ชุดเจ้าบ่าวเท่ๆ กับ 12 ไอเดียเสริมความหล่อที่หนุ่มๆ ต้องรู้

หล่อให้สุดในชุทสูทเรียบๆ กับไอเดีย ชุดเจ้าบ่าวเท่ๆ

ชุดสูทของคุณหนุ่มๆ หากไม่ใช่โอกาสดีๆ ที่เป็นทางการก็ยากที่จะหยิบมาใส่จริงไหมคะ แถมบางคนก็อาจจะเลือกไปโดยที่ไม่ได้ใส่ใจมากนักอีกต่างหากว่าลุคที่แต่งออกมาจะเป็นยังไง แต่ถ้าวันนั้นดันเป็นวันสำคัญของคุณอย่างวันแต่งงานด้วยแล้วล่ะ เราเชื่อว่าคงไม่มีหนุ่มๆ คนไหนที่จะเลือกหยิบสูทอะไรก็ได้ใส่หรอกจริงไหม แต่บางคนก็อาจจะคิดไม่ออกว่าแล้วจะทำให้สูทที่หน้าตาเหมือนกันทุกชุดดูแตกต่างหรือโดดเด่นได้ยังไง มาใกล้ๆ ค่ะเพราะ แพรว wedding มีไอเดียดีๆ มาฝาก กับไอเดียเปลี่ยนสูทธรรมดาให้กลายเป็น ชุดเจ้าบ่าวเท่ๆ

ชุดเจ้าบ่าวเท่ๆ

เป็นเจ้าบ่าวทั้งทีอย่ายอมให้เพื่อนๆ ขโมยซีน งานนี้ถ้าคุณเยอะไม่เป็น แนะนำให้แต่งตัวต่างจากเพื่อนเจ้าบ่าวด้วยการสวมสูททับเสื้อกั๊กพร้อมเนคไทเข้าชุด ส่วนเพื่อนเจ้าบ่าวให้ใส่แค่เสื้อกั๊กกับโบไทก็พอ

เพิ่มความเท่ให้กับรูปถ่ายของแก๊งเจ้าบ่าวที่คลั่งเหล่าซูเปอร์ฮีโร่ด้วยเสื้อยืดลายผู้กล้าต่างๆ โดยสวมไว้ด้านในของเสื้อเชิ้ต เวลาถ่ายรูปก็เพียงแค่ทำท่าแหวกเชิ้ตออกประหนึ่งจะแปลงร่างโดยให้เห็นลายเสื้อด้านใน

ย้อนกลับไปเป็นเด็กหนุ่มอีกครั้งกับลุคบอยอิชด้วยแอคเซสซอรี่แบบเบสิกอย่าไบไทและสายเอี๊ยมแบบเข้าชุด เท่านี้ก็ได้ลุคสนุกสนานและทันสมัยในเวลาเดียวกัน

เนคไทลายจุดให้ลุคแฟชั่นแฝงความขี้เล่น ถ้าเลือกพ็อคเก็ตสแควร์ในโทนสีเดียวกันก็จะยิ่งดูเป๊ะ

หากอยากหาของสักชิ้นเก็บไว้เป็นที่ระลึกวันแต่งงาน ลองปักวันเดือนปีที่แต่งไว้ที่ด้านหลังของเนคไทเจ้าบ่าว เมื่อคุณได้เห็นหรือนำกลับมาใช้อีกครั้งจะได้ย้อนคิดถึงวันอันแสนหวาน

เปลี่ยนจากชุดสูทสีดำหรือสีเทาแบบเดิมๆ มาเป็นสูทสีน้ำเงินที่ให้อารมณ์เท่แบบแตกต่าง แถมยังได้ลุคเป็นทางการที่ดูยอดเยี่ยมอีกด้วย

 

ชุดเจ้าบ่าวเท่ๆ

ช่วงอาฟเตอร์ปาร์ตี้ที่อยากได้ลุคกึ่งทางการเล็กน้อย ลองสวมเนคไทเส้นเล็ก (skinny tie) ที่นอกจากจะดูเท่แล้วยังดูเป็นหนุ่มแคชชวลแบบย้อนยุคนิดๆ ด้วย

หากเจ้าบ่าวอยากดูเป็นส่วนหนึ่งและกลมกลืนไปกับแก๊งเพื่อน แนะนำให้ใส่ถุงเท้า โบไท หรือเนคไทสีหรือลายเดียวกัน … ไม่ต้องตามนี้ทั้งหมดก็ได้นะ ลองเป่ายิงฉุบแล้วเลือกมาแค่หนึ่งอย่างก็พอค่ะ

เพิ่มความเก๋ไก๋ด้วยการประดับขนนกหรือห้อยนาฬิกาสไตล์วินเทจแทนบูโทเนียร์ก็เก๋ไปอีกแบบนะคะคู๊ณณณณ

หากธีมงานเป็นสไตล์วินเทจ ลองใช้ผ้าพันคอลายเท่ๆ สักผืนมาผูกแทนเนคไทหรือโบไท ก็ให้อารมณ์ย้อนยุคในลุคที่ดูเพอร์เฟกต์ไม่เหมือนใคร แต่ยังคงไว้ซึ่งความเรียบร้อย

เปลี่ยนจากรองเท้าหนังเรียบๆ มาเป็นรองเท้าแบบ Brogue ที่มีจุดเด่นเป็นลายฉลุสุดประณีต รับรองได้ลุคคลาสสิคสุดๆ

TIP :  ในวันงานแนะนำให้คุณเจ้าบ่าวเตรียมเสื้อเชิ้ตไว้สักสองตัว เอาไว้สำหรับเปลี่ยนหากเสื้อเชิ้ตตัวแรกชุ่มไปด้วยเหงื่อหลังจากพิธีการที่แสนจะยาวนาน ยิ่งถ้าหากคุณจัดงานแบบเอ้าท์ดอร์ด้วยแล้ว ยิ่งต้องห้ามลืมเตรียมไว้เลยนะคะ

หรือจะเลือกหล่อเท่กันแบบยกแก๊ง เราก็มีไอเดียดีๆ มาฝากน้า >>> แพตเทิร์น สูทเจ้าบ่าว และเพื่อนเจ้าบ่าวสุดคลาสสิค ใส่ปีไหนก็ไม่ตกยุค

ภาพ unsplash.com, pinterest.com

เทคนิคการเลือกชุดแต่งงานไทยของบ่าวสาวยังไงให้ดูเข้ากัน

ขั้นตอนการเตรียมงานแต่งงานว่ายากแล้ว แต่สำหรับบางคู่นั้นขั้นตอนการเลือกชุดกลับยากกว่า ยิ่งโดยเฉพาะกับ ชุดแต่งงานไทย ที่มีหลากแบบ แถมยังมีหลากเฉดสี ทั้งชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาวนี่สิ ทำเอาว่าที่บ่าวสาวหลายคนหัวหมุนกันเป็นแถวๆ เพราะชุดนั้นก็ชอบ สีนี้ก็ดี แต่เอ๊ะ…เลือกมาแล้วมันจะเข้ากันทั้งชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาวหรือเปล่า เอาเป็นว่าลองมาอ่านเทคนิคการเลือกชุดไทยของบ่าวสาวให้ดูกันที่แพรว wedding นำมาฝากกันก่อนนะคะ อ่านจบแล้วรับรองว่าได้ชุดที่ถูกใจแถมดูเข้ากั๊นเข้ากันแน่นอน

1. คอนเซปต์หรือธีมงาน

ก่อนอื่นบ่าวสาวจะต้องดูจากคอนเซปต์งานหรือธีมงานของเราก่อนนะคะ ว่าเป็นงานแต่งไทยที่ไทยประมาณไหน ไทยมาก ไทยน้อย หรือไทยประยุกต์ เพื่อที่บ่าวสาวจะได้เลือกชุดตามคอนเซปต์งานได้อย่างถูกต้อง เพราะถ้าหากบ่าวสาวจัดงานแต่งไทยแบบสบายๆ ไม่เน้นพิธีการมาก แต่กลับใส่ชุดไทยจัดเต็มกันทั้งบ่าวสาว เราว่ามันก็ดูเก้ๆ กังๆ ยังไงๆ อยู่ จริงไหมคะ

2. สถานที่

ข้อนี้ก็มีความสำคัญไม่น้อย เช่น สถานที่เป็นบ้านเรือนไทยก็อาจจะเหมาะกับชุดไทยห่มสไบให้อารมณ์แม่หญิง แต่ถ้าหากสถานที่เป็นไทยแบบประยุกต์หรือโคโลเนียล ก็อาจจะเลือกเป็นชุดไทยสไตล์รัชกาลที่ หรือชุดไทยประยุกต์เพื่อให้ดูเข้ากันกับสถานที่ เป็นต้น ซึ่งนอกจากจะดูรูปแบบของสถานที่แล้ว เรื่องความสว่างหรือความมืดก็มีผลต่อการเลือกชุดไทยเช่นกันนะคะ เพราะถ้าหากเป็นเรือนไทยบ่าวสาวก็อาจจะต้องเลือกชุดไทยในโทนสว่างเพื่อให้ดูโดดเด่นขึ้นท่ามกลางสถานที่ที่มีแสงแบบเอ้าท์ดอร์ด้วย นอกจากนี้ บ่าวสาวอาจจะต้องใส่ชุดไทยที่เลือกแล้วมายืนคู่กันเพื่อดูภาพรวมอีกทีว่าสีของทั้งสองชุดนั้นเข้ากันหรือไม่ เมื่อยืนคู่กันแล้วส่งเสริมกันมากน้อยเพียงใด ถ้าทั้งสองคนยืนคู่กันแล้วดูสวยหล่อทั้งคู่ แถมยังเข้ากับสถานที่ สิ่งนี่แหละค่ะคือคำตอบ

ชุดแต่งงานไทย
ภาพจาก @nontapat

3. เน้นชุดเจ้าสาวเป็นหลัก

เนื่องจากชุดไทยของเจ้าสาวมีหลากหลายเฉดสีมากกว่าคุณเจ้าบ่าว และอีกอย่างใส่ชุดไทยทั้งทีงานนี้ก็ต้องสวยให้สุดให้สมกับเป็นนางเอกของงานจริงไหมคะ เพราะฉะนั้นจึงเน้นที่เจ้าสาวเป็นหลักโดยดูที่สีผิว ว่าโทนสีผิวของเจ้าสาวนั้นเหมาะกับเฉดสีสไบสีไหน จากนั้นจึงนำกิมมิกจากชุดเจ้าสาวมาหยอดไว้ที่ชุดของเจ้าบ่าว โดยอาจจะเล่นกับเฉดสีของชุดก็ได้ด้วยเลือกสีของเนคไทหรือสีของโจงกระเบนให้เข้ากันกับชุดของเจ้าสาว เพื่อให้ลุคโดยรวมออกมาดูเข้ากัน ละเมียดละไมทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาว

โดยสีครีมทองเป็นสียอดฮิตเพราะดูหรูและสง่าแถมเจ้าสาวเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ใส่แล้วรอด ถ้าใจคุณชื่นชอบสีสันอย่างชมพูฟ้าส้ม ฯลฯ แต่ดันเป็นสาวไทยแท้ผิวเข้มกลัวว่าใส่แล้วจะตัดกับผิวฉึบฉับหรือเป็นสาวไทยเชื้อสายจีนตาตี่ผิวขาวซีดที่ใส่สีสดแล้วอาจดูเป็นอาเจ๊ ขอบอกว่าการเลือกสีโทนเบรกลงมาพอจะช่วยได้เช่นเลือกสีชมพูนู้ดๆ หรือสีกะปิแทนสีชมพูสดเลือกสีฟ้าอมเทาแทนสีฟ้าสดเลือกสีจำปาแทนสีส้มแจ๊ด ฯลฯ ทั้งหมดนี้ไม่ต้องกลัวหมองเพราะชุดไทยมักตัดเย็บจากผ้าไหมซึ่งมีความวาวและมีการปักดิ้นทอง ซึ่งจะช่วยขับผิวให้ดูผ่องขึ้น ถ้าจะให้ชัวร์ควรเอาผ้ามาทาบกับตัวเลยว่าเหมาะกับผิวไหม

4. รูปแบบของชุด

ชุดไทยของเจ้าสาวมีหลายแบบมาก ไม่ว่าจะเป็น ชุดไทยพระราชนิยมหรือชุดไทยประยุกต์ ซึ่งเจ้าสาวนั้นจะต้องตัดสินใจเลือกชุดไทยของตัวเองให้ก่อน แล้วจึงเคาะเลือกรูปแบบชุดไทยของเจ้าบ่าว เช่น หากเจ้าสาวเลือกสวมชุดไทยแบบโบราณ หรือชุดไทยพระราชนิยม เจ้าบ่าวอาจจะนุ่งเป็นโจงกระเบนเพื่อให้ดูแมตช์กับชุดของเจ้าสาวและยังได้อารมณ์วินเทจย้อนยุคอีกด้วย แต่ถ้าเจ้าสาวเลือกสวมเป็นชุดไทยประยุกต์ เจ้าบ่าวก็สามารถใส่สูทคู่กับชุดนี้ได้แบบไม่ต้องเคอะเขิน แถมยังเป็นลุคที่เหมาะกับบ่าวสาวยุคใหม่อีกด้วย

เอาเป็นว่าหากเจ้าสาวเลือกชุดได้แล้วก็อย่าลืมหันมาดูคนข้างๆ ด้วยนะจ๊ะ เพราะส่วนใหญ่แล้วเจ้าบ่าวมักจะโนไอ-เดีย ใส่อะไรก็ได้ มีบ้างที่งอแงไม่ยอมใส่ชุดไทยเพราะเขิน ซึ่งอาจพบกันครึ่งทางด้วยชุดเจ้าบ่าวไทยประยุกต์ ท่อนบนเป็นสูทท่องล่างเป็นโจงกระเบน หรือท่อนบนเป็นเสื้อราชปะแตนท่อนล่างเป็นสแล็คก็ตามสะดวก แต่เพื่อความสวยงาม แนะนำให้เจ้าบ่าวเลือกคู่สีที่เข้ากับสีชุดของเจ้าสาวหรือมีสีที่ลิงค์กับชุดเจ้าสาวอยู่ในตัวบ้าง ไม่จำเป็นต้องเป็นสีเดียวกันเป๊ะ ถ้าคนหนึ่งใส่โทนอ่อนอีกคนควรเป็นโทนเข้มเพื่อความลงตัวเช่นชุดเจ้าสาว สีครีมทอง – ชุดเจ้าบ่าวสีเบจชุดเจ้าสาวสีชมพู–ชุดเจ้าบ่าวสีเทาหรือน้ำตาลช็อกโกแลต เป็นต้น

Read More : ‘เคียนนมห่มสไบ’ สวยตามแบบฉบับหญิงไทยด้วยชุดแต่งงานไทยโบราณ

ภาพเปิด : งานแต่งคุณมีมี่ & คุณโก้ ถ่ายโดย SITPHOTOGRAPH

ชุดแต่งงานไทยห่มสไบ น่าใส่ตาม พร้อมเคล็ดลับแต่งแบบไหนถึงสวยเพอร์เฟ็กต์

ชุดแต่งงานไทยห่มสไบ เป็นอีกหนึ่งแบบชุดไทยที่เจ้าสาวหลายคนนิยมสวมใส่ เพราะเป็นชุดที่ดูเป็นทางการและสวยหรู แถมยังมีดีไซน์ที่หลากหลายทั้งไทยแท้และไทยประยุกต์ แพรวเวดดิ้งเลยจัดแบบชุดแต่งงานไทยห่มสไบมาให้ว่าที่เจ้าสาวได้ดูเพื่อเป็นแรงบันดาลใจในการไปหาชุดของตัวเอง พร้อมเคล็ดลับการใส่สไบยังไงให้สวย สุดท้ายเจ้าสาวชอบแบบไหนก็เลือกใส่ให้เหมาะกับธีมงานและความชอบได้เลย 

ซึ่งสิ่งที่ควรคำนึงถึงเป็นอันดับแรกในการใส่ชุดแต่งงานไทยแบบห่มสไบคือ “ความยาวของสไบ”

ชุดไทยจาก Wedding Castle
ชุดไทยจาก เจ้านางเวดดิ้ง

โดยชุดไทยที่เป็นการห่มสไบจะมีอยู่ 3 แบบ คือ ชุดไทยจักรี ชุดไทยศิวาลัย และชุดไทยจักรพรรดิ โดย ความยาวของสไบมักจะอยู่ที่ 3 เมตร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดรอบลำตัวของเจ้าสาวด้วย ที่สำคัญคือ ต้องเลือกให้ความยาวของสไบยาวลงมาระพื้นพอสมควร อย่าปล่อยให้ยาวหรือกองที่พื้นมากเกินไป ดังนั้นถ้าเจ้าสาวเป็นคนตัวเล็ก อาจจะเหลือส่วนปล่อยชายเยอะ ก็ต้องเก็บขึ้นให้เหลือชายผ้าสไบยาวพอสมควร หรือถ้าเจ้าสาวเป็นคนอวบ รอบตัวหนา ก็อาจจะเลือกผ้าสไบที่ยาวขึ้นกว่าเดิม

ชุดไทยจาก Coco Chic Wedding
ชุดไทยจาก Coco Chic Wedding

สำหรับชุดไทยจักรพรรดิจะมีความพิเศษเพิ่มขึ้นมาอีกนิด คือ จะมีผ้าสะพักห่มทับสไบจีบอีกหนึ่งชั้น ซึ่ง ผ้าสะพักผืนนี้มักจะมีความยาวไม่เกิน 2.7 เมตร เมื่อห่มผ้าลงไปแล้ว ชายผ้าด้านหลังควรจะมีความยาวประมาณครึ่งน่อง แต่ในปัจจุบันก็อาจจะมีความยาวมากกว่าครึ่งน่องสักเล็กน้อย แต่ ไม่นิยมให้ยาวพอดีกันกับผ้าสไบจีบชั้นใน

ชุดไทยจาก Costume Cafe
ชุดไทยจาก Dara Studio

แถมท้ายให้อีกนิดกับทรงผมเจ้าสาวในชุดแต่งงานไทยกับทรงผมสไตล์หางม้าแสนหวานดุจนางในวรรณคดี ซึ่งถือเป็นหนึ่งในทรงผมเจ้าสาวที่มีความอ่อนหวานและสง่างาม ดูไม่มากไม่น้อยสำหรับชุดไทย ดูเรียบร้อยแต่ไม่สูงวัย ข้อดีคือ สามารถใส่ดีเทลประเภทเปียและเครื่องประดับต่างๆ เข้าไปเป็นลูกเล่นได้หลากหลาย เวลาจะก้มเงยในพิธีก็ง่ายไม่ต้องระวังผมบังหน้าให้เสียบุคลิก สำหรับเจ้าสาวที่ชอบดีเทลเน้นความหวานมีลูกเล่น ลองเปลี่ยนจากหางม้าเรียบตรงมาเป็นทรงม้วนลอนเป็นคลื่นเบาๆ ดูสวยหวานกลายเป็นนางในวรรณคดียุคใหม่มองเท่าไรก็ไม่เบื่อ

>> ดูแบบชุดแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย! <<

ผิวก็เครียดเป็น! มาแก้ปัญหา ผิวเครียด ที่เจ้าสาวพบบ่อย

ผื่นคัน สิวขึ้น แพ้ง่าย! อาการเหล่านี้บ่งบอกว่าเรากำลังมีอาการของ ผิวเครียด แล้วว่าที่เจ้าสาวต้องแก้ไขยังไงให้ทันวันวิวาห์ เรามีคำตอบมาบอกแล้วค่ะ

ช่วงใกล้งานแต่งงาน การเตรียมงานต่างๆคงทำให้เหล่าว่าที่เจ้าสาวต้องเครียดมากพออยู่แล้วใช่ไหมคะ? รู้หรือไม่คะว่า ความเครียด นั้นไม่ได้ส่งผลแค่กับสภาพจิตใจของเราเท่านั้น แต่ยังสามารถส่งผลต่อร่างกายภายนอก รวมทั้ง ผิวของเราได้อีกด้วย! ว่าแต่ผิวของคุณว่าที่เจ้าสาว กำลังมีอาการเหล่านี้อยู่หรือไม่คะ?…

ผิวที่เคยแข็งแรงเป็นปกติ จู่ๆ ก็เกิดแพ้ง่ายซะขึ้นมา ทั้งที่ไม่ได้เปลี่ยนการบำรุงผิวอะไรเลยนะ!

สิวขึ้น ตั้งแต่สิวผดเม็ดเล็ก ไปจนถึงสิวอักเสบเม็ดใหญ่ หาสาเหตุไม่เจอ!

จู่ๆ ก็เป็นผื่นแดง คัน บนใบหน้า ทั้งที่ปกติไม่เคยเป็นเลย!

ถ้าหนึ่งในข้อนี้ตรงกับอาการที่ว่าที่เจ้าสาวกำลังเผชิญอยู่แล้วละก็ คุณอาจจะมีอาการของ ผิวเครียด ช่วงใกล้วันแต่งงานค่ะ มาดูกันเลยว่า เจ้าอาการผิวเครียดนี้มีสาเหตุมาจากอะไร แล้วจะป้องกันและรักษาได้ยังไงนะ?

สาเหตุ : เมื่อเราเครียด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนที่ชื่อว่าคอร์ซิตอล  (Cortisol)  ฮอร์โมนชนิดนี้มีผลต่อการทำงานของต่อมไขมันในร่างกาย และยังผูกโยงกับการทำงานของสารอื่นๆ อีก เช่น สาร histamine ที่กระตุ้นให้เกิดการแพ้ เมื่อฮอร์โมนคอร์ซิตอล ถูกหลั่งออกมาเป็นระยะเวลานานติดต่อกัน สมดุลของฮอร์โมนอื่นๆในร่างกายจะเสียไป ส่งผลให้เกิดอาการผิดปกติต่างๆ ทั่วร่างกายรวมทั้งผิวหนังนั่นเองค่ะ

โรคผิวหนังหรือสภาวะผิดปกติที่เกิดจากผิวเครียด

  • ผื่นผิวหนังอักเสบบริเวณผิวมัน หรือ Seborrheic Dermatitis อาการคือ คันบริเวณผิวหน้า มักจะเป็นบริเวณรอบๆจมูก คาง บริเวณคิ้ว ผิวบริเวณดังกล่าวจะแห้งลอกและเป็นผื่นแดง
  • สิว มื่อต่อมไขมันในร่างกายทำงานมากขึ้น รุขุมขนจึงมีโอกาสอุดตันได้มากขึ้น ทำให้เกิดสิวได้หลากหลายประเภทตั้งแต่สิวอุดตันไปจนถึงสิวอักเสบ
  • โรคสะเก็ดเงิน ผิวหนังบริเวณที่เป็นจะเป็นผื่นแดง นูน ตกสะเก็ดด้านบน เจ็บและคัน เป็นโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมแต่จะถูกกระตุ้นให้เห่อขึ้นมาจากสภาพแวดล้อม ความเครียดและพักผ่อนน้อยก็เป็นสาเหตุเช่นกัน
  • อาการที่เกิดจากการแพ้ต่างๆ เช่น สิวผด หรือผื่นแดง อาการเหล่านี้เกิดจากเกราะป้องกันผิวเสียหายและไม่ได้รับการซ่อมแซม ทำให้เมื่อเผชิญกับสิ่งที่เราแพ้ในสกินแคร์หรือในสภาพแวดล้อม ผิวไม่สามารถปกป้องตัวเองได้เหมือนเคย อาการแพ้จึงแสดงออกมาค่ะ

ผิวเครียด

เอาละ รู้แบบนี้แล้ว ว่าที่เจ้าสาวจะแก้ไขหรือป้องกันยังไงบ้างให้ผิวกลับมาสวยทันวันวิวาห์ละ?

แก้ไข : ถ้าหากใครที่กำลังมีปัญหานี้อยู่ ปัจจุบัน เราแนะนำให้รีบไปพบคุณหมอผิวหนังผู้เชี่ยวชาญเพื่อรักษาให้กลับมาหายดีอย่างเดิม เพราะสภาวะบางอย่างเช่น โรคสะเก็ดเงิน หรือผื่นผิวอักเสบ เราไม่สามารถรักษาได้ด้วยตนเองนะคะ

ป้องกัน : ส่วนใครที่ยังไม่เป็น แต่รู้ตัวว่าเริ่มเครียด มาป้องกันอาการผิวเครียดก่อนจะสาย ด้วยทิปส์เหล่านี้จากเราค่ะ

1. ดื่มน้ำให้เยอะขึ้น เพื่อช่วยเติมความชุ่มชื่นให้ผิว

2. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนภายในร่างกาย

3. นอนหลับให้เพียงพอ ซึ่งจะช่วยลดการทำงานของฮอร์โมนคอร์ติซอลลงได้ค่ะ

4. เน้นใช้สกินแคร์กลุ่มช่วยลดการอักเสบของผิว เช่น สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของ อะโลเวรา โสม หรือ สาหร่าย ค่ะ

เอาละค่ะ รู้โทษของอาการเครียดต่อผิวแล้ว ว่าที่เจ้าสาวก็พยายามทำใจให้สบายนะคะ เรื่องไหนที่สามารถแบ่งเบาให้คนอื่นช่วยได้ เช่น เพื่อนเจ้าสาว หรือครอบครัว ก็ลองแบ่งเบาดูเราจะได้รู้สึกโล่งขึ้น หรืออาจจะหาคนที่ช่วยรับฟังเราบ่น เพื่อเป็นการระบายความเครียดบ้างก็ช่วยได้เหมือนกันนะคะ

ชอบคอนเท้นต์นี้ของเรา? คลิกอ่าน >> วิธีลดความเครียด ฉบับสำหรับว่าที่เจ้าสาว << กันต่อเลยค่า

credit story: wellandgood.com

เคล็ดลับเลือกชุดแต่งงานชุดไทย ก่อนที่บ่าวสาวจะตัดสินใจเซย์เยส

เคยเป็นกันบ้างไหมกับอาการประมาณว่า เลือกไม่ได้ ตัดสินใจไม่ถูก กับข้อเสนอจากร้านชุดไทยสวยๆ ที่จัดแพ็คเกจและโปรโมชั่นมาให้เลือกมากมาย ถ้าคุณกำลังสับสนอยู่ แพรวเวดดิ้งมีวิธีให้คุณได้รีวิว แพ็คเกจ ชุดแต่งงานชุดไทย ให้โดนใจและตรงความต้องการมาแนะนำกัน

แน่นอนว่าในการเดินเลือกซื้อเสื้อผ้า เราต้องมีเป้าหมายว่าเราอยากจะได้ชุดแบบไหนกันใช่ไหมจ๊ะ ไหนจะต้องดูราคาว่าตรงตามงบที่เราตั้งไว้หรือเปล่า ไหนจะต้องเช็คความคุ้มค่าว่ามีมากน้อยเพียงใด แต่ถ้าคุณรู้แน่อยู่แก่ใจแล้วว่าอยากได้ชุดไทยแบบไหนสำหรับใช้ในวันแต่งงานก็เริ่มรวบรวมแพ็คเกจชุดไทยไว้เลย จากนั้นก็…ลุย!

ราคากับงบประมาณ…ของแบบนี้ต้องคู่กัน

ก่อนอื่นคุณจะต้องตั้งงบประมาณสำหรับชุดไทยขึ้นมาก่อน โดยอาจตั้งเป็นตัวเลขกลมๆ เอาไว้ในใจ แล้วตั้งธงเลยว่าในราคาที่ว่านี้จะเป็นราคาชุดเจ้าสาวชุดเดียวหรือชุดเจ้าสาวพร้อมชุดเจ้าบ่าว ว่าง่ายๆ คือในงบประมาณที่ว่านี้จะมีรายละเอียดที่ต้องการอะไรบ้าง จากนั้นก็เริ่มเสาะหาแพ็คเกจที่คุณสนใจไว้หลายๆ ร้าน เมื่อได้มากพอแล้ว ก็นำแพ็คเกจเหล่านั้นมาเปรียบเทียบกับงบประมาณที่ตั้งเอาไว้ เพื่อหาว่ามีแพ็คเกจไหนบ้างที่สอดคล้องกับงบประมาณของคุณ จากนั้นก็เริ่มตัดแพ็คเกจที่เกินงบประมาณออกไปก่อน

ความคุ้มค่าที่คุณต้องเลือก

หลังจากที่ได้ราคาและงบประมาณแล้ว ก็จะต้องมาดูว่าของในแพ็คเกจที่เราสนใจ มีรายละเอียดอะไรบ้างและตรงกับความต้องการมากน้อยแค่ไหน จากนั้นเปรียบเทียบความคุ้มค่ากับสิ่งที่มีในแพ็คเกจคู่ไปกับราคา เช่น

แพ็คเกจชุดไทยร้าน A ราคา 8,000 บาท คุณจะได้ชุดไทยสำหรับเจ้าบ่าวและเจ้าสาวพร้อมเครื่องประดับครบเซ็ท แต่ในทางกลับกัน แพ็คเกจร้าน B ก็มีราคา 8,000 บาทเหมือนกัน แต่สิ่งที่คุณจะได้นอกจากชุดไทยพร้อมเครื่องประดับแล้ว คุณยังจะได้ชุดเจ้าสาวสวยๆ สำหรับถ่ายภาพพรีเวดดิ้งอีกด้วย

แต่ถ้าหากราคาของ 2 ร้าน มีความต่างกันไม่มาก ก็ต้องมาดูกันว่าของทั้งสองร้านต่างกันอย่างไร และร้านไหนคุ้มกว่ากัน เช่น แพ็คเกจร้าน A ราคา 10,000 บาท ได้ชุดไทย 2 ชุด ส่วนร้าน B ราคา 13,000 บาท แต่ได้ช่างหน้า-ผม เพิ่มเข้ามา คุณก็ต้องไปเช็คดูว่าหากต้องจ้างช่างหน้า-ผมต่างหาก โดยเพิ่มเงินอีก 5,000 บาท เมื่อเทียบฝีมือแล้วถูกใจคุณพอๆ กัน คุณก็ควรเลือกช่างหน้าช่างผมที่มาพร้อมแพ็คเกจ 13,000 จริงไหม

ของแถมชิ้นน้อยเป็นของมัดใจ

ของแถมที่ได้รับนอกเหนือจากในแพ็คเกจ ก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกแพ็คเกจของร้านนั้นๆ เพราะบางทีของแถมที่ได้อาจช่วยคุณประหยัดค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นก็ได้ เช่น ในตัวแพ็คเกจไม่ได้ระบุว่าคุณจะได้ช่างแต่งหน้าและทำผมในวันงาน แต่ทางร้านใจดี แถมให้ ก็ช่วยลดค่าใช้จ่ายสำหรับส่วนนี้ไปได้ไม่น้อย

รีวิวหน่อยไหม…คนอื่นคิดอย่างไร

เมื่อคุณได้แพ็คเกจที่ถูกใจมามากพอ ก็อย่าเพิ่งรีบร้อนด่วนตัดสินใจเซย์เยส ให้ลองหารีวิวของลูกค้าที่เคยใช้บริการในร้านนั้นๆ เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียของแต่ละร้าน และใช้เป็นตัวคัดกรองร้านที่หามา เพราะต่อให้ร้านนั้นมีแพ็คเกจดี ราคาโดนขนาดไหน แต่หากการบริการไม่ดี แล้วคุณต้องมาหัวเสียเพลียใจทีหลัง ก็คงไม่คุ้มค่าน่าเลือกจริงไหม

เจอของจริง…มั่นใจและถูกใจกว่า

เมื่อหาร้านที่ถูกใจได้ซัก 4-5 ร้านแล้ว ก็ควรที่จะนำมาเรียงจัดอันดับหาร้านที่ชอบมากที่สุด 3-5 ร้าน แล้วไปติดต่อที่ร้านเหล่านั้น เพื่อไปลองชุดว่าชุดสวยจริงไหม รายละเอียดตรงกับภาพโฆษณามากแค่ไหน ใส่แล้วเป็นอย่างไร รวมไปถึงพูดคุยดูอัธยาศัยเจ้าของร้านว่าเป็นอย่างไร ถูกจริตเราหรือเปล่า มีการบริการและการดูแลลูกค้าดีมากน้อยเพียงใด จากนั้นนำผลที่ได้มาเปรียบเทียบกันเพื่อหาร้านที่สามารถตอบโจทย์กับเรามากที่สุด

ทั้งหมดนี้คือขั้นตอนง่ายๆ ที่จะช่วยให้คุณเลือกแพ็คเกจชุดไทยได้คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายแถมยังได้ของที่ถูกใจและตรงจริตมากที่สุด และที่สำคัญไม่ว่ารายละเอียดและของแถมจะเป็นอย่างไร อย่าลืมที่จะสอบถามกับทางร้านว่าของในแพ็คเกจของคุณสามารถปรับเปลี่ยนหรือเพิ่มลดอะไรได้บ้าง แต่จะต้องไม่น่าเกลียดจนเกินไปนะจ๊ะ เมื่อบ่าวสาวพร้อมแล้ว จะมัวรออะไร ลุย! ได้เลย…

>> ติดตามไอเดียและคำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับชุดแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย! <<

8 สิ่งห้ามขาดถ้าหากบ่าวสาวอยากจะจัด งานแต่งเอ๊าท์ดอร์ รับประกันความเวิร์ก

งานแต่งงานในสวน หรืองานแต่งงานริมทะเลน่าจะเป็นงานแต่งงานในฝันของสาวๆ หลายคน แต่การจะจัด งานแต่งเอ๊าท์ดอร์ ได้เนี่ย ห้ามลืม 8 สิ่งนี้เด็ดขาด เพราะถ้าลืมเมื่อไหร่ งานในฝันมีกร่อยชัวร์

1. แผนสำรอง

แม้จะเตรียมทุกอย่างไว้เสร็จสรรพ แต่อย่าลืมแผนสำรองเอาไว้ด้วยนะคะ โดยเฉพาะในเรื่องสภาพอากาศเนี่ย เป็นอะไรที่คุมไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นฝนตก พายุเข้า แดดแรงเปรี้ยงกว่าที่คิด ถ้าโผล่มาเมื่อไหร่แล้วไม่มีร่มให้ นี่คือจบงานเลยนะ เพราะงั้นงานกลางแจ้งก็ลองเผื่อก๊อกสองเอาไว้ด้วยนะคะ

2. เค้กเคลือบน้ำตาล

การจัดงานกลางแจ้งควรเลือกเค้กเคลือบน้ำตาลหรือที่เรียกว่า เค้กฟองดอง เพราะไม่ละลายง่าย หรือจะใช้เค้กปลอมไปเลยก็ได้ แต่ห้ามเลือกเค้กครีมเด็ดขาด เพราะถ้าเจออากาศปราศจากแอร์ล่ะก็ เค้กแต่งงานแสนสวยละลายเละแน่นอน

3. กันแดด กันยุง กันแมลง 

งานกลางแจ้งก็ต้องคู่กับงานกันแดด บ่าวสาวที่รักจะจัดงานกลางแจ้งจึงห้ามลืมเตรียมอุปกรณ์กันแดดสำหรับแขกผู้มางานเด็ดขาด อาจจะแบ่งใส่ขวดเล็กๆ จัดเป็นตะกร้าวางไว้ตามมุมต่างของงาน  ส่วนงานเอาท์ดอร์ในสวนยามค่ำคืน ต้องไม่ลืมกันยุงกันแมลงด้วยละ ถ้าไม่อยากให้แขกต้องยุกยิกเกาขาตลอดเวลา

4. อาหารคงตัว

ในงานเลี้ยงกลางแจ้งควรเลี่ยงอาหารประเภทชีสและกะทิ  และอาหารที่ละลายได้ หรือบูดง่าย ไม่อย่างนั้นอาหารอาจจะเสียก่อนเวลาอันควร งานนี้เสียเงินฟรีแถมโดนแขกด่าด้วย

5. ชุดบางเบา

ถ้าไม่อยากเป็นลมหรือว่าเหงื่อไหลซ่กยิ่งกว่าน้ำตก ก็จงเลือกชุดเจ้าสาวและเพื่อนเจ้าสาวที่มีเนื้อผ้าบางเบา และไม่ยาวมากนักจะดีกว่า อ้อเขียนเตือนแขนในการ์ดด้วยก็ดีนะคะว่างานเป็นงานแต่งงานแบบเอ๊าท์ดอร์ แขกจะได้เลือกเครื่องแต่งกายมาได้อย่างเหมาะสม

6. ผลไม้ฉ่ำน้ำ

เพราะอากาศมันร้อนจึงต้องเตรียมน้ำเย็นๆ และผลไม้ฉ่ำน้ำเอาไว้เยอะๆ อย่างเช่น แตงโม สับปะรด แก้วมังกร เป็นต้น แล้วยิ่งถ้าเอาน้ำผลไม้เหล่านี้แช่เย็นล่ะก็ จะยิ่งฟินมาก

7. เวลา

เวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับจัดงานแต่งงานกลางแจ้งของคนไทยมี 2 ช่วงเวลา คือตอนเช้าตรู่แดดอ่อนๆ ก่อน10 โมง และหลังพระอาทิตย์ตกดิน นอกจากอากาศจะไม่ร้อนแล้ว ภาพที่ได้ยังสวยกว่าแต่งงานกลางแดดเปรี้ยงๆ อีกด้วย

8. ร่มเงา

ถ้ายังจะหนักแน่นในงานกลางแจ้งช่วงกลางวันอยู่จริงๆ ก็อย่าลืมหาร่มเงาให้แขกที่มางาน ไม่ว่าจะเป็นร่มคันใหญ่ หรือเต็นท์เก๋ๆ ให้แขกได้หลบร้อน อ้อแต่ถ้าเป็นเต็นท์ก็อย่าลืมเตรียมพัดลมตัวใหญ่ๆเอาไว้ด้วยนะ ไม่อย่างนั้นในเต็นท์จะอบอ้าวมาก

งานไหนมีครบ 10 อย่างนี้ ต่อให้จัดงานกลางลานโล่ง ในยามพระอาทิตย์ตกหัว แขกทั้งหลายก็ยังยินดีไม่บ่นให้ได้ยินแน่นอน

>> ติดตามไอเดียการจัดงานแต่งงานดีๆ ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย! <<

ขอบคุณข้อมูลจาก www.shefinds.com
ขอบคุณภาพจาก weddingsitaly.com

3 มารยาทงานแต่งงานหลักๆ ที่แขกผู้มีเกียรติต้องมีเมื่อไปงานแต่ง

ไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องมีมารยาท แม้กระทั่ง มารยาทงานแต่งงาน ก็ต้องมีเหมือนกันนะ

ว่าด้วยเรื่องของแขกผู้มีเกียรติที่ได้รับเชิญให้ไปร่วมงานแต่งงาน บางคนที่ไปบ่อยๆ ไปจนชินก็อาจจะรู้งาน และทำทุกอย่างได้ถูกต้องเหมาะสม แต่สำหรับแขกมือใหม่ป้ายแดง ที่ยังเก้ๆ กังๆ ไปไม่ถูก มาค่ะ แพรว wedding จะพาเข้าหลักสูตรแบบ 3 ข้อจบ กับ 3 มารยาทงานแต่งงาน ที่แขกทุกคนต้องทราบ

ใส่ซองเท่าไหร่ดี

หลักการให้ซองที่มักได้ยินกันคือ เขาเคยช่วยงานครอบครัวคุณเท่าไหร่ ให้ทำสมุดจดไว้ แล้วถึงเวลาที่คุณไปงานเขา ควรจะให้มากกว่าที่เขาเคยให้ อีกประการหนึ่งที่นำมาเป็นเกณฑ์ในการใส่ซองคือ ดูจากสถานที่จัดงาน เช่น จัดงานในโรงแรมห้าดาว แต่ใส่ซองไป 500 บาท เพื่อนอาจไม่ว่า เพราะเขาคงไม่ได้มาหวังคืนทุนหรือร่ำรวยจากการจัดงานแต่ง แต่เป็นมารยาทที่แขกต้องคำนึง เช่น โรงแรมห้าดาว ค่าค็อกเทลต่อหัวก็มีราคา 500 บาทขึ้นไปจนถึงหลักพัน ถ้าเป็นงานเลี้ยงแบบบุฟเฟ่ต์หรือโต๊ะจีนก็ยิ่งราคาสูงขึ้นตามลำดับ ฉะนั้นควรให้ซองที่ครอบคลุมราคาอาหารต่อหัวของแขก อาจจะพอดีหรือมากกว่า แต่อย่าให้น้อยกว่า เจ้าสาวหลายคนอาจจะเคยบ่นอุบว่า ไม่แต่งงานเองก็ไม่รู้ แต่ก่อนก็ให้ซอง 500 แต่พอนั่งแกะซองงานแต่งตัวเองถึงได้เข้าใจหัวอกคนเป็นเจ้าภาพจัดงานว่าแขกหลายคนก็ใส่ซองมาได้ชี้ช้ำกระหล่ำปลีจริงๆ

มารยาทงานแต่งงาน

ทั้งนี้เป็นเพราะงานแต่งงานไทยไม่ค่อยนิยมให้ของขวัญ แต่ชอบให้ซอง แต่เมื่อเป็นเงิน ใครเล่าจะมาระบุจำนวน คนให้ควรจะตรึกตรองตามความเหมาะสมเองในจำนวนที่ไม่น่าเกลียดและไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อนด้วย

 

รับปากไว้แต่ไม่ไป

หลายคนเมื่อได้การ์ดเชิญมาก็เก็บไว้จะไปหรือไม่ไปไว้ตัดสินใจตอนห้าโมงเย็นของวันงาน หรือบ้างก็บอกว่าบ่าวสาวจะไป แต่ถึงเวลาก็เปลี่ยนใจ แน่นอนว่าทุกคู่ก็แต่งงานกันได้แม้ไม่มีคุณไปร่วมงาน แต่เป็นมารยาทอีกนั่นแหละที่
1) รับปากไว้ก็ต้องรักษาคำพูด
2) ถึงแม้ว่าคุณจะได้รับเชิญผ่านทางโซเชียล แล้วคุณยังได้รับการ์ดเชิญเป็นแผ่นๆ อีก แสดงว่าเจ้าภาพเขาคิดแล้วว่าอยากให้คุณไปร่วมงาน คุณก็ควรแสดงมารยาทอันดีด้วยการไปตามคำเชิญ

มารยาทงานแต่งงาน

3) การ์ดเชิญทุกใบมีค่าใช้จ่าย เพราะมันจะถูกนำไปคำนวณค่าอาหารต่อหัวในโรงแรม รวมทั้งค่าชองชำร่วยด้วย เช่น พิมพ์การ์ด 400 ก็แสดงว่าต้องจ่ายค่าอาหาร 400 คน ของชำร่วย 400 ชิ้น ซึ่งเป็นจำนวนขั้นต่ำเพราะเจ้าภาพทุกงานต้องเผื่อแขกมาเกินอยู่แล้ว บอกว่าไปแต่ไม่ไป เจ้าภาพก็คำนวณลำบาก ผิดพลาด และอาจเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์ได้
4) สมมติว่าคุณจัดงานอะไรขึ้นมาสักงานหนึ่ง ใจคุณจะตุ๊มๆ ต่อมๆ ว่าคนจะมาเยอะไหม ใครจะมาบ้าง ถ้ามาน้อยงานก็กร่อย ดังนั้นถ้าบ่าวสาวคือเพื่อนหรือคนที่สำคัญต่อชีวิตคุณ ก็ควรไป อย่าคิดว่าเพื่อนจะยุ่งกับการรับแขก ถ้าไปก็แค่ได้ถ่ายรูปหน้าแบ็กดร็อปแป๊บๆ แต่นั่นละคือประเด็น ไม่ว่าแขกจะมาหรือน้อย สิ่งสำคัญคือทุกครั้งที่หันมามอง บ่าวสาวควรจะได้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคย ซึ่งจะช่วยลดความประหม่า เพิ่มความซาบซึ้งและเติมความหมายดีๆ ให้วันแต่งงานของเขาทั้งสองมากขึ้นไปอีก เรียกได้ว่าคุณเป็นอีกหนึ่งกำลังใจที่ดีที่จะช่วยซัปพอร์ตบ่าวสาว ถึงแม้จะต้องยืนเก้ๆ กังๆ จิบน้ำตลอดงานก็ตาม แต่ถ้าไปไม่ได้จริงๆ ควรฝากซองหรือนำซองไปให้ทีหลัง วิธีคือห่อเงินด้วยกระดาษแนบการ์ดเขียนอวยพรและใส่ซองอีกชั้น อย่าตีมึนว่า ไม่ไปก็ไม่ต้องให้ซองนะจ๊ะ

เดรสโค้ด

บางคนอายที่จะแต่งตัวตามเดรสโค้ดที่เจ้าภาพกำหนด เพราะกลัวว่าจะแต่งไปคนเดียว สุดท้ายเป็นเจ้าภาพเองที่เก้อ เพราะกำหนดเดรสโค้ดไว้แต่ไม่มีใครแต่ง ขณะที่บางคนก็อายที่ไม่ได้แต่งตัวตามเดรสโค้ดจนถึงกับไม่ไปงานนั้นๆ เลยทีเดียว ข่าวดีคือ หลายๆ งานแขกเหรื่อเริ่มให้ความร่วมมือ สนุก และเห็นว่าเป็นมารยาท เป็นการให้เกียรติบ่าวสาว จึงแต่งตัวตามเดรสโค้ดกันอย่างคึกคัก เรียกว่าถ้าโรงแรมไหนมีงานแต่งหลายงานชนกัน ดูจากสีชุดของแขกก็รู้ได้ทันทีว่าใครมางานไหน ไม่ใช่แต่แขกเท่านั้นที่ควรให้เกียรติเจ้าภาพ ช่างภาพก็เช่นกัน บางทีมถึงกับตัดสูทใหม่ให้เข้ากับธีมหรือเดรสโค้ดทุกงาน ไม่ใช่สูทดำ เทา ขาว เพียงอย่างเดียว เพราะช่างภาพก็ควรจะแต่งตัวให้เหมือนแขกคนหนึ่งเช่นกัน

มารยาทงานแต่งงาน

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหากงานแต่งงานของบ่าวสาวเป็นงานแต่งที่เป็นทางการมากๆ และมีแต่แขกผู้ใหญ่เป็นหลัก ก็ไม่ควรเลือกเดรสโค้ดที่ยากจนเกินไป อาจจะเล่นเป็นธีมสีสุภาพง่ายๆ ก็พอ แต่หากงานแต่งของคุณเป็นกันเองมากๆ เน้นครอบครัว คนสนิท และเพื่อนฝูง อันนี้จะครีเอทให้มันแค่ไหนก็ไม่มีใครว่า แต่พ่อกับแม่ต้องอนุญาตด้วยนะ

ในเมื่อมีเรื่องที่แขกต้องระวังแล้ว บ่าวสาวเองก็มีเรื่องที่ต้องระวังเช่นกันนะ >>> พึงระวัง!! 4 เรื่องนี้แขกในงานแต่งบ่นแน่ถ้าคุณพลาด

ภาพ insideweddings.com, randolphusa.com, qqtdd.com, weddings-in-santorini.com

รู้หรือไม่? ประเพณีแต่งงานแบบอินเตอร์ที่เราทำกันอยู่นั้นมีที่มายังไง…ไปเช็กกันเลย

10 ประเพณีแต่งงาน ที่รู้แล้วคุณจะอยากทำตามหรือไม่!? มาเช็กกันเลย

ช่อดอกไม้ สายรัดถุงน่อง หรือของ Something Blue ที่อยู่บนชุดแต่งงาน … คุณเคยรู้หรือไม่ว่าสิ่งของเหล่านี้แท้จริงมีที่มา หรือมีความหมายที่ซ่อนไว้ยังไงบ้าง? เอาเป็นว่า วันนี้ แพรว wedding ได้ไปรวบรวม 10 ข้อเท็จจริง เกี่ยวกับสิ่งที่ซ่อนอยู่ใน ประเพณีแต่งงาน มาฝากแล้ว

ประเพณีแต่งงาน

1. ทำไมถึงต้องสวมแหวนไว้ที่นิ้วนางข้างซ้าย : แหวนหมั้น และแหวนแต่งงาน จะต้องสวมไว้ที่นิ้วลำดับที่ 4 ของมือซ้าย (นับจากนิ้วหัวแม่มือ) เพราะที่นิ้วนางข้างซ้ายมีเส้นเลือดที่เชื่อมต่อโดยตรงไปยังหัวใจของผู้สวมใส่นั่นเอง

ประเพณีแต่งงาน

2. ทำไมเจ้าสาวถึงต้องใส่ชุดแต่งงานสีขาวกันนะ : เริ่มมาตั้งแต่สมัย สมเด็กพระราชินินาถวิกตอเรียแห่งสหราชอาณาจักร พระองค์คือผู้ริเริ่มเทรนด์การใส่ชุดแต่งงานสีขาวในโลกตะวันตก เมื่อครั้งงานแต่งงานของพระองค์ในปี 1840 ซึ่งก่อนหน้านั้นเหล่าเจ้าสาวเพียงแค่สวมชุดเดรสที่ดีที่สุดของพวกเธอเพื่อเข้าพิธีแต่งงานเท่านั้น จากเหตุการณ์นั้นจึงได้กลายมาเป็น ประเพณีงานแต่ง ที่เจ้าสาวจะต้องสวมชุดแต่งงานสีขาวมาถึงปัจจุบัน

ประเพณีแต่งงาน

3. หากเพื่อนเจ้าสาวดันแต่งตัวเหมือนกับเจ้าสาว นั่นหมายความว่าพวกเขากำลังโชคดี!! : ประเพณีการจับคู่หรือแมตช์ชิ่งเพื่อนเจ้าสาวนั้นต้องย้อนกลับไปถึงสมัยโรมันเลยทีเดียว เพราะยุคนั้นเป็นยุคที่ผู้คนเชื่อว่าปีศาจและวิญญาร้ายมักจะมาเยือนในวันแต่งงานเพื่อที่จะพยายามสาปแช่งเจ้าบ่าวเจ้าสาวให้ไม่สมหวังและไม่มีความสุข เพราะฉะนั้นจึงมีการแก้เคล็ดด้วยวิธีที่ว่า ให้เพื่อนเจ้าสาวแต่งตัวให้คล้ายคลึงกับเจ้าสาวมากที่สุดเพื่อสร้างความสับสนให้กับวิญญาณร้าย!! อ่ะ เอากับเขาซิ๊

ประเพณีแต่งงาน

4. ที่มาของการสวมเวลไม่ใช่เรื่องความสวยงาม : ย้อนกลับไปในยุคกรีกและโรมัน คนในยุคนั้นมีความเชื่อกันว่า เจ้าสาวจะต้องสวมเวลในวันแต่งงาน เพื่อช่วยป้องกันพวกเธอจากเหล่าปีศาจร้ายที่คอยสาปแช่งนั่นเอง

ประเพณีแต่งงาน

5. ประเพณี “something old, something new, something borrowed, something blue” มาจากบทประพันธ์อันเก่าแก่ของอังกฤษ : something old คือตัวแทนของความต่อเนื่อง, something new คือการมอบสิ่งดีๆ สำหรับอนาคต, something borrowed คือสัญลักษณ์ที่ยืมมาจากผู้อื่นเพื่อสื่อถึงความสุข และ something blue คือความบริสุทธิ์ ความรัก และความซื่อสัตย์

 

ประเพณีแต่งงาน

6. เค้กแต่งงานมีที่มาจากยุคโรมโบราณ : เค้กแต่งงานถือเป็นสัญลักษณ์ของงานแต่งและหมายถึงความอุดมสมบูรณ์ด้วย ในยุคโรมันแขกจะนำเค้กก้อนเล็กๆ ที่อบจากข้าวสาลีมากองรวมกันให้เป็นชั้นสูงขึ้นไปและให้คู่บ่าวสาวปีนขึ้นไปบนเค้กและจูบกันเหนือยอดเค้ก หากบ่าวสาวคู่ใดปีนขึ้นไปจูบได้สำเร็จเชื่อว่าบ่าวสาวคู่นั้นจะครองรักกันยาวนานและยั่งยืน

ประเพณีแต่งงาน

7. เคยสงสัยหรือไม่ว่า สำนวนฝรั่งที่ว่า “tying the knot” นั้นมาจากไหน? : ในบรรดาวัฒนธรรมต่างๆ ในโลกนี้ รวมไปถึงวัฒนธรรมการแต่งงานของชาวเซลติก, ฮินดู และชาวอียิปต์ เชื่อกันว่า มือของเจ้าบ่าวเจ้าสาวนั้นมีความผูกพันกันเหมือนเงื่อน ที่จะต้องจูงมือกันเดินไปสำหรับการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของทั้งคู่

ประเพณีแต่งงาน

8. ประเพณีแต่งงานสมัยก่อน มีความเชื่ออิงกับวิญญาณร้ายที่คอยจ้องจะเล่นงาน! : นั่นจึงทำให้เกิดประเพณีที่เจ้าบ่าวจะต้องอุ้มเจ้าสาวผ่านธรณีประตูเพื่อปกป้องเธอจากวิญญาณร้ายที่อยู่ด้านล่าง

9. การแต่งงานในเดือนมิถุนายนไม่ใช่เรื่องใหม่ : เทพธิดาจูโน ของโรมัน ได้การแต่งงานและคลอดบุตรในเดือนดังกล่าว จึงทำให้ผู้คนนิยมที่จะแต่งงานในเดือนนี้เช่นกัน

10. การฮันนีมูนไม่จำเป็นต้องหรูหราเสมอไป : คู่แต่งงานชาวนอร์สโบราณจะต้องไปหลบซ่อนตัวหลักจากงานแต่งงานของพวกเขา และเหล่าสมาชิกในครอบครัวจะค่อยผลัดเปลี่ยนนำไวน์น้ำผึ้งไปให้คู่รักเป็นเวลา 30 วัน หรือคืนที่พระจันทร์เต็มดวง ซึ่งจากประเพณีนี้จึงได้ก่อกำเนิดเป็นคำว่า “ฮันนีมูน” ขึ้นมานั่นเอง

เรียบเรียงข้อมูลจาก brides.com
ภาพ pexels, pinterest

ติดตามบทความเกี่ยวงานแต่งงาน และความเชื่อต่างๆ ในงานแต่งงานได้ที่นี่ >> คลิกเลย! <<

4 คำถามไม่เกี่ยวกับเรื่องอาหารแต่บ่าวสาวต้องถามแคทเทอริ่งด้วย

พอพูดถึง แคทเทอริ่ง ในงานแต่ง ว่าที่บ่าวสาวส่วนใหญ่ก็จะนึกถึงแต่เรื่องหน้าตาและรสชาติอาหาร แต่จริงๆ แล้วยังมีเรื่องอื่นที่คุณควรถามและต้องรู้เพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจจ้างด้วยนะคะ ซึ่งถ้าอ่านถึงตรงนี้แล้วงงว่า ไม่ใช่เรื่องอาหารแล้วจะถามอะไรกับเคเทอร์ริ่งละก็ 4 ข้อด้านล่างนี้คือคำตอบค่ะ

1. พนักงานใส่ชุดอะไรในวันงาน

การแต่งตัวของทีมงานจากเคเทอร์ริ่งเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้ภาพงานแต่งงานของคุณออกมาดีงามสวยหรูหรือลุคชีพ ฉะนั้นอย่าคิดเอาเองว่าเขาต้องแต่งตัวแบบนี้แบบนั้นแน่ๆ เพราะแต่ละเจ้ามีนโยบายและงบประมาณในการให้พนักงานแต่งตัวต่างกัน ดังนั้นเรื่องนี้ต้องเช็คและถามให้เห็นภาพตรงกันนะคะ

2. มีทีมงานกี่คน

จำนวนของทีมงานในที่นี้ไม่ได้ถามแค่พ่อครัวแม่ครัว ลูกมือหรือเด็กเสิร์ฟนะคะ แต่หมายถึงทีมงานที่จะมาช่วยยกของหรือจัดสถานที่ด้วย เพราะบางเคเทอร์ริ่งจะมีบริการตกแต่งโต๊ะอาหารให้ด้วย ซึ่งคุณต้องรู้เอาไว้เพื่อเป็นข้อมูลแจ้งกับเจ้าของสถานที่หรือแม้แต่การตรวจเช็คเรื่องความปลอดภัยภายในงาน ซึ่งเรื่องนี้มองข้ามไปไม่ได้เชียวค่ะ

เคเทอร์ริ่ง

3. มีพร้อพพิเศษอะไรให้บ้างและหน้าตาเป็นแบบไหน

แม้คุณจะคิดว่าจ้างคนมาจัดสถานที่ทั้งงานแล้วก็เถอะ แต่เคเทอร์ริ่งบางเจ้ามีของตกแต่งเพิ่มสีสันให้กับโต๊ะอาหารหรือซุ้มอาหารด้วย ซึ่งสิ่งที่เคเทอร์ริ่งจัดมาให้ควรต้องไปในทิศทางเดียวกันกับธีมงานและของตกแต่งงานอื่นๆ ของคุณด้วยนะคะ นั่นแปลว่าการถามในข้อนี้ หมายถึงคุณจะรู้ได้ว่าข้าวของที่ว่าเป็นแบบไหนบ้างหรือเปล่า และหน้าตาไปด้วยกันได้ดีกับธีมงานไหม ซึ่งถ้าสวยงามตามท้องเรื่องเดียวกันในมุมอาหารนั้นๆ ก็ยกให้เป็นหน้าที่ของเคเทอร์ริ่งในการดูแลความสวยงามคู่ไปความอร่อยได้ แต่ถ้าไปคนละทาง คุณจะได้ออเดอร์ให้คนจัดสถานที่เข้าไปดูแลให้มุมอาหารกลายเป็นหนึ่งเดียวกับบรรยากาศอื่นๆ ในงานไงคะ

4. มีทีมงานเก็บกวาดทำความสะอาดไหม

จากประสบการณ์ตรงของบ่าวสาวที่เคยมาเม้าให้กับแพรว wedding ฟังคือ เคเทอร์ริ่งบางเจ้าทำทุกอย่างเรียบร้อยตามข้อตกลง ไม่ว่าจะเป็นอาหารอร่อย จัดเสิร์ฟตรงเวลา พนักงานแต่งตัวสวยหล่อ ยกเว้นเรื่องของการทำความสะอาดในส่วนพื้นที่ที่เคเทอร์ริ่งใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นมุมเตรียมอาหารหรือพื้นที่พักของ  เพราะอาจคิดว่าทางสถานที่จะดูแลให้ หรือบางทีเพราะสื่อสารเรื่องนี้ไม่ตรงกันแต่แรก ทีนี้พอใช้งานเสร็จบริเวณนั้นเละเทะ แต่ไม่มีคนเก็บกวาด สุดท้ายความลำบากเลยตกอยู่ที่บ่าวสาวที่อาจต้องจ่ายค่าแม่บ้านหรือการทำความสะอาดเพิ่มเติมแบบนอกแผน

>> ดูไอเดียและคำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย! <<

เรื่อง : ดอกปีบ
ภาพ : maxpixel

ทุกสิ่งที่ว่าที่เจ้าสาวควรรู้เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลง ชุดแต่งงาน

เมื่อเจ้าสาวได้พบ ชุดแต่งงาน ที่ใช่ และต้องนำชุดแต่งงานชุดนี้ไปทำให้พอดีกับรูปร่างของคุณ นี่เป็นสิ่งที่เจ้าสาวต้องรู้ก่อนตัดสินใจซื้อ หรือตัดสินใจทำ

แม้ว่าคุณจะพบกับ ชุดแต่งงาน ที่คิดว่า ชุดนี้แหละที่ฉันจะใส่ในวันงาน และมีสัญญาณอะไรบางอย่างที่บอกว่าชุดนี้เหมือนจะทำขึ้นมาเพื่อคุณโดยเฉพาะ แต่ในทางกลับกันบางอย่างนั้นก็ยังสะกิดใจเล็กๆ ว่า เอ๊ะ? เหมือนมันจะยังขาดอะไรไปอีกนิดที่จะทำให้คุณพร้อมสวยเดินเข้างานในชุดนี้

ซึ่งนั่นก็หมายความว่าว่าที่เจ้าสาวอาจจะต้องเพิ่มเสริมเติมแต่งให้ชุดแต่งงานชุดนี้ดูมีอะไรขึ้นมา โดยปัญหานี้มักจะเกิดขึ้นกับคุณว่าที่เจ้าสาวที่ซื้อชุดแต่งงานสำเร็จรูป และสิ่งสำคัญของการปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงชุดแต่งงานนั้น ว่าที่เจ้าสาวต้องจำไว้ให้ดีว่า นี่อาจจะต้องใช้คนทำมากขึ้น ใช้เวลาทำที่มากขึ้น และจำนวนงบประมาณของเจ้าสาวก็อาจจะมากขึ้นตามไปด้วย แต่ถ้าคุณเป็นว่าที่เจ้าสาวสายเปย์ก็ผ่านโลด และนี่คือคำแนะนำดีๆ ที่จะช่วยให้คุณพร้อมสำหรับวันแต่งงานของคุณในชุดแต่งงานที่เหมาะสมกับรูปร่างของคุณอย่างไร้ที่ติ

ใช้งานเมื่อไหร่

เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยกำหนดเวลาในการปรับเปลี่ยนชุดแต่งงานของคุณ หากคุณนำชุดแต่งงานมาเร็วเกินไป บางทีอาจจะไม่ได้รับความเหมาะสมในการทำให้พอดีกับรูปร่าง เพราะว่าที่เจ้าสาวอาจจะไปลดน้ำหนักมาจริงจังหลังจากที่ได้ชุดแต่งงาน เพราะกลัวว่าจะสวยไม่ทันในชุดนั้น ซึ่งส่งผลต่อรูปลักษณ์โดยรวมของชุดและความพอดี แต่ถ้าหากคุณนำชุดแต่งงานมาช้าเกินไป ก็อาจจะมีเวลาไม่พอให้ช่างได้เปลี่ยนแปลงสร้างสรรค์ หรือร่ายมนต์ให้กับชุดแต่งงานในฝันของคุณให้เสร็จได้ทันเวลา ซึ่งช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่ว่าที่เจ้าสาวจะนำชุดนั้นไปมอบให้กับมืออาชีพอยู่ที่ประมาณ 2-3 เดือนจากวันที่ได้ฟิตติ้งเป็นครั้งแรก และต้องจำไว้ด้วยว่าระหว่างที่มีการปรับเปลี่ยนชุดนั้นว่าที่เจ้าสาวก็ต้องไปฟิตติ้งในระหว่างนั้นด้วย ซึ่งโดยเฉลี่ยนแล้วจะมีการฟิตติ้งประมาณ 3-4 ครั้ง

มองหาผู้เชี่ยวชาญ

หากคุณซื้อชุดแต่งงานจากร้านไหน คุณสามารถที่จะแก้ไขปรับเปลี่ยนชุดแต่งงานได้ที่ร้านนั้น หรืออาจจะเป็นไปได้ว่าร้านชุดแต่งงานที่คุณซื้อมาอาจจะไม่รับปรับเปลี่ยนชุดแต่งงานให้กับคุณได้ ซึ่งหากเป็นในกรณีนี้ว่าที่เจ้าสาวควรจะมุ่งหน้าไปหาช่างตัดเย็บผู้เชี่ยวชาญ และหากเลือกได้ก็อาจจะเลือกเจาะจงช่างตัดเย็บที่มีจุดเด่นในด้านที่ว่าที่เจ้าสาวอยากจะปรับเปลี่ยนแก้ไขไปเลย โดยอาจจะถามร้านชุดแต่งงานร้านนั้นก็ได้ว่ามีช่างหรือร้านที่แนะนำไหม เพราะพวกเขามีแนวโน้มที่จะสามารถชี้ให้คุณเจอกับช่างมืออาชีพที่ฝีมือยอดเยี่ยมได้ และจงจำไว้เสมอว่านี่ไม่ใช่การมองหาร้านซักรีด เพราะอย่างน้อยพวกเขาจะต้องรู้ถึงความยุ่งยากซับซ้อนของชุดแต่งงานที่เต็มไปด้วยรายละเอียดที่เป็นเอกลักษณ์อันซับซ้อนมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ช่วงหน้าอก ตะเข็บ หรือแม้กระทั้งช่วงสะโพก ที่ล้วนต้องใช้ทักษะเฉพาะตัวเพื่อทำให้เกิดความสวยงามอย่างไร้ที่ติ เพราะฉะนั้นจึงดีที่สุดที่ว่าที่เจ้าสาวควรจะหาผู้เชี่ยวชาญที่เคยทำงานลักษณะนี้มาแล้ว

สิ่งที่ต้องนำไปด้วย

เมื่อคุณได้ไปพบกับช่างหรือร้านที่จะทำการปรับเปลี่ยนชุดแต่งงานให้กับคุณได้แล้ว ไม่ใช่ว่าจะเอาแค่ชุดแต่งงานไปให้ช่างเท่านั้นนะ แต่คุณต้องนำชุดชั้นในที่จะใส่กับชุดนั้น รองเท้า รวมไปถึงเครื่องประดับต่างๆ ที่คุณจะสวมใส่ในวันงานไปด้วย เพราะทั้งหมดนี้จะช่วยทำให้คุณและช่างได้มองเห็นภาพรวมทั้งหมดที่จะเกิดขึ้นในวันแต่งงาน เช่น ชุดชั้นในและรองเท้าของคุณเหมาะสมและพอดีกับชุดแต่งงานหรือไม่ แม้กระทั่งแอคเซสซอรี่ประดับผมหรือเวลนั้นช่วยให้ภาพรวมของลุคและชุดเจ้าสาวออกมาดูดีหรือเปล่า แต่ถ้าในกรณีที่ว่าที่เจ้าสาวยังไม่มีรองเท้าคู่ที่จะใช้สวมในวันงาน ก็นำรองเท้าที่มีความสูงใกล้เคียงกันมาก่อนก็ได้ เพื่อที่จะได้ดูว่าความสูงนั้นพอดีกับความยาวของชุดหรือเปล่า

ใครจะมากับคุณ

ถึงแม้ว่าคุณจะมีเพื่อนเจ้าสาวหลายคน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องดีที่คุณจะขนเพื่อนเจ้าสาวทุกคนไปให้กำลังใจหรือแม้แต่ร่วมตัดสินใจในวันฟิตติ้ง แต่คุณควรจะเลือกเพื่อนที่จะมากับคุณแค่ 1-2 คนกำลังดี หรืออาจจะเป็นแม่ หรือญาติสนิทคนอื่นๆ ที่คุณจะสามารถเชื่อถือในสายตาและให้คำแนะนำกับคุณได้ ที่สำคัญอย่าลืมว่าบุคคลที่คุณจะพาไปด้วยนั้นจะต้องเรียนรู้วิธีการใส่ชุด เพื่อที่จะได้ช่วยเหลือคุณได้อย่างมืออาชีพในวันงาน เพราะฉะนั้นเฟ้นหาผู้ช่วยมือดีเอาไว้ได้เลยค่า

ชุดแต่งงาน

เชื่อใจในตัวช่างหรือร้าน

ไม่ว่าคุณจะพบชุดแต่งงานที่ร้านชุดแต่งงานชั้นนำ หรือร้านเช่าชุดแต่งงานธรรดา ข้อเสนอสำหรับการปรับเปลี่ยนชุดแต่งงาน หรือแก้ไขนั้นมักจะมีอยู่เกือบทุกร้าน และแน่นอนว่าแต่ละร้านก็มีช่างมืออาชีพทำงานอยู่กับชุดแต่งงานมาเป็นเวลานาน เพราะนั้นจงเชื่อใจในฝีเข็ม และการลงกรรไกรของช่างว่าช่างจะสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบชุดได้จริง โดยเฉพาะหากว่าที่เจ้าสาวคนไหนที่จะอยากนำชุดแต่งงานของคุณแม่มารีใช้ใหม่ให้ไฉไลกว่าเดิม ช่างตัดเย็บมืออาชีพที่มีความชำนาญก็จะสามารถปรับเปลี่ยนชุดนั้นได้ใหม่ โดยที่ยังใช้เนื้อผ้าของชุดเดิมอยู่นั่นเอง

อีกหนึ่งทิปส์เด็ดๆ ที่เราอยากให้คุณตามไปดู เลือกชุดแต่งงานที่ทั้งสวยคุ้มค่าและเป็นชุดในฝันที่อยากใส่ ทำได้ยังไง คลิกเลย

ภาพ unsplash.com

เทคนิคเลือกชุดแต่งงานให้เข้ากับรูปร่าง สวยด้วยแถมเป๊ะปั๊วะไปอีก

มาเรียนรู้ เทคนิคเลือกชุดแต่งงาน ให้เข้ากับรูปร่าง ก่อนเปย์ไปใส่ในวันสำคัญกันก่อนนะสาวๆ

ก่อนที่สาวๆ จะชี้เป้าว่าฉันจะเลือกชุดแต่งงานชุดนี้ แพรว wedding ขอตีระฆังเรียกสติด้วยการพาว่าที่เจ้าสาวมาเริ่มทำความรู้จักกับรูปร่างของตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก เพราะผู้หญิงเรามีรูปร่างที่แตกต่างกัน สำหรับว่าที่เจ้าสาวที่กำลังมองหาชุดแต่งงานอยู่ควรเลือกชุดแต่งงานตามรูปร่างของตัวเองเป็นหลัก อย่ารอช้า ไปดู เทคนิคเลือกชุดแต่งงาน ให้เข้ากับรูปร่างที่เรานำมาฝากกันเลย

ซึ่งสิ่งแรกที่เจ้าสาวเป็นกังวลเมื่อมาถึงเรื่องของการเลือกชุดแต่งงานคือ จะเลือกอย่างไรให้เหมาะกับหุ่นของเรา ชุดที่ใส่แล้วทำให้เราดูสวยที่สุด และชุดที่่ใส่แล้วสามารถปิดบังจุดบกพร่องของร่างกายได้ ทำให้เราเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดในวันแต่งงาน เพราะฉะนั้นว่าที่เจ้าสาวจึงต้องทำความเข้าใจกับรูปร่างของเราก่อนว่า เราเป็นคนที่มีหุ่นแบบไหน ซึ่งหุ่นของผู้หญิงสามารถแบ่งออกได้หลักๆ 6 แบบ ตามนี้

หุ่นเจ้าสาวทรงลูกแพร์

สำหรับสาวที่มีสะโพกใหญ่ช่วงบนเล็ก ควรต้องเลือกชุดที่ช่วยเสริมสรีระช่วงบนให้ดูเต็มอิ่ม เช่น เสื้อที่มีแขนเพราะจะทำให้ไหล่ดูกว้างและใหญ่ขึ้น ตัวชุดควรมีลูกไม้หรือดอกไม้ลอยสามมิติที่ช่วงเขนหรือหัวไหล่เพื่อให้ช่วงอกดูเต็ม ส่วนตัวกระโปรงเจ้าสาวนั้นควรเลือกทรง A-Line เพื่อพรางสะโพกให้เอวดูคอดสวย

เทคนิคเลือกชุดแต่งงาน

หุ่นเจ้าสาวทรงแอ๊ปเปิ้ล

เจ้าสาวที่มีรูปร่างทรงแอ๊ปเปิ้ลคือเจ้าสาวที่มีสรีระแผ่นหลังช่วงบนหนา  เอวหนา ต้นขาใหญ่ แต่มีเรียวขาเล็ก ส่วนการเลือกชุดแต่งงานสำหรับเจ้าสาวที่มีหุ่นทรงแอ๊ปเปิ้ลนั้น ควรเลือกชุดที่มีกระโปรงใหญ่ขึ้นเพื่อปรับให้ดูสมส่วนกับลำตัวช่วงบน และควรเลือกชุดที่มีแบบคอร์เสตเพื่อช่วยรัดให้ช่วงเอวดูคอดเข้ารูปมากขึ้น ส่วนตัวเสื้อควรเลือกแบบคอวีหรือคอปาด

หุ่นเจ้าสาวทรงกระบอก

ส่วนเจ้าสาวที่มีหุ่นทรงตรงหรือทรงกระบอก คือ มีอก มีเอว มีสะโพกในสัดส่วนเท่าๆ กัน ในกรณีนี้คุณเจ้าสาวสามารถเลือกชุดกระโปรงทรงสุ่มติดเลื่อมหรือเลือกชุดที่มีคอเสื้อในลักษณะคอปาด และการเลือกเสื้อที่มีแขนจะช่วยทำให้ดูมีส่วนโค้งส่วนเว้ามากขึ้นด้วย

หุ่นเจ้าสาวทรงนาฬิกาทราย

เจ้าสาวหุ่นนาฬิกาทรายคือเจ้าสาวที่มีรูปร่างดีอยู่แล้ว ดังนั้นการเลือกชุดแต่งงานควรเลือกชุดแต่งงานที่เข้ารูปและเรียบง่าย เช่น ทรงเมอรเ์มด หางปลา ทรงเชท สลิปเดรส แต่ก็ไม่ควรเลือกชุดที่มีการตกแต่งมากเกินไป เช่น มีกระโปรงทรงสวมที่มีจีบรอบตัวหรือเสื้อคอปีน เพราะจะทำให้หุ่นหนาขึ้นและดูตัวใหญ่กว่าความเป็นจริง

หุ่นเจ้าสาวทรงสามเหลี่ยมหัวกลับ

คือเจ้าสาวที่มีสรีระหน้าอกใหญ่ ไหล่แคบ ช่วงสะโพกเล็ก การเลือกชุดแต่งงานที่เหมาะสมนั้นควรเลือกชุดแต่งงานที่ตัวเสื้อไม่มีลวดลาย ควรเป็นแบบที่เรียบที่สุด ส่วนกระโปรงนั้นควรเป็นทรงปริ๊นเซสหรือทรงบอลกาวน์เพื่อให้เจ้าสาวดูมีสะโพก และควรเลือกชุดแบบคอร์เสตเพื่อให้ดูมีเอว แต่ไม่ควรเลือกชุดแบบเกาะอกเพราะจะทำให้เจ้าสาวดูตันได้

หุ่นเจ้าสาวรูปร่างอวบ

ในข้อนี้เราจะกล่าวถึงเฉพาะรูปร่างอวบแบบมาตรฐานที่มักจะพบเป็นส่วนใหญ่นะคะ คือ ไหล่หนา เอวตรง สะโพกกลม ขนาดจะใกล้เคียงกันทั้งตัว ชุดแต่งงานแบบที่เหมาะสมคือพวกกระโปรงพลิ้ว ส่วนความพองนั้นให้พิจารณาจากเนื้อแขนเป็นหลัก ถ้าเนื้อเยอะไม่ควรจะใส่กระโปรงบานมากเพราะจะดูอึดอัดเกินไป

 

สำหรับว่าที่เจ้าสาวคนไหนที่รู้ชัดแน่ใจแล้วว่าหุ่นของเรานั้นจัดอยู่ในรูปร่างประเภทไหน ก็เลือกแบบเป็นเรฟเฟอร์เรนซ์รอกันไว้ได้เลย แต่ใครที่ยังไม่แน่ใจว่าหุ่นของเรานั้นเป็นหุ่นแบบไหนกันแน่ ก็อย่าเพิ่งตกใจว่าแล้วอย่างนี้จะเลือกชุดแต่งงานแบบไหนให้เหมาะกับรูปร่าง เพราะสาวๆ สามารถเข้าไปขอคำแนะนำกับร้านชุดหรือดีไซเนอร์ที่คุณจะเช่าหรือตัดชุดได้ เพียงเท่านี้ว่าที่เจ้าสาวก็ได้ทราบถึงรูปร่างของตัวเอง แถมยังได้ชุดแต่งงานสวยๆ ที่ตรงใจ และเป๊ะพอดีกับรูปร่างด้วย

>> ติดตามชุดแต่งงานสวยๆ และไอเดียพร้อมเคล็ดลับเด็ดๆ เกี่ยวกับชุดแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย! <<

ภาพ pinterest

8 ข้อว่าที่บ่าวสาวต้องรู้ ก่อนจะจ้างช่างภาพวิดีโอมาถ่ายในงานแต่ง

แต่งงานทั้งทีบ่าวสาวหลายคู่ก็อยากจะเก็บบรรยากาศงานไว้อวดลูกหลานหรือแม้แต่เก็บไว้ดูเอง แต่จะมีวิธีไหนที่จะบันทึกรายละเอียดบรรยากาศงานได้ดีเท่ากับการถ่ายวิดีโอ คราวนี้ แพรว wedding ได้รวบรวม 8 คำถามก่อนเลือก ช่างภาพวิดีโอ มาฝาก จะมีอะไรบ้าง เซฟไปใช้กันได้เลยจ้า

 

1. มีผลงานให้ดูไหม แล้วผลงานต่างจากเจ้าอื่นอย่างไร

การขอดูผลงานจริงจะช่วยทำให้คุณตัดสินใจจ้างได้ง่ายที่สุด เพราะจะทำให้คุณรู้ว่าช่างภาพที่คุณจะจ้างถนัดถ่ายวิดีโอแนวไหน มีมุมมองและฝีมือการถ่ายเป็นอย่างไร มีจุดเด่น-จุดด้อยตรงไหน รวมถึงควรจะถามถึงความแตกต่างของช่างภาพว่ามีความต่างจากเจ้าอื่นอย่างไร เพื่อที่จะได้นำมาเปรียบเทียบหาช่างภาพวิดีโอที่ตอบโจทย์คุณที่สุด

2. ตารางงานยังว่างอยู่ใช่ไหม

วันที่ถือเป็นอีกหนึ่งตัวแปรที่สำคัญ เพราะถ้าหากเราถูกใจกับผลงานของช่างภาพคนนั้นๆ แต่ถ้าหากเขาไม่ว่าง คุณก็จะเกิดอาการนก (อด) เอาได้ ยิ่งถ้าคุณต้องการช่างภาพฝีมือดีและวันงานตรงกับช่วงยอดฮิตแล้วละก็ คุณก็จะต้องวางแผนเสียแต่เนิ่นๆ เพื่อที่จะจองคิวช่างภาพได้ทันนั่นเอง

3. เคยถ่ายวิดีโอที่นี่หรือเปล่า

การทำงานในสถานที่ที่คุ้นเคยก็เหมือนกับได้ร่วมงานกับคนรู้ใจ เพราะว่าความเคยชินจะทำให้ช่างภาพรู้มุม การจัดแสง รวมถึงข้อห้ามต่างๆ ของสถานที่นั้นๆ เป็นอย่างดีนั่นเอง

4. ระหว่างพิธีมีใช้กล้องกี่ตัว ช่างภาพกี่คน แล้วมีคนสำรองไหม

จำนวนกล้องและช่างภาพก็มีผลต่อการเก็บภาพ เพราะถ้าเป็นงานแต่งขนาดใหญ่แล้วมีช่างภาพและกล้องน้อย จะทำให้ไม่สามารถเก็บภาพบรรยากาศของงานได้ทั้งหมด และการถามถึงคนสำรองก็เพื่อที่ว่าหากช่างภาพเกิดอุบัติเหตุทำให้ไม่สามารถมางานได้ ก็จะได้มีคนสำรองเปลี่ยน ทำให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่น

5. มีการใช้อุปกรณ์เสริมไหม

บางงานอาจต้องมีการใช้เทคนิคหรือเครื่องมือพิเศษมาใช้ในการถ่ายทำ และไม่ว่าคุณจ้างช่างจากสตูดิโอขนาดเล็กหรือใหญ่ ก็ควรจะถามเพิ่มเติมให้เคลียร์ด้วยว่า อุปกรณ์เสริมเหล่านั้นทางสตูดิโอมีเอง หรือว่าต้องไปเช่าจากที่อื่น และถ้าหากไปเช่าใครเป็นคนจ่าย อาจจะให้ระบุคำตอบลงในสัญญาจ้างก็ได้เพื่อความชัวร์นั่นเอง

6. มีแพ็คเกจอะไรนำเสนอบ้าง

นอกจากจะเลือกจากผลงานแล้ว ตัวแพ็คเกจที่แต่ละสตูดิโอทำออกมา เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เป็นตัวดึงดูดความน่าสนใจได้ไม่น้อย เราไม่ควรดูแค่ว่าของที่เขาเสนอมาคุ้มหรือไม่คุ้ม เพราะมีหลายๆ ครั้งที่ดูเหมือนจะคุ้ม พอเอาเข้าจริงๆ กลับต้องจ่ายยิบจ่ายย่อยกลายเป็นเบี้ยหัวแตก หรือแพ็คเกจราคาถูกได้อ๊อฟชั่นเยอะแต่ต้องแลกกับของที่ไม่มีคุณภาพ เพราะฉะนั้นทางที่ดีควรเลือกแพ็คเกจที่ดูสมน้ำสมเนื้อ และวินวินทั้งสองฝ่าย

7. ใช้เวลาตัดต่อนานไหม เมื่อไหร่จะได้ไฟล์

ควรถามให้แน่ชัดว่าจะใช้เวลาในการตัดต่อนานแค่ไหน และเมื่อทราบคำตอบแล้วว่าเมื่อไหร่ ก็ควรจะรอให้ถึงตามกำหนดก่อน ไม่ควรโทรตามจิกกับสตูดิโอ เพราะจะทำให้คนตัดต่อรู้สึกกดดัน และทำให้งานที่ออกมาไม่มีคุณภาพ แล้วจะทำให้บ่าวสาวเกิดอาการนอยด์ซะเปล่าๆ

8. รายละเอียดค่าใช้จ่ายและการจ่ายชำระ

นอกจากจะคุยกันเรื่องรายละเอียดต่างๆ แล้ว เรื่องเงินๆ ทองๆ อย่างค่าใช้จ่าย ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่คุณต้องใส่ใจเป็นอย่างยิ่ง ต้องรู้ว่าเงินที่เราจ่ายมีค่าอะไรบ้าง เป็นเงินเท่าไหร่ รวมถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการชำระเงิน ว่าจะให้แบ่งชำระแบบไหน เป็นงวดๆ หรือจ่ายเป็นก้อนเดียวจบ

ทั้งหมดนี้คือ คำถาม 8 ข้อที่คุณควรเตรียมไปถาม ช่างภาพวิดีโอ เพื่อที่คุณจะได้นำข้อมูลมาใช้ในการตัดสินใจจ้างนั่นเองจ้า

>>  ดูไอเดียและคำแนะนำดีๆ เพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย! <<

ภาพ : belladonnagalway.com, popsugar.com, pixelstudioproductions.com, 2020video.tv, aevitasweddings.com

เคล็ดลับเลือก facial oil บำรุงผิวยังไงให้เหมาะกับสภาพผิวหน้าเจ้าสาว

Facial Oils เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่เจ้าสาวมักจะเลือกใช้เพื่อบำรุงผิวพรรณให้มีความชุ่มชื่นสดใสรับวันวิวาห์ แต่ว่าที่เจ้าสาวน้อยคนนักที่จะรู้ว่าแท้จริงแล้ว Facial Oils นั้นมีประโยชน์อย่างไร แล้วแบบไหนที่เหมาะกับสภาพผิวหน้าของเรา แพรว wedding เลยอยากให้ว่าที่เจ้าสาวสวยแบบไม่พลาด เลยจัดเทคนิคการเลือก Facial Oils เพื่อ บำรุงผิว หน้า ให้เหมาะกับผิวหน้ามาฝาก

ผิวหน้าแห้ง

  • Avocado
  • Baobab (น้ำมันเบาบับ)
  • Evening Primrose (น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส)
  • Jojoba
  • Macademia Nut
  • Marula (น้ำมันจากเมล็ดต้นมารูล่าจากแอฟริกา)
  • Olive oil (น้ำมันมะกอก)
  • Pumpkin Seed
  • Squalane (สควาเลน น้ำมันที่ช่วยคงความชุ่มชื้นและปกป้องผิว)

 

ผิวหน้ามัน

  • Argan (น้ำมันอาร์แกน)
  • Coconut
  • Grapeseed (สารสกัดจากเมล็ดองุ่น)
  • Jojoba
  • Neroli (น้ำมันจากดอกส้ม)

 

ผิวหน้ามีปัญหาสิว

  • Argan (น้ำมันอาร์แกน)
  • Camillia (น้ำมันจากดอกคาร์เมเลีย)
  • Coconut
  • Grapeseed (สารสกัดจากเมล็ดองุ่น)
  • Mandarin (น้ำมันจากส้มแมนดาริน)
  • Neem (น้ำมันจากสะเดา)
  • Neroli (น้ำมันจากดอกส้ม)
  • Palmarosa
  • Sweet Almond 

ผิวหน้าแพ้ง่าย

  • Argan (น้ำมันอาร์แกน)
  • Barbary Fig (น้ำมันบาร์บารี่)
  • Calendula (น้ำมันดอกดาวเรือง)
  • Camellia (น้ำมันจากดอกคาร์เมเลีย)
  • Marula (น้ำมันมารูล่า)
  • Squalane (สควาเลน น้ำมันที่ช่วยคงความชุ่มชื้นและปกป้องผิว)
  • Sweet Almond

ผิวแบบผู้ใหญ่

  • Baobab (น้ำมันเบาบับ)
  • Evening Primrose (น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส)
  • Macademia Nut
  • Olive Oil (น้ำมันมะกอก)
  • Pumpkin Seed
  • Rosehip Seed (สารสกัดจากผลกุหลาบป่า)
  • Squalane (สควาเลน น้ำมันที่ช่วยคงความชุ่มชื้นและปกป้องผิว)

ผิวมีผื่นระคายเคือง

  • Argan (น้ำมันอาร์แกน)
  • Black Currant (น้ำมันจากแบล็คเคอร์แรนท์)
  • Borage Seed (น้ำมันโบราจ)
  • Carrot Seed
  • Chia (น้ำมันจากเมล็ดเชีย/เมล็ดเจีย)
  • Macademia Nut
  • Olive Oil (น้ำมันมะกอก)
  • Rosehip Seed

ผิวที่ถูกทำร้ายจากแสงแดด

  • Argan (น้ำมันอาร์แกน)
  • Camillia (น้ำมันจากดอกคาร์เมเลีย)
  • Rose
  • Rosehip
  • Seabuckthorn (น้ำมันซีบัคธอร์น)

ผู้ที่มีผิวอักเสบเรื้อรัง

  • Black Currant (น้ำมันจากแบล็คเคอร์แรนท์)
  • Chia (น้ำมันจากเมล็ดเชีย/เมล็ดเจีย)
  • Evening Primrose
  • Macademia Nut
  • Marula (น้ำมันจากเมล็ดต้นมารูล่าจากแอฟริกา)
  • Secbuckthorn (น้ำมันซีบัคธอร์น)
  • Squalane (สควาเลน น้ำมันที่ช่วยคงความชุ่มชื้นและปกป้องผิว)

ประโยชน์ของ Facial Oils

ช่วยปกป้องผิวสวยๆ ของเจ้าสาว ซึ่งโดยปกติแล้วผิวของเราจะชื่นชอบให้สภาพผิวหน้านั้นมีความชุ่มชื้นมากกว่าความแห้ง เพราะฉะนั้นผิวจึงผลิตน้ำมันออกมา (Sebum) เพื่อช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะหรือสิ่งรบกวนภายนอก เช่น แบคทีเรีย เชื้อรา และสภาพอากาศ และน้ำมันที่สกัดได้จากธรรมชาติมีคุณสมบัติในการช่วยต่อต้านแบคทีเรีย, ปกป้องผิว, ให้ความชุ่มชื้น, ฟื้นฟูผิว และช่วยคืนความสมดุล

แถม Facial Oils ยังเหมาะสำหรับทุกสภาพผิว ไม่ว่าคุณจะเป็นสาวผิวแห้ง, ผิวมัน, เป็นสิวง่าย หรือผิวที่ถูกทำร้ายจากแสงแดดก็ตาม และยังช่วยคงความชุ่มชื้นคืนความสมดุลให้ผิว ช่วยลดอาการสิว ผื่น โรคผิวหนัง และทำให้สภาพปัญหาผิวเหล่านั้นดีขึ้น นอกจากนี้ช่างแต่งหน้าบางคนก็เลือกที่จะใช้ผลิตภัณฑ์ที่มี Oils เป็นส่วนผสมสำหรับการเตรียมผิวหน้าให้กับเจ้าสาวก่อนที่จะแต่งหน้าให้สวยฉ่ำในขั้นตอนต่อไป เพื่อที่เจ้าสาวจะได้มีลุคแบบดิวอี้นิดๆ ให้ผิวชุ่มช่ำมันวาวแบบสาวสุขภาพดีอีกด้วย

>> ดูเรื่องราวเกี่ยวกับความงามและสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย! <<

ภาพ : www.self.com, www.today.com, www.waystocap.com, www.brambleberry.com

5 เคล็ดลับเลือกเครื่องประดับเจ้าสาวสุดล้ำค่าให้คุ้มราคา

เคล็ดลับเลือกเครื่องประดับที่หลายคนอาจไม่เคยรู้ แพรวเวดดิ้งจะมาบอก 5 เคล็ดลับง่ายๆ ตามนี้เลยค่ะ

เครื่องประดับ

1. ถามตัวเองก่อนว่า ตั้งงบไว้สำหรับเครื่องประดับกี่ชิ้น แต่ละชิ้นให้งบเท่าไร จากนั้นเทียบงบประมาณกับสเป็คเพชรที่อยากได้

2. ตัวเรือนช่วยเสริมให้เพชรน้ำกลางๆ ดูใสขึ้นมาได้ เช่น เลือกเพชรน้ำ 95% (I Color) คู่กับตัวเรือนทองหรือทองชมพู ก็ช่วยหลอกตาว่าเพชรเม็ดนั้นขาวใสขึ้นได้

3. ตัวเรือนทอง ทองคำขาว ทองชมพู ราคาไม่ต่างกันมากนัก ในขณะที่แพลทินัมราคาแพงกว่า 2-3 เท่า แต่ขายไม่ได้ราคาเท่าทอง

เครื่องประดับ

4. เครื่องประดับหลายฟังก์ชันในหนึ่งชิ้นช่วยลดงบประมาณในการซื้อเครื่องประดับได้ เช่น หัวแหวนที่ใส่เป็นจี้ห้อยคอได้ จี้ที่ปรับเป็นต่างหูได้ เป็นต้น

5. นำแหวนมรดกมาขยายหรือลดขนาด รวมถึงแกะเพชรมาทำตัวเรือนใหม่อย่างเดียวก็ประหยัดได้เช่นกัน

>> ดูแบบเครื่องประดับและแหวนแต่งงานได้อีกเพียบที่นี่ คลิกเลย <<

มาฟังคำแนะนำจากเภสัชกรว่า เลือกสมุนไพรบำรุงความงามยังไงให้เจ้าสาวสวยปัง

แพรว wedding ขอพาเจ้าสาวทุกท่านที่กำลังต้องการบำรุงผิวพรรณ หรือหาสิ่งมาช่วยบำรุง แก้ไขสภาพผิว ให้สวยปังพร้อมรับวันแต่งงานกัน โดยเราได้ เภสัชกร ณัฐดนัย มุสิกวงศ์ หัวหน้าฝ่ายพัฒนางานวิจัยด้านสมุนไพรและการแพทย์แผนไทย โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร มาแนะนำสรรพคุณของสมุนไพรไทยชนิดต่างๆ ที่มีสรรพคุณช่วยแก้ไขปัญหาผิวพรรณของสาวๆ

เพราะในปัจจุบัน มีสารพัดเครื่องสำอางค์บำรุงผิว ไม่ว่าจะแบรนด์ไทย หรือแบรนด์ต่างชาติ ล้วนให้ผลลัพธ์ในการดูแลผิวพรรณไม่ต่างกัน แต่สมุนไพรไทย เป็นภูมิปัญญาของชาวไทยตั้งแต่สมัยอดีต โดยนำมากิน ดื่ม ทา เพื่อบำรุงผิว อีกทั้งยังไม่มีสารตกค้างภายในร่างกายอีกด้วย แต่จะมีสมุนไพรตัวไหนบ้าง รวมไปถึงมีวิธีการดูแลผิวพรรณอย่างไร ลองมาอ่านกันค่ะ

 

สมุนไพรบำรุงความงาม

สรรพคุณของสมุนไพรไทยดีอย่างไร ทำไมถึงควรนำมาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการบำรุงผิวพรรณ หรือสุขภาพของเจ้าสาว

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนนะครับว่า ไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าสาวเท่านั้นถึงจะดูแลผิวพรรณได้ สาวๆ ทุกคนควรดูแลตัวเอง ทั้งสุขภาพและผิวพรรณให้ดีอยู่เสมอครับ การดูแลผิวพรรณรวมไปถึงบำรุงรักษานั้น มีปัจจัยในการดูแลทั้งภายในร่างกาย และภายนอกร่างกาย ปัญหาหลักๆ ที่ทำให้ผิวไม่สวย หรือมีริ้วรอยนั้นเกิดมาจากพฤติกรรมของสาวๆ ด้วย อย่างเช่น การพักผ่อนไม่เพียงพอ เมื่อพักผ่อนน้อยร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนที่ช่วยฟื้นฟูผิวออกมาได้ไม่เต็มที่ หรือการดื่มเหล้าสูบบุหรี่ก็มีผล ดังนั้นวิธีการที่ดีที่สุดคือเราต้องสร้างสารต่อต้านอนุมูลอิสระ (หรือ Antioxidant) ขึ้นมา เพื่อให้สารนี้ช่วยลดริ้วรอยต่างๆ ในผิวเรา ซึ่งสมุนไพรไทยมีสาร Antioxidant อยู่เยอะมากครับ และสามารถหาได้ง่ายๆ อีกด้วย เราจึงสามารถนำสมุนไพรมาบำรุงความงามเตรียมพร้อมก่อนเป็นเจ้าสาวได้ครับ

มีสมุนไพรตัวไหนบ้างที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ทั้งช่วยบำรุง และแก้ไขปัญหาผิวพรรณ

อย่างที่ได้เกริ่นไปว่ามีหลายประเภทมากครับ แต่ผมจะขอยกตัวอย่างสมุนไพรที่คนนิยมนำมาใช้มากที่สุด เนื่องจากหาได้ง่าย และมีสรรพคุณที่ช่วยบำรุงผิวได้โดยตรง

ข้าว ฟังไม่ผิดครับข้าวที่เรารับประทานกัน มีสาร Antioxidant สูงมาก หาทานได้ง่าย แต่ผมแนะนำให้ทานในรูปแบบน้ำมันรำข้าวจะดีที่สุด

ขมิ้น สมุนไพรตัวนี้ใช้มาอย่างยาวนาน เพราะมีความปลอดภัยสูงมาก สามารถใช้ภายนอกหรือนำมารับประทานก็ได้ เนื่องจากมีงานวิจัยจากนักวิชาการทั้งในและนอกประเทศกว่า 3,000 โครงการ รับรองมาแล้วว่าขมิ้นนั้นมีประโยชน์ และมีความปลอดภัยต่อร่างกายแน่นอน ในตัวขมิ้นเองจะมีสารต้านการแพ้ การอักเสบ (สังเกตุเวลาแพ้ผิวหนังจะมีผื่นแดงๆ) สามารถนำมาพอกผิวได้ แต่ก็ต้องดูปริมาณด้วยครับ เพราะขมิ้นถ้านำมาทาผิวเยอะเกินไปจะทำให้ผิวเหลือง

ว่านหางจระเข้ นับเป็นหนึ่งสมุนไพรยอดนิยม และหลังๆ เราจะเห็นมีการสกัดนำว่านหางจระเข้ มาทำเป็นเจลว่านหางกันเยอะมาก เพราะว่านหางจระเข้ปลูกง่าย ขึ้นง่าย ต้นทุนในการปลูกต่ำ สรรพคุณหลักๆ คือป้องกันแสง UV ที่จะมาทำร้ายผิวเราโดยทำหน้าที่ดูดแสง UV ไว้ที่ตัวว่านหางเอง และสะท้อน UV กลับไปเพื่อไม่ให้มาทำร้ายผิวนั่นเองครับ วงการเครื่องสำอางค์จึงนำมาสกัดใช้กันเยอะ

มะขามเปียก มีหน้าที่สำคัญในการขจัด Death Cell หรือเซลล์ในร่างกายที่ตายแล้ว สังเกตง่ายๆ ถ้าเราผิวหมองคล้ำ ทาครีมเท่าไหร่ก็ไม่ขาว นั่นแหละครับ ผิวเรามีเซลล์ที่ตายแล้ว มะขามเปียกถ้านำมาขัดผิวจะช่วยขจัดเจ้าเซลล์ผิวที่ตายออกไปได้ เพราะมะขามเปียกมีฤทธิ์เป็นกรด แต่ทางที่ดีอย่าขัดผิวบ่อย เพราะอาจทำให้มะขามเปียกกัดผิวได้ แนะนำให้ทำ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์จะดีที่สุดครับ

แตงกวา มีส่วนช่วยฟื้นฟูสภาพผิวที่แห้ง เหมาะกับเจ้าสาวที่ผิวแห้งกร้านมากๆ แนะนำให้ทานแตงกวาเยอะๆ หรือจะนำมาโปะบนผิวก็ได้นะครับ แต่ถ้าหน้ามันก็ไม่ควรทานเยอะจนเกินไป

ใบบัวบก ที่เราเห็นคนนิยมนำมาทำน้ำใบบัวบกนั่นแหละครับ มีสรรพคุณช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว เพราะคอลลาเจนจะเสียหายจากแสง UV แล้วมาทำลายทำให้ผิวของเราหมองคล้ำ และมีรอยดำ ดังนั้นใบบัวบกจึงช่วยได้ อีกทั้งถ้าเจ้าสาวคนไทยทำศัลยกรรมมาต้องการให้แผลหายไวๆ ใบบัวบกก็ช่วยลดรอยฟกช้ำได้ดีครับ

ผักมีสี อันนี้แถมให้ ถึงแม้จะไม่ใช่สมุนไพรไทย แต่ก็สามารถหาซื้อได้ทั่วไป คือ แครอท มะเขือเทศ ผักใบเขียว ผักพวกนี้จะมีสารแคโรทีนอย ช่วยบำรุงผิวพรรณได้ดี อีกทั้งยังมีสาร Antioxidant สูงมาก สามารถรับประทานได้เยอะๆ ยิ่งดีครับ แต่ถ้าไม่อยากทานเยอะ ก็สามารถหาอาหารเสริมตามร้านขายยาทั่วไป ที่สกัดเอาสารเหล่านี้ออกมา ก็คล้ายกับการทานผักสดเหมือนกัน

สมุนไพรบำรุงความงาม

มีเคล็ดลับวิธีการดูแลความงามของเจ้าสาวที่อยากแนะนำต่อไหม

ผมอยากแนะนำให้ว่าที่เจ้าสาวปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้ชีวิตนะครับ ถ้าอยากให้ตัวเองมีสุขภาพ รวมไปถึงผิวพรรณที่ดี อย่างแรกต้องดูแลตัวเองก่อน ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ พักผ่อนให้เพียงพอ เป็นไปได้นอนก่อน 4ทุ่มจะดีมาก เพราะร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนที่ช่วยฟื้นฟูบำรุงผิวออกมา ลดละเลิกการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือสูบบุหรี่ ถ้าหากใช้สมุนไพรในการบำรุงสุขภาพ บำรุงผิวพรรณก็จะดีครับ เพราะไม่มีสารตกค้างแน่นอน และสิ่งสุดท้ายคือ เลือกใช้ครีมบำรุง หรือเครื่องสำอางค์ที่ได้มาตรฐาน เพื่อที่จะไม่ทำลายผิวนั่นเองครับ

มีสิ่งใดที่อยากแนะนำให้เจ้าสาวบ้าง เกี่ยวกับการเลือกซื้อสมุนไพร

ตอนนี้กระแสกำลังมาแรงมาก ด้านสินค้าที่ไม่ได้คุณภาพ ผมอยากให้ว่าที่เจ้าสาวก่อนจะซื้อสินค้าสมุนไพรใดๆ อยากให้ลองศึกษาข้อมูลให้ดี อ่านรีวิวเยอะๆ รวมไปถึงดูข้อมูลของโรงงานในการผลิตนะครับ ควรเลือกซื้อจากผู้ผลิตที่มีความน่าเชื่อถือ และที่สำคัญอย่าหลงเชื่อสรรพคุณที่อวดอ้างว่า สามารถช่วยบำรุงผิว หรือส่วนอื่นๆ ได้ไว เห็นผลไว อะไรทำนองนี้ เพราะทุกอย่างมันต้องใช้เวลา ไม่มีอะไรที่เป็นทางลัดแน่นอนครับ อยากผิวสวย ก็ต้องค่อยๆ บำรุง รวมไปถึงปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และทานอาหารที่มีประโยชน์ครับ

สมุนไพรบำรุงความงาม

ได้ฟังคำแนะนำจากเภสัชกรไปแล้ว เราสามารถสวยได้ด้วยการดูแลตัวเอง และด้วยสมุนไพรบำรุงความงาม ที่หาซื้อได้ง่ายมากๆ อีกทั้งยังไม่มีสารพิษตกค้างภายในร่างกายอีกด้วย เรียกได้ว่าคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม อย่ารอให้เสียเวลา รีบดูแลตัวเอง และผิวพรรณให้สวยทันวันแต่งงานกันนะจ๊ะ สาวๆ ทั้งหลาย … นอกจากนี้ตามไปดู รวมสูตร ความงามเจ้าสาว จากละคร บุพเพสันนิวาส ที่ว่าที่เจ้าสาวเอามาใช้ได้จริง! กันดีกว่า

 

ขอขอบคุณบทสัมภาษณ์จาก : เภสัชกร ณัฐดนัย มุสิกวงศ์ เภสัชกรชำนาญการ หัวหน้าฝ่ายพัฒนางานวิจัยด้านสมุนไพรและการแพทย์แผนไทย โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร

ภาพประกอบจาก : Pinterest.com

ขาดไม่ได้!! กับ 9 ของใช้บ่าวสาวที่ต้องจัดเตรียมไว้ในวันแต่งงาน

เตรียมไว้ดีกว่าตามแก้ภายหลังให้ปวดหัว กับ ของใช้บ่าวสาว ในวันแต่งงานที่มีไว้อุ่นใจชัวร์

ของใช้ที่จำเป็นจะต้องใช้ในวันแต่งงานนั้นมีมากมายเต็มไปหมด ซึ่งบ่าวสาวอาจจะคิดว่าเราก็เตรียมไว้ดีแล้วประมาณหนึ่ง แต่ก็มีหลายครั้งที่บ่าวสาวมักจะลืมของที่จำเป็นจริงๆ ที่จะต้องใช้หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันในวันแต่งงาน และนี่คือ 9 ของใช้บ่าวสาว สุดจำเป็นที่เราอยากจะให้คุณได้ตระเตรียมไว้ล่วงหน้า มีอะไรบ้างไปเช็กกันเลย

1. ชุดเข็มด้ายขนาดพกพา

สิ่งนี้นอกจากจะช่วยฟื้นชีวิตของชุดเจ้าสาวได้แล้ว ยังมีประโยชน์กับบุคลลรอบข้างอย่าง คุณแม่ เพื่อนๆ หรือเจ้าบ่าวอีกด้วย เพราะเราไม่รู้หรอกค่ะว่าซิปหรือกระดุมเจ้ากรรมจะทรยศหักหลังเราตอนไหน ฉะนั้นการพกชุดเข็มและด้ายไว้ก็ช่วยให้บ่าวสาวอุ่นใจได้เยอะ

2. โลชั่น

เจ้าสาวที่มีผิวแห้งมาก หรือแต่งงานในห้องบอลรูมแอร์เย็นเฉียบ บางครั้งก็อาจเกิดอาการผิวแห้งผากขึ้นมากระทันหันแบบไม่ทันตั้งตัว และคงไม่ดีแน่หากผิวสวยๆ จะดูแห้งเป็นทะเลทรายในชุดแต่งงานแสนสวย เพราะฉะนั้นเราขอแนะนำให้เจ้าสาวหาโลชั่นขนาดเล็กๆ วางไว้ใกล้ๆ ผิวแห้งเมื่อไหร่ก็พร้อมประโคมได้ทันที ถ้าจะให้ดีลองเลือกโลชั่นที่มีกลิ่นหอมก็ช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้เจ้าสาวได้เหมือนกันนะคะ

3. ชุดปฐมพยาบาล

อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะในช่วงอาฟเตอร์ปาร์ตี้สุดมันที่ทุกคนสนุกกันอย่างสุดเหวี่ยง บางทีอาจโดนนี่บาด หรือเต้นสะดุดขาโต๊ะ ก็ล้วนเป็นเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ เพราะฉะนั้นเพื่อไม่ให้ใครต้องหมดสนุกเพราะเกิดแผล หรืออะไรก็แล้วแต่การมีเครื่องมือปฐมพยาบาลเบื้องต้นเอาไว้ก็ช่วยเซฟได้ง่ายๆ แบบชั่วคราว แล้วจะได้มาสนุกกันต่อได้อย่าง (ไม่ค่อยจะ) เต็มที่

ของใช้บ่าวสาว

4. อาหารว่างทานง่าย

ในวันแต่งงานเจ้าสาวจะต้องตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อแต่งหน้าทำผม ซึ่งบางคนอาจจะไม่มีเวลาลากยาวไปจนถึงงานฉลองช่วงเย็น จนทำให้ไม่มีเวลารับประทานอาหารมื้อใหญ่เพื่อเพิ่มพลังงาน ซึ่งนี่ไม่ใช่สิ่งที่ดีนะคะเพราะอาจจะทำให้เจ้าสาวเกิดอาการอ่อนเพลียจนพาลจะเป็นลมเอาได้ดื้อๆ จนรู้สึกไม่มีความสุขในวันสำคัญ ฉะนั้นหากเจ้าสาวไม่มีเวลาเตรียมอาหารหรือของว่างด้วยตัวเอง อาจใช้วิธีง่ายๆ อย่างการสั่งทางโรงแรมให้จัดเตรียมไว้ให้อาจจะเป็นมื้อเช้า กลางวัน หรือบ่ายแก่ๆ ก่อนแต่งหน้าในรอบเย็นก็ได้ หรือจะให้แก๊งเพื่อนสาวเตรียมอาหารว่างที่ทานง่ายไว้ให้ก็ยังดี พอว่างจากการเตรียมตัวเมื่อไหร่ก็พร้อมทานได้เลย

5. กิ๊บดำ

แน่นอนว่าช่างทำผมมืออาชีพจะต้องทำผมให้เจ้าสาวไว้อย่างดีที่สุด แต่เพราะช่างบางคนก็ไม่อาจที่จะอยู่กับเจ้าสาวได้จนถึงงานเริ่มหรืองานจบ เพราะฉะนั้นหากทรงผมที่ทำไว้อย่างดีเกิดยุ่งเหยิง การที่เจ้าสาวมีกิ๊บดำเตรียมไว้ก็สามารถช่วยแก้ไขได้อย่างทันถ่วงทีด้วยตัวเอง

6. สเปรย์แต่งผม

ในกรณีที่กิ๊บดำอาจไม่เพียงพอ เพราะฉะนั้นเพื่อเพิ่มการแก้ไขให้เป๊ะขึ้นอีกระดับ สเปรย์แต่งผมก็เป็นอีกหนึ่งไอเทมที่เจ้าสาวควรจัดเตรียมไว้ เพราะแค่ฉีดแล้วใช้มือเซตนิดเดียวผมก็เข้าทรงได้ง่ายๆ แล้วล็อกด้วยกิ๊บดำอีกครั้งเพื่อความชัวร์ แถมสิ่งนี้อาจจะใช้ช่วยชีวิตเจ้าบ่าวของคุณได้อีกด้วย

ของใช้บ่าวสาว

7. ยาสามัญประจำบ้าน

อาการปวดหัว ตัวร้อน ปวดท้อง เมนส์มา หนึ่งในอาการเหล่านี้อาจจะเกิดขึ้นกับคุณหรือคนใกล้ตัว เพื่อไม่ให้หมดสนุกในวันสำคัญ การเตรียมยาสามัญประจำบ้านเอาไว้ก็ช่วยทุเลาอาการเหล่านี้ได้นะคะ

8. ผ้าอนามัย

บางครั้งด้วยความเครียดหรือความกังวลอาจทำให้วันนั้นของเดือนมาเยือนโดยมิได้นัดหมาย เพราะฉะนั้นเตรียมผ้าอนามัยไว้ให้อุ่นใจสักนิดจะดีกว่า เพราะคงไม่ดีแน่หากชุดแต่งงานสีขาวของคุณต้องเปรอะเปื้อน

9. กระจกเล็กๆ

แน่นอนว่าในวันสำคัญบ่าวสาวอยากที่จะดูสวยหล่อตลอดเวลา แต่เราไม่มีทางรู้เลยว่ามาสคาร่าจะเลอะตอนไหน ลิปสติกสีจะจางหายหรือเปล่า เพราะฉะนั้นขอแนะนำให้เตรียมกระจกเล็กๆ ไว้ในพื้นที่ใกล้ตัว เวลาที่อยากจะเช็กความสวยหล่อเมื่อไหร่ก็สามารถหยิบได้โดยทันที หรืออาจจะเตรียมไว้หลายอันแล้วนำวางไว้ตามจุดต่างๆ เช่น แบ็กดร็อปถ่ายภาพ, ประตูทางเข้างาน หรือข้างเวที เป็นต้น เพื่อที่เมื่อบ่าวสาวอยากจะเช็กความเรียบร้อยเมื่อไหร่จะต้องได้ไม่ต้องไปตามหาจากใครให้วุ่นวายยังไงล่ะค่ะ

เตรียมของใช้ที่จำเป็นกันแล้ว ก็อย่าลืมวางแผนงานแต่งงานกันให้ดีด้วยน้า แต่ถ้าไม่รู้จะวางแผนยังไงดี เรามีเคล็ดลับดีๆ มาบอก ตามนี้เลย >> วางไทม์ไลน์วันแต่งงานล่วงหน้า ตัดปัญหาพาหัวหมุนในวันจริง!

ภาพ : www.etsy.com, www.independent.ie, heavy.com

13 ขนมไทยความหมายดี เสริมรักนี้ให้ยืนยง แถมอร่อยจนแขกชมแน่นอน

เช็กลิสต์ ขนมไทยความหมายดี เสริมรักนี้ให้รุ่ง

ขนมไทย ถือเป็นอาหารหวานที่ขาดไม่ได้สำหรับงานแต่งแบบไทย ที่นิยมนำไปใช้ประกอบเป็นเครื่องคาวหวานสำหรับถวายพระหรือเลี้ยงแขกในงาน ซึ่งขนมไทยต่างๆ ที่ใช้ในงานนั้นมักจะแฝงไว้ด้วยความหมายดีๆ อันเป็นสิริมงคลให้กับชีวิตคู่ และสำหรับว่าที่บ่าวสาวคู่ไหนที่จะจัดพิธีแบบไทย แต่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกขนมไทยชนิดไหนมาใช้เลี้ยงแขกและเสริมมงคลเรื่องความรักดี แพรว wedding เลยจัดลิสต์ ขนมไทยความหมายดี เสริมรักรุ่งแถมเลี้ยงแขกเริดมาแนะนำ

 

1-ขนมชั้นขนมชั้น หมายถึงการได้เลื่อนชั้น เลื่อนตำแหน่ง เลื่อนยศฐาบรรดาศักดิ์ นิยมทำให้มี 9 ชั้น และทำเป็นสีแดง สีเขียว สีชมพู เพื่อความเป็นสิริมงคล

2-ขนมจ่ามงกุฎจ่ามงกุฎ หมายถึงอยู่ตำแหน่งสูงสุดเสมือนมงกุฎ ซึ่งแสดงถึงความมีเกียรติยศชื่อเสียง สมัยก่อนนิยมใช้เป็นของขวัญอวยพรเมื่อได้เลื่อนตำแหน่งหน้าที่การงาน ปัจจุบันนิยมใช้ประกอบเครื่องคาวหวานในงานแต่ง

3-ขนมทองเอกทองเอก เป็นขนมไทยโบราณที่มีลักษณะพิเศษคือ มีทองคำเปลวติดอยู่ด้านบน นิยมใช้เป็นขนมอวยพรเมื่อได้เลื่อนตำแหน่งหน้าที่การงาน เป็นเจ้าคนนายคน

4-ขนมทองหยิบทองหยิบ เป็นขนมไทยที่จับจีบเหมือนกลีบดอกไม้ เมื่อเสร็จดูงามคล้ายดอกไม้สีทอง นิยมใช้ในงานมงคลหรือใช้เป็นขนมอวยพร เพื่อสื่อความหมายถึงความร่ำรวย มั่งคั่ง หยิบจับการงานใดๆ ก็เป็นเงินเป็นทองและชีวิตคู่รุ่งเรือง

5-ขนมทองหยอดทองหยอด มีลักษณะคล้ายหยดน้ำและมีสีเหลืองเหมือนทอง คนโบราณนิยมใช้เป็นขนมอวยพรหมายถึงขอให้ร่ำรวย มีเงินมีทองใช้

6-ขนมเสน่ห์จันทร์เสน่ห์จันทร์ เป็นขนมที่ปั้นเป็นลูกกลมสีเหลืองเหมือนผลของลูกจันทร์ และปรุงด้วยผลจันทร์ป่นเพื่อจะได้มีกลิ่นหอม สื่อความหมายถึงการเป็นที่รักของทุกคน ไปไหนก็มีแต่คนรักใคร่ และความมีเสน่ห์

7-ขนมฝอยทองฝอยทอง มีลักษณะเป็นเส้นๆ พันกันเป็นทบๆ โดยเชื่อกันว่าควรทำขนมฝอยทองเป็นเส้นยาวห้ามตัดเพื่อสื่อความหมายถึงคู่บ่าวสาวที่จะได้ครองรักกันยั่งยืนและมีอายุยืนยาวเหมือนฝอยทองนั่นเอง

8-ขนมเมล็ดขนุนเม็ดขนุน คนโบราณมีความเชื่อว่าชื่อของเม็ดขนุนหมายถึง มีคนช่วยสนับสนุนค้ำจุนในหน้าที่การงาน การดำเนินชีวิต ไม่ว่าจะประกอบกิจการใดๆ ก็จะประสบผลสำเร็จ

9-ขนมถ้วยฟูขนมถ้วยฟู เป็นขนมที่มีกลิ่นหอม นิยมใช้ในงานมงคลต่างๆ เมื่อนำมาใช้ในพิธีแต่งงานเชื่อกันว่าหมายถึงความเป็นสิริมงคลและความเจริญก้าวหน้าของชีวิตคู่ หรืออวยพรให้รุ่งเรืองเฟื่องฟูเหมือนขนมถ้วยฟูนั่นเอง

10-ขนมกงขนมกงหรือขนมกงเกวียน เปรียบดั่งกงเกวียนที่หมุนไปข้างหน้าเช่นเดียวกับพระธรรมจักร สื่อความหมายถึงการอวยพรให้บ่าวสาวครองรักกันชั่วนิรันดร์

11-ขนมสามเกลอขนมสามเกลอ เป็นขนมที่แสดงถึงความสามัคคีและไม่มีวันพรากจากกัน โดยนิยมใช้เป็นขนมเสี่ยงทายในงานแต่ง มีลักษณะเป็นลูกกลมๆ เรียงกัน 3 ลูก การเสี่ยงทายจะดูกันตอนทอด ถ้าทอดแล้วยังอยู่ติดกัน 3 ลูก ถือว่าบ่าวสาวจะรักใคร่กลมเกลียวกัน ถ้าทอดแล้วติดกัน 2 ลูก แปลว่าจะมีลูกยาก แต่ถ้าหลุดจากกันหมดแปลว่าชีวิตคู่จะไม่ยั่งยืน อีกนัยหนึ่งถ้าทอดขนมสามเกลอแล้วพองฟูขึ้นจะถือว่าเป็นคู่ที่เหมาะสมกันราวกิ่งทองใบหยก

12-ขนมข้าวเหนียวแก้วข้าวเหนียวแก้ว คนโบราณเชื่อกันว่าหากมีขนมชนิดนี้ใช้ในงานมงคลชีวิตก็จะมีแต่ความเหนียวแน่น เป็นปึกแผ่นมั่นคง

ขนมไทยความหมายดีขนมโพรงแสม หลายคนอาจไม่เคยเห็นขนมชนิดนี้ แต่ขนมโพรงแสมถือเป็นขนมแต่งงานที่เก่าแก่ ในสมัยโบราณขนมนี้เปรียบเสมือนเสาบ้านที่จะทำให้บ่าวสาวอยู่กันได้ยั่งยืนตลอดไป

รู้ความหมายมงคลของของหวานไปแล้ว ก็ต้องรู้ อาหารงานแต่งเมนูไหนดีเมนูไหนร้าย ด้วย

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : library.sut.ac.th, yyiuo.blogspot.com, jomjamhappy.wordpress.com, banfoythong.webiz.co.th, kanomthaiboran13.blogspot.com, sodazzling.com, guru.sanook.com, แต่งงานกัน.com, happywedding.life, vid.blogspot.website, aumbt20.files.wordpress.com, sweetycan.blogspot.com, sites.google.com

เคล็ดลับจัดการ งบจัดงานแต่งงาน ให้อยู่หมัดแบบง่ายๆ ไม่ซับซ้อน

มาจัดการ งบจัดงานแต่งงาน ง่ายๆ ด้วยตัวเอง ถึงจะประหยัดแค่ไหน แต่งานยังออกมาเพอร์เฟกต์แน่นอน

แน่นอนว่าคู่บ่าวสาวทุกคู่ยอมมีงานแต่งงานในฝันของตัวเองที่อยากจะเนรมิตออกมาให้ได้ แต่ถ้าความฝันกับงบประมาณในกระเป๋าตังค์มันสวนทางกันก็อาจจะต้องทำใจกันสักนิด แต่อย่าเพิ่งใจเหี่ยวคอตกแพ็คคู่กันขนาดนั้นค่ะ เพราะแพรว wedding มีเคล็ดลับการประหยัด งบจัดงานแต่งงาน  แบบง่ายๆ มาฝาก เพียงแค่ตัดนู่นนิด ลดตรงนี้หน่อย แต่งานแต่งงานของบ่าวสาวก็ยังออกมาเพอร์เฟกต์เหมือนเดิม เผลอก็อาจจะยังเป็นรูปแบบงานแต่งงานในฝันได้อยู่เหมือนกันนะ

  • สถานที่

มองหาตัวเลือกอื่นๆ เช่น ห้องอาหาร สตูดิโอ หรือพื้นที่ให้เช่าตามหน่วยงานรัฐหรือเอกชนเพื่อให้ได้สถานที่จัดเลี้ยงในราคาถูกลง

  • งานเลี้ยง

– คำนวณจำนวนแขกให้แม่นยำที่สุด เพื่อหลักเลี่ยงค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เช่น การเปิดโต๊ะเพิ่มซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายตามมา อาหารเหลือทิ้ง การพิมพ์การ์ดและซื้อของชำร่วยเกินจำนวนแขกไปมาก ฯลฯ

– การจัดเลี้ยงแต่ละแบบมีเคล็ดลับที่ช่วยให้คุณประหยัดได้เหมือนกัน เช่น

งานเลี้ยงค็อกเทล : ให้เลือกเมนูที่ไม่เลิศหรูจนเกินไปนักเพื่อให้ได้ปริมาณอาหารมากขึ้ร

งานซิตดาวน์ดินเนอร์ : ให้เลี่ยงเมนคอร์สราคาสูง

งานเลี้ยงโต๊ะจีน : จัดคนคอยพาแขกไปนั่งให้เต็มเป็นโต๊ะๆ ไป จะได้ไม่ต้องเปิดโต๊ะใหม่พร่ำเพรื่อ

– หากใช้บริการจัดเลี้ยงแบบแพ็คเกจอย่าลืมตรวจสอบว่ารวมค่าบริการ ซอฟต์ดริ๊งค์ แอลกอฮอล์ และภาษีหรือยัง

– หากจัดงานที่บ้าน อาจให้ญาติหรือเพื่อนสนิทมาช่วยงานเพื่อประหยัดค่าจ้างพนักงาน และถือเป็นการสานสัมพันธ์ในครอบครัวด้วย (แต่ต้องเช็กดูสไตล์ของญาติๆ ก่อนนะว่าเป็นแนวร่วมแรงร่วมใจ ไม่ใช่จะมาเหวี่ยงใส่กัน)

– ทำเวลคัมดริ๊งค์น่ารักๆ เสิร์ฟในช่วงแรกของงานแทนแอลกอฮอล์ ก็ช่วยประหยัดค่าเหล้าได้พอดู

– ลองเจรจาขอนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาเองจะเซฟได้เยอะ และถ้าซื้อจากบริษัทขายส่งในปริมาณมากจะยิ่งได้ราคาถูก และหากจัดงานในโรงแรมอย่าลืมหักลบกับค่านำเข้าเครื่องดื่มด้วยว่าคุ้มไหมที่จะนำเข้ามา

– หากอยากเปิดแชมเปญสำหรับพิธีฉลอง ให้คุณเสิร์ฟแชมเปญในช่วงใกล้กล่าวคำอวยพร เพราะถ้าแจกตั้งแต่งานเริ่มรับรองว่าหมดเกลี้ยงตั้งแต่ประธานยังไม่ทันได้ขึ้นกล่าวแน่นอน

  • เค้กแต่งงาน

– ใช้เค้กที่แถมมาในแพ็คเกจของโรงแรม

– ถ้าไม่มีในแพ็คเกจให้ลองดูเค้กหลายๆ เจ้าเพื่อเปรียบเทียบราคา คุณภาพ และผลงาน

– ใช้เค้กปลอมผสมเค้กจริงเพื่อประหยัดค่าเค้ก

– ใช้เค้กแต่งงานของคุณเป็นเมนูของหวานปิดท้ายมื้ออาหารไปเลย เพราะเค้กแต่งงานแสนแพงจะได้ไม่เหลือทิ้ง แถมยังได้ประหยัดค่าของหวานอีกด้วย

– จัดเรียงคัพเค้กสีสันตามธีมงานบนสแตนด์ไล่ระดับแทนเค้กแต่งงานสูงๆ ก็จะช่วยทุนค่าใช้จ่ายได้ แถมเก๋ดีอีกด้วย

– หากจัดงานแต่งงานแนวโคซี่ เวดดิ้ง ลองใช้เค้กสวยๆ มาวางบนฐานเค้กไล่ระดับสูงต่ำแทนเค้ก 7 ชั้นก็ช่วยประหยัดเงินได้เยอะเหมือนกันน้า

  • ดนตรีหรือการแสดง

– อาจให้เพื่อนหรือญาติที่เล่นดนตรีเก่งๆ มาช่วยงาน หรืออาจจ้างน้องๆ นักศึกษาที่มีความสามารถทางด้านดนตรีก็ได้

– เลือกเปิดแผ่นเพื่อตัดค่าใช้จ่ายส่วนนี้

งบจัดงานแต่งงาน

  • การตกแต่ง

– งานแต่งงานไม่จำเป็นต้องมีแบ็กดร็อปเสมอไป โดยเฉพาะงานแต่งงานแบบเอ้าท์ดอร์ที่มีวิวสวยงามอยู่แล้ว

– แต่ถ้าหากบ่าวสาวอยากมีแบ็คดร็อปอยู่ในงานจริงๆ ลองมองหาบริการให้เช่าฉากหรือแบ็คดร็อปซึ่งจะช่วยเซฟงบได้เยอะ

– เลือกใช้ดอกไม้ตามฤดูกาลที่ราคาไม่แพง เพื่อให้ได้ปริมาณดอกไม้ที่มากขึ้นในราคาที่ถูกลง

– หากคุณจัดพิธีหมั้นและพิธีฉลองในวันเดียวกัน สามารถนำดอกไม้ที่ใช้ตกแต่งในพิธีเช้ามาใช้ซ้ำในพิธีเย็นได้ เพียงแค่ปรับเปลี่ยนการจัดวางนิดหน่อย

– คุณสามารถจัดเซ็นเตอร์พีซสวยๆ แบบประหยัดได้ โดยการลอยดอกไม้ในอ่างแก้วหรือปักดอกไม้ในแจกัน แล้วนำมาวางแทนเซ็นเตอร์พีซทรงสูง

– ใช้เทียนตกแต่งโต๊ะอาหารแทนเซ็นเตอร์พีซ นอกจากจะดูโรแมนติกแล้วช่วยลดปริมาณการใช้ดอกไม้ได้อีกด้วย

– ไม่จำเป็นต้องถมดอกไม้ทั้งห้องจัดเลี้ยง แต่แค่เลือกลงทุนกับบางมุมที่แขกให้ความสนใจและใช้จุดนั้นเป็นไฮไลต์ดึงดูดสายตาก็พอ

  • การ์ดแต่งงานและของชำร่วย

– ลองออกแบบการ์ดแต่งงานและสั่งพิมพ์เอง แล้วให้คนรู้จักที่มีความสามารถด้านนี้ช่วยออกแบบ หรือหากมีรูปสวยๆ ก็นำมาใส่รายละเอียด ก็สามารถใช้เป็นการ์ดเชิญได้แล้ว

– เดินหาของชำร่วยจากแหล่งค้าส่ง เช่น พาหุรัดและสำเพ็ง แล้วสั่งให้ร้านบรรจุแพ็คเกจให้เรียบร้อย หรือจะนำมาแพ็คเองก็ได้แล้วแต่ความสะดวกของบ่าวสาว

  • ช่างแต่งหน้า-ช่างทำผม

อย่าลืมขอดูผลงานที่ผ่านมาและเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายระหว่างแต่แบบเหมาวัน กับแต่งแบบแยกงาน

  • ช่างภาพ

– ให้เพื่อนหรือญาติที่มีความสามารถด้านการถ่ายภาพมาช่วยถ่ายให้

– บ่าวสาวต้องวางแผนให้ชัดเจนว่าต้องการภาพสไตล์ใด จากนั้นจึงมุ่งหาช่างภาพที่มีผลงานตรงกับสไตล์ที่ต้องการ โดยดูผลงานที่ผ่านมาและเปรียบเทียบราคาหลายๆ เจ้าก่อนตัดสินใจ

– สอบถามให้แน่ใจว่าราคาที่เสนอมารวมค่าผู้ช่วยและอุปกรณ์ทุกอย่างแล้วหรือยัง เพื่อหลีกเลี่ยงการชาร์ตเพิ่มหน้างาน

– พิจารณาข้อตกลงในแพ็คเกจให้ดีว่าบ่าวสาวจะได้รับภาพจำนวนกี่ภาพ เพราะถึงแม้แพ็คเกจจะถูก แต่ถ้าสุดท้ายบ่าวสาวต้องซื้อรูปเพิ่มจำนวนมากก็กลายเป็นว่าบ่าวสาวต้องจ่ายเงินเพิ่มมากขึ้นอยู่ดี

– คิดให้ดีว่าโปรโมชั่นลดแลกแจกแถมในแพ็คเกจสุดคุ้มเป็นสิ่งที่คุณต้องการจริงๆ หรือไม่ ซึ่งอาจจะลองต่อรองกับพนักงานขายว่า ถ้าไม่เอาอันนี้แล้วขอลดราคา หรือขอจำนวนภาพเพิ่มแทนได้ไหม เป็นต้น

– ในส่วนของภาพถ่ายพรีเวดดิ้ง ลองมองหาช่างภาพที่ให้ภาพทั้งหมด จะได้ไม่ต้องซื้อภาพเพิ่มจนงบฉีก

– ใช้ภาพที่ถ่ายเล่นด้วยกัน หรือไปเที่ยวด้วยกันมาจัดเป็นแกลลอรี่แทนภาพถ่ายพรีเวดดิ้ง วิธีประหยัดได้เยอะแถมยังน่ารักแบบเรียลๆ ดูเป็นธรรมชาติดีอีกต่างหาก

– ถ้าจัดพิธีเช้าก่อนพิธีฉลองหลายวัน อาจขอไฟล์ภาพจากช่างภาพจำนวนหนึ่งมาก่อน เพื่อนำมาอัดขยายเพื่อใช้ประดับภายในงานฉลองแทนการใช้ภาพถ่ายพรีเวดดิ้ง

– ใช้จำนวนช่างภาพให้สอดคล้องกับจำนวนแขก ถ้ามีแขกจำนวนไม่มากก็ไม่จำเป็นต้องจ้างทีมช่างภาพเป็นสิบชีวิตให้เปลืองงบไปอีก

หรือจะลองอ่านทิปส์ดีๆ เพิ่มเติมตามนี้ก็ได้นะคะ 5 ทริคตั้งงบงานแต่งแสนง่าย เพื่อเป้าหมายคืองานแต่งงานในฝัน

ภาพ stocksnap.io