เลข “6” ตัวเลขแห่งรัก ฤกษ์ดีสำหรับคนแต่งงานที่ต้องรู้ไว้

เลข “6” (อารบิก) เป็น เลขมงคล มีลักษณะคล้ายสเปิร์มของผู้ชายที่มีหัวและหางกําลังวิ่งลงตามแรงโน้มถ่วงของโลก ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความรักและความสุนทรีย์ในชีวิตคู่จึงเหมาะจะนํามาใช้ในเรื่องเวลา (หรือที่โบราณเรียกกว่าฤกษ์ยาม) และความเป็นสิริมงคลของบ่าวสาว โดยคุณแมน-การิน กูรูเรื่องตัวเลข แนะนําดังนี้

เลข “6” กับเวลาในการดําเนินพิธีการแต่ละช่วง

สําหรับพิธีสงฆ์ให้ยึดเวลาที่บ่าว-สาวเริ่มจุดธูปเทียนอาจกําหนดที่ 6.06, 6.09, 6.16, 6.19, 6.29 เป็นต้น เมื่อถึงพิธีแห่ขันหมากที่มักจะเร่งเวลาให้ทันฤกษ์สวมแหวน (ที่ส่วนใหญ่จะลงท้ายด้วย“9”) บ่าว-สาวมักไม่แน่ใจว่าจะเริ่มเดินขบวนตอนไหนดีก็อาจใช้เลข “6” มาแทรกไว้ตั้งแต่เริ่มโห่เช่น 8.06, 8.16, 8.26 เป็นต้น แล้วคํานวณเวลาเจรจาต่อรองประตูเงินประตูทองกระทั่งเข้าไปยังบริเวณทําพิธีให้ทันตามฤกษ์ที่กําหนดไว้

เลข “6” กับแหวนเพชร

ไม่ได้แปลว่าคุณต้องเก็บเงินหาเพชร 6 กะรัตมากํานัลเท่านั้น แต่ยังหมายถึงตัวเลขที่รวมกันแล้วได้ “6” เช่น แหวนเพชรขนาด 2.40 กะรัต 1.50 กะรัต 0.51 กะรัต หรือจะเป็นจํานวนเม็ดเพชรบนตัวเรือน เช่น แหวนแถวเรียงกัน 6 เม็ด แหวนชูประดับเพชรเม็ดกลาง 1 เม็ด และประดับเพชรเม็ดเล็กอีก 50 เม็ด รวมเป็น 51 เม็ดในวงเดียวกัน โดยไม่ต้องคํานึงถึงน้ําหนักรวม

เลข “6” กับจํานวนคนในพิธีต่างๆ

ไม่ว่าจะเป็นในขบวนขันหมากหรือในห้องที่ทําพิธีปูเตียงเรียงหมอน คุณแมนแนะนําว่าอาจกําหนดให้ในขบวนขันหมากเมื่อนับรวมบ่าว-สาวแล้วมีทั้งสิ้น 15, 24 หรือ 36 คน คนทําพิธีส่งตัวมี 6 คน (รวมบ่าว-สาว)

แถมให้อีกนิดสําหรับตัวเลขต้องห้ามในฤกษ์ยามงานแต่งคือ ช่วงเวลาที่มีเลข “1” และ “2” อยู่ติดกัน เช่น 9.12 9.21 (แต่ 10.20 น. ใช้ได้เพราะมีเลข “0” คั่น) เพราะเลขสองตัวนี้เป็นเลขความจุกจิกตามองค์ประกอบของธรรมชาติ ส่งผลให้คู่รักมีความกดดันและความเครียด รวมถึงไม่ควรมีองค์ประกอบเลข “7” เพราะเป็นตัวเลขที่ทําให้ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย

ดูเรื่องราวเกี่ยวกับความเชื่อและเรื่องราวเกี่ยวกับงานแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

แฟชั่นสุดสวยของว่าที่เจ้าสาว “นาตาลี เจียรวนนท์” กับชุดแต่งงานลุคเจ้าหญิง

หลังจากที่คบหาดูใจกันมานานถึง 9 ปี ในที่สุดคู่รักคู่หวานของวงการอีกหนึ่งคู่ นาตาลี – ณัฏฐินี เจียรวนนท์ และ ฟลุค – เกริกพล มัสยวาณิช ก็ถึงเวลาที่จะลั่นระฆังวิวาห์ หลังจากที่หนุ่มฟลุคเซอร์ไพร้ส์คุกเข่าขอแต่งงานบนเรือหรูขณะเดินทางไปทริปล่องเรือ ณ ประเทศกรีซ แพรวเวดดิ้งก็เลยชวนสาวนาตาลีมาซ้อมใส่ชุดแต่งงานไปพลางๆ ก่อนที่จะถึงเวลาจริง โดยชุดที่เตรียมมาให้ก็หรูหราเหมาะกับสาวนาตาลีมาก กับ ชุดแต่งงานลุคเจ้าหญิง ที่ทั้งสวย สง่า ออร่าเจ้าสาวจับมากๆ จ้า

เสื้อผ้า : Monique Wedding
โทร. 0-2108-7800, 08-0279-7800
เฟซบุ๊ก : Monique Wedding
ไอจี : @moniqueweddingbkk

ดูแบบชุดแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย!

5 สิ่งธรรมดา เปลี่ยนปัญหา ชุดแต่งงาน เลอะให้เป็นเรื่องจิ๊บๆ

กรี๊ดดดดดด… ชุดแต่งงาน เลอะทำยังไงดี!? แพรว wedding มีทางแก้มาให้คุณเจ้าสาวแล้วค่ะ แต่ก่อนจะรีบลงมือทำความสะอาด ต้องเช็กให้ดีก่อนนะคะว่าชุดแต่งงานของคุณเป็นเนื้อผ้าแบบไหน เพราะผ้าแต่ละชนิดต้องการการดูแลที่แตกต่างกันไป เช่น หากเป็นผ้าไหมก็สามารถใช้แปรงขนอ่อนปัดเบาๆ เพื่อทำความสะอาดได้ แต่ถ้าเป็นผ้าเครป ผ้าชีฟอง หรือผ้าซาตินเมื่อไหร่ล่ะก็ ทิ้งแปรงไปได้เลยค่ะ ห้ามเด็ดขาดไม่ว่ากรณีใดๆ เพราะจะทำให้ชุดเป็นขุยและเกิดด้ายรัน และสุดท้ายไม่ว่าจะเป็นผ้าชนิดไหนก็ควรจะทำอย่างเบามือที่สุดนะคะ

1. สบู่

ดอกไม้จากมาลัยบ่าวสาวตัวการชั้นดีที่ทำให้เกิดคราบบนชุดแต่งงาน หากเลอะเมื่อไหร่ให้ใช้สบู่ล้างออก แต่ต้องเป็นสบู่สีขาวเท่านั้นนะคะ เพราะคุณคงไม่อยากให้สีของสบู่มาแทนที่สีขาวของชุดแต่งงานหรอกจริงไหม ให้นำสบู่ไปโดนน้ำพอให้เปียก แล้วใช้นิ้วแตะสบู่นำมาถูวนเบาๆ บนคราบให้เกิดฟอง โดยถูวนให้มีขนาดใหญ่กว่ารอยคราบเล็กน้อยเพื่อไม่ให้คราบกระจายตัว แล้วใช้ผ้าชุบน้ำซับฟองออกเบาๆ จากนั้นไดร์ให้แห้งทันทีเพื่อป้องกันคราบ ที่สำคัญห้ามขยี้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจากคราบที่มีขนาดเท่าเหรียญ 25 สตางค์จะกลายเป็นเหรียญ 10 บาททันที

2. ทิชชู่

เลือกแบบซับน้ำได้ดี เมื่อเช็ดหรือปัดแล้วไม่เป็นขุย จะได้ไม่ต้องมาเสียเวลายืนปัดเศษขุยทิชชู่ให้เสียบุคลิก และหากเจ้าสาวหรือเจ้าบ่าวสวมชุดผ้าไหมในวันงาน และมีการลงแป้งบริเวณคอหรือช่วงอก ให้ใช้ทิชชู่พับทบกันให้หนา จากนั้นวางรองไว้รอบคอหรือขอบชุดเกาะอกก่อนลงแป้งทุกครั้ง เมื่อลงแป้งเสร็จแล้วให้ใช้แปรงขนนุ่มชุบน้ำพอหมาดรีดน้ำออกจากแปรงให้หมด แล้วนำมาปัดเบาๆ ที่รอยเปื้อน จากนั้นใช้ทิชชู่กดทับให้แห้งดีอีกที เท่านี้ก็เดินสวยหล่อเข้างานได้เลย

3. ไดร์เป่าผม

การเอาไดร์จ่อชุดบริเวณที่เปียกไม่ได้ช่วยทำให้ชุดแห้งเร็วขึ้นนะคะ แถมอาจทำให้ชุดเสียหายหนักกว่าเดิม ทางที่ดีถอยไดร์ให้ห่างจากคราบเปียกประมาณ 1 ฟุตแล้วส่ายไดร์ไปมาขณะเป่า แบบนี้ดีที่สุดค่ะ

4. แป้งฝุ่นหรือแป้งเด็ก

อุปกรณ์ยามฉุกเฉินหากลิปสติกที่หยิบมาเติมสวยก่อนเดินเข้างานดันร่วงใส่ชุด ไม่ต้องรีบล้างให้เสียเวลานะคะ เพราะจะยิ่งทำให้คราบกระจายและฝังลึกเข้าไปอีก แค่โรยแป้งเด็กบริเวณที่เป็นรอยก่อนเดินเข้างาน เท่านี้ก็หมดปัญหาแล้วค่ะและหากแป้งพัฟฟ์ทาตัวดันกระจายเลอะชุดแต่งงานที่เป็นผ้าซาติน ผ้าเครป หรือผ้าชีฟอง ให้โรยแป้งฝุ่นให้ทั่วเพื่อป้องกันคราบแป้งกระจายตัว แล้วปล่อยทิ้งไว้ไม่ต้องทำอะไร แค่ทำใจให้สบายแล้วเดินเข้างานไปเลย

5. ผ้าสะอาด

หากชุดแต่งงานเลอะคราบฝุ่น ให้ใช้ผ้าสะอาดปัดออกเบาๆ ห้ามใช้มือปัดนะคะไม่อย่างนั้นจะเกิดรอยสกปรกฝังลึกบนชุดแต่งงานทันที

รู้อย่างนี้แล้ว ก่อนถึงวันแต่งงานก็เตรียมของใช้จำเป็นเหล่านี้ไว้สักนิดนะคะ เพราะเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เสมอ มีของเตรียมไว้แก้ ดีกว่าไม่มีอะไรให้แก้นะคะ

ภาพ : amazon.com, kmart.com.au, candlescience.com, mikevekris.gr

ดูไอเดียและคำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับงานแต่งงานอีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย!a a

7 ทิปส์ลิสต์รายชื่อแขกงานแต่ง เยอะแค่ไหนก็ผ่านฉลุยด้วยเคล็ดลับนี้

ช่วงที่น่าปวดหัวสำหรับบ่าวสาวอีกหนึ่งช่วงคือ การลิสต์รายชื่อ แขกงานแต่ง แถมลิสต์แล้วไม่พอบางทียังต้องตัดชื่อบางชื่อออกจากลิสต์ด้วย!! แพรว wedding เลยมีเคล็ดลับดีๆ ที่รับรองว่าช่วงที่น่าปวดหัวนี้จะราบรื่นกว่าที่บ่าวสาวคิดไว้แน่นอน

1. แยกรายชื่อแขกให้ชัด ก่อนที่จะคิดเรื่องเงิน

แค่รายชื่อแขกของบ่าวสาวก็เยอะพอตัวอยู่แล้ว แล้วไหนจะยังมีแขกของพ่อแม่อีก แถมงานนี้ยังมีเรื่องเงินมาเป็นตัวกำหนดสร้างความน่าปวดหัวให้เพิ่มขึ้น เราขอแนะนำให้เจ้าบ่าว เจ้าสาว และครอบครัวของทั้งสองฝ่าย นั่งลงแล้วพูดคุยร่วมกันว่า บ่าวสาวจะเชิญแขกหรือมีแขกประมาณกี่คน แล้วในส่วนแขกของพ่อแม่บ่าวสาวจะมีประมาณกี่คนหรือมีใครบ้าง เพื่อที่จะได้พูดคุยกันในเบื้องต้นว่าแขกท่านนี้จำเป็นต้องเชิญหรือไม่ หรือไม่บางรายชื่อที่ซ้ำกันหรือเปล่า และการสนทนาในครั้งนี้ยังสามารถกำหนดจำนวนแขกแบบคร่าวๆ ให้บ่าวสาวได้อีกด้วย

TIP โดยปกติแล้ว ครึ่งนึงของจำนวนแขกในงานคือแขกของบ่าวสาว ส่วนอีกครึ่งคือแขกของพ่อแม่ (หรือ 1 ใน 4) เช่น แขกจำนวน 200 คน ก็เท่ากับว่าแขกของบ่าวสาวคือ 100 คน ส่วนอีก 100 คน แบ่งเป็นแขกทางฝั่งพ่อแม่เจ้าสาว 50 คน และแขกทางฝั่งพ่อแม่เจ้าบ่าวอีก 50 คน เพราะฉะนั้นเพื่อไร้ดราม่า การแบกแขกออกเป็น 3 ส่วนเฉลี่ยจำนวนเท่าๆ กันจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด และสามารถจำกัดจำนวนแขกได้ด้วย

2. แขกที่ผู้ใหญ่อยากเชิญเกินจากจำนวนที่ตั้งไว้

หากงบประมาณคือตัวกำหนดจำนวนแขกของบ่าวสาว แต่พ่อแม่ก็อยากเชิญแขกของพวกท่านมาร่วมงานให้ได้ จนเกินจากจำนวนที่บ่าวสาวตั้งไว้ ก็อาจต้องพูดคุยกันว่าค่าใช้จ่ายส่วนเกินตรงนี้ใครจะเป็นคนจ่าย ซึ่งหากจำนวนแขกเกินจากที่โรงแรมกำหนดไว้นั่นเท่ากับว่าบ่าวสาวก็ต้องจ่ายส่วนต่างตรงนี้เช่นกัน เช่น เพิ่มอาหารหรือเครื่องดื่ม เป็นต้น

TIP หากเกิดปัญหานี้ขั้นแรกคือพูดจาประนีประนอมเพื่อหาทางออก แต่บ่าวสาวต้องแน่ใจว่าสีหน้า ท่าทาง และคำพูดของคุณนั้นจะไม่ทำร้ายหรือทำให้อีกฝั่งต้องรู้สึก และต้องไม่คุยกันโดยใช้อารมณ์เด็ดขาด

3. ใช้ระบบในการช่วยประมวลผลจำนวนแขก

มีหลายเครื่องมือที่จะบ่าวสาวจะใช้สร้างรายชื่อแขกได้ และที่บ่าวสาวส่วนมากนิยมใช้กันก็คือเครื่องมือกิจกรรมในเฟซบุ๊ก ที่บ่าวสาวสามารถรู้ได้คร่าวๆ ว่าเพื่อนคนไหนที่จะมา อาจจะมา หรือไม่มาร่วมงานแต่งบ้าง

TIP อย่าเพิ่งตัดรายชื่อคนที่บอกว่า อาจจะมา ออกจากลิสต์รายชื่อ แต่อาจจะแยกรายชื่อแขกที่จะมาร่วมงานแต่ง กับแขกที่อาจจะมา ออกจากกันให้ชัดเจน เพื่อที่จะได้นำจำนวนทั้งหมดไปคำนวณค่าใช้จ่ายแบบคร่าวๆ ไว้ก่อน

4. ลิสต์รายชื่อคนที่อยากจะเชิญไว้ให้หมด

เมื่อบ่าวสาวเริ่มสร้างลิสต์รายชื่อแขก ให้เขียนรายชื่อคนที่บ่าวสาวอยากจะเห็นพวกเขาในงานแต่ง หรืออยากให้มาร่วมงานจริงๆ ให้หมด เช่น เพื่อนตั้งแต่สมัยมัธยมไปจนถึงลูกพี่ลูกน้องที่เคยเจอกันแล้วคุยถูกคอ โดยอย่าเพิ่งสนใจเรื่องงบประมาณหรือสถานที่ เพราะคุณอาจจะต้องตัดบางรายชื่อออกในภายหลัง แต่สำหรับตอนนี้ต้องคิดให้เยอะไว้ก่อน เพราะตัดออกดีกว่ามาเพิ่มทีหลังแน่นอน

TIP ถ้าบ่าวสาวจะเชิญแขกคนหนึ่งในภายหลัง ลองกลับมาดูที่รายชื่อนี้ ถ้าชื่อนั้นไม่ได้อยู่ในลิส ก็ลองพิจารณาว่าเขามีความสำคัญกับคุณมากแค่ไหน

5. ให้งบประมาณหรือสถานที่เป็นตัวกำหนด

งบประมาณและสถานที่เป็นปัจจัยหลักที่มีผลต่อการตัดสินใจเรื่องจำนวนแขก หรือเป็นตัวเซตจำนวนแขกตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งจำนวนแขกยังมีผลต่อการวางแผนเรื่องอาหารภายในงาน, ของชำร่วย, ที่นั่งหรือจำนวนเก้าอี้ด้วย

6. สร้างกฎการตัดและปฏิบัติตาม

เมื่อถึงเวลาที่บ่าวสาวจะต้องเริ่มตัดรายชื่อแขกเพื่อให้เข้ากับงบประมาณและสถานที่แต่งงานแล้ว วิธีที่ง่ายที่สุดคือการตั้งกฎและปฏิบัติตาม

ข้อ 1 –  ถ้าบ่าวสาวไม่เคยคุย หรือพบเจอพวกเขา หรือไม่เคยได้ยินชื่อพวกเขามาก่อน ก็ตัดจากรายชื่อได้เลย

ข้อ 2 – ถ้างานของบ่าวสาวเป็นปาร์ตี้จ๋า ไม่ต้องรู้สึกแย่หากคุณจะบอกแขกว่า ขอร้องนะอย่านำลูกหลานมางานแต่งเลย

ข้อ 3 – ถ้าบ่าวสาวไม่ได้พูดคุยกับพวกเขามาเป็นเวลานานกว่า 3 ปี ก็ไม่แปลกที่จะตัดชื่อนี้ออกจากลิสต์รายชื่อ

7. แบ่งรายชื่อแขกแบบ A-list และ B-list

แบ่งแขกออกเป็น 2 กลุ่ม โดยแยกเป็น รายชื่อแขกใน A-list คือครอบครัว ญาติสนิท และบรรดาเพื่อนซี้ทั้งหลาย ส่วนรายชื่อใน B-list คือแขกคนอื่นๆ ที่บ่าวสาวอยากให้พวกเขามาร่วมงาน โดยที่บ่าวสาวยังไม่ต้องเชิญแขกใน B-list จนกว่าแขกใน A-list คนใดคนหนึ่งไม่สามารถที่จะมาร่วมงานได้ เพราะฉะนั้นอย่าลืมเรียงลำดับความสำคัญของแขกใน B-list ด้วยนะ

TIP บ่าวสาวควรส่งคำเชิญไปยังรายชื่อใน A-list ล่วงหน้าประมาณ 2 เดือน (หรือเร็วกว่านั้น) เพื่อที่จะทำให้มีเวลาเหลือในการส่งคำเชิญไปยังรายชื่อใน B-list ประมาณ 1 เดือนล่วงหน้าหากรายชื่อใน A-list มาร่วมงานไม่ได้

ภาพ unsplash.com

ดูไอเดียและคำแนะนำเกี่ยวกับงานแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

หล่อให้สุดให้สมกับเป็นพระเอกของงานกับ 7 ทริคแต่งสูทเจ้าบ่าวให้หล่อเป๊ะ

ทิปส์เลือก สูทเจ้าบ่าว ให้หล่อสมฐานะพระเอกของงาน

เป็นเจ้าบ่าวกับเขาทั้งทีจะแค่ใส่สูทแบบธรรมดาให้จบๆ ไปคงจะไม่ได้หรอกนะคะ ก็แหมคุณน่ะ เป็นพระเอกของงานเชียว เพราะฉะนั้นเพื่อให้สมฐานะเจ้าบ่าวสุดหล่อ แพรว wedding เลยจัดทริคดีๆ ในการแต่ง สูทเจ้าบ่าว มาให้ รับรองว่าหล่อกระชากใจเจ้าสาวอีกครั้งแน่นอน

1. อย่าตามเทรนด์มากไป

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เจ้าบ่าวจะต้องดูเป็นตัวของตัวเองที่สุด อย่าทำให้วันแต่งงานซึ่งเป็นวันสำคัญของคุณต้องกลายเป็นวันหายนะของภาพถ่ายเพราะชุดที่คุณสวมใส่นั้นไม่เป๊ะปัง เพราะฉะนั้นจงหลีกเลี่ยงสิ่งที่อินเทรนด์มากเกินไป เช่น ปกเสื้อเชิ้ตแบบล้ำสมัย, เนคไทแบบสกินนี่เน้นลวดลายและสีสัน หรือเนคไทผ้าซาตินมันวาว เป็นต้น เอาเป็นว่าเน้นความเรียบหรูดูคลาสสิคปลอดภัยที่สุดนะคะคุณเจ้าบ่าว

2. เลือกเฉดสีที่ถูกต้อง

เชื่อเถอะว่าเจ้าบ่าวจะดูดีที่สุดในชุดสูทสีเทา, สีน้ำตาลเข้ม, สีน้ำเงิน หรือสีดำ และเฉดสีเหล่านี้ยังช่วยพรางรูปร่างของเจ้าบ่าวได้เป็นอย่างดีอีกต่างหาก และแน่นอนว่าไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปีหากคุณได้หยิบรูปมาดูอีกที ก็ยังจะดูดีในเฉดสีเหล่านี้เสมอไม่เสื่อมคลาย

สูทเจ้าบ่าว

3. เลือกเนื้อผ้าที่ถูกต้อง

หากคุณจัดงานแบบอินดอร์ที่ติดแอร์เย็นฉ่ำการเลือกผ้าขนสัตว์หรือผ้าแคชเมียร์เพื่อช่วยสร้างสไตล์อันโดดเด่นนั้นก็ดูไม่แปลกนัก แต่ถ้าคุณแต่งงานเอ้าท์ดอร์กลางสวนไอแดดร้อนเปรี้ยง การเลือกเนื้อผ้าที่โปร่งบางสักหน่อยอย่างผ้าลินิน, ผ้ากากี หรือผ้าเซียร์ซัคเกอร์ ดูจะเหมาะสมที่สุด และที่สำคัญอย่าลืมเลือกสูทหรือเชิ้ตจากผ้าดังกล่าวให้พอดีกับรูปร่างของเจ้าบ่าวมากที่สุดด้วย เพราะผ้าที่พลิ้วหรือมีน้ำหนักเบาส่วนมากนั้นมักจะไม่พอดีตัวจนอาจทำให้เจ้าบ่าวดูตัวพองใหญ่ได้แบบไม่รู้ตัว

4. เลือกเสื้อเชิ้ตสีขาวด้านในยังไงก็รอด

ทางที่ดีเจ้าบ่าวควรจะลงทุนซื้อเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตาตัวใหม่สักตัว เพราะหากเอาตัวเก่ากลับมาวนใส่ในวันสำคัญ ความหม่นหมองของเชิ้ตสีขาวที่ผ่านการใช้งานมาอย่างโชกโชนจะทำให้ออร่าเจ้าบ่าวไม่เกิดเอาได้ แล้วอย่าลืมเสริมด้วยคัฟลิงค์เท่ๆ ที่บ่งบอกสไตล์ของตัวเองเท่านี้ก็หล่อลืมหายใจแล้ว

สูทเจ้าบ่าว

5. ให้เดรสโค้ดกับเพื่อนเจ้าบ่าว

อย่าลืมว่างานนี้คุณต้องเป็นพระเอก เพราะฉะนั้นคงไม่ดีแน่ถ้าแก๊งเพื่อนเจ้าบ่าวดันแต่งตัวเหมือนคุณเป๊ะแล้วขโมยซีนไปดื้อๆ เพราะฉะนั้นจึงต้องพูดคุยกันให้ชัดเจนในเรื่องสไตล์ที่จะทำให้ทุกคนดูดี โดยเฉพาะการกำหนดธีมสีนั้นเป็นเรื่องจำเป็น เช่น ให้ทุกคนสวมทักซิโดสีดำหรือสูทสีน้ำเงิน (ซึ่งเจ้าบ่าวอาจเลือกใส่สีตรงข้ามจะได้โดดเด่น) หรือจะเลือกเติมแอคเซสซอรี่บางอย่างที่เหมือนกัน เช่น พ็อคเกตสแควร์ เป็นต้น

สูทเจ้าบ่าว

6. ทำความรู้จักกระดุมเสื้อสูทให้ดี

หากสูทของคุณมีกระดุมมากกว่า 1 เม็ด โดยส่วนมากจะนิยมติดเฉพาะแค่เม็ดบนเม็ดเดียว ส่วนที่เหลือก็ปล่อยไว้ตามสบาย (หรือใครอยากจะติดก็ได้นะคะ แล้วแต่ความมั่นใจของแต่ละคน) แต่หากสูทของคุณเป็นแบบกระดุมสองแถวนั้นจำเป็นจะต้องติดกระดุมให้ครบทุกเม็ดเพื่อความคอมพลีตของลุคให้ดูเพอร์เฟกต์

7. แต่งสูทให้เป๊ะตามมาตรฐาน

อย่าลืมรีเช็คสิ่งต่างๆ ต่อไปนี้หากคุณอยากดูดีในชุดสูท แจ็คเกตสูทต้องมีความเข้ารูปที่เอวนิดหน่อยเพื่อที่หุ่นของเจ้าบ่าวจะได้ดูสลิมขึ้นมาเล็กน้อย แต่ต้องไม่ดึงรั้งทำให้อึดอัดเวลาติดกระดุม เพราะฉะนั้นการเลือกตัดสูทกับช่างมืออาชีพผู้มีความชำนาญจึงเป็นเรื่องจำเป็น และแขนเสื้อเชิ้ตต้องโผล่พ้นออกมาจากแขนเสื้อแจ็คเกตประมาณครึ่งนิ้วในขณะที่แขนทั้งสองข้างขนานกับลำตัว

ถ้าสร้างสตอรี่ให้กัับสูทเจ้าบ่าววันแต่งงานต้องไม่พลาด >> ไอเดียทำซึ้งสร้างสูทเจ้าบ่าวให้น่าประทับใจในงานแต่ง

ภาพเปิด : gettyimages
ภาพประกอบ : theyoungrens.com, muvee.com, notonthehighstreet.com, pinterest.com

เด็กถือแหวนคือใคร แล้วต้องเลือกยังไงให้งานราบรื่นไม่สะดุด

ในพิธิแต่งงานแบบคริสต์ จะมีผู้ที่ทำหน้าที่สำคัญเป็นอย่างมากในพิธีนี้ก็คือ เด็กถือแหวน ที่มักเป็นเด็กชายตัวน้อยน่ารักน่าเอ็นดูเดินนำหน้าเหล่า flower girls ตัวน้อย แต่เด็กก็คือเด็กวันยังค่ำจริงไหมคะ เพราะฉะนั้นอาจจะเกิดอาการงอแงหรือตื่นกลัวผู้คนได้ง่ายๆ และมักยากที่จะคาดเดาถึงอารมณ์ของพวกเขาในขณะนั้น แพรว wedding เลยมีเคล็ดลับการเลือกและเตรียมพร้อมเด็กถือแหวนมาฝาก เพื่อให้งานแต่งของบ่าวสาวผ่านไปได้อย่างราบรื่น

  • เลือกเด็กถือแหวนอย่างไร

โดยมากมักเป็นเด็กชายที่มีอายุระหว่าง 4-10 ปี หรืออย่างเต็มที่ต้องไม่เกิน 13 ปีเท่านั้น แต่ในปัจจุบันจำนวนเด็กผู้ชายมีน้อยกว่าเด็กผู้หญิง หรือบางบ้านอาจไม่มีเด็กผู้ชายเลย ก็สามารถปรับเปลี่ยนให้เด็กผู้หญิงมาทำหน้าที่ถือแหวนแทนเด็กผู้ชายก็ได้เช่นกัน ซึ่งเด็กถือแหวนมักจะเป็นญาติของเจ้าบ่าวหรือเจ้าสาว โดยเด็กถือแหวนนั้นสามารถมีได้ถึง 2 คนโดยแยกแหวน 2 วงให้เด็กถือคนละวงแล้วเดินเข้างานพร้อมกัน และทางที่ดีบ่าวสาวควรจะเลือกเด็กที่กล้าแสดงออก และไม่ตื่นกลัวคนที่ค่อนข้างเยอะในวันงาน เพราะจะช่วยให้เด็กเดินถือแหวนได้ผ่านฉลุยไม่มีสะดุด

เด็กถือแหวน

  • เตรียมตัวเด็กถือแหวนอย่างไร

พูดคุยกับเด็กให้เข้าใจตั้งแต่เนิ่นๆ ว่าหน้าที่นี้คืออะไร และเด็กต้องทำอะไรบ้างในวันนั้น เพื่อให้เขาได้รู้ถึงบทบาทและเข้าใจถึงความสำคัญของหน้าที่ และต้องบอกเด็กด้วยว่าในวันนั้นเขาจะต้องเดินคนเดียว มีคนเยอะมากแค่ไหน พร้อมให้กำลังใจและบอกว่าเขาสำคัญมากแค่ไหนในวันนั้น เพื่อให้เด็กรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของงาน

ถ้าหากบ่าวสาวมีเพลงที่จะเปิดในช่วงที่เด็กถือแหวนเดินเข้างาน อาจจะต้องนำเพลงไปให้พ่อแม่ของเด็กเปิดให้เด็กฟังก่อนเพื่อให้เขาได้เกิดความคุ้นเคยและคุ้นชินกับท่วงทำนอง เพื่อที่เด็กจะได้ไม่ตกใจหากมีเสียงเพลงเปิดขึ้นในวันงาน

  • จัดที่นั่งให้กับพ่อแม่ของเด็กหรือผู้ใหญ่ที่เด็กคุ้นเคยที่ด้านหน้าหรือด้านหลังที่เด็กสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน

หรืออาจจะมีคนที่นั่งอยู่ระหว่างทางด้วย เมื่อเด็กเดินเข้างานจะได้รู้สึกอุ่นใจว่ามีพ่อแม่หรือญาติผู้ใหญ่อยู่แถวนั้น หรืออาจจะใช้วิธีให้พ่อแม่หรือผู้ใหญ่เดินตามอยู่ห่างๆ พร้อมกับอาจจะคอยกระซิบบอกเด็กให้เดินต่อไปหากเด็กเกิดหยุดเดินระหว่างทาง

บ่าวสาวอาจจัดเตรียมห้องไว้ให้เด็กถือแหวนในกรณีที่เป็นเด็กเล็กๆ เพื่อให้เด็กพักผ่อนอย่างเต็มที่จะได้ไม่งอแงเมื่อถึงเวลางานเริ่ม พร้อมกับให้เด็กรับประทานให้อิ่มและเพื่อป้องกันไม่ให้ชุดเลอะเทอะเปรอะเปื้อน พ่อแม่ควรหาผ้ากันเปื้อนหรือสวมชุดอื่นก่อนเริ่มพิธีแล้วค่อยเปลี่ยนเป็นชุดจริง สุดท้ายควรให้เด็กเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยก่อนที่พิธีจะเริ่ม

  • บ่าวสาวอาจจะใช้แหวนปลอมที่มีลักษณะคล้ายกับแหวนแต่งงานจริงเพื่อให้เด็กถือแหวนถือ

เพื่อความปลอดภัยของแหวนที่เป็นของมีค่า แต่ถ้าหากอยากจะใช้แหวนแต่งงานจริงๆ แนะนำให้เก็บหมอนถือแหวนหรือกล่องใส่แหวนไว้ที่บุคคลที่คุณไว้ใจก่อน แล้วค่อยนำออกมาให้เด็กถือเมื่อถึงเวลาที่เด็กต้องเดินเข้างาน เพื่อป้องกันการสูญหายหรือเสียหาย

สุดท้ายอย่าลืมเตรียมของขวัญเป็นคำขอบคุณ คำชม และกอดเขาแรงๆ ให้กับเด็กน้อยในตอนจบงานด้วยนะคะ ^^

ข้อมูลบางส่วน : thespruce.com, theknot.com,weddingwire.com
ภาพ : londonjaeapparel.com, pinterest.com

ดูเรื่องราวเกี่ยวกับพิธีแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

จียอน สวยรับสปอตไลต์ในแฟชั่นชุดแต่งงานสวยหวานเบอร์แรงกับชุดแต่งงานสีพาสเทล

ซอ จียอน สาวเกาหลีหัวใจไทยที่ตั้งแต่เปิดตัวว่าคบหาดูใจอยู่กับหนุ่มฮั่น อิสริยะ ก็เพิ่มดีกรีความหวานขึ้นทุกวัน แถมยังเปรยๆ มาอีกว่า “คนนี้แหละใช่เลย” แพรวเวดดิ้งก็เลยเอ่ยปากชักชวนสาวจียอนมาถ่ายแฟชั่นชุดแต่งงานสวยๆ ซ้อมไว้ก่อน และเพื่อให้เข้ากับดีกรีความหวานของหัวใจในช่วงนี้ ร้านชุดแต่งงาน Coco Chic ก็เลยจัด ชุดแต่งงานสีพาสเทล มาให้ซะเลย

เสื้อผ้า : Coco Chic Wedding
โทร. 0-2115-8500, 09-9635-8585
เฟซบุ๊ก : Coco Chic Wedding
ไอจี : @cocochicwedding

ดูชุดแต่งงานสวยๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย!

วิธีเลือก ทรงผมเจ้าสาว จากช่างผมเจ้าสาวมืออาชีพ ให้สวยเป๊ะไม่ sad ทีหลัง

ทรงผมเจ้าสาว คือสิ่งสำคัญไม่แพ้ชุดเจ้าสาวและเมกอัพเจ้าสาวเลยนะคะ เพราะถ้าหากชุดสวย หน้าสวย แต่ผมพังก็จบใช่มั้ยละ แต่เหล่าว่าที่เจ้าสาวทราบไหมคะว่าหน้าที่ของทรงผมเจ้าสาวนอกเหนือจากเป็นการทำให้ภาพรวมของเจ้าสาวดูเพอร์เฟ็คกลมกลืนกันทั้งตัว ยังช่วยเรื่องการปรับรูปหน้าและแก้ปัญหาเกี่ยวกับรูปหน้าของเจ้าสาวได้อีกด้วย! เราก็เลยยกหูไปพูดคุยกับ คุณจี ช่างผมเจ้าสาวชื่อดังที่หลายคนน่าจะคุ้นเคยเห็นผลงานของเขาผ่านตามาบ้าง คุณจีคือเจ้าของไอจี @gee_jiwat ที่รวมรวบผลงานสุดเลิศของเขาไว้มากมาย เรามาคุยกับคุณจีกันค่ะ

ทรงผมเจ้าสาว

  • เทรนด์ทรงผมเจ้าสาวตอนนี้เป็นแบบไหน?

“เป็นผมแบบเบาๆ หลวมๆ หลุดนิดๆแบบไม่ตั้งใจมากไม่เนี้ยบมาก ส่วนใหญ่เจ้าสาวจะหามาจาก Pinterest ซึ่งก็ต้องเอามาปรับให้เหมาะกับสาวไทย เพราะบางทีนางแบบใน  Pinterest เป็นฝรั่ง ที่สีผมอ่อนกว่าเราและโครงหน้าชัดกว่าเราสาวไทย”

  • ถ้าอย่างนั้น สาวหน้าไทยๆ เหมาะกับทรงผมแบบไหน?

“โครงหน้าไทยทำผมฟุ้งๆเบาๆไม่ค่อยรอด เหมาะกับทรงผมออกเรียบโก้ แบบแสกกลางแล้วปาดจะดูโก้หรูกว่า แต่ถ้าหากเป็นสาวหน้าหมวยหรือหน้าออกสไตล์เกาหลี ก็สามารถทำผมแนวฟุ้งๆเบาๆได้ อาจจะเปิดหน้าผากนิดนึงให้ดูเป็นสาวน่ากอด ผมทรงนี้ยังช่วยเน้นให้หน้าเจ้าสาวดูมีโหนกและช่วยให้ขมับดูแคบลง”

ทรงผมเจ้าสาว

  • แล้วเจ้าสาวที่มีกราม อยากให้หน้าดูเรียวขึ้นละคะ ทำผมทรงไหนดี?

“เจ้าสาวที่มีกรามต้องอาศัยการแสกข้าง ปาดผมปิดหูนิดนึง ช่วยเชฟหน้าให้ดูเรียวขึ้นได้ และต้องมีเนื้อผมด้านหลังออกมาให้เห็นจากคอเมื่อมองด้านหน้า พอเจ้าสาวยืนตรงแล้วเห็นผมด้านหลังจะช่วยลดความเด่นของกรามได้ด้วย”

  • ในไอจีของคุณจี มีผมทรงฟาร่า (ปล่อยผมยาวแล้วทำลอนคลื่นเบาๆ) เยอะมาก ทรงนี้ฮิตไหม? และเหมาะกับเจ้าสาวแบบไหนคะ?

“ภาษาช่างเราจะเรียกทรงนี้ว่า ฟาร่าลอนสมุทร (หัวเราะ) เจ้าสาวชอบทรงนี้กันเยอะ แต่ต้องเตือนว่ามันจะสวยอยู่ไม่นาน เพราะเมื่อเป็นทรงปล่อย แล้วเจอกับความชื้นในอากาศ โอกาสที่ลอนจะคลายไม่สวยเหมือนตอนทำเสร็จใหม่ๆ มีสูง ช่างผมก็เลยจะต้องทำลอนให้แข็งกว่าปกติมากๆเพื่อให้ผมอยู่ทรงนาน แต่ระหว่างงานผมก็อาจจะมีเสียทรงบ้าง”

ทรงผมเจ้าสาว @gee_jiwat
  • แล้วทรงหางม้าละคะ? เหมาะกับชุดสไตล์ไหน?

“ถ้าเจ้าสาวอยากทำทรงหางม้า จีจะแนะนำว่าควรเปิดหน้าผากโดยไม่ปาดผมหรือแสกผมให้เห็นแสกชัดเจนเพราะจะดูแก่ แต่จีจะมีวิธีการปาดผมแบบไม่ให้เห็นรอยแสกซึ่งก็จะพอช่วยได้ และยังช่วยย่อหน้าผากให้ดูแคบลงสำหรับเจ้าสาวที่ไม่เซล์ฟหน้าผากกว้าง”

  • บอกทิปส์การเลือกทรงผมเจ้าสาวที่ใช่ให้เหล่าว่าที่เจ้าสาวหน่อยค่ะ

“ข้อแรก ให้สังเกตตัวเองเวลาเราทำผมไปงานต่างๆ หรือเวลาเราไปเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้งานอื่น ว่าเราทำทรงไหนแล้วเซล์ฟหรือเราดูรอด และทรงไหนที่ไม่รอด ลองเลือกมาในใจซัก 2-3 ทรง แล้วค่อยมาดูกับช่างที่หน้างานอีกทีว่าเราจะทำทรงไหนในวันแต่งงานของเรา

ข้อที่สอง อย่าซีเรียสกับผมด้านหลังมาก เพราะหน้าทีสำคัญที่สุดของทรงผมเจ้าสาวคือช่วยซัพพอร์ตเมกอัพเจ้าสาวเพื่อแก้ไขรูปหน้าเจ้าสาวให้ดูสวยสมบูรณ์แบบที่สุด หากผมด้านหน้าโอเคสวยแล้ว ผมด้านหลังเป็นแค่กิมมิคว่าเราอยากมีลูกเล่นอะไรเพิ่มเติมไหม ซึ่งต้องดูองค์ประกอบอย่างอื่นเช่นชุด หรือสถานที่จัดงานด้วย อย่างสมมติเราจัดงานในฮอลล์ การทำผมฟุ้งๆเบาๆ ติดดอกไม้สดอาจจะไม่เหมาะเท่างานแต่งงานในสวน ควรทำแบบเรียบโก้ประดับเครื่องเพชรดีกว่า อย่างนี้เป็นต้น”

ทรงผมเจ้าสาว

ว่าที่เจ้าสาวสามารถติดตามผลงานของคุณจีเพิ่มเติมได้ที่ ไอจี: gee_jiwat  และเราหวังว่าเคล็ดลับในการเลือกทรงผมเจ้าสาวที่ใช่ จากคุณจี จะช่วยทำให้เหล่าว่าที่เจ้าสาวเลือกทรงผมที่ถูกใจและเหมาะกับเราที่สุดในวันสำคัญได้นะคะ

ชอบคอนเท้นต์นี้ใช่มั้ยละ? มาอัพเดทราคาช่างหน้าผมสุดฮอตประจำปีนี้กันค่ะ คลิกอ่านเลย!

ขอขอบพระคุณภาพจาก ไอจี: gee_jiwat  

มาดูวิธีการดึงดูดให้ แขกในงานแต่ง อยู่ร่วมงานจนเสร็จสิ้นพิธีกันดีกว่า

จัดงานแต่งงานทั้งที ก็อยากจะให้ แขกในงานแต่ง อยู่ร่วมงานแต่งตั้งแต่เริ่มงานจนจบงานถูกต้องไหมจ๊ะ เพราะว่าไหนๆ ลงทุนจัดงานขึ้นมาแล้ว ทั้งอาหารรสเริด สถานที่สุดสวย รวมไปถึงกิจกรรมต่างๆ ที่เตรียมไว้เพื่อช่วยเอนเตอร์เทนให้แขกในงานได้สนุกร่วมกับบ่าวสาวไปด้วย

งั้นเรามาดูวิธีการดึงดูดให้ แขกในงานแต่ง อยู่ร่วมสนุกกับบ่าวสาวจนเสร็จสิ้นพิธีกันดีกว่า … บอกเลยว่าทำตามได้ไม่ยาก แค่ต้องวางแผนดีๆ เท่านั้นเองค่ะ จะมีวิธีใดบ้างมาดูกัน

1. จัดตารางงานให้มีเวลาที่กระชับ

ไม่ว่าจะเป็นพิธีการต่างๆ ลองวางแผนให้มีเวลาที่สั้นกระชับ แต่ไม่ต้องถึงกับสั้นมาก แบบปุปปัปเสร็จพิธีนะคะ แต่ลองดูอย่าให้พิธีการยืดยาวจนเกินไป จากความสนุกสนาน น่าตื่นตาตื่นใจ จะกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อไปได้ง่ายๆ หรือถ้ามีช่วงที่ต้องเชิญผู้ใหญ่ขึ้นบนเวที ลองบรีฟคร่าวๆ ก่อนว่าอยากได้ความยาวมากน้อยแค่ไหนค่ะ

แขกในงานแต่ง

2. มีรูปแบบงานที่น่าตื่นเต้น

ลองดีไซน์งานแต่งงานให้มีความน่าตื่นเต้น เพื่อดึงดูดความสนใจของแขกในงานดูนะคะ ยกตัวอย่างเช่น จากการเปิดตัวบ่าวสาวที่เดินจูงมือ พร้อมมองตาหวานๆ เข้ามาในงาน ลองเปลี่ยนเป็นการแสดงโชว์สนุกๆ เรียกความสนใจกันหน่อยดีกว่า

แขกในงานแต่ง

3. หาเพลงสนุกๆ มาเปิด หรือดีเจฝีมือเก่งๆ ก็ได้นะ

อีกสิ่งที่จะช่วยเพิ่มความสนุกสนานให้กับงานแต่งงานคือ เพลงที่เปิดในงานค่ะ ลองหาเพลงดีๆ สนุกๆ หรือถูกจริตกับแขกที่มาร่วมงานมาเปิดดู หรืออีกวิธีคือหาดีเจเก่งๆ , วงดนตรีที่มีฝีมือมาช่วยขับกล่อมให้บรรยากาศภายในงานสนุก และน่าสนใจค่ะ

แขกในงานแต่ง

4. แผนกต้อนรับที่ดี

อย่าเพิ่งมองข้ามกับคนคอยต้อนรับหน้างานนะจ๊ะ ลองเลือกดีๆ หาคนที่เขาเต็มใจจะมาทำให้เรา เพราะถ้าแขกที่ตั้งใจมาร่วมงาน แต่กลับเจอการต้อนรับที่หน้านิ่วคิ้วขมวดแบบไม่เต็มใจรับแขกสุดๆ เป็นใครก็คงนอย และไม่อยากจะเข้างานแน่ๆ ล่ะ

แขกในงานแต่ง

5. บรรยากาศที่สวยงาม

ใครๆ ก็ชอบสิ่งสวยๆ งามๆ ถูกต้องไหมจ๊ะ บ่าวสาวควรตกแต่งงานให้ออกมาสวยงาม เพราะบรรยากาศที่ดีก็ส่งผลต่อคนที่มาร่วมงานด้วย ยิ่งสวยคนก็ยิ่งอยากอยู่ อยากถ่ายภาพเก็บไว้ วิธีนี้แหล่ะ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยเรียกแขกได้ดีเลยล่ะค่ะ

แขกในงานแต่ง

อย่ามองข้ามไปนะ ถ้าเห็นว่าแขกมาร่วมงานกันเยอะแล้ว แต่ถ้าเราจัดงานไม่ดี ทำให้งานน่าเบื่อ แขกในงานแต่งก็จะค่อยๆ ทยอยกลับไปทีละคน แล้วเหลือน้อยลงในที่สุดนะจ๊ะ … ส่วนบ่าวสาวคู่ไหนกำลังอยากชวนแขกมาออกสเต็ปแดนซ์ต้องอ่าน มาฟังทิปส์จาก ดีเจปาร์ตี้ ชื่อดังกับทิปส์ที่จะทำให้แขกในงานมาร่วมแดนซ์ฟลอร์

ภาพจาก : Pinterest.com

7 ทิปส์ช่วยเจ้าสาวหารองเท้าเจ้าสาวสุดเพอร์เฟกต์ในวันสำคัญ

รองเท้าเจ้าสาว ควรเลือกแบบที่สะท้อนถึงบุคลิกของเจ้าสาว ชุดแต่งงาน สถานที่ และที่สำคัญต้องสวมใส่สบายด้วย และนี่คือทิปส์ดีๆ ในการหารองเท้าแต่งงานที่ดีที่สุด!!

รองเท้าเจ้าสาว คืออีกหนึ่งอย่างที่เจ้าสาวทุกคนให้ความสำคัญไม่แพ้เรื่องชุดแต่งงานเลยทีเดียว ทั้งในเรื่องของความสวยงามและใส่สบาย แถมบางคนยังอยากได้รองเท้าแบบยูนีคที่ไม่เหมือนใครไปอีก แต่ก่อนที่จะเจ้าสาวจะลงทุนซื้อรองเท้าแต่งงาน แพรว wedding อยากให้ฉุกคิดสักนิดว่ารองเท้าที่เจ้าสาวจะเลือกนั้นไปกันได้ดีกับลุคโดยรวมของเจ้าสาวหรือเปล่า มาค่ะ เราจะบอกทิปส์ดีๆ เพื่อให้เจ้าสาวหารองเท้าแต่งงานคู่ที่ดีที่สุด และแน่นอนว่าสิ่งแรกที่เจ้าสาวต้องพิจารณาก่อนเรื่องอื่นๆ ในการเลือกรองเท้าก็คือ ชุดแต่งงาน นั่นเอง

1. รองเท้าแต่งงานต้องโดดเด่นหากเจ้าสาวใส่ชุดแต่งงานแบบสั้น

รองเท้าแต่งงานจะกลายเป็นนางเอกไม่แพ้ชุดแต่งงานทันทีหากเจ้าสาวเลือกชุดแต่งงานแบบสั้นหรือทรงทีเล้นจ์ เพราะคุณจะต้องอวดโฉมรองเท้าแบบ 360 องศา เพราะฉะนั้นนี่จึงเป็นโอกาสอันดีที่เจ้าสาวจะได้โชว์ตัวตนและสไตล์ผ่านรองเท้าแต่งงานได้อย่างเต็มที่ เช่น รองเท้าเจ้าสาวแบบสีสัน แบบมีลวดลาย รองเท้าส้นสูงแบบหัวแหลม รองเท้าแบบ kitten heels (รองเท้าที่มีความสูงประมาณ 1-1.5 นิ้ว) เป็นต้น

ความยาวของกระโปรงและความสูงของรองเท้าต้องเลือกให้มึความบาลานซ์กัน เพราะมีผลต่อความสวยงามของเจ้าสาวด้วยนะ

2. เติมดีเทลสุดพิเศษสำหรับชุดแต่งงานแบบยาว

แน่นอนว่าชุดแต่งงานแบบยาวไม่ว่าจะทรงไหนก็ไม่มีใครที่จะมองเห็นรองเท้าของเจ้าสาว แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าสาวก็ควรที่จะใส่ใจในรองเท้าสำหรับวันพิเศษคู่นี้ เพราะปัจจุบันช่างภาพจะมีการเก็บภาพรายละเอียดทุกอย่างของเจ้าสาว ไม่เว้นแม้กระทั่งรองเท้าคู่สวย เพราะฉะนั้นการเติมดีเทลที่พิเศษลงไปจะช่วยให้รองเท้าของเจ้าสาวมีความยูนีคมากขึ้น อย่างเช่น ใช้ผ้าลูกไม้เดียวกับชุดแต่งงาน หรือรองเท้าประดับไข่มุกสุดหรู เป็นต้น

ถึงแม้จะใส่ชุดแต่งงานแบบยาว แต่เมื่อเจ้าสาวก้าวเดินเมื่อไหร่ ถึงตอนนั้นรองเท้าของเจ้าสาวก็พร้อมที่จะออกมาอวดโฉมเหมือนกันนะ

3. ชุดแต่งงานทรงเมอร์เมด หรือทรงตรง ต้องเลือกรองเท้าแต่งงานที่มีดีไซน์ด้วย

ชุดแต่งงานทรงเมอร์เมด หรือชุดแต่งงานทรงตรง เป็นชุดแต่งงานแบบเข้ารูปที่กระโปรงด้านหน้ามีความยาวไม่มาก เพราะฉะนั้นเจ้าสาวจึงต้องใส่ใจในการเลือกรองเท้ามากกว่าชุดแต่งงานทรงอื่นๆ อย่างเช่น รองเท้าแบบเปิดด้านหน้า หรือรองเท้าแบบ strappy high-heeled (รองเท้าที่มีเส้นพาดไปมา)

รองเท้าทั้งสองแบบจะเผยให้เห็นเท้าและเล็บของเจ้าสาว เพราะฉะนั้นอย่าลืมทำเล็บและสครับผิวให้เนียนนุ่มด้วยนะ

4. ก่อนเลือกรองเท้าต้องดูเนื้อผ้าชุดแต่งงานด้วย

ไม่เพียงแต่ความยาวของชุดแต่งงานเท่านั้นที่เจ้าสาวต้องคำนึง แต่เรื่องเนื้อผ้าก็จำเป็นต่อการพิจารณาเลือกรองเท้าแต่งงานเช่นกัน เพราะเจ้าสาวคงไม่อยากให้ด้านในของชุดแต่งงานโดยรองเท้าทำลายซะพังยับเยิน หรือจังหวะการเดินต้องสะดุดเพราะเนื้อผ้าด้านในไปเกี่ยวกับอะไรสักอย่างบนรองเท้าจริงไหม โดยเฉพาะหากว่าที่เจ้าสาวสวมชุดแต่งงานแบบผ้าลูกไม่ที่แสนจะบอบบางยิ่งต้องระวังมากเป็นพิเศษ เพราะฉะนั้นรองเท้าที่เหมาะคือ รองเท้าแต่งงานแบบเรียบที่ไร้หมุด หรือคริสตัลที่มีโอกาสไปเกี่ยวผ้าเอาได้

ก่อนซื้อรองเท้าแต่งงานอย่าลืมเช็กให้ดีว่า เนื้อผ้าด้านในของชุดแต่งงานเป็นแบบไหนจะได้เลือกดีไซน์ของรองเท้าได้ถูก

5. หลีกเลี่ยงรองเท้าส้นสูงสำหรับงานแต่งในสวน

คำแนะนำดีๆ สำหรับทุดชุดแต่งงาน ห้ามคิดจะสวมส้นสูงโดยเฉพาะแบบส้นแหลมเด็ดขาดหากคุณจัดงานแต่งงานบนชายหาดหรือในสวน เพราะส้นแหลมจะลงไปปักในดินหรือทรายทันทีที่เจ้าสาวเดินบนพื้น เรียกได้ว่าเดินลำบากหรือเกือบจะเดินไม่ได้เลยล่ะ

หากจัดงานแต่งงานในสวนขอแนะนำให้เลือกเป็นรองเท้าส้นตึก ส้นเตารีด หรือรองเท้าส้นหนา (chunky heel)จะดีกว่า ส่วนงานแต่งงานริมชายหาดแนะนำให้สวมเป็น barefoot beach ไปเลย

6. มองหาความสบายเป็นหลัก

อย่าเพิ่งซื้อรองเท้าแต่งงานหากคุณยังไม่ได้ลองใส่ว่ามันสบายจริงๆ เพราะในวันงานเจ้าสาวต้องยืนอยู่ประมาณ 4-5 ชั่วโมงบนรองเท้าคู่นั้น เพราะฉะนั้นไม่ว่าคุณจะเลือกรองเท้าที่มีความสูงแค่ไหน ต้องมั่นใจก่อนว่าคุณจะสามารถยืนอยู่บนความสูงนั้นได้อย่างสบาย และที่สำคัญหากเจ้าสาวเลือกชุดแต่งงานที่ยาวมากๆ แบบว่าถึงจะเดินกี่ก้าวก็ไม่มีทางได้เห็นรองเท้าเด็ดขาด ถ้าเป็นอย่างนั้นดีไซน์ก็ไม่สำคัญเท่าความสวมใส่สบายแล้วล่ะ

7. เปลี่ยนรองเท้าเมื่อเข้าช่วงอาฟเตอร์ปาร์ตี้

หลังจากที่อยู่บนส้นสูงมาเป็นเวลานานหลายชั่วโมง ก็ถึงเวลาที่เจ้าสาวจะได้ผ่อนคลายสักทีในช่วงอาฟเตอร์ปาร์ตี้ กับการมองหา
รองเท้าแฟลตสวยๆ สักคู่แล้วเพื่อใช้เปลี่ยนในช่วงนี้

ภาพ pinterest

ดูไอเดียเกี่ยวกับชุดแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

12 วิธีเลือกการ์ดแต่งงานและของชำร่วยให้ประหยัดแบบสั้นๆ ง่ายๆ เข้าใจไม่ยาก

จริงอยู่ที่การสั่ง การ์ดแต่งงาน และเลือกของชำร่วยคือสิ่งที่จำเป็นเมื่อจะจัดงานแต่งงาน แต่ถ้าคุณคิดว่าอยากประหยัด แพรว wedding มี 12 วิธีดีๆ จากคุณกิ๊บ – แคทลียา ท้วมประถม เจ้าของร้าน Anya มาบอก

1. การ์ดสำเร็จรูปประหยัดกว่าการ์ดดีไซน์สั่งทำ (ราคาเฉลี่ยการ์ดสำเร็จรูป ณ ตอนนี้อยู่ที่ 14 บาทพร้อมซอง ขณะที่การ์ดดีไซน์อยู่ที่ 30 บาทพร้อมซอง)

2. ถ้าอยากสั่งทำการ์ด ให้เลือกความหนาของกระดาษที่ 240 แกรม เพราะไม่หนาไม่บางจนเกินไป

3. ขนาดใหญ่แพงกว่าขนาดเล็ก ขนาดมาตรฐานกำลังสวยและประหยัดอยู่ที่ 5 × 7 นิ้ว

4. สั่งพิมพ์จำนวนมากๆ ราคาต่อใบยิ่งต่ำลงและจะประหยัดยิ่งขึ้นถ้าสั่งในคราวแรกมาก ๆ ไม่พิมพ์เพิ่มกะปริบกะปรอยภายหลัง

5. ลดทอนรายละเอียดบางอย่าง เช่น การปั๊มนูน ปั๊มจม รีดทอง ติดโบ ช่วยประหยัดได้อีกทาง

6. อยากผูกโบให้การ์ด ประหยัดได้แต่ต้องมีเวลา แค่ซื้อริบบิ้นม้วนใหญ่แล้วระดมเพื่อนฝูงมาช่วยกันผูกก็ประหยัดได้เยอะ

7. ถ้าเชิญแขกทั้งครอบครัวหรือคู่เพื่อนที่เป็นแฟนกัน ส่งการ์ดเชิญใบเดียวก็พอ

8. พิมพ์การ์ดจำนวนน้อย แนะนำให้พิมพ์แบบดิจิทัล เพราะราคาไม่แพงและพิมพ์เพิ่มเมื่อไรก็ได้ แต่ต้องยอมรับว่าคุณภาพจะต่ำกว่าการพิมพ์แบบออฟเซต

9. ลดต้นทุนของชำร่วยด้วยการเข้าเว็บไซต์หาของชำร่วยยกแพ็คแล้วนำมาผูกโบติดแท็กเอง

10. ติดแท็กเองอาจเสียเวลานิดหน่อย แต่ถูกกว่าการสกรีนชื่อบ่าวสาวลงบนของชำร่วยทุกชิ้น

11. กล่องใส่ซองทำเองง่ายๆ แค่ลังกระดาษหุ้มกระดาษลายสวยแล้วเจาะรูให้หย่อนซองได้ก็พอ

12. ถ้ากลัวของชำร่วยไม่พอแจก ให้สั่งเกินจำนวนการ์ดเชิญ 10% และแจก 1 ชิ้นต่อการ์ดเชิญ 1 ใบ

ติดตามไอเดียและคำแนะนำดีๆ อีกเพียบที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ stocksnap.io

เคล็ดลับเปลือย เล็บเจ้าสาว ยังไงให้สวยปิ๊งแบบไม่ต้องง้อยาทาเล็บ!

ว่าที่เจ้าสาวคนไหนอยากโชว์ เล็บเจ้าสาว แบบเปลือยไร้ยาทาเล็บแบบเล็บสุขภาพดี คลิกแล้วทำตามเคล็ดลับต่อไปนี้เลยด่วนๆ เลย

จะเป็นเจ้าสาวทั้งที เหล่าว่าที่เจ้าสาวก็เสิร์ชหาแบบ เล็บเจ้าสาว พร้อมโทรนัดซาลอนทำเล็บกันรัวๆ แต่รู้ไหมคะว่าเทรนด์แฟชั่นเจ้าสาวจากเมืองนอกในตอนนี้ เค้าเริ่มเน้นเรียวเล็บเปลือยเปล่าตามธรรมชาติ แบบ Back to Basic กันแล้ว เพราะเรียวเล็บสวยงามแบบเนเชอรัลนี่แหละ ช่วยส่งให้แหวนแต่งานของเรายิ่งดูโดดเด่นค่ะ ว่าที่เจ้าสาวคนไหนที่อยากโชว์เรียวเล็บสวยงามแข็งแรงแบบเนเชอรัลไม่พึ่งยาทาเล็บ มาดูกันค่ะว่าเราต้องเตรียมผิวมือผิวเล็บเรายังไงบ้าง!

เล็บเจ้าสาว

 

1.ก่อนอื่นเลยต้องบำรุงจากภายใน
วิตามินเฮช (Vitamin H) หรือไบโอติน ช่วยส่งเสริมให้เรียวเล็บเกิดใหม่ของเราแข็งแรงขึ้น มีวารสารทางการแพทย์ “Journal of the American Academy of Dermatology” ที่ตีพิมพ์เมื่อปี 1999 ระบุว่าในการศึกษาเบื้องต้นนั้นไบโอตินสามารถช่วยเพิ่มความหนาและลดการแตกหักของเล็บได้ นอกจากช่วยเรื่องเล็บแล้ว ไบโอตินยังช่วยบำรุงเส้นผมให้แข็งแรงขึ้นได้ด้วยค่ะ

2. รู้หรือไม่ เราไม่ควรล้างมือบ่อยๆ!
สาวๆหลายคนเข้าใจว่าอยากให้มือสะอาดก็ต้องล้างมือบ่อยๆสิ! แต่ผิดค่ะ! การล้างมือบ่อยๆ ยิ่งทำให้ผิวมือสูญเสียความชุ่มชื่น และยิ่งถ้าล้างบ่อยเกินไปกับสบู่ล้างมือที่ไม่อ่อนโยนละก็ แบคทีเรียชนิดดีบนผิวมือจะเสียสมดุล จนกลายเป็นโรคผิวหนังที่เรียกว่า Eczema ได้นะคะ และนี่ยังเหมารวมถึงการใช้แอลกอฮอล์ล้างมือ หรือ Hand Sinitizer ที่บ่อยเกินไปไม่ดีเหมือนกันนะ

เล็บเจ้าสาว

3. ผิวมือก็ต้องการครีมกันแดดนะจ๊ะ
อย่าใส่ใจแต่ครีมกันแดดผิวหน้า เพราะผิวมือของเรานี่แหละที่ต้องเผชิญแสงแดดไม่แพ้ใบหน้าเลย (โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนขับรถ!) เพราะฉะนั้นการลงทุนกับครีมกันแดดสำหรับผิวกายดีๆซักชิ้นเป็นสิ่งที่ควรทำ (เลือกที่ SPF ไม่ต่ำกว่า 30 และมี PA++++ อย่างน้อย) ทาทั่วผิวมือเป็นประจำก่อนออกจากบ้านทุกวันด้วยละคะ

4. ทานน้ำเยอะๆ แฮนด์ครีมอย่าได้พร่อง
ผิวมือก็เหมือนผิวกายคือต้องการความชุ่มชื่นเพื่อให้ดูเต่งตึงอิ่มน้ำ การใช้แฮนด์ครีมเนื้อชุ่มชื่นช่วยบำรุงผิวมือระหว่างวัน โดยเฉพาะสาวออฟฟิศที่นั่งทำงานในห้องแอร์ที่อากาศแห้ง เป็นสิ่งจำเป็นนะคะ แถมแฮนด์ครีมตอนนี้ยังมาพร้อมกลิ่นหอมน่าใช้ทั้งนั้น ช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลายตอนใช้ได้อีกด้วยนะ

เล็บเจ้าสาว

5. บำรุงจมูกเล็บด้วยออยล์
อยู่บ้านว่างๆ ก็บำรุงจมูกเล็บด้วยออยล์ที่หาซื้อได้ง่ายอย่างน้ำมันมะพร้าว (แนะนำแบบสกัดเย็น) หรือน้ำมันมะกอก ใช้เล็กน้อย นวดๆวนๆ บริเวณจมูกเล็บให้ครบทุกนิ้ว ทำเป็นประจำได้ทุกวัน ช่วยให้หนังบริเวณจมูกเล็บอ่อนลง สารอาหารเข้าไปสู่รากเล็บได้ง่าย เล็บของเราจะแข็งแรงและเงางามขึ้นตามธรรมชาติเลยละค่ะ

6. ลงทุนกับเครื่องมือตัดเล็บ
อย่าคิดว่ากรรไกรตัดเล็บ หรือตะไบเล็บ เราจะใช้ของอะไรก็ได้นะคะ เพราะสิ่งนี้แหละมีผลต่อสุขภาพเล็บของเรามากทีเดียว! ลงทุนกับกรรไกรตัดเล็บแบบอย่างดีที่ทำจากแสตนเลส กรรไกรตัดเล็บที่ดีควรคม ตัดเล็บของเราออกง่ายในกดเดียว ไม่เป็นสนิม และใช้งานง่ายไม่ฝืด ส่วนตะไบเล็บที่ดีควรเป็นแบบเนื้อละเอียด ซึ่งเดี๋ยวนี้มีตะไบเล็บแบบทำมาจากคริสตัล ไม่แพงมากเว่อร์ แต่ช่วยให้ขอบเล็บของเราเรียบ และไม่ฉีกขาดง่าย คุ้มค่าการลงทุนค่ะ

เล็บเจ้าสาว

7. ทริคการตะไบเล็บที่ถูกต้อง!
เชื่อว่าหลายคนจะตะไบเล็บแบบซ้ายขวาไปมา อยากจะบอกเบาๆ ว่านั่นเป็นวิธีที่ผิดค่ะ เพราะวิธีที่ถูกต้องคือตะไบไปในทิศทางเดียวกันเบาๆ เพราะถ้าหากเราตะไบแบบถูซ้ายขวาไปมา เนื้อเล็บของเราจะไม่เป็นระเบียบ ส่งผลให้ปลายเล็บของเราบางและฉีกขาดง่ายนั่นเองค่ะ

8. จะเปลือยเรียวเล็บก็ใช่ว่าไม่ต้องเข้าซาลอนนะ
กล่าวแนะนำขั้นตอนการเปลือยเล็บให้สวยมาถึงขนาดนี้ แต่ก็ใช่ว่าเราจะไม่พึ่งพาซาลอนทำเล็บเลยซะทีเดียวนะคะ ก่อนแต่งงาน เข้าซาลอนทำเล็บเพื่อตัดหนังรอบๆเรียวเล็บให้สะอาดเกลี้ยง ตะไบเล็บให้ได้รูปทรงซะหน่อย ถือซะว่าเป็นการปรนนิบัติตัวเองขั้นสุดท้าย ก่อนวันสำคัญของเราค่ะ ^^

ชอบคอนเท้นต์นี้ของเราใช่ไหมละ? ลองคลิกอ่าน 6 เฉดสีเล็บเจ้าสาวทาแล้วรอดเข้ากับแหวนเพชรเม็ดงาม ดูสิ!

credit: livestrong.com, stylecaster.com, vogue.com, 7beautytips.com

ประหยัดงบตกแต่งงานแต่งง่ายๆ กับเคล็บลับการ re-use ดอกไม้มาใช้ใหม่

มีหลายวิธีที่จะทำให้งานแต่งงานของบ่าวสาวโดดเด่น ซึ่งการ ตกแต่งงานแต่ง ก็ดูเหมือนจะเป็นส่วนสำคัญที่จะสร้างความประทับใจและช่วยให้งานแต่งของบ่าวสาวดูโดดเด้งโดดเด่นเป็นพิเศษแก่สายตาของแขกที่มาร่วมงาน เพราะแขกจะได้เห็นความสวยงามของการตกแต่งและบรรยากาศของงานที่บ่าวสาวจะมาถึงงานเสียอีก

ซึ่งการตกแต่งงานสำหรับบ่าวสาวบางคู่ก็อาจจะยอมทุ่มแบบไม่อั้น ก็แหม แต่งครั้งเดียวก็ต้องเต็มที่ แต่สำหรับบางคู่ที่คิดเยอะมากกว่านั้น เพราะรู้สึกสิ้นเปลือง เพราะทุกอย่างถูกใช้งานเพียงแค่ครั้งเดียว ถ้าอย่างนั้นจะดีกว่าไหม หากบ่าวสาวสามารถ re-use บางอย่างนำกลับมาใช้ใหม่ได้ โดยเฉพาะสำหรับคู่ที่จัดพิธีแต่งงานไทย และพิธีฉลองในวันเดียวกัน โดยใช้สถานที่เดียวกัน ก็จะทำให้การ re-use ที่ว่านั้นมีความเป็นไปได้และง่ายกว่าเดิม

แต่สิ่งสำคัญก่อนที่บ่าวสาวคิดว่าจะใช้แผนนี้เพื่อการประหยัดงบ อย่าลืมแจ้งนักจัดดอกไม้ เวดดิ้งแพลนเนอร์ หรือผู้จัดงานไว้ล่วงหน้า ว่าคุณอยากที่จะ re-use อะไรมาใช้ใหม่บ้าง เพื่อที่ผู้เชี่ยวชาญจะได้จัดการเรื่องต่างๆ เช่น การออกแบบ การเลือกดอกไม้ หรือการปรับพื้นที่ ให้เข้ากับแผนที่บ่าวสาววางไว้ เพื่อที่ทั้งงานเช้าและงานเย็นจะได้ออกมาดูดีเพอร์เฟ็กต์แบบไร้ที่ติ

และนี่คือการตกแต่งงานที่บ่าวสาวสามารถปรับเปลี่ยนจากงานเช้าสู่งานเย็นได้ เพื่อความสบายกระเป๋า

แบ็คดร็อปในช่วงเช้า สู่เซ็นเตอร์พีชในตอนเย็น

ถึงแม้ในตอนเช้าที่บ่าวสาวจะจัดพิธีแต่งงานแบบไทยแท้หรือไทยประยุกต์ แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือ ดอกไม้ ที่ใช้ตกแต่ง ซึ่งอาจจะมีทั้งดอกไม้ไทยและดอกไม้ฝรั่งผสมกันไป ซึ่งพอเสร็จจากพิธีไทยในช่วงเช้า แทนที่บ่าวสาวจะทิ้งดอกไม้ทั้งหมด อาจจะเลือกบางส่วนนำมาใช้สำหรับพิธีฉลองในช่วงเย็นได้ เช่น นำมาใช้ตกแต่งโต๊ะลงทะเบียน หรือเซ็นเตอร์พีชบนโต๊ะอาหาร เป็นต้น เท่านี้ก็ไม่ต้องทิ้งดอกไม้ แถมไม่ต้องสั่งดอกไม้ใหม่มาเพิ่มให้เสียตังค์อีกด้วย

TIP : อย่าลืมแจ้งกับนักจัดดอกไม้ เวดดิ้งแพลนเนอร์ หรือผู้จัดงานว่า คุณอยากจะนำดอกไม้บางส่วนในช่วงเช้ามาใช้ในงานฉลองตอนเย็นด้วย เพื่อที่เขาจะได้เลือกดอกไม้ที่มีความคงทน ไม่เหี่ยวง่าย และเตรียมการจัดเก็บไว้เพื่อไม่ให้ดอกไม้เหี่ยวเฉา

ดอกไม้ในตอนเช้า สู่ดอกไม้เพื่อนเจ้าสาวในงานเย็น

แก๊งเพือนเจ้าสาวนอกจากจะต้องแต่งตัวสวยๆ ให้เข้าธีมกันแล้ว บางแก๊งอาจจะต้องการพร็อบเล็กๆ น้อยๆ ไว้ถือตอนเข้างาน และสิ่งที่จะเหมาะสมคู่ควรก็น่าจะเป็น ช่อดอกไม้เล็กๆ น่ารักๆ คนละช่อ และแน่นอนค่ะว่าต้องไม้ช่อนั้นไม่ต้องไปซื้อหาให้เสียเวลา สาวๆ แค่เตรียมริบบิ้นสีสวยไว้ แล้วเลือกดอกไม้ดอกที่ยังสวยสดใสแล้วนำมารวบไว้ให้เป็นช่อแล้วผูกด้วยริบบิ้น เท่านี้ก็ได้ช่อดอกไม้ไว้ถือในตอนเย็นแล้ว

TIP : เลือกดอกไม้ที่ยังมีก้านยาวเหลือพอให้ถือและผูกริบบิ้นได้ แล้วอย่าลืมแช่น้ำไว้ด้วยนะ ไม่อย่างนั้นเกิดดอกไม้เฉาก่อนถึงงานตอนเย็น ก็แย่เลย

 

ดูไอเดียและคำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานเพิ่มเติมอีกเพียบที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ pixabay.com

บ่าวสาวห้ามลืม! 24 อุปกรณ์จำเป็นต้องเตรียมไว้ในงานแต่ง

ใน งานแต่ง งานมักมีเหตุไม่คาดฝันให้เจ้าสาวได้หวาดเสียวและลุ้นได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นอยู่ๆ ชุดก็ขาด ตะเข็บรัน บางนางผมก็พันกับต่างหู สารพัดเหตุที่เจ้าสาวรอดตายแน่นอนถ้ามี อุปกรณ์ช่วยชีวิต ดังต่อไปนี้

1. กันกัด อุปกรณ์สามัญที่เจ้าสาวต้องมีติดรองเท้า ไม่อย่างนั้นจะทรมานมากนะถ้าต้องยืนทั้งวันด้วยรองเท้าที่กัดส้นเท้าเราตลอดเวลา และควรมีมากกว่า 1 คู่ เพราะหากว่าเดินมาครึ่งวันแล้วเกิดหลุดหายไปจะได้มีอันใหม่ติดทันที

2. ยาเคลือบเล็บ สิ่งนี้ไม่ได้มีไว้ให้เคลือบเล็บในวันแต่งงานนะ แต่เผื่อไว้ซ่อมชุดที่อาจขาดเป็นรูเล็กๆ และสำหรับทาถุงน่องในยามที่ไปเกี่ยวกับอะไรและเกิดอาการถุงน่องรัน

3. กล่องเข็มด้าย เจ้านี่มีไว้ซ่อมชุดในเหตุที่ยาเคลือบเล็บเอาไม่อยู่แล้ว จำเป็นที่ต้องมีการเย็บตรึงแน่น

4. เข็มกลัดซ่อนปลาย เป็นสิ่งเล็กๆ ที่จำเป็นมาก และเหมือนมีอาถรรพ์ไม่พกก็ไม่ต้องใช้ แต่ถ้าห่างกายเมื่อไหร่มีเหตุให้ต้องใช้ทุกที เพราะงั้นพกไว้เถอะมันเล็กนิดเดียวไม่เกะกะหรอก

5. กระดาษซับมัน แม้จะเป็นเจ้าสาวลุคฉ่ำวาวโคเรียลสไตล์ แต่ก็คงไม่อยากอัพเกรดให้กลายเป็นมันย่อง เพราะฉะนั้นจงพกไว้กับตัวและแอบซับเงียบๆ ทางที่ดีเลือกแบบแผ่นฟิล์มเคลือบแป้งเพื่อความผ่องของใบหน้า

6. ผ้าอนามัย อ่ะ ห้ามหัวเราะเด็ดขาด บางคนที่มาเป๊ะๆคำนวณแล้วอาจจะละเลยไม่พกก็ได้ แต่ถ้าเจ้าสาวที่มาไม่แน่นอนก็พกไว้เผื่อฉุกเฉินสบายใจกว่าเนอะ

7. กาวสารพัดแปะ ต้องพกไว้เผื่อฉุกเฉินต้องใช้หากมีอะไรพังเสียหาย ถ้าไม่ต้องใช้ก็ดีไป แต่ถ้าจำเป็นเนี่ยจะได้ไม่ต้องวิ่งวุ่นซื้อหา

8. ไหมขัดฟัน เจ้าสาวต้องยิ้มตลอดเว เพราะฉะนั้นจะยอมให้วิญญาณหมู วิญญาณปลา มาบดบังความสดใสของรอยยิ้มไม่ได้เด็ดขาด ต้องจัดการเอาออกให้หมด

9. น้ำยาบ้วนปาก หลังแอบแว่บไปทานข้าวแล้ว ล้างปากด้วยน้ำยาบ้วนปาก นอกจากจะขจัดกลิ่นปากแล้วยังช่วยขจัดซากอารยธรรมในปากได้

10. ลูกอมดับกลิ่นปาก เจ้าสาวต้องพูดต้องคุยกับแขกในงาน จะยอมให้มีกลิ่นปากไม่ได้เด็ดขาด

11. กระจก เพื่อเช็คความสวยเป๊ะเพอร์เฟ็คตลอดงาน

12. คอตตอนบัด ไม่ให้ทำความสะอาดช่องหูกลางงานแต่งนะคะ แต่ว่าสำหรับเช็ดอะไรในซอกเล็กๆ ทั้งข้าวของเครื่องใช้และส่วนต่างๆของร่างกาย อย่างซอกฟันไง

13. ชุดปฐมพยาบาล ในยามฉุกเฉินเจ้าสาวสายโก๊ะอาจหกล้ม ชนขอบโต๊ะ ขอบเก้าอี้ อาจมีบาดแผลเล็กๆ น้อยๆ  จะได้หยิบฉวยมาทำแผลได้ทันท่วงที

14. ยาแก้แพ้ แก้หวัด เป็นเจ้าสาวจะให้มายืดสูดน้ำมูกกลางงานได้งั้น ถ้าเริ่มมีอาการปุบก็จัดการซัดยาได้เลย แต่ขอเตือนว่าอย่าเลือกแบบกินแล้วง่วงเด็ดขาด เพราะไม่อย่างงั้นคุณอาจอยู่ไม่จบปาร์ตี้ได้

15. ยาแก้ปวด ยาสามัญประจำตัวที่ต้องพก โดยเฉพาะเจ้าสาวที่มักมีอาการเมาคน ไม่อย่างนั้นแทนที่จะเป็นเจ้าสาวสดใส ได้กลายเป็นไก่หงอยแน่ๆ

16. น้ำตาเทียม การต้องเจอแสงไฟ แสงแฟลชทั้งวันจะทำให้ตาแห้งจนเกิดอาการ ตาพร่า แสบตาได้ และโดยเฉพาะเจ้าสาวที่ต้องพึ่งคอนแท็กเลนส์ การหยอดน้ำตาเทียมจะทำให้อาการเหล่านี้ดีขึ้น ที่สำคัญทำให้ดวงตาเปล่งประกายได้มากขึ้นก็ถ่ายรูปสวยขึ้นด้วยนะ

17. กิ๊ฟดำ ก็เผื่อว่าผมหลุดร่วง เจ้าสาวจะได้ซ่อมได้ด้วยตัวเอง

18. สเปรย์ฉีดผม ก็ในกรณีที่กิ๊ฟดำเอาไม่อยู่ เจ้าสาวจะได้ควักสเปรย์ฉีดผมขึ้นมาจัดการชีวิตได้ด้วยตนเองและมวลหมู่เพื่อนสาว เพราะช่างผมที่จ้างมาไม่ได้อยู่ยั้งยืนยงจนจบงานนะ พูดเลย

19. แป้นต่างหู ห้ามมองข้ามเด็ดขาด บางทีผมอาจจะไปพันจนทำให้แป้นต่างหูหลุดร่วง และก่อนที่ต่างหูจะร่วงหายไปก็จัดใช้แป้นสำรองเนี่ยล่ะกู้ชีพ

20. ทิชชู่เปียก สำหรับเช็ดไม้เช็ดมือ เช็ดเนื้อตัวระหว่างวัน นอกจากจะทำให้รู้สึกสะอาด ยังทำให้รู้สึกสดชื่นได้ด้วย

21. ทิชชู่ อันเนี้ยสำคัญไม่ว่าจะเป็นเจ้าสาวหรือไม่ก็ต้องมีติดกระเป๋าล่ะเนอะ

22. เจลล้างมือ ล้างมือได้ในกรณีฉุกเฉิน ปลีกตัวเข้าห้องน้ำไม่ได้ เลือกแบบไม่ต้องล้างออกด้วยนะ ชีวิตจะง่ายขึ้นเยอะ

23. ไฟแช็ค เผื่อไว้ยามที่ริบบิ้นมันหลุดลุ่ยก็ใช้ไฟแช็คเนี่ยล่ะรนเก็บชาย

24. ธัญพืชบาร์ บ่าวสาวมักจะวุ่นวายจนลืมกินอาหาร ก็พกเจ้านี่ กินง่าย กินไว เติมพลังให้กับวันพิเศษ

ดูเหมือนว่าต้องพกเยอะ แต่ความจริงแล้วก็เป็นของชิ้นเล็กๆ และสำคัญทั้งนั้น ลองหากระเป๋าเล็กๆ มาใส่ของพกไว้กับตัวดูสิ หรือจะฝากเพื่อนเจ้าสาวถือไว้ก็ไม่น่าเกลียดนะ ไม่อย่างนั้นเกิดฉุกเฉินต้องใช้แต่ไม่มีคงทำให้เสียอารมณ์น่าดู

ขอบคุณภาพจาก heavy.com

6 เรื่องพลาดพึงระวังหลังใช้ชุดแต่งงานเสร็จ

หลังจากผ่านวันแต่งงานที่ยิ่งใหญ่และเป็นวันในความทรงจำของสาวๆ แล้ว เราพบว่ามีเจ้าสาวหลายนางที่ละเลยเรื่องการดูแล ชุดแต่งงาน หลังการใช้งานไปซะสนิท ซึ่งเรื่องนี้อาจไม่เป็นประเด็นเท่าไหร่ หากชุดเจ้าสาวไม่เจอกับคราบไวน์หรือเก็บรักษาแล้วสภาพยังคงเดิม หรือแม้แต่คุณไม่ได้ต้องการนำชุดนี้ส่งต่อให้ลูกหลานในอนาคต แต่ถ้าปัญหาที่ว่าเกิดขึ้นมาละ คุณจะทำอย่างไร วันนี้เราจึงประมวล 6 เรื่องพลาดที่เจ้าสาวทำหลังใช้ชุดเจ้าสาวเสร็จแล้วมาฝากกัน

เรื่องพลาดอันดับที่ 1 : ชุดแต่งงานเลอะ แต่ไม่รีบทำความสะอาด

ความพลาดแรกที่เจ้าสาวทั้งหลายทำกันมากที่สุดคือ เวลาที่ชุดแต่งงานเกิดรอยเปื้อนก็ไม่ค่อยสน เอาแต่มุ่งหน้าแต่จะปาร์ตี้หรือรีบเดินเข้างาน ผลที่ตามมาคือ รอยเปื้อนที่ว่าฝังลึกจนยากจะทำความสะอาดออกจนหมดคราบ ฉะนั้น ถ้าคุณรู้ตัวว่าชุดเจ้าสาวเกิดเปื้อนขึ้นมาเมื่อไหร่ ให้รีบทำความสะอาดโดยด่วน อย่าทิ้งหรือรอนานเด็ดขาด เพราะยิ่งทิ้งไว้นานวันเท่าไหร่ คราบสกปรกที่ว่าก็จะยิ่งซักออกได้ยากตามไปด้วย

เรื่องพลาดอันดับที่ 2 : เลือกวิธีทำความสะอาดผิดๆ

เจ้าสาวบางนางกระตือรือร้นที่จะทำความสะอาดชุดที่เปื้อน แต่ดันไปหาข้อมูลมาผิด ทำให้การขจัดคราบเปื้อนกลายเป็นเพิ่มคราบซะอย่างนั้น ซึ่งที่เราเจอบ่อยๆ คือ เจ้าสาวหลายคนพยายามใช้โซดามากำจัดคราบ โดยลืมมองไปว่า เนื้อผ้าที่ใช้ในการตัดเย็บแต่ละชุดแต่ละแบบไม่เหมือนกัน และการที่ใช้โซดาอาจทำให้เนื้อผ้าเสียหายได้โดยไม่รู้ตัว ฉะนั้นสิ่งที่ง่ายและสะดวกที่สุดในการขจัดคราบสิ่งสกปรกคือ ใช้น้ำเปล่าล้างคราบและใช้ทิชชูค่อยๆ ซับคราบออกไป

เรื่องพลาดอันดับที่ 3 : ส่งชุดไปซัก แต่เลือกผิดร้าน

หากจะทำความสะอาดด้วยตัวเองนั้นอาจจะลำบากหรือเสียเวลา เจ้าสาวบางคนก็เลยส่งชุดไปซักแห้งที่ร้าน ซึ่งเป็นทางเลือกที่ถูกต้องค่ะ แต่ความพลาดก็คือ ลืมเลือกร้านที่เชี่ยวชาญเฉพาะทางการซักแห้งชุดเจ้าสาว แต่ส่งไปร้านซักแห้งทั่วไปที่ไม่มีความเข้าใจในเนื้อผ้าและโครงสร้างของชุดเจ้าสาว ทีนี้เกิดอะไรขึ้นใช่ไหมคะ ชุดก็เละสิคะ แม้คราบสกปรกจะหลุดออกไป แต่สภาพชุดนี่ไม่รับประกันนะคะ

wedding dress mistake

เรื่องพลาดอันดับที่ 4 : เก็บชุดไว้ในถุงเสื้อพลาสติกคือผิด!!

รู้ไว้เลยนะคะว่า ชุดแต่งงานที่เก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อผ้าพลาสติกนานเกินไปนั้นไม่ใช่เรื่องดี เพราะทำให้ชุดขาวสะอาดตานั้นแปรเปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีเหลืองได้ เพราะด้วยอากาศในถุงพลาสติกไม่ถ่ายเท บวกกับความร้อนและแสงที่จะเข้ามาทำปฎิกริยากับเนื้อผ้า ทำให้ชุดแต่งงานแสนสวยของคุณไม่สวยเหมือนที่เคยใส่ในวันแต่งงาน ทางที่ดี ควรนำชุดเจ้าสาวเก็บใส่กล่องชุดเจ้าสาวโดยเฉพาะนะคะ

เรื่องพลาดอันดับที่ 5 : แขวนไว้เหมือนชุดทั่วไปไม่ได้นะ

อย่างที่รู้กันอยู่แล้วว่า ชุดแต่งงานจะมีทั้งแบบที่มีแขนและเกาะอก ซึ่งไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ทางร้านมักจะทำริบบิ้นแนบติดมากับตะเข็บด้านข้าง ด้วยเหตุผลว่า คุณจะได้ไม่ต้องแขวนชุดกับไม้โดยตรง เพราะนั่นมีสิทธิ์ทำให้ผ้าตรงบริเวณไม้แขวนเกิดอาการย้วยได้ หรือบางที ลูกไม้ที่สวยๆ ก็เปลี่ยนรูปไปเลยก็มี ดังนั้นหากจะแขวนชุดเจ้าสาวกับไม้แขวนเมื่อไหร่ ต้องระวังให้ดี ถ้ามีริบบิ้นติดมาให้จงใช้ ถ้าไม่มีก็ต้องเลือกไม้แขวนที่ช่วงไหล่พอดีกับความยาวของไม้ และที่สำคัญสามารถรับน้ำหนักชุดได้ เพราะไม่เช่นนั้น น้ำหนักของชุดจะหน่วง ทีนี้ก็ย้วยไม่ต่างกัน นอกจากนี้เมื่อแขวนแล้วควรเปิดปิดตู้เสื้อผ้าตรวจดูบ้างให้แสงเข้าชุดจะได้ไม่เกิดการอับชื้นจนขึ้นรา

เรื่องพลาดอันดับที่ 6 : อย่าได้เก็บชุดเจ้าสาวไว้ในห้องเก็บของเด็ดขาด

ห้องเก็บของ ห้องใต้หลังคาหรือห้องใต้ดินจะมีอุณหภูมิภายในห้องที่ไม่เหมาะกับเนื้อผ้าที่นำมาตัดเป็นชุดเจ้าสาวทุกชนิด เพราะมีความร้อนสลับความชื้นตลอดทั้งวัน โดยเจ้าความร้อนที่เกิด จะส่งผลให้เส้นใยเนื้อผ้าของชุดแต่งงานเกิดแห้ง ชุดสวยก็พาลจะเสียรูปทรง ส่วนความชื้นที่เกิดขึ้น ในช่วงเวลากลางคืนผสานพลังกับความอับ ทำให้เกิดราและคราบไม่พึงประสงค์โดยไม่รู้ตัว ถ้าคุณยังคิดภาพตามไม่ออก ลองนึกถึงเสื้อผ้าเก่าๆ ที่เก็บเข้าตู้นานๆ พอหยิบออกมากลับเจอรอยเหลืองๆ ทั้งที่ไม่เคยเอาออกมาใส่เลยสักครั้ง ซึ่งคราบที่ว่าก็ประมาณเดียวกันนั่นแหละค่ะ

อ่านครบทั้ง 6 ความพลาดเรียบร้อยแล้ว อย่าลืมปฎิบัติตามด้วยนะคะ นอกจากนี้ถ้าเกิดเหตุอื่นๆ กับชุดเจ้าสาวแสนสวยก็อย่าได้ตกใจไปนะคะ

ภาพ : weddingsite.co.uk, callandercleaners.com, spring.st

ติดตามไอเดียและคำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับงานแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ผดผื่นจากการสวมแหวนแต่งงาน อาการที่บ่าวสาวไม่ควรมองข้าม

แหวนแต่งงาน คือคำสัญญาและสัญลักษณ์ความเป็นสามีภรรยาของคู่รัก ซึ่งแน่นอนว่า คุณทั้งคู่จะต้องสวมแหวนวงนี้ติดนิ้วไว้ทุกวันและเกือบจะตลอดเวลา แต่คุณเป็นหรือไม่? ที่อยู่ๆ ก็เกิดผดผื่นบริเวณที่สวม แหวนแต่งงาน หากเป็นล่ะก็ ขั้นแรกให้คุณถอด แหวนแต่งงาน ออกจากนิ้วก่อนเป็นอันดับแรก แล้วทาขี้ผึ้งหรือคอร์ติโซนบริเวณที่เป็นผดผื่น จากนั้นก็มาหาสาเหตุกันว่า อาการระคายเคืองนั้นเกิดจากอะไร เพื่อที่จะได้หาทางแก้ไขและป้องกันได้อย่างถูกต้อง

  • โรคภูมิแพ้เครื่องประดับ

อาการผดผื่นที่เกิดขึ้นรอบนิ้วมือบริเวณที่สวมแหวน อาจเกิดจากการแพ้นิกเกิลซึ่งเป็นวัสดุของตัวเรือนแหวนแต่งงานก็ได้ ซึ่งจะเกิดเป็นผื่นแดง หรือเป็นผื่นแบบตกสะเก็ด ทางป้องกันขั้นแรกคือ งดการสวมเครื่องประดับที่ทำมาจากนิกเกิล ซึ่งสิ่งที่หลายคนอาจจะยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับเครื่องประดับที่ทำจากเงิน, ทอง หรือแม้แต่แพลตตินั่มคือ ตัวเรือนเหล่านี้อาจมีนิกเกิลผสมอยู่ (ไม่มากก็น้อย) ซึ่งน้ำหนักของเครื่องประดับจะเป็นตัวกำหนดโลหะบริสุทธิ์ที่ใช้ทำเครื่องประดับ เช่น แหวนทองคำน้ำหนัก 24 กะรัต จะเป็นทองแท้ 99.99 เปอร์เซ็นต์ ส่วน 0.01 เปอร์เซ็นต์อาจเป็นโลหะผสมนิกเกิล หรืออาจจะเป็นเงิน, ทองแดง หรือโรเดียมก็ได้ ซึ่งแพลตตินั่มนั้นได้รับการการันตีว่าเป็นแร่ที่ทำให้เกิดอาการแพ้น้อยที่สุด แต่ในแหวนแต่งงานหรือเครื่องประดับบางชิ้นที่ทำมาจากแพลตตินั่มก็อาจจะมีนิกเกิลผสมอยู่ประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์

วิธีรักษา : ยาแก้ภูมิแพ้

หากคุณกำลังสงสัยว่าอาการแพ้นั้นเกิดขึ้นจากการแพ้นิกเกิลในเครื่องประดับหรือไม่ อาจลองนำแหวนแต่งงานไปให้ช่างที่ร้านเครื่องประดับลองทดสอบดูว่าแหวนแต่งงานของคุณนั้นมีนิกเกิลเป็นส่วนผสมหรือไม่ ซึ่งอาจจะพบว่าแหวนแต่งงานที่สวมใส่มานานนั้นเกิดการสึกกร่อน และเกิดการผสมกันระหว่างนิกเกิลกับเงิน, ทองคำ หรือแพลตตินั่ม ซึ่งช่างจะทำการเคลือบแหวนแต่งงานของคุณใหม่ด้วยโรเดียม หรือแพลตตินั่มเพื่อป้องกันนิ้วของคุณจากการแพ้นิกเกิล ทำให้สามารถกลับมาสวมแหวนแต่งงานได้อีกครั้ง พร้อมความเงางามของตัวเรือนที่ได้รับการเคลือบใหม่ให้วิ้งกว่าเดิม แต่วิธีแก้ไขแบบชั่วคราวและเร็วที่สุดอีกทางคือ การทายาทาเล็บไว้ด้านในตัวเรือนเพื่อลดอาการแพ้แบบชั่วคราว แต่อย่าลืมเลือกเป็นยาทาเล็บแบบสีใสนะ

  • เกิดจากสิ่งสกปรกที่สั่งสมและอุดตัน

บางครั้งอาการผดผื่นจากการสวมแหวนแต่งงานก็ไม่ได้เกิดจากการแพ้ตัวแหวนเสมอไป แต่เกิดจากสิ่งสกปรกที่สั่งสมและอุดตันอยู่ภายใต้แหวนแต่งงาน ซึ่งผื่นประเภทนี้พบได้บ่อยที่สุดจากการสวมแหวนแต่งงานมานานและไม่ค่อยถอดแหวนแต่งงานออก เลยทำให้มีสิ่งสกปรกติดค้างอยู่ภายใต้ผิวหนังบริเวณที่สวมแหวน จนทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง ซึ่งมักเกิดจากคราบสบู่จากการอาบน้ำหรือเวลาล้างมือนั่นเอง หรือบางครั้งอาจเกิดจากสภาพอากาศที่แห้งหรือหนาวเกินไป จนทำให้แหวนแต่งงานเสียดสีกับผิวหนังจนเกิดการระคายเคือง

วิธีรักษา : อาการผดผื่นที่เกิดจากสิ่งสกปรกที่สั่งสมและอุดตัน

วิธีรักษาอาการผดผื่นตันจากสิ่งสกปรกที่สั่งสมและอุดตัน ก่อนอื่นคุณต้องถอดแหวนทุกครั้งก่อนล้างมือ และเช็ดมือให้แห้งสนิทก่อนสวมแหวนทุกครั้ง (หากล้างมือในที่สาธารณะอย่าลืมแหวนนะ!!) แต่ถ้าหากทำแล้วยังไม่ได้ผล หลังล้างมือและเช็ดให้แห้งแล้ว ให้ทามอยส์เจอไรเซอร์ที่มีส่วนผสมของเซราไมด์รอบๆ นิ้วมือของคุณทุกครั้งหลังล้างมือเสร็จ เพราะเซราไมด์มีไขมันที่จะช่วยป้องกันและเคลือบผิวหนังชั้นนอกของคุณเอาไว้ ช่วยให้ผิวของคุณดีขึ้น และขอแนะนำให้คุณหาซื้อน้ำยาทำความสะอาดเครื่องประดับเพื่อทำความสะอาดแหวนแต่งงานที่มีสิ่งอุดตันจากน้ำหรือสบู่ให้สะอาดมากขึ้น แต่อย่าลืมสอบถามวิธีการใช้ และดูว่าเหมาะสมสามารถใช้กับเครื่องประดับของคุณได้หรือไม่ด้วยนะ

ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับแหวนแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ข้อมูลจาก livestrong.com
ภาพ stocksnap.io, pinterest

ทิปส์ นอนหลับยังไงให้สนิท เพื่อสุขภาพและความสวยของ เจ้าสาว ก่อนวันวิวาห์

ยิ่งใกล้วันแต่งงาน เจ้าสาว หลายคนจะยิ่งเครียด ทั้งวิตกกังวลไปต่างๆนานา กลัวนั่นกลัวนี่ จนพาลนอนไม่หลับ หรือถ้าหลับก็ หลับๆตื่นๆ พอถึงตอนเช้าก็รู้สึกเพลียเพราะนอนหลับไม่เต็มอิ่ม พาลทำให้รู้สึกว่าสมองช้า ไม่มีสมาธิ ระหว่างวันก็รู้สึกเหนื่อยเพลียตลอดเวลา ยิ่งไปกว่านั้นผิวพรรณก็ไม่ดูไม่สดชื่น แต่งหน้าไม่ติด แถมใต้ตาคล้ำเป็นหมีแพนด้าอีกต่างหาก ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปสกินแคร์หรือเมกอัพแค่ไหนก็ช่วยไม่ได้นะจ๊ะ เราก็เลยมาแนะนำวิธีที่ช่วยให้ว่าที่เจ้าสาวนอนหลับง่ายขึ้น หลับลึกขึ้น (ซึ่งวิธีนี้เจ้าบ่าวเอาไปใช้ด้วยก็ได้นะ) เพื่อให้ตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่น สดใส ในตอนเช้า ทำเป็นประจำให้สุขภาพแข็งแรงและผิวพรรณเปล่งปลั่งในวันวิวาห์ค่ะ

เจ้าสาว

งดดูหน้าจอทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นทีวี แล็ปท็อป แท็ปเล็ต และสมาร์ทโฟน เพราะมีผลวิจัยออกมาแล้วว่าการดูหน้าจอเหล่านี้ก่อนนอนเสมือนเป็นการสั่งงานให้สมองยังอยู่ในโหมดพร้อมทำงานอย่างต่อเนื่อง แสงจากหน้าจอเหล่านี้ยังไปรบกวนสมองทำให้เราไม่รู้สึกง่วงนอน ทางที่ดีผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าควรอยู่ห่างจากหน้าจอเหล่านี้อย่างน้อย 1 ชม. ก่อนนอนค่ะ

งดอาหารว่างก่อนนอน รู้นะ สาวๆหลายคนชอบหิวยามดึกและคุ้ยตู้เย็นหาของกินเล่นก่อนนอน แต่ทันทีที่เรากินเข้าไป กระเพาะและลำไส้จะเริ่มการทำงาน ซึ่งส่งผลให้เราไม่ง่วงนอน ทางที่ดีก่อนนอนอย่างน้อย 3 .. งดทานอาหารทุกชนิด ยกเว้นการดื่มชาแบบไร้คาเฟอีนเพื่อให้เรารู้สึกผ่อนคลายอย่างชาสมุนไพรต่างๆค่ะ

ใช้เสียงเพลงช่วย มีงานวิจัยออกมาเช่นกันว่าเสียงเพลงที่ถูกประเภทช่วยให้เรารู้สึกง่วงและหลับลึกขึ้นได้ เพราะเสียงเพลงเหล่านี้ช่วยปรับการเต้นของหัวใจ มีผลต่อคลื่นสมองและแพทเทิร์นของการนอนหลับ อย่างเว็บไซด์นี้ของ Sync Project ที่รวบรวมเสียงเพลงเพื่อช่วยการนอนหลับไว้ค่ะ

นอนหลับในที่มืดสนิท เพราะแสงไฟมีผลต่อสมองของเราในยามหลับเช่นกัน เราจึงควรนอนหลับในห้องที่มืดสนิทเพื่อเป็นการส่งสัญญาณบอกสมองของเราว่าเราพร้อมจะนอนหลับอย่างต่อเนื่อง ผ้าปิดตาสำหรับเวลานอนช่วยคุณได้ค่ะ

ปรับพฤติกรรมก่อนนอนให้เป็นแพทเทิร์น การทำอะไรซ้ำๆกันก่อนนอนทุกวัน เป็นเสมือนการสั่งการสมองของเราว่าเราพร้อมจะนอนละนะ เพื่อให้สมองหลั่งสารที่ทำให้ร่างกายรู้สึกง่วงออกมา เราจึงควรมีอะไรทำก่อนนอนที่ทำได้ทุกวัน เช่น สวดมนต์ก่อนนอน หรือ อ่านหนังสือก่อนนอน เป็นต้น

ปรับอุณหภูมิห้อง อุณหภูมิห้องที่เหมาะสมกับการนอนหลับที่ดีอยู่ระหว่าง 18 ถึง 24 องศาเซลเซียส เพราะฉะนั้นถ้าหากคุณชอบตื่นนอนกลางดึกแล้วรู้สึกร้อน เหงื่อออก หรือหนาวเกินไป ลองเช็คอากาศในห้องนอนและปรับอุณหภูมิให้ถูกต้อง รวมทั้งเช็คด้วยว่าชุดนอนและผ้าห่มอของเราไม่หนาหรือบางเกินไปค่ะ

ใช้กลิ่นช่วย มีงานวิจัยออกมาเช่นกันว่ากลิ่นที่ช่วยให้สมองรู้สึกสงบอย่างลาเวนเดอร์ มีผลต่อความรู้สึกง่วงนอน ผลิตภัณฑ์หลายยี่ห้อจึงทำสเปรย์ฉีดหมอนและเทียนหอมที่ใช้กลิ่นช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลายและง่วงนอนง่ายขึ้น ลองซื้อมาใช้กันดูนะ

อ่านจบแล้วรู้สึกง่วงขึ้นมาหรือยังคะ อย่าลืมปิดหน้าจอทุกชนิดก่อนเข้านอนอย่างน้อย 1 .. นะคะ ปรนนิบัติตัวเองด้วยการนอนอย่างมีคุณภาพแล้ว อย่าลืมมาส์กบำรุงผิวหน้าก่อนนอน ด้วยมาส์กเหล่านี้ ที่ช่วยให้ผิวของว่าที่เจ้าสาวทั้งสวยและเปล่งปลั่งในวันแต่งงานค่ะ

Credit Story: vogue.co.uk

พิธีไทยลื่นไหล่ไม่มีสะดุด กับบทเจรจาสู่ขอฉบับสมบูรณ์แบบ

บทเจรจาสู่ขอ ซ้อมไว้ก่อนรับรองไม่มีสะดุด

การที่บ่าวสาวจะลงหลักปักฐานสร้างชีวิตคู่ด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ การเจรจาของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อให้บ่าวสาวได้ใช้ชีวิตคู่ด้วยกันได้อย่างถูกต้องตามประเพณี แต่พอถึงช่วงเจรจาสู่ขอพิธีดันสะดุดเพราะผู้ใหญ่ไม่ได้เตรียมบทพูดมาล่วงหน้า แพรว wedding เลยจัด บทเจรจาสู่ขอ ฉบับสมบูรณ์มาให้ผู้ใหญ่ได้ซ้อมกันไว้ก่อน พิธีจะได้ลื่นไหลไม่เสียฤกษ์

เริ่มแรกฝ่ายชายควรจะเข้าไปนัดหมายกับผู้ใหญ่ของฝ่ายหญิงว่า หากจะให้ผู้ใหญ่ฝ่ายตนมาพบปะพูดคุยกันอย่างเป็นทางการจะสะดวกวันไหน เมื่อฝ่ายหญิงรับรู้ก่อนล่วงหน้าเช่นนี้แล้ว จะได้จัดแต่งบ้านเรือนให้สะอาดเรียบร้อยก่อนวันนัดพบ

ในวันนัด ฝ่ายชายจะเดินทางมายังบ้านของฝ่ายหญิงพร้อมกับผู้ใหญ่ที่เคารพ (บางรายอาจมีเถ้าแก่เป็นตัวแทนเจรจา) ผู้ที่ได้รับเชิญให้เป็นผู้ใหญ่จะกล่าวเจรจาสู่ขอด้วยถ้อยคำไพเราะหวานหู ดังนี้

ผู้ใหญ่ฝ่ายชาย : “ได้ยินมาว่า บ้านนี้มีฟักแฟงแตงเต้าดกงาม ก็ใคร่จะมาขอพันธุ์ไปเพาะปลูกบ้าง ปีนี้ …(ฝ่ายชาย) ก็อายุ …  ปีแล้ว หน้าที่การงานดีและมั่นคง  ที่ผ่านมาเห็นว่ารักและชอบพอกับ … (ฝ่ายหญิง) เห็นว่าทั้งคู่ศึกษาดูใจซึ่งกันและกันมานานพอสมควร กระผม/ดิฉันในฐานะผู้ใหญ่เห็นว่า สมควรแก่เวลา จึงอยากมาทาบทามสู่ขอให้ครอบครัวทั้งสองเป็นทองแผ่นเดียวกัน ไม่ทราบว่าทางฝ่ายนี้จะเห็นดีเห็นงามหรือไม่ครับ/คะ”

ผู้ใหญ่ฝ่ายหญิง : “หากผู้ใหญ่ฝ่ายชายเห็นสมควร กระผม/ดิฉันก็คงไม่ขัดข้องแต่ประการใดครับ/ค่ะ ยินดียกลูกสาวให้อยู่ในความดูแล”

บทเจรจาสู่ขอเบื้องต้น เราได้อ้างอิงมาจากคำพูดของผู้หลักผู้ใหญ่ในสมัยก่อน สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามยุคสมัยและตามสไตล์ของเถ้าแก่ เมื่อจบบทเจรจาก็จะเป็นการตกลงกันของทั้งสองฝ่ายว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้ดูฤกษ์ ฝ่ายไหนจะเป็นฝ่ายจัดการงานพิธีต่างๆ เพื่อนำไปสู่การดำเนินงานตามประเพณีต่อไป

อ่านเพิ่มเติม สร้างบรรยากาศด้วยลิสต์เพลงไทยที่ต้องมีไว้ในงานแต่งงาน

ภาพจากงานแต่งคุณเอม & คุณก้อง ถ่ายภาพโดย Mcsiri : Photography