ว่าที่สามี-ภรรยาทั้งหลายเตรียมตัวให้พร้อมก่อนไปจดทะเบียนสมรสตามนี้

การจัดงานแต่งสวยๆ อลังการเป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งของชีวิตคู่ที่คุณและคนรักจะได้เฉลิมฉลองและประกาศให้คนรอบตัวรู้ว่าคุณไม่ได้อยู่ในสถานะโสดอีกต่อไป แต่! ถ้าจะให้พูดได้เต็มปากเต็มคำว่าคุณและคนรักเป็นของกันและกัน เป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย การ จดทะเบียนสมรส ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่ไม่ควรจะมองข้ามเด็ดขาด

แต่ช้าก่อน! ถ้าคุณคิดว่าการ จดทะเบียนสมรส นั้นทำได้ง่ายๆ แค่เดินไปอำเภอก็จดได้ ขอบอกว่าคิดผิดไปสักหน่อยนะจ๊ะ ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงแค่การจรดปลายปากกาลงบนกระดาษ แต่คุณก็ต้องเตรียมตัว และเตรียมเอกสารให้พร้อม เวลาไปอำเภอจะได้ไม่เสียเที่ยวนะ แต่ไอ้เจ้าเอกสารที่ว่านั้นมีอะไรที่ต้องเตรียมบ้าง แพรว wedding จะชี้แจ้งให้ฟังจ้า

ส่วนคู่ไหนที่อยากแต่งปุ๊ปจดปั๊ปในวันแต่งงาน คลิกเลย >> จดทะเบียนสมรสนอกสถานที่ บริการดีๆ ที่รัฐเขามีไว้ให้

คุณสมบัติของผู้ที่จะจดทะเบียนสมรส

เริ่มที่คุณสมบัติของผู้ที่จะจดทะเบียนสมรสก่อน แน่นอนว่าสิ่งที่จะต้องมีอยู่ด้วยกันทั้งคู่ก็คือ “ความรัก” (ฮิ้วววว!) แต่นอกจากความรักแล้ว ฮีบินอยากให้คุณสำรวจตัวเองด้วยว่ามีคุณสมบัติเหล่านี้พร้อมหรือไม่ เริ่ม!

  1. จะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 17 ปีบริบูรณ์ แต่ถ้ายังไม่ถึง 20 ปีบริบูรณ์ จะต้องมีบิดา มารดา หรือผู้ปกครองมาให้ความยินยอมด้วย ส่วนสาวๆ หนุ่มๆ คนไหนที่มีอายุ 20 ปีบริบูรณ์แล้ว สามารถทำการจดทะเบียนสมรสได้ด้วยตัวเอง ส่วนสาวน้อยหนุ่มน้อยคนไหนที่อายุไม่ถึง 17 ปีบริบูรณ์ แต่อยากจะสมรสสมรักจดทะเบียนอย่างถูกกฎหมาย จะต้องได้รับอนุญาตจากศาลซะก่อน
  2. ไม่เป็นบุคคลวิกลจริต หรือไร้ความสามารถ
  3. ไม่เป็นพี่น้องร่วมบิดามารดา หรือร่วมแต่บิดามารดา (ที่เขาเรียกว่าลูกติดพ่อ ลูกติดแม่นั่นแหละ)
  4. ไม่เป็นคู่สมรสของบุคคลอื่น (ผิดศีลธรรมและผิดกฎหมายด้วยนะ)
  5. ผู้รับบุตรบุญธรรมจะสมรสกับบุตรบุญธรรมไม่ได้ (พ่อหรือแม่บุญธรรมจะจดทะเบียนกับลูกบุญธรรมไม่ได้นะจ๊ะ)

หมายเหตุ : กรณีผู้ร้องยังไม่บรรลุนิติภาวะ (20 ปีบริบูรณ์) บิดา มารดา หรือผู้ใช้อำนาจปกครองจะต้องให้ความยินยอมด้วยตนเอง หากไม่สามารถมาด้วยตนเองได้ให้ใช้หนังสือให้ความยินยอมเป็นหลักฐาน

หมายเหตุ : สำหรับผู้หญิงที่เคยจดทะเบียนสมรสมาก่อน (หญิงหม้าย) ถ้าจะจดทะเบียนกับชายคนเดิม (สามีคนเดิม) สามารถจดได้เลย แต่! ถ้าจะจดกับชายคนใหม่จะต้อง เว้นระยะเวลาจากการหย่าครั้งล่าสุดอย่างน้อย 310 วัน เว้นแต่
(1) คลอดบุตรแล้วในระหว่างนั้น
(2) สมรสกับคู่สมรสเดิม
(3) มีใบรับรองแพทย์ว่าไม่ได้ตั้งครรภ์
(4) ศาลมีคำสั่งให้สมรสได้
(5) ชายหญิงที่มีอายุไม่ครบ 17 ปีบริบูรณ์ที่ศาลอนุญาตให้สมรสได้

ส่วนผู้ชายถ้าหย่าแล้วสามารถจดทะเบียนใหม่กับหญิงคนใหม่ได้เลยไม่ต้องรอ เพราะผู้ชายท้องไม่ได้จ้า

ภาพจาก : Vin Buddy’s Wedding
ภาพจาก : Vin Buddy’s Wedding

เอกสารสำคัญที่ต้องเตรียมไปจดทะเบียนสมรส

  1. บัตรประชาชนตัวจริงของชายหญิง (บัตรที่ยังไม่หมดอายุ) หรือบัตรอื่นที่ทางราชการออกให้
  2. ทะเบียนบ้านตัวจริงของชายหญิง (ถ่ายสำเนาไปเผื่อด้วยก็ดีนะ)
  3. พยาน 2 คน (พร้อมบัตรประชาชนของพยานด้วย) อายุครบ 20 ปีบริบูรณ์
  4. ใครที่เคยหย่ามาก่อนต้องเอาหลักฐานการหย่ามาด้วย
  5. กรณีคู่สมรสเสียชีวิตคนก่อน ให้ใช้หลักฐานการตาย เช่น ใบมรณะบัตร
  6. สูจิบัตรและทะเบียนบ้านของบุตร (หากมีบุตรที่เกิดก่อนจะมาจดทะเบียนสมรส)
  7. แบบฟอร์ม “คร.1” (ไปเอาที่อำเภอก็ได้)

หมายเหตุ : ใครจะจดทะเบียนสมรสกับคนรักที่เป็นชาวต่างชาติต้องมี สำเนาหนังสือเดินทาง (Passport) และ หนังสือรับรองสถานภาพบุคคลจากสถานทูต หรือสถานกงสุล หรือองค์การของรัฐบาลประเทศนั้นมอบหมาย พร้อมคำแปล (ที่มีการรับรองว่าแปลถูกต้อง) มาด้วย

เปลี่ยนคำนำหน้า เปลี่ยนนามสกุล

แถมให้อีกนิดสำหรับฝ่ายหญิงที่คิดจะเปลี่ยนคำนำหน้าจาก “นางสาว” เป็น “นาง” หรือเปลี่ยนไปใช้ “นามสกุลสามี” (สมัยนี้จะไม่เปลี่ยนก็ได้นะ กฎหมายเขาให้เลือกได้จ้า) หลังจากจดทะเบียนสมรสและทำการเปลี่ยนคำนำหน้าและเปลี่ยนนามสกุลเสร็จแล้ว เอกสารที่คุณจะต้องเก็บรักษาไว้ให้ดีก็คือ “หนังสือสำคัญการจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อสกุล (ช.๕)” เพราะมันจะต้องใช้ในการเปลี่ยนชื่อสกุลของคุณกับเอกสารอื่นๆ ทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็น หนังสือเดินทาง บัตรเดบิต บัตรเครดิต บัญชีธนาคาร ฯลฯ (ถ้าเจ้าหน้าที่ลืมให้ ช.๕ ต้องรีบทวง!)

การจดทะเบียนสมรสจริงๆ แล้วไม่ใช่เรื่องยากหรอกนะคะ แต่ก็ใช่ว่านึกจะจดก็เดินไปอำเภอแล้วจะทำได้เลยทันที ของแบบนี้ต้องเตรียมตัวและเตรียมเอกสารให้พร้อมซะก่อน พอถึงฤกษ์ดีจรดปากกาจะได้ไม่ต้องหันรีหันขวางหาเอกสารจนเลยฤกษ์ยามที่กำหนดไว้

การจดทะเบียนสมรสแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ ไปจดที่อำเภอกับจดนอกอำเภอ ซึ่งในแต่ละแบบจะมีวิธีการอย่างไรบ้างนั้น มาดูกันเลย

1. จดทะเบียนที่อำเภอ

การจดทะเบียนที่อำเภอถือเป็นวิธีที่สะดวกและง่ายมากๆ เพียงแค่คุณเตรียมเอกสารหลักฐานให้ครบพร้อมกรอกรายละเอียดแบบใบคำร้องฯ (คร.1) ให้ครบ พร้อมพยานบุคคลอีก 2 คน ก็สามารถเดินทางไปห้องทะเบียน ในที่ว่าการอำเภอเพื่อติดต่อและยื่นเอกสารคำร้องฯ แก่นายทะเบียนได้แล้ว โดยสามารถยื่นคำร้องขอจดทะเบียนได้ทุกแห่ง โดยไม่ต้องคำนึงถึงภูมิลำเนาของคู่สมรส หรือหากบ้านใครไม่ได้อยู่ในเขตอำเภอ ก็สามารถไปจดได้ที่กิ่งอำเภอหรือสำนักงานเขตใกล้บ้านก็ได้ โดยไม่จำเป็นต้องยึดที่อยู่ตามภูมิลำเนา

แต่หากคู่สมรสของคุณยังไม่บรรลุนิติภาวะแล้วละก็ จะต้องให้บิดา-มารดาหรือผู้ปกครองโดยชอบธรรมมาเซ็นต์แสดงความยินยอมด้วย และถ้าหากคู่สมรสเป็นบุคคลต่างด้าว จะต้องใช้หนังสือรับรองสถานภาพบุคคลจากสถานกงสุลหรือสถานฑูตที่ตนสังกัด พร้อมแปลเป็นภาษาไทยและมีคำรับรองการแปล มายื่นพร้อมคำร้องฯ ต่อนายทะเบียน ณ ที่ว่าการอำเภอ กิ่งอำเภอ หรือสำนักงานเขต

เมื่อเรายื่นเอกสารหลักฐานและใบคำร้องฯ เรียบร้อยแล้ว ทางเจ้าหน้าจะทำการาตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ยื่นคำร้องทั้งสองฝ่ายก่อนที่จะใบทะเบียนสมรสและใบสำคัญการสมรส ซึ่งในขั้นตอนี้หากคู่รักมีความประสงค์จะให้บันทึกข้อตกลงเรื่องทรัพย์สินหรือเรื่องอื่นๆ ก็สามารถแจ้งนายทะเบียนให้รับทราบได้ และที่สำคัญอย่าลืมตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลให้ถี่ถ้วน เพราะหากมีการพิมพ์ออกมาแล้วจะไม่สามารถแก้ไขข้อมูลได้อีก

สุดท้ายหากไม่มีการแก้ไขอะไรแล้ว ทางนายทะเบียนก็จะพิมพ์ตัวทะเบียนสมรสและใบสำคัญการสมรสเพื่อให้ผู้ร้อง ผู้ให้ความยินยอม และพยานเซ็นต์ชื่อลงในทะเบียนสมรส สำหรับในสำคัญการสมรสนายทะเบียนจะเป็นคนเซ็นต์เอง พร้อมยื่นทะเบียนสมรสให้กับคู่สมรสคนละ 1 ฉบับ เป็นอันเสร็จสมบูรณ์

2. จดทะเบียนสมรสนอกที่ว่าการอำเภอ

หากบ่าวสาวคู่ไหนที่อยากได้ภาพบรรยากาศการจดทะเบียนสมรสสวยๆ สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ให้นำเอกสารไปจดทะเบียนฯ ภายในงานได้ เพียงแต่จะต้องไปติดต่อที่สำนักงานเขตหรือที่ว่าการอำเภอที่โรงแรมนั้นๆ ตั้งอยู่ รวมถึงจะต้องไปติดต่อเจ้าหน้าที่ล่วงหน้าก่อนวันงานอย่างน้อย 7 วัน เพื่อที่เจ้าหน้าที่จะได้จัดคิวไปงานของเราได้ถูก

สำหรับเอกสารที่จะต้องนำไปติดต่อ จะต้องเตรียมสำเนาบัตรประชาชนของคู่บ่าว-สาว สำเนาทะเบียนบ้านของคู่บ่าว-สาว รวมถึงสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของพยาน 2 คน โดยพยานทั้ง 2 คนจะต้องเป็นผู้ที่มาร่วมงานในวันงานด้วย

ซึ่งรายละเอียดในการทำก็เหมือนกับขั้นตอนของการจดทะเบียนที่อำเภอเกือบทุกขั้นตอน ต่างกันเพียงแค่ขั้นตอนของการเซ็นต์ชื่อรับเอกสารเท่านั้น

ค่าธรรมเนียมและเงื่อนไขข้อตกลง

การจดทะเบียนสมรส ณ สำนักทะเบียนที่จดไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม แต่ถ้าหากจดทะเบียนสมรสนอกสำนักทะเบียนต้องเสียค่าธรรมเนียน 200 บาท พร้อมทั้งต้องจัดยานพาหนะรับ – ส่งนายทะเบียนด้วย และการจดทะเบียนสมรสนอกสำนักทะเบียนในท้องที่ห่างไกลจะต้องมีการเสียค่าธรรมเนียม 1 บาท

นี่คือขั้นตอนการจดทะเบียนสมรสทั้ง 2 แบบ สำหรับบ่าว-สาวที่ไม่เคนผ่านการจดทะเบียนสมรสมาก่อน เพราะถ้าหากเป็นหญิงหม้ายเคยผ่านการจดทะเบียนมาแล้ว จะต้องมีการตรวจสอบหลักฐานการหย่าและหากคู่สมรสตายจะต้องมีหลักฐานการตายมาแสดง รวมถึงจะต้องรอให้การสมรสครั้งก่อนสิ้นสุดไปแล้วไม่น้อยกว่า 310 วัน ถึงจะสมรสใหม่ได้ เว้นเสียแต่

  • มีการคลอดบุตรไปแล้วในระหว่างที่รอ
  • สมรสกับคู่สมรสเดิม
  • มีใบรับรองแพทย์ว่าไม่ได้ตั้งครรภ์
  • ศาลมีคำสั่งให้สมรสได้

ทั้งหมดนี้คือรายละเอียดเกี่ยวกับการจดทะเบียนสมรสทั้งหมดที่คู่รักมือควรทราบ เพื่อที่เวลาไปจดจะได้ทำอย่างถูกต้องและไม่มีข้อผิดพลาดนะจ๊ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก : www.bora.dopa.go.th

ภาพเปิด : งานแต่งงานคุณจุ๋มและคุณเป้ โดย SmallmoonPhoto (www.smallmoonphoto.com)
ภาพงานแต่งคุณกุ๊บกิ๊บ-คุณบี้จาก : Vin Buddy’s Wedding โทร. 08-1199-1119

อ่านบทความเพิ่มเติม

5 กุญแจสำคัญทำธุรกิจกับแฟนอย่างไรไม่ให้แตกหักรักต้องร้าว

4 เรื่องเล็กน้อยแต่สำคัญมากสำหรับใช้ชีวิตคู่สู่ความรักที่ยืนยาว

https://praewwedding.com/love-and-relationships/sex-and-relationship/59596

ฟิตหุ่นให้ทันวันวิวาห์ด้วย 10 ของว่างมีคุณค่าแต่ไม่เพิ่มน้ำหนัก

ลดน้ำหนัก หรือ ฟิตหุ่น เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เจ้าสาวหลายคนให้ความสำคัญมาก แต่ก็เป็นเรื่องยากที่หลายคนจะสามารถทำได้ตามเป้าที่ตั้งไว้เช้นกัน ก็เวลาเดินผ่านตู้ขนมทีไรตัวมันก็จะเซๆ ไปจนนิ้วเผลอจะจิ้มเลือกออเดอร์ทุกที แพรว wedding เลยขอสกัดความโหยของคุณเจ้าสาวด้วย 10 ของว่างแสนอร่อยที่ช่วยเพิ่มพลังงานแต่น้ำหนักไม่เพิ่มตามมาฝาก ไปดูกันดีกว่า 10 เมนูนี้จะมีเมนูไหนที่มีของโปรดของคุณกันบ้าง 

1. กรีกโยเกิร์ตและมิกซ์เบอร์รี่

เป็นการควบรวมของว่างที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์ เพราะกรีกโยเกิร์ต นั้นให้โปรตีนสูงแต่มีไขมันต่ำจึงเหมาะกับการไดเอตเป็นที่สุด และยังมีแคลเซียมและโพแทสเซียมอีกด้วย ส่วนผลเบอร์รี่นั้นก็เป็นแหล่งอาหารชั้นดีที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระแถมยังหาซื้อง่ายไม่ลำบากอย่างที่คิด เรียกได้ว่าเป็นอาหารที่ให้ความฟิตไปพร้อมๆ กับผิวที่มีสุขภาพดีกันเลยทีเดียว

ผสมเบอร์รี่ต่างๆ ลงในกรีกโยเกิร์ตประมาณ 3.5 ออนซ์ จะให้โปรตีนประมาณ 10 กรัม และให้พลังงานต่ำกว่า 150 แคลอรี่

2. แอปเปิ้ลและเนยถั่ว

ถึงแม้แว้บแรกอาจจะรู้สึกว่ามันจะเข้ากันเหรอ! แต่เชื่อเถอะว่ารสชาติดีกว่าที่คุณคิด แอปเปิ้ลถูกจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 10 สำหรับอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากที่สุด เพราะอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและเส้นใยอาหาร ส่วนเนยถั่วนั้น ถึงแม้จะให้แคลิรี่ในปริมาณที่สูงสักนิดแต่กลับเต็มไปด้วยเส้นใยและโปรตีน ที่จะช่วยเพิ่มพลังงานทำให้คุณอิ่มได้นานขึ้น ไม่หิวบ่อยๆ ยังไงล่ะคะ

แอปเปิ้ล 1 ลูกนำมาสไลด์ให้เป็นชิ้นพอดีคำ ทานคู่กับเนยถั่ว 1 ช้อนโต๊ะ ให้พลังงานน้อยกว่า 200 แคลอรี่

3. ก้านเซเลอรี่กับครีมชีส

เป็นของว่างที่เหมาะกับการไอเดตเป็นที่สุดเพราะมีปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่ต่ำมาก เซเลอรี่นั้นอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ, วิตามินต่างๆ และเส้นใยอาหารที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยในการย่อยอาหารและลดน้ำหนัก ส่วนการเพิ่มครีมชีสในปริมาณเล็กน้อย ก็เพื่อทำให้อาหารที่มีกลิ่นแรกและทานยากนี้ดูน่ารับประทานและช่วยเพิ่มรสชาติมากขึ้น

ก้านเซเลอรี่ 5-10 ก้าน ทานคู่กับครีมชีสปริมาณ 2 ออนซ์ ให้พลังงานน้อยกว่า 200 แคลอรี่

4. ไข่ต้มสุก

อีกหนึ่งของว่างที่เป็นมิตรกับคนที่กำลังลดน้ำหนัก และเราเชื่อว่าทุกบ้านต้องมีไข่ติดไว้ในตู้เย็น และหากใครที่รู้สึกว่ากินเฉพาะไข่อย่างเดียวจะดูฝืดๆ หนืดๆ คอไปหรือเปล่า ก็สามารถนำไข่ต้มไปผสมในสลัดผักปวยเล้งที่อุดมไปด้วยโปรตีนก็ยังได้ เพราะไข่จะช่วยให้อาหารสลัดผักมื้อนั้นอยู่ท้องได้นานขึ้น ทำให้ช่วยลดความอยากอาหารหรืออยากทานจุบจิบ แถมไข่ยังอุดมไปด้วยวิตามินและสารอาหารชั้นเยี่ยมอีกต่างหาก

ฟิตหุ่น

ไข่ต้ม 2 ฟองให้พลังงานประมาณ 140 แคลอรี่ และให้โปรตีนประมาณ 13 กรัม

ทานของวางคู่กับเมนูเครื่องดื่มสูตรเฮลท์ตี้ตามนี้ >> 4 วัตถุดิบสำคัญ สมูทตี้ไม่อ้วน เพื่อเจ้าสาวจะปั่นเมนูไหนรับรองอร่อยชัวร์

5. โอ๊ตมีลกับเนยอัลมอนด์

ข้าวโอ๊ตเป็นอาหารที่ทำให้อยู่ท้องและมีเส้นใยสูง และหากนำไปผสมเข้ากับเนยอัลมอนด์ที่มีไขมันประเภท monounsaturated และ polyunsaturated ที่ช่วยลดคอเรสเตอรอลและมีสารต้านอนุมูลอิสระ แต่ควรเลือกข้าวโอ๊ตที่ไม่มีการปรุงแต่งรสหรือเติมน้ำตาลหรือสารให้ความหวานลงไป แต่หากคุณอยากเพิ่มความหวานสักนิดแนะนำให้โรยผงชินนามอนลงไปแทน รับรองว่านอกจากจะหวานแล้วยังได้กลิ่นหอมน่ารับประทานอีกด้วย

ฟิตหุ่น

ข้าวโอ๊ตครึ่งชามผสมกับเนยอัลมอนด์ 1 ช้อนโต๊ะ ให้พลังงานน้อยกว่า 250 แคลอรี่

6. ชีสหั่นเป็นชิ้น

งงล่ะสิว่าชีสสามารถนำมาทานเป็นของว่างได้ด้วยเหรอ เรายืนยันว่าได้! เพราะชีสอุดมไปด้วยโปรตีนที่ดี แต่ต้องรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะนะตะไม่อย่างนั้นจากให้คุณจะกลายเป็นให้โทษได้ ถึงแม้ว่าชีสนั้นจะไม่มีไขมันที่ดีสักเท่าไหร่ แต่จากผลการวิจัยพบว่าการกินชีสปริมาณเล็กน้อยต่อวันจะไม่ทำให้เกิดผลเสียกับร่างกายหรือระดับคอลเรสเตอรอลแต่อย่างใด

ชีสปริมาณ 2 ออนซ์ ให้พลังงาน 200 แคลอรี่ และให้โปรตีน 14 กรัม

7. บลูเบอร์รี่บานาน่าสมูทตี้

เมนูสมูทตี้เป็นเครื่องดื่มที่ดีที่จะช่วยให้คุณอิ่มก่อนที่จะทานมื้ออาหารต่อไป (แต่ต้องเป็นสมูทตี้เพื่อสุขภาพด้วยนะจ๊ะ) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีที่จะทานควบคู่ไปกับการลดน้ำหนัก เพราะจะได้ไม่ทำให้คุณฟาดอาหารมื้อหนักแบบไม่รู้ตัว หรือคุณจะนำผลไม้หรือผักสดต่างๆ ที่คุณชื่นชอบมาครีเอตเป็นเมนูเครื่องดื่มประจำวันของคุณเองก็ได้ เพราะในผักและผลไม้นั้นอุดมไปด้วยวิตามินและโปรตีนที่ร่างกายต้องการอยู่แล้ว

ฟิตหุ่น

บลูเบอร์รี่, กล้วย และกรีกโยเกิร์ต นำมาปั่นรวมกันเป็นเครื่องดื่มลดน้ำหนักชั้นดีให้พลังงานประมาณ 210 แคลอรี่

8. ดาร์กช็อกโกแลตและอัลมอนด์

เป็นของหวานที่ให้รสชาติหวานๆ มันๆ ที่สนองความโหยของหวานของคนที่กำลังลดน้ำหนักได้เป็นอย่างดี เพราะดาร์กช็อกโกแลตนั้นมีไฟเบอร์และแร่ธาตุต่างๆ ผสมกันอยู่เป็นจำนวนมาก และหากนำไปผสมกับอัลมอนด์ 1 กำมือก็จะกลายเป็นของหวานที่ให้พลังงานและไขมันชั้นดี เพราะอุดมไปด้วยไฟเบอร์และโปรตีนที่จะช่วยให้คุณอิ่มได้นาน ลดความอยากอาหารก่อนที่จะถึงมื้อหลักได้เป็นอย่างดี

ดาร์กช็อกโกแลต 1 ออนซ์ และอัลมอนด์ 1 ออนซ์ ให้พลังงานประมาณ 300 แคลอรี่

9. ถั่วแระญี่ปุ่น

เป็นของว่างที่ปราศจากน้ำตาลและอุมดมไปด้วยโปรตีน ถั่วแระญี่ปุ่น 1 ถ้วยสามารถให้แคลเซียมได้ถึง 10% ในปริมาณที่ร่างกายต้องการ ถือเป็นอีกหนึ่งของว่างที่ดีระหว่างวันที่นอกจากจะดีต่อสุขภาพแล้วยังช่วยลดน้ำหนักได้อีกด้วย

ฟิตหุ่น

ถั่วแระญี่ปุ่น 1 ถ้วยให้โปรตีน 17 กรัม และให้พลังงาน 180 แคลอรี่

10. อกไก่และอะโวคาโด

อีกหนึ่งเมนูที่อุดมไปด้วยโปรตีนและปราศจากคาร์โบไฮเดรตโดยสิ้นเชิง โดยสไสล์อะโวคาโดให้บางแล้วนำไปพันกับเนื้อไก่ เท่านี้ก็ได้ของว่างแสนอร่อยแถมยังไม่เพิ่มน้ำหนักอีกด้วย ของว่างชนิดนี้อุดมไปด้วยไฟเบอร์และวิตามิน รับรองว่าจะเป็นอีกหนึ่งเมนูของว่างที่คุณจะทานได้ไม่มีเบื่อเลย

ฟิตหุ่น

เนื้อไก่ 4 ชิ้นและอะโวคาโดสไลด์บาง ให้พลังงานประมาณ 350 แคลอรี่

ลดน้ำหนัก ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปแล้วใช่ไหมล่ะคะ แต่ยังไงก็อย่าลืมออกกำลังกายและควบคุมอาหารในมื้ออื่นๆ เสริมไปด้วยนะคะ รับรองว่าหุ่นเป๊ะฟิตแอนด์เฟิร์มแน่นอน

ภาพ : livelearnloveeat.com, www.marthastewart.com, cookingmama.wikia.com, www.pbfingers.com, goldenagecheese.com, www.archanaskitchen.com, www.mysequinedlife.com, wonkywonderful.com

4 ชนิดดอกไม้ในงานแต่งยอดฮิตใช้ได้ทุกฤดู ประหยัดงบแน่แค่เลือกเป็น

แพรว wedding สรุปมาให้กับ ดอกไม้ในงานแต่ง ยอดฮิตที่ไม่ว่าคุณจะไปร่วมงานแต่งงานในฤดูกาลไหน ก็มีดอกไม้เหล่านี้ให้เห็น ซึ่งข้อดีของดอกไม้ที่เรานำมาฝากนี้มีมากกว่าที่คิด เพราะในหนึ่งชนิดมีหลายสายพันธุ์ ฉะนั้นเวลาจะเลือกใช้ก็ไม่ยาก แค่เลือกให้ตรงกันกับช่วงเวลาที่ออกดอกของพันธุ์นั้นก็พอ ดังนั้นเมื่อกำหนดวันแต่งงานได้เรียบร้อยแล้ว ก็ลองดูว่าในช่วงเวลานั้นจะมีดอกไม้อะไรออกมาบ้าง วิธีการนี้จะทำให้คุณมีดอกไม้ในปริมาณที่เพียงพอเพราะหาได้ง่ายตามท้องตลาด และที่สำคัญคือราคาที่สบายกระเป๋าขึ้นอีกเป็นกอง หรือจะลองเลือกดูจาก >> ดอกไม้ 12 เดือน เพื่อวันแต่งงาน 1 วันของคุณ << รับรองว่าต้องมีสักชนิดที่สะกิดใจคุณได้แน่นอน

สุดฮิตชนิดที่ 1 : ดอกกุหลาบ เป็นดอกไม้ที่สามารถเลือกใช้ได้ตลอดทั้งปี แต่หากคุณแต่งงานในช่วงวันวาเลนไทน์ล่ะก็ ราคาของดอกกุหลาบจะแพงโหดมาก หากแต่งงานในช่วงนี้อาจจะหลีกเลี่ยงการใช้ดอกกุหลาบไปก่อน แล้วลองดูพวกดอกเยอบีร่า คาร์เนชั่น ดอกยิปโซ ดอกบัว หรือหน้าวัวที่มีราคาน่าคบหาแถมยังหาได้ตลอดทั้งปีด้วยนะคะ

สุดฮิตชนิดที่ 2 : ดอกไฮเดรนเยียร์ ที่มีแพร่หลายในประเทศไทยนั้นออกดอกทั้งปี แต่จะสวยงามและออกดอกมากที่สุดในช่วงหน้าร้อนถึงช่วงต้น ฤดูฝน เพราะเมื่อเริ่มเข้าสู่หน้าหนาวดอกจะเริ่มแคระแกรนไม่เหมาะแก่การใช้งานแล้วค่า

สุดฮิตชนิดที่ 3 : กล้วยไม้ เป็นดอกไม้ที่หาง่ายในบ้านเราและมีหลากหลายสายพันธุ์ให้เลือก ความสวยงามก็จะแตกต่างกันไป ทั้งนี้กล้วยไม้อาจจะสามารถหาได้ง่ายก็จริง แต่ดอกจะสวยและออกสู่ตลาดในปริมาณมากๆ พร้อมกับราคาถูกสุดๆ ในช่วงฤดูหนาวเท่านั้นนะคะ

สุดฮิตชนิดที่ 4 : ดอกลิลลี่ ปัจจุบันเมืองไทยเราปลูกดอกลิลลี่กันแพร่หลายมากที่ภาคเหนือ และจะออกดอกมากตั้งแต่เดือนสิงหาคมไปจนถึงช่วงฤดูหนาวของทุกปี ใครหลงรักลิลลี่ห้ามพลาดเชียว

เป็นยังไงกันบ้างคะ แต่ละชนิด สวยงามอย่างที่หวังทั้งนั้นใช่ไหมล่ะ

3 ขั้นตอนอย่างง่ายสำหรับวางแผนทางการเงินของคนอยากมีคู่

เคล็ดลับ วางแผนทางการเงิน อย่างง่ายสำหรับคนอยากมีคู่

เมื่อคิดจะมีคู่ สิ่งที่มองข้ามไม่ได้เลยคือค่าใช้จ่ายต่างๆที่จะต้องใช้ในการแต่งงาน ใครที่กำลังมีแผนแต่งงาน ลองสำรวจความพร้อมก่อนแต่งงานว่าเราได้เตรียมวางแผนรับมือกับสิ่งเหล่านี้แล้วหรือยัง วันนี้ แพรว wedding นำคำแนะนำดีๆจากผู้เชี่ยวชาญด้านการ วางแผนทางการเงิน จากไทยพาณิชย์ประกันชีวิตมาแชร์กัน 3 ข้อง่ายๆ มาสละเวลาทำความเข้าใจเพื่อเริ่มต้นบทใหม่แห่งการมีชีวิตคู่อย่างปลอดภัย และยั่งยืนกันเถอะค่ะ

 

ประเมินค่าสินสอดทองหมั้น

ประตูด่านแรกของชีวิตคู่คือสินสอดทองหมั้น เพื่อแทนคำสัญญาของฝ่ายชาย ที่ให้แก่ฝ่ายหญิงและพ่อแม่ของฝ่ายหญิงเป็นการตอบแทนที่อนุญาตให้ฝ่ายหญิงสมรส ดังนั้นทั้งสองฝ่ายควรตกลงค่าใช้จ่ายส่วนนี้ให้ชัดเจน ตั้งแต่ขั้นต้นของการวางแผน แล้วจึงวางแผนการออมต่อไป

ประเมินค่าใช้จ่ายในการจัดงาน

งบประมาณส่วนนี้ไม่ควรเกิน 50 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ต่อปี

ค่าใช้จ่ายในการจัดงานแต่งงาน เช่น ค่าดูฤกษ์แต่งงาน ค่าถ่ายรูป Pre-wedding ค่าการ์ดแต่งงาน ค่าของชำร่วยงานหมั้นและงานแต่ง ค่าชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาวในงานหมั้นและงานแต่ง ค่าแต่งหน้าทำผมค่าเช่าสถานที่ ค่าอาหาร ค่าวงดนตรี ค่าถ่ายรูปและวีดีโอในงาน เห็นรายการจำนวนมากอย่างนี้คนจะมีคู่อย่าเพิ่งท้อ ควรลงมือจดรายการและประเมินค่าใช้จ่ายต่างๆเหล่านี้ให้ละเอียด สิ่งที่สำคัญคือควรตั้งงบประมาณ โดยพื้นฐานจากการประเมินรายได้ของตนเองเพื่อจะได้ไม่เสียค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยมากเกินไป

ประเมินค่าเรือนหอ

อัตราการผ่อนชำระหนี้สินบ้านไม่ควรจะเกิน 35 เปอร์เซ็นต์ และไม่ควรกู้เงินซื้อบ้านที่ แพงมากกว่า 3 เท่าของรายได้ต่อปี

สำหรับคนที่เตรียมพร้อมตรงนี้ไว้แล้วก็หายห่วง หรือบางคนที่ไม่ต้องการจะแยกออกมาอยู่ต่างหากงบ ประมาณตรงนี้ก็สบายใจได้ แต่สำหรับคนที่คิดจะสร้างครอบครัวใหม่และคิดที่จะมีเรือนหอส่วนตัวในการเริ่มต้นชีวิตคู่ ควรจะตั้งงบประมาณของเรือนหอที่เหมาะสม นกน้อยทำรังแต่พอตัว ไม่เช่นนั้นอาจจะกลายเป็นการแต่งงานกับหนี้ก้อนโตแทน จนอาจจะมีหนี้ไปตลอดชิวิตคู่ก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นมา >> างแผนให้เป๊ะตามนี้ พร้อมข้อควรรู้ก่อนคิดวางเงินเตรียมซื้อเรือนหอ << คลิกเลย

cr : scblifea a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a 

7 ข้อเตือนใจระหว่างคู่รักที่ควรจะต้องทำหลังการทะเลาะกันจบลง

จริงอยู่ที่การ ทะเลาะกัน อาจไม่ใช่เรื่องที่แย่เสมอไป เพราะหากคุณสามารถปรับความเข้าใจกันได้ มันก็จะยิ่งช่วยให้คุณรู้จักตัวตนของอีกฝ่ายมากขึ้น อย่างไรก็ดี หากช่วงนี้คุณกำลังมีปากเสียงกับคนรัก ให้ลองนำคำแนะนำข้างล่างนี้ไปปรับใช้ดู เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะช่วยรักษาความสัมพันธ์ของคุณทั้งคู่ให้ผ่านวันแย่ๆ ไปได้อย่างแน่นอน

กระชับความสัมพันธ์คู่รัก ถึงแม้ ทะเลาะกัน แต่เราจะยังรักกันไม่เปลี่ยน

Photo by Gift Habeshaw on Unsplash

1. พักเบรคทางอารมณ์

การที่คุณกับแฟนกำลังอยู่ในช่วงอารมณ์ร้อน นั่นอาจทำให้คุณและเขาคุยกันไม่รู้เรื่องค่ะ ทั้งนี้การยุติศึกชั่วคราวแล้วให้ต่างฝ่ายไปสงบสติอารมณ์เสียก่อน จากนั้นค่อยกลับมาคุยกันใหม่ก็อาจช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นได้ค่ะ

2. รับฟังความคิดเห็นอีกฝ่าย

การที่คุณมัวแต่จมปลักกับความเชื่อของตัวเองโดยไม่รับฟังคำอธิบายของคนรัก อาจทำให้เรื่องบานปลายและไม่มีข้อยุติค่ะ บางทีการให้โอกาสอีกฝ่ายได้พูดสิ่งที่เขาคิดหรือได้ชี้แจงความจริง ก็จะช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นได้ค่ะ

Photo by cottonbro from Pexels

3. หลีกเลี่ยงการทำท่าทางไม่พอใจ

การแสดงสีหน้าหรือท่าทางว่าคุณกำลังโกรธจะทำให้สถานการณ์เลวร้ายยิ่งกว่าเดิม ถ้าอยากเคลียร์ปัญหาให้จบไวๆ คุณทั้งคู่ควรใจเย็นและพูดจากันดีๆ โดยพยายามหลีกเลี่ยงการขึ้นเสียงหรือใช้กำลังค่ะ

4. อย่าขุดคุ้ยเรื่องในอดีต

ทุกครั้งที่คุณและคนรักมีปากเสียงกัน สิ่งที่คุณทั้งคู่ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่งคือการขุดเรื่องในอดีตมาพูดค่ะ เพราะนอกจากจะไม่ทำให้อะไรๆดีขึ้นมาแล้ว มันก็ยังค่อยๆบั่นทอนความสัมพันธ์โดยที่คุณไม่รู้ตัว

5. อย่าพูดคำว่าหย่า หรือเลิก

เข้าใจว่าอารมณ์กำลังขึ้น แต่การพูดคำว่าหย่า หรือเลิก ในขณะที่คุณทั้งคู่กำลังอยู่ในอารมณ์ฉุนเฉียวถือเป็นคำต้องห้ามเลยค่ะ เพราะมันเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีที่จะทำให้ความสัมพันธ์เปราะบางลงและนำไปสู่การเลิกราได้ในที่สุด

6. เป็นฝ่ายขอโทษก่อน

การเอ่ยคำว่าขอโทษโดยที่คุณไม่ได้เป็นฝ่ายผิด จะช่วยลดอารมณ์โกรธหรือขุ่นเคืองใจของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างเหลือเชื่อ แม้ว่าอาจดูเหมือนไม่แฟร์แต่เชื่อเถอะค่ะว่าการจะมีชีวิตรักที่ยืนยาวได้นั้น บางทีอาจต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยอมถอยให้สักก้าวค่ะ

7. เยียวยาด้วยกอด

เป็นเรื่องปกติของชีวิตคู่ที่จะต้องมีปากเสียงกันบ้าง แต่หากมันเกิดบ่อยครั้งเกินไป ก็อาจทำให้ความรู้สึกดีๆค่อยๆเลือนหายไปด้วย ดังนั้นถ้าไม่อยากให้ความสัมพันธ์สั่นคลอน คุณก็อย่าอายที่จะบอกรักหรือกอดหลังจากทะเลาะกันด้วยค่ะ

อ่านบทความเพิ่มเติม

ข้อควรรู้ชีวิตหลังแต่งงาน ให้สามีภรรยาป้ายแดงสดใสเหมือนข้าวใหม่ปลามันทุกวัน

วางแผนชีวิตคู่ให้ปลอดภัย เพื่องานแต่งงาน บ้านใหม่ และเจ้าตัวเล็ก

cr : curejoy.com

ความเชื่องานแต่งไทยของคนแต่ก่อน ผู้ที่มีคุณสมบัติแบบไหนต้องถือพานอะไร มาส่องกัน

การแต่งงานของแต่ละประเพณีทั่วโลกก็แตกต่างกันออกไป และล้วนมีสิ่งที่ยึดถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติด้วยกันทั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่ ความเชื่องานแต่งไทย ที่แต่ละครอบครัวก็มีสิ่งที่ทำตามๆ กันมา และนี่คือความเชื่อเกี่ยวกับขบวนขันหมากในพิธีแต่งงานไทยที่ว่าด้วยเรื่อง ผู้ที่มีคุณสมบัติแบบไหนต้องถือพานอะไร และว่าที่เจ้าบ่าวต้องทำอะไรก่อนไปถึงบ้านเจ้าสาวหรือไม่ ซึ่งแพรวเวดดิ้งย่อมาไว้ให้เข้าใจง่ายตามนี้เลย

การจัดขบวนขันหมากจะต้องนำหน้าด้วยคนถือมัดอ้อยหรือหน่อกล้วย 1 คู่ ต่อด้วยเฒ่าแก่ (มาเป็นคู่สามี-ภรรยา) และเจ้าบ่าว บางบ้านอาจให้ถือพานใส่ธูปเทียนแพเพื่อเคารพญาติผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงด้วย

จากนั้นตามด้วย ขบวนขันหมากเอก ซึ่งมักจะเป็นหญิงสาวสะสวยที่เกิดจากพ่อแม่แต่งงานกันถูกต้องตามประเพณี แต่งตัวด้วยชุดไทยเต็มยศ บางตำราบอกว่าหญิงที่ยกขันหมากเอกต้องเป็นสาวพรหมจรรย์ และ บางตำราบอกว่าให้เป็นหญิงที่ออกเรือนมีสามีแล้ว (อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับความเชื่อ และวิจารณญาณของแต่ละครอบครัวนะคะ) ทั้ง 4 คนจะยกเตียบทั้ง 4 ซึ่งเปรียบเป็นมเหสีของพระอินทร์

ส่วนขันหมากโท เป็นชายหรือหญิงก็ได แต่ห้ามเป็นหญิงหม้าย ส่วนกลองยาว แตรวง และการฟ้อนรำสนุกสนานนำขบวนแล้วแต่ทางเจ้าบ่าวจะจัดหามา แต่ไม่ระบุว่าต้องอยู่ในธรรมเนียม เพราะเป็นเพียงแค่การสร้างความคึกคักเพื่อให้บ้านเจ้าสาวรู้ว่า ขบวนขันหมากของเจ้าบ่าวกำลังจะมาถึงเท่านั้น

และก่อนที่จะเคลื่อนขบวนไปยังบ้านเจ้าสาว เจ้าบ่าวจะต้องไปจุดธูปเทียนไหว้ผีปู่ย่าตายายที่ล่วงลับ และกราบพ่อแม่ และญาติผู้ใหญ่เพื่อลาไปเข้าพิธีแต่งงาน และแยกเรือนไปอยู่กับฝ่ายหญิง เพราะธรรมเนียมไทยแต่ก่อน ฝ่ายชายจะต้องไปปลูกเรือนหอในที่ของฝ่ายหญิง เมื่อผู้ใหญ่ให้ศีลให้พร เจ้าบ่าวจึงเข้าร่วมขบวนเพื่อเดินหน้าไปยังบ้านเจ้าสาว เพื่อทำพิธีต่างๆ ตามธรรมเนียมไทยต่อไป

ปัจจุบันความเชื่อบางอย่างอาจจะถูกลดทอนลงไปบ้าง ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้น ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับความเชื่อและวิจารณญาณของแต่ละครอบครัวนะจ๊ะ ส่วนว่าที่บ่าวสาวคู่ไหนที่ยังเริ่มต้นจัดงานแต่งงานไทยกันไม่ได้ ตามไปดู บทความเกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานไทย ที่นี่ได้เลย!!

ภาพเปิด : งานแต่งคุณเอ๊บ & คุณก้อง ถ่ายโดย Box Wedding

5 กิจวัตรชีวิตคู่ต้องทำตามเพื่อชีวิตรักสุดสตรอง

เลสลี โดอาเรส โค้ชชีวิตสมรส ผู้เขียนหนังสือ “Blueprint For A Lasting Marriage” กล่าวไว้ว่า  “สิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่คุณทำให้คนรักจะทำให้เขารับรู้ว่า คุณนึกถึงเขา ซึ่งนั่นทำให้ความสัมพันธ์ของ ชีวิตคู่ ที่มีอยู่ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น” ว่าแต่คุณพร้อมหรือยังที่จะไปดูพร้อมกับเราว่ามีกิจวัตรไหนบ้างที่คุณควรทำให้คนรักทุกวัน

เติมความหวานให้ ชีวิตคู่ เสริมใยรักให้แข็งแรง

Photo by Hannah Olinger on Unsplash

1. ทักทายและบอกลา

ในหนึ่งวันจะมีช่วงเวลาที่คุณทั้งสองจะได้ใกล้ชิดกันอย่างแน่นอนอยู่  2 ช่วง คือเมื่อคุณกำลังจะแยกกันไปทำงาน และเมื่อคุณกลับมาเจอกัน การสร้างเวลาส่วนตัวช่วงสั้นๆ เพื่อบอกลาก่อนแยกย้ายกันนั้น “จะช่วยสร้างความรู้สึกทางบวกและบรรยากาศที่ดี รวมถึงลดความตึงเครียดในเวลาเช้าที่เร่งรีบลงได้การทักทายเมื่อกลับมาเจอกันหลังเลิกงานก็ให้ผลอย่างเดียวกัน” โทนี โคลแมน นักจิตวิทยาบำบัดและโค้ชชีวิตสมรสกล่าว

“การเดินเข้าบ้านมาหลังจากวันที่เหน็ดเหนื่อยและหนักหน่วงโดยไม่ได้รับสัญญาณตอบรับจากคู่ของเรานั้นทำให้เกิดความรู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่ดีใจที่ได้เจอเรา ไม่แคร์ว่าเรายืนอยู่ตรงนั้น หรือรู้สึกว่าเราไม่สำคัญมากพอที่จะได้รับความสนใจจากเขา” โทนีกล่าว การให้เวลากันเพียงแค่ช่วงสั้นๆ จะทำให้การรับรู้แตกต่างไปเลย”

2. เล่าสู่กันฟัง

หลายคนอาจจะบอกว่าเรื่องนี้เก่าแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น การได้รับรู้เรื่องราวของกันและกันว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในแต่ละวันนั้นเป็นสิ่งสำคัญ” ดังนั้น เราจึงควรคอยถามไถ่ถึงความเป็นไปของคนรัก และแบ่งปันเรื่องของเราด้วยเช่นกันเพื่อให้ความสัมพันธ์ยังใกล้ชิดแน่นแฟ้นอยู่เสมอ และที่สำคัญอย่าทำแบบขอไปที และตั้งใจฟังเมื่อคนรักของคุณกำลังเล่าเรื่องราวต่างๆ ถ้าคุณสามารถพูดคุยได้นานกว่า 2-3 นาที คุณจะเริ่มอินกับเรื่องที่อีกฝ่ายเล่า และนี่เป็นช่วงเวลาที่คุณทั้งสองจะได้เพิ่มความใกล้ชิดระหว่างกันให้มากขึ้น

Photo by Andrea Piacquadio from Pexels

3. เข้านอนพร้อมกัน

คุณอาจจะเป็นนกฮูก ในขณะที่คู่ของคุณเป็นไก่ตัวแรกของวันแต่ถ้าคุณสามารถเอาชนะสัญชาตญาณกลางคืนของคุณได้ คุณทั้งสองคนจะใกล้ชิดกันมากขึ้น “ความใกล้ชิดและกายสัมผัสจะเกิดขึ้นได้ง่ายมากเมื่อคุณอยู่ด้วยกัน” โดอาเรสอธิบาย “แม้ว่าคุณยังไม่รู้สึกง่วงหรืออยากนอนในตอนนั้น แต่คุณสามารถใช้เวลาอย่างสงบร่วมกัน แล้วค่อยลุกขึ้นมาทำอะไรของคุณต่อหลังจากที่คู่ของคุณหลับไปแล้วก็ได้ การทำแบบนี้เป็นประจำจะทำให้คุณเคยชินกับการใกล้ชิดกันอยู่เสมอ แม้ในวันที่ทั้งคู่จะมีอารมณ์ไม่มั่นคงก็ตาม”

4. เช็คสภาพกันเป็นระยะ

“มันง่ายมากที่จะติดพันอยู่กับงานและภาระความรับผิดชอบทั้งหลายแหล่ที่ถาโถมเข้ามาในแต่ละวัน และทำให้คุณต้องวางความสัมพันธ์ส่วนตัวไว้เป็นเรื่องรองจนกว่าจะพอหาเวลาได้” โทนี โคลแมนกล่าว แต่การคอยเช็คสภาพกันเป็นระยะระหว่างวันนั้นก็ไม่ได้ยากไปกว่าการส่งอีเมล์ “คุณแค่สละเวลาเพียงแค่ไม่กี่นาทีเพื่อส่งข้อความหาคู่รักของคุณ เพียงเพื่อบอกเขาว่าคุณคิดถึงเขาและรอเวลาที่จะได้เจอกันหลังเลิกงาน มันเป็นการแสดงความใกล้ชิด และยังเป็นเหมือนรั้วที่คอยป้องกันความไม่ซื่อสัตย์ทั้งทางกายและทางใจอีกด้วย” 

Photo by Candice Picard on Unsplash

5. บอก “รัก” ด้วยภาษาของคู่รัก

คุณอาจจะตอบสนองต่อการกระทำต่างๆ ที่คู่ของคุณทำให้ เช่น การที่สามีที่รักของคุณเอาขยะออกไปทิ้งให้นั้นเป็นเรื่องเซ็กซี่ที่สุดที่เขาจะสามารถทำให้คุณได้ แต่สิ่งที่คู่รักของคุณต้องการคือการได้ยินคำพูดที่ยืนยันว่าเขาเป็นที่รักของคุณจริงๆ เมื่อคู่ของคุณมองเห็นความรักที่คุณมีให้ได้อย่างชัดเจนแล้ว ความสัมพันธ์ของคุณทั้งคู่จะยิ่งแข็งแรงและแข็งแกร่งมากขึ้น “การบอกรักกันทุกวันนั้นจะทำให้ความสัมพันธ์มีชีวิตชีวาอยู่เสมอ” โดอาเรสอธิบาย “ความรู้สึกเหล่านี้จะมีความหมายมากที่สุดเมื่อคุณแสดงออกในรูปแบบที่คู่รักของคุณรับรู้ได้จริงๆ”

ไม่ยากเลยใช่ไหมคะ แค่ 5 กิจวัตรที่หากคุณทำได้เราการันตีค่ะว่า ความสัมพันธ์ในชิวิตคู่ของคุณจะดำเนินไปอย่างราบรื่นและหอมหวานไม่เสื่อมคลาย

อ่านบทความเพิ่มเติม

วางแผนให้เป๊ะตามนี้ พร้อมข้อควรรู้ก่อนคิดวางเงินเตรียมซื้อเรือนหอ

รู้ก่อนแก้ก่อน 7 เหตุสร้างความปั่นป่วนปัญหาเรื่องเงินที่คู่รักต้องระวัง

ภาพ : pexels.com

แจกให้ฟรีไม่มีเงื่อนไข!! ผังขบวน ขันหมากไทย มีเอาไว้อุ่นใจทุกคน

แค่คิดว่าจะต้องเตรียมอะไรบ้างในขบวนขันหมากไม่ให้ตกหล่นก็ว่ายากแล้ว แต่การจัดขบวนขันหมากให้ถูกต้องนี่สิกลับยากกว่า กว่าจะลงตัวว่าใครต้องยืนตรงไหนอะไรยังไง เก้ๆ กังๆ กันอยู่พักใหญ่เกือบไม่ทันฤกษ์แห่ก็มี แพรว wedding เลยอยากให้บ่าวสาวได้เตรียมตัวก่อนเนิ่นๆ จึงได้จัดข้อมูลมาให้แบบ One Stop Service กับ ผังขบวนขันหมาก ไทยที่ระบุตำแหน่งบุคคลพร้อม ข้าวของที่ต้องเตรียม แค่เซฟ ปริ้นต์ แล้วแจก รับรองเป๊ะทันฤกษ์แน่นอน

ผังขบวนขันหมาก
ผังขบวนหมาก พร้อมข้าวของที่ต้องเตรียม ในขบวนขันหมาก

ตำแหน่งที่ 1 เถ้าแก่ + ซองเงิน

หัวขบวนจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก เถ้าแก่ ผู้ถือซองเงินสำหรับเป็นค่าผ่านประตูและค่าสินน้ำใจต่างๆ เอาไว้เบิกทางให้เจ้าบ่าวไปเจอกับเจ้าสาวได้สะดวกๆ

ตำแหน่งที่ 2 เจ้าบ่าว (ขนาบข้างด้วยพ่อแม่) + พานธูปเทียนแพ

ต่อมาก็เป็นเจ้าบ่าว พระเอกของขบวนขันหมาก ซึ่งส่วนใหญ่แล้วตำแหน่งจะอยู่หลังเถ้าแก่มาสักหน่อย พร้อมเคียงข้างซ้ายขวาด้วยคุณพ่อคุณแม่ หรือบางครั้งบางทีเจ้าบ่าวก็อาจจะเขยิบขึ้นไปข้างหน้าเดินเคียงกับเถ้าแก่ ที่สำคัญและขาดไม่ได้ก็คือ เจ้าบ่าวต้องถือพานธูปเทียนแพด้วยนะคะ

ตำแหน่งที่ 3 เพื่อนเจ้าบ่าว 2 คน (ญาติผู้ชาย) + พานต้นกล้วย และ พานต้นอ้อย

ถัดลงมาก็เป็นเพื่อนเจ้าบ่าว 2 คน หรือจะเป็นญาติผู้ชายก็ได้เช่นกัน ทำหน้าที่ถือพานต้นกล้วยและพานต้นอ้อยคนละพาน ที่ต้องเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวก็เพราะว่าสองพานนี้ค่อนข้างหนัก แต่! เมื่อขบวนขันหมากมาถึงบ้านเจ้าสาวแล้ว สองพานนี้จะต้องถอยไปอยู่ด้านหลังคู่พานขนมมงคล (บางบ้านก็ให้อยู่ด้านหลังตั้งแต่แรก) เพื่อที่จะให้พานอื่นๆ เข้าไปวางเรียงในบ้าน ส่วนพานต้นกล้วยและพานต้นอ้อยจะวางไว้หน้าบ้านแทน

ตำแหน่งที่ 4 ญาติผู้ใหญ่ หรือเพื่อนสนิท 2 คน + พานขันหมากเอก และ พานขันหมากโท

ต่อมาก็เป็นตำแหน่งที่สำคัญเช่นกัน โดยจะให้ญาติผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ หรือเพื่อนสนิทเป็นผู้ถือพานขันหมากเอก และพานขันหมากโท (พานละ 1 คน)

ตำแหน่งที่ 5 พานแหวนหมั้น

พานแหวนหมั้นจะอยู่ถัดจากพานขันหมากเอกและขันหมากโทลงมาหนึ่งสเต็ป ซึ่งหากว่างานของใครไม่มีขันหมากโท จะขยับให้พานแหวนหมั้นขึ้นไปเดินเคียงข้างพานขันหมากเอกก็ได้เช่นกัน

ตำแหน่งที่ 6 คู่พานสินสอด

ของสำคัญมูลค่าเยอะอย่างพานสินสอด ถ้ามีมาก (เจ้าบ่าวรวย!) ก็อาจจะแบ่งๆ ให้ญาติสนิทมิตรสหายช่วยถือ แต่เรื่องสำคัญที่ต้องจำให้ขึ้นใจก็คือ “ต้องเป็นคนที่ไว้ใจได้” ไม่เช่นนั้นระวังตอนนับสินสอดจะไม่ครบนะจ๊ะ

ตำแหน่งที่ 7 คู่พานผลไม้มงคล

ตำแหน่งนี้ก็อาจแบ่งกันไปหลายๆ คน หลายๆ พาน เพราะผลไม้มงคลส่วนใหญ่จะมีน้ำหนักมาก เช่น มะพร้าว ส้มโอ ทับทิม องุ่น ส้มสายน้ำผึ้ง ซึ่งสามารถแบ่งให้ชายหญิงถือได้ตามความเหมาะสม

ตำแหน่ง 8 คู่พานขนมมงคล 9 ชนิด

พานขนมมงคลทั้ง 9 ชนิด ได้แก่ ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ขนมชั้น ทองเอก จ่ามงกุฎ เสน่าจันทร์ ถ้วยฟู และเม็ดขนุน  โดยจะหนักหรือเบา เยอะหรือน้อย และจะมีกี่พานก็แล้วแต่ว่าเจ้าภาพจะจัดมาเยอะแค่ไหน แล้วจึงจัดคนให้เท่ากับจำนวนพานขนมที่มี

>> อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับพิธีแต่งงานไทยเพิ่มเติมได้ที่นี คลิกเลย <<

ใช่หรือไม่? กับ 7 สัญญาณกระตุ้นหัวใจว่าคนนี้แหละคือคู่ชีวิต

หากยังไม่แน่ใจว่าคนข้างกายของคุณจะใช่ คู่ชีวิต ตัวจริงเสียงจริงหรือเปล่า แพรว wedding แนะนำให้คุณลองสังเกต 7 สัญญาณกระตุ้นหัวใจดังต่อไปนี้ ถ้ามีครบเมื่อไหร่ก็มั่นใจได้เลย

  • เขาทำให้คุณมีความสุข

คนที่จะมาเป็นคู่ชีวิตของคุณ เขาต้องเป็นคนที่ทำให้คุณมีความสุขได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นความสุขที่เกิดจากสิ่งที่เขาทำให้คุณ ความสุขที่เกิดจากสิ่งที่เขาเป็น หรือสำหรับบางคนแค่อยู่ด้วยกัน อยู่ใกล้ๆ กัน รู้สึกว่ามีกันและกันก็มีความสุขแล้ว

  • เขาพร้อมเผชิญปัญหากับคุณ

ปัญหาเป็นสิ่งที่ต้องผ่านเข้ามาในชีวิตของทุกคน ซึ่งอาจมากหรือน้อยแตกต่างกันไป ดังนั้นคนที่พร้อมจะเป็นคู่ชีวิตของคุณ เขาก็ต้องพร้อมเผชิญปัญหาร่วมกับคุณด้วย เพราะอย่างน้อยๆ เขาก็จะเป็นกำลังใจสำคัญสำหรับคุณ หรือหากดีกว่านั้นเขาก็จะเป็นคนที่ช่วยคุณแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้

  • เขามองข้ามข้อเสียของคุณ

ข้อดีเป็นสิ่งที่ทำให้คนเรารักใคร่ชอบพอกันได้ แต่ในทางตรงข้ามข้อเสียก็ทำให้คนเราเห็นถึงส่วนลึกภายในใจของกันและกันได้เช่นกัน ทั้งนี้เพราะข้อเสียเป็นเหมือนเครื่องพิสูจน์ใจ หากเขาพร้อมจะมองข้ามข้อเสียของคุณไป โดยไม่ขอให้คุณปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอะไรเพื่อเขา ก็เป็นสัญญาณบอกว่าเขาพร้อมจะเป็นคู่ชีวิตของคุณแล้วล่ะ

  • เขาเปิดใจกับคุณ

คู่ชีวิตหมายถึงคนสองคนก็จริง แต่ในความหมายลึกๆ แล้ว คู่ชีวิตหมายถึงการเป็นคนๆ เดียวกันต่างหาก ดังนั้นคนที่พร้อมจะเป็นคู่ชีวิตของคุณ เขาก็ต้องเปิดอกเปิดใจพูดคุยกับคุณได้ทุกเรื่อง ต้องไม่มีความลับต่อกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขหรือทุกข์ เพราะเรื่องของคุณและเรื่องของเขาต้องกลายเป็นเรื่องเดียวกันแล้ว

  • คุณเชื่อใจเขาได้

ความเชื่อใจเป็นสิ่งสำคัญในการใช้ชีวิตคู่ ดังนั้นคนที่จะเป็นคู่ชีวิตของคุณ เขาต้องเป็นคนที่คุณสามารถเชื่อใจได้ในทุกเรื่อง โดยเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณไม่ต้องกังวลหรือเป็นห่วงเป็นใยในเวลาที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ไม่ต้องคอยตามจิกหรือจับผิดว่าเขาจะทำเรื่องไม่ดี นั่นหมายความว่าเขาคือคนที่พร้อมจะเป็นคู่ชีวิตของคุณแล้ว

  • คุณรู้สึกเป็นครอบครัวเดียวกันกับเขา

ชีวิตคู่สำหรับบางคู่อาจไม่ใช่เรื่องของคนสองคน เพราะครอบครัวก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่มีอิทธิพล ด้วยเหตุนี้หากคุณจะใช้ชีวิตคู่กับใครสักคน คุณจึงต้องรู้สึกเป็นครอบครัวเดียวกันกับเขาเสียก่อน ต้องมั่นใจว่าสามารถเข้ากับครอบครัวของเขาได้ ต้องรู้สึกรักใคร่พ่อแม่พี่น้องของเขาให้เหมือนเป็นครอบครัวของตัวเอง และที่สำคัญต้องรู้สึกว่าพวกเขารักคุณเหมือนลูกหลานคนหนึ่งเช่นกัน แต่หากคุณไม่สามารถฝ่าด่านญาติพี่น้องของเขาได้ เขาก็ต้องเป็นคนที่ทำให้คุณรู้สึกเป็นครอบครัวเดียวกันกับเขา ด้วยการแสดงให้เห็นว่าเขาพร้อมจะปกป้องและยืนเคียงข้างคุณเสมอ

  • คุณรู้สึกเป็นคนสำคัญของเขา

คู่ชีวิตคือการเป็นคนสำคัญของกันและกัน ดังนั้นหากเขาแสดงให้เห็นว่าคุณคือคนสำคัญสำหรับเขาเสมอ หรือคุณไม่เคยต้องน้อยอกน้อยใจว่าเขาไม่ให้ความสำคัญเลย ก็แปลว่าเขาพร้อมจะเป็นครึ่งหนึ่งในชีวิตของคุณแล้วล่ะ

อ่านบทความเพิ่มเติม

ข้อควรรู้ชีวิตหลังแต่งงาน ให้สามีภรรยาป้ายแดงสดใสเหมือนข้าวใหม่ปลามันทุกวัน

วางแผนชีวิตคู่ให้ปลอดภัย เพื่องานแต่งงาน บ้านใหม่ และเจ้าตัวเล็ก

ภาพ : pexels.com

10 สิ่งที่ต้องทำใน คืนก่อนแต่งงาน เพื่อเตรียมตัวเป็นเจ้าบ่าวที่สดใส

แม้ว่า คืนก่อนแต่งงาน อาจจะไม่ใช่วันพิเศษ แต่ว่าที่เจ้าบ่าวอย่าลืมเช็ครายละเอียดและดูแลตัวเอง เพื่อวันรุ่งขึ้นที่แสนพิเศษกันนะ

คืนก่อนแต่งงาน ว่าที่เจ้าบ่าวคงจะตื่นเต้นไม่ต่างจากว่าที่เจ้าสาวใช่ไหมล่ะคะ? แน่นอนว่ากว่าจะถึงวันแต่งงานที่รอคอย ก็มีรายละเอียดมากมายให้ตระเตรียมและติดต่อตรวจสอบ เพื่อที่จะรังสรรค์ให้วันแต่งงานเป็นภาพในความทรงจำที่ดีที่สุด แต่นอกจากส่วนประกอบต่างๆ ในงานแต่งแล้ว ก็ยังมีอีก 10 สิ่งที่ต้องทำที่ แพรว wedding ได้รวบรวมมาให้คุณว่าที่เจ้าบ่าวได้เช็คลิสต์ เตรียมความพร้อมขั้นสุดท้ายก่อนวันรุ่งขึ้น รับรองได้เลยว่า เช้าวันแต่งงานของคุณจะเป็นวันที่อบอวลไปด้วยความรักและความอบอุ่นจริงๆ นะ ^^

1. มาส์กหน้า

แม้ว่าผู้ชายหลายๆ คนอาจจะมองข้ามการดูแลผิวหน้า แต่จริงๆ แล้วหน้าตาสามารถบ่งบอกได้ถึงสุขภาพและการถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึกได้ ดังนั้น การมาส์กหน้าจะช่วยปลอบประโลมผิวหน้าได้อย่างอ่อนโยนและช่วยให้ผิวสดชื่น เปล่งปลั่งได้ในทันที หากว่าที่เจ้าบ่าวกังวลว่าจะใช้มาส์กหน้าแบบไหนดี ลองปรึกษาว่าที่เจ้าสาวของคุณสิคะ มาส์กหน้าคู่กันก็จะยิ่งช่วยสร้างบรรยากาศที่น่ารักก่อนวันแต่งงานด้วยนะ แค่คิดก็เขินแล้ว ><

2. ห้ามดื่ม!

ใช่แล้วค่ะ ห้ามดื่มในคืนก่อนแต่งงานเด็ดขาด เพราะแอลกอฮอล์จะทำให้ผิวหน้าของคุณไม่สดใสและดูหมองคล้ำได้ สิ่งสำคัญที่สุดคือ แอลกอฮอล์จะทำให้ใบหน้าของคุณบวมในวันถัดไปด้วยหน่ะสิ วันแต่งงานจะหมดหล่อเพราะแอลกอฮอล์ไม่ได้เลยนะ!!

3. ดื่มน้ำเปล่า

น้ำเปล่าจะช่วยเติมเต็มน้ำให้กับผิวหน้าและร่างกาย เมื่อคุณตื่นนอนมาควรจะดื่มน้ำมากๆ แล้วก็อย่าลืมพกขวดน้ำไว้ดื่มระหว่างวันด้วย เพราะปริมาณน้ำที่ร่างกายควรได้รับต่อวันอยู่ที่ประมาณ 8-10 แก้ว แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวของแต่ละคนด้วยนะคะ นอกจากนี้ว่าที่เจ้าบ่าว-เจ้าสาว คงจะยุ่งในการเตรียมงาน จึงควรจะดื่มน้ำมากๆ เพื่อที่จะไม่เป็นลมระหว่างงานด้วย

4. ตั้งเวลาเข้านอน

วันสำคัญของคุณไม่ควรจะสายนะ การตั้งนาฬิกาปลุกก่อนนอนจึงสำคัญมากๆ เพื่อป้องกันความกังวลและความตื่นเต้นในคืนก่อนแต่งงาน หรือถ้าคุณจะบอกเพื่อนเจ้าบ่าวให้มาปลุกในตอนเช้าก็ดีเหมือนกันนะ เป็นการป้องกันที่ดีมากๆ หากคุณเป็นคนตื่นยาก หรือว่าร่างกายอาจจะเหนื่อยล้าเกินไป

5. ส่องกระจกเช็คความหล่อ

คืนก่อนแต่งงาน

เช็คทรงผมและโกนหนวดบนใบหน้าให้เรียบร้อย เพื่อให้ใบหน้าเกลี้ยงเกลา ลองผูกเนคไทอีกครั้งเพื่อความชัวร์ว่าคุณสามารถผูกได้อย่างมืออาชีพ และอย่ากังวลหรือเครียดจนเกินไปนะคะ คุณควรปล่อยวางและยิ้มมากๆ เพราะเจ้าสาวก็อยากจะเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขของคุณนะ

6. ตรวจเช็ครายละเอียดสำคัญ

ตรวจสอบให้มั่นใจว่าแขกผู้ใหญ่ทราบกำหนดการและสถานที่งานแต่งเรียบร้อยแล้ว ประสานงานกับเวดดิ้งแพลนเนอร์ให้แน่ใจว่าเตรียมการครบทุกอย่างตามที่วางแผนไว้ รวมถึงแผนสำรองป้องกันในเหตุฉุกเฉิน เพื่อให้ภายในงานดำเนินไปอย่างราบรื่น

7. เตรียมของขวัญพิเศษให้ว่าที่เจ้าสาว

คืนก่อนแต่งงาน

ก็ไม่ใช่ถึงกับว่าจะเป็นเจ้าบ่าวสายเปย์นะ แต่การเตรียมของขวัญเล็กน้อยให้เจ้าสาว เพื่อเป็นการขอบคุณและดูแลเธอ ไม่ว่าจะเป็นการเขียนจดหมายบอกความในใจ หรือเตรียมแชมเปญเพื่อฉลองกันในคืนวันแต่งงาน เพียงเท่านี้ก็ทำให้วันที่สำคัญนั้นพิเศษอย่างมหัศจรรย์ และอย่าลืมตระเตรียมให้ถูกที่ ถูกเวลาด้วยนะ เจ้าสาวจะได้เซอร์ไพรส์คูณสองไปเลย

8. เพียงแค่บอกว่า “ผมรักคุณ”

คืนก่อนแต่งงาน

“ผมรักคุณ” ประโยคสั้นๆ ที่ทำให้หัวใจพองโตด้วยความรัก ไม่ว่าจะกระซิบบอกเธอข้างหูด้วยโทนเสียงที่น่ารักและอบอุ่น หรือจะเขียนโน้ตแปะตามที่ต่างๆ และต้องเป็นที่ที่เจ้าสาวของคุณจะเห็นได้ชัดๆ ด้วยนะ ลองคิดดูสิถ้าเจ้าสาวได้เห็นข้อความนี้ยามตื่นเช้าขึ้นมาจะมีความสุขมากขนาดไหนกัน และคุณเองก็มีความสุขไปด้วยใช่ไหมล่ะคะ <3

9. เตรียมคำกล่าวในงานแต่ง

ในวันแต่งงาน ไม่ว่าคุณจะพกความมั่นใจมามากแค่ไหน แต่รับรองว่าคุณต้องตื่นเต้นมากๆ จนอาจทำให้คุณลืมคำพูดที่จะกล่าวในงานไปแน่ๆ เพราะฉะนั้นเขียนโน้ตไว้กันลืมดีกว่านะ ไม่ว่าจะในมือถือ หรือกระดาษ แล้วซ่อนไว้ในกระเป๋าเสื้อสูทของคุณ และอย่าลืมฝึกพูดให้คล่องด้วยล่ะ

10. แหวน

คืนก่อนแต่งงาน

สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเจ้าบ่าวคือ แหวนแต่งงาน! หากคุณเตรียมให้มีคนถือแหวนล่ะก็ คุณควรจะเช็คให้มั่นใจว่าแหวนของคุณจะพร้อมสำหรับพิธีแต่งงานในวันรุ่งขึ้น หรือคุณจะเป็นคนเก็บแหวนไว้กับตัวเอง แต่อย่าเผลอไปลืมวางแหวนทิ้งไว้นะ เพราะเจ้าสาวของคุณต้องเป็นผู้ที่สวมแหวนวงนั้นน้า

ในเมื่อว่าที่เจ้าบ่าวเตรียมตัวพร้อมเรียบร้อย แล้วเจ้าสาวล่ะคะ? มาเช็คลิสต์กับ >> 10 สิ่งต้องทำในคืนก่อนแต่งงานแล้วทุกสิ่งจะสวยงามสมดั่งใจ

เครดิตข้อมูลจาก : glamour/ wedding ideasmag / ภาพจาก Pinterest

6 ไอเดียเสกอาหารในงานแต่งงานแสนเก๋ เพื่อสร้างความประทับใจขั้นสุด

อาหารในงานแต่งงาน เป็นปัจจัยหนี่งที่สำคัญที่สามารถทำให้แขกที่มาร่วมงานแต่งงานนั้นจดจำ และประทับใจ ทั้งยังนำรสชาติอาหารไปพูดต่อ และถ้าถามว่าชอบส่วนไหนมากที่สุดในงานแต่งงาน แน่นอนว่าส่วนใหญ่มักจะตอบว่าอาหาร ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้เวลาในการคิดให้ดี วันนี้เรารวมหลากหลายไอเดียที่น่าสนใจมาฝากกัน ถูกใจแบบไหนก็อย่าลืมหยิบไปใช้กันนะคะ 😉

Food Truck

อาหารในงานแต่งงาน

เป็นอีกหนึ่งไอเดียล่าสุดที่แฝงความกิ๊บเก๋ไว้ ที่เหมาะเป็นอย่างยิ่งกับงานแต่งงานที่จัดเอาท์ดอร์ ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนสไตล์ให้กลายเป็นค็อกเทลบาร์สำหรับงาน After Party ให้แขกทุกท่านได้สนุกสนานเพลิดเพลินไปกับการจิบเครื่องดื่มแอลกลอฮอร์เย็นฉ่ำ พร้อมเสียงเพลง นอกจากนี้ราคาก็ไม่สูง และยังบริการอาหารที่สดใหม่ และเครื่องดื่มสำหรับแขกที่มาร่วมงานด้วยวิธีที่ไม่ซ้ำใครอีกด้วย

Candy Bar Corner

อาหารในงานแต่งงาน

สรรสร้างงานแต่งงานสุดพิเศษให้น่าจดจำ ด้วยบรรยากาศ และรสชาติหอมหวานของขนมหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น ช็อคโกแลตบาร์ ลูกกวาด ถั่วเคลือบช็อคโกแลต และอื่นๆอีกมากมาย เนื่องจากไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเพศไหน ก็มักจะชอบหยิบขนมขบเคี้ยวเหล่านี้เข้าปากเสมอ ดังนั้นจึงเป็นไอเดียที่ดีที่จะทำให้แขกทุกท่านเพลิดเพลินไปกับขนมหวานกองใหญ่ที่มีให้เลือกสรรกันตามใจชอบ

Ice Pop in alcohol flavors

อาหารในงานแต่งงาน

น่าจะเป็นหนึ่งในไอเดียที่มีความน่าสนใจมากทีเดียวสำหรับงานแต่งงานที่มีเพื่อนมาร่วมงานเยอะ เพราะทำง่าย และยังสามารถทำได้เองอีกด้วย! อะไรจะดีไปกว่า การนำเครื่องดื่มแอลกลอฮอล์เหล่านั้นมาประยุกต์ในรูปแบบของไอศรีมแท่ง! ผสมผสานไปกับผลไม้ต่างชนิด เพื่อลิ้มรสชาติที่หลากหลาย อาจจะเป็นผลไม้ตามฤดูกาล หรือผลไม้เขตร้อนก็ช่างดูน่าอร่อยเช่นกัน

Vegetarian Food

งานแต่งงาน

ไอเดียนี้เหมาะสมเป็นอย่างยิ่งสำหรับคู่แต่งงานที่รักสุขภาพ หรืออยากทำให้งานแต่งงานของตัวเองเป็นที่น่าจดจำ และมีความแปลกแหวกแนวไปกว่าคู่อื่นๆ โดยการนำอาหารมังสวิรัติเข้ามามีบทบาทสำคัญในงานแต่งงาน นอกจากจะได้ทำบุญละเว้นเนื้อสัตว์แล้ว ยังอร่อย และดีต่อสุขภาพของทุกคนอีกด้วย

Make It Interactive

งานแต่งงาน

มุมสำหรับอาหารและขนม DIY ที่สามารถลงมือทำเองได้ โดยไม่ต้องรอใคร อยากจะกินอะไร แบบไหน รสชาติยังไงก็ผสมกันเอาเองตามใจชอบ เช่น มุมไอสครีม จะมีถ้วยไอสครีม เยลลี่ ผลไม้เชื่อม และช้อกโกแล็ตรสต่างๆให้เลือกสรร

Drink up

งานแต่งงาน

มุมเครื่องดื่มที่เป็นที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นซิกเนเจอร์ค็อกเทลที่คู่บ่าวสาวลงมือผสมกันเอง หรือว่าจะเป็นเครื่องดื่มอย่างอื่นที่ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เสมอไป อาจจะเป็น ชา กาแฟ นมและเครื่องดื่มอุ่นๆก็ดูน่าอร่อยไม่แพ้กัน

>> ดูไอเดียงานแต่งงานและคำแนะนำเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย! <<

cr : thesukosol.com, wedmegood.com, eatdrinkpretty.com, occasionlab.com, vhlending.com, hambycatering.com

จัดพานขันหมากให้ถูกหลักตามตำรับไทยแท้ไม่ยากอย่างที่คิด

จัดพานขันหมาก ให้ถูกต้องตามประเพณีไทย ไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิดนะ

กลายเป็นข้อสงสัยแบบไม่รู้จบกับการจัดพานขันหมากสำหรับพิธีแต่งงานแบบไทยที่มีทั้ง “พานขันหมากเอก” และ “พานขันหมากโท” หลายคนถามเข้ามาหลังไมค์ว่าสองอย่างนี้ต่างกันอย่างไร แล้ว จัดพานขันหมาก แบบไหนจึงจะถูกต้อง เราจึงสายตรงหาผู้เชี่ยวชาญนำคำตอบมาบอกกัน

 “พานขันหมากเอก” มี 1 พาน โดยในพานจะบรรจุสิ่งของดังนี้

  • พลูจีบ นำมาพนมเข้ากันประมาณ 50-60 คำ ให้สวยงามพอดีกับขนาดของพาน (ส่วนมากจะนิยมใช้พานขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 8-9 นิ้ว)
  • เจียนหมากเป็นคำๆ ขนาดพองาม จำนวน 9 คู่
  • ถั่ว งา ข้าวเปลือก ข้าวตอก ใส่ไว้ในถุงเงิน ถุงทอง
  • ใบเงิน ใบทอง ใบนาค
  • ดอกไม้มงคล เช่น ดอกรัก ดอกดาวเรือง ดอกบานไม่รู้โรย

หลังจากที่ฝ่ายเจ้าบ่าวเจ้าสาวตรวจสอบสินสอดว่าครบถ้วนตามจำนวนที่ตกลงกันไว้แล้ว พ่อแม่ของทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาว จะหยิบหมากพลูในพานขันหมากเอกแจกจ่ายให้กับญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่าย เพื่อแสดงถึงการยอมรับเข้ามาเป็นทองแผ่นเดียวกันของทั้งสองครอบครัว

“พานขันหมากโท” มี 1 พาน โดยในพานจะบรรจุสิ่งของดังนี้

  • ใบพลู 9 เรียง เรียงละ 9 ใบ
  • หมากจำนวน 9 คู่ ไม่ต้องเจียนออกเป็นคำๆ แต่ให้ใส่ลงไปทั้งลูก โดยปาดส่วนหัวออกเล็กน้อยแล้วใช้ปูนแดงทาให้สวยงาม จากนั้นจัดวางหมากทั้งหมดเป็น 3 กระจุก ซึ่งหมายถึงครอบครัวที่ประกอบด้วย พ่อ แม่ และลูก

สิ่งสำคัญสำหรับพานขันหมากโทรคือ ขอให้บ่าวสาวและญาติผู้ใหญ่จำไว้ว่า “ในขณะทำพิธี ห้าม! หยิบของในพานขันหมากโทออกไปใช้เด็ดขาด” เมื่อเสร็จพิธีแล้ว ให้บ่าวสาวนำไปบูชาพระและขอพรให้ครอบครัวมีความสุข มีลูกมีหลานที่ดี แล้วจึงเก็บไว้ในห้องพระ 7-9 วัน หลังจากนั้นจะนำไปลอยน้ำ หรือฝังดินก็ตามแต่ความสะดวก (ส่วนมากจะนิยมนำไปลอยน้ำมากกว่า)

ลงรายละเอียดลึกและชี้ชัดกันมาขนาดนี้ หวังว่าคงจะไขข้อสงสัยให้บ่าวสาวได้หลายคู่ ต่อจากนี้จะได้จัดทั้งพานขันหมากเอก และพานขันหมากโทแบบถูกต้องเป๊ะๆ ตามตำรับไทยแท้กันแล้วนะคะ

บทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับพิธีไทย >>> เซฟไว้และทำตาม…กำหนดการพิธีแต่งงานเช้าชั่วโมงต่อชั่วโมง

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : บ้านดอกไม้ไทย ฐาวรีย์ กรุ๊ป โทร. 08-1929-9642

เช็คกันหน่อย…8 เรื่องนี้คุณทำได้ดีแค่ไหนในปีแรกของ ชีวิตแต่งงาน

คู่ไหนบ้างที่กำลังจะครบรอบแต่งงาน 1 ปีคะ? เพราะวันนี้เราอยากให้คุณเช็คกันสักหน่อยว่า ความสัมพันธ์ของคุณกับคนที่คุณเรียกว่า “คู่ชีวิต” ในปีแรกของ ชีวิตแต่งงาน เป็นอย่างไรบ้าง ราบรื่นอย่างที่คิดหรือผิดแปลกไปจากที่ฝันไว้ มีเรื่องไหนบ้างที่คุณต้องทบทวนและตอบให้ได้ว่าคุณทำหน้าที่คู่ชีวิตได้ดีแค่ไหน ไปดูกันค่ะ

ปรับตัวเข้าหากันได้ดีไหม?

เรื่องแรกที่เราอยากให้คุณเช็คตัวเองคือ คุณได้ทำการปรับตัวเองเข้าหาอีกฝ่ายบ้างหรือยัง แม้คุณจะบอกว่าแต่งงานไปก็สามารถใช้ชีวิตได้เหมือนเดิมก็เถอะ แต่เอาเข้าจริงๆ การใช้ชีวิตคู่ของคุณย่อมมีการปรับตัวบ้างไม่มากก็น้อย เพราะตอนนี้คุณต้องมาใช้ชีวิตร่วมกันใต้ชายคาเดียวกัน ไม่เกี่ยวว่าเป็นบ้านใครคนใดคนหนึ่งหรือเป็นบ้านของคุณเอง เพราะไม่ว่าจะอยู่บ้านไหน ระหว่างคุณสองคนก็ต้องปรับตัวเข้าหากันอยู่ดี แต่คุณสังเกตเห็นหรือเปล่าว่าคุณหรืออีกฝ่ายปรับตัวกันอยู่ไหม แล้วมันส่งผลอย่างไรกับการใช้ชีวิตร่วมกัน ถามตัวเองอีกนิดว่าตอนที่ปรับตัวเนี่ย รู้สึกเต็มใจจะทำหรือทำไปให้ผ่านๆ เพราะไหนๆ ก็แต่งกันไปแล้ว ถ้าความรู้่สึกเทมาประเด็นหลัง บอกเลยค่ะว่าคุณยังทำได้ไม่ดีพอ

ยอมรับเรื่องไม่คาดคิดที่เพิ่งได้รู้ก็เมื่อแต่งงานไปแล้วได้ดีแค่ไหน?

เมื่อก่อนแค่ไปรับ-ส่งที่บ้าน ตอนนี้ต้องอยู่ด้วยกันมากขึ้น เวลาเจอเรื่องใหม่ๆ ที่ผิดวิสัยคนทั่วไปทำหรือคุณไม่เคยรู้มาก่อนว่าอีกฝ่ายเป็นแบบนี้ คุณรู้สึกแบบไหนและยอมรับได้หรือเปล่า ซึ่งเรื่องที่เราว่านี้อาจไม่ใช่เรื่องเครียดอะไรมากมาย แต่เป็นเรื่องทั่วไปของชีวิตอีกคนที่คุณไม่เคยรู้มาก่อน เช่น เดินๆ อยู่แล้วผายลมออกมาหน้าตาเฉย, มีอาการติดไอแพดขั้นสูงถึงขนาดคุณรู้สึกเหมือนไม่มีตัวตน, ชอบตื่นมากลางดึกทุกๆ เที่ยงคืนถึงตีหนึ่งเพื่อควานหาของกินแล้วนอนต่อ โดยไม่แปรงฟัน หรือแม้แต่ท่านั่งแสนสบายในแบบที่คุณไม่เคยเห็น คุณรู้สึกยังไง? คุณยอมรับได้ไหมและรับมือได้ดีหรือเปล่าเมื่อเผชิญกับสิ่งเหล่านั้น

จัดสมดุลเวลา 24 ชั่วโมงของคุณทั้งคู่ได้ดีแค่ไหน?

แม้จะแต่งงานกันไปแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่า 24 ชั่วโมงของคุณต้องมีกันและกันเสมอไป สิ่งสำคัญคือ คุณจัดลำดับความสำคัญและใช้เวลาร่วมกันได้ดีแค่ไหน และทุกครั้งที่ได้ใช้เวลาด้วยกันเป็นเวลาทรงคุณภาพ (Quality Time) หรือเป็นแค่ปริมาณของระยะเวลาที่มีให้กันที่ก็แค่นอนเตียงเดียวกัน ตื่นเช้ามาแยกย้ายไปทำงานอะไรแบบนั้นหรือเปล่า ลองเช็คตัวเองและพิจารณาพฤติกรรมของคุณดูเองละกัน

เข้ากับครอบครัวของอีกฝ่ายได้ดีแค่ไหน?

ปีแรกของการแต่งงานก็คือปีแรกที่คุณได้ครอบครัวใหม่มามากกว่าครอบครัวของคุณเอง เพราะคุณคือสามาชิกใหม่ของครอบครัวอีกฝ่าย ลองเช็คดูค่ะว่าคุณสามารถกลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกับอีกบ้านได้ดีแค่ไหนหรือพูดอะไรไปแล้วโดนเมินใส่ พูดไปแล้วยังรู้สึกเหมือนเป็นคนนอก และอึดอัดทุกครั้งที่มีการเจอกันทั้งตระกูล ถ้ายังรู้สึกว่าแปลกแยก เรื่องนี้ต้องใช้เวลาสักหน่อย แต่สำคัญกว่านั้นคือ ถ้ารู้สึกเข้ากันได้ยังไม่ดีอย่าเก็บไว้ บอกคนกลางอย่างคู่ชีวิตของคุณให้ได้รับรู้ไว้บ้างก็ดี

เรื่องเงินๆ ทองๆ ลงตัวดีไหม?

บางคนบอกว่าลงตัวสิเพราะแยกกระเป๋ากันมาตั้งแต่เป็นแฟน แต่คุณอย่าลืมนะว่าเมื่อเป็นสามีภรรยาแล้ว การแยกกระเป๋าแบบเดิมๆ คุณโอเคหรือเปล่า เพราะบ้านที่อยู่ร่วมกันย่อมมีการใช้ของบางอย่างร่วมกัน ฉะนั้นรูปแบบการใช้เงินที่คุณทำอยู่ยังโอเคจริงไหม หรือการที่คุณตกลงกันไว้ว่าค่าใช้จ่ายเล็กๆ น้อยๆ ในบ้านอย่างการซื้อของเข้าบ้านเป็นหน้าที่ของฝ่ายหญิง ส่วนเรื่องใหญ่ๆ เงินก้อนโตๆ อย่างค่าผ่อนบ้านคุณผู้ชายดูแล เอาเข้าจริงมันโอเคใช่ไหม ถ้าไม่โอเคคุณทำอย่างไร อะไรที่เรียกว่าลงตัวดีในความรู้สึกของคุณ ไหนตอบตัวเองสิคะ

ทำเรื่องบนเตียงโอเคได้ดีแค่ไหน?

สามีภรรยามีอะไรกันเป็นเรื่องธรรมดา ไม่เกี่ยวว่าก่อนหน้าที่จะแต่งงานเคยมีอะไรกันมาก่อนหรือเปล่า เพราะตอนนี้คุณนอนร่วมเตียงกันทุกคืน ยิ่งการเป็นคู่รักปีแรกด้วยแล้วละก็ ความรู้สึกพิศวาสยังมีอยู่ในเปอร์เซนต์ที่สูงไหม เพราะโอกาสจะมีเพศสัมพันธ์เกิดขึ้นได้เท่าที่สองคนยินยอมพร้อมใจและยังถูกต้องตามวิถีพึงเป็น แต่ในที่นี่เราไม่ได้พูดถึงความถี่บ่อยเท่านั้น  แต่ดีแค่ไหนคือสไตล์ต่างหากว่าเข้ากันได้ดีไหม คุณแชร์สิ่งที่รู้สึกกันได้ดีหรือเปล่า หรือแม้แต่ปัญหาเรื่องอย่างว่าช่วยกันแก้ไขยังไง เรื่องนี้สำคัญนะคะ ลองเช็คดูอย่างมีสติ เอาใจเขามาใส่ใจเราแล้วคุณจะได้คำตอบที่เป็นกลาง

สื่อสารระหว่างกันดีแค่ไหน?

ในการอยู่ร่วมกันปีแรก คือเวลาที่คุณได้เข้าใกล้กันและเรียนรู้กันมากกว่าเดิม เป็นช่วงเวลาของการเริ่มต้นสื่อสารกันอย่างเปิดอกในฐานะสามีภรรยา ซึ่งในปีแรกที่เริ่มต้นอยู่ด้วยกันนั้นการสื่อสารและผลที่ออกมา จะเป็นแนวทางให้คุณได้ทิศทางที่เหมาะสมของคู่ตัวเองได้นะคะ ลองเช็คดูง่ายๆ ว่าเวลามีปัญหาขึ้นมา คุณคือคู่รักที่เปิดอกสื่อสารกันตรงไปตรงมาหรือเปล่า แล้วหลังจากสื่อสารไปแล้วได้ผลแบบไหนบ้าง ซึ่งการสื่อสารที่ว่านี้ ไม่ใช่แค่เรื่องปัญหาที่เกิด แต่รวมถึงเมื่อคุณแชร์สิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิต เช่นเรื่องการทำงาน การจราจร เรื่องเพื่อนสนิทให้ฟังอีกฝ่ายได้รับรู้ เขามีปฏิกริยาอย่างไร ถ้าแค่ฟังไปแต่ไม่หือไม่อือแบบนี้ไม่ไหวนะคะ เพราะนั่นมีแนวโน้มว่ารูปแบบในการสื่อสารของคุณอาจไม่ได้ผลหรือบางทีคุณอาจไม่รู้จักวิธีสื่อสารที่เหมาะสมกับอีกฝ่ายก็เป็นได้

เข้าใจหรือเคยชิน…คุณใช้คำไหนมากกว่ากัน?

เรื่องสุดท้ายที่เราอยากให้คุณรีเช็คกันว่า ปีแรกของการแต่งงาน ความรักของคุณยังดีอยู่ไหมก็คือ ความรู้สึกที่อยู่ร่วมกันไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรืออีกฝ่ายมีพฤติกรรมแบบไหนซึ่งเป็นสิ่งที่คุณไม่ชอบใจ ไม่คุ้นเคย คุณรู้สึก “เข้าใจ” ในสิ่งที่อีกฝ่ายเป็นแล้วยอมรับกับสิ่งนั้นได้อย่างดี หรือคุณรู้สึกว่า “เคยชิน” เพราะอยู่กันไปและเจอแบบนั้นบ่อยๆ ก็รู้สึกชินชา ซึ่งถ้าคำตอบของคุณคือ อยู่ๆ ไปก็ชิน เราแนะนำว่า ในก้าวต่อไปของชีวิตคู่ที่กำลังจะเข้าสู่ปีที่สอง ขอให้ลดคำว่าเคยชินมาเป็นเข้าใจให้มากขึ้น แล้วสัญญาณดีๆ ในชีวิตคู่จะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน

ถ้าคำตอบจาก 8 ประเด็นที่เราบอกคุณไปคือ คุณมั่นใจว่าคุณทำได้ดีมากกว่า 4 ประเด็น เราก็ขอแสดงความยินดีด้วย เพราะนั่นหมายความว่าคุณเริ่มต้นชีวิตคู่ในปีแรกได้ค่อนข้างดี และมีแนวโน้มว่าปีต่อๆ ไป ถ้าคุณยังรักษามาตรฐานไว้ได้ ชีวิตคู่ของคุณจะมีความสุขมากขึ้นๆ แต่ถ้าคำตอบที่ได้ยังไม่น่าปลื้ม ขอให้ลองดูอีกสักตั้ง อย่าเพิ่งยกธงขาวซะละ เพราะของแบบนี้ต้องใช้เวลาค่ะ

อ่านบทความเพิ่มเติม

ใช่หรือไม่? กับ 7 สัญญาณกระตุ้นหัวใจว่าคนนี้แหละคือคู่ชีวิต

5 กิจวัตรชีวิตคู่ต้องทำตามเพื่อชีวิตรักสุดสตรอง

10 ดอกไม้งานแต่ง ความหมายดีๆ ช่วยเสริมรักนี้ให้ยาวนาน

ดอกไม้งานแต่ง ความหมายดี มีอะไรบ้างน้า??

ดอกไม้กับงานแต่งงานถือเป็นของคู่กัน เพราะด้วยสีสันที่สวยงามอ่อนหวานช่วยสร้างบรรยากาศความรักอันแสนโรแมนติก ผสานกับกลิ่นหอมอันเย้ายวนชวนให้เคลิบเคลิ้มกับความรักสุดประทับใจของคู่บ่าวสาว แต่นอกเหนือจากความสวยงามแล้ว ดอกไม้ชนิดต่างๆ ที่เลือกสรรนำมาใช้ในงานแต่งงาน ยังแฝงด้วยความหมายมงคลที่เกี่ยวกับความรัก แพรว wedding จึงนำ 10 ดอกไม้งานแต่ง ที่เวิร์กทั้งงานไทยงานสากล
ดอกไม้งานแต่ง
ดอกรัก
ด้วยชื่อตรงตัวที่สื่อถึงความรักของคู่บ่าวสาว จึงนิยมนำมาใช้ในพิธีมงคลสมรส ไม่ว่าจะเป็นนำมาร้อยเป็นมาลัยบ่าวสาว ตกแต่งพานขันหมาก หรือโปรยบนที่นอนในพิธีปูที่นอน

 ดอกไม้งานแต่ง
ดอกกุหลาบ
ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความรัก โดยดอกกุหลาบสีแดงเป็นดอกไม้ของกามเทพ หมายถึงความรัก ความปรารถนา นำโชคให้กับผู้ที่ได้รับ สีชมพูหมายถึงความรักที่สุขสมบูรณ์ และสีขาวหมายถึงความรักที่บริสุทธิ์ สงบ มิตรภาพ

ดอกไม้งานแต่ง
ดอกมะลิ
ด้วยสีขาวบริสุทธิ์และกลิ่นหอม จึงสื่อความหมายถึงความรักที่บริสุทธิ์ หอมหวนไปชั่วนิรันดร์

ดอกไม้งานแต่ง
ดอกบานไม่รู้โรย
สื่อถึงความรักของคู่บ่าวสาวที่จะมั่นคงยั่งยืน ปราศจากความโรยราแปรผัน และยังมีความเชื่อว่าการปลูกดอกบานไม่รู้โรยไว้ในบ้านจะช่วยเสริมดวงเรื่องความรักthaitechno
ดอกพุด
ด้วยชื่อที่แปลว่าความสมบูรณ์แข็งแรง จึงสื่อความหมายถึงความรักที่มั่นคง ไม่หวาดหวั่นต่ออุปสรรคใดๆ และด้วยสีขาวสะอาดตา จะนำพาซึ่งความสดใส ไร้ความมัวหมอง

panoramio
ดอกดาวเรือง
สื่อความหมายถึงความรักที่เจริญรุ่งเรืองของครอบครัวใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น  มีเงินทองเหลืองอร่ามอย่างสีของดอกดาวเรือง

projectwedding
ดอกคาร์เนชั่น
เป็นสัญลักษณ์ของการเฉลิมฉลอง ชาวกรีกโรมันนิยมใช้ในการแสดงความยินดี โดยดอกคาร์เนชั่นสีแดงหมายถึงการแสดงความรัก สีชมพูหมายถึงความรักที่กำลังผลิบาน สีขาวหมายถึงรักแท้ และสีเขียวหมายถึงความมั่นคงในรัก

img-07-01
ดอกเบญจมาศ
เป็นดอกไม้อีกชนิดหนึ่งที่นำมาใช้ในงานมงคลสมรส ดอกเบญจมาศสีแดงหมายถึงการรักใคร่ชอบพอกัน สีขาวหมายถึงรักที่ซื่อสัตย์ และสีเหลืองหมายถึงความโชคดี

080
ดอกทานตะวัน
เป็นดอกไม้ที่สื่อถึงความรักที่มั่นคง อดทน และฟันฝ่าอุปสรรคมาด้วยกัน หากใช้ในการแสดงความยินดีจะหมายถึงความเลื่อมใสในความเข้มแข็งจนประสบความสำเร็จ

kyasro
ดอกลิลลี่
ตัวแทนแห่งความรักอันอ่อนหวาน โดยดอกลิลลี่สีชมพูหมายถึงการพบความรักที่ดีที่สุด สีส้มหมายถึงความรักที่สดใสมีชีวิตชีวา สีเหลืองหมายถึงความรักที่เต็มไปด้วยความห่วงใย และสีขาวหมายถึงความรักที่จริงใจ

ว่าแล้วก็ตามไปส่อง >> 7 ดอกไม้งานแต่งของไทยความหมายมงคล << กันต่อเลย

ภาพ : www.choysikebana.com, www.gotoknow.com, www.kyasro.com, www.yokosojapan.org, www.kyasro.com, www.panoramio.com, www.pantip.com, www.projectwedding.com, www.thaitechno.com a a

15 ไอเดียเนรมิตเต็นท์ในงานแต่งให้เก๋ไก๋จนแขกร้องว้าว

บ่าวสาวที่อยากจัดงานแต่งงานท่ามกลางบรรยากาศแบบเอ๊าท์ดอร์ในตอนกลางวัน แต่ก็แอบเกรงใจว่าแขกอาจจะต้องร้อนจากแสงแดดที่สาดส่องลงมา จึงเลือกที่จะจัดงานภายในเต็นท์ที่สามารถบังแดดได้และยังอยู่ท่ามกลางบรรยากาศแบบเอ๊าท์ดอร์ แต่ก็กังวลว่าแล้วเต็นท์ธรรมดาๆ จะทำยังไงให้สวยสมกับเป็นงานแต่งงานดี แพรว wedding เลยมีไอเดียการแปลงโฉม เต็นท์ในงานแต่ง มาฝาก

เต็นท์ในงานแต่ง

แชนเดอเลียเขียวชอุ่ม

เสริมความสดใสท่ามกลางบรรยากาศสวนสวยให้ดูเข้ากันด้วยแชนเดอเลียใบไม้สีเขียวชอุ่ม ที่นอกจากจะเข้ากับบรรยากาศแล้วยังช่วยสร้างสีสันให้กับเต็นท์สีขาวได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

สร้างพื้นที่แดนซ์ฟลอร์

บ่าวสาวสามารถครีเอทพื้นที่แดนซ์ฟลอร์ได้ด้วยตัวเอง อาจจะเลือกเป็นแผ่นไม้เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศสวน หรือจะเลือกเป็นพื้นขาวดำที่ให้อารมณ์ทัยสมัย ซึ่งนอกจากจะเอาไว้เพื่อเต้นรำแล้ว บ่าวสาวอาจจะใช้พื้นที่นี้ในการกล่าวคำขอบคุณสำหรับแขกก็ได้เช่นกัน

แชนเดอเลียดอกไม้สดใสสุดขีด

โรแมนติกสุดๆ ไปเลยค่ะคุณขา เพราะเมื่อแหงนหน้าขึ้นไปก็พบกับความสดใสสุดๆ กับหมู่มวลดอกไม้หลากสีนานาพันธุ์ เป็นอีกหนึ่งไอเดียที่จะช่วยทำให้เต็นท์สีขาวแบบเดิมๆ ไม่น่าเบื่ออีกต่อไป

ทางเข้าสุดเก๋

เพื่อให้แขกและบ่าวสาวได้มีมุมสำหรับถ่ายภาพอีกหนึ่งมุม ไอเดียการสร้างซุ้มทางเข้าก็เจ๋งไม่ใช่น้อย ถือเป็นเหมือนแบ็คดร็อปสำหรับถ่ายภาพที่จะช่วยเสริมให้งานแต่งของบ่าวสาวไม่จืดชืด

ชิงช้าสุดน่ารัก

ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่หากเห็นชิงช้าก็อยากจะนั่งทุกคนไป แถมงานนี้ชิงช้ายังช่วยเสริมให้งานแต่งของบ่าวสาวเก๋ขึ้นไปอีก และเชื่อเถอะว่านี่จะเป็นอีกหนึ่งมุมสุดเจ๋งที่แขกต้องแย่งกันถ่ายภาพ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องแน่ใจว่าช่างแขวนชิงช้าเอาไว้ให้คุณอย่างแข็งแรงและปลอดภัยด้วยนะคะ

เล่นกับสีสันสุดหวาน

ท่ามกลางบรรยากาศสีเขียวของสวนและเต็นท์สีขาวสะอาดตา บ่าวสาวอาจจะเลือกใช้สีสันสุดอ่อนหวานหรือเฉดสีพาสเทลมาเป็นลูกเล่นเพื่อช่วยเสริมงานแต่งของคุณให้มีอารมณ์โรแมนติกสมกับเป็นวันพิเศษมากขึ้น

แสงสว่างท่ามกลางหมู่ดอกไม้

แสงสว่างและดอกไม้เป็นสองสิ่งที่จะช่วยเสริมให้งานแต่งของบ่าวสาวโรแมนติกมากขึ้น และเต็นท์แบบผ้าแคนวาสก็เข้ากันเป็นอย่างดีหากบ่าวสาวจัดงานในสไตล์โบฮีเมียน เพราะฉะนั้นควรเลือกดอกไม้สีสันสดใสมากๆ มาประดับตกแต่งเพื่อช่วยเสริมให้สีน้ำตาลของผ้าแคนวาสไม่จืดชืด

เถาวัลย์ลดเลี้ยวรอบเสา

แน่นอนว่าเต็นท์จะต้องมาพร้อมเสา เพราะฉะนั้นบ่าวสาวจึงต้องเสกเสาธรรมดาๆ ให้กลายเป็นต้นไม้ที่มีเถาวัลย์สีเขียวพันเกี่ยวลัดเลาะไปรอบๆ ซึ่งนอกจากจะช่วยพรางเสาได้แล้ว ยังให้อารมณ์สดชื่นสุดๆ ไปอีก

ตะเกียงส่องรัก

โดดเด่นไม่ซ้ำใครด้วยการห้อยตะเกียงไว้ที่ด้านบนของเต็นท์ ให้อารมณ์เหมือนอยู่ในโลกเทพนิยายนิดๆ แล้วอย่าลืมใส่เทียนเพิ่มความโรแมนติกไว้ด้านในหากบ่าวสาวจัดงานตอนกลางคืน และต้องคำนึงถึงความปลอดภัยด้วยนะคะว่าตะเกียงจะไม่หล่นลงมาระหว่างที่แขกกำลังเพลิดเพลินกับมื้ออาหารอยู่

ต้นไม้เพิ่มความใกล้ชิดธรรมชาติ

เสริมให้บรรยากาศภายในเต็นท์ดูใกล้ชิดธรรมชาติเข้าไปอีกกับต้นไม้ขนาดย่อม ที่แขวนเทียนหรือโหลแก้วใบเล็กๆ ไว้ หรือจะเลือกเป็นตะเกียงดีไซน์เก๋ๆ ก็ช่วยให้งานของบ่าวสาวดูสวยงามแบบร่วมสมัยได้ไม่น้อย

ตะเกียงแบบตะกร้า

นี่แหละความน้อยแต่มากของจริง! กับตะเกียงแบบตะกร้าที่ใส่ดวงไฟไว้ด้านในเพื่อความโรแมนติก แถมยังให้กลิ่นอายแบบชายทะเลนิดๆ อีกด้วย

แชนเดอเลียสุดหรู

ไม่ต้องหาอะไรมาเสริมให้ยุ่งยากและปวดหัว เพราะเพียงแค่บ่าวสาวเลือกแชนเดอเลียสวยๆ สักอันมาประดับ เท่านี้ก็ดูดีจนแขกต้องเอ่ยปากชมแล้ว

เต็นท์เค้ก

สร้างกิมมิกด้วยการเพิ่มเต็นท์เค้กก็เป็นไอเดียที่ดีไม่น้อย แถมบ่าวสาวยังได้มุมน่ารักสำหรับการถ่ายภาพเพิ่มมาอีกด้วย

เต็นท์แบบใสให้อารมณ์สมจริง

จัดงานท่ามกลางสวนสวยทั้งทีก็ต้องแหงนหน้าไปแล้วได้พบเห็นใบไม้และท้องฟ้ากันสักหน่อย เพราะฉะนั้นการเลือกเต็นท์แบบหลังคาใสจะช่วยให้งานแต่งของบ่าวสาวดูโดดเด่นและใกล้ชิดธรรมชาติขึ้นมาทันที

ไฟปิงปองสุดคลาสสิค

ไม่ต้องเน้นหรูแบบแชนเดอเลียก็สร้างความโดดเด่นให้เต็นท์แต่งงานได้ ด้วยการเสริมไฟปิงปองที่ห้อยไว้ด้านบน รับรองว่าแสงไฟสีส้มในยามค่ำคืนจะช่วยเสริมให้บรรยากาศในเต็นท์โรแมนติกขึ้นได้อย่างแน่นอน

>> ดูไอเดียงานแต่งงานเพิ่มเติมอีกเพียบ คลิกเลย! <<

ภาพ : www.marthastewartweddings.com, www.insideweddings.com

5 เคล็ดลับเอาชนะใจพ่อแม่แฟนแบบขาดลอย

พ่อแม่แฟนรักและเอ็นดูคือสุดยอดปรารถนาที่คนมีความรักต้องการแทบทั้งนั้น ว่าแต่จะทำยังไงให้ท่านปลื้มในตัวคุณใช่ไหมล่ะ แพรว wedding ขอบอกตรงนนี้เลยว่า แค่ทำ 5 เรื่องต่อไปนี้ให้ดี รับรองว่าคุณจะ ชนะใจพ่อแม่แฟน ได้แบบขาดลอย

เข้าตามตรอก ออกตามประตู : ไม่มีผู้ใหญ่คนไหนไม่ชื่นชมคนที่เปิดตัวขอคบกับลูกของท่านแบบตรงไปตรงมา ไม่ลักลอบแอบคบแอบคุย ฉะนั้นเรื่องแรกที่คุณต้องทำเพื่อให้ท่านปลื้มก็คือ การเข้าตามตรอกออกตามประตู เดินเข้าไปทำความรู้จักและแสดงความจริงใจที่มีต่อลูกของท่านเลย รับรองว่าคุณจะได้คะแนนจากท่านไปครองในข้อนี้อย่างแน่นอน

รักษาคำพูด : ไม่ใช่แค่บอกว่าจะรักลูกของท่านไปจนวันตายในวันแต่งงานเท่านั้น แต่ควรรักษาคำพูดในทุกเรื่องที่ได้เอ่ยปากกับท่านทั้งก่อนและหลังแต่งงาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการรักษาเวลาที่จะมาส่งถึงบ้านก็ควรรักษาคำพูดตามนั้น หรือหากบอกว่าจะปรับปรุงตัวเรื่องใดๆ ที่ท่านแนะนำก็ควรจำและพยายามทำให้ได้ ทริคของเรื่องนี้ที่แพรว wedding อยากแนะนำมากๆ คือ อะไรที่ไม่มั่นใจว่าทำไม่ได้ อย่าได้พูดสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะ เพราะถ้าพลาดขึ้นมา คุณนั่นแหละเสียเครดิต

ไม่ล้ำเส้น : แม้คุณจะสนิทสนมกับครอบครัวของแฟนคุณมากแค่ไหน แต่เรื่องในครอบครัวของอีกฝ่ายก็ยังคงเป็นเรื่องของครอบครัวนั้นๆ อย่าได้ออกความเห็นหรือวิจารณ์ออกไปแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ เพราะนอกจากสมาชิกในบ้านจะไม่ชอบใจแล้ว ดีไม่ดีเขาจะมองว่ากินเผือกมากไปหรือเปล่า

เอื้อเฟื้อมีน้ำใจ : ข้อนี้พิเศษนิดนึงค่ะ ไม่ต้องมีน้ำใจแบบสุดๆ จนตัวเองเดือดร้อน โดยเฉพาะเรื่องเงิน มีช่วยเท่าไหร่ก็ช่วย (ในกรณีที่อีกฝ่ายเดือดร้อนจริงๆ) หรือทำได้แค่ไหนก็แค่นั้น อย่าได้พยายามทุ่มทุนทำคะแนนถึงขนาดไปทำให้ตัวเองเดือดร้อน คำว่าเอื้อเฟื้อมีน้ำใจจึงต้องมีขอบเขต พิจารณาว่าเหตุการณ์ตรงหน้าควรนิ่งเฉย โชว์แมนหรือหรือแสดงน้ำใจ บางคนแยกไม่ออกเลยขอรักษาตัวรอดว่านิ่งไว้ดีกว่า ซึ่งกับบางสถานการณ์คือแล้งน้ำใจไปหน่อยนะจ้ะ

ไม่ทำตัวหงอ ไม่วางตัวข่ม : แพรว wedding สังเกตว่า หลายคู่ที่พออยู่ต่อหน้าพ่อแม่แฟนแล้ววางตัวแปลกไปจากเดิม โดยเฉพาะประเภทว่าจากอยู่กันปกติให้เกียรติกันทั่วไป แต่พออยู่ต่อหน้าพ่อแม่อีกฝ่ายกลับทำตัวหงอเกินเหตุ (อันนี้หนุ่มๆ ชอบทำ) ไม่ก็ทำตัววางอำนาจข่มไว้ก่อน (อันนี้ส่วนใหญ่สาวๆ ชอบเป็น) คุณเป็นยังไงควรเป็นอย่างนั้น และถึงแม้ในวันปกติจะหงอจริงหรือข่มหนัก เมื่ออยู่ต่อหน้าพ่อแม่แฟนขอให้ลดลงและเป็นตัวของตัวเองบนพื้นฐานการให้เกียรติอีกฝ่าย

ลองทำดูทั้ง 5 ข้อ รับรองว่าพ่อแม่เขาจะปลื้ม และแน่นอนว่าคุณจะได้คะแนนความรักจากท่านได้ไม่ยาก ทีนี้ล่ะ เวลาจะยกขันหมากไปสู่ขอ เปอร์เซ็นต์การเซย์เยสเต็มร้อยชัวร์

>> อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับความรักและความสัมพันธ์เพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย! <<

เรื่อง : ดอกปีบ
ภาพ : www.rd.com

จับเข่าคุยกัน กับ 6 เรื่องสำคัญที่ต้องเคลียร์ก่อนเกี่ยวก้อยเริ่มต้นชีวิตคู่

ชีวิตคู่ ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ยากจนเกินไปหากคุณเริ่มต้นกันด้วยความชัดเจน

คุณจะมั่นใจได้ยังไงใช่ไหมคะว่าคนที่คุณเลือก จะใช่คนที่จะอยู่กับคุณไปจนตลอดชีวิตจริงๆ เพราะแพรว wedding เชื่อว่ามีหลายคนที่ผ่านประสบการณ์การมี ชีวิตคู่ มาต้องเคยเจอกับคำว่า ‘ไม่คิดว่าเธอจะเป็นคนแบบนี้’ หรือ ‘ฉันคิดว่าเธอจะปรับตัวได้เมื่อเราอยู่ด้วยกัน’ ซึ่งบางทีความพลาดมันเริ่มที่คุณต่างหากที่ยังไม่ได้ทำความรู้จักตัวตนของอีกฝ่ายให้ดี และไม่เคยเคลียร์สิ่งที่คิดหรืออยู่ในใจกันเลย

เอาละค่ะ เพื่อฝันของการเริ่มต้นสถานะสามีภรรยาที่สวยงาม ลองมาดูไปพร้อมๆ กับแพรว wedding ดีกว่าว่า มีเรื่องอะไรบ้างที่ต้องเคลียร์ในใจให้ชัดก่อนตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกัน

เคลียร์ชัดเรื่องความสัมพันธ์ที่เข้าใจตรงกันเพื่อก้าวไปยังสถานะต่อไป

ก่อนที่คุณจะคิดเอาเองว่าพร้อมแล้วจะออกเรือน คุณต้องกระจ่างชัดและคิดตรงกันก่อนว่า ระดับความสัมพันธ์ของคุณและอีกฝ่ายเป็นไปในทิศทางเดียวกันหรือเข้าใจตรงกันแบบไม่มีอะไรคลุมเครือว่า ความสัมพันธ์นี้ถึงขั้นที่จะร่วมอนาคตกันแล้ว ไม่ใช่ว่าคนหนึ่งคิดแค่เราคบกันในระดับแฟนทั่วไปยังไม่เคยคิดไปไกลถึงขั้นแต่งงานสร้างอนาคต แต่อีกคนรู้สึกว่าความสัมพันธ์มันถึงตรงจุดนั้นไปแล้ว ทีนี้อาการคิดไม่ตรงกันจึงเป็นปัญหาที่คนหนึ่งพร้อมแต่งอีกคนยังไม่พร้อม แบบนี้วงแตกตั้งแต่เริ่มต้นแน่นอน

เคลียร์ชัดสารพัดสิ่งเรื่องเงินๆ ทองๆ

แน่นอนว่าตอนเป็นแฟนกันคุณอาจจะยังไม่ได้ลงลึกในรายละเอียดการใช้จ่ายและการเก็บออมใดๆ  แต่ถ้าคุณมองอนาคตว่าจะใช้ชีวิตร่วมกันล่ะก็ ขอให้คุณเปิดอกคุยกันเรื่องเงินๆ ทองๆ ให้จบและได้ข้อสรุปที่เป็นที่น่าพอใจของคุณทั้งสองฝ่าย จะได้ไม่เกิดความรู้สึกโดนเอาเปรียบหรือโดดเดี่ยวในการใช้ชีวิตภายหลัง ซึ่งเรื่องที่คุณควรเคลียร์ชัดที่สุดอาจไม่ใช่เรื่องว่าแต่ละฝ่ายมีรายได้เดือนเท่าไหร่ แต่เป็นเรื่องความรับผิดชอบในการใช้ชีวิตใต้ชายคาเดียวกันอันมีเงินเป็นองค์ประกอบสำคัญ ลองเคลียร์ให้ชัดว่าเงินกองกลางจะมีไหม ใครใส่ลงไปได้เท่าไหร่ต่อเดือน ค่าใช้จ่ายเล็กใหญ่ใครดูแล อะไรแบบนั้น

เคลียร์ชัดเรื่องเวลาของเรา

ก่อนแต่งงานคุณมีอิสระในการใช้ชีวิตและบริหารเวลาในแบบที่คุณเป็นหรือแบบที่ชอบ แต่เมื่อแต่งงานแล้ว เวลาส่วนตัวของคุณจะโดนเฉลี่ยออกไปให้อีกคนโดยปริยาย แต่จะโดนเฉลี่ยไปกี่ชั่วโมงต่อวันล่ะ เรื่องแบบนี้ต้องชัดเจนนะคะ เพราะถึงแม้จะใช้ชีวิตร่วมกัน แต่ทุกคนยังต้องการเวลาส่วนตัวเสมอ ดังนั้นเพื่อไม่ให้เป็นการอึดอัดใจในภายหลัง อย่าลืมเคลียร์เรื่องเวลาของคุณ ของเธอและเวลาที่ใช้ร่วมกันให้ดี เพื่อที่ว่าจะได้หายใจโล่งๆ ไม่รู้สึกอึดอัดจนรู้สึกว่า 24 ชั่วโมงของชีวิตต้องอุทิศเพื่อเราตลอดไป..งั้นเหรอ??

ชีวิตคู่

เคลียร์ชัดเรื่องบนเตียงไม่เดียวดาย

ไม่ถึงขนาดว่าต้องนัดแนะว่าทุกวันศุกร์เราจะมีอะไรกันนะ แต่ในที่นี่ แพรว wedding หมายถึงความชอบหรือรสนิยมเรื่องบนเตียงที่คุณต้องเรียนรู้กันบ้างไม่มากก็น้อย และหัดเปิดปากพูดกันตรงๆ ว่ามีอะไรที่คุณอยากให้ปรับปรุง ชอบให้ทำอะไรหรืออยากให้ลองทำดู เพราะอย่าลืมนะคะว่า เรื่องเซ็กส์คือเรื่องสำคัญในการใช้ชีวิตคู่เสมอ แม้จะไม่มากมาย แต่ส่งผลทางด้านจิตใจและความรู้สึกผูกพันที่เลี่ยงไม่ได้ แล้วยิ่งคนจะเป็นคู่ชีวิตด้วยแล้วละก็ เรื่องแบบนี้ปล่อยผ่านไม่ได้นะคะไม่อย่างนั้นถ้าอีกฝ่ายไปมีใครๆ เมื่อไหร่ จะมานั่งเสียใจทีหลังหรือโทษเขาฝ่ายเดียวไม่ได้นะคะ

เคลียร์ชัดถึงนิสัยเบื้องลึกก้นบึ้งของจิตใจ

ประเด็นนี้สำคัญมากมายนะคะพูดเลย เพราะบางคนอดทนกับนิสัยของอีกฝ่ายมาตลอด เพียงเพราะหวังว่าใช้ชีวิตร่วมกันแล้วนิสัยจะได้รับการปรับปรุงหรือพัฒนาไปตามความสำคัญ แต่บอกเลยว่าคุณคิดผิด เพราะนิสัยก็คือนิสัย โตมา 30 กว่าปีแบบนี้ จะให้เปลี่ยนง่ายๆ เป็นไปไม่ได้ ฉะนั้นสิ่งหนึ่งที่หากคุณจะใช้ชีวิตคู่กับใครสักคนพึงทำก็คือ เปิดใจเคลียร์กันไปถึงนิสัยต่างๆ ที่คุณไม่ปลื้มแล้วมาดูกันสิว่า เขาจะปรับปรุงตัวให้ดีขึ้นหรือเปล่า ซึ่งถ้าอีกฝ่ายรู้แล้วปรับปรุงก็ถือว่าเป็นนิมิตหมายอันดีว่าต่อไปหากใช้ชีวิตด้วยกันจะมีการปรับปรุงได้เรื่อยๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณต้องพูดออกมาจากใจจริงๆ นะคะ ไม่ได้เอาอารมณ์ชั่ววูบที่เขาทำพลาดมาซ้ำเติมความไม่ชอบ

แต่ถ้าพูดไปแล้วยังนิ่งเฉยเหมือนเดิมทุกอย่างหรือเป็นอาการที่เรียกว่าหนักข้อขึ้นที่มีแววว่าอยู่กันไปนิสัยที่ว่าไม่ได้ดีขึ้น ให้เตรียมใจไว้เลยว่า นี่จะกลายเป็นประเด็นให้ชีวิตคู่ไปไม่รอดได้ง่ายๆ ถ้าคุณคิดว่าอดทนได้ก็ปล่อยๆ แต่ถ้ามั่นใจว่าไม่ไหวจะรับจริงๆ จะได้คิดใหม่ว่าคนนี้ใช่แน่เหรอ

เคลียร์ชัดภาพฝันร่วมกันฉันและเธอ

คงต้องบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่สุดในการตัดสินใจใช้ชีวิตคู่ร่วมกันกับใครเลยล่ะค่ะ ฉะนั้นคุณควรหาเวลานั่งคุยกันเพื่อแชร์ภาพฝันปลายทางชีวิตของคุณให้ได้ร่วมรับรู้ ทั้งเรื่องภาพรวมครอบครัว วิธีการเลี้ยงลูก อนาคตในวันข้างหน้า ซึ่งการคุยกันถึงภาพฝันที่ว่านี้ ไม่ใช่การวาดวิมานบนอากาศนะคะ แต่คือการเช็คว่า ชีวิตคู่ ของคุณ มีภาพบั้นปลายชีวิตที่ลงตัวทับซ้อนเป็นเรื่องเดียวกันได้จริงหรือเปล่า

เพราะเชื่อเถอะค่ะว่า ต่อให้ข้อ 1-5 ที่เราบอกไปจะไม่ได้อย่างใจเท่าไหร่ แต่ถ้าข้อที่ 6 นี้เหมือนกัน จะเป็นพลังผลักดันให้คุณและคนที่รักได้ผ่าฟันอุปสรรคระหว่างทางไปสู่จุดหมายร่วมกันได้ภายใต้คำว่า ‘รัก’ ที่มีให้กันอย่างมั่นคง เมื่อเคลียร์ใจกันชัดเจนแล้ว ก็มาเรื่องเงินๆ ทองๆ กันบ้างกับ 4 ทิปส์เก็บเงินแต่งงาน เรื่องสำคัญที่บ่าวสาวต้องช่วยกันก่อนใช้ชีวิตคู่

เรื่อง : คุณวณิช
ภาพ : unsplash.com, pinterest

เคล็ดลับเลือกเครื่องประดับเจ้าสาว ให้เข้ากับชุดแต่งงาน เมคอัพหน้าผม

ว่าที่เจ้าสาวหลายคนคงกำลังกังวลใจ คิดไม่ตกว่าจะเลือกซื้อ เครื่องประดับเจ้าสาว แบบไหนมาใช่ในวันงานดี  แถมยังคิดไม่ตกอีกว่าจะต้องใช้กี่ชิ้นจึงจะเหมาะจึงจะสวย ดูดีสมกับวันพิเศษที่ได้สวมชุดเจ้าสาวที่ใฝ่ฝัน ถ้าอย่างนั้นลองมาดูวิธีที่ทำตามไม่ยากก่อนจะตัดสินใจเลือกเครื่องประดับที่เหมาะสมกับคุณที่สุดในวันวิวาห์กันก่อน

คอเจ้าสาว

เครื่องประดับเจ้าสาว

การเลือกแบบของสร้อยคอนอกจากจะขึ้นอยู่กับรูปร่างแล้ว ที่สำคัญยังขึ้นอยู่กับลักษณะคอและช่วงอกของเจ้าสาวอีกด้วย ถ้าคอสั้นควรใส่สร้อยที่มีจี้ห้อยระย้าลงมาจะช่วยให้เจ้าสาวดูงามระหงมากขึ้น เป็นต้น

ชุดที่เจ้าสาวกำหนด

เครื่องประดับเจ้าสาว

ดูว่าเจ้าสาวเลือกชุดแบบไหนในวันงาน เช่น ถ้าเป็นชุดปิดคอด้วยผ้าลูกไม้ ก็ไม่จำเป็นต้องใส่เครื่องประดับมากมาย อาจเลือกใส่แค่ต่างหูสวยๆ กับสร้อยข้อมือหรือกำไลก็พอแล้ว แต่ถ้าเป็นชุดเกาะอกก็ควรใส่สร้อยเพื่อไม่ให้คอโล่งจนเกินไป

เครื่องประดับเจ้าสาว

หูและทรงผมก็มีเอี่ยว

ส่วนใหญ่เจ้าสาวจะเกล้าผมเปิดหน้า จึงควรใส่ต่างหูที่เข้ากับรูปหน้าหรือเข้ากับลักษณะของหู ติ่งหูและการเจาะหูสูงต่ำก็จะเหมาะกับต่างหูที่ต่างกันไป เช่น ติ่งหูใหญ่หนาสามารถใส่ต่างหูคู่ใหญ่ได้ อาจเป็นต่างหูพลอยล้อมเพชรหรือต่างหูรูปทรงเก๋ๆ ใหญ่ๆ ปิดติ่งหูก็ยังได้ แต่ถ้าติ่งหูเล็กบาง อาจเลือกต่างหูแบบที่มีความยาวเลยติ่งหูลงมาสัก 1 – 2 เซนติเมตรหรือยาวพอดีกับติ่งหู แต่มีเพชรพลอยห้อยตุ้งติ้ง เป็นต้น ถ้าเลือกให้เข้ากันจะช่วยส่งให้ใบหน้าสวยๆ ของเจ้าสาวเด่นขึ้นไปอีก

ขนาดของเครื่องประดับ

ถ้าเลือกใส่ต่างหูใหญ่ระย้าก็ไม่จำเป็นต้องใส่สร้อยคอ แต่ถ้าอยากใส่แนะนำให้เลือกแบบเรียบๆ เส้นไม่ใหญ่มากจนเกินไป

จำกัดด้วยงบประมาณ

แนะนำให้ลองเลือกเป็นจี้เพชรเล็กๆ ใส่กับสร้อยคอทองคำขาว 18 เค ซึ่งสามารถใช้ในชีวิตประจำวันหลังวันงานได้ด้วย หรืออาจจะเป็นชุดเครื่องประดับมุกสีขาวดูเรียบหรูในราคาเบาๆ

ชื่อเสียงของร้านเพชร

เป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้เด็ดขาดเพราะถ้าเป็นร้านที่ชื่อเสียงดีมีลูกค้าแนะนำต่อเยอะหรือเป็นร้านที่พ่อแม่ใช้บริการรุ่นลูกหลานอย่างเราๆ ก็ไม่ควรมองข้าม เพราะชื่อเสียงถือเป็นข้อมูลเบื้องต้นที่ช่วยการันตีว่าเข้าร้านนี้ไม่น่าจะผิดหวัง โดยอาจจะเช็กจากสื่อ ถามเพื่อนๆ (ที่มีประสบการณ์ซื้อสิ้นค้าจากร้านนี้) และสุดท้ายซึ่งสำคัญที่สุด ลองเข้าไปเลือกดูเลือกชมสินค้าและบริการก่อนที่จะตัดสินใจ

>> ดูไอเดียเกี่ยวกับแหวนแต่งงาน และเครื่องประดับเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย! <<