วางแผนจัดงานแต่ง นับถอยหลัง 1 ปี บ่าวสาวต้องทำอะไรบ้าง

HOW TO วางแผนจัดงานแต่ง ล่วงหน้า 1 ปีง่ายๆ

จะจัดงานแต่งงานสักงาน บ่าวสาวต้อง วางแผนจัดงานแต่ง ล่วงหน้าเป็นปี บางคู่อาจจะปีกว่าด้วยซ้ำไป ฟังดูแบบนี้แล้วรู้สึกว่าเตรียมการนานจัง ในแต่ละเดือนทำอะไรกัน เราจะมาเคาท์ดาวน์ให้ดูกันแบบ 1 ปี จนถึงคืนก่อนแต่งงานเลยทีเดียว

1 ปีก่อนถึงวันแต่งงาน

วางงบประมาณ เรื่องเงินเป็นเรื่องสำคัญ “จะเปย์เท่าไหร่ไปกับงานแต่ง ?” คือสิ่งแรกที่คุณบ่าวสาวต้องปรึกษากัน ก่อนจะเริ่มลงมือวางแผนจัดงานในขั้นตอนต่อไป หรือจะจูงมือกันไปปรึกษาเวดดิ้งแพลนเนอร์เพื่อช่วยให้ วางแผนจัดงานแต่ง เป็นเรื่องง่ายขึ้นก็ได้

ลิสต์รายชื่อแขก เมื่อจำนวนเงินมาแล้ว อันดับต่อมาคือเรื่องแขก ว่างบเท่านี้ของเรา ควรจะเชิญแขกมาเท่าไหร่ดีนะ อ้อ! อย่าลืมเผื่อสำหรับแขกของคุณพ่อ คุณแม่ด้วย

เลือกธีมงานแต่ง ก่อนจะเริ่มคิดตกแต่งและหาสถานที่ เรื่องธีมและคอนเซปต์ของงานเป็นเรื่องสำคัญมว๊าก ที่จะช่วยให้การจัดงานเป็นเรื่องง่าย การเข้ามาดูไอเดียใน แพรว wedding ก็ช่วยให้ได้ไอเดียดีๆ นะ

10 เดือน ก่อนถึงวันแต่งงาน

– หาเวดดิ้งแพลนเนอร์ เมื่อมีครบทั้งเงิน ทั้งธีมแล้ว จึงเริ่มมองหาเวดดิ้งแพลนเนอร์ โดยบ่าวสาวสามารถเลือกแพลนเนอร์ได้จากการพูดคุย ดูจากผลงานที่ผ่านมา ซึ่งแต่ละเจ้าก็มีแนวงานที่ถนัดแตกต่างกัน ลองเอามาเปรียบเทียบกับธีมงานของเรา แล้วค่อยตัดสินใจเลือกก็ได้

– จองสถานที่ เมื่อได้ธีมหรือคอนเซปต์ของงานแล้ว บ่าวสาวจะรู้ว่าต้องการสถานที่แบบไหน งานกลางแจ้ง หรืองานในโรงแรม เมื่อตกลงปลงใจเรื่องสถานที่แล้ว ก็อย่ารอช้ารีบไปจองสถานที่เลย เพราะถ้าช้าอาจทำให้ผิดหวังได้ โดยเฉพาะช่วงพีคของงานแต่งอย่างช่วงต้นปี-ปลายปี เป็นต้น

– มองหาชุดแต่งงาน เป็นช่วงที่บ่าวสาวเริ่มต้องมองหาชุดแต่งงานที่ถูกใจแล้ว บางคนอาจจะคิดว่าอีกตั้ง 10 เดือน จะรีบไปทำไม แต่อย่าชะล่าใจไป เพราะเชื่อสิว่ากว่าจะได้ชุดที่ถูกใจต้องตระเวนหาอีกหลายร้านจนเหนื่อยเลยล่ะ

8 เดือน ก่อนถึงวันแต่งงาน

– จองช่างภาพ หากอยากได้ช่างภาพชื่อดัง ยิ่งต้องจองแต่เนิ่นๆ เพราะบางทีคิวของช่างภาพก็ยาวข้ามปี ส่วนวิธีเลือกช่างภาพก็เหมือนหาแพลนเนอร์ คือดูผลงานที่ผ่านมา อ่านรีวิวต่างๆ และอย่าลืมตกลงกับคุณช่างภาพเรื่องไฟล์ภาพ รูปภาพ และการรีทัชภาพให้เรียบร้อย

– เลือกเค้กแต่งงาน อย่าสงสัยว่าทำไมเลือกล่วงหน้านานจัง เพราะการทำเค้กสักก้อนต้องใช้เวลานาน ทำให้ร้านเค้กชื่อดังที่คิวแน่นๆ ก็คิวเต็มเร็ว หรือถ้ายิ่งอยากได้เค้กวิจิตรพิศดารก็ต้องใช้เวลาทำนานไปอีก การสั่งล่วงหน้าจึงเหมือนเป็นการเพิ่มโอกาสให้ได้เค้กจากร้านที่ชอบ

6 เดือน ก่อนถึงวันแต่งงาน

– ซื้อแหวนแต่งงาน แหวนแต่งงานนะ ไม่ใช่แหวนหมั้น ถึงจะเป็นแหวนเรียบๆ แต่ถ้ามีดีเทลพิเศษก็ยิ่งต้องเฟ้นหา และก็เหมือนชุดแต่งงานนั่นแหละ เพราะมีโอกาสน้อยมากที่บ่าวสาวจะได้แหวนแต่งงานที่ถูกใจตั้งแต่ร้านแรกที่เข้าไปดู

วางแผนฮันนีมูน เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการคุยกันว่าคู่เราจะไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ที่ไหนดี แล้วยิ่งไปต่างประเทศ การจองตั๋ว ทำวีซ่า เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องวางแผนกันดีๆ นะ อ้อ! อย่าลืมมองหาโรงแรมที่เป็นส่วนตัวด้วย อิอิ

สั่งตัดชุดเพื่อนเจ้าสาว ชุดเพื่อนเจ้าสาวนั้นยุ่งมาก ยิ่งถ้าเพื่อนเยอะ ความวุ่นวายก็ยิ่งมาก ไหนจะเรื่องผ้าที่เอามาตัดชุด ไหนจะแบบของคุณเพื่อนแต่ละคนที่แตกต่างกัน ไม่นับรวมระยะเวลาที่ใช้ในการตัดอีก บางคู่อาจแก้ปัญหาด้วยการ ให้ผ้าสาวๆ ไปตัดกันเองก็จะช่วยลดระยะเวลาลงได้มากเหมือนกัน แต่ปัจจุบันร้านเช่าชุดแบบสำเร็จรูปก็มีแบบและสีให้เลือกเยอะมาก ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ช่วยลดความปวดหัวและย่นระยะเวลาลงไปได้อีกอึดใจหนึ่ง

4 เดือน ก่อนถึงวันแต่งงาน

เลือกชุดเพื่อนเจ้าบ่าว ชุดเพื่อนเจ้าบ่าวมีความยุ่งยากน้อยกว่าชุดของสาวๆ แต่!…ถ้าตัดชุดสูทแบบทางการระยะเวลา 4 เดือนเนี่ย ถือว่าปกติเลยนะ เพราะความละเอียดของชุดเอย งานคัดติ้งเอย แล้วไหนจะคิวช่างอีก แต่ถ้าจะเปลี่ยนจากชุดทางการเป็นชุดลำลองสบายๆ ก็ช่วยลดความยุ่งยากและระยะเวลาได้ แต่อาจจะต้องตกลงเรื่องสไตล์และธีมสีกันให้ดีๆ นะ

– มองหาช่างหน้า ช่างผม เราอยากจะบอกว่าหากต้องการช่างหน้า ช่างผมตัวท็อปนี่อาจเป็นเวลาที่ช้าเกินไปด้วยซ้ำ เพราะว่าเหล่าตัวท็อปคิวแน่นกันข้ามปี แต่ถ้าไม่แคร์เรื่องนี้ก็ไม่เป็นไร ซึ่งขั้นตอนการเลือกก็ไม่ยากเท่าไหร่ ดูจากผลงานที่ผ่านมา หรือดูจากรีวิวเจ้าสาวรุ่นพี่ แต่ถ้าคุณมีงบเยอะหน่อยและต้องการสร้างความมั่นใจ ก็อาจไปให้ช่างลองแต่ง ลองทำผมดู ถ้าถูกใจก็ตกลงราคากันให้เรียบร้อย ว่าราคานี้ รวมแต่งเพิ่มช่วงระหว่างงานด้วยไหม ถ้าแต่งญาติเจ้าสาวด้วยจะคิดเพิ่มเท่าไหร่

– เลือกเมนูอาหาร หากเป็นอาหารของโรงแรมหรือสถานที่จัดงานเรื่องก็ง่ายหน่อย เพราะส่วนใหญ่มาเป็นแพคเกจอยู่แล้ว แต่ถ้าอยากหาจากข้างนอกมาเอง ก็ต้องติดต่อกันล่วงหน้าแต่เนิ่นๆ เตรียมรายละเอียดเรื่องจำนวนแขกเอาไว้คุยกับทางร้านให้เรียบร้อย และที่สำคัญอย่าลืมแจ้งโรงแรมหรือสถานที่จัดงานด้วยนะ เพราะอาจมีการเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมตามมาได้

– เลือกของตกแต่งงาน สำหรับบ่าวสาวที่มอบหมายให้เวดดิ้งแพลนเนอร์ดูแล ขั้นตอนนี้คุณก็แค่ตัดสินใจว่าชอบหรือไม่ชอบ มีดีเทลอะไรที่อยากได้เป็นพิเศษไหม แต่ถ้าเป็นคู่ที่จัดงานเองก็อาจถึงเวลาลงพื้นที่ถิ่นผู้ผลิตงานต่างๆ หรือจะไปช้อปปิ้งที่จตุจักรก็สนุกนะ

 

2 เดือน ก่อนถึงวันแต่งงาน

– ส่งการ์ดเชิญ สองเดือนก่อนแต่งงานเป็นช่วงเวลาที่บ่าวสาวต้องตระเวนรอบเมือง เพื่อส่งการ์ดเชิญให้กับแขกผู้ใหญ่ ผู้มีเกียรติต่างๆ รวมไปถึงแก๊งเพื่อน หรือถ้าเป็นบุคคลที่สนิทๆ มากอาจใช้วิธีเชิญทาง Facebook หรืออีเมล์ก็ได้ แต่อย่าใช้วิธีนี้กับผู้ใหญ่เด็ดขาด!

– จัดลำดับพิธีในงาน เป็นช่วงที่แต่ละอย่างเริ่มชัดเจนมองเห็นเป็นรูปร่างแล้ว ก็มาถึงการจัดลำดับว่าในงานจะเกิดอะไรขึ้น มีขั้นตอนอย่างไร ลองรันพิธีดูจะทำให้เห็นว่าติดขัดตรงไหนจะได้แก้ไขได้ทัน

– ลองชุดเป็นครั้ง(รอง)สุดท้าย นี่เป็นการลองชุด(เกือบ)ครั้งสุดท้าย หากไม่มีอะไรปรับแก้ทุกอย่างผ่านฉลุยก็จะเป็นเรื่องราวดีๆ แต่หากยังแก้ไม่จบ เรายังเหลือเวลาสำหรับความเป๊ะนี้อีกครั้ง

1 เดือน ก่อนถึงวันแต่งงาน

– จดทะเบียนสมรส เป็นช่วงเวลาที่บ่าวสาวไม่ยุ่งมาก สามารถปลีกตัวไปจดทะเบียนสมรสกันได้ (ในกรณีที่ไม่ได้วางแผนจดทะเบียนกันในงานแต่งงานนะ) สำหรับบ่าวสาวรุ่นใหม่ที่อยากทำสัญญาก่อนแต่งงานก็สามารถร่างขึ้นได้ในช่วงนี้เลย โดยอาจจะต้องปรึกษาคุณทนายให้เข้ามาช่วยในการร่างสัญญาครั้งนี้

– งานเลี้ยงสละโสด ถึงเวลาแล้วที่จะสนุกสุดเหวี่ยงไปกับงานเลี้ยงสละโสดแล้ว

2 อาทิตย์ ก่อนถึงวันแต่งงาน

– ลองชุดครั้งสุดท้าย นี่คือโอกาสสุดท้ายแล้วสำหรับการลองชุดแต่งงาน หลังจากนี้ชุดควรจะต้องพร้อมใส่ 100 % ไม่ควรปรับแก้อะไรอีกแล้ว

– คุยกับช่างภาพ บอกลำดับพิธีการของงานแต่งงานว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง รวมไปถึงว่าคุณอยากได้รูปภาพช็อตไหนเป็นพิเศษ ซีนไหนที่ต้องมีรูป ลิสต์มาให้ช่างภาพเขารู้เลยทีเดียว

– เลือกเพลงในงานแต่ง บอกตรงๆ นี้เป็นเรื่องที่ยากมากจริงๆ กับเรื่องเพลงมาเปิดในงานแต่ง ให้ลิสต์ออกมาว่าช่วงไหนของงานบ้างที่ต้องมีเพลงเปิด แล้วแต่ละช่วงต้องการเพลงแบบไหน จะทำให้การเลือกเพลงเป็นเรื่องง่ายขึ้น

2 วัน ก่อนถึงวันแต่งงาน

– ผ่อนคลายทุกอย่าง เป็นช่วงเวลาที่บ่าวสาวต้องผ่อนคลาย อย่าเครียดอย่ากังวล อะไรอีกแล้ว

– ทำเล็บ คุณเจ้าสาวที่วางแผนจะไปทำเล็บไม่ว่าจะแค่ตัดเล็บ ไปจนถึงต่อเล็บ ก็ควรทำวันนี้ เพราะไม่เร็วเกินไปจนเล็บยาวโคนเล็บโผล่ และช้าเกินไปจนไม่มีเวลาสร้างความคุ้นเคยกับเล็บใหม่

– คอนเฟิร์มทุกสิ่ง คอนเฟิร์มทุกอย่างให้เรียบร้อย แล้วปล่อยใจให้สบาย

1 วัน ก่อนถึงวันแต่งงาน

– พักผ่อนให้มากๆ เป็นวันที่บ่าวสาวไม่ควรทำอะไรแล้ว นอกจากพักผ่อนให้มากๆ ปล่อยตัว ปล่อยใจให้สบาย เข้านอนแต่หัวค่ำ แล้วรอรับความสุขในวันพรุ่งนี้

เห็นไหมว่าช่วงเวลา 1 ปี ไม่นานเกินไปเลยสำหรับการ วางแผนจัดงานแต่ง และถึงแม้จะมีขั้นตอนอะไรมากมาย แต่ถ้าบ่าวสาวช่วยกันคิด ช่วยกันทำ ทุกอย่างก็เป็นเรื่องง่ายแน่นอน

ภาพ pixabay

ย้อนรอยไปดูพิธีรดน้ำสังข์ พิธีไทยในงานแต่งงานแบบไทยในอดีต

เมื่อถึง พิธี รดน้ำสังข์ ซึ่งในอดีต อาจแยกจัดวันอื่นก็ได้ตามฤกษ์ เป็นเวลาที่เพื่อนเจ้าบ่าวและเพื่อนเจ้าสาวจะได้ทำหน้าที่ ถ้าตามธรรมเนียมเก่า เพื่อนเจ้าบ่าวกับเพื่อนเจ้าสาวจะมีกี่คนก็ได้ แต่ต้องเป็นจำนวนคู่และต้องแต่งงานแล้ว หรือนิยมให้เป็นเพื่อนชายหญิงที่กำลังวางแผนจะแต่งงาน เพื่อจะได้เรียนรู้งานไปด้วย ไม่นิยมให้เป็นหนุ่มสาวที่ยังโสด เพราะเชื่อว่าจะทำให้หนุ่มสาวคนนั้นๆ ไม่ได้แต่งงาน

คนที่อาวุโสที่สุดในกลุ่มเพื่อนเจ้าบ่าว จะต้องทำหน้าที่อาราธนาศีลตอนพระสวดมนต์ โดยที่เจ้าบ่าวเจ้าสาว และเพื่อนบ่าวสาวคนอื่นๆ ต้องร่วมนั่งฟังพระสวด และในพิธีนี้ จะมีการทำน้ำพระพุทธมนต์เพื่อไว้ใช้ตอนรดน้ำสังข์ด้วย

หลังฟังพระสวดพระพุทธมนต์ ถวายจตุปัจจัยไทยธรรมเรียบร้อย เมื่อได้ฤกษ์รดน้ำบ่าวสาวจะขึ้นไปนั่งบนแท่นรดน้ำที่มีหมอนสำหรับรองมือและพานรองน้ำสังข์ โดยเจ้าบ่าวอยู่ด้านขวา และเพื่อนเจ้าบ่าวและเจ้าสาวยืนอยู่ด้านหลัง จากนั้น ให้ประธานในพิธีทำการเจิมและสวมมงคลแฝดให้บ่าวสาว (หรือจะสวมมงคลก่อนเจิมก็ได้) หากพระสงฆ์เป็นผู้เจิม ท่านจะเจิมเจ้าบ่าวก่อน แล้วค่อยจับมือเจ้าบ่าวเพื่อเจิมหน้าผากให้เจ้าสาวแทน เพราะพระสงฆ์ไม่สามารถถูกเนื้อต้องตัวฝ่ายหญิงได้ มงคลแฝดจะถูกโยงห่างจากกันประมาณ 2 ศอกเศษ เพื่อให้สะดวกแก่คนทั้งคู่ ส่วนด้านปลายของมงคล ให้โยงมาพันที่บาตรน้ำมนต์ และด้านหางสายสิญจน์ พระสงฆ์ทุกรูปจะถือโยงไว้โดยนำปลายสายสิญจน์ใส่ไว้ในพานและสวดชยันโตตลอดพิธี

รดน้ำสังข์
ข้าวของเครื่องใช้ใน พิธี รดน้ำสังข์

เมื่อเริ่มพิธีจะมีคนคอยตักน้ำพระพุทธมนต์เติมในสังข์เพื่อส่งให้ญาติผู้ใหญ่ที่ทยอยมารดน้ำสังข์ และมักจะกล่าวอวยพรให้ครองรักกันอย่างมีความสุข “ถือไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชร” หรือ “มีลูกเต็มบ้าน มีหลายเต็มเมือง” เมื่อรดน้ำและอวยพรเรียบร้อย แขกจะได้รับของชำร่วยเป็นที่ระลึก

หลังเสร็จสิ้นพิธีรดน้ำจะมีการปลดมงคลออกจากศีรษะ โดยญาติผู้ใหญ่ที่นับถือและดึงให้มงคลออกจากกัน ก่อนส่งให้เจ้าบ่าวและเจ้าสาวคนละวงเพื่อนำไปพันข้อมือไว้ เมื่อเข้าหอแล้ว ให้นำด้ายผูกข้อมือจากมงคลแฝดยัดใส่ที่นอน ซึ่งในอดีต เจ้าสาวจะเป็นคนเย็บเองและจะเย็บค้างไว้เพื่อการนี้ และเมื่อใส่ด้ายมงคลแฝดเข้าไปแล้ว คู่สามีภรรยาจะช่วยกันเย็บปิดช่องที่นอนให้เรียบร้อย

และเพราะมีความเชื่อเรื่องเคล็ดกันว่า หากฝ่ายใดลุกขึ้นจากแท่นรดน้ำก่อน จะเป็นฝ่ายที่ได้อยู่เหนือคู่ครองของตน คือถ้าฝ่ายหญิงลุกก่อน สามีมักจะกลัวเกรง ภายหลังจึงมีการเชิญให้ผู้ใหญ่กล่าวให้ทั้งสองลุกขึ้นพร้อมกัน โดยที่เจ้าบ่าวจะช่วยประคองเจ้าสาวขึ้นมาแทน และหลังพิธี รดน้ำสังข์ มักมีการเลี้ยงฉลองกันต่อในตอนกลางคืน

ภาพเปิดจากงานแต่งงานคุณเจน & คุณตั๋ง ถ่ายโดย Sixtysix Visual

ติดตามเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับพิธีงานแต่งไทยอีกเพียบที่นี่ คลิกเลย!

สวยแบบ 360 องศากับการแมตช์ลุคเจ้าสาวให้เข้ากับสถานที่แต่งงาน

รวมไอเดีย ลุคเจ้าสาว ในวันสำคัญให้เข้ากับสถานที่แต่งงาน

หลังจากได้ธีมงานที่ชัดเจนแน่นอน ตามมาด้วยชุดเจ้าสาวที่ใช่ ก็ถึงเวลาหา ลุคเจ้าสาว ทั้งการแต่งหน้าและทรงผมที่จะช่วยส่งให้ภาพรวมของเจ้าสาวดูเป็นบุคคลสำคัญที่สุดของงานให้ดูสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ แน่นอนว่าต้องไม่เพียงแค่ดูไปด้วยกันกับทุกสิ่งทุกอย่างภายในงาน แต่ต้องมีความถูกต้องเหมาะสม เพื่อช่วยให้เจ้าสาวรู้สึกสะดวกสบายที่สุด แพรว wedding เลยหยิบเอา 5 ธีมงานเด่นมาเป็นตัวอย่างในการผสมผสานแบบของชุดเจ้าสาวให้เข้ากับทรงผมและลุคของเมคอัพในวันสำคัญ ช่วยให้คุณไม่เพียงแค่เป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุด แต่ยังมีความสุขอย่างเต็มที่ที่สุดอีกด้วย

In The Garden

งานแต่งในสวนสวยกำลังเป็นเทรนด์ในปีนี้ และเมื่อนึกถึงชุดเจ้าสาวที่จะไปด้วยกันกับธีมงานแบบนี้คงจะต้องเป็นชุดเจ้าสาวทรงไอ (I) ทรงเอ็มไพร์ (Empire) หรือทรงเชท (Sheath) ที่มีลักษณะชายกระโปรงไม่แผ่กว้างจนเกินไป เหมาะกับการเดินบนพื้นหญ้าหรือพื้นกรวดในสวน รวมทั้งช่วยส่งให้ช่วงตัวเจ้าสาวดูสูงโปร่งโดยไม่ต้องพึ่งส้นสูงอีกด้วย

สำหรับงานกลางแจ้ง สิ่งที่ต้องระวังเป็นพิเศษคือ เมคอัพของเจ้าสาว เพราะแสงแดดตามธรรมชาติจะไม่ได้ช่วยอำพรางหรือทำให้ผิวพรรณดูนวลเนียนเหมือนแสงในสตูดิโอ เมคอัพลุคของเจ้าสาวจึงควรเน้นการแต่งผิวให้ดูเป็นธรรมชาติที่สุด เมคอัพลุคที่เหมาะกับเจ้าสาวในสวนสวยคือ ลุคสีธรรมชาติ ไม่เน้นดวงตาหรือสีปากจัดจ้าน อาจเน้นพวงแก้มด้วยบลัชออนหรือไฮไลเตอร์ที่มีส่วนผสมของชิมเมอร์เนื้อละเอียด เมื่อแสงแดดตามธรรมชาติตกกระทบผิวหน้าจะได้ช่วยให้ผิวดูเปล่งประกายสวยงาม ตบท้ายด้วยความเพอร์เฟกต์ของลุคเจ้าสาวด้วยทรงผมฟุ้งเบาประดับดอกไม้ที่มีสีสันเข้ากับธีมงานของคุณ

ลุคเจ้าสาว

 

ติดตามลุคเจ้าสาวสำหรับ Luxury Ballroom Wedding ได้ที่หน้าต่อไป >>

สารพัดไอเดียจัดงานแต่งงานเล็กๆ กับเทคนิคที่จัดตามได้แบบไม่ยาก

บ่าวสาวหลายคู่อยากจะมี งานแต่งงานเล็กๆ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง เพราะคิดแล้วคิดอีกยังไงแขกก็หลักร้อย กลายเป็นงานใหญ่ระดับช้าง เราจึงมี 5 เทคนิคดีๆ กับวิธีจำกัดแขกให้เหมาะกับงานแต่งงานเล็กๆ ในฝันมาฝาก

งานแต่งงานเล็ก

หาสถานที่ที่รองรับคนได้จำนวนน้อย เพราจะเป็นการบีบให้คุณบ่าวสาวสามารถจำกัดจำนวนแขกได้แบบเด็ดขาด ไม่ต้องเชิญแบบสะเปะสะปะ เพราะพื้นที่มีน้อย ต้องใช้สอยอย่างประหยัดและให้คุ้มค่าที่สุด

งานแต่งงานเล็กๆ

มีจำนวนแขกไว้ในใจ การตั้งตัวเลขจำนวนแขกในใจควรเป็นจำนวนที่น้อยกว่าจำนวนสูงสุดที่พื้นที่จัดงานสามารถรองรับคนได้ จะยิ่งทำให้จำนวนคนน้อยลง งานจะได้เล็กสมใจ

งานแต่งเล็กๆ

เชิญเฉพาะคนสนิทที่คุณรักจริงๆ เท่านั้น

จัดงานแบบ Sit-Down Dinner คือล็อคที่นั่งเอาไว้ให้เลย พร้อมบอกไว้ในการ์ดด้วยว่า เชิญแขกจำกัดเท่านั้น ห้ามนำผู้ติดตามมานะจ๊ะ แขกจะได้ไม่งอกเพิ่มแบบไม่รู้ตัว

ไม่ต้องจ้างวงดนตรีใหญ่โต แค่มีเพลย์ลิสต์เพลงซึ้งๆ ที่ชอบ เปิดกับเครื่องเสียงดีๆ ก็ได้บรรยากาศโรแมนติคแล้ว หรืออาจจะขอแรงเพื่อนสักคนมาช่วยคุมเปิดเพลงในจังหวะพิเศษ อย่างตอนเต้นรำก็ได้

ส่วนด้านล่างคือ ไอเดียตกแต่งงานแต่งงานขนาดเล็ก ให้มีบรรยากาศน่ารัก อบอุ่น

เพียงเท่านี้ก็ได้ งานแต่งงานเล็กๆ ที่แสนอบอุ่นสมใจแล้ว ส่วนการตกแต่งงานแต่งงานนั้นก็จัดได้เลยตามสบายแบบที่คุณทั้งสองชื่นชอบ

ภาพ pinterest

ยังมีไอเดียจัดงานแต่งสวยๆ อีกเพียบ คลิก 

จัดงานแต่งริมทะเล อย่าลืมเช็ค 6 เรื่องนี้ให้ดีก่อน

เจ้าสาวคนไหนที่อยาก จัดงานแต่งริมทะเล ต้องมั่นใจและเช็คให้ชัวร์ โดยเฉพาะ 6 เรื่องนี้ ห้ามพลาด! ห้ามหลุด! ไม่อย่างนั้นงานแต่งในฝันอาจกลายเป็นฝันร้ายที่คอยหลอนไปตลอดชีวิตก็ได้

1. สถานที่แต่งงานกับจำนวนแขก

แม้ว่าชายหาดจะเป็นสถานที่เปิดโล่งและกว้างขวาง แต่ก็ไม่เหมาะกับการจัดงานที่มีแขกจำนวนมาก เพราะการดูแลแขกให้ทั่วถึงเป็นเรื่องยาก เราจึงมักจะได้เห็นงานแบบนี้เป็นงานแต่งเล็กๆ ฉลองกันแบบส่วนตัวมากกว่า ซึ่งโดยส่วนมากแล้วโรงแรมมักจะจำกัดแขกอยู่ที่ประมาณ 100-200 คน a a a a  a  a  a  a  a a aa aa a a aa a a a  a

2. การเดินทาง

งานริมทะเลมักเป็นงานแต่งที่จัดขึ้นในต่างจังหวัด ทำให้การเดินทางอาจไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่นัก ยิ่งโดยเฉพาะการจัดงานที่ชายหาดส่วนตัวที่การเดินทางก็จะยิ่งเป็นเรื่องยากมากขึ้น เพราะฉะนั้น บ่าวสาวที่คิดจะจัดงานแต่งงานริมทะเลจึงต้องคิดเรื่องการเดินทางให้ดี ว่าจะต้องจัดรถรับส่งด้วยหรือเปล่า

จัดงานแต่งริมทะเล3. ที่พัก

ส่วนใหญ่แล้วแขกจำนวนหนึ่งรวมถึงครอบครัวของบ่าวสาวมักจะต้องค้างคืน อาจจะต้องมีการเปิดห้องพักเพิ่ม ซึ่งนั่นก็หมายถึงค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน แต่โรงแรมริมทะเลก็มักจะจัดแพ็คเกจแต่งงานพร้อมห้องพักจำนวนหนึ่งเอาไว้แล้ว ว่าที่เจ้าบ่าว เจ้าสาวก็อาจจะต้องเลือกแพ็คเกจให้ดีเพื่อความคุ้มค่ามากที่สุด

4. ฝนฟ้าอากาศ

การจัดงานริมทะเลมักจะเป็นการจัดงานกลางแจ้ง เพราะฉะนั้นการเลือกวันนอกจากจะต้องดูฤกษ์มงคลแล้ว พยากรณ์อากาศก็เป็นเรื่องสำคัญ ว่าวันนั้น ฝนจะตก แดดจะออกมากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะช่วงหน้าฝนถ้าเลี่ยงได้ ก็เลี่ยงเถอะค่ะ จะได้ไม่ต้องมานั่งลุ้นตลอดเวลา ช่วงที่น่าสนใจจะจัดงานคือช่วงหน้าหนาวที่อากาศกำลังสบายๆ แถมปราศจากพายุด้วย แต่ก็อย่าลืมเตรียมแผนสำรองเอาไว้หากว่าเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้ย้ายงานเข้าไปจัดในร่มได้อย่างทันท่วงที

5. แสงไฟ

หากว่าเป็นงานกลางวันก็ไม่เท่าไหร่ แต่ถ้า จัดงานแต่งริมทะเล ตอนกลางคืนเรื่องแสงไฟเป็นเรื่องที่ห้ามมองข้ามเด็ดขาด ซึ่งหากจัดสวยๆ แสงไฟก็เป็นอีกจุดที่ทำให้งานสวยขึ้นมาได้ คราวนี้ก็ขึ้นกับคู่บ่าวสาวแล้วว่าอยากได้แสงไฟแบบไหน ไม่ว่าจะเป็น ไฟราว ไฟหยด หรือจะเป็นแสงเทียนในขวดแก้วก็สวยโรแมนติคดีทีเดียว

6. เสียง

การจัดงานริมทะเลเป็นงานที่ต้องสู้กับเสียงธรรมชาติ ดังนั้นเรื่องเครื่องเสียงก็เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องเตรียมเอาไว้ให้พร้อม ถ้าไม่อยากตะโกนกันทั้งงานจนเสียงแหบ เสียงแห้ง แล้วอาจจะพลอยทำให้แขกหงุดหงิดอีกด้วย

นี่คือ 6 เรื่องสำคัญที่บ่าวสาวที่อยากจัดงานแบบนี้ต้องคิดให้ถี่ถ้วน แต่ถ้าตรองมาแล้วว่ารับมือได้สบายมาก ก็จัดงานแต่งในฝันไปเลยคร้า

ดูขั้นตอนการจัดงานแต่งงานได้อีกนะ คลิกเลย

ภาพ pixabay, pinterest

19 โต๊ะทานอาหารงานแต่งงาน ที่แต่งตามได้ด้วยตัวเองง่ายๆ

โต๊ะทานอาหารงานแต่งงาน เป็นสิ่งที่ใกล้ชิดกับแขกผู้มาร่วมงานมากที่สุด คงจะดีไม่น้อยถ้าจะได้ยินเสียงร้องว้าว! ออกมา จากไอเดียของเรา ถ้าอย่างนั้น เรามาจัดให้โต๊ะทานอาหารของเราเป็นที่ประทับใจผู้ร่วมงานกันดีกว่า

แพรว wedding รวบรวม 19 ไอเดีย การจัด โต๊ะทานอาหารงานแต่งงาน ที่สามารถแต่งตามได้มาฝากกัน แบบไหนโดนใจ จัดตามได้เลย

การจัดโต๊ะอาหาร สวยๆจะช่วยเสริมให้เมนูที่เตรียมเสิร์ฟดูพิเศษยิ่งขึ้น แค่ประยุกต์แต่งเติม มิกซ์แอนด์แมตช์นิดๆหน่อยๆ ก็สามารถจัดโต๊ะให้สวยปิ๊งได้ และสิ่งที่ควรคำนึงถึงก็คือ

1. เลือกโต๊ะและจัดเก้าอี้ให้เพียงพอ

เริ่มจากจัดโต๊ะเก้าอี้ให้เพียงพอกับจำนวนผู้ใช้ หากรูปแบบเก้าอี้ที่เข้าชุดมีจำนวนไม่พอดีอาจนำเก้าอี้อื่นๆ มาใช้ร่วมกันได้ ก็จะให้ความรู้สึกเป็นกันเอง ถ้าโต๊ะและเก้าอี้ดูไม่สวยงามลองหาผ้าสีเรียบๆมาคลุมทับหรือตกแต่งเพิ่มเติมด้วยผ้าสวยๆ ริบบิ้นเก๋ๆ หรือช่อดอกไม้เล็กๆ ก็จะได้โต๊ะรับประทานอาหารในรูปแบบใหม่ไม่จำเจ

2. เลือกโทนสีข้าวของเครื่องใช้

เช่น จานชามดอกไม้ ของประดับตกแต่ง ผ้าปูโต๊ะ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ขึ้นอยู่กับธีมงานความชอบหรือรสนิยมของแต่ละคนซึ่งในแต่ละโทนของแต่ละสีก็ให้อารมณ์ความรู้สึกแตกต่างกันดังนี้

  • โทนสีหวานๆ เช่น ชมพู ฟ้า ม่วง ครีม หรือสีพาสเทลให้ความรู้สึกนุ่มนวลสดใสสบายตาและโรแมนติก
  • โทนสีร้อนแรง เช่น แดง ส้ม เหลือง ให้ความรู้สึกอบอุ่นตื่นเต้นเร้าใจและในทางจิตวิทยาเชื่อว่าเป็นโทนสีที่กระตุ้นให้เจริญอาหาร
  • โทนสีเคร่งขรึม เช่น น้ำเงิน น้ำตาล เทา และดำ สร้างบรรยากาศให้ดูเรียบหรูน่าค้นหาและมีเสน่ห์เหมาะจะใช้จัดโต๊ะอาหารสำหรับงานเลี้ยงที่มีแขกรับเชิญเป็นผู้ใหญ่
  • โทนสีเปล่งประกาย เช่น ทอง เงิน โรสโกลด์ และคอปเปอร์ให้ความรู้สึกเจิดจรัสหรูหราอลังการทำให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารของเราดูเป็นภัตตาคารสุดหรูระดับโรงแรมห้าดาว

อย่างไรก็ตามการ จัดโต๊ะอาหาร ไม่จำเป็นต้องเลือกใช้เพียงโทนสีเดียว อาจนำสีอื่นๆ เข้ามาช่วยเสริมบรรยากาศก็ได้อย่างสีขาวก็จับคู่ได้กับทุกโทนสี หรือนำสีต่างๆ มาแมตช์กันตามความสะดวกหรือตามของที่มี เช่น สีทองจากของตกแต่งบนโต๊ะอาหารวางผสมผสานกับสีพาสเทลของผ้าปูโต๊ะก็สร้างบรรยากาศหรูหรา ขณะเดียวกันก็ดูสวยหวานและได้อารมณ์โรแมนติกอีกด้วย

3. ลวดลาย

บนโต๊ะอาหารมักมีลวดลายจากจาน ชาม แก้วน้ำ ผ้ารองจาน และผ้าปูโต๊ะ เราอาจแบ่งหมวดหมู่ของลวดลายได้ดังนี้คือ ลายธรรมชาติ ลายกราฟิก และลายตัวอักษรเทคนิคง่ายๆ ในการเลือกใช้ลวดลายต่างๆ ก็เช่น

  • หากต้องการใช้ผ้าปูโต๊ะ 2 ผืนที่มีลายต่างกัน ผ้าผืนแรกควรมีลวดลายขนาดเล็กส่วนผืนที่สองเลือกใช้ลายขนาดใหญ่เพื่อจะได้เห็นความแตกต่างไม่ลายตาจนเกินไป
  • จาน ชาม แก้วน้ำ ถ้ามีลวดลายสวยแบบจัดเต็มอยู่แล้วก็ควรเลี่ยงการใช้ผ้ารองจานที่มีลวดลายมาก เช่น ควรใช้ผ้าที่มีลายน้อยเล็กๆ พองามหรือใช้ผ้าลูกไม้ก็ดูลงตัว
  • ผ้าลายกราฟิกเท่ๆ กับผ้าลายดอกไม้แสนหวาน หากรู้จักเลือกจับคู่โทนสีให้แมตช์กัน เช่น ผ้าลายกราฟิกสีขาว – น้ำเงิน ปูทับบนผ้าลายดอกไม้สีขาว – ฟ้าด้วยโทนของคู่สีก็ทำให้ทั้งสองลายนี้ใช้ร่วมกันได้อย่างสวยงาม

4. รูปทรง

เลือกใช้ภาชนะต่างๆ บนโต๊ะอาหารได้หลากหลายรูปทรง เช่น กระบอกกลมรี สี่เหลี่ยมผืนผ้า สี่เหลี่ยมจัตุรัส ฯลฯ เมื่อนำมาจัดรวมกันควรเลือกขนาดให้เหมาะสมลงตัวเพื่อไม่ให้โต๊ะอาหารดูแน่นและอึดอัดจนเกินไป

5. สร้างจุดเด่น

ควรมีจุดสวยเด่นมากเป็นพิเศษเพียงจุดเดียว เพื่อเป็นจุดนำสายตาหรือเป็นพระเอกของงานเลยก็ว่าได้ เช่น เชิงเทียนที่จัดไว้กลางโต๊ะ เมนูอาหารสุดพิเศษที่ประดับประดาอย่างสวยงาม หรือแจกันดอกไม้สุดอลังการ ส่วนของตกแต่งเล็กๆ น้อยๆ ก็ต้องสวยงามเช่นกัน แต่ให้ความสำคัญรองลงมาแล้วนำองค์ประกอบต่างๆ มาจัดรวมกันให้กลายเป็นโต๊ะรับประทานอาหารที่ดูสวยสมบูรณ์แบบ

เครดิตภาพ : pinterest
ข้อมูล : baanlaesuan

ติดตามไอเดียและเทคนิคต่างๆเกี่ยวกับงานแต่งงานได้ที่ praewwedding

6 วิธี ลด ค่าใช้จ่ายงานแต่ง ให้สบายกระเป๋า  

จะจัดงานแต่งงานทั้งทีใครๆ ก็รู้ว่าค่าใช้จ่ายมากมายเหลือเกิน ไม่ว่าจะรายจ่ายใหญ่ๆ หรือรายจ่ายยิบย่อย เราจึงมี 6 วิธี ลด ค่าใช้จ่ายงานแต่ง มานำเสนอ ซึ่งเป็นวิธีที่ทำได้จริง แถมไม่ทำให้งานออกมาดูน่าเกลียดอีกต่างหาก

1. ลดจำนวนแขกลง

แม้คุณจะรู้จักคนมากมายกี่สิบ กี่ร้อยคนก็ตาม แต่ในงานแต่งงานของคุณขอมีเพียงแค่คนที่คุณรัก และรักคุณเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว ส่วนเพื่อนของเพื่อน คนข้างบ้าน คนที่รู้จักกันได้ 3 วัน ไม่จำเป็นต้องเชิญเขาเหล่านั้นมาก็ได้ เพราะไม่ใช่เพียงแค่จะลดค่าใช้จ่ายลงไปได้เท่านั้นนะ แต่บางทีคนที่ได้การ์ดเชิญก็งงด้วยว่า เอ๊ะ เขาก็ได้รับเชิญด้วยหรือ แล้วจะไปงานดีไหมนะ

เทคนิคที่ทำให้เชิญแขกได้น้อยแบบไม่มีข้อกังขาก็คือ หาสถานที่แต่งงานเล็กๆ ที่รองรับคนไม่ได้มาก หลังงานแต่งเมื่อมีคนถามก็โทษให้เป็นความผิดของสถานที่ไปละกันเนอะ

2. แต่งช่วง Low Season

การท่องเที่ยวยังมีฤดูกาล งานแต่งงานก็เช่นกัน หากว่าไม่สนใจเรื่องฤกษ์ยามอะไรมากมายนัก การจัดงานแต่งงานช่วงโลว์ซีซั่นก็ทำให้ได้สถานที่จัดงานในราคาที่ถูกลง บางครั้งอาจถูกลงไป 50% เชียวนะ ซึ่งโลว์ซีซั่นของงานแต่งงานก็จะอยู่ในช่วงกลางปี แต่พอถึงสักเดือน 10 – เดือน 2 นั่นละ งานแต่งจะพีคมาก ราคาค่าสถานที่ไม่เพียงพุ่งแบบพรวดๆ แต่ยังหายากอีกด้วย

3. งานเช้า งานเย็น ที่เดียวจบ

การจัดงานเช้าและงานเย็นในสถานที่เดียวกันช่วยลดค่าใช้จ่ายได้มากทีเดียว เพราะเดี๋ยวนี้หลายๆ ที่นิยมจัดแพคเกจเช้าค่ำ ทำให้ราคาถูกลง รวมไปถึงการจัดการต่างๆ ของบ่าวสาวก็แสนง่าย ไม่ลำบากยุ่งยากเหมือนการเช้าที่ เย็นอีกที่ แต่ในกรณีที่งานเช้าจัดที่บ้านของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็เป็นอีกเรื่องนะ เพราะแบบนั้นยังไงก็เซฟกว่าอยู่แล้ว

4. ลำดับความสำคัญเพื่อการจ่ายเงิน

ในการจัดแบ่งงบประมาณสำหรับเรื่องต่างๆ บ่าวสาวควรจัดลำดับความสำคัญว่าอยากให้กับเรื่องอะไรเป็นสิ่งแรกๆ แล้วจัดเตรียมงบก้อนใหญ่สำหรับสิ่งนั้น แล้วลดหลั่นกันลงมาสำหรับลำดับต่อๆ ไป อย่างบางคู่ให้ความสำคัญกับเรื่องอาหารและสถานที่ ก็อาจวางเงินก้อนใหญ่จัดเต็มเรื่องอาหาร และสถานที่ ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็ใช้เงินน้อยหน่อยว่ากันไป แต่หากให้ความสำคัญกับภาพ ก็จ้างช่างภาพชื่อดังซึ่งแน่นอนว่าราคาไม่ถูก ส่วนเรื่องอาหารก็อาจจะเตรียมเงินไว้น้อยกว่า อย่างนี้เป็นต้น ก็จะทำให้ไม่ต้องเสียเงินมากกับทุกเรื่องโดยเฉพาะกับเรื่องที่คุณไม่ได้ให้ความสำคัญ

5. ขอความช่วยเหลือจากคนใกล้ตัว

หลายๆ อย่างอาจขอความช่วยเหลือจากคนรู้จักได้ อย่างเรื่องของอาหารหากมีคนใกล้ๆ เป็นพ่อครัว แม่ครัว ก็อาจให้เขาเหล่านั้นทำให้ แต่ต้องจ่ายเงินให้ด้วยนะ เพราถึงแม้ต้องจ่ายเงินแต่ยังไงก็ไม่เท่ากับที่ต้องจ่ายให้กับร้าน หรือโรงแรมหรอก

6. D.I.Y

ถึงเวลาที่บ่าวสาวต้องโชว์สกิลงานฝีมือกันบ้าง หลายๆ อย่างสามารถทำเองได้ หรือช่วยๆ กันทำ อย่างเช่นของตกแต่งในงานแต่งที่พอจะดีไอวายได้ ของชำร่วยอย่างพวกน้ำผึ้งที่บ่าวสาวสามารถซื้อเยอะๆ มาแบ่งใส่บรรจุภัณฑ์น่ารักๆ เองได้ หรือถ้าเจ้าสาวมีฝีมือด้านการจัดดอกไม้ก็อาจจะจัดช่อดอกไม้และช่อบูโทเนียร์เล็กๆ สำหรับงานแต่งตัวเอง หรือถ้าจะเอาให้สุด จำงานแต่งของ โย่ง – อาร์มแชร์ และ ก้อย – แซทเทอร์เดย์เซย์โกะ ได้ไหม ที่เจ้าบ่าวตัดชุดให้เจ้าสาว เห็นไหมโรแมนติคดีออก อิอิ

เรายังมีวิธีอีกเพียบที่จะช่วยคุณบ่าวสาวควบคุมค่าใช้จ่ายงานแต่ง คลิกเลย

ภาพ pixabay, pinteresr

เฟ้นหา พิธีกรงานแต่ง จากคำแนะนำของกูรู Laura Yuai อาจารย์และพิธีกรมืออาชีพ

บ่าวสาวหลายคู่มักปวดหัวกับการเลือกเฟ้นตำแหน่ง พิธีกรงานแต่ง ว่าจะมอบให้ใครดี หลายต่อหลายงาน มาลงเอยที่เพื่อนๆ กันนี่ละ แต่แท้จริงแล้วตำแหน่งนี้ต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง และจะมอบให้ใครดี แพรว wedding มีคำแนะนำดีๆจากคุณ Laura Yuai อาจารย์สอนงานพิธีกรและพิธีกรมืออาชีพ มาฝากกัน

คุณ Laura Yuai หรือคุณย้วย-นริศรา ศรีจันทราพันธุ์ พิธีกรสาวสวยมืออาชีพ ที่พ่วงท้ายด้วยตำแหน่งอาจารย์สอนงานพิธีกร, บุคลิกภาพ, การพูด, เมคอัพ และภาษาอังกฤษ เจ้าของเว็บไซต์ caanteen.com ได้ให้คำแนะนำเรื่อง พิธีกรงานแต่ง ไว้อย่างน่าสนใจว่า “คนพูดเก่งไม่ได้เป็นพิธีกรได้ทุกคน”

พิธีกรงานแต่ง
คุณ Laura Yuai (ย้วย-นริศรา ศรีจันทราพันธุ์)

“เจ้าบ่าวเจ้าสาวต้องใช้วิจารณญาณในการเลือกพิธีกรงานแต่งงานพอสมควร ส่วนใหญ่ที่พบเห็นกันอยู่ทุกวันนี้คือบ่าวสาวต้องการเซฟงบ จึงมักเลือกพิธีกรจากเพื่อนที่สนิท หรือเพื่อนที่พูดเก่งและกล้าแสดงออก แต่ขอบอกว่า เพื่อนสนิทและเพื่อนที่พูดเก่ง กล้าแสดงออก ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถเป็นพิธีกรได้ หลายงานเจ๊ง เพราะเลือกคนที่มีคุณสมบัติแบบนี้”

คุณสมบัติของคนที่จะมาเป็นพิธีกรที่คุณ Laura Yuai แนะนำคือ

ต้องเคยเป็นพิธีกรมาบ้างแล้ว ไม่ถึงขนาดต้องเป็นมืออาชีพ แต่ควรผ่านเวทีมาบ้าง เพราะถ้าไม่มีประสบการณ์หรือไม่ถนัดการพูดออกไมค์ หรือเป็นแค่คนพูดมาก ปัญหาที่จะเกิดขึ้นคือ เขาจะไม่รู้จักการใช้เสียงและจังหวะการพูด บางคนพูดรัว พูดเยอะ แต่ฟังไม่รู้เรื่อง หรือบางคนตื่นเวทีมือไม้สั่นก้มหน้าก้มตาอ่านสคริปต์ เพราะข้างล่างเวทีกับบนเวทีบรรยากาศและความรู้สึกจะต่างกัน หากหาไม่ได้จริงๆ แนะนำว่าควรจ้างมืออาชีพจะดีกว่า เพราะเรทราคาโดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 3,000 บาท (ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์กับบ่าวสาวและรายละเอียดของงาน) ยอมจ่ายเถอะ เพื่องานที่ออกมาดี  โดยเราอาจจะหาจากอินเตอร์เน็ต ศึกษาดูโปรไฟล์ ผลงานที่ผ่านมาของเขาก่อน ว่าถูกใจเราไหม หรืออีกวิธีหนึ่งคือ สอบถามจากคนที่เรารู้จักให้เขาแนะนำให้เรา ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้วิธีนี้กัน

ข้อควรระวัง!

1. เรื่องของสคริปต์ ควรระวังให้ดี บางคนใช้สคริปต์จากอินเตอร์เน็ต ซึ่งมักเป็นสคริปต์ที่คำพูดไม่สละสลวย หรือเขียนโดยผู้สูงอายุ ซึ่งคำบางคำอาจดูเชยไป ฉะนั้นหากบ่าวสาวจะทำสคริปต์ให้พิธีกรงานแต่งงานของเรา ควรนำสคริปต์นั้นมาปรับภาษาซะใหม่ ให้เป็นภาษาที่สื่อถึงงานคุณ และเป็นภาษาของคุณเอง

2. การขโมยซีน สิ่งที่พิธีกรต้องรู้คือ งานนี้เป็นงานของบ่าวสาวไม่ใช่งานของพิธีกร พิธีกรห้ามเด่นเกินหน้าบ่าวสาวเด็ดขาด พิธีกรมีหน้าที่แค่รันเวทีให้สมูทเท่านั้น บางงานเอาเพื่อนที่สนิทและฮามากๆ มาทำหน้าที่พิธีกร และทำหน้าที่เอนเตอร์เทนออกมาล้นเกิน จนทำให้บ่าวสาวกลายเป็นตัวประกอบ ต่อให้เราเป็นคนสนุกสนานเฮฮาขนาดไหน ก็ต้องลดลงบ้างเพื่อให้เกียรติบ่าวสาว ต้องส่งให้เขาเด่นที่สุดในงาน

3. คำถาม ควรเตี๊ยมกันก่อนอย่าไปเซอร์ไพรส์กันบนเวที เพราะนี่คือเวทีงานแต่ง ไม่ใช่เวทีนางงาม ไม่ต้องให้บ่าวสาวมาแก้ปัญหาเฉพาะหน้า

4. การยืดไปของสคริปต์หรือพิธี จะทำให้งานน่าเบื่อ

5. การอ่านประวัติบ่าวสาว ถ้าอยากให้มี แนะนำว่าให้เขียนสคริปต์ออกมาให้เป็นภาษาพูด ให้เป็นภาษาธรรมชาติและไม่ยาวเกินไป เพราะถ้าเขียนออกมาเป็นภาษาเขียน จะฟังแล้วเหมือนการอ่านประวัติในงานฌาปนกิจ และถ้ายาวเกินไปงานจะน่าเบื่อทันที

6. งดใช้คำหยาบคาย ถ้าจะใช้ให้ใช้ช่วง After Party ที่มีแต่เพื่อนๆ กัน

7. ชื่อที่พิธีกรต้องเอ่ยถึง พิธีกรต้องถามการอ่านว่าอ่านว่าอะไร จดเป็นภาษาคาราโอเกะไว้เลย เพราะชื่อบางคนอ่านยาก แต่ถ้าเกิดการผิดพลาด ก็ “ขออภัยครับ/ค่ะ” แล้วอ่านใหม่ให้ถูกต้อง

8. ช่วงโยนช่อดอกไม้ แนะนำว่าให้บ่าวสาวเป็นคนเรียกชื่อเพื่อนๆ เอง เพราะบ่าวสาวจะรู้ว่าเพื่อนๆ คนไหนโสดบ้าง

ได้คำแนะนำจากมืออาชีพแบบนี้ ก็วางใจหายห่วง และมีแนวทางกันบ้างแล้วใช่ไหมคะ

พิธีกร  

ติดตามผลงานต่างๆ ของคุณ Laura Yuai ได้ที่ เฟซบุ๊ก Laura Yuai , ไอจี @laurayuai

เครดิตภาพ : เฟซบุ๊ก Laura Yuai

ติดตามไอเดียและเทคนิคต่างๆ เกี่ยวกับงานแต่งงานได้ที่ praewwedding

เตรียมของงานแต่งให้ไว กับ 20 สิ่งของต้องมีกันเหตุฉุกเฉินในวันแต่งงาน

วันแต่งงานเป็นอีกวันที่สำคัญที่สุดในชีวิต เพราะฉะนั้นหลายคนจึงอยากสวยอยากหล่อแบบเพอร์เฟ็ก ถึงแม้ว่าหลายคู่จะเตรียมตัวมาดี วางแผนขั้นตอนแบบเป๊ะๆ แต่เราก็อยากให้คุณเตรียมสิ่งของเหล่านี้เผื่อไว้สำหรับเหตุการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นได้ในวันงาน ของที่ควรเตรียมจะมีอะไรบ้างนั้น ตามไปดูกันเลยค่ะ ดูเสร็จแล้วก็อย่าลืม เตรียมของงานแต่ง เหล่านี้ให้พร้อมไว้เลยนะ

เตรียมของงานแต่ง

1. กิ๊บติดผมและยางรัดผมสีดำ

เจ้าสาวและเพื่อนเจ้าสาวที่อยากจะคีพลุคให้ทรงผมสวยอยู่ตลอดเวลา ควรเตรียมกิ๊บติดผมและยางรัดผมสีดำเอาไว้นะคะ จะได้คอยเก็บเส้นผมที่หลุดลุ่ยให้ดูสวยงาม เป๊ะเว่อร์ ตลอดทั้งงาน

babymed

2. เจลกับสเปรย์แต่งผม

นอกจากกิ๊บติดผมและยางรัดผมแล้ว ถ้าอยากจะให้ทรงผมเนี๊ยบ เรียบ เป๊ะ ก็ควรเตรียมเจลและสเปรย์แต่งผมไว้ด้วย เอาไว้เก็บไรผมเส้นเล็กเส้นน้อยที่ชี้โด่ชี้เด่ออกมาและทำให้ผมอยู่ทรง ช่วงอาฟเตอร์ปาร์ตี้จะแดนซ์หนักแค่ไหนก็ไม่หวั่น

humberbayeyecare

3. คอนแทคเลนส์สำรองและน้ำตาเทียม

ข้อนี้สำหรับเจ้าบ่าวและเจ้าสาวที่สายตาสั้น หรือชอบใส่บิ๊กอายส์ให้เพิ่มความสวยงาม แนะนำว่าให้เตรียมสำรองไว้สัก 2 คู่ เพราะถ้าเกิดฉุกเฉินคอนแทคเลนส์หลุดออกมาแล้วตกพื้นก็ไม่สามารถเก็บมาล้างใส่ใหม่ได้นะคะ (อันตรายมาก!) รวมไปถึงน้ำตาเทียมเอาไว้หยอดตาเผื่อว่าโดนลม โดนแอร์แล้วตาแห้งจะได้ไม่ต้องทนเจ็บตานะ

talkbeautyblog.wordpress

4. ขนตาปลอมและกาวติดขนตา

เวลาถ่ายรูปหน้างานแล้วโดนแสงแฟลชมันก็ต้องมีกะพริบตาแบบถี่ๆ แล้วขนตาปลอมหลุดกันบ้าง ขั้นแรกก็ให้ทากาวแล้วติดดูอีกสักทีก่อน ถ้าไม่ได้ผลก็ต้องมีขนตาปลอมอันใหม่ไว้เปลี่ยนนะจ๊ะสาวๆ

ladyat24

5. ลิปสติก

ยืนนาน ทักทายแขกหลายคนอาจจะมีคอแห้งบ้างอะไรบ้าง เวลาดื่มน้ำลิปสติกก็ไปติดอยู่ที่แก้วจนหมด เพราะฉะนั้นพกลิปสติกเอาไว้เติมปากก็ดีนะคะ จะได้ไม่ต้องเป็นเจ้าสาวหน้าป่วยเพราะปากซีด

aliexpress

6. แป้นต่างหูสำรอง

เตรียมไว้สัก 2-3 คู่ก็ดีนะคะ เพราะเจ้าแป้นต่างหูเนี่ยมันก็อันเล็กเนอะ เจ้าสาวหรือเพื่อนเจ้าสาวที่มัวแต่หันซ้ายหันขวาทักทายแขกเหรื่อในงาน ถ้ามันเกิดกระเด็นหลุดไปไหนไม่รู้จะได้ไม่ต้องเสียเวลาหา เปลี่ยนใหม่เลยเร็วกว่าค่ะ

aliexpress2

7. กระดาษซับหน้ามัน

สิ่งนี้ก็เป็นอีกอย่างที่อยากแนะนำว่าควรเตรียมไว้ ห้ามลืมเด็ดขาด ไม่ว่าคุณจะเป็นคนผิวแห้งหรือผิวมัน ถ้าต้องอยู่ท่ามกลางแสงไฟ แสงแฟลชเป็นเวลา 3-4 ชั่วโมงติดกันแล้วไม่อยากหน้าเยิ้มก็เตรียมไว้เถอะค่ะ รับรองว่าได้ใช้แน่นอน

girlsallaround

8. คอตต้อนบัดส์และสำลี

สองสิ่งนี้ไม่ได้จะให้เอามาไว้ปั่นหูนะคะ แต่ควรจะมีไว้เก็บรายละเอียดเมคอัพเล็กๆ น้อยๆ เช่น มาสคาร่าเลอะใต้ตา หรืออายแชโดวส์ย้อยมากองรวมกันที่หางตา จะได้ใช้สองสิ่งนี้ค่อยๆ ปัดออกทีละนิดได้

homelily

9. กระดาษทิชชู่

เตรียมไว้เถอะค่ะ เพราะโมเม้นต์ซึ้งๆ แบบเรียกน้ำตาต้องเกิดขึ้นในงานแน่นอน ทั้งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเอง รวมถึงพ่อแม่ พี่น้อง เพื่อนฝูง ที่พากันน้ำตาไหลเพราะความปลื้มปีติจะได้มีทิชชู่ไว้ซับป้องกันอายไลเนอร์และมาสคาร่าย้อยลงมานะ

clipartsheep

10. กรรไกรตัดเล็บ

เชื่อเถอะว่าอันนี้ก็สำคัญ เพราะว่าทั้งเจ้าสาว เพื่อนเจ้าสาว คุณแม่ และแขกผู้หญิงหลายคนมักจะเกิดเหตุฉุกเฉินเล็บฉีกกลางงานแต่ง บางคนปัดมือไปมาจนเล็บที่ฉีกไปเกี่ยวโดนชุดจนด้ายหลุดลุ่ยก็ไม่สวยอีก บางคนยืนกัดเล็บกันหน้างานมองแล้วเสียบุคลิก เอาเป็นว่าเตรียมไว้สักอันสองอันมันก็คงไม่หนักอะไรมากมายหรอกค่ะ

diytrade

11. มีดโกนหนวด

มีดโกนหนวดอย่าคิดว่าไม่สำคัญนะคะ ควรเตรียมไว้สัก 2 อัน ให้เจ้าบ่าว 1 อัน และเจ้าสาว 1 อัน เผื่อว่าฉุกเฉินเห็นเจ้าบ่าวหนวดแพลม หรือเจ้าสาวขนรักแร้โผล่ มีดโกนหนวดนี่แหละค่ะ ปาดแค่นิดเดียวก็เสร็จแล้ว

cleanbrands

12. เข็ม ด้าย และเข็มกลัด

สิ่งของจำเป็นอันดับ 1 โดยเฉพาะด้ายสีขาวและสีดำสำหรับเจ้าบ่าวและเจ้าสาว เผื่อบางทีชายกระโปรงขาด ซิปแตก หรือกระดุมสูทหลุดจะได้จับมาเย็บมาสอยทันเวลา

articles.mercola

13. ผ้าอนามัย

เจ้าสาวทั้งหลายต้องเตรียม ย้ำว่า ต้องเตรียม! คุณคงไม่อยากให้ชุดเจ้าสาวต้องมีลายแดงๆ หรอกใช่ไหม ถึงแม้ว่าคุณจะนับวันมาดีแล้วก็เถอะ เตรียมไว้ให้สบายใจดีกว่า

shoescaresupplies

14. แผ่นกันรองเท้ากัด

สิ่งนี้เหมาะสำหรับทุกคนในงานแต่ง ไม่ว่าจะเป็นเจ้าบ่าวเจ้าสาว พ่อแม่ หรือแม้กระทั่งแขกเหรื่อในงาน เผื่อไว้ว่าซื้อคู่ใหม่มาใส่วันแรกแล้วโดนรองเท้าทรยศจะได้ไม่ต้องทนเจ็บนะ

sindardd

15. รองเท้าที่ใส่สบาย

สำหรับเจ้าสาวทุกคนที่ต้องยืนถ่ายรูปและต้อนรับแขกนานๆ ถ้ายืนอยู่บนส้นสูงแหลมๆ ก็อาจจะเมื่อย ปวดขา นิ้วเท้าชากันได้ เพราะฉะนั้นให้เตรียมรองเท้าที่ใส่สบาย เช่น รองเท้าส้นตึกที่เป็นแบบหูหนีบไว้เปลี่ยนสลับกับส้นสูง จะได้ไม่ต้องหน้ามุ่ยเพราะเจ็บเท้านะ

123rf

16. ลูกอม

เจ้าสาวที่แต่งหน้าทาปากมาแบบจัดเต็มคุณต้องคีพลุคความสวยนิดนึงนะ จะมายืนเคี้ยวอาหารตุ่ยๆ หน้างานไม่ได้ เพราะฉะนั้นแนะนำว่าทานให้อิ่มก่อนงานเริ่ม และเตรียมลูกอมเอาไว้เผื่อว่าเกิดหิวระหว่างงาน ลูกอมก็ช่วยบรรเทาความหิวได้เหมือนกัน

sromedical

17. ชุดยาสามัญประจำบ้าน

ของแบบนี้เตรียมไว้สักหน่อยก็ดีค่ะ ทั้งยาดม ยาอม ยาหม่อง พลาสเตอร์ และยาแก้ปวด เพราะอะไรๆ ก็ไม่แน่นอนเกิดเจ็บป่วยฉุกเฉินจะได้ปฐมพยาบาลเบื้องต้นได้

aliexpress3

18. ซองใส่เงิน

สิ่งนี้ก็สำคัญนะคะคุณเจ้าภาพทั้งหลาย เพราะบางทีแขกที่เชิญมาอาจจะลืมใส่ซอง หรือมาหาเอาหน้างานจะได้มีพร้อมไว้ให้เขา ไม่ต้องหย่อนเงินสดๆ ลงกล่องเนอะ

2thegrove

19. น้ำหอมและสเปรย์ระงับกลิ่นกาย

สวยแต่รูปอย่างเดียวคงไม่พอ กลิ่นกายก็ต้องหอมด้วยนะคะ เพราะฉะนั้นน้ำหอมหรือสเปรย์ระงับกลิ่นกายขวดเล็กๆ เตรียมไว้ก็ไม่เสียหายค่ะ

save-on-crafts

20. ริบบิ้นสำรอง สำหรับชุดเจ้าสาวแบบคอร์เซ็ต

เจ้าสาวคนไหนที่เลือกเป็นแบบต้องผูกคอร์เซ็ตไว้ด้านหลัง แนะนำว่าควรจะมีริบบิ้นสำหรับผูกคอร์เซ็ตสำรองไว้สัก 2 เส้น เผื่อฉุกเฉินริบบิ้นขาดจะได้มีอีกเส้นไว้ผูกนะคะ

ของจำเป็น 20 อย่างนี้คุณเจ้าสาวหรือคนรอบตัวไม่ต้องถือต้องแบกให้วุ่นวายนะคะ แนะนำว่าหากล่องที่สามารถบรรจุสิ่งเหล่านี้ไว้ได้หมด (ไม่ต้องใหญ่มากนะ) แล้วเก็บไว้ใต้โต๊ะต้อนรับหน้างานก็ได้ค่ะ ถ้าเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้นมาก็แค่หยิบออกมาใช้ แค่นี้ง่ายนิดเดียวเอง

ภาพ : 2thegrove.com, 123rf.com, aliexpress.com, aliexpress2.com, aliexpress3.com, articles.mercola.com, babymed.com, cleanbrands.com, clipartsheep.com, diytrade.com,girlsallaround.com, homelily.com, humberbayeyecare.com, ladyat24.com, save-on-crafts.com, shoescaresupplies.com, sindardd.com, sromedical.com, talkbeautyblog.wordpress.com, wildever.com, http://heavy.com/

ว่าที่บ่าวสาวสายจีนต้องรู้…แบ่งเครื่องขันหมากงานแต่งจีนอย่างไรเมื่อจบงาน

เครื่องขันหมากใน งานแต่งจีน ก็เต็มไปด้วยข้าวของมากมายไม่แพ้งานแต่งไทยเลยทีเดียว ซึ่งแน่นอนว่าบ่าวสาวตี๋หมวยหลายคนก็อาจจะเกิดคำถามขึ้นในใจที่ว่า ของเยอะแยะขนาดนี้เมื่อเสร็จจากพิธีแล้วจะต้องเอาไปไหน แล้วต้องแบ่งให้ใครอะไรยังไงบ้าง มาค่ะ แพรว wedding ขอมาทำหน้าที่ชี้แนะการ แบ่งเครื่องขันหมาก ในงานแต่งจีนให้ว่าที่บ่าวสาวได้รู้กัน

เมื่อถึงฤกษ์หมั้น ก็ได้เวลาที่เจ้าบ่าวจะยกเครื่องขันหมากจัดขบวนมายังบ้านเจ้าสาว นำทีมโดยผู้ใหญ่ฝ่ายชายและแม่สื่อ เพื่อนำสินสอดมามอบให้ และเมื่อจบงาน ฝ่ายเจ้าบ่าวและเจ้าสาวจะแบ่งเครื่องขันหมากกันคนละครึ่ง เช่น

– ขาหมูคนละ 2 ขา

– อ้อยและต้นชุงเฉาคนละต้น

– ลำไย เผือก ไข่ต้ม คนละครึ่ง

– ส่วนหัวใจหมู จะแบ่งไว้ฝ่ายละครึ่ง หรือนำไปประกอบอาหารให้เจ้าบ่าวและเจ้าสาวรับประทานร่วมกันก็ได้ เพื่อเป็นเคล็ดให้ทั้งคู่มีจิตใจเดียวกัน

– ขนมในงานแต่ง ให้แจกจ่ายถึงแขกทุกคนเพื่อประกาศว่าสาวบ้านนี้แต่งงานแล้ว

แต่สิ่งที่เจ้าบ่าวต้องเอากลับไปทั้งหมดคือ กล้วยเครือใหญ่และถาดส้มเช้งของฝั่งเจ้าสาว และยังต้องนำเอี๊ยมสีแดงเสียบปิ่นทองกลับไปด้วย จนเมื่อถึงวันรับตัวเจ้าสาว เจ้าบ่าวจะต้องส่งคืนปิ่นทองมาให้ก่อนเพื่อให้เจ้าสาวติดผมก่อนออกจากบ้าน

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ปัจจุบันสามารถปรับใช้ตามความเหมาะสมและความเชื่อของแต่ละบ้านได้

ติดตามเรื่องราวและความเชื่อเกี่ยวกับพิธีแต่งงานอีกเพียบที่นี่ คลิกเลย! a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a

Party นี้ต้องรอด!! กับ 4 เคล็ดลับจัดปาร์ตี้เฉพาะทีมเพื่อนเจ้าสาว

หลังจากที่สาวๆ ถูกหนุ่มข้างกายขอแต่งงาน เรื่องต่อมาที่หลายคนมักจะวางแผนก่อนที่จะถึงงานวิวาห์ก็คือปาร์ตี้สละโสดแบบเฉพาะกิจที่อยากจะเชิญแค่ ทีมเพื่อนเจ้าสาว มาเท่านั้น ซึ่งการเลือกเพื่อนสาวที่จะได้มาเป็นส่วนหนึ่งในปาร์ตี้ครั้งนี้ก็อาจจะทำให้ว่าที่เจ้าสาวปวดหัวไม่ใช่น้อย เพราะเพื่อนกลุ่มนี้ต้องมาเป็น “ทีมเพื่อนเจ้าสาว” ให้กับคุณในวันงานด้วยนี่สิ แถมคุณดันเป็นคนที่เพื่อนเยอะมว๊ากกกก กลุ่มใหญ่เว่อร์ และไม่อยากให้มีเรื่องดราม่าเกิดขึ้นก่อนวันแต่งงาน ถึงเวลาแล้วที่ว่าที่เจ้าสาวจะต้องพิจารณาเรื่องต่อไปนี้กับแก๊งเพื่อน เพื่อการจัดปาร์ตี้สละโสดนี้ให้รอดแบบโนดราม่า

1. อย่ารีบตัดสินใจ

เรารู้ว่าคุณกำลังตื่นเต้นที่จะได้เป็นเจ้าสาว แต่เราอยากให้สาวๆ เคลมดาวน์ลงสักนิดก่อนจะตัดสินใจว่าทีมเพื่อนเจ้าสาว ที่คุณจะเชิญมาสนุกในปาร์ตี้นี้จะมีใครบ้าง ก่อนอื่นคุณอาจจะต้องบวกลบคูณหารให้ดีว่าจากวันที่จัดปาร์ตี้จนถึงวันแต่งงานนั้นยาวนานเท่าไหร่ หากเกิน 1 ปีก็อาจจะยืดเวลาแล้วลองดูสถานการณ์ความสัมพันธ์ระหว่างคุณและเพื่อนสาวเหล่านั้นสักนิดเพื่อที่คุณจะได้คิดว่า ‘ฉันเลือกไม่ผิดคน’ เพราะบางครั้งอาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น เพื่อนสาวมีภารกิจต้องไปต่างประเทศยาวๆ หรือดันท้องใกล้คลอด เป็นต้น ซึ่งช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่คุณจะสามารถเลือกทีมเพื่อนเจ้าสาวมาร่วมปาร์ตี้ได้อย่างสบายใจคือ 3-5 เดือนหลังจากวันหมั้น หรือหลังจากที่รู้ว่า ‘ฉันจะได้แต่งงานแน่นอน’ ถึงเวลานั้นก็ค่อยถามเพื่อนสาวว่าจะให้เกียรติมาร่วมปาร์ตี้สละโสดนี้กับคุณได้หรือเปล่า

2. สังเกตเพื่อนสาวให้รอบด้าน

ลองสังเกตดูว่า เพื่อนคนไหนของคุณที่ให้การช่วยเหลือ ให้คำแนะนำ และคุณมักจะต้องมีพวกเขาอยู่ร่วมด้วยเสมอในช่วงเวลาสำคัญต่างๆ อาจจะเป็นไปได้ว่าคนๆ นั้นน่าจะเป็นคนที่ได้เข้ามามีส่วนร่วมและมีบทบาทในวันสำคัญของคุณด้วย ลองพิจารณาเพื่อนสาวที่อยู่ในชีวิตของคุณ ที่พร้อมจะอยู่ที่นั่นในวันสำคัญกับคุณ ตื่นเต้นไปกับคุณ และพร้อมให้ความช่วยเหลือกับคุณในเรื่องต่างๆ ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบงาน และเป็นบุคคลที่คุณอยู่ด้วยแล้วรู้สึกสบายใจที่สุด

ทีมเพื่อนเจ้าสาว

3. เพื่อนเจ้าสาว ไม่จำเป็นต้องเป็นเพื่อนสาวที่เราไปเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้

การที่ใครคนหนึ่งในกลุ่มได้เลือกให้คุณเป็นเพื่อนเจ้าสาวในงานแต่งานของเธอ ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องทำแบบเดียวกันนี้กับเธอด้วย คุณอาจเคยไปร่วมปาร์ตี้สละโสดนี้เมื่อสัก 7 ปีที่แล้ว แต่ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างคุณและเธอกลับไม่ได้สนิทสนมกันแบบเมื่อก่อน หรือคุณอาจจะมี BBF (Best Friend Forever) หลายคน และคิดว่าบุคคลเหล่านี้ทั้งหมดจะต้องมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวของคุณ โอย! แค่คิดก็ปวดหัวแล้วใช่ไหมคะ ถ้าอย่างนั้น ลองจัดปาร์ตี้เล็กๆ อีกสักแมตช์แล้วเชิญเพื่อนที่เหลือที่พลาดปาร์ตี้นี้ไปให้มาร่วมสนุกัน หรือคุณอาจจะให้เพื่อนที่เหลือที่ไม่ได้ถูกรับเลือกให้เป็นเพื่อนเจ้าสาว ได้ทำหน้าที่เล็กๆ น้อยๆ ภายในงาน เท่านี้ก็ช่วยลดปัญหาโนดราม่าแล้วค่า

4. ถ้าเลือกได้ คุณอยากติดอยู่ในลิฟต์กับใครบ้าง

ก่อนอื่นลองคิดภาพว่า ถ้าลิฟต์เสียคุณอยากติดอยู่กับใครในลิฟต์ เพราะบางสถานการณ์ในงานแต่งงานก็จะมีความรู้สึกคล้ายการติดอยู่ในลิฟต์กับใครสักคนนั่นแหละ เพราะวันแต่งงานเป็นวันที่เจ้าสาวจะเต็มไปด้วยความวิตกกังวล ความกระวนกระวาย ความหิว และความสติแตก และคนที่จะอยู่ข้างๆ เจ้าสาวในวันนั้น ก็เหมือนกับคนที่คุณจะต้องติดอยู่ในลิฟต์ด้วย เขาคนนั้นจะต้องทำให้คุณใจเย็นลง ทำให้คุณยิ้ม ทำให้คุณหัวเราะ และบางครั้งอาจมีขนมให้คุณรองท้องระหว่างยืนรอถ่ายรูป (ฮ่าๆ) คนกลุ่มนี้แหละคือคนที่จะได้รับมงในตำแหน่งเพื่อนเจ้าสาวแบบโนดราม่า แถมเขายังเป็นคนที่พร้อมจะซับพอร์ตคุณ และช่วยลดความเครียดความกังวลตลอดทริปแต่งงานของคุณตั้งแต่ต้นจนจบได้อีกด้วย

ติดตามไอเดียดีๆ เกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานอีกเพียบที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ unsplash.com

ของขวัญมงคลรับตรุษจีนที่ห้องอาหารจีน แชงพาเลซ โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ

คู่รักที่กำลังมองหาของขวัญมงคลเพื่อไปสวัสดีผู้ใหญ่ แพรวเวดดิ้งขอแนะนำเมนูเมนูมงคลต้อนรับเทศกาลตรุษจีนปีหนูทองเพื่อความรุ่งเรื่องในปี 2563 ที่ห้องอาหารจีน แชงพาเลซ โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ

เฉลิมฉลองหนูทองรุ่งเรืองและเทศกาลตรุษจีนประจำปี พ.ศ. 2563 ด้วยหลากหลายตัวเลือกของขวัญที่ระลึกที่เปี่ยมไปด้วยความหมายประจำช่วงเทศกาลที่รังสรรค์ขึ้นอย่างละเมียดละไม โดย ห้องอาหารจีนแชงพาเลซ แห่งโรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ เพื่อมอบให้กับครอบครัว และคนที่คุณเคารพรักสามารถสั่งซื้อได้ตั้งแต่วันนี้ – 27 มกราคม พ.ศ. 2563  และรับสินค้าได้ตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2563 เป็นต้นไป

เทศกาลตรุษจีน ถือเป็นช่วงเวลาที่คนในครอบครัว รวมถึงมิตรสหาย สามารถร่วมกันสืบสานวิถีชีวิต พร้อมแบ่งปันความอบอุ่นให้แก่กันและกันและนับเป็นวันที่มีความสำคัญมากที่สุดวันหนึ่งในปฏิทินจันทรคติ นอกจากนี้ยังนิยมมอบของที่ระลึกอันมีความหมายเป็นมงคลให้แก่กัน เพื่อแสดงถึงความปรารถนาดีจากผู้ให้ สู่ความเจริญรุ่งเรืองแก่ผู้รับ อาทิ

  • เค้กตรุษจีนรูปปลาคาร์ฟ (เหนียนเกา) ราคากล่องละ 688 บาทถ้วน
  • เค้กนึ่งจีน (มาไล่โกว) ราคากล่องละ 588 บาทถ้วน
  • ขนมผักกาด ราคากล่องละ 588 บาทถ้วน
  • ซาลาเปาไส้ครีมรูปหนูรุ่งเรือง ราคากล่องละ 688 บาทถ้วน

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และสำรองที่นั่งได้ที่ฝ่ายสำรองที่นั่งห้องอาหารของโรงแรมฯ โทร. 0 2236 7777   หรือ 0 2236 9952   หรือ  อีเมล [email protected]  หรือสำรองที่นั่งผ่านเว็บไซต์ที่ https://www.shangri-la.com/bangkok/shangrila/dining/restaurants/shang-palace/book-a-table/

5 ขั้นตอนต้องรู้ก่อนออกแบบแหวนแต่งงานด้วยตัวเอง

แหวนแต่งงาน เป็นแหวนที่บ่าวสาวจะสวมใส่ติดนิ้วไว้ตลอดแบบถอดไม่ได้ ก็เลยอาจจะทำให้หลายคู่ต้องการแบบแหวนที่ค่อนข้างจะเป็นเอกลักษณ์ ไม่ซ้ำใคร มีดีไซน์โดดเด่นแบบใส่แล้วไม่มีเบื่อ หากคู่ไหนเป็นสไตล์มินิมอลรักในแบบแหวนเกลี้ยงเรียบๆ ไร้การตกแต่งก็ถือว่ารอดไป แต่ถ้าคู่ไหนอยาก ออกแบบแหวนแต่งงาน ด้วยตัวเอง แพรว wedding อยากจะชวนมาดู 5 ขั้นตอนในการออกแบบแหวนแต่งงานกันก่อนนะ

1. เลือกอัญมณีที่คุณชอบ

สำหรับการทำแหวนวงใหม่ของคุณ สามารถนำอัญมณีมาเจียระไนให้ได้รูปทรงตามแบบที่ต้องการ

2. เลือกดีไซน์แหวนของคุณ

คุณสามารถหาแรงบันดาลใจในการออกแบบแหวนใหม่ โดยดูผลงานแหวนที่ทำสำเร็จแล้ว หรือจะออกแบบขึ้นมาใหม่ก็ได้

3. เลือกตัวเรือนแหวน

ลักษณะตัวเรือนแหวนแต่ละแบบจะส่งผลต่อขนาดของอัญมณี บางรูปแบบช่วยเสริมให้อัญมณีดูมีขนาดใหญ่ และโดดเด่นมากขึ้น

Four-Prong / Six-Prong / Double-Prong
การฝังหนามเตยสุดฮิต แถมบางร้านยังสามารถออกแบบหนามเตยเป็นรูปหัวใจได้อีกด้วย หรืออาจจะดีไซน์เป็นรูปสามเหลี่ยมเพื่อเพิ่มสีสันและรูปแบบให้ดูเก๋ไก๋มากขึ้น

Four Prong
Six prong
Double prong

Bar Set
การฝังแบบหนีบ ซึ่งก็คือการหนีบเพชรเอาไว้เฉยๆ เพราะฉะนั้นจึงไม่แนะนำให้ใช้กับแหวนที่ต้องใส่ทุกวัน โดยเฉพาะการใส่ทำงานแบบสมบุกสมบัน เพราะพื้นที่ตัวเรือนที่ยึดกับเพชรนั้นมีน้อยจึงอาจทำให้เพชรหลุดออกจากตัวเรือนได้ง่าย

Bezel Set
การฝังแบบหุ้มทั้งเม็ด มีข้อดีคือทำให้เพชรดูเด่นและดูเม็ดใหญ่ขึ้นได้จากระยะไกล แต่ข้อเสียคือการฝั่งแบบนี้อาจจะบดบังประกายระยิบระยับวิบวับของเพชรได้ จึงได้มีการพัฒนาให้เกิดการฝังแบบ Half-Bezel ขึ้นเพื่อช่วยให้เห็นเนื้อเพชรมากขึ้นนั่นเอง

V-Prong
คนไทยนิยมเรียกการฝังแบบนี้ว่า การฝั่งแบบหุ้มหัวเรือ ซึ่งการฝังแบบนี้นิยมใช้กับเพชรที่มีมุม เช่น เพชรทรงสี่เหลี่ยม, เพชรทรงมาร์คีส์ และเพชรทรงหัวใจ เพื่อเป็นการช่วยปกป้องส่วนมุมของเพชรไม่ให้เกิดความเสียหายนั่นเอง

Diamond Tipped
เป็นการฝังเพชรเม็ดเล็กๆ ลงในหนามเตยที่ใช้ยึดเกาะเพชรอีกที ทำให้เมื่อมองไปตรงไหนของตัวเรือนก็เห็นเพชรคมชัดทุกรายละเอียด สร้างความระยิบระยับแบบคูณสองไปอีก

 

4. การหาขี้ผึ้งสำหรับขึ้นตัวเรือนแหวน

ถ้าแบบแหวนของคุณเป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำแบบใครจริงๆ จะต้องมีการสั่งหล่อขี้ผึ้งเพื่อขึ้นตัวเรือนแหวนใหม่ก่อน

5. เลือกวัสดุตัวเรือนแหวน

เป็นขั้นตอนที่ค่อนข้างยุ่งยาก แต่สามารถใช้สีของวัสดุเป็นเกณฑ์ในการเลือกเบื้องต้นได้ โดยสีเหลืองทอง สีทอง และทองคำขาวจะเป็นวัสดุตัวเรือนที่นิยมมากที่สุด

ติดตามไอเดียดีๆ และแบบแหวนแต่งงานสวยๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ pinterest, unsplash

เคล็ดลับ ชีวิตคู่ยืนยาว แบบฉบับ หนูแหม่ม-สุริวิภา และบ๊อบบี้-โรเบิร์ต

ใช้ชีวิตคู่ยาวนานร่วม 20 กว่าปี ไม่รวมที่ศึกษาดูใจกันก่อนแต่งงานอีก 3 ปี ถือว่า คู่ของคุณหนูแหม่ม-สุริวิภา กุลตังวัฒนา และคุณบ๊อบบี้-โรเบิร์ต พูนพิพัฒน์ นั้นมี ชีวิตคู่ยืนยาว มากๆ แพรว wedding มีโอกาสได้พูดคุยกับทั้งคู่ว่าทำยังไงให้ ชีวิตคู่ยืนยาว ได้ถึงขนาดนี้ ซึ่งก็ได้ข้อคิดดีๆ กลับมาเพียบเลย

มีเคล็ดลับในการใช้ชีวิตคู่ยังไง?

หนูแหม่ม : จริงๆ แล้วชีวิตคู่ต้องเรียนรู้กันทุกวัน อย่างทุกวันนี้ก็ยังไม่เลิกที่จะเรียนรู้ เมื่อไหร่ที่เราเลิกเรียนรู้กันและกันก็แสดงว่าเราไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว เคล็ดลับการอยู่ด้วยกันของหนูแหม่มคือ เราต้องไม่เป็นเจ้าของซึ่งกันและกัน ซึ่งมันยากนะ ทุกวันนี้ก็ไม่รู้จะบอกคนอื่นยังไง เพราะบริบทของแต่ละครอบครัวไม่เหมือนกัน เราก็ไม่รู้จะเป็นตัวอย่างให้คนอื่นได้ยังไง แต่เราจะพูดเสมอว่าเมื่อไหร่ที่คุณคิดว่าคุณเป็นเจ้าของเขา ความสัมพันธ์นั้นมันจะสั้น

บ๊อบบี้ : กว่าเราจะมาถึงจุดนี้ คู่เราก็ผ่านการทะเลาะกันเหมือนคนปกติ เราต้องคุยกันเพื่อแก้ปัญหา เมื่อไหร่ที่คนใดคนหนึ่งเงียบ มันจะประทุอยู่ภายในแล้วรอวันระเบิด ถ้าไอไม่สบายใจอะไร ก็จะบอกหนูแหม่ม หนูแหม่มไม่สบายใจก็จะบอกไอ

หนูแหม่ม : เราผ่านการคุย การทะเลาะ การตกลงกันต่างๆ เราผ่านมาแล้วทุกขั้นตอน จนมาคิดได้ว่า เราต้องรู้สึกว่าเขาเป็นเพื่อนเรา และเราไม่ใช่เจ้าของเขา แต่อีกคนก็ต้องทำให้ไว้ใจด้วยนะ อย่างบ๊อบบี้เขาชอบปาร์ตี้ มีเพื่อนเยอะ เราก็จะมีลิมิตให้เขา

แหม่มบ๊อบ

เหมือนให้อิสระซึ่งกันและกัน ?

บ๊อบบี้ : เวลาไอจะไปไหน ไอก็จะบอกเขา และจะไม่เอาปัญหามากระทบหนูแหม่ม

หนูแหม่ม : แต่ถ้าเขาไม่บอกแล้วเรามารู้ทีหลัง ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรนะ ก็แสดงว่าเขาไม่อยากที่จะบอกเรา คนอื่นอาจจะโกรธ แต่เราจะแซวเขามากกว่าว่า แหม ไม่บอกกันเลยน๊า พูดดีๆ แล้วมันจะกลายเป็นเรื่องเบา เราต้องมีวิธีการพูด หนูแหม่มกับบ๊อบบี้เราจะไม่ยุ่งโทรศัพท์กัน ถ้าจะดูก็จะขอเขาดู ไม่แอบหยิบ มีแต่บ๊อบบี้แหละที่มาแอบดูของเรา (หัวเราะ)

บ๊อบบี้ : ก็จะเอารูปให้หนูแหม่มดูว่าไปนี่มานะ ไปกับใครบ้าง เขาก็จะดูแล้วบอกคนนี้สวย คนนี้ไม่สวย

หนูแหม่ม : บ๊อบบี้เขาจะบอกตลอดว่า ผมจะไปที่นี่นะแหม่ม มีผู้หญิงไปด้วยนะ หรือบางทีไปดูคอนเสิร์ตยังมาขอซื้อตั๋วให้ผู้หญิงเลย หนูแหม่มก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะหนูแหม่มไม่ชอบไปดูคอนเสิร์ต ความสุขของคนนึงมันต้องเป็นความสุขของอีกคนด้วยเหรอทั้งที่อีกคนไม่ชอบ ทำไมเขาต้องเอาเราไปผูกมัด และทำไมเราต้องห้ามเขาไม่ให้ไปเพราะเราไม่ชอบ สุดท้ายจะไม่มีใครได้ความสุขเลย ถ้าเรามัวแต่ดึงดันว่าเธอต้องมาอยู่ในความสุขของฉัน

บ๊อบบี้ : เราไม่ได้ไปซื้อคอนโดให้เขา เราแค่ไปดูคอนเสิร์ตกัน หรือบางทีไอจะไปกินซูชิ แต่แหม่มไม่ชอบกินปลาดิบ

หนูแหม่ม : เราก็ให้เขาไปกับแก๊งค์เขา เขาก็จะบอกว่าขอพาเพื่อนผู้หญิงไปด้วยได้มั๊ย เราก็ให้ไปได้ ก็เราไม่ชอบเราก็ไม่ไปกิน เราจะใช้ชีวิตสบาย เพื่อนเรามีความสุข เราก็มีความสุข

 

ในรายการกับในชีวิตจริงๆ แตกต่างกันไหม ?

หนูแหม่ม : เหมือนกันเลยค่ะ มีเฮฮา มีทะเลาะ

เคยทะเลาะกันรุนแรงไหม ?

หนูแหม่ม : 3 ปีแรก 5 ปี 7 ปี เราทะเลาะกันจนแทบจะกระโดดตึกตายมาแล้ว  เราทะเลาะกันรุนแรงมากๆ ตอนช่วงครบรอบ 5 ปีที่เราแต่งงานกัน เราทำอะไรเขาไม่ได้ ด้วยความที่ต่างคนต่างไม่เคยถูกสอนมาให้ทำร้ายกัน เราก็จะข่วนตัวเอง อยากกระโดดตึกตาย อยากวิ่งหัวชนข้างฝา มันเป็นเพราะเราอยากเป็นเจ้าของเขา เราผ่านมาได้เพราะเราคุยกัน เราบอกบ๊อบบี้ว่าไม่ไหวแล้วนะ

บ๊อบบี้ : อะไรที่แหม่มไม่ชอบ เราก็จะไม่ทำ ไม่พูดแบบนั้นอีก

เติมความหวานให้ชีวิตคู่ยังไง ?

บ๊อบบี้ : ทำกับข้าวให้แหม่มกินตอนเช้าทุกวัน

หนูแหม่ม : ไม่มีอะไรจะบอกรักได้ดีกว่านี้แล้ว และอีกอย่างหนึ่งคืออยู่ห่างกันบ้างจะทำให้คิดถึงกันมากขึ้นกว่าเดิม

บ๊อบบี้ : ตอนแรกเลยที่เราแต่งงานกัน วันรุ่งขึ้นผมต้องไปทำงานต่างประเทศ 6 เดือน คือแต่งเสร็จก็ห่างกันเลย ทำให้เรามาเจอกันอีกทีเรายิ่งประทับใจ

หนูแหม่ม : เขาขอไปเที่ยวต่างประเทศกับเพื่อนก็ให้เขาไป แล้วเราก็ไปทำอะไรส่วนตัวของเรา มันก็จะพอดีกัน

เหตุผลที่ทำให้อยู่ด้วยกันมายาวนานถึงขนาดนี้ ?

หนูแหม่ม : เริ่มต้นจากความรัก และเราเลือกแล้วที่เราจะอยู่ด้วยกัน

บ๊อบบี้ : แหม่มเคยบอกไอว่า ผู้หญิงที่ไอพาไปกินข้าว แล้วบอกว่ารักไอน่ะ เขาโกหก

หนูแหม่ม : ถ้าผู้หญิงมาเกาะแกะบ๊อบบี้แล้วบอกว่า Love you all the time เชื่อเถอะว่าเขาโกหก ไม่มีใครรักยูได้ตลอดเวลาหรอก เราสองคนยังมีโกรธ มีเกลียด มีทะเลาะ คนเราต้องมีขาดความรักไปบางช่วงบางตอน อย่างไอนะ บางวันไอรักยูแทบตาย แต่บางวันไอก็เกลียดยูแทบตายเหมือนกัน นี่คือธรรมชาติของคน

แนะนำคู่รักที่คิดจะแต่งงาน

บ๊อบบี้ : อย่าแต่งงานเพราะคิดว่าจะได้ผลประโยชน์จากเขา

หนูแหม่ม : อย่าแต่งงานเพราะเราจะเปลี่ยน อย่าแต่งงานเพราะเขาจะเปลี่ยน หนูแหม่มตัดสินใจแต่งงานกับคนที่เขารักหนูแหม่ม ไม่ใช่กับคนที่หนูแหม่มรักเขามาก สมมติว่าเรามีตัวเลือกในวันที่เราต้องเลือก ระหว่างคนที่เขารักเรากับคนที่เรารักเขา หนูแหม่มจะเลือกคนที่เขารักหนูแหม่ม เพราะถ้าเขารักเราเขาจะดูแลเรา แต่ถ้าเราเลือกคนที่เรารักเขามาก เราจะต้องการครอบครองเขา ต้องการเป็นเจ้าของเขา อันนี้คือเทคนิคในการเลือกคู่ชีวิตของหนูแหม่ม

บ๊อบบี้ : ผมจะไม่เลือกคนที่หน้าตา แต่จะดูที่จิตใจ จิตใจเขาต้องดี ตอนที่เจอหนูแหม่ม ไอมีผู้หญิงสวยกว่า หุ่นดีกว่า แต่ว่าไออยู่กับหนูแหม่มแล้วไอสบายใจ และเราต้องเลือกคู่ชีวิตที่ทำให้ชีวิตเราดีขึ้น ดึงกันขึ้น ไม่ใช่พากันลง ก่อนแต่งงานและหลังแต่งงานเราต้องเหมือนเดิม บางคนหลังจดทะเบียนสมรสปุ๊ป เปลี่ยนเลย ห้ามให้คู่ของเราไปเที่ยว ห้ามกินเหล้า ห้ามนู่นนี่นั่น

หนูแหม่ม : ถ้าเขาดื่มเหล้ามาก สูบบุหรี่จัด เราต้องดูตั้งแต่ตอนเลือกเขาแล้ว ถ้าเขาผ่านเกณฑ์มาได้ ก็น่าจะไม่มีปัญหาในอนาคต บางคนเจ้าชู้มากรู้ทั้งรู้แต่ก็ยังจะเลือกเขา ถ้าคุณคิดแบบนี้คุณต้องยอมรับว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต เขาจะหายเจ้าชู้หลังจากแต่งงานกับคุณมั๊ย หนูแหม่มว่าเป็นไปไม่ได้ และที่สำคัญต้องคิดว่าเป็นเพื่อนกัน อย่าคิดว่าเป็นผัวเมีย เพราะผัวเมียเป็นตั้งแต่เราเมคเลิฟกันแล้ว แต่ถ้าคุณสามารถทำให้อยู่ด้วยกันแบบเพื่อนได้แล้วคุณจะอยู่ด้วยกันได้นาน

คู่รักแหม่ม-บ๊อบคือ?

หนูแหม่ม : เป็นเพื่อน

นับถือความคิดของคู่คุณหนูแหม่มและคุณบ๊อบบี้จริงๆค่ะ ใครที่มีปัญหาในชีวิตคู่ลองนำไปปรับใช้ดูให้เข้ากับคู่ของตัวเองกันนะคะ

คู่รัก

แหม่มบ๊อบ

เครดิตภาพ : pinterest, ไอจี @mamsurivipa

ติดตามไอเดียและเทคนิคต่างๆเกี่ยวกับงานแต่งงานได้ที่ praewwedding

เฉลย!! ทำไมถึงต้องใช้หอยสังข์รดน้ำในพิธีแต่งงานแบบไทยกันนะ

หอยสังข์  เป็นสิ่งสำคัญที่จะขาดไม่ได้ในพิธีรดน้ำสังข์ แล้วเคยสงสัยกันไหมคะว่า เอ๊ะ ทำไมถึงต้องเป็นหอยสังข์? มีความหมายแฝงและความเชื่ออะไรหรือไม่? แล้วสามารถใช้อย่างอื่นแทนได้หรือเปล่า? ไปหาคำตอบพร้อมกันได้เลย 

ความเชื่อเกี่ยวกับหอยสังข์เป็นความเชื่อที่คนไทยรับมาจากพราหมณ์อีกทอดหนึ่ง ซึ่งมีตำนานตามคติพราหมณ์เกี่ยวกับหอยสังข์ว่า เมื่อครั้งพระอิศวรทรงสร้างเขาพระสุเมรุ พระองค์ทรงมีกระแสรับสั่งให้พระพรหมธาดาขึ้นไปอยู่บนพรหมโลกและให้เป็นใหญ่กว่าพรหมทั้งหลาย ก่อให้เกิดความไม่พอใจให้กับพรหมที่มีจิตใจริษยา จึงจุติลงมาเป็นสังข์อสูรอาศัยอยู่ใต้เขาพระสุเมรุ ต่อมาพระพรหมจะนำคัมภีร์พระเวทมาถวายแก่พระอิศวร เมื่อมาถึงที่อยู่ของสังข์อสูรก็เกิดอาการร้อนรุ่มอยากลงสรงน้ำ จึงวางคัมภีร์พระเวทแล้วลงสรงน้ำ เป็นโอกาสให้สังข์อสูรไปขโมยเอาคัมภีร์พระเวทและกลืนลงท้องไป

หอยสังข์

ครั้นเรื่องถึงพระอิศวร พระองค์จึงมีรับสั่งให้เชิญพระนารายณ์เป็นธุระในการไปเอาคัมภีร์พระเวทคืนมา พระนารายณ์จึงได้เข้าต่อสู้กับสังข์อสูรและใช้พระกรล้วงเข้าไปในปากของสังข์อสูรจนได้คัมภีร์พระเวทคืนมา และสาปให้สังข์อสูรมีรูปร่างเป็นหอยสังข์ให้อาศัยอยู่ในน้ำ เมื่อมีผู้ใดประกอบกิจอันเป็นมงคลให้จับหอยสังข์ขึ้นมาร่วมอยู่ในพิธี ด้วยถือว่าหอยสังข์เคยเป็นที่บรรจุคัมภีร์พระเวท (จากการที่สังข์อสูรกลืนเข้าไป) และที่ปากหอยสังข์ก็มีรอยนิ้วมือของพระนารายณ์ประทับอยู่ด้วย ซึ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่มีความเป็นสิริมงคลนั่นเอง

อีกความเชื่อหนึ่งก็คือ เมื่อครั้งที่มีการกวนเกษียรสมุทรเพื่อให้ได้น้ำอมฤตนั้น ก่อนที่จะเกิดน้ำอมฤตได้มีของวิเศษลอยขึ้นมา ซึ่งหนึ่งในของวิเศษ 14 อย่างนั้นก็คือ “หอยสังข์” รวมถึงยังมีความเชื่อที่ว่าหอยสังข์เป็นหนึ่งในศัสตราวุธที่พระนารายณ์ทรงถือไว้ในพระกรอีกด้วย

ความเชื่อสุดท้ายที่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่าก็คือ เปลือกของหอยสังข์นั้นเป็นสีขาวบริสุทธิ์ มีลักษณะเวียนขวาอันเป็นทิศมงคล ดังนั้นจึงมีความเชื่อว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์ น้ำที่ไหลออกมาจะเป็นน้ำมงคล เหมาะแก่การใช้รดน้ำในงานมงคลประเภทต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานวิวาห์ที่นิยมใช้หอยสังข์ในการรดน้ำสังข์ให้กับคู่บ่าวสาว เพื่อความเป็นสิริมงคลและเพื่อเป็นการเริ่มต้นชีวิตคู่ที่ดี

หลังจากนี้หากมีใครเดินมาถามว่าทำไมถึงต้องใช้หอยสังข์ ก็สามารถอวดภูมิความรู้กันได้อย่างเต็มที่ไม่มีกั๊ก

ติดตามความเชื่อในพิธีแต่งงานอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ข้อมูล : www.watkaokrailas.com, www.doyouknow.in.th

ทีมเจ้าบ่าวสลัดลุคหนุ่มเนี๊ยบมาสบายๆ ให้เข้ากับ งานแต่งโบฮีเมี่ยน

เจ้าสาวเดี๋ยวนี้ชอบจัดงานแต่งสไตล์โบฮีเมียนกันเยอะ ซึ่งเป็นงานที่ดูสนุกๆ ด้วยสีสันและความผ่อนคลาย ในขณะที่ชุดเจ้าสาวและเพื่อนเจ้าสาวก็สวย แต่พอหันไปมองทางฝั่งเจ้าบ่าวนี่สิ บางทีก็มีความไม่เข้ากัน เพราะไม่รู้ว่าจะแต่งยังไงดี ถ้างั้นเรามาดูดีกว่าว่า งานแต่งโบฮีเมี่ยน ทีมเจ้าบ่าวควรจะแต่งตัวอย่างไรดี?

สี

งานแต่งโบฮีเมี่ยน

เจ้าสาวหน่ะ เขาสบายๆ สีขาวอมโทนเหลืองอยู่แล้ว ส่วนเจ้าบ่าวก็ควรอิงกับสีธรรมชาติถึงจะเข้ากับ งานแต่งโบฮีเมี่ยน ซึ่งก็จะเป็นสีเอิร์ธโทน อย่าง ฟ้า น้ำเงิน เทา และ น้ำตาล รับรองว่าเอาอยู่เข้ากับงานแน่นอน

เนคไท

งานแต่งโบฮีเมี่ยน

เอาจริงๆ แล้วเนคไทมีความเป็นทางการเกินไปสำหรับงานแต่งสไตล์โบโฮ แต่ถ้าอยากใส่จริงๆ ก็ได้นะ แต่ต้องเป็นลายที่มีความสบายๆ อย่างลายตารางอะไรแบบนั้น

ความจริงแล้วสำหรับงานสไตล์นี้ ทีมเพื่อนเจ้าบ่าวจะใส่เป็นเอี๊ยมก็จะดูเข้ากว่า แถมน่ารักมากๆ อีกด้วย

สูท

จงวางสูทแบบทางการดำสนิทพร้อมออกงานกาลาดินเนอร์ไปได้เลย งานสไตล์นี้ความผ่อนคลายคือสิ่งสำคัญ เจ้าบ่าวอาจจะสวมแค่เสื้อแจ็คเก็ต หรือสูทลำลองสบายๆ สีสันคุมโทน ส่วนเนื้อผ้าหากเป็นผ้าเนื้อหยาบจากธรรมชาติได้ก็จะดีสุดๆ a a  a a a a a a a  a

งานแต่งโบฮีเมี่ยน

กางเกง

เจ้าบ่าวและเพื่อนๆ มีทางเลือกมากมายเลยสำหรับกางเกงที่จะใส่ในงาน ได้ตั้งแต่ ยีนส์ กางเกงสแล็ค หรือแม้แต่กางเกงขาสั้นก็สามารถใส่ในงานสไตล์โบโฮได้ แต่อันหลังนี้ต้องตกลงกับเจ้าสาวดีๆ นะ

รองเท้า

งานแต่งโบฮีเมี่ยน

เก็บรองคัชชูสีดำไว้ในตู้ได้เลย อย่างที่บอกว่าความผ่อนคลายคือจุดเด่นของงาน เพราะฉะนั้นรองเท้าหนังสีน้ำตาลคาวบอยหน่อยๆ อย่างรองเท้าสไตล์โบรกสีน้ำตาลที่ดูไม่ทางการมากนักก็เท่สุดๆ หรือจะเป็นรองเท้ารองเท้าโบ๊ทชูส์ที่ให้ความเป็นกันเองก็ดีเหมือนกัน เพราะไม่ดูทางการมากนัก แต่ก็ไม่ลำลองจนเกินไป a a a a a a  a a  a a  aa  aa a  a a a a a  a a a

งานแต่งโบฮีเมี่ยน

ง่ายๆ เท่านี้ ทั้งเจ้าบ่าวและเพื่อนเจ้าบ่าวก็เข้ากันได้ดีกับงานแต่งสไตล์โบฮีเมียมในฝันของสาวๆ แล้ว  ส่วนเจ้าบ่าวสไตล์อื่นๆ เราก็มีแนวทางการแต่งตัวให้ดูเหมือนกันนะ คลิกเลย

ภาพ pinterest

ชวนว่าที่เจ้าสาวดูแลผิวหน้าก่อนแต่งงาน ด้วย 3 ผลิตภัณฑ์ให้สวยสะพรั่งพร้อมรับวันวิวาห์

เจ้าสาวจ๋า มา ดูแลผิวหน้าก่อนแต่งงาน กันเถอะ

ในเมื่อชุดแต่งงานก็สวย เจ้าบ่าวก็หล่อ งานก็เริด แล้วจะปล่อยให้ใบหน้าตัวเองหม่นหมองได้ยังไงจริงไหมคะสาวๆ แพรวเวดดิ้งเลยจะมาชวนว่าที่เจ้าสาวมา ดูแลผิวหน้าก่อนแต่งงาน ด้วย 3 ผลิตภัณฑ์ดีๆ ที่ให้ทั้งความชุ่มชื้น ความอ่อนเยาว์ และความขาวกระจ่างใส คราวนี้ไม่ว่าจะเป็นเมกอัพสไตล์ไหนก็แต่งหน้าติดทนเอาอยู่ทุกลุคแน่นอน

 

BARA

ดูแลผิวเจ้าสาวให้สวยอ่อนเยาว์ด้วยผลิตภัณฑ์จาก บาระ (BARA) ที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากธรรมชาติ 100% อาทิ สเต็มเซลล์กุหลาบพันธุ์ดามักซ์, ข้าวสาลี, ใบบัวบก, ดอกเดซี่, ดอกสคิวลาเลีย (พืชออร์แกนิคจากเทือกเขาอัลไพน์ ที่ได้รับการรับรองจาก Nature Certification ขององค์กรจากสหรัฐอเมริกา) และสารสกัดจากธรรมชาติอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งมีคุณสมบัติครบถ้วนในการช่วยฟื้นฟู บำรุง และปกป้องผิวให้มีสุขภาพดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จนรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงอันน่าทึ่งอย่างที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน เพื่อให้เจ้าสาวพร้อมรับสำหรับวันสำคัญ

ในเซ็ตประกอบไปด้วย น้ำตบกุหลาบ ออร่า เฟเชียล เอสเซนส์ (AURA FACIAL ESSENCE), มอยเจอร์ไรเซอร์ เพอเฟคเชิน ยูท สกิน อิมัลชั่น (PERFECTION YOUTH SKIN EMULSION) และครีมกันแดด เดลี่ มอยเจอร์ไรเซอร์ ซันสกรีน (DAILY  MOISTURIZING SUNSCREEN)

และหากอยากจะพกเซตนี้ไปทริปฮันนีมูนด้วยล่ะก็ บาระ ก็มีเซตสำหรับเดินทาง (EXCLUSIVE WELCOME KIT) ซึ่งเป็นไซส์มินิขนาดพกพา ที่จะทำให้สาวๆ มีความสุขกับการดูแลผิวในทุกๆ วันตลอดทริปฮันนีมูนที่ทั้งสะดวก ใช้ง่าย และครบสูตรการดูแลผิว

สามารถหาซื้อได้แล้ววันนี้ในราคาเพียง 780 บาทที่ Castle C สาขา สยาม, แฟชั่น, เอเชียทิค และช่องทางออนไลน์  https://www.baraskincare.com/contactus, https://www.facebook.com/barathailand/  หรือ  Line: @baraskincare สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ได้ที่โทร. 098-825-6947

 

JURLIQUE NUTRI-DEFINE SUPREME

Jurlique ชวนว่าที่เจ้าสาวมาปลุกพลังผิวให้อ่อนเยาว์ในวันวิวาห์ด้วย Nutri-Define Supreme นวัตกรรมจากธรรมชาติในการต่อต้านริ้วรอยสูตรพรีเมียมที่ยกระดับให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นเพื่อให้ผิวสัมผัสได้ถึงความกระจ่างใสและเปล่งปลั่งอย่างอ่อนเยาว์อีกครั้งด้วยประสิทธิภาพของเทคโนโลยี Biosome6 ส่วนผสมจากธรรมชาติศักยภาพสูงสามารถซึมซาบเข้าสู่ผิวเพื่อช่วยต่อต้านริ้วรอยร่องลึก ซึ่งผลิตภัณฑ์พรีเมียมทั้ง 6 ชิ้นนี้มีส่วนผสมบริสุทธิ์อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์และให้ผลลัพธ์ที่เห็นผลอย่างแท้จริง

ในผลิตภัณฑ์อุดมไปด้วยสองส่วนผสมหลักคือ ดอก Spilanthes และรากของ Horseradish ซึ่งมีคุณสมบัติตามธรรมชาติช่วยในการฟื้นฟูสภาพผิว มีส่วนประกอบที่ช่วยในการทำให้ผิวเปล่งปลั่งเรียบเนียนขึ้น ซึ่งสารสกัดจากดอก Spilanthes ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้วว่าช่วยเพิ่มการผลิตคอลลาเจนชนิดสำคัญในชั้นผิว พร้อมมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ และคุณสมบัติต้านการอักเสบ จึงช่วยจัดการและฟื้นฟูความกังวลหลักๆ ทั้งเรื่องการสูญเสียความยืดหยุ่น สีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ และริ้วรอย นอกจากนี้ยังมีการผสมผสานJurliqueRadiance Blend ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Jurlique ประกอบไปด้วย กุหลาบ, Calendula, Marshmallow และ Lavender ทำให้ผิวดูกระจ่างใสและชุ่มชื้นยิ่งขึ้น

กลุ่มผลิตภัณฑ์ Nutri-Define ประกอบไปด้วยเซรั่มย้อนวัยผิว, อายทรีทเม้นท์สำหรับบำรุงรอบดวงตา, มอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้น, โฟมล้างหน้าเพื่อผิวเนียนนุ่ม และโทนเนอร์เข้มข้นสูตรน้ำนม ซึ่งทุกผลิตภัณฑ์ปราศจากซิลิโคน, ซัลเฟต, ปิโตรเคมี, PEG, พาราเบน, กลีเซอรีนสังเคราะห์, สีสังเคราะห์และน้ำหอมสังเคราะห์

สามารถหาซื้อได้แล้ววันนี้ที่ร้านตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และออนไลน์ที่ Jurlique

 

PHILOSOPHY

เติมความชุ่มชื้นให้ผิวสดใส เปล่งประกายยาวนานด้วยไฮยาลูรอนิคมอยส์เจอไรเซอร์ใหม่ล่าสุดจาก Philosophy renewed hope in a jar water cream ที่มาพร้อมนวัตกรรมเนื้อสัมผัสพิเศษ มอบความชุ่มชื้นล้ำลึกตลอดวัน อีกทั้งยังเย็น เบาสบาย ซึมซาบได้เร็ว ผลลัพธ์คือผิวสดใส เปล่งปลั่ง ฉ่ำวาวดั่งผิวกระจก

renewed hope in a jar water cream เป็นมอยส์เจอไรเซอร์เนื้อบางเบาพิเศษที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวสูงถึง 86%* ทันทีที่ใช้ ผิวจึงดูชุ่มชื้น เปล่งประกาย เสริมด้วยเทคโนโลยี cooling water formula เนื้อสัมผัสบางเบา เย็นสบาย ซึมซาบสู่ผิวได้อย่างง่ายดาย ผิวจึงดูสดใส สุขภาพดีจากภายในอย่างเป็นธรรมชาติ

อีกทั้งยังมีส่วนผสมของกรดไฮยาลูรอนพิเศษช่วยให้ผิวกักเก็บน้ำได้นานขึ้น พร้อมเติมสาร glycerol ซึ่งเป็นสารที่มีตามธรรมชาติในผิวอยู่แล้วเพื่อให้ผิวคงความชุ่มชื้นยาวนานยิ่งขึ้นไปอีก ผสานสารประกอบไฮดร้าโกลว์ที่ช่วยลดความหมองคล้ำ คืนความชุ่มชื้น ผิวดูเนียนนุ่มเปล่งประกายฉ่ำวาว ไม่ทิ้งความเหนอะหนะและความมันส่วนเกินไว้บนผิว พร้อมสารสกัดจากสับปะรด (pineapple extract) ที่มีส่วนช่วยผลัดผิวที่ตายแล้ว ปรับสภาพผิวให้ละเอียดเนียนนุ่ม และยังเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ philosophy อีกด้วย เสริมด้วยส่วนผสมจากน้ำจากน้ำแข็งขั้วโลกจากนอร์เวย์ด้วยคุณสมบัติค่า pH ที่ใกล้เคียงกับผิวตามธรรมชาติ และมีปริมาณแร่ธาตุภายในต่ำ ที่สำคัญปราศจากน้ำมันและสารกันบูดจึงอ่อนโยนเป็นพิเศษต่อทุกสภาพผิว

ผิว glass skin กำลังมา! สร้างผิวฉ่ำวาวแบบนี้ได้ง่ายๆ ด้วย 3 ขั้นตอนดังต่อไปนี้

ขั้นตอนที่ 1: สครับผิวด้วย renewed hope in a jar peeling mousse เพื่อสร้างผิวสัมผัสแบบกระจก

ขั้นตอนที่ 2: เติมความชุ่มชื้นด้วย renewed hope in a jar renewing dew concentrate เพื่อสร้างประกายผิว

ขั้นตอนที่ 3: ยกระดับความชุ่มชื้นและสร้างประกายผิวต่อเนื่องด้วย renewed hope in a jar water cream

สามารถใช้ได้ทั้งเช้าและเย็นเพื่อเติมความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างสูงสุด หรือสามารถใช้เป็น makeup primer เตรียมผิวให้พร้อมสำหรับการแต่งหน้า เพื่อผิวดูสวยอย่างสมบูรณ์แบบยาวนานตลอดวัน

TIPS & TRICKS

renewed hope in a jar water cream สามารถใช้เป็นมาสค์หน้าเพิ่มความชุ่มชื้นอย่างเร่งด่วน โดยทาไว้บนผิวเพียง 10 นาที จากนั้นนวดวนให้เนื้อครีมซึบซาบเข้าสู่ผิวโดยไม่ต้องล้างออกสัมผัสถึงความเย็นสบายผิวที่มากขึ้นไปกว่าเดิม ด้วยการเก็บ renewed hope in a jar water cream ไว้ในตู้เย็น

สามารถหาซื้อได้แล้ววันนี้กับ renewed hope in a jar water cream (60ml) ราคา 1,690 บาท วางจำหน่ายแล้วที่เคาน์เตอร์ philosophy สาขาพารากอน ดีพาร์ทเมนต์สโตร์, เซ็นทรัลาดพร้าว KIS Store, เซ็นทรัลเวิล์ด และ Sephora ทุกสาขา หรือสั่งซื้อ online ได้ที่ sephora.com และ central.co.th

ดูเรื่องราวเกี่ยวกับความสวยความงามและสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

แหวนแต่งงานสวยๆ ประดับอัญมณีล้ำค่าที่ได้รับความนิยมตลอดกาล

แหวนแต่งงานสวยๆ ประดับอัญมณีสุดล้ำค่า ความงามที่เจ้าสาวคู่ควร

แหวนแต่งงาน คือแหวนที่คู่บ่าวสาวจะต้องสวมใส่ติดนิ้วเอาไว้เพื่อแสดงสถานะ โดยเฉพาะ แหวนแต่งงานสวยๆ ของเจ้าสาวที่จะต้องพิถีพิถันในการเลือกดีไซน์และการประดับอัญมณีมากเป็นพิเศษ แพรว wedding เลยลงทุนไปขุดเหมืองเพื่อเสาะหาอัญมณีที่ไม่เคยตกยุคมาฝากสาวๆ ให้ได้เลือกช้อปไปทำเป็นแหวนแต่งงานของตัวเองกัน

แหวนประดับเพชร

แหวนแต่งงานสวยๆ

เป็นค่านิยมตลอดกาลของบรรดาเจ้าสาว และมักได้รับการพิจารณาเป็นตัวเลือกแหวนแต่งงานของคู่รักอยู่เสมอ และในช่วงปีที่ผ่านมาแหวนเพชรที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก คือ แหวนของเจ้าชายแฮร์รี่ และดัชเชสแห่งซัสเซ็ก เพราะเป็นแหวนที่เจ้าชายแฮร์รี่เป็นผู้ออกแบบด้วยพระองค์เอง โดยทรงเลือกเพชรเม็ดใหญ่เป็นอัญมณีหลักประดับอยู่ตรงกลาง ขนาบข้างด้วยเพชรในคอลเลคชั่นของเจ้าหญิงไดอาน่า พระมารดา และทรงใช้แหวนวงดังกล่าวในการประกาศข่าวการแต่งงานกับ เมแกน มาร์เคิล ในวันที่ 27 พฤศจิกายน ในปี 2017

แหวนประดับทับทิม

คือ 1 ในแหวนหมั้น 13 วงที่เดวิด แบคเฮมมอบให้กับวิคตอเรีย ภรรยาผู้เป็นที่รัก ซึ่ง วิคตอเรีย มักจะเลือกสวมแหวนทับทิมสีแดงออกงานอยู่เสมอ และหลังจากที่แหวนวงนี้ได้ออกมาอวดโฉมให้สื่อมวลชนได้เห็นและเก็บภาพอยู่บ่อยครั้ง จึงทำให้บรรดาสาวๆ หรือว่าที่เจ้าสาวทั้งหลายลุกฮือมาให้ความสนใจกับแหวนสไตล์นี้มากขึ้น จน แหวนแต่งงานประดับทับทิม กลายเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมในช่วงปลายปีที่ผ่านมา

แหวนแต่งงานประดับแซฟไฟร์

อัญมณีสีฟ้าสดใส เป็นอะไรที่ไม่เคยตกยุค และยังได้รับความนิยมสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหลังจากที่เจ้าชายวิลเลียม ทรงขอเจ้าหญิงเคทแต่งงานด้วยแหวนประดับแซฟไฟร์ของเจ้าหญิงไดอานา ก็ทำให้หญิงสาวกว่าค่อนโลกต่างให้ความสนใจกับแหวนแต่งงานสไตล์นี้กันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น บรรดาเซเลบฯ คนดังของฮอลลีวู้ด หรือแม้กระทั่งเจ้าสาวตัวจริง ก็เลือกที่จะสวมแหวนแต่งงานสไตล์นี้กันอย่างกว้างขวาง

แหวนแต่งงานประดับมอแกไนท์

อัญมณีมอแกไนท์ เป็นพลอยเนื้ออ่อน มีสีขาวอมชมพูดูน่ารัก ซึ่งเริ่มกลับมาเป็นกระแสและนิยมนำมาทำเป็นแหวนแต่งงานมากขึ้น เหมาะกับคู่รักที่อยากได้แหวนแต่งงานสีชมพู ที่ถึงแม้จะไม่ใช่สีชมพูสด แต่มอแกไนท์ก็ให้อารมณ์ชมพูแบบโรแมนติกในเฉดสีกุหลาบอ่อนๆ เสริมให้บุคลิกของผู้สวมใส่ดูอ่อนหวานละมุนมากขึ้น

แหวนแต่งงานประดับอความารีน

จุดเริ่มต้นของความนิยมในอัญมณีชนิดนี้มาจากเหล่าคนดังอย่าง เจ้าหญิงไดอาน่า, เคที่ เพอร์รี่, เคต ฮัดสัน และดาราอีกหลายต่อหลายคนที่เลือกสวมคอลเลคชั่นอความารีนมาอวดโฉมกันบนพรมแดง และยังมีดีไซเนอร์ชื่อดังอีกหลายท่านที่เลือกนำเครื่องประดับอความารีนมาให้เหล่านางแบบสวมใส่บนรันเวย์แฟชั่นโชว์ จึงทำให้อความารีนได้รับคะแนนนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ จากสาวๆ ที่หลงใหลในความละมุนของเฉดสี ที่ใส่แล้วให้ลุคดูเป็นสาวผู้ดีเรียบหรู

 

ติดตามไอเดียดีๆ และทิปส์เด็ดๆ เกี่ยวกับแหวนแต่งงานอีกเพียบที่นี่ คลิกเลย!

 

ภาพ pinterest, today.com, mystories.amoro.com, katemiddletonstyle.org

a a a a a a a a a