ล้างเท้าเจ้าบ่าว อีกหนึ่งพิธีแต่งงานไทยที่บ่าวสาวควรมีไว้ในงานแต่ง

พิธีแต่งงานไทยในปัจจุบัน น้อยงานนักที่จะมีพิธี ล้างเท้าเจ้าบ่าว ให้ได้เห็น ซึ่งที่มาของการล้างเท้าเจ้าบ่าวนั้น เพราะในสมัยโบราณยังไม่มีรองเท้าสวมใส่เหมือนอย่างเช่นในปัจจุบัน ฉะนั้นตามบ้านเรือนบริเวณบันไดทางขึ้นบ้านจึงจะมีตุ่มน้ำให้เจ้าของบ้านหรือแขกที่มาเยือนได้ล้างเท้าก่อนขึ้นเรือน 

และเมื่อถึงคราวพิธีแต่งงาน จึงมีการแทรกการล้างเท้าเจ้าบ่าวเข้ามาเป็นหนึ่งในพิธีการที่สำคัญ โดยจะใช้ใบตองและก้อนหินใหญ่รองที่เท้าเจ้าบ่าวก่อนล้าง เนื่องจากเห็นว่าการล้างเท้าบนใบตองและก้อนหินนั้นสะอาดกว่าการล้างเท้าบนพื้นดิน

ซึ่งพิธีล้างเท้า จะเริ่มต้นเมื่อเจ้าบ่าวผ่านด่านประตูเงินประตูทองมาแล้วเป็นที่เรียบร้อย จนมาเจอด่านสุดท้ายที่จะมีน้องหรือญาติผู้น้องของฝ่ายเจ้าสาวยืนดักรอพร้อมขันที่มีน้ำสะอาดผสมด้วยมะกรูดและมะนาว หรือในบางที่จะมีหินอยู่บนถาด เพื่อรองน้ำที่จะใช้ล้างเท้าเจ้าบ่าว สำหรับคนที่จะมาทำหน้าที่ล้างเท้าเจ้าบ่าวนั้น จะต้องเป็นเด็กที่อายุน้อยกว่าบ่าวสาว เพราะต้องก้มลงไปล้างเท้าให้กับเจ้าบ่าว เมื่อล้างเสร็จเจ้าบ่าวจะต้องให้ซองเงินหรือสิ่งของเล็กๆ น้อยๆ เป็นการตอบแทน จากนั้นญาติผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าสาวจึงจะออกมารับและจูงมือเจ้าบ่าวเข้าไปทำพิธีต่อไป

แต่ในปัจจุบันที่มีการใส่รองเท้าแล้วนั้น พิธีล้างเท้าจึงเปลี่ยนมาใช้ก้านมะยมเก้ามัดจุ่มน้ำในขันที่เตรียมไว้แล้วแค่พรมบนรองเท้าเจ้าบ่าวเท่านั้น ไม่ได้ถึงขั้นถอดถุงเท้ารองเท้าให้ยุ่งยากหรือล้างจนเท้าเปียกเหมือนสมัยก่อน และมักจะมีการแกล้งกันโดยนำรองเท้าของเจ้าบ่าวไปซ่อน ซึ่งผู้ที่นำไปซ่อนจะเรียกค่าไถ่จากเจ้าบ่าวจนพอใจ ถึงจะคืนรองเท้าให้ ถือเป็นการหยอกล้อเพื่อสร้างความสนุกสนานให้กับงานแต่งงานไปอีกแบบ

เพราะฉะนั้นเมื่อถึงวันสำคัญของคุณเมื่อไหร่ เราขอเตือนคุณเจ้าบ่าวให้ระวังรองเท้าไว้ให้ดีๆ ไม่อย่างนั้นคุณจะโดนเรียกค่าไถ่จนซองเงินที่เตรียมไว้ไม่พอเลยก็ได้

ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับพิธีแต่งงานไทยเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

เสกภาพถ่ายพรีเวดดิ้งย้อนยุคหลากแบบหลายบรรยากาศที่ “วิลล่า มูเซ่ เขาใหญ่”

หากคุณเป็นบ่าวสาวที่หลงรักการถ่ายภาพกลางแจ้ง พร้อมกับการท่องเที่ยวสูดอากาศบริสุทธิ์ท่ามกลางธรรมชาติ รวมทั้งการเดินทางตามรอยประวัติศาสตร์แล้วล่ะก็ แพรวเวดดิ้ง ขอแนะนำสถานที่ที่มีทั้ง 3 อย่างอยู่ในพื้นที่เดียวกัน ทั้ง ที่พัก พิพิธภัณฑ์ และสถานที่ถ่ายพรีเวดดิ้ง กับ  “วิลล่า มูเซ่ เขาใหญ่” อันสวยงามด้วยสถาปัตยกรรมแบบไทยประยุกต์ทั้งตะวันออกและแบบตะวันตก ยุควิกตอเรียนในสยาม (ราวรัชกาลที่ 4 – 5) บอกเลยว่างานนี้ ทั้งคุ้มทั้งฟินสุดๆ ไปเลย แถมงานนี้ยังได้ ภาพถ่ายพรีเวดดิ้งย้อนยุค ด้วย

The best and most beautiful things in the world cannot be seen or even touched.

They must be felt with the heart.”

Helen Keller

วิลล่า มูเซ่ ตั้งอยู่ท่ามกลางผืนป่ามรดกโลกของเขาใหญ่ เมื่อผ่านประตูรั้วเหล็กหล่อบานใหญ่อายุนับร้อยปีจากอินเดีย ก็จะพบกับลานสนามหญ้าสุดกว้างขวาง บรรยากาศรอบๆ ร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่หลากหลายชนิด ภายในประกอบไปด้วยหมู่เรือนโบราณในช่วงรัชกาลที่ 4-5 หลายหลังที่มีเอกลักษณ์แตกต่างกัน ทั้งเรือนไทยหมู่ เรือนแฝด เรือนปั้นหยา หรือเรือนชิโนโปรตุกีสอย่างย่านเมืองเก่าของภูเก็ต ซึ่งเป็นเรือนเก่าร่วมสมัยที่ได้ชะลอมาอนุรักษ์ พร้อมตกแต่งด้วยเครื่องเรือน เอกสารโบราณ ภาพถ่ายเก่ายุคนั้นซึ่งเป็นของสะสมของเจ้าของสถานที่ ประหนึ่งได้ย้อนวันเวลาไปเยี่ยมเยือนเรือนขุนน้ำขุนนางยุคนั้น เหมาะสำหรับคู่รักที่กำลังมองหาสถานที่ถ่ายพรีเวดดิ้งแบบไม่ซ้ำใคร ไม่ว่าจะเป็น ชุดไทย ชุดแต่งงานสากล หรือชุดสไตล์วินเทจ ก็สามารถขนมาถ่ายที่นี่ได้ครบทุกชุด

                เริ่มกันที่  “เรือนประเสนชิต” เรือนไม้สักทองทรงปั้นหยาสีเขียวไข่กาละมุนตาสมัยรัชกาลที่ 5 โดดเด่นด้วยลวดลายไม้ฉลุงดงาม ซึ่งได้ย้ายจากย่านสี่พระยามาบูรณะพร้อมตกแต่งเครื่องเรือน ศาสตราวุธ เอกสารโบราณ โดยเฉพาะภาพพิมพ์หินพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และภาพเหตุการณ์สำคัญของสยามจากหนังสือพิมพ์หัวฝรั่งเศส “Le Petit Journal” ต้นฉบับจริง โดยปกตินั้นเปิดให้เข้าชมเป็นแหล่งเรียนรู้อดีต แต่ที่เก๋ไก๋ไม่ซ้ำใครคือการออกแบบให้อดีตและปัจจุบันมาบรรจบกันด้วยภูมิทัศน์ของสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ที่สะท้อนพื้นกระเบื้องสีเขียวเข้ากับตัวเรือนในด้านหลัง เป็นจุดที่คุณและคนรักสามารถวางแผนจัดปาร์ตี้จิบน้ำชายามบ่าย พร้อมละเลียดขนมเลิศรสสูตรพิเศษจากชุดน้ำชาของวิลล่า มูเซ่ ได้อย่างเพลิดเพลินในงานหมั้น หรือฉลองมงคลสมรสอย่างอบอุ่นเป็นกันเองเลยทีเดียว

                เรือนประเสนชิตนั้นยังเปิดให้ว่าที่บ่าวสาวได้เข้ามาใช้บริการการถ่ายภาพพรีเวดดิ้งอีกด้วย ส่วนสไตล์ชุดของบ่าวสาวนั้นถ้าเน้นเป็นสไตล์วินเทจแล้วล่ะก็ บอกเลยว่าสวยเลิศดูเข้ากันสุดๆ กับสถานที่ไปเลย

และอีกหนึ่งเรือนที่แพรวเวดดิ้งอยากจะแนะนำคือ “เรือนอนุรักษ์โกษา” เป็นอาคารสไตล์ชิโนโปรตุกีสที่โดดเด่น สวยงามด้วยประตูและหน้าต่างที่ประดับกระจกสีจากประเทศพม่าและอินเดีย ด้านในมีจุดเด่นอยู่ที่บันไดวนเหล็กหล่อลายวิจิตรอายุกว่าร้อยปีซึ่งลงเรือมาจากเมืองอินเดีย ตกแต่งให้เข้าชุดกับบาร์เครื่องดื่ม จึงทำให้เรือนหลังนี้มีกลิ่นอายแบบสโมสรชาวต่างประเทศในเมืองไทย ภายในตัวอาคารกว้างขวาง มีมุมห้องหนังสือพร้อมงานศิลปะ ปูประดับด้วยพรมเปอร์เซียเข้าชุดกัน รับกับแสงสลัวๆ ของแชนเดอเลียอย่างได้บรรยากาศ จึงเป็นอีกหนึ่งเรือนที่บ่าวสาวไม่ควรพลาดในการมาเก็บภาพพรีเวดดิ้งในชุดราตรีและสากลนิยม โดยเฉพาะชุดเจ้าสาวประโปรงยาวที่ทอดชายลงตามชั้นบันไดเหล็กหล่อนั้น นอกจากจะได้บรรยากาศแล้วยังขับความโดดเด่นของเจ้าสาวได้ไม่เมือนใครอีกด้วย

                นอกจากเรือนประเสนชิตและเรือนอนุรักษ์โกษาแล้ว วิลล่า มูเซ่ ยังมีเรือนหลังอื่นๆ ที่เปิดเป็นห้องพักและรองรับสำหรับการถ่ายพรีเวดดิ้งอีกหลายหลัง ไม่ว่าจะเป็น

เรือนราชพงศา – เรือนไม้ชั้นเดียวสถาปัตยกรรมผสมผสานทรงปั้นหยา ที่มีกลิ่นหอมกลิ่นดอกราชาวดี มะลิ พุดซ้อน และไม้ดอกนานาชนิด โรแมนติกด้วยแสงทองยามเย็นที่ฉาบไล้ประกายระยิบระยับทำให้เรือนหลังนี้มีเสน่ห์มากขึ้น ให้ได้เก็บความโรแมนติกของคู่รักบนท่าน้ำริมสระขนาดใหญ่ที่มีสัตตบงกชชูช่อดอกสวยงาม

เรือนสัตยาธิปตัย – เรือนไทยหมู่ภาคกลางสีแดงชาด ได้รับการดัดแปลงให้เป็นหมู่ห้องพักที่สวยงามและโอ่อ่า โดยเฉพาะลานชั้นสองของเรือนที่เปิดเป็นลานกว้างระหว่างหอต่างๆ บนเรือน ให้ได้แต่งชุดไทยประเพณีทอดกายกันสง่างามบนตั่งไม้และหมอนอิงแบบไทยๆ

เรือนสิงหฬสาคร – เรือนไทยแฝดฝาลายปะกนจากจังหวัดสุพรรณบุรี ร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ที่โอบล้อม เปิดให้เข้าพักและใช้เป็นเรือนหอส่งตัวซึ่งประยุกต์ความเป็นไทยและสากลผ่านการออกแบบยกหลังคาสูง เพื่อเพิ่มพื้นที่ ให้ความรู้สึกโล่งสบาย เข้ากับตัวเรือนที่สอบเข้าหากัน ตกแต่งด้วยเครื่องเรือนไม้สักโบราณ ให้คืนแรกของคู่บ่าวสาวพิเศษกว่าคืนไหนๆ

เรือนศรีสุนทร –เรือนไทยผสมปั้นหยา สถาปัตยกรรมอย่างไทย-มอญ พร้อมของตกแต่งในบรรยากาศไทยๆ สุดล้ำค่า อาทิ ตู้พระไตรปิฎกลายรดน้ำ ภาพพระบฏและเครื่องเรือนยุคต้นรัตนโกสินทร์ ธรรมาสน์ศิลปะพม่า ฯลฯ ที่เหมาะกับการแต่งชุดไทยพระเพณีของบ่าวสาวเข้าคู่กันโดยที่ไม่ต้องสร้างบรรยากาศอื่นใดเพิ่มเติม

เรือนอิศรานุภาพ – เรือนชิโนโปรตุโกสหลังเล็ก ร่มรื่นด้วยไม้ใหญ่ เหมาะสำหรับการจัดพิธิหมั้นหรือแต่งงานแบบตะวันตก จะจัดปาร์ตี้เล็กๆ หรือเลี้ยงพระทำบุญกันบนเรือนราชพงศาแล้วมารับขนมนมเนยอาหารว่างที่นี่ ในบรรยากาศสุดอบอุ่นของครอบครัวก็ยังได้

คู่รักที่กำลังจะเป็นว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวที่กำลังมองหาสถานที่ถ่ายพรีเวดดิ้งและสถานที่พักผ่อนไปพร้อมๆ กันที่ วิลล่า มูเซ่ เขาใหญ่ แห่งนี้ นับว่าตอบโจทย์ของคุณได้ดีมากๆ จะเป็นวันเดย์ทริป หรือค้างสัก 1 คืนก็ได้ความฟินพอๆ กัน เรียกได้ว่าที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่สำหรับวันหยุดพักผ่อนของคู่รักที่สนใจในศิลปะและประวัติศาสตร์ ให้ได้มาใช้เวลาแห่งความสุขไปด้วยกันได้อย่างเต็มที่ท่ามกลางบรรยากาศอันสดชื่นของขุนเขา แค่คิดก็โรแมนติกแล้วใช่ไหมล่ะคะ ^^

หมายเหตุ – เปิดเป็นแหล่งเรียนรู้ให้เข้าชมทุกวันศุกร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 4 รอบนำชม เวลา 9.00 น. / 11.00 น. / 14.00 น. และ 16.00 น. รอบละไม่เกิน 8 ท่าน โดยนัดหมายเข้าชมล่วงหน้าที่ โทร. 063-225-1555  (หากผู้เข้าชมเป็นหมู่คณะเดียวกัน สามารถติดต่อขอเข้าชมเป็นรอบพิเศษได้) ส่วนการถ่ายพรีเวดดิ้งและงานมงคลสมรสนั้น สามารถติดต่อได้โดยตรงที่หมายเลขเดียวกันเลยค่ะ

วิลล่า มูเซ่ เขาใหญ่
ตั้งอยู่ที่ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา
โทร. 02-671-6611, 063-225-1555
เว็บไซต์ www.villamusee.com
เฟซบุ๊ก villamuseekhaoyai
อีเมล [email protected]

ภาพสถานที่ Moodtone production (ไอจี : moodtone_production)

เตือนไว้ให้ระวังกับ 6 ข้อที่บ่าวสาวมักทำผิดพลาดในงานแต่ง

ในงานแต่งงาน ไม่ว่าบ่าวสาวคู่ไหนก็อยากให้งานแต่งตัวเองออกมาสวยสดงดงาม แต่ก็ดั๊นนนมี ข้อผิดพลาดในงานแต่ง จนแพรว wedding ต้องออกมาเตือนว่าอย่าเผลอทำพลาดนะ

1. ไม่เชื่อมืออาชีพ

การจัดงานแต่งงานคนที่บ่าวสาวควรเชื่อในคำแนะนำมากที่สุดก็คือมืออาชีพที่เราเลือกให้มาเป็นผู้ดูแลจัดการงานแต่ง ไม่ว่าจะเป็นแพลนเนอร์ และคนจัดสถานที่ ไปจนถึงช่างภาพ เพราะเขาเหล่านี้มีประสบการณ์ ผ่านงานแต่งมาเป็นสิบ เป็นร้อยงาน เรียกได้ว่าผ่านมาแล้วทุกความผิดพลาด ทุกสถานการณ์

2. ไม่มีแผนสองสำหรับงานกลางแจ้ง

สำหรับคู่ที่วางแผนจะจัดงานแต่งงานกลางแจ้ง ไม่ว่าจะเป็นงานริมทะเล หรืองานกลางสวน สิ่งที่สำคัญคือแผน B ว่าหากเกิดเหตุไม่คาดคิดเกี่ยวกับลมฟ้าอากาศที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ เราจะทำอย่างไร ซึ่งส่วนใหญ่คือสแตนบายพื้นที่ในร่ม หรือมีเต๊นท์กันฝนเตรียมรอเอาไว้ก่อน

3. ลืมกินอาหาร

คู่บ่าวสาวมักลืมกินอาหารในวันแต่งงานของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเพราะความตื่นเต้นจนกินอะไรไม่ลง หรือจะเพราะความยุ่งจนไม่มีเวลากินก็ตาม ซึ่งปัญหานี้ทำหลายคู่เป็นลมกันมาแล้ว ทางที่ดีควรเตรียม Energy Bar เอาไว้หากรู้แน่ๆ ว่าไม่มีเวลาปลีกตัวหาอะไรกินจริงๆ

ข้อผิดพลาดในงานแต่ง

4. เลือกเซ็นเตอร์พีชใหญ่เกินไป

สำหรับงานแต่งที่มีการจัดโต๊ะ พร้อมทั้งมีเซ็นเตอร์พีชวางอยู่กลางโต๊ะ ควรต้องระวังเรื่องขนาดของเซ็นเตอร์พีชเอาไว้ให้ดี เพราะถ้าใหญ่เกินไป หรือสูงเกินไปก็จะบดบังเวที ทำให้แขกมองไม่เห็นเวทีเอาได้ ทางที่ดีควรจัดเซ็นเตอร์พีชขนาดเล็ก เลือกดอกไม้ไซส์มินิ เพื่อให้แขกได้มองเห็นเวทีกันทุกคน

5. เสิร์ฟค็อทเทลมากเกินไป

บ่าวสาวสายเปย์ ที่กำลงวางแผนจัดค็อทเทลในงานแต่งตัวเอง หยุดคิดให้ดีก่อน โดยเฉพาะในช่วงพิธีการแต่งงาน เป็นช่วงที่แอลกอฮอล์ยังไม่ควรออกมามากมายนัก เพื่อให้แขกแต่ละคนยังครองสติเอาไว้ได้ ไม่อย่างนั้นจากงานแต่งงานมันจะกลายเป็นงานมอมหมู่เกินไป แต่ถ้าอยากจัดหนักจริงๆ ขอให้เก็บไว้ในช่วงอาฟเตอร์ปาร์ตี้ ซึ่งตอนนั้นอยากหนัก อยากเข้มแค่ไหน ก็จัดมาไม่ต้องอั้น

6. ให้ผู้สูงวัยนั่งใกล้เครื่องเสียง

ในงานเลี้ยง แม้จะเป็นงานค็อทเทล แต่ก็มักจะจัดชุดโต๊ะพร้อมเก้าอี้เอาไว้จำนวนหนึ่ง ซึ่งวัตถุประสงค์ก็เพื่อแขกสูงวัย ซึ่งเป็นทั้งญาติ และเพื่อนพ่อแม่ของบ่าวสาว ซึ่งการจัดชุดโต๊ะเหล่านี้ ไม่ควรวางไว้ใกล้กับตำแหน่งของเครื่องเสียง ลำโพง และแสงไฟวูบวาบ เพราะจากที่จะเป็นการอำนวยความสะดวกอาจกลายเป็นทรมานผู้สูงวัยไปเสียก่อน

ถ้าบ่าวสาวระวังทั้ง 6 เรื่องที่มักผิดพลาดในงานแต่งได้แล้ว ที่เหลือก็อาจะไม่ต้องห่วงอะไรมากนัก หรือถ้าอยากให้ออกมาเพอร์เฟกต์ไร้เสียงบ่นจริงๆ ก็ควรต้องระวังเรื่องที่แขกมักบ่นในงานแต่งเอาไว้อีกนิด เท่านี้งานแต่งก็ราบลื่นและเป็นที่ประทับใจของใครต่อใครได้ไม่ยาก

ภาพ unsplash.com

ทำความสะอาดแหวนหมั้น ให้สวยเปล่งประกายด้วยตัวคุณเองง่ายๆ

แหวนหมั้น ใส่ๆไปก็หมอง แต่เดี๋ยวก่อนสาวๆ เราจะปล่อยให้แหวนสุดพิเศษของเราหมองไปไม่ได้นะ แพรว wedding ขอแนะนำวิธีง่ายๆที่จะ ทำความสะอาดแหวนหมั้น ให้กลับมาเปล่งประกายได้ด้วยตัวคุณเอง

เทคนิค ทำความสะอาดแหวนหมั้น ด้วยตัวเองมีวิธีง่ายๆดังนี้

ทำความสะอาดแหวนหมั้น

หากแหวนของคุณสกปรกด้วยเครื่องสำอางทั่วไปเช่นสเปรย์ฉีดผม โลชั่น เครื่องสำอางค์หรือน้ำหอม วิธีที่ดีที่สุดในการทำความสะอาดแหวนเพชรคือการผสมน้ำยา ด้วยน้ำอุ่น(เกือบร้อน)และน้ำยาล้างจาน นำแหวนลงไปแช่ทิ้งไว้ประมาณ 20 ถึง 40 นาทีแล้วค่อยๆแปรงออกด้วยแปรงสีฟันที่อ่อนนุ่มและล้างออกด้วยน้ำอุ่น ถ้าสกปรกมากให้ทำซ้ำ จะทำให้แหวนเพชรของคุณกลับมาเปล่งประกายสดใสขึ้น

นอกจากน้ำยาล้างจานแล้วคุณยังสามารถใช้แชมพูหรือครีมอาบน้ำแทนได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์มอบความชุ่มชื้น เพราะผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้นมักจะทิ้งฟิล์มบางๆไว้บนวงแหวน สำหรับการเช็ดแหวนให้แห้งควรหลีกเลี่ยงการเช็ดด้วยกระดาษเพราะสามารถทำให้แหวนคุณเป็นรอยได้ ควรใช้ผ้านุ่มที่ทำจากผ้าฝ้ายซับให้แห้งหรือปล่อยให้แห้งโดยธรรมชาติ

  • ควรล้างแหวนบ่อยแค่ไหน
    ควรทำความสะอาดสัปดาห์ละครั้ง หรือตามสภาพอัญมณีบนแหวนของคุณ หากอัญมณีได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก ให้ทำความสะอาดที่ร้านอัญมณีโดยใช้ผลิตภัณฑ์ระดับมืออาชีพเพื่อฟื้นฟูความสมบูรณ์ของหินจะดีที่สุด
  • สิ่งที่ไม่ควรใช้ทำความสะอาดแหวนของคุณ
    สิ่งเดียวที่แย่กว่าแหวนที่สูญเสียความมันวาวคือการที่แหวนได้รับความเสียหายเนื่องจากการดูแลที่ไม่เหมาะสม สิ่งที่ห้ามใช้ทำความสะอาดแหวนโดยเด็ดขาด คือ น้ำยาทำความสะอาดภายในบ้านเช่นน้ำยาฟอกขาว คลอรีนและอะซิโตน เพราะสารเคมีที่รุนแรงเหล่านี้จะทำลายโลหะพื้นฐานบางส่วนในวงแหวนของคุณ และอย่าใช้ผลิตภัณฑ์ขัดผิวเช่นยาสีฟันหรือผงซักฟอกเพราะจะทำรอยขูดขีดที่โลหะโดยเฉพาะทอง
  • อย่าใช้เครื่องทำความสะอาดเครื่องประดับล้ำยุคที่บ้าน
    เพราะการเคลื่อนไหวที่รุนแรงของเครื่องอาจทำให้อัญมณีหลุดออกมาได้
  • ดูแลให้ดีถ้าไม่อยากล้างบ่อยๆ
    พยายามอย่าลูบคลำ เพราะคราบสกปรกจากมือ จะมาอยู่บนหัวแหวนกลายเป็นคราบสกปรกและสะสมถ้าบ่อยครั้งเข้าความหมองก็จะมาเยือน และระวังอย่าให้โดนสารเคมี เช่น น้ำยาซักผ้า น้ำยาถูพื้น เพราะผลคือ ตัวเรือนอาจซีดและลอกได้
  • ส่งให้ช่างเช็คสภาพปีละหน
    หนามเตยบนตัวเรือนมีขนาดเล็กมาก เราไม่อาจรู้ว่าหนามเตยที่มียังแข็งแรง เพชรทุกเม็ดยังฝังแน่นอยู่หรือเปล่า จึงควรให้ทางร้านเช็คสภาพให้จะดีที่สุด

เครดิตภาพ : pinterest

ติดตามไอเดียและเทคนิคต่างๆเกี่ยวกับงานแต่งงานได้ที่ praewwedding

เพิ่มอีกนิด!! กับสิ่งที่บ่าวสาวควรระบุให้ชัดเจนลงไปในการ์ดแต่งงาน

การ์ดแต่งงาน แค่สวยยังไม่พอ แต่รายละเอียดต่างๆ บนการ์ดแต่งงานต้องเป๊ะด้วย

การ์ดแต่งงาน เป็นสิ่งแรกที่จะทำให้แขกประทับใจก่อนที่จะได้มาเจอกับงานแต่งจริงๆ ของบ่าวสาว เพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่บ่าวสาวจะต้องใส่ใจรายละเอียดต่างๆ ในการ์แต่งงานเพื่อทำให้ออกมาชัดเจนมากที่สุด และนี่คือสิ่งที่บางครั้งบ่าวสาวอาจจะละเลย หรือคิดไม่ถึง แต่เป็นสิ่งสำคัญก่อนที่บ่าวสาวจะส่งการ์ดแต่งงานออกไปให้กับแขกคนสำคัญที่จะมาร่วมงาน

 

ระบุสถานที่จัดงานให้ชัดเจน

ว่าที่บ่าวสาวบางคู่อาจจะระบุไปเพียงแค่สถานที่จัดงาน แต่อย่าลืมนะคะว่าแขกที่ไปงานอาจจะไม่ได้รู้จักโรงแรมหรือสถานที่จัดงานนั้นกันทุกคน เพราะฉะนั้นบ่าวสาวอาจจะเพิ่มรายละเอียดเพิ่มเติมอย่างเช่น แผนที่ ชั้นที่จัดงาน และชื่อห้องที่จัดงาน เพื่อที่จะได้สร้างความชัดเจนให้กับแขกตั้งแต่ได้รับการ์ดเชิญ

ระบุกำหนดการช่วงพิธีต่างๆ

หากว่าที่บ่าวสาวลงตัวเรื่องช่วงเวลาในการจัดพิธีต่างๆ แล้ว เราขอแนะนำให้ระบุลงไปในการ์ดแต่งงานเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นทั้งงานเช้าหรืองานเย็น เพื่อที่แขกจะได้รับทราบช่วงเวลาที่ชัดเจนในการจัดงานทันทีตั้งแต่ได้รับการ์ด เพื่อที่พวกเขาจะได้จัดสรรเวลาในการทำธุระและการเดินทางมายังงานของตัวเองได้ถูก เช่น หากไปไม่ทันในพิธีการนี้ ก็ยังสามารถไปร่วมอีกพิธีการได้ เป็นต้น เพราะฉะนั้นนี่จึงเป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่บ่าวสาวควรใส่ใจและให้ความสำคัญเพื่อที่จะให้แขกได้สามารถวางแผนการเดินทางได้อย่างเหมาะสม

การ์ดแต่งงาน

ระบุชื่อ-นามสกุลของแขกที่เชิญลงบนซองการ์ดแต่งงาน

สิ่งนี้จำเป็นมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งแขกที่เป็นผู้ใหญ่ หรือแขกที่เป็นสมาชิกในครอบครัวที่คุณจะเชิญมางานแต่ง เพราะสิ่งนี้จะเป็นการแสดงถึงความจริงใจ ความใส่ใจ และความตั้งใจว่าคุณให้ความสำคัญกับแขกเหลานั้น และอยากจะเชิญพวกเขาให้มาร่วมงานจริงๆ

ระบุชื่อ-นามสกุลของผู้ที่จะมากับแขกของบ่าวสาวลงบนซองการ์ดแต่งงาน

หากบ่าวสาวทราบชื่อของคนที่จะมากับแขกของคุณด้วย เช่น เพื่อนสนิท แฟน หรือสามี-ภรรยา การระบุไปให้ชัดเจนก็ถือเป็นเรื่องที่ดี และถ้าหากเป็นไปได้บ่าวสาวก็ควรจะสอบถามชื่อ-นามสกุลของบุคคลคนนั้นมาด้วย และระบุลงไปบนการ์ดเชิญ เพื่อที่แขกของคุณจะได้พาผู้ติดสอยห้อยตามมาด้วยได้อย่างสบายใจ แต่หากเหนือบ่ากว่าแรงไม่อาจทราบชื่อได้จริงๆ ก็อาจจะระบุไปว่า ชื่อ-สกุล และแฟน/ สามี/ ภรรยา/ ครอบครัว เป็นต้น

ภาพ stocksnap.io, pinterest.com

ติดตามไอเดียดีๆ และทิปส์เด็ดๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ทริคเลือกชุดแต่งงานไซส์ใหญ่ ให้เจ้าสาวสายอวบสวยปังไม่แพ้ใครมั่นใจได้สุดขีด

เจ้าสาวไซส์ใหญ่ไม่ต้องกลุ้มอกกลุ้มใจอีกต่อไปว่าจะหาชุดแต่งงานตรงใจได้ยังไงดี เพราะ แพรว wedding มีทริคเด็ดที่จะช่วยให้คุณสวยได้แบบมั่นใจใน ชุดแต่งงานไซส์ใหญ่ ไม่แพ้เจ้าสาวนางไหนที่หุ่นสลิมแน่นอน

1. เลือกชุดแต่งงานที่เป็นคอคว้าน คอวี หรือเกาะอก
เพราะจะทำให้เจ้าสาวดูเพรียวขึ้น ห้ามเด็ดขาดกับชุดแต่งงานที่มีคอเสื้อแบบปิดคอ หรือชุดแต่งงานแบบสายเดี่ยวเพราะจะยิ่งเน้นรูปร่างของเจ้าสาวให้ดูใหญ่ขึ้นไปอีก

ชุดแต่งงานไซส์ใหญ่

2. เลือกชุดแต่งงานที่เป็นผ้าทิ้งตัว หรือผ้าชีฟอง
เพราะเนื้อผ้าที่ดูหนาหรือแข็งจะยิ่งเน้นให้เจ้าสาวดูตัวใหญ่ แต่เนื้อผ้าที่บางเบาจะช่วยทำให้เจ้าสาวดูบอบบางขึ้น

ชุดแต่งงานไซส์ใหญ่

3. หลีกให้ห่างจากชุดรัดรูป
เพราะจะยิ่งเน้นสัดส่วนของเจ้าสาวมากขึ้นไปอีก คุณคงไม่อยากดูเป็นข้ามต้มมัดในภาพถ่ายวันสำคัญจริงไหม

4. อย่าเลือกระบายฟูฟ่อง หรือลูกไม้ลายใหญ่
ไม่อย่างนั้นทุกอย่างจะดูใหญ่ๆๆ ไปหมด แต่ถ้าอยากเพิ่มกิมมิกให้กับชุด แนะนำให้เลือกตกแต่งไว้บริเวณชายกระโปรงแทน เพราะไม่เป็นจุดดึงสายตามากนัก

5. แนะนำกระโปรงทรงเอ-ไลน์ ทรงปริ๊นเซส ทรงตรง หรือทรงสุ่ม
เพราะทั้งหมดนี้จะช่วยพรางรูปร่างของเจ้าสาวได้เป็นอย่างดีแน่นอน

ชุดแต่งงานไซส์ใหญ่

6. เลือกชุดแต่งงานที่อำพรางต้นแขน
เพราะนอกจากจะพรางต้นแขนได้แล้ว ก็ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับเจ้าสาวในวันสำคัญได้ด้วย

ชุดแต่งงานไซส์ใหญ่

7. เลี่ยงชุดแต่งงานสีขาว
เพราะสีขาวจะเน้นให้รูปร่างของเจ้าสาวดูใหญ่มากขึ้น ลองเปลี่ยนมาเป็นชุดแต่งงานสีครีม สีงาช้าง หรือสีโอลด์โรสแทนที่นอกจากจะพรางรูปร่างได้แล้ว ยังดูเป็นเจ้าสาวทันสมัยไปอีก

ติดตามแบบชุดแต่งงานสวยๆ และเคล็ดลับเกี่ยวกับการเลือกชุดแต่งงานได้ที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ : thecurvyfashionista.com, www.pinterest.com, heavy.com

ตัวช่วยดี๊ดี กับเช็คลิสต์เลือกสถานที่จัดงานแต่งอย่างไรให้ถูกใจไร้อุปสรรค

หลังจากได้ฤกษ์แต่งงานมาเป็นที่เรียบร้อย อย่าได้ชะล่าใจเรื่องการจอง สถานที่จัดงานแต่ง เชียวนะคะคุณ แบบว่าเดี๋ยวก่อนก็ได้ไปเรื่อยๆอะไรแบบนี้นี่เนี่ย เพราะบางที่อาจจะเป็นสถานที่ยอดฮิตจนต้องจองล่วงหน้ากันข้ามปีเลยทีเดียว วันนี้ แพรว wedding มีตัวช่วยดีๆเป็นเช็คลิสต์ง่ายๆ ที่จะช่วยคุณตัดสินใจเลือก สถานที่จัดงานแต่ง ได้ถูกใจและเหมาะสมกับความต้องการของคุณ

วันงาน

  • ก่อนอื่นต้องระบุวัตถุประสงค์ว่าสถานที่ ที่เราต้องการใช้สำหรับงานพิธีเช้าหรืองานเลี้ยงฉลองมงคลสมรส
  • สถานที่นั้นว่างในวันที่เราต้องการจัดงานหรือไม่ ข้อนี้สำคัญที่สุด
  • มีงานอื่นๆ จัดในสถานที่เดียวกันกับงานแต่งของเราด้วยไหม

พื้นที่ใช้สอย

  • รองรับจำนวนแขกได้สูงสุดกี่ท่าน
  • มีพื้นที่อื่นๆ อำนวยความสะดวกให้ไหม เช่น พื้นที่สำหรับวงดนตรี หรือ พื้นที่สำหรับ food station กว้างขวางเพียงพอที่จะรองรับไหม

การเดินทาง

  • ควรเป็นโลเคชั่นที่เดินทางได้สะดวก
  • คำนึงถึงระยะทางและระยะเวลาที่แขกต้องเดินทางมาร่วมงาน
  • ทำแผนที่แนบการ์ดไปให้ละเอียด

การบริการ

  • ระบุรูปแบบการจัดเลี้ยงว่าต้องการจัดแบบไหน เช่น บุพเฟ่ต์ โต๊ะจีน หรือค็อกเทล
  • ทางสถานที่มีบริการอาหารและเครื่องดื่มไหม หรือมีรายการ catering ที่สถานที่นั้นๆ ได้ดีลไว้ ก็ต้องขอรายชื่อและราคาแพ็คเกจมาเพื่อเปรียบเทียบดู และสอบถามว่ามีบริการให้ชิมรสชาติอาหารก่อนด้วยหรือไม่
  • ถ้าเราต้องการติดต่อ catering จากที่อื่นมาเองทางสถานที่อนุญาตหรือไม่
  • นำทีมงานจากภายนอกมาตกแต่งสถานที่ให้ได้ไหม หรือต้องใช้บริการตกแต่งสถานที่ตามที่สัญญาระบุไว้เท่านั้น
  • สามารถให้ทีมตกแต่งเข้ามาเริ่ม set up ได้เร็วที่สุดช่วงไหน
  • จำนวนห้องน้ำสำหรับรองรับแขกในการมีจำนวนเพียงพอหรือไม่
  • จำนวนที่จอดรถรองรับได้กี่คันและมีที่จอดรถสำหรับ VIP ไหม
  • มีห้องแต่งตัวเฉพาะไว้ให้สำหรับคู่บ่าวสาวหรือไม่
  • จำกัดระยะเวลาของการจัดเลี้ยงถึงเวลาใด หากเกินเวลาที่กำหนดต้องจ่ายเพิ่มเท่าไหร่
  • มีข้อห้าม หรือข้อจำกัดอื่นๆ ที่เราต้องทราบหรือไม่

ราคา

  • ค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ทางสถานที่ได้สรุปมาให้นั้นเป็นราคาสุทธิแล้วใช่ไหม ต้องแน่ใจว่าราคานี้รวมภาษีและเซอร์วิสชาร์จทั้งหมดไว้แล้ว เรื่องนี้พลาดกันมานักต่อนักแล้วนะคะ
  • ในการยกเลิกการจองมีขั้นตอนอย่างไร จะได้เงินมัดจำคืนไหม และต้องแจ้งล่วงหน้าภายในระยะเวลาเท่าไหร่
  • การชำระเงินมัดจำแบ่งเป็นกี่งวด และต้องจ่ายเมื่อไหร่บ้าง

สุดท้ายก่อนจะเซ็นสัญญาเช่าสถานที่ ควรอ่านให้ละเอียดถี่ถ้วน ให้แน่ใจว่าจะไม่มีการชาร์จเพิ่มนอกเหนือจากที่ตกลงกันไว้ และในวันงานจะมีเจ้าหน้าที่มาคอยดูแลความเรียบร้อยให้ด้วยหรือเปล่า ถ้ามีคุณก็ขอเบอร์ติดต่อไว้เพื่อความสะดวกในการประสานงานนะจ๊ะ

ตอนไปเลือกสถานที่อย่าลืม >>> 4 จุดในงานแต่งต้องซ่อนให้ดีถ้าไม่อยากโดนแขกเม้า

cr : yourweddinginvilla.com, bsbdmusic.com

7 สไตล์ชุดแต่งงาน กับเทคนิคการเลือกแมตช์เครื่องประดับให้เข้ากัน

แมตช์เครื่องประดับเจ้าสาวกับ สไตล์ชุดแต่งงาน ให้รอดไม่ยากอย่างที่คิด

เป็นเจ้าสาวทั้งทีก็ต้องสวยให้ครบทุกสัดส่วน ไม่ว่าจะเป็น หน้าผม ชุดแต่งงาน รองเท้าส้นสูง ไปจนกระทั่งเครื่องประดับ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเพิ่มความงามให้กับเจ้าสาวได้เป็นอย่างดี แต่..เราจะรู้ได้อย่างไรว่า สไตล์ชุดแต่งงาน ของเรานั้นเหมาะที่จะต้องใส่กับเครื่องประดับแบบไหน มาค่ะ แพรว wedding จะบอกให้ ^^

 

ชุดแต่งงานแบบเกาะอก

สไตล์ชุดแต่งงาน

ชุดแต่งงานแบบเกาะอก แมตช์กับต่างหูแบบแชนเดอเลียยาวระย้า หรือจะเลือกแมตช์กับสร้อยคอประดับจี้ชิ้นเล็กๆ ก็ได้เช่นกัน

 

ชุดแต่งงานแบบคล้องคอ

สไตล์ชุดแต่งงาน

ชุดแต่งงานสไตล์คล้องคอ สามารถแมตช์กับสร้อยข้อมือสวยๆ หรือจะเลือกเสริมทรงผมด้วยเฮดพีชเก๋ๆ ก็ได้

 

ชุดแต่งงานแบบคอสูง

สไตล์ชุดแต่งงาน

ชุดแต่งงานแบบคอตั้งหรือคอสูง แมตช์กับสร้อยคอมือ และเสริมด้วยต่างหูแบบหมุดเท่านั้นก็เริดแล้ว

 

ชุดแต่งงานแบบคอวี

สไตล์ชุดแต่งงาน

ชุดแต่งงานแบบคอวี อาจเลือกแมตช์กับโช้กเกอร์เพื่อเสิรมให้ลุคเจ้าสาวดูเก๋ทันสมัย แต่ถ้าหากด้านหลังชุดแต่งงานของว่าที่เจ้าสาวเป็นแบบวี ก็อาจจะเสริมด้วยสร้อยแบบตัว Y ที่ช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับลุคได้เป็นอย่างดีเช่นกัน

เคล็ดลับเลือกเครื่องประดับเจ้าสาว ให้โททัลลุคสวยพร้อมในวันแต่งงาน

เครื่องประดับเจ้าสาว ใส่กี่ชิ้นถึงจะพอดี เลือกแบบไหนถึงจะสวย เรามีคำตอบมาให้แล้ว

ว่าที่เจ้าสาวหลายคนคงกำลังกังวลใจ คิดไม่ตกว่าจะเลือกซื้อ เครื่องประดับเจ้าสาว จากร้านไหนมาสวมใส่ในวันงาน ไปถึงร้านก็คำนวณไม่ถูกว่าต้องใช้กี่ชิ้นจึงจะเหมาะ จึงจะสวย และดูดีสมกับวันพิเศษที่ได้สวมชุดเจ้าสาวที่ใฝ่ฝัน ลองมาดูวิธีที่ทำตามไม่ยากที่แพรว wedding นำมาฝากกันก่อนจะตัดสินใจเลือกเครื่องประดับที่เหมาะสมกับคุณที่สุด

คอเจ้าสาว

เครื่องประดับเจ้าสาว

การเลือกแบบของสร้อยคอ นอกจากจะขึ้นอยู่กับรูปร่างแล้ว ที่สำคัญยังขึ้นอยู่กับลักษณะคอและช่วงอกของเจ้าสาวอีกด้วย ถ้าคอสั้นควรใส่สร้อยที่มีจี้ห้อยระย้าลงมา จะช่วยให้เจ้าสาวดูงามระหงมากขึ้น เป็นต้น

ชุดที่เจ้าสาวกำหนด

เครื่องประดับเจ้าสาว

ดูว่าเจ้าสาวเลือกชุดแบบไหนในวันงาน เช่น ถ้าเป็นชุดปิดคอด้วยผ้าลูกไม้ ก็ไม่จำเป็นต้องใส่เครื่อประดับมากมาย อาจเลือกใส่แค่ต่างหูสวยๆ กับสร้อยคอมือหรือกำไลก็พอแล้ว แต่ถ้าเป็นชุดเกาะอกก็ควรใส่สร้อยเพื่อไม่ให้คอโล่งจนเกินไป

หูและทรงผมก็มีเอี่ยว

เครื่องประดับเจ้าสาว

ส่วนใหญ่เจ้าสาวจะเกล้าผมเปิดหน้า จึงควรใส่ต่างหูที่เข้ากับรูปหน้าหรือเข้ากับลักษณะของหู ติ่งหู และการเจาะหูสูงต่ำก็จะเหมาะกับต่างหูที่ต่างกันไป เช่น ติ่งหูใหญ่หนาสามารถใส่ต่างหูคู่ใหญ่ได้ อาจเป็นต่างหูพลอยล้อมเพชรหรือต่างหูรูปทรงเก๋ๆ ใหญ่ๆ ปิดติ่งหูก็ยังได้ แต่ถ้าติ่งหูเล็กบาง อาจเลือกต่างหูแบบที่มีความยาวเลยติ่งหูลงมาสัก 1-2 เซนติเมตร หรือยาวพอดีกับติ่งหูแต่มีเพชรพลอยห้อยตุ้งติ้ง เป็นต้น ถ้าเลือกให้เข้ากันจะช่วยส่งให้ใบหน้าสวยๆ ของเจ้าสาวเด่นขึ้นไปอีก

ขนาดของเครื่องประดับ

เครื่องประดับเจ้าสาว

ถ้าเลือกใส่ต่างหูใหญ่ระย้าก็ไม่จำเป็นต้องใส่สร้อยคอ แต่ถ้าอยากใส่แนะนำให้เลือกแบบเรียบๆ เส้นไม่ใหญ่มากจนเกินไป

จำกัดด้วยงบประมาณ

เครื่องประดับเจ้าสาว เครื่องประดับเจ้าสาว

แนะนำให้ลองเลือกเป็นจี้เพชรเล็กๆ ใส่กับสร้อยคอทองคำขาว 18 เค ซึ่งสามารถใช้ในชีวิตประจำวันหลังวันงานได้ด้วย หรืออาจจะเป็นชุดเครื่องประดับมุกสีขาวดูเรียบหรูในราคาเบาๆ

ชื่อเสียงของร้านเพชร

เป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้เด็ดขาด เพราะถ้าเป็นร้านที่ชื่อเสียงดี มีลูกค้าแนะนำต่อเยอะหรือเป็นร้านที่พ่อแม่ใช้บริการ รุ่นลูกรุ่นหลานอย่างเราก็ไม่ควรมองข้าม เพราะชื่อเสียงถือเป็นข้อมูลเบื้องต้นที่ช่วยการันตีว่าเข้าร้านนี้ไม่น่าจะผิดหวัง โดยอาจจะเช็กจากสื่อ ถามเพื่อนๆ ที่มีประสบการณ์ซื้อสินค้าจากร้านนี้ และสุดท้ายซึ่งสำคัญที่สุด ลองเข้าไปเลือกดูเลือกชมสินค้าและบริการก่อนที่จะตัดสินใจ

บทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลือกเครื่องประดับเจ้าสาว >>> 5 เคล็ดลับเลือกเครื่องประดับเจ้าสาวล้ำค่าคุ้มราคา

ภาพ pinterest

“เจ้าพิธี” บุคคลสำคัญในงานแต่งไทยช่วยรันงานให้เป๊ะไม่มีผิดคิว

เจ้าพิธี ใน งานแต่งไทย คือใคร…มาดูกัน

ใน งานแต่งไทย ที่จัดขึ้นในช่วงเช้าเราเชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยเห็นบุคคลคนหนึ่งที่ทำหน้าที่คล้ายกับพิธีกร และช่วยสร้างบรรยากาศพร้อมรันคิวงานตั้งแต่พิธีเริ่มจนจบ ซึ่งบางครั้งหลายคนก็มักเข้าใจผิดคิดว่าคนนั้นคือพิธีกรของงาน เราขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่า คุณคิดผิดค่ะ! เพราะคนๆ นั้นมีชื่อเรียกเฉพาะว่า ‘เจ้าพิธี’ ซึ่งมีหน้าที่แตกต่างจากพิธีกรโดยสิ้นเชิง แต่จะต่างอย่างไร ต้องทำอะไรบ้างนั้น “ร้อยโท วิชัย เมืองนก” เจ้าพิธีมืออาชีพจะมาชี้แจงแถลงไขให้ฟังตามนี้

เจ้าพิธีคือใคร

“เจ้าพิธี” คือคนนําบ่าว-สาวทําพิธีในงานแต่งงาน ซึ่งทําหน้าที่ไม่ต่างอะไรกับพิธีกรในงาน แต่ต้องมีคุณสมบัติที่มากกว่าแค่การพูดคุยสร้างบรรยากาศหรือแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า เพราะคนๆ นั้นจะต้องรู้ทุกรายละเอียดในประเพณีแต่งงานตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งไหนควรทำ ไม่ควรทำ หรือการเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ในพิธีทุกลำดับขั้นตอน รวมไปถึงสิ่งของต่างๆ ในงานแต่งได้อย่างละเอียดและถูกต้อง

คุณสมบัติพิเศษที่พึงมี

นอกจากคุณสมบัติข้างต้นแล้ว เจ้าพิธีที่ดีต้องสามารถบอกความสําคัญของงานเพื่อความภาคภูมิใจของเจ้าภาพและผู้ร่วมพิธีได้ด้วย รวมถึงสามารถตอบข้อสงสัยในรายละเอียดของสิ่งของและพิธีการได้อย่างชัดเจน สิ่งสําคัญคือ ควรมีวาทศิลป์ในการพูดแนะนําสิ่งต่างๆ ให้เจ้าภาพหมดกังวล รวมถึงมีความสามารถในการคุมบรรยากาศงานให้ราบรื่น เพื่อความเป็นสิริมงคล และก่อให้เกิดความรู้สึกศักดิ์สิทธิ์อันจะมีผลต่อความรู้สึกของบ่าว-สาวนั่นเอง นอกจากนี้ เจ้าพิธีที่ดีควรมีส่วนร่วมในการกําหนดลําดับพิธีร่วมกับเจ้าภาพด้วยโดยยังคงอยู่บนพื้นฐานความถูกต้องของประเพณีที่ปฏิบัติสืบต่อกันมา

ใครเป็นเจ้าพิธีได้บ้าง

ปัจจุบันมีอาชีพรับจ้างเป็นเจ้าพิธีโดยเฉพาะ ซึ่งสนนราคาตลาดตั้งแต่หลักพันถึงหลักหมื่นอยู่ที่ประสบการณ์และชื่อเสียงของเจ้าพิธีท่านนั้นๆ รวมถึงลักษณะการจ้างงานด้วยเพราะบางคู่จะจ้างเจ้าพิธีเพื่อทําหน้าที่นําพิธีให้บ่าวสาวทําตามเพียงอย่างเดียวในขณะที่บางคู่ก็เลือกจ้างเจ้าพิธีที่สามารถเป็นพิธีกรได้ในคนเดียวกัน ส่วนญาติพี่น้องเพื่อนฝูงคนรู้จักก็สามารถมาเป็นเจ้าพิธีได้เช่นกันแต่ควรมีคุณสมบัติดังที่กล่าวไว้จะดีที่สุด

จําเป็นต้องมีเจ้าพิธีหรือไม่

ถ้าอยากให้งานเป๊ะถูกต้องทุกสิ่งอย่างและดําเนินพิธีไปอย่างมั่นใจ เจ้าพิธีคือสิ่งที่ควรลงทุนเพราะจะทําให้งานสมบูรณ์ไหลลื่นและเรียบร้อยยิ่งถ้าได้เจ้าพิธีที่มีความสามารถจะยิ่งทําให้งานแต่งของคุณเป็นไปตามที่ต้องการและนํามาซึ่งความเป็นสิริมงคลแก่บ่าวสาวอย่างแน่นอน

มาถึงตรงนี้ คุณคงได้คําตอบแล้วว่างานแต่งแบบไทยควรมี “เจ้าพิธี” หรือไม่ และควรเลือกคนแบบไหนมานําพิธีอันศักดิ์สิทธิ์เพื่อความเป็นสิริมงคลของชีวิตคู่ที่กําลังจะเริ่มต้นขึ้น

บทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับงานแต่งไทย >>> แจกกันแบบสเต็ปบายสเต็ป กับขั้นตอนลำดับพิธีแต่งงานไทยฉบับสมบูรณ์

ขอบคุณข้อมูลจาก : ร้อยโท วิชัย เมืองนก
ภาพ : Smallmoonphoto

เบลเซอร์ผู้ชาย ทางเลือกใหม่ของว่าที่เจ้าบ่าวสายแฟชั่นที่ห้ามพลาด

เบื่อแล้วกับสูทเจ้าบ่าวแบบเดิมๆ มาลอง เบลเซอร์ผู้ชาย ที่ได้ลุคคูลๆ บ้างดีกว่า

สูทสีดำกับโบไท หรือเนคไท ดูจะเป็นลุคที่ชินตาสำหรับว่าที่เจ้าบ่าวอยู่ไม่น้อย แต่ถ้าหากกคุณเป็นว่าที่เจ้าบ่าวที่อยากเปลี่ยนลุคใหม่ๆ เพื่อสร้างความแตกต่างดูบ้าง เบลเซอร์ผู้ชาย ก็ดูจะเป็นอะไรที่เข้าทางมากที่สุด ด้วยรูปลักษณ์ที่ให้ลุคแบบกึ่งทางการ อีกทั้งยังมีสีสันที่หลากหลาย จึงสามารถให้ว่าที่เจ้าบ่าวเลือกมิกซ์แอนด์แมตช์ให้กับลุคของตัวเองได้ไม่ยาก

หากจะเปรียบความแตกต่างระหว่างเบลเซอร์กับสูท เอาแบบที่เห็นชัดและเข้าใจง่ายที่สุดคือ ไม่จำเป็นต้องจับคู่กับกางเกงเหมือนกับชุดสูท แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังต้องคุมโทนอยู่นะจ๊ะ โดยเบลเซอร์มักจะมาในโทนสีที่สดใสกว่าสูท และสามารถจับคู่กับกางเกงขายาวของคุณได้ง่ายๆ โดยมีจุดที่ต้องคำนึงถึงคือเรื่องโทนสีเท่านั้น ซึ่งหากว่าที่เจ้าบ่าวอยากจะเลือกสวมเบลเซอร์ในวันแต่งงานจริงๆ ขอแนะนำให้เลือก เบลเซอร์สีน้ำเงินกรมท่า เพราะเป็นสีที่คลาสสิคตลอดกาล โดยอาจจับคู่กับกางเกงขายาวสีเทาก็ได้ ซึ่งก็เป็นลุคที่ใส่แล้วดูดีตลอดกาลไปอีก หรือจะใส่กับกางเกงชิโนสีกากีหรือสีพื้นอื่นๆ เพื่อให้ลุคดูลำลองมากขึ้นก็ได้ (แต่คุณเจ้าบ่าวต้องมั่นใจว่า งานแต่งของคุณนั้นก็ลำลองง่ายๆ สบายๆ  ไม่แพ้ชุดด้วยนะ) ซึ่งในบางกรณีอาจมีการจับคู่กางเกงยีนด้วยเช่นกัน ซึ่งก็จะได้มู้ดที่ดูเป็นหนุ่มเท่ๆ สายเซอร์ แต่ต้องระวังสักนิดเพราะลุคนี้ดูไม่เป็นทางการเท่าไหร่ อาจจะเลือกใส่สำหรับงานแต่งที่เป็นกันเองมากๆ หรืออาฟเตอร์ปาร์ตี้น่าจะเหมาะสมที่สุด

เบลเซอร์ผู้ชาย

สำหรับเจ้าบ่าวแนะนำให้ใส่เบลเซอร์คู่กับเนคไท เพื่อให้ดูเป็นทางการมากขึ้น แต่หนุ่มๆ หลายคนอาจยังเลือกเนคไทกันไม่ถูก เราจึงมีวิธีการเลือกเนคไทแบบง่ายๆ มาฝาก

– ผู้ชายบางคนอาจถือคติว่าใหญ่ยาวไว้ก่อน แต่คตินี้ใช้ไม่ได้กับการเลือกเนคไทนะจ๊ะ เพราะเนคไทที่ดีไม่ควรยาวเกินหัวเข็มขัดที่คุณใส่ และในทางตรงกันข้ามก็ไม่ควรสั้นจนเหมือนคุณขโมยของหลานมาใส่เช่นกัน

– หมดยุควินเทจที่คุณจะเอาเนคไทเส้นใหญ่ๆ ของคุณพ่อมาใส่แล้ว เพราะเนคไทที่ใส่แล้วดูดีต้องไม่ควรใหญ่เกิน 3 นิ้ว แนะนำให้เลือกเนคไทแบบสลิม เพราะเหมาะกับทุกคนและเข้ากับทุกชุดที่คุณสวมใส่โดยไม่ทำให้คุณเจ้าบ่าวดูแก่จนเกินไป แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องระวังอย่าให้เล็กเกินไปนะ

เบลเซอร์ผู้ชาย

– ควรมีเนคไทติดตู้เสื้อผ้าและสำรองไว้ในรถ อาจจะเป็นเนคไทสีเรียบๆ หรือสีพื้นสักเส้นสองเส้น เพราะง่ายต่อการสวมใส่ในทุกโอกาส เพราะใครจะไปรู้ล่ะว่าวันไหนคุณอาจจะมีนัดประชุมด่วนก็ได้ จริงไหมคะ

– ลองสนุกกับการมิกซ์แอนด์แมตช์ดูบ้าง ถ้าหากคุณเริ่มเบื่อกับเนคไทสีพื้นๆ ลองปรับเปลี่ยนมาใส่เนคไทที่มีลวดลายหรือสีสันสดใสดูบ้าง แต่ไม่แนะนำให้ใส่เนคไทแบบลายกับเสื้อเชิ้ตที่มีลาย (ยกเว้นว่าคุณจะมีเซ้นส์ทางด้านแฟชั่น ที่สามารถทำให้ทั้งสองอย่างเข้ากันได้) จำไว้ว่า เสื้อสีเรียบๆ กับเนคไทลายมีโอกาสใส่แล้วรอดสูงกว่า

– หลายคนคงคุ้นเคยกับเนคไทแบบไหมถักกันบ้างแล้ว เนคไทลักษณะนี้เป็นหนึ่งในไอเทมสำคัญที่คุณผู้ชายควรมีติดตัวไว้ เพราะจะทำให้คุณดูดีและทันสมัยขึ้นมาทันทีที่สวมใส่

เบลเซอร์ผู้ชาย

หรือหากหนุ่มๆ คนไหนจะเลือกหยิบลุคนี้ใส่ไปงาน เราว่าสาวๆ ในงานก็คงต้องมองแบบเหลียวหลังแน่นอนเลยทีเดียว

อัพเดทลุคเจ้าบ่าวและเพื่อนเจ้าบ่าวเพิ่มเติม คลิกเลย!

ดิว อริสรา สลัดลุคเซ็กซี่มาใส่ชุดแต่งงานไทยห่มสไบสุดหวานในนิตยสารแพรว wedding

ปกติเราจะเห็น ดิว-อริสรา ทองบริสุทธิ์ ในชุดเซ็กซี่หรือชุดว่ายน้ำซะเป็นส่วนใหญ่ จนเกือบจะนึกภาพไม่ออกว่าหากเธอเปลี่ยนมาแต่งตัวเป็นสาวหวานแล้วจะเป็นยังไง แพรวเวดดิ้งเลยชวน ดิว อริสรา มาใส่ ชุดแต่งงานไทย ซะเลย เพราะไหนๆ ก็จะเปลี่ยนลุคเป็นสาวหวานแล้วก็ต้องหวานให้สุด ซึ่งบอกเลยว่าสาวดิวในแฟชั่นชุดไทยเซตนี้สวยมากแม่!

ดูแบบชุดแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ >>>คลิกเลย<<<

เสื้อผ้า : Coco Chic Wedding
โทร. 0-2115-8500, 09-9635-8585
เฟซบุ๊ก : Coco Chic Wedding
ไอจี : @cocochicwedding
พวงมาลัย : The legend bouquet โทร. 09-7015-2419
แต่งหน้า : ภาสุ เหมียนบุตร
ทำผม : ธานัท ทองผักแว่น
สไตลิสต์ : up_kamphoo
ผู้ช่วยสไตลิสต์ : ธัชกร ศักดิ์ศรี
ช่างภาพ : สรยุทธ พุ่มภักดี
ผู้ช่วยช่างภาพ : ชโนดม แต้ไพสิฐพงษ์, ณัฐฐาพร เจริญธรรม
สถานที่ : The Athenee Hotel, a Luxury Collection Hotel, Bangkok โทร. 0-2650-8800

เตรียมความพร้อมให้ทรงผมเจ้าสาว สวยรอก่อนงานวิวาห์จะมาถึง

ลุคเมคอัพสำหรับเจ้าสาวนั้นก็มีให้เลือกอยู่ไม่มากมายเท่าไหร่นัก หลักๆ ก็คือเน้นความเป็นธรรมชาติสวยหวานตามสไตล์เจ้าสาว แต่ ทรงผมเจ้าสาว นี่สิที่น่าห่วง เพราะไหนจะผมสั้น ผมยาว ผมประบ่า ผมดำ ผมทำสี บวกกับแบบทรงผมที่ไม่เลือกเป็นร้อยทรง ก็ทำเอาว่าที่เจ้าสาวหลายคนหัวหมุนเพราะตัดสินใจไม่ถูกไปตามๆ กัน แพรว wedding เลยจะมากระซิบบอกเคล็ดลับง่ายๆ ให้ว่าที่เจ้าสาวได้ไปเตรียมพร้อมกัน รับรองงานนี้สวยตั้งแต่ยังไม่เริ่มทำเลยจ้า

เลือกทรงผมที่สวยตลอดกาล

ทรงผมของเจ้าสาวจริงๆ มีที่สวยคลาสสิคอยู่ไม่กี่ทรง แต่สิ่งสำคัญอยู่ที่การเลือกให้เหมาะกับโจทย์ที่เจ้าสาววางไว้ และขอคำแนะนำจากช่างทำผมในวันแต่งงานถึงสไตล์ที่อยากได้ว่าเหมาะกับบุคลิก รูปหน้า หรือชุดแต่งงานของเจ้าสาวหรือไม่ เพราะฉะนั้นอย่าลืมส่งรูปชุดแต่งงานให้ช่างทำผมดูก่อนถึงวันแต่งงานเพื่อเป็นตัวช่วยในการออกแบบทรงผมด้วย


สีผมแนะนำสำหรับเจ้าสาว

การทำสีผมจะช่วยให้ใบหน้าของเจ้าสาวดูซอฟต์ลงกว่าผมสีดำและดูทันสมัยขึ้น แนะนำให้ทำสีน้ำตาลโค้กหรือสีน้ำตาลอ่อน จะช่วยให้ใบหน้าดูสว่างขึ้นเมื่อถ่ายรูป และควรทำก่อนถึงวันงานอย่างน้อย 2 สัปดาห์ แต่หากเจ้าสาวทำสีผมอยู่แล้ว เพียงแค่เติมโคนให้สีสม่ำเสมอกันก็พอ


ประดับผมอย่างไรให้เหมาะ

สำหรับงานเช้าแนะนำให้ใช้ดอกไม้จริงประดับผม แต่ถ้าอยากใช้ดอกไม้ปลอมต้องหาแบบที่ดูเหมือนจริงให้มากที่สุดถึงจะสวย ส่วนงานเย็นเน้นเครื่องประดับให้ดูหรูหราขึ้นมาหน่อย เช่น เครื่องประดับเพชร แต่ไม่ควรใหญ่มาก เพราะจะดูเวอร์ไปไม่สมกับลุคเจ้าสาว

เจ้าสาวที่อยากเพิ่มความหรูหราด้วยการติดเวลควรแจ้งให้ช่างทราบล่วงหน้า ช่างจะได้คิดก่อนลงมือเซตผมว่าควรติดไว้ตรงไหน เพื่อป้องกันปัญหาในกรณีที่ต้องติดภายหลังแล้วเกิดไปบดบังดีไซน์ผมบริเวณที่สวยที่สุด

ทรงผมกับสไตล์ชุดแต่งงาน

หากชุดแต่งงานเป็นแบบปิดขึ้นมาถึงลำคอและใช้ผ้าลูกไม้อย่างดี ลวดลายสวยงาม ควรเกล้าผมขึ้นให้หมดเพื่อโชว์ความโดดเด่นของลูกไม้ หากใส่ชุดเกาะอกก็อาจจะปล่อยปอยผมลงมาเคลียไหล่ได้เล็กน้อย บางคนมีแก้มเยอะ มักขอให้ช่างทำผมลงมาปิด แต่การทำอย่างนั้นยิ่งดึงความสนใจให้คนมอง เพราะฉะนั้นควรเบนสายตาด้วยการทำผมบริเวณกลางศีรษะให้สูงขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้ใบหน้าดูเป็นรูปไข่ และเพิ่มเนื้อผมด้านข้างให้โป่งออกมาประมาณ 1-2 เซนติเมตรเพื่อให้รับกับรูปคาง

เตรียมผมก่อนถึงวันแต่งงานในวันพรุ่งนี้

ควรสระผมให้พร้อมในคืนก่อนวันแต่งงานโดยไม่ต้องใส่ครีมนวด และเป่าผมให้แห้งตามปกติ เนื่องจากหากสระตอนเช้าเจ้าสาวอาจต้องตื่นเร็วกว่าปกติเพื่อเป่าผมให้แห้ง โดยเฉพาะสำหรับพิธีเช้าที่เช้ามากๆๆๆ

สุดท้าย ว่าที่เจ้าสาวควรทำใจให้สบายและเชื่อมั่นในตัวช่างให้มากที่สุด เพราะถ้าเจ้าสาวเกิดความไม่ไว้วางใจถึงแม้ว่าช่างจะทำสุดฝีมือแค่ไหนคุณก็มองว่ามันไม่สวยอยู่ดี เมื่อถึงเวลาต้องออกไปยิ้มต่อหน้ากล้องแววตาจะดูกังวล ทำให้ถ่ายรูปออกมาไม่สวย ฉะนั้นขอแค่ความเชื่อมั่นและไว้ใจรับรองว่าช่างจะทำให้คุณดูสวยที่สุดไม่ว่าจะมองผ่านเลนส์หรือมองด้วยตาเปล่าก็ตาม

หากอยากเสริมเครื่องประดับศีรษะ อัพเดทได้ที่นี่เลย >>> เครื่องประดับศีรษะสำหรับหลากไอเดียทรงผมเจ้าสาวชุดราตรี

ภาพ stocksnap.io

ตระเตรียมให้ถูกข้าวของต้องใช้ในพิธีล้างเท้าเจ้าบ่าว

พิธีล้างเท้าเจ้าบ่าว อีกหนึ่งประเพณีแต่งงานที่บ่าวสาวควรคงไว้ ว่าแต่ต้องมีข้าวของอะไรบ้างน้า??

งานวิวาห์แบบไทยเราจะเห็นว่าบางงานอาจมี พิธีล้างเท้าเจ้าบ่าว หลายคนอาจจะสงสัยว่า เอ๊ะ! ต้องมีด้วยหรือ และถ้ามีต้องเตรียมอะไรกันบ้าง มาไขข้อข้องใจไปพร้อมๆ กันเลยดีกว่า

พิธีล้างเท้าเจ้าบ่าวมีตั้งแต่สมัยโบราณ เนื่องจากคนไทยในสมัยก่อนยังไม่นิยมสวมรองเท้าเหมือนในปัจจุบัน ตามหน้าบ้านจะตั้งตุ่มน้ำให้เจ้าของบ้านหรือแขกที่มาเยือนได้ล้างเท้าก่อนขึ้นเรือน ดังนั้นจึงได้แทรกการล้างเท้าเข้ามาเป็นหนึ่งในพิธีการก่อนที่เจ้าบ่าวจะเดินขึ้นเรือนเจ้าสาว โดยจะใช้ใบตองและหินก้อนใหญ่รองเท้าเจ้าบ่าวก่อนล้าง

สิ่งที่ต้องเตรียม

ฝ่ายเจ้าสาวตระเตรียมแบบโบราณ : ใบตองวางทับด้วยหินก้อนใหญ่ที่เจ้าบ่าวสามารถขึ้นไปยืนได้และน้ำสะอาดผสมมะกรูดมะนาวในขันเงินสำหรับล้างเท้าเจ้าบ่าว

ฝ่ายเจ้าสาวตระเตรียมแบบประยุกต์ : ก้านมะยมและน้ำสะอาดใส่ในขันเงินสำหรับพรมเท้าเจ้าบ่าว

ฝ่ายเจ้าบ่าว : เตรียมซองเงินหรือสิ่งของเล็กๆ น้อยๆ ให้แก่ฝ่ายเจ้าสาว

ขั้นตอนในพิธี

เมื่อเจ้าบ่าวมาถึงหน้าประตูบ้านเจ้าสาวแล้ว น้องหรือญาติของเจ้าสาวจะเป็นผู้ล้างเท้าเจ้าบ่าว โดยตักน้ำที่เตรียมไว้ในขันเงินล้างและช่วยเช็ดเท้าให้ เพื่อเป็นการต้อนรับเจ้าบ่าวเข้ามาอยู่ในครอบครัว หลังจากนั้นเจ้าบ่าวจะให้ซองเงินเป็นสินน้ำใจ

ปัจจุบันคนไทยสวมรองเท้าเดินกันจนเป็นเรื่องปกติจึงไม่จำเป็นต้องล้างเท้าก่อนเข้าบ้าน ทำให้มีการประยุกต์พิธีล้างเท้าโดยเปลี่ยนมาใช้ก้านมะยมมัดแล้วจุ่มน้ำในขันที่เตรียมไว้ พรมบนรองเท้าเจ้าบ่าว ไม่ต้องล้างจนเท้าเปียกเหมือนสมัยก่อน และบางพื้นที่อาจมีการชิงรองเท้าเจ้าบ่าว เพื่อเอาไว้เรียกค่าไถ่ และสร้างสีสันสีสันในงานแต่ง

แจกกันแบบสเต็ปบายสเต็ป กับขั้นตอนลำดับพิธีแต่งงานไทยฉบับสมบูรณ์

10 คำถามที่บ่าวสาวต้องถามช่างภาพงานแต่งให้เคลียร์

ลิสต์ไว้ให้ดี 10 คำถามนี้ห้ามลืมถาม ช่างภาพงานแต่ง เด็ดขาด

ไม่ว่างานแต่งของคุณจะเป็นสไตล์ไหน ช่างภาพงานแต่ง เป็นทีมงานที่ขาดไม่ได้ ฉะนั้นจงใส่ใจค้นหาทีมที่ทำให้คุณมั่นใจได้เต็มร้อยว่าภาพความทรงจำในวันสำคัญจะได้รับการบันทึกทุกซีนอารมณ์

1. มีตัวอย่างงานให้ดูไหม

นอกจากทำให้ได้เห็นประสบการณ์การทำงานของทีมช่างภาพแล้ว ยังได้เห็นว่าสไตล์งานที่ผ่านมาเป็นแบบไหน ตรงใจหรือใกล้เคียงกับสิ่งที่คุณต้องการหรือเปล่า แม้ทางนั้นจะบอกว่าสามารถสร้างสรรค์ผลงานได้ทุกแบบตามต้องการ แต่เชื่อเถอะว่าในเบื้องต้นผลงานที่ผ่านมาจะบอกได้ดีว่าภาพถ่ายเหล่านั้นเหมาะกับคุณหรือเปล่า

2. แพ็คเกจที่นำเสนอมีอะไรบ้าง

การซื้องานแบบแพ็คเกจช่วยประหยัดทั้งเวลาและเงินได้ก็จริง แต่บ่าวสาวควรศึกษาในรายละเอียดให้ถี่ถ้วนว่า สิ่งที่รวมอยู่ในแพ็คเกจตรงตามความต้องการของคุณจริงหรือไม่ เพราะแน่นอนว่า คนคิดแพ็คเกจย่อมใช้เทคนิคตัดนี่นิด เพิ่มนี่หน่อย ถ้าพิจารณาไม่รอบคอบ บ่าวสาวอาจต้องจ่ายเงินก้อนโตเพื่อแพ็คเกจที่ไม่เป็นประโยชน์ แถมยังต้องซื้อบริการเพิ่มโดยไม่จำเป็นอีกด้วย

3. หลักเกณฑ์การเงินเป็นอย่างไร

เริ่มตั้งแต่ราคาทั้งหมดอยู่ที่เท่าไหร่ จ่ายทั้งหมดกี่งวด ต้องมีการวางมัดจำก่อนหรือไม่ กี่เปอร์เซ็นต์ งวดแรก งวดสุดท้ายจ่ายเมื่อไหร่ ทั้งนี้เพื่อความสะดวกในการจัดสรรงบประมาณและตรวจเช็กความคืบหน้าของงานไปพร้อมๆ กัน

4. หากเกิดการละเมิดสัญญาจะรับผิดชอบอย่างไร

ทั้งในกรณีที่จู่ๆ ก็ยกเลิกกะทันหัน งานไม่เสร็จ ผลงานที่ออกมาไม่ตรงตามที่ตกลง จะมีการดูแลความเสียหายและรับผิดชอบอย่างไรบ้าง ในที่นี้ควรศึกษาสัญญากฎหมายการละเมิดสัญญาว่าจ้างไว้เป็นพื้นฐานด้วยยิ่งดี

ช่างภาพงานแต่ง

5. มีทีมงานกี่คน เพื่อเพิ่มความมั่นใจว่าจะเก็บทุกรายละเอียดตามที่คุณต้องการได้จริงๆ

6. ได้ภาพจำนวนกี่ภาพ แยกเป็นภาพที่ผ่านการรีทัชแล้วกี่ภาพ ปรับแสงอย่างเดียวกี่ภาพ

7. หลังจบงานได้ภาพทั้งหมดเมื่อไหร่ และช่างภาพจะเก็บไฟล์งานทั้งหมดไว้ให้นานแค่ไหน เผื่อว่าหลังจากที่ได้ไฟล์ภาพไปแล้วบ่าวสาวทำหาย

8. ไฟล์ภาพเป็นนามสกุลอะไร มีขนาดใหญ่เล็กแค่ไหน เผื่อมีแผนจะนำไปขยายเพื่อใช้งานในอนาคตจะได้ไม่เกิดปัญหาภายหลัง

9. ในกรณีที่ต้องเดินทางไปต่างจังหวัด ใครเป็นผู้ดูแลเรื่องการเดินทาง ที่พัก และอาหารการกิน รวมถึงเรื่องอาหารในวันงานด้วย เช่น จะต้องเก็บโต๊ะจีนไว้ให้หลักงานเลิกหรือไม่ สำหรับกี่คน เป็นต้น

10. เมื่อถึงวันงาน ต้องใช้ไฟมากน้อยอย่างไรและใช้เวลาเซตไฟนานแค่ไหน รวมถึงมีอุปกรณ์สำรองหรือเปล่า

บทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับช่างภาพงานแต่ง >>> เซฟค่าใช้จ่ายช่างภาพงานแต่งอย่างไรได้บ้าง … มาอ่านกัน

ภาพ www.pexels.com

ทำไงดี!! ดันไม่ชอบแหวนหมั้นที่หนุ่มสุดที่เลิฟลงทุนเซอร์ไพร้ส์มอบให้เพื่อขอแต่งงาน

แฟนหนุ่มลงทุนเซอร์ไพร้ส์คุกเข่าขอแต่งงาน โมเม้นต์สุดโรแมนติกที่สาวๆ ทุกคนต่างเฝ้ารอ แต่ฝันดันดับกลางอากาศเมื่อเห็น แหวนหมั้น เพราะดันเป็นแบบที่ไม่เข้าตา ไม่ถูกใจเอาซะเลย แพรวเวดดิ้ง ไม่อยากให้สาวๆ ตีโพยตีพายเสียอกเสียใจไปก่อน เพราะถึงแย่แค่ไหนก็มีทางออกเสมอ ลองมาดู How To ทำใจให้ร่มๆ เพื่อหาความเป็นไปได้ในการได้แหวนหมั้นวงใหม่ที่ถูกใจเรามากที่สุด ตามนี้เลยจ้า

  • ใส่ไปก่อนอย่าเพิ่งบอกเขาว่าเราไม่ชอบ

หากแหวนหมั้นที่คนรักบรรจงสวมไม่ love at first sight อย่าเพิ่งแสดงออกทางสีหน้า ชักมือกลับ หรือรีบถอดเด็ดขาด! ลองใส่ดูก่อน พิจารณาดูมันดีๆ ถ้าหากพลิกแล้วพลิกอีกหมุนแล้วหมุนอีกก็ยังรู้สึกไม่ดีไม่เพอร์เฟ็กต์ ก็ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ตกหลุมรักมันเข้าสักวันจริงไหม แหวนวงนี้อาจไม่ใช่ความประทับใจแรกของคุณ แต่อาจเป็นรักแรกพบของว่าที่เจ้าบ่าวที่เมื่อเห็นแหวนวงนี้แล้วเขาดันนึกถึงคุณ มองเห็นว่าแหวนวงนี้มีบางสิ่งที่เชื่อมโยงกับคุณอยู่ หรืออาจจะมีความหมายที่ลึกซึ้งที่เขาอยากจะสื่อสารผ่านแหวนวงนี้ก็ได้ หรืออาจจะเซอร์ไพร้ส์หนักถึงขั้นว่าเป็นแหวนหมั้นของคุณแม่ คุณย่า หรือคุณยายที่ท่านเคยใส่มาก่อน และเขาก็อยากส่งต่อสิ่งนี้ให้กับผู้หญิงที่เขารัก เอาเป็นว่าอย่าเพิ่งชักสีหน้าลองเลียบๆ เคียงๆ ถามถึงที่มาของแหวนวงนี้ ไม่แน่นะหากคุณได้รู้ถึงเรื่องราวว่ากว่าเขาจะได้แหวนวงนี้มามันเป็นยังไง อาจทำให้คุณเข้าใจเขาจนไม่อยากเปลี่ยนเลยก็ได้

  • พูดคุยสิ่งที่คุณต้องการ

หากคุณยังรู้สึกไม่ชอบแหวนวงนี้อยู่ดี ก็คงถึงเวลาที่ต้องจับเข่าคุย แต่ไม่ใช่ว่าจะขวานผ่าซากบอกเขาไปตรงๆ หรอกนะ แต่ต้องใช้ถ้อยคำอ่อนหวานสักนิดให้เขารู้สึกดี ที่สำคัญต้องคุยกันแบบส่วนตัวครอบครัวไม่เกี่ยว จะได้ลดความตึงเครียดและข้อขัดแย้งต่างๆ ที่อาจตามมา ที่สำคัญคือเลือกช่วงเวลาที่จะคุยให้ดีๆ เช่น เป็นช่วงเวลาที่คุณและเขารู้สึกผ่อนคลายมากที่สุด และจำไว้ว่า อย่าทำลายความตั้งใจและความรู้สึกของฝั่งตรงข้ามเด็ดขาด!!

  • แลกเปลี่ยนหรือส่งคืน

หากแหวนวงนั้นเป็นแหวนวงใหม่ที่เขาซื้อมาจากร้าน ก็แค่ควงกันกลับไปที่ร้านเดิมเพื่อขอเปลี่ยน โดยอาจจะคงเพชรเม็ดเดิมเอาไว้แล้วเปลี่ยนแค่ตัวเรือน หรือจะขอเปลี่ยนวงใหม่เป็นวงที่คุณชอบไปเลย แต่อย่าลืมดูสตางค์ในกระเป๋ากันด้วยล่ะถ้าคิดจะเปลี่ยนวงใหม่ จะให้ดีลองกระซิบถามคุณผู้ชายก่อนก็ได้ว่ามีงบเท่าไหร่แล้วเลือกแบบใหม่ให้อยู่ในงบที่มี โดยอาจจะขอให้ร้านเพชรช่วยคัดแบบแหวนที่อยู่ในงบมาให้เลือกอีกทาง

  • เปลี่ยนแหวนมรกดให้กลายเป็นแหวนวงใหม่

หากแหวนวงนั้นเป็นมรดกตกทอดมาจากคุณย่า คุณยาย คุณแม่ แพรวเวดดิ้งขอแนะนำให้คุณเก็บเพชรหรืออัญมณีเม็ดเดิมเอาไว้ แล้วดีไซน์ตัวเรือนใหม่ให้เหมาะกับคุณ หรืออาจจะคงไว้แบบเดิมทั้งหมดก็ได้แต่เพิ่มวัสดุตัวเรือนให้มีความหนามากขึ้น (ทองคำขาวหรือทอง) เพื่อให้ตัวเรือนมีความแข็งแกร่งดูใหม่เปล่งประกายกว่าเดิม (หากงบเหลือนะจ๊ะ) >>> อ่านเพิ่มเติม เพชรยังอยู่สตอรี่ไม่หาย ด้วยการแปลงร่างแหวนมรดกสู่แหวนแต่งงานวงใหม่สวยให้กิ๊ง <<< 

ภาพ https://unsplash.com

2 สิ่งที่เจ้าสาวอาจมองข้ามในเรื่องชุดแต่งงานและทรงผม แทนที่จะปังแต่กลับพังไม่เป็นท่า

ไม่แปลกที่เจ้าสาวจะมองภาพรวมของชุดแต่งงานและเรฟเฟอร์เรนซ์หน้าผมให้สวยไว้ก่อน โดยลืมมองรายละเอียดย่อยๆ ว่ายังมีสิ่งที่อาจจะยังไม่รู้ จนเกิดเป็นความผิดพลาดอย่างในเรื่อง ชุดแต่งงานและทรงผม อย่างไม่น่าให้อภัย แพรวเวดดิ้ง อยากให้โมเม้นต์สำคัญในชีวิตของเจ้าสาวมีแต่สิ่งดีๆ ไว้ให้จดจำ ก็เลยมาบอกไว้ก่อนว่า “ชุดแต่งงานนอกจากที่ต้องดูให้สวยแล้วต้องดูเรื่องอะไรอีก” และ “ทรงผมเจ้าสาวที่จะเอาแค่สวยเหมือนอย่างที่เจ้าสาวอยากได้ไม่พอ แต่ยังต้องดูสภาพแวดล้อมในเรื่องอื่นๆ ด้วย”

  • ซับในกระโปรงชุดแต่งงาน ถ้าไม่อยากพลาดต้องดูให้ดี

บอกเลยว่าเรื่องนี้ทำเอาเจ้าสาวหลายคนเกือบเดินหน้าทิ่มตอนเดินเข้างานมาแล้ว เพราะเจ้าซับในตัวดีดันแล่บออกมา มิหนำซ้ำยังไปเกี่ยวเข้ากับรองเท้าเจ้าสาวอีก ลำพังแค่เดินในชุดแต่งงานปกติก็ยากอยู่แล้ว นอกจากเดินลำบากยิ้มไม่ออก เจ้าสาวคงไม่อยากเห็นรูปถ่ายตัวเองในชุดแต่งงานสวยๆ มีชายผ้าหลุดรุ่ยกองอยู่บนพื้นด้วยหรอกจริงไหมคะ

เพราะฉะนั้นหากเจ้าสาวคนไหนรับชุดมาไว้ที่ตัวเองก่อนวันแต่งงานก็อย่าลืมตรวจดูให้ดีว่าชายผ้าด้านในเป็นอย่างไร มีโอกาสไหมที่จะไปเกี่ยวเข้ากับรองเท้า ถ้ายังไม่แน่ใจแนะนำให้ลองสวมชุดแต่งงานกับรองเท้าที่จะใส่ในวันงานแล้วลอกเดินดูเลยค่ะ หากพบว่ามีปัญหาเกี่ยวพันรุงรังเดินลำบาก ให้รีบนำชุดแต่งงานไปให้ทางร้านเย็บเก็บซับขึ้นให้หน่อย เท่านี้ก็ไม่มีปัญหาในวันแต่งงานแล้ว

แต่ในเมื่อเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เสมอ ในวันแต่งงานแพรวเวดดิ้งขอแนะนำให้เจ้าสาวเตรียมเข็มและด้ายสีขาว หรือเข็มกลัดไว้ให้พร้อม เพราะหากก่อนเดินเข้างานแล้วเกิดปัญหาดังกล่าวจะได้ยังพอแก้ไขสถานการณ์ได้ทัน อย่างน้อยก็ใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที เจ้าสาวก็สามารถเดินเข้างานได้อย่างสบายใจแล้ว

  • เลือกทรงผมให้เหมาะกับสถานที่และสภาพแวดล้อม

นอกเหนือจากการเลือกทรงผมให้เหมาะกับรูปหน้าและชุดแต่งงานที่เลือกแล้ว การเลือกให้เหมาะกับสถานที่ถ่ายพรีเวดดิ้งหรือสถานที่แต่งงานก็สำคัญไม่น้อย ถ้าหากเจ้าสาวถ่ายพรีเวดดิ้งในสตูดิโอที่แอร์เย็นฉ่ำ หรือจัดงานในห้องบอลรูมสุดหรูแอร์เย็นเจี๊ยบ ถ้าเป็นแบบนี้จะทำทรงไหนก็รอด แต่ถ้าหากเลือกสถานที่ถ่ายหรือสถานที่แต่งงานเป็นแบบเอ๊าท์ดอร์อากาศร้อนจัด แล้วเจ้าสาวเกิดอยากจะปล่อยผมล่ะก็ อาจจะต้องคิดให้ดี เพราะนอกจากที่จะทำให้เจ้าสาวร้อนแบบคูณสองแล้ว ผมอาจจะชุ่มไปด้วยเหงื่อจนจับตัวเป็นก้อนไม่สลวยอย่างที่คิดไว้

หรือถ้าหากเลือกถ่ายริมทะเลแล้วเจ้าสาวคิดจะปล่อยผมหรือติดเวลก็ต้องคิดให้ดีเหมือนกัน เพราะเราควบคุมทิศทางลมไม่ได้ กว่าจะได้ภาพที่สวยงามสมใจอยากก็อาจจะอีรุงตุงนังอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

อ่านเรื่องราวและดูไอเดียดีๆ เกี่ยวกับชุดแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย!

ภาพ https://unsplash.com

10 คำถามถามร้านเพชรเพื่อ แหวนแต่งงาน บ่าวสาวสวยถูกใจคุ้มค่าในวันวิวาห์

แหวนแต่งงาน หรือเครื่องเพชร จะซื้อยังไงให้ไม่โดนหลอก…มาค่ะ เราจะบอกให้

ก่อนที่บ่าวสาวจะเดินเข้าร้านเพชรควรศึกษาหาความรู้เรื่องคุณสมบัติเพชร และราคากลางของตลาดเพชรไว้เป็นพื้นฐานก่อน และเมื่อความรู้ขั้นพื้นฐานแน่นเปรี๊ยะ ถึงเวลาต้องเดินเข้าร้านเพชรเพื่อเลือก แหวนแต่งงาน ก็ยิงคำถามที่เตรียมไว้ด้านล่างได้เลย

1. คุณภาพเพชรเป็นอย่างไรบ้างตามหลัก 4Cs ได้แก่ สีของเพชร ความสะอาด การเจียระไน และน้ำหนัก เพราะถือเป็นหลักเกณฑ์เบื้องต้นในการซื้อเพชร ที่ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือมือเก๋าก็ต้องรู้เอาไว้ เนื่องจากคุณสมบัติเหล่านี้สะท้อนถึงราคาเพชรนั่นเอง

2. ทางร้านให้ส่องเพชรเช็กตำหนิ รวมถึงเลขใบเซอร์ก่อนตัดสินใจหรือเปล่า เพื่อเช็กจำนวนตำหนิและตรวจสอบว่ามีการยิงเลเซอร์หมายเลขรับประกันเพชรจริงหรือไม่

3. ราคาขายอยู่ที่เท่าไหร่ เหมาะสมหรือไม่เมื่อเทียบกับคุณภาพและราคากลางของตลาดที่ศึกษามา

4. บริการหลังการขายมีอะไรบ้าง เช่น เช็กสภาพ ชุบ ทำความสะอาด ขยายขนาด เป็นต้น

5. รับเปลี่ยนหรือซื้อคืนภายหลังหรือไม่

6. เพชรที่ใช้ประดับได้รับการการันตีด้วยใบรับรองคุณภาพเพชรจากสถาบันใดบ้าง รวมถึงหากไม่มีทางร้านมีใบรับประกันให้หรือไม่

แหวนแต่งงาน

นอกจาก 6. ข้อข้างต้นแล้ว อีก 4. ข้อที่เหลือถามไว้เผื่อก็ดีเหมือนกันนะ

7. มีตัวอย่างงานให้ดูไหม

นอกจากทำให้ได้เห็นประสบการณ์การทำงานของร้านแล้ว ยังได้เห็นว่าสไตล์งานที่ผ่านมาเป็นแบบไหน ตรงใจหรือใกล้เคียงกับสิ่งที่คุณต้องการหรือเปล่า แม้ทางนั้นจะบอกว่าสามารถสร้างสรรค์ผลงานได้ทุกแบบตามต้องการ แต่เชื่อเถอะว่าในเบื้องต้นผลงานที่ผ่านมาจะบอกได้ดีว่าเครื่องประดับเหล่านั้นเหมาะกับคุณหรือเปล่า

8. แพ็คเกจที่นำเสนอมีอะไรบ้าง

การซื้องานแบบแพ็คเกจช่วยประหยัดทั้งเวลาและเงินได้ก็จริง แต่บ่าวสาวควรศึกษาในรายละเอียดให้ถี่ถ้วนว่า สิ่งที่รวมอยู่ในแพ็คเกจตรงตามความต้องการของคุณจริงหรือไม่ เพราะแน่นอนว่า คนคิดแพ็คเกจย่อมใช้เทคนิคตัดนี่นิด เพิ่มนี่หน่อย ถ้าพิจารณาไม่รอบคอบ บ่าวสาวอาจต้องจ่ายเงินก้อนโตเพื่อแพ็คเกจที่ไม่เป็นประโยชน์ แถมยังต้องซื้อบริการเพิ่มโดยไม่จำเป็นอีกด้วย

9. หลักเกณฑ์การเงินเป็นอย่างไร

เริ่มตั้งแต่ราคาทั้งหมดอยู่ที่เท่าไหร่ จ่ายทั้งหมดกี่งวด ต้องมีการวางมัดจำก่อนหรือไม่ กี่เปอร์เซ็นต์ งวดแรก งวดสุดท้ายจ่ายเมื่อไหร่ ทั้งนี้เพื่อความสะดวกในการจัดสรรงบประมาณและตรวจเช็กความคืบหน้าของงานไปพร้อมๆ กัน

10. หากเกิดการละเมิดสัญญาจะรับผิดชอบอย่างไร

ทั้งในกรณีที่จู่ๆ ก็ยกเลิกกะทันหัน งานไม่เสร็จ ผลงานที่ออกมาไม่ตรงตามที่ตกลง จะมีการดูแลความเสียหายและรับผิดชอบอย่างไรบ้าง ในที่นี้ควรศึกษาสัญญากฎหมายการละเมิดสัญญาว่าจ้างไว้เป็นพื้นฐานด้วยยิ่งดี

แต่ก่อนอื่นบ่าวสาวต้องศึกษาเรื่องนี้ก่อนนะ >>> ถอดรหัส 4Cs อ่านป้ายบนแหวนแต่งงานให้เป็นไม่ถูกหลอก