รู้แล้วก็ไว้แพ็คเลยกับ 14 ของฉุกเฉินงานแต่ง เตรียมไว้อุ่นใจชัวร์

SOS ตัวช่วยเสกความเพอร์เฟกต์ได้ในพริบตา กับ 14 ของฉุกเฉินงานแต่ง ที่ว่าที่บ่าวสาวต้องเตรียมแพ็คไว้ได้เลย

จะเป็นอย่างไรหากเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันดันเกิดในวันสำคัญอย่างวันแต่งงาน แพรว wedding ขอให้บ่าวสาวตั้งสติให้ดี สูดหายใจลึกๆ แล้วเตรียมสิ่ง ของฉุกเฉินงานแต่ง เหล่านี้ไว้ให้พร้อม ยามฉุกเฉินจะได้สวยหล่อทันใจไม่ต้องพึ่งยาทัมใจเป็นตัวช่วย

1. มาสคาร่า

ผมขาวบางทีก็มาเยือนได้ก่อนวัยอันควร หากบ่าวสาวไม่ดูแลให้เรียบร้อยก่อนแล้วมันเกิดมาโผล่ในวันสำคัญพอดี เครื่องเสริมสวยอย่างมาสคาร่าของคุณผู้หญิงสามารถช่วยเสกความอ่อนวัยได้ในพริบตา เพียงค่อยๆ ใช้แปรงป้ายลงไปที่โคนผมขาวแล้วใช้นิ้วเกลี่ยให้ทั่วก็ช่วยปกปิดชั่วคราวในเวลาเร่งด่วนได้ทันท่วงที

2. แป้นต่างหูสำรอง

ในวันงานเจ้าสาวอาจจะได้รับอ้อมกอดจากแขกเพื่อเป็นการแสดงความยิรดีจนทำให้แป้นต่างหูหลุดหายแบบไม่ทันรู้ตัว วิธีแก้ปัญหาแบบฉับพลันอาจต้องอาศัยการเสียสละจากคนใกล้ตัวด้วยการยกแป้นต่างหูของตัวเองให้กับเจ้าสาวซึ่งเป็นคนสำคัญในวันงาน แต่ทางที่ดีเจ้าสาวควรเตรียมแป้นต่างหูสำรองฝากเพื่อนหรือคนใกล้ชิดไว้จะดีที่สุด (ฝากไว้ในกระเป๋ากางเกง หรือกระเป๋าสูทเจ้าบ่าวไปเลยก็ได้ เพราะใกล้ตัวที่สุด)

3. น้ำแข็ง

คือก่อนวันแต่งงานบ่าวสาวอาจตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ ตอนเช้าขอบตาจึงกลายเป็นหมีแพนด้าไปซะงั้น วิธีแก้ปัญหาแบบด่วนจี๋เพื่อเพิ่มความใสบริ๊งให้ดวงตาคือ นำน้ำแข็งห่อผ้าวางไว้บนเปลือกตาประมาณ 10 นาที (เมื่อเริ่มรู้สึกเย็นให้ยกออก เมื่ออาการเย็นคลายลงจึงวางลงอีกครั้ง) จะช่วยให้ขอบตาที่คล้ำดูดีขึ้น พร้อมได้ความชุ่มชื้นเป็นของแถมอีกด้วย

ของฉุกเฉินงานแต่ง

4. ลิปบาร์ม

เป๊ะตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า แต่เกิดลืมทำสีเล็บ ครั้นจะทาใหม่ก็ต้องรอให้แห้งอีกเป็นชั่วโมง เห็นทีคงไม่ทันกาล ลองนำลิปบาร์มมาลูบไล้ให้ทั่วทุกเล็บ เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้เล็บดูใสกิ๊งสวยสุขภาพดีเหมือนเข้าร้านได้ภายใน 1 นาทีพร้อมรับแสงแฟลชและแหวนเพชรเม็ดโตแล้ว

5. ยาสีฟัน

ออกสเต็ปขั้นเทพช่วงอาฟเตอร์ปาร์ตี้มากไปหน่อย เรียวปากสุดเซ็กซี่ฉ่ำวาวไปด้วยลิปสติกจึงตรึงตราเข้ากับเสื้อเชิ้ตตัวเก่งของเจ้าบ่าวอย่างจัง อย่าเพิ่งกัดฟันทิ้งเสื้อไปเสียก่อน เพราะรอยนั้นจะหมดไปด้วยยาสีฟัน โดยบีบในปริมาณพอเหมาะลงบนคราบแล้วขยี้แรงๆ จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด อาจจะไม่เห็นผลในครั้งแรก แต่รับรองว่าถ้าทำซ้ำๆ เสื้อของคุณจะหมดจากรอยจุมพิตอย่างแน่นอน

6. แปรงสีฟัน

ก่อนเริ่มงานเจ้าสาวมักจะเพิ่มแก้มนิด ปากหน่อย เติมมาสคาร่าให้ขนตาสวยเด้ง แต่ถ้าปัดพลาดมาสคาร่าเกิดจับตัวเป็นก้อน ยิ่งซ้ำยิ่งแย่ ใช้นิ้วช่วยก็ไปกันใหญ่ แนะนำให้หาแปรงสีฟันใหม่ (อาจขอจากโรงแรม) แล้วบรรจงหวีขนตาจนก้อนมาสคาร่าหลุดออก ขนตาก็จะกลับมาเรียงเส้นสวยดังเดิม

7. ยาต่างๆ

สารพัดยาแก้อาการต่างๆ ควรเตรียมไว้ให้พร้อม และอยู่ใกล้ตัวที่สุด ไม่ว่าจะเป็น พาราเซตามอล แอสไพริน หรือยาลดกรด เพราะความเครียดหรือตื่นเต้นอาจนำมาซึ่งอาการปวดหัวปวดท้องได้ หากไม่ระงับให้ทันอาจกลายเป็นแบดเดย์ นอกจากนี้ยาดม ยาลม ยาหม่องก็ต้องสแตนบายไว้ด้วย เพราะบ่าวสาวอาจเกิดอาการหัวใจเต้นแรงกว่าปกติ หรือไม่ได้รับประทานอาหารเป็นเวลานานจนพานจะเป็นลมเอาได้

8. ชอล์กเขียนผ้าสีขาว

ไม่ได้นำมาขีดเส้นทางรักแต่อย่างใด ฮิ้วววว… แต่นำมาขีดทันเพื่อปกปิดรอยเปื้อนเล็กๆ น้อยๆ บนชุดเจ้าสาว เพราะติดทนไม่ลบเลือนง่ายเหมือนแป้งฝุ่น ซึ่งปัจจุบันชอล์กเขียนผ้ามีรูปแบบต่างๆ ให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแบบปากกา หรือลูกกลิ้งเพื่อให้เกิดความสะดวกต่อการใช้งาน

9. พลาสเตอร์สีเนื้อ

อุบัติเหตุเล็กน้อยเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แต่ครั้นจะให้พกกล่องปฐมพยาบาล ทายาแดง แปะผ้าก๊อซก็ดูจะเกินเหตุไปหน่อย เราว่าเตรียมพลาสเตอร์ไว้จะดีกว่า แต่ถ้าจะมาเป็นลายการ์ตูนคิกขุอาโนเนะหรือสีสะท้อนแสงก็คงไม่ไหว แนะนำให้เลือกพลาสเตอร์ยาสีเนื้อให้กลืนไปกับสีผิวจะดีกว่า เมื่อถ่ายรูปแล้วเห็นจะได้ไม่รู้สึกขัดหูขัดตาจนเกินไป

ของฉุกเฉินงานแต่ง

10. ผ้าอนามัย

ความเครียดอาจทำให้วันนั้นของเดือนคลาดเคลื่อน หรือบางรายอาจลืมกินยาเลื่อนประจำเดือนจนทำให้เกิดเซอร์ไพร้ส์ได้ง่ายๆ แนะนำให้พกผ้าอนามัยติดตัวไว้ อย่างน้อยถ้าไม่ได้ใช้เองแก๊งเพื่อนเจ้าสาว (สักคน) อาจเป็นผู้โชคดีของวันก็ได้

11. ช้อน

สำหรับบ่าวสาวคู่ไหนที่รู้ชะตากรรมตัวเองว่า คืนก่อนวันแต่งงานต้องวุ่นวายกับการเตรียมสิ่งต่างๆ จนพักผ่อนไม่เต็มอิ่ม แถมยังต้องตื่นมาแต่งหน้าทำผมตั้งแต่ไก่โห่ แนะนำให้แช่ช้อนกินข้าวสัก 2 คัน (สำหรับตา 2 ข้าง) ไว้ในช่องฟรีซตั้งแต่กลางคืน เมื่อตื่นเพียงแค่นำช้อนที่แช่ไว้มาประคบรอบดวงตาอย่างเบามือจนช้อนอุ่น เท่านี้ก็ช่วยให้ผ่อนคลาย ลดอาการตาบวมและขอบตาช้ำจากการนอนน้อยได้แล้ว

12. ยาทาเล็บแบบใส

สำหรับเจ้าสาวที่ใส่เดรสสั้นอาจไม่ทันระวังตัวจนเล็บมือไปเกี่ยว หรือเดินไปโดนอะไรบางอย่างจนถุงน่องขาดเป็นรู ให้รีบหายามาเล็บแบบใส้แต้มตรงจุดที่เสียหาย เพื่อหยุดอาการถุงน่องรันเป็นทางยาว แค่นี้ก็ลดความกังวลให้กับเจ้าสาวได้แล้ว

13. แป้งเด็ก

กำลังจะเดินเข้างาน แต่จู่ๆ ชุดแต่งงานสีขาวแสนสวยเกิดเลอะคราบมันจากอาหารเข้าแบบไม่ทันตั้งตัวและไม่มีเวลาพอจะไปล้างออก อย่าตกใจ เพียงแค่นำแป้งเด็กมาโรยบนคราบเปื้อนให้ทั่วเพื่อป้องกันไม่ให้คราบกระจายตัว ก็ช่วยให้รอดจากสถานการณ์ฉุกเฉินได้แล้ว

14. ปิโตรเลียมเจล

ลงทุนซื้อรองเท้าคู่สวยมาใส่ในวันสำคัญแต่ดันออกฤทธิ์จิกกัดทำเอาเกือบเดินไม่ไหว แนะนำให้ทาปิโตรเลียมเจลลงบนบริเวณที่รองเท้ากัดก่อนสวมทุกครั้ง เพราะเนื้อเจลจะช่วยลดอาการเสียดสีระหว่างเท้ากับรองเท้าได้เป็นอย่างดี เท่านี้เจ้าสาวก็สามารถเดินทักแขกได้ฉลุยตลอดงานแล้ว

ไปเช็กสิ่งของฉุกเฉินที่ต้องเตรียมไว้ในวันแต่งงานเพิ่มเติมอีกได้ตามลิงค์นี้เลย >> สิ่งของต้องมีกันเหตุฉุกเฉินในวันแต่งงาน

ภาพ www.ikea.com, www.zincmoon.com, personalisedfavours.com.au, www.pinterest.com

3 ข้อแนะนำ จาก 3 ช่างภาพเวดดิ้งมือโปร รวมสิ่งที่ควรรู้ก่อนจ้างช่างภาพงานแต่ง

เมื่อพูดถึงงานแต่งงานแล้ว แน่นอนว่าเป็นงานที่บ่าวสาวหมายมั่นปั้นมือให้ทุกอย่างภายในงานออกมาเพอร์เฟกต์ สมกับที่เป็นงานใหญ่งานมงคลที่จัดขึ้นครั้งเดียวในชีวิต และสิ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าการแพลนงานแต่งงานก็คือช่างภาพ ที่จะทำหน้าที่บันทึกช่วงเวลาสำคัญของคู่บ่าวสาวไว้นั่นเอง ซึ่งในปัจจุบันมี ช่างภาพงานแต่ง มากมายทั้งมือสมัครเล่น และมือโปร ดังนั้นก่อนตัดสินใจเลือกช่างภาพมาบันทึกภาพในงานแต่งงาน แพรว wedding ขอนำบทสัมภาษณ์ของ 3 ช่างภาพมือโปร ที่มีผลงานและชื่อเสียงในวงการเวดดิ้งที่จะมากล่าวถึง 3 สิ่งที่ควรรู้ก่อนจ้างช่างภาพ ถ่ายรูปงานแต่งงาน … ว่าที่บ่าวสาวที่อยากได้ภาพสวยปัง ควรอ่านก่อนสักนิดนะคะ

สิ่งที่ควรรู้ก่อนจ้างช่างภาพ

คำแนะนำจากคุณ ราจิตร Loveroomwedding

“ผมมองว่าการทำงานถ่ายภาพงานแต่งงาน มีอยู่สองส่วนใหญ่ๆ ครับ ส่วนแรกคือ ‘การเข้าถึงสถานการณ์ถ่ายภาพได้ถูกต้อง’ ซึ่งมันคือความสามารถและประสบการณ์ของช่างภาพที่มีไม่เท่ากันครับ การเอาตัวเข้าไปให้อยู่ในที่ที่ควรอยู่ ใช้อุปกรณ์กล้องที่ควรใช้ เลือกองค์ประกอบภาพที่ควรเลือก และกดชัตเตอร์ได้ตรงจังหวะที่ควรกดความสามารถนี้จะอยู่ในช่างภาพที่เราเรียกว่าแคนดิทเก่งๆ ครับ อีกส่วนคือ ‘ความสามารถในการแก้ปัญหา’ ช่างภาพหรือทีมช่างภาพที่เราเลือกและจ้างมาแพงๆ นั้น นอกจากจ้างมาถ่ายภาพแล้ว เราเลือกเขามาแก้ปัญหาหน้างานให้เราด้วยนะครับ”

“ภาพที่ครบ และภาพที่สวย คือสิ่งที่ลูกค้าทุกคนต้องการครับ งานครั้งหนึ่งในชีวิตของคนคู่หนึ่ง สิ่งที่ผมเฝ้าย้ำและติดอาวุธให้กับลูกค้า คือต้องรีดรายละเอียดจากช่างภาพออกมาให้หมดครับ อย่าเชื่อเพียงภาพสวยๆ ไม่กี่ภาพที่เขาเอามาขายในแฟนเพจ ทีมช่างภาพนั้นเราต้องขอดูภาพทั้งหมดต่อหนึ่งงานจากเขาได้ครับไม่ว่าจะนัดคุย หรือขอลิ้งค์ google drive มาดูก็ตาม ยิ่งได้พอร์ทงานจากสถานที่ที่เรากำลังจะจัดได้ยิ่งดีครับ”

“สำหรับยุคโซเชียลแล้วสิ่งที่สำคัญคือระยะเวลาของการส่งงานครับ เดี๋ยวนี้พอเสร็จงาน บ่าวสาวตื่นเช้ามาในวันรุ่งขึ้นต้องมานั่งดูรูปเพื่อนๆ ที่แทคมาในแต่งงานของเราโดยที่เรายังไม่ได้โพสต์ภาพเพื่ออวดหรือเพื่อขอบคุณแขกในงานเองสักใบ และยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ภาพงานแต่งงานเราก็จะยิ่งสวยน้อยลงไปเรื่อยๆ ในความรู้สึกใช่ไหมครับ ดังนั้นลองศึกษาและรีวิวดูด้วยตัวเองให้ละเอียดครับ ว่าทีมงานที่เรากำลังจะใช้นั้น มีระยะเวลาในการส่งงานที่เรารับได้หรือไม่ ยิ่งถ้าเป็นช่วงที่มีงานแต่งงานเยอะๆ ติดๆ กัน เขาจะสามารถส่งภาพตัวอย่างให้เราได้ภายในเวลาเท่าไหร่ อันนี้สำคัญมากครับ ซึ่งปัจจุบันนี้ช่างภาพรายใหม่ๆ ที่ได้งานถ่ายภาพงานแต่งจากการบอกต่อกันเยอะๆ ก็ถือว่าเป็นช่างภาพที่เก่งในวงการเหมือนกันนะครับ”

 

คำแนะนำจากคุณ อดิศร Adisornphotography

“สำหรับผม สิ่งแรกที่ควรเลือกเลยคือ ผลงานของช่างภาพ เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่สุดเลยนะครับ เพราะสุดท้ายแล้วภาพความทรงจำเหล่านี้จะเป็นสิ่งที่ถูกเก็บไว้กับเราไปนานแสนนาน เราจึงควรเลือกจากผลงาน สไตล์ภาพที่เราชอบก่อนเป็นลำดับแรก ดูรูปที่เราชอบก่อน ดูหลายๆ งาน เน้นดูที่เป็นอัลบั้มจะช่วยได้ครับ เพราะช่างภาพแต่ละท่านก็มีสไตล์ มีลายเซ็นต์เป็นของตัวเอง  แล้วอย่าลืมขอดูผลงานทั้งหมดที่ช่างภาพส่งให้กับบ่าวสาวด้วย เพราะจะเป็นตัวช่วยชั้นดีในการเลือกช่างภาพครับ ส่วนตัวผมเองนั้น จะชอบมาก เวลาบ่าวสาวบอกจุดประสงค์ของตัวเองอย่างชัดเจน ว่าต้องการอะไร อยากทราบข้อมูลตรงไหนเพิ่มเติม ผมยินดีให้คำปรึกษาเต็มที่ เพราะสุดท้ายแล้วถ้าทุกอย่างเคลียร์เวลาคุยกัน หน้างานก็จะทำงานกันง่ายทั้งสองฝ่าย”

“และเมื่อเราเลือกช่างภาพที่ถูกใจได้แล้ว ก็อย่าช้าที่จะตัดสินใจจองและทำสัญญาเพราะในวันฤกษ์ดีๆ นั้น ช่างภาพฝีมือดีส่วนมากก็จะถูกจับจองกันไว้ข้ามปีเลยทีเดียว เมื่อจับจองทำสัญญากันเรียบร้อยแล้ว สิ่งสำคัญในวันสำคัญของคุณก็คือ มีความสุขไปกับวันแห่งความสุขของตัวเอง ไว้ใจและเชื่อใจในสิ่งที่ตัวเองตัดสินใจเลือกมา เพื่อให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยรอยยิ้มและความประทับใจ เราจะได้ไม่ต้องมารู้สึกเสียดายทีหลัง เพราะภาพถ่ายจะเป็นเครื่องมือบันทึกความทรงจำ และเป็นสิ่งที่คงอยู่กับเราไปอีกนานแสนนานครับ”

 

 

สิ่งที่ควรรู้ก่อนจ้างช่างภาพ

คำแนะนำจากคุณ วิศิลย์ Slip Photographer

“สิ่งที่สำคัญที่ควรตัดสินใจก่อนจ้างช่างภาพงานแต่งงานนั้นก็คือ ควรเลือกจากผลงานมากกว่าราคา เพราะการที่เราเลือกช่างภาพและเปรียบเทียบกันด้วยราคาเป็นอันดับแรกนั้นเป็นความคิดที่ผิดมากครับ ผมเห็นคู่บ่าวสาวหลายคู่เลือกจากราคามาก่อนผลงาน จริงๆ เราควรจะมองที่ผลงานการเป็นมืออาชีพของช่างภาพมากกว่า เพราะช่างภาพที่คุณภาพดีและเป็นมืออาชีพจริงๆ จะมีราคาเหมาสมกับผลงานเสมอครับ อีกสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามก็คือในส่วนทีมภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวควรจะเป็นทีมเดียวกันนะครับ การที่ทีมภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวคือทีมเดียวกันการทำงานจะลื่นไหลมากกว่า เพราะทางทีมงานจะรู้ว่าควรจะเข้าหรือออกมุมไหนเพื่อจะได้ภาพที่สวยที่สุด พิธีการของคุณก็จะลื่นไหลผ่านไปได้ด้วยดี และปัญหาต่างๆ จะไม่เกิดขึ้นครับ”
“สุดท้ายที่ผมมองว่าไม่ควรจะมองข้ามก็คือ การทำงานของทีมช่างภาพ การทำงานของทีมเราสามารถเช็คได้จากรีวิวต่างๆ ในเพจ ว่าลูกค้าที่ผ่านมามีความพึงพอใจหรือไม่ ลองหาอ่านก่อนเยอะๆ นะครับ หรือถ้าเพื่อนหรือญาติสนิทแนะนำ การที่มีเพื่อนหรือญาติสนิทที่เคยแต่งงานมาแนะนำบ่าวสาวว่าเอาทีมนี้สิ เราควรชั่งใจก่อนไม่ควรรีบตัดสินใจทันที อย่างที่ผมบอกว่าหารีวิวก่อน เพื่อประกอบการตัดสินใจว่าเราชอบภาพของเขาจริงๆ หรือไม่ หากเรามั่นใจว่าทีมที่เราดูผลงานอยู่เราชอบและอยากให้มาเก็บภาพวันสำคัญก็ติดต่อสอบถามไปเลยครับ”
ได้ทราบถึงข้อแนะนำจากทั้ง 3 ช่างภาพมือโปรที่มีประสบการณ์ในวงการเวดดิ้งแล้ว ก็ลองศึกษาถึงลักษณะช่างภาพที่เราจะจ้างมาถ่ายในงานแต่งงานนะคะ เพื่อที่เราจะได้ภาพงานแต่งงานที่สวยงามเพอร์เฟกต์ ไม่มีปัญหาเรื่องการถ่ายภาพตามมา และภาพสวยๆ เหล่านี้ เราจะได้เก็บไว้ดูเพื่อนึกถึงช่วงเวลาอันแสนหวานนี้ได้อีกนานค่ะ

4 เรื่องสำคัญที่เจ้าสาวต้องพูดคุยกับช่างแต่งหน้าทำผมเจ้าสาวให้เคลียร์

รายละเอียดยิบย่อยที่ควรพูดคุยกับช่าง แต่งหน้าทำผมเจ้าสาว ให้ชัวร์ก่อนถึงวันงาน

ถึงคิวเจ้าสาวที่ล็อควันแต่งงานไว้เรียบร้อย แถมจองสถานที่ และตัดชุดแต่งงานพร้อมแต่ง ณ ตอนนี้เลย… แต่เดี๋ยวก่อน! จะสวยต้องสวยให้สุดค่ะ อย่าลืมคนสำคัญที่จะมาแปลงโฉมคุณให้สวยที่สุดในวันนี้ นั่นคือ ช่างแต่งหน้าทำผมของคุณเจ้าสาวนั่นเองค่า เตรียมเล็งกันไว้ดีๆ นะคะว่าอยากแต่งหน้าโทนไหน ทำผมทรงอะไร แล้วเลือกช่างที่มีฝีมือการแต่งหน้าทำผมที่ตรงตามสไตล์ของคุณก็จะดีมาก หลังจากนั้นคุณต้องคุยรายละเอียดต่างๆ ที่ค่อนข้างยิบย่อยพอสมควร ดังนั้น มาดูกันหน่อยว่าจะมีเรื่องอะไรบ้างที่ควรพูดคุยกับช่าง แต่งหน้าทำผมเจ้าสาว ให้ดีเสียก่อน ทั้งตัวช่างและตัวคุณเองจะได้เตรียมตัวกันถูกยังไงล่ะคะ มาดูกันเลยยย

แต่งหน้าทำผมเจ้าสาว
ภาพจาก IG : poo_makeup

1. คุยเรื่องวัน / เวลา / สถานที่

อันดับแรกเริ่มจากการล็อคคิวช่างแต่งหน้าทำผมก่อนเลยนะคะ สำหรับคู่ที่ได้ฤกษ์แต่งงานเป็นตอนปลายปี ควรที่จะหาช่างแต่งหน้าทำผมให้ไวที่สุด ต้องทำการจองล่วงหน้าครึ่งปีเป็นอย่างต่ำเลยแหนะ เพราะช่วงปลายปีช่างหลายๆ คนจะมีคิวงานที่ยาวเหยียด ไม่เข้าใจเหมือนกันค่ะทำไมฤกษ์แต่งงานชอบออกกันช่วงนี้ ฮ่าๆ ส่วนคู่ไหที่ได้ฤกษ์งามยามดีเป็นช่วงต้นปีก็จะดีหน่อยค่ะ สามารถจองล่วงหน้าได้ 3-4 เดือน

ในวันจริงการนัดช่างแต่งหน้าทำผม ขึ้นอยู่ตัวช่างว่าสามารถทำงานได้เร็วมากน้อยแค่ไหน หน้าที่ของคุณคือก่อนหน้านั้นให้พูดคุยรายละเอียดเรื่องกำหนดการในพิธี ช่วงเวลาเริ่มงาน สถานที่ที่จัดก็สำคัญเช่นกันนะคะ ซึ่งควรใช้เป็นสถานที่ไพรเวทให้ช่างได้ทำงานอย่างมีสมาธิและสะดวกมากที่สุด เมื่อช่างทราบรายละเอียดของวันงานครบหมดแล้ว ช่างก็จะคำนวณเวลาก่อนทำการนัดแนะกับคุณอย่างชัดเจนอีกครั้ง

2. การมัดจำ

ช่างแต่งหน้าทำผมส่วนใหญ่ใช้วิธีการเก็บเงินมัดจำล่วงหน้าก่อนครึ่งนึงของค่าจ้างทั้งหมด โดยเรทราคาของช่างทำผมแต่งหน้าเจ้าสาวในปัจจุบันจะเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 5,500 บาท นี่จะเป็นราคาของช่างทั่วไปที่ยังมีประสบการณ์น้อยนะคะ ส่วนช่างมืออาชีพที่มีชื่อเสียงราคาก็จะสูงขึ้นไปตามลำดับ  ส่วนในเรื่องของราคาคุณจำเป็นต้องคุยรายละเอียดกับช่างให้ดี เพราะสิ่งที่คุณจะได้รับจากช่างแต่ละคนก็จะแตกต่างกันไป คำถามหลักๆ เกี่ยวกับเรื่องรายละเอียดที่คุณควรจะได้รับการบริการจากช่างคือ

  • ราคานี้รวมค่าแต่งหน้าทำผมแล้วหรือยัง และรวมอยู่ในค่าแต่งหน้าทำผมของเจ้าบ่าวด้วยหรือไม่?
  • มีการคอยดูแลความเรียบร้อยหน้าผมของเจ้าบ่าวเจ้าสาวตลอดงานหรือไม่?
  • พร๊อพต่างๆ เช่น คอนแทคเลนส์ เครื่องประดับผม ขนตาปลอม ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมไหม?
  • มีการลงผิวที่ตัวให้ด้วยไหม? ถ้าไม่ได้ลงให้ก็ถามเลยค่ะว่า ลงให้ด้วยจะราคาเท่าไหร่? เพราะคุณเจ้าสาวจำเป็นอย่างยิ่งเลยน้าที่ต้องลงแป้งบริเวณที่เผยผิว ไม่เช่นนั้นหน้าลอยไม่รู้ด้วยน้า

3. ก่อนวันงาน 2 อาทิตย์…

ก่อนวันงาน 2 อาทิตย์คุณควรแจกแจงรายเอียดทุกอย่างให้ครบ นอกจากการคอนเฟิร์มเรื่องวัน เวลา และสถานที่แล้ว ต่อไปถึงคราวต้องเขินอายกันหน่อยสำหรับสาวๆ บางคน การถ่ายรูปหน้าสดส่งไปให้ช่าง พร้อมการแจ้งความยาวของผม สีผมในวันงาน เพื่อที่ช่างจะช่วยแนะนำสไตล์ในการทำผมแต่งหน้าให้กับคุณ หรืออาจจะแนบตัวอย่างโทนสีที่การแต่งหน้าที่คุณต้องการ แต่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะว่ามันจะเข้ากับลุคของคุณหรือเปล่า เชื่อใจช่างที่คุณหามาเถอะค่ะ เพราะช่างที่ดีจะต้องเลือกสิ่งที่ดีและเหมาะสมให้กับเจ้าสาวเสมอ นอกจากนี้คุณต้องถ่ายรูปชุดที่คุณจะใส่ในวันงานให้กับช่างด้วยนะคะ ช่างจะได้เลือกทรงผม พร๊อพที่จะมาช่วยเสริมราศี และการแต่งหน้าในโทนสีที่เข้ากับชุด รับรองว่าคุณจะกลายเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในงานแน่ๆ ส่วนเจ้าสาวที่จะใส่คอนแทคเลนส์ก็อย่าลืมแจ้งค่าสายตาให้กับช่างของคุณก่อน เพื่อที่ช่างจะได้ไปจัดหาคอนแทคเลนส์ได้ถูกต้อง เพราะในวันนั้นคุณคงอยากเห็นภาพบรรยากาศวันสำคัญในชีวิตได้อย่างชัดเจนที่สุด จริงไหมคะ?

4. การเตรียมตัวก่อนวันแต่งหน้าทำผม

อันนี้เป็นทริคเสริมเล็กๆ น้อยๆ ที่ช่างแต่งหน้ามืออาชีพอย่าง คุณปูเป้ แห่ง MakeUp by Crabby PO อยากจะบอกคุณว่าที่เจ้าสาวทุกคน ถึงสิ่งที่ควรทำก่อนวันจะแต่งหน้าทำผม ได้แก่

  • บอกลักษณะผิวหน้า และเครื่องสำอางที่แพ้หรือส่วนผสมอะไรในเครื่องสำอางที่คุณแพ้ โปรดบอกมาให้หมด
  • สระผม แต่ไม่ต้องลงครีมนวดนะคะ และเป่าผมให้แห้งก่อนคืนวันแต่งหน้า เพื่อที่ผมของคุณจะได้เข้าทรงและเพื่อที่ช่างจะได้ทำงานได้ง่ายขึ้น และการเก็บผมต่างๆ ก็จะไม่ยากมากค่ะ
  • มาร์คหน้าก่อนวันที่จะต้องแต่งหน้า 3 วัน เพื่อให้เครื่องสำอางติดทนอยู่นาน และอย่าลืมบำรุงผิวหน้าระหว่างวันด้วยนะคะ

แต่ถ้าหากคุณยังหาช่างแต่งหน้าทำผมเจ้าสาวไม่ได้ เลือกไม่ถูก ไม่รู้ด้วยว่าต้องดูจากอะไรบ้าง ลองไปดูขั้นตอนง่ายๆ ที่เราอยากช่วยคุณหาช่างแต่งหน้าให้ทันก่อนวันงาน >> 6 ขั้นตอนในการหาช่างแต่งหน้าทำผม แปลงโฉมเจ้าสาวให้สวยสุดในงานแต่ง

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : คุณปูเป้ ช่างแต่งหน้าทำผม – Makeup by Poo

จัดงานแต่งเล็กๆ แบบ Small Wedding ช่วงโควิด-19 ยังไงให้โมเม้นต์ดีๆ ยังมีอยู่

ไอเดีย จัดงานแต่งเล็กๆ แบบ Small Wedding ไซส์กะทัดรัดแต่อบอุ่น

แพรวเวดดิ้งเชื่อว่ามีคู่แต่งงานไม่น้อยที่ต้องเลื่อนงานแต่งออกไปเพราะเจอพิษโควิด – 19 ยิ่งคู่ไหนที่ได้ฤกษ์ดีว่าต้องแต่งภายในปี 2020 ด้วยแล้วยิ่งเครียดหนัก เพราะอาจเตรียมการหลายอย่างไว้แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นบางคู่ก็ยึดฤกษ์ดี จัดงานแต่งเล็กๆ ภายในครอบครัวภายใต้คอนเซ็ปต์แบบ Small Wedding โดยไม่ลืมมีระยะห่างแบบ Social Distancing

แต่คู่ไหนที่ไม่ได้ยึดฤกษ์ดี ยอมเลื่อนงานแต่งออกไปปลายปี 2020 หรือปีหน้า 2021 แต่งงานแบบ Small Wedding ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ นั่นคือ ลองเปลี่ยนจากการจัดงานสเกลใหญ่ มาเป็นงานที่สเกลเล็กลง ซึ่งแพรวเวดดิ้งคิดว่า Small Wedding น่าจะกลายมาเป็นเทรนด์งานแต่งที่เราอาจจะได้เห็นในปี 2021 ก็ได้

และนี่คือไอเดียงานแต่งเล็กๆ สุดอบอุ่นที่ไม่ต้อง so big ก็มีความสุขและสร้างความทรงจำที่ดีให้กับทุกคนได้

1. เลือกสถานที่ที่มีความหมาย

จัดงานแต่งเล็กๆ

เพื่อให้เหมาะกับธีม Small Wedding สถานที่แต่งงานก็ต้องไม่ใหญ่อลังการก็ได้ บ่าวสาวอาจจะลองมองหา สถานที่แต่งงานเล็กๆ หรือร้านอาหารที่สามารถจัดงานแต่งงานได้ ยิ่งถ้าสถานที่แห่งนั้นเป็นสถานที่ที่บ่าวสาวมีสตอรี่ร่วมกันก็ยิ่งดี เช่น สถานที่ที่เป็นเดทแรก สถานที่ขอแต่งงาน เป็นต้น จากนั้นก็ลงมือลิสต์จำนวนแขกให้ครบตามที่สถานที่นั้นๆ กำหนด สุดท้ายอย่าลืมนัดช่างภาพ โดยอาจจะแจ้งให้ช่างภาพทราบตั้งแต่ต้นว่า งานแต่งของคุณเป็นงานขนาดเล็กในสถานที่แบบไหน และมีจำนวนแขกเท่าไหร่ เพื่อที่ช่างภาพจะได้เตรียมทีมงานไปได้เหมาะสมกับสเกลงาน

2. สร้างเซอร์ไพร้ส์ด้วย first look

จัดงานแต่งเล็กๆ

บ่าวสาวชาวไทยอาจจะไม่คุ้นกับคำว่า first look กันเท่าไหร่ แต่บ่าวสาวอินเตอร์เขาอินกับสิ่งนี้กับมากกก first look คือการที่เจ้าบ่าวและเจ้าสาวได้เห็นกันและกันในชุดแต่งงานเป็นครั้งแรกในวันแต่งงาน ซึ่งต่างกับบ่าวสาวชาวไทยที่มักจะจูงมือกันไปเลือกชุดแต่งงานด้วยกันเสมอ ซึ่งแพรวเวดดิ้งคิดว่า ช่วงโควิด-19 ที่ต่างฝ่ายต่างต้องกักตัวและรักษาระยะห่างแบบนี้ จะดีไหม หากคุณสองคนแยกกันไปเลือกชุดแต่งงาน แล้วกลับมาเจอกันอีกครั้งในวันงานเลย รับรองเลยว่า ช่วงเปิดตัวบ่าวสาว ต่างฝ่ายต่างต้องประทับใจกันและกันแน่ๆ เรียกได้ว่าเป็นการสร้างโมเม้นต์ที่น่าประทับใจในวันแต่งงานได้ดีทีเดียว

3. แขกน้อยของชำร่วยต้องพิเศษ

จัดงานแต่งเล็กๆ

สำหรับบ่าวสาวที่ตอนแรกอาจจะต้องทำของชำร่วยแจกแขกเป็นร้อยชิ้น แต่ถ้าหากเลือกจัดงานเล็กลงมา แขกน้อยลง อาจนำงบที่เหลือมาลงทุนสำหรับของชำร่วยให้แขกสุดพิเศษในวันแต่งงาน เช่น อาจจะเป็น gift bag หรือของชำร่วยที่ครีเอทมาให้เหมาะสมกับแขกแต่ละคน เช่น อาจมีชื่อแขกอยู่บนของชำร่วย เป็นต้น และไหนๆ แขกก็น้อยแล้ว บ่าวสาวลองหาเวลาเขียน thank you cards ด้วยก็ดีนะคะ หรือหากบ่าวสาวต้องจำกัดงบ แพรวเวดดิ้งแนะนำให้ใช้ thank you cards เป็นของชำร่วยไปเลย โดยอาจทำแพ็คเกจจิ้งสวยๆ เช่น ใส่ไว้ในขวดแก้วเล็กๆ หรือซองกระดาษสวยๆ (อันนี้ก็แล้วแต่ความครีเอทและงบของแต่ละคู่นะคะ) ที่สำคัญ thank you cards ต้องเขียนด้วยลายมือตัวเองด้วยล่ะ ผู้รับจะได้รู้สึกว่าคุณทำมันมาจากใจด้วยความขอบคุณจริงๆ รับรองว่าวันแต่งงานของคุณ จะเป็นวันพิเศษของแขกที่ไปร่วมงานแบบลืมไม่ลงด้วยแน่นอน

จัดงานแต่งเล็กๆ

4. จัดโต๊ะแบบลองเทเบิ้ล

จัดงานแต่งเล็กๆ

ยิ่งแขกน้อยก็ยิ่งประหยัดในส่วนต่างๆ ไปได้เยอะ ถ้าหากบ่าวสาวเน้นความเป็นกันเอง ไม่เน้นพิธีรีตอง หรือยึดรูปแบบงานแต่งงานแบบเดิมๆ ลองลงทุนจัดโต๊ะอาหารสวยๆ แบบลองเทเบิ้ลให้ทุกคนได้นั่งร่วมกันไปเลย (อย่าลืมเว้นระยะห่าง social distancing ด้วยล่ะ) โดยไม่จำเป็นต้องมีโต๊ะลงทะเบียน แบ็คดร็อปถ่ายภาพ หรือเวทีให้ยุ่งยากเปลืองงบ สุดท้าย อย่าลืมทำ place card ชื่อแขกให้ตรงตามที่นั่งด้วยนะคะ รับรองว่างานนี้ถึงจะ social distancing แต่ความใกล้ชิดไม่ distancing แน่นอน

ข้อดีของงานแต่งแบบนี้คือ จะทำให้งานของบ่าวสาวอบอุ่นและพิเศษขึ้นแน่นอน

เรียบเรียงจาก stylemepretty.com
ภาพจาก pinterest, pexels

อ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่

สารพัดไอเดียจัดงานแต่งงานเล็กๆ กับเทคนิคที่จัดตามได้แบบไม่ยาก

5 วิธีช่วยว่าที่บ่าวสาวงบน้อยลดค่าใช้จ่ายสถานที่จัดงานแต่งงาน

เช็คก่อนเลือก 7 สถานที่แต่งงาน จุดไหนขายได้จุดไหนต้องระวัง

ฤกษ์แต่งงานปี 2563 พร้อมสารพัดสิ่งที่บ่าวสาวต้องเตรียม

พร้อมเสิร์ฟ ฤกษ์แต่งงานปี 2563 รู้แล้วก็รีบจัดคิวตัวเองกันได้เลย

หลายคู่ที่เพิ่งเซย์เยสเรื่องแต่งงานกันไป หรือคู่ไหนที่ยังหาฤกษ์ที่ถูกใจไม่ได้สักที วันนี้ แพรว wedding ได้รวม ฤกษ์แต่งงานปี 2563 มาให้ว่าที่บ่าวสาวได้อัพเดทกันแล้ว แถมยังมาในรูปปฏิทินสวยงามน่ารักไว้เซฟส่งไปให้ผู้ใหญ่ได้ช่วยกันเลือกแบบง่ายๆ อีกด้วย นอกจากนี้เรายังมีสารพัดเรื่องต่างๆ ที่ว่าที่บ่าวสาวต้องรู้เพื่อใช้ในการเตรียมงานแต่งงานมาฝากด้วย อย่ารอช้า ไปดูกันดีกว่า ฤกษ์ดีที่เราเตรียมมานั้นจะตรงกับวันที่คุณและครอบครัวเล็งไว้แล้วหรือไม่ 

>> คลิกที่รูป 1 ที แล้วเซฟเก็บกันไว้ได้เลย 

พิธีแต่งงานไทย ต้องเตรียมสิ่งเหล่านี้ไว้ให้พร้อม

เตรียมแจกได้เลยกับ ผังขบวนขันหมาก รู้ไว้ไม่งงหน้างาน
เช็กลิสต์พิธีเช้างานไทยสิ่งไหนต้องมี ควรมี และไม่จำเป็นต้องมี
พิธีแต่งงานแบบไทย พร้อมไทม์ไลน์ของแต่ละพิธีแบบครบถ้วน
ลำดับพิธีสงฆ์ในงานแต่งแบบไทย จัดมาให้แบบเป๊ะทุกขั้นตอน
ขันหมากตามฐานะ งามตรงจิตงบตรงใจในราคา 3,000 ยันหลายหมื่น

สารพัดความเชื่อในงานแต่งไทย ที่บ่าวสาวรู้ไว้ก็ดี

เรียงลำดับอาวุโสและคนสำคัญในงานแต่งแบบนี้ไม่โดนเม้า
อุปกรณ์ใน พิธีสงฆ์ ที่บ่าวสาวต้องรู้เพื่อการเตรียมงานได้เป๊ะไม่มีตกหล่น
สารพัดวิธีดูแล พานขันหมาก ให้สดสวยมดไม่ขึ้นก่อนใช้งานจริง
ไม่อยากตกเป็นรองต้องอ่าน! 6 ความเชื่อในวันแต่งงานที่บ่าวสาวต้องระวัง
อาหารงานแต่งเมนูไหนดี เมนูไหนร้าย บ่าวสาวควรรู้ไว้เพื่อเสริมมงคล

สถานที่แต่งงาน และถ่ายภาพพรีเวดดิ้งแบบไหนที่ใช่คู่คุณ ตามไปเช็กเลย

10 สวนสาธารณะ ถ่ายภาพพรีเวดดิ้งฟรี (แต่ต้องหาช่างภาพไปเองนะจ๊ะ)
12 สถานที่ถ่ายสวยงามอย่างไทย เหมาะกับการถ่ายพรีเวดดิ้งชุดไทยสุดๆ
8 อย่างขอให้เช็คและเห็นกับตาเมื่อออนทัวร์สถานที่จัดงานแต่งงานในฝัน
รวม 10 สถานที่จัดงานแต่งงานแบบไทยในบรรยากาศอินเตอร์
อัพเดทราคา 8 โรงแรมจัดงานแต่งงาน ติดรถไฟฟ้า BTS

สารพัดเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่บ่าวสาวควรรู้

ทรีตเม้นต์ เสริมความงามเจ้าสาวก่อนแต่งงาน อันไหนควรทำเมื่อไหร่ มาดูกัน
10 วิธีตัดต้นทุนงานแต่งงานแบบได้ผลชะงัดจากปากคำบ่าวสาวตัวจริง
9 เทคนิคจัดงานแต่งงานให้ได้ดั่งใจ บ่าวสาวมีเวลาแค่ไหนก็รอด
รวม 10 ร้าน Catering เจ้าเด็ด พร้อมราคาบ่าวสาวรีบเช็กดูด่วน
แนะนำ 5 ช่างภาพงานแต่ง ใน 5 สไตล์ที่แตกต่างและน่าจับตามอง!

ไอเดียแหวนแต่งงาน เทรนด์แหวนหมั้นปี 2020 หลากสไตล์สุดปิ๊ง

ไอเดียแหวนแต่งงาน จากแพรวเวดดิ้ง การันตีความเก๋

คู่รักที่ยังลังเลเลือกแบบแหวนหมั้นกันไม่ได้สักที แพรวเวดดิ้งมี ไอเดียแหวนแต่งงาน ที่เป็นเทรนด์ในปี 2020 มาฝาก รับรองว่าแบบหนึ่งในนี้จะต้องถูกใจแน่นอน หรือไม่แน่อาจจะมีแบบที่ตรงใจกับที่คุณและคนรักต้องการก็ได้น้า

แหวนตัวเรือนทองคำ

ไอเดียแหวนแต่งงาน

แหวนตัวเรือนทองคำจะกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งในปีหน้า แหวนสไตล์นี้เหมาะสำหรับว่าที่บ่าวสาวที่อยากได้ลุคเรียบง่ายแต่ดูเก๋ และยังสามารถสวมใส่ได้กับทุกชุดและในทุกๆ โอกาสอีกด้วย

มีรูปแบบเฉพาะเจาะจงมากขึ้น

ไอเดียแหวนแต่งงาน

ในปี 2020 เราจะได้เห็นการเปลี่ยนโฉมของรูปแบบแหวนแต่งงานที่มีความน่าสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มของบ่าวสาวชาวมิลเลนเนียล และบ่าวสาว Gen Z ทั้งหลายที่กำลังจะแต่งงาน ซึ่งเหล่าผู้บริโภคยุคใหม่กลุ่มนี้มองหาแหวนแต่งงานที่มีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น แหวนวงนั้นจะต้องบอกเล่าเรื่องราวของพวกเขาได้ และให้ความสำคัญเกี่ยวกับวิธีการทำและที่มามากกว่าดีไซน์ที่สวยงาม

ดีไซน์แตกต่างมีความเฉพาะตัว

ว่าที่บ่าวสาวในปีหน้าจะมองหาสิ่งที่แตกต่างออกไป ไม่ยึดติดกับรูปแบบเดิมๆ แต่จะมองหาสิ่งที่สะท้อนความเป็นตัวตนของพวกเขาได้มากกว่า สำหรับในปี 2020 เทรนด์แหวนแต่งงานจะมีดีไซน์ที่แตกต่างมากขึ้น เช่น แหวนแต่งงานประดับเพชรแฟนซี, แหวนแต่งงานประดับมรกต, แหวนแต่งงานประดับเพชรสีดำ (black diamonds) หรือแหวนแต่งงานประดับอัญมณีอื่นๆ ที่ไม่ใช่เพชร เป็นต้น

แหวนแต่งงานแบบ Wedding Bands

หากบ่าวสาวอยากได้แหวนแต่งงานที่มีความคลาสสิคแนะนำให้มองหาตัวเรือนที่มีดีไซน์เรียบง่ายเข้าไว้ ซึ่งปีหน้าตัวเรือนของแหวนแต่งงานจะมีความยูนีคเฉพาะตัวของผู้สวมใส่แต่ละคนมากขึ้น โดยเฉพาะแหวนแต่งงานแบบ wedding  bands จะได้รับความนิยมมากกว่าแหวนแต่งงานแบบเพชรชู หรือแบบ Solitaire ในปี 2020 มีแนวโน้มว่าเหล่าคู่รักจะต้องการแหวนแต่งงานที่สามารถบ่งบอกถึงเรื่องราวของพวกเขาได้ มีความเชื่อมโยงกับผู้ใส่ที่ทำให้รู้สึกได้ถึงความพิเศษของแหวนแต่งงานของพวกเขา

แหวนแต่งงานประดับเพชร 3-5 เม็ด

เทรนด์นี้มาจากแหวนแต่งงานของเมแกน มาร์เคิล ซึ่งในปี 2020 เราจะได้เห็นว่าแหวนแต่งงานที่ประดับเพชรมากกว่า 1 เม็ดขึ้นไปจะได้รับความนิยมมากขึ้น โดยเฉพาะแหวนแต่งงานประดับเพชร 3 – 5 เม็ดขึ้นไปจะเป็นตัวเลือกที่สาวๆ มองหา ซึ่งแหวนแต่งงานแบบนี้มักจะปกปิดข้อนิ้วของผู้สวมใส่ และเหมาะสำหรับการดีไซน์ให้เป็นแหวนแต่งงานแบบเซต (stacked) หรือแหวนแต่งงานแบบ wedding bands

เพชรแอชเชอร์ (Asscher Cut Diamonds)

เทรนด์ของเพชรทรงนี้น่าจะมาจากซีรี่ส์เรื่อง Downton Abbey ซึ่งสำหรับเจ้าสาวที่กำลังมองหาแหวนแต่งงานสไตล์วินเทจการเลือกเชฟของเพชรเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะในปีหน้าเพชรแอชเชอร์จะกลับมาได้รับความนิยมมากขึ้นในหมู่เจ้าสาว เพชรแอชเชอร์เป็นเพชรที่มีดีไซน์แบบศิลปะในยุค Art Deco แต่จะดูมีความทันสมัยมากขึ้นหากอยู่บนตัวเรือนที่มีดีไซน์แบบอ่อนหวาน หรือตัวเรือนที่มีความเรียบง่าย

เพชรแอชเชอร์ เป็นอีกตัวเลือกที่ดูดีสำหรับผู้ที่ชื่นชอบเพชรเอมเมอรัล เพราะรูปทรงเพชรมีความคล้ายคลึงกันมาก แต่เพชรแอชเชอร์จะมีหน้ากว้างเล็กกว่า และมีลูกเล่นขั้นบันไดที่ลึกกว่า จึงมีความเล่นไฟในตัวเพชรได้ดีกว่า

เพชรรูปทรงแฟนซี

ในปีหน้าเพชรรูปทรงแฟนซีต่างๆ จะได้รับความนิยมมากกว่าเพชรทรงกลม โดยเฉพาะเพชรทรงหยดน้ำ และเพชรทรงมาร์คีส์ที่จะได้รับความนิยมมากกว่าเพชรทรงอื่นๆ รวมไปถึงดีไซน์ของแหวนจะเน้นให้เป็นเพชรประดับอยู่ตรงกลาง เพื่อโชว์รูปทรงของเพชรได้อย่างเต็มตา

>> ดูแบบแหวนแต่งงานและเครื่องประดับเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ ืคลิกเลย! <<

cr: brides.com, pinterest.com

6 เรื่องสำคัญที่ต้องเตรียมการไว้ให้พร้อมก่อนเริ่มวางแผนจัดงานแต่งงาน

หลายครั้งที่ว่าที่บ่าว-สาวเตรียมงานด้วยตัวเองโดยที่ยังไม่ได้เคลียร์กับผู้ใหญ่ในเรื่องต่างๆ ให้ชัดเจน จนทำให้เกิดความไม่เข้าใจ เพราะลืมนึกไปว่างานแต่งของเราก็เป็นวันสำคัญของท่านด้วยเช่นกัน เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้น แพรวเวดดิ้งจึงได้จัดเช็กลิสต์เรื่องที่ต้องเคลียร์ใจกับครอบครัวให้ชัดเจน ก่อนที่จะเริ่ม วางแผนจัดงานแต่งงาน มาฝาก หากทำตามนี้คุณจะไม่ต้องเสียเงินฟรีหรือทะเลาะกับพ่อแม่ให้เสียใจอีกต่อไป

 

1. เลือกวันแต่งงานอย่างไร
เรื่องสำคัญที่ต้องสรุปให้ได้เป็นอันดับแรกก่อนเตรียมงาน เพราะการกำหนดวันที่แน่ชัดจะช่วยให้บ่าว-สาวนำไปใช้ในการกำหนดเดดไลน์เรื่องต่างๆ ได้อย่างชัดเจน

  • ตกลงให้แน่ชัดว่าจะใช้ฤกษ์ดีหรือฤกษ์สะดวก เพื่อที่บ่าว-สาวจะได้เคลียร์ตารางชีวิตตัวเองได้ถูก
  • มอบหมายให้คนไปดูฤกษ์แค่คนเดียว เพื่อลดความสับสนวุ่นวายว่าฤกษ์ของใครจะชนะเลิศ
  • หากบ่าว-สาวมีงบหนาอาจจะจัดทั้งฤกษ์ดีและฤกษ์สะดวกไปเลยก็ได้ เช่น ฤกษ์ดีสำหรับงานพิธีไทยที่แต่ละพิธีการมักเน้นฤกษ์ยามที่เป็นมงคล

2. ใครจ่ายส่วนไหน
อีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่ต้องวางแผนให้ดีก่อนเริ่มเตรียมงานแต่ง คือเรื่องงบประมาณที่บ่าว-สาวจะต้องจ่ายในการจัดสรรเรื่องต่างๆ

  • ตั้งงบประมาณที่จะใช้ในการจัดงานขึ้นมาก่อน โดยคิดเผื่อขาดเผื่อเหลือไว้ด้วยว่าจะสามารถเกินจากงบที่ตั้งไว้ได้กี่เปอร์เซ็นต์
  • อย่าเหนียมอายที่จะถามพ่อแม่ว่าท่านจะช่วยซัพพอร์ตเรื่องเงินๆ ทองๆ หรือไม่
  • แยกงบประมาณออกเป็น 2 ก้อน คืองานเช้ากับงานเย็น
  • พูดคุยให้แน่ชัดว่าฝ่ายไหนจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายงานใด เช่น ฝ่ายเจ้าสาวรับผิดชอบงานเช้า ส่วนงานเย็นเป็นทาง ฝ่ายเจ้าบ่าว เป็นต้น
  • หากแบ่งกันรับผิดชอบค่าใช้จ่ายงายเช้ากับงานเย็น ต้องตกลงกันด้วยว่าซองในงานนั้นจะเป็นของทางฝั่งที่เตรียมงานหรือจะให้ว่าที่บ่าว-สาวเพื่อเป็นเงินขวัญถุง
  • สอบถามฝ่ายชายให้ชัดเจนว่ามีเงินสดสำหรับใช้ในการจัดงานเท่าไหร่ มีเพียงพอหรือไม่ หรือมีแต่สินทรัพย์ เพื่อจะได้วางแผนการใช้จ่ายได้อย่างถูกต้อง โดยไม่ต้องเจ็บตัวว่าต้องขายรถจำนองบ้านเพื่อมาจัดงาน

3. เลือกสถานที่จัดงานอย่างไร
สถานที่จัดงานแต่งงานถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยเสริมธีมงานของบ่าว-สาวให้ออกมาดูดีและเป็นสิ่งที่บ่าว-สาวจะต้องรีบคิดเพื่อที่จะจองคิวไว้แต่เนิ่นๆ เพราะอย่าลืมว่าวันฤกษ์ดีๆ ไม่ได้มีแค่คุณคู่เดียวที่แต่งงาน

  • ตั้งธีมงานก่อนเลือกสถานที่ เพราะสถานที่จะช่วยส่งเสริมธีมงานของบ่าว-สาวได้เป็นอย่างดี เช่น หากเป็นธีมงานปาร์ตี้ชิลๆ เน้นความเป็นกันเองก็อาจเลือกเป็นร้านอาหารริมน้ำหรือสวนสวย แต่ถ้าเป็นธีมหรูหราอลังการอาจเลือก เป็นห้องบอลรูม เป็นต้น
  • นำจำนวนแขกและลักษณะของแขกโดยส่วนมากมาพิจารณาในการเลือกสถานที่ด้วย จะได้มุ่งไปยังสถานที่ที่ สามารถรองรับแขกได้เพียงพอและเข้ากับไลฟ์สไตล์ของแขกส่วนมาก เช่น หากแขกผู้ใหญ่เยอะ อาจต้องหาสถานที่ที่มีขนาดใหญ่และโต๊ะ-เก้าอี้เพียงพอ
  • สะดวกต่อการเดินทางหรือไม่ เพราะถ้าหากสถานที่สวยตรงใจแต่การเดินทางลำบากซับซ้อน ก็อาจจะทำให้แขกชั่งใจในการเดินทางมางานแต่งของบ่าว-สาวได้เช่นกัน

วางแผนจัดงานแต่งงาน

4. แบ่งหน้าที่ในการรับผิดชอบงานอย่างไร
ไม่ใช่แค่บ่าว-สาวเท่านั้นที่ตื่นเต้นไปกับวันแต่งงาน แต่พ่อแม่  ครอบครัว และบรรดาเพื่อนฝูงคนสนิทก็ตื่นเต้นไม่แพ้คุณ และอยากจะมีส่วนร่วมในการให้ความช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ ด้วย

  • ก่อนอื่นตัวบ่าว-สาวต้องแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบกันเองให้ชัดเจนเสียก่อน
  • จงเปิดใจรับความช่วยเหลือและความเอื้อเฟื้อในรูปแบบต่างๆ
  • แบ่งหน้าที่ของผู้ที่อยากให้ความช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ อย่างชัดเจน เพื่อลดปัญหาการทำางานซ้ำซ้อน
  • ให้ความไว้ใจกับคนที่จะมารับผิดชอบในแต่ละเรื่อง โดยบ่าว-สาวไม่ควรก้าวก่าย หากได้มอบหมายหน้าที่นั้นให้แล้ว

5. แขกส่วนใหญ่เป็นใคร
อย่าลืมว่างานแต่งไม่ได้มีแค่แขกของคุณอย่างเดียว แต่ยังมีแขกของคุณพ่อคุณแม่ด้วย  เพราะฉะนั้นการพูดคุยกันเพื่อกำหนดทิศทางการเชิญจำนวนแขก และลักษณะของแขกที่มาจึงเป็นเรื่องสำคัญ

  • แยกกันลิสต์รายชื่อหรือจำนวนแขกคร่าวๆ ให้ชัดเจนว่าบ่าว-สาว พ่อ แม่ หรือคนใกล้ชิดในครอบครัวน่าจะเชิญใครมางานแต่งบ้าง
  • หากจำนวนแขกของพ่อแม่เยอะกว่า ก็ต้องพิจารณาว่าเป็นแขกแนวไหน เช่น ส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจหรือเป็นข้าราชการผู้ใหญ่ เพื่อที่จะได้มองหาสถานที่และธีมงานให้ไม่ขัดกับแขกส่วนใหญ่ในงานมากเกินไป

6. ธีมงานในฝันจะเป็นไปได้ไหม
ธีมงานถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยกำหนดภาพลักษณ์ให้งานแต่งของบ่าว-สาวออกมาดูดี และยังบ่งบอกถึงสไตล์และตัวตนของบ่าว-สาวได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

  • หากมีสัดส่วนแขกผู้ใหญ่ค่อนข้างเยอะ อาจต้องคิดธีมงานกลางๆ ที่สนุกแต่พอดี เพื่อซัพพอร์ตแขกผู้ใหญ่ด้วย
  • คุยธีมงานกับพ่อแม่ให้ชัดเจนตั้งแต่แรก (ในกรณีที่แขกของคุณเยอะกว่าอาจเป็นข้อต่อรองในการช่วยให้จัดธีมงานที่ต้องการได้ง่ายขึ้น)
  • หากธีมงานสนุกเกินไปอาจจะต้องเตรียมมองหาผู้ใหญ่ในครอบครัวที่มีความคิดนำสมัยมาช่วยพูด
  • พูดคุยกับพ่อแม่อย่างประนีประนอมด้วยเหตุผล อย่าเถียงเพื่อเอาชนะ บอกท่านว่าวันนี้เป็นวันสำคัญในชีวิตของคุณ และคุณอยากจะมีความทรงจำาในวันนี้อย่างไร เชื่อเถอะว่ายังไง ผู้ใหญ่ก็ต้องใจอ่อน
  • เจอกันครึ่งทาง ด้วยการคงธีมงานที่บ่าว-สาวต้องการ แต่ก็เสริมในสิ่งที่ผู้ใหญ่ท่านต้องการจริง ๆ ด้วย

Read More >> คลิกเลย >> เช็กก่อนเลือก 7 สถานที่แต่งงาน จุดไหนขายได้จุดไหนต้องระวัง

ภาพ :  livvyland.com, ledieze.com

เคล็ดลับจัดการ งบจัดงานแต่งงาน ให้อยู่หมัดแบบง่ายๆ ไม่ซับซ้อน

มาจัดการ งบจัดงานแต่งงาน ง่ายๆ ด้วยตัวเอง ถึงจะประหยัดแค่ไหน แต่งานยังออกมาเพอร์เฟกต์แน่นอน

แน่นอนว่าคู่บ่าวสาวทุกคู่ยอมมีงานแต่งงานในฝันของตัวเองที่อยากจะเนรมิตออกมาให้ได้ แต่ถ้าความฝันกับงบประมาณในกระเป๋าตังค์มันสวนทางกันก็อาจจะต้องทำใจกันสักนิด แต่อย่าเพิ่งใจเหี่ยวคอตกแพ็คคู่กันขนาดนั้นค่ะ เพราะแพรว wedding มีเคล็ดลับการประหยัด งบจัดงานแต่งงาน  แบบง่ายๆ มาฝาก เพียงแค่ตัดนู่นนิด ลดตรงนี้หน่อย แต่งานแต่งงานของบ่าวสาวก็ยังออกมาเพอร์เฟกต์เหมือนเดิม เผลอก็อาจจะยังเป็นรูปแบบงานแต่งงานในฝันได้อยู่เหมือนกันนะ

  • สถานที่

มองหาตัวเลือกอื่นๆ เช่น ห้องอาหาร สตูดิโอ หรือพื้นที่ให้เช่าตามหน่วยงานรัฐหรือเอกชนเพื่อให้ได้สถานที่จัดเลี้ยงในราคาถูกลง

  • งานเลี้ยง

– คำนวณจำนวนแขกให้แม่นยำที่สุด เพื่อหลักเลี่ยงค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เช่น การเปิดโต๊ะเพิ่มซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายตามมา อาหารเหลือทิ้ง การพิมพ์การ์ดและซื้อของชำร่วยเกินจำนวนแขกไปมาก ฯลฯ

– การจัดเลี้ยงแต่ละแบบมีเคล็ดลับที่ช่วยให้คุณประหยัดได้เหมือนกัน เช่น

งานเลี้ยงค็อกเทล : ให้เลือกเมนูที่ไม่เลิศหรูจนเกินไปนักเพื่อให้ได้ปริมาณอาหารมากขึ้ร

งานซิตดาวน์ดินเนอร์ : ให้เลี่ยงเมนคอร์สราคาสูง

งานเลี้ยงโต๊ะจีน : จัดคนคอยพาแขกไปนั่งให้เต็มเป็นโต๊ะๆ ไป จะได้ไม่ต้องเปิดโต๊ะใหม่พร่ำเพรื่อ

– หากใช้บริการจัดเลี้ยงแบบแพ็คเกจอย่าลืมตรวจสอบว่ารวมค่าบริการ ซอฟต์ดริ๊งค์ แอลกอฮอล์ และภาษีหรือยัง

– หากจัดงานที่บ้าน อาจให้ญาติหรือเพื่อนสนิทมาช่วยงานเพื่อประหยัดค่าจ้างพนักงาน และถือเป็นการสานสัมพันธ์ในครอบครัวด้วย (แต่ต้องเช็กดูสไตล์ของญาติๆ ก่อนนะว่าเป็นแนวร่วมแรงร่วมใจ ไม่ใช่จะมาเหวี่ยงใส่กัน)

– ทำเวลคัมดริ๊งค์น่ารักๆ เสิร์ฟในช่วงแรกของงานแทนแอลกอฮอล์ ก็ช่วยประหยัดค่าเหล้าได้พอดู

– ลองเจรจาขอนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาเองจะเซฟได้เยอะ และถ้าซื้อจากบริษัทขายส่งในปริมาณมากจะยิ่งได้ราคาถูก และหากจัดงานในโรงแรมอย่าลืมหักลบกับค่านำเข้าเครื่องดื่มด้วยว่าคุ้มไหมที่จะนำเข้ามา

– หากอยากเปิดแชมเปญสำหรับพิธีฉลอง ให้คุณเสิร์ฟแชมเปญในช่วงใกล้กล่าวคำอวยพร เพราะถ้าแจกตั้งแต่งานเริ่มรับรองว่าหมดเกลี้ยงตั้งแต่ประธานยังไม่ทันได้ขึ้นกล่าวแน่นอน

  • เค้กแต่งงาน

– ใช้เค้กที่แถมมาในแพ็คเกจของโรงแรม

– ถ้าไม่มีในแพ็คเกจให้ลองดูเค้กหลายๆ เจ้าเพื่อเปรียบเทียบราคา คุณภาพ และผลงาน

– ใช้เค้กปลอมผสมเค้กจริงเพื่อประหยัดค่าเค้ก

– ใช้เค้กแต่งงานของคุณเป็นเมนูของหวานปิดท้ายมื้ออาหารไปเลย เพราะเค้กแต่งงานแสนแพงจะได้ไม่เหลือทิ้ง แถมยังได้ประหยัดค่าของหวานอีกด้วย

– จัดเรียงคัพเค้กสีสันตามธีมงานบนสแตนด์ไล่ระดับแทนเค้กแต่งงานสูงๆ ก็จะช่วยทุนค่าใช้จ่ายได้ แถมเก๋ดีอีกด้วย

– หากจัดงานแต่งงานแนวโคซี่ เวดดิ้ง ลองใช้เค้กสวยๆ มาวางบนฐานเค้กไล่ระดับสูงต่ำแทนเค้ก 7 ชั้นก็ช่วยประหยัดเงินได้เยอะเหมือนกันน้า

  • ดนตรีหรือการแสดง

– อาจให้เพื่อนหรือญาติที่เล่นดนตรีเก่งๆ มาช่วยงาน หรืออาจจ้างน้องๆ นักศึกษาที่มีความสามารถทางด้านดนตรีก็ได้

– เลือกเปิดแผ่นเพื่อตัดค่าใช้จ่ายส่วนนี้

งบจัดงานแต่งงาน

  • การตกแต่ง

– งานแต่งงานไม่จำเป็นต้องมีแบ็กดร็อปเสมอไป โดยเฉพาะงานแต่งงานแบบเอ้าท์ดอร์ที่มีวิวสวยงามอยู่แล้ว

– แต่ถ้าหากบ่าวสาวอยากมีแบ็คดร็อปอยู่ในงานจริงๆ ลองมองหาบริการให้เช่าฉากหรือแบ็คดร็อปซึ่งจะช่วยเซฟงบได้เยอะ

– เลือกใช้ดอกไม้ตามฤดูกาลที่ราคาไม่แพง เพื่อให้ได้ปริมาณดอกไม้ที่มากขึ้นในราคาที่ถูกลง

– หากคุณจัดพิธีหมั้นและพิธีฉลองในวันเดียวกัน สามารถนำดอกไม้ที่ใช้ตกแต่งในพิธีเช้ามาใช้ซ้ำในพิธีเย็นได้ เพียงแค่ปรับเปลี่ยนการจัดวางนิดหน่อย

– คุณสามารถจัดเซ็นเตอร์พีซสวยๆ แบบประหยัดได้ โดยการลอยดอกไม้ในอ่างแก้วหรือปักดอกไม้ในแจกัน แล้วนำมาวางแทนเซ็นเตอร์พีซทรงสูง

– ใช้เทียนตกแต่งโต๊ะอาหารแทนเซ็นเตอร์พีซ นอกจากจะดูโรแมนติกแล้วช่วยลดปริมาณการใช้ดอกไม้ได้อีกด้วย

– ไม่จำเป็นต้องถมดอกไม้ทั้งห้องจัดเลี้ยง แต่แค่เลือกลงทุนกับบางมุมที่แขกให้ความสนใจและใช้จุดนั้นเป็นไฮไลต์ดึงดูดสายตาก็พอ

  • การ์ดแต่งงานและของชำร่วย

– ลองออกแบบการ์ดแต่งงานและสั่งพิมพ์เอง แล้วให้คนรู้จักที่มีความสามารถด้านนี้ช่วยออกแบบ หรือหากมีรูปสวยๆ ก็นำมาใส่รายละเอียด ก็สามารถใช้เป็นการ์ดเชิญได้แล้ว

– เดินหาของชำร่วยจากแหล่งค้าส่ง เช่น พาหุรัดและสำเพ็ง แล้วสั่งให้ร้านบรรจุแพ็คเกจให้เรียบร้อย หรือจะนำมาแพ็คเองก็ได้แล้วแต่ความสะดวกของบ่าวสาว

  • ช่างแต่งหน้า-ช่างทำผม

อย่าลืมขอดูผลงานที่ผ่านมาและเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายระหว่างแต่แบบเหมาวัน กับแต่งแบบแยกงาน

  • ช่างภาพ

– ให้เพื่อนหรือญาติที่มีความสามารถด้านการถ่ายภาพมาช่วยถ่ายให้

– บ่าวสาวต้องวางแผนให้ชัดเจนว่าต้องการภาพสไตล์ใด จากนั้นจึงมุ่งหาช่างภาพที่มีผลงานตรงกับสไตล์ที่ต้องการ โดยดูผลงานที่ผ่านมาและเปรียบเทียบราคาหลายๆ เจ้าก่อนตัดสินใจ

– สอบถามให้แน่ใจว่าราคาที่เสนอมารวมค่าผู้ช่วยและอุปกรณ์ทุกอย่างแล้วหรือยัง เพื่อหลีกเลี่ยงการชาร์ตเพิ่มหน้างาน

– พิจารณาข้อตกลงในแพ็คเกจให้ดีว่าบ่าวสาวจะได้รับภาพจำนวนกี่ภาพ เพราะถึงแม้แพ็คเกจจะถูก แต่ถ้าสุดท้ายบ่าวสาวต้องซื้อรูปเพิ่มจำนวนมากก็กลายเป็นว่าบ่าวสาวต้องจ่ายเงินเพิ่มมากขึ้นอยู่ดี

– คิดให้ดีว่าโปรโมชั่นลดแลกแจกแถมในแพ็คเกจสุดคุ้มเป็นสิ่งที่คุณต้องการจริงๆ หรือไม่ ซึ่งอาจจะลองต่อรองกับพนักงานขายว่า ถ้าไม่เอาอันนี้แล้วขอลดราคา หรือขอจำนวนภาพเพิ่มแทนได้ไหม เป็นต้น

– ในส่วนของภาพถ่ายพรีเวดดิ้ง ลองมองหาช่างภาพที่ให้ภาพทั้งหมด จะได้ไม่ต้องซื้อภาพเพิ่มจนงบฉีก

– ใช้ภาพที่ถ่ายเล่นด้วยกัน หรือไปเที่ยวด้วยกันมาจัดเป็นแกลลอรี่แทนภาพถ่ายพรีเวดดิ้ง วิธีประหยัดได้เยอะแถมยังน่ารักแบบเรียลๆ ดูเป็นธรรมชาติดีอีกต่างหาก

– ถ้าจัดพิธีเช้าก่อนพิธีฉลองหลายวัน อาจขอไฟล์ภาพจากช่างภาพจำนวนหนึ่งมาก่อน เพื่อนำมาอัดขยายเพื่อใช้ประดับภายในงานฉลองแทนการใช้ภาพถ่ายพรีเวดดิ้ง

– ใช้จำนวนช่างภาพให้สอดคล้องกับจำนวนแขก ถ้ามีแขกจำนวนไม่มากก็ไม่จำเป็นต้องจ้างทีมช่างภาพเป็นสิบชีวิตให้เปลืองงบไปอีก

หรือจะลองอ่านทิปส์ดีๆ เพิ่มเติมตามนี้ก็ได้นะคะ 5 ทริคตั้งงบงานแต่งแสนง่าย เพื่อเป้าหมายคืองานแต่งงานในฝัน

ภาพ stocksnap.io

13 ขนมไทยความหมายดี เสริมรักนี้ให้ยืนยง แถมอร่อยจนแขกชมแน่นอน

เช็กลิสต์ ขนมไทยความหมายดี เสริมรักนี้ให้รุ่ง

ขนมไทย ถือเป็นอาหารหวานที่ขาดไม่ได้สำหรับงานแต่งแบบไทย ที่นิยมนำไปใช้ประกอบเป็นเครื่องคาวหวานสำหรับถวายพระหรือเลี้ยงแขกในงาน ซึ่งขนมไทยต่างๆ ที่ใช้ในงานนั้นมักจะแฝงไว้ด้วยความหมายดีๆ อันเป็นสิริมงคลให้กับชีวิตคู่ และสำหรับว่าที่บ่าวสาวคู่ไหนที่จะจัดพิธีแบบไทย แต่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกขนมไทยชนิดไหนมาใช้เลี้ยงแขกและเสริมมงคลเรื่องความรักดี แพรว wedding เลยจัดลิสต์ ขนมไทยความหมายดี เสริมรักรุ่งแถมเลี้ยงแขกเริดมาแนะนำ

 

1-ขนมชั้นขนมชั้น หมายถึงการได้เลื่อนชั้น เลื่อนตำแหน่ง เลื่อนยศฐาบรรดาศักดิ์ นิยมทำให้มี 9 ชั้น และทำเป็นสีแดง สีเขียว สีชมพู เพื่อความเป็นสิริมงคล

2-ขนมจ่ามงกุฎจ่ามงกุฎ หมายถึงอยู่ตำแหน่งสูงสุดเสมือนมงกุฎ ซึ่งแสดงถึงความมีเกียรติยศชื่อเสียง สมัยก่อนนิยมใช้เป็นของขวัญอวยพรเมื่อได้เลื่อนตำแหน่งหน้าที่การงาน ปัจจุบันนิยมใช้ประกอบเครื่องคาวหวานในงานแต่ง

3-ขนมทองเอกทองเอก เป็นขนมไทยโบราณที่มีลักษณะพิเศษคือ มีทองคำเปลวติดอยู่ด้านบน นิยมใช้เป็นขนมอวยพรเมื่อได้เลื่อนตำแหน่งหน้าที่การงาน เป็นเจ้าคนนายคน

4-ขนมทองหยิบทองหยิบ เป็นขนมไทยที่จับจีบเหมือนกลีบดอกไม้ เมื่อเสร็จดูงามคล้ายดอกไม้สีทอง นิยมใช้ในงานมงคลหรือใช้เป็นขนมอวยพร เพื่อสื่อความหมายถึงความร่ำรวย มั่งคั่ง หยิบจับการงานใดๆ ก็เป็นเงินเป็นทองและชีวิตคู่รุ่งเรือง

5-ขนมทองหยอดทองหยอด มีลักษณะคล้ายหยดน้ำและมีสีเหลืองเหมือนทอง คนโบราณนิยมใช้เป็นขนมอวยพรหมายถึงขอให้ร่ำรวย มีเงินมีทองใช้

6-ขนมเสน่ห์จันทร์เสน่ห์จันทร์ เป็นขนมที่ปั้นเป็นลูกกลมสีเหลืองเหมือนผลของลูกจันทร์ และปรุงด้วยผลจันทร์ป่นเพื่อจะได้มีกลิ่นหอม สื่อความหมายถึงการเป็นที่รักของทุกคน ไปไหนก็มีแต่คนรักใคร่ และความมีเสน่ห์

7-ขนมฝอยทองฝอยทอง มีลักษณะเป็นเส้นๆ พันกันเป็นทบๆ โดยเชื่อกันว่าควรทำขนมฝอยทองเป็นเส้นยาวห้ามตัดเพื่อสื่อความหมายถึงคู่บ่าวสาวที่จะได้ครองรักกันยั่งยืนและมีอายุยืนยาวเหมือนฝอยทองนั่นเอง

8-ขนมเมล็ดขนุนเม็ดขนุน คนโบราณมีความเชื่อว่าชื่อของเม็ดขนุนหมายถึง มีคนช่วยสนับสนุนค้ำจุนในหน้าที่การงาน การดำเนินชีวิต ไม่ว่าจะประกอบกิจการใดๆ ก็จะประสบผลสำเร็จ

9-ขนมถ้วยฟูขนมถ้วยฟู เป็นขนมที่มีกลิ่นหอม นิยมใช้ในงานมงคลต่างๆ เมื่อนำมาใช้ในพิธีแต่งงานเชื่อกันว่าหมายถึงความเป็นสิริมงคลและความเจริญก้าวหน้าของชีวิตคู่ หรืออวยพรให้รุ่งเรืองเฟื่องฟูเหมือนขนมถ้วยฟูนั่นเอง

10-ขนมกงขนมกงหรือขนมกงเกวียน เปรียบดั่งกงเกวียนที่หมุนไปข้างหน้าเช่นเดียวกับพระธรรมจักร สื่อความหมายถึงการอวยพรให้บ่าวสาวครองรักกันชั่วนิรันดร์

11-ขนมสามเกลอขนมสามเกลอ เป็นขนมที่แสดงถึงความสามัคคีและไม่มีวันพรากจากกัน โดยนิยมใช้เป็นขนมเสี่ยงทายในงานแต่ง มีลักษณะเป็นลูกกลมๆ เรียงกัน 3 ลูก การเสี่ยงทายจะดูกันตอนทอด ถ้าทอดแล้วยังอยู่ติดกัน 3 ลูก ถือว่าบ่าวสาวจะรักใคร่กลมเกลียวกัน ถ้าทอดแล้วติดกัน 2 ลูก แปลว่าจะมีลูกยาก แต่ถ้าหลุดจากกันหมดแปลว่าชีวิตคู่จะไม่ยั่งยืน อีกนัยหนึ่งถ้าทอดขนมสามเกลอแล้วพองฟูขึ้นจะถือว่าเป็นคู่ที่เหมาะสมกันราวกิ่งทองใบหยก

12-ขนมข้าวเหนียวแก้วข้าวเหนียวแก้ว คนโบราณเชื่อกันว่าหากมีขนมชนิดนี้ใช้ในงานมงคลชีวิตก็จะมีแต่ความเหนียวแน่น เป็นปึกแผ่นมั่นคง

ขนมไทยความหมายดีขนมโพรงแสม หลายคนอาจไม่เคยเห็นขนมชนิดนี้ แต่ขนมโพรงแสมถือเป็นขนมแต่งงานที่เก่าแก่ ในสมัยโบราณขนมนี้เปรียบเสมือนเสาบ้านที่จะทำให้บ่าวสาวอยู่กันได้ยั่งยืนตลอดไป

รู้ความหมายมงคลของของหวานไปแล้ว ก็ต้องรู้ อาหารงานแต่งเมนูไหนดีเมนูไหนร้าย ด้วย

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : library.sut.ac.th, yyiuo.blogspot.com, jomjamhappy.wordpress.com, banfoythong.webiz.co.th, kanomthaiboran13.blogspot.com, sodazzling.com, guru.sanook.com, แต่งงานกัน.com, happywedding.life, vid.blogspot.website, aumbt20.files.wordpress.com, sweetycan.blogspot.com, sites.google.com

ขาดไม่ได้!! กับ 9 ของใช้บ่าวสาวที่ต้องจัดเตรียมไว้ในวันแต่งงาน

เตรียมไว้ดีกว่าตามแก้ภายหลังให้ปวดหัว กับ ของใช้บ่าวสาว ในวันแต่งงานที่มีไว้อุ่นใจชัวร์

ของใช้ที่จำเป็นจะต้องใช้ในวันแต่งงานนั้นมีมากมายเต็มไปหมด ซึ่งบ่าวสาวอาจจะคิดว่าเราก็เตรียมไว้ดีแล้วประมาณหนึ่ง แต่ก็มีหลายครั้งที่บ่าวสาวมักจะลืมของที่จำเป็นจริงๆ ที่จะต้องใช้หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันในวันแต่งงาน และนี่คือ 9 ของใช้บ่าวสาว สุดจำเป็นที่เราอยากจะให้คุณได้ตระเตรียมไว้ล่วงหน้า มีอะไรบ้างไปเช็กกันเลย

1. ชุดเข็มด้ายขนาดพกพา

สิ่งนี้นอกจากจะช่วยฟื้นชีวิตของชุดเจ้าสาวได้แล้ว ยังมีประโยชน์กับบุคลลรอบข้างอย่าง คุณแม่ เพื่อนๆ หรือเจ้าบ่าวอีกด้วย เพราะเราไม่รู้หรอกค่ะว่าซิปหรือกระดุมเจ้ากรรมจะทรยศหักหลังเราตอนไหน ฉะนั้นการพกชุดเข็มและด้ายไว้ก็ช่วยให้บ่าวสาวอุ่นใจได้เยอะ

2. โลชั่น

เจ้าสาวที่มีผิวแห้งมาก หรือแต่งงานในห้องบอลรูมแอร์เย็นเฉียบ บางครั้งก็อาจเกิดอาการผิวแห้งผากขึ้นมากระทันหันแบบไม่ทันตั้งตัว และคงไม่ดีแน่หากผิวสวยๆ จะดูแห้งเป็นทะเลทรายในชุดแต่งงานแสนสวย เพราะฉะนั้นเราขอแนะนำให้เจ้าสาวหาโลชั่นขนาดเล็กๆ วางไว้ใกล้ๆ ผิวแห้งเมื่อไหร่ก็พร้อมประโคมได้ทันที ถ้าจะให้ดีลองเลือกโลชั่นที่มีกลิ่นหอมก็ช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้เจ้าสาวได้เหมือนกันนะคะ

3. ชุดปฐมพยาบาล

อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะในช่วงอาฟเตอร์ปาร์ตี้สุดมันที่ทุกคนสนุกกันอย่างสุดเหวี่ยง บางทีอาจโดนนี่บาด หรือเต้นสะดุดขาโต๊ะ ก็ล้วนเป็นเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ เพราะฉะนั้นเพื่อไม่ให้ใครต้องหมดสนุกเพราะเกิดแผล หรืออะไรก็แล้วแต่การมีเครื่องมือปฐมพยาบาลเบื้องต้นเอาไว้ก็ช่วยเซฟได้ง่ายๆ แบบชั่วคราว แล้วจะได้มาสนุกกันต่อได้อย่าง (ไม่ค่อยจะ) เต็มที่

ของใช้บ่าวสาว

4. อาหารว่างทานง่าย

ในวันแต่งงานเจ้าสาวจะต้องตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อแต่งหน้าทำผม ซึ่งบางคนอาจจะไม่มีเวลาลากยาวไปจนถึงงานฉลองช่วงเย็น จนทำให้ไม่มีเวลารับประทานอาหารมื้อใหญ่เพื่อเพิ่มพลังงาน ซึ่งนี่ไม่ใช่สิ่งที่ดีนะคะเพราะอาจจะทำให้เจ้าสาวเกิดอาการอ่อนเพลียจนพาลจะเป็นลมเอาได้ดื้อๆ จนรู้สึกไม่มีความสุขในวันสำคัญ ฉะนั้นหากเจ้าสาวไม่มีเวลาเตรียมอาหารหรือของว่างด้วยตัวเอง อาจใช้วิธีง่ายๆ อย่างการสั่งทางโรงแรมให้จัดเตรียมไว้ให้อาจจะเป็นมื้อเช้า กลางวัน หรือบ่ายแก่ๆ ก่อนแต่งหน้าในรอบเย็นก็ได้ หรือจะให้แก๊งเพื่อนสาวเตรียมอาหารว่างที่ทานง่ายไว้ให้ก็ยังดี พอว่างจากการเตรียมตัวเมื่อไหร่ก็พร้อมทานได้เลย

5. กิ๊บดำ

แน่นอนว่าช่างทำผมมืออาชีพจะต้องทำผมให้เจ้าสาวไว้อย่างดีที่สุด แต่เพราะช่างบางคนก็ไม่อาจที่จะอยู่กับเจ้าสาวได้จนถึงงานเริ่มหรืองานจบ เพราะฉะนั้นหากทรงผมที่ทำไว้อย่างดีเกิดยุ่งเหยิง การที่เจ้าสาวมีกิ๊บดำเตรียมไว้ก็สามารถช่วยแก้ไขได้อย่างทันถ่วงทีด้วยตัวเอง

6. สเปรย์แต่งผม

ในกรณีที่กิ๊บดำอาจไม่เพียงพอ เพราะฉะนั้นเพื่อเพิ่มการแก้ไขให้เป๊ะขึ้นอีกระดับ สเปรย์แต่งผมก็เป็นอีกหนึ่งไอเทมที่เจ้าสาวควรจัดเตรียมไว้ เพราะแค่ฉีดแล้วใช้มือเซตนิดเดียวผมก็เข้าทรงได้ง่ายๆ แล้วล็อกด้วยกิ๊บดำอีกครั้งเพื่อความชัวร์ แถมสิ่งนี้อาจจะใช้ช่วยชีวิตเจ้าบ่าวของคุณได้อีกด้วย

ของใช้บ่าวสาว

7. ยาสามัญประจำบ้าน

อาการปวดหัว ตัวร้อน ปวดท้อง เมนส์มา หนึ่งในอาการเหล่านี้อาจจะเกิดขึ้นกับคุณหรือคนใกล้ตัว เพื่อไม่ให้หมดสนุกในวันสำคัญ การเตรียมยาสามัญประจำบ้านเอาไว้ก็ช่วยทุเลาอาการเหล่านี้ได้นะคะ

8. ผ้าอนามัย

บางครั้งด้วยความเครียดหรือความกังวลอาจทำให้วันนั้นของเดือนมาเยือนโดยมิได้นัดหมาย เพราะฉะนั้นเตรียมผ้าอนามัยไว้ให้อุ่นใจสักนิดจะดีกว่า เพราะคงไม่ดีแน่หากชุดแต่งงานสีขาวของคุณต้องเปรอะเปื้อน

9. กระจกเล็กๆ

แน่นอนว่าในวันสำคัญบ่าวสาวอยากที่จะดูสวยหล่อตลอดเวลา แต่เราไม่มีทางรู้เลยว่ามาสคาร่าจะเลอะตอนไหน ลิปสติกสีจะจางหายหรือเปล่า เพราะฉะนั้นขอแนะนำให้เตรียมกระจกเล็กๆ ไว้ในพื้นที่ใกล้ตัว เวลาที่อยากจะเช็กความสวยหล่อเมื่อไหร่ก็สามารถหยิบได้โดยทันที หรืออาจจะเตรียมไว้หลายอันแล้วนำวางไว้ตามจุดต่างๆ เช่น แบ็กดร็อปถ่ายภาพ, ประตูทางเข้างาน หรือข้างเวที เป็นต้น เพื่อที่เมื่อบ่าวสาวอยากจะเช็กความเรียบร้อยเมื่อไหร่จะต้องได้ไม่ต้องไปตามหาจากใครให้วุ่นวายยังไงล่ะค่ะ

เตรียมของใช้ที่จำเป็นกันแล้ว ก็อย่าลืมวางแผนงานแต่งงานกันให้ดีด้วยน้า แต่ถ้าไม่รู้จะวางแผนยังไงดี เรามีเคล็ดลับดีๆ มาบอก ตามนี้เลย >> วางไทม์ไลน์วันแต่งงานล่วงหน้า ตัดปัญหาพาหัวหมุนในวันจริง!

ภาพ : www.etsy.com, www.independent.ie, heavy.com

มาฟังคำแนะนำจากเภสัชกรว่า เลือกสมุนไพรบำรุงความงามยังไงให้เจ้าสาวสวยปัง

แพรว wedding ขอพาเจ้าสาวทุกท่านที่กำลังต้องการบำรุงผิวพรรณ หรือหาสิ่งมาช่วยบำรุง แก้ไขสภาพผิว ให้สวยปังพร้อมรับวันแต่งงานกัน โดยเราได้ เภสัชกร ณัฐดนัย มุสิกวงศ์ หัวหน้าฝ่ายพัฒนางานวิจัยด้านสมุนไพรและการแพทย์แผนไทย โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร มาแนะนำสรรพคุณของสมุนไพรไทยชนิดต่างๆ ที่มีสรรพคุณช่วยแก้ไขปัญหาผิวพรรณของสาวๆ

เพราะในปัจจุบัน มีสารพัดเครื่องสำอางค์บำรุงผิว ไม่ว่าจะแบรนด์ไทย หรือแบรนด์ต่างชาติ ล้วนให้ผลลัพธ์ในการดูแลผิวพรรณไม่ต่างกัน แต่สมุนไพรไทย เป็นภูมิปัญญาของชาวไทยตั้งแต่สมัยอดีต โดยนำมากิน ดื่ม ทา เพื่อบำรุงผิว อีกทั้งยังไม่มีสารตกค้างภายในร่างกายอีกด้วย แต่จะมีสมุนไพรตัวไหนบ้าง รวมไปถึงมีวิธีการดูแลผิวพรรณอย่างไร ลองมาอ่านกันค่ะ

 

สมุนไพรบำรุงความงาม

สรรพคุณของสมุนไพรไทยดีอย่างไร ทำไมถึงควรนำมาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการบำรุงผิวพรรณ หรือสุขภาพของเจ้าสาว

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนนะครับว่า ไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าสาวเท่านั้นถึงจะดูแลผิวพรรณได้ สาวๆ ทุกคนควรดูแลตัวเอง ทั้งสุขภาพและผิวพรรณให้ดีอยู่เสมอครับ การดูแลผิวพรรณรวมไปถึงบำรุงรักษานั้น มีปัจจัยในการดูแลทั้งภายในร่างกาย และภายนอกร่างกาย ปัญหาหลักๆ ที่ทำให้ผิวไม่สวย หรือมีริ้วรอยนั้นเกิดมาจากพฤติกรรมของสาวๆ ด้วย อย่างเช่น การพักผ่อนไม่เพียงพอ เมื่อพักผ่อนน้อยร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนที่ช่วยฟื้นฟูผิวออกมาได้ไม่เต็มที่ หรือการดื่มเหล้าสูบบุหรี่ก็มีผล ดังนั้นวิธีการที่ดีที่สุดคือเราต้องสร้างสารต่อต้านอนุมูลอิสระ (หรือ Antioxidant) ขึ้นมา เพื่อให้สารนี้ช่วยลดริ้วรอยต่างๆ ในผิวเรา ซึ่งสมุนไพรไทยมีสาร Antioxidant อยู่เยอะมากครับ และสามารถหาได้ง่ายๆ อีกด้วย เราจึงสามารถนำสมุนไพรมาบำรุงความงามเตรียมพร้อมก่อนเป็นเจ้าสาวได้ครับ

มีสมุนไพรตัวไหนบ้างที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ทั้งช่วยบำรุง และแก้ไขปัญหาผิวพรรณ

อย่างที่ได้เกริ่นไปว่ามีหลายประเภทมากครับ แต่ผมจะขอยกตัวอย่างสมุนไพรที่คนนิยมนำมาใช้มากที่สุด เนื่องจากหาได้ง่าย และมีสรรพคุณที่ช่วยบำรุงผิวได้โดยตรง

ข้าว ฟังไม่ผิดครับข้าวที่เรารับประทานกัน มีสาร Antioxidant สูงมาก หาทานได้ง่าย แต่ผมแนะนำให้ทานในรูปแบบน้ำมันรำข้าวจะดีที่สุด

ขมิ้น สมุนไพรตัวนี้ใช้มาอย่างยาวนาน เพราะมีความปลอดภัยสูงมาก สามารถใช้ภายนอกหรือนำมารับประทานก็ได้ เนื่องจากมีงานวิจัยจากนักวิชาการทั้งในและนอกประเทศกว่า 3,000 โครงการ รับรองมาแล้วว่าขมิ้นนั้นมีประโยชน์ และมีความปลอดภัยต่อร่างกายแน่นอน ในตัวขมิ้นเองจะมีสารต้านการแพ้ การอักเสบ (สังเกตุเวลาแพ้ผิวหนังจะมีผื่นแดงๆ) สามารถนำมาพอกผิวได้ แต่ก็ต้องดูปริมาณด้วยครับ เพราะขมิ้นถ้านำมาทาผิวเยอะเกินไปจะทำให้ผิวเหลือง

ว่านหางจระเข้ นับเป็นหนึ่งสมุนไพรยอดนิยม และหลังๆ เราจะเห็นมีการสกัดนำว่านหางจระเข้ มาทำเป็นเจลว่านหางกันเยอะมาก เพราะว่านหางจระเข้ปลูกง่าย ขึ้นง่าย ต้นทุนในการปลูกต่ำ สรรพคุณหลักๆ คือป้องกันแสง UV ที่จะมาทำร้ายผิวเราโดยทำหน้าที่ดูดแสง UV ไว้ที่ตัวว่านหางเอง และสะท้อน UV กลับไปเพื่อไม่ให้มาทำร้ายผิวนั่นเองครับ วงการเครื่องสำอางค์จึงนำมาสกัดใช้กันเยอะ

มะขามเปียก มีหน้าที่สำคัญในการขจัด Death Cell หรือเซลล์ในร่างกายที่ตายแล้ว สังเกตง่ายๆ ถ้าเราผิวหมองคล้ำ ทาครีมเท่าไหร่ก็ไม่ขาว นั่นแหละครับ ผิวเรามีเซลล์ที่ตายแล้ว มะขามเปียกถ้านำมาขัดผิวจะช่วยขจัดเจ้าเซลล์ผิวที่ตายออกไปได้ เพราะมะขามเปียกมีฤทธิ์เป็นกรด แต่ทางที่ดีอย่าขัดผิวบ่อย เพราะอาจทำให้มะขามเปียกกัดผิวได้ แนะนำให้ทำ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์จะดีที่สุดครับ

แตงกวา มีส่วนช่วยฟื้นฟูสภาพผิวที่แห้ง เหมาะกับเจ้าสาวที่ผิวแห้งกร้านมากๆ แนะนำให้ทานแตงกวาเยอะๆ หรือจะนำมาโปะบนผิวก็ได้นะครับ แต่ถ้าหน้ามันก็ไม่ควรทานเยอะจนเกินไป

ใบบัวบก ที่เราเห็นคนนิยมนำมาทำน้ำใบบัวบกนั่นแหละครับ มีสรรพคุณช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว เพราะคอลลาเจนจะเสียหายจากแสง UV แล้วมาทำลายทำให้ผิวของเราหมองคล้ำ และมีรอยดำ ดังนั้นใบบัวบกจึงช่วยได้ อีกทั้งถ้าเจ้าสาวคนไทยทำศัลยกรรมมาต้องการให้แผลหายไวๆ ใบบัวบกก็ช่วยลดรอยฟกช้ำได้ดีครับ

ผักมีสี อันนี้แถมให้ ถึงแม้จะไม่ใช่สมุนไพรไทย แต่ก็สามารถหาซื้อได้ทั่วไป คือ แครอท มะเขือเทศ ผักใบเขียว ผักพวกนี้จะมีสารแคโรทีนอย ช่วยบำรุงผิวพรรณได้ดี อีกทั้งยังมีสาร Antioxidant สูงมาก สามารถรับประทานได้เยอะๆ ยิ่งดีครับ แต่ถ้าไม่อยากทานเยอะ ก็สามารถหาอาหารเสริมตามร้านขายยาทั่วไป ที่สกัดเอาสารเหล่านี้ออกมา ก็คล้ายกับการทานผักสดเหมือนกัน

สมุนไพรบำรุงความงาม

มีเคล็ดลับวิธีการดูแลความงามของเจ้าสาวที่อยากแนะนำต่อไหม

ผมอยากแนะนำให้ว่าที่เจ้าสาวปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้ชีวิตนะครับ ถ้าอยากให้ตัวเองมีสุขภาพ รวมไปถึงผิวพรรณที่ดี อย่างแรกต้องดูแลตัวเองก่อน ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ พักผ่อนให้เพียงพอ เป็นไปได้นอนก่อน 4ทุ่มจะดีมาก เพราะร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนที่ช่วยฟื้นฟูบำรุงผิวออกมา ลดละเลิกการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือสูบบุหรี่ ถ้าหากใช้สมุนไพรในการบำรุงสุขภาพ บำรุงผิวพรรณก็จะดีครับ เพราะไม่มีสารตกค้างแน่นอน และสิ่งสุดท้ายคือ เลือกใช้ครีมบำรุง หรือเครื่องสำอางค์ที่ได้มาตรฐาน เพื่อที่จะไม่ทำลายผิวนั่นเองครับ

มีสิ่งใดที่อยากแนะนำให้เจ้าสาวบ้าง เกี่ยวกับการเลือกซื้อสมุนไพร

ตอนนี้กระแสกำลังมาแรงมาก ด้านสินค้าที่ไม่ได้คุณภาพ ผมอยากให้ว่าที่เจ้าสาวก่อนจะซื้อสินค้าสมุนไพรใดๆ อยากให้ลองศึกษาข้อมูลให้ดี อ่านรีวิวเยอะๆ รวมไปถึงดูข้อมูลของโรงงานในการผลิตนะครับ ควรเลือกซื้อจากผู้ผลิตที่มีความน่าเชื่อถือ และที่สำคัญอย่าหลงเชื่อสรรพคุณที่อวดอ้างว่า สามารถช่วยบำรุงผิว หรือส่วนอื่นๆ ได้ไว เห็นผลไว อะไรทำนองนี้ เพราะทุกอย่างมันต้องใช้เวลา ไม่มีอะไรที่เป็นทางลัดแน่นอนครับ อยากผิวสวย ก็ต้องค่อยๆ บำรุง รวมไปถึงปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และทานอาหารที่มีประโยชน์ครับ

สมุนไพรบำรุงความงาม

ได้ฟังคำแนะนำจากเภสัชกรไปแล้ว เราสามารถสวยได้ด้วยการดูแลตัวเอง และด้วยสมุนไพรบำรุงความงาม ที่หาซื้อได้ง่ายมากๆ อีกทั้งยังไม่มีสารพิษตกค้างภายในร่างกายอีกด้วย เรียกได้ว่าคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม อย่ารอให้เสียเวลา รีบดูแลตัวเอง และผิวพรรณให้สวยทันวันแต่งงานกันนะจ๊ะ สาวๆ ทั้งหลาย … นอกจากนี้ตามไปดู รวมสูตร ความงามเจ้าสาว จากละคร บุพเพสันนิวาส ที่ว่าที่เจ้าสาวเอามาใช้ได้จริง! กันดีกว่า

 

ขอขอบคุณบทสัมภาษณ์จาก : เภสัชกร ณัฐดนัย มุสิกวงศ์ เภสัชกรชำนาญการ หัวหน้าฝ่ายพัฒนางานวิจัยด้านสมุนไพรและการแพทย์แผนไทย โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร

ภาพประกอบจาก : Pinterest.com

5 เคล็ดลับเลือกเครื่องประดับเจ้าสาวสุดล้ำค่าให้คุ้มราคา

เคล็ดลับเลือกเครื่องประดับที่หลายคนอาจไม่เคยรู้ แพรวเวดดิ้งจะมาบอก 5 เคล็ดลับง่ายๆ ตามนี้เลยค่ะ

เครื่องประดับ

1. ถามตัวเองก่อนว่า ตั้งงบไว้สำหรับเครื่องประดับกี่ชิ้น แต่ละชิ้นให้งบเท่าไร จากนั้นเทียบงบประมาณกับสเป็คเพชรที่อยากได้

2. ตัวเรือนช่วยเสริมให้เพชรน้ำกลางๆ ดูใสขึ้นมาได้ เช่น เลือกเพชรน้ำ 95% (I Color) คู่กับตัวเรือนทองหรือทองชมพู ก็ช่วยหลอกตาว่าเพชรเม็ดนั้นขาวใสขึ้นได้

3. ตัวเรือนทอง ทองคำขาว ทองชมพู ราคาไม่ต่างกันมากนัก ในขณะที่แพลทินัมราคาแพงกว่า 2-3 เท่า แต่ขายไม่ได้ราคาเท่าทอง

เครื่องประดับ

4. เครื่องประดับหลายฟังก์ชันในหนึ่งชิ้นช่วยลดงบประมาณในการซื้อเครื่องประดับได้ เช่น หัวแหวนที่ใส่เป็นจี้ห้อยคอได้ จี้ที่ปรับเป็นต่างหูได้ เป็นต้น

5. นำแหวนมรดกมาขยายหรือลดขนาด รวมถึงแกะเพชรมาทำตัวเรือนใหม่อย่างเดียวก็ประหยัดได้เช่นกัน

>> ดูแบบเครื่องประดับและแหวนแต่งงานได้อีกเพียบที่นี่ คลิกเลย <<

เคล็ดลับเลือก facial oil บำรุงผิวยังไงให้เหมาะกับสภาพผิวหน้าเจ้าสาว

Facial Oils เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่เจ้าสาวมักจะเลือกใช้เพื่อบำรุงผิวพรรณให้มีความชุ่มชื่นสดใสรับวันวิวาห์ แต่ว่าที่เจ้าสาวน้อยคนนักที่จะรู้ว่าแท้จริงแล้ว Facial Oils นั้นมีประโยชน์อย่างไร แล้วแบบไหนที่เหมาะกับสภาพผิวหน้าของเรา แพรว wedding เลยอยากให้ว่าที่เจ้าสาวสวยแบบไม่พลาด เลยจัดเทคนิคการเลือก Facial Oils เพื่อ บำรุงผิว หน้า ให้เหมาะกับผิวหน้ามาฝาก

ผิวหน้าแห้ง

  • Avocado
  • Baobab (น้ำมันเบาบับ)
  • Evening Primrose (น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส)
  • Jojoba
  • Macademia Nut
  • Marula (น้ำมันจากเมล็ดต้นมารูล่าจากแอฟริกา)
  • Olive oil (น้ำมันมะกอก)
  • Pumpkin Seed
  • Squalane (สควาเลน น้ำมันที่ช่วยคงความชุ่มชื้นและปกป้องผิว)

 

ผิวหน้ามัน

  • Argan (น้ำมันอาร์แกน)
  • Coconut
  • Grapeseed (สารสกัดจากเมล็ดองุ่น)
  • Jojoba
  • Neroli (น้ำมันจากดอกส้ม)

 

ผิวหน้ามีปัญหาสิว

  • Argan (น้ำมันอาร์แกน)
  • Camillia (น้ำมันจากดอกคาร์เมเลีย)
  • Coconut
  • Grapeseed (สารสกัดจากเมล็ดองุ่น)
  • Mandarin (น้ำมันจากส้มแมนดาริน)
  • Neem (น้ำมันจากสะเดา)
  • Neroli (น้ำมันจากดอกส้ม)
  • Palmarosa
  • Sweet Almond 

ผิวหน้าแพ้ง่าย

  • Argan (น้ำมันอาร์แกน)
  • Barbary Fig (น้ำมันบาร์บารี่)
  • Calendula (น้ำมันดอกดาวเรือง)
  • Camellia (น้ำมันจากดอกคาร์เมเลีย)
  • Marula (น้ำมันมารูล่า)
  • Squalane (สควาเลน น้ำมันที่ช่วยคงความชุ่มชื้นและปกป้องผิว)
  • Sweet Almond

ผิวแบบผู้ใหญ่

  • Baobab (น้ำมันเบาบับ)
  • Evening Primrose (น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส)
  • Macademia Nut
  • Olive Oil (น้ำมันมะกอก)
  • Pumpkin Seed
  • Rosehip Seed (สารสกัดจากผลกุหลาบป่า)
  • Squalane (สควาเลน น้ำมันที่ช่วยคงความชุ่มชื้นและปกป้องผิว)

ผิวมีผื่นระคายเคือง

  • Argan (น้ำมันอาร์แกน)
  • Black Currant (น้ำมันจากแบล็คเคอร์แรนท์)
  • Borage Seed (น้ำมันโบราจ)
  • Carrot Seed
  • Chia (น้ำมันจากเมล็ดเชีย/เมล็ดเจีย)
  • Macademia Nut
  • Olive Oil (น้ำมันมะกอก)
  • Rosehip Seed

ผิวที่ถูกทำร้ายจากแสงแดด

  • Argan (น้ำมันอาร์แกน)
  • Camillia (น้ำมันจากดอกคาร์เมเลีย)
  • Rose
  • Rosehip
  • Seabuckthorn (น้ำมันซีบัคธอร์น)

ผู้ที่มีผิวอักเสบเรื้อรัง

  • Black Currant (น้ำมันจากแบล็คเคอร์แรนท์)
  • Chia (น้ำมันจากเมล็ดเชีย/เมล็ดเจีย)
  • Evening Primrose
  • Macademia Nut
  • Marula (น้ำมันจากเมล็ดต้นมารูล่าจากแอฟริกา)
  • Secbuckthorn (น้ำมันซีบัคธอร์น)
  • Squalane (สควาเลน น้ำมันที่ช่วยคงความชุ่มชื้นและปกป้องผิว)

ประโยชน์ของ Facial Oils

ช่วยปกป้องผิวสวยๆ ของเจ้าสาว ซึ่งโดยปกติแล้วผิวของเราจะชื่นชอบให้สภาพผิวหน้านั้นมีความชุ่มชื้นมากกว่าความแห้ง เพราะฉะนั้นผิวจึงผลิตน้ำมันออกมา (Sebum) เพื่อช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะหรือสิ่งรบกวนภายนอก เช่น แบคทีเรีย เชื้อรา และสภาพอากาศ และน้ำมันที่สกัดได้จากธรรมชาติมีคุณสมบัติในการช่วยต่อต้านแบคทีเรีย, ปกป้องผิว, ให้ความชุ่มชื้น, ฟื้นฟูผิว และช่วยคืนความสมดุล

แถม Facial Oils ยังเหมาะสำหรับทุกสภาพผิว ไม่ว่าคุณจะเป็นสาวผิวแห้ง, ผิวมัน, เป็นสิวง่าย หรือผิวที่ถูกทำร้ายจากแสงแดดก็ตาม และยังช่วยคงความชุ่มชื้นคืนความสมดุลให้ผิว ช่วยลดอาการสิว ผื่น โรคผิวหนัง และทำให้สภาพปัญหาผิวเหล่านั้นดีขึ้น นอกจากนี้ช่างแต่งหน้าบางคนก็เลือกที่จะใช้ผลิตภัณฑ์ที่มี Oils เป็นส่วนผสมสำหรับการเตรียมผิวหน้าให้กับเจ้าสาวก่อนที่จะแต่งหน้าให้สวยฉ่ำในขั้นตอนต่อไป เพื่อที่เจ้าสาวจะได้มีลุคแบบดิวอี้นิดๆ ให้ผิวชุ่มช่ำมันวาวแบบสาวสุขภาพดีอีกด้วย

>> ดูเรื่องราวเกี่ยวกับความงามและสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย! <<

ภาพ : www.self.com, www.today.com, www.waystocap.com, www.brambleberry.com

8 ข้อว่าที่บ่าวสาวต้องรู้ ก่อนจะจ้างช่างภาพวิดีโอมาถ่ายในงานแต่ง

แต่งงานทั้งทีบ่าวสาวหลายคู่ก็อยากจะเก็บบรรยากาศงานไว้อวดลูกหลานหรือแม้แต่เก็บไว้ดูเอง แต่จะมีวิธีไหนที่จะบันทึกรายละเอียดบรรยากาศงานได้ดีเท่ากับการถ่ายวิดีโอ คราวนี้ แพรว wedding ได้รวบรวม 8 คำถามก่อนเลือก ช่างภาพวิดีโอ มาฝาก จะมีอะไรบ้าง เซฟไปใช้กันได้เลยจ้า

 

1. มีผลงานให้ดูไหม แล้วผลงานต่างจากเจ้าอื่นอย่างไร

การขอดูผลงานจริงจะช่วยทำให้คุณตัดสินใจจ้างได้ง่ายที่สุด เพราะจะทำให้คุณรู้ว่าช่างภาพที่คุณจะจ้างถนัดถ่ายวิดีโอแนวไหน มีมุมมองและฝีมือการถ่ายเป็นอย่างไร มีจุดเด่น-จุดด้อยตรงไหน รวมถึงควรจะถามถึงความแตกต่างของช่างภาพว่ามีความต่างจากเจ้าอื่นอย่างไร เพื่อที่จะได้นำมาเปรียบเทียบหาช่างภาพวิดีโอที่ตอบโจทย์คุณที่สุด

2. ตารางงานยังว่างอยู่ใช่ไหม

วันที่ถือเป็นอีกหนึ่งตัวแปรที่สำคัญ เพราะถ้าหากเราถูกใจกับผลงานของช่างภาพคนนั้นๆ แต่ถ้าหากเขาไม่ว่าง คุณก็จะเกิดอาการนก (อด) เอาได้ ยิ่งถ้าคุณต้องการช่างภาพฝีมือดีและวันงานตรงกับช่วงยอดฮิตแล้วละก็ คุณก็จะต้องวางแผนเสียแต่เนิ่นๆ เพื่อที่จะจองคิวช่างภาพได้ทันนั่นเอง

3. เคยถ่ายวิดีโอที่นี่หรือเปล่า

การทำงานในสถานที่ที่คุ้นเคยก็เหมือนกับได้ร่วมงานกับคนรู้ใจ เพราะว่าความเคยชินจะทำให้ช่างภาพรู้มุม การจัดแสง รวมถึงข้อห้ามต่างๆ ของสถานที่นั้นๆ เป็นอย่างดีนั่นเอง

4. ระหว่างพิธีมีใช้กล้องกี่ตัว ช่างภาพกี่คน แล้วมีคนสำรองไหม

จำนวนกล้องและช่างภาพก็มีผลต่อการเก็บภาพ เพราะถ้าเป็นงานแต่งขนาดใหญ่แล้วมีช่างภาพและกล้องน้อย จะทำให้ไม่สามารถเก็บภาพบรรยากาศของงานได้ทั้งหมด และการถามถึงคนสำรองก็เพื่อที่ว่าหากช่างภาพเกิดอุบัติเหตุทำให้ไม่สามารถมางานได้ ก็จะได้มีคนสำรองเปลี่ยน ทำให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่น

5. มีการใช้อุปกรณ์เสริมไหม

บางงานอาจต้องมีการใช้เทคนิคหรือเครื่องมือพิเศษมาใช้ในการถ่ายทำ และไม่ว่าคุณจ้างช่างจากสตูดิโอขนาดเล็กหรือใหญ่ ก็ควรจะถามเพิ่มเติมให้เคลียร์ด้วยว่า อุปกรณ์เสริมเหล่านั้นทางสตูดิโอมีเอง หรือว่าต้องไปเช่าจากที่อื่น และถ้าหากไปเช่าใครเป็นคนจ่าย อาจจะให้ระบุคำตอบลงในสัญญาจ้างก็ได้เพื่อความชัวร์นั่นเอง

6. มีแพ็คเกจอะไรนำเสนอบ้าง

นอกจากจะเลือกจากผลงานแล้ว ตัวแพ็คเกจที่แต่ละสตูดิโอทำออกมา เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เป็นตัวดึงดูดความน่าสนใจได้ไม่น้อย เราไม่ควรดูแค่ว่าของที่เขาเสนอมาคุ้มหรือไม่คุ้ม เพราะมีหลายๆ ครั้งที่ดูเหมือนจะคุ้ม พอเอาเข้าจริงๆ กลับต้องจ่ายยิบจ่ายย่อยกลายเป็นเบี้ยหัวแตก หรือแพ็คเกจราคาถูกได้อ๊อฟชั่นเยอะแต่ต้องแลกกับของที่ไม่มีคุณภาพ เพราะฉะนั้นทางที่ดีควรเลือกแพ็คเกจที่ดูสมน้ำสมเนื้อ และวินวินทั้งสองฝ่าย

7. ใช้เวลาตัดต่อนานไหม เมื่อไหร่จะได้ไฟล์

ควรถามให้แน่ชัดว่าจะใช้เวลาในการตัดต่อนานแค่ไหน และเมื่อทราบคำตอบแล้วว่าเมื่อไหร่ ก็ควรจะรอให้ถึงตามกำหนดก่อน ไม่ควรโทรตามจิกกับสตูดิโอ เพราะจะทำให้คนตัดต่อรู้สึกกดดัน และทำให้งานที่ออกมาไม่มีคุณภาพ แล้วจะทำให้บ่าวสาวเกิดอาการนอยด์ซะเปล่าๆ

8. รายละเอียดค่าใช้จ่ายและการจ่ายชำระ

นอกจากจะคุยกันเรื่องรายละเอียดต่างๆ แล้ว เรื่องเงินๆ ทองๆ อย่างค่าใช้จ่าย ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่คุณต้องใส่ใจเป็นอย่างยิ่ง ต้องรู้ว่าเงินที่เราจ่ายมีค่าอะไรบ้าง เป็นเงินเท่าไหร่ รวมถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการชำระเงิน ว่าจะให้แบ่งชำระแบบไหน เป็นงวดๆ หรือจ่ายเป็นก้อนเดียวจบ

ทั้งหมดนี้คือ คำถาม 8 ข้อที่คุณควรเตรียมไปถาม ช่างภาพวิดีโอ เพื่อที่คุณจะได้นำข้อมูลมาใช้ในการตัดสินใจจ้างนั่นเองจ้า

>>  ดูไอเดียและคำแนะนำดีๆ เพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย! <<

ภาพ : belladonnagalway.com, popsugar.com, pixelstudioproductions.com, 2020video.tv, aevitasweddings.com

เทคนิคเลือกชุดแต่งงานให้เข้ากับรูปร่าง สวยด้วยแถมเป๊ะปั๊วะไปอีก

มาเรียนรู้ เทคนิคเลือกชุดแต่งงาน ให้เข้ากับรูปร่าง ก่อนเปย์ไปใส่ในวันสำคัญกันก่อนนะสาวๆ

ก่อนที่สาวๆ จะชี้เป้าว่าฉันจะเลือกชุดแต่งงานชุดนี้ แพรว wedding ขอตีระฆังเรียกสติด้วยการพาว่าที่เจ้าสาวมาเริ่มทำความรู้จักกับรูปร่างของตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก เพราะผู้หญิงเรามีรูปร่างที่แตกต่างกัน สำหรับว่าที่เจ้าสาวที่กำลังมองหาชุดแต่งงานอยู่ควรเลือกชุดแต่งงานตามรูปร่างของตัวเองเป็นหลัก อย่ารอช้า ไปดู เทคนิคเลือกชุดแต่งงาน ให้เข้ากับรูปร่างที่เรานำมาฝากกันเลย

ซึ่งสิ่งแรกที่เจ้าสาวเป็นกังวลเมื่อมาถึงเรื่องของการเลือกชุดแต่งงานคือ จะเลือกอย่างไรให้เหมาะกับหุ่นของเรา ชุดที่ใส่แล้วทำให้เราดูสวยที่สุด และชุดที่่ใส่แล้วสามารถปิดบังจุดบกพร่องของร่างกายได้ ทำให้เราเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดในวันแต่งงาน เพราะฉะนั้นว่าที่เจ้าสาวจึงต้องทำความเข้าใจกับรูปร่างของเราก่อนว่า เราเป็นคนที่มีหุ่นแบบไหน ซึ่งหุ่นของผู้หญิงสามารถแบ่งออกได้หลักๆ 6 แบบ ตามนี้

หุ่นเจ้าสาวทรงลูกแพร์

สำหรับสาวที่มีสะโพกใหญ่ช่วงบนเล็ก ควรต้องเลือกชุดที่ช่วยเสริมสรีระช่วงบนให้ดูเต็มอิ่ม เช่น เสื้อที่มีแขนเพราะจะทำให้ไหล่ดูกว้างและใหญ่ขึ้น ตัวชุดควรมีลูกไม้หรือดอกไม้ลอยสามมิติที่ช่วงเขนหรือหัวไหล่เพื่อให้ช่วงอกดูเต็ม ส่วนตัวกระโปรงเจ้าสาวนั้นควรเลือกทรง A-Line เพื่อพรางสะโพกให้เอวดูคอดสวย

เทคนิคเลือกชุดแต่งงาน

หุ่นเจ้าสาวทรงแอ๊ปเปิ้ล

เจ้าสาวที่มีรูปร่างทรงแอ๊ปเปิ้ลคือเจ้าสาวที่มีสรีระแผ่นหลังช่วงบนหนา  เอวหนา ต้นขาใหญ่ แต่มีเรียวขาเล็ก ส่วนการเลือกชุดแต่งงานสำหรับเจ้าสาวที่มีหุ่นทรงแอ๊ปเปิ้ลนั้น ควรเลือกชุดที่มีกระโปรงใหญ่ขึ้นเพื่อปรับให้ดูสมส่วนกับลำตัวช่วงบน และควรเลือกชุดที่มีแบบคอร์เสตเพื่อช่วยรัดให้ช่วงเอวดูคอดเข้ารูปมากขึ้น ส่วนตัวเสื้อควรเลือกแบบคอวีหรือคอปาด

หุ่นเจ้าสาวทรงกระบอก

ส่วนเจ้าสาวที่มีหุ่นทรงตรงหรือทรงกระบอก คือ มีอก มีเอว มีสะโพกในสัดส่วนเท่าๆ กัน ในกรณีนี้คุณเจ้าสาวสามารถเลือกชุดกระโปรงทรงสุ่มติดเลื่อมหรือเลือกชุดที่มีคอเสื้อในลักษณะคอปาด และการเลือกเสื้อที่มีแขนจะช่วยทำให้ดูมีส่วนโค้งส่วนเว้ามากขึ้นด้วย

หุ่นเจ้าสาวทรงนาฬิกาทราย

เจ้าสาวหุ่นนาฬิกาทรายคือเจ้าสาวที่มีรูปร่างดีอยู่แล้ว ดังนั้นการเลือกชุดแต่งงานควรเลือกชุดแต่งงานที่เข้ารูปและเรียบง่าย เช่น ทรงเมอรเ์มด หางปลา ทรงเชท สลิปเดรส แต่ก็ไม่ควรเลือกชุดที่มีการตกแต่งมากเกินไป เช่น มีกระโปรงทรงสวมที่มีจีบรอบตัวหรือเสื้อคอปีน เพราะจะทำให้หุ่นหนาขึ้นและดูตัวใหญ่กว่าความเป็นจริง

หุ่นเจ้าสาวทรงสามเหลี่ยมหัวกลับ

คือเจ้าสาวที่มีสรีระหน้าอกใหญ่ ไหล่แคบ ช่วงสะโพกเล็ก การเลือกชุดแต่งงานที่เหมาะสมนั้นควรเลือกชุดแต่งงานที่ตัวเสื้อไม่มีลวดลาย ควรเป็นแบบที่เรียบที่สุด ส่วนกระโปรงนั้นควรเป็นทรงปริ๊นเซสหรือทรงบอลกาวน์เพื่อให้เจ้าสาวดูมีสะโพก และควรเลือกชุดแบบคอร์เสตเพื่อให้ดูมีเอว แต่ไม่ควรเลือกชุดแบบเกาะอกเพราะจะทำให้เจ้าสาวดูตันได้

หุ่นเจ้าสาวรูปร่างอวบ

ในข้อนี้เราจะกล่าวถึงเฉพาะรูปร่างอวบแบบมาตรฐานที่มักจะพบเป็นส่วนใหญ่นะคะ คือ ไหล่หนา เอวตรง สะโพกกลม ขนาดจะใกล้เคียงกันทั้งตัว ชุดแต่งงานแบบที่เหมาะสมคือพวกกระโปรงพลิ้ว ส่วนความพองนั้นให้พิจารณาจากเนื้อแขนเป็นหลัก ถ้าเนื้อเยอะไม่ควรจะใส่กระโปรงบานมากเพราะจะดูอึดอัดเกินไป

 

สำหรับว่าที่เจ้าสาวคนไหนที่รู้ชัดแน่ใจแล้วว่าหุ่นของเรานั้นจัดอยู่ในรูปร่างประเภทไหน ก็เลือกแบบเป็นเรฟเฟอร์เรนซ์รอกันไว้ได้เลย แต่ใครที่ยังไม่แน่ใจว่าหุ่นของเรานั้นเป็นหุ่นแบบไหนกันแน่ ก็อย่าเพิ่งตกใจว่าแล้วอย่างนี้จะเลือกชุดแต่งงานแบบไหนให้เหมาะกับรูปร่าง เพราะสาวๆ สามารถเข้าไปขอคำแนะนำกับร้านชุดหรือดีไซเนอร์ที่คุณจะเช่าหรือตัดชุดได้ เพียงเท่านี้ว่าที่เจ้าสาวก็ได้ทราบถึงรูปร่างของตัวเอง แถมยังได้ชุดแต่งงานสวยๆ ที่ตรงใจ และเป๊ะพอดีกับรูปร่างด้วย

>> ติดตามชุดแต่งงานสวยๆ และไอเดียพร้อมเคล็ดลับเด็ดๆ เกี่ยวกับชุดแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย! <<

ภาพ pinterest

ทุกสิ่งที่ว่าที่เจ้าสาวควรรู้เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลง ชุดแต่งงาน

เมื่อเจ้าสาวได้พบ ชุดแต่งงาน ที่ใช่ และต้องนำชุดแต่งงานชุดนี้ไปทำให้พอดีกับรูปร่างของคุณ นี่เป็นสิ่งที่เจ้าสาวต้องรู้ก่อนตัดสินใจซื้อ หรือตัดสินใจทำ

แม้ว่าคุณจะพบกับ ชุดแต่งงาน ที่คิดว่า ชุดนี้แหละที่ฉันจะใส่ในวันงาน และมีสัญญาณอะไรบางอย่างที่บอกว่าชุดนี้เหมือนจะทำขึ้นมาเพื่อคุณโดยเฉพาะ แต่ในทางกลับกันบางอย่างนั้นก็ยังสะกิดใจเล็กๆ ว่า เอ๊ะ? เหมือนมันจะยังขาดอะไรไปอีกนิดที่จะทำให้คุณพร้อมสวยเดินเข้างานในชุดนี้

ซึ่งนั่นก็หมายความว่าว่าที่เจ้าสาวอาจจะต้องเพิ่มเสริมเติมแต่งให้ชุดแต่งงานชุดนี้ดูมีอะไรขึ้นมา โดยปัญหานี้มักจะเกิดขึ้นกับคุณว่าที่เจ้าสาวที่ซื้อชุดแต่งงานสำเร็จรูป และสิ่งสำคัญของการปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงชุดแต่งงานนั้น ว่าที่เจ้าสาวต้องจำไว้ให้ดีว่า นี่อาจจะต้องใช้คนทำมากขึ้น ใช้เวลาทำที่มากขึ้น และจำนวนงบประมาณของเจ้าสาวก็อาจจะมากขึ้นตามไปด้วย แต่ถ้าคุณเป็นว่าที่เจ้าสาวสายเปย์ก็ผ่านโลด และนี่คือคำแนะนำดีๆ ที่จะช่วยให้คุณพร้อมสำหรับวันแต่งงานของคุณในชุดแต่งงานที่เหมาะสมกับรูปร่างของคุณอย่างไร้ที่ติ

ใช้งานเมื่อไหร่

เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยกำหนดเวลาในการปรับเปลี่ยนชุดแต่งงานของคุณ หากคุณนำชุดแต่งงานมาเร็วเกินไป บางทีอาจจะไม่ได้รับความเหมาะสมในการทำให้พอดีกับรูปร่าง เพราะว่าที่เจ้าสาวอาจจะไปลดน้ำหนักมาจริงจังหลังจากที่ได้ชุดแต่งงาน เพราะกลัวว่าจะสวยไม่ทันในชุดนั้น ซึ่งส่งผลต่อรูปลักษณ์โดยรวมของชุดและความพอดี แต่ถ้าหากคุณนำชุดแต่งงานมาช้าเกินไป ก็อาจจะมีเวลาไม่พอให้ช่างได้เปลี่ยนแปลงสร้างสรรค์ หรือร่ายมนต์ให้กับชุดแต่งงานในฝันของคุณให้เสร็จได้ทันเวลา ซึ่งช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่ว่าที่เจ้าสาวจะนำชุดนั้นไปมอบให้กับมืออาชีพอยู่ที่ประมาณ 2-3 เดือนจากวันที่ได้ฟิตติ้งเป็นครั้งแรก และต้องจำไว้ด้วยว่าระหว่างที่มีการปรับเปลี่ยนชุดนั้นว่าที่เจ้าสาวก็ต้องไปฟิตติ้งในระหว่างนั้นด้วย ซึ่งโดยเฉลี่ยนแล้วจะมีการฟิตติ้งประมาณ 3-4 ครั้ง

มองหาผู้เชี่ยวชาญ

หากคุณซื้อชุดแต่งงานจากร้านไหน คุณสามารถที่จะแก้ไขปรับเปลี่ยนชุดแต่งงานได้ที่ร้านนั้น หรืออาจจะเป็นไปได้ว่าร้านชุดแต่งงานที่คุณซื้อมาอาจจะไม่รับปรับเปลี่ยนชุดแต่งงานให้กับคุณได้ ซึ่งหากเป็นในกรณีนี้ว่าที่เจ้าสาวควรจะมุ่งหน้าไปหาช่างตัดเย็บผู้เชี่ยวชาญ และหากเลือกได้ก็อาจจะเลือกเจาะจงช่างตัดเย็บที่มีจุดเด่นในด้านที่ว่าที่เจ้าสาวอยากจะปรับเปลี่ยนแก้ไขไปเลย โดยอาจจะถามร้านชุดแต่งงานร้านนั้นก็ได้ว่ามีช่างหรือร้านที่แนะนำไหม เพราะพวกเขามีแนวโน้มที่จะสามารถชี้ให้คุณเจอกับช่างมืออาชีพที่ฝีมือยอดเยี่ยมได้ และจงจำไว้เสมอว่านี่ไม่ใช่การมองหาร้านซักรีด เพราะอย่างน้อยพวกเขาจะต้องรู้ถึงความยุ่งยากซับซ้อนของชุดแต่งงานที่เต็มไปด้วยรายละเอียดที่เป็นเอกลักษณ์อันซับซ้อนมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ช่วงหน้าอก ตะเข็บ หรือแม้กระทั้งช่วงสะโพก ที่ล้วนต้องใช้ทักษะเฉพาะตัวเพื่อทำให้เกิดความสวยงามอย่างไร้ที่ติ เพราะฉะนั้นจึงดีที่สุดที่ว่าที่เจ้าสาวควรจะหาผู้เชี่ยวชาญที่เคยทำงานลักษณะนี้มาแล้ว

สิ่งที่ต้องนำไปด้วย

เมื่อคุณได้ไปพบกับช่างหรือร้านที่จะทำการปรับเปลี่ยนชุดแต่งงานให้กับคุณได้แล้ว ไม่ใช่ว่าจะเอาแค่ชุดแต่งงานไปให้ช่างเท่านั้นนะ แต่คุณต้องนำชุดชั้นในที่จะใส่กับชุดนั้น รองเท้า รวมไปถึงเครื่องประดับต่างๆ ที่คุณจะสวมใส่ในวันงานไปด้วย เพราะทั้งหมดนี้จะช่วยทำให้คุณและช่างได้มองเห็นภาพรวมทั้งหมดที่จะเกิดขึ้นในวันแต่งงาน เช่น ชุดชั้นในและรองเท้าของคุณเหมาะสมและพอดีกับชุดแต่งงานหรือไม่ แม้กระทั่งแอคเซสซอรี่ประดับผมหรือเวลนั้นช่วยให้ภาพรวมของลุคและชุดเจ้าสาวออกมาดูดีหรือเปล่า แต่ถ้าในกรณีที่ว่าที่เจ้าสาวยังไม่มีรองเท้าคู่ที่จะใช้สวมในวันงาน ก็นำรองเท้าที่มีความสูงใกล้เคียงกันมาก่อนก็ได้ เพื่อที่จะได้ดูว่าความสูงนั้นพอดีกับความยาวของชุดหรือเปล่า

ใครจะมากับคุณ

ถึงแม้ว่าคุณจะมีเพื่อนเจ้าสาวหลายคน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องดีที่คุณจะขนเพื่อนเจ้าสาวทุกคนไปให้กำลังใจหรือแม้แต่ร่วมตัดสินใจในวันฟิตติ้ง แต่คุณควรจะเลือกเพื่อนที่จะมากับคุณแค่ 1-2 คนกำลังดี หรืออาจจะเป็นแม่ หรือญาติสนิทคนอื่นๆ ที่คุณจะสามารถเชื่อถือในสายตาและให้คำแนะนำกับคุณได้ ที่สำคัญอย่าลืมว่าบุคคลที่คุณจะพาไปด้วยนั้นจะต้องเรียนรู้วิธีการใส่ชุด เพื่อที่จะได้ช่วยเหลือคุณได้อย่างมืออาชีพในวันงาน เพราะฉะนั้นเฟ้นหาผู้ช่วยมือดีเอาไว้ได้เลยค่า

ชุดแต่งงาน

เชื่อใจในตัวช่างหรือร้าน

ไม่ว่าคุณจะพบชุดแต่งงานที่ร้านชุดแต่งงานชั้นนำ หรือร้านเช่าชุดแต่งงานธรรดา ข้อเสนอสำหรับการปรับเปลี่ยนชุดแต่งงาน หรือแก้ไขนั้นมักจะมีอยู่เกือบทุกร้าน และแน่นอนว่าแต่ละร้านก็มีช่างมืออาชีพทำงานอยู่กับชุดแต่งงานมาเป็นเวลานาน เพราะนั้นจงเชื่อใจในฝีเข็ม และการลงกรรไกรของช่างว่าช่างจะสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบชุดได้จริง โดยเฉพาะหากว่าที่เจ้าสาวคนไหนที่จะอยากนำชุดแต่งงานของคุณแม่มารีใช้ใหม่ให้ไฉไลกว่าเดิม ช่างตัดเย็บมืออาชีพที่มีความชำนาญก็จะสามารถปรับเปลี่ยนชุดนั้นได้ใหม่ โดยที่ยังใช้เนื้อผ้าของชุดเดิมอยู่นั่นเอง

อีกหนึ่งทิปส์เด็ดๆ ที่เราอยากให้คุณตามไปดู เลือกชุดแต่งงานที่ทั้งสวยคุ้มค่าและเป็นชุดในฝันที่อยากใส่ ทำได้ยังไง คลิกเลย

ภาพ unsplash.com

4 คำถามไม่เกี่ยวกับเรื่องอาหารแต่บ่าวสาวต้องถามแคทเทอริ่งด้วย

พอพูดถึง แคทเทอริ่ง ในงานแต่ง ว่าที่บ่าวสาวส่วนใหญ่ก็จะนึกถึงแต่เรื่องหน้าตาและรสชาติอาหาร แต่จริงๆ แล้วยังมีเรื่องอื่นที่คุณควรถามและต้องรู้เพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจจ้างด้วยนะคะ ซึ่งถ้าอ่านถึงตรงนี้แล้วงงว่า ไม่ใช่เรื่องอาหารแล้วจะถามอะไรกับเคเทอร์ริ่งละก็ 4 ข้อด้านล่างนี้คือคำตอบค่ะ

1. พนักงานใส่ชุดอะไรในวันงาน

การแต่งตัวของทีมงานจากเคเทอร์ริ่งเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้ภาพงานแต่งงานของคุณออกมาดีงามสวยหรูหรือลุคชีพ ฉะนั้นอย่าคิดเอาเองว่าเขาต้องแต่งตัวแบบนี้แบบนั้นแน่ๆ เพราะแต่ละเจ้ามีนโยบายและงบประมาณในการให้พนักงานแต่งตัวต่างกัน ดังนั้นเรื่องนี้ต้องเช็คและถามให้เห็นภาพตรงกันนะคะ

2. มีทีมงานกี่คน

จำนวนของทีมงานในที่นี้ไม่ได้ถามแค่พ่อครัวแม่ครัว ลูกมือหรือเด็กเสิร์ฟนะคะ แต่หมายถึงทีมงานที่จะมาช่วยยกของหรือจัดสถานที่ด้วย เพราะบางเคเทอร์ริ่งจะมีบริการตกแต่งโต๊ะอาหารให้ด้วย ซึ่งคุณต้องรู้เอาไว้เพื่อเป็นข้อมูลแจ้งกับเจ้าของสถานที่หรือแม้แต่การตรวจเช็คเรื่องความปลอดภัยภายในงาน ซึ่งเรื่องนี้มองข้ามไปไม่ได้เชียวค่ะ

เคเทอร์ริ่ง

3. มีพร้อพพิเศษอะไรให้บ้างและหน้าตาเป็นแบบไหน

แม้คุณจะคิดว่าจ้างคนมาจัดสถานที่ทั้งงานแล้วก็เถอะ แต่เคเทอร์ริ่งบางเจ้ามีของตกแต่งเพิ่มสีสันให้กับโต๊ะอาหารหรือซุ้มอาหารด้วย ซึ่งสิ่งที่เคเทอร์ริ่งจัดมาให้ควรต้องไปในทิศทางเดียวกันกับธีมงานและของตกแต่งงานอื่นๆ ของคุณด้วยนะคะ นั่นแปลว่าการถามในข้อนี้ หมายถึงคุณจะรู้ได้ว่าข้าวของที่ว่าเป็นแบบไหนบ้างหรือเปล่า และหน้าตาไปด้วยกันได้ดีกับธีมงานไหม ซึ่งถ้าสวยงามตามท้องเรื่องเดียวกันในมุมอาหารนั้นๆ ก็ยกให้เป็นหน้าที่ของเคเทอร์ริ่งในการดูแลความสวยงามคู่ไปความอร่อยได้ แต่ถ้าไปคนละทาง คุณจะได้ออเดอร์ให้คนจัดสถานที่เข้าไปดูแลให้มุมอาหารกลายเป็นหนึ่งเดียวกับบรรยากาศอื่นๆ ในงานไงคะ

4. มีทีมงานเก็บกวาดทำความสะอาดไหม

จากประสบการณ์ตรงของบ่าวสาวที่เคยมาเม้าให้กับแพรว wedding ฟังคือ เคเทอร์ริ่งบางเจ้าทำทุกอย่างเรียบร้อยตามข้อตกลง ไม่ว่าจะเป็นอาหารอร่อย จัดเสิร์ฟตรงเวลา พนักงานแต่งตัวสวยหล่อ ยกเว้นเรื่องของการทำความสะอาดในส่วนพื้นที่ที่เคเทอร์ริ่งใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นมุมเตรียมอาหารหรือพื้นที่พักของ  เพราะอาจคิดว่าทางสถานที่จะดูแลให้ หรือบางทีเพราะสื่อสารเรื่องนี้ไม่ตรงกันแต่แรก ทีนี้พอใช้งานเสร็จบริเวณนั้นเละเทะ แต่ไม่มีคนเก็บกวาด สุดท้ายความลำบากเลยตกอยู่ที่บ่าวสาวที่อาจต้องจ่ายค่าแม่บ้านหรือการทำความสะอาดเพิ่มเติมแบบนอกแผน

>> ดูไอเดียและคำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย! <<

เรื่อง : ดอกปีบ
ภาพ : maxpixel

รู้หรือไม่? ประเพณีแต่งงานแบบอินเตอร์ที่เราทำกันอยู่นั้นมีที่มายังไง…ไปเช็กกันเลย

10 ประเพณีแต่งงาน ที่รู้แล้วคุณจะอยากทำตามหรือไม่!? มาเช็กกันเลย

ช่อดอกไม้ สายรัดถุงน่อง หรือของ Something Blue ที่อยู่บนชุดแต่งงาน … คุณเคยรู้หรือไม่ว่าสิ่งของเหล่านี้แท้จริงมีที่มา หรือมีความหมายที่ซ่อนไว้ยังไงบ้าง? เอาเป็นว่า วันนี้ แพรว wedding ได้ไปรวบรวม 10 ข้อเท็จจริง เกี่ยวกับสิ่งที่ซ่อนอยู่ใน ประเพณีแต่งงาน มาฝากแล้ว

ประเพณีแต่งงาน

1. ทำไมถึงต้องสวมแหวนไว้ที่นิ้วนางข้างซ้าย : แหวนหมั้น และแหวนแต่งงาน จะต้องสวมไว้ที่นิ้วลำดับที่ 4 ของมือซ้าย (นับจากนิ้วหัวแม่มือ) เพราะที่นิ้วนางข้างซ้ายมีเส้นเลือดที่เชื่อมต่อโดยตรงไปยังหัวใจของผู้สวมใส่นั่นเอง

ประเพณีแต่งงาน

2. ทำไมเจ้าสาวถึงต้องใส่ชุดแต่งงานสีขาวกันนะ : เริ่มมาตั้งแต่สมัย สมเด็กพระราชินินาถวิกตอเรียแห่งสหราชอาณาจักร พระองค์คือผู้ริเริ่มเทรนด์การใส่ชุดแต่งงานสีขาวในโลกตะวันตก เมื่อครั้งงานแต่งงานของพระองค์ในปี 1840 ซึ่งก่อนหน้านั้นเหล่าเจ้าสาวเพียงแค่สวมชุดเดรสที่ดีที่สุดของพวกเธอเพื่อเข้าพิธีแต่งงานเท่านั้น จากเหตุการณ์นั้นจึงได้กลายมาเป็น ประเพณีงานแต่ง ที่เจ้าสาวจะต้องสวมชุดแต่งงานสีขาวมาถึงปัจจุบัน

ประเพณีแต่งงาน

3. หากเพื่อนเจ้าสาวดันแต่งตัวเหมือนกับเจ้าสาว นั่นหมายความว่าพวกเขากำลังโชคดี!! : ประเพณีการจับคู่หรือแมตช์ชิ่งเพื่อนเจ้าสาวนั้นต้องย้อนกลับไปถึงสมัยโรมันเลยทีเดียว เพราะยุคนั้นเป็นยุคที่ผู้คนเชื่อว่าปีศาจและวิญญาร้ายมักจะมาเยือนในวันแต่งงานเพื่อที่จะพยายามสาปแช่งเจ้าบ่าวเจ้าสาวให้ไม่สมหวังและไม่มีความสุข เพราะฉะนั้นจึงมีการแก้เคล็ดด้วยวิธีที่ว่า ให้เพื่อนเจ้าสาวแต่งตัวให้คล้ายคลึงกับเจ้าสาวมากที่สุดเพื่อสร้างความสับสนให้กับวิญญาณร้าย!! อ่ะ เอากับเขาซิ๊

ประเพณีแต่งงาน

4. ที่มาของการสวมเวลไม่ใช่เรื่องความสวยงาม : ย้อนกลับไปในยุคกรีกและโรมัน คนในยุคนั้นมีความเชื่อกันว่า เจ้าสาวจะต้องสวมเวลในวันแต่งงาน เพื่อช่วยป้องกันพวกเธอจากเหล่าปีศาจร้ายที่คอยสาปแช่งนั่นเอง

ประเพณีแต่งงาน

5. ประเพณี “something old, something new, something borrowed, something blue” มาจากบทประพันธ์อันเก่าแก่ของอังกฤษ : something old คือตัวแทนของความต่อเนื่อง, something new คือการมอบสิ่งดีๆ สำหรับอนาคต, something borrowed คือสัญลักษณ์ที่ยืมมาจากผู้อื่นเพื่อสื่อถึงความสุข และ something blue คือความบริสุทธิ์ ความรัก และความซื่อสัตย์

 

ประเพณีแต่งงาน

6. เค้กแต่งงานมีที่มาจากยุคโรมโบราณ : เค้กแต่งงานถือเป็นสัญลักษณ์ของงานแต่งและหมายถึงความอุดมสมบูรณ์ด้วย ในยุคโรมันแขกจะนำเค้กก้อนเล็กๆ ที่อบจากข้าวสาลีมากองรวมกันให้เป็นชั้นสูงขึ้นไปและให้คู่บ่าวสาวปีนขึ้นไปบนเค้กและจูบกันเหนือยอดเค้ก หากบ่าวสาวคู่ใดปีนขึ้นไปจูบได้สำเร็จเชื่อว่าบ่าวสาวคู่นั้นจะครองรักกันยาวนานและยั่งยืน

ประเพณีแต่งงาน

7. เคยสงสัยหรือไม่ว่า สำนวนฝรั่งที่ว่า “tying the knot” นั้นมาจากไหน? : ในบรรดาวัฒนธรรมต่างๆ ในโลกนี้ รวมไปถึงวัฒนธรรมการแต่งงานของชาวเซลติก, ฮินดู และชาวอียิปต์ เชื่อกันว่า มือของเจ้าบ่าวเจ้าสาวนั้นมีความผูกพันกันเหมือนเงื่อน ที่จะต้องจูงมือกันเดินไปสำหรับการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของทั้งคู่

ประเพณีแต่งงาน

8. ประเพณีแต่งงานสมัยก่อน มีความเชื่ออิงกับวิญญาณร้ายที่คอยจ้องจะเล่นงาน! : นั่นจึงทำให้เกิดประเพณีที่เจ้าบ่าวจะต้องอุ้มเจ้าสาวผ่านธรณีประตูเพื่อปกป้องเธอจากวิญญาณร้ายที่อยู่ด้านล่าง

9. การแต่งงานในเดือนมิถุนายนไม่ใช่เรื่องใหม่ : เทพธิดาจูโน ของโรมัน ได้การแต่งงานและคลอดบุตรในเดือนดังกล่าว จึงทำให้ผู้คนนิยมที่จะแต่งงานในเดือนนี้เช่นกัน

10. การฮันนีมูนไม่จำเป็นต้องหรูหราเสมอไป : คู่แต่งงานชาวนอร์สโบราณจะต้องไปหลบซ่อนตัวหลักจากงานแต่งงานของพวกเขา และเหล่าสมาชิกในครอบครัวจะค่อยผลัดเปลี่ยนนำไวน์น้ำผึ้งไปให้คู่รักเป็นเวลา 30 วัน หรือคืนที่พระจันทร์เต็มดวง ซึ่งจากประเพณีนี้จึงได้ก่อกำเนิดเป็นคำว่า “ฮันนีมูน” ขึ้นมานั่นเอง

เรียบเรียงข้อมูลจาก brides.com
ภาพ pexels, pinterest

ติดตามบทความเกี่ยวงานแต่งงาน และความเชื่อต่างๆ ในงานแต่งงานได้ที่นี่ >> คลิกเลย! <<