4 ธีมสถานที่จัดงานแต่งงานแบบไหนที่ใช่สไตล์คู่ของคุณกันนะ

สถานที่จัดงานแต่งงาน ก็สามารถบ่งบอกถึงตัวตนของบ่าวสาว และคาแรคเตอร์ของงานแต่งได้เหมือนกันนะ

แน่นอนว่าคู่รักแต่ละคู่ก็ล้วนแต่มีความชอบและสไตล์ที่แตกต่างกันออกไป นั่นจึงทำให้เมื่อถึงเวลาต้องจัดงานแต่งงานหลายคู่จึงมักที่อยากจะจัดงานแบบที่นำเสนอตัวตนของตัวเองออกมาให้ได้มากที่สุด เช่นเดียวกับการเลือก สถานที่จัดงานแต่งงาน ที่หลายคู่อาจจะไม่เคยรู้มาก่อนว่า แล้วแต่ละที่มีสไตล์หรือมีคาแรคเตอร์แบบไหนที่จะสามารถตอบโจทย์ความเป็นบ่าวสาว หรือรูปแบบการจัดงานได้บ้าง แพรว wedding เลยจัด 4 ธีมสถานที่แต่งงานมาให้ว่าที่บ่าวสาวได้เลือกกันดูว่า ตัวตนหรืองานแต่งงานของเรานั้นเหมาะที่จะเลือกสถานที่แบบไหนกันแน่

 

ห้องบอลรูม

สถานที่จัดงานแต่งงาน

สถานที่จัดงานแต่งงาน

หากบ่าวสาวเป็นคนที่ชอบความเป็นทางการ ค่อนข้างยึดถือธรรมเนียมประเพณี แต่ก็ไม่ละทิ้งความทันสมัย การจัดงานแต่งงานในห้องบอลรูมน่าจะเหมาะสำหรับคู่ของคุณ เพราะสามารถเนรมิตให้เป็นทางการก็ได้ ตามธรรมเนียมก็ดี หรือจะตกแต่งให้โมเดิร์นก็ไม่ยาก เรียกว่าสร้างสรรค์ได้ตามใจปรารถนาและไม่ต้องกังวลกับปัญหาต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นหากจัดงานแต่งแบบเอ้าท์ดอร์อีกด้วย

 

งานแต่งริมทะเล

สถานที่จัดงานแต่งงาน

สถานที่จัดงานแต่งงาน

สำหรับบ่าวสาวสายชิลและสายโมเดิร์น โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ชื่นชอบบรรยากาศสายลม แสงแดด ฟ้าสวย น้ำใสของทะเลเป็นชีวิตจิตใจ การจัดงานแต่งริมทะเลคงโดนใจคุณที่สุด เพราะด้วยบรรยากาศสบายๆ สไตล์งานปาร์ตี้ที่ไม่ต้องมีพิธีรีตองมากนัก ทำให้ไม่ว่าจะเป็นบ่าวสาว ญาติ เพื่อน หรือแขกเหรื่อต่างก็หลังรักงานแต่งริมทะเลด้วยกันทั้งนั้น

 

งานแต่งงานในสวน

สถานที่จัดงานแต่งงาน

สถานที่จัดงานแต่งงาน

ถ้าเอ่ยถึงงานแต่งในสวน หลายคนคงนึกถึงแค่บรรยากาศสบายๆ แต่ความจริงแล้วงานแต่งในสวนเหมาะทั้งสำหรับคอนที่ชอบบรรยากาศชิลๆ คนที่อยากจัดงานแต่งตามะรรมเนียมประเพณี และคนที่รักความทันสมัย เพราะสวนสวยๆ ที่รายล้อมด้วยหมู่มวลแมกไม้สามารถปรับเปลี่ยนบรรยากาศได้ตามสิ่งที่แต่งเติมเข้าไป

 

ร้านอาหาร

สถานที่จัดงานแต่งงาน

สถานที่จัดงานแต่งงาน

หากบ่าวสาวเป็นประเภทไม่ค่อยถูกจริตกับความเป็นทางการเท่าไร และชื่นชอบความทันสมัย การจัดงานแต่งในร้านอาหารหรือคาเฟ่บรรยากาศดีๆ น่าจะเหมาะสำหรับคุณ เพราะสามารถเลือกได้ว่าชอบร้านบรรยากาศแบบไหน อยากตกแต่งอย่างไร หรือถ้าจะแทรกความเป็นทางการเข้าไปบ้างก็สามารถปรับเปลี่ยนได้โดยไม่หลุดคอนเซปต์

ภาพ unsplash.com, pinterest

บทความเกี่ยวกับสถานที่จัดงานแต่งงาน และทิปส์เด็ดต่างๆ เกี่ยวกับการเลือกสถานที่ คลิกเลย!

20 ประเพณีแต่งงาน สุดแปลกจากทั่วมุมโลก…รู้แล้วจะอึ้ง!!

งานแต่งงานล้วนมีประเพณีที่แตกต่างตามวัฒนธรรมของประเทศนั้นๆ ซึ่งในวันนี้ แพรว wedding จะพาไปดู  ประเพณีแต่งงาน ต่างๆ ทั่วโลกที่ขอบอกเลยว่าแปลกมากและไม่คิดว่าจะมีแบบนี้ด้วยเหรอ!!

1. แต่งงานกับต้นไม้ของชาวอินเดีย

1-(1)---Copyชาวอินเดียเรียกคนที่เกิดภายใต้อิทธิพลดาวอังคารว่า Manglik และเชื่อว่าหากแต่งงานกับพวกที่ไม่ได้เกิดภายใต้อิทธิพลดาวอังคาร จะทำให้เกิดสิ่งอัปมงคล เกิดเรื่องโชคร้าย ชีวิตไม่ราบรื่น มีเหตุให้ต้องหย่าร้างจนถึงคู่ครองเสียชีวิต จึงต้องมีพิธีสะเดาะเคราะห์ก่อนเข้าพิธีแต่งงานจริง โดยให้เจ้าสาวแต่งงานกับต้นไม้ ซึ่งนิยมใช้ต้นกล้วยมาเป็นตัวแทนเจ้าบ่าวนั่นเอง

2. ยิงเจ้าสาวด้วยธนูสามดอกของชนเผ่า Yugur ในประเทศจีน

2---Copyชนเผ่า Yugur ในประเทศจีน มีประเพณีสุดแปลกก่อนเข้าพิธีแต่งงานคือเจ้าบ่าวต้องยิงธนูใส่เจ้าสาวเป็นจำนวน สามดอกแต่ไม่ต้องตกใจไปเพราะลูกธนูไม่มีหัวจ้า โดยเชื่อกันว่าเป็นสัญลักษณ์ของความรักชั่วนิรันด์

3. แลกเปลี่ยนเจ้าสาวด้วยเขี้ยวปลาวาฬของชาวฟิจิ

3---Copyจะขอลูกสาวเขาทั้งทีต้องมีของมาแลกเปลี่ยนสักหน่อย ประเพณีและวัฒนธรรมของหมู่เกาะฟิจิ ชายหนุ่มต้องนำเขี้ยวปลาวาฬมาแลกหญิงสาวกับพ่อของเธอ แค่นี้หนุ่มๆ ก็จะมีสาวๆ มาเคียงกายล่ะค่ะ

4. ประเพณีราดสิ่งสกปรกบนตัวเจ้าสาวของชาวสกอตแลนด์

4-(1)---Copyประเพณีสุดแปลกที่ไม่ค่อยได้ยินมากนักเกิดขึ้นที่สกอตแลนด์ โดยครอบครัวและเพื่อนๆ ของเจ้าสาวจะจับเธอมัดไว้และราดสิ่งสกปรกลงบนตัวเจ้าสาวเพื่อพิสูจน์ว่าหากเธอทนได้กับสิ่งสกปรกเหล่านี้ เธอก็จะทนความยากลำบากทุกๆเรื่องในชีวิตแต่งงานได้ เอิ่ม…ไม่อยากคิดถึงเวลาอาบน้ำเลยว่านางจะต้องสบู่มากโขขนาดไหน

5. ห้ามเข้าห้องน้ำหลังพิธีแต่งงาน 3 วันของชนเผ่า Tidong บนเกาะบอร์เนียว

5-(1)---Copyประเพณีของชนเผ่า Tidong บนเกาะบอร์เนียวในประเทศอินโดนีเซียหลังจากที่บ่าวสาวเข้าพิธีแต่งงานแล้วห้ามเข้าห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายและขับถ่ายเป็นเวลาสามวันเพราะเชื่อกันว่าบ่าวสาวคู่ใดที่ไม่สามารถอั้นการเข้าห้องน้ำได้เป็นเวลาสามวัน จะทำให้ต้องหย่าร้าง แท้งบุตรหรือลูกที่เกิดจะต้องเสียชีวิตในวัยเด็ก งานนี้บอกเลยว่าต้องอาศัยความอดทนขั้นสูงสุดกันเลยทีเดียว

6. เต้นรำท่ามกลางกองเงินในงานแต่งงานของชาวกรีซ

6---Copyเป็นใครก็ต้องอิจฉาประเพณีอย่างแน่นอน เพราะเป็นประเพณีที่บ่าวสาวจะต้องเต้นรำท่ามกลางกองเงินที่โปรยอยู่บนพื้นเต็มไปหมด โอ้ยเป็นไทยหน่อยล่ะไม่ได้ บุพการีร้องแน่นอนที่เอาเงินมาเหยียบย้ำ

7. กินอาหารในโถชำระจำลองของชาวฝรั่งเศส

7---Copy ประเพณีในแต่งงานชวนสยิวของชาวฝรั่งเศสนั้น คือบ่าวสาวจะต้องทานอาหารในโถชำระจำลอง ลองคิดดูสิวะถ้าหากเป็นของจริงที่ผ่านการใช้งานมาแล้วจะเป็นอย่างไร !!

8. ตีเท้าเจ้าบ่าวด้วยปลาของชาวเกาหลี

8---Copyหลังจากพิธีแต่งงานของชาวเกาหลี เจ้าบ่าวจะถูกมัดปลายเท้าด้วยเชือกและถูกตีด้วยปลาที่ปลายเท้า แสดงให้เห็นถึงความแข็งแรงและแข็งแกร่งของเจ้าบ่าว ว่าแต่ปลาที่ใช้ตีเสร็จแล้วเอาไปไหนต่อล่ะนี่

9. ถ่มน้ำลายรดเจ้าสาวของชาวเคนย่า

9-(1)---Copyชนเผ่า Massai ในประเทศเคนย่ามีประเพณีดั้งเดิมที่ปัจจุบันยังคงสืบทอดกันมาอยู่คือ พ่อของเจ้าบ่าวจะถ่มน้ำลายลงบนศีรษะและหน้าอกของลูกสาวเพื่อเป็นการให้พรก่อนที่จะแยกย้ายออกไปมีครอบครัว แหม..พรจากพ่อนี่ชุ่มฉ่ำเป็นน้ำทิพย์จริงแต่เอ๊ะรับน้ำแต่ขอไม่รับกลิ่นด้วยได้ไหมคะคุณพ่อ

10. ขโมยจูบบ่าวสาวของชาวสวีเดน

10-(1)---Copyตามธรรมเนียมของประเทศสวีเดนหากเจ้าบ่าวหรือเจ้าสาวคนใดคนหนึ่งเผลอไปเข้าห้องน้ำ เขาหรือเธอจะถูกขโมยจูบจากแขกผู้ร่วมงาน หึๆ รู้แบบนี้แล้วหากใครมีหวานใจเป็นชาวสวีเดนก็อย่าเผลอเข้าห้องน้ำเชียวล่ะ เอ๊ะ ! หรือจูบแบบนี้เรียกว่าจูบส่งท้ายความโสดนะ

3 หยุด!! ถ้าเจ้าสาวได้เจอกับชุดแต่งงานที่ใช่แล้วสำหรับวันวิวาห์

ต้องเหน็ดเหนื่อยขนาดไหนกับการตามหา ชุดแต่งงาน ในฝัน กว่าที่ชุดแต่งงานนั้นจะมาอยู่ในมือของคุณในที่สุด เพราะฉะนั้นอะไรบ้างคือสิ่งไม่ควรทำเด็ดขาดบ้างน้า? เอาเป็นว่าเรามีเรื่องเล็กๆ น้อยๆ มาบอก เพื่อที่คุณจะเลี่ยงให้ไกลเพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะไม่ต้องมีเรื่องมานั่งกุมหัวเพิ่มมากขึ้นก่อนถึงวันวิวาห์ 😉

 

หยุดที่ 1 : ยังคงมองหาชุดในฝันต่อไป

สิ่งที่เจ้าสาวหลายคนพลาดนั่นคือการที่พวกเธอยังคงมองหาชุดแต่งงานในฝันต่อไปแม้จะเจอชุดที่ใช่ที่สุดแล้ว บอกตัวเองให้ชัดว่าคุณได้เจอชุดนั้นเรียบร้อยแล้ว ชุดที่คุณเฟ้นหามานาน อย่าทำให้ตัวเองต้องลังเลด้วยการมองหาตัวเลือกอื่นเพิ่ม นอกจากว่าคุณจะมีงบเหลือสำหรับชุดแต่งงานชุดที่สอง แต่ถ้าไม่… ก็ใจนิ่งเข้าไว้นะคะทุกคน

หยุดที่ 2 : อวดชุดให้คนอื่นดู

อย่าตื่นเต้นเกินไปกับชุดแต่งงานและโชว์มันให้ทุกคนได้ดูไปซะหมด จำไว้ว่าความคิดเห็นของคนอื่นเกี่ยวกับชุดของคุณไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งสำคัญคือความรู้สึกของคุณเมื่อได้ใส่ชุดแต่งงานในฝันต่างหาก มันคงจะน่าเศร้าแล้วก็พาลจะเซ็งเอาแน่ๆถ้าคุณเอาชุดไปอวดเพื่อนแล้วได้คอมเม้นท์กลับมาในทางที่ไม่ค่อยจะดีนัก อย่าพลาดเด็ดขาดเลยนะคะสาวๆ

หยุดที่ 3 : ไดเอทอย่างเอาเป็นเอาตาย

มาถึงจุดนี้แล้วก็มั่นใจได้เลยค่ะว่าหนุ่มที่คุณแต่งงานด้วย เขาแต่งงานกับคุณเพราะคุณเป็นตัวคุณเอง เพราะฉะนั้นอย่าทรมานตัวเองด้วยการรีดน้ำหนักสุดโหด หรือคิดเมนูอาหารแปลกๆเพื่อที่จะหาทางลดน้ำหนักทางลัด ยังไงแล้วเจ้าสาวทุกคนจะต้องสวยเพอร์เฟ็คท์ที่สุดในวันสำคัญอย่างแน่นอน คนมีความสุขน่ะสวยที่สุดอยู่แล้วว่าไหมคะ เพราะฉะนั้นอย่าเครียดจนเกินไป จำไว้ว่าร้านที่ตัดชุดแต่งงานให้คุณได้วัดและสั่งตัดชุดที่เข้ากับหุ่นของคุณเรียบร้อย ถ้าเจ้าสาวลดน้ำหนักมากเกินไป นั่นอาจทำให้ชุดเดรสดูไม่เข้ารูปอย่างที่ใจคิดนะคะ

>> ดูไอเดียเกี่ยวกับชุดแต่งงานเพิ่มเติมอีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย! <<

cr : thriftymommaramblings.com

แป้งเจิม กระแจะจันทร์ คืออะไรมาดูกัน … พร้อมรู้วิธีการทำ ไม่ยากอย่างที่คิด

หากพูดถึงของมงคลในงานแต่งงานหลายๆ คนจะนึกถึง แป้งเจิม แน่นอน แล้วสงสัยไหมคะว่าทำมาจากอะไร มีส่วนผสมใดบ้าง และมีขั้นตอนการทำอย่างไร

แพรว wedding จะขอนำที่มาของแป้งเจิม มาบอกเล่าให้บ่าวสาวได้อ่านกัน รวมไปถึงวิธีการทำแป้งเจิมแบบง่ายๆ ที่ใครๆ ก็สามารถทำเองได้ แถมยังรับประกันความหอมอีกด้วย หรือถ้าบ่าวสาวคนไหนทำแป้งเจิมไว้ในปริมาณมากๆ ก็สามารถนำมามาบรรจุลงตลับสวยๆ ทำแจกเป็นของชำร่วยได้อีกด้วยนะ

แป้งเจิม กระแจะจันทร์ คืออะไร

คือแป้งที่ใช้เจิมหน้าผากบ่าวสาวในงานแต่งงาน และยังถือเป็นของมงคลที่สามารถนำมาเจิมบ้าน เจิมเสาเอกได้อีกด้วย ส่วนกระแจะจันทร์เป็นเครื่องหอมไทยที่มีมานานมาก ตั้งแต่สมัยที่ยังไม่มีการคิดปรุงเครื่องหอมไทย  คำว่ากระแจะ มีความหมายคือ ของเหลวที่ข้นเหลว ส่วนกระแจะจันทร์ได้มาจากต้นจันทร์หอม โดยคนไทยในสมัยก่อนใช้ประโยชน์จากไม้จันทร์หอมด้วยการนำมาทำเป็นเครื่องหอมนั่นเอง

แป้งเจิม

ต้นจันทร์หอมที่ยืนต้นตาย จะถูกโค่นแล้วนำแก่นด้านในเนื้อไม้มาสับออกเป็นท่อนๆ นำมาฝนให้เป็นผงละเอียด แล้วนำมาละลายน้ำ สามารถใช้ชะโลมผิวให้เกิดกลิ่นหอมชื่นใจได้ ซึ่งสาวๆ ในสมัยกรุงศรีอยุธยาจะใช้ไม้แก่นจันทร์ฝนกับหินเนื้อหยาบให้กลายเป็นผงละเอียด จากนั้นนำไปละลายกับน้ำอบ แล้วนำมาทาชโลมผิว ส่วนกลิ่นของกระแจะจันทร์นั้นจะหอมอบอวลติดกายเป็นเวลานานอีกด้วย

ในปัจจุบัน แป้งกระแจะจันทร์มีการปรับปรุงและพัฒนา ผ่านการปรุงแต่งด้วยการอบร่ำด้วยกำยาน เเละเทียนอบทำให้มีกลิ่นหอมอบอวลมากกว่าเดิม ส่วนผสมหลักจะมีแป้งร่ำ (ดินสอพอง) น้ำอบไทย และเทียนอบ

แป้งเจิม

ซึ่งกระแจะจันทร์ยังมีสรรพคุณที่ช่วยบำรุงผิวพรรณอีกด้วย จึงทำให้สาวๆ ในสมัยก่อนมีผิวพรรณผุดผ่อง ไม่มีริ้วรอยต่างๆ และยังช่วยให้รอยผดผื่นหายไปอีกด้วย อีกทั้งตัวแป้งยังมีความเย็นและมีกลิ่นหอมติดตัวเป็นวันๆ เชียวล่ะ … เอาเป็นว่าไปดูอุปกรณ์ในการทำและวิธีการทำกันดีกว่า

อุปกรณ์

  1. แป้งหิน (หรือ ดินสอพอง)
  2. น้ำอบไทย
  3. น้ำมันหอมระเหยกลิ่นมะลิ
  4. เทียนอบ
  5. โถสำหรับอบแป้ง ต้องมีฝาปิดมิดชิด
  6. ถุงพลาสสติก หรือ กรวยสำหรับหยดแป้ง

 

วิธีการทำ

  1. นำแป้งหิน หรือ ดินสอพองออกมาวางผึ่งให้กลิ่นในตัวแป้งหายไปเสียก่อน (วางทิ้งไว้จนกว่ากลิ่นเดิมจะจาง)
  2. นำแป้งหินมาบดให้ละเอียด จากนั้นนำน้ำอบไทยค่อยๆ ผสมลงไป พร้อมกับน้ำมันหอมระเหยกลิ่นมะลิ ให้ตัวเนื้อแป้งละลายจนมีเนื้อเหนียว แต่ไม่เละจนเป็นน้ำ ค่อยๆ ผสมให้เข้ากัน
  3. นำแป้งที่มีเนื้อเหนียวกำลังดี เทเข้าถุงพลาสสติก หรือกรวยสำหรับหยดแป้ง
  4. หยดแป้งให้มีขนาดประมาณนิ้วก้อยหลายๆ หยด โดยให้แต่ละหยดแยกออกจากกัน ห้ามวางชิดกัน
  5. นำแป้งที่หยดเสร็จ ไปวางตากให้แห้งจนตัวแป้งแข็ง
  6. เมื่อตัวแป้งแข็งแล้ว นำแป้งเทลงในโถสำหรับอบแป้ง แล้วจุดเทียนอบรอจนไฟดับ จากนั้นเอาไปไว้ในโถ ปิดฝาให้สนิทแล้วทิ้งไว้
  7. อบเทียนสัก 2-3 เทียน เพื่อให้กลิ่มหอมติดกับแป้งทนนาน

แป้งเจิม

เป็นอย่างไรคะ ทำได้ไม่ยากเลยใช่ไหม ส่วนเวลาจะนำแป้งมาเจิมมาใช้ก็เพียงแค่ใส่แป้งเจิมไว้ในถ้วยหรือขันใบเล็กๆ สัก 3-4 หยด แล้วผสมกับน้ำอบกะจำนวนไม่ให้เหลวจนเกินไป แล้วบดให้เนื้อแป้งและน้ำอบเข้ากัน ก็สามารถนำมาทำเป็นแป้งเจิมหน้าผากบ่าวสาวได้แล้ว หรือถ้าบ่าวสาวคู่ไหนที่อยากได้ความเป็นสิริมงคลก็อาจจะนำไปผสมกับน้ำพระพุทธมนต์ได้เช่นกัน

แป้งเจิม

นอกจากแป้งเจิมแล้ว เรายังมี  ข้าวของที่ต้องใช้ในพิธีแต่งงานแบบไทย มาฝากว่าที่บ่าวสาวให้ได้เตรียมการกันเอาไว้ด้วย

ขอขอบคุณข้อมูลแป้งกระแจะจันทร์ วิธีการทำ และรูปภาพสวยๆ จาก : เฟซบุ๊ก คนรักไม้ดอกหอมและเครื่องหอมไทย

เทคนิคเลือกโทนสีชุดเพื่อนเจ้าสาวที่ใช่ให้เหมาะกับสไตล์ของแก๊ง 

ภารกิจพิชิต ชุดเพื่อนเจ้าสาว เริ่มขึ้นทันทีที่รู้ว่าเพื่อนรักกำลังจะแต่งงาน และนั่นก็เป็นที่มาของปัญหาระดัับชาติที่ว่า จะใส่ชุดแบบไหน สีอะไรดี ซึ่งก็อย่างที่ทราบกันดีกว่าบางคนอาจจะเหมาะกับชุดแบบนี้หรือสีแบบนั้น จึงทำให้แก๊งเพื่อนสาวเวียนเฮดเพราะตกลงกันไม่ได้สักที แพรว wedding จึงขอทำหน้าที่เป่านกหวีดเพื่อที่จะบอกว่า หากคุณเป็นเพื่อนเจ้าสาวสไตล์ไหน ก็เลือกโทนสีชุดที่ใช่ในสไตล์นั้น (ในกรณีที่เจ้าสาวไม่ได้ระบุธีมสี) รับรองว่าเท่านี้ก็จบปัญหาแบบลงตัวแล้ว 

เพื่อนเจ้าสาวแสนหวาน

ถ้าพวกคุณเป็นกลุ่มเพื่อนสาวแสนหวานหรือเรียบร้อยอย่างผ้าพับไว้ พลาดไม่ได้กับชุดโทนสีชมพู สียอดนิยมที่มีหลายเฉดให้เลือก จะหวานน้อยหวานมากหรือหวานซ่อนเปรี้ยวก็เลือกได้ตามสไตล์

ชุดเพื่อนเจ้าสาว

เพื่อนเจ้าสาวน่ารักสดใส

แก๊งเพื่อนสาวเฮฮาอารมณ์ดีน่ารักสดใส เราขอแนะนำชุดโทนสีฟ้า สีมินต์ และสีพาสเทล สีสันน่ารักๆ ที่นอกจากจะช่วยบอกสไตล์แก๊งเพื่อนเจ้าสาวแล้ว ยังช่วยเติมเต็มความสดใสให้งานแต่งได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

เพื่อนเจ้าสาวเรียบหรู
กลุ่มเพื่อนสาวสวยเฉี่ยวทันสมัย เรียบหรูอย่างมีสไตล์ได้ง่ายๆ ด้วยชุดโทนสีเทา อีกหนึ่งสีฮอตฮิตติดลมบนที่ช่วยอัพลุคสาวสังคมสวยเก๋ได้ในพริบตา

เพื่อนเจ้าสาวเปรี้ยวจี๊ด
แก๊งเพื่อนสาวสุดเปรี้ยวที่ชื่นชอบการปาร์ตี้หรือหลงใหลแสงสียามค่ำคืน ไลฟ์สไตล์จี๊ดๆ แบบนี้เหมาะจะโดดเด่นดูดีในชุดโทนสีแดง ซึ่งไม่ว่าแบบชุดของคุณจะเรียบแค่ไหนก็เปรี้ยวจี๊ดจ๊าดขึ้นได้ถ้าใช้สีนี้

>> ดูไอเดียชุดเพื่อนเจ้าสาวเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย! <<

ภาพ : www.weddingwire.com, www.insideweddings.com, www.pinterest.com,
www.sheknows.com

16 ลุคมิกซ์แอนด์แมตช์สูทเจ้าบ่าวให้โดดเด่นกว่าใครในงาน

ไม่ว่าจะยุคสมัยไหนลุคเจ้าบ่าวที่เราคุ้นตาก็มักจะเป็นชายหนุ่มรูปงามในสูทสีดำ น้ำเงิน หรือเทา แพรว wedding เลยขอนำเสนอไอเดียใหม่ที่จะช่วยเพิ่มลุคเจ้าบ่าวให้ดูโดดเด่นกว่าใครในงาน ด้วย 16 ลุค สูทเจ้าบ่าว สไตล์มิกซ์แอนด์แมตช์ ที่รับรองว่าแต่งปุ๊บเจ้าสาวจะต้องตกหลุมรักคุณอีกครั้งแน่นอน

1. สูทสีเขียวโอลีฟ เฉดสีที่เจ้าบ่าวอาจจะไม่คุ้นเคย แต่หากได้ใส่เฉดสีนี้คู่กับเสื้อเชิ้ตสีขาวด้านใน รับรองว่าเจ้าบ่าวจะดูโดดเด่นกว่าใครในงานแน่นอน

2. สูทผ้าคอตตอนสีชมพูที่แมตช์กันได้อย่างลงตัวกับเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินลายตารางด้านใน เสริมด้วยเนคไทโพลก้าดอตที่เหมาะเจาะลงตัว เหมาะกับเจ้าบ่าวที่จัดงานแต่งเรียบง่ายในสวนหรือร้านอาหารสุดชิค

สูทเจ้าบ่าว

3. อีกหนึ่งสไตล์ที่เหมาะกับเจ้าบ่าวสายแคชชวล ที่จัดงานแต่งหรือปาร์ตี้ริมทะเล กับการเลือกเชิ้ตในเฉดสีน้ำทะเล จับคู่กับกางเกงเฉดสีผืนทราย แล้วเพิ่มโบไทอีกนิดเพื่อให้ได้ลุคแบบเจ้าบ่าว

สูทเจ้าบ่าว

4. ใครว่าเจ้าบ่าวจะหล่อเท่ในเชิ้ตลายดอกในวันแต่งงานไม่ได้ค่ะ เพราะเพียงแค่เลือกแมตช์สีเชิ้ตด้านในให้เข้ากับสูทตัวนอกก็หล่อเท่ได้ในสไตล์นี้แล้ว แถมลุคนี้ยังเหมาะสุดๆ กับเจ้าบ่าวสายฮิปหรือเจ้าบ่าวสายเด็กแนวอีกด้วย

สูทเจ้าบ่าว

5. หล่อใสในสไตล์พาสเทล ที่จะช่วยให้ลุคของเจ้าบ่าวดูเป็นโอปป้าสายเกาได้ไม่ยาก เสริมลุคนี้ด้วยโบไทสไตล์โพลก้าดอตในเฉดสีเดียวกับสูท เท่านี้ก็ดูดีในงานแต่งแล้ว

6. หากคุณเป็นเจ้าบ่าวสายแฟชั่นและเบื่อกับสูทเรียบง่ายแบบเดิมๆ ลองเปลี่ยนสไตล์มาเป็นสูทลายทางที่เหมาะกับเจ้าบ่าวช่วงตัวสั้น เพราะจะช่วยทำให้ช่วงตัวดูยืดขึ้น ส่วนสีสูทนั้นก็เลือกได้ตามสไตล์ที่เจ้าบ่าวชอบ แล้วอย่าลืมเสริมลุคให้โดดเด่นด้วยโบไทในเฉดสีที่ต่างกับสูท

7. เจ้าบ่าวสายแฟชั่นสไตล์วินเทจ ขอแนะนำให้แมตช์ลุคแบบรัสติกและเซาท์เธิร์นเข้าด้วยกัน คุณก็จะกลายเป็นเจ้าบ่าวในยุค 1920s ขึ้นมาทันที กับการมิกซ์แอนด์แมตช์สูทและกางเกงในเฉดสีเอิร์ธโทน เสริมด้วยโบไท แล้วจบลุคนี้ด้วยหมวกปีกกว้าง

8. ไม่ต้องใส่สูทก็ดูดีได้นะจ๊ะ เพราะเพียงแค่เวสต์โค้ท (หรือเสื้อกั๊กนั่นแหละค่ะ) ตัวเดียวก็เอาอยู่ แต่อาจจะต้องเลือกเฉดสีแบบเรียบง่ายอย่างสีน้ำเงิน หรือสีเทา เพื่อช่วยคุมโทนให้คุณยังดูเป็นเจ้าบ่าวไม่ดูกลมกลืนไปกับแขกในงาน

 

9. ให้อารมณ์แคชชวลสุดๆ ในสูทผ้าลินินที่ตัดเย็บในรูปแบบทางการ เหมาะกับเจ้าบ่าวที่จัดงานใหญ่แต่อยากจะคงไว้ซึ่งสไตล์สบายๆ ในแบบฉบับของตัวเอง

10. ให้ลุคแฟชั่นนิสต้าและหรูหราสุดๆ กับเสื้อผ้าสไตล์กำมะหยี่ โดยเจ้าบ่าวอาจจะเลือกสูทและกางเกงเฉดสีเดียวกันเพื่อช่วยคุมโทน แต่ถ้าหากมีความมั่นใจแบบเกินร้อยก็อาจจะเลือกจับคู่สีที่เข้ากัน เช่น สูทสีน้ำเงินเข้มที่เข้ากับกางเกงสีเบอร์กันดีได้เป็นอย่างดี เป็นต้น

11. เจ้าบ่าวสายคันทรี่ที่อยาได้ลุคแฟชั่น และจัดงานแต่งในสไตล์รัสติก ไม่เน้นความเป็นทางการและแขกผู้ใหญ่ไม่เยอะ อาจจะเลือกแต่ตัวง่ายๆ สบายๆ แต่ยังคงไว้ซึ่งความเท่ อย่างแจ็คเก็ตสูทสีเข้มแมตช์กับเชิ้ตสีอ่อนด้านใน และที่ลืมไม่ได้เด็ดขาดคือ Bolo tie หรือเนคไทแบบคาวบอย ที่จะช่วยสร้างลุคเจ้าบ่าวให้โดดเด่นอย่างมีสไตล์กว่าใครในงานแน่นอน

12. เติมสีสันให้งานแต่งงานดูสดชื่นได้ด้วยสูทเจ้าบ่าวสีสันสดใสแต่ยังดูดี เช่น เฉดสีอัญมณีทั้งหลาย ที่รับรองว่าใส่แล้วดูดีไม่เป็นตลกคาเฟ่แน่นอน

13. ชุดสูทผ้าเซียร์ซัคเกอร์ เทรนด์ที่ได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน กับสไตล์อันโดดเด่นของเนื้อผ้าที่มีลักษณะเป็นรอยย่น ซึ่งอาจจะเลือกเป็นผ้าเฉดสีอ่อนเพื่อช่วยให้ลุคของเจ้าบ่าวดูซอฟต์และละมุนขึ้น

14. เรียบง่ายแต่แอบแพง กับการเลือกสวมกางเกงผ้าทวีดที่ใส่ปุ๊บให้ลุคแพงปั๊บ ที่โดดเด่นด้วยเท็กซ์เจอร์ของเส้นใยแบบชัดๆ  แมตช์กับเชิ้ตสีอ่อนแล้วเสริมด้วยสายเอี๊ยมหนังสุดเท่ที่เข้ากับกางเกงผ้าทวีดสุดๆ

15. เจ้าบ่าวสไตล์มิกซ์แอนด์แมตช์ต้องไม่พลาด กับความโดดในสไตล์แบบเล่นเลเยอร์ ที่ประกอบไปด้วยเสื้อผ้า 4 ชิ้นคือ เชิ้ตตัวใน, เสื้อกั๊ก, แจ็คเกตสูทหรือสูท และกางเกง โดยงานนี้อาจจะต้องอาศัยเทคนิคการจับคู่สีของเจ้าบ่าวด้วย

16. ชุดสูทลายตางรางสุดชิค ที่สามารถให้ได้ทั้งลุคทางการ กึ่งทางการ หรือลุคสบายๆ ไม่ว่าเจ้าบ่าวจะจัดงานสไตล์ไหนก็สามารถใส่สูทสไตล์นี้ได้แน่นอน

ดูดีตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้ากับ 7 สไตล์รองเท้าเจ้าบ่าวที่ใส่ปุ๊บหล่อปั๊บ
รวมมิตร 11 ร้านสูทเจ้าบ่าวสุดเท่หลากสไตล์ทั่วกรุงพร้อมราคา
หล่อให้สุดแบบฉุดไม่อยู่! ด้วยบูโทเนียร์หลากสไตล์เสริมความเก๋ให้ลุคเจ้าบ่าว

CR. www.brides.com

วิธีจัดการ สิ่งไม่คาดฝัน ที่เกิดกับ ผิวหน้าเจ้าสาว ก่อนวันแต่งงาน!

ถูกของร้อนลวก! ถูกของมีคมบาด! หรือเผลอบีบสิว! จะแก้ไขสิ่งไม่คาดฝันที่เกิดกับ ผิวหน้าเจ้าสาว เหล่านี้ ยังไงให้ทันวันวิวาห์ที่กำลังใกล้เข้ามา เรามีคำตอบ!

แผลสด แผลไฟไหม้ แผลฟกช้ำ น้ำร้อนลวก รอยแผลเป็นและผื่นแดง! เหล่านี้คงเป็นสิ่งที่สุดท้ายที่เจ้าสาวอยากให้เกิดกับผิวหน้าของตัวเองในวันแต่งงานใช่ไหมคะ แต่ขึ้นชื่อว่าเป็น เหตุการณ์ไม่คาดฝัน รู้ไว้ก่อนดีกว่าตื่นตระหนกในภายหลังค่ะ เราก็เลยรวบรวมมาให้แล้วว่า ถ้าหากเกิดเหตุการณ์ที่ทำร้ายผิวหน้าเจ้าสาวก่อนถึงวันแต่งงานไม่กี่วัน เราจะต้องทำยังไงบ้าง แน่นอนว่าถ้าหากเกิดขึ้นใกล้วันแต่งงานมากๆ อาจจะไม่มีอะไรที่ช่วยให้แผลต่างๆหายสนิท 100% แต่อย่างน้อยก็ไม่ทำให้แย่ลงไปกว่าเดิมแน่นอน

 

  • ของมีคมบาด!

รีบกดปากแผลด้วยผ้าสะอาดจนกว่าเลือดจะหยุดไหล

ถ้าปากแผลไม่ลึกมาก รีบล้างแผลด้วยไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์เพื่อฆ่าเชื้อโรค ตามด้วยยารักษาแผลสดอย่างทิงเจอร์หรือเบตาดีน หลังจากนั้นไม่ต้องปิดแผลด้วยผ้าก็อซ พยายามอย่าให้แผลโดนน้ำ

ถ้าหากสงสัยว่าของมีคมที่บาดผิวเราจะไม่สะอาด ไปฉีดยากันบาดทะยักเพื่อความชัวร์ก็ดีนะ

แต่ถ้าปากแผลลึก กว้าง หรือเลือดไม่ยอมหยุดไหล รีบไปหาหมอด่วนเลยจ้า!

 

  • ถูกน้ำร้อนลวกหรือถูกของร้อน!

แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก แบ่งออกได้เป็นสามระดับ ถ้าหากแผลของเราไม่ได้รุนแรงมาก คือ เป็นแค่รอยแดง หรือมีตุ่มน้ำเล็กๆ เราสามารถรักษาแผลได้ด้วยตัวเองที่บ้าน แต่ถ้ารุนแรงกว่านั้น (ผิวหนังชั้นบนหลุดลอก มีเลือดออก) รีบไปหาหมอด่วนเลยจ้า!

ทันทีที่ถูกลวกหรือไหม้ ห้าม! ใช้ยาสีฟันทาบริเวณแผลอย่างที่หลายคนเข้าใจนะคะ

วิธีที่ถูกต้องคือ เปิดน้ำให้ไหลผ่านบริเวณแผล หรือแช่บริเวณแผลในน้ำอุณหภูมิห้อง นานติดต่อกัน  10-15 นาที หลังจากนั้น ให้ทาเจลว่านหางจระเข้ เพื่อช่วยให้ผิวหนังบริเวณนั้นลดการอักเสบ และไม่ควรให้แผลโดนแดดค่ะ

www.activemomsnetwork.com

 

  • เผลอบีบสิวอักเสบซะแล้ว!

หากมีเลือดออก ให้ใช้ทิชชูสะอาดกดบริเวณปากแผลจนเลือดหยุด หลังจากนั้นให้ทายารักษาสิวที่มีส่วนผสมของ benzoyl peroxide เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ทิ้งไว้จนแผลแห้งสนิท ต่อจากนั้นให้ทาหัวสิวด้วยยารักษาสิวที่มีส่วนผสมของ Salicylic Acid ที่จะช่วยลดการอักเสบ หากช่วงนั้นต้องแต่งหน้า สามารถใช้แผ่นแปะสิวที่มีวางจำหน่ายตามร้านขายยาแปะก่อนเพื่อเป็นตัวช่วยป้องกันแบคทีเรียได้ค่ะ

  • จู่ๆก็แพ้สกินแคร์จ้า!

และนี่เป็นเหตุผลว่าทำไมว่าที่เจ้าสาวจึงไม่ควรลองสกินแคร์ใหม่ที่ไม่เคยลองในช่วงใกล้แต่งงานนะคะ แต่ถ้าหากดันเกิดไปลองอะไรแปลกๆ และแพ้ขึ้นมา สิ่งเดียวที่จะช่วยได้คือหยุดใช้ทันที! และไปพบแพทย์ผิวหนังเพื่อให้คุณหมอช่วยเยียวยาผิวหน้าของเราโดยด่วนค่ะ

 

  • รอยฟกช้ำดำเขียว!

ทันทีที่ถูกอะไรกระแทกแรงๆ และรู้ตัวว่าวันสองวันต่อมาจะต้องฟกช้ำแน่นอน! สิ่งแรกที่ควรทำคือประคบเย็นบริเวณดังกล่าวประมาณ 10 นาที ความเย็นจะช่วยให้เส้นเลือดหดตัวและลดการฟกช้ำได้ นอกจากนั้น การยกบริเวณที่ฟกช้ำไว้สูงๆ บ่อยๆ ก็สามารถช่วยลดอาการฟกช้ำ นอกจากนั้น ควรหลีกเลี่ยงการทานยาที่มีผลต่อเส้นเลือดอย่าง ibuprofen, naproxen หรือ aspirin ค่ะ

healthh.com

ถึงแม้ว่าเหตุการณ์ไม่คาดฝันจะไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่สุดท้ายถ้าหากเกิดขึ้นแล้ว ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่าจะรับมือกับมันยังไงต่างหากค่ะ ว่าที่เจ้าสาวทั้งหลายอย่าลืมว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์เหล่านี้ขึ้น สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ สติ ที่จะช่วยให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดีนะคะ

ดูเรื่องราวเกี่ยวกับความงามและสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

credit: healthline.com , medthai.com , pobpad.com
credit Feature Photo: jennkavanagh.com

5 เรื่องห้ามประมาท เมื่อต้องเลือกสถานที่จัดงานแต่ง

มีสติกับ 5 เรื่องนี้เข้าไว้เมื่อต้องเลือก สถานที่จัดงานแต่ง

เมื่อเริ่มวางแผนพูดคุยถึงเรื่องแต่งงานกันแล้ว ต้องรีบมองหา สถานที่จัดงานแต่ง ในใจเอาไว้เลยนะคะ อย่านิ่งนอนใจคิดว่าเดี๋ยวก็ทัน เพราะเรื่องที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เสมอ ไหนจะฤกษ์ดี ที่มักจะชนกันหลายๆงาน บ่าวสาวควรทำลิสต์สถานที่ที่ชอบเก็บไว้ และเมื่อพร้อมแล้วก็จูงมือกันไปดูสถานที่จริงได้เลย

เพราะไม่ว่าจะจัดงานแต่งเมื่อไร ธีมงานแบบไหน ถ้าเลือกสถานที่ลงตัวแล้ว เรื่องอื่นๆ ก็จะวางแผนจัดการได้ง่ายขึ้น และนี่คือ 5 เรื่องที่คุณไม่ควรมองข้ามที่ แพรว wedding รวมมาให้คุณกันพลาด เตรียมจดเลยนะคะ

สถานที่จัดงานแต่ง

1. บ่าวสาวต้องประเมินจำนวนแขกคร่าวๆ ไว้แต่เนิ่นๆ เพื่อหาสถานที่รับรองตามจำนวนแขกที่ได้กะไว้

2. ฤกษ์ดีส่วนใหญ่จะอัดแน่นช่วงปลายปี สถานที่จะหายากสุดๆ ในวันดี ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ตารางจัดงานก็มักจะเต็ม

3. ควรเริ่มจากการหาสถานที่ที่เดินทางไปได้สะดวกก่อน

4. สถานที่แต่งงาน outdoor บรรยากาศสวย แต่ไม่ค่อยมี service package มาให้ด้วย อาหารจัดเลี้ยง พนักงานเสิร์ฟ อุปกรณ์ทานอาหาร ต้องพร้อมเตรียมหา catering มาช่วยจัดการ รวมทั้งเรื่องระบบเครื่องเสียง ระบบภาพ ระบบไฟ ที่ต้องจัดหา supplier มาช่วยดูแลระบบให้

5. การตกแต่งสถานที่ คุยเรื่องงบให้ดี สิ่งที่จินตนาการกับการออกแบบจริงไปด้วยกันได้ไหม และต้องเผื่อเวลา set up ไว้เยอะๆ เพราะเหตุการณ์จุกจิก มักจะกินเวลากว่าที่เราคิด

เมื่อมีเรื่องที่บ่าวสาวห้ามประมาทแล้ว ต่อมาก็มีสิ่งที่บ่าวสาวต้องเช็กกันให้ดีด้วยนะ >>> สิ่งที่ต้องเช็ก..เมื่อไปเซอร์เวย์สถานที่จัดงานแต่งงานมีอะไรบ้าง กูรูมีคำตอบ

ภาพ : elizabethannedesigns.com, theknot.com, onewed.com

ลำดับพิธีสงฆ์ในงานแต่งแบบไทย จัดมาให้แบบเป๊ะทุกขั้นตอน

พิธีสงฆ์ในงานแต่ง จัดยังไงให้ถูกต้อง…มาดูกันค่ะ

อีกหนึ่งช่วงสำคัญในพิธีงานแต่งไทยคือพิธีสงฆ์ที่บ่าวสาวหลายคนมักจะเกิดอาการงงๆ เก้กังๆ ว่าต้องทำอย่างไรบ้าง แพรว wedding เลยขอมาไล่เรียงลำดับขั้นตอน พิธีสงฆ์ในงานแต่ง มาให้แบบเป๊ะๆ รับรองว่าซ้อมและจำกันสักนิดก่อนถึงวันแต่งงาน รับรองว่าผ่านฉลุยชัวร์

ลำดับที่ 1 เมื่อพระสงฆ์ท่านมาถึงสถานที่จัดพิธีแล้ว ให้เจ้าภาพนิมนต์พระขึ้นนั่งบนอาสนะที่จัดเตรียมไว้ แล้วประเคนเครื่องรับรองถวาย เช่น น้ำดื่ม น้ำชา หรือน้ำหวานที่ทางเจ้าภาพได้จัดเตรียมไว้

ลำดับที่ 2 บ่าวสาวจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธที่โต๊ะหมู่บูชา โดยให้ผู้หญิงนั่งทางซ้าย ผู้ชายนั่งทางขวา และเริ่มจุดจากเทียนเล่มซ้ายก่อน แล้วตามด้วยเทียนเล่มขวา จากนั้นจุดธูปไหว้พระคนละ 3 ดอก ปักลงกระถางให้ตั้งตรง กราบพระพร้อมกัน 3 ครั้ง แล้วประเคนสายสิญจน์ให้พระเถระผู้เป็นประธานสงฆ์ในพิธี (พระที่นั่งอยู่รูปแรก)

ลำดับที่ 3 เจ้าพิธีจะนำอาราธนาศีล (ขึ้นต้นว่า มะยัง ภันเต…) จากนั้นพระสงฆ์ท่านจะให้ศีล (พระท่านจะตั้งนะโม 3 จบ ตามด้วย พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ…)

ลำดับที่ 4 เจ้าพิธีจะนำอาราธนาพระปริตร (ขึ้นต้นว่า วิปัตติปะฏิพาหายะ…)

ลำดับที่ 5 หลังจากการอาราธนาพระปริตรจบ พระสงฆ์จะเริ่มเจริญพระพุทธมนต์ และเมื่อพระสวดไปจนถึงบทมลคลสูตร (ขึ้นต้นว่า อะเสวะนา  จะพาลานัง…) ให้บ่าวสาวจุดเทียนน้ำมนต์ที่ตั้งอยู่ใกล้บาตรหรือขันน้ำมนต์ แล้วยกประเคนแด่ประธานสงฆ์ เพื่อให้ท่านทำน้ำพระพุทธมนต์

อับดับที่ 6 จากนั้นเมื่อพระท่านสวดถึงบทพาหุง (ขึ้นต้นว่า พาหุงสะหัสสะมะ  ภินิมมิตะสาวุธันตัง…) ให้บ่าวสาวลุกออกไปตักบาตร หรือหามีการเลี้ยงเพลให้เริ่มถวายข้าวพระพุทธ และเตรียมภัตตาหารสำหรับถวายพระสงฆ์

ลำดับที่ 7 เมื่อตักบาตรเสร็จ หรือพระฉันภัตตาหารเรียบร้อยแล้ว ให้บ่าวสาวถวายเครื่องไทยธรรมที่เตรียมไว้ให้กับพระสงฆ์จนครบทุกรูป

ลำดับที่ 8 หลังจากประเคนเครื่องไทยธรรมเรียบร้อย ให้บ่าวสาวเตรียมตัวกรวดน้ำ โดยเมื่อพระเริ่มสวดว่า “ยะถา…” ให้บ่าวสาวรินน้ำลงในภาชนะที่เตรียมไว้ และเมื่อพระสวดถึงบท “สัพพีติโญ…” ให้บ่าวสาวกรวดน้ำให้เสร็จเรียบร้อยและพนมมือรับพร

ลำดับที่ 9  หากเจ้าภาพมีความประสงค์ให้พระท่านพรมน้ำมนต์ให้ก่อนกลับก็ต้องเรียนท่านไว้ล่วงหน้า โดยระหว่างการพรมน้ำมนต์พระท่านจะสวดบทชัยมงคลคาถาเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่คู่บ่าวสาวและครอบครัว เสร็จแล้วเจ้าภาพก็เตรียมตัวส่งพระกลับวัด

ช่วงเวลาพิธีสงฆ์ของแต่ละงานแต่งอาจจะสั้นยาวไม่เท่ากัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าฝ่ายเจ้าภาพมีฤกษ์ยามอย่างไร หากมีเวลามากก็อาจทำตามลำดับพิธีไปจนจบแบบไม่รวบรัดตัดตอน แต่หากเจ้าภาพมีฤกษ์กระชั้นชิดควรแจ้งพระท่านไว้ก่อนว่ามีความจำเป็นต้องเสร็จพิธีก่อนเวลาเท่านี้ เพื่อให้ท่านเตรียมตัวและเตรียมบทสวดมนต์ล่วงหน้า ในขณะเดียวกันฝ่ายเจ้าภาพก็จะได้สบายใจ เนื่องจากไม่เลยฤกษ์มงคลที่กำหนดไว้

ส่วนอันนี้แถมฟรีไม่หวงจ้า >>> แจกกันแบบสเต็ปบายสเต็ป กับขั้นตอนลำดับพิธีแต่งงานไทยฉบับสมบูรณ์

ข้อมูลจาก : www.dmc.tv
ภาพ : งานแต่งคุณแอน & คุณเจมส์ ถ่ายโดย Box Wedding

เจ้าสาวคิ้วบางที่อยาก สักคิ้วสามมิติ ก่อนแต่งงาน มาดูกันว่าต้องทำยังไงบ้าง

สักคิ้วสามมิติ ก่อนแต่งงาน ควรทำเมื่อไหร่ ดูแลยังไง และจะมีผลอะไรตามมาหลังจากนั้นบ้างนะ มาหาคำตอบกันที่นี่เลยค่ะ

ยุคนี้การ สักคิ้วสามมิติ เป็นเทรนด์ที่ฮอตฮิตสุดๆ ไม่เพียงแค่สำหรับสาวๆคิ้วบางเท่านั้นนะ สาวๆ ที่มีขนคิ้วปกติหลายคนก็ยังเลือกการสักคิ้วสามมิติเป็นวิธีที่ช่วยเชฟรูปทรงคิ้วให้เป็นไปตามแบบที่เราต้องการ แถมยังช่วยให้ชีวิตง๊าย ง่ายขึ้น เพราะไม่ต้องเขียนคิ้วก็สวยได้แบบอัตโนมัติ ประมาณว่าตื่นมาก็หน้าบั่บนี้เลยอะโดยเฉพาะอย่างยิ่งใครที่กำลังจะเป็นเจ้าสาวคงจะสนใจการสักคิ้วสามมิติมากเป็นพิเศษ เพราะเราจะได้มีเรียวคิ้วสวยอย่างใจในวันแต่งงาน ไม่ต้องคอยลุ้นว่าช่างแต่งหน้าจะเขียนคิ้วของเราออกมาได้ถูกใจหรือไม่ แต่ก่อนจะรีบตัดสินใจ อย่าลืมว่า หลังแต่งงานแล้ว คิ้วสามมิติก็จะยังคงอยู่บนใบหน้าเรานะจ๊ะ เพราะฉะนั้นมาดูกันก่อนว่า ที่จริงแล้วคุณเหมาะกับการสักคิ้วสามมิติหรือไม่ และการเตรียมตัวที่จะไปสักคิ้วสามมิติต้องทำยังไง รวมทั้งการดูแลหลังจากนั้นมีอะไรที่เราต้องทำบ้าง

สักคิ้วสามมิติ

ใครที่ควรไปสักคิ้วสามมิติ

  • สาวๆ คิ้วบาง ข้อนี้ชัวร์ค่ะ เพราะการสักคิ้วสามมิติจะช่วยสร้างโครงคิ้วให้ใบหน้าคุณไม่โล้น และไม่ต้องคอยมานั่งเขียนเองในชีวิตประจำวัน
  • สาวๆที่เขียนคิ้วไม่เก่ง ถือว่เป็นการช่วยซื้อเวลาในการแต่งหน้าต่อวันของคุณ ให้ชีวิตง่ายขึ้นเยอะ

ใครที่ไม่ควรไปสักคิ้วสามมิติ

  • เปลี่ยนสีผมบ่อย เพราะคิ้วสามมิติจะอยู่กับเราไปเป็นปี เพราะฉะนั้นหากเรามีการเปลี่ยนสีผม สีคิ้วก็จะเป็นคนละสีกับผม ดูตลกไปเลยละ
  • เป็นสาวผิวมัน รู้หรือไม่คะ ว่า สาวผิวมัน คิ้วสามมิติที่เกิดจากการฝังสีเข้าไปในผิวหนังจะถูกลบเลือนง่ายกว่าสาวผิวแห้ง คิ้วสามมิติจึงมีอายุสั้นกว่าบนผิวหน้าของสาวผิวมันสักคิ้วสามมิติ

แต่ถ้าตัดสินใจแล้วว่า ฉันนี่แหละเหมาะกับการสักคิ้วสามมิตินี่คือสิ่งที่ ว่าที่เจ้าสาว ควรทำค่ะ

  • ไปสักคิ้วสามมิติก่อนวันแต่งงานอย่างน้อย 3 เดือน เพราะช่างอาจจะต้องนัดคุณหลังจากสักคิ้วครั้งแรกอีกประมาณ 2-3 ครั้ง เพื่อค่อยๆเติมเส้นขนคิ้วให้สมบูรณ์ ซึ่งอาจจะใช้เวลาหลังสักคิ้วครั้งแรกถึง 2-3 เดือน รวมทั้งช่วงระยะเวลาหลังสักคิ้วมาแรกๆ สีของขนคิ้วอาจจะยังดูไม่เข้าที่ค่ะ
  • หาเวลาว่าง 1 อาทิตย์ ที่ไม่ชนกับการถ่ายพรีเวดดิ้งหรือออกงานอื่นๆ เพราะ 1 อาทิตย์ หลังสักคิ้ว คิ้วของเราจะมีสีเข้มกว่าปกติ และจะเป็นช่วงเวลาที่เราต้องรอให้สีคิ้วบางส่วนลอกออกเอง จึงห้ามแต่งหน้า ห้ามโดนน้ำและห้ามโดนแสงแดดค่ะ
  • อย่าลืมว่า การสักคิ้วสามมิติ เป็นแค่การสร้างโครงคิ้วที่ชัดเจนในระดับหนึ่ง แต่ไม่ได้หมายความว่าหลังจากนั้นเราจะไม่ต้องแต่งคิ้วอีกเลย เพราะถ้าหากสาวๆ ต้องการคิ้วที่ดูชัดเจนรับกับใบหน้าที่มีเมกอัพ อาจจะต้องเขียนคิ้วเพิ่มอยู่ดีค่ะ

สุดท้ายแล้ว ว่าที่เจ้าสาวอย่าลืมเลือกร้านสักคิ้วสามมิติที่สะอาด ไว้ใจได้ ถ้าไม่ชัวร์ก็อย่าลืมหาข้อมูลให้เยอะๆ ไว้ก่อนนะคะ อย่าหลงกลกับราคาที่ถูกเกินไปเพียงอย่างเดียวเพราะผลลัพธ์ที่ได้อาจจะไม่ดี จนแก้ไขไม่ทันวันแต่งงานก็ได้ค่ะ

ถ้าชอบคอนเท้นต์นี้ของเรา ลองคลิกอ่าน —> เราควรจะลอง แต่งหน้าเจ้าสาว ก่อนวันงานจริงหรือไม่นะ? หาคำตอบได้ที่นี่

สิ่งที่ต้องระวังในงานแต่ง บ่าวสาวควรรู้ไว้ก่อนจะได้ไม่พลาดตอนจัดงาน

งานแต่งงานถือเป็นงานใหญ่ครั้งหนึ่งในชีวิต นอกจากจะต้องเตรียมตัวนานหลายเดือนแล้ว ยังมีรายละเอียดยิบย่อยมาให้บ่าวสาวพิจารณาอยู่เสมอ บางคนก็ตัดสินใจผิดพลาดจนทำให้งานแต่งออกมาไม่ได้ดั่งใจหวัง วันนี้ แพรว wedding จึงนำข้อผิดพลาดกับ สิ่งที่ต้องระวังในงานแต่ง  ที่อดีตบ่าวสาวชาวเราเคยประสบพบเจอมาเป็นบทเรียนก่อนวันวิวาห์จะมาถึงให้ว่าที่บ่าวสาวคนต่อไปได้อ่านและระวังตัวกันให้มากขึ้น

1. ไม่ตัดสินใจเรื่องงบประมาณ

ภาพจาก : www.everafterguide.com
ภาพจาก : www.everafterguide.com

ว่าที่บ่าวสาวหลายคู่พอรู้ตัวว่าจะต้องแต่งงานก็เกิดอาการตื่นเต้นดีใจจนลืมทุกอย่าง แม้กระทั่งเรื่องเงินที่จะเอามาใช้จัดงานก็ยังลืมคิดว่าต้องใช้เงินเท่าไหร่ เฝ้าแต่จินตนาการว่างานฉันต้องสวยอย่างนั้น อลังการอย่างนี้ หยุดค่ะ! คงต้องขอดึงคุณกลับมาในโลกแห่งความเป็นจริงสักนิดนึง เพราะหัวใจหลักของการจัดงานแต่งนั้นไม่ได้มีแค่เรื่องความรักเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องงบประมาณที่คุณจะต้องรีบตัดสินใจให้ได้เป็นสิ่งแรก

2. ไม่มีแผนสำรองในกรณีฝนตก

ภาพจาก : www.brides.com
ภาพจาก : www.brides.com

เรื่องนี้จะไม่เป็นปัญหามากมายสำหรับคู่ไหนที่เลือกจัดงานในโรงแรม แต่จะเป็นปัญหาที่น่าสะพรึงสำหรับคนที่ตัดสินใจจัดงานแต่งแบบเอ๊าท์ดอร์ ไม่ว่าจะเป็นชายหาด ในสวน ในไร่ ริมแม่น้ำ หรือสถานที่ไหนก็แล้วแต่ที่เป็นที่โล่งไม่มีหลังคา คุณจะต้องเตรียมแผนสองสำหรับพระพิรุณโปรยฝนไว้ให้ดี จะเตรียมร่ม เตรียมหมวก หรือเต็นท์กันแดดกันฝนไว้ด้วยจะดีมาก ถ้าคุณเอาแต่คิดว่าฉันดูพยากรณ์อากาศมาดี วันแต่งฝนไม่ตกแน่! ขอบอกเลยว่า คุณ! คิด! ผิด! เพราะธรรมชาติเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ จู่ๆ อากาศแปรปรวนฝนตกมาเมื่อไหร่รับรองว่าจบเห่แน่ๆ !

3. ปล่อยให้แขกสับสน

ภาพจาก : www.overthec.com
ภาพจาก : www.overthec.com

เดี๋ยวนี้งานแต่งงานมีรายละเอียดและเงื่อนไขเยอะแยะไปหมด ทั้งธีมงาน ธีมสี ธีมชุด รวมไปถึงการเดินทางไปสถานที่จัดงาน สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่คุณห้ามพลาดใส่ไปในการ์ดเชิญเด็ดขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณจัดงานแต่งตามต่างจังหวัดแล้วแขกจะต้องเดินทางไกล คุณควรที่จะแนบแผนที่แผ่นเล็กๆ ลงไปด้วย อย่าลืมล่ะ!

4. จะแต่งงานแต่ไม่คุยกัน

ภาพจาก : www.toptableplanner.com
ภาพจาก : www.toptableplanner.com

ว่าที่บ่าวสาวคู่ไหนที่กำลังจะแต่งงานกันแต่ไม่ยอมคุยรายละเอียดหรือปรึกษาหารือกัน ขอให้คุณไปคิดทบทวนใจของตัวเองให้ดีว่าอยากแต่งกันจริงๆ ไหม เพราะแน่นอนว่าการแต่งงานมันเกี่ยวพันกับชีวิตของคุณสองคนโดยตรง ไม่ว่าจะจัดเล็กๆ เงียบๆ หรือจัดใหญ่โต คุณก็ต้องคุยกันว่าอยากให้งานออกมาเป็นแบบไหน ใส่ชุดอะไร จัดที่ไหน เชิญแขกเท่าไหร่ ช่วยๆ กันออกไอเดียและแบ่งๆ กันรับผิดชอบมันคงดีกว่าปล่อยให้เป็นหน้าที่ใครคนใดคนหนึ่งนะ

5. กังวลว่าคนอื่นจะไม่สนุกกับงานแต่ง

ภาพจาก : www.phillymag.com
ภาพจาก : www.phillymag.com

เชื่อว่าบ่าวสาวหลายคู่มักจะเกิดความกังวลว่าคนรอบตัวทั้งพ่อ แม่ ญาติ พี่ น้อง และแขกคนอื่นๆ จะไม่ชอบสิ่งที่คุณตัดสินใจเลือกและไม่สนุกกับงานแต่งที่คุณจัดขึ้น บางคนออกอาการนอยด์จนตัวเองกลายเป็นคนที่ไม่สนุกเสียเอง ขอแนะนำว่าทำใจให้สบาย อย่าไปคิดอะไรมาก เลือกในสิ่งที่คุณชอบและคุณต้องการ เพราะวันแต่งงานคือวันพิเศษสำหรับคุณและคนรักนะ

6. ตัดสินใจเลือกสถานที่โดยไม่คำนวณแขกก่อน

ภาพจาก : www.cocoweddingvenues.co.uk.com
ภาพจาก : www.cocoweddingvenues.co.uk.com

เรื่องสถานที่และจำนวนแขกเป็นสิ่งสำคัญลำดับต้นๆ ที่คุณควรตัดสินใจให้ได้โดยเร็ว เพราะสองอย่างนี้จะเกี่ยวข้องกันตั้งแต่ตอนวางแผนจนถึงวันงาน ลิสต์จำนวนแขกให้แน่นอนก่อนแล้วจึงหาสถานที่จัดงานให้สามารถรองรับแขกได้อย่างเหมาะสม เลือกสถานที่ที่ไม่ใหญ่จนทำให้งานดูโล่งเกินไปและไม่เล็กคับแคบจนแขกอึดอัด

7. เซ็นสัญญาโดยไม่อ่านให้ละเอียด

ภาพจาก : www.everafterguide.com
ภาพจาก : www.everafterguide.com

จัดงานใหญ่ครั้งหนึ่งแน่นอนว่านอกจากทะเบียนสมรสที่คุณต้องเซ็นแล้ว ยังมีเอกสารอย่างอื่นเยอะแยะมากมายที่คุณจะต้องลงชื่อด้วย ทั้งเอกสารการซื้อขายและเอกสารสัญญาว่าจ้างต่างๆ คุณควรจะอ่านรายละเอียดในหนังสือสัญญาให้ละเอียดและรอบคอบ ถ้ามีคำถามหรือข้อสงสัยต้องรีบถามรีบเคลียร์ให้เข้าใจกันทั้งตัวคุณและผู้รับจ้างก่อนลงมือเซ็นชื่อ และที่สำคัญอย่าอ่านคนเดียว ควรจะให้คนรัก พ่อ แม่ หรือเพื่อนที่เราไว้ใจมาช่วยอ่าน ช่วยทำความเข้าใจด้วยก็จะดี

8. เลือกใช้งานผู้รับจ้างผิด!

www.everafterguide.com
www.everafterguide.com

ผู้รับจ้างในที่นี้หมายถึงทุกอย่างในงานแต่งที่คุณไม่ได้ทำเองและต้องจ้างคนอื่น เช่น เวดดิ้งแพลนเนอร์ ร้านการ์ด ร้านชุด วงดนตรี แคทเธอริ่ง ฯลฯ สิ่งเหล่านี้คุณควรจะคิดดีๆ ก่อนตัดสินใจว่าจะเลือกใช้บริการเจ้าไหน คุณต้องดูตัวอย่างงานและโปรไฟล์ของแต่ละเจ้าให้ดีเสียก่อนว่าเข้ากับความต้องการของคุณจริงไหม และที่สำคัญคือราคารับได้หรือไม่ ถ้าจะให้ดีแนะนำให้คุยกับผู้รับจ้างแต่ละเจ้าก่อนที่จะตัดสินใจเลือก

9. เลือกเวดดิ้งแพลนเนอร์มือสมัครเล่น

ภาพจาก : www.everafterguide.com
ภาพจาก : www.everafterguide.com

ถ้าคุณคิดว่าคุณสามารถควบคุมทุกอย่างในงานแต่งได้ด้วยตัวของคุณเอง หรือแม้กระทั่งไว้วางใจเพื่อนสนิทว่าพวกเขาเหล่านั้นจะช่วยคุณได้แน่ และคิดว่าไม่จำเป็นต้องจ้างเวดดิ้งแพลนเนอร์ แบบนี้ก็ตามแต่ความต้องการของบ่าวสาว แต่ขอบอกเลยว่าพอถึงวันงานจริงคุณอาจจะเจอความวุ่นวายที่มาทักทายแบบไม่ทันตั้งตัวแน่นอน เพราะฉะนั้นถ้าไม่มั่นใจว่าจะรับมือกับปัญหาเฉพาะหน้าได้อยู่หมัด การเลือกเวดดิ้งแพลนเนอร์ดีๆ สักเจ้าให้เข้ามาช่วยดูแลงานแต่ง แบบนี้ก็ช่วยให้คุณสวยอย่างสบายใจไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังเรื่องอื่นๆ อีก

10. ลืมนัดแนะเวลาที่แน่นอน

ภาพจาก : www.weddingwire.com
ภาพจาก : www.weddingwire.com

คนจะเป็นเจ้าบ่าวเจ้าสาว รวมไปถึงพ่อ แม่ ญาติพี่น้อง เพื่อนเจ้าบ่าว เพื่อนเจ้าสาว และประธานในพิธีไม่ควรจะมาถึงงานสายเด็ดขาด คุณจะต้องนัดแนะเวลาที่แน่นอนสำหรับคนแต่ละคน ระบุเวลาไปเลยว่าบ่าวสาว พ่อแม่ จะต้องมาเตรียมตัวกี่โมง เพื่อนเจ้าบ่าวเพื่อนเจ้าสาวต้องมาตอนกี่โมง และประธานควรมาตอนกี่โมง แบบนี้จะได้หมดปัญหาคนสำคัญมาช้ามาสายแล้วทำให้ฤกษ์งามยามดีที่ดูไว้ต้องเคลื่อน

11. เครียดเกินไป

ภาพจาก : www.everafterguide.com
ภาพจาก : www.everafterguide.com

ว่าที่เจ้าสาวบางคนออกอาการไบรด์ซิลล่า เครียดมากในช่วงเตรียมงานแต่ง และจะนอยด์ยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อใกล้ถึงวันงาน จนคนรอบข้างหลายคนถึงกับส่ายหน้าในความขี้เหวี่ยงขี้วีนของตัวเธอ ขอแนะนำว่าให้คุณใจเย็นๆ เข้าไว้ค่ะ ถ้าเครียดมากๆ นอยด์มากๆ เดี๋ยวถึงวันแต่งแล้วไม่สวยนะจ๊ะ

และนี่คือ 11 สิ่งที่ต้องระวังในงานแต่ง ทำได้ง่ายๆ ไม่ยาก แค่ค่อยๆ คิด ค่อยๆ ตัดสินใจ และระมัดระวังข้อผิดพลาดต่างๆ ให้ดี รับรองว่างานแต่งของคุณจะสมูทและผ่านไปได้ด้วยดีแน่นอน

>> อ่านคำแนะนำและดูไอเดียงานแต่งงานอีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย! <<

เรียบเรียง : everafterguide.com
ภาพ : everafterguide.com, .weddingwire.com, pinterest.com, cocoweddingvenues.co.uk.com,
phillymag.com, justmytype.co.nz, toptableplanner.com, overthec.com, brides.com

ลำดับขั้นตอนพิธีไหว้ผู้ใหญ่พร้อมสคริปต์แบบ 2 ภาษาอย่างเป๊ะ

พิธีไหว้ผู้ใหญ่ พร้อมสคริปต์ฉบับเต็มแบบ 2 ภาษา

พิธีไหว้ผู้ใหญ่ ถือเป็นอีกหนึ่งพิธีที่สำคัญในงานแต่งไทย โดยเป็นอีกหนึ่งพิธีที่เต็มไปด้วยลำดับขั้นตอน เราเลยนำลำดับขั้นแบบเป๊ะๆ พร้อมสคริปต์ทั้งไทยและเทศมาฝาก เรียกได้ว่าอินเตอร์กันสุดๆ เลยทีเดียว

พิธีไหว้ผู้ใหญ่
• บ่าวสาวและผู้ใหญ่คู่แรกนั่งประจำที่ (ตามธรรมเนียมจะเริ่มจากพ่อแม่ของเจ้าบ่าวหรือเจ้าสาวก่อน แล้วจึงเป็นญาติผู้ใหญ่ท่านอื่นๆ ตามลำดับ)
• บ่าวสาวไหว้ผู้ใหญ่ด้วยพานธูปเทียนแพ
• ผู้ใหญ่รับพานธูปเทียนแพพอเป็นพิธีแล้วส่งคืนแก่บ่าวสาว
• บ่าวสาวมอบของไหว้ให้ผู้ใหญ่ เช่น ผ้าขนหนู ผ้าไหม หมอน เป็นต้น
• ผู้ใหญ่ให้ของรับไหว้ซึ่งมักเป็นเงินทองของมีค่าแก่บ่าวสาว
• ผู้ใหญ่คู่ถัดไปขึ้นทำพิธี

The Senior Respecting Ceremony
              • The groom and the bride sit with the first elderly couple. (According to tradition, the parents of the groom or those of the bride will start first, and other elder relatives will follow.)
              • The groom and the bride pay respect to the elders with the tray of joss sticks and candles.
              • The elders receive the souvenirs briefly and return them to the groom and the bride.
              • The groom and the bride give presents to the elders, such as towels, silk, pillows.
              • The elders give presents to the groom and the bride, usually in the form of gold, money or other valuable items.
              • The next senior couple gets in position.

 

อ่านเพิ่มเติม >> แจกกันแบบสเต็ปบายสเต็ป กับขั้นตอนลำดับพิธีแต่งงานไทยฉบับสมบูรณ์

ภาพเปิด : Box Wedding

มาดูกัน! จัดงานแต่งแบบประหยัด งบประมาณไม่บาน คุมได้นั้นมีอยู่จริง

หัวใจสำคัญของการจัดงานแต่งงานไม่ได้ขึ้นอยู่กับงบประมาณที่สูงลิบเสมอไป เพราะงานแต่งสวยเว่อร์สุดอลังการฟังก์ชันครบ จัดงานแต่งแบบประหยัด งบไม่บาน คุมได้นั้นมีอยู่จริง เพียงแต่มีสิ่งสำคัญบางอย่างที่บ่าวสาวพึงกระทำตามนี้

  • ตั้งงบประมาณค่าใช้จ่ายทั้งหมด
  • ลิสต์รายละเอียดการจัดงาน (ตามความฝัน) ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องมี สิ่งที่มีก็ได้ไม่มีก็ได้ และสิ่งที่ฝันอยากจะมี
  • ใส่งบประมาณขั้นสูงสุดในแต่ละลิสต์ โดยเกลี่ยให้พอดีกับงบประมาณทั้งหมด
  • อ่านเคล็ดลับประหยัดงบจากโปรแล้วประยุกต์ใช้กับงานตัวเอง

ส่วนในเรื่องของสถานที่จัดงาน อาหาร และเครื่องดื่ม ก็มีเคล็ดลับตามนี้ 

1. ลิสต์จำนวนแขกให้ใกล้เคียงความเป็นจริงมากที่สุดแล้วจึงฟันธงเลือกห้อง หากกะประมาณคร่าวๆ จะเจอปัญหาเลือกห้องใหญ่เกินไป ส่งผลไปถึงค่าอาหารบานปลายและสูงขึ้นโดยไม่จำเป็น (โดยปกติจะมีแขกมาร่วมงาน 80% ของจำนวนการ์ดเชิญทั้งหมด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าจัดงานวันไหน ตามสถิติแล้ว ถ้าจัดงานในวันธรรมดา การ์ด 1 ใบจะมีแขกมา 2 คน แต่ถ้าเป็นวันหยุด การ์ด 1 ใบอาจมีแขกมาสูงสุดถึง 5 คน!!)

2. อย่าเลือกห้องเล็กไว้ก่อน เพียงเพราะคิดว่าจะประหยัดกว่า เพราะสุดท้ายแล้วหากแขกเกินก็ต้องจ่ายส่วนต่างอาหารที่คิดเพิ่มนอกแพ็คเกจ ซึ่งมักคิดราคาตามจำนวนคน

3. เลือกห้องที่ตกแต่งสวยงามพร้อมอยู่แล้ว เพราะจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการตกแต่งสถานที่

4. ในกรณีเช่าแค่สถานที่ (ไม่ใช่โรงแรม) ควรเช็กให้ถี่ถ้วนว่าสถานที่นั้นให้อะไรเพิ่มเติม นอกเหนือจากห้องเปล่าๆ เช่น เครื่องเสียง ลำโพง จอโปรเจ็กเตอร์ ไฟฟอลโลว์ โต๊ะ เก้าอี้ พนักงานช่วยอำนวยความสะดวก

5. ใช้บริการอาหารที่สถานที่นั้นๆ แนะนำ เพราะไม่ต้องเสียค่านำเข้าอาหารเพิ่มเติม

6. เลือกเมนูอาหารแพ็คเกจต่ำที่สุดเสริมด้วยซุ้มอาหารคุ้มกว่า โดยสั่งเมนูอาหารค็อกเทลแค่ 70 – 80% ของแขก แล้วเพิ่มซุ้มอาหารเฉลี่ยให้ครอบคลุม 100%

7. จัดงานแต่งอินดอร์ประหยัดกว่าเอ๊าต์ดอร์ เพราะไม่ต้องเสียค่าเช่าเต็นท์ พัดลม และระบบไฟเพิ่ม

8. ข้อดีของการจัดงานที่บ้านคือ ไม่เสียค่าสถานที่ ไม่เสียค่านำเข้าอาหาร ข้อเสียคืออาจต้องเสียค่าเช่าโต๊ะเก้าอี้เพิ่มเติม และความเรียบร้อยหรือบริการต่างๆ ไม่เป๊ะเท่าโรงแรม

9. ส่งการ์ดเชิญแขก 300 ใบ ควรมีอาหารอย่างน้อย 6 – 7 ซุ้ม โดยมีปริมาณอาหารรวม 900 – 1,200 ชาม เป็นอาหารหนักประมาณ 350 ชาม และเตรียมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 4 – 6 ลัง ถ้าเสิร์ฟไวน์ด้วยก็ให้สั่งเพิ่มอีก 4 – 6 ลัง

>> ดูไอเดียงานแต่งงานและคำแนะนำดีๆ ในการจัดงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย! <<

ชุดแต่งงานไทย กับเทคนิคการใส่ที่เจ้าสาวแต่งไทยควรรู้

ชุดแต่งงานไทย ใส่ยังไงให้สวยเป๊ะ มาดูกัน

จะมีสักกี่ครั้งในชีวิตที่สาวๆ อย่างเราจะได้แต่งชุดไทยแบบเต็มยศ ยิ่งถ้าเป็น ชุดแต่งงานไทย ด้วยแล้ว แน่นอนว่าวันนั้นคงต้องเป็นวันสำคัญอย่างวันแต่งงาน เพราะฉะนั้นไหนๆ ก็จะได้แต่งองค์ทรงเครื่องกันแบบครบเซตแล้ว ก็ต้องใส่ใจและพิถีพิถันในการแต่งกายกันหน่อย แพรว wedding เลยมีเทคนิคการใส่ชุดแต่งงานไทยยังให้สวยเป๊ะมาฝาก

1. เมื่อจะลงนั่งไม่ว่าบนเก้าอี้หรือบนพื้นเพื่อประกอบพิธี ให้ใช้มือสองข้างรวบผ้านุ่งมาไว้ด้านหน้าแล้วจึงนั่ง ผ้าจะไม่ยับและคงความสวยงามจนจบงาน

2. เวลาเดินให้ระวังเหยียบชายผ้านุ่ง หากเย็บตรึงไม่แน่น อาจทำให้ผ้านุ่งหลุดลุ่ยเสียรูปทรงได้ ส่วนสไบและสะพักที่มีชายยาวลากพื้น หากไม่มีผู้ช่วยยกชายผ้า เจ้าสาวจะต้องรวบชายผ้าสไบและผ้าสะพักมาพาดไว้ที่แขนข้างเดียวกับที่สไบทิ้งตัว

3. ถ้าเป็นไปได้ ในการลองชุดก่อนวันจริงเจ้าสาวต้องนำรองเท้าคู่ที่จะใส่ในวันงาน หรือมีความสูงเท่ากับคู่ที่จะใส่ในวันงานมาลองใส่ขณะแต่งตัวด้วย เพื่อจะได้กะความยาวของผ้านุ่งให้พอดีกัน

4. ควรเลือกชุดชั้นในที่มีสีกลมกลืนกับสีผิวมากที่สุด โดยจะเลือกเป็นชั้นในเกาะอกอย่างเดียวหรือสวมชั้นในแล้วทับด้วยเสื้อเกาะอกก็ได้ ส่วนกางเกงชั้นในไม่จำเป็นต้องเลือกแบบช่วยยกก้นให้เด้ง เพราะเทคนิคการนุ่งจะช่วยเน้นรูปร่างให้สวยงามอย่างเป็นธรรมชาติได้ในพริบตา

ชุดไทยจักรพรรดิ จากร้าน Costume Cafe

5. ควรแต่งหน้า-ทำผม และฉีดสเปรย์ให้เรียบร้อยก่อนแล้วจึงค่อยแต่งตัว เพราะสเปรย์มีส่วนผสมที่ทำให้ทองที่ปักหมองดำได้

6. หากน้ำเปล่าหกใส่ชุด ให้ใช้ทิชชูหรือผ้าขนหนูแห้งซับน้ำ แล้วใช้ดรายร์เป่า แต่ถ้าเป็นน้ำอัดลมต้องใช้ผ้าชุบน้ำสะอาดมาซับทันที ไม่ควรรอให้แห้งเพราะจะทำให้เกิดรอยด่างได้

7. หากเจ้าสาวต้องการผ้าชิ้นพิเศษที่ออกแบบลวดลายใหม่สำหรับคุณคนเดียว แพรว wedding ขอบอกเลยว่า ต้องเผื่อเวลาไว้ข้ามปี เพราะผ้าไทยแต่ละชิ้นใช้เวลาทอค่อนข้างนาน เริ่มตั้งแต่การย้อมสีด้วยวัตถุดิบจากธรรมชาติแล้วนำมาทอขึ้นลาย จากนั้นเพิ่มรายละเอียดด้วยการปักลวดลายอีกครั้ง ฉะนั้นหากอยากได้ผ้าไทยสวยๆ ไว้ใช้ในวันสำคัญ อย่าลืมวางแผนล่วงหน้ากันไว้ให้ดีนะ

8. เมื่อได้ผ้ามาแล้วต้องลองแต่งก่อนวันจริง โดยอาจนัดลองหลายๆ แบบก่อนถึงวันงาน 1-2 เดือน เพื่อดูวาชุดไหยเหมาะกับรูปร่างของคุณมากที่สุด

ดูดีกันแบบแพ็คคู่ด้วยเคล็ดลับดีๆ นี้ที่เรานำมาฝาก >>> เทคนิคการเลือกชุดแต่งงานไทยของบ่าวสาวยังไงให้ดูเข้ากัน

ขอบคุณภาพเปิด : ชุดไทยจากร้าน Vanus Couture, เครื่องประดับจาก อ.ไพโรจน์ สืบสาน

เลือกชุดแต่งงานไทยให้เหมาะกับเจ้าสาวและแมตช์กับเจ้าบ่าวด้วย

ชุดแต่งงานไทย ต้องเลือกให้สวมงามตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า รวมถึงคนข้างๆ ก็ต้องหล่อให้เข้ากันกับเจ้าสาวด้วยนะ

ได้แต่ง ชุดแต่งงานไทย กับเขาสักที เชื่อว่าทุกคนคงอยากดูสง่าราวกับสตรีผู้สูงศักดิ์มากกว่าสวยแบบนางเอกหนังจักรๆ วงศ์ๆ แต่จะทำอย่างไรล่ะ

 

สี

สีครีมทองเป็นสียอดฮิต เพราะดูหรูและสง่า แถมเจ้าสาเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ใส่แล้วรอด ถ้าใจคุณชื่นชอบสีสันอย่างชมพู ฟ้า ส้ม ฯลฯ แต่ดันเป็นสาวไทยแท้ผิวเข้ม กลัวว่าใส่แล้วจะตัดกับผิวฉึบฉับ หรือเป็นสาวไทยเชื้อสายจีน ตาตี่ ผิวขาวซีด ที่ใส่สีสดแล้วอาจดูเป็นอาเจ๊ ขอบอกว่าการเลือกโทนสีเบรกลงมาพอจะช่วยได้ เช่น เลือกสีชมพูนู้ดๆ หรือสีกะปิแทนสีชมพูสด เลือกสีฟ้าอมเทาแทนสีฟ้าสด เลือกสีจำปาแทนสีส้มแจ๊ด ฯลฯ ทั้งหมดนี้ไม่ต้องกลัวหมอง เพราะชุดไทยมักตัดเย็บจากผ้าไหมซึ่งมีความวาวและมีการปักดิ้นทองซึ่งจะช่วยขับขับผิวให้ดูผ่องขึ้น ถ้าจะให้ชัวร์ควรเอาผ้ามาทาบกับตัวเลยว่าเหมาะกับผิวไหม

รูปร่าง

ส่วนใหญ่เจ้าสาวรูปร่างท้วมมักไม่กล้าใส่สไบ แต่พอเลี่ยงไปใส่ชุดแขนยาวมิดชิด ติดกระดุมถึงคอก็กลายเป็นดูอึดอัดทึบตันไปทั้งตัว แนะนำว่าของแบบนี้ต้องมั่นใจ เพราะการห่มสไบก็มีทั้งแบบเข้ารูปโชว์ช่วงเอว และแบบผืนใหญ่ห่มปิดหมดทั้งร่าง โดยมากคนท้วมต้องใส่เปิดๆ หน่อยให้เห็นเส้นเอวจะได้ดูไม่ตัน แต่ก็ไม่เสมอไป เพราะขึ้นอยู่กับบุคลิกภาพด้วย บางคนท้วมแต่พอห่มสไบมิดชิดกลับดูดีกว่า เพราะมีบุคลิกสง่าราวนางพญา ดังนั้นการลองสวมจริงจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดว่าชุดแบบไหนเหมาะกับคุณ

ชุดแต่งงานไทย

กรณีที่เลือกใส่ชุดไทยแขนยาวคอปิดอย่างชุดไทยบรมพิมาน การตัดเย็บให้เอวต่ำกว่าปกติจะช่วยให้ช่วงลำตัวดูโปร่งและสมส่วนขึ้นได้ในระดับหนึ่ง

รองเท้า

เนื้อคู่ของชุดไทยคือรองเท้าส้นสูงหัวแหลมที่มีความเป็นเมทัลลิคจะเงิน ทอง หรือพิงค์โกลด์ก็ขึ้นอยู่กับสีเครื่องประดับและดิ้นที่ปักบนชุด แต่แนะนำให้เป็นเฉดอ่อนจะดูมีคลาสกว่า กรณีที่หน้าเท้ากว้างใส่หัวแหลมแล้วไม่สวย ลองเลือกแบบที่มีแพลตฟอร์ด้านหน้าจะช่วยพยุงให้น้ำหนักไม่เทไปด้านหน้ามากนัก ดูดีขึ้น แถมยังเมื่อยน้อยลงด้วย

เจ้าสาวบางคนต้องการสวมรองเท้าสีพื้นเรียบๆ เพื่อจะได้เก็บไว้ใส่ในชีวิตประจำวันด้วย ก็อาจเลือกสีที่ไปกันได้กับสีของชุดท่อนบนหรือท่อนล่าง

เครื่องประดับ

ถ้าบ้านไหนมีเครื่องทองของเก่าเก็บก็โชคดีไป แต่ถ้าไม่มี ต้องเช่าเครื่องประดับเทียมมาใส่ก็ควรเลือกที่ฝีมือประณีตและไม่ต้องประโคมเยอะ เดี๋ยวจะดูเหมือนไปรำแก้บน แค่เข็มขัด ต่างหู และสร้อยคอ หรือข้อมืออีกสักชิ้นก็สวยแล้ว

ชุดแต่งงานไทย

ชุดเจ้าบ่าว

พอเจ้าสาวเลือกชุดได้แล้วก็อย่าลืมหันมาดูคนข้างๆ ด้วย ส่วนใหญ่เจ้าบ่าวมักจะโนไอเดีย ใส่อะไรก็ได้ มีบ้างที่งอแงไม่ยอมใส่ชุดไทยเพราะเขิน อาจพบกันครึ่งทางด้วยชุดเจ้าบ่าวไทยประยุกต์ ท่อนบนเป็นสูท ท่องล่างเป็นโจรงกระเบน หรือท่อนบนเป็นเสื้อราชปะแตน ท่อนล่างเป็นสแล็คก็ตามสะดวก แต่เพื่อความสวยงามแนะนำให้เจ้าบ่าวเลือกคู่สีที่เข้ากับสีชุดของเจ้าสาวหรือมีสีที่ลิงค์กับชุดเจ้าสาวอยู่ในตัวบ้าง ไม่จำเป็นต้องเป็นสีเดียวกันเป๊ะ และถ้าคนหนึ่งใส่โทนอ่อน อีกคนควรเป็นโทนเข้มเพื่อความลงตัว เช่น ชุดเจ้าสาวสีครีมทอง ชุดเจ้าบ่าวสีเบจ หรือชุดเจ้าสาวสีชมพู ชุดเจ้าบ่าวสีเทาหรือน้ำตาลช็อกโกแลตเป็นต้น

รู้แบบนี้แล้วว่าที่เจ้าสาวก็มีเทคนิคไปเลือกชุดแต่งงานไทยได้แบบสบายใจหายห่วง หรือจะเข้าไปดู >> 9 ชุดแต่งงานไทยคนดัง ที่ผ่านไปนานแค่ไหนก็ยังสวยงามและน่าใส่ตามเสมอ เป็นตัวอย่างก็ได้นะ

6 สิ่งที่บ่าวสาวต้องรู้ก่อนเลือกแบบจัดดอกไม้ในงานแต่ง

นอกจากสถานที่ ธีมงาน และชุดแต่งงานแล้ว สิ่งที่จะช่วยให้บรรยากาศงานแต่งงานดูสดใสสดชื่นก็ต้อง ดอกไม้ ถูกไหมคะ ทำให้บ่าวสาวหลายคู่มักจะมีรูปแบบการจัดดอกไม้ในใจที่อยากได้และทำให้เป็นจริงในวันงาน แต่ช้าก่อน เพราะยังมี 6 สิ่งที่บ่าวสาวต้องคิดให้ดีก่อนที่จะคอนเฟิร์มการ จัดดอกไม้งานแต่ง ตามนี้เลย

  • คำนึงเรื่องฤดูกาล

หากบ่าวสาวเลือกดอกไม้ในงานแต่งตามฤดูกาล นอกจากที่จะได้ดอกไม้ที่สวยสดงดงามสมบูรณ์แบบแล้ว คุณยังจะได้ราคาที่เป็นมิตรและสบายกระเป๋ากว่าด้วย แต่ถ้าคุณแต่งงานในช่วงฤดูร้อน แต่อยากได้ดอกไม้ที่เบ่งบานในช่วงฤดูหนาวมาไว้ตกแต่งงาน อันนี้อาจจะต้องอาศัยการวางแผนที่ดี เช่น มีการสั่งจองไว้ล่วงหน้า เป็นต้น

  • ดอกไม้แต่ละสายพันธุ์แตกต่างกัน

แตกต่างในที่นี่นอกจากเรื่องรูปทรงและสีสัน ยังหมายถึถงความคงทนต่อสภาพอากาศที่แตกต่างกันด้วย บ่าวสาวหลายคู่อาจจะมีดอกไม้ในใจที่อยากได้มาประดับไว้ในงาน แต่ก็ต้องเช็กให้ชัวร์ก่อนว่าดอกไม้ชนิดนั้นเหมาะกับสถานที่แต่งงานของบ่าวสาวหรือไม่ เช่น หากจัดงานแบบเอ้าท์ดอร์ กลางแจ้ง หรือริมทะเลก็อาจจะต้องเลือกดอกไม้ที่มีความแข็งแรง ทนแดดทนลมสักหน่อย เป็นต้น

  • ช่อดอกไม้ DIY ไม่ง่ายอย่างที่คิด

เจ้าสาวบางคนก็อยากประหยัดงบ เลยเลือกที่จะจัดช่อดอกไม้เจ้าสาวด้วยตัวเอง ก็แหม แค่เซฟรูปมาแล้วไปหาดอกไม้ให้เหมือน จากนั้นก็แค่ copy แล้ว paste ง่ายจะตาย แต่ๆ…พอได้ทำจริงแล้ว บอกเลยว่าไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดนะคะ เพราะดอกไม้ที่สวยงามบางครั้งก็อันตรายกว่าที่คุณคิด เช่น บางดอกอาจจะมีเกสรที่เป็นอันตรายหรือมีหนามแหม เป็นต้น แถมการจัดช่อดอกไม้ไม่ใช่ว่าจัดชั่วโมงนี้เพื่อเตรียมโยนชั่วโมงหน้า แต่ต้องมีการจัดเตรียมล่วงหน้าเอาไว้ เพราะฉะนั้นเรื่องการเลี้ยงน้ำดอกไม้ให้สดชื่นตลอดเวลาจึงเป็นเรื่องสำคัญ แถมดอกไม้บางสายพันธุ์ก็ต้องการน้ำน้อย-มากต่างกันไปอีก

  • อย่าใช้ดอกไม้ที่กลิ่นหอมมากเกินไป

ดอกไม้บางชนิดก็มาพร้อมกลิ่นที่หอมชื่นใจ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่ามันเหมาะที่จะนำมาตกแต่งเป็นเซ็นเตอร์พีชเพื่อให้หอมฟุ้งไปทั้งโต๊ะนะคะ เพราะกลิ่นอันหอมหวนนั้นเป็นตัวล่อแมลงชั้นดี ยิ่งหากจัดงานแต่งในสวนด้วยแล้ว อาจมีเหล่าแมลงมาร่วมแจมบนโต๊ะด้วย ยิ่งถ้าอาหารที่เป็นของหวานมาเสิร์ฟบนโต๊ะด้วยแล้ว คราวนี้ล่ะงานเข้าแน่ๆ

ที่สำคัญแต่ละคนก็มีกลิ่นที่ตัวเองชอบและไม่ชอบแตกต่างกันไป บางทีกลิ่นดอกไม้ที่บ่าวสาวว่าหอมอาจจะไม่ถูกจริตกับจมูกของแขกบางคนบนโต๊ะนั้นก็ได้ จนอาจนำพามาซึ่งอาการพะอืดพะอมเอาง่ายๆ เอาเป็นว่าเพื่อความชัวร์ แค่เลือกดอกไม้ที่มีรูปทรงสวยงามแบบไร้กลิ่นหอมหวานก็น่าจะเวิร์กกว่านะ

  • สีดอกไม้ต้องไม่ดร็อปหรือเด่นเกินไป

หากเจ้าสาววางแผนไว้ว่าอยากจะให้แก๊งเพื่อนเจ้าสาวถือช่อดอกไม้สวยๆ ก็อาจจะต้องระวังอย่าเลือกสีสันดอกไม้ให้ชนกับชุดเพื่อนเจ้าสาวซะล่ะ เพราะไม่อย่างนั้นจะไม่มีอะไรที่โดดเด่นออกมาสักอย่าง นอกจากว่าคุณและเดอะแก๊งจะอยากคุมธีมสีให้เหมือนกันเป๊ะ!

ต่อมาถ้าหากสถานที่จัดงานของบ่าวสาวสดใสแบบคัลเลอร์ฟูล เราแนะนำให้ตกแต่งด้วยดอกไม้ที่มีสีสันแบบซอฟต์ๆ ไม่ต้องไปแรงสู้ เช่น หากกำแพงมีสีชมพู ก็เลือกตกแต่งด้วยดอกไม้สีขาว เพราะช่วยเซฟให้งานดูสวยหวานมากที่สุด แต่ถ้าหากอยากได้งานแต่งสีสันจัดจ้านจริงๆ อันนี้ก็ต้องอาศัยเทคนิคการจับคู่สีตรงข้ามกันหน่อยนะ

  • เชื่อใจนักจัดดอกไม้

จงตระหนักไว้อยู่เสมอว่า นักจัดดอกไม้ คือผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ด้านนี้โดยเฉพาะ เพราะฉะนั้นหากบ่าวสาวไว้ใจให้เขามาดูแลและรับผิดชอบในส่วนนี้แล้ว การไว้ใจและเชื่อใจคือสิ่งที่ดีที่สุด หน้าที่ของบ่าวสาวคือบอกสิ่งที่ตัวเองต้องการให้ชัดเจน พร้อมมีไทม์ไลน์การทำงาน และติดตามงานเป็นระยะ นอกนั้นก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของมืออาชีพ

และอีกอย่างที่สำคัญคือ การเปิดใจรับฟัง เพราะบางครั้งสิ่งที่คุณคิดอยากจะให้มี กับความเป็นจริงที่จะมีขึ้นได้ มันก็สวนทางกันนะคะ แต่เชื่อเถอะว่าด้วยความเป็นมืออาชีพแล้ว ยังไงนักจัดดอกไม้ก็ต้องเนรมิตทุกสิ่งได้ตรงตามความต้องการ ผ่านมุมมองทางด้านศิลปะในแบบฉบับของผู้เชี่ยวชาญได้แน่นอน

>> ดูไอเดียดีๆ เกี่ยวกับงานแต่งงานอีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย! <<

ภาพ pexels.com

บูโทเนียร์หลากสไตล์ ไอเท็มเด็ดช่วยให้ ชุดเจ้าบ่าว ดูเด่นกว่าใครในงาน

ถึงแม้ ชุดเจ้าบ่าว จะเรียบแค่ไหน แต่บูโทเนียร์ก็ช่วยให้ดูเด่นขึ้นได้แบบไม่ยาก

ใครว่าเจ้าบ่าวจะแต่งแค่สูทตัวเดียวแล้วจบ!! แพรว wedding ขอเถียงว่าไม่จริงสักนิด เพราะคุณเจ้าบ่าวเขาก็มีแอคเซสซอรี่ที่จะช่วยเสริมให้ลุคดูโดดเด่นได้ไม่แพ้เจ้าสาว และไอเท็มชิ้นสำคัญที่เป็นเครื่องประดับให้กับ ชุดเจ้าบ่าว ได้เป็นอย่างดีก็คือ บูโทเนียร์สวยๆ แพรว wedding เลยจัดมาให้กับช่อดอกไม้เล็กๆ หลากสไตล์แถมมีมาให้แมตช์ได้กับทุกชุด และทุกธีมงานไปเลย

ชุดเจ้าบ่าว

ว่าที่เจ้าบ่าวที่ต้องการคุมโทนและไม่นิยมสีสันฉูดฉาดของดอกไม้ การเลือกใช้ดอกหญ้าสีน้ำตาลก็เป็นอีกหนึ่งไอเดียบูโทเนียร์ที่ไม่ควรพลาด แถมยังเข้ากับสีสูทที่นิยมใส่กันไม่ว่าจะเป็น สีดำ สีเทา หรือสีน้ำเงิน แต่เพื่อไม่ให้บูโทเนียร์ดูแห้งแล้งเกินไป อาจจะแซมด้วยเฉดสีม่วงอย่างดอกลาเวนเดอร์เล็กๆ เอาไว้ เท่านี้ก็ดูดีคุมโทนแล้ว

หากคุณเป็นว่าที่เจ้าบ่าวสายรักษ์โลก อาจจะเลือกใช้ใบไม้สีเขียวเป็นหลัก โดยเลือกมิกซ์แอนด์แมตช์ใบไม้ต่างสายพันธุ์หลากรูปร่างเอาไว้ด้วยกัน แล้วนำมาจัดช่อให้สวยงาม ยิ่งถ้าหากคุณจัดงานแต่งงานในสวนด้วยแล้ว รับรองว่าเข้ากั๊นเข้ากันอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ถ้าคุณเป็นเจ้าบ่าวสายแฟชั่นที่อยากเพิ่มลุคหรูให้กับสูทตัวเก่ง อาจจะแซมด้วยกิ่งไม้เล็กๆ ในเฉดสีทอง เท่านี้ก็ช่วยให้ได้ลุคหรูดูดีแถมยังเหมาะกับงานแต่งงานในโรงแรมหรูได้อีกด้วย

พืชอวบน้ำต้นเล็กๆ ก็สามารถนำมาทำบูโทเนียร์ได้เหมือนกันนะ แถมไม่ต้องตกแต่งอะไรให้ยุ่งยาก เพราะพืชอวบน้ำมีดีไซน์ที่สวยงามด้วยตัวเองอยู่แล้ว อาจจะเลือกแซมด้วยดอกไม้ดอกเล็กๆ ดอกหญ้าแห้ง หรือใบไม้สวยๆ เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว

แต่ถ้าหากคุณว่าที่เจ้าบ่าวอยากได้ลุคแบบชายหนุ่มมาดผู้ดีที่มีสไตล์เป็นของตัวเอง และดูนำแฟชั่นนิดๆ อาจจะเลือกนำขนนกที่มีลวดลาดสวยๆ มาทำเป็นบูโทเนียร์ก็เป็นความคิดที่ไม่เลวเลยน้า ไมว่าจะสวยโดดเด่นด้วยขนนกเพียงหนึ่งเส้นที่มีเอกลักษณ์ หรือจะนำมาแมตช์กับดอกไม้ใบหญ้าเล็กๆ แต่ก็ยังดูชิคอยู่ ไม่ว่าจะลุคไหนก็เชื่อเถอะว่าจะเป็นลุคที่น่าประทับใจและไม่ซ้ำใครอีกด้วย

อะไรที่เป็นทรงกลมมักจะดูน่ารักเสมอ ไม่เว้นแม้กระทั่งบูโทเนียร์ของคุณเจ้าบ่าว กับการเลือกใช้ผลไม้ หรือลูกไม้ที่มีลักษณ์เป็นลูกกลมๆ เช่น viburnum berries, ราสป์เบอร์รี่ แบล็กเบอร์รี่ ที่นำมาแมตช์เข้ากับเฟิร์นสวยๆ ดอกหญ้าหรือใบไม้แห้ง หรือดอกแครสเพอเดียสีเหลือสดใสผูกไว้ด้วยเชือกป่าน เท่านี้คุณก็ดูเป็นเจ้าสาวสายซอฟต์ดูอบอุ่นขึ้นมาเลย

สไตล์ดอกไม้สุดคลาสสิคที่ยังได้รับความนิยมจากว่าที่เจ้าบ่าวอยู่เสมอ โดยอาจจะเลือกให้เข้าสีชุดสูท หรือเลือกให้ตรงกับสีธีมงาน แล้วอย่าเลือกเป็นดอกไม้ตามฤดูกาลนะ จะได้ช่วยประหยัดงบ แถมหาง่ายด้วย

สุดท้ายอย่าลืมเลือกสไตล์ชุดเจ้าบ่าวและแก๊งเพื่อนเจ้าบ่าวตามนี้นะ >> หล่อปังทรงพลังทั้งแก๊ง กับเทคนิคการเลือกชุดเจ้าบ่าวและผองเพื่อน

ภาพ pinterest

ชุดแต่งงานไทยยอดฮิตกระแทกใจเจ้าสาวไทยตลอดกาล กับเทคนิคใส่อย่างไรให้สวย

จากที่ แพรว wedding ได้ไปร่วมงานแต่งในไทยมานักต่อนัก สังเกตได้ว่า ชุดไทยยอดฮิต ที่เจ้าสาวนิยมใส่กันมากที่สุดตลอดกาล ได้แก่ ชุดสไบแบบไทยจักรพรรดิ  และชุดไทยประยุกต์เข้ายุคสมัย ซึ่งแต่ละชุดรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร และเจ้าสาวอย่างเราเหมาะที่จะสวมใส่ ชุดแต่งงานไทย แบบไหน เราประมวลข้อมูลสั้นๆ อ่านแล้วเข้าใจไม่ยากมาให้ว่าที่เจ้าสาวได้อ่านกันแล้ว

ชุดไทยจักรพรรดิ

ชุดแต่งงานแบบไทยๆ ที่มาแรงอันดับ 1 ซึ่งเจ้าสาวนิยมใส่กันมากได้แก่ “ชุดไทยจักรพรรดิ” ที่มีมาตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น โดยในยุคเริ่มแรก หากเป็นชาวบ้านทั่วไปจะใส่เป็นเสื้อแขนยาวห่มทับด้วยสไบและนุ่งโจงกระเบน แต่ถ้าเป็นสาวชาววังชนชั้นสูงจะห่มสไบคู่กับนุ่งผ้ายกจับจีบหน้านาง ซึ่งลักษณะการห่มสไบนั้นแบ่งเป็น 2 อย่างคือการห่มตาดและการห่มสะพัก

ชุดแต่งงานไทย
ชุดแต่งงานไทย ชุดไทยจักรพรรดิสไบเขียวปักลวดลายวิจิตร รองด้วยสไบสีม่วงเหลือบทอง นุ่งกับผ้าไหมสีเลื่อมแมลงทับปักลวดลายทั้งตัว จับจีบหน้านางมีชายพก จากร้าน Vanus Couture

การห่มตาดคือการห่มแบบโบราณหรือที่เรียกว่า “นุ่งยกห่มตาด” โดยคำว่า “นุ่งยก” คือการนุ่งผ้ายกแล้วจีบทบผ้าด้านหน้าให้เป็นกลีบ ส่วนคำว่า “ห่มตาด” คือการนำสไบมาห่มตัวแล้วทับด้วยผ้าสะพักตาดทองที่มีการปักประดับตกแต่งด้วยลายและวัสดุต่างๆ อีกชั้น ส่วนการห่มสะพักนั้นจะปักดิ้นลายทองและมีลายปักเฉพาะ แต่สมัยนี้ใส่ได้ทุกแบบแล้วแต่ความชอบ

  • สาวหุ่นแบบไหนใส่ชุดไทยจักรพรรดิแล้วสวย

ชุดนี้เหมาะกับสาวที่มีรูปร่างสูงโปร่ง หุ่นดี เอวเล็ก แต่สาวบางคนที่มีรูปร่างอวบก็สามารถใส่ได้ แต่ต้องอาศัยเทคนิคจากช่างผู้ชำนาญการช่วยขยับขยายช่วยเอวไปตามขนาดของรูปร่าง ซึ่งหากคุณคือสาวที่มีขนาดรูปร่างใหญ่หรืออวบต้องพึงระวังในเรื่องของการห่มสไบเป็นพิเศษ เพราะต้องกำชับให้ช่างปรับขนาดให้พอดีกับรูปร่าง เพื่อไม่ดูหนาเทอะทะจนเกินไป

นอกจากชุดไทยที่สวยงามแล้ว รองเท้าที่เหมาะกับชุดไทยจักรพรรดิควรเป็นรองเท้าหัวแหลม มีส้นสักนิดเพื่อให้บุคลิกที่สวยสง่างาม

ชุดไทยประยุกต์

ชุดไทยประยุกต์ที่ว่านี้ เดาจากชื่อคงเข้าใจไม่ยากว่ามาจากการนำชุดไทยพระราชนิยมมาดัดแปลง ต่อเติมและจับรวมขึ้นใหม่จนกลายเป็นชุดไทยในอีกรูปแบบหนึ่งเพื่อให้เกิดความทันสมัยเข้ากับยุคปัจจุบัน และเกิดความพึงพอใจในแต่ละคน โดยปรับเปลี่ยนส่วนต่างๆ ตามความเหมาะสมหรือความชอบ ชุดไทยประยุกต์จึงมีให้เห็นหลากหลายรูปแบบ เช่น เสื้อด้านบนทำเป็นกระโจมอก เลียนแบบการเคียนอกของคนไทยโบราณจับคู่กับผ้านุ่งผืนสวยเน้นรานละเอียดที่การจับจีบหน้านาง มองเผินๆ คล้ายคลึงกับเสื้อเกาะอกของฝรั่ง หรืออาจเป็นการประยุกต์เสื้อแขนหมูแฮมในสมัยปลายรัชกาลที่ 5 ให้มีความพองน้อยลงแล้วจับคู่กับผ้านุ่งทั้งแบบสั้นและยาว

ชุดแต่งงานไทย
ชุดแต่งงานไทย ชุดไทยประยุกต์สีชมพู ท่อนบนคล้ายชุดไทยจักรพรรดิ ห่มสไบรองสีชมพูทับด้วยสไบกรองปักเลื่อมเงิน ส่วนท่อนล่างคือกระโปรงทรงเมอร์เมดผ้าไหมสีชมพูเหลือบเงินยกสอดดิ้นเงินแบบจีบหน้านางพร้อมชายพก จากร้าน Deep Love Wedding
  • สาวหุ่นแบบไหนใส่ชุดไทยประยุกต์เข้ายุคสมัยแล้วสวย

ชุดไทยประยุกต์เป็นชุดที่สามารถใส่ได้ทุกแบบทุกสไตล์ สาวผอมหุ่นดี หรือจะเป็นสาวๆ ที่มีน้ำมีนวล หรือแม้แต่สาวอวบ ก็สามารถใส่ได้ เพราะด้วยเสื้อผ้าที่ประยุกต์มาให้เหมาะสมกับสาวๆ แล้ว และยังสามารถเลือกจับคู่ได้ตามใจชอบ หรือตามความเหมาะสมอีกด้วย ส่วนที่ขาดไม่ได้คือร้องเท้าสวยคู่ชุดไทยควรจะมีส้นสักนิดเพื่อให้สวยสง่าดูมีราศี

ส่วนชุดไทยอีกประเภทที่เจ้าสาวอาจไม่นิยมใส่มากนักในช่วงหลัง แต่สำหรับแก๊งเพื่อนเจ้าสาวในพิธีแต่งงานไทยแล้ว ชุดไทยแบบนี้มักครองใจเหล่าเพื่อนเจ้าสาวอยู่เสมอ 

ชุดแขนหมูแฮมในสมัยรัชกาลที่ 5

แขนหมูแฮมสุดฮิตมีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งถือว่าเป็นยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงการแต่งกายของคนไทยอย่างแท้จริง โดยชุดนี้ได้รับอิทธิพลมาจากการแต่งกายแบบยุโรปที่นิยมตัดเย็บช่วงบนของชุดเดรสให้เป็นคอปีนคู่กับแขนตุ๊กตาพองๆ เมื่อมาเป็นเสื้อผ้าในแบบคนไทย จึงนำรูปแบบที่ว่ามาปรับเปลี่ยนให้มีลักษณะเป็นเสื้อแขนยาวสีขาว มีลูกไม้ฝรั่งเศสตกแต่งที่บริเวณชายเสื้อ ตามไหล่ หน้าอก ลงไปถึงเอว โดยมีจุดเด่นตรงแขนที่มีลักษณะพองๆ ที่เรียกว่าทรงหมูแฮม นุ่งคู่กับโจงกระเบนหรือผ้าถุงยาว ตกแต่งด้วยลวดลายลูกไม้เพื่อให้ดูไม่เรียบจนเกินไป

Content-5374-864x1296

  • สาวหุ่นแบบไหนใส่ชุดแขนหมูแฮมแล้วสวย

บอกเลยว่า ใส่กันได้ทุกคน ด้วยตัวเสื้อและโจงกระเบนที่มีขนาดมากเพียงพอรองรับทุกขนาดของรูปร่าง แต่สิ่งที่ต้องพึงระวังมากที่สุดคือ สาวๆที่มีลำคอสั้น เพราะเสื้อที่มีลักษณะเป็นคอปีนใส่แล้วอาจทำให้ลำคอดูสั้นลงไปกว่าเดิม ส่วนการนุ่งโจงกระเบนให้สวยนั้น ควรใส่ให้ต่ำกว่าหัวเข่าลงไปประมาณ 4 นิ้ว จะช่วยทำให้หน้าขาดูเรียวงาม และที่ขาดไม่ได้คือถุงน่องยาวสีขาว คู่กับรองเท้าคัทชูสีดำ เท่านี้ก็ได้ลุคหญิงไทยแบบอินเตอร์แล้ว

 

ชุดแบบไหนเรื่องสีก็สำคัญ

นอกจากจะเลือกทรงชุดสวยๆ ให้เหมาะกับตัวเองแล้ว สิ่งที่ว่าที่เจ้าสาวไม่ควรมองข้ามคือ การเลือกสีชุดให้เหมาะกับสีผิว

ถ้าคุณคือเจ้าสาวผิวขาว จะได้เปรียบทุกนาง เพราะผิวขาวสามารถใส่เสื้อได้ทุกสี ส่วนสาวๆ ที่มี ผิวขาวอมเหลืองหรือสีผิวน้ำผึ้ง ควรระวังอย่างมากในการเลือกชุดสีเหลืองอ่อน สีครีม หรือสีทอง เพราะเป็นสีที่มีความคล้ายคลึงกับสีผิว ใส่แล้วอาจทำให้กลมกลืนกับผิวจนเกินไป ลองเลือกเป็นสีโทนเข้มกว่านี้เช่น สีทองเข้ม หรือสีทองใบไผ่

และสุดท้ายสาวๆ ที่มี สีผิวเข้มหรือผิวคล้ำ ไม่ควรใส่สีขาวเพราะจะเป็นการขับสีผิว ควรเลือกใส่สีพาสเทล สีโอโรสด์ สีชมพูนู้ด สีไข่ไก่ หรือสีแชมเปญ และจุดสำคัญอีกอย่างที่ขาดไม่ได้คือ การเลือกสีชุดของท่อนบนและท่อนล่าง ควรไปในทิศทางเดียวกันหรือโทนเดียวกัน เพื่อความเหมาะสมและสวยงาม

สุดท้าย สำหรับสาวๆ ที่กำลังจะเลือกชุดไทยมาใช้ในงานแต่งนั้น อย่าลืมลองชุดในฝันดูก่อนว่าเหมาะกับตัวเองจริงหรือไม่ และเมื่อได้ชุดแล้วก็ไม่จำเป็นต้องประโคมเครื่องประดับแบบจัดเต็ม เพราะความที่ชุดไทยรายละเอียดเยอะอยู่แล้ว จะได้ไม่แลดูเยอะไปหมด และที่สำคัญหัวใจหลักของเจ้าสาวชุดไทยคือ ความหวานที่ลงตัวในแบบที่ยังเป็นคุณอยู่นะ

>> ดูแบบชุดไทยและชุดแต่งงานสวยๆ อีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย! <<