและคำแนะนำเกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ต้องทำอย่างไร? หากเราจะเป็น เจ้าสาวใส่แว่น ในวันแต่งงาน!

อีกหนึ่งปัญหาโลกแตกสำหรับสาวแว่น! หากเราจะเป็น เจ้าสาวใส่แว่น เพราะไม่อยากใส่คอนแทคเลนส์ ต้องทำยังไงถึงจะยังดูสวยเป๊ะไม่ขัดหูขัดตา มาอ่านกันค่ะ

ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ของสาวแว่นที่ปกติใส่แว่นจนติดตา พอถึงเวลาจะแต่งงาน หลายคนอาจจะเลือกที่จะใส่คอนแทคเลนส์แทนเพื่อความสวยงามในวันนั้น แต่มีสาวแว่นจำนวนไม่น้อยที่ไม่สามารถใส่คอนแทคเลนส์ได้ด้วยหลากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเนื่องจากความโค้งตาไม่ปกติ เป็นคนตาเล็ก หรือดวงตาแพ้ง่ายมากๆ แล้วจะทำยังไงดี? ในเมื่อเราต่างก็อยากเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดแต่กลัวว่าแว่นตาของเราจะกลายเป็นอุปสรรค อยากบอกว่าอย่าเพิ่งกังวลใจไปค่ะ เรายังคงสามารถเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดได้ในวันแต่งงานแม้ว่าจะใส่แว่นตาก็ตาม เพียงทำตามทิปส์ต่อไปนี้ที่เราแนะนำค่ะ

1. ปรึกษาช่างภาพวันแต่งงานของคุณ
เพราะเลนส์แว่นตาอาจจะสะท้อนแสงแฟลชถ่ายภาพทำให้ภายถ่ายที่ออกมามีเงาสะท้อนที่ดวงตาของคุณ แต่ถ้าหากช่างภาพทราบก่อนจะสามารถหาวิธีช่วยลดเงาสะท้อนลงได้ หรือคุณอาจจะต้องมองหาเลนส์แว่นตาประเภทที่สามารถลดแสงสะท้อนจากแฟลชถ่ายภาพได้ค่ะ

เจ้าสาวใส่แว่น
katieosgood.com

2. แจ้งความต้องการกับช่างแต่งหน้าเจ้าสาว
ต้องแจ้งกับช่างตั้งแต่เนิ่นๆ ว่าเราต้องการใส่แว่นสายตาในวันแต่งงาน (ถ่ายภาพกรอบแว่นสายตาที่เราเลือกแล้วส่งให้ช่างด้วย) เพื่อให้ช่างได้ทำการบ้านหาลุคเมกอัพที่ดูเข้ากับทุกสิ่งทุกอย่างให้มากที่สุด ถ้าหากช่างแต่งหน้ายันยืนที่จะให้คุณต้องใส่คอนแทคเลนส์แต่คุณไม่ต้องการ ไม่ต้องเกรงใจที่จะปฏิเสธและหาช่างแต่งหน้าคนใหม่มาแทนค่ะ

เจ้าสาวใส่แว่น
lisajane-photography.com

3. หากรอบแว่นที่เข้ากับชุดของคุณ
เมื่อคุณลองชุดเจ้าสาว แนะนำว่าให้หากรอบแว่นที่เข้ากันไปด้วยในเวลาเดียวกันเลย อาจจะต้องมองหาชุดเจ้าสาวแนวโมเดิร์นหรือเรียบโก้เป็นพิเศษ เพราะชุดเจ้าสาวแนวหรูหราอลังการคงไม่ดูไปในทิศทางเดียวกันกับแว่นสายตาเท่าไร นอกเหนือจากดีไซน์ของกรอบแว่น ควรหาสีที่แมทช์เข้ากันได้ดีด้วย หรือแม้กระทั่งการปรับเปลี่ยนชุดเจ้าสาวให้เป็นแบบกระโปรงสั้น หรือกางเกง ก็จะสามารถช่วยให้ดีไซน์ชุดดูไปด้วยกันกับแว่นสายตามากขึ้นค่ะ

เจ้าสาวใส่แว่น
thephotographyshoppe.com

4. สไตล์เรโทร รอดเสมอ!
ลองหากรอบแว่นแนวเรโทรหรือวินเทจจากยุคคุณแม่ แมทช์กับเครื่องประดับหรือทรงผมสไตล์เรโทร ช่วยให้ลุคของแว่นตาดูไม่ขัดหูขัดตากับอย่างอื่นมากเกินไป รวมทั้งเมกอัพลุคที่เน้นอายไลนเนอร์หางตาให้ดูเฉี่ยวกับลิปสติกสีสันสดใส ดูเป็นเจ้าสาวแนวเรโทรแม้จะสวมแว่นก็ดูสวยโก้ไปอีกค่ะ

เจ้าสาวใส่แว่น
junebugweddings.com

5. ลดทอนดีเทลเครื่องประดับให้น้อยที่สุด
เพราะแน่นอนว่าเมื่อแว่นตากลายเป็นจุดเด่นไปแล้ว อย่าถมแอ็คเซสเซอรี่หรือเครื่องเพชรอื่นๆเข้าไปอีกเพราะจะยิ่งทำให้ตัวเราดูรกเกินไปค่ะ

เจ้าสาวใส่แว่น
myrafotografie.be

6. มั่นใจเข้าไว้!
สุดท้ายแล้วเราควรดูเป็นตัวของตัวเองในวันแต่งงานนะคะ คงไม่มีประโยชน์ถ้าเราดูสวยมากในวันแต่งงาน แต่เมื่อมองย้อนกลับมาดูภาพที่เห็นแล้วกลับทำให้รู้สึกว่าไม่ใช่ตัวตนของเราเลย หรือถ้าเราไม่สามารถใส่คอนแทคเลนส์ได้แต่พยายามใส่เพื่อให้ภาพออกมาดูสวยในวันแต่งงานแต่กลับทำให้ดวงตาบาดเจ็บหรือไม่สบายสายตาจนรู้สึกไม่สบายตัว เราก็จะสูญเสียช่วงเวลาดีๆที่มีเพียงครั้งเดียวในวันแต่งงานไปได้

เจ้าสาวใส่แว่น
micahandmegan.com

หวังว่าข้อมูลจากเราจะเป็นประโยชน์ให้เหล่าเจ้าสาวที่อยากจะสวมแว่นสายตาในวันแต่งงานนะคะ อย่าลืมมั่นใจเข้าไว้ และมีความสุขให้สุดๆในวันแต่งงานของเรานะคะ <3

ชอบคอนเท้นต์นี้ของเราไหมคะ? ถ้าชอบ คลิกอ่าน ผลิตภัณฑ์ป้องกันผมร่วง สำหรับว่าที่บ่าวสาวผมบาง! ที่นี่เลย

Credit Story: mywedding.com, bridalmusing.com

5 วิธีช่วยว่าที่บ่าวสาวงบน้อยลดค่าใช้จ่ายสถานที่จัดงานแต่งงาน

หลายคู่เลือกทุ่มเททุกอย่างให้กับวันสำคัญอย่างวันแต่งงาน จะเรียกได้ว่าทุ่มหมดตัวเลยก็ว่าได้นะคะเพื่อให้งานออกมาสมบูรณ์เพอร์เฟ็กต์ที่สุด โดยลืมสนใจเรื่องงบประมาณค่าใช้จ่ายในส่วนต่างๆ อย่างละเอียดถี่ถ้วน ซึ่งก็อาจทำให้เกิดปัญหาของชีวิตคู่ตามมาภายหลัง เพราะฉะนั้นอย่าให้การแต่งงานของคุณและคนรักกลายเป็นปัญหาเลยค่ะ มาเริ่มจากการจัดการงบประมาณจากสิ่งที่มีค่าใช้จ่ายเยอะที่สุดของงาน นั่นคือ สถานที่จัดงานแต่งงาน ที่บางแห่งถึงกับเหยียบหลักแสนหลักล้านก็มีนะคะ คู่บ่าวสาวที่มีงบหนาคงใช้จ่ายได้อย่างสบายหายห่วง ส่วนคู่ที่ไม่เน้นความไฮโซโก้หรูจะมีวิธีจำกัดงบ ลดค่าใช้จ่าย ส่วนนี้ได้อย่างไรบ้าง มาดูกันดีกว่า

 ลดค่าใช้จ่าย

1. ตั้งงบประมาณก่อนเลือกสถานที่

ทำตารางกำหนดงบประมาณของส่วนต่างๆ ภายในงานมาเลยค่ะ อย่างสถานที่คุณต้องการให้อยู่ในงบประมาณราคาเท่าไร ไม่ต้องเป๊ะมากก็ได้ค่ะอาจจะเขียนให้อยู่ในช่วงประมาณ เช่น 50,000 – 100,000 บาท จากนั้นก็เสิร์ชหาสถานที่ที่คุณต้องการแล้วติดต่อสอบถามราคา พยายามหาให้ได้ในราคาที่ได้ตั้งงบประมาณไว้นะคะ ค่าใช้จ่ายจะได้ไม่เกินไปมาก แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบคุณชอบสถานที่หนึ่งมากๆ อยากได้เป็นสถานที่จัดงานแต่งงานในฝันแต่ราคาอาจจะเกินจากที่ตั้งงบไว้ไม่กี่พันบาท แบบนี้ก็ยังพออะลุ่มอล่วยได้ค่ะ แต่ถ้าเกินมาหลายหมื่นแล้วคุณไม่ได้มีเงินเหลือใช้ขนาดนั้นก็ต้องยอมตัดใจหน่อยน้า หรือไม่คุณก็ต้องไปลดค่าใช้จ่ายในส่วนอื่นแทน เพื่อมาทบกับค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าสถานที่ค่ะ

2. เลือกสถานที่ธรรมชาติสวยงาม ไม่จำเป็นต้องใช้การตกแต่งอะไรมากมาย

สถานที่ที่ว่านี้ส่วนใหญ่จะเป็นสถานที่แบบเอ้าท์ดอร์หรือในสวนค่ะ เพราะเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยต้นไม้ ดอกไม้ มีบรรยากาศดี และมีความสวยงามของธรรมชาติอยู่แล้ว เลยไม่จำเป็นต้องตกแต่งอะไรเพิ่มเติมมากมาย เลือกใช้พร็อพที่หาได้ง่าย ราคาไม่แพงมาช่วยประดับตกแต่งนิดหน่อยก็สวยขึ้นแล้วค่ะ และอีกหนึ่งสิ่งที่สถานที่แบบนี้จะช่วยประหยัดงบได้เพราะเหมาะกับการจัดงานแต่งงานเล็กๆ ที่เน้นบรรยากาศอบอุ่น ไม่จำเป็นต้องมีความหรูหราเลยค่า

3. สอบถามแพ็คเกจ โปรโมชั่นของสถานที่

สิ่งนี้จะช่วยคุณประหยัดได้มากเลย หากคุณมีสถานที่ที่สนใจแล้ว ลองสอบทางกับสถานที่นั้นดูว่ามีแพ็คเกจหรือโปรโมชั่นสำหรับจัดงานแต่งงานอะไรบ้าง บางสถานที่ทำเป็นแพ็คเกจรวมค่าตกแต่งสถานที่ ค่าอาหาร พร้อมกับการบริการที่คุณไม่ต้องหาเพิ่มเติมมาเอง หรือถ้าให้ชัวร์คุณต้องคำนวณค่าใช้จ่ายทั้งหมด เช่น หากคุณจ่ายเพียงแค่ค่าสถานที่แล้วหาโต๊ะจีนมาเอง หาทีมตกแต่งสถานที่เอง กับเหมารวมแพ็คเกจที่สถานที่จัดมาให้อันไหนจะมีค่าใช้จ่ายถูกกว่ากันและแยกข้อดี-ข้อเสียระหว่างสองอย่างนี้ก็จะช่วยให้ตัดสินใจได้ดีขึ้นอีกด้วยค่ะ

4. ใช้งาน DIY ช่วยการตกแต่งสถานที่

เป็นการช่วยลดค่าใช้จ่ายเรื่องการตกแต่งสถานที่ได้อย่างมากเลยค่ะ แต่คุณต้องมีเวลาและกำลังคนที่มากพอที่จะมาช่วยประดิษฐ์ประดอยพร็อพใช้จัดงานแต่งงานของคุณให้ออกมาดูดีได้ด้วยนะคะ นอกจากนี้การใช้งาน DIY เข้ามาช่วยตกแต่งแทนดอกไม้ถึงไม่ได้ดูหรูหรามีราคาแพง แต่ก็ช่วยประหยัดงบและงานออมาครีเอทไม่เหมือนใครด้วยน้า

5. เลือกสถานที่ที่มีผู้ประสานงานหรือดูแลส่วนต่างๆ ให้ภายในงาน

ข้อนี้จะช่วยให้เราตัดค่าจ้างทีมออแกไนซ์ไปได้เลยค่ะ หากทางสถานที่ที่คุณเลือกมีผู้ดูแลคอยประสานในวันงานแต่งงานให้ รวมไปถึงมีการบริการให้กับแขกของคุณด้วย คุณแทบไม่ต้องลังเลที่จะเลือกใช้สถานที่นี้เลย เพราะคุณไม่จำเป็นต้องมีทีมออแกไนซ์ที่ต้องมาประสานงานกับทางสถานที่อีกทีให้ยุ่งยาก ทีมประสานงานของทางสถานที่ย่อมรู้ดีว่าควรจัดการงานแต่งงานของคุณในสถานที่ที่พวกเขามีประสบการณ์การทำงานให้ออกมาดีได้อย่างไร ซึ่งทุกอย่างจะถูกจัดเตรียมไว้ให้คุณอย่างเรียบร้อยเลยแหละค่ะ

หลังจากควบคุมเรื่องงบประมาณของสถานที่แล้ว ยังมี 5 สิ่งที่ต้องทำก่อนเลือก สถานที่จัดงานแต่งงาน ในฝันของคุณ อีกนะคะ

Cr : stylemepretty.com, homelife.com.au, ledieze.com

เทคนิคจัดงานแต่งยังไงให้สวย ในงบจัดงานแต่งที่มีจำกัด!!

งบจัดงานแต่ง ก็มีอยู่แค่นี้…แล้วงานจะออกมาดีได้เหรอ?

แพรว wedding รู้มาว่าบ่าวสาวชาวออฟฟิศหลายคู่ไม่กล้าใช้บริการเวดดิ้งแพลนเนอร์ เพราะกังวลว่ามี งบจัดงานแต่ง น้อย และคิดว่าการใช้บริการเวดดิ้งแพลนเนอร์นั้นเป็นอะไรที่เกินเอื้อมถึง แต่เราอยากให้บ่าวสาวเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ค่ะ เพราะการใช้เวดดิ้งแพลนเนอร์แบบสบายกระเป๋านั้นก็สามารถทำได้ แถมยังมีเทคนิคการจัดงานแต่งให้สวยเริดในงบจำกัดมาฝากอีกด้วย

งบไม่เยอะ คุยกับแพลนเนอร์อย่างไร

ก่อนอื่นบ่าวสาวควรตั้งงบไว้ในใจและคิดว่าอยากให้ความสำคัญกับอะไรในงานมากที่สุด จากนั้นก็คุยกับแพลนเนอร์ตรงๆ ว่า มีงบเท่านี้ อยากได้แบบนี้ เวดดิ้งแพลนเนอร์สามารถทำให้ได้ไหม ซึ่งถ้าหากงบน้อย หรือถ้าไม่ไหวจริงๆ 10-15 เปอร์เซ็นต์ก็ยังทำได้ โดยอาจจะเน้นไปที่แบ็กดร็อปกับเวทีเป็นหลัก เพราะแบ็กดร็อปเป็นเฟิร์สอิมเพรสชั่น ส่วนเวทีเป็นจุดรวมสายตาของแขก แต่ถ้างบน้อยลงมาอีก ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เราขอแนะนำให้เลือกเวที เพราะเป็นจุดรวมของทุกซีเควนซ์ ถ่ายภาพออกมาแล้วเห็นการตกแต่งชัดเจน ส่วนกรณีที่เงินเหลือแนะนำให้เพิ่มซุ้มทางเข้างานเพื่อสร้างความว้าวให้กับแขกตั้งแต่แรกเห็น

งบน้อยจัดธีมนี้สิ รอดชัวร์!!

หากว่าที่บ่าวสาวที่มีงบน้อย แต่อยากมีธีมสำหรับงานแต่งงานที่เป็นงานสำคัญในชีวิต แนะนำให้จัดเป็นธีมแกตส์บี้ เพราะเป็นธีมที่ไม่ต้องใช้ดอกไม้ในการตกแต่งเยอะ โดยสามารถตกแต่งงานให้ดูสวยงามฟู่ฟ่าได้ด้วยพร็อปต่างๆ อย่าง ผ้าเลื่อม หรือขนนก เป็นต้น ซึ่งสามารถหาเช่าได้ในราคาไม่แพง

งบจัดงานแต่ง

ทิปส์เด็ดๆ จัดงานแต่งให้หรูได้ด้วยงบจำกัด

– เลือกโรงแรมที่ตกแต่งสวยอยู่แล้ว หรือมีเฟอร์นิเจอร์ที่นำมาใช้ตกแต่งงานได้ง

– ดูว่าในแพ็คเกจของโรงแรมมีอะไรให้บ้าง เช่น ถ้าให้ดอกไม้ตามมาตรฐานตามจุดต่างๆ ลองเจรจาขอนำดอกไม้ทั้งหมดมารวมกันในกระถางโรมัน 2-4 ใบ แล้วนำไปใช้ตกแต่งเวที หน้างาน หรือทางเข้างานก็ได้

– คุยกับแพลนเนอร์ว่าสามารถเตรียมงานเองในส่วนไหนได้บ้าง เช่น สถานที่ อาหาร การ์ด ของชำร่วย จะได้ช่วยทุ่นหรือลดทอนค่าใช้จ่ายลง แล้วค่อยให้แพลนเนอร์จัดงานส่วนที่เหลือแทน

– กรณีที่ใช้จ่าย Minimum Spend กับโรงแรมแล้วได้ทุกอย่างครบ แต่อยากให้งานดูมีความพิเศษเพิ่มขึ้นมาอีกนิดนึง อาจขอใช้บริการเช่าพร็อปเสริม หรือใช้บริการการจัดโต๊ะแบบลองเทเบิ้ลสำหรับแขกวีไอพี เพื่อสร้างความประทับใจและเพิ่มความพิเศษให้แขกดูมีความสเปเชียลมากขึ้น

แถมให้อีกนิด >> เคล็ดลับจัดการงบจัดงานแต่งงานให้อยู่หมัดแบบง่ายๆ ไม่ซับซ้อน

ภาพ weddingconcepts.co.za, pinterest

4 ทริคเลือกแหวนแต่งงานราคาประหยัดแต่ความงามของเพชรยังอยู่

คู่รักที่กำลังวางแผนแต่งงานบางคู่อาจจะกำลังกุมขมับเรื่องค่าใช้จ่าย เพราะไหนจะต้องเตรียมเงินไว้สำหรับการเตรียมงาน แล้วยังต้องมาเครียดเรื่อง แหวนแต่งงาน ราคา สูงลิบอีก แพรว wedding อยากจะบอกว่า อย่าเพิ่งเครียดขนาดนั้นค่ะคุณขา ลองดูทริคดีๆ ในการเลือกเพชรที่เรานำมาฝาก รับรองว่าช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย แถมยังได้แหวนเพชรสวยๆ กลับบ้านด้วย

1. เลือกเพชรที่น้ำหนัก 0.9 กะรัตแทนเพชรน้ำหนัก 1 กะรัต (หรือ 1.9 กะรัตแทน 2 กะรัต) เพราะเป็นความต่างของขนาดที่แทบจะสังเกตุความต่างของขนาดไม่เห็น แต่สามารถช่วยให้บ่าวสาวประหยัดได้ถึง 20 เปอร์เซ็นต์

2. บาลานซ์ระหว่างสีและความคมชัด เพื่อให้ได้เพชรขนาดใหญ่ที่มีค่าใช้จ่ายน้อยลง บ่าวสาวบางคู่อาจจะเลือกเพชรแบบ F Color แต่สามารถเลือกขนาดของกะรัตที่ใหญ่ได้ หรือจ่ายเงินได้น้อยลงในจำนวนกะรัตเดียวกัน

3. เลือกความสะอาดของเพชรในระดับที่น้อยสำหรับเพชรทรงกลม เพชรบางรูปทรงสามารถซ่อนตำหนิไว้ได้ (เช่นเพชรทรง Emerald หรือ Asscher) หากคุณเลือกรูปแบบของเพชร ให้เลือกความสะอาดของเพชรให้มากกว่าสีของเพชร

4. มองข้ามตัวเรือนแบบแพลตตินั่ม ตัวเรือนทองคำขาวนั้นสามารถประหยัดเงินให้คุณได้มากกว่า

และเมื่อคุณพร้อมที่จะเข้าไปลองสวมแหวนที่ร้าน ต้องเข้าใจก่อนว่า “แสงไฟในร้านเพชรจะช่วยให้เพชรส่องประกายสวยงามมากเป็นพิเศษ” เพราะฉะนั้นเพื่อที่คุณจะได้เห็นสีของเพชรที่แท้จริง ให้ลองยืนใกล้หน้าต่างหรือบริเวณที่มีแสงธรรมชาติ และอย่าลืมสำรวจตำหนิบนเพชรให้ดี ทั้งแบบที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และแบบที่ต้องใช้เครื่องส่องให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจซื้อนะ

ดูเรื่องราวเกี่ยวกับแหวนแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ unsplash.com

8 เรื่องบ่าวสาวต้องรู้! ก่อนที่จะจ้างเวดดิ้งแพลนเนอร์มาเนรมิตงานให้

ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหา เวดดิ้งแพลนเนอร์ สักเจ้ามาช่วยดูแลและเนรมิตงานแต่งได้ตามที่ใจต้องการ แถมเมื่อได้เจ้าที่เข้าตาก็ไม่รู้ว่าจะต้องคัดแบบไหนตอบโจทย์ความต้องการมากที่สุด วันนี้เราขอไกด์ลำดับความคิดที่จะทำให้คุณได้แพลนเนอร์รู้ใจมาฝาก

1. ดูจากผลงานที่ผ่านมาว่าตรงกับความต้องการหรือไม่

ก่อนอื่นคุณจะต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่า อยากได้งานแต่งงานรูปแบบไหน สไตล์การจัดงานเป็นอย่างไร และค้นหาว่ามีเวดดิ้งแพลนเนอร์เจ้าไหนที่เคยจัดงานในรูปแบบและสไตล์ที่เราต้องการ จากนั้นรวบรวมข้อมูลที่ได้เพื่อนำมาใช้ตัดสินใจต่อไป

2. เปรียบเทียบผลงาน

เมื่อรวบรวมรายชื่อแพลนเนอร์ที่มีการจัดงานตามแบบที่ต้องการได้แล้ว ก็ต้องเอาผลงานเหล่านั้นมาเปรียบเทียบกันเพื่อหาผลงานที่ถูกใจและตรงใจมากที่สุด

3. เช็คว่าแพลนเนอร์นั้นมีภูมิลำเนาอยู่ที่ไหน

ถึงแม้เราจะได้แพลนเนอร์ที่มีผลงานตรงใจแล้ว ก็ต้องมาดูกันอีกว่าแพลนเนอร์เจ้านั้น สามารถเดินทางมาจัดงานให้คุณได้สะดวกหรือเปล่า ไม่ใช่คุณจะจัดงานที่กรุงเทพฯ แต่แพลนเนอร์ที่คุณจะจ้างดันอยู่ จ.เชียงใหม่ แบบนี้ก็คงจะไม่ใช่ แต่ถ้าหากหาไม่ได้จริงๆ ก็อาจจะเลือกเจ้าที่ผลงานดร็อปลงมาหน่อยแต่คุณสามารถไปหาและจัดการได้สะดวกจะดีกว่านะจ๊ะ

4. ตรวจสอบคิวว่าง

มาถึงขั้นตอนสำคัญ เมื่อได้แพลนเนอร์ที่ตรงใจแล้ว เราก็จะต้องติดต่อไปหาแพลนเนอร์เจ้านั้นเสียแต่เนิ่นๆ เพื่อสอบถามว่าวันที่จัดงานแต่ง แพลนเนอร์มีคิวว่างหรือไม่

 

5. ในวันหรือสัปดาห์ที่จัดงาน มีการรับงานมากน้อยแค่ไหน

แพลนเนอร์บางเจ้าคิวทองมากเป็นที่ต้องการสุดๆ และมีความสามารถในการวิ่งงานหลายงานในวันเดียวได้ คุณจึงควรตรวจสอบและถามเพื่อความแน่ใจว่าเขามีงานอื่นตรงกับงานของคุณไหม และสามารถดูแลได้ทั่วถึงหรือเปล่า

6. ถ้ามีเหตุฉุกเฉินจะมีแผนสำรองอย่างไร

อีกหนึ่งคำถามที่คุณจะต้องไม่พลาด นั่นคือ ถ้าหากในวันงานมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้นมา ทางแพลนเนอร์จะมีแผนสำรองรองอะไรมารองรับหรือไม่ เพื่อที่หากเหตุอันใดเกิดขึ้นมาคุณจะได้สบายใจ

7. เรื่องราคาก็สำคัญ

หลังจากที่หาแพลนเนอร์ที่ตอบโจทย์ได้แล้ว ให้โทรไปสอบถามเรื่องราคากับแพลนเนอร์เสียก่อน เพื่อที่จะได้รู้ว่าสู้เรทราคาของเจ้านั้นไหวไหม และอย่าลืมที่จะถามต่อว่าในแพ็คเกจที่เลือกครอบคลุมค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง รวมถึงถ้าหากต้องมีการเลื่อนการจัดงานจะมีค่าใช้จ่ายอะไรเพิ่มหรือเปล่า

8. เงื่อนไขการบริการก็ห้ามพลาด

เมื่อได้แพลนเนอร์ตามที่ต้องการแล้ว ก่อนจะตกลงทำสัญญาก็อย่าพลาดที่จะสอบถามถึงเงื่อนไขการบริการว่าเป็นอย่างไร รวมถึงการวางค่ามัดจำ และค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม คุณก็อย่าให้ตกหล่น

 

ทั้งหมดนี้คือ 8 ไกด์ความคิดที่จะช่วยให้หาเวดดิ้งแพลนเนอร์ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการและเนรมิตคืนสำคัญอย่างงานแต่งของคุณให้ออกมาถูกใจและประทับใจตราบนานเท่านาน

ดูไอเดียและคำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ : time.com, tourinrome.com, polandweddings.com, yeahmag.com