3 มารยาทงานแต่งงานหลักๆ ที่แขกผู้มีเกียรติต้องมีเมื่อไปงานแต่ง

ไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องมีมารยาท แม้กระทั่ง มารยาทงานแต่งงาน ก็ต้องมีเหมือนกันนะ

ว่าด้วยเรื่องของแขกผู้มีเกียรติที่ได้รับเชิญให้ไปร่วมงานแต่งงาน บางคนที่ไปบ่อยๆ ไปจนชินก็อาจจะรู้งาน และทำทุกอย่างได้ถูกต้องเหมาะสม แต่สำหรับแขกมือใหม่ป้ายแดง ที่ยังเก้ๆ กังๆ ไปไม่ถูก มาค่ะ แพรว wedding จะพาเข้าหลักสูตรแบบ 3 ข้อจบ กับ 3 มารยาทงานแต่งงาน ที่แขกทุกคนต้องทราบ

ใส่ซองเท่าไหร่ดี

หลักการให้ซองที่มักได้ยินกันคือ เขาเคยช่วยงานครอบครัวคุณเท่าไหร่ ให้ทำสมุดจดไว้ แล้วถึงเวลาที่คุณไปงานเขา ควรจะให้มากกว่าที่เขาเคยให้ อีกประการหนึ่งที่นำมาเป็นเกณฑ์ในการใส่ซองคือ ดูจากสถานที่จัดงาน เช่น จัดงานในโรงแรมห้าดาว แต่ใส่ซองไป 500 บาท เพื่อนอาจไม่ว่า เพราะเขาคงไม่ได้มาหวังคืนทุนหรือร่ำรวยจากการจัดงานแต่ง แต่เป็นมารยาทที่แขกต้องคำนึง เช่น โรงแรมห้าดาว ค่าค็อกเทลต่อหัวก็มีราคา 500 บาทขึ้นไปจนถึงหลักพัน ถ้าเป็นงานเลี้ยงแบบบุฟเฟ่ต์หรือโต๊ะจีนก็ยิ่งราคาสูงขึ้นตามลำดับ ฉะนั้นควรให้ซองที่ครอบคลุมราคาอาหารต่อหัวของแขก อาจจะพอดีหรือมากกว่า แต่อย่าให้น้อยกว่า เจ้าสาวหลายคนอาจจะเคยบ่นอุบว่า ไม่แต่งงานเองก็ไม่รู้ แต่ก่อนก็ให้ซอง 500 แต่พอนั่งแกะซองงานแต่งตัวเองถึงได้เข้าใจหัวอกคนเป็นเจ้าภาพจัดงานว่าแขกหลายคนก็ใส่ซองมาได้ชี้ช้ำกระหล่ำปลีจริงๆ

มารยาทงานแต่งงาน

ทั้งนี้เป็นเพราะงานแต่งงานไทยไม่ค่อยนิยมให้ของขวัญ แต่ชอบให้ซอง แต่เมื่อเป็นเงิน ใครเล่าจะมาระบุจำนวน คนให้ควรจะตรึกตรองตามความเหมาะสมเองในจำนวนที่ไม่น่าเกลียดและไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อนด้วย

 

รับปากไว้แต่ไม่ไป

หลายคนเมื่อได้การ์ดเชิญมาก็เก็บไว้จะไปหรือไม่ไปไว้ตัดสินใจตอนห้าโมงเย็นของวันงาน หรือบ้างก็บอกว่าบ่าวสาวจะไป แต่ถึงเวลาก็เปลี่ยนใจ แน่นอนว่าทุกคู่ก็แต่งงานกันได้แม้ไม่มีคุณไปร่วมงาน แต่เป็นมารยาทอีกนั่นแหละที่
1) รับปากไว้ก็ต้องรักษาคำพูด
2) ถึงแม้ว่าคุณจะได้รับเชิญผ่านทางโซเชียล แล้วคุณยังได้รับการ์ดเชิญเป็นแผ่นๆ อีก แสดงว่าเจ้าภาพเขาคิดแล้วว่าอยากให้คุณไปร่วมงาน คุณก็ควรแสดงมารยาทอันดีด้วยการไปตามคำเชิญ

มารยาทงานแต่งงาน

3) การ์ดเชิญทุกใบมีค่าใช้จ่าย เพราะมันจะถูกนำไปคำนวณค่าอาหารต่อหัวในโรงแรม รวมทั้งค่าชองชำร่วยด้วย เช่น พิมพ์การ์ด 400 ก็แสดงว่าต้องจ่ายค่าอาหาร 400 คน ของชำร่วย 400 ชิ้น ซึ่งเป็นจำนวนขั้นต่ำเพราะเจ้าภาพทุกงานต้องเผื่อแขกมาเกินอยู่แล้ว บอกว่าไปแต่ไม่ไป เจ้าภาพก็คำนวณลำบาก ผิดพลาด และอาจเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์ได้
4) สมมติว่าคุณจัดงานอะไรขึ้นมาสักงานหนึ่ง ใจคุณจะตุ๊มๆ ต่อมๆ ว่าคนจะมาเยอะไหม ใครจะมาบ้าง ถ้ามาน้อยงานก็กร่อย ดังนั้นถ้าบ่าวสาวคือเพื่อนหรือคนที่สำคัญต่อชีวิตคุณ ก็ควรไป อย่าคิดว่าเพื่อนจะยุ่งกับการรับแขก ถ้าไปก็แค่ได้ถ่ายรูปหน้าแบ็กดร็อปแป๊บๆ แต่นั่นละคือประเด็น ไม่ว่าแขกจะมาหรือน้อย สิ่งสำคัญคือทุกครั้งที่หันมามอง บ่าวสาวควรจะได้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคย ซึ่งจะช่วยลดความประหม่า เพิ่มความซาบซึ้งและเติมความหมายดีๆ ให้วันแต่งงานของเขาทั้งสองมากขึ้นไปอีก เรียกได้ว่าคุณเป็นอีกหนึ่งกำลังใจที่ดีที่จะช่วยซัปพอร์ตบ่าวสาว ถึงแม้จะต้องยืนเก้ๆ กังๆ จิบน้ำตลอดงานก็ตาม แต่ถ้าไปไม่ได้จริงๆ ควรฝากซองหรือนำซองไปให้ทีหลัง วิธีคือห่อเงินด้วยกระดาษแนบการ์ดเขียนอวยพรและใส่ซองอีกชั้น อย่าตีมึนว่า ไม่ไปก็ไม่ต้องให้ซองนะจ๊ะ

เดรสโค้ด

บางคนอายที่จะแต่งตัวตามเดรสโค้ดที่เจ้าภาพกำหนด เพราะกลัวว่าจะแต่งไปคนเดียว สุดท้ายเป็นเจ้าภาพเองที่เก้อ เพราะกำหนดเดรสโค้ดไว้แต่ไม่มีใครแต่ง ขณะที่บางคนก็อายที่ไม่ได้แต่งตัวตามเดรสโค้ดจนถึงกับไม่ไปงานนั้นๆ เลยทีเดียว ข่าวดีคือ หลายๆ งานแขกเหรื่อเริ่มให้ความร่วมมือ สนุก และเห็นว่าเป็นมารยาท เป็นการให้เกียรติบ่าวสาว จึงแต่งตัวตามเดรสโค้ดกันอย่างคึกคัก เรียกว่าถ้าโรงแรมไหนมีงานแต่งหลายงานชนกัน ดูจากสีชุดของแขกก็รู้ได้ทันทีว่าใครมางานไหน ไม่ใช่แต่แขกเท่านั้นที่ควรให้เกียรติเจ้าภาพ ช่างภาพก็เช่นกัน บางทีมถึงกับตัดสูทใหม่ให้เข้ากับธีมหรือเดรสโค้ดทุกงาน ไม่ใช่สูทดำ เทา ขาว เพียงอย่างเดียว เพราะช่างภาพก็ควรจะแต่งตัวให้เหมือนแขกคนหนึ่งเช่นกัน

มารยาทงานแต่งงาน

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหากงานแต่งงานของบ่าวสาวเป็นงานแต่งที่เป็นทางการมากๆ และมีแต่แขกผู้ใหญ่เป็นหลัก ก็ไม่ควรเลือกเดรสโค้ดที่ยากจนเกินไป อาจจะเล่นเป็นธีมสีสุภาพง่ายๆ ก็พอ แต่หากงานแต่งของคุณเป็นกันเองมากๆ เน้นครอบครัว คนสนิท และเพื่อนฝูง อันนี้จะครีเอทให้มันแค่ไหนก็ไม่มีใครว่า แต่พ่อกับแม่ต้องอนุญาตด้วยนะ

ในเมื่อมีเรื่องที่แขกต้องระวังแล้ว บ่าวสาวเองก็มีเรื่องที่ต้องระวังเช่นกันนะ >>> พึงระวัง!! 4 เรื่องนี้แขกในงานแต่งบ่นแน่ถ้าคุณพลาด

ภาพ insideweddings.com, randolphusa.com, qqtdd.com, weddings-in-santorini.com

8 สิ่งห้ามขาดถ้าหากบ่าวสาวอยากจะจัด งานแต่งเอ๊าท์ดอร์ รับประกันความเวิร์ก

งานแต่งงานในสวน หรืองานแต่งงานริมทะเลน่าจะเป็นงานแต่งงานในฝันของสาวๆ หลายคน แต่การจะจัด งานแต่งเอ๊าท์ดอร์ ได้เนี่ย ห้ามลืม 8 สิ่งนี้เด็ดขาด เพราะถ้าลืมเมื่อไหร่ งานในฝันมีกร่อยชัวร์

1. แผนสำรอง

แม้จะเตรียมทุกอย่างไว้เสร็จสรรพ แต่อย่าลืมแผนสำรองเอาไว้ด้วยนะคะ โดยเฉพาะในเรื่องสภาพอากาศเนี่ย เป็นอะไรที่คุมไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นฝนตก พายุเข้า แดดแรงเปรี้ยงกว่าที่คิด ถ้าโผล่มาเมื่อไหร่แล้วไม่มีร่มให้ นี่คือจบงานเลยนะ เพราะงั้นงานกลางแจ้งก็ลองเผื่อก๊อกสองเอาไว้ด้วยนะคะ

2. เค้กเคลือบน้ำตาล

การจัดงานกลางแจ้งควรเลือกเค้กเคลือบน้ำตาลหรือที่เรียกว่า เค้กฟองดอง เพราะไม่ละลายง่าย หรือจะใช้เค้กปลอมไปเลยก็ได้ แต่ห้ามเลือกเค้กครีมเด็ดขาด เพราะถ้าเจออากาศปราศจากแอร์ล่ะก็ เค้กแต่งงานแสนสวยละลายเละแน่นอน

3. กันแดด กันยุง กันแมลง 

งานกลางแจ้งก็ต้องคู่กับงานกันแดด บ่าวสาวที่รักจะจัดงานกลางแจ้งจึงห้ามลืมเตรียมอุปกรณ์กันแดดสำหรับแขกผู้มางานเด็ดขาด อาจจะแบ่งใส่ขวดเล็กๆ จัดเป็นตะกร้าวางไว้ตามมุมต่างของงาน  ส่วนงานเอาท์ดอร์ในสวนยามค่ำคืน ต้องไม่ลืมกันยุงกันแมลงด้วยละ ถ้าไม่อยากให้แขกต้องยุกยิกเกาขาตลอดเวลา

4. อาหารคงตัว

ในงานเลี้ยงกลางแจ้งควรเลี่ยงอาหารประเภทชีสและกะทิ  และอาหารที่ละลายได้ หรือบูดง่าย ไม่อย่างนั้นอาหารอาจจะเสียก่อนเวลาอันควร งานนี้เสียเงินฟรีแถมโดนแขกด่าด้วย

5. ชุดบางเบา

ถ้าไม่อยากเป็นลมหรือว่าเหงื่อไหลซ่กยิ่งกว่าน้ำตก ก็จงเลือกชุดเจ้าสาวและเพื่อนเจ้าสาวที่มีเนื้อผ้าบางเบา และไม่ยาวมากนักจะดีกว่า อ้อเขียนเตือนแขนในการ์ดด้วยก็ดีนะคะว่างานเป็นงานแต่งงานแบบเอ๊าท์ดอร์ แขกจะได้เลือกเครื่องแต่งกายมาได้อย่างเหมาะสม

6. ผลไม้ฉ่ำน้ำ

เพราะอากาศมันร้อนจึงต้องเตรียมน้ำเย็นๆ และผลไม้ฉ่ำน้ำเอาไว้เยอะๆ อย่างเช่น แตงโม สับปะรด แก้วมังกร เป็นต้น แล้วยิ่งถ้าเอาน้ำผลไม้เหล่านี้แช่เย็นล่ะก็ จะยิ่งฟินมาก

7. เวลา

เวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับจัดงานแต่งงานกลางแจ้งของคนไทยมี 2 ช่วงเวลา คือตอนเช้าตรู่แดดอ่อนๆ ก่อน10 โมง และหลังพระอาทิตย์ตกดิน นอกจากอากาศจะไม่ร้อนแล้ว ภาพที่ได้ยังสวยกว่าแต่งงานกลางแดดเปรี้ยงๆ อีกด้วย

8. ร่มเงา

ถ้ายังจะหนักแน่นในงานกลางแจ้งช่วงกลางวันอยู่จริงๆ ก็อย่าลืมหาร่มเงาให้แขกที่มางาน ไม่ว่าจะเป็นร่มคันใหญ่ หรือเต็นท์เก๋ๆ ให้แขกได้หลบร้อน อ้อแต่ถ้าเป็นเต็นท์ก็อย่าลืมเตรียมพัดลมตัวใหญ่ๆเอาไว้ด้วยนะ ไม่อย่างนั้นในเต็นท์จะอบอ้าวมาก

งานไหนมีครบ 10 อย่างนี้ ต่อให้จัดงานกลางลานโล่ง ในยามพระอาทิตย์ตกหัว แขกทั้งหลายก็ยังยินดีไม่บ่นให้ได้ยินแน่นอน

>> ติดตามไอเดียการจัดงานแต่งงานดีๆ ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย! <<

ขอบคุณข้อมูลจาก www.shefinds.com
ขอบคุณภาพจาก weddingsitaly.com

เคล็ดลับเลือกชุดแต่งงานชุดไทย ก่อนที่บ่าวสาวจะตัดสินใจเซย์เยส

เคยเป็นกันบ้างไหมกับอาการประมาณว่า เลือกไม่ได้ ตัดสินใจไม่ถูก กับข้อเสนอจากร้านชุดไทยสวยๆ ที่จัดแพ็คเกจและโปรโมชั่นมาให้เลือกมากมาย ถ้าคุณกำลังสับสนอยู่ แพรวเวดดิ้งมีวิธีให้คุณได้รีวิว แพ็คเกจ ชุดแต่งงานชุดไทย ให้โดนใจและตรงความต้องการมาแนะนำกัน

แน่นอนว่าในการเดินเลือกซื้อเสื้อผ้า เราต้องมีเป้าหมายว่าเราอยากจะได้ชุดแบบไหนกันใช่ไหมจ๊ะ ไหนจะต้องดูราคาว่าตรงตามงบที่เราตั้งไว้หรือเปล่า ไหนจะต้องเช็คความคุ้มค่าว่ามีมากน้อยเพียงใด แต่ถ้าคุณรู้แน่อยู่แก่ใจแล้วว่าอยากได้ชุดไทยแบบไหนสำหรับใช้ในวันแต่งงานก็เริ่มรวบรวมแพ็คเกจชุดไทยไว้เลย จากนั้นก็…ลุย!

ราคากับงบประมาณ…ของแบบนี้ต้องคู่กัน

ก่อนอื่นคุณจะต้องตั้งงบประมาณสำหรับชุดไทยขึ้นมาก่อน โดยอาจตั้งเป็นตัวเลขกลมๆ เอาไว้ในใจ แล้วตั้งธงเลยว่าในราคาที่ว่านี้จะเป็นราคาชุดเจ้าสาวชุดเดียวหรือชุดเจ้าสาวพร้อมชุดเจ้าบ่าว ว่าง่ายๆ คือในงบประมาณที่ว่านี้จะมีรายละเอียดที่ต้องการอะไรบ้าง จากนั้นก็เริ่มเสาะหาแพ็คเกจที่คุณสนใจไว้หลายๆ ร้าน เมื่อได้มากพอแล้ว ก็นำแพ็คเกจเหล่านั้นมาเปรียบเทียบกับงบประมาณที่ตั้งเอาไว้ เพื่อหาว่ามีแพ็คเกจไหนบ้างที่สอดคล้องกับงบประมาณของคุณ จากนั้นก็เริ่มตัดแพ็คเกจที่เกินงบประมาณออกไปก่อน

ความคุ้มค่าที่คุณต้องเลือก

หลังจากที่ได้ราคาและงบประมาณแล้ว ก็จะต้องมาดูว่าของในแพ็คเกจที่เราสนใจ มีรายละเอียดอะไรบ้างและตรงกับความต้องการมากน้อยแค่ไหน จากนั้นเปรียบเทียบความคุ้มค่ากับสิ่งที่มีในแพ็คเกจคู่ไปกับราคา เช่น

แพ็คเกจชุดไทยร้าน A ราคา 8,000 บาท คุณจะได้ชุดไทยสำหรับเจ้าบ่าวและเจ้าสาวพร้อมเครื่องประดับครบเซ็ท แต่ในทางกลับกัน แพ็คเกจร้าน B ก็มีราคา 8,000 บาทเหมือนกัน แต่สิ่งที่คุณจะได้นอกจากชุดไทยพร้อมเครื่องประดับแล้ว คุณยังจะได้ชุดเจ้าสาวสวยๆ สำหรับถ่ายภาพพรีเวดดิ้งอีกด้วย

แต่ถ้าหากราคาของ 2 ร้าน มีความต่างกันไม่มาก ก็ต้องมาดูกันว่าของทั้งสองร้านต่างกันอย่างไร และร้านไหนคุ้มกว่ากัน เช่น แพ็คเกจร้าน A ราคา 10,000 บาท ได้ชุดไทย 2 ชุด ส่วนร้าน B ราคา 13,000 บาท แต่ได้ช่างหน้า-ผม เพิ่มเข้ามา คุณก็ต้องไปเช็คดูว่าหากต้องจ้างช่างหน้า-ผมต่างหาก โดยเพิ่มเงินอีก 5,000 บาท เมื่อเทียบฝีมือแล้วถูกใจคุณพอๆ กัน คุณก็ควรเลือกช่างหน้าช่างผมที่มาพร้อมแพ็คเกจ 13,000 จริงไหม

ของแถมชิ้นน้อยเป็นของมัดใจ

ของแถมที่ได้รับนอกเหนือจากในแพ็คเกจ ก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกแพ็คเกจของร้านนั้นๆ เพราะบางทีของแถมที่ได้อาจช่วยคุณประหยัดค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นก็ได้ เช่น ในตัวแพ็คเกจไม่ได้ระบุว่าคุณจะได้ช่างแต่งหน้าและทำผมในวันงาน แต่ทางร้านใจดี แถมให้ ก็ช่วยลดค่าใช้จ่ายสำหรับส่วนนี้ไปได้ไม่น้อย

รีวิวหน่อยไหม…คนอื่นคิดอย่างไร

เมื่อคุณได้แพ็คเกจที่ถูกใจมามากพอ ก็อย่าเพิ่งรีบร้อนด่วนตัดสินใจเซย์เยส ให้ลองหารีวิวของลูกค้าที่เคยใช้บริการในร้านนั้นๆ เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียของแต่ละร้าน และใช้เป็นตัวคัดกรองร้านที่หามา เพราะต่อให้ร้านนั้นมีแพ็คเกจดี ราคาโดนขนาดไหน แต่หากการบริการไม่ดี แล้วคุณต้องมาหัวเสียเพลียใจทีหลัง ก็คงไม่คุ้มค่าน่าเลือกจริงไหม

เจอของจริง…มั่นใจและถูกใจกว่า

เมื่อหาร้านที่ถูกใจได้ซัก 4-5 ร้านแล้ว ก็ควรที่จะนำมาเรียงจัดอันดับหาร้านที่ชอบมากที่สุด 3-5 ร้าน แล้วไปติดต่อที่ร้านเหล่านั้น เพื่อไปลองชุดว่าชุดสวยจริงไหม รายละเอียดตรงกับภาพโฆษณามากแค่ไหน ใส่แล้วเป็นอย่างไร รวมไปถึงพูดคุยดูอัธยาศัยเจ้าของร้านว่าเป็นอย่างไร ถูกจริตเราหรือเปล่า มีการบริการและการดูแลลูกค้าดีมากน้อยเพียงใด จากนั้นนำผลที่ได้มาเปรียบเทียบกันเพื่อหาร้านที่สามารถตอบโจทย์กับเรามากที่สุด

ทั้งหมดนี้คือขั้นตอนง่ายๆ ที่จะช่วยให้คุณเลือกแพ็คเกจชุดไทยได้คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายแถมยังได้ของที่ถูกใจและตรงจริตมากที่สุด และที่สำคัญไม่ว่ารายละเอียดและของแถมจะเป็นอย่างไร อย่าลืมที่จะสอบถามกับทางร้านว่าของในแพ็คเกจของคุณสามารถปรับเปลี่ยนหรือเพิ่มลดอะไรได้บ้าง แต่จะต้องไม่น่าเกลียดจนเกินไปนะจ๊ะ เมื่อบ่าวสาวพร้อมแล้ว จะมัวรออะไร ลุย! ได้เลย…

>> ติดตามไอเดียและคำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับชุดแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย! <<

ผิวก็เครียดเป็น! มาแก้ปัญหา ผิวเครียด ที่เจ้าสาวพบบ่อย

ผื่นคัน สิวขึ้น แพ้ง่าย! อาการเหล่านี้บ่งบอกว่าเรากำลังมีอาการของ ผิวเครียด แล้วว่าที่เจ้าสาวต้องแก้ไขยังไงให้ทันวันวิวาห์ เรามีคำตอบมาบอกแล้วค่ะ

ช่วงใกล้งานแต่งงาน การเตรียมงานต่างๆคงทำให้เหล่าว่าที่เจ้าสาวต้องเครียดมากพออยู่แล้วใช่ไหมคะ? รู้หรือไม่คะว่า ความเครียด นั้นไม่ได้ส่งผลแค่กับสภาพจิตใจของเราเท่านั้น แต่ยังสามารถส่งผลต่อร่างกายภายนอก รวมทั้ง ผิวของเราได้อีกด้วย! ว่าแต่ผิวของคุณว่าที่เจ้าสาว กำลังมีอาการเหล่านี้อยู่หรือไม่คะ?…

ผิวที่เคยแข็งแรงเป็นปกติ จู่ๆ ก็เกิดแพ้ง่ายซะขึ้นมา ทั้งที่ไม่ได้เปลี่ยนการบำรุงผิวอะไรเลยนะ!

สิวขึ้น ตั้งแต่สิวผดเม็ดเล็ก ไปจนถึงสิวอักเสบเม็ดใหญ่ หาสาเหตุไม่เจอ!

จู่ๆ ก็เป็นผื่นแดง คัน บนใบหน้า ทั้งที่ปกติไม่เคยเป็นเลย!

ถ้าหนึ่งในข้อนี้ตรงกับอาการที่ว่าที่เจ้าสาวกำลังเผชิญอยู่แล้วละก็ คุณอาจจะมีอาการของ ผิวเครียด ช่วงใกล้วันแต่งงานค่ะ มาดูกันเลยว่า เจ้าอาการผิวเครียดนี้มีสาเหตุมาจากอะไร แล้วจะป้องกันและรักษาได้ยังไงนะ?

สาเหตุ : เมื่อเราเครียด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนที่ชื่อว่าคอร์ซิตอล  (Cortisol)  ฮอร์โมนชนิดนี้มีผลต่อการทำงานของต่อมไขมันในร่างกาย และยังผูกโยงกับการทำงานของสารอื่นๆ อีก เช่น สาร histamine ที่กระตุ้นให้เกิดการแพ้ เมื่อฮอร์โมนคอร์ซิตอล ถูกหลั่งออกมาเป็นระยะเวลานานติดต่อกัน สมดุลของฮอร์โมนอื่นๆในร่างกายจะเสียไป ส่งผลให้เกิดอาการผิดปกติต่างๆ ทั่วร่างกายรวมทั้งผิวหนังนั่นเองค่ะ

โรคผิวหนังหรือสภาวะผิดปกติที่เกิดจากผิวเครียด

  • ผื่นผิวหนังอักเสบบริเวณผิวมัน หรือ Seborrheic Dermatitis อาการคือ คันบริเวณผิวหน้า มักจะเป็นบริเวณรอบๆจมูก คาง บริเวณคิ้ว ผิวบริเวณดังกล่าวจะแห้งลอกและเป็นผื่นแดง
  • สิว มื่อต่อมไขมันในร่างกายทำงานมากขึ้น รุขุมขนจึงมีโอกาสอุดตันได้มากขึ้น ทำให้เกิดสิวได้หลากหลายประเภทตั้งแต่สิวอุดตันไปจนถึงสิวอักเสบ
  • โรคสะเก็ดเงิน ผิวหนังบริเวณที่เป็นจะเป็นผื่นแดง นูน ตกสะเก็ดด้านบน เจ็บและคัน เป็นโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมแต่จะถูกกระตุ้นให้เห่อขึ้นมาจากสภาพแวดล้อม ความเครียดและพักผ่อนน้อยก็เป็นสาเหตุเช่นกัน
  • อาการที่เกิดจากการแพ้ต่างๆ เช่น สิวผด หรือผื่นแดง อาการเหล่านี้เกิดจากเกราะป้องกันผิวเสียหายและไม่ได้รับการซ่อมแซม ทำให้เมื่อเผชิญกับสิ่งที่เราแพ้ในสกินแคร์หรือในสภาพแวดล้อม ผิวไม่สามารถปกป้องตัวเองได้เหมือนเคย อาการแพ้จึงแสดงออกมาค่ะ

ผิวเครียด

เอาละ รู้แบบนี้แล้ว ว่าที่เจ้าสาวจะแก้ไขหรือป้องกันยังไงบ้างให้ผิวกลับมาสวยทันวันวิวาห์ละ?

แก้ไข : ถ้าหากใครที่กำลังมีปัญหานี้อยู่ ปัจจุบัน เราแนะนำให้รีบไปพบคุณหมอผิวหนังผู้เชี่ยวชาญเพื่อรักษาให้กลับมาหายดีอย่างเดิม เพราะสภาวะบางอย่างเช่น โรคสะเก็ดเงิน หรือผื่นผิวอักเสบ เราไม่สามารถรักษาได้ด้วยตนเองนะคะ

ป้องกัน : ส่วนใครที่ยังไม่เป็น แต่รู้ตัวว่าเริ่มเครียด มาป้องกันอาการผิวเครียดก่อนจะสาย ด้วยทิปส์เหล่านี้จากเราค่ะ

1. ดื่มน้ำให้เยอะขึ้น เพื่อช่วยเติมความชุ่มชื่นให้ผิว

2. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนภายในร่างกาย

3. นอนหลับให้เพียงพอ ซึ่งจะช่วยลดการทำงานของฮอร์โมนคอร์ติซอลลงได้ค่ะ

4. เน้นใช้สกินแคร์กลุ่มช่วยลดการอักเสบของผิว เช่น สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของ อะโลเวรา โสม หรือ สาหร่าย ค่ะ

เอาละค่ะ รู้โทษของอาการเครียดต่อผิวแล้ว ว่าที่เจ้าสาวก็พยายามทำใจให้สบายนะคะ เรื่องไหนที่สามารถแบ่งเบาให้คนอื่นช่วยได้ เช่น เพื่อนเจ้าสาว หรือครอบครัว ก็ลองแบ่งเบาดูเราจะได้รู้สึกโล่งขึ้น หรืออาจจะหาคนที่ช่วยรับฟังเราบ่น เพื่อเป็นการระบายความเครียดบ้างก็ช่วยได้เหมือนกันนะคะ

ชอบคอนเท้นต์นี้ของเรา? คลิกอ่าน >> วิธีลดความเครียด ฉบับสำหรับว่าที่เจ้าสาว << กันต่อเลยค่า

credit story: wellandgood.com

ชุดแต่งงานไทยห่มสไบ น่าใส่ตาม พร้อมเคล็ดลับแต่งแบบไหนถึงสวยเพอร์เฟ็กต์

ชุดแต่งงานไทยห่มสไบ เป็นอีกหนึ่งแบบชุดไทยที่เจ้าสาวหลายคนนิยมสวมใส่ เพราะเป็นชุดที่ดูเป็นทางการและสวยหรู แถมยังมีดีไซน์ที่หลากหลายทั้งไทยแท้และไทยประยุกต์ แพรวเวดดิ้งเลยจัดแบบชุดแต่งงานไทยห่มสไบมาให้ว่าที่เจ้าสาวได้ดูเพื่อเป็นแรงบันดาลใจในการไปหาชุดของตัวเอง พร้อมเคล็ดลับการใส่สไบยังไงให้สวย สุดท้ายเจ้าสาวชอบแบบไหนก็เลือกใส่ให้เหมาะกับธีมงานและความชอบได้เลย 

ซึ่งสิ่งที่ควรคำนึงถึงเป็นอันดับแรกในการใส่ชุดแต่งงานไทยแบบห่มสไบคือ “ความยาวของสไบ”

ชุดไทยจาก Wedding Castle
ชุดไทยจาก เจ้านางเวดดิ้ง

โดยชุดไทยที่เป็นการห่มสไบจะมีอยู่ 3 แบบ คือ ชุดไทยจักรี ชุดไทยศิวาลัย และชุดไทยจักรพรรดิ โดย ความยาวของสไบมักจะอยู่ที่ 3 เมตร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดรอบลำตัวของเจ้าสาวด้วย ที่สำคัญคือ ต้องเลือกให้ความยาวของสไบยาวลงมาระพื้นพอสมควร อย่าปล่อยให้ยาวหรือกองที่พื้นมากเกินไป ดังนั้นถ้าเจ้าสาวเป็นคนตัวเล็ก อาจจะเหลือส่วนปล่อยชายเยอะ ก็ต้องเก็บขึ้นให้เหลือชายผ้าสไบยาวพอสมควร หรือถ้าเจ้าสาวเป็นคนอวบ รอบตัวหนา ก็อาจจะเลือกผ้าสไบที่ยาวขึ้นกว่าเดิม

ชุดไทยจาก Coco Chic Wedding
ชุดไทยจาก Coco Chic Wedding

สำหรับชุดไทยจักรพรรดิจะมีความพิเศษเพิ่มขึ้นมาอีกนิด คือ จะมีผ้าสะพักห่มทับสไบจีบอีกหนึ่งชั้น ซึ่ง ผ้าสะพักผืนนี้มักจะมีความยาวไม่เกิน 2.7 เมตร เมื่อห่มผ้าลงไปแล้ว ชายผ้าด้านหลังควรจะมีความยาวประมาณครึ่งน่อง แต่ในปัจจุบันก็อาจจะมีความยาวมากกว่าครึ่งน่องสักเล็กน้อย แต่ ไม่นิยมให้ยาวพอดีกันกับผ้าสไบจีบชั้นใน

ชุดไทยจาก Costume Cafe
ชุดไทยจาก Dara Studio

แถมท้ายให้อีกนิดกับทรงผมเจ้าสาวในชุดแต่งงานไทยกับทรงผมสไตล์หางม้าแสนหวานดุจนางในวรรณคดี ซึ่งถือเป็นหนึ่งในทรงผมเจ้าสาวที่มีความอ่อนหวานและสง่างาม ดูไม่มากไม่น้อยสำหรับชุดไทย ดูเรียบร้อยแต่ไม่สูงวัย ข้อดีคือ สามารถใส่ดีเทลประเภทเปียและเครื่องประดับต่างๆ เข้าไปเป็นลูกเล่นได้หลากหลาย เวลาจะก้มเงยในพิธีก็ง่ายไม่ต้องระวังผมบังหน้าให้เสียบุคลิก สำหรับเจ้าสาวที่ชอบดีเทลเน้นความหวานมีลูกเล่น ลองเปลี่ยนจากหางม้าเรียบตรงมาเป็นทรงม้วนลอนเป็นคลื่นเบาๆ ดูสวยหวานกลายเป็นนางในวรรณคดียุคใหม่มองเท่าไรก็ไม่เบื่อ

>> ดูแบบชุดแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย! <<

เทคนิคการเลือกชุดแต่งงานไทยของบ่าวสาวยังไงให้ดูเข้ากัน

ขั้นตอนการเตรียมงานแต่งงานว่ายากแล้ว แต่สำหรับบางคู่นั้นขั้นตอนการเลือกชุดกลับยากกว่า ยิ่งโดยเฉพาะกับ ชุดแต่งงานไทย ที่มีหลากแบบ แถมยังมีหลากเฉดสี ทั้งชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาวนี่สิ ทำเอาว่าที่บ่าวสาวหลายคนหัวหมุนกันเป็นแถวๆ เพราะชุดนั้นก็ชอบ สีนี้ก็ดี แต่เอ๊ะ…เลือกมาแล้วมันจะเข้ากันทั้งชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาวหรือเปล่า เอาเป็นว่าลองมาอ่านเทคนิคการเลือกชุดไทยของบ่าวสาวให้ดูกันที่แพรว wedding นำมาฝากกันก่อนนะคะ อ่านจบแล้วรับรองว่าได้ชุดที่ถูกใจแถมดูเข้ากั๊นเข้ากันแน่นอน

1. คอนเซปต์หรือธีมงาน

ก่อนอื่นบ่าวสาวจะต้องดูจากคอนเซปต์งานหรือธีมงานของเราก่อนนะคะ ว่าเป็นงานแต่งไทยที่ไทยประมาณไหน ไทยมาก ไทยน้อย หรือไทยประยุกต์ เพื่อที่บ่าวสาวจะได้เลือกชุดตามคอนเซปต์งานได้อย่างถูกต้อง เพราะถ้าหากบ่าวสาวจัดงานแต่งไทยแบบสบายๆ ไม่เน้นพิธีการมาก แต่กลับใส่ชุดไทยจัดเต็มกันทั้งบ่าวสาว เราว่ามันก็ดูเก้ๆ กังๆ ยังไงๆ อยู่ จริงไหมคะ

2. สถานที่

ข้อนี้ก็มีความสำคัญไม่น้อย เช่น สถานที่เป็นบ้านเรือนไทยก็อาจจะเหมาะกับชุดไทยห่มสไบให้อารมณ์แม่หญิง แต่ถ้าหากสถานที่เป็นไทยแบบประยุกต์หรือโคโลเนียล ก็อาจจะเลือกเป็นชุดไทยสไตล์รัชกาลที่ หรือชุดไทยประยุกต์เพื่อให้ดูเข้ากันกับสถานที่ เป็นต้น ซึ่งนอกจากจะดูรูปแบบของสถานที่แล้ว เรื่องความสว่างหรือความมืดก็มีผลต่อการเลือกชุดไทยเช่นกันนะคะ เพราะถ้าหากเป็นเรือนไทยบ่าวสาวก็อาจจะต้องเลือกชุดไทยในโทนสว่างเพื่อให้ดูโดดเด่นขึ้นท่ามกลางสถานที่ที่มีแสงแบบเอ้าท์ดอร์ด้วย นอกจากนี้ บ่าวสาวอาจจะต้องใส่ชุดไทยที่เลือกแล้วมายืนคู่กันเพื่อดูภาพรวมอีกทีว่าสีของทั้งสองชุดนั้นเข้ากันหรือไม่ เมื่อยืนคู่กันแล้วส่งเสริมกันมากน้อยเพียงใด ถ้าทั้งสองคนยืนคู่กันแล้วดูสวยหล่อทั้งคู่ แถมยังเข้ากับสถานที่ สิ่งนี่แหละค่ะคือคำตอบ

ชุดแต่งงานไทย
ภาพจาก @nontapat

3. เน้นชุดเจ้าสาวเป็นหลัก

เนื่องจากชุดไทยของเจ้าสาวมีหลากหลายเฉดสีมากกว่าคุณเจ้าบ่าว และอีกอย่างใส่ชุดไทยทั้งทีงานนี้ก็ต้องสวยให้สุดให้สมกับเป็นนางเอกของงานจริงไหมคะ เพราะฉะนั้นจึงเน้นที่เจ้าสาวเป็นหลักโดยดูที่สีผิว ว่าโทนสีผิวของเจ้าสาวนั้นเหมาะกับเฉดสีสไบสีไหน จากนั้นจึงนำกิมมิกจากชุดเจ้าสาวมาหยอดไว้ที่ชุดของเจ้าบ่าว โดยอาจจะเล่นกับเฉดสีของชุดก็ได้ด้วยเลือกสีของเนคไทหรือสีของโจงกระเบนให้เข้ากันกับชุดของเจ้าสาว เพื่อให้ลุคโดยรวมออกมาดูเข้ากัน ละเมียดละไมทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาว

โดยสีครีมทองเป็นสียอดฮิตเพราะดูหรูและสง่าแถมเจ้าสาวเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ใส่แล้วรอด ถ้าใจคุณชื่นชอบสีสันอย่างชมพูฟ้าส้ม ฯลฯ แต่ดันเป็นสาวไทยแท้ผิวเข้มกลัวว่าใส่แล้วจะตัดกับผิวฉึบฉับหรือเป็นสาวไทยเชื้อสายจีนตาตี่ผิวขาวซีดที่ใส่สีสดแล้วอาจดูเป็นอาเจ๊ ขอบอกว่าการเลือกสีโทนเบรกลงมาพอจะช่วยได้เช่นเลือกสีชมพูนู้ดๆ หรือสีกะปิแทนสีชมพูสดเลือกสีฟ้าอมเทาแทนสีฟ้าสดเลือกสีจำปาแทนสีส้มแจ๊ด ฯลฯ ทั้งหมดนี้ไม่ต้องกลัวหมองเพราะชุดไทยมักตัดเย็บจากผ้าไหมซึ่งมีความวาวและมีการปักดิ้นทอง ซึ่งจะช่วยขับผิวให้ดูผ่องขึ้น ถ้าจะให้ชัวร์ควรเอาผ้ามาทาบกับตัวเลยว่าเหมาะกับผิวไหม

4. รูปแบบของชุด

ชุดไทยของเจ้าสาวมีหลายแบบมาก ไม่ว่าจะเป็น ชุดไทยพระราชนิยมหรือชุดไทยประยุกต์ ซึ่งเจ้าสาวนั้นจะต้องตัดสินใจเลือกชุดไทยของตัวเองให้ก่อน แล้วจึงเคาะเลือกรูปแบบชุดไทยของเจ้าบ่าว เช่น หากเจ้าสาวเลือกสวมชุดไทยแบบโบราณ หรือชุดไทยพระราชนิยม เจ้าบ่าวอาจจะนุ่งเป็นโจงกระเบนเพื่อให้ดูแมตช์กับชุดของเจ้าสาวและยังได้อารมณ์วินเทจย้อนยุคอีกด้วย แต่ถ้าเจ้าสาวเลือกสวมเป็นชุดไทยประยุกต์ เจ้าบ่าวก็สามารถใส่สูทคู่กับชุดนี้ได้แบบไม่ต้องเคอะเขิน แถมยังเป็นลุคที่เหมาะกับบ่าวสาวยุคใหม่อีกด้วย

เอาเป็นว่าหากเจ้าสาวเลือกชุดได้แล้วก็อย่าลืมหันมาดูคนข้างๆ ด้วยนะจ๊ะ เพราะส่วนใหญ่แล้วเจ้าบ่าวมักจะโนไอ-เดีย ใส่อะไรก็ได้ มีบ้างที่งอแงไม่ยอมใส่ชุดไทยเพราะเขิน ซึ่งอาจพบกันครึ่งทางด้วยชุดเจ้าบ่าวไทยประยุกต์ ท่อนบนเป็นสูทท่องล่างเป็นโจงกระเบน หรือท่อนบนเป็นเสื้อราชปะแตนท่อนล่างเป็นสแล็คก็ตามสะดวก แต่เพื่อความสวยงาม แนะนำให้เจ้าบ่าวเลือกคู่สีที่เข้ากับสีชุดของเจ้าสาวหรือมีสีที่ลิงค์กับชุดเจ้าสาวอยู่ในตัวบ้าง ไม่จำเป็นต้องเป็นสีเดียวกันเป๊ะ ถ้าคนหนึ่งใส่โทนอ่อนอีกคนควรเป็นโทนเข้มเพื่อความลงตัวเช่นชุดเจ้าสาว สีครีมทอง – ชุดเจ้าบ่าวสีเบจชุดเจ้าสาวสีชมพู–ชุดเจ้าบ่าวสีเทาหรือน้ำตาลช็อกโกแลต เป็นต้น

Read More : ‘เคียนนมห่มสไบ’ สวยตามแบบฉบับหญิงไทยด้วยชุดแต่งงานไทยโบราณ

ภาพเปิด : งานแต่งคุณมีมี่ & คุณโก้ ถ่ายโดย SITPHOTOGRAPH

ชุดเจ้าบ่าวเท่ๆ กับ 12 ไอเดียเสริมความหล่อที่หนุ่มๆ ต้องรู้

หล่อให้สุดในชุทสูทเรียบๆ กับไอเดีย ชุดเจ้าบ่าวเท่ๆ

ชุดสูทของคุณหนุ่มๆ หากไม่ใช่โอกาสดีๆ ที่เป็นทางการก็ยากที่จะหยิบมาใส่จริงไหมคะ แถมบางคนก็อาจจะเลือกไปโดยที่ไม่ได้ใส่ใจมากนักอีกต่างหากว่าลุคที่แต่งออกมาจะเป็นยังไง แต่ถ้าวันนั้นดันเป็นวันสำคัญของคุณอย่างวันแต่งงานด้วยแล้วล่ะ เราเชื่อว่าคงไม่มีหนุ่มๆ คนไหนที่จะเลือกหยิบสูทอะไรก็ได้ใส่หรอกจริงไหม แต่บางคนก็อาจจะคิดไม่ออกว่าแล้วจะทำให้สูทที่หน้าตาเหมือนกันทุกชุดดูแตกต่างหรือโดดเด่นได้ยังไง มาใกล้ๆ ค่ะเพราะ แพรว wedding มีไอเดียดีๆ มาฝาก กับไอเดียเปลี่ยนสูทธรรมดาให้กลายเป็น ชุดเจ้าบ่าวเท่ๆ

ชุดเจ้าบ่าวเท่ๆ

เป็นเจ้าบ่าวทั้งทีอย่ายอมให้เพื่อนๆ ขโมยซีน งานนี้ถ้าคุณเยอะไม่เป็น แนะนำให้แต่งตัวต่างจากเพื่อนเจ้าบ่าวด้วยการสวมสูททับเสื้อกั๊กพร้อมเนคไทเข้าชุด ส่วนเพื่อนเจ้าบ่าวให้ใส่แค่เสื้อกั๊กกับโบไทก็พอ

เพิ่มความเท่ให้กับรูปถ่ายของแก๊งเจ้าบ่าวที่คลั่งเหล่าซูเปอร์ฮีโร่ด้วยเสื้อยืดลายผู้กล้าต่างๆ โดยสวมไว้ด้านในของเสื้อเชิ้ต เวลาถ่ายรูปก็เพียงแค่ทำท่าแหวกเชิ้ตออกประหนึ่งจะแปลงร่างโดยให้เห็นลายเสื้อด้านใน

ย้อนกลับไปเป็นเด็กหนุ่มอีกครั้งกับลุคบอยอิชด้วยแอคเซสซอรี่แบบเบสิกอย่าไบไทและสายเอี๊ยมแบบเข้าชุด เท่านี้ก็ได้ลุคสนุกสนานและทันสมัยในเวลาเดียวกัน

เนคไทลายจุดให้ลุคแฟชั่นแฝงความขี้เล่น ถ้าเลือกพ็อคเก็ตสแควร์ในโทนสีเดียวกันก็จะยิ่งดูเป๊ะ

หากอยากหาของสักชิ้นเก็บไว้เป็นที่ระลึกวันแต่งงาน ลองปักวันเดือนปีที่แต่งไว้ที่ด้านหลังของเนคไทเจ้าบ่าว เมื่อคุณได้เห็นหรือนำกลับมาใช้อีกครั้งจะได้ย้อนคิดถึงวันอันแสนหวาน

เปลี่ยนจากชุดสูทสีดำหรือสีเทาแบบเดิมๆ มาเป็นสูทสีน้ำเงินที่ให้อารมณ์เท่แบบแตกต่าง แถมยังได้ลุคเป็นทางการที่ดูยอดเยี่ยมอีกด้วย

 

ชุดเจ้าบ่าวเท่ๆ

ช่วงอาฟเตอร์ปาร์ตี้ที่อยากได้ลุคกึ่งทางการเล็กน้อย ลองสวมเนคไทเส้นเล็ก (skinny tie) ที่นอกจากจะดูเท่แล้วยังดูเป็นหนุ่มแคชชวลแบบย้อนยุคนิดๆ ด้วย

หากเจ้าบ่าวอยากดูเป็นส่วนหนึ่งและกลมกลืนไปกับแก๊งเพื่อน แนะนำให้ใส่ถุงเท้า โบไท หรือเนคไทสีหรือลายเดียวกัน … ไม่ต้องตามนี้ทั้งหมดก็ได้นะ ลองเป่ายิงฉุบแล้วเลือกมาแค่หนึ่งอย่างก็พอค่ะ

เพิ่มความเก๋ไก๋ด้วยการประดับขนนกหรือห้อยนาฬิกาสไตล์วินเทจแทนบูโทเนียร์ก็เก๋ไปอีกแบบนะคะคู๊ณณณณ

หากธีมงานเป็นสไตล์วินเทจ ลองใช้ผ้าพันคอลายเท่ๆ สักผืนมาผูกแทนเนคไทหรือโบไท ก็ให้อารมณ์ย้อนยุคในลุคที่ดูเพอร์เฟกต์ไม่เหมือนใคร แต่ยังคงไว้ซึ่งความเรียบร้อย

เปลี่ยนจากรองเท้าหนังเรียบๆ มาเป็นรองเท้าแบบ Brogue ที่มีจุดเด่นเป็นลายฉลุสุดประณีต รับรองได้ลุคคลาสสิคสุดๆ

TIP :  ในวันงานแนะนำให้คุณเจ้าบ่าวเตรียมเสื้อเชิ้ตไว้สักสองตัว เอาไว้สำหรับเปลี่ยนหากเสื้อเชิ้ตตัวแรกชุ่มไปด้วยเหงื่อหลังจากพิธีการที่แสนจะยาวนาน ยิ่งถ้าหากคุณจัดงานแบบเอ้าท์ดอร์ด้วยแล้ว ยิ่งต้องห้ามลืมเตรียมไว้เลยนะคะ

หรือจะเลือกหล่อเท่กันแบบยกแก๊ง เราก็มีไอเดียดีๆ มาฝากน้า >>> แพตเทิร์น สูทเจ้าบ่าว และเพื่อนเจ้าบ่าวสุดคลาสสิค ใส่ปีไหนก็ไม่ตกยุค

ภาพ unsplash.com, pinterest.com

ชุดแต่งงานไทยยอดฮิตกระแทกใจเจ้าสาวไทยตลอดกาล กับเทคนิคใส่อย่างไรให้สวย

จากที่ แพรว wedding ได้ไปร่วมงานแต่งในไทยมานักต่อนัก สังเกตได้ว่า ชุดไทยยอดฮิต ที่เจ้าสาวนิยมใส่กันมากที่สุดตลอดกาล ได้แก่ ชุดสไบแบบไทยจักรพรรดิ  และชุดไทยประยุกต์เข้ายุคสมัย ซึ่งแต่ละชุดรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร และเจ้าสาวอย่างเราเหมาะที่จะสวมใส่ ชุดแต่งงานไทย แบบไหน เราประมวลข้อมูลสั้นๆ อ่านแล้วเข้าใจไม่ยากมาให้ว่าที่เจ้าสาวได้อ่านกันแล้ว

ชุดไทยจักรพรรดิ

ชุดแต่งงานแบบไทยๆ ที่มาแรงอันดับ 1 ซึ่งเจ้าสาวนิยมใส่กันมากได้แก่ “ชุดไทยจักรพรรดิ” ที่มีมาตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น โดยในยุคเริ่มแรก หากเป็นชาวบ้านทั่วไปจะใส่เป็นเสื้อแขนยาวห่มทับด้วยสไบและนุ่งโจงกระเบน แต่ถ้าเป็นสาวชาววังชนชั้นสูงจะห่มสไบคู่กับนุ่งผ้ายกจับจีบหน้านาง ซึ่งลักษณะการห่มสไบนั้นแบ่งเป็น 2 อย่างคือการห่มตาดและการห่มสะพัก

ชุดแต่งงานไทย
ชุดแต่งงานไทย ชุดไทยจักรพรรดิสไบเขียวปักลวดลายวิจิตร รองด้วยสไบสีม่วงเหลือบทอง นุ่งกับผ้าไหมสีเลื่อมแมลงทับปักลวดลายทั้งตัว จับจีบหน้านางมีชายพก จากร้าน Vanus Couture

การห่มตาดคือการห่มแบบโบราณหรือที่เรียกว่า “นุ่งยกห่มตาด” โดยคำว่า “นุ่งยก” คือการนุ่งผ้ายกแล้วจีบทบผ้าด้านหน้าให้เป็นกลีบ ส่วนคำว่า “ห่มตาด” คือการนำสไบมาห่มตัวแล้วทับด้วยผ้าสะพักตาดทองที่มีการปักประดับตกแต่งด้วยลายและวัสดุต่างๆ อีกชั้น ส่วนการห่มสะพักนั้นจะปักดิ้นลายทองและมีลายปักเฉพาะ แต่สมัยนี้ใส่ได้ทุกแบบแล้วแต่ความชอบ

  • สาวหุ่นแบบไหนใส่ชุดไทยจักรพรรดิแล้วสวย

ชุดนี้เหมาะกับสาวที่มีรูปร่างสูงโปร่ง หุ่นดี เอวเล็ก แต่สาวบางคนที่มีรูปร่างอวบก็สามารถใส่ได้ แต่ต้องอาศัยเทคนิคจากช่างผู้ชำนาญการช่วยขยับขยายช่วยเอวไปตามขนาดของรูปร่าง ซึ่งหากคุณคือสาวที่มีขนาดรูปร่างใหญ่หรืออวบต้องพึงระวังในเรื่องของการห่มสไบเป็นพิเศษ เพราะต้องกำชับให้ช่างปรับขนาดให้พอดีกับรูปร่าง เพื่อไม่ดูหนาเทอะทะจนเกินไป

นอกจากชุดไทยที่สวยงามแล้ว รองเท้าที่เหมาะกับชุดไทยจักรพรรดิควรเป็นรองเท้าหัวแหลม มีส้นสักนิดเพื่อให้บุคลิกที่สวยสง่างาม

ชุดไทยประยุกต์

ชุดไทยประยุกต์ที่ว่านี้ เดาจากชื่อคงเข้าใจไม่ยากว่ามาจากการนำชุดไทยพระราชนิยมมาดัดแปลง ต่อเติมและจับรวมขึ้นใหม่จนกลายเป็นชุดไทยในอีกรูปแบบหนึ่งเพื่อให้เกิดความทันสมัยเข้ากับยุคปัจจุบัน และเกิดความพึงพอใจในแต่ละคน โดยปรับเปลี่ยนส่วนต่างๆ ตามความเหมาะสมหรือความชอบ ชุดไทยประยุกต์จึงมีให้เห็นหลากหลายรูปแบบ เช่น เสื้อด้านบนทำเป็นกระโจมอก เลียนแบบการเคียนอกของคนไทยโบราณจับคู่กับผ้านุ่งผืนสวยเน้นรานละเอียดที่การจับจีบหน้านาง มองเผินๆ คล้ายคลึงกับเสื้อเกาะอกของฝรั่ง หรืออาจเป็นการประยุกต์เสื้อแขนหมูแฮมในสมัยปลายรัชกาลที่ 5 ให้มีความพองน้อยลงแล้วจับคู่กับผ้านุ่งทั้งแบบสั้นและยาว

ชุดแต่งงานไทย
ชุดแต่งงานไทย ชุดไทยประยุกต์สีชมพู ท่อนบนคล้ายชุดไทยจักรพรรดิ ห่มสไบรองสีชมพูทับด้วยสไบกรองปักเลื่อมเงิน ส่วนท่อนล่างคือกระโปรงทรงเมอร์เมดผ้าไหมสีชมพูเหลือบเงินยกสอดดิ้นเงินแบบจีบหน้านางพร้อมชายพก จากร้าน Deep Love Wedding
  • สาวหุ่นแบบไหนใส่ชุดไทยประยุกต์เข้ายุคสมัยแล้วสวย

ชุดไทยประยุกต์เป็นชุดที่สามารถใส่ได้ทุกแบบทุกสไตล์ สาวผอมหุ่นดี หรือจะเป็นสาวๆ ที่มีน้ำมีนวล หรือแม้แต่สาวอวบ ก็สามารถใส่ได้ เพราะด้วยเสื้อผ้าที่ประยุกต์มาให้เหมาะสมกับสาวๆ แล้ว และยังสามารถเลือกจับคู่ได้ตามใจชอบ หรือตามความเหมาะสมอีกด้วย ส่วนที่ขาดไม่ได้คือร้องเท้าสวยคู่ชุดไทยควรจะมีส้นสักนิดเพื่อให้สวยสง่าดูมีราศี

ส่วนชุดไทยอีกประเภทที่เจ้าสาวอาจไม่นิยมใส่มากนักในช่วงหลัง แต่สำหรับแก๊งเพื่อนเจ้าสาวในพิธีแต่งงานไทยแล้ว ชุดไทยแบบนี้มักครองใจเหล่าเพื่อนเจ้าสาวอยู่เสมอ 

ชุดแขนหมูแฮมในสมัยรัชกาลที่ 5

แขนหมูแฮมสุดฮิตมีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งถือว่าเป็นยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงการแต่งกายของคนไทยอย่างแท้จริง โดยชุดนี้ได้รับอิทธิพลมาจากการแต่งกายแบบยุโรปที่นิยมตัดเย็บช่วงบนของชุดเดรสให้เป็นคอปีนคู่กับแขนตุ๊กตาพองๆ เมื่อมาเป็นเสื้อผ้าในแบบคนไทย จึงนำรูปแบบที่ว่ามาปรับเปลี่ยนให้มีลักษณะเป็นเสื้อแขนยาวสีขาว มีลูกไม้ฝรั่งเศสตกแต่งที่บริเวณชายเสื้อ ตามไหล่ หน้าอก ลงไปถึงเอว โดยมีจุดเด่นตรงแขนที่มีลักษณะพองๆ ที่เรียกว่าทรงหมูแฮม นุ่งคู่กับโจงกระเบนหรือผ้าถุงยาว ตกแต่งด้วยลวดลายลูกไม้เพื่อให้ดูไม่เรียบจนเกินไป

Content-5374-864x1296

  • สาวหุ่นแบบไหนใส่ชุดแขนหมูแฮมแล้วสวย

บอกเลยว่า ใส่กันได้ทุกคน ด้วยตัวเสื้อและโจงกระเบนที่มีขนาดมากเพียงพอรองรับทุกขนาดของรูปร่าง แต่สิ่งที่ต้องพึงระวังมากที่สุดคือ สาวๆที่มีลำคอสั้น เพราะเสื้อที่มีลักษณะเป็นคอปีนใส่แล้วอาจทำให้ลำคอดูสั้นลงไปกว่าเดิม ส่วนการนุ่งโจงกระเบนให้สวยนั้น ควรใส่ให้ต่ำกว่าหัวเข่าลงไปประมาณ 4 นิ้ว จะช่วยทำให้หน้าขาดูเรียวงาม และที่ขาดไม่ได้คือถุงน่องยาวสีขาว คู่กับรองเท้าคัทชูสีดำ เท่านี้ก็ได้ลุคหญิงไทยแบบอินเตอร์แล้ว

 

ชุดแบบไหนเรื่องสีก็สำคัญ

นอกจากจะเลือกทรงชุดสวยๆ ให้เหมาะกับตัวเองแล้ว สิ่งที่ว่าที่เจ้าสาวไม่ควรมองข้ามคือ การเลือกสีชุดให้เหมาะกับสีผิว

ถ้าคุณคือเจ้าสาวผิวขาว จะได้เปรียบทุกนาง เพราะผิวขาวสามารถใส่เสื้อได้ทุกสี ส่วนสาวๆ ที่มี ผิวขาวอมเหลืองหรือสีผิวน้ำผึ้ง ควรระวังอย่างมากในการเลือกชุดสีเหลืองอ่อน สีครีม หรือสีทอง เพราะเป็นสีที่มีความคล้ายคลึงกับสีผิว ใส่แล้วอาจทำให้กลมกลืนกับผิวจนเกินไป ลองเลือกเป็นสีโทนเข้มกว่านี้เช่น สีทองเข้ม หรือสีทองใบไผ่

และสุดท้ายสาวๆ ที่มี สีผิวเข้มหรือผิวคล้ำ ไม่ควรใส่สีขาวเพราะจะเป็นการขับสีผิว ควรเลือกใส่สีพาสเทล สีโอโรสด์ สีชมพูนู้ด สีไข่ไก่ หรือสีแชมเปญ และจุดสำคัญอีกอย่างที่ขาดไม่ได้คือ การเลือกสีชุดของท่อนบนและท่อนล่าง ควรไปในทิศทางเดียวกันหรือโทนเดียวกัน เพื่อความเหมาะสมและสวยงาม

สุดท้าย สำหรับสาวๆ ที่กำลังจะเลือกชุดไทยมาใช้ในงานแต่งนั้น อย่าลืมลองชุดในฝันดูก่อนว่าเหมาะกับตัวเองจริงหรือไม่ และเมื่อได้ชุดแล้วก็ไม่จำเป็นต้องประโคมเครื่องประดับแบบจัดเต็ม เพราะความที่ชุดไทยรายละเอียดเยอะอยู่แล้ว จะได้ไม่แลดูเยอะไปหมด และที่สำคัญหัวใจหลักของเจ้าสาวชุดไทยคือ ความหวานที่ลงตัวในแบบที่ยังเป็นคุณอยู่นะ

>> ดูแบบชุดไทยและชุดแต่งงานสวยๆ อีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย! <<

บูโทเนียร์หลากสไตล์ ไอเท็มเด็ดช่วยให้ ชุดเจ้าบ่าว ดูเด่นกว่าใครในงาน

ถึงแม้ ชุดเจ้าบ่าว จะเรียบแค่ไหน แต่บูโทเนียร์ก็ช่วยให้ดูเด่นขึ้นได้แบบไม่ยาก

ใครว่าเจ้าบ่าวจะแต่งแค่สูทตัวเดียวแล้วจบ!! แพรว wedding ขอเถียงว่าไม่จริงสักนิด เพราะคุณเจ้าบ่าวเขาก็มีแอคเซสซอรี่ที่จะช่วยเสริมให้ลุคดูโดดเด่นได้ไม่แพ้เจ้าสาว และไอเท็มชิ้นสำคัญที่เป็นเครื่องประดับให้กับ ชุดเจ้าบ่าว ได้เป็นอย่างดีก็คือ บูโทเนียร์สวยๆ แพรว wedding เลยจัดมาให้กับช่อดอกไม้เล็กๆ หลากสไตล์แถมมีมาให้แมตช์ได้กับทุกชุด และทุกธีมงานไปเลย

ชุดเจ้าบ่าว

ว่าที่เจ้าบ่าวที่ต้องการคุมโทนและไม่นิยมสีสันฉูดฉาดของดอกไม้ การเลือกใช้ดอกหญ้าสีน้ำตาลก็เป็นอีกหนึ่งไอเดียบูโทเนียร์ที่ไม่ควรพลาด แถมยังเข้ากับสีสูทที่นิยมใส่กันไม่ว่าจะเป็น สีดำ สีเทา หรือสีน้ำเงิน แต่เพื่อไม่ให้บูโทเนียร์ดูแห้งแล้งเกินไป อาจจะแซมด้วยเฉดสีม่วงอย่างดอกลาเวนเดอร์เล็กๆ เอาไว้ เท่านี้ก็ดูดีคุมโทนแล้ว

หากคุณเป็นว่าที่เจ้าบ่าวสายรักษ์โลก อาจจะเลือกใช้ใบไม้สีเขียวเป็นหลัก โดยเลือกมิกซ์แอนด์แมตช์ใบไม้ต่างสายพันธุ์หลากรูปร่างเอาไว้ด้วยกัน แล้วนำมาจัดช่อให้สวยงาม ยิ่งถ้าหากคุณจัดงานแต่งงานในสวนด้วยแล้ว รับรองว่าเข้ากั๊นเข้ากันอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ถ้าคุณเป็นเจ้าบ่าวสายแฟชั่นที่อยากเพิ่มลุคหรูให้กับสูทตัวเก่ง อาจจะแซมด้วยกิ่งไม้เล็กๆ ในเฉดสีทอง เท่านี้ก็ช่วยให้ได้ลุคหรูดูดีแถมยังเหมาะกับงานแต่งงานในโรงแรมหรูได้อีกด้วย

พืชอวบน้ำต้นเล็กๆ ก็สามารถนำมาทำบูโทเนียร์ได้เหมือนกันนะ แถมไม่ต้องตกแต่งอะไรให้ยุ่งยาก เพราะพืชอวบน้ำมีดีไซน์ที่สวยงามด้วยตัวเองอยู่แล้ว อาจจะเลือกแซมด้วยดอกไม้ดอกเล็กๆ ดอกหญ้าแห้ง หรือใบไม้สวยๆ เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว

แต่ถ้าหากคุณว่าที่เจ้าบ่าวอยากได้ลุคแบบชายหนุ่มมาดผู้ดีที่มีสไตล์เป็นของตัวเอง และดูนำแฟชั่นนิดๆ อาจจะเลือกนำขนนกที่มีลวดลาดสวยๆ มาทำเป็นบูโทเนียร์ก็เป็นความคิดที่ไม่เลวเลยน้า ไมว่าจะสวยโดดเด่นด้วยขนนกเพียงหนึ่งเส้นที่มีเอกลักษณ์ หรือจะนำมาแมตช์กับดอกไม้ใบหญ้าเล็กๆ แต่ก็ยังดูชิคอยู่ ไม่ว่าจะลุคไหนก็เชื่อเถอะว่าจะเป็นลุคที่น่าประทับใจและไม่ซ้ำใครอีกด้วย

อะไรที่เป็นทรงกลมมักจะดูน่ารักเสมอ ไม่เว้นแม้กระทั่งบูโทเนียร์ของคุณเจ้าบ่าว กับการเลือกใช้ผลไม้ หรือลูกไม้ที่มีลักษณ์เป็นลูกกลมๆ เช่น viburnum berries, ราสป์เบอร์รี่ แบล็กเบอร์รี่ ที่นำมาแมตช์เข้ากับเฟิร์นสวยๆ ดอกหญ้าหรือใบไม้แห้ง หรือดอกแครสเพอเดียสีเหลือสดใสผูกไว้ด้วยเชือกป่าน เท่านี้คุณก็ดูเป็นเจ้าสาวสายซอฟต์ดูอบอุ่นขึ้นมาเลย

สไตล์ดอกไม้สุดคลาสสิคที่ยังได้รับความนิยมจากว่าที่เจ้าบ่าวอยู่เสมอ โดยอาจจะเลือกให้เข้าสีชุดสูท หรือเลือกให้ตรงกับสีธีมงาน แล้วอย่าเลือกเป็นดอกไม้ตามฤดูกาลนะ จะได้ช่วยประหยัดงบ แถมหาง่ายด้วย

สุดท้ายอย่าลืมเลือกสไตล์ชุดเจ้าบ่าวและแก๊งเพื่อนเจ้าบ่าวตามนี้นะ >> หล่อปังทรงพลังทั้งแก๊ง กับเทคนิคการเลือกชุดเจ้าบ่าวและผองเพื่อน

ภาพ pinterest

6 สิ่งที่บ่าวสาวต้องรู้ก่อนเลือกแบบจัดดอกไม้ในงานแต่ง

นอกจากสถานที่ ธีมงาน และชุดแต่งงานแล้ว สิ่งที่จะช่วยให้บรรยากาศงานแต่งงานดูสดใสสดชื่นก็ต้อง ดอกไม้ ถูกไหมคะ ทำให้บ่าวสาวหลายคู่มักจะมีรูปแบบการจัดดอกไม้ในใจที่อยากได้และทำให้เป็นจริงในวันงาน แต่ช้าก่อน เพราะยังมี 6 สิ่งที่บ่าวสาวต้องคิดให้ดีก่อนที่จะคอนเฟิร์มการ จัดดอกไม้งานแต่ง ตามนี้เลย

  • คำนึงเรื่องฤดูกาล

หากบ่าวสาวเลือกดอกไม้ในงานแต่งตามฤดูกาล นอกจากที่จะได้ดอกไม้ที่สวยสดงดงามสมบูรณ์แบบแล้ว คุณยังจะได้ราคาที่เป็นมิตรและสบายกระเป๋ากว่าด้วย แต่ถ้าคุณแต่งงานในช่วงฤดูร้อน แต่อยากได้ดอกไม้ที่เบ่งบานในช่วงฤดูหนาวมาไว้ตกแต่งงาน อันนี้อาจจะต้องอาศัยการวางแผนที่ดี เช่น มีการสั่งจองไว้ล่วงหน้า เป็นต้น

  • ดอกไม้แต่ละสายพันธุ์แตกต่างกัน

แตกต่างในที่นี่นอกจากเรื่องรูปทรงและสีสัน ยังหมายถึถงความคงทนต่อสภาพอากาศที่แตกต่างกันด้วย บ่าวสาวหลายคู่อาจจะมีดอกไม้ในใจที่อยากได้มาประดับไว้ในงาน แต่ก็ต้องเช็กให้ชัวร์ก่อนว่าดอกไม้ชนิดนั้นเหมาะกับสถานที่แต่งงานของบ่าวสาวหรือไม่ เช่น หากจัดงานแบบเอ้าท์ดอร์ กลางแจ้ง หรือริมทะเลก็อาจจะต้องเลือกดอกไม้ที่มีความแข็งแรง ทนแดดทนลมสักหน่อย เป็นต้น

  • ช่อดอกไม้ DIY ไม่ง่ายอย่างที่คิด

เจ้าสาวบางคนก็อยากประหยัดงบ เลยเลือกที่จะจัดช่อดอกไม้เจ้าสาวด้วยตัวเอง ก็แหม แค่เซฟรูปมาแล้วไปหาดอกไม้ให้เหมือน จากนั้นก็แค่ copy แล้ว paste ง่ายจะตาย แต่ๆ…พอได้ทำจริงแล้ว บอกเลยว่าไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดนะคะ เพราะดอกไม้ที่สวยงามบางครั้งก็อันตรายกว่าที่คุณคิด เช่น บางดอกอาจจะมีเกสรที่เป็นอันตรายหรือมีหนามแหม เป็นต้น แถมการจัดช่อดอกไม้ไม่ใช่ว่าจัดชั่วโมงนี้เพื่อเตรียมโยนชั่วโมงหน้า แต่ต้องมีการจัดเตรียมล่วงหน้าเอาไว้ เพราะฉะนั้นเรื่องการเลี้ยงน้ำดอกไม้ให้สดชื่นตลอดเวลาจึงเป็นเรื่องสำคัญ แถมดอกไม้บางสายพันธุ์ก็ต้องการน้ำน้อย-มากต่างกันไปอีก

  • อย่าใช้ดอกไม้ที่กลิ่นหอมมากเกินไป

ดอกไม้บางชนิดก็มาพร้อมกลิ่นที่หอมชื่นใจ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่ามันเหมาะที่จะนำมาตกแต่งเป็นเซ็นเตอร์พีชเพื่อให้หอมฟุ้งไปทั้งโต๊ะนะคะ เพราะกลิ่นอันหอมหวนนั้นเป็นตัวล่อแมลงชั้นดี ยิ่งหากจัดงานแต่งในสวนด้วยแล้ว อาจมีเหล่าแมลงมาร่วมแจมบนโต๊ะด้วย ยิ่งถ้าอาหารที่เป็นของหวานมาเสิร์ฟบนโต๊ะด้วยแล้ว คราวนี้ล่ะงานเข้าแน่ๆ

ที่สำคัญแต่ละคนก็มีกลิ่นที่ตัวเองชอบและไม่ชอบแตกต่างกันไป บางทีกลิ่นดอกไม้ที่บ่าวสาวว่าหอมอาจจะไม่ถูกจริตกับจมูกของแขกบางคนบนโต๊ะนั้นก็ได้ จนอาจนำพามาซึ่งอาการพะอืดพะอมเอาง่ายๆ เอาเป็นว่าเพื่อความชัวร์ แค่เลือกดอกไม้ที่มีรูปทรงสวยงามแบบไร้กลิ่นหอมหวานก็น่าจะเวิร์กกว่านะ

  • สีดอกไม้ต้องไม่ดร็อปหรือเด่นเกินไป

หากเจ้าสาววางแผนไว้ว่าอยากจะให้แก๊งเพื่อนเจ้าสาวถือช่อดอกไม้สวยๆ ก็อาจจะต้องระวังอย่าเลือกสีสันดอกไม้ให้ชนกับชุดเพื่อนเจ้าสาวซะล่ะ เพราะไม่อย่างนั้นจะไม่มีอะไรที่โดดเด่นออกมาสักอย่าง นอกจากว่าคุณและเดอะแก๊งจะอยากคุมธีมสีให้เหมือนกันเป๊ะ!

ต่อมาถ้าหากสถานที่จัดงานของบ่าวสาวสดใสแบบคัลเลอร์ฟูล เราแนะนำให้ตกแต่งด้วยดอกไม้ที่มีสีสันแบบซอฟต์ๆ ไม่ต้องไปแรงสู้ เช่น หากกำแพงมีสีชมพู ก็เลือกตกแต่งด้วยดอกไม้สีขาว เพราะช่วยเซฟให้งานดูสวยหวานมากที่สุด แต่ถ้าหากอยากได้งานแต่งสีสันจัดจ้านจริงๆ อันนี้ก็ต้องอาศัยเทคนิคการจับคู่สีตรงข้ามกันหน่อยนะ

  • เชื่อใจนักจัดดอกไม้

จงตระหนักไว้อยู่เสมอว่า นักจัดดอกไม้ คือผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ด้านนี้โดยเฉพาะ เพราะฉะนั้นหากบ่าวสาวไว้ใจให้เขามาดูแลและรับผิดชอบในส่วนนี้แล้ว การไว้ใจและเชื่อใจคือสิ่งที่ดีที่สุด หน้าที่ของบ่าวสาวคือบอกสิ่งที่ตัวเองต้องการให้ชัดเจน พร้อมมีไทม์ไลน์การทำงาน และติดตามงานเป็นระยะ นอกนั้นก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของมืออาชีพ

และอีกอย่างที่สำคัญคือ การเปิดใจรับฟัง เพราะบางครั้งสิ่งที่คุณคิดอยากจะให้มี กับความเป็นจริงที่จะมีขึ้นได้ มันก็สวนทางกันนะคะ แต่เชื่อเถอะว่าด้วยความเป็นมืออาชีพแล้ว ยังไงนักจัดดอกไม้ก็ต้องเนรมิตทุกสิ่งได้ตรงตามความต้องการ ผ่านมุมมองทางด้านศิลปะในแบบฉบับของผู้เชี่ยวชาญได้แน่นอน

>> ดูไอเดียดีๆ เกี่ยวกับงานแต่งงานอีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย! <<

ภาพ pexels.com

เลือกชุดแต่งงานไทยให้เหมาะกับเจ้าสาวและแมตช์กับเจ้าบ่าวด้วย

ชุดแต่งงานไทย ต้องเลือกให้สวมงามตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า รวมถึงคนข้างๆ ก็ต้องหล่อให้เข้ากันกับเจ้าสาวด้วยนะ

ได้แต่ง ชุดแต่งงานไทย กับเขาสักที เชื่อว่าทุกคนคงอยากดูสง่าราวกับสตรีผู้สูงศักดิ์มากกว่าสวยแบบนางเอกหนังจักรๆ วงศ์ๆ แต่จะทำอย่างไรล่ะ

 

สี

สีครีมทองเป็นสียอดฮิต เพราะดูหรูและสง่า แถมเจ้าสาเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ใส่แล้วรอด ถ้าใจคุณชื่นชอบสีสันอย่างชมพู ฟ้า ส้ม ฯลฯ แต่ดันเป็นสาวไทยแท้ผิวเข้ม กลัวว่าใส่แล้วจะตัดกับผิวฉึบฉับ หรือเป็นสาวไทยเชื้อสายจีน ตาตี่ ผิวขาวซีด ที่ใส่สีสดแล้วอาจดูเป็นอาเจ๊ ขอบอกว่าการเลือกโทนสีเบรกลงมาพอจะช่วยได้ เช่น เลือกสีชมพูนู้ดๆ หรือสีกะปิแทนสีชมพูสด เลือกสีฟ้าอมเทาแทนสีฟ้าสด เลือกสีจำปาแทนสีส้มแจ๊ด ฯลฯ ทั้งหมดนี้ไม่ต้องกลัวหมอง เพราะชุดไทยมักตัดเย็บจากผ้าไหมซึ่งมีความวาวและมีการปักดิ้นทองซึ่งจะช่วยขับขับผิวให้ดูผ่องขึ้น ถ้าจะให้ชัวร์ควรเอาผ้ามาทาบกับตัวเลยว่าเหมาะกับผิวไหม

รูปร่าง

ส่วนใหญ่เจ้าสาวรูปร่างท้วมมักไม่กล้าใส่สไบ แต่พอเลี่ยงไปใส่ชุดแขนยาวมิดชิด ติดกระดุมถึงคอก็กลายเป็นดูอึดอัดทึบตันไปทั้งตัว แนะนำว่าของแบบนี้ต้องมั่นใจ เพราะการห่มสไบก็มีทั้งแบบเข้ารูปโชว์ช่วงเอว และแบบผืนใหญ่ห่มปิดหมดทั้งร่าง โดยมากคนท้วมต้องใส่เปิดๆ หน่อยให้เห็นเส้นเอวจะได้ดูไม่ตัน แต่ก็ไม่เสมอไป เพราะขึ้นอยู่กับบุคลิกภาพด้วย บางคนท้วมแต่พอห่มสไบมิดชิดกลับดูดีกว่า เพราะมีบุคลิกสง่าราวนางพญา ดังนั้นการลองสวมจริงจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดว่าชุดแบบไหนเหมาะกับคุณ

ชุดแต่งงานไทย

กรณีที่เลือกใส่ชุดไทยแขนยาวคอปิดอย่างชุดไทยบรมพิมาน การตัดเย็บให้เอวต่ำกว่าปกติจะช่วยให้ช่วงลำตัวดูโปร่งและสมส่วนขึ้นได้ในระดับหนึ่ง

รองเท้า

เนื้อคู่ของชุดไทยคือรองเท้าส้นสูงหัวแหลมที่มีความเป็นเมทัลลิคจะเงิน ทอง หรือพิงค์โกลด์ก็ขึ้นอยู่กับสีเครื่องประดับและดิ้นที่ปักบนชุด แต่แนะนำให้เป็นเฉดอ่อนจะดูมีคลาสกว่า กรณีที่หน้าเท้ากว้างใส่หัวแหลมแล้วไม่สวย ลองเลือกแบบที่มีแพลตฟอร์ด้านหน้าจะช่วยพยุงให้น้ำหนักไม่เทไปด้านหน้ามากนัก ดูดีขึ้น แถมยังเมื่อยน้อยลงด้วย

เจ้าสาวบางคนต้องการสวมรองเท้าสีพื้นเรียบๆ เพื่อจะได้เก็บไว้ใส่ในชีวิตประจำวันด้วย ก็อาจเลือกสีที่ไปกันได้กับสีของชุดท่อนบนหรือท่อนล่าง

เครื่องประดับ

ถ้าบ้านไหนมีเครื่องทองของเก่าเก็บก็โชคดีไป แต่ถ้าไม่มี ต้องเช่าเครื่องประดับเทียมมาใส่ก็ควรเลือกที่ฝีมือประณีตและไม่ต้องประโคมเยอะ เดี๋ยวจะดูเหมือนไปรำแก้บน แค่เข็มขัด ต่างหู และสร้อยคอ หรือข้อมืออีกสักชิ้นก็สวยแล้ว

ชุดแต่งงานไทย

ชุดเจ้าบ่าว

พอเจ้าสาวเลือกชุดได้แล้วก็อย่าลืมหันมาดูคนข้างๆ ด้วย ส่วนใหญ่เจ้าบ่าวมักจะโนไอเดีย ใส่อะไรก็ได้ มีบ้างที่งอแงไม่ยอมใส่ชุดไทยเพราะเขิน อาจพบกันครึ่งทางด้วยชุดเจ้าบ่าวไทยประยุกต์ ท่อนบนเป็นสูท ท่องล่างเป็นโจรงกระเบน หรือท่อนบนเป็นเสื้อราชปะแตน ท่อนล่างเป็นสแล็คก็ตามสะดวก แต่เพื่อความสวยงามแนะนำให้เจ้าบ่าวเลือกคู่สีที่เข้ากับสีชุดของเจ้าสาวหรือมีสีที่ลิงค์กับชุดเจ้าสาวอยู่ในตัวบ้าง ไม่จำเป็นต้องเป็นสีเดียวกันเป๊ะ และถ้าคนหนึ่งใส่โทนอ่อน อีกคนควรเป็นโทนเข้มเพื่อความลงตัว เช่น ชุดเจ้าสาวสีครีมทอง ชุดเจ้าบ่าวสีเบจ หรือชุดเจ้าสาวสีชมพู ชุดเจ้าบ่าวสีเทาหรือน้ำตาลช็อกโกแลตเป็นต้น

รู้แบบนี้แล้วว่าที่เจ้าสาวก็มีเทคนิคไปเลือกชุดแต่งงานไทยได้แบบสบายใจหายห่วง หรือจะเข้าไปดู >> 9 ชุดแต่งงานไทยคนดัง ที่ผ่านไปนานแค่ไหนก็ยังสวยงามและน่าใส่ตามเสมอ เป็นตัวอย่างก็ได้นะ

ชุดแต่งงานไทย กับเทคนิคการใส่ที่เจ้าสาวแต่งไทยควรรู้

ชุดแต่งงานไทย ใส่ยังไงให้สวยเป๊ะ มาดูกัน

จะมีสักกี่ครั้งในชีวิตที่สาวๆ อย่างเราจะได้แต่งชุดไทยแบบเต็มยศ ยิ่งถ้าเป็น ชุดแต่งงานไทย ด้วยแล้ว แน่นอนว่าวันนั้นคงต้องเป็นวันสำคัญอย่างวันแต่งงาน เพราะฉะนั้นไหนๆ ก็จะได้แต่งองค์ทรงเครื่องกันแบบครบเซตแล้ว ก็ต้องใส่ใจและพิถีพิถันในการแต่งกายกันหน่อย แพรว wedding เลยมีเทคนิคการใส่ชุดแต่งงานไทยยังให้สวยเป๊ะมาฝาก

1. เมื่อจะลงนั่งไม่ว่าบนเก้าอี้หรือบนพื้นเพื่อประกอบพิธี ให้ใช้มือสองข้างรวบผ้านุ่งมาไว้ด้านหน้าแล้วจึงนั่ง ผ้าจะไม่ยับและคงความสวยงามจนจบงาน

2. เวลาเดินให้ระวังเหยียบชายผ้านุ่ง หากเย็บตรึงไม่แน่น อาจทำให้ผ้านุ่งหลุดลุ่ยเสียรูปทรงได้ ส่วนสไบและสะพักที่มีชายยาวลากพื้น หากไม่มีผู้ช่วยยกชายผ้า เจ้าสาวจะต้องรวบชายผ้าสไบและผ้าสะพักมาพาดไว้ที่แขนข้างเดียวกับที่สไบทิ้งตัว

3. ถ้าเป็นไปได้ ในการลองชุดก่อนวันจริงเจ้าสาวต้องนำรองเท้าคู่ที่จะใส่ในวันงาน หรือมีความสูงเท่ากับคู่ที่จะใส่ในวันงานมาลองใส่ขณะแต่งตัวด้วย เพื่อจะได้กะความยาวของผ้านุ่งให้พอดีกัน

4. ควรเลือกชุดชั้นในที่มีสีกลมกลืนกับสีผิวมากที่สุด โดยจะเลือกเป็นชั้นในเกาะอกอย่างเดียวหรือสวมชั้นในแล้วทับด้วยเสื้อเกาะอกก็ได้ ส่วนกางเกงชั้นในไม่จำเป็นต้องเลือกแบบช่วยยกก้นให้เด้ง เพราะเทคนิคการนุ่งจะช่วยเน้นรูปร่างให้สวยงามอย่างเป็นธรรมชาติได้ในพริบตา

ชุดไทยจักรพรรดิ จากร้าน Costume Cafe

5. ควรแต่งหน้า-ทำผม และฉีดสเปรย์ให้เรียบร้อยก่อนแล้วจึงค่อยแต่งตัว เพราะสเปรย์มีส่วนผสมที่ทำให้ทองที่ปักหมองดำได้

6. หากน้ำเปล่าหกใส่ชุด ให้ใช้ทิชชูหรือผ้าขนหนูแห้งซับน้ำ แล้วใช้ดรายร์เป่า แต่ถ้าเป็นน้ำอัดลมต้องใช้ผ้าชุบน้ำสะอาดมาซับทันที ไม่ควรรอให้แห้งเพราะจะทำให้เกิดรอยด่างได้

7. หากเจ้าสาวต้องการผ้าชิ้นพิเศษที่ออกแบบลวดลายใหม่สำหรับคุณคนเดียว แพรว wedding ขอบอกเลยว่า ต้องเผื่อเวลาไว้ข้ามปี เพราะผ้าไทยแต่ละชิ้นใช้เวลาทอค่อนข้างนาน เริ่มตั้งแต่การย้อมสีด้วยวัตถุดิบจากธรรมชาติแล้วนำมาทอขึ้นลาย จากนั้นเพิ่มรายละเอียดด้วยการปักลวดลายอีกครั้ง ฉะนั้นหากอยากได้ผ้าไทยสวยๆ ไว้ใช้ในวันสำคัญ อย่าลืมวางแผนล่วงหน้ากันไว้ให้ดีนะ

8. เมื่อได้ผ้ามาแล้วต้องลองแต่งก่อนวันจริง โดยอาจนัดลองหลายๆ แบบก่อนถึงวันงาน 1-2 เดือน เพื่อดูวาชุดไหยเหมาะกับรูปร่างของคุณมากที่สุด

ดูดีกันแบบแพ็คคู่ด้วยเคล็ดลับดีๆ นี้ที่เรานำมาฝาก >>> เทคนิคการเลือกชุดแต่งงานไทยของบ่าวสาวยังไงให้ดูเข้ากัน

ขอบคุณภาพเปิด : ชุดไทยจากร้าน Vanus Couture, เครื่องประดับจาก อ.ไพโรจน์ สืบสาน

มาดูกัน! จัดงานแต่งแบบประหยัด งบประมาณไม่บาน คุมได้นั้นมีอยู่จริง

หัวใจสำคัญของการจัดงานแต่งงานไม่ได้ขึ้นอยู่กับงบประมาณที่สูงลิบเสมอไป เพราะงานแต่งสวยเว่อร์สุดอลังการฟังก์ชันครบ จัดงานแต่งแบบประหยัด งบไม่บาน คุมได้นั้นมีอยู่จริง เพียงแต่มีสิ่งสำคัญบางอย่างที่บ่าวสาวพึงกระทำตามนี้

  • ตั้งงบประมาณค่าใช้จ่ายทั้งหมด
  • ลิสต์รายละเอียดการจัดงาน (ตามความฝัน) ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องมี สิ่งที่มีก็ได้ไม่มีก็ได้ และสิ่งที่ฝันอยากจะมี
  • ใส่งบประมาณขั้นสูงสุดในแต่ละลิสต์ โดยเกลี่ยให้พอดีกับงบประมาณทั้งหมด
  • อ่านเคล็ดลับประหยัดงบจากโปรแล้วประยุกต์ใช้กับงานตัวเอง

ส่วนในเรื่องของสถานที่จัดงาน อาหาร และเครื่องดื่ม ก็มีเคล็ดลับตามนี้ 

1. ลิสต์จำนวนแขกให้ใกล้เคียงความเป็นจริงมากที่สุดแล้วจึงฟันธงเลือกห้อง หากกะประมาณคร่าวๆ จะเจอปัญหาเลือกห้องใหญ่เกินไป ส่งผลไปถึงค่าอาหารบานปลายและสูงขึ้นโดยไม่จำเป็น (โดยปกติจะมีแขกมาร่วมงาน 80% ของจำนวนการ์ดเชิญทั้งหมด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าจัดงานวันไหน ตามสถิติแล้ว ถ้าจัดงานในวันธรรมดา การ์ด 1 ใบจะมีแขกมา 2 คน แต่ถ้าเป็นวันหยุด การ์ด 1 ใบอาจมีแขกมาสูงสุดถึง 5 คน!!)

2. อย่าเลือกห้องเล็กไว้ก่อน เพียงเพราะคิดว่าจะประหยัดกว่า เพราะสุดท้ายแล้วหากแขกเกินก็ต้องจ่ายส่วนต่างอาหารที่คิดเพิ่มนอกแพ็คเกจ ซึ่งมักคิดราคาตามจำนวนคน

3. เลือกห้องที่ตกแต่งสวยงามพร้อมอยู่แล้ว เพราะจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการตกแต่งสถานที่

4. ในกรณีเช่าแค่สถานที่ (ไม่ใช่โรงแรม) ควรเช็กให้ถี่ถ้วนว่าสถานที่นั้นให้อะไรเพิ่มเติม นอกเหนือจากห้องเปล่าๆ เช่น เครื่องเสียง ลำโพง จอโปรเจ็กเตอร์ ไฟฟอลโลว์ โต๊ะ เก้าอี้ พนักงานช่วยอำนวยความสะดวก

5. ใช้บริการอาหารที่สถานที่นั้นๆ แนะนำ เพราะไม่ต้องเสียค่านำเข้าอาหารเพิ่มเติม

6. เลือกเมนูอาหารแพ็คเกจต่ำที่สุดเสริมด้วยซุ้มอาหารคุ้มกว่า โดยสั่งเมนูอาหารค็อกเทลแค่ 70 – 80% ของแขก แล้วเพิ่มซุ้มอาหารเฉลี่ยให้ครอบคลุม 100%

7. จัดงานแต่งอินดอร์ประหยัดกว่าเอ๊าต์ดอร์ เพราะไม่ต้องเสียค่าเช่าเต็นท์ พัดลม และระบบไฟเพิ่ม

8. ข้อดีของการจัดงานที่บ้านคือ ไม่เสียค่าสถานที่ ไม่เสียค่านำเข้าอาหาร ข้อเสียคืออาจต้องเสียค่าเช่าโต๊ะเก้าอี้เพิ่มเติม และความเรียบร้อยหรือบริการต่างๆ ไม่เป๊ะเท่าโรงแรม

9. ส่งการ์ดเชิญแขก 300 ใบ ควรมีอาหารอย่างน้อย 6 – 7 ซุ้ม โดยมีปริมาณอาหารรวม 900 – 1,200 ชาม เป็นอาหารหนักประมาณ 350 ชาม และเตรียมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 4 – 6 ลัง ถ้าเสิร์ฟไวน์ด้วยก็ให้สั่งเพิ่มอีก 4 – 6 ลัง

>> ดูไอเดียงานแต่งงานและคำแนะนำดีๆ ในการจัดงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย! <<

ลำดับขั้นตอนพิธีไหว้ผู้ใหญ่พร้อมสคริปต์แบบ 2 ภาษาอย่างเป๊ะ

พิธีไหว้ผู้ใหญ่ พร้อมสคริปต์ฉบับเต็มแบบ 2 ภาษา

พิธีไหว้ผู้ใหญ่ ถือเป็นอีกหนึ่งพิธีที่สำคัญในงานแต่งไทย โดยเป็นอีกหนึ่งพิธีที่เต็มไปด้วยลำดับขั้นตอน เราเลยนำลำดับขั้นแบบเป๊ะๆ พร้อมสคริปต์ทั้งไทยและเทศมาฝาก เรียกได้ว่าอินเตอร์กันสุดๆ เลยทีเดียว

พิธีไหว้ผู้ใหญ่
• บ่าวสาวและผู้ใหญ่คู่แรกนั่งประจำที่ (ตามธรรมเนียมจะเริ่มจากพ่อแม่ของเจ้าบ่าวหรือเจ้าสาวก่อน แล้วจึงเป็นญาติผู้ใหญ่ท่านอื่นๆ ตามลำดับ)
• บ่าวสาวไหว้ผู้ใหญ่ด้วยพานธูปเทียนแพ
• ผู้ใหญ่รับพานธูปเทียนแพพอเป็นพิธีแล้วส่งคืนแก่บ่าวสาว
• บ่าวสาวมอบของไหว้ให้ผู้ใหญ่ เช่น ผ้าขนหนู ผ้าไหม หมอน เป็นต้น
• ผู้ใหญ่ให้ของรับไหว้ซึ่งมักเป็นเงินทองของมีค่าแก่บ่าวสาว
• ผู้ใหญ่คู่ถัดไปขึ้นทำพิธี

The Senior Respecting Ceremony
              • The groom and the bride sit with the first elderly couple. (According to tradition, the parents of the groom or those of the bride will start first, and other elder relatives will follow.)
              • The groom and the bride pay respect to the elders with the tray of joss sticks and candles.
              • The elders receive the souvenirs briefly and return them to the groom and the bride.
              • The groom and the bride give presents to the elders, such as towels, silk, pillows.
              • The elders give presents to the groom and the bride, usually in the form of gold, money or other valuable items.
              • The next senior couple gets in position.

 

อ่านเพิ่มเติม >> แจกกันแบบสเต็ปบายสเต็ป กับขั้นตอนลำดับพิธีแต่งงานไทยฉบับสมบูรณ์

ภาพเปิด : Box Wedding

สิ่งที่ต้องระวังในงานแต่ง บ่าวสาวควรรู้ไว้ก่อนจะได้ไม่พลาดตอนจัดงาน

งานแต่งงานถือเป็นงานใหญ่ครั้งหนึ่งในชีวิต นอกจากจะต้องเตรียมตัวนานหลายเดือนแล้ว ยังมีรายละเอียดยิบย่อยมาให้บ่าวสาวพิจารณาอยู่เสมอ บางคนก็ตัดสินใจผิดพลาดจนทำให้งานแต่งออกมาไม่ได้ดั่งใจหวัง วันนี้ แพรว wedding จึงนำข้อผิดพลาดกับ สิ่งที่ต้องระวังในงานแต่ง  ที่อดีตบ่าวสาวชาวเราเคยประสบพบเจอมาเป็นบทเรียนก่อนวันวิวาห์จะมาถึงให้ว่าที่บ่าวสาวคนต่อไปได้อ่านและระวังตัวกันให้มากขึ้น

1. ไม่ตัดสินใจเรื่องงบประมาณ

ภาพจาก : www.everafterguide.com
ภาพจาก : www.everafterguide.com

ว่าที่บ่าวสาวหลายคู่พอรู้ตัวว่าจะต้องแต่งงานก็เกิดอาการตื่นเต้นดีใจจนลืมทุกอย่าง แม้กระทั่งเรื่องเงินที่จะเอามาใช้จัดงานก็ยังลืมคิดว่าต้องใช้เงินเท่าไหร่ เฝ้าแต่จินตนาการว่างานฉันต้องสวยอย่างนั้น อลังการอย่างนี้ หยุดค่ะ! คงต้องขอดึงคุณกลับมาในโลกแห่งความเป็นจริงสักนิดนึง เพราะหัวใจหลักของการจัดงานแต่งนั้นไม่ได้มีแค่เรื่องความรักเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องงบประมาณที่คุณจะต้องรีบตัดสินใจให้ได้เป็นสิ่งแรก

2. ไม่มีแผนสำรองในกรณีฝนตก

ภาพจาก : www.brides.com
ภาพจาก : www.brides.com

เรื่องนี้จะไม่เป็นปัญหามากมายสำหรับคู่ไหนที่เลือกจัดงานในโรงแรม แต่จะเป็นปัญหาที่น่าสะพรึงสำหรับคนที่ตัดสินใจจัดงานแต่งแบบเอ๊าท์ดอร์ ไม่ว่าจะเป็นชายหาด ในสวน ในไร่ ริมแม่น้ำ หรือสถานที่ไหนก็แล้วแต่ที่เป็นที่โล่งไม่มีหลังคา คุณจะต้องเตรียมแผนสองสำหรับพระพิรุณโปรยฝนไว้ให้ดี จะเตรียมร่ม เตรียมหมวก หรือเต็นท์กันแดดกันฝนไว้ด้วยจะดีมาก ถ้าคุณเอาแต่คิดว่าฉันดูพยากรณ์อากาศมาดี วันแต่งฝนไม่ตกแน่! ขอบอกเลยว่า คุณ! คิด! ผิด! เพราะธรรมชาติเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ จู่ๆ อากาศแปรปรวนฝนตกมาเมื่อไหร่รับรองว่าจบเห่แน่ๆ !

3. ปล่อยให้แขกสับสน

ภาพจาก : www.overthec.com
ภาพจาก : www.overthec.com

เดี๋ยวนี้งานแต่งงานมีรายละเอียดและเงื่อนไขเยอะแยะไปหมด ทั้งธีมงาน ธีมสี ธีมชุด รวมไปถึงการเดินทางไปสถานที่จัดงาน สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่คุณห้ามพลาดใส่ไปในการ์ดเชิญเด็ดขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณจัดงานแต่งตามต่างจังหวัดแล้วแขกจะต้องเดินทางไกล คุณควรที่จะแนบแผนที่แผ่นเล็กๆ ลงไปด้วย อย่าลืมล่ะ!

4. จะแต่งงานแต่ไม่คุยกัน

ภาพจาก : www.toptableplanner.com
ภาพจาก : www.toptableplanner.com

ว่าที่บ่าวสาวคู่ไหนที่กำลังจะแต่งงานกันแต่ไม่ยอมคุยรายละเอียดหรือปรึกษาหารือกัน ขอให้คุณไปคิดทบทวนใจของตัวเองให้ดีว่าอยากแต่งกันจริงๆ ไหม เพราะแน่นอนว่าการแต่งงานมันเกี่ยวพันกับชีวิตของคุณสองคนโดยตรง ไม่ว่าจะจัดเล็กๆ เงียบๆ หรือจัดใหญ่โต คุณก็ต้องคุยกันว่าอยากให้งานออกมาเป็นแบบไหน ใส่ชุดอะไร จัดที่ไหน เชิญแขกเท่าไหร่ ช่วยๆ กันออกไอเดียและแบ่งๆ กันรับผิดชอบมันคงดีกว่าปล่อยให้เป็นหน้าที่ใครคนใดคนหนึ่งนะ

5. กังวลว่าคนอื่นจะไม่สนุกกับงานแต่ง

ภาพจาก : www.phillymag.com
ภาพจาก : www.phillymag.com

เชื่อว่าบ่าวสาวหลายคู่มักจะเกิดความกังวลว่าคนรอบตัวทั้งพ่อ แม่ ญาติ พี่ น้อง และแขกคนอื่นๆ จะไม่ชอบสิ่งที่คุณตัดสินใจเลือกและไม่สนุกกับงานแต่งที่คุณจัดขึ้น บางคนออกอาการนอยด์จนตัวเองกลายเป็นคนที่ไม่สนุกเสียเอง ขอแนะนำว่าทำใจให้สบาย อย่าไปคิดอะไรมาก เลือกในสิ่งที่คุณชอบและคุณต้องการ เพราะวันแต่งงานคือวันพิเศษสำหรับคุณและคนรักนะ

6. ตัดสินใจเลือกสถานที่โดยไม่คำนวณแขกก่อน

ภาพจาก : www.cocoweddingvenues.co.uk.com
ภาพจาก : www.cocoweddingvenues.co.uk.com

เรื่องสถานที่และจำนวนแขกเป็นสิ่งสำคัญลำดับต้นๆ ที่คุณควรตัดสินใจให้ได้โดยเร็ว เพราะสองอย่างนี้จะเกี่ยวข้องกันตั้งแต่ตอนวางแผนจนถึงวันงาน ลิสต์จำนวนแขกให้แน่นอนก่อนแล้วจึงหาสถานที่จัดงานให้สามารถรองรับแขกได้อย่างเหมาะสม เลือกสถานที่ที่ไม่ใหญ่จนทำให้งานดูโล่งเกินไปและไม่เล็กคับแคบจนแขกอึดอัด

7. เซ็นสัญญาโดยไม่อ่านให้ละเอียด

ภาพจาก : www.everafterguide.com
ภาพจาก : www.everafterguide.com

จัดงานใหญ่ครั้งหนึ่งแน่นอนว่านอกจากทะเบียนสมรสที่คุณต้องเซ็นแล้ว ยังมีเอกสารอย่างอื่นเยอะแยะมากมายที่คุณจะต้องลงชื่อด้วย ทั้งเอกสารการซื้อขายและเอกสารสัญญาว่าจ้างต่างๆ คุณควรจะอ่านรายละเอียดในหนังสือสัญญาให้ละเอียดและรอบคอบ ถ้ามีคำถามหรือข้อสงสัยต้องรีบถามรีบเคลียร์ให้เข้าใจกันทั้งตัวคุณและผู้รับจ้างก่อนลงมือเซ็นชื่อ และที่สำคัญอย่าอ่านคนเดียว ควรจะให้คนรัก พ่อ แม่ หรือเพื่อนที่เราไว้ใจมาช่วยอ่าน ช่วยทำความเข้าใจด้วยก็จะดี

8. เลือกใช้งานผู้รับจ้างผิด!

www.everafterguide.com
www.everafterguide.com

ผู้รับจ้างในที่นี้หมายถึงทุกอย่างในงานแต่งที่คุณไม่ได้ทำเองและต้องจ้างคนอื่น เช่น เวดดิ้งแพลนเนอร์ ร้านการ์ด ร้านชุด วงดนตรี แคทเธอริ่ง ฯลฯ สิ่งเหล่านี้คุณควรจะคิดดีๆ ก่อนตัดสินใจว่าจะเลือกใช้บริการเจ้าไหน คุณต้องดูตัวอย่างงานและโปรไฟล์ของแต่ละเจ้าให้ดีเสียก่อนว่าเข้ากับความต้องการของคุณจริงไหม และที่สำคัญคือราคารับได้หรือไม่ ถ้าจะให้ดีแนะนำให้คุยกับผู้รับจ้างแต่ละเจ้าก่อนที่จะตัดสินใจเลือก

9. เลือกเวดดิ้งแพลนเนอร์มือสมัครเล่น

ภาพจาก : www.everafterguide.com
ภาพจาก : www.everafterguide.com

ถ้าคุณคิดว่าคุณสามารถควบคุมทุกอย่างในงานแต่งได้ด้วยตัวของคุณเอง หรือแม้กระทั่งไว้วางใจเพื่อนสนิทว่าพวกเขาเหล่านั้นจะช่วยคุณได้แน่ และคิดว่าไม่จำเป็นต้องจ้างเวดดิ้งแพลนเนอร์ แบบนี้ก็ตามแต่ความต้องการของบ่าวสาว แต่ขอบอกเลยว่าพอถึงวันงานจริงคุณอาจจะเจอความวุ่นวายที่มาทักทายแบบไม่ทันตั้งตัวแน่นอน เพราะฉะนั้นถ้าไม่มั่นใจว่าจะรับมือกับปัญหาเฉพาะหน้าได้อยู่หมัด การเลือกเวดดิ้งแพลนเนอร์ดีๆ สักเจ้าให้เข้ามาช่วยดูแลงานแต่ง แบบนี้ก็ช่วยให้คุณสวยอย่างสบายใจไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังเรื่องอื่นๆ อีก

10. ลืมนัดแนะเวลาที่แน่นอน

ภาพจาก : www.weddingwire.com
ภาพจาก : www.weddingwire.com

คนจะเป็นเจ้าบ่าวเจ้าสาว รวมไปถึงพ่อ แม่ ญาติพี่น้อง เพื่อนเจ้าบ่าว เพื่อนเจ้าสาว และประธานในพิธีไม่ควรจะมาถึงงานสายเด็ดขาด คุณจะต้องนัดแนะเวลาที่แน่นอนสำหรับคนแต่ละคน ระบุเวลาไปเลยว่าบ่าวสาว พ่อแม่ จะต้องมาเตรียมตัวกี่โมง เพื่อนเจ้าบ่าวเพื่อนเจ้าสาวต้องมาตอนกี่โมง และประธานควรมาตอนกี่โมง แบบนี้จะได้หมดปัญหาคนสำคัญมาช้ามาสายแล้วทำให้ฤกษ์งามยามดีที่ดูไว้ต้องเคลื่อน

11. เครียดเกินไป

ภาพจาก : www.everafterguide.com
ภาพจาก : www.everafterguide.com

ว่าที่เจ้าสาวบางคนออกอาการไบรด์ซิลล่า เครียดมากในช่วงเตรียมงานแต่ง และจะนอยด์ยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อใกล้ถึงวันงาน จนคนรอบข้างหลายคนถึงกับส่ายหน้าในความขี้เหวี่ยงขี้วีนของตัวเธอ ขอแนะนำว่าให้คุณใจเย็นๆ เข้าไว้ค่ะ ถ้าเครียดมากๆ นอยด์มากๆ เดี๋ยวถึงวันแต่งแล้วไม่สวยนะจ๊ะ

และนี่คือ 11 สิ่งที่ต้องระวังในงานแต่ง ทำได้ง่ายๆ ไม่ยาก แค่ค่อยๆ คิด ค่อยๆ ตัดสินใจ และระมัดระวังข้อผิดพลาดต่างๆ ให้ดี รับรองว่างานแต่งของคุณจะสมูทและผ่านไปได้ด้วยดีแน่นอน

>> อ่านคำแนะนำและดูไอเดียงานแต่งงานอีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย! <<

เรียบเรียง : everafterguide.com
ภาพ : everafterguide.com, .weddingwire.com, pinterest.com, cocoweddingvenues.co.uk.com,
phillymag.com, justmytype.co.nz, toptableplanner.com, overthec.com, brides.com

เจ้าสาวคิ้วบางที่อยาก สักคิ้วสามมิติ ก่อนแต่งงาน มาดูกันว่าต้องทำยังไงบ้าง

สักคิ้วสามมิติ ก่อนแต่งงาน ควรทำเมื่อไหร่ ดูแลยังไง และจะมีผลอะไรตามมาหลังจากนั้นบ้างนะ มาหาคำตอบกันที่นี่เลยค่ะ

ยุคนี้การ สักคิ้วสามมิติ เป็นเทรนด์ที่ฮอตฮิตสุดๆ ไม่เพียงแค่สำหรับสาวๆคิ้วบางเท่านั้นนะ สาวๆ ที่มีขนคิ้วปกติหลายคนก็ยังเลือกการสักคิ้วสามมิติเป็นวิธีที่ช่วยเชฟรูปทรงคิ้วให้เป็นไปตามแบบที่เราต้องการ แถมยังช่วยให้ชีวิตง๊าย ง่ายขึ้น เพราะไม่ต้องเขียนคิ้วก็สวยได้แบบอัตโนมัติ ประมาณว่าตื่นมาก็หน้าบั่บนี้เลยอะโดยเฉพาะอย่างยิ่งใครที่กำลังจะเป็นเจ้าสาวคงจะสนใจการสักคิ้วสามมิติมากเป็นพิเศษ เพราะเราจะได้มีเรียวคิ้วสวยอย่างใจในวันแต่งงาน ไม่ต้องคอยลุ้นว่าช่างแต่งหน้าจะเขียนคิ้วของเราออกมาได้ถูกใจหรือไม่ แต่ก่อนจะรีบตัดสินใจ อย่าลืมว่า หลังแต่งงานแล้ว คิ้วสามมิติก็จะยังคงอยู่บนใบหน้าเรานะจ๊ะ เพราะฉะนั้นมาดูกันก่อนว่า ที่จริงแล้วคุณเหมาะกับการสักคิ้วสามมิติหรือไม่ และการเตรียมตัวที่จะไปสักคิ้วสามมิติต้องทำยังไง รวมทั้งการดูแลหลังจากนั้นมีอะไรที่เราต้องทำบ้าง

สักคิ้วสามมิติ

ใครที่ควรไปสักคิ้วสามมิติ

  • สาวๆ คิ้วบาง ข้อนี้ชัวร์ค่ะ เพราะการสักคิ้วสามมิติจะช่วยสร้างโครงคิ้วให้ใบหน้าคุณไม่โล้น และไม่ต้องคอยมานั่งเขียนเองในชีวิตประจำวัน
  • สาวๆที่เขียนคิ้วไม่เก่ง ถือว่เป็นการช่วยซื้อเวลาในการแต่งหน้าต่อวันของคุณ ให้ชีวิตง่ายขึ้นเยอะ

ใครที่ไม่ควรไปสักคิ้วสามมิติ

  • เปลี่ยนสีผมบ่อย เพราะคิ้วสามมิติจะอยู่กับเราไปเป็นปี เพราะฉะนั้นหากเรามีการเปลี่ยนสีผม สีคิ้วก็จะเป็นคนละสีกับผม ดูตลกไปเลยละ
  • เป็นสาวผิวมัน รู้หรือไม่คะ ว่า สาวผิวมัน คิ้วสามมิติที่เกิดจากการฝังสีเข้าไปในผิวหนังจะถูกลบเลือนง่ายกว่าสาวผิวแห้ง คิ้วสามมิติจึงมีอายุสั้นกว่าบนผิวหน้าของสาวผิวมันสักคิ้วสามมิติ

แต่ถ้าตัดสินใจแล้วว่า ฉันนี่แหละเหมาะกับการสักคิ้วสามมิตินี่คือสิ่งที่ ว่าที่เจ้าสาว ควรทำค่ะ

  • ไปสักคิ้วสามมิติก่อนวันแต่งงานอย่างน้อย 3 เดือน เพราะช่างอาจจะต้องนัดคุณหลังจากสักคิ้วครั้งแรกอีกประมาณ 2-3 ครั้ง เพื่อค่อยๆเติมเส้นขนคิ้วให้สมบูรณ์ ซึ่งอาจจะใช้เวลาหลังสักคิ้วครั้งแรกถึง 2-3 เดือน รวมทั้งช่วงระยะเวลาหลังสักคิ้วมาแรกๆ สีของขนคิ้วอาจจะยังดูไม่เข้าที่ค่ะ
  • หาเวลาว่าง 1 อาทิตย์ ที่ไม่ชนกับการถ่ายพรีเวดดิ้งหรือออกงานอื่นๆ เพราะ 1 อาทิตย์ หลังสักคิ้ว คิ้วของเราจะมีสีเข้มกว่าปกติ และจะเป็นช่วงเวลาที่เราต้องรอให้สีคิ้วบางส่วนลอกออกเอง จึงห้ามแต่งหน้า ห้ามโดนน้ำและห้ามโดนแสงแดดค่ะ
  • อย่าลืมว่า การสักคิ้วสามมิติ เป็นแค่การสร้างโครงคิ้วที่ชัดเจนในระดับหนึ่ง แต่ไม่ได้หมายความว่าหลังจากนั้นเราจะไม่ต้องแต่งคิ้วอีกเลย เพราะถ้าหากสาวๆ ต้องการคิ้วที่ดูชัดเจนรับกับใบหน้าที่มีเมกอัพ อาจจะต้องเขียนคิ้วเพิ่มอยู่ดีค่ะ

สุดท้ายแล้ว ว่าที่เจ้าสาวอย่าลืมเลือกร้านสักคิ้วสามมิติที่สะอาด ไว้ใจได้ ถ้าไม่ชัวร์ก็อย่าลืมหาข้อมูลให้เยอะๆ ไว้ก่อนนะคะ อย่าหลงกลกับราคาที่ถูกเกินไปเพียงอย่างเดียวเพราะผลลัพธ์ที่ได้อาจจะไม่ดี จนแก้ไขไม่ทันวันแต่งงานก็ได้ค่ะ

ถ้าชอบคอนเท้นต์นี้ของเรา ลองคลิกอ่าน —> เราควรจะลอง แต่งหน้าเจ้าสาว ก่อนวันงานจริงหรือไม่นะ? หาคำตอบได้ที่นี่

ลำดับพิธีสงฆ์ในงานแต่งแบบไทย จัดมาให้แบบเป๊ะทุกขั้นตอน

พิธีสงฆ์ในงานแต่ง จัดยังไงให้ถูกต้อง…มาดูกันค่ะ

อีกหนึ่งช่วงสำคัญในพิธีงานแต่งไทยคือพิธีสงฆ์ที่บ่าวสาวหลายคนมักจะเกิดอาการงงๆ เก้กังๆ ว่าต้องทำอย่างไรบ้าง แพรว wedding เลยขอมาไล่เรียงลำดับขั้นตอน พิธีสงฆ์ในงานแต่ง มาให้แบบเป๊ะๆ รับรองว่าซ้อมและจำกันสักนิดก่อนถึงวันแต่งงาน รับรองว่าผ่านฉลุยชัวร์

ลำดับที่ 1 เมื่อพระสงฆ์ท่านมาถึงสถานที่จัดพิธีแล้ว ให้เจ้าภาพนิมนต์พระขึ้นนั่งบนอาสนะที่จัดเตรียมไว้ แล้วประเคนเครื่องรับรองถวาย เช่น น้ำดื่ม น้ำชา หรือน้ำหวานที่ทางเจ้าภาพได้จัดเตรียมไว้

ลำดับที่ 2 บ่าวสาวจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธที่โต๊ะหมู่บูชา โดยให้ผู้หญิงนั่งทางซ้าย ผู้ชายนั่งทางขวา และเริ่มจุดจากเทียนเล่มซ้ายก่อน แล้วตามด้วยเทียนเล่มขวา จากนั้นจุดธูปไหว้พระคนละ 3 ดอก ปักลงกระถางให้ตั้งตรง กราบพระพร้อมกัน 3 ครั้ง แล้วประเคนสายสิญจน์ให้พระเถระผู้เป็นประธานสงฆ์ในพิธี (พระที่นั่งอยู่รูปแรก)

ลำดับที่ 3 เจ้าพิธีจะนำอาราธนาศีล (ขึ้นต้นว่า มะยัง ภันเต…) จากนั้นพระสงฆ์ท่านจะให้ศีล (พระท่านจะตั้งนะโม 3 จบ ตามด้วย พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ…)

ลำดับที่ 4 เจ้าพิธีจะนำอาราธนาพระปริตร (ขึ้นต้นว่า วิปัตติปะฏิพาหายะ…)

ลำดับที่ 5 หลังจากการอาราธนาพระปริตรจบ พระสงฆ์จะเริ่มเจริญพระพุทธมนต์ และเมื่อพระสวดไปจนถึงบทมลคลสูตร (ขึ้นต้นว่า อะเสวะนา  จะพาลานัง…) ให้บ่าวสาวจุดเทียนน้ำมนต์ที่ตั้งอยู่ใกล้บาตรหรือขันน้ำมนต์ แล้วยกประเคนแด่ประธานสงฆ์ เพื่อให้ท่านทำน้ำพระพุทธมนต์

อับดับที่ 6 จากนั้นเมื่อพระท่านสวดถึงบทพาหุง (ขึ้นต้นว่า พาหุงสะหัสสะมะ  ภินิมมิตะสาวุธันตัง…) ให้บ่าวสาวลุกออกไปตักบาตร หรือหามีการเลี้ยงเพลให้เริ่มถวายข้าวพระพุทธ และเตรียมภัตตาหารสำหรับถวายพระสงฆ์

ลำดับที่ 7 เมื่อตักบาตรเสร็จ หรือพระฉันภัตตาหารเรียบร้อยแล้ว ให้บ่าวสาวถวายเครื่องไทยธรรมที่เตรียมไว้ให้กับพระสงฆ์จนครบทุกรูป

ลำดับที่ 8 หลังจากประเคนเครื่องไทยธรรมเรียบร้อย ให้บ่าวสาวเตรียมตัวกรวดน้ำ โดยเมื่อพระเริ่มสวดว่า “ยะถา…” ให้บ่าวสาวรินน้ำลงในภาชนะที่เตรียมไว้ และเมื่อพระสวดถึงบท “สัพพีติโญ…” ให้บ่าวสาวกรวดน้ำให้เสร็จเรียบร้อยและพนมมือรับพร

ลำดับที่ 9  หากเจ้าภาพมีความประสงค์ให้พระท่านพรมน้ำมนต์ให้ก่อนกลับก็ต้องเรียนท่านไว้ล่วงหน้า โดยระหว่างการพรมน้ำมนต์พระท่านจะสวดบทชัยมงคลคาถาเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่คู่บ่าวสาวและครอบครัว เสร็จแล้วเจ้าภาพก็เตรียมตัวส่งพระกลับวัด

ช่วงเวลาพิธีสงฆ์ของแต่ละงานแต่งอาจจะสั้นยาวไม่เท่ากัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าฝ่ายเจ้าภาพมีฤกษ์ยามอย่างไร หากมีเวลามากก็อาจทำตามลำดับพิธีไปจนจบแบบไม่รวบรัดตัดตอน แต่หากเจ้าภาพมีฤกษ์กระชั้นชิดควรแจ้งพระท่านไว้ก่อนว่ามีความจำเป็นต้องเสร็จพิธีก่อนเวลาเท่านี้ เพื่อให้ท่านเตรียมตัวและเตรียมบทสวดมนต์ล่วงหน้า ในขณะเดียวกันฝ่ายเจ้าภาพก็จะได้สบายใจ เนื่องจากไม่เลยฤกษ์มงคลที่กำหนดไว้

ส่วนอันนี้แถมฟรีไม่หวงจ้า >>> แจกกันแบบสเต็ปบายสเต็ป กับขั้นตอนลำดับพิธีแต่งงานไทยฉบับสมบูรณ์

ข้อมูลจาก : www.dmc.tv
ภาพ : งานแต่งคุณแอน & คุณเจมส์ ถ่ายโดย Box Wedding

5 เรื่องห้ามประมาท เมื่อต้องเลือกสถานที่จัดงานแต่ง

มีสติกับ 5 เรื่องนี้เข้าไว้เมื่อต้องเลือก สถานที่จัดงานแต่ง

เมื่อเริ่มวางแผนพูดคุยถึงเรื่องแต่งงานกันแล้ว ต้องรีบมองหา สถานที่จัดงานแต่ง ในใจเอาไว้เลยนะคะ อย่านิ่งนอนใจคิดว่าเดี๋ยวก็ทัน เพราะเรื่องที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เสมอ ไหนจะฤกษ์ดี ที่มักจะชนกันหลายๆงาน บ่าวสาวควรทำลิสต์สถานที่ที่ชอบเก็บไว้ และเมื่อพร้อมแล้วก็จูงมือกันไปดูสถานที่จริงได้เลย

เพราะไม่ว่าจะจัดงานแต่งเมื่อไร ธีมงานแบบไหน ถ้าเลือกสถานที่ลงตัวแล้ว เรื่องอื่นๆ ก็จะวางแผนจัดการได้ง่ายขึ้น และนี่คือ 5 เรื่องที่คุณไม่ควรมองข้ามที่ แพรว wedding รวมมาให้คุณกันพลาด เตรียมจดเลยนะคะ

สถานที่จัดงานแต่ง

1. บ่าวสาวต้องประเมินจำนวนแขกคร่าวๆ ไว้แต่เนิ่นๆ เพื่อหาสถานที่รับรองตามจำนวนแขกที่ได้กะไว้

2. ฤกษ์ดีส่วนใหญ่จะอัดแน่นช่วงปลายปี สถานที่จะหายากสุดๆ ในวันดี ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ตารางจัดงานก็มักจะเต็ม

3. ควรเริ่มจากการหาสถานที่ที่เดินทางไปได้สะดวกก่อน

4. สถานที่แต่งงาน outdoor บรรยากาศสวย แต่ไม่ค่อยมี service package มาให้ด้วย อาหารจัดเลี้ยง พนักงานเสิร์ฟ อุปกรณ์ทานอาหาร ต้องพร้อมเตรียมหา catering มาช่วยจัดการ รวมทั้งเรื่องระบบเครื่องเสียง ระบบภาพ ระบบไฟ ที่ต้องจัดหา supplier มาช่วยดูแลระบบให้

5. การตกแต่งสถานที่ คุยเรื่องงบให้ดี สิ่งที่จินตนาการกับการออกแบบจริงไปด้วยกันได้ไหม และต้องเผื่อเวลา set up ไว้เยอะๆ เพราะเหตุการณ์จุกจิก มักจะกินเวลากว่าที่เราคิด

เมื่อมีเรื่องที่บ่าวสาวห้ามประมาทแล้ว ต่อมาก็มีสิ่งที่บ่าวสาวต้องเช็กกันให้ดีด้วยนะ >>> สิ่งที่ต้องเช็ก..เมื่อไปเซอร์เวย์สถานที่จัดงานแต่งงานมีอะไรบ้าง กูรูมีคำตอบ

ภาพ : elizabethannedesigns.com, theknot.com, onewed.com