เล็บเจ้าสาว ใครว่าต้องสีอ่อน? มาดูการแมทช์เรียวเล็บเจ้าสาวสีเปรี้ยวๆให้ปังสุดๆ!

เบื่อยังเล็บเจ้าสาว สีนู้ด สีชมพูอ่อน เพราะที่จริงแล้วเจ้าสาวสามารถทาสีเล็บแซ่บๆ ได้แบบไม่หลุด แค่รู้เทคนิคการแมทช์ลุคให้ถูกต้อง รับรองเพื่อนๆเห็นต้องร้องว้าว!

ใครบอกว่า เล็บเจ้าสาว ต้องสีนู้ด สีอ่อน สีชมพู เสมอไป? เราจะเป็นเจ้าสาวที่มีสีเล็บเปรี้ยวแซ่บกับเค้าบ้างไม่ได้เหรอ? แต่ก็กลัวว่าทาออกมาแล้วจะดูหลุดออกจากสิ่งรอบข้างจนดูประหลาดเกินเหมือนกันนะ วันนี้เราก็เลยมาแนะนำวิธีแมทช์สีเล็บเจ็บๆ ให้เข้ากับชุดและธีมงาน สนองนี้ดเจ้าสาวแนวเปรี้ยวเข็ดฟันที่แม้จะเป็นวันแต่งงานก็ขอเป็นตัวเองนะจ๊ะ ว่าแล้วก็มาดูกันเลยค่ะ

เรียวเล็บสีแดง

เรียวเล็บสีแดงสด ก็ต้องนึกถึงเจ้าสาวสไตล์เรโทรเก๋ไก๋สิ! ลองแมทช์เล็บสีแดงเข้ากับลุคเจ้าสาวย้อนยุค และธีมงานแนวเรโทรดูค่ะ

เล็บเจ้าสาว

เรียวเล็บสีชมพูฟูเชียหรือช็อคกิ้งพิงค์

เพิ่มความสดใสให้งานแต่งงานในสวน ด้วยเรียวเล็บสีชมพูแมทช์กับมงกุฏดอกไม้สีชมพูและเรียวปากสีเดียวกัน ดูแล้วสดชื่นนน ฝุดๆ

เล็บเจ้าสาว เล็บเจ้าสาว

เรียวเล็บสีน้ำเงิน

ยุคนี้ผู้หญิงผู้ชายเท่าเทียมกันแล้ว! แมทช์เรียวเล็บสีน้ำเงินเข้ากับชุดเจ้าสาวแบบกางเกง และธีมงานแต่งงานสไตล์โมเดิร์นมินิทัล เหมาะกับเจ้าสาวสายโมเดิร์นที่ไม่ต้องซ้ำใคร

เล็บเจ้าสาว

เรียวเล็บสีส้ม

เป็นตัวของตัวเองแบบเจ้าสาวสายมั่นด้วยเรียวเล็บสีส้ม ผสมผสานเข้ากับธีมงานแต่งสไตล์ทรอปิคัลสดใสซัมเมอร์ไปอี๊กกก

เล็บเจ้าสาว

เรียวเล็บสไตล์เมทัลลิค

ดูโมเดิร์นแบบมีคลาสด้วยเรียวเล็บสไตล์เมทัลลิค แมทช์กับงานแต่งงานสไตล์มินิมัลที่เน้นสีขาวดำ รับรองว่าเรียบหรูดูแพงสุดๆแถมไม่ซ้ำใคร

เล็บเจ้าสาว

ได้ไอเดียสีเรียวเล็บชุดแซ่บของตัวเองกันหรือยังเอ่ย? แต่ถ้าไม่รู้จะเลือกสีเล็บสุดแซ่บสีไหนดี >> ก็เช็คสีเล็บจากราศีเกิดไปเล้ย! คลิกอ่านเลยจ้ะ!

Credit Photo: Pinterest

มงคลแฝด หรือ มงคลจักร มีความเป็นสิริมงคลต่อบ่าวสาวยังไง?

คุณเคยสังเกตไหมว่า ทำไมบ่าวส่าวจะต้องสวม มงคลแฝด  หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า มงคลจักร คำตอบคือ เพื่อความสิริมงคลและเชื่อมโยงบ่าวสาวให้เป็นหนึ่งเดียวกัน

“มงคลแฝด” คือด้ายมงคลที่ปลุกเสกโดยพระสงฆ์หรือเจ้าอาวาส มงคลแฝดนี้ใช้ในพิธีรดน้ำสังข์ ประธานในพิธีหรือผู้ใหญ่ที่นับถือจะสวมบนศีรษะให้คู่บ่าวสาวขณะที่ทั้งคู่นั่งบนตั่งเรียบร้อยแล้ว เมื่อเสร็จสิ้นพิธีการ ประธานในพิธีจะเป็นผู้ปลดมงคลแฝดก่อนจะมอบให้กับคู่บ่าวสาวนำไปเก็บไว้บนหัวเตียง เพื่อความสิริมงคลแก่ชีวิตคู่

มงคลแฝดจะทำด้วยสายสิญจน์เป็นวงกลม 2 ห่วง มีขนาดที่สามารถสวมบนศีรษะได้พอดี ระยะห่างของห่วงทั้งสองประมาณ 2 ศอก เพื่อความสะดวกในการขยับตัวของบ่าวสาวส่วนปลายของมงคลจะโยงมาพันที่บาตรน้ำมนต์ ส่วนหางสายสิญจน์พระสงฆ์จะจับเส้นไว้ในมือและส่งด้ายไปจนถึงพระรูปสุดท้ายก็จะวางสายสิญจน์ไว้ที่พาน

ในปัจจุบันเราสามารถหาซื้อมงคลแฝดได้ง่ายตามร้านขายสังฆภัณฑ์ หรือตามแหล่งที่มีการจำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับงานแต่งงาน หรือคุณสะดวกที่จะทำเองก็ไม่ว่ากัน แต่อย่าลืมนำมงคลแฝดไปทำพิธีก่อนที่จะนำมาสวมให้กับคู่บ่าวสาวเพื่อความสิริมงคลนะคะ

รู้จักมงคลแฝดและความสำคัญกันไปแล้ว ก็ต้องรู้ >> วิธีเก็บรักษามงคลแฝด << ด้วยนะคะ

เรียบเรียงข้อมูลจาก: wow88studio-organizer.com, kapook.com, rta.mi.th

เคล็ดลับออกแบบแหวนแต่งงานให้เข้ากับรูปทรงเพชรที่อยากได้

ลองจินตนาการดูว่าถ้ามีเพชรสวยๆ สักเม็ดอยู่ในมือ คุณจะออกแบบ แหวนแต่งงาน แบบไหนที่บ่งบอกความเป็นคุณที่สุด รับรองว่าโจทย์นี้ไม่ได้ยาก เพราะแม้คุณไม่ได้เรียนจบวิชาออกแบบเครื่องประดับก็สามารถดีไซน์เครื่องประดับที่ตรงใจได้เหมือนกัน ขอเพียงจับคู่ รูปทรงเพชร ให้เข้ากับตัวเรือนแบบที่ชอบได้เป็นพอ

เทคนิคเริ่มต้นคือ เลือกเพชรแบบที่ชอบไว้ในใจ โดยจัดลำดับตั้งแต่รูปทรงว่าชอบทรงกลม สี่เหลี่ยม ไข่ หยดน้ำ ฯลฯ และศึกษาคุณสมบัติ รวมถึงข้อจำกัดบางประการของเพชรรูปทรงต่างๆ ไว้เป็นพื้นฐานความรู้ดังนี้

Round Brilliant

เพชรทรงกลมคือเพชรยอดนิยมในการนำมาเข้าตัวเรือนทำแหวนหมั้น แหวนแต่งงานด้วยความเชื่อเรื่องความกลมที่สื่อถึงรักที่มีแต่ความกลมเกลียวสามัคคี รักที่ไม่สิ้นสุด แม้จะเดินกันคนละทาง สุดท้ายก็ต้องมาบรรจบกันทำให้บ่าว – สาวยอมจำนนและเลือกใช้เพชรทรงกลมเป็นเพชรเม็ดหลักของแหวนแต่งงานกันถ้วนหน้า ถ้าพูดกันในแง่ของการออกแบบเพชรทรงกลมก็ถือว่าเป็นรูปทรงที่สากลและคลาสสิกสุด ๆ เพราะสามารถเข้าได้กับแหวนทุกสไตล์ ซึ่งตัวเรือนที่เราขอให้ลองเป็นแบบแรกคือ ตัวเรือนแหวนเพชรชูเม็ดเดียว (Solitaire Ring)

แม้ปัจจุบันแหวนเพชรแบบ 3 เม็ด (Three Stone Ring) กำลังมาแรง แต่แหวนเพชรชูเม็ดเดียวก็ยังครองความเป็นหนึ่ง เพราะนอกจากจะได้โชว์เพชรเต็มๆ ตา ยังสามารถออกแบบก้านแหวนให้เข้ากับรูปนิ้วได้หลายแบบ ว่าที่เจ้าสาวนิ้วเรียวยาวควรใช้แหวนก้านอิตาลี เพราะดูอ่อนช้อยบอบบางกว่าก้านตรงธรรมดา ซึ่งเหมาะกับสาวนิ้วอวบ ถ้าชอบก้านอิตาลีสุด ๆ แต่นิ้วไม่อำนวยแนะนำให้ปรับเป็นก้านอิตาลีคู่เพื่อให้ก้านแหวนดูกว้างขึ้นจะได้รับกับนิ้วมากกว่าเดิม แต่ข้อควรระวังคือ ก้านนั้นต้องไม่กว้างไปกว่าหน้าเพชรเด็ดขาด เพราะจะไปลดความโดดเด่นของเพชรชูลง

รู้หรือไม่… ช่อดอกไม้เจ้าสาว เหตุไฉนทำไมต้องโยน เรามีคำตอบ

ไม่มีงานแต่งไหนที่จะไม่จบลงด้วยการโยน ช่อดอกไม้เจ้าสาว และทันทีที่สิ้นเสียงประกาศจากพิธีกรเหล่าสาวโสดต่างก็มารวมตัวกันอยู่หน้าเวที และเพียงชั่วพริบตาที่ช่อดอกไม้ตกไปอยู่ในมือของสาวโสด เสียงกรี๊ดก็ดังสนั่นหวั่นไหวด้วยความดีใจว่า ‘ฉันสินะที่จะเป็นรายต่อไปที่ได้สละโสด’ แต่รู้หรือไม่คะว่าแต่ก่อน การจะรู้ว่าสาวคนไหนจะมีความสุขในเรื่องความรักเป็นรายต่อไปนั้นไม่ใช่เพราะการได้รับช่อดอกไม้หรอกนะ!

ย้อนกลับไปในยุโรปสมัยกลาง ธรรมเนียมการโยนช่อดอกไม้ยังไม่ปรากฎเช่นทุกวันนี้ เพราะเมื่อก่อนพอเสร็จพิธีเจ้าสาวจะยกชุดแต่งงานให้กับคนอื่น เพราะเชื่อว่าเป็นของมงคล ทั้งยังเป็นตัวแทนแห่งความสุข แถมใครได้ครอบครองก็มีสิทธิ์ได้ลงจากคานทอง ด้วยเหตุนี้เองบรรดาสาวโสดที่มาร่วมงานจึงเข้ามารุมฉีกชุดเจ้าสาวทันทีที่เสร็จพิธี โชคดีที่พอเข้าสู่ยุคข้าวยากหมากแพง ชุดแต่งงานมีราคาสูงขึ้น ธรรมเนียมการรุมทึ้งชุดก็เลยเปลี่ยนเป็นการโยนสายรัดถุงน่องแทน แต่กลับไม่เป็นที่นิยมสักเท่าไหร่ จึงเปลี่ยนให้หันมาโยนช่อดอกไม้แทน เพราะดอกไม้เป็นสัญลักษณ์แห่งการเจริญเติบโต ใครที่ได้รับก็จะได้เป็นเจ้าสาวรายต่อไปนั่นเอง

ช่อดอกไม้เจ้าสาว

และปัจจุบันนอกจากที่จะมีการโยนช่อดอกไม้เพื่อให้สาวๆ มาเสี่ยงดวงกันแล้ว บางงานเจ้าสาวก็จัดเซอร์ไพรซ์มอบช่อดอกไม้ให้กับหญิงสาวที่เธอรักที่อยากจะเห็นเขามีความสุข ก็ถือเป็นอีกหนึ่งโมเม้นต์สุดประทับใจในงานแต่งที่น่าจดจำไปอีกนาน

>> อ่านเรื่องราวความเชื่อต่างๆ เกี่ยวกับงานแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย! <<

เรียบเรียงข้อมูลจาก : www.guru.sanook.com , www.lifestyle.ladytips.com , www.thaitopwedding.com
ภาพ : thebridelink.com

ข้าวตอกดอกไม้ ในงานแต่งไทยพร้อมความหมายและเตรียมยังไงถึงจะถูก

ข้าวตอกดอกไม้  คำพูดติดปากคนไทยเรียกแทนสิ่งของที่เป็นมงคลที่อยู่ในชุดขันหมากเอก แต่รู้ไหมว่าจริงๆ แล้วมีอะไรบ้าง และมีไว้เพื่ออะไร ถ้ายังไม่รู้เขยิบมาใกล้ๆ เราจะแถลงให้ฟัง

ส่วนผสมมงคล

ข้าวตอกดอกไม้” เป็นคำเรียกรวมของสิ่งมงคล ทั้งหมด 7 อย่าง ได้แก่ ข้าวตอก กลีบกุหลาบ ดอกรัก ดอกบานไม่รู้โรย กลีบดอกดาวเรือง ถั่ว(นิยมใช้ถั่วเขียว) และงาขาว แต่ละอย่างก็มีความหมายมงคลในตัวเองทั้งในด้านการครองเรือนและด้านเงินๆ ทองๆ

คัดมาแล้วมงคลทุกสิ่งอย่าง

อย่างที่บอกว่ามีความหมายมงคล เราลองมาดูกันเลยดีกว่าว่าแต่ละอย่างมีความหมายยังไง

ข้าวตอก

ข้าวเปลือกที่ถูกคั่วจนเบ่งบานกลายเป็นข้าวตอก เป็นการอวยพรให้ความรักของบ่าวสาวเบ่งบาน ก็เปรียบเหมือนข้าวเปลือกที่ผ่านความร้อนก็ยังคงเบ่งบานสวยงามผ่องใส และยังให้ทรัพย์สินเงินทองเบ่งบานขยายผลเหมือนที่ข้าวตอกขยายมาจากข้าวเปลือกด้วย

ดอกไม้

  • กลีบกุหลาบ แหม อันนี้ไม่ต้องบอกกันเยอะเนอะ ก็กุหลาบเป็นตัวแทนของความรักนี่นา แล้วจะให้หมายถึงอะไรได้นอกจากให้บ่าวสาวรักกันมั่นคง
  • ดอกรัก แค่ชื่อคำเดียวก็จบแล้ว “รัก”
  • ดอกบานไม่โรย อวยพรให้บ่าวสาวรักกันไม่มีวันโรยรา
  • ดอกดาวเรือง กลีบดอกสีเหลืองนี้มีความมงคลจากชื่อ ให้ชีวิตคู่มีแต่ความรุ่งเรือง

ถั่ว งา  เป็นธัญพืชที่ปลูกง่าย หว่านไปทางไหนก็เจริญงอกงามดีแถมขึ้นง่าย ก็เป็นการอวยพรให้บ่าวสาวทำอะไรก็ง่ายดาย เงินทองเพิ่มพูน

แค่ไหนถึงจะงาม

ข้าวตอกดอกไม้ รวมความมงคลไว้มากมายขนาดนี้ บ้างคนอาจกำลังคิดว่า งั้นต้องเตรียมไว้เยอะๆ ยิ่งเยอะน่าจะยิ่งดี  บอกเลยว่าคิดผิดนะคะ ข้าวตอกดอกไม้ไม่ว่าจะมากจะน้อยก็มีความมงคลเท่ากัน ความมงคลไม่ได้ขึ้นอยู่กับปริมาณ

ส่วนเตรียมแค่ไหนถึงจะพอดี  ก็เตรียมทั้งหมดรวมกันให้เต็มพานทองขนาด 9 นิ้วสำหรับในขบวนขันหมาก แต่บางคู่อาจจะมีการเตรียมข้าวตอกดอกไม้แยกต่างหากอีก 1 ชุด สำหรับให้ญาติผู้ใหญ่โรยลงสินสอด แต่ถ้าจะเตรียมแค่ชุดเดียวทั้งแห่ในขบวนขันหมาก และใช้โปรยบนสินสอดก็ไม่ผิดแต่อย่างใด

ใช้ตอนไหนดี

ในพิธีแต่งงานเช้าใช้ข้าวตอกดอกไม้ 2 ครั้งด้วยกัน คือ ในพานขันหมากเอก และใช้สำหรับให้ญาติผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายโปรยลงบนสินสอดหลังจากที่ฝ่ายหญิงนับสินสอดเสร็จแล้ว ซึ่งตรงนี้หากว่าญาติผู้ใหญ่เยอะก็อาจจะเตรียมมากหน่อยก็ได้นะคะ

>> ติดตามเรื่องราวพิธีแต่งงานไทยเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย! <<

ขอบคุณข้อมูลจาก บ้านดอกไม้ไทย ฐาวรีย์ กรุ๊ป โทร. 08-1929-9642

6 กิจกรรมสำหรับคู่รักช่วงกักตัว อยู่บ้านก็แฮปปี้อินเลิฟได้ไม่มีเบื่อ

คู่รักที่หรือคู่ข้าวใหม่ปลามันที่อยากกระชับความสัมพันธ์ในวันว่างๆ ช่วงกักตัว แพรว wedding ขอบอกเลยค่ะว่าไม่ต้องเสี่ยงออกไปข้างนอก เพราะการเติมความหวานและสร้างบรรยากาศอินเลิฟสามารถสร้างได้ง่ายๆ ที่บ้านของคุณ จะมีกิจกรรมอะไรบ้างนั้นไปดูกันเลย

sansiri01

ปลูกไม้ต้นไม้ปรับแต่งสวน
กิจกรรมทำสวนถือเป็นกิจกรรมที่จะช่วยเติมรักให้เต็มกว่าเดิมได้เป็นอย่างดี คุณจะช่วยกันทำยามเช้าตรู่หรือยามเย็นก็ได้ โดยอาจแบ่งหน้าที่เตรียมเครื่องไม้เครื่องมือให้กับคุณพ่อบ้าน เสร็จแล้วคุณนายคนสวยช่วยออกแรงยกมาวาง ก่อนจะช่วยกันออกไอเดียจัดวางต้นไม้ในแบบที่ชอบ ทีนี้เมื่อพร้อมแล้วก็ลงมือขุด ปลูก รด เพื่อเติมเต็มพื้นที่ว่างหน้าบ้านหรือข้างบ้านให้เขียวชะอุ่มสร้างสีสันและความร่มรื่นให้กับตัวบ้าน

แบบนี้ได้ทั้งปลูกต้นไม้รักษ์โลก แถมยังได้รดน้ำต้นรักในใจไปด้วยนะจ๊ะ

sansiri03

โชว์เสียงโชว์สเต็ปซะหน่อย
เปลี่ยนห้องนั่งเล่นให้เป็นเวทีคว้าดาว ปิดม่านปิดกระจกให้กลายเป็นห้องเก็บเสียงสักนิด (กันข้างบ้านหนวกหู) แล้วหยิบไมค์มายักย้ายสายสะโพกร้องคาราโอเกะกันในบ้านด้วยกัน แถมการร้องไปเต้นไปคุณทั้งคู่ได้ออกกำลังกายร่วมกันไปในตัว

เห็นไหมล่ะว่าดีเลิศเลอค่าแค่ไหน ส่วนใครที่มั่นใจในลูกคอ จะชวนกันร้องเพลงคู่หรือดวลไมค์ดวลเสียงกันก็น่าจะสนุกดีไม่น้อยเนอะ!

sansiri04

เปลี่ยนบ้านให้กลายเป็นโรงหนัง
อีกหนึ่งกิจกรรมสำหรับคู่รักที่ไม่มีวันตกเทรนด์คือ การนอนดูหนังด้วยกันค่ะ ลองคิดดูนะคะว่า บนโซฟาเบดขนาดกำลังพอดีที่มีคุณทั้งคู่ตระกองกอดกันจะโรแมนติกมากมายขนาดไหน แต่บรรยากาศสุดเลิฟขนาดนั้นจะเกิดขึ้นได้ คุณทั้งคู่ต้องช่วยกันเนรมิตห้องนอนหรือห้องนั่งเล่นให้กลายเป็นซีนีม่าย่อมๆ ซะก่อน

ขอแนะนำให้คุณปิดม่านปิดไฟ ใช้โฮมเธียร์เตอร์ให้เต็มประสิทธิภาพ อย่าลืมเปิดเสียงเซอร์ราวด์รอบทิศทางสร้างบรรยากาศโรงหนังส่วนตัว และทีเด็ดต่อจากนั้นคือ คุณทั้งคู่จะเลือกหนังอะไรมาดูด้วยกัน หลังจากกดเพลย์แล้วจะกุ๊กกิ๊กอิอะกันหวานแค่ไหน อันนี้ก็แล้วแต่เลยค่ะ

sansiri05

ช่วยกันเก็บกวาดบ้าน
ข้อนี้เป็นกิจกรรมที่ดีและมีประโยชน์สุดๆ ไหนๆ คุณและคนรักก็มีเวลาว่างตรงกันแล้ว หันดูรอบบ้านข้าวของชักจะเยอะและอยู่ไม่เป็นที่เป็นทางแบบนี้ ลองชวนกันมาปัด กวาด เช็ด ถู ให้บ้านน่าอยู่ก็ดีเหมือนกันนะ ช่วยกันคนละไม้คนละมือดีกว่าเหนื่อยทำคนเดียวอีกต่างหาก แถมจะเก็บอะไรไว้ จะทิ้งอะไรบ้าง ยังได้ถามกันก่อนด้วย

sansiri06

แช่อ่างคลายร้อน
บ้านไหนมีอ่างอาบน้ำขอบอกว่าจงใช้ให้เกิดประโยชน์ค่ะ เพราะแม้จะเป็นช่วงเวลาอาบน้ำคุณก็ทำให้ชีวิตรักมีความสุขได้ด้วยการรองน้ำให้เต็มอ่าง เทสบู่เหลวหอมๆ ตีฟองสักเล็กน้อย เพิ่มกลิ่นอะโรม่าใส่ความโรแมนติกอีกสักนิดจากนั้นปรับมู่ลี่ แง้มหน้าต่างระบายอากาศซะหน่อย ก่อนจะจูงมือกันหย่อนตัวนอนแช่ ผลัดกันเช็ดผลัดกันถู อู้วหูวววแฮปปี้!

sansiri07

ใส่ไอเดียให้ระเบียง
ใครจะไปคิดคะว่า ระเบียงบ้านจะช่วยทำให้เกิดกิจกรรมเสริมรักได้ แต่ WE-MAG.COM ขอย้ำว่าทำได้ล้านเปอร์เซนต์ แค่คุณทั้งคู่แปรงร่างเป็นมัณฑนากรเฉพาะกิจแล้วช่วยกันออกไอเดียตกแต่งพื้นที่ระเบียงให้กลายเป็นมุมพักผ่อนนั่งดูพระอาทิตย์ขึ้นพระอาทิตย์ตก แค่นี้ก็เสริมรักให้สุขใจได้แบบไม่ต้องลงทุนมากแล้วล่ะค่ะ

อ้อ…อย่าลืมหาเก้าอี้ขนาดกำลังพอดีมาจัดวางพร้อมช่วยกันแขวนไม้ดอกสักมุม เพิ่มความสดชื่นได้แบบเต็มๆ เชียวล่ะค่ะ

เห็นไหมคะว่า ไม่จำเป็นต้องพากันไปกระชับรักที่ไหนให้เปลืองเงิน แค่มีคุณและคนรักมีไอเดียกิจกรรมกุ๊กกิ๊กสำหรับเราสอง ชีวิตรักก็หวานชื่นในที่ที่คุ้นเคย แถมไม่ต้องออกไปข้างนอกให้แดดเมืองไทยเผากายจนเสียอารมณ์ เพราะแค่อยู่บ้านก็แฮปปี้ดี๊ด๊ากับหวานใจได้แล้ว

 

ขอบคุณข้อมูลและภาพจากแสนสิริ : โครงการคณาสิริ

>> อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับความรัก ความสัมพันธ์ และการใช้ชีวิตคู่เพิ่มเติมได้ที่นี่  คลิกเลย <<

ไอเดีย ถ่ายรูปหมู่ ในงานแต่งงาน ยังไงให้ดูดีเว่อร์ดังมีมืออาชีพมาเซตให้!

กิจกรรม ถ่ายรูปหมู่ ไม่ว่าจะเป็นรูปหมู่ครอบครัวหรือเพื่อน งานแต่งไหนก็ต้องมีใช่มั้ยละคะ แต่พอกันทีเถอะการยืนเรียงกันแข็งๆเหมือนเคารพธงชาติ! ยุคโซเชียลมีเดียแบบนี้เราต้องเซตท่าและคอมโพสให้สวยปังประหนึ่งมีสไตล์ลิสต์ส่วนตัวมาช่วยจัด แต่ไม่ต้อง! เพราะแค่เรารู้เทคนิคและไอเดียในการถ่ายรูปหมู่เหล่านี้ เจ้าบ่าวเจ้าสาวและบรรดาครอบครัวหรือเพื่อนๆ ก็จะได้รูปหมู่ดูดีมีระดับไปลงเฟซบุคหรือไอจีให้คนอื่นอิจฉากันแล้วล่ะ

นั่งบ้างยืนบ้าง บวกแอททิจูตจิกสไตล์นางแบบนายแบบ

ถือเป็นโพสสำหรับการถ่ายรูปหมู่สุดฮิต ภาพสไตล์นี้ถ้าจะให้ออกมาดูชิคอย่าลืมให้เพื่อนๆใส่แอททิจูตหน้าจิกสไตล์นางแบบนายแบบด้วยละ

2ถ่ายรูปหมู่

ใช้สถานที่ให้เป็นประโยชน์

ไม่ว่าจะเป็นบันไดวน ทางเดินสวยๆ สวนกว้าง หรือประตูบานใหญ่ ลองกระจายสมาชิกครอบครัวหรือเพื่อนๆ ตามขั้นบันได ยืนเรียงกันบนทางเดิน หรือโผล่หน้าออกมาจากขอบประตู ไหนๆสถานที่ก็เอื้ออำนวยแล้ว ยังทำให้รูปเราออกมาดูมีครีเอทีฟด้วยนะ

ถ่ายรูปหมู่

เดินๆ เผลอๆ สไตล์เซเลบริตี้

ไหนๆก็อยากเป็นเซเลบกะเค้าซักวัน ลองถ่ายภาพสไตล์เดินเผลอๆ อินเนอร์เหมือนเซเลบริตี้ถูกปาปารัสซี่ตามถ่าย อย่าลืมให้เพื่อนเดินขนาบรอบข้าง หัวเราะกันประหนึ่งไม่รู้ตัวเล้ยว่าโดนถ่ายรูปอยู่นะเนี่ย 555 แต่รูปออกมารับรองว่าดูสวยไฮโซค่ะ

ถ่ายรูปหมู่

ถ้าสมาชิกเยอะมาก ใช้ภาพมุมสูงซะ!

แต่ถ้าปริมาณเพื่อนๆล้นทะลักจอซะขนาดนี้ ลงทุนปีนบันไดถ่ายรูปจากมุมสูง จะสามารถเก็บภาพของทุกคนได้ครบค่ะ (แถมยังช่วยให้ดูหน้าเล็กเพราะไม่ใช่ภาพมุมเสยด้วยนะ)

ถ่ายรูปหมู่

ใช้เพื่อนเป็นแบ็คกราวน์ซะเลย!

สุดท้าย ไหนๆก็สมาชิกเยอะแล้ว บ่าวสาวลองครีเอทรูปหมู่โดยการใช้เพื่อนเราเป็นแบ็คกราวน์แบบในภาพซะเลย รับรองภาพออกมาทั้งดูหวานน่ารักและยังเก๋ไก๋ เอาลงไอจีรับรองปังค่ะ!

ถ่ายรูปหมู่

หวังว่าคุณว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาว และบรรดาเพื่อนๆหรือครอบครัว จะสามารถนำเอาไอเดียถ่ายภาพหมู่สุดครีเอทเหล่านี้ไปใช้ แล้วอย่าลืมแทคเราด้วยละคะ (ถ้าลงเฟซบุ๊ก tag เราได้ที่ page: praewwedding แต่ถ้าลงไอจี tag เราได้ที่ @praewwedding นะ)

ถ้าชอบคอนเท้นต์นี้ของเรา ลองอ่าน >> ไอเดียแบ็คดร็อปสุดโมเดิร์น << ที่จะยิ่งช่วยครีเอทงานของว่าที่บ่าวสาวให้ดูชิคขึ้นไปอีก

Credit Photo: pinterest

เพื่อนเจ้าสาวทำอะไร เรามีคำตอบ ตั้งแต่เริ่มวางแผนจนถึงวันแต่งงาน

รองจากเจ้าสาวก็เพื่อนเจ้าสาวเนี่ยแหละที่เป็นดาวเด่นของงาน แต่ใช่ว่าเป็นเพื่อนเจ้าสาวแล้วจะแค่แต่งตัวสวยๆ คอยถ่ายรูปกับเจ้าสาวและเหล่าเพื่อนเจ้าบ่าวเท่านั้นนะ แต่ เพื่อนเจ้าสาวทำอะไร บ้าง เรามีคำตอบมาให้แล้ว สำหรับสาวๆ ที่กำลังเตรียมตัวจะเป็นเพื่อนเจ้าสาวคนต่อไป

เพื่อนเจ้าสาวทำอะไร

  • ให้ความคิดเห็น

หน้าที่ของเพื่อนเจ้าสาวเริ่มต้นตั้งแต่คู่บ่าวสาววางแผนจัดงานแต่งงานเลยทีเดียว กับการช่วยมองหาสถานที่จัดงาน ออกไอเดียเรื่องชุด เรื่องการตกแต่งงานแต่งงาน หรือบางทีอาจต้องตระเวนไปร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำกับว่าที่เจ้าสาวเพื่อเฟ้นหาสิ่งที่ดีที่สุด แต่ทั้งหมดทั้งมวลที่เราว่า จะทำก็ต่อเมื่อคุณบ่าวสาวเขาร้องขอ แต่ถ้าคุณเชี่ยวชาญในด้านที่เกี่ยวข้องจริงๆ จะเสนอตัวรับผิดชอบไปเลยก็ได้ ถือเป็นการแบ่งเบาหน้าที่ของเจ้าสาวอีกแรง

เพื่อนเจ้าสาวทำอะไร

  • จัดงานปาร์ตี้สละโสดให้เพื่อนสาว

เป็นสิ่งที่เพื่อนเจ้าสาวร่วมมือร่วมใจกันทำเพื่อเจ้าสาว กับการจัดงานปาร์ตี้ให้ไม่ว่าจะเป็น Bridal Shower งานเลี้ยงสละโสดแบบใสๆ ให้ของขวัญกันน่ารักๆ หรือจะเป็น Hen’s Night งานเลี้ยงอำลาความโสดฉบับยัยตัวร้าย ส่วนใหญ่ก็มักเป็นงานที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานกับเกมส์ต่างๆ แต่บางครั้งก็อาจมีความซึ้งของมิตรภาพระหว่างเพื่อนให้เป็นซีนเรียกน้ำตาอยู่บ้าง

เพื่อนเจ้าสาวทำอะไร

  • เป็นผู้ประสานงาน

บ่าวสาวมีอะไรต้องทำมากมาย บ้างครั้งหลังจากที่เขาและเธอติดต่อเรื่องต่างๆ แล้ว เพื่อนเจ้าวสาวอาจต้องรับหน้าที่ประสานงานต่อ หรือติดตามงานเพื่อให้ได้ในสิ่งที่บ่าวสาวต้องการให้เกิดขึ้นในวันสำคัญ  ซึ่งคุณก็ต้องทำหน้าที่เป็นหูเป็นตาแทน ไปจนถึงในวันแต่งงานเลยทีเดียว เผลอๆ อาจต้องทำหน้าที่ประสานงานกับหนุ่มๆ เพื่อนเจ้าบ่าว และไม่แน่…อาจทำให้เกิดคู่รักคู่ใหม่ก็ได้นะ อิอิ

  • เตรียมอุปกรณ์ฉุกเฉิน

ในวันแต่งงานมีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ตั้งแต่ของขาด ชุดเสียหาย ไปจนถึงอุบัติเหตุต่างๆ ซึ่งเพื่อนเจ้าสาวแต่ละคนอาจจะต้องพกอุปกรณ์ฉุกเฉินกันคนละอย่างสองอย่าง บางคนพกชุดเข็มด้าย อีกคนพกชุดปฐมพยาบาลอะไรแบบนี้ ซึ่งเราแนะนำว่าควรหาชุดเพื่อนเจ้าสาวที่มีกระเป๋าเล็กๆ ซ่อนอยู่เพื่อจะพกของเหล่านี้ไว้กับตัวได้ พอเกิดเหตุปุ๊บก็เข้าช่วยได้ทันที

  • ดูแลเจ้าสาว

ในวันแต่งงานเป็นวันที่เจ้าสาวยุ๊ง ยุ่ง ยุ่งจนบางทีลืมดื่ม ลืมกิน เลยจะเห็นเจ้าสาวเป็นลมกันอยู่บ่อยๆ หน้าที่อีกอย่างของเพื่อนเจ้าสาวที่ดีก็คือ ดูแลว่าที่บ่าวสาวให้ได้ดื่มน้ำ กินอาหาร และพักผ่อนอย่างเพียงพอพร้อมจะลุยงานได้ทั้งวันแบบลมไม่จับ กระเพาะไม่ถามหา

นี่แหละคือหน้าที่ที่แท้จริงของเพื่อนเจ้าสาว เหล่าคนสวยรองจากเจ้าสาว และก็ยุ่งตัวเป็นขิงรองจากเจ้าสาวด้วยเช่นกัน ยังไงเราก็เป็นกำลังใจให้นะคะ และเพื่อเพื่อนเจ้าสาว เรามีรวม >> แบบชุดเพื่อนเจ้าสาว <<มาฝากด้วยนะ

ภาพเปิด pixabay
ภาพประกอบ pinterest

คำแนะนำในการเก็บรักษาชุดแต่งงานให้ยังใหม่อยู่เสมอ

คงสภาพ ชุดแต่งงาน ให้ใหม่อยู่เสมอไม่ใช่เรื่องยาก

แม้ในเมืองไทยนั้นเจ้าสาวส่วนใหญ่จะนิยมเช่า ชุดแต่งงาน กันเสียมากกว่า เนื่องจากราคาค่อนข้างสูงและใส่เพียงแค่ครั้งเดียว แต่สำหรับเจ้าสาวอีกหลายคนที่เลือกจะตัดชุดแต่งงานใหม่เพื่อจะเก็บเอาไว้เป็นหนึ่งในคอลเล็กชั่นวันแห่งความสุข การเก็บรักษาชุดแต่งงานไม่ให้เหลืองเก่าจึงเป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้นเราจะเก็บรักษาชุดแต่งงานที่ลงทุนตัดเป็นหมื่่นๆ หรือบางชุดก็เป็นแสนๆ ได้อย่างไรบ้างหลังจากส่งทำความสะอาดเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น วันนี้ แพรว wedding มีคำแนะนำมาฝากค่ะ

1. อย่าเก็บชุดในห้องเก็บของใต้บันได หรือห้องใต้หลังคาที่มีความชื้นสูง บริเวณที่ดีที่สุดที่จะใช้เก็บชุดแต่งงานคือตู้เสื้อผ้า หรือพื้นที่ใต้เตียงนอนนะคะ

2. หลังจากที่นำชุดไปซักแห้งเรียบร้อยแล้ว อย่าเก็บชุดแต่งงานของคุณไว้ในถุงพลาสติก เพราะสารเคมีที่อยู่ในพลาสติกจะซึมออกมาจะทำลายสีของเนื้อผ้าได้

3. ถ้ามีเข็มหมุดปักอยู่ที่เนื้อผ้าให้เอาออก อย่าทิ้งเอาไว้ เพราะเข็มหมุดมีโอกาสขึ้นสนิมได้ถ้าปล่อยไว้นานๆ และยังทำให้ชุดของคุณมีรอยอีกด้วย อย่าแขวนชุดแต่งงานคุณทิ้งไว้นานเกินไป เพราะการแขวนเป็นการตึงตะเข็บเสื้อและรูปทรงของชุด

4. ไม่แนะนำให้เก็บชุดแต่งงานในกล่องที่ทำจากพลาสติกเป็นเวลานานๆ เพราะกล่องพลาสติกจะเกิดความชื้น ได้ง่าย ทำให้เกิดเชื้อราควรจัดเก็บชุดแต่งงาน ไว้ในกล่องที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับเก็บชุดแต่งงานเท่านั้น แต่อย่าหาตัดเอากล่องกระดาษธรรมดาจากไหนก็ไม่รู้มาใช้เก็บชุดแต่งงานเป็นอันขาดนะคะ เพราะภายในเนื้อของกล่องกระดาษจะมีส่วนผสมของกรด ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไปมันจะซึมออกมาถูกเนื้อผ้า และจะทำลายสีของเนื้อผ้า

5. ห่อชุดแต่งงานด้วยกระดาษที่ไม่มีกรดเป็นส่วนผสม (acid-free tissue paper) ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ชุดแต่งงานของคุณกลายเป็นสีเหลือง อย่าใช้กระดาษที่มีสีมาห่อ เพราะว่ากระดาษพวกนี้ จะผ่านการย้อมสีนานๆไปสีที่ย้อมไว้อาจจะตกออกมาโดนชุดคุณได้

6. ถ้าคุณไม่เก็บชุดแต่งงานไว้ในกล่อง ระวังอย่าให้ชุดของคุณโดนแสงแดดหรือแสงไฟ เพื่อป้องกันไม่ให้เนื้อผ้าเสื่อมสภาพ

7. อย่าเก็บชุดแต่งงานของคุณไว้ในบริเวณที่เคยมีปัญหาเรื่องความชื้น ปลวกหรือแมลง

8. แกะและคลี่ชุดแต่งงานของคุณออกมาตรวจสอบบ้างอย่างน้อยปีละครั้ง (หรือทุกๆ 6 เดือนก็ยิ่งดี) ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้ชุดแต่งงานคุณเกิดรอยพับถาวรได้ และยังทำให้คุณได้หวนนึกถึงความทรงจำที่แสนหวาน และน่าประทับใจในวันแต่งงานคุณอีกด้วย

>> อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับเจ้าสาวเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย <<

cr : allure.com, thespruce.com

ตามรอย ชุดไทยพระราชนิยม สวยสมเป็นหญิงไทยในชุดไทยบรมพิมาน และชุดไทยศิวาลัย

เคยสงสัยกันไหมคะว่าทำไมชุดไทยสวยๆ อย่าง ชุดไทยพระราชนิยม  พอมาอยู่บนตัวคุณกลับดูไม่เป๊ะ นั่นก็เพราะชุดที่ใส่ยังไม่สมส่วนกับรูปร่างของเจ้าสาว แพรว wedding เลยจะชวนสาวๆ มาทอล์กเรื่องชุดไทยที่ควรรู้ รับรองว่า ไม่ว่าครั้งไหนที่คุณหยิบชุดไทยมาใส่สวยสง่าสมศักดิ์ศรีหญิงไทยแน่นอน 

โดยเฉพาะ ชุดไทยบรมพิมาน และ ชุดไทยศิวาลัย ที่ว่าที่เจ้าสาวหลายคนนิยมใส่ในพิธีแต่งงานไทย ด้วยรูปแบบของชุดที่สวยงาม เรียบร้อย ใส่แล้วดูสง่างามนั่นเอง และหากว่าที่เจ้าสาวเลือกใส่ชุดไทยทั้งสองแบบนี้ล่ะก็ นี่คือสิ่งเบื้องต้นที่สาวๆ ควรรู้ไว้นะคะ

1. ความยาวของสไบ

ชุดไทยศิวาลัย ความยาวของสไบมักจะอยู่ที่ 3 เมตร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดรอบลำตัวของเจ้าสาวด้วย ที่สำคัญคือต้องเลือกให้ความยาวของสไบยาวลงมาระพื้นพอสมควร อย่าปล่อยให้ยาวหรือกองที่พื้นมากเกินไป ดังนั้นถ้าเจ้าสาวเป็นคนตัวเล็ก อาจจะเหลือส่วนปล่อยชายเยอะ ก็ต้องเก็บขึ้นให้เหลือชายผ้าสไบยาวพอสมควร หรือถ้าเจ้าสาวเป็นคนอวบ รอบตัวหนา ก็อาจจะเลือกผ้าสไบที่ยาวขึ้นกว่าเดิม

2. ความยาวของแขนเสื้อ  

ต่อมาคือความยาวของแขนเสื้อสำหรับชุดไทยที่เป็นแขนกระบอกอย่าง ชุดไทยบรมพิมาน ชุดไทยศิวาลัย ซึ่งทั้งหมดนี้ความยาวของแขนเสื้อจะอยู่ในระดับข้อมือ

3. ความยาวของผ้านุ่ง

ปกติแล้วความยาวของผ้าจะอยู่ที่ 1.8-2 เมตร แต่ถ้าต้องนำมานุ่งแล้วจับจีบด้านหน้าก็ควรเลือกผ้าที่ยาวไม่ต่ำกว่า 3 เมตร โดยระดับความยาวของผ้านุ่งกับขาของเจ้าสาวเราจะขอแบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ
1. ยาวระดับข้อเท้า ซึ่งจะเป็นการนุ่งผ้านุ่งตามแบบฉบับไทยแท้แต่โบราณ
2. เลยข้อเท้าลงมา แต่ยังเปิดให้เห็นหน้าเท้าหรือปลายรองเท้าเพียงนิดหน่อย
3. ชุดไทยประยุกต์แบบยาวกร่อมพื้น

การเลือกความยาวของผ้านุ่งขึ้นอยู่กับดีไซน์ชุด ความเหมาะสม และความชอบของเจ้าสาวแต่ละคน แต่ถ้าเจ้าสาวไม่ใช่คนสูงมาก เราอยากแนะนำให้ใส่ชุดไทยที่มีความยาวผ้านุ่งตามข้อ 2 และใส่รองเท้าส้นสูงเพิ่มเข้าไปก็จะช่วยทำให้ดูสูงโปร่งกว่าเดิม แต่ให้จำไว้ว่าเวลาที่คุณไปลองชุดให้นำรองเท้าส้นสูงที่คุณจะใส่ในวันงานไปใส่ลองด้วย เพื่อที่ช่างจะได้กะความยาวของผ้านุ่งให้พอดีกับความสูงของส้นรองเท้า

และนี่คือแบบ ชุดไทยพบมพิมาน ชุดไทยศิวาลัย สวยๆ ที่แพรว wedding นำมาฝากว่าที่เจ้าสาวกันค่า

ชุดไทยศิวาลัย
ชุดไทยศิวาลัย
ชุดไทยบรมพิมาน
ชุดไทยบรมพิมาน

ดูแบบชุดไทยอื่นๆ เพิ่มเติมอีกเพียบได้ที่นี่ >>> คลิกเลย <<< 

เทคนิคลดอาการหน้าบวมยามเช้า 5 ข้อ ที่เจ้าสาวต้องรู้

เทคนิคลดอาการหน้าบวมยามเช้า ทำได้ง่ายนิ๊ดดดเดียว อยากแต่งหน้าให้สวยเป๊ะในวันงาน เราต้องหาวิธีดูแลตัวเองเพื่อช่วยช่างแต่งหน้าเขาด้วยส่วนนึง  แพรว wedding มี เทคนิคลดอาการหน้าบวมยามเช้า มาฝาก ด้วยวิธีง่ายๆ ทำตามได้ไม่ยาก

อยากรู้ เทคนิคลดอาการหน้าบวมยามเช้า ก็ต้องรู้ถึงสาเหตุกันก่อน

1. ผิวขาดน้ำ

ยิ่งผิวหน้าเราขาดน้ำ ร่างกายก็จะยิ่งหาน้ำที่เหลือในร่างกายมากักเก็บในส่วนที่ขาดหาย ทำให้น้ำมารวมตัวตรงที่หายไป เลยทำให้หน้ายิ่งบวมขึ้นกว่าปกติ

2. แพ้ครีมที่ทาก่อนนอน

บางทีที่เราตื่นเช้ามาแล้วหน้าบวม อาจมีสาเหตุมาจากครีมที่เราทาก่อนนอน  เราอาจแพ้ครีมตัวนั้น เลยส่งผลให้มีผลข้างเคียงคือ หน้าบวมขึ้นได้

3. ดื่มแอลกอฮอล์

ใครที่ชอบดื่มหนัก สังสรรค์ปาร์ตี้ ตื่นเช้ามาต้องระวังปัญหาหน้าบวม เพราะว่าแอลกอฮอล์เป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวขาดน้ำ หรือทำให้ผิวต้องกักเก็บน้ำที่มีไว้ที่ผิวให้มากขึ้น เพื่อไม่ให้ผิวแห้งนั่นเอง

4. ทานของเค็มมากไป

การกินอาหารเค็มๆ หรืออาหารที่มีโซเดียมเยอะเกินไป ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้หน้าเราบวมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะการกินของเค็มจะยิ่งทำให้ร่างกายกักเก็บน้ำเอาไว้ เพื่อที่จะขับโซเดียมที่ว่าออกไปจากร่างกายนั่นเอง

5. อาจเป็นสัญญาณของโรคอื่น

อาการหน้าบวมยังเป็นสัญญาณเตือนของโรคต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นกับเราได้ เราลองสำรวจร่างกายในส่วนอื่นๆ เพิ่มเติมว่า นอกจากหน้าแล้ว ยังมีส่วนอื่นของร่างกาย อย่างเช่น มือ เท้า บวมด้วยหรือเปล่า เพราะบางทีเราอาจกำลังเสี่ยงเป็นโรคไตก็ได้ หรือถ้าเราไปถอนฟันมา หรือมีอาการเหงือกบวม ก็เป็นไปได้ว่า นี่ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่ง หรือมันอาจเกิดได้จากถูกแมลงกัดต่อย หรือไม่ก็เป็นผลข้างเคียงจากการใช้ยา

5 เทคนิคลดอาการหน้าบวมยามเช้าที่ขอแนะนำ

  • ถ้าทานอาหารรสเค็มในตอนเย็น ให้ดื่มนมอุ่น 1 แก้ว เพื่อปรับปริมาณเกลือในร่างกายให้สมดุล

เทคนิคลดอาการหน้าบวมยามเช้า

  • ใส่น้ำแข็ง 3-4 ก้อน ลงในน้ำเย็น แล้วใช้ล้างหน้า นวดใบหน้าและตบหน้าเบาๆ กระตุ้นความมีชีวิตชีวาบนใบหน้า

น้ำแข็ง

  •  เวลาใช้สกินแคร์ ให้กดจุดใต้คาง โหนกคิ้ว และขมับ เพื่อช่วยลดบวม

เทคนิคลดอาการหน้าบวมยามเช้า

 

  • เทคนิคนี้สำหรับแก๊งเพื่อนเจ้าสาวที่แต่งหน้าเอง หรือแขกสาวๆ ที่ต้องไปออกงานในตอนเช้า ถ้าตาบวมปูด มาสคาร่าช่วยได้ ให้ดัดขนตาให้โค้งงอนขึ้น แล้วปัดมาสคาร่าโดยเน้นที่โคนขนตา

ตาบวม

5 ข้อง่ายๆแค่นี้ ลองทำตามกันดูนะคะอาการหน้าบวมยังเป็นสัญญาณเตือนของโรคต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นกับเราได้ เราลองสำรวจร่

ภาพ : pinterest

>> อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับความสวยความงามและสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย <<

5 กรณีตัวอย่างปัญหาชีวิตคู่ อุปสรรคเล็กๆ แต่เป็นปัญหาใหญ่หากไม่แก้!

จริงอยู่ที่เมื่อตัดสินใจใช้ชีวิตคู่ร่วมกันแล้ว มีอะไรก็ต้องร่วมหัวจมท้ายไปด้วยกัน แต่คุณๆ รู้ไหมคะว่า การร่วมหัวจมท้ายที่ว่าเนี่ยก็มีข้อยกเว้นนะคะ เพราะในบางเรื่องก็ไม่ไหวจะต้องร่วมด้วยจริงๆ ถ้าคุณยังคิดไม่ออกว่าอะไรจะมาขวางการร่วมหัวจมท้ายที่ว่า แพรวเวดดิ้งมีตัวอย่างความคิดที่เป็น ปัญหาชีวิตคู่ ในเรื่องต่างๆ มาฝากกัน

หากคุณภรรยาให้การสนับสนุนสิ่งที่สามีคิดจะทำนั้น ถือว่าเป็นสิ่งที่ควรอย่างยิ่ง แต่แหมจะให้หลับตาสนับสนุนกันซะทุกเรื่องก็เกรงว่าไม่ใช่ ควรจะดูสักนิดนึงก็ดีนะ ว่าเรื่องไหนควรเรื่องไหนไม่ควร เพราะไม่อย่างนั้นจากที่จะช่วยส่งเสริมกันจะกลับกลายเป็นการสร้างปัญหาครอบครัวขึ้นมาได้นะ อย่างเช่นปัญหาต่างๆ ต่อไปนี้

1กรณีเรื่องการใช้เงิน

เรื่องเงินต้องคิดให้ดี ใช้ให้เหมาะ อย่างที่เคยบอกไปแล้วว่า แม้จะตกลงอย่างชัดเจนว่ากระเป๋าใครกระเป๋ามัน แต่เวลาอีกฝ่ายจะใช้ คุณเองในฐานะสามีหรือภรรยาก็มีสิทธิ์พูดเตือนเพื่อแตะเบรคได้นะคะ

  • เรื่องนี้ควรจมหัว : รถยนต์เก่าที่เสียเงินซ่อมมานับแสน ซ่อมต่อไปไม่คุ้มแน่ ซื้อใหม่คุ้มกว่า แบบนี้สิควรเชียร์ แต่…
  • เรื่องนี้อย่าจมท้าย : รถที่ว่าเพิ่งถอดป้ายแดงมาได้แค่ 2 ปี หรือเพิ่งเป็นไทจากการผ่อนจ่าย พอรุ่นใหม่ออกมา แค่รูปลักษณ์สวยกว่าก็จะเปลี่ยน อย่างนี้ควรจะห้ามอย่างด่วนๆ มิเช่นนั้นคุณจะมีภาระหนี้สิ้นก้อนโตเพิ่มอีกแน่ๆ

2

กรณีเรื่องทำงานและการลงทุน

จริงอยู่ที่ความถนัด ความเก่งของแต่ละคนต่างกัน และความฝันที่จะเดินไปข้างหน้าเป็นเรื่องที่พึงจะทำ แต่ความพร้อมละ สำคัญกว่าไหม ในฐานะเพื่อนคู่คิดที่นอนเคียงกันอยู่ทุกคืน ก็ควรช่วยเป็นส่วนหนึ่งในการให้คำปรึกษา

  • เรื่องนี้ควรจมหัว : งานที่ทำอยู่ดูแล้วก็มีแววเติบโต ตำแหน่งใหญ่ๆ รออยู่ข้างหน้าเพียงแค่รอเวลา แต่ถ้าอยากทำกิจการส่วนตัวอีกทาง ถ้าเขาทำไหว จัดแบ่งเวลาได้ คุณภรรยาก็ควรช่วยคิดว่าเงินทุนเท่าไหร่ จะกระเทือนไปที่เงินเก็บไหม และที่สำคัญจะทำให้งานประจำเสียหายหรือเปล่า แบบนี้เรียกว่าทีมสนับสนุนที่ดี แต่…
  • เรื่องนี้อย่าจมท้าย : ถ้าเห็นๆ อยู่ว่า ลงทุนไปชีวิตอับเฉาแน่นอน เศรษฐกิจก็ไม่ดี แต่เขาก็ยังดื้อรั้นอยากจะทำ แบบนี้ก็คงต้องมีเถียงกันสักหน่อย อะไรที่เสี่ยงต่อความมั่นคงของครอบครัว จงอย่าสนับสนุน และกล่าวเซย์โนอย่างมีศิลปะได้เลย ถ้ายังไม่เชื่อกันละก็ ไหนเอาเหตุผลมาแผ่กันอีกจนได้ข้อสรุปให้จงได้

3

กรณีเรื่องความเสี่ยง

ต่อเนื่องกับเรื่องก่อนหน้านี้ หลายคู่เถียงกันเสมอว่าแม้จะเสี่ยงแต่ก็คุ้ม เรื่องร่วมหัวจมท้ายกันบางครั้งไม่ต้องเสี่ยงร่วมกันขนาดนั้นก็ได้ ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเห็นชัดแล้วว่าไม่เวิร์คแน่ เช่น

  • เรื่องนี้ควรจมหัว : ภรรยาอยู่บ้านเป็นแม่บ้าน และอยากทำธุรกิจก็นับเป็นเรื่องที่ดี ถ้าเธอเช็ครอบด้านแล้วว่าดีจริง เสี่ยงน้อย ไม่ทำให้ชีวิตครอบครัวหรือหน้าที่ภรรยาหรือแม่บกพร่อง สามีก็ควรอย่างยิ่งที่จะให้การสนับสนุน แต่ต้องไม่ลืมว่าธุรกิจที่ว่านี้ต้องเป็นธุรกิจที่ใสสะอาดด้วยล่ะ ไม่ใช่ว่า…
  • เรื่องนี้อย่าจมท้าย : เธอเห็นแก่เงินที่เยอะหรือแค่อยากมีอำนาจต่อรองจนหน้ามืดตามัวไปลงทุนในธุรกิจสีเทาประเภทแม่ค้าหวยใต้ดิน ปล่อยกู้ เปิดผับหรือส่งยาบ้า แบบนั้นจะเป็นการชักนำความเดือดร้อนแสนสาหัสมาสู่ครอบครัวของคุณ

4

กรณีเรื่องการวางแผนครอบครัว

เรื่องนี้สำคัญมาก และเป็นข้ออ้างในการร่วมหัวจมท้ายผิดๆ มาหลายคู่แล้ว เพราะส่วนใหญ่ต่างฝ่ายต่างมีข้ออ้างในการวางแผนครอบครัวในแนวทางของตัวเองกันทั้งนั้น ลองมาดูกันกับเรื่องง่ายๆ ที่ขอยกเป็นกรณีตัวอย่างเตือนว่าอย่าได้จมท้ายเชียวนะ

  • เรื่องนี้ควรจมหัว : การสร้างบ้าน ถ้าสามีอยากทำห้องให้ลูกน้อยในอนาคต โดยสร้างเป็นบ้านต้นไม้หลังเล็กๆ อยู่บนต้นหูกระจง โดยให้เหตุผลว่าให้ลูกได้สัมผัสกับธรรมชาติ เมื่อเช็คสภาพแวดล้อมแล้วเห็นว่าปลอดภัยดี ก็ควรสนับสนุนเขา โดยช่วยกันดูเรื่องของโครงสร้างที่มั่นคง ระดับความสูงกำลังพอดี และปลอดภัยจากสัตว์ร้ายมีพิษทุกชนิด แต่…
  • เรื่องนี้อย่าจมท้าย : ถ้ารู้ๆ อยู่ว่าต้นหูกระจงที่ว่ามีกองทัพบุ้งอยู่เพียบ แถมด้านหนึ่งก็ติดถนน แล้วแบบนี้ถ้ายังจะดื้อแพ่งก็คงต้องไฝว้กันหน่อย เกิดอยู่ๆ ไปโจรปีนบ้านต้นไม้ลูกมาเล่นขายของด้วยนี่จะทำอย่างไร หรืออยู่ๆ วันดีคืนดี กองทัพบุ้งบุกขึ้นมา จะเกิดอาการคันจนต้องแบกเข้าโรงพยาบาล อันนี้เลดี้ว่าไม่เวิร์ค

5กรณีเรื่องอนาคตลูกน้อย

เถียงกันไม่จบไม่สิ้นกับอนาคตลูกน้อย การร่วมหัวจมท้ายของพ่อแม่ที่มีลูกเป็นตัวกลางเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก ถ้าคนหนึ่งหวังดี แต่คิดไม่รอบ บอกเลยนะคะว่า คนที่รับเคราะห์ไปเต็มๆ คือคนกลางอย่างตัวเด็ก งั้นมาดูกรณีตัวอย่างกันว่า อะไรที่ไม่ควรจมท้ายกับความคิดที่บังเกิด

  • เรื่องนี้ควรจมหัว : เชื่อว่าพ่อแม่ทุกคนก็อยากให้ลูกที่เรารักเรียนที่ดี ถ้าคุณสามีอยากเลือกโรงเรียนที่มีชื่อเสียงให้ลูก คุณก็ควรที่จะสนับสนุนอย่างเต็มที่ แต่…
  • เรื่องนี้อย่าจมท้าย : ถ้าอยากเลือกโรงเรียนเอกชนดังๆ ค่าเทอมแพงๆ ให้ลูกเพื่อซื้อสังคม แต่รายรับครอบครัวไม่พอจ่ายค่าเทอม อันนี้ก็คงไม่ไหว คุณควรห้ามเขา เพราะเดี๋ยวนี้โรงเรียนรัฐดีๆ ค่าเทอมไม่แพงก็มีเยอะแยะ ไม่จำเป็นต้องเป็นโรงเรียนเอกชนเสมอไปหรอกจริงหรือเปล่า…

ทั้งหมดนี้คือ 5 ตัวอย่างสถานการณ์ที่สามีภรรยาควรคิดให้ดีก่อนตัดสินใจร่วมหัวจมท้ายกัน ขอให้คุณทั้งสองค่อยๆ ช่วยกันคิดและถ้าหากมีปัญหาก็ค่อยๆ ช่วยกันแก้ไขนะจ๊ะ อย่าใช้แต่อารมณ์ของตน เพียงเท่านี้ชีวิตคู่ก็จะอยู่ด้วยกันอย่างยืดยาวจนถือไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชรแน่นอนจ้า

ขอบคุณภาพประกอบจาก : www.roamnewroads.ca, blog.textbooks.com, www.infinitaccounting.com, www.benzinga.com, www.gscc.net, www.specialschoolsvoice.com

อาฟเตอร์ปาร์ตี้ ควรเสิร์ฟอาหารแบบใดให้ปัง อร่อย เข้ากับงานมาดูกัน

อาฟเตอร์ปาร์ตี้ คืองานเลี้ยงสังสรรค์หลังจากจบงานพิธีการในงานแต่ง และเป็นช่วงเวลาที่ให้บ่าวสาวและแขกที่มาร่วมในงานได้สนุดสุดเหวี่ยง เต้นรำ พร้อมดื่มเครื่องดื่มส่งท้ายงานกัน สิ่งที่สำคัญของ อาฟเตอร์ปาร์ตี้ ก็คือดนตรีดีๆ เครื่องดื่มเด็ดๆ และอีกสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามก็คือ อาหารที่ควรนำมาเสิร์ฟใน งานอาฟเตอร์ปาร์ตี้ นั่นเองค่ะ

บางคู่อาจจะมองข้ามไปว่า อาฟเตอร์ปาร์ตี้ ไม่จำเป็นต้องมีอาหารก็ได้ เพราะเลี้ยงกันแบบเต็มที่มาตั้งแต่ในงานเลี้ยงช่วงพิธีการแล้ว แต่บอกเลยว่า คิดผิดจ้า เพราะควรต้องเสิร์ฟอาหารนะจ๊ะ เพราะแดนซ์กันสุดเหวี่ยง น่าจะมีคนหิวกันบ้างแหละ แพรว wedding เลยจะขอแนะนำเป็นอาหารทานเล่น พอให้อยู่ท้อง แต่จะมีอะไรบ้างมาดูกัน

1. เฟรนช์ฟรายด์

อาหารทานเล่นยอดฮิต เสิร์ฟยังไงก็หมด เพราะเป็นมันฝรั่งทอด รสเค็มๆ มันๆ ทานได้เพลินๆ เสิร์ฟคู่กับซอสรสชาติต่างๆ แถมยังเข้ากับเครื่องดื่มทุกประเภทอีกด้วยนะเออ ลองดีไซน์การเสิร์ฟแทนที่จะวางในจานแบนๆ เปลี่ยนมาเป็นการเสิร์ฟแบบถ้วยทรงกรวย ใครอยากกินก็หยิบถ้วยไปเลย รับรองว่าเวิร์คจ้า

อาฟเตอร์ปาร์ตี

2. ป๊อปคอร์น

ขนมทานเล่นกรอบๆ มีหลายรสชาติให้เลือก ไม่ว่าจะหวาน เค็ม ชีส ช็อกโกแลต เสิร์ฟเป็นถุงเล็กๆ น่ารักจะดีมากเลย เหมาะสำหรับคนที่อิ่มแล้ว แต่อยากหาอะไรทานเล่นๆ ระหว่างสนุกสนานในงานนั่นเอง

อาฟเตอร์ปาร์ตี

3. มินิเบอร์เกอร์

อาหารรองท้องที่ดีสุดๆ ไปเลยล่ะจ่ะ แถมยังได้สารอาหารครบอีกต่างหาก แล้วสำหรับใครที่แดนซ์มาได้สักพัก จนท้องเริ่มร้องแล้ว มินิเบอร์เกอร์เนี่ยล่ะ ช่วยชีวิตคุณได้แน่นอน

อาฟเตอร์ปาร์ตี

4. พิซซ่า

อีกหนึ่งอาหารที่บอกเลยว่าไม่มีใครปฎิเสธ นอกจากคนที่กำลังรักษาหุ่น เพราะเป็นอาหารที่กินง่าย อร่อย และกลิ่นหอมสุดๆ สามารถเสิร์ฟเป็นชิ้นๆ ได้ แล้วก็มีหลายหน้าให้เลือกอีกด้วยน้า

อาฟเตอร์ปาร์ตี

5. ขนมหวาน

มีหลายประเภทไป ไม่ว่าจะเป็น พาย โดนัท ขนมทาร์ต ขนมเค้กชิ้นเล็กๆ เสิร์ฟได้หมด เพราะขนมหวานนอกจากจะทำให้อารมณ์ดีแล้ว ยังมีรสชาติอร่อย กินเพลินแน่นอน

อาฟเตอร์ปาร์ตี

6. บาร์บีคิว

บาร์บีคิว หมู ไก่ เนื้อ เสียบไม้ปิ้งหอมๆ พร้อมผักย่าง เป็นอีกหนึ่งเมนูที่อร่อย ทานง่าย และเสิร์ฟง่าย ทานกับไวน์ก็เริด เพราะบาร์บีคิวมีรสเผ็ดนิดๆ จากผักและเครื่องปรุงแก้เลี่ยนได้ดีแน่นอน

อาฟเตอร์ปาร์ตี

7. สายไหม

มาแนวหวานๆ นุ่มๆ ละมุนลิ้น ความหวานเอาไปเลย 100% สามารถทานเล่นๆ ได้ ให้พลังงานและความสดชื่นจากน้ำตาลแน่นอน และสามารถเอาผสมลงไปในเครื่องดื่มได้ด้วยนะจ๊ะ

อาฟเตอร์ปาร์ตี

และนี่คือรายการอาหารที่ควรนำมาเสิร์ฟในงาน อาเตอร์ปาร์ตี้ แต่ถ้ายังรู้สึกว่าน้อยไป ลองดูเพิ่มได้ที่  >> 6 ไอเดียเสกอาหารในงานแต่งงานแสนเก๋ นี่เลยจ่ะ

ภาพจาก : marthastewartweddings.com , Pinterest

สารพัดสิ่งห้ามทำเองในงานแต่ง ถ้าไม่อยากเปลี่ยนงานปัง ให้พังคามือ

เจ้าบ่าวเจ้าสาวสายคราฟ ที่กำลังวางแผน DIY ทำเองในงานแต่ง เราขอให้อ่านเรื่องนี้ก่อน เพราะบางอย่างทำแล้วก็ดูน่ารัก แต่บางอย่างขอเตือนเลยว่า ห้ามทำเองเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจากงานแต่งสุดปัง จะกลายเป็นพังชนิดที่ไม่อยากย้อนกลับมาดูรูปงานแต่งตัวเองเลยทีเดียว

  • ชุดแต่งงาน

แม้จะมีคู่รักก้อย – โย่ง เป็นไอดอล แต่สาวๆ และหนุ่มๆ ทั้งหลายก็อย่าริตัดเย็บชุดแต่งงานของตัวเองถ้าหากคุณไม่ได้เป็นช่างตัดเสื้อมาก่อน เพราะโอกาสเสี่ยงมันสูงมากว่าชุดจะออกมาไม่รอด แล้วเผลอๆ หากว่าถลำตัวทำชุดไปแล้วจนมารู้ว่าชุดพังไม่เป็นท่าช่วงใกล้วันแต่งงาน อาจจะทำให้หาชุดแต่งงานไม่ทัน แล้วมันจะกลายเป็นฝันร้ายที่หลอกหลอนไปตลอดชีวิต

  • เค้กแต่งงาน

ถึงแม้ว่าจะเป็นเจ้าสาวสายแม่ศรีเรือน อบขนมทำเค้กอยู่เป็นประจำ แต่ก็อย่าริทำเค้กงานแต่งตัวเองเด็ดขาด! เพราะเค้กเป็นสิ่งที่ต้องทำใกล้วันแต่งงาน ซึ่งช่วงนั้นเป็นเวลาที่เจ้าสาวยุ่งมาก จนไม่มีเวลามาทำเค้กแน่นอน หรือถ้ามีช่วงว่างก็ควรเอาเวลาไปทำสวย มากกว่าจะมาหมกตัวอยู่ในครัว ให้หน้าเลอะแป้งทำเค้กของตัวเอง แล้วอีกอย่างเจ้าสาวไม่มีเวลาเซตเค้กในวันแต่งงานแน่นอน ฟันธง!

  • อาหาร

ถึงคุณจะทำอาหารเก่ง รสเลิศระดับมิชลินสตาร์ยังต้องอาย ก็ไม่ควรเอาเวลามาจัดการเรื่องอาหารเด็ดขาด เพราะงานอาหารเป็นงานใหญ่ที่ต้องเตรียมการกันในวันแต่งงาน แล้วหากเจ้าสาวคิดจะทำจริงๆ แล้วจะเอาเวลาไหนมาดูแลอาหารจริงไหม แต่ถ้ามอบหมายให้ญาติสนิทหรือคนใกล้ชิดเป็นผู้ดูแล แล้วเจ้าสาวแวะเวียนมาชิมรสชาติหรือออกความเห็นเรื่องเมนู และการจัดแต่งก็ค่อยว่าไปอย่าง

pixabay

  • ทำผม แต่งหน้า

แม้จะเป็นคนที่แต่งหน้าทำผมตัวเองเวลาออกงานอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่สำหรับงานแต่งงานนะคะ เอาล่ะ เราไม่เถียงว่าไม่มีใครรู้จักหน้าตาเราดีไปกว่าตัวเอง แต่ขอเว้นไว้สักวันเถอะที่จะปล่อยหน้าที่นี้ให้กับช่างมืออาชีพ ที่เขารู้ว่าจะแต่งหน้าเจ้าสาวเข้มเบอร์ไหนกำลังเหมาะสำหรับการโดนแสงไฟ และการถ่ายรูป เพราะหากเจ้าสาวดื้อรั้นที่จะแต่งหน้าทำผมเอง ในวันข้างหน้าคุณอาจต้องมานั่งเสียใจเมื่อย้อนกลับมาดูรูปงานแต่งของตัวเอง

  • เซนเตอร์พีช

เซนเตอร์พีช หรือดอกไม้กลางโต๊ะ เป็นอีกสิ่งที่ต้องทำในวันแต่งงานหรือในคืนก่อนวันแต่งงาน ซึ่งก็เป็นเวลาที่ว่าที่เจ้าสาวควรพักผ่อนเพื่อเตรียมพร้อมเป็นเจ้าสาวคนสวย ฉะนั้นเลิกคิดได้เลยที่จะลุกขึ้นมาทำเซนเตอร์พีช สิ่งที่ทำได้คือออกความคิดเห็น ช่วยเตรียมของในช่วงก่อนวันงาน หรือหาของตกแต่งเก๋ๆ แต่เจ้าสาวจะมาจัดเซนเตอร์พีชเองไม่ได้!!!

หากสังเกตให้ดีจะเห็นว่าของที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวห้ามทำด้วยตัวเองทั้งหมด คืองานที่ต้องมาจัดเตรียมในระยะเวลากระชั้นชิด หรือในงานแต่งงาน ทั้งนี้ก็เพราะในช่วงเวลานั้นเจ้าบ่าวเจ้าสาวควรเอาเวลาไปทำอย่างอื่นมากกว่า ซึ่งเจ้าสาวควรทำอะไรเมื่อไหร่มีคำตอบให้แล้ว คลิกเลย

ภาพ pixabay

เรือน 3 น้ำ 4 สูตรทำตัวแสนดีของหญิงไทย

“ เรือน 3 น้ำ 4 ” แพรว Wedding เชื่อว่าหญิงไทยยุคใหม่พอได้ยินวลีนี้แล้วคงต้องทำหน้างงพร้อมกับคำถามที่ว่า “มันคืออะไรเหรอ?” แน่นอนค่ะว่าเราก็เป็นหญิงยุคใหม่ไฟแรง ตอนที่ได้ยินประโยคนี้ก็งงเหมือนกัน สุดท้ายนี้ความอยากรู้ก็นำมาซึ่งคำตอบว่า อ๋อ! มันคือคำสอนหญิงไทยที่ส่งกันมารุ่นต่อรุ่น แต่จะสอนว่าอะไรบ้าง แล้วมันจะใช้กับผู้คนในปี พ.ศ. นี้ได้หรือไม่ เราจะไขข้อข้องใจให้อ่านกันจ้า

โบราณเขาว่ากันว่า “เป็นผู้หญิงจะให้งามสมบูรณ์แบบ ต้องเพียบพร้อมไปด้วยเรือน 3 น้ำ 4”  อันว่าเรือน 3 นี้ได้แก่ เรือนผม เรือนกาย และเรือนนอน ส่วนน้ำ 4 ได้แก่ น้ำใจ น้ำคำ น้ำมือ และน้ำเต้าปูน อ่ะๆ! สงสัยกันอีกละซิว่าน้ำเต้าปูนคืออะไร ไม่ต้องสงสัยคะ เดี๋ยวจะไล่ให้ฟังทีละข้อ

เรือนที่ 1 คือ เรือนผม – ไม่ว่าจะผ่านยุคสมัยไปกี่ร้อยกี่ปี ผมของหญิงสาวเป็นหนึ่งในความงามของนางผู้นั้นอยู่เสมอ เพราะฉะนั้น ความสำคัญของเรือนผมก็คือ ต้องดูแลผมเผ้าให้ดูเงางาม สะอาด เรียบร้อย เก็บเกล้าให้เข้าที่ อย่าปล่อยให้กระเซอะกระเซิง เป็นยายเพิ้งเด็ดขาด

วิธีดูแลความสวยงามเส้นผมของหญิงสาวสมัยใหม่ก็มีมากมายหลายแบบ บางคนสระผมทุกวัน บางคนสระวันเว้นวัน ก็แล้วแต่สภาพหนังศีรษะ มีตังค์หน่อยก็ไปทำสปาผม ทรีทเมนต์ หรืออบไอน้ำ

เรือนที่ 2 คือ เรือนกาย – นอกจากผมจะต้องสวยแล้ว ผิวพรรณและส่วนต่างๆ ของร่างกายก็ต้องดูแลให้สะอาด สุขภาพดี ยิ่งเมืองไทยบ้านเราเป็นเมืองร้อน เหงื่อไคลไหลย้อยกันเป็นว่าเล่น เพราะฉะนั้นสาวๆ อย่าได้คิดดองเค็มตัวเองเด็ดขาด อาบน้ำอาบท่า ทาแป้ง พรมน้ำหอม และแต่งกายตัวเองให้ดูสวยงาม เดี๋ยวนี้มีครีมบำรุงผิว เซรั่ม และมอยซ์เจอร์ไรเซอร์เยอะแยะให้เลือกสรร ก็ยอมแบ่งเงินสักนิดไปซื้อมาบำรุงผิวกันบ้างนะ อย่าขี้งก!

เรือนที่ 3 คือ เรือนชาน – เรื่องนี้ถือว่าสำคัญ บ้านเรือนที่ใช้อยู่อาศัยต้องสะอาดสะอ้าน รู้จักเก็บกวาดและจัดของให้เข้าที่เข้าทาง อย่าวางของระเกะระกะจนเดินลำบาก ห้องนอน ห้องครัว ห้องน้ำต้องทำให้ดูสะอาดตา กินข้าวกินน้ำเสร็จก็ต้องเก็บล้างให้เรียบร้อย อย่าตั้งวางทิ้งไว้ให้มด หนู แมลงสาบมาไต่ตอมเยี่ยมเยือนเป็นอันขาด

น้ำที่ 1 คือ น้ำใจ – ความเอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่ และการมีน้ำใจต่อผู้อื่นถือเป็นสิ่งดีที่หลายคนควรปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็นการเอื้ออารีต่อพ่อแม่ ญาติพี่น้อง เพื่อนพ้อง สามี และเพื่อนบ้าน ทั้งนี้ก็เพื่อการผูกสมัครรักใคร่และคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

น้ำที่ 2 คือ น้ำคำ – เกิดเป็นผู้หญิง เวลาจะพูดจาปราศรัยกับใครต้องมีความอ่อนหวานในน้ำเสียง มีหางเสียงไพเราะให้คนฟังแล้วรู้สึกเอ็นดู พูดจาให้ชัดถ้อยชัดคำ แต่อย่าพูดกระโชกโฮกฮาก ขึ้นเสียง หรือพูดหยาบคายจนคนฟังต้องถึงกับเมินหนาหนี

น้ำที่  3 คือ น้ำมือ – สเน่ห์ปลายจวักก็เป็นสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนควรต้องมีติดตัวไว้บ้าง ผู้หญิงสมัยนี้อาจไม่ได้ทำอาหารเป็นทุกอย่างเหมือนกับในสมัยก่อน แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ควรทำให้เป็นบ้าง เช่น หุงข้าว หรือเจียวไข่ง่ายๆ ส่วนใครที่สกิลทำอาหารไม่เอาไหน ก็ไปซื้อซอสทำอาหารสำเร็จรูปมาใช้ก็ได้  ขอเพียงแค่คุณหั่นผักหั่นเนื้อเป็นและไม่ปล่อยให้อาหารไหม้คาเตาก็พอ

น้ำที่ 4 คือ น้ำเต้าปูน – สมัยโบราณทุกบ้านจะต้องมีน้ำที่คอยหล่อเต้าปูนเอาไว้อยู่เสมอไม่ปล่อยให้แห้ง เพื่อที่จะได้ควักปูนมาใช้ทาใบพลูจีบหมากเอาไว้เคี้ยว ที่สำคัญคือ สิ่งนี้นั่นแหละที่คนสมัยโบราณใช้รับแขก ใครไปใครมาก็ต้องมีหมากพลูไว้ให้เคี้ยว แต่ในสมัยนี้คนไทยไม่นิยมกินหมากกันแล้ว สิ่งที่เข้ามาทดแทนน้ำเต้าปูนคือ น้ำดื่ม เวลามีแขกมาเยี่ยมบ้านก็ต้องหาน้ำเย็นๆ รินใส่แก้วมารับแขก ให้เขาหายเหนื่อยจากการเดินทาง

คำสอนของไทยแต่โบราณหลายคนอาจมองว่าเก่าคร่ำครึ แต่ในความจริงแล้ว ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่สิบกี่ร้อยปี คำสอนของคนสมัยก่อนก็ยังเป็นคำสอนที่ดี แต่ก็ต้องนำมาปรับใช้ให้เข้ากับยุคสมัยในปัจจุบันด้วย

ขอมูลจาก ชมรมศิลปวัฒธรรมอีสาน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ขอบคุณภาพเปิดจาก ชุดแต่งงานไทยร้าน Deep Love Wedding
763-763/1-3 ซอยอุดมสุข 49 ถนนสุขุมวิท 103
โทร. 0-2398-5739, 0-2399-1693, 09-5789-9556
เว็บไซต์ : www.deeplovewedding.com
เฟซบุ๊ก : deeplove ชุดแต่งงาน ชุดไทย
ไอจี : @deeplove_official
ไลน์ : @deeplovewedding

ผิวสวยเปล่งปลั่งพร้อมอิ่มท้องกับเมนูอาหารผิวสวยทำเองง่ายๆ ได้ที่บ้าน

แพรว wedding มาพร้อมกับเคล็ดลับดีๆ กับ อาหารผิว ที่จะช่วยให้ผิวของว่าที่บ่าวสาวดูดีขึ้น แต่ก่อนอื่นลองมาสำรวจตัวเองกันหน่อยว่าคุณกำลังทำสิ่งนี้อยู่หรือเปล่า ทานคอลลาเจนเป็นอาหารเสริม? แต่เรามีวิธีที่ง่ายกว่านั้น เพราะเคล็ดลับผิวสวยสร้างได้ง่ายๆ ด้วยเมนูอาหารประจำวัน แถมยังสามารถดูแลสุขภาพของบ่าวสาวได้แบบองค์รวมอีกด้วย

และนี่คืออาหารผิวที่ บาร์บาร่า โคลส ผู้บริหารและผู้ก่อตั้งแบรนด์ความงามแบบองค์รวม Naturopathica อยากจะนำมาบอกต่อให้กับว่าที่บ่าวสาว “โภชนาการมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ผิวดูดีจากภายในสู่ภายนอก” ซึ่งบาร์บาร่ากำลังจะตีพิมพ์หนังสือเล่มใหม่ของเธอที่ชื่อว่า The Naturopathica Effect: A Holistic Approach to Skin Health ที่จะพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างอาหารและผิวพรรณพร้อมสูตรอาหารบูสต์ผิวให้เปล่งปลั่งดูสุขภาพดี

ว่าแล้วก็จูงมือกันไปทำเมนูอาหารที่จะช่วยให้ผิวของบ่าวสาวเปล่งปลั่งในวันสำคัญกันเลย

เมนูเครื่องดื่มตอนเช้า :สมูทตี้น้ำมะนาวและผักใบเขียว

บาร์บาร่าให้ข้อมูลว่า การจิบน้ำมะนาวจะช่วยรักษาภาวะความเป็นกรดด่างของระบบในร่างกายให้ทำงานได้ดีขึ้น และยังช่วยลดอาการพุงป่องระหว่างวันได้อีกด้วย และในผักใบเขียวอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและช่วยระงับอาการอักเสบต่างๆ ภายในร่างกายได้ด้วย

ส่วนผสม

อะโวคาโด ½ ลูก

มะม่วงหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ 1 ถ้วย

ผักใบเขียว เช่น ผักสวิสชาร์ด, กะหล่ำปลีสีเขียว, ผักโขม เป็นต้น 2 กำมือ

แตงกวาสไลด์ ½ ลูก

น้ำมะนาว 1 ลูก

ขิงปอกเปลือกและหั่นบางๆ ขนาด 1 นิ้ว

อินทผลัม 1-2 เม็ด

นมอัลมอนด์ หรือน้ำมะพร้าวแบบไม่หวาน 1 แก้ว

เมล็ดเจีย 1 ช้อนโต๊ะ ** อันนี้แล้วแต่ว่าจะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้

ก้อนน้ำแข็ง ¼ ถ้วย หากคุณต้องการความเย็นชื่นใจ

วิธีทำ

1. ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงในเครื่องปั่นและปั่นทุกอย่างให้เข้ากัน เพิ่มก้อนน้ำแข็งลงไปหากต้องการให้เครื่องดื่มเหลวเพื่อง่ายต่อการดื่ม

2. เสร็จแล้วจึงเทเครื่องดื่มลงในแก้วสวยๆ เพื่อเพิ่มอรรถรสในการดื่ม

 

เมนูอาหารกลางวัน :แซลมอนต้มราดด้วยซอสส้มมิโซะ

แซลมอนไม่เพียงแค่ให้โปรตีนและไขมันที่ดีเท่านั้น แต่ยังมีกรดอะมิโนที่ช่วยกระตุ้นสารเคมีในสมองให้เกิดการนอนหลับที่ง่ายขึ้นด้วย บาร์บาร่าแนะนำว่าให้รับประทานอาหารมื้อใหญ่ในระว่างวันเพื่อช่วยในเรื่องระบบย่อยอาหารและให้พลังงานที่เพียงพอตามที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน

Tips :ปลาแซลมอน อุดมไปด้วยไขมันที่ดีต่อสุขภาพ รวมถึงมีโปรตีนสูง และยังมีคุณสมบัติที่ช่วยต้านการอักเสบของผิว และชะลอการเกิดริ้วรอยได้อีกด้วย

ส่วนผสม

ขิงขนาดประมาณ 3 นิ้ว

น้ำส้มคั้นสด 2 ช้อนโต๊ะ

มิริน 2 ช้อนโต๊ะ

มิโซะ 3 ช้อนโต๊ะ

เนื้อปลาแซลมอนขนาด 8 ออนซ์ แบบไม่มีมันเอาหนังออก

น้ำมันมะกกบริสุทธิ์ 1 ช้อนโต๊ะ

เกลือ

วิธีทำ

1. วอร์เตาอบเอาไว้ก่อน

2. ขูดขิงใส่ลงในชามใบเล็ก แล้วบดให้ละเอียดอีกครั้งด้วยมือจนได้เป็นน้ำขิง จากนั้นกรองเอาแต่น้ำ

3. เติมน้ำส้มคั้นสด, มิริน และมิโซะ ลงในชาม ผสมทุกอย่างให้เข้ากัน แล้วพักไว้

4. ใช้แปรงชุบน้ำมันมะกอกแล้วทาลงบนแซลมอน โรยด้วยเกลืออีกนิดหน่อย จากนั้นวางลงบนถาดที่รองไว้ด้วยฟอยด์ แล้วนำเข้าเตาอบเป็นเวลา 2 นาที

5. เมื่อครบ 2 นาทีนำออกจากเตาอบ ระวังตอนพลิกเนื้อปลา จากนั้นจึงอบอีกด้านเป็นเวลา 2 นาที จนเนื้อปลาเริ่มเป็นสีน้ำตาลนิดๆ

6. เมื่อครบเวลาจึงนำออกจากเตาอบ ใช้แปรงจุ่มลงในซอสที่พักไว้แล้วทาลงบนเนื้อปลา แล้วนำเข้าเตาอบอีก 1 นาที

7. เมื่อครบเวลาแล้ว ก็จัดจานพร้อมเสิร์ฟได้เลย

 

เมนูมื้อดินเนอร์ : น้ำซุปต้มกระดูก มื้ออาหารที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ

จบมื้ออาหารของวันด้วยเมนูที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ อย่างน้ำซุปต้มกระดูก ที่อุดมไปด้วยคอลลาเจนที่ช่วยให้ผิว เล็บ และเส้นผมแข็งแรง แถมยังช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งได้จากน้ำซุปเพียงถ้วยเดียวอีกด้วย

Tips :น้ำซุปจากการต้มกระดูก, น้ำมะนาว และการเติมผักใบเขียวลงในเมนูสมูทตี้ คือเคล็ดลับดีๆ ที่จะช่วยให้ผิวของคุณดูดีทั้ง 365 วัน!

ส่วนผสม

ไก่แบบออร์แกนิค น้ำหนัก 2-3 ปอนด์

หอมใหญ่หั่นเตรียมไว้ 1 ลูก

แครอตหั่นเป็น 3 ท่อน ใช้ทั้งหมด 2 ลูก

ผักชีฝรั่งสับละเอียด 2 ก้าน

กระเทียมสับ 6 กลีบ

ก้านโหระพามัดรวมกันประมาณ 4-5 ก้าน

ใบกระวาน 1 ใบ

สาหร่ายทะเลขนาดประมาณ 8 นิ้ว 1 ชิ้น

พริกไทยดำ 6 เม็ด

น้ำสะอาดประมาณ 1 ลิตร

รากแอสทรากาลัส 2 ชิ้น

เกลือทะเล

วิธีทำ

1. หั่นไก่ออกเป็นชิ้นให้รับประทานง่าย เช่น ส่วนอก, ปีก, น่อง และขา แล้วเก็บส่วนที่เป็นกระดูกและคอไว้ เพราะส่วนเหล่านี้อุดมไปด้วยคอลลาเจน

2. ในหม้อต้ม ให้นำไก่ หอมใหญ่ แครอต ผักชีฝรั่ง กระเทียม โหระพา ใบกระวาน สาหร่ายคอมบุ และพริกไทยดำ จากนั้นเติมน้ำลงไปใหท่วมส่วนผสมทั้งหมดแล้วต้ม ระหว่างนั้นอาจใช้ช้อนคอยกรองเอาไขมันที่ลอยขึ้นมาด้านบนออก เมื่อเดือดได้ที่ลดความร้อนลงแล้วเคี่ยวด้วยไฟอ่อนๆ ประมาณ 2 ชั่วโมง

3. จากนั้นตักไก่ออกจากหม้อ แล้วแยกเนื้อออกจากกระดูก แยกไว้อีกจาน แล้วนำกระดูกใส่กลับลงไปในหม้อ แล้วใส่รากแอสทราลากัส แล้วต้มต่อไปจนกว่าน้ำสต๊อกจะรสชาติดีเป็นที่ถูกใจ ซึ่งส่วนมากจะใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมงเป็นอย่างมาก หรือบางบ้านอาจจะต้มทิ้งไว้เป็นวันเลยก็มี ขณะที่ต้มสามารถเติมน้ำเพิ่มได้หากน้ำเริ่มมีความงวดมากเกินไป ซึ่งเคล็ดลับน้ำสต๊อกที่อร่อยก็คือ ยิ่งต้มนานมากเท่าไหร่รสชาติก็ดีตามมากเท่านั้น

4. ก่อนที่น้ำสต๊อกจะเคี่ยวจนได้ที่ เติมผักชีฝรั่งลงไป ปรุงรสด้วยเกลือเพิ่มอีกนิดหน่อย เมื่อรสชาติได้ที่ จึงตักกระดูกและส่วนผสมทั้งหมดออก แล้วกรองอีกครั้งผ่านตะแกรง จากนั้นพักให้น้ำซุปเย็นหรือจะนำเข้าตู้เย็นก็ได้เป็นเวลา 4 ชั่วโมง จากนั้นอีกวัน ให้ช้อนไขมันด้านบนทิ้ง

5. แล้วนำเข้าตู้เย็นอีก 3 วัน ก็เป็นอันพร้อมรับประทาน แถมฟรีซไว้ทานได้นานถึง 3 เดือนเลยทีเดียว

>> ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับความสวยความและสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย! <<

ภาพ pexels.com, minimalistbaker.com, jessicagavin.com, acalculatedwhisk.com

ถ้าไม่อยากท้องอืดในวันแต่งงาน บ่าวสาวห้ามกินสิ่งไหนบ้าง มาดูกัน

แน่นอนว่าบ่าวสาวอยากที่จะดูเพอร์เฟ็กต์ที่สุดใน วันแต่งงาน ไม่ว่าจะเสื้อผ้า หน้าผม หรือดีเทลต่างๆ ในงานแต่ง แต่ก็อย่าลืมอีกหนึ่งสิ่งที่ สำคัญไม่แพ้กับสิ่งที่กล่าวมา นั่นก็คือ การเลือกทานอาหาร ที่ไม่ทำร้ายร่างกายเรานั่นเองค่ะ

แพรว wedding ขอนำรายชื่ออาหารที่ไม่ควรทานในวันก่อนถึง งานแต่งงาน มาฝาก เพราะจะส่งผลให้บ่าวสาวท้องอืดได้ !!! หลายคนอาจจะคิดว่าก็แค่ท้องอืดแล้วไง ยังดีกว่าท้องเสียนะ แต่ขอบอกเลยว่าคิดผิดนะจ๊ะ เพราะท้องอืดทรมาณไม่แพ้ท้องเสีย แถมยังจะลมในท้องเยอะ ทำให้เราอึดอัดและหงุดหงิด ไม่สบายตัวได้ง่ายๆ ที่สำคัญยังดูมีพุงในชุดแต่งงานตัวเก่งไปอีก … เพราะฉะนั้นจงหลีกให้ห่างจากอาหารเหล่านี้ด่วนๆ 

1. โยเกิร์ต

แน่นอนว่าโยเกิร์ตนั้นดีต่อสุขภาพ เพราะมีเชื้อจุลินทรีย์ต่างๆ มากมายที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย และมีส่วนผสมของนม แต่ด้วยโยเกิร์ตมีส่วนผสมของน้ำตาลแล็คโทสและเชื้อจุลินทรีย์ที่เมื่อทานเข้าไปแล้วจะก่อให้เกิดการหมักอยู่ภายในลำไส้ ส่งผลให้เกิดแก๊สภายในลำไส้นั้นเอง จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ท้องอืดค่ะ เพราะฉะนั้นถ้าไม่อยากท้องป่องก็เลี่ยงนะคะ

 

2. ธัญพืชชนิดต่างๆ

เช่น ข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เล่ ข้าวโพด ถั่ว เป็นสารอาหารคาร์โบไฮเดรตที่ร่างกายย่อยสลายได้ยาก หรือถ้าแย่กว่านั้น อาจจะทำให้ท้องเสีย หรือท้องผูกได้ ดังนั้นเลี่ยงได้เลี่ยงนะจ๊ะ แนะนำให้ทานล่วงหน้าก่อนวันแต่งงานเนิ่นๆ หรือทานเพื่อไดเอตเราว่าน่าจะเวิร์กกว่านะคะ

 

3. หัวหอม

หัวหอมชนิดต่างๆ เช่น หอมใหญ่ หอมแดง เพราะในหัวหอมจะมีฟรุกเทน หรือคาร์โบไฮเดรตที่จะพบในพืชตระกูลหอมเท่านั้น ซึ่งอาหารประเภทนี้ร่างกายจะย่อยได้ยาก ทำให้เกิดน้ำและเกิดแก๊สในลำไส้ตามมาค่ะ ที่สำคัญเป็นอาหารประเภทมีกลิ่นที่อาจส่งผลไปถึงลมหายใจอันหอมสดชื่นของคุณด้วยนะคะ

 

4. แตงโม

ของอร่อย และหวานแบบนี้จะทำให้ท้องอืดได้อย่างไรนะ ขอบอกเลยว่าแตงโมมีรสหวานจากน้ำตาลฟรักโทสในระดับที่สูงมากกก ถ้าใครที่ร่างกายไม่สามารถดูดซึมน้ำตาลชนิดนี้ได้ก็จะทำให้ท้องอืดแน่นอนจ่ะ

 

5. อาหารประเภทเนื้อสัตว์ที่ย่อยยาก

หากก่อนวันแต่งงานมีปาร์ตี้หมูกะทะ เนื้อย่าง ชาบู ก็เว้นๆ ไว้ก่อนนะจ๊ะ หรือถ้าอยากกินก็จัดล่วงหน้าก่อนงานแต่งงานหน่อยนึง เพราะเนื้อสัตว์มีไขมันและกากใยเยอะมาก ยิ่งกินยิ่งแน่นท้อง และเมื่อกินเข้าไปเยอะๆ จะไปหมักในท้องแล้วเกิดแก๊สค่ะ ยิ่งกินเยอะ ยิ่งแน่นท้องนะ จะบอกให้

 

เมื่อรู้แล้วว่าอาหารอะไรทำให้ท้องอืด ก็เลี่ยงๆ กันนะ เพื่อที่ในวันแต่งงานจะได้แฮปปี้ได้สุดๆ ไม่มัวมาอึดอัดท้องเพราะอาการท้องอืด เนื่องจากมีลมเต็มท้อง แถมท้องยังป่องในชุดแต่งงานตัวเก่งไปอีก และถ้าจะให้ดีลองอ่าน >> 10 อาหารทำลายสุขภาพที่เจ้าสาวต้องหลีกเลี่ยงให้ห่างก่อนวันแต่งงาน << เพิ่มเติมดูนะจ๊ะ จะได้สุขภาพดีรับงานแต่งงาน

ภาพ Pinterest.com

5 เรื่องนี้คนเป็นแขกต้องคิดให้ดีก่อนตัดสินใจพกใครไปงานแต่งงาน

ไปงานแต่ง คนเดียวก็กลัวจะเขิน แต่ก็เกรงใจถ้าจะพกใครไปด้วย งั้นมาเช็ก 5 เรื่องนี้กันก่อนว่า คุณควรจะพกใครไปงานแต่งด้วยไหม

ใช่ว่าเป็นแขกที่ได้รับการ์ดเชิญ ไปงานแต่ง จะไม่มีเรื่องอื่นให้คิดนอกเหนือไปจากเรื่องเสื้อผ้าหน้าผมนะคะ เพราะเรื่องหนึ่งที่ทำเอาบรรดาแขกทั้งหลายตัดสินใจไม่ได้คือ การ์ดหนึ่งใบพาใครไปด้วยได้บ้าง ก็แหม…งานแบบนี้จะให้ลุยเดี่ยวบางทีก็เก้อๆ เขินๆ ใช่ไหมล่ะ แต่ของแบบนี้สุ่มสี่สุ่มห้าพาไปก็อาจไม่เวิร์คนะคะ งั้นเอางี้ แพรว wedding มี 5 เรื่องให้คุณเก็บไปคิดก่อนตัดสินใจจะพกใครไปเป็นเพื่อนค่ะ

1. นึกถึงความสนิทของคุณกับเจ้าภาพเป็นอย่างแรก

เรียกได้ว่าเป็นประเด็นแรกเลยที่ต้องคิด เพราะถ้าคุณไม่ได้สนิทสนมอะไรกับเจ้าภาพมากมายนัก เช่นเจ้าภาพคือลูกค้าของบริษัทและคุณคือตัวแทนไปร่วมงาน การที่จะพาคนอื่นๆ ที่แม้จะเป็นแฟนไปด้วยไม่น่าจะเหมาะ แต่ถ้าเจ้าภาพเป็นลูกค้าที่มีความสนิทสนมกับคุณมากเป็นการส่วนตัว จะพกแฟนไปอีกคนคงไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่ไม่ใช่พกลูกและพี่เลี้ยงไปด้วย แบบนั้นก็เยอะเกินไม่ควรพาไปให้ยั้วเยี้ยงานแต่งเขานะคะ

2. ทบทวนความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าภาพกับคนที่คุณจะพาไปด้วย

อย่าลืมเด็ดขาดว่างานแต่งงานต้องมีการถ่ายภาพร่วมกัน แล้วถ้าคนที่คุณจะพาไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นแฟนหรือเพื่อนเป็นคนที่คุณก็รู้อยู่แก่ใจว่าเจ้าภาพเขาไม่ค่อยปลื้มหรืออกแนวจะเกลียดขี้หน้าด้วยซ้ำ คุณจะพาไปให้เขาเสียอารมณ์ทำไม อย่าลืมนะคะว่าเขาคือเจ้าของงาน คุณน่ะเป็นแค่แขก และวันนี้คือวันสำคัญในชีวิตของเขา ทำอะไรต้องให้เกียรติเจ้าภาพและนึกถึงความรู้สึกของเขาซะหน่อย ถ้าคุณยังดื้อดึงคิดเอาเองง่ายๆ ว่าไม่เป็นไรหรอก ระวังให้ดีเถอะหลังงานเลิก คุณนั่นแหละจะเสียความสัมพันธ์ดีๆ นั้นไปอีกคน

ไปงานแต่ง3. ขนาดของงานแต่งงานที่ได้รับเชิญ

แม้ว่าคุณจะสนิทกับเจ้าภาพมากจนสามารถพาใครไปเป็นเพื่อนได้ก็ไม่น่าเกลียด หรือคนที่คุณจะพาไปนั้นไม่ได้มีปัญหาอะไรกับเจ้าภาพ แต่อย่าลืมสืบก่อนไปสักนิดว่างานที่จัดเป็นงานแต่งงานขนาดไหน วิธีง่ายๆ คือสืบจากชื่อสถานที่จัดงานแต่งงานในการ์ดเชิญนี่แหละค่ะ ถ้าเป็นห้องบอลรูมในโรงแรม ก็อนุมานได้ว่างานน่าจะอยู่ในขนาดกลางถึงใหญ่แบบว่าเชิญแขกมาเกิน 300 คนขึ้นไป การจะพาใครไปด้วยอีกคนไม่น่าจะเป็นอะไร แต่ถ้าสืบแล้วพบว่าเป็นสถานที่รับจัดงานเล็กๆ ที่มีแนวโน้มว่าเจ้าภาพอาจต้องการความเป็นส่วนตัว อยากประหยัดงบประมาณหรืออยากได้บรรยากาศอบอุ่นที่มีแต่คนสนิท ก็หยุดคิดอีกสักรอบว่าจะพาไปด้วยดีไหม

4. ประเภทของการจัดเลี้ยงในงานแต่ง

งานแต่งงานจัดแบบค็อกเทล โต๊ะจีนหรือซิตดาวน์ดินเนอร์คะ ถ้าในการ์ดเชิญระบุมาว่าเป็นแบบค็อกเทลก็โอเคหน่อยที่คุณอาจพาไปได้แบบเต็มที่ทั้งภรรยาและลูก แต่ถ้าเป็นการจัดเลี้ยงแบบโต๊ะจีน ขอแนะนำว่าพาไปเพิ่มแค่คนเดียวก็พอ เพราะโดยส่วนใหญ่เจ้าภาพที่จัดเลี้ยงแบบโต๊ะจีนจะใช้สูตรคำนวณปริมาณแขกแบบเผื่อๆ ว่า การ์ด 1 ใบต่อแขก 2 คนเป็นมาตรฐาน แต่ถ้าเป็นการเลี้ยงแบบซิตดาวน์ดินเนอร์เมื่อไหร่ละก็ การ์ดหนึ่งใบต่อแขกหนึ่งคนแน่นอนค่ะ

5. ชั่งน้ำหนักความจำเป็นที่ต้องพาไปด้วย

ถ้าคิดตามทั้ง 4 ข้อที่ว่าไปแล้วแต่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่า ต้องพาไปด้วยไหม แพรว wedding อยากให้ถามใจตัวเองว่า คุณมีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหนที่ต้องพาคนอื่นไปด้วย ถ้าไม่พาไปจะส่งผลถึงขั้นบ้านแตกหรือก่อให้เกิดปัญหาอะไรตามมาในชีวิตหรือเปล่า เช่นมีลูกแต่ไม่มีใครเลี้ยง งานแต่งงานครั้งนี้จะไม่ไปก็ไม่ได้ ถ้างั้นก็พาไปค่ะ แต่อย่าลืมเตรียมพร้อมไม่ทำให้ลูกของคุณมาสร้างความรำคาญให้คนในงานด้วยนะคะ แต่ถ้าเป็นกรณีว่าเป็นแฟนกันไม่พาไปเธอจะงอนจะขอเลิกละก็ อยู่ที่คุณแล้วละค่ะว่า เหตุผลที่ว่าจำเป็นต้องพาไปเพราะเธอจะงอน มัน ‘ใช่’ จริงไหม

ลองนำทั้ง 5 ข้อนี้ไปคิดดูให้ถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจพาใครไปงานแต่งงานเป็นเพื่อนนะคะ แล้วเชื่อเถอะค่ะว่า คุณจะไม่โดนเจ้าภาพเบ้หน้าใส่อย่างแน่นอน

บทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับแขกในงานแต่ง >>> มารยาทที่ดีสำหรับแขกที่ได้รับเชิญไปงานแต่งต้องทำยังไง? เรามีคำตอบ

เรื่อง : ดอกปีบ
ภาพ : www.theviewonthehudson.com