5 ข้อง่ายๆ ก่อนฟันธงเลือก ชุดเพื่อนเจ้าสาว รับรองเป๊ะเวอร์

เมื่อเพื่อนสาวได้ฤกษ์สละโสดทั้งที มีหรือที่แก๊งเพื่อนเจ้าสาวจะไม่ตื่นเต้น และสิ่งแรกที่นึกถึงก็คือ ชุดเพื่อนเจ้าสาว บางกลุ่มถึงขั้นนัดคุยกันเป็นการเป็นงานยิ่งกว่าทำงานซะอีก แต่เดี๋ยวก่อน! โปรดอย่าลืมว่างานนี้คุณเป็นได้แค่แขกรับเชิญ และการเลือกชุดเพื่อนเจ้าสาวนั้นก็ต้องเลือกให้สอดคล้องไปกับธีมงานหรือแม้กระทั่งกับชุดเจ้าสาวด้วย เพราะฉะนั้นหากไม่อยากพลาด ก่อนตัดสินใจเคาะเลือกชุด แพรว wedding อยากให้สาวๆ มาเช็ก 5 ข้อต่อไปนี้กันก่อน รับรองว่าเป๊ะปังแบบไปถูกงานแน่นอน

1. แต่งตัวตามธีมงาน

สิ่งสำคัญอันดับแรกที่สาวๆ ต้องนึกถึงเพื่อช่วยสร้างให้ภาพรวมของงานออกมาในทางเดียวกัน แต่ก็สามารถที่จะสนุกไปกับการเลือกรูปแบบชุดที่ต้องการได้ เช่น หากธีมงานหรือชุดเจ้าสาวเป็นสไตล์โบฮีเมียน ชุดเพื่อนเจ้าสาวก็อาจจะเป็นลุคที่ดูสบายๆ ไม่เป็นทางการ อย่างชุดเดรสสั้นที่ยังคงความสวยหวานในสไตล์เพื่อนเจ้าสาว หรือหากเป็นธีมงานสุดหรูที่เจ้าสาวสวมชุดทรงบอลกาวน์สุดอลังที่ดูหรูหราราวกับเจ้าหญิง ก็ลองเลือกชุดเพื่อนเจ้าสาวให้มีความระยิบระยับหรือจะล้อไปกับธีมสีอัญมณีสุดล้ำค่าไปเลยก็ยังได้

2. หาบางอย่างที่ดูเข้ากัน

บางครั้งแก๊งเพื่อนเจ้าสาวก็ไม่จำเป็นต้องใส่ทุกอย่างให้ดูเหมือนกันทั้งหมดก็สามารถสวยเป๊ะเหมือนมางานเดียวกันได้ เพียงแค่เลือกรายละเอียดหรือองค์ประกอบบางอย่างที่เชื่อมโยงซึ่งกันและกัน เช่น เนื้อผ้าที่เหมือนกัน ลูกไม้ที่เหมือนกัน หรือสีที่เหมือนกันก็ได้ แต่อย่าลืมว่า แตกต่างแต่ต้องไม่หลุดธีมนะจ๊ะ

ชุดเพื่อนเจ้าสาว

3. หลีกเลี่ยงรูปแบบชุดที่เหมือนเจ้าสาว

หากคุณมีโอกาสได้เห็นชุดเจ้าสาว เราก็ขอให้คุณนำสิ่งนั้นมาพิจารณาในการเลือกชุดสำหรับแก๊งเพื่อนเจ้าสาวด้วย เช่น หากเจ้าสาวใส่กระโปรงฟูฟ่องหนา 8 ชั้น เพื่อนเจ้าสาวก็ควรเลี่ยงกระโปรงพองแบบสุ่ม แล้วหันมาใส่เป็น Slip dress เก๋ๆ แต่แฝงความเรียบหรูดูดีเอาไว้แบบเต็มขั้นแทน และที่สำคัญอย่าเลือกชุดให้อู้ฟู้จนกลบรัศมีนางเอกของงานอย่างเจ้าสาวนะคะ ไม่อย่างนั้นเพื่อนสาวต้องร้องไห้เสียใจแน่ๆ เลย

ชุดเพื่อนเจ้าสาว

ชุดเพื่อนเจ้าสาว

4. เพิ่มสีสันด้วยเพื่อนเจ้าบ่าว

การจับคู่ชุดของเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวก็สำคัญเหมือนกันนะจ๊ะ และจำเป็นต้องแต่งให้ไปในทางเดียวกันด้วย แขกจะได้ไม่งงว่าหลงมางานผิดหรือเปล่า เช่น หากชุดเพื่อนเจ้าสาวเป็นผ้าพลิ้วไหวสบายๆ ในโทนสีเรียบง่ายหรือพาสเทล และเป็นสไตล์ที่ไม่เป็นทางการมากนัก ชุดเพื่อนเจ้าบ่าวก็อาจจะเลือกให้เป็นเฉดสีที่อ่อนละมุนเข้ากันด้วย หรือหากเป็นงานแต่งสุดหรู แน่นอนว่า ชุดสูททักซิโด นั้นเหมาะที่สุดและเข้ากันได้ดีกับชุดราตรีของเพื่อนเจ้าสาวทุกชุดแน่นอน

5. ให้เจ้าสาวมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ

และข้อสุดท้ายเราอยากให้สาวๆ ท่องจำให้ดี แน่นอนว่าในฐานะที่คุณเป็นเพื่อนเจ้าสาวการตัดสินใจส่วนใหญ่นั้นขึ้นอยู่กับคุณ แต่อย่างน้อยก็ควรให้เจ้าสาวผู้ที่เป็นเจ้าของงานได้มีส่วนรับรู้หรือตัดสินใจอะไรบางอย่างสักนิด เช่น อาจให้เจ้าสาวเป็นคนกำหนดสี รูปแบบชุด หรือกิมมิกเล็กๆ น้อยๆ ที่เป็นดีเทลของชุดก็ได้ นางจะได้ไม่น้อยใจและรู้สึกเป็นส่วนเกิน

Read More : 5 ลุคชุดเพื่อนเจ้าสาวเก๋ๆ สวยยกแก๊งไม่มีขโมยซีนแน่นอน

ภาพ : mikkelpaige.com, pinterest.com

4 สเต็ปเจ้าสาวต้องรู้ ก่อนเลือกทรงผมเปียสวยหวานในวันแต่งงาน

ทรงผมเปีย เป็นอีกหนึ่งลุคสุดคลาสสิคของเจ้าสาวเลยก็ว่าได้ เพราะให้ลุคที่ดูสวยหวานสวยงดงามเหมาะกับความเป็นเจ้าสาว แถมแบบผมเปียก็มีให้เลือกหลากหลายสไตล์ เรียกได้ว่าไม่ว่าจะจัดงานสไตล์ไหน ใส่ชุดแต่งงานยังไง ก็มีผมเปียรอพร้อมเสิร์ฟให้กับเจ้าสาวอยู่แล้ว แต่เดี๋ยวก่อน ผมเปียจะสวยสมบูรณ์แบบไม่ได้หากขาด 4 สเต็ปสำคัญที่เรานำมาฝาก 

1. เลือกผมเปียให้เหมาะกับสภาพเส้นผม

รูปภาพสวยๆ ของผมเปียอันงดงามที่เจ้าสาวเห็นในอินเทอร์เน็ตนั้น ไม่ได้หมายความว่ามันจะเหมาะสมกับคุณเสมอไป เพราะนอกจากความสวยงามของเปียแล้ว เจ้าสาวยังต้องคำนึงถึงเรื่องความหนาของเส้นผม สีผม และความยาวของเส้นผมด้วย ถึงจะได้ผมเปียสุดเพอร์เฟกต์ที่เหมาะสมลงตัวกับตัวเอง

ทรงผมเปีย

2. เลือกผมเปียให้เหมาะกับชุดเจ้าสาว

ผมเปียที่เจ้าสาวเลือกนั้นจะต้องเข้ากับชุดแต่งงานของเจ้าสาวด้วย เช่น ผมเปียที่เบี่ยงข้างที่ดูสวยงามเหมาะสมกับชุดแต่งงานทรงสลิปเดรสที่ดูเรียบหรู หรือหากชุดแต่งงานของเจ้าสาวมีดีเทลด้านหลังที่สวยงาม ก็ควรเลือกผมเปียที่ถักขึ้นไปเพื่อเผยให้เห็นดีเทลด้านหลัง เป็นต้น

ทรงผมเปีย

3. ผมต่อ เทคนิคสำหรับสาวผมสั้นอยากถักเปีย

หากคุณอยากมีผมเปียที่งดงาม แต่ผมดันสั้นถักยังไงก็คงไม่สวย ขอแนะนำให้เจ้าสาวใช้ผมต่อที่นอกจากจะช่วยเพิ่มความยาวแล้ว ยังช่วยเพิ่มความหนาของเปียให้ดูสวยงามเพอร์เฟกต์อีกด้วย เพราะฉะนั้นเลือกทรงผมเปียที่ชอบแล้วนำไปปรึกษาช่างว่าความยาวขนาดไหนที่เจ้าสาวจะต้องต่อ แล้วอย่าลืมเลือกเฉดสีผมให้เหมือนหรือใกล้เคียงกับสีผมจริงของเจ้าสาวด้วยนะคะ

ทรงผมเปีย

4. ทำสีผมเพิ่มความเปล่งประกาย

ผมเปียที่สวยงามและหรูหราดูมีมิตินั้น ผมของเจ้าสาวจะต้องทำสีให้สว่างและทำไฮไลต์นิดๆ เพราะฉะนั้นลองปรึกษาช่างทำผมดูว่าสีไหนที่เหมาะกับคุณมากที่สุด และเจ้าสาวก็จะต้องมั่นใจในเฉดสีที่เลือกด้วย เพื่อที่จะได้ลุคที่ตรงใจและโดดเด่นที่สุดในวันสำคัญ

ทรงผมเปีย

ดูเรื่องราวความงามและสุขภาพเพิ่มเติม คลิกเลย!

ภาพ : marthastewartweddings.com, wantthatwedding.co.uk,
theweddingplaybook.com, pinterest, insideweddings.com,
bridalguide.com

ความหมายสุดลึกซึ้งของแหวนแต่งงานแต่ละแบบ อินแบบไหนจัดไป

“ทำไมฝรั่งนางนั้นถึงสวมแหวนที่นิ้วนางข้างซ้าย 2 วง” เชื่อว่าหลายคนคงเคยสงสัยกันใช่ไหมคะ เพราะอย่างธรรมเนียมไทยของเราก็จะมีแค่แหวนหมั้นเพียงวงเดียว ไม่มี แหวนแต่งงาน คำตอบก็คือ ตามธรรมเนียมฝรั่งนั้นเขาจะเรียกแหวนที่เจ้าบ่าวสวมแก่เจ้าสาวในวันหมั้นหรือวันที่คุกเข่าขอเธอแต่งงานว่า Engagement Ring ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแหวนเม็ดเดี่ยว (Solitaire) ส่วนอีกวงหนึ่งคือแหวนที่บ่าว-สาวแลกกันในวันแต่งงานเรียกว่า Wedding Band โดยนิยมเป็นแหวนเกลี้ยง (Classic) หรือแหวนเพชรรอบนิ้ว (Eternity) ซึ่งเจ้าสาวจะสวมแหวน 2 วงนี้ซ้อนกันเรียกว่า Bridal Set เพื่อเป็นสัญลักษณ์ให้รู้ว่าฉันแต่งงานแล้วนะ

นอกจากนี้แหวนแต่ละแบบที่จะเลือกมาเป็น Bridal Set นั้นยังมีความหมายที่ลึกซึ้งแตกต่างกันออกไปอีกด้วยนะ

แหวนเม็ดเดี่ยว (Solitaire) นิยมใช้ในการหมั้น มีความหมายถึงการรักเดียวใจเดียวและความซื่อสัตย์

แหวนเพชรรอบนิ้ว (Eternity) ด้วยลักษณะของเพชรรอบวง จึงหมายถึงความรักที่ไม่มีวันสิ้นสุด

แหวนเกลี้ยง (Classic) นิยมใช้เป็นแหวนแต่งงาน เพื่อเป็นตัวแทนของคำมั่นสัญญาว่าจะมั่นคงตลอดไป

แหวนเพชร 3 เม็ดเรียง (3 Stone Ring) นิยมมอบให้กันในโอกาสครบรอบแต่งงาน เพราะเพชร 3 เม็ด หมายถึงความรักที่ยาวนานเหนือกาลเวลา ตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน จนถึงอนาคต

แหวนสามวง (Trinity Ring) ด้วยตัวแหวนไม่สามารถแยกออกจากกันได้ จึงหมายถึงความรักที่สามัคคีกลมเกลียวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

ดูไอเดียแหวนแต่งงานและเครื่องประดับเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

เรียบเรียงข้อมูลจาก : www.bridalguide.com
ภาพ : pinterest, unsplash.com

7 ทิปส์เพื่อสร้างบรรยากาศให้รูปถ่ายในวันขอแต่งงานสุดพิเศษ

โมเม้นต์ ขอแต่งงาน เป็นช่วงเวลาสุดพิเศษสำหรับคู่รัก และยังเป็นช่วงเวลาดีๆ ที่สาวๆ หลายคนอยากจะมีอีกด้วย และเพื่อเป็นการเก็บโมเม้นต์สุดพิเศษนี้เอาไว้แบบละเอียด การถ่ายภาพจึงเป็นเรื่องจำเป็นที่คุณผู้ชายต้องจัดเตรียมไว้ให้พร้อม

และสิ่งที่จะทำให้ภาพถ่ายในวันขอแต่งงานของคุณไม่ใช่ภาพถ่ายธรรมดาคือ การเก็บทุกอารมณ์ที่เกิดขึ้นจริงในขณะนั้นเอาไว้ เพราะมันเป็นช่วงเวลาสุดพิเศษที่เต็มไปด้วยความสุขอย่างแท้จริงที่จะย้อนกลับมาทำแบบเดิมไม่ได้อีกแล้ว

ซึ่งแน่นอนว่าการขอแต่งงานคือการเซอร์ไพ้รส์ที่สาวๆ ไม่ได้รู้ล่วงหน้า เพราะฉะนั้นข้อเสียของสิ่งนี้คือ สาวๆ ต้องเสี่ยงกับสภาพเสื้อผ้าหน้าผมที่อาจไม่พร้อม และรีแอ็คชั่นแบบธรรมชาติที่คุณทำออกมาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ซึ่งทั้งหมดนี้จะถูกช่างภาพที่ซ่อนตัวอยู่เก็บภาพเอาไว้

เพราะฉะนั้นการขอแต่งงานจึงเป็นเหตุการณ์ที่สามารถวางแผนทุกอย่างไว้ได้ 50 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอีก 50 เปอร์เซ็นต์คือเหตุการณ์ที่ไม่สามารถวางแผนได้ แพรว wedding เลยมีทิปส์จากผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับ 50 เปอร์เซ็นต์ที่คุณผู้ชายและทีมงานที่เกี่ยวข้องต้องวางแผนเพื่อเก็บช่วงเวลาสุดประทับใจให้ออกมาสวยงามและสมบูรณ์แบบมากที่สุด

1. เลือกช่างภาพมืออาชีพ

แน่นอนว่าวันพิเศษของคุณขนาดนี้แก๊งเพื่อนรักก็ย่อมมีส่วนในวันสำคัญวันนี้ด้วย และบางคนอาจจะยื่นข้อเสนอที่ว่า “เดี๋ยวถ่ายให้ก็ได้นะ” แต่ถึงอย่างนั้นจะเป็นการดีกว่าถ้าคุณเลือกช่างภาพในวันแต่งงานให้มาเก็บภาพในวันนี้ด้วย ซึ่งไม่ใช่ว่าเพื่อนของคุณถ่ายภาพไม่ดีหรอกนะ แต่เพราะการได้ช่างภาพมืออาชีพมาถ่ายนั้นจะช่วยให้คุณได้ภาพที่สมบูรณ์แบบมากกว่า เพราะช่างภาพจะรู้มุมกล้องที่ดีและสามารถจับความรู้สึกของช่วงเวลานั้นๆ ด้วยเทคนิคแบบมืออาชีพ

แต่ถ้าหากคุณเลือกที่จะใช้มือสมัตรเล่นจริงๆ ก็ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าการตั้งค่ากล้องนั้นใช้ความเร็วสูงสุดด้วยชัตเตอร์แบบต่อเนื่อง ซึ่งคุณจะได้ภาพถ่ายในช่วงเวลานั้นแบบต่อเนื่องจากนั้นก็แค่มาเลือกช็อตที่ดีที่สุด

TIP รูปภาพของคุณจะเป็นธรรมชาติมากขึ้น หากคุณใช้ช่างภาพเจ้าใดเจ้าหนึ่ง หรือคนใดคนหนึ่งตลอดช่วงเวลาสำคัญในชีวิตของคุณทั้ง การขอแต่งงาน, พรีเวดดิ้ง, งานหมั้น และวันแต่งงาน คุณจะได้ภาพถ่ายที่ดูสวยงามและเป็นเรื่องราวเดียวกันมากที่สุด

2. วางแผนให้ดี

วางแผนล่วงหน้ากับช่างภาพให้ดีและคุยรายละเอียดต่างๆ ที่คุณอยากได้ เช่น สถานที่ที่ขอแต่งงานเป็นที่ไหน และจะขอในช่วงเวลาใด คุณและคนรักจะยืนอยู่ตรงไหน และถ้าหากสถานที่นั้นเป็นสถานที่สาธารณะ และถ้าเป็นไปได้คุณและช่างภาพอาจจะต้องไปหามุมดีๆ และช่วงเวลาที่ผู้คนอาจจะไม่พลุ่งพล่านมากนัก พร้อมชี้จุดที่คุณจะคุกเข่าขอสาวแต่งงานให้ช่างภาพได้รู้ เพื่อที่ช่างภาพจะได้รู้ว่าจะต้องถ่ายภาพคุณและคนรักอย่างไร

TIP หากคุณจะขอแต่งงานในบรรยากาศของพระอาทิตย์ตกต้องวางแผนให้ดีและทุกอย่างจะต้องไม่เลท เพราะแสงยามเย็นจะไม่หยุดรอคุณและคนรักหรอกนะ

3. มีช่างภาพมากกว่า 1 คน

การเก็บภาพประทับใจในวันขอแต่งงานไม่ได้แค่บันทึกภาพของฝ่ายหญิงไว้ฝ่ายเดียวเท่านั้น ภาพของหนุ่มๆ ก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะในวันนั้นนอกจากสาวๆ ที่จะประทับใจแบบตั้งตัวไม่อยู่แล้ว หนุ่มๆ อย่างคุณอาจซาบซึ้งจนน้ำตาลูกผู้ชายหลั่งออกมาโดยไม่ตั้งใจก็ได้ เพราะฉะนั้นการมีช่างภาพมากกว่า 1 คนเพื่อเก็บทุกรีแอ็คชั่นและทุกความรู้สึกของคุณและคนรักเอาไว้ก็อาจทำให้คุณได้ภาพวันขอแต่งงานที่สมบูรณ์แบบ อย่างน้อยอาจมีช่างภาพสัก 2 คน คนหนึ่งสำหรับคุณ และอีกคนสำหรับคนรัก

TIP วางตำแหน่งตัวเองและคนรักกับฉากหลังให้ดี เพราะช่างภาพจะถ่ายภาพจากด้านข้างของคุณ หรือคุณทั้งคู่กำลังหันหน้าเข้าหากัน

4. จัดลำดับความสำคัญของแสงที่ดี

แสง คือสิ่งสำคัญที่จะทำให้ภาพถ่ายของคุณสวยงาม ซึ่งแสงธรรมชาติเป็นแสงที่ดีที่สุดและทำให้ภาพถ่ายออกมาสวยที่สุดด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นอย่าลืมปรึกษาช่างภาพว่าช่วงเวลาไหนที่แดดกลางแจ้งจะเอื้อต่อการทำให้ถ่ายภาพออกมาได้สวยที่สุด และสำหรับการขอแต่งงานในบรรยากาศอินดอร์ ตำแหน่งที่ดีที่สุดที่คือตำแหน่งที่ใกล้หน้าต่างที่มีธรรมชาติส่งเข้ามาโดนใบหน้าของคุณทั้งสองคนที่กำลังหันหน้าเข้าหากันอยู่ แต่หากห้องนั้นเป็นห้องทึบ ก็อาจใช้แสงไฟอ่อนๆ จากหลอดไฟ ไฟราว นอกจากนี้การเสริมบรรยากาศด้วยแสงเทียนหรือโคมไฟที่ให้แสงที่เย็นและสบายตาก็ช่วยให้ภาพถ่ายของคุณดูโรแมนติกขึ้น

TIP อย่าลืมทำทุกอย่างให้ช้าลงสักนิด โดยเฉพาะช่วงเวลาที่คุณกำลังจะคุกเข่า เพื่อให้ช่างภาพได้เคลื่อนย้ายจากตำแหน่งเดิมมายังตำแหน่งใหม่ที่เหมาะสมได้ทันเวลา

5. อย่ากังวลว่ามีกล้องถ่ายอยู่

ใบหน้าเหยเก่ของอารมณ์ตกใจ และใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาในภาพถ่ายเป็นเรื่องที่ทั้งคุณและคนรักต้องยอมรับและทำใจ เพราะภาพถ่ายที่ดีที่สุดคือ ภาพสไตล์แคนดิดที่เต็มไปด้วยอารมณ์จริงๆ ที่เกิดขึ้น ณ ตอนนั้น ไม่ต้องพยายามทำใบหน้าให้สวยหล่อเพราะรู้ว่ามีกล้องถ่ายอยู่ ทางที่ดีคุณไม่ควรกังวลในเรื่องนี้ และควรจะปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามธรรมชาติแล้วปล่อยให้ภาพถ่ายเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ฉะนั้นปล่อยทุกอย่างออกมาให้เต็มที่ เพราะภาพถ่ายที่ดีที่สุดคือภาพที่เต็มไปด้วยอารมณ์แบบเหยเกนั่นแหละ

6. เตรียมกระเป๋าฉุกเฉินไว้ด้วย

ข้อนี้อาจจะต้องเป็นหน้าที่ของหนุ่ม หรือแก๊งเพื่อนสาว กับการเตรียมกระเป๋าที่เต็มไปด้วยของฉุกเฉินทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น ทิชชู่, เมคอัพ, กระจกเล็กๆ, แบตเตอรี่สำรอง, ที่ชาร์ตแบต, ชุดสำรอง, พร็อพส์ต่างๆ ฯลฯ

ดูไอเดียแหวนแต่งงานได้ที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ unsplash.com

เขียนให้ถูก แขกไม่งง กับข้อความใน การ์ดแต่งงานพิธีเช้า

เป็นที่ถกเถียงกันเหลือเกินเวลาที่จะทำ การ์ดแต่งงานพิธีเช้า สำหรับเชิญแขกเหรื่อมาร่วมงานในพิธีการว่าเขียนแบบไหนจึงจะเหมาะ ฝั่งหนึ่งบอกว่าต้องเขียนแจงรายละเอียดทุกอย่างสิ อีกฝั่งบอกว่าจะเขียนทำไมยืดยาว ไม่ต้องทะเลาะกันนะคะ เพราะความจริงแล้ว เขียนได้ทั้งสองแบบ เพียงแต่ในการเขียนแต่ละแบบมีรูปแบบที่ต่างกันค่ะ

การ์ดแต่งงานพิธีเช้าแบบบอกเวลาเดียว

การ์ดแบบที่บอกเวลาเดียวในที่นี้หมายถึง การ์ดเชิญที่ระบุเวลาเริ่มต้นงานที่อยากจะให้แขกมาร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีค่ะ ซึ่งแปลว่า บ่าวสาวอยากเชิญแขกมาในช่วงไหนของงานก็แค่ระบุเจาะจงเฉพาะเวลานั้นๆ ลงไป เช่น อยากให้แขกมาร่วมในพิธีแห่ขันหมาก ก็ระบุลงไปในการ์ดชัดๆ ไปเลยว่า 9.09 น. พิธีแห่ขบวนขันหมาก ถ้าอยากเชิญให้มาร่วมงานทันช่วงฤกษ์สวมแหวน ก็ระบุช่วงเวลาสวมแหวนลงไป เช่น 9.49 น. ฤกษ์สวมแหวนหมั้น

Wedding-Idea-013
ตัวอย่างการ์ดแต่งงานพิธีเช้าแบบบอกเวลาเดียวจากร้าน Anya

แต่สำหรับบางบ้านอยากเชิญแขกมาแค่ร่วมรับประทานอาหารกลางวันก็ระบุเวลาลงไปเพียงหนึ่งเวลาเช่นกัน ทั้งหมดนี้ไม่มีอะไรผิดถูก อยู่ที่การตกลงของคู่บ่าวสาวว่า อยากจะแจ้งเชิญแขกตอนไหนเท่านั้นเองค่ะ

การ์ดแต่งงานพิธีเช้าแบบแจกแจงช่วงเวลา

การ์ดแบบที่แจกแจงเวลาคือ บอกทุกสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันพิธีค่ะ แต่บ่าวสาวก็สามารถเลือกระบุได้เช่นกันว่าอยากให้แขกมาร่วมงานตั้งแต่ช่วงพิธีไหนบ้าง เช่น บางคู่มีพิธีสงฆ์ก่อนเป็นพิธีแรก แต่อยากจัดเป็นการภายในเฉพาะคนในครอบครัวเท่านั้น ในการ์ดก็ไม่ต้องระบุว่ามีพิธีสงฆ์ค่ะ ให้เริ่มต้นที่พิธีการต่อไปได้เลย เช่น

Wedding-Idea-004
ตัวอย่างการเขียนการ์ดแบบแจกแจงเวลาจากร้าน Anya

ข้อดีในการระบุเวลาในการ์ดแต่งงานแบบนี้คือ แขกสามารถรู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างในวันงาน และสามารถกะเวลาได้ว่าจะเข้าร่วมในช่วงเวลาไหน ต้องเตรียมตัวไปให้ทันก่อนหน้ามากน้อยแค่ไหน แต่สิ่งที่พึงระวังในการระบุเวลาแบบแจกแจงลงไปในการ์ดแต่งงานคือ การคุมเวลาให้เป็นไปตามที่ระบุไว้ เนื่องจากถ้าระบุลงไปแล้ว แขกส่วนใหญ่จะคาดหวังว่าเวลาดังกล่าวจะเกิดลำดับพิธีนั้นๆ ขึ้น และจะสามารถวางแผนจัดการไปงานอื่นต่อหรือไปธุระอื่นต่อได้ แต่ถ้าเวลาที่กำหนดกับเวลาจริงคลาดเคลื่อน (ซึ่งเกิดขึ้นได้) ก็ต้องไม่ลืมให้พิธีกรประกาศอยู่เป็นระยะๆ ด้วยเช่นกัน อย่าลืมนะคะว่า ถ้าวันที่คุณเลือกจัดงานเป็นฤกษ์ดีมีคนแต่งเพียบ แขกอาจต้องวิ่งรอกไปหลายงาน แขกก็จะได้จัดสรรเวลาได้ไงคะ

ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ประเภทใครเป็นประธาน คุณพ่อคุณแม่ชื่ออะไร บ่าวสาวชื่ออะไร อันนั้นก็ตามรูปแบบทั่วไปที่ร้านการ์ดแนะนำได้เลยนะคะ แต่โดยปกติ ถ้าในงานพิธีนั้นมีประธานที่แน่ชัดก็สามารถระบุลงในการ์ดได้เลย แล้วจึงตามด้วยชื่อคุณพ่อคุณแม่และชื่อบ่าวสาว แต่ในกรณีที่ยังไม่แน่ใจว่า ประธานที่เชิญมาจะมาได้ไหม และต้องพิมพ์การ์ดแล้ว การไม่ใส่ชื่อประธานลงในการ์ดเชิญก็ไม่ถือว่าผิดนะคะ

เพิ่มเติมให้อีกนิดว่า หลังจากการเขียนชื่อไปแล้ว สิ่งที่ห้ามลืมคือ ห้องจัดงาน ชื่อโรงแรม วันที่ ซึ่งถ้าจะให้ดี ระบุชัดเจนไปเลยว่าตรงกับวันไหนของสัปดาห์จะได้ชัวร์สุดๆ สุดท้ายเรื่องดีไซน์ก็สำคัญนะคะเพราะฉะนั้นมาเพิ่ม เคล็ดลับเพิ่มเสน่ห์ให้การ์ดแต่งงานไทย เลือกยังไงไม่ให้เชย กันดีกว่า

ไขข้อสงสัย…ใครมารับไหว้บ่าวสาวได้บ้าง? ไปหาคำตอบกัน

ประเพณีแต่งงานแบบไทย ช่วงสำคัญที่ขาดไม่ได้คือ “พิธีไหว้ผู้ใหญ่” หลายคนสงสัยและถามกันเข้ามาบ่อยมากว่า “ใครจะขึ้นมา รับไหว้บ่าวสาว ได้บ้าง?” บางคนบอกว่าแค่พ่อแม่ ปู่ย่าตายาย ญาติพี่น้องเท่านั้น แต่ในขณะเดียวกันบางคนกลับบอกว่าใครก็ได้ที่บ่าวสาวเคารพ วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจให้กระจ่างกัน

สำหรับพิธีไหว้ผู้ใหญ่นั้น แน่นอนว่าผู้ที่จะขึ้นมารับไหว้ได้ต้องเป็นผู้ที่ “มีอายุมากกว่า” เจ้าบ่าวเจ้าสาว ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ ปู่ย่าตายาย ญาติพี่น้อง หรือแขกผู้ใหญ่คนสำคัญที่บ่าวสาวเคารพ ซึ่งถ้าหากรู้แล้วว่าจะเชิญท่านไหนขึ้นมารับไหว้บ้างก็ควรแจ้งท่านเอาไว้ล่วงหน้าก่อนวันงาน เนื่องจากท่านจะได้มีเวลาเตรียมของรับไหว้ที่ส่วนใหญ่มักจะเป็นเงินทอง ของมีค่า รวมถึงฝ่ายเจ้าภาพจะได้เรียงลำดับรายชื่อผู้ใหญ่ที่จะขึ้นรับไหว้ตามความเหมาะสม

ส่วนของที่บ่าวสาวจะเตรียมเอาไว้ไหว้ผู้ใหญ่ควรเป็นของที่ดูดีมีราคาและสมน้ำสมเนื้อกับของรับไหว้ ควรเลือกเป็นของที่คิดว่าจะสามารถใช้ได้ในอนาคตหรือสามารถนำไปบริจาคได้ แนะนำว่าให้เตรียมเผื่อเหลือเผื่อขาดไว้ด้วย เช่น มีรายชื่อผู้ใหญ่จะขึ้นรับไหว้ 10 ท่าน ก็ให้เตรียมของไหว้เผื่อไว้สัก 15 หรือ 20 ชิ้น เพราะอาจจะมีผู้ใหญ่ท่านอื่นที่มีความเอ็นดูบ่าวสาวและตั้งใจมารับไหว้แต่ไม่ได้แจ้งล่วงหน้า

ช่วงเวลาสำหรับพิธีไหว้ผู้ใหญ่มักจะจัดขึ้นหลังจากพิธีรดน้ำสังข์เสร็จแล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น บ่าวสาวหรือทางครอบครัวอาจจะขยับไปไว้ในช่วงที่สะดวกก็ได้เช่นกัน

อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับพิธีแต่งงานไทยเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

6 เคล็ดลับการันตีเรื่องประหยัดค่าขันหมากในพิธีแต่งงานไทย

ร้านที่รับทำขันหมากใน พิธีแต่งงานไทย มีเป็นร้อยๆ ร้านเลยจริงไหมคะ แต่การเลือกขันหมากที่สวย ใช้ได้ตามประเพณี และประหยัดเงินทำไม่ยาก ลองไปดูคำแนะนำดีๆ จาก โปรไต๋ – ศุภโชค ชายแสน แห่ง Create Wedding Planner ค่ะ

  1. เปลี่ยนขันหมากใบตองดอกไม้สดเป็นขันหมากกระดาษหรือเช่าชุดขันหมากผ้าก็ช่วยประหยัดได้
  2. สั่งเฉพาะพานที่จำเป็นอย่างพานขันหมากเอก พานธูปเทียนแพ พานสินสอด พานแหวน และพานรับขันหมาก
  3. พานขนมหวานและผลไม้ใช้ถาดที่ทางร้านจัดมาหรือถาดที่มีอยู่แล้ว
  4. เลือกของรับไหว้ที่เก็บไว้ใช้ได้เองหากของเหลือ เช่น ผ้าขนหนู ผ้าพันคอ ชุดถ้วยชาม เป็นต้น
  5. ของถวายพระอย่าซื้อแบบชุดสำเร็จ 199 บาท แนะนำให้ซื้อของมาแพ็คเอง ทั้งประหยัดและได้ของดี
  6. กล้วยอ้อยจับคู่กันแล้วหาผ้าสวยๆ หุ้มโคนต้นผูกริบบิ้นแทนก็ได้

ดูเรื่องราวเกี่ยวกับพิธีแต่งงานไทยเพิ่มเติม คลิกเลย!

เคล็ด(ไม่)ลับใส่ชุดเจ้าสาวแบบไร้อุปสรรค ที่รู้แล้วต้องบอกต่อ

วันนี้แพรว wedding มีเคล็ดลับสำหรับเจ้าสาวที่ต้องการมีช่วงเวลาใน ชุดเจ้าสาว แสนสวยของตนอย่างราบรื่นไร้อุปสรรคใดๆ มาฝากกัน  เพื่อให้คุณได้มีช่วงเวลาดื่มด่ำกับความสุขในวันงานได้อย่างเต็มที่ ให้คุณใส่ชุดเจ้าสาวได้อย่างไร้กังวลแบบที่ไม่ต้องมาคอยห่วงหน้าพะวงหลัง กับ 3 ข้อควรจำสุดเบสิกตามนี้เลยค่า

 

อย่าใส่ชุดที่เล็กเกินไป

เข้าใจว่าชุดเจ้าสาวบางแบบก็มีการออกแบบไซส์มาตรฐานเป็นของตัวเอง แต่ก็ใช่ว่าเจ้าสาวทุกคนจะมีขนาดตัวเท่ากันหมด ดังนั้นถ้าคุณรู้สึกตกลงปลงใจกับชุดไหนก็ตาม แต่ขนาดอาจจะไม่ได้พอดีกับคุณมากนัก หรือบางส่วนของช่วงตัวที่รู้สึกว่าถูกบีบจนเกินไป พูดง่าย ๆ ว่าใส่แล้วรู้สึกไม่สบายตัว หรือคุณต้องยอมลดอาหารบางมื้อเพื่อที่ว่าคุณจะได้ใส่ชุดได้อย่างพอดี บอกเลยว่ามันไม่คุ้มกันหรอก เพราะนอกจากจะขยับเขยื้อนได้ไม่เต็มที่แล้ว ยังพาลให้คุณเป็นเจ้าสาวที่หน้าหงิกตลอดทั้งงานด้วย

เลือกเนื้อผ้าที่ไม่หนาเกินไป

เมืองไทยเป็นเมืองร้อน สิ่งที่เจ้าสาวทุกคนควรพึงระวังที่สุดอย่างหนึ่ง นั่นคือการเลือกเนื้อผ้าสำหรับชุด เพราะรูปแบบของชุดเจ้าสาวส่วนใหญ่มักมีหลายส่วนหลายเลเยอร์ เพราะฉะนั้นถ้าคุณไม่อยากเป็นเจ้าสาวที่ชุ่มเหงื่อ เพราะต้องแบกชุดหนา ๆ เอาไว้ ทางที่ดีคุณควรปรึกษาเรื่องเนื้อผ้ากับดีไซเนอร์ให้ชัดเจน เอาที่สวมแล้วคุณรู้สึกสบายเป็นหลักดีที่สุดค่ะ

ใส่ชุดชั้นในที่พอดีตัว

ในวันแต่งงานเจ้าสาวควรสวมชุดชั้นในที่สบายตัว ไม่ควรลองใช้หรือสวมอะไรใหม่ๆ ที่ไม่คุ้นชินหรือเคยใช้มาก่อน ส่วนเจ้าสาวที่ต้องการจะสวมเสื้อทรงคอร์เซ็ท เราแนะนำว่าควรเลือกแบบพอดีตัว ไม่หลวมหรือตึงจนเกินไป เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดกับร่างกาย และทำให้เจ้าสาวเคลื่อนไหวได้สะดวกและเป็นธรรมชาติ ส่งเจ้าสาวให้ดูสวยโดดเด่น

เห็นมั้ยคะว่าง่ายสุดๆไปเลย เพราะฉะนั้นสาวๆอย่ามองข้ามเรื่องพื้นๆแต่สำคัญสุดๆเหล่านี้เชียวนะคะ แล้วจะหาว่าแพรว wedding ไม่เตือนน้า 😉

ติดตามไอเดีย คำแนะนำ และแบบชุดแต่งงานสวยๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

cr. lover.ly, brides.com

สคริปต์ขอบคุณแขกงานแต่งอย่างง่าย พร้อมลำดับความสำคัญขอบคุณใครก่อนหลังดี

เมื่อถึงเวลาที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวต้องกล่าวขอบคุณผู้ที่มีความสำคัญในงานแต่งบนเวที หลายคู่ถึงกับออกอาการเงอะงะทำอะไรไม่ถูก เกี่ยงกันถือไมค์โยนไปมา เราขอเป็นตัวช่วยจัดระเบียบความคิดและลำดับความสำคัญในการ ขอบคุณแขกงานแต่ง รับรองว่างานนี้ไม่มีพลาดแน่นอน

ประธานในพิธี

ในเมื่อเชิญท่านมาเป็นเกียรติในงานแต่งงานแล้วก็ควรที่จะกล่าวคำขอบคุณถึงเป็นคนแรก โดยต้องพูดชื่อ-นามสกุลให้เป๊ะไม่ผิดเพี้ยน (แนะนำให้ซักซ้อมหรือถามจากผู้ใหญ่เพื่อเช็คความถูกต้องก่อน) ส่วนตำแหน่งอาจจะไม่ต้องกล่าวถึงก็ได้เนื่องจากพิธีกรของงานอาจได้มีการพูดถึงไปแล้วในช่วงที่เชิญท่านขึ้นมาบนเวที ส่วนในกรณีที่มีประธานเกิน 1 ท่านควรเรียงลำดับจากคนที่ขึ้นเวทีก่อนเป็นคนแรกเพื่อป้องกันการสับสนและเป็นการเรียงลำดับความสำคัญไปด้วยในตัว

คุณพ่อคุณแม่

บอกเลยว่าสำคัญมากและขาดไม่ได้โดยเด็ดขาด เพราะท่านคงกำลังรอฟังความในใจอยู่แน่นอน (บางท่านอาจเตรียมผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาไว้แล้วด้วยซ้ำใครจะรู้) ซึ่งลำดับการกล่าวขอบคุณบุพการีนั้น  ควรขอบคุณพ่อแม่ของอีกฝ่ายก่อนเพื่อเป็นการให้เกียรติ แล้วจึงกล่าวคำขอบคุณพ่อแม่และครอบครัวของตัวเองเป็นการปิดท้าย แบบนี้รับรองได้ใจไปเต็มๆ

ญาติผู้ใหญ่

ในกรณีที่มีญาติอาวุโสกว่าพ่อแม่ แนะนำให้กล่าวถึงท่านต่อจากประธานในงานเลย เพราะฉะนั้นบ่าวสาวควรเช็คให้ดีว่าญาติผู้ใหญ่ท่านใดที่พ่อแม่ให้ความเคารพ และจำเป็นที่จะต้องกล่าวถึง เพื่อให้เกิดความสบายใจภายในครอบครัว ไม่มานั่งน้อยอกน้อยใจกันภายหลัง

เพื่อนพ้อง & พ่อสื่อแม่ชัก

อย่าหลงลืมความสำคัญของแก็งค์เพื่อนซี้ที่มาช่วยลงแรงในงานนี้เพราะเขาเหล่านี้มาช่วยด้วยใจล้วนๆ การตอบแทนที่ดีที่สุดก็คือคำขอบคุณซึ้งๆ ที่อาจมีค่ามากกว่าการให้สิ่งของเป็นไหนๆ ส่วนบ่าวสาวคู่ไหนที่มีพ่อสื่อแม่ชักแนะนำให้เจอกันยิ่งจำเป็นที่จะต้องขอบคุณ เพราะหากไม่มีคนที่ทำหน้าที่เป็นกามเทพก็คงไม่มีคนข้างกายให้คุณได้ยืนกุมมือในเวลานี้แน่นอน

คนข้างกายที่จะเป็นคนสุดท้ายของชีวิต

หนึ่งบุคคลสำคัญที่ช่วยให้ชีวิตของคุณสมบูรณ์แบบ แค่เพียงคำพูดที่กลั่นมาจากใจประมาณว่าว่า “ขอบคุณที่เธอเกิดมาเพื่อมาพบและรักกัน ต่อจากนี้จะดูแลให้ดีไปตลอดชีวิต” แล้วหันไปหอมแก้มสักฟอด รับรองว่าเป็นคำขอบคุณที่แสนจะยิ่งใหญ่และอิ่มใจไม่แพ้แหวนเพชรหลายกะรัตแน่นอน

รู้อย่างนี้แล้วตั้งสติให้ดี สูดหายใจลึกๆ แล้วกล่าวคำขอบคุณออกมาด้วยความจริงใจ เท่านี้ก็ช่วยให้บ่าวสาวจบงานได้อย่างสวยงามแล้ว

ดูไอเดียงานแต่งและคำแนะนำเกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ : stocksnap.io

อวบแค่ไหนก็ไม่กลัว กับเคล็ดลับเลือกชุดไทยพรางหุ่นยังไงให้สวยเป๊ะ

การเลือก ชุดไทย เป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่น่าลำบากใจสำหรับว่าที่เจ้าสาวอยู่ไม่น้อย เพราะปัจจุบันชุดไทยนั้นมีมากมายหลากหลายแบบให้เลือก ซึ่งบางครั้งเลือกให้สวยหรือเลือกที่ชอบอย่างเดียวก็ไม่รอดนะคะ แต่ต้องเลือกให้สามารถอำพรางจุดบกพร่องต่างๆ ในร่างกายของเจ้าสาวได้ด้วย แพรว wedding เลยจัด เคล็ดลับเลือกชุดไทย พรางหุ่นยังไงให้สวยปังมาฝาก 

1. สีเข้มช่วยให้ดูผอม

ชุดไทยจากร้านเจ้านาง เวดดิ้ง

 

ถ้าคุณเป็นว่าที่เจ้าสาวพลัสไซส์เราแนะนำให้คุณเลือกชุดไทยที่มีสีเข้มไว้ก่อน ไม่ว่าจะเป็นสีม่วง สีน้ำเงิน สีน้ำตาล สีเขียวเข้ม และสีโทนเข้มอื่นๆ เพราะจะช่วยให้หุ่นดูเพรียวขึ้น พรางตาให้ความหนาของเรือนร่างลดลง แต่ถ้าเผลอพลาดไปเลือกชุดสีโทนสว่าง เราก็ขอให้สีนั้นเป็นช่วงบน อย่าเลือกที่เป็นสีอ่อนทั้งบนทั้งล่าง เพราะมันจะทำให้หุ่นของคุณดูตัน ใหญ่ และเทอะทะมากขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องเลือกเฉดสีเข้มที่เข้ากับโทนสีผิวของเจ้าสาวด้วยนะคะ

เจ้าสาวผิวขาวเหลือง เหมาะกับชุดไทยสีชมพู, สีแดง-ทอง, สีทอง
เจ้าสาวผิวสีน้ำผึ้ง เหมาะกับชุดไทยสีโอลด์โรส, สีทอง, สีมชมพู
เจ้าสาวผิวขาว เหมาะกับชุดไทยสีเงิน, สีชมพูอ่อน, สีฟ้าอ่อน

เพราะฉะนั้นก่อนเลือกเฉดสีที่ชอบก็ลองให้ช่างที่ร้านแมตช์สีที่ใช่ที่ช่วยพรางหุ่นของเจ้าสาวได้ด้วยนะคะ

2. ชุดมีแขนพรางแขนให้ดูเล็ก

ชุดไทยจากร้านเรือนวิวาห์ ชลบุรี

 

ชุดไทยมีแขนอย่างชุดไทยบรมพิมานเป็นหนึ่งตัวเลือกที่ดีสำหรับเจ้าสาวอวบนะคะ เพราะจะช่วยพรางช่วงต้นแขนที่เป็นปัญหาใหญ่ทำให้สาวอวบขาดความมั่นใจ แต่อย่าเลือกชุดที่แขนพองเกินไปเพราะเดี๋ยวจะยิ่งพองไปกันใหญ่ หรือเจ้าสาวคนไหนที่อยากได้ความอ่อนหวานมากขึ้นอีก จะลองเป็นชุดไทยประยุกต์แขนยาวก็เข้าท่า แล้วเลือกเนื้อผ้าลูกไม้ซีทรูก็ช่วยพรางอกและพรางแขนได้เช่นกัน แต่ระวังอย่าเลือกชุดที่มีผ้าระบายบริเวณแขนเยอะเพราะจะยิ่งทำให้แขนและไหล่ดูใหญ่ขึ้นไปอีก และควรเลือกลายลูกไม้ที่ดอกใหญ่ก็จะช่วยพรางไซส์หุ่นได้ดีเหมือนกัน

3. สไบหน้าแคบจับจีบเล็ก แลดูน่าทะนุถนอม

ชุดไทยจากร้านวสันต์ ชุดไทย

 

ใครว่าเจ้าสาวพลัสไซส์จะใส่ชุดไทยห่มสไบไม่ได้คะ จริงๆ แล้วใส่ได้และสวยด้วย ไม่ว่าจะเป็น ชุดไทยจักรพรรดิ หรือ ชุดไทยจักรี ก็ใส่ได้แบบไร้ความกังวลใจใดๆ ทั้งสิ้น เพียงแค่เจ้าสาวต้องเลือกสไบหน้าแคบลงมาหน่อย และห้ามเลือกสไบจีบใหญ่มาเด็ดขาดไม่อย่างนั้นไซส์เจ้าสาวจะดูใหญ่แบบคูณสองเข้าไปอีก และถ้าหากผ้าสไบมีลายดอกก็ขอให้เป็นดอกเล็กๆ เพราะถ้าเลือกสไบผืนใหญ่แถมลายดอกยังใหญ่อีก ทุกอย่างก็จะทำให้คุณดูใหญ่ ใหญ่ และใหญ่! มากขึ้น

ชุดไทยจากร้าน Milan Bridal Couture & Wedding Studio

แถมให้อีกนิดสำหรับเจ้าสาวไซส์ใหญ่ที่ไม่อยากใส่สไบเพราะกลัวหลุด และก็ไม่อยากใส่ชุดมีแขนเพราะอึดอัด ประมาณว่ามีทางสายกลางให้ฉันเลือกไหม?  เราตอบเลยว่า มีค่ะ! ชุดไทยดุสิตน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคุณ ด้วยช่วงบนเป็นเสื้อแขนกุด คอกว้าง ทั้งชุดตัดเข้ารูปเล็กน้อยช่วยให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้ง เน้นทรวดทรงองค์เอวชัดเจน รับรองว่าสวยแบบเป๊ะปัง (ถ้ามั่นใจในต้นแขน) ยังไงเราก็ขอให้ว่าที่เจ้าสาวไซส์บิ๊กทั้งหลายแฮปปี้ในการเลือกชุดไทยนะจ๊ะ

ดูแบบชุดแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย!

ภาพเปิด ชุดจากร้าน Costum Cafe

ชุดแต่งงานสีบลัช เหมาะกับว่าที่เจ้าสาวอย่างคุณหรือไม่? มาเช็คกัน

หลายปีที่ผ่านมานี้ชุดแต่งงานของเจ้าสาวไม่ได้จำกัดอยู่แค่สีขาวอีกต่อไป เพราะมีว่าที่เจ้าสาวหลายคนที่อยากแตกต่างด้วยการเลือกชุดแต่งงานที่มีลูกเล่นนอกเหนือไปจากรูปแบบของชุด ซึ่งก็คือเรื่องของ สี อย่างเช่น ชุดแต่งงานสีบลัช ช่วงหลังมานี้เป็นที่นิยมในหมู่เจ้าสาวตะวันตกและเหล่าเจ้าสาวคนดังต่างๆ เป็นอย่างมาก (แมนดี้ มัวร์ ในชุดแต่งงานของแบรนด์ Rodarte … อ่านเพิ่มเติม คลิกเลย) นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมระยะหลังมานี้เราถึงได้เห็นชุดแต่งงานเฉดสีบลัชบนรันเวย์มากขึ้น และได้รับความนิยมไม่ต่างจากชุดแต่งงานสีขาวหรือสีงาช้างเลย

แพรว wedding มีไกด์ง่ายๆ มาให้ว่าที่เจ้าสาวว่า ชุดแต่งงานสีบลัชนั้นดีอย่างไร เหมาะกับคุณหรือไม่ และจะแมตช์สีชุดเพื่อนเจ้าสาวอย่างไรดี … มาดูคำอธิบายถึงคำถามเหล่านี้กันเลย

 

จะรู้ได้อย่างไรว่าคุณเหมาะกับชุดแต่งงานสีบลัช?

อันดับแรก คุณต้องเป็นว่าที่เจ้าสาวที่รักในความแตกต่าง มีสไตล์เป็นของตัวเอง และมีภาพตัวเองอยู่ในชุดแต่งงานที่อยากใส่อยากชัดเจนว่าต้องเป็นแบบนี้เท่านั้น ซึ่งหากมั่นใจว่าคุณจะไม่เสียใจหากเลือกที่จะใส่ชุดแต่งงานสีนี้ในวันสำคัญก็เป็นอันจบแล้วลุยไปข้างหน้า หรือถ้าหากคุณผ่านการไปลองชุดแต่งงานสีขาวหรือสีไอวอรี่มาเป็นสิบๆ ชุดแล้ว แต่ก็ยังไม่ใช่ ไม่ถูกใจสักที บางทีชุดแต่งงานสีบลัชนี้อาจเป็นชุดแต่งงานที่เหมาะกับคุณก็ได้ ซึ่งข้อดีของคุณแต่งงานสีบลัชที่นอกจากจะทำให้ผู้สวมใส่ดูแตกต่างและโดดเด่นแล้ว ชุดแต่งงานสีบลัชยังเป็นเฉดสีที่สามารถเข้ากับโทนผิวสีต่างๆ ได้อย่างหลากหลายมากกว่าสีขาวด้วยซ้ำ แถมยังช่วยให้เจ้าสาวดูดี แตกต่าง และโดดเด่นในภาพถ่ายในวันสำคัญอีกด้วย

ชุดแต่งงานสีบลัชช่วยให้เจ้าสาวดูสวยแบบแตกต่าง

ทุกสิ่งที่เจ้าสาวเลือกมาไว้ในงานแต่งงาน ไม่ว่าจะเป็น ธีมงาน ธีมสี หรือธีมเดรสโค้ด ฯลฯ ล้วนเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงตัวตน บุคลิก และสไตล์ของคุณ เช่นเดียวกับชุดแต่งงาน ไม่ว่าจะรูปแบบชุดยาว ชุดสั้น และแม้กระทั่งสี ก็สามารถสะท้อนถึงตัวตนของเจ้าสาวได้ เพราะฉะนั้นหากคุณคือเจ้าสาวที่มีความมั่นใจ รักในความแตกต่าง และมีสไตล์ที่ชัดเจน ชุดแต่งงานสีบลัชก็ถือว่าตอบโจทย์ตัวตนของคุณได้ดีที่สุด แต่ถ้าหากสาวๆ ยังลังเลว่าชุดแต่งงานสีนี้จะดูไม่ดี ดูไม่เป็นเจ้าสาว หรือจะไปกับงานแต่งงานของเราได้ไหมนะ? เราขอบอกเลยว่า ชุดแต่งงานสีบลัชนี้ จะเป็นเฉดสีที่ดีพอที่จะไม่ไปกวนกับแบ็กดร็อป พร็อพส์ประกอบต่างๆ หรือการตกแต่งใดๆ ในงานแต่งงาน และที่สำคัญคุณจะยังดูโดดเด่นในวันสำคัญและเป็นเจ้าสาวแสนหวานที่เป็นตัวของตัวเองในชุดแต่งงานสีนี้แน่นอน

ชุดเจ้าสาวสีบลัช แล้วชุดเพื่อนเจ้าสาวต้องสีอะไร?

อย่าเพิ่งกังวลใจจนคิดจะถอยจากชุดแต่งงานสีบลัชซะก่อนนะ เพราะเรื่องนี้เรามีทางออก อันดับแรก เจ้าสาวต้องคิดไว้เสมอว่า “ฉันต้องโดดเด่นที่สุด” จากนั้นก็เพียงแค่หาเฉดสีกลางๆ มาแมตช์ทุกอย่างให้เข้ากัน ซึ่งเฉดสีที่จะไปได้ดีกับสีบลัชและไม่ขโมยซีนก็คือ เฉดสีกลางๆ อย่าง สีขาว, สีไอวอรี่ หรือ สีนู้ด เป็นต้น แต่ถ้าเจ้าสาวกลัวว่าสีเหล่านี้จะดูใกล้เคียงกับสีชุดของตัวเองไปหรือเปล่า ก็ต้องให้แก๊งเพื่อนเจ้าสาวเลือกชุดที่เป็นสีเข้มไปเลย อย่าง สีน้ำเงินหรือสีม่วง รับรองว่าเจ้าสาวจะดูโดดเด่นท่ามกลางแก๊งเพื่อนสาวแน่นอน

ดูไอเดียเกี่ยวกับชุดเพื่อนเจ้าสาวเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ pinterest.com

5 เคล็ดลับถ่ายรูปเซลฟี่แหวนแต่งงานยังไงไม่ต้องง้อแอปฯ

ฝ่ายชายได้ฤกษ์คุกเข่าขอแต่งงานสวมแหวนอย่างเป็นทางการสักที แล้วผู้หญิงอย่างเราจะเก็บเงียบไว้คนเดียวได้อย่างไรจริงไหมคะ แต่ๆๆ เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งดีใจถ่ายรูปแหวนโดยเร็วไว้แล้วอัพโหลดในทันทีทันใดนะจ๊ะ ตั้งสติให้ดี จัดที่จัดทางให้เรียบร้อย เพราะแพรว wedding มีเทคนิค เซลฟี่แหวนแต่งงาน มาฝาก ใช้เวลาเพียงชั่วอึดใจรับรองว่าเร็วไวอัพภาพได้ทันใจแน่นอน

1. แสงธรรมชาติยังไงก็รอด

แสงจากธรรมชาติจะช่วยให้แหวนเพชรเม็ดงามของคุณดูสวยงามและน่าหลงใหล เพราะฉะนั้นลองถ่ายข้างหน้าต่าง หรือพื้นที่ที่แหวนแต่งงานสามารถรับแสงจากธรรมชาติได้ รับรองว่าเพชรเม็ดงามของคุณจะง๊ามงามมากขึ้นไปอีก ว่าที่บางคนอาจจะสงสัยว่า เอ๊ะ แล้วฉันถ่ายในห้องไม่ได้เหรอ? ได้ค่ะ แต่อาจจะต้องทำใจสักนิดเพราะถ้าหากคุณถ่ายภายในห้องโดยมีเพียงแสงจากหลอดไฟ แสงฟลูออเรดเซนต์ หรือแสงไฟสีเหลืองจะทำให้เพชรของคุณดูไม่เจิดจ้า จึงเป็นปัญหาที่ว่าถ่ายยังไงก็ไม่สวยสักที เพราะฉะนั้นแสงจากธรรมชาติจะช่วยคุณได้แทบจะภายในช็อตเดียวด้วยซ้ำ

เซลฟี่แหวนแต่งงาน

2. หาเหลี่ยมมุมที่ดี

อย่ามั่นใจเกินไปด้วยการถ่ายเพียงภาพเดียวแล้วรีบโพสต์ทันที เพราะบางทีคุณอาจจะยังไม่ได้ได้มุมภาพที่ดีที่สุด เพราะฉะนั้นลองถ่ายภาพในแต่ละมุมเอาไว้เผื่อเลือกสักหน่อย อาจจะเป็นมุมท็อป มุมข้าง หรือเลือกเหลี่ยมมุมที่มือของคุณจะดูสวยที่สุดในแหวนเพชรเม็ดงาม และก่อนถ่ายอย่าลืมปิดแฟลชกันด้วยนะจ๊ะ ไม่อย่างนั้นภาพที่ออกมาอาจจะเป็นภาพสะท้อนแสงที่เจิดจ้าจนมองไม่เห็นแหวนก็ได้

3. เติมสีเล็บ ตัดแต่งเล็บให้พร้อม

แน่นอนว่าถ่ายภาพเซลฟี่แหวน นั่นแปลว่าคุณอยากอวดแหวนไม่ได้อยากอวดมือของคุณ แต่คงไม่ดีแน่หากภาพที่ออกไปคือสีเล็บที่กระดำกระด่าง หรือเล็บที่ยังไม่ได้ตัดแต่งไว้อย่างเรียบร้อย หรือแม้กระทั่งมือที่แห้งผากหยาบกระด้างก็คงไม่ดูดีในภาพถ่ายแน่ๆ เพราะฉะนั้นทำเล็บสวยพร้อมเมื่อไหร่ แล้วค่อยถ่ายเซลฟี่แหวนเก็บไว้จะดีกว่า แล้วก่อนถ่ายอย่าลืมเพิ่มความชุ่มชื้นให้มือสวยๆ ของคุณด้วยการทาโลชั่นสักหน่อย จากนั้นก็ครีเอตท่าสวยๆ ในแหวนเพชรเม็ดโตได้เลย รับรองงานนี้ได้อวดทั้งแหวน ได้อวดทั้งสีเล็บแน่นอน

4. หาแบ็กกราวนด์แบบใหม่ที่น่าตื่นเต้น

ได้เวลาปลดปล่อยความเป็นสไตลิสต์ในตัวของคุณออกมาอย่างเต็มที่ เพราะการมองหาฉากหลังที่สวยงามหรือมีลูกเล่นแปลกๆ ก็ช่วยเสริมภาพเซลฟี่แหวนของสาวๆ ให้ดูโดดเด่นได้ เช่น ฉากหลังเป็นภาพแมกกาซีนสวยๆ, บนหมอนดีไซน์เก๋ หรือจะเล่นกับพื้นหลังที่ธรรมชาติรังสรรค์มาให้อย่างเส้นขอบฟ้าที่ตัดกับน้ำทะเลก็โรแมนติกดีเหมือนกันนะคะ

5. อย่าซูมภาพผ่านกล้องโทรศัพท์มือถือ

การถ่ายภาพด้วยโทรศัพท์มือถือคุณอาจจะไม่ได้ไฟล์ภาพที่ชัดเท่ากับระดับกล้องตัวใหญ่ ยิ่งโดยเฉพาะโหมดซูมภาพก็ยิ่งไปกันใหญ่เลยค่ะ เพราะฉะนั้นถ้าอยากให้เห็นแหวนเพชรเม็ดเป้ง ก็เพียงแค่ขยับกล้องมือถือเข้าไปให้ใกล้แหวนอีกสักนิดแทนการกดซูมภาพ เท่านี้คุณก็ได้ภาพเซลฟี่แหวนแต่งงานที่สวยงามไม่แพ้การถ่ายจากกล้องตัวใหญ่แล้วค่า

แล้วสุดท้ายก็แค่แชร์ไปให้โลกรู้ค่า!! อ่อ แล้วอย่าลืมเขียนแคปชั่นภาพหวานๆ หรือแท็กหาเพื่อนคนสนิทหรือคนในครอบครัวให้รู้ตัวกันด้วยนะจ๊ะ 

ถ่ายเซลฟี่อวดแหวนแต่งงานกันไปแล้ว แต่กว่าจะถึงวันแต่งงานแหวนหมั้นวงสวยอาจจะหมองไปแล้วหรือเปล่า!! นี่เลย ทำเถอะ! 5 เรื่องดีๆ ที่จะทำให้แหวนแต่งงานคงสภาพสวยปิ๊งตลอดกาล

3 ข้อคุยให้เคลียร์กับช่างทำผมเจ้าสาว รับรองได้ทรงผมเป๊ะดั่งใจในวันแต่งงาน

สิ่งสำคัญสำหรับทรงผมของเจ้าสาวคือการพูดคุยกับ ช่างทำผมเจ้าสาว ให้ชัดเจนถึงแบบทรงผมที่เจ้าสาวต้องการ และทรงผมนั้นจะต้องไปกันได้ดีกับชุดแต่งงาน รูปหน้าของเจ้าสาว รวมไปถึงธีมงานด้วย เพราะฉะนั้นการพูดคุยกับช่างทำผมให้เข้าใจตรงกันในทุกๆ เรื่องจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อที่เจ้าสาวจะได้ผมสวยเป๊ะดั่งใจในวันแต่งงาน แพรว wedding เลยจัด 3 หัวข้อสำคัญที่เจ้าสาวจะต้องเคลียร์ให้ชัดเจนกับช่างทำผมมาฝาก

หากมั่นใจว่าช่างคนนี้ใช่ ให้รีบจองคิว

อย่าชะล่าใจและโทรนัดช่างทำผมเมื่อใกล้ถึงวันสำคัญ เพราะไม่อย่างนั้นคุณอาจจะพลาดคิวช่างทำผมคนสำคัญได้ เพราะฉะนั้นหากมั่นใจในฝีมือและโอเคเรื่องราคาควรรีบจองคิวให้ด่วน เพราะนอกจากการรันตีได้ว่าจะได้ช่างคนนี้มาไว้ในงานแต่งแน่ๆ ยังช่วยในเรื่องการวางแผนทรงผมเจ้าสาวอีกด้วย เพื่อที่จะได้นัดพบกับช่างทำผมเจ้าสาวล่วงหน้าสักประมาณ 1 เดือนก่อนถึงวันแต่งงาน เพื่อที่คุณและช่างจะได้มีเวลาปรึกษาหารือกันเกี่ยวกับทรงผม และอย่าลืมบอกถึงรูปแบบชุดแต่งงานที่เจ้าสาวจะสวมในวันนั้น ยิ่งถ้ามีภาพของชุดที่เป๊ะหรือใกล้เคียงของจริง 100% แล้วยิ่งดี เพื่อที่ช่างจะได้มองเห็นภาพว่าเจ้าสาวจะดูสวยงามได้อย่างไรในชุดนั้น พร้อมบอกธีมงานคร่าวๆ ให้ช่างทำผมทราบเพื่อที่ช่างจะได้ออกแบบทุกอย่างให้ดูกลมกลืนเป็นภาพเดียวกันที่สุด เพราะฉะนั้นการเผื่อเวลาไว้จึงเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อให้ช่างได้มีเวลากลับไปทำการบ้านในการหาแนวทางทำให้เจ้าสาวออกมาสวยที่สุด

สำรวจสไตล์ไปพร้อมๆ กัน

ในวันที่นัดพูดคุยกับช่างทำผม เจ้าสาวควรบอกถึงสไตล์ทรงผมที่อยากได้ และควรจะมีภาพเป็นเรฟเฟอร์เรนซ์ไปให้ช่างดูด้วยเพื่อที่จะได้เห็นภาพชัดเจนที่ตรงกัน และอย่าลืมบอกสิ่งที่เจ้าสาวชอบและไม่ชอบ ซึ่งไม่ต้องเกรงใจที่จะพูดในสิ่งที่เรารู้สึกนะคะ เพราะอย่าลืมว่าวันนั้นเป็นวันสำคัญของคุณและช่างทำผมเขาก็พร้อมที่จะรับฟังความคิดเห็นของคุณเสมอ เช่น หากเจ้าสาวอยากได้แบบเรียบหรู หรืออยากได้แบบฟุ้งๆ ดูชวนฝัน ก็บอกสิ่งที่ต้องการไปให้ชัดเจนเพื่อที่ช่างจะได้ต่อยอดจากภาพถ่ายและความคิดเหล่านั้นให้ออกมาเป็นทรงผมที่เข้ากับเจ้าสาวได้มากที่สุด และนอกจากการที่จะได้คุยกันเรื่องสไตล์แล้ว ในวันนั้นช่างทำผมยังจะได้เห็นสภาพเส้นผมของเจ้าสาวด้วยว่ามีความยาวและสีผมเป็นอย่างไร เหมาะกับการทำทรงผมที่เจ้าสาวต้องการหรือไม่ เพื่อที่จะได้ให้คำแนะนำกับเจ้าสาวได้อย่างถูกต้อง

จงเป็นตัวของตัวเองอย่างเป็นธรรมชาติ

เจ้าสาวอาจจะเห็นแบบทรงผมมากมายจากเจ้าสาวรุ่นพี่ แต่อย่าลืมนะคะว่าแบบที่เราเห็นว่าสวยๆ นั้นบางทีอาจจะไม่เหมาะกับเราก็ได้ เพราะมีองค์ประกอบหลายอย่างที่ต้องคำนึง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความยาว สภาพเส้นผม หรือสีผม เป็นต้น และบางครั้งเจ้าสาวหลายคนเลือกที่จะเสริมแอคเซสซอรี่บางอย่าง หรือเลือกการต่อผมเพื่อที่จะให้ผมมีความยาวหรือหนาขึ้นพอที่จะทำผมตามแบบที่ต้องการได้ แต่บางครั้งสิ่งเหล่านั้นอาจกลายเป็นสิ่งที่น่าหงุดหงิดสำหรับเจ้าสาวในวันสำคัญ เพราะเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เสมอ เช่น แอคเซสซอรี่ประดับเพชรพลอยชิ้นงามเกิดหลุดหายไปหนึ่งเม็ด หรือช่อผมที่ต่อไว้ดันหลุดในวันงาน จากความสวยงามก็กลายเป็นพังพินาศได้ในพริบตา

เพราะฉะนั้นเราขอแนะนำให้คุณเป็นตัวของตัวเองอย่างเป็นธรรมชาติให้มากที่สุด และจงให้ความเชื่อใจกับช่างทำผมเจ้าสาว ว่าเขาจะสามารถเนรมิตในสิ่งที่คุณมีแบบไม่ต้องเพิ่มเติมอะไรเข้าไป เพียงแค่เจ้าสาวบอกความต้องการที่อยู่ในใจออกมาให้หมด รับรองว่าช่างทำผมมืออาชีพที่คุณเลือกมาจะสามารถเสกให้เจ้าสาวสวยสมบูรณ์แบบโดยที่ไม่ทิ้งความเป็นตัวเอง พร้อมๆ ไปกับได้ทรงผมในแบบที่เจ้าสาวต้องการและชื่นชอบได้อย่างแน่นอน เพราะคุณคงไม่อยากดูเป็นคนอื่นในวันสำคัญของตัวเอง จริงไหมล่ะคะ

ดูเรื่องความสวยความงามและสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ : chrysalissalon.com, bridalmusings.com

5 เรื่องที่ควรกระซิบบอกแม่ๆ ก่อนปล่อยให้เลือกชุดไปงานแต่งลูก

แปลกนะคะที่บ่าวสาวส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับเรื่องธีมการแต่งตัวของเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวมากมาย แต่กับคุณแม่ ซึ่งจริงๆ แล้วมีฐานะเป็นเจ้าภาพเช่นเดียวกับคุณกลับมีความงงกันตลอดว่า ต้องแต่งตัวยังไงดีจึงจะเหมาะกับ งานแต่งลูก วันนี้ แพรว wedding จึงสรุปมาให้ว่ามีเรื่องไหนบ้างที่คุณควรกระซิบบอกคุณแม่เพื่อเป็นแนวทางให้ท่านได้เตรียมชุดเหมาะๆ เพื่องานแต่งของคุณ


1. งานของคุณเป็นงานแบบทางการหรือไม่เป็นทางการ

เกริ่นบอกท่านสักหน่อยว่า ธีมงานของคุณเป็นแบบไหน แต่การบอกครั้งนี้ต้องใส่รายละเอียดด้วยนะคะ เพราะท่านไม่ได้โตมาในยุคเดียวกับคุณ งานแต่งงานในยุคของท่านกับยุคของคุณคนละแบบแน่นอน ดังนั้นอย่าบอกแค่ว่าคนเยอะหรือคนน้อยแล้วให้จินตนาการความเป็นทางการไปเอง แต่ให้เล่าคร่าวๆ ถึงพิธีการต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นมีความเป็นทางการหรือบรรยากาศจริงจังแค่ไหน เพื่อท่านจะได้เลือกเสื้อผ้าที่ดูดี ใส่แล้วภูมิฐาน สมฐานะพ่อแม่เจ้าบ่าวเจ้าสาวที่จะยืนรับแขกคนสำคัญที่เชิญมาร่วมงาน

 

2. สถานที่จัดงานแต่งงานเป็นแบบไหน

จริงอยู่ที่ก่อนจะเลือกสถานที่จัดงานแต่งงาน หลายคู่ก็ปรึกษาคุณพ่อคุณแม่ แต่ก็มีหลายคู่เช่นกันที่พ่อแม่ปล่อยให้เป็นเรื่องของคุณ ซึ่งนี่แหละเป็นเหตุผลที่คุณต้องแจ้งบอกกับท่านสักหน่อยว่า สถานที่ที่จะจัดงานแต่งงานเป็นแบบไหน เช่นงานนี้เป็นงานแต่งงานริมทะเลอารมณ์สบายๆ เป็นกันเอง ท่านจะได้ไม่ต้องสั่งตัดสูทหรือเดรสผ้าลูกไม้เนื้อดีลากกระโปรงชายยาวมาใส่บนพื้นทราย หรือถ้าเป็นงานแต่งในโรงแรม ไม่ว่าจะเป็นห้องขนาดไหน ก็บอกกันไปตรงๆ ให้รู้จะได้เตรียมชุดหรูให้เข้ากัน

 

3. ธีมสีของงานแต่งงาน

ในเมื่อคุณตัดสินใจเลือกกันมาอย่างคร่ำเคร่งจนได้ข้อสรุปแล้วว่า งานแต่งงานของคุณจะใช้สีธีมงานไหนเป็นหลัก ก็ควรจะแจ้งบอกท่านให้รู้เช่นเดียวกับที่บอกแขกและแก๊งเพื่อนบ่าวสาว อย่างน้อยเพื่อให้ท่านได้มีตัวเลือกในการตัดชุดมางานของคุณแคบลง และไม่เลือกแบบตามฉันจนโดดเด่นซะแขกเหรื่อเอาไปเม้าได้ว่า เป็นเจ้าภาพยังไม่แต่งตามธีม แล้วจะมาหวังอะไรให้แขกแต่งตามส่วนคุณพ่อแม้จะใส่สูทก็จะได้เลือกเนคไทเข้ากับสีธีมงานและเข้าคู่กับคุณแม่ยังไงละคะ

 

4. สีชุดของแก๊งเพื่อนเจ้าสาว

ข้อนี้ต้องบอกกับคุณแม่ของคุณให้จงได้ เพราะต่อให้คุณแจ้งบอกเรื่องธีมสีงานแต่งไปแล้ว แต่ต้องกระซิบบอกให้ท่านเลือกเฉดสีของชุดให้ต่างจากชุดเพื่อนเจ้าสาวนะคะ ก็แหม…ไม่ต้องบอกก็คงคิดภาพออกใช่ไหมว่าแขกจะตะลึงแค่ไหน ถ้าหันไปเจอคุณแม่บ่าวสาวใส่ชุดสีเดียวกันเป๊ะๆ กับแก๊งเพื่อนเจ้าสาวทั้งแก๊ง

 

5. สีชุดของเจ้าสาว

แน่นอนว่าโดยส่วนใหญ่แล้วเจ้าสาวยึดสีขาวไปเป็นสีชุดแต่งงานแทบทั้งนั้น แต่อย่าลืมสิคะว่า สีขาวไม่ได้มีเฉดเดียว และยุคนี้ก็ไม่ได้จำกัดว่าชุดแต่งงานต้องมีสีขาวเสมอไป คุณอาจเลือกสีขาวงาช้างที่ไม่ใช่ขาวจั๊วะหรือบางนางเลือกชุดแต่งงานสีชมพูอ่อนไม่ก็สีแชมเปญตามเทรนด์ ฉะนั้นเวลาแจ้งบอกคุณแม่อย่าลืมคิดด้วยว่าคุณแม่ไม่ได้ตามเทรนด์ไปพร้อมๆ กับคุณนะคะ บางท่านอาจนึกว่าสีงาช้างมันเป็นเฉดสีขาวก็จริงแต่ออกไปทางเฉดขาวครีมๆ น่าจะใส่ได้ ซึ่งกลายเป็นว่าตรงกับขาวที่คุณเลือกเป็นชุดเจ้าสาวซะงั้น

หรือบางท่านอาจคิดเอาเองว่าลูกน่าจะใส่สีขาว งั้นตัดชุดสีชมพูอ่อนสื่อถึงความรักไปงานลูกดีกว่า แต่พอมาเจอกันหน้างาน อ้าว…ลูกสาวของแม่เลือกชุดเจ้าสาวสีชมพู แบบนี้เรียกว่าโป๊ะแตกยังกับแฝดซะงั้น

5 เรื่องง่ายๆ ที่แค่สละเวลากระซิบบอกท่านเอาไว้ อย่างน้อยเพื่อเป็นแนวทางให้ท่านได้ตัดสินใจเลือกชุดสวยๆ มาใส่ให้สมฐานะคุณแม่บ่าวสาว แล้วรับรองว่างานนี้ไม่มีดราม่าและไม่มีการว่ากันว่า ‘ทำไมคุณแม่ไม่ถามหนู’ หรือ ‘ทำไมลูกไม่บอกแม่ให้เสียอารมณ์’

ดูเรื่องราวเกี่ยวกับชุดเจ้าบ่าว เจ้าสาว และเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย! 

เรื่อง : ดอกปีบ
ภาพ : marthastewartweddings.com

4 สไตล์ชุดแต่งงานไทยของว่าที่เจ้าบ่าว หล่อเป๊ะถูกใจคุณเจ้าสาว

ส่อง 4 สไตล์ ชุดแต่งงานไทยเจ้าบ่าว

คุณว่าที่เจ้าบ่าวทั้งหลายคงไม่หนักใจเท่าไหร่สำหรับการเลือกชุดแต่งงานแบบสูทสากล แต่การเลือก ชุดแต่งงานไทย นี่สิที่ทำเอาหนุ่มๆ ทั้งหลายเกือบจะออกอาการเบ้ปาก เพราะใส่แล้วออกจะรู้สึกเก้ๆ กังๆ เคอะๆ เขินๆ เหมือนจะเดินไม่ถูก แต่แหม…ครั้งหนึ่งในชีวิตนะคะคุณขาที่จะได้ใส่อะไรที่เป็นไท๊ยไทยแบบนี้ เอาเป็นว่า เพื่อลดอาการเกร็งของคุณเจ้าบ่าว แพรว wedding มีแบบ ชุดแต่งงานไทยเจ้าบ่าว 4 สไตล์มาฝาก มั่นใจแบบไหนก็บอกสาวข้างกายแล้วจูงมือกันไปลองได้เลย

ชุดแต่งงานไทยชายแบบประยุกต์

ชุดแต่งงานไทยเจ้าบ่าว
ชุดแต่งงานไทย เจ้าบ่าว
ภาพจาก @margie_rasri

สำหรับว่าที่เจ้าบ่าวที่เจ้าสาวอยากให้ใส่ชุดไทย แต่อีกใจไอเราก็อยากดูดี ชุดแต่งงานไทยแบบประยุกต์ นี่แหละตอบโจทย์สุด เพราะตัวเสื้อช่วงบนหนุ่มๆ สามารถเลือกสวมสูทแบบสากลได้ โดยอาจจะเลือกเฉดสีที่ไปในทางเดียวกันกับธีมงาน หรือชุดแต่งงานไทยของเจ้าสาว ส่วนท่อนล่างก็อนุรักษ์ความเป็นไทยด้วยการนุ่งโจงกระเบน ที่เมื่อจับคู่กันแล้วได้ลุคที่ดูกึ่งทางการ ส่วนรองเท้าก็อาจจะเลือกเป็นรองเท้าหนังเฉดสีที่เข้ากันกับชุด หรือจะเลือกสวมเป็นสนีกเกอร์เหมือนหนุ่มป๊อกในรูปก็ได้นะ เท่ดีไปอี๊กกกกกก

ชุดแต่งงานแบบสูทสากล

ชุดแต่งงานไทย
ชุดแต่งงานไทย เจ้าบ่าว
ภาพจาก @Jakawinphotography

แต่ถ้าหนุ่มๆ คนไหนที่คิดว่ายังไงก็ไม่น่าจะรอดกับชุดแต่งงานไทยแบบเต็มยศ ก็อาจจะขออนุโลมการแต่งกายกับคุณพ่อคุณแม่ และเจ้าสาว โดยเปลี่ยนมาสวมเป็น ชุดสูทสากล แทน ยิ่งถ้าหากคุณเจ้าสาวเลือกสวมชุดแต่งงานไทยแบบประยุกต์ด้วยแล้ว บอกเลยว่ายังไง๊ยังไงก็เข้ากันได้ดีกับชุดสูทเต็มยศของว่าที่เจ้าบ่าวแน่นอน ส่วนเฉดสีนั้นก็อาจจะเลือกเป็นเฉดสีอ่อนลงมาหน่อย เช่น สีขาว สีเทา หรือสีครีมเป็นต้น

ชุดแต่งงานไทยแบบเต็มยศ

ชุดแต่งงานไทย
ชุดแต่งงานไทย เจ้าบ่าว
ภาพจาก @GorgaiPhotography

เสื้อราชปะแตน จับคู่กับผ้านุ่งโจงกระเบน นี่แหละลุคชายไทยที่แท้ทรู แถมยังเป็นสไตล์ชุดที่สามารถเข้ากันได้ดีกับชุดแต่งงานไทยของเจ้าสาวทุกแบบ ซึ่งเคล็ดลับการใส่ชุดแต่งงานไทยสไตล์นี้ให้รอดก็คือ การตัดเย็บเสื้อให้มีความพอดีกับรูปร่าง เพราะถ้าหากเสื้อใหญ่เกินไป เดี๋ยวจากเจ้าบ่าวจะกลายเป็นกำนันผู้ใหญ่บ้านไปไม่รู้ตัว ส่วนเฉดสีอาจจะเลือกให้เข้ากับสีของชุดเจ้าสาวเป็นหลัก เท่านี้ก็สวยหล่อแพ็คคู่แล้วจ้า

ชุดแต่งงานไทยแบบย้อนยุค

ชุดแต่งงานไทย
ชุดแต่งงานไทย เจ้าบ่าว
ภาพจาก FB Unfriend-The-Wedding / FB 21day

ชุดแต่งงานไทยสไตล์ย้อนยุคนิดๆ กับชุดไทยเสื้อราชปะแตนจับคู่กับผ้านุ่งโจงกระเบน แล้วเพิ่มเครื่องประดับอย่างผ้าผูกเอว เข็มขัด และสังวาลย์ ถึงจะดูเป็นลุคไทยแบบจัดเต็มแต่เมื่อแต่งออกมาแล้วก็ไม่เตร๊งเตรงเตร่งเตร๊งเป็นลิเกนะจ๊ะ เพราะหนุ่มเป๊กเปรมเขาพิสูจน์มาแล้วว่าลุคนี้หน่ะ ผ่าน!!

ติดตามไอเดียเกี่ยวกับชุดแต่งงานเจ้าบ่าวอีกเพียบที่นี่ คลิกเลย!

ทิปส์ล็อกความสวยเจ้าสาวให้อยู่หมัดในวันสำคัญแบบสวยไม่สร้าง

ถึงแม้เจ้าสาวจะดูแลตัวเองมาเป็นอย่างดีตลอดหลายเดือนก่อนถึงวันสำคัญ แพรว wedding ก็ขอเตือนว่าอย่าพลาดตกม้าตายเมื่อถึงวันงานเป็นอันขาด อย่าให้ที่ทำมาตลอดหลายเดือนต้องเสียเปล่าเชียวนะคะ เพราะต่อให้ข้างในเปล่งปลั่งงดงามแค่ไหนก็พังได้ถ้าวันนั้นไม่ดูแลตัวเอง เอาเป็นว่าดูแล ความสวยเจ้าสาว ไปให้ตลอดรอดฝั่งจนจบงานเป็นดีที่สุด แพรว wedding เลยเตรียมสิ่งที่ควรทำในวันแต่งงานของคุณเพื่อคงความงามไว้ให้ปลอดภัยจนถึงช่วงเข้าห้องหอเลยทีเดียว ว่าแต่มีอะไรบ้างไปดูกันเลย

  • พกกระดาษทิชชูไว้ซับเหงื่อและความมันส่วนเกินบนใบหน้า ห้ามใช้กระดาษซับมันนะคะ เพราะนอกจากจะยิ่งกระตุ้นให้เกิดความมันมากยิ่งขึ้นแล้ว เครื่องสำอางยังหลุดง่ายอีกด้วย
  • พกแป้งฝุ่นและแปรงปัดแป้งไว้เติมหลังจากที่ซับหน้าด้วยทิชชู ไม่ควรใช้พัฟในการเติมระหว่างวัน เพราะจะทำให้เครื่องสำอางดูหนาขึ้นและเกิดคราบได้
  • พกลิปกลอสแบบมีสีไว้ใช้เติมเพื่อให้ปากชุ่มชื่นไม่ลอกเป็นขุย และไม่ควรเลียปากเพราะจะทำให้ปากยิ่งแห้งลอก และลิปสติกหลุดง่ายขึ้น
  • แผ่นชีทเช็ดเครื่องสำอาง เป็นกระดาษพกพาง่าย ไว้เช็ดเครื่องสำอางที่เลอะระหว่างวัน เช่น แพนด้าใต้ตา มาสคาร่าเลอะ เป็นต้น
  • ไม่ควรนั่งเท้าคาง เช็ดถูจมูกอย่างรุนแรง และเกาใบหน้าโดยใช้เล็บ เพราะจะทำให้เครื่องสำอางหลุดเป็นจุดๆ ได้

สุดท้ายในวันแต่งงานเจ้าสาวควรทานอาหารให้อิ่มป้องกันการเป็นลม และย้ำอีกครั้ง ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีกากใยมาก และอาหารที่เสี่ยงต่อการท้องเสีย ท้องอืด และดื่มน้ำแบบน้อยๆ แค่จิบก็พอค่ะ เพราะห้องน้ำในวันงานคนมักจะเยอะ ทำให้เสียเวลาและไม่สะดวกด้วย

ติดตามทิปส์ความงามดีๆ อีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย!

cr : thefashionstyles.us, weddingbee.com

รอยสัก ในชุดเจ้าสาว จะเปิดเผย หรือจะปกปิดดีนะ? คลิกอ่านเพื่อหาคำตอบเลย

ยุคนี้ หนุ่มสาวสายฮิป สายเปรี้ยวเท่ห์หลายคนนิยมสักลวดลายบนเรือนร่างจน รอยสัก บนร่างกายถือเป็นเรื่องปกติไปแล้ว แถมยังกลายเป็นเทรนด์แฟชั่นหรืองานศิลปะที่ดูสวยงามได้อีกด้วย แต่พอถึงคราวต้องแต่งงานนี่สิ! กุมขมับกันเลยทีเดียว ไหนจะผู้ใหญ่บ้านเขาบ้านเราไม่แฮ้ปปี้ ไหนจะเลือกชุดเจ้าสาวยากไปอีก ลองมาดูกันค่ะว่าที่จริงแล้วเราสามารถเปิดเผยรอยสักในชุดเจ้าสาวได้ไหม แล้วถ้าเราอยากปกปิดรอยสัก มีวิธีไหนที่จะช่วยเราได้บ้าง

 

กลุ่มผู้ใหญ่ในงานเราส่วนใหญ่เป็นคนแบบไหนกันนะ?

ต้องยอมรับว่ายุคนี้สังคมเราเปิดกว้างขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากๆ รวมทั้งผู้ใหญ่ยุคนี้ก็ค่อนข้างปล่อยให้หนุ่มสาวสามารถเลือกจัดงานแต่งงานในแบบที่ตัวเองชอบได้โดยไม่ยึดติดตามธรรมเนียมเดิมมากนัก เพราะฉะนั้นหากงานแต่งงานของเราจัดขึ้นในธีมที่ค่อนข้างสบาย เป็นกันเอง หรือดูโมเดิร์นทันสมัย การใส่ชุดเจ้าสาวสีขาวที่เผยให้เห็นรอยสักนั้นสามารถทำได้โดยไม่ดูผิดกาละเทศค่ะ แต่ถ้าหากดูทรงแล้วผู้ใหญ่ฝั่งเขา หรือฝั่งเรา ยังคงอยากได้งานแต่งงานแบบธรรมเนียมปฏิบัติที่ดูสวยงามเหมาะสม (พูดง่ายๆ คือออกแนว  conservative) ก็คงต้องหาวิธีปิดรอยสักกันจะดีกว่าค่ะ

 

เลือกเผยรอยสักในงานแบบสากล (งานเลี้ยงฉลอง) แทนพิธีไทย

เจ้าสาวในชุดไทย ไม่ว่าจะสไตล์ไทยแท้ดั้งเดิมหรือประยุกต์ ถ้ามีรอยสักโผล่มาให้เห็นก็คงจะไม่สวยงามเท่าไร เพราะฉะนั้นถ้าเจ้าสาวมีรอยสักและต้องการใส่ชุดไทยในงานแต่งงานแบบพิธีไทย เราแนะนำให้เลือกแบบชุดไทยแบบคอปิดและแขนยาวที่ช่วยปกปิดบริเวณรอยสัก เช่น ชุดไทยบรมพิมาน หรือชุดไทยจิตรลดาค่ะ ไว้เปิดเผยรอยสักในชุดเจ้าสาวสีขาวสไตล์ชิคๆจะดูเก๋กว่านะ

รอยสัก
ชุดเจ้าสาวพิธีไทยจาก Vanus Couture


เลือกชุดเจ้าสาวสากลแบบที่ช่วยอำพราง

ถ้าหากไม่ได้อยากเผยรอยสักในชุดเจ้าสาว ลองเลือกชุดเจ้าสาวแบบที่ช่วยปกปิดรอยสักบริเวณนั้นดูค่ะ ผู้หญิงส่วนใหญ่จะชอบสักบริเวณหลัง หรือไหล่ อาจจะต้องมองหาชุดเจ้าสาวคอกลม หรือแขนยาว ที่ช่วยปกปิดเนื้อหนังบริเวณนั้นได้ และในบางกรณีอาจจะต้องใช้คอนซีเลอร์ช่วยปกปิดเสริมด้วยค่ะ

g0


คอนซีเลอร์มิตรแท้ของเจ้าสาวมีรอยสัก!

ต้องขอบคุณยุคนี้ที่เทคโนโลยีเครื่องสำอางไปไกลมากจริงๆ เจ้าสาวที่มีรอยสัก แต่ดั๊นนไปเจอชุดเจ้าสาวที่ถูกใจซึ่งไม่ได้ช่วยปกปิดรอยสักบริเวณนั้นเลย คอนซีเลอร์ช่วยคุณได้ เราลองลิสต์มาให้ดูว่ามีคอนซีเลอร์รุ่นไหนบ้างที่ให้การปกปิดสูง รวมทั้งบางรุ่นออกแบบมาเพื่อปกปิดรอยสักโดยเฉพาะอีกด้วย ซื้อครั้งเดียวคุ้มเพราะใช้ปกปิดรอยคล้ำใต้ตา รอยสิวก็ได้ด้วย หรือคุณจะแจ้งช่างแต่งหน้าเจ้าสาว เพื่อให้ช่างแต่งหน้าช่วยลงเมกอัพปกปิดให้คุณก็ได้เหมือนกันค่ะ

 

สุดท้ายนี้หวังว่าเหล่าเจ้าบ่าว หรือเจ้าสาวที่มีรอยสัก จะสามารถตัดสินใจที่จะเปิดเผย หรือปกปิด รอยสัก ในวันแต่งงานได้อย่างไม่รู้สึกแย่หรือเสียดายภายหลังนะคะ อย่าลืมนะคะว่าเราต้องคำนึงถึงความเหมาะสมมาก่อน แล้วลองใช้ตัวช่วยอื่นๆ เพื่อความสวยงามดูค่ะ

ชอบคอนเท้นต์นี้ของเรา? คลิกอ่าน 10 ออยล์สุดเริ่ด สำหรับ เจ้าสาว ขี้เกียจ ใช้ชิ้นเดียวบำรุงล้ำลึกได้หัวจรดเท้า!

credit photo: Charming Wedding Studio, Refinery49 , Wedding Inspirasi

โต๊ะจีน vs. ซิทดาวน์ดินเนอร์ จัดเลี้ยงงานแต่งแบบไหนแขกปลื้มไม่โดนเม้า

ถ้าจะพูดถึงรูปแบบการจัดเลี้ยงสำหรับงานแต่งงานก็คงจะหนีไม่พ้นการจัดเลี้ยงที่นั่งทานกันอย่างสบายๆ ทานไปพูดคุยกันไป ซึ่งส่วนใหญ่ที่เรามักจะเห็นกันบ่อยๆ ก็คือ การจัดเลี้ยงแบบ “Chinese Dinner” หรือที่เราเรียกกันว่า การจัดเลี้ยงแบบ โต๊ะจีน แต่ตอนนี้เทรนด์การจัดเลี้ยงแบบตะวันตกอย่าง “Sit Down Dinner” กำลังมา ใครที่ยังสงสัยว่า เอ๊ะ มันจะเป็นอย่างไรนะ แล้วจะต่างกับโต๊ะจีนตรงไหน ถ้าอยากรู้เราก็มีคำตอบมาให้ค่ะ 

1. โต๊ะจีน (Chinese Dinner) – เมนูวางกลาง แบ่งกันทานก็อิ่มได้

โต๊ะจีน

 

เป็นการจัดเลี้ยงอีกประเภทหนึ่งที่นิยมกันมาก แถมยังถูกใจผู้หลักผู้ใหญ่หลายคนอีกด้วย การนั่งโต๊ะจีนจะเปิดโอกาสให้ทุกคนได้สังสรรค์และแบ่งปันอาหารกันทานแบบคนในครอบครัว ส่วนมากจะจัดให้นั่งโต๊ะละ 8-10 คน มีพนักงานนำอาหารมาเสิร์ฟถึงโต๊ะ โดยจะเริ่มเสิร์ฟจากอาหารเรียกน้ำย่อย อาหารจานร้อน อาหารจานหลัก และปิดท้ายด้วยของหวานซึ่งเมนูอาหารต่อ 1 เซ็ตส่วนใหญ่อยู่ที่ 6-8 เมนู

ข้อดีของโต๊ะจีนก็คือ แขกภายในงานไม่ต้องทนยืนจนเมื่อยเหมือนกับการจัดเลี้ยงแบบค็อกเทลจึงเหมาะสำหรับงานที่เชิญแขกผู้ใหญ่มาก และแขกจะทานอาหารกันได้อิ่มท้อง

ข้อเสียของโต๊ะจีนก็มีเช่นกัน เพราะกว่าอาหารจะถูกนำมาเสิร์ฟจะต้องรอให้มีแขกมาร่วมงาน 60-70 % เปอร์เซ็นต์ซะก่อน ทำให้แขกบางคนต้องหิ้วท้องรอ อีกทั้งหากจำนวนโต๊ะเยอะก็จะทำให้การเสิร์ฟล่าช้า ทำให้ทานกันไม่ต่อเนื่อง แต่ในบางกรณีที่แขกมาช้าจะต้องเสิร์ฟตามเวลาที่ตั้งไว้ เนื่องจากมีข้อจำกัดด้านเวลาในการใช้สถานที่

เรื่องค่าใช้จ่ายจะคิดเป็นราคาต่อโต๊ะขึ้นอยู่กับแพ็คเกจและรายการอาหารที่เจ้าภาพต้องการ และแน่นอนว่าไม่นับรวมราคาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

2. ซิทดาวน์ดินเนอร์ (Sit Down Dinner) – นั่งโต๊ะเดิ้นๆ แบบชาวตะวันตก

Photo by Juliette F on Unsplash

ซิทดาวน์ดินเนอร์ ฟังดูโก๋หรูแบบชาวตะวันตก ถ้าลองนึกภาพตามในหนังฝรั่งก็จะเป็นโต๊ะยาวๆ นั่งทานกันแบบจีบปากจีบคอดูดีมีระดับ หรืออาจจะปรับเป็นโต๊ะกลมโต๊ะเหลี่ยมได้ตามความสะดวก และแน่นอนค่ะว่าการจัดเลี้ยงแบบนี้ค่อนข้างเป็นทางการและเหมาะกับงานที่จำนวนแขกไม่เยอะมากหรือเน้นแค่คนสนิทใกล้ชิดกัน

ใครที่คิดจะจัดเลี้ยงแบบนี้ขอบอกว่าต้องเช็คจำนวนแขกให้เป๊ะๆ ด้วยการคอยติดตามขอคำตอบ “คอนเฟิร์ม” เข้าร่วมงานจากแขกที่เราเชิญ เพราะต้องทำป้ายชื่อระบุที่นั่งของแขกแต่ละคนแบบเฉพาะเจาะจง ต่างจากการจัดเลี้ยงแบบโต๊ะจีนที่นั่งล้อมวงกันสบายๆ และเนื่องจากจำนวนแขกน้อย มีแต่คนสนิท การเช็ครายละเอียดต่างๆ ผ่านทางโทรศัพท์ Line หรือ Facebook ก็จะง่ายขึ้น เพราะเราสามารถส่งเมนูอาหารเพื่อให้แขกแจ้งกลับมาว่าจะเลือกทานอาหารประเภทใด เช่น หมู เนื้อ ปลา ฯลฯ รวมถึงถ้าแขกคนไหนมีข้อจำกัดด้านอาหาร เช่น เป็นคนทานมังสวิรัตก็สามารถแจ้งโดยตรงกลับมาที่เจ้าภาพได้ทันที

Photo by CHUTTERSNAP on Unsplash

จุดเด่นของซิทดาวน์ดินเนอร์ก็คือ การทานอาหารแบบไฮโซค่ะ จานใครจานมันไม่ได้ทานรวมกันเหมือนโต๊ะจีน และจะเสิร์ฟอาหารแบบเป็นคอร์ส ซึ่งส่วนมากจะอยู่ที่ 3 คอร์สต่อแขกหนึ่งคน เริ่มเสิร์ฟจาก Appetizer, Main course และ Dessert บางงานอาจเสิร์ฟมากกว่านี้ขึ้นอยู่กับแพ็คเกจของแต่ละโรงแรมที่คุณเลือก แต่รับรองว่าอิ่มแน่นอน

แต่ความยุ่งยากก็อยู่ที่ การเลือกเมนูอาหารซึ่งจะต้องเดาใจแขกที่มาร่วมงานพอสมควร เจ้าภาพส่วนใหญ่จึงเลือกอาหารกลางๆ แบบที่ทุกคนทานได้ เช่น ไก่ และปลา รวมถึงมักจะหมดงบประมาณไปกับการตกแต่งโต๊ะให้ดูสวยงาม

ส่วนค่าใช้จ่ายก็เป็นแบบคิดราคาต่อหัว ซึ่งข้อดีอีกอย่างหนึ่งของการจัดเลี้ยงแบบซิทดาวน์ดินเนอร์ก็คือ เมื่อคุณกะจำนวนคนได้แน่นอนแล้ว (จากการคอนเฟิร์มของแขก) จะทำให้จำกัดงบประมาณในการจัดเลี้ยงได้ค่อนข้างชัดเจน และเช่นเดียวกันกับการจัดเลี้ยงแบบโต๊ะจีนว่าไม่รวมราคาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ค่ะ

Photo by Stella de Smit on Unsplash

แถมอีกนิดสำหรับผู้ที่ได้รับเชิญไปร่วมงานเลี้ยงแบบซิทดาวน์ดินเนอร์ ถ้าคุณแจ้งคอนเฟิร์มเข้าร่วมงานแล้วก็ขอให้ทำตัวให้ว่างจริงๆ ในวันงานด้วยนะจ๊ะ พูดง่ายๆ ว่า “สัญญาต้องเป็นสัญญา สัญญาว่ามาต้องมา” เพราะว่าเจ้าภาพเขาจ่ายเงินในส่วนของคุณไปแล้ว

ไม่ว่าบ่าวสาวจะเลือกจัดเลี้ยงแบบโต๊ะจีนหรือซิทดาวน์ดินเนอร์ สิ่งสำคัญที่ควรคำนึงถึงคือ ความเหมาะสมกับสไตล์งานของตนเอง สถานที่จัดงาน จำนวนแขก รวมถึงงบประมาณที่จะใช้จัดเลี้ยงด้วยนะคะ

ซิทดาวน์ดินเนอร์-บุฟเฟ่ต์-เมนูซุ้ม อาหารงานแต่ง แบบไหนที่ใช่สำหรับงานคุณ

ภาพ : www.ritzgardenhotelmanjung.com, www.hotelkurrajong.com.au,
biagios.wordpress.com, www.theglobeandmail.com